xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 17
ขณะที่เฮง ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและหมวยเล็ก กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารอยู่ จู่ๆ จางก็เดินเหงื่อท่วมตัวเข้ามาพร้อมกับหอบแฮ่กๆ

“อ้าว ทำไมเดินเหงื่อซ่กมาแบบนั้นล่ะเฮียจาง”
หมวยเล็กหันไปเห็นจึงร้องทัก เฮงถามต่อทันที
“เออ เกิดอะไรขึ้นวะอาจาง”
“ผมวิ่งจากบ้านมาน่ะครับ”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าสงสัย “อ้าว แล้ววิ่งมาทำไม จากบ้านมานี่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ นะ”
“จะลดความอ้วนเหรอ” ตี๋เล็กถามต่อ
จางส่ายหน้าดิก “ไม่ได้ลดครับ พอดีผมโบกรถเมล์แล้วรถเมล์ไม่จอด ผมก็เลยวิ่งตามมาเรื่อยๆ
ครับ ป้ายแล้วป้ายเล่า รู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าปากซอยแล้ว”
“แล้ววิ่งตามทำไม รอคันใหม่ก็ได้ป๊ะ?” เฮงถามอีก
“กว่าคันใหม่จะมาอีกนานสิครับ แต่ก็ดีนะครับ ประหยัดเงินไปตั้งหกบาทห้าสิบ”
ตี๋ใหญ่แกล้งทำหน้าดุ “แค่หกบาทห้าสิบ โง่จริงๆ เลย”
“อ้าว ผมโง่ตรงไหนครับคุณตี๋ใหญ่”
“ก็โง่ตรงวิ่งตามรถเมล์ไง ถ้าวิ่งตามรถแท็กซี่น่ะ ประหยัดเงินไปตั้งเท่าไหร่”
ตี๋เล็กพูดแทรกขึ้นมาทันที “อั๊วว่าประหยัดไปหกสิบเจ็ดสิบบาทอ่ะ”
“โอเคครับ พรุ่งนี้ผมจะวิ่งตามแท็กซี่..จ๊าก แล้วผมจะวิ่งทันมั้ยเนี่ย”
เฮงส่ายหน้าเซ็งๆ “ลื้อนี่ควายล้วนๆ ไม่มีวัวปนเลยสักนิด”
เฮงพูดจบ ฮงฮวยก็เดินเข้ามา
“สวัสดีทุกคน”
เฮงหันไปเห็น ก็ร้องดีใจ “เจ้”
ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและหมวยเล็กรีบยกมือไหว้ฮงฮวยพี่สาวเตี่ย ที่มีศักดิ์เป็นอาโกว
“ไปไงมาไงเนี่ยเจ้”
ฮงฮวยรีบบอก “ คิดถึงหลานๆ น่ะ ก็เลยปิดร้านมาหาเลย”
เฮงรีบหันไปสั่ง “ จาง ไปเอาน้ำมาให้เจ้อั๊วหน่อยซิ”
“เอาน้ำอะไรดีครับ”
ฮงฮวยหันไปบอก “น้ำส้วมมีมั้ย”
“เอาในถังพักหรือเอาตรงคอห่านดีครับ”
เฮงหันไปทำเสียงดุ “เจ้อั๊วไม่ใช่เสี่ยชาญ อย่ามาตะหลวก”
“ค้าบโผม”
จางพูดจบก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนที่ทุกคนจะล้อมวงนั่งคุยกันที่โต๊ะ
“แล้วร้านอาหารที่ภูเก็ตเป็นยังไงบ้างครับโกว” ตี๋ใหญ่หันมาถาม
“ก็ดี แต่โกวว่าจะขายกิจการแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะโกว ร้านโกวออกจะดัง ขายไปไม่เสียดายเหรอ” ตี๋เล็กย้อนถาม
“ก็โกวเหงานี่ ตั้งแต่ผัวตาย โกวก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ลูกก็ไม่มีกับเค้า”
หมวยเล็กรีบเสนอตัว “ไม่เป็นไรโกว ถ้าเหงาส่งตั๋วเครื่องบินพร้อมแพ็คเกจทัวร์ภูเก็ตมา เดี๋ยวหมวยบินไปหาเอง”
เฮงรีบหันไปปรามลูกสาว “ให้มันน้อยๆ หน่อย หมวยเล็ก”
ฮงฮวยทำหน้าตาจริงจัง “ตอนเดินเข้ามา เจ้เห็นบ้านข้างๆ นี่สวยดี เค้าขายมั้ย”
“โอ๊ย ไม่ขายหรอกเจ้”
ตี๋เล็กรีบพูดต่อ “ไม่ต้องถามเลยโกว เตี่ยเคยจะเช่าต่อเพื่อขยายร้าน แต่เจ้าของเค้าปล่อยให้คนอื่นเช่าตัดหน้าไปซะก่อน”
ฮงฮวยหันมาถามเฮง “ใครคือเจ้าของบ้าน”
“เสี่ยชาญน่ะเจ้”
จังหวะนั้น จางก็เดินออกมาพร้อมกับน้ำส้ม “น้ำส้วมมาแล้วค้าบ”
ฮงฮวยไม่สนใจจาง แต่พูดเชิงออกคำสั่งกับเฮง “เจ้ต้องการคุยกับเสี่ยชาญเรื่องบ้านหลังนั้น”
ตี๋ใหญ่รีบท้วง “เสียเวลาเปล่าน่ะโกว”
“โกวเหงา โกวอยากอยู่ใกล้ๆ หลาน โกวจะซื้อบ้านหลังนั้น”
เฮงหันไปสั่งจาง “จาง ลื้อไปตามเสี่ยชาญมาซิ”
จางทำหน้าเมื่อย “โห่ ผมเพิ่งวิ่งตามรถเมล์มานะครับเฮีย ยังไม่หายเพลียเลยเนี่ย เดี๋ยวเสี่ยชาญเค้าก็มากินข้าวครับ”
ฮงฮวยควักเงินยื่นให้ห้าร้อย “ฉันต้องการคุยเดี๋ยวนี้”
จางคว้าเงินหมับ “อยู่ดีๆ ก็อยากเดิน สงสัยแรงเหลือ”
จากนั้นก็เดินออกไปอย่างกระปรี้กระเปร่า
“เงินซื้อได้ทุกอย่าง รวมถึงบ้านหลังนั้นด้วย”
ฮงฮวยพูดอย่างมั่นใจ ทำเอาตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กเริ่มหนักใจ


อีกด้านหนึ่ง แก้วกัลยากำลังนั่งจับตาขวาของตัวเองอยู่ ก่อนที่ฮันนี่เดินเข้ามาจากนอกบ้าน
“โต๊ะจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะบอส”
แก้วกัลยายิ้มรับ “Good job ฮันนี่”
“ตาเป็นอะไรเหรอคะบอส”
แก้วกัลยาทำตาขยุกขยิก “มันกระตุกที่หางตาขวาน่ะ สงสัยวันนี้จะมีเรื่อง”
“โอ๊ย เชื่อไม่ได้หรอกค่ะ ที่ว่าขวาร้ายซ้ายดีน่ะ ฮันนี่กระตุกซ้ายมากี่ที ไม่เห็นจะดีเลยสักครั้ง”
ขาดคำ ชายเล็กก็เดินเข้ามา เพื่อเตรียมออกไปโรงเรียน แก้วกัลยาหันมาร้องทัก
“ไงคะลูกชาย ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลยนะคะ เสาร์ อาทิตย์นี่ก็หายตัวเลย”
“ช่วงนี้ติวหนังสือหนักน่ะครับคุณแม่”
หญิงเล็กที่เดินออกมาจากครัวพร้อมกับหญิงใหญ่หันมาแซว
“ติวหรือติด พูดให้ชัดๆ”
ชายเล็กทำหน้าทะเล้น “ติดอะไรครับเพ่ พูดให้ชัดๆ”
“ก็ติดหญิงไง ชัดแมะ”
ชายเล็กอึกอัก “ติดหญิงอะไรพี่”
หญิงใหญ่อมยิ้มขำ “อึกอัก อึกอัก พิรุธชัดๆ”
แก้วกัลยาหันขวับมาเอาเรื่องทันที “ติดหญิงที่ไหนชายเล็ก”
ชายเล็กรีบปฏิเสธ “เปล่านะครับคุณแม่ พี่หญิงเล็กกับพี่หญิงใหญ่ก็แซวไปเรื่อย”
หญิงเล็กทำหน้าล้อ “หรา ไปติวหนังสือแต่งตัวหล่ออย่างกับบอยแบนด์เกาหลี”
หญิงใหญ่เอาบ้าง “ พี่น่ะอาบน้ำร้อนกันมาก่อน คิดว่าดูไม่ออกเหรอไอ้น้อง”
ฮันนี่ทำหน้าตาตื่น “oh my god คุณชายเล็กกำลังอินเลิฟเหรอคะเนี่ย”
“กับใครชายเล็ก” แก้วกัลยาถามย้ำ
ชายเล็กอึกอักๆ พยายามหาทางแก้ตัว ก่อนจะคิดวิธีโยนความผิดออกจากตัวได้ในฉับพลันทันใด
“พี่ว่าพี่อาบน้ำกันมาก่อนใช่มั้ย”
หญิงใหญ่กับหญิงเล็กยืดอก ทำท่าแอ็คอาร์ต “ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ 2 คนก็เคยโกหกคุณแม่ว่าไปติวหนังสือ แต่ก็แอบไปหาแฟนเหมือนกับผมงั้นสิ”
2 หญิงอึ้งไป แก้วกัลยาหันขวับมองทั้งคู่
“คดีพลิก” ฮันนี่ทำหน้าทะเล้น
“จริงเหรอหญิงใหญ่” แก้วกัลยาถามย้ำ
หญิงใหญ่รีบหันไปดูนาฬิกา “สายแล้ว หนูไปทำงานก่อนนะคะ”
พูดจบก็รีบเดินออกจากบ้านไปอย่างไง แก้วกัลยาหันมาทางลูกสาวคนรอง
“ไงหญิงเล็ก”
“หนูต้มน้ำซุปไว้ ขอเข้าไปดูแพ็พนะคะ”
ขาดคำก็รีบเดินเข้าครัวไปทันที ชายเล็กหัวเราะสนุกปาก แก้วกัลยาหันขวับกลับมา
“เรื่องของเรายังไม่เคลียร์นะชายเล็ก”
“สายแล้ว ผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ”
ชายเล็กรีบเดินออกจากบ้านไปอีกคน

ฝั่งที่บ้านของเฮง
ฮงฮวยกำลังชิมอาหารฝีมือตี๋เล็ก โดยมีเฮงกับตี๋เล็กนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ฝีมือใช้ได้เลยนะเนี่ย”
ตี๋เล็กยกมือไหว้ “ขอบคุณครับอาโกว”
เฮงยืดอกภูมิใจ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอยู่แล้วเจ้”
“แต่เจ้ว่าไกลอยู่นะ”
เฮงทำหน้างง “ทำไม ฝีมืออาตี๋เล็กมันยังห่างชั้นจากอั๊วเยอะเลยเหรอ”
“ห่าง”
เฮงทำตัวพองเต็มที่ ฮงฮวยพูดต่อ
“ลูกแกทำอร่อยกว่าแกเยอะเลย”
เฮงถึงกับตัวเหี่ยวลงมาทันที ตี๋เล็กยิ้มขำ
“โอ๊ยๆ เติมลมหน่อยมั้ยเตี่ย”
“คน ไม่ใช่ยางรถ”
ระหว่างนั้น จางก็พาเสี่ยชาญเดินเข้ามา
“เบิกตัวเสี่ยชาญ”
เฮงกับตี๋เล็กส่งเสียงพร้อมกันเหมือนตอนเปาบุ้นจิ้นเบิกตัวนักโทษ
“เว่ย”
ฮงฮวยพูดต่อ “เครื่องประหารหัวสุนัข”
จางรีบรับมุกต่อ “ครับ”
เสี่ยชาญทำหน้าเซ็ง “ เฮ้ย อั๊วไม่ใช่นักท็วด”
เฮงหันไปทางอาเจ้ “อ่ะเจ้ นี่ไงเสี่ยชาญ เสี่ยชาญ นี่เจ้ฮงฮวยพี่สาวอั๊วเอง”
เสี่ยชาญยิ้มตาหยี “ซาหวักลี เห็นว่ามีธุระอะไรจะควยกับอั๊วงั้นเหรอ”
ฮงฮวยทำหน้าไม่พอใจ “อ้าวไอ้นี่ ไม่ทันไรให้ของลับกันซะแล้ว”
“อั๊วไม่ได้ให้ของลับ อั๊วหมายถึงมีอะไรจะควยกับอั๊ว”
ตี๋เล็กรีบอธิบาย “มีอะไรจะคุยน่ะโกว”
“ถูกต้อง”
เสี่ยชาญพูดชัดเจน จางพูดขัดขึ้นมา
“ถั่วต้ม”
“ถูกแล้ว ไอ้อ้วน”
ฮงฮวยหันมาคุยกับเสี่ยชาญ หน้าตาขึงขังจริงจัง
“คืออย่างนี้ ฉันสนใจจะซื้อบ้านข้างๆ อาเฮงเนี่ย คุณจะขายมั้ย”
เสี่ยชาญส่ายหน้ายิก “อั๊วไม่ขาย เรื่องนี้อั๊วบอกอาเฮงไปตั้งหลายครั้งแล้วนะ”
“อั๊วก็บอกพี่อั๊วไปแล้ว แต่พี่อั๊วอยากจะลองคุยกับลื้ออีกทีน่ะ”
เสี่ยชาญรีบบอก “อั๊วจะขายได้ยังไง อั๊วให้อาแก้วอีเช่าไปแล้ว”
ฮงฮวยไม่ยอมแพ้ “แล้วถ้าฉันจะเหมาซื้อสัญญาล่ะ”
เสี่ยชาญรีบท้วง “โห มันก็จะแพงอยู่นา”
ฮงฮวยยักไหล่ ก่อนจะหยิบเช็คเปล่ายื่นให้ “กรอกเลย”
เสี่ยชาญตาโต “นี่ให้อั๊วกรอกตัวเลขตามใจชอบ?”
ฮงฮวยส่ายหน้า “เขียนชื่ออย่างเดียว ฉันเขียนหนังสือไม่เป็น ส่วนราคาเดี๋ยวควยกัน”
“แต่ถ้าอาแก้วอีไม่ยอม อั๊วก็ขายให้ไม่ได้นะ”
ฮงฮวยพูดอย่างมั่นใจ “ฉันมีเงิน ฉันจะยื่นข้อเสนอที่ใครก็ปฏิเสธฉันไม่ลง”
ตี๋เล็กกับเตี่ย หันมองหน้ากัน ต่างคนต่างแอบหนักใจ

ภรณีและอัครเดชยืนซุ่มแอบดูที่ห้องประชุมของบริษัท หญิงใหญ่เดินผ่านมาเห็นก็สงสัย
“มีอะไรกันเหรอ”
“ท่านประธานเรียกผู้ช่วยเข้าไปคุยในห้องน่ะสิ ไม่รู้คุยเรื่องอะไรกัน”
ภรณีพูดจบ อัครเดชก็ยิงมุกต่อทันที
“แก้วๆ ตอนเดินมานี่เห็นโอมั่งมั้ย”
หญิงใหญ่รีบถาม “โอภาสเหรอ ไม่เห็นนะ”
อัครเดชส่ายหน้า “ไม่ใช่โอภาส โอกาสที่เราจะรักกันน่ะ”
ภรณีทำหน้าเซ็ง “ถุย มันใช่เวลามายิงมุกเสี่ยวมั้ยเนี่ย”
“ฉันไม่ได้มุก ฉันรักจริง”
ภรณีถอนใจแบบเอือมๆ “ก็แล้วแต่”
อัครเดชยิ้มหวานให้ แต่หญิงใหญ่กลับเฉไฉไปคุยเรื่องตี๋ใหญ่กับภรณี
“คุยกัน 2 คนเหรอแก”
ภรณีพยักหน้า “เออสิ ท่าจะเรื่องใหญ่”
หญิงใหญ่มองไปที่ห้องประชุมด้วยอารมณ์ลุ้นๆ

ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องประชุม ประธานกำลังนั่งคุยกับตี๋ใหญ่สีหน้าเคร่งเครียด
“ผมว่าผลประกอบการไตรมาสนี้ ไม่เป็นไปตามเป้าที่เราตั้งไว้นะ หรือคุณคิดว่ายังไง”
ตี๋ใหญ่พยักหน้ารับ “ผมทราบครับ แต่เท่าที่ผมดู ทุกคนก็ทำงานกันเต็มที่นะครับ”
“ผมเข้าใจว่าเศรษฐกิจของประเทศก็มีส่วนทำให้เราไม่ตามเป้าแบบนี้ แต่ในเมื่อเราจัดการกับปัจจัยภายนอกไม่ได้ เราก็ต้องจัดการกับปัจจัยภายในองค์กรเรา”
“ท่านจะทำอะไรครับ” ตี๋ใหญ่ย้อนถาม
“คุณเคยได้ยินเรื่องเคล็ดลับการทำปลาให้สดของชาวประมงญี่ปุ่นมั้ย”
“ที่ปล่อยฉลามลงไปในบ่อพักปลาน่ะเหรอครับ”
ประธานยิ้ม “ใช่ การปล่อยฉลามลงไปในบ่อพักปลาใต้ท้องเรือ จะทำให้ปลาที่จับได้ว่ายน้ำอยู่
ตลอดเวลา ปลามันจะ Alert! แล้วก็สดอยู่เสมอจนเรือเข้าถึงฝั่ง”
“สรุปท่านจะปล่อยฉลามในออฟฟิศเราใช่มั้ยครับ” ตี๋ใหญ่ถามต่อไปอีก
“ใช่ ผมว่าปล่อยฉลามให้ปลาของเราAlert กันหน่อยดีกว่า เผื่อผลประกอบการจะดีขึ้น”
“แล้วใครจะเป็นฉลามครับ”
ประธานยิ้มกริ่มอย่างมีแผนการ

แก้วกัลยาทุบโต๊ะอย่างหนักแน่นจริงจัง จนตี๋เล็ก ฮงฮวยและเสี่ยชาญพากันสะดุ้ง
“ไม่ ฉันจะเช่าบ้านหลังนี้จนครบสัญญา ใครก็มาเอาบ้านหลังนี้ไปจากฉันไม่ได้”
ฮงฮวยยิ้มหยัน “ เธอต้องการเท่าไหร่ ฉันจ่ายให้ได้นะ ฉันอยากได้บ้านหลังนี้จริงๆ”
แก้วกัลยาส่ายหน้า “เท่าไหร่ก็ไม่เอา ไม่ต้องมาเสียเวลาต่อรองกับฉัน เสี่ยพาคนของเสี่ยกลับไป
ซะเถอะ”
“ไป กลับบ้าน” เสี่ยชาญเรียกฮงฮวยเหมือนเรียกหมา
“ฉันไม่ใช่หมา”
ตี๋เล็กรีบช่วยพูด “เค้าไม่ขายก็กลับบ้านเถอะครับโกว”
“โกวรู้ว่าเค้าอยากขาย ที่ลีลาแบบนี้ก็เพื่ออัปราคา เอาอย่างนี้ อยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลย”
ฮันนี่เสนอหน้าทันที “นี่เจ๊ เงินน่ะซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอกนะ เก็บเงินของเจ๊ไว้เถอะค่ะ”
“ไม่จริง เงินซื้อได้ทุกอย่าง” ฮงฮวยพูดอย่างมั่นใจ
“แน่ใจนะคะว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง” หญิงเล็กย้อนถาม
“ฉันแน่ใจ ที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรที่ฉันอยากได้แล้วไม่ได้”
หญิงเล็กพูดท้า “แน่จริงซื้อเวลาให้หนูดูหน่อยสิคะ”
“จะเอากี่ชั่วโมงล่ะ”
แก้วกัลยาขมวดคิ้วสงสัย “นี่เธอซื้อเวลาได้จริงๆ เหรอ”
“ได้สิ ตามร้านเกม เห็นขายกันชั่วโมงละสิบยี่สิบบาท อยากได้กี่ชั่วโมงก็ไปซื้อเอา”
หญิงเล็กโต้กลับ “หนูหมายถึงเวลาแห่งความเยาว์วัยน่ะค่ะ”
ฮงฮวยทำหน้าไม่พอใจ “นี่ว่าฉันแก่เหรอ”
ตี๋เล็กรีบปราม “ไม่เอาครับโกว”
“ซื้อได้มั้ยล่ะคะ ถ้าซื้อได้หนูถึงจะเชื่อว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง”
แก้วกัลยารีบพูดสนับสนุนลูกสาว “ใช่ แล้วฉันก็จะยอมยกบ้านหลังนี้ให้”
เสี่ยชาญรีบหันไปบอกตี๋เล็ก “ไปๆ พาอาโกวลื้อกลับบ้านเถอะตี๋เล็ก”
“กลับเถอะครับโกว”
“ว่าฉันแก่ งานนี้ไม่จบแน่”
ฮงฮวยหน้าตาเอาเรื่อง ตี๋เล็กกับเสี่ยชาญต้องช่วยกันพาตัวกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้านเฮง ฮงฮวยก็นั่งลงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ไม่เคยมีใครปฏิเสธฉันอย่างนี้มาก่อน มันเป็นใครมาจากไหนเนี่ย”
ตี๋เล็กรีบอธิบาย “คนแม่ชื่อแก้วกัลยานะโกว ส่วนลูกสาวที่เห็นเมื่อกี๊ชื่อแก้วบุษบา”
เสี่ยชาญอธิบายต่อ “ลูกชายคนเล็กอีชื่อพฤกษ์ ลูกสาวคนโตชื่อแก้วกรรณิการ์ ส่วนเรื่องมาจากไหนนี่ต้องไปถามอีดู”
ฮงฮวยลุกขึ้นทันที “ได้ เดี๋ยวฉันไปถามหน่อยซิ จะบ้าเหรอ ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”
ตี๋เล็กหน้าเหรอ “อ้าว ก็เห็นโกวถามว่ามันเป็นใครมาจากไหน”
“มันเป็นคำพูดติดปากเวลาโมโห”
ฮงฮวยพูดจบ เฮงกับจางก็เดินออกมาจากบ้าน ยกอาหารไปเสิร์ฟลูกค้าก่อนจะเดินเข้ามาคุยด้วย
“อั๊วบอกแล้วว่ายังไงอีก็ไม่ขาย”
ฮงฮวยทำหน้าตาขึงขัง “ไม่ขายก็ไม่ซื้อ ไม่ง้อหรอกโว้ย”
เสี่ยชาญถอนใจโล่งอก “โอเค งั้นเรื่องก็จวบ”
ฮงฮวยส่ายหน้ารัว “ใครจวบ ฉันไม่จวบโว้ย”
“ไม่จวบแล้วไงต่อ” เสี่ยชาญย้อนถาม
“ดูหน้าฉันนี่”
ฮงฮวยจิกหน้าสื่ออารมณ์มีแผนการร้ายออกมา
“นี่โกวคิดจะกลั่นแกล้งคนบ้านนั้นเหรอครับ” ตี๋เล็กย้อนถาม
เฮงทำเป็นโลกสวย “ไม่ใช่ม้าง”
ฮงฮวยพยักหน้าหงึก “ใช่”
เฮงตกใจ “เฮ้ย ลื้อรู้ได้ไงวะตี๋เล็ก”
“หน้าตาโกวแบบนั้น คงไม่ชวนคนบ้านนั้นไปทอดผ้าป่าสามัคคีกันหรอกครับ”
จางรีบพูดสอดขึ้นมา “เนี่ย ไม่ดูละครไง ถึงไม่รู้ว่ารีแอ็กหน้าแบบไหน คนเค้าคิดยังไง ดูๆไว้บ้าง สาระความรู้ทั้งนั้น”
ฮงฮวยยิ้มร้าย “ฉันจะแกล้งคนบ้านนั้นให้หนำใจเลยคอยดูสิ”
พูดจบก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ ขึ้นมาทันที
“เป็นไรครับโกว” ตี๋เล็กถามอย่างเป็นห่วง
“อยู่ๆ ก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา”
เฮงรีบบอก “เนี่ย แก่แล้วนะเจ้ รักษาสุขภาพหน่อย ออกกำลังบ้าง”
“ไม่เอาอ่ะ เหนื่อย”
ตี๋เล็กรีบพูดเตือน “อ้าว เหนื่อยแต่สุขภาพดีนะโกว”
“โกวมีเงิน ถ้าป่วยโกวก็ให้หมอเก่งๆ รักษา ซื้อยาบำรุงดีๆ กินได้”
เสี่ยชาญทำหน้าเซ็งๆ “เอะอะใช้เงิน แน่จริงลื้อจ้างหมอทำให้ลื้ออยู่สัก 200 ปีสิ”
ฮงฮวยหันมามองค้อน “พูดมาก เดี๋ยวจ้างปาเกียวมาตบปากซัก 2 ที”
เสี่ยชาญเบือนหน้าหนีไม่อยากคุยด้วย ตี๋เล็กกับเฮงแอบหนักใจ

พนักงานทุกคนนั่งหน้าสลอนพร้อมหน้าอยู่ในห้องประชุม ก่อนที่ประธานจะเริ่มพูด
“เอาล่ะ ที่ผมเรียกพวกคุณมาก็เพื่อจะประกาศข่าวดีให้ทราบกันนะ”
ภรณียิ้มร่า “ยังไม่ปลายปีเลย ประกาศโดนัทแล้วเหรอคะ”
ตี๋ใหญ่หันมาถาม “เอาโดนัทอะไรดีล่ะ”
หญิงใหญ่ชิงตอบแทน “คริสปี้ครีม ออริจินอลค่ะ”
ประธานเผลอพยักหน้าเออออ “กินกับกาแฟดำ เข้ากั๊นเข้ากัน จะบ้าเหรอ ผมไม่ได้ประกาศโบนัส”
อัครเดชรีบเสนอหน้า “วันนี้ท่านประธานฮ้าฮา ท่าจะมีข่าวดีฝุดๆ”
ประธานพยักหน้าหงึก “ใช่ เพราะผมจะแต่งตั้งให้คุณเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายขาย”
ทั้งหญิงใหญ่ ภรณีต่างก็อึ้งไป ส่วนอัครเดชทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง
“แต่งตั้งให้ผมเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายขาย นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยครับ”
“ลุกมานี่ซิ”
อัครเดชรีบลุกไปหา ก่อนจะโดนประธานตบหน้าดังเพี้ยะ
“ฝันไปรึเปล่า ถ้าไม่ชัดจะแถมให้อีกที”
อัครเดชรีบบอก “ชัดล่ะครับ ไม่ได้ฝันไปครับผม”
“ทีมคุณจะมีภรณีกับแก้วกรรณิการ์นะ ก็ช่วยกันทำผลงานให้ดีล่ะ”
อัครเดชยืดอกยิ้มรับ “ครับบอส ผมจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่บริษัท จะไม่ให้เสียทีที่บอสไว้ใจเลือกผมเป็นหัวหน้าทีมเลยครับ”
“ดี ผมมีเรื่องกับพวกคุณแค่นี้แหละ ออกไปทำงานที่รักต่อเถอะ”
หญิงใหญ่ ภรณีและอัครเดชเดินออกจากห้องประชุมไป ตี๋ใหญ่หันกลับมาถามย้ำกับประธาน
“ท่านแน่ใจนะครับ ว่าจะให้อัครเดชเป็นหัวหน้าทีม”
“ทำไมเหรอ” ประธานย้อนถาม
“ผมว่าเค้าดูห่ามๆ ไม่ค่อยสุขุมซักเท่าไหร่น่ะครับ ถ้าถามผม แก้วกรรณิการ์น่าจะเหมาะกว่า”
“งานนี้ผมต้องการฉลามนะ ห่ามๆ ลุยๆ แบบนี้แหละ ตอบโจทย์ผม”
ประธานยิ้มกริ่มอย่างมั่นใจในแผนการของตัวเอง

พอออกจากห้องประชุม ภรณีก็เดินเข้ามาคุยกับหญิงใหญ่ที่โต๊ะ
“ฉันงงมากที่ท่านประธานให้ไอ้อัครเดชเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายขาย คิดอะไรกันอยู่นะ”
“ทำไม อัครเดชไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าทีมงั้นเหรอ” หญิงใหญ่ย้อนถาม
“ถ้าถามฉัน ฉันว่าแกเหมาะกว่าอีก”
“แต่อัครเดชอายุงานมากกว่าฉันนะ”
ภรณีรีบบอก “แต่ชั้นเชิงการทำงาน ฉันว่าแกเหนือกว่า แถมทำงานละเอียดรอบคอบกว่าด้วย”
“ท่านประธานคงดูจากอะไรหลายๆ อย่างน่ะ”
ภรณีทำท่านึก “ไม่ใช่แค่ท่านประธานคนเดียว งานนี้ผู้ช่วยก็น่าจะมีเอี่ยว เอ๊ะ หรือว่าเป็นเพราะ
บ้านแกกับบ้านผู้ช่วยไม่ถูกกัน แกก็เลยพลาดตำแหน่งนี้”
“ไม่เกี่ยวกันหรอกน่า”
หญิงใหญ่ทำปากแข็ง แต่ลึกๆ ก็แอบน้อยใจนิดๆ จังหวะนั้นอัครเดชก็เดินวางท่าเข้ามา
“นี่ บริษัทเค้าจ้างให้มาทำงานนะ ไม่ใช่ให้มาเม้าท์”
ภรณีเบะปาก “อย่ามาทำตัวเป็นกระดาษทราย คอยขัดเกลาคนอื่น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังหยาบ ตำแหน่ง
ที่ได้มาเพราะโชคช่วย ฉันไม่กลัวหรอกนะ”
หญิงใหญ่รีบห้าม “ไม่เอาน่ะณี ยังไงเราก็เป็นทีมเดียวกันนะ”
“เห็นมั้ย คนที่มีปัญหา ดูเหมือนจะมีเธอแค่คนเดียว ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ทีมมีปัญหา กลับไปทำงาน
ที่โต๊ะ”
ภรณีเดินปึงปังกลับไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับที่อัครเดชทำหน้าเหมือนป่วยหนัก
“แก้ว เรารู้สึกไม่ค่อยดีเลยอ่ะ”
“ไม่สบายเหรอ”
อัครเดชส่ายหน้า “เปล่าๆ เราไม่ได้ป่วยอะไร”
“แล้วที่ว่ารู้สึกไม่ดีน่ะเป็นอะไร”
อัครเดชยิ้มกรุ้มกริ่ม “สงสัยคงเป็นเพราะความรู้สึกดีๆ เราให้แก้วไปหมดแล้วน่ะ”
ขาดคำเสียงภรณีก็ดังแทรกขึ้นมา “จะกลับแล้วเหรอคะท่านประธาน”
อัครเดชรีบวิ่งกลับโต๊ะทำงาน ก่อนจะรู้ว่าโดนภรณีหลอก หญิงใหญ่หัวเราะขำ

ฮงฮวยยืนประกาศเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้านเฮง
“เชิญเลยค่ะ วันนี้เฮง เฮงเหลา บริการอาหารฟรี เชิญในร้านเลยนะคะ”
ชาวบ้านผ่านไปผ่านมา ได้ยินฮงฮวยประกาศเสียงดังลั่น ก็พากันเดินเข้าร้าน สวนกันกับเฮง ตี๋เล็ก และเสี่ยชาญที่พากันเดินออกมาจากบ้าน
“พี่ลื้อทำแบบนี้ไม่ถูกนะอาเฮง ลื้อต้องจัดการนะ” เสี่ยชาญหันมาบอก
“เดี๋ยวเจ้ เจ้จะทำอะไรของเจ้เนี่ย” เฮงตะโกนถาม
“ก็จะเลี้ยงข้าวชาวบ้านไง” ฮงฮวยพูดหน้าตาเฉย
“แบบนี้ก็เท่ากับแย่งลูกค้ามาอยู่ร้านเราร้านเดียวสิโกว” ตี๋เล็กไม่เห็นด้วย
“ก็ใช่ไง โกวจะสั่งสอนไอ้พวกบ้านนั้นให้สำนึกว่า เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับฮงฮวย”
เสี่ยชาญทำหน้าเซ็ง “ลื้อนี่มันหมาบ้าชัดๆ”
“ไม่อยากโดนกัดก็อยู่เฉยๆ”
ฮงฮวยไม่สนใจ หันกลับไปตะโกนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ขณะที่แก้วกัลยา หญิงเล็ก ฮันนี่เดินออกมาจากบ้านตัวเอง
“เฮ้ยๆ อะไรกันเนี่ย มาแย่งลูกค้ากันหน้าด้านๆ แบบนี้ได้ไง” แก้วกัลยาทำหน้าไม่พอใจ
ฮงฮวยเบะปาก “ใครแย่ง ชาวบ้านเค้าเดินเข้าร้านน้องฉันไปเองทุกคน”
ฮันนี่สอดขึ้นมาอีก “โอ๊ย ก็เล่นให้กินฟรีแบบนี้ ใครก็กินสิคะ”
หญิงเล็กโต้กลับ “แน่จริงแข่งกันด้วยฝีมือสิคะ อย่าใช้แผนสกปรกแบบนี้”
“หยุดเถอะโกว จะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน” ตี๋เล็กรีบปราม
“ไม่ โกวมีเงิน โกวจะทำอะไรก็เรื่องของโกว”
ขาดคำ จางก็เดินออกมาจากในร้าน
“เฮียครับ ลูกค้าสั่งอาหารกันเยอะแยะเลยครับ รีบเข้าไปทำเถอะครับ”
“ไปตี๋เล็ก รีบเข้าไปช่วยกันก่อน”
เฮงรีบเดินเข้าไปในร้าน ตี๋เล็กมองหญิงเล็กด้วยสายตาไม่สบายใจก่อนจะตามเตี่ยเข้าไป ฮันนี่ส่ายหน้า“เสียแรง ที่อุตส่าห์ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตั้งหลายครั้ง”
หญิงเล็กพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ทำแบบนี้ เปิดศึกกันอีกรอบเลยดีกว่า”
เสี่ยชาญรีบห้าม “ใจเยียนๆ นะ”
แก้วกัลยาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “ไม่ยงไม่เยียนแล้ว อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน”
พูดจบก็เดินนำหญิงเล็กและฮันนี่เข้าบ้านไป เสี่ยชาญถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เห็นมั้ยเนี่ย ทุกอย่างจะดีอยู่แล้ว ลื้อกลับมาทำให้วุ่นวายอีกแล้ว”
ฮงฮวยไม่สนใจ “ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน แกไม่ต้องยุ่ง”
เสี่ยชาญกับฮงฮวยพูดเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

อ่านต่อหน้าที่ 2


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 17 (ต่อ)
ที่ในครัว เฮงกับตี๋เล็กช่วยกันผัดกับข้าวกันอยู่ 2 คน ฝ่ายหลังทำหน้าไม่สบายใจ

“เตี่ย อั๊วว่าโกวทำแบบนี้ไม่ถูกนะ”
เฮงถอนใจเฮือก “ แล้วให้เตี่ยทำไงล่ะ ลื้อก็เห็นว่าเตี่ยน่ะห้ามแล้ว แต่โกวลื้อฟังเตี่ยที่ไหน”
ก่อนที่จางจะเดินเข้ามา “เอ้าๆ อย่ามัวคุยกัน รีบผัดเข้า ลูกค้าเร่งแล้วครับ”
“ก็ผัดอยู่เนี่ย เห็นอั๊วนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กันอยู่รึไง”
เฮงพูดพลางช่วยกันกับตี๋เล็กตักกับข้าวใส่จาน
“เอ้า ไปเสิร์ฟ”
“ครบทุกโต๊ะแล้วนะ” ตี๋เล็กถามย้ำ
“ยังครับ มีออเดอร์เพิ่มอีกนิดหน่อย”
เฮงรีบบอก “จัดมา”
จางยื่นบิลสั่งอาหารให้ปึ้งใหญ่ “นี่ครับ”
เฮงถึงกับเข่าอ่อน “เนี่ยนะนิดหน่อย”
“คิดซะว่านิดหน่อยสิครับ จะได้มีกำลังใจทำ สู้ๆ นะ”
ว่าแล้วจางก็รีบยกออกไปเสิร์ฟ ตี๋เล็กถอนหายใจ
“ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่า ร้านนั้นไม่มีคนเข้าแน่นอน แบบนี้มันไม่สู้กันแบบสร้างสรรค์เหมือนที่เคยตกลงกันไว้นะเตี่ย”
เฮงหนักใจ “โกวลื้อพอกัดใครแล้วก็เหมือนหมาพิทบูลกรามล็อก ไม่ปล่อยใครง่ายๆ หรอก”
ตี๋เล็กหน้าเครียด ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนที่ด้านหน้า ฮงฮวยยืนประกาศต่อหน้าลูกค้าที่นั่งกินอาหารอยู่เต็มร้าน
“เต็มที่เลยนะทุกคน อยากกินอะไรสั่งเลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”
เสี่ยชาญทำหน้าไม่พอใจ “นี่ ลื้อทำแบบนี้เท่ากับแกล้งร้านอาแก้วเลยนะเนี่ย”
“แกล้งอะไร ก็ฉันรวย ฉันอยากช่วยเหลือคนแถวนี้น่ะมีอะไรมั้ย”
“อยากช่วยแล้วทำไมต้องให้เกียนเฉพาะร้านนี้ แบ่งๆ ไปเกียนร้านอาแก้วบ้างก็ได้”
ฮงฮวยยักไหล่ “ ก็ร้านนี้มันร้านน้องฉัน”
“ลื้อคิดว่าเงินลื้อซื้อได้ทุกอย่างงั้นเหรอ” เสี่ยชาญย้อนถาม
“แล้วถ้าให้แกหุบปากนี่คิดเท่าไหร่”
เสี่ยชาญรีบบอก “คนอย่างอั๊วมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เงินซื้ออั๊วไม่ได้หรอกโว้ย”
จางที่ยกอาหารมาเสิร์ฟมองอย่างทึ่งๆ “โห สวดยวดไปเลยลวกเพี่ย”
“ก็แล้วแต่” ฮงฮวยไม่สนใจเสี่ยชาญ หันไปประกาศกับชาวบ้าน “พรุ่งนี้มากินกันอีกนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงอีก”
จางเอียงหน้ามากระซิบกับเสี่ยชาญ “ปล่อยแกไปเถอะครับเสี่ย ขนาดเฮียเค้ายังห้ามไม่ได้เลย”
“ก็อั๊วไม่ชอบคนใช้เงินฟาดหัวคนแบบนี้”
ฮงฮวยหันขวับมาทันที “นี่ ไอ้อ้วน”
จางทำหน้าไม่ค่อยพอใจ “ โห เจ๊ อย่าเรียกผมอ้วนได้มั้ยครับ ผมไม่ชอบ”
ฮงฮวยหยิบแบงค์ร้อยยื่นให้ จางคว้าหมับทันที ก่อนจะพูดแบบสอพลอเต็มที่
“เรียกไอ้เบาหวาน ไอ้ความดันไปเลยครับ เรียกอ้วนมันน้อยไป”
“ฉันไม่ชอบหน้าไอ้แก่นี่เลย เอามันออกไปให้พ้นหน้าฉันทีได้มั้ย”
ฮงฮวยออกคำสั่ง จางหน้าเจื่อน
“เอ่อ จะดีเหรอครับ”
เสี่ยชาญรีบบอก “คนอย่างอาจาง เงินซื้อไม่ได้หรอกนะ”
จางพยักหน้าหงึก “ครับ ถ้าไม่มากพอ”
ฮงฮวยรีบควักแบงค์ห้าร้อยให้ “แค่นี้พอมั้ย”
จางคว้าหมับ แล้วหันมาทางเสี่ยชาญ “ไอ้ชาญ กลับบ้าน”
ว่าแล้วก็รีบลากเสี่ยชาญออกจากร้านไป

บรรยากาศที่ร้านแก้วกัลยาเงียบเหงา ไม่มีลูกค้าสักโต๊ะ เจ้าของร้านนั่งลงที่เก้าอี้อย่างอ่อนแรง
หญิงเล็กรีบเดินเข้ามาปลอบแม่
“เอาไงต่อดีคะแม่”
“แม่มึนไปหมดละลูก คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้นแหละ”
ฮันนี่ทำท่าฮึกเหิม “มันจงใจแกล้งเราแบบนี้ เปิดศึกกับมันเลยมั้ยคะบอส”
“เอามั้ยคะแม่ หนูพร้อมล่ะค่ะ”
แก้วกัลยาทำหน้าเพลีย “แม่มึนคิดอะไรไม่ออกละ ลูกจัดการกันเองเลยแล้วกัน”
“โอเคค่ะ พี่ฮันนี่ เกณฑ์คนมายี่สิบ”
“อาวุธล่ะคะ”
“อาวุธครบมือ จัดหนักจัดเต็ม”
แก้วกัลยาพูดต่อ “ขอแบล็คฮอว์ค 2 ลำ รถถัง 4 คันด้วย”
“หน่วยแม่นปืนหรือสไนเปอร์ซะหน่อยมั้ยคะ” ฮันนี่ถามต่อ
“เอาไอร่อนแมน สไปเดอร์แมนแล้วก็กัปตันอเมริกามาด้วยเลย จะบ้าเหรอ ไม่ต้องพาใครมาทั้งนั้นแหละ”
หญิงเล็กทำหน้างง “อ้าว ทำไมล่ะคะแม่”
“ปล่อยมันไป อยากจะแกล้งอะไรก็แกล้งไป เดี๋ยวเวรกรรมก็สนองมันเองแหละ”
แก้วกัลยาหน้าเครียด หวังว่าเวรกรรมจะมีจริง หญิงเล็กกับฮันนี่ต่างก็ทำหน้าเซ็งตามๆ กันไป

ส่วนที่บ้านของเฮง สมาชิกทุกคนกำลังล้อมวงกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา
ตี๋ใหญ่ตักไข่เจียวเอาใจฮงฮวย “ไข่เจียวครับโกว นี่ไข่ออกแกนิกจากราชบุรีเลยนะครับ”
ฮงฮวยยิ้มรับ “ขอบใจนะหลานรัก”
“โกวครับ พรุ่งนี้โกวจะเลิกเลี้ยงอาหารชาวบ้านแล้ว ใช่มั้ยครับ” ตี๋ใหญ่เลียบๆ เคียงๆ ถาม
“ยัง โกวจะสั่งสอนไอ้พวกบ้านนั้นอีก จะสั่งสอนไปเรื่อยๆ”
หมวยเล็กรีบตักแกงเขียวหวานเอาใจบ้าง “แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายค่ะโกว”
“ปลากลายเป็นอะไรเหรอ”
หมวยเล็กทำหน้าทะเล้น “ก็กลายเป็นลูกชิ้นนี่ไง แฮ่”
ทุกคนหัวเราะ ช่วยสร้างบรรยากาศให้คึกครื้น ฮงฮวยเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“โกวเลิกแกล้งพวกบ้านนั้นเถอะนะคะ หมวยขอ”
“ไม่ โกวยังไม่หยุด จนกว่าโกวจะพอใจ”
ตี๋เล็กรีบตักต้มจืดให้ “กินแกงเขียวหวานเดี๋ยวจะเผ็ด ลองต้มจืดหน่อยครับโกว โกวครับ
แต่คนบ้านนั้น เค้าเป็นคนดีนะครับ ถ้าโกวเปิดใจ โกวก็จะสัมผัสได้”
“โกวไม่ใช่เจน ญาณทิพย์ โกวไม่สัมผัสอะไรทั้งนั้น”
เฮงตักกระเพาะปลาให้
“นี่ๆ กระเพาะปลาน้ำแดงนี่ เมนูเด็ดของร้านเลยนะ เจ้รู้มั้ย ว่าบ้านโน้นเค้าช่วยเหลืออั๊ว ตอนอั๊วเดือดร้อนตั้งหลายครั้งนะ”
ฮงฮวยทำหน้ารู้ทัน “ไม่ต้องมากล่อมเจ้ เจ้ไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอก”
ทุกคนตักอาหารใส่จานข้าวฮงฮวย ก่อนจะช่วยกันพูดกล่อม
ตี๋ใหญ่ตักไข่ให้ “โกรธเขา เราก็รู้อยู่ว่าร้อน”
ตี๋เล็กตักต้มจืดให้ต่อ “จะนั่งนอนก็เป็นทุกข์ ไม่สุขใส”
ตามด้วยเฮง ที่ตักกระเพาะปลาให้ “แล้วยังดื้อด้านโกรธ จะโทษใคร”
สุดท้ายที่หมวยเล็กตักแกงเขียวหวาน “ต้องหักใจไม่ให้โกรธ โปรดทำดู”
ฮงฮวยรีบโบกมือห้าม “พอได้แล้ว โกวหิวข้าว โกวจะกินข้าวแล้ว”
พูดพลางก้มมองจานข้าวตัวเองแล้วตกใจ เพราะมีกับข้าวปนกันมั่วไปหมด
“เฮ้ย! นี่มันข้าวคนหรือข้าวหมูวะเนี่ย”
ฮงฮวยเขี่ยข้าวในจาน แล้วทำหน้าขยะแขยง เฮงและลูกๆ มองหน้ากันอย่างอ่อนใจ ที่กล่อมฮงฮวยไม่สำเร็จ

ทางด้านหญิงใหญ่ก็กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ และรดเลยเผื่อมาที่บ้านเฮงด้วย ครู่หนึ่งตี๋ใหญ่เดินออกมา ตั้งใจมารดน้ำต้นไม้เหมือนกัน
“ดีจัง มีคนรดน้ำต้นไม้ให้ด้วย ขอบคุณนะ”
“ผลัดกัน เดี๋ยวจะหาว่าคนบ้านนี้ไม่มีน้ำใจ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้ารับ ก่อนจะถามต่อ “แล้วทำงานกับอัครเดชเป็นไงบ้าง โอเคมั้ย”
หญิงใหญ่นิ่งไปนิดหนึ่ง อารมณ์แอบน้อยใจที่ตำแหน่งไม่ขึ้น
“ทำกับใครก็โอเคทั้งนั้นแหละ สุดแล้วแต่ผู้บริหารจะพิจารณาเถอะค่ะ”
“เหรอ งั้นต่อไปผมจะลองแต่งตั้งรปภ.หน้าบริษัทมา เป็นหัวหน้าทีมฝ่ายขายดูนะ”
หญิงใหญ่สวนกลับทันที “ก็ถ้าวิสัยทัศน์มีแค่นั้นก็แล้วแต่เลย”
“โกรธเหรอ” ตี๋ใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง
“เรื่อง?”
“ก็ที่ตำแหน่งคุณไม่ขึ้น”
หญิงใหญ่ทำปากเก่ง “ ฉันไม่ใช่เด็กน้อยนะ ที่จะมามีปัญหากับเรื่องแค่นี้”
“อ๋อ จะบอกว่าตัวเองแก่แล้ว”
หญิงใหญ่ร้องโวยวาย “ว้าย ฉันบอกตอนไหน”
“อย่าชักสีหน้าเยอะสิคุณ ตีนกามาแล้วนะนั่น”
หญิงใหญ่โมโห เลยแกล้งฉีดน้ำใส่ ตี๋ใหญ่เปิดน้ำฉีดกลับไปบ้าง 2 คนฉีดน้ำใส่กันวุ่นวาย

วันถัดมา ฮงฮวยยืนเรียกลูกค้าอยู่ที่หน้าร้านเฮงเหมือนเคย
“อาหารอร่อย กินฟรี ไม่ต้องจ่ายเงิน เชิญร้านนี้เลยค่า”
เฮง ตี๋เล็กยืนดูอยู่ห่างๆ อย่างเหนื่อยใจ
“เอาไงดีเตี่ย”
“ห้ามไม่อยู่แล้วล่ะ เข้าบ้านเตรียมตัวเหนื่อยกันดีกว่า”
เฮงกับตี๋เล็กเดินกลับเข้าไปในบ้าน ฮงฮวยตะโกนต่อ
“เชิญเลยจ้า อิ่มจังตังค์อยู่ครบ เชิญร้านนี้เลย”
จังหวะนั้น บังเอิญมีคนเมายาเดินเลียบๆ เคียงๆ ผ่านมาดูลาดเลา ฮงฮวยไม่รู้ก็คุยด้วย
“กินข้าวมั้ย เชิญร้านนี้เลย ฉันเลี้ยงเอง ฉันรวยมากๆ”
ขาดคำคนเมายาตรงเข้ามาล็อกคอ พร้อมเอามีดจ่อที่เอว ฮงฮวยร้องลั่น
“ว้ายอะไรเนี่ย ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
“เงียบๆ อย่าเอะอะ ไม่งั้นแทงไส้แตกนะมึง” คนเมาพูดขู่
เฮง ตี๋เล็กและจาง รีบวิ่งออกมา
“โกว”
เฮงรีบตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย ปล่อยพี่อั๊วนะโว้ย”
“อย่าเข้ามานะ เข้ามาฉันแทงนังนี่ไส้แตกจริงๆ ด้วย”
แก้วกัลยา หญิงเล็กและฮันนี่ ได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบวิ่งออกมาจากบ้าน ชาวบ้านเริ่มมุงและหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายคลิป
ฮันนี่ทำหน้าตกใจ “ว้าย เมายาบ้าแน่เลยค่ะบอส”
ตี๋เล็กตะโกนถาม “นายต้องการอะไร”
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นแทงจริงๆ นะโว้ย”
คนเมายาจับฮงฮวยเดินไปเรื่อยๆ ทุกคนรีบเดินตาม
“บอกว่าอย่าเข้ามาไง”
ฮงฮวยตะโกนลั่น “ช่วยฉันด้วย ใครช่วยฉันได้ ฉันจะให้เงินตอบแทน อยากได้เท่าไหร่เอาไปเลย”
“บอกให้เงียบไง”
คนเมายาจับฮงฮวยเดินไปเรื่อยๆ ทุกคนก็ขยับตามกันทีละนิด
เฮงหันไปสั่งการ “ตี๋เล็ก ลื้ออยู่เฝ้าร้าน อาจาง ลื้อมากับอั๊ว”
“ครับเฮีย”
เฮงกับจางค่อยๆ เดินตามคนเมายาไปช้าๆ ฮันนี่หันมาถามแก้วกัลยา
“ตามไปมั้ยคะบอส”
“ตามไปทำไมล่ะ”
หญิงเล็กรีบบอก “ก็ตามไปเผื่อจะช่วยอะไรเค้าได้ไงคะแม่”
ตี๋เล็กได้ยิน ก็หันมองหญิงเล็กอย่างรู้สึกดี
“ใช่ค่ะ ฮันนี่เคยจับโจรกระชากกระเป๋าให้บอสมาแล้วครั้งนึง กับคนเมายาแค่นี้ สบายมากค่ะ”
แก้วกัลยาส่ายหน้า “ช่วยทำไม มันแกล้งเราขนาดนั้น สมแล้วที่เจอแบบนี้”
ตี๋เล็กหน้าเจื่อน จนหญิงเล็กก็รู้สึกเห็นใจ

ฮงฮวยโดนจับตัวมาไกลจากร้าน เฮงกับพวกชาวบ้านตามมาห่างๆ
“บอกว่าอย่าเข้ามาไงเฮ้ย อยากให้อีแก่นี่ตายเหรอ”
“ว่าฉันอีแก่ แทงฉันให้ตายเลยดีกว่า”
“ท้าเหรอ”
เฮงรีบตะโกนห้าม “เฮ้ยใจเย็นๆ อย่าทำอะไรพี่ฉันนะเว้ย”
เสี่ยชาญเดินออกมาจากบ้านตรงเข้ามาหาเฮง “เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”
“คนเมายามันจับพี่อั๊วเป็นตัวประกันน่ะสิ”
“อ้าว แล้วแจ้งตำรวจรึยัง”
คนเมายาหันขวับมาทันที “เฮ้ย ถ้าแจ้งตำรวจนังนี่ตายนะเว้ย”
“เออ ไม่ได้แจ้งหรอก” เฮงแกล้งตะโกนกลับ ก่อนจะแอบกระซิบจาง “ไง โทรแจ้งตำรวจยัง”
“โทรตั้งแต่ตอนที่เฮียบอกแล้วล่ะครับ”
“แล้วทำไมยังไม่มาอีก” เฮงทำหน้าสงสัย
“ก็ตอนโทรเหตุมันเกิดที่หน้าบ้าน ตอนนี้ย้ายมาอยู่นี่แล้ว ตำรวจคงตามมาไม่เจอน่ะครับ”
เฮงตะโกนเสียงดัง “ก็โทรไปอีกรอบสิ”
คนเมายาได้ยิน “เฮ้ย โทรหาใคร”
เสี่ยชาญรีบช่วยแก้ตัว “อ๋อ จะโทรสั่งเพี้ยดซ่า เผื่อลื้อหิวน่ะ”
“ไม่หิวโว้ย ไม่กิน”
ฮงฮวยย้อนถาม “แล้วแกต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจัดการให้”
“เอฟ16 2 ลำ เรือดำน้ำ 1 ลำ แล้วก็รถถัง 2 คัน”
“จะบ้าเหรอ ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อให้แกวะ” ฮงฮวยโวยวาย
เสี่ยชาญได้ที “อ้าว ไหนว่ารวยมากไง แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”
ฮงฮวยหันมาตะคอกกลับ “ ช่วยอะไรไม่ได้ก็เงียบไป ไอ้แก่”
คนเมายายังจับตัวฮงฮวยไว้แน่น โดยไม่มีใครกล้าช่วย


ตี๋เล็กกำลังจัดโต๊ะอยู่ที่ร้าน หญิงเล็กเดินเข้าไปหาทางด้านหลัง จนเข้าไปใกล้จะถึงตัว ทันใดนั้นตี๋เล็กหันมาง้างหมัดชก
หมัดจ่อที่หน้าหญิงเล็ก ที่หลับตาร้องลั่น จนตี๋เล็กเป็นฝ่ายตกใจ
“คุณ”
“นี่ ใจคอจะชกผู้หญิงเลยเนี่ยนะ แมนมาก แมนสุดๆ”
ตี๋เล็กหน้าจ๋อย “ก็ใครใช้ให้คุณย่องเข้ามาทางด้านหลังผมแบบนี้ล่ะ”
“ฉันไม่ได้ย่อง ก็เดินเข้ามาปกติเนี่ย”
ตี๋เล็กแอบบ่น “เดินปกติอะไร เงียบขนาดนี้”
“จะต้องให้มีวงดุริยางค์นำเข้ามามั้ยล่ะ”
ตี๋เล็กรีบบอก “เออช่างเหอะ แล้วเข้ามานี่ มีอะไรป่ะเนี่ย”
หญิงเล็กอึกอัก “ฉันไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียวน่ะ”
“อ้าว แล้วคุณหญิงแม่ไปไหนซะล่ะเบ่บี๋”
หญิงเล็กชักสีหน้า “นี่ อย่ามากวนประสาทได้มั้ย คนยิ่งกลัวๆ อยู่ หนีเสือปะตัวเห้ชัดๆ”
“จรเข้ป่ะ”
หญิงเล็กเถียงกลับ “ตัวเห้ก็หรูละมั้ง”
“ถ้าจะมากวนประสาทก็กลับบ้านไปเลยไป” ตี๋เล็กเริ่มมีน้ำโห
“ก็นายกวนประสาทฉันก่อนนี่”
ตี๋เล็กนึกรำคาญ เลยหันไปจัดโต๊ะ โดยไม่สนใจ หญิงเล็กเลยรีบบอก
“แม่ฉันตามไปช่วยป้านายน่ะ ขอฉันอยู่ที่นี่แป๊บสิ ฉันกลัว”
ตี๋เล็กทำท่าเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่า
“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น เคยได้ยินมั้ย”
“นายจะให้ฉันปั้นวัวปั้นควาย?”
“จะตรงไปไหนเนี่ย ผมให้ช่วยทำงานในร้าน”
หญิงเล็กแอบบ่น “แล้วจะอ้อมไปไหนล่ะวะ ขอกันตรงๆ ก็จบป่ะ?”
จากนั้นก็ช่วยตี๋เล็กจัดโต๊ะในร้านไป

คนเมายาเริ่มอ่อนแรง แต่ก็ยังจับตัวฮงฮวยไว้แน่น โดยไม่มีใครกล้าช่วย จังหวะนั้นแก้วกัลยากับฮันนี่ก็วิ่งเข้ามา เสี่ยชาญหันมาร้องทัก
“อ้าว อาแก้ว”
“เป็นยังไงบ้างเสี่ย ทำไมตำรวจยังไม่มาอีกเนี่ย”
เฮงรีบพูดกระซิบ “อาจางเพิ่งโทรแจ้งน่ะ เดี๋ยวก็คงมา”
ฮันนี่มองคนเมายา แล้วรีบกระซิบบอก “ท่าทางมันอ่อนเพลียลงเยอะเลยนะคะ ฮันนี่ว่าจัดการมันเลยดีกว่า”
เฮงร้องห้าม “จะบ้าเหรอ เดี๋ยวเจ้อั๊วก็โดนมันแทงน่ะสิ”
แก้วกัลยารีบบอก “นังฮันนี่มันฝีมือไม่ธรรมดานะ ถ้าไม่มั่นใจคงไม่อาสาหรอก”
จางเห็นด้วย “ท่าทางมันอ่อนแรงลงเยอะจริงๆ นะเฮีย ผมว่าโอกาสนี้แหละเหมาะ”
เสี่ยชาญทำหน้าร้อนใจ “ตำรวจก็ยังไม่มาซะที ทำอะไรได้ก็รีบทำเถอะ”
“ลื้อแน่ใจนะว่าช่วยพี่อั๊วได้” เฮงถามย้ำ
ฮันนี่พักหน้าอย่างมั่นใจ “ชัวร์ค่ะ บีลีฟ มี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู”
“งั้นทางนี้ชวนมันคุยหลอกล่อไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฮันนี่จะเข้าจัดการมันทางด้านหลัง”
ฮันนี่พูดจบ ก็รีบย่องออกจากกลุ่มไป
“แล้วเราจะเบี่ยงเบนความสนใจมันยังไงดี” เฮงหันมาถาม
“เล่นตะหลวกให้มันดูแล้วกัน” เสี่ยชาญเสนอ
จางรีบสนับสนุน “จัดไปเฮีย งานถนัดเลย”
ส่วนฮันนี่ ก็ค่อยๆ ย่องตีโอบด้านข้าง โดยที่คนเมายาไม่ทันรู้ตัว พร้อมๆ กับที่เสี่ยชาญตะโกนเสียงดัง“เฮ้ย ลื้อชอบนักร้องคนไหนมากที่สุดวะ”
จางรับมุก “อ๋อ ผมชอบเรนครับเฮีย”
“อ๋อ เรน นักร้องเกาหลี”
ฮันนี่ย่องเข้าใกล้ตัวคนเมายามากขึ้น พร้อมๆ กับที่จางส่ายหน้ายิก
“ไม่ใช่ครับ นักร้องไทยต่างหาก”
แก้วกัลยาเล่นด้วย “เรนนักร้องเกาหลีไม่ใช่เหรอ นักร้องไทยไม่ใช่ล่ะ”
“ใช่ครับ เรนที่ผมชอบคือ เรน ธนสุนทร”
เฮงรับลูกต่อ “ เรน ธนสุนทร?”
จางตบทุกสุดท้าย “ก็ฝน ธนสุนทรไง แอ๊ะแอ๋”
คนเมายาทำหน้าเซ็ง “เฮ้ย เล่นอะไรกันวะ ไม่ขำโว้ย”
พูดพลางก็ส่ายมีดไปมา เป็นโอกาสให้ฮันนี่เข้าชาร์จตัวและแย่งมีดไว้ได้ แก้วกัลยารีบตะโกนเตือน “ระวังนะฮันนี่”
ฮงฮวยหลุดออกมาได้ ก็รีบวิ่งเข้ามาหาเฮง ส่วนฮันนี่ก็ต่อสู้ จนคนเมายาจนมุม ก่อนที่ตำรวจจะขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด แล้วก็ลงจากรถมาล็อกตัวต่อไปทันที

ตี๋ใหญ่นั่งเครียดอยู่ในห้องทำงาน ครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังรัว
“เชิญครับ”
หญิงใหญ่เดินเข้ามา พอเห็นสีหน้าตี๋ใหญ่ คิดว่าเครียดเรื่องฮงฮวยที่โดนจับ ก็รีบส่งแฟ้มงานให้
“เอกสารที่คุณต้องเซ็นค่ะ”
“วางไว้ก่อนนะ เดี๋ยวผมเซ็นให้”
หญิงใหญ่รีบถามด้วยความเป็นห่วง “โกวคุณเป็นยังไงบ้าง”
ตี๋ใหญ่ตกใจ “คุณรู้?”
“หญิงเล็กโทรมาบอกน่ะ”
ตี๋ใหญ่แกล้งดราม่าหนัก ทำท่าจะร้องไห้ จนหญิงใหญ่เดินเข้าไปตบไหล่ปลอบ
“ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
“ตอนนี้ผมอึดอัดมากเลย คุณรู้มั้ย”
หญิงใหญ่พยักหน้าอย่างรับรู้ “ฉันเข้าใจ แต่คุณก็ต้องเข้มแข็งนะ”
พูดพลางโอบไหล่ปลอบ ตี๋ใหญ่ก็เนียนกอดและซบ
“ผมไม่รู้จะระบายมันออกมายังไงอ่ะ ตอนนี้ผมโคตรอึดอัดเลย”
“ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ก็บอกนะ”
“คุณพอจะมียาระบายมั้ย” ตี๋ใหญ่พูดหน้าตาย
หญิงใหญ่ทำหน้างง “จะกินยาระบายทำไม”
“ผมท้องผูก”
หญิงใหญ่หน้าเหรอ “อ้าว ไม่ได้เครียดเรื่องโกวคุณอยู่เหรอ”
“เตี่ยผมโทรมาบอกแล้ว ว่าแม่คุณกับฮันนี่ช่วยโกวผมได้”
หญิงใหญ่มองค้อน “นี่คุณหลอกฉันเหรอเนี่ย”
“หลอกอะไร ผมเครียดอยู่จริงๆ อยากจะระบาย มันก็ระบายออกมาไม่ได้ อึดอัดสุดๆ เลยเนี่ย”
หญิงใหญ่ทำหน้าเซ็ง “โว๊ะ เรารึก็เป็นห่วง”
ว่าแล้วเดินออกจากห้องไป ตี๋ใหญ่หัวเราะชอบใจ

เฮงเดินประคองฮงฮวยเข้ามาในบ้าน โดยมีจางกับเสี่ยชาญตามมาข้างๆ ส่วนแก้วกัลยากับฮันนี่เดินคู่กันมาห่างๆ
เสี่ยชาญหันมาพูดขอบคุณ “นี่ถ้าไม่ได้ลื้อ 2 คนตามไปช่วย ก็ไม่รู้เรื่องจะจบยังไงนะเนี่ย”
ฮงฮวยทำหน้านิ่งเพราะฟอร์มจัด จนเสี่ยชาญทนไม่ไหว
“ยัง ยังนิ่งอยู่อีก”
“ทำไม จะให้ฉันเต้นแร้งเต้นกาใช่มั้ย ทุกคนถึงจะพอใจ” ฮงฮวยยังวางท่า
จางส่ายหน้าเอือม “โอ้โห พี่เฮียนี่นอกจากจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ยังเข้าใจอะไรยากอีกนะเนี่ย”
แต่กลับเจอเฮงตวาดกลับ “ไม่ต้องยุ่ง พี่อั๊ว เดี๋ยวอั๊วเคลียร์เอง ขอบคุณอีซะหน่อยสิเจ้”
แก้วกัลยาเชิดหน้านิ่ง
“ไม่จำเป็น คำขอบคุณถ้าไม่ได้มาจากใจ พูดออกมา มันก็เป็นแค่ลมปาก ไม่ได้มีค่าอะไรหรอก”
ฮันนี่ยกนิ้วโป้งให้ “กดไลค์ค่ะคุณนาย”
ฮงฮวยสูดลมหายใจเข้าปอด “โอเคๆ ฉันขอบ...”
แต่ยังพูดไม่ทันจบ หญิงเล็กเดินออกมาจากบ้านเฮง มีตี๋เล็กเดินมาส่ง ตัดบทฮงฮวยที่กำลังขอบคุณแก้วกัลยาทำหน้าไม่พอใจ “หญิงเล็ก นี่ลูกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”
หญิงเล็กอึกอัก “เอ่อ ทหนูมา...”
“ไม่ต้อง..ไปเคลียร์กันที่บ้าน”
แก้วกัลยารีบพาหญิงเล็กกลับบ้านไป เสี่ยชาญทำหน้าผิดหวัง
“นั่น ไม่ต้องขอบคงขอบคุณกันล่ะ”
“ก็ฉันกำลังจะขอบคุณอยู่แล้ว ไม่ได้ยินรึไง”
“ก็มัวแต่แอ็คอาร์ตท่าเยอะอยู่นั่นแหละ เป็นเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง ฟอร์มเยอะฟอร์มแยะ วันๆ หาแต่เรื่องให้ปวดหัว เก๋าเจ้งเอ้ย”
เสี่ยชาญบ่นอุบ ตี๋เล็กรีบปราม “ ใจเย็นเสี่ย เดี๋ยวมีเรื่อง”
“อั๊วแค่บ่นเฉยๆ อั๊วไม่มีอะไรอยู่แล้ว”
“เสี่ยไม่มีแต่เหมือนเตี่ยจะมีนะ ดูสิ ยืนกำหมัดแล้ว”
เสี่ยชาญมองที่มือเฮงเห็นกำหมัดแน่น แล้วก็สะดุ้งโหยง
“ไง ด่าต่อสิ กำลังเพลินเลย”
เสี่ยชาญรีบเบือนหน้าหนี ทำเป็นชมนกชมไม้ไปตามเรื่อง

หญิงเล็กนั่งหน้าจ๋อย โดยมีแก้วกัลยามองตาขวางๆ
“ไม่มีอะไรจริงๆ แม่ หนูกลัวว่าจะมีพวกขี้ยาอีกก็เลยต้องหาคนอยู่ด้วยน่ะ”
“แล้วทำไมต้องเป็นลูกไอ้งิ้วนั่น” แก้วกัลยาย้อนถาม
“ก็บ้านอยู่ติดกันจะให้หนูไปหาเพื่อนที่ไหนล่ะคะแม่”
ฮันนี่พูดแทรกขึ้นมาทันที “ yeah ให้ไปหาหน้าปากซอยเลยมั้ยล่ะคะ”
แก้วกัลยาด่ากลับ “สาระแน”
“คุณนายจะเอาสะระแหน่มาทำอะไรคะ ทำลาบเหรอ”
หญิงเล็กรีบรับมุก “งั้นทำน้ำตกเผื่อหนูจานนะคะ”
“ได้ จะบ้าเหรอ ไม่ได้จะเอาสะระแหน่ สาระแน เสือกน่ะ ยูโน๋ว์?”
ระหว่างนั้น เฮงกับเสี่ยชาญก็พาฮงฮวยเดินเข้ามาในร้าน
“เข้ามาทำไมกันเนี่ย”
เฮงรีบบอก “อั๊วพาพี่อั้วมาขอบคุณลื้อน่ะ”
แก้วกัลยาสะบัดหน้าใส่ “ไม่จำเป็น”
“งั้นกลับ”
ฮงฮวยพูดจบ ทุกคนก็ทำท่าจะเดินออกไป ก่อนที่เสี่ยชาญจะรู้สึกตัว
“โอ๊ย เข้ามาขนาดนี้แล้วก็ปรับความเข้าใจกันสักหน่อยเถอะ จะได้จวบๆ แยกย้ายกันไป”
เฮงรีบหันมาบอกกับฮงฮวย “เร็วๆเข้า จะได้จวบๆ กันไป”
ฮงฮวยพูดอย่างจริงใจ
“เอ่อ ฉันขอบใจเธอสองคนมากนะ ที่ช่วยฉันไว้” ก่อนที่จะหันไปทางฮันนี่ “โดยเฉพาะเธอ ที่เอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงเพื่อช่วยฉัน”
พูดพลางหยิบเงินออกมานับ ฮันนี่ยิ้มรอ กะว่าได้เงินแน่
“ฉันก็ไม่รู้จะตอบแทนเธอยังไงนะ ก็มีแต่..”
แก้วกัลยารีบแย้งขึ้นมาทันที
“นี่ ถึงขนาดนี้แล้วยังคิดจะใช้เงินอีกเหรอ คนของฉัน น่ะ เงินซื้อไม่ได้หรอกนะ”
ฮันนี่หันมองขวับ แก้วกัลยาพูดต่อ
“ฉันช่วยก็เพราะอยากช่วย ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนทั้งนั้น เข้าใจตามนี้นะ”
เสี่ยชาญรีบบอก “เห็นมั้ย อาแก้วอีเป็นคนดี ลื้อเลิกตั้งแง่กับอีได้แล้ว”
ฮงฮวยพยักหน้าอย่างสำนึกผิด
“โอเค ฉันขอโทษกับทุกสิ่งที่ทำไม่ดีกับเธอไป แล้วก็ขอบคุณจากใจ ที่เธอช่วยชีวิตฉันไว้”
ฮันนี่สะอึกสะอื้น จนหญิงเล็กหันมาถาม
“ซึ้งเหรอพี่ฮันนี่”
“เสียดายไม่ได้ตังค์ ถามฮันนี่ซักนิดก็ไม่ได้นะคุณนาย”
ฮันนี่เศร้า ขณะที่ฮงฮวยยิ้มให้ แก้วกัลยายิ้มตอบแบบวางฟอร์มนิดๆ

ที่บ้านของเฮง
ทุกคนนั่งกินข้าวกันอยู่พร้อมหน้า ก่อนที่ตี๋เล็กจะหันมาบอกกับฮงฮวย
“เห็นมั้ยโกว เงินน่ะซื้อไม่ได้ทุกอย่างนะครับ โดยเฉพาะมิตรภาพ”
ตี๋ใหญ่เห็นด้วย “ใช่โกว ถ้าเงินซื้อมิตรภาพได้ เราก็ได้แค่เพื่อนกิน ไม่ ได้เพื่อนตายนะโกว”
หมวยเล็กเอาด้วยอีกคน “ ใช่ แล้วเพื่อนกินน่ะหาง่าย”
“เพื่อนตายล่ะ” เฮงถามต่อ
“เพื่อนตายก็ไปซื้อพวงหรีดสิเตี่ย”
เฮงร้องแฮ่ตบมุก ทุกคนหัวเราะกันสนุกสนาน ก่อนที่ฮงฮวยจะพูดอย่างจริงใจ
“โกวรู้แล้วว่าคนบ้านนั้นเป็นคนดีมีน้ำใจ โกวผิดไปแล้ว”
“ไว้รอบหน้ามาจากภูเก็ต เจ้ก็ซื้อของฝากมาฝากคนบ้านนั้นเค้าหน่อยแล้วกัน”
“เค้าจะไม่คิดว่าเจ้เอาเงินฟาดหัวเค้าอีกเหรอ”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “ไม่หรอกโกว ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นน้ำใจน่ะครับ”
“แต่หมวยไม่คิดมากนะ ถ้าโกวจะเอาเงินฟาดหัวหมวยซักหมื่นสองหมื่น”
ตี๋เล็กหัวเราะขำ “หมื่นสองหมื่น! ลื้อจะเอาไปเสริมอึ๋มเหรอ”
“บ้า จะเอาไปซื้อไอแพดต่างหาก ขอเตี่ยตั้งนานละ ไม่ให้ซะที”
ตี๋ใหญ่หันไปทางเตี่ย “โห นี่เตี่ยไม่รักลูกเลยนะเนี่ย”
เฮงทำหน้างง “ ไม่รักยังไงวะตี๋ใหญ่”
“เตี่ยไม่เคยได้ยินสุภาษิตไทยเหรอ รักวัวให้ผูก รักลูกไอแพด”
“หรา”
หมวยเล็กรับคำ “คร่า”
“ไม่เป็นไร เตี่ยลื้อไม่ซื้อให้ เดี๋ยวโกวซื้อให้คนละเครื่องเลย”
ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและหมวยเล็กรีบตักกับข้าวเอาใจฮงฮวย เฮงนั่งนิ่งไม่มีใครเอาใจสักคน

อ่านต่อตอนที่ 18

กำลังโหลดความคิดเห็น