xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 16
เฮงนั่งครุ่นคิดหน้าตาเคร่งเครียดอยู่คนเดียวในบ้าน ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กเดินเข้ามา เห็นเตี่ยนั่งคิ้วขมวด ก็ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“เป็นไรหรือเปล่าเตี่ย ดูเครียดๆ แต่เช้าเลย”
ตี๋เล็กพูดล้อ “ประจำเดือนไม่มาเหรอเตี่ย”
เฮง่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “ไม่มาอาทิตย์กว่าแล้ว อั๊วท้องไม่มีแม่แน่ๆ เลยตี๋เล็ก”
“ไม่เป็นไรนะเตี่ย อั๊วจะช่วยเลี้ยงน้องเอง”
ตี๋เล็กพูดพลางโผเข้ากอดเตี่ย ทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น ตี๋ใหญ่ก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่ทักแต่อย่างใด จนทั้งคู่หยุดและหันมามอง
“ไม่ขัดซะหน่อยเหรอตี๋ใหญ่” เฮงทำเป็นกระเง้ากระงอด
“นั่นดิ นั่งดูเพลินเลยนะเฮีย” ตี๋เล็กพลอยผสมโรง
“ก็ถ้าเล่นยาวกว่านี้ จะไปเวฟป็อบคอร์นมานั่งดูเลยล่ะ”
ตี๋เล็กหัวเราะขำ “เคลิ้มยาวขนาดนั้น ลงกินเนสต์บุ๊กเลยดีกว่า”
“สรุปเตี่ยเครียดอะไรครับเนี่ย” ตี๋ใหญ่วกกลับเข้าเรื่อง
“รู้สึกว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นยังไงก็ไม่รู้”
ตี๋ใหญ่ทำหน้างง “อ้าว ขาขึ้นก็ดีสิเตี่ย ร้านขายดีใช่มั้ยล่ะ”
เฮงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ขาจะขึ้นมาก่ายหน้าผากนี่แหละ”
ตี๋ใหญ่ยิ่งงงหนัก “แอ๊ะแอ๋..ทำไมอย่างนั้นล่ะเตี่ย”
“ช่วงนี้เงียบๆ น่ะสิ ขนาดเสาร์อาทิตย์ที่เคยขายดีๆ ก็เงียบเหงาซะอย่างนั้น ไม่รู้เป็นเพราะอะไร”
พอเฮงพูดถึงตรงนี้ หมวยเล็กที่แต่งตัวสวยเตรียมออกไปข้างนอกก็เดินเข้ามาพอดี
“ร้านเงียบก็หาประทัดมาจุดซักตับ 2 ตับสิเตี่ย”
เฮงลุกขึ้นทันที “สัก 3 เลยดีกว่า”
“ 3 ตับเลยเหรอเตี่ย”
“3 ตุ๊บนี่แหละ”
พูดจบเฮงก็ทำท่าจะเตะ หมวยเล็กรีบวิ่งไปหลบหลังตี๋ใหญ่ ส่วนตี๋เล็กก็หันมาปรามเตี่ย
“ใจเย็นเตี่ย เก็บแรงไว้คิดหาวิธีเรียกลูกค้าดีกว่า”
“เตี่ยคิดไว้แล้ว เตี่ยว่าจะลองจ้างผู้หญิงสวยๆ ซักคนมาเป็นผู้จัดการร้าน”
แต่ตี๋ใหญ่กลับไม่เห็นด้วย “จะดีเหรอเตี่ย ร้านเราร้านอาหารนะ ไม่ใช่ร้านเหล้า จ้างมาเปลืองเงิน
เปล่าๆน่า”
หมวยเล็กรีบเสนอตัว “ก็ไม่ต้องจ้างสิ เดี๋ยวหมวยเป็นพริตตี้ให้เอง”
เฮงส่ายหน้ายิก “ลื้อเด็กเกินไป เอาเวลาไปอ่านหนังสือโน่น”
“เอาจริงเหรอเตี่ย” ตี๋เล็กถามย้ำ
“เตี่ยอยากลองดู ถ้าได้ผลก็ทำต่อ ถ้าไม่ได้ผลก็หยุด”
เฮงพูดพลางทำท่าครุ่นคิด สีหน้าจริงจัง

ทางด้านบ้านของแก้วกัลยา ขณะที่หญิงเล็กกำลังเคี่ยวน้ำซุปอยู่ในครัว หญิงใหญ่ก็เดินเข้ามาทัก
“กุด มอร์นิ่งค่ะคุณแม่”
หญิงเล็กหันขงัยไปส่งค้อนให้พี่สาว “นี่น้องค่ะ น้อง..นี่แก่แล้วหูตาฝ้าฟางหรือว่าจะหลอกด่า ว่าน้องแก่คะเนี่ย”
หญิงใหญ่แกล้งทำหน้ากวน “แล้วแต่จะตีความ”
“งั้นพี่ก็แก่หูตาฝ้าฟางละ กินผักบุ้งบำรุงสายตาเยอะๆ นะ”
“แล้วแม่ล่ะ” หญิงใหญ่ถามเข้าเรื่อง
“แม่อาบน้ำอยู่น่ะ น้องก็เลยมาเตรียมของให้แม่ก่อน
-ขาดคำหญิงเล็ก ฮันนี่ก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“แย่แล้วค่ะแย่แล้ว”
หญิงเล็กพลอยตกใจไปด้วย “เป็นอะไรพี่ฮันนี่ ทำอย่างกับมีใครตาย”
“คุณนายค่ะ”
2 พี่น้องอุทานขึ้นมาพร้อมกัน) “คุณแม่ตาย?”
ฮันนี่เผลอตัวพยักหน้ารับ “ค่ะ เย้ย โนค่ะโน..คุณนายลื่นล้มค่ะ น็อทเด็ทค่ะ”
หญิงใหญ่แทบช็อก”คุณแม่”
จากนั้นทุกคนก็รีบวิ่งกรูออกจากครัวไป

ชายเล็กช่วยประคองแม่ลงมาจากบ้าน ขณะที่หญิงใหญ่ หญิงเล็กและฮันนี่วิ่งออกมาจากครัว
หญิงใหญ่รีบถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้างคะแม่”
แก้วกัลยาทำหน้าเหยเก “ขยับมือไม่ได้เลยลูก ปวดมากเลย”
หญิงเล็กรีรบบอก “รีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
หญิงใหญ่หันไปบอกฮันนี่ “งั้นปิดร้านเลยพี่ฮันนี่”
“ค่ะ”
แก้วกัลยารีบร้องห้าม “ไม่ต้อง เดี๋ยวหญิงใหญ่พาแม่ไปหาหมอ ส่วนที่เหลืออยู่ช่วยกันเปิดร้านนี่แหละ”
“แล้ววันนี้คุณแม่จะทำกับข้าวไหวเหรอครับ” ชายเล็กย้อนถาม
หญิงใหญ่พยักหน้าหงึก “นั่นสิคะ เจ็บขนาดนี้ หนูว่ายังไงต้องเข้าเฝือกแน่ๆ แล้วแม่จะทำกับข้าวยังไงคะ”
แก้วกัลยาหันมาทางลูกสาวคนรอง “วันนี้หญิงเล็กไม่ไปมหาลัยใช่มั้ยลูก”
“ไม่ได้ไปค่ะ”
แก้วกัลยารีบบอก “งั้นหญิงเล็กทำกับข้าวแทนแม่ ส่วนฮันนี่ก็คอยช่วยแล้วกัน”
ฮันนี่รีบรับคำ “โอเคค่ะบอส”
“ไปหญิงใหญ่ รีบไปจะได้รีบกลับ”
หญิงใหญ่รีบกุลีกุจอพาแม่ไปโรงพยาบาลทันที

เวลาผ่านไป
หญิงใหญ่พาแก้วกัลยาที่เข้าเฝือกอ่อนเดินกลับเข้าบ้าน เจอกับเสี่ยชาญที่เดินออกมาจากบ้านพอดี
“หวัดดีค่ะเสี่ย จะไปไหนคะเนี่ย”
“ก็กำลังไปเกียนข้าวที่ร้านลื้อนี่แหละ” พูดพลางเหลือบมองแขนแก้วกัลยา “แล้วแขนลื้อเป็นอะไรไปเนี่ย”
“ลื่นล้มน่ะเสี่ย”
เสี่ยชาญทำหน้าตกใจ “ไอ้หยา แล้วนี่ลื้อจะทำงานได้เหรอเนี่ย”
“ช่วงนี้ก็ให้หญิงเล็กทำไปก่อนน่ะเสี่ย”
“เหรอ แล้วอีทำเก่งแล้วใช่มั้ย” เสี่ยชาญย้อนถาม
“กับข้าวง่ายๆ ก็ทำได้น่ะเสี่ย แต่ยากๆ ก็คงยังทำไม่ได้”
เสี่ยชาญทำหน้าสงสัย “อ้าว แล้วถ้าลูกค้าสั่งกับข้าวยากๆ ล่ะ จะทำยังไง”
หญิงใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย “หนูก็กลัวอยู่เหมือนกันค่ะเสี่ย ถ้าเกิดสั่งอาหารแล้วทำให้ไม่ได้ จะเสียลูกค้าเอา”
เสี่ยชาญนิ่งคิดชั่วครู่ “ให้อาตี๋เล็กมาช่วยมั้ยล่ะ อีเป็นเพื่อนกับลูกลื้อไม่ใช่เหรอ”
แก้วกัลยารีบส่ายหน้าทันที “ไม่เอาหรอก ร้านฉันร้านอาหารไทย ไม่ใช่อาหารจีน”
หญิงใหญ่รีบค้าน “แต่เค้าเรียนด้านนี้มาโดยตรง น่าจะทำอาหารไทยได้นะคะ”
“ใช่ ให้อีมาช่วย ดีกว่าปล่อยให้เสียลูกค้านะอาแก้ว” เสี่ยชาญช่วยพูด
แก้วกัลยานิ่งไปอย่างใช้ความคิด แต่ยังไม่ตัดสินใจ

หญิงเล็กกับฮันนี่ช่วยกันยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะลูกค้า ซึ่งตอนนี้ทั้งร้านมีลูกค้าอยู่แค่โต๊ะเดียว จังหวะเดียวกับที่แก้วกัลยา , หญิงใหญ่ และเสี่ยชาญเดินเข้ามา
“แขนเป็นไงบ้างคะแม่” หญิงเล็กหันมาถาม
“แค่ข้อมือซ้นน่ะลูก”
หญิงใหญ่รีบบอก “โชคดีที่กระดูกไม่แตกไม่หัก ไม่งั้นทำกับข้าวไม่ได้เป็นเดือนๆ เลย”
ฮันนี่ทำตาโต “โห ตอนแรกฮันนี่กะว่าไม่ร้าวก็หักเลยนะคะ”
“ลื้อเป็นหมอเหรอถึงดูออก” เสี่ยชาญย้อนถาม
ฮันนี่ส่ายหน้าดิก “ดูจากวัยนี่แหละค่ะเสี่ย เค้าว่าวัยทองนี่เข้าสู่วัยกระดูกพรุนแล้วนะคะ”
แก้วกัลยามองค้อน “ปากเสียเดี๋ยวแกก็ได้พรุนด้วยหรอก”
“กระดูกเหรอคะ”
“ตัวแกนี่แหละ เดี๋ยวจะแทงให้พรุนเลย”
ฮันนี่ทำหน้าจ๋อย ขณะที่แก้วกัลยาหันมาถามหญิงเล็ก
“แล้วเป็นไงบ้างลูก ทำอาหารไม่มีอะไรติดขัดใช่มั้ย”
หญิงเล็กมองหน้าฮันนี่ พลางทำสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อย จนหญิงใหญ่อดถามไม่ได้
“ทำไม ไม่ค่อยโอเหรอหญิงเล็ก”
“มันก็โอแหละพี่หญิงใหญ่ แต่ก็มีลูกค้าออกไปบ้างน่ะ เพราะอาหารบางอย่างน้องยังทำให้ไม่ได้”
แก้วกัลยารีบพูดปลอบ “ไม่เป็นไรลูก อะไรทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ เดี๋ยวแม่สอนให้ทีหลัง”
“แบบนี้มันจะเสียลูกค้านะอาแก้ว อย่างที่อั๊วบอก ให้อาตี๋เล็กมาช่วยก่อนดีกว่า เดี๋ยวอั๊วไปคุยกับอาเฮงให้”
เสี่ยชาญเสนอตัว ทำเอาแก้วกัลยาคิดหนัก

เฮงนั่งทำหน้ากลัดกลุ้ม ครุ่นคิดหนัก โดยมีตี๋ใหญ่และตี๋เล็กนั่งใกล้ๆ ส่วนเสี่ยชาญ แก้วกัลยาและหญิงใหญ่ก็นั่งรวมกลุ่มกันอยู่อีกด้านหนึ่ง
“เอาน่ะ บ้านใกล้เรือนเคียง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันนะ อาเฮง” เสี่ยชาญพูดเกลี้ยกล่อม
ตี๋ใหญ่หันมาถาม “แล้วแขนเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่ช่วงนี้หมอไม่ให้ขยับเขยื้อนมากน่ะ”
หญิงใหญ่รีบพูดต่อ “หญิงเล็กพอทำอาหารได้ก็จริง แต่ประสบการณ์ยังน้อยน่ะค่ะ กลัวว่าจะทำไม่ไหว”
เฮงหันมาถามลูกชายคนรอง “ลื้อว่าไงตี๋เล็ก”
“อั๊วแล้วแต่เตี่ยเลย”
เฮงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ “อั๊วยอมให้ตี๋เล็กไปช่วยลื้อก็ได้”
แก้วกัลยากับหญิงใหญ่ยิ้มดีใจ เฮงพูดแทรกต่อ
“แต่...”
2 แม่ลูกหุบยิ้มทันที
“ลื้อต้องส่งอาหญิงใหญ่มาช่วยงานที่ร้านอั๊ว”
“งานอะไร” แก้วกัลยาย้อนถาม
“งานต้อนรับลูกค้า แล้วก็เชียร์อาหาร”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าไม่เห็นด้วย “ จะดีเหรอเตี่ย”
“เตี่ยอยากลองวิธีกระตุ้นยอดขายของเตี่ยน่ะ”
“ร้านลื้อไม่ใช่ร้านเหล้า ไม่ต้องมีคนเชียร์ก็ได้มั้ง” เสี่ยชาญก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน
แต่เฮงไม่ฟังเสียงท้วง “ ยื่นหมูยื่นแมว ถ้าอยากได้ตี๋เล็ก ลื้อก็ต้องส่งหญิงใหญ่มา โอเคมั้ย”
แก้วกัลยาคิดหนัก ส่วนหญิงใหญ่ก็พลอยเครียดไปด้วย

ทางด้านหญิงเล็กก็กำลังยืนเด็ดผักอยู่ในครัว ขณะที่ฮันนี่ยืนแชทโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆ“คุยกับหนุ่มที่ไหนอ่ะพี่ฮันนี่”
ฮันนี่ทำหน้าทะเล้น “หลายที่ค่ะ สนใจแบ่งๆ ไปคุยเล่นๆ สักคน 2 คนมั้ยล่ะคะ”
“โอ้โห นี่จับปลาหลายมือนะเรา หลายใจนะเนี่ย”
ฮันนี่ยิ้มภูมิใจ “ฮันนี่ไม่ได้หลายใจนะคะ ฮันนี่แค่เป็นกุลสตรีไทยที่อัธยาศัยดี”
“ค่า คุณกุลสตรีไทยอัธยาศัยดี”
หญิงเล็กพูดจบ แก้วกัลยาก็พาตี๋เล็กเดินเข้ามาพอดี
“อ่ะหญิงเล็ก แม่พาผู้ช่วยมาให้ล่ะ”
ตี๋เล็กทำหน้าทะเล้น “ง่อวว์ สวัสดีครับมาสเตอร์เชฟ”
หญิงเล็กส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ “เอามากวนประสาทหนูมากกว่ามั้งคะ”
แก้วกัลยาหันมาพูดกับตี๋เล็ก
“นี่..ฉันทำตามข้อตกลงกับเตี่ยเธอแล้วนะ ฉะนั้นตั้งใจทำงาน อย่ากวนประสาทลูกสาวฉัน แล้วก็อย่ากั๊กฝีมือด้วย”

ตี๋เล็กรีบรับคำ “ครับคุณแม่”
แก้วกัลยาแว้ดขึ้นมาทันที “ใครแม่แก เดี๋ยวเถอะๆ ไปฮันนี่ ไปช่วยฉันที่หน้าบ้าน”
“ค่ะ คุณนาย”
แก้วกัลยารีบเดินนำฮันนี่ออกไป ตี๋เล็กหันมาทำหน้ากวนใส่หญิงเล็ก
“ไงครับเชฟ มีอะไรให้ผมช่วยครับ”
“อยากทำอะไรก็ทำ”
“โอเค” ว่าแล้วตี๋เล็กก็แกล้งนั่งผิวปากเล่น
หญิงเล็กมองค้อน “นี่ ฉันหมายถึงทำงาน ไม่ได้มานั่งผิวปากแบบนี้”
“โอเค งั้นน้องดูพี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่โซโล่เอง”
ตี๋เล็กพูดจบ ก็หยิบแตงกวามาหั่นโชว์อย่างมืออาชีพ ขณะที่สายตาก็จ้องหญิงเล็กไม่วางตา
“มัวแต่มองหน้าฉัน เดี๋ยวนิ้วก็หายหรอก”
ขาดคำ ตี๋เล็กก็ร้องเสียงหลง “โอ๊ย ๆๆๆ”
หญิงเล็กตกใจ “มีดบาดเหรอ”
ตี๋เล็กยักคิ้วแผล่บ “หวายโดนหลอก”
ว่าแล้วก็หัวเราะขำ หญิงเล็กได้แต่กัดฟัน พยายามระงับอารมณ์เต็มที่

ตี๋ใหญ่กับจางช่วยกันยกกับข้าวมาเสิร์ฟให้เสี่ยชาญ
“ได้แล้วครับเสี่ย” จางรีบบอก
“วางเลยๆ”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าล้อๆ “วางเลยจะหกนะเสี่ย”
“ลื้ออย่ามาตะหลวกสิ คนกำลังหิว ไม่มีอารมณ์ฮาด้วยหรอกนะ”
ตี๋ใหญ่แอบอมยิ้ม ก่อนจะช่วยกันกับจางวางกับข้าวลงบนโต๊ะ
“เตี่ยลื้อล่ะ” เสี่ยชาญหันมาถาม
”เตี่ยหาชุดให้พนักงานต้อนรับคนใหม่ใส่อยู่น่ะครับ”
“โอ้โห ไปตั้งนานแล้ว นี่จะส่งลูกสาวอาแก้วไปประกวดมิสไชนีสยูนิเวิร์สเลยรึไง”
จางรีบสอดขึ้นมาทันที “ผมว่าหาชุดให้ไม่ได้มากกว่าเสี่ย อยู่ๆ ก็ให้ลูกสาวบ้านโน้นมาเป็นพริตตี้”
ตี๋ใหญ่ทำตาขวาง “พนักงานต้อนรับ”
“ครับ ให้มาเป็นพนักงานต้อนรับ แถมให้ใส่ชุดจีนอีก จะไปหาที่ไหนทัน”
ขาดคำ เฮงก็เดินออกมา จางหันมาเห็นก็พูดขึ้นมาอีก
“นั่นไงออกมาแล้ว เป็นยังไงบ้างครับเฮีย”
เฮงหันกลับไปเรียกหญิงใหญ่ “เอ้า ออกมาสิ จะทำมั้ยงานน่ะ”
หญิงใหญ่ในชุดจีนของแม่ตี๋ใหญ่เดินกระมิดกระเมี้ยนออกมา แต่ก็ทำเอาตี๋ใหญ่ถึงกับตะลึงงัน เสี่ยชาญกับจางก็ตะลึงไม่แพ้กัน
“ไอ้หยา งามหยาดเยิ้มเลยเว้ยเฮ้ย” เสี่ยชาญตาวาว
“นี่มันชุดม้าใช่มั้ยเตี่ย” ตี๋ใหญ่หันมาถาม
จางสอดขึ้นมาอีก “นี่มันชุดคนไม่ใช่เหรอครับ ชุดม้าตรงไหน”
“ชุดม้าหมายถึงชุด” ตี๋ใหญ่จงใจกระแทกเสียงคำว่าแม่ “แม่น่ะ จบนะ”
จางหน้าจ๋อย “จบครับ”
“โชคดีที่แม่ลื้อกับนังหนูนี่ไซส์เดียวกัน อั๊วก็เลยเปิดกรุออกมาให้ใส่”
เฮงพูดพลางรีบยื่นเมนูส่งให้หญิงใหญ่
“อ่ะนี่ เดี๋ยวเอาเมนูร้านไปศึกษากับอาตี๋ใหญ่ ลูกค้าถามจะได้แนะนำอาหารได้”
“ค่ะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มยั่ว “เชิญครับม้า”
“ฉันไม่ใช่...” หญิงใหญ่กระแทกเสียงคำว่าแม่ “แม่คุณ จบนะ”
จากนั้นก็เดินไปศึกษาเมนู ตี๋ใหญ่ตามไปแนะนำ เสี่ยชาญมองตาม
“แหม ว่าไปคู่นี้มันก็ดูเหมาะสมกันอยู่นะ”
เฮงรีบหันมาทำเสียงดุ “เกียนๆไป อย่าพูดมาก”

แก้วกัลยากับฮันนี่เดินทักทายลูกค้าตามโต๊ะ ตอนนี้มีลูกค้านั่งอยู่เต็มร้านแล้ว
“อาหารรสชาติเป็นยังไงบ้างคะ”
“สุดยอดครับ ที่ร้านเปลี่ยนแม่ครัวใหม่เหรอ”
แก้วกัลยารีบพยักหน้าเออออ “เอ่อ ค่ะๆ พอดีลองให้ลูกสาวโชว์ฝีมือดูน่ะค่ะ”
ฮันนี่ทำหน้าทะเล้น “หรา”
แก้วกัลยาหันมามองค้อน พร้อมกับกัดฟันพูด “หุบปากนังฮันนี่” ก่อนจะหันมายิ้มหวานกับลูกค้า “ตามสบายนะคะ”
ฮันนี่มองไปรอบๆ ร้าน “โห ลูกค้าชมกันเยอะเลยนะคะคุณนาย”
แก้วกัลยายิ้มแป้น ดีใจ “ลูกค้าเต็มร้านแบบนี้ทุกวันก็คงจะดีสินะ”
“โอ๊ย อยากให้ลูกค้าเต็มร้านแบบวันนี้ง่ายนิดเดียวค่ะ”
“ทำไงๆ” แก้วกัลยาย้อนถาม
“เอาปังตอมานะคะ แล้วก็ Cut your hand ทิ้งไปค่ะ พอทำอาหารไม่ได้ ก็ให้ลูกเฮียเฮงมาช่วยทุกวันเลย”
แก้วกัลยาแกล้งทำเป็นพยักหน้ารับ “เออๆ ไปเอาปังตอมาเร็ว”
ฮันนี่หน้าเหรอ “เฮ้ย ฮันนี่มุกนะคะ คุณนายจะสับมือตัวเองทิ้งจริงๆ เหรอ”
“สับปากแกนี่แหละ นี่แกว่าฝีมือฉันสู้ไอ้เด็กนั่นไม่ได้เหรอ”
ฮันนี่ส่ายหน้ารัว “ป เปล่าค่ะ บอกแล้วว่าฮันนี่เล่นมุก Just kidding ค่ะ ยูโน๋ว์”
แก้วกัลยามองด้วยสายตาเคืองๆ ทำเอาฮันนี่หน้าจ๋อย

ส่วนที่ในครัว ตี๋เล็กกำลังตักน้ำพริกกะปิออกจากครก ขณะที่หญิงเล็กที่ทำหน้างอ กำลังจัดผักกับปลาทูใส่จาน อารมณ์เหมือนเหม็นขี้หน้าฝ่ายแรก
ตี๋เล็กหันมาเห็นก็แกล้งถาม “นี่ครอบครัวคุณเป็นคนแม่กลองรึเปล่าเนี่ย”
“ทำไม”
“ก็เห็นหน้างออย่างกับปลาทูแม่กลอง เลยคิดว่าใช่ นี่ ทำอาหารแล้วหน้างอ อาหารไม่อร่อยนะคุณ”
หญิงเล็กมองค้อน “ก็กวนประสาทแบบนี้ ใครจะยิ้มได้ล่ะ”
ขาดคำ ฮันนี่ก็เดินเข้ามา “น้ำพริกกะปิได้รึยังคะ ลูกค้าเร่งมาแล้วค่า”
“เสร็จพอดีเลย นี่ค่ะพี่ฮันนี่” หญิงเล็กรีบยื่นชุดน้ำพริกกะปิให้
“ลูกค้าชมว่าอาหารอร่อยมากเลยนะคะ”
หญิงเล็กยิ้มรับ “ขอบคุณค่า”
ตี๋เล็กทำหน้าทะเล้น “ลูกค้าน่าจะชมผมป๊ะ”
หญิงเล็กเบ้ปาก “ค่ะ ฝีมือนายทุกจานแหละ ฉันมันแค่คนเด็ดผักนี่”
“ฝากขอบคุณลูกค้าด้วยนะครับ”
“โอเคค่า”
ฮันนี่รับคำ แล้วรีบยกออกไปเสิร์ฟ ส่วนตี๋เล็กก็เริ่มตำน้ำพริกถ้วยใหม่ หญิงเล็กมองด้วยความทึ่ง เพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำอาหารไทยได้
“แปลกใจใช่มั้ยที่ผมทำอาหารไทยได้”
หญิงเล็กพยักหน้ารับ “ก็แปลกใจนะ ใครสอนนายเหรอ”
“แม่น่ะ”
“แม่นายเก่งอาหารไทยเหรอ” หญิงเล็กย้อนถาม
“ใช่ แม่เป็นครูคนแรกที่สอนผมทำอาหาร แล้วก็ทำให้ผมรักและจริงจังในการทำอาหารมาตลอด”
“เหรอ แล้วตอนนี้แม่นายอยู่ไหนล่ะ ได้เจอกันบ้างรึเปล่า”
ตี๋เล็กซึมลงทันที “แม่เสียไปนานแล้ว”
หญิงเล็กหน้าเจื่อน “เฮ้ย ฉันขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก”
ตี๋เล็กพูดพลางก้มหน้าก้มตาตำน้ำพริกต่อไปด้วยอารมณ์เศร้าๆ พลอยให้หญิงเล็กทั้งสงสารและรู้สึกผิดที่พูดถึงแม่ตี๋เล็ก

ในเวลาเดียวกันที่ร้านของเฮง หญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่กำลังช่วยกันต้อนรับลูกค้าอยู่ โดยมีจางเดินตาม พร้อมกับใข้โทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปขณะทั้งคู่เดินทักทายลูกค้าตามโต๊ะ
“เอ้า ถ่ายรูปกันหน่อยครับผม”
ตี๋ใหญ่ทำหน้างง “ถ่ายทำไมเนี่ย”
“โปรโมตร้านไงครับ ตอนนี้คุณตี๋เล็กให้ผมเป็นแอดมิดแฟนเพจร้านแล้ว”
ตี๋ใหญ่หัวเราะขำ “แอดมิดนี่เบาหวานขึ้นรึไง เค้าเรียกแอดมิน”
จางหน้าเหวอ “อ้าวเหรอครับ งั้นถ่ายต่อดีกว่าครับ”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่เดินมาที่โต๊ะลูกค้าชายแก่คนหนึ่ง จางกุลีกุจอเดินตามมาถ่ายรูปให้
“ยืนชิดๆ กันนิดครับ”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่ยืนชิดกันตามที่จางบอก ก่อนที่เฮงจะเดินออกมา
ลูกค้าหันมายิ้มทัก “ยินดีด้วยนะอาเฮง”
เฮงทำหน้างงว่ายินดีเรื่องอะไร ส่วนลูกค้าก็หันไปอวยพรหญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่
“ลุงขอถือโอกาสอันเป็นมงคลนี้ อันเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยอันศักดิ์สิทธิ์”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่พนมมือรับพร
“ได้โปรดดลบันดาลให้บ่าวสาวทั้งสอง จงประสบแต่ความสุขสดชื่น หอมหวนทุกทิวาราตรีกาล ตราบชั่วฟ้าดินสลายนะ”
ตี๋ใหญ่-หญิงใหญ่พูดพร้อมกัน “สาธุ..เย้ย”
เฮงรีบอธิบายเสียงหลง “ไม่ใช่ 2 คนนี้ไม่ได้เป็นผัวเมียกัน”
ลูกค้าหน้าเหรอ “อ้าว ก็เห็นเดินถ่ายรูปตามโต๊ะอย่างกับงานแต่งงาน”
จางรีบบอก “ผมถ่ายโปรโมตร้านน่ะครับ”
ตี๋ใหญ่หันไปทำหน้าทะเล้นใส่หญิงใหญ่ “ครับ คนนี้ม้าผมครับ ไม่ใช่เมีย”
หญิงใหญ่มองค้อน “นี่ ถ้าล้อฉันเป็นแม่คุณอีกที ฉันกลับบ้านจริงๆ นะ”
“ครับแม่ เอ้ย เมีย เอ้ย ให้เรียกอะไรดีล่ะ”
หญิงใหญ่หลุดปากสบถออกมา “บ้า”
ตี๋ใหญ่ตกใจ “ห๊ะ ให้เรียกอีบ้า”
หญิงใหญ่หงุดหงิด รีบเดินกลับเข้าบ้านไป ตี๋ใหญ่เดินตามเข้าไปง้อ จางมองตามแล้วอมยิ้มขำ
“แหม เอะอะเข้าหอ เอะอะเข้าหอ แบบนี้ล่ะลูกดก”
เฮงส่ายหน้าเอือมๆ “เป็นพวกมโน ชอบจิ้นว่างั้น”
จางพยักหน้ารับ “ครับ ไอนสไตน์กล่าวไว้ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้”
“ได้ จัดให้ จะเอากี่โนดีล่ะ”
เฮงพูดจบ ก็ไล่เขกหัวจางไปทั่วร้าน

หมวยเล็กที่เดินเคียงกันมากับชายเล็ก หยิบกระปุกออมสินออกมาจากถุงกระดาษที่ถืออยู่
“เป็นไง ชอบป่าว” ชายเล็กทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“น่ารักดี แล้วนึกไงถึงซื้อกระปุกอออมสินให้เนี่ย”
“ก็จะได้ไว้หยอดกระปุก แล้วเอาออกมาเลี้ยงข้าวเรามื้อหน้าไง”
“หรา”
ชายเล็กยิ้มหวาน “ ล้อเล่น กระปุกออมสินน่ะมีไว้หยอดตังค์ แต่คิดถึงจัง มีไว้หยอดเธอนะ”
หมวยเล็กหน้าระเรื่อ “บ้า” ว่าแล้วก็ผลักชายเล็กกระเด็นไป
จังหวะนั้น เสี่ยชาญก็ปั่นจักรยานออกมาจากบ้านพอดี
“เฮ้ย”
ก่อนจะรีบหักหลบชายเล็ก จนจักรยานเสียหลักพุ่งไปชนต้นไม้ หมวยเล็กร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ
“เสี่ย”
ทั้งคู่รีบวิ่งไปช่วย
“เป็นไงบ้างเสี่ย” ชายเล็กถามด้วยความเป็นห่วง
“เจียบสิถามได้”
หมวยเล็กหน้าเจื่อน “หมวยขอท้วด หมวยไม่ได้ตั้งใจ”
“อั๊วไม่เป็นไรมากหรอก แหม แต่งตัวสวยหล่อกันทั้งคู่เลยนะ เที่ยวไหนกันมาล่ะ”
ชายเล็กรีบปฏิเสธ “เที่ยวอะไรล่ะเสี่ย ไปติวหนังสือกันมา”
“สาบาน”
“ถ้าโกหก ให้บ้านไฟไหม้เลย”
เสี่ยชาญเผลอพยักหน้ารับ “โอเค อั๊วเชื่อ..เฮ้ย บ้านลื้อมันก็บ้านอั๊วนี่หว่า”
หมวยเล็กกับชายเล็กหัวเราะขำ
“ขำๆ..เดี๋ยวอั๊วจะฟ้องเตี่ยกับแม่ลื้อว่า ลื้อ 2 คนแอบไปเที่ยวด้วยกัน”
“เสี่ยอยากเปิดศึกรอบใหม่ก็เอาสิ”
หมวยเล็กพูดขู่ เสี่ยชาญหน้าจ๋อย

อ่านต่อหน้าที่ 2


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 16  (ต่อ)
แก้วกัลยาเดินนำฮันนี่เข้ามาในบ้าน ขณะที่ตี๋เล็กเดินออกมาจากครัวเพื่อจะกลับบ้านพอดี

“จะกลับแล้วเหรอ”
แก้วกัลยาถามขึ้นมา ตี๋เล็กรับคำ
“ครับ”
แก้วกัลยานิ่งไป ใจจริงจะพูดขอบคุณแต่ปากยังหนัก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ฮันนี่สาระแนขึ้นมาทันที “คุณนายจะ Thank you น่ะ แต่แกแอ็คอาร์ต”
แก้วกัลยาหันไปค้อนขวับ “นังฮันนี่”
ฮันนี่ถึงกับจ๋อย แก้วกัลยาหันมาทางตี๋เล็ก
“ขอบใจนะที่มาช่วย”
ตี๋เล็กยิ้มจริงใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ยังไงพรุ่งนี้ผมมาช่วยอีกนะครับ”
พูดจบก็รีบเดินออกไป ฮันนี่มองตามด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
“จะว่าไปคนบ้านโน้น เค้าก็มีสปิริตนะคะคุณนาย”
แก้วกัลยายิ้มไม่พูดอะไร แต่ในใจเริ่มรู้สึกดีกับคนบ้านเฮงมากขึ้น จนเมื่อเห็นหญิงใหญ่ในชุดจีนเดินเข้ามา ก็ทำหน้าตกใจ
“อะไรเนี่ย ใครให้ลูกแต่งตัวแบบนี้น่ะ”
“เถ้าแก่เฮงน่ะค่ะ ทำไมเหรอคะแม่”
“แล้วทำไมต้องแต่งชุดจีนเป็นอาซิ้มแบบนี้ล่ะ” แก้วกัลยาย้อนถาม
“อาหมวยดีกว่ามั้ยคะ ซิ้มแก่ไป”
“นั่นแหละ ทำไมต้องจับลูกแต่งตัวแบบนี้ด้วย เห็นลูกแม่เป็นตุ๊กตารึไงเนี่ย”
ฮันนี่รีบเสนอหน้า “ก็ร้านเค้าเป็นร้านอาหารจีน ก็ต้องแต่งตามธีมสิคะคุณนาย”
หญิงใหญ่พยักหน้าหงึก “ใช่ค่ะ แบบนี้ก็สวยดีนะคะ”
แก้วกัลยาทำปากเบ้
“แต่แม่ไม่ชอบ ไอ้เฮงนะไอ้เฮง กล้าดียังไงมาแปลงโฉมลูกฉันแบบนี้ ไปเลยรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด แม่รับไม่ได้”
ขาดคำก็รีบพาหญิงใหญ่เดินขึ้นบ้านไป

ตี๋เล็กยืดเส้นยืดสายอยู่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งหญิงเล็กก็เดินถือถุงใส่น้ำเต้าหู้เข้ามา
“เสร็จงานแล้วเหรอ”
“เสร็จล่ะ มีอะไรให้รับใช้อีกมั้ยล่ะ”
หญิงเล็กนิ่งไปครู่หนึ่ง อยากจะยื่นน้ำเต้าหู้ให้แต่ยังฟอร์มจัด
“ไม่มีอะไร งั้นผมเข้าบ้านล่ะนะ”
ตี๋เล็กพูดจบก็รีบทำท่าจะเดินเข้าบ้านไป หญิงเล็กรีบเรียกไว้
“เดี๋ยว”
จากนั้นก็เอื้อมมือข้างที่ถือถุงน้ำเต้าหู้ไปจับแขนตี๋เล็ก จนถุงน้ำเต้าหู้โดนแขนอีกฝ่ายจังๆ
“โอ๊ย” ตี๋เล็กร้องเสียงหลง “อะไรของคุณเนี่ย”
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เป็นอะไรมากป่าว”
หญิงเล็กพูดจบก็รีบเข้าไปดูแขนตี๋เล็ก 2 คนมองสบตากัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะตื่นจากภวังค์ก่อน แล้วรีบยื่นน้ำเต้าหู้ให้
“อ่ะ ฉันซื้อมาฝาก”
ตี๋เล็กทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ซื้อมาฝาก?”
“ถือเป็นการขอบคุณที่มาช่วยงานบ้านฉันน่ะ”
ตี๋เล็กรับถุงน้ำเต้าหู้มา “โอเค ขอบคุณนะ”
หญิงเล็กพูดต่อ “แล้วก็ถือเป็นการขอโทษนายด้วย”
“เรื่อง?”
“ก็ที่พูดถึงแม่นายเมื่อตอนกลางวันน่ะ ฉันเห็นนายซึมๆ ก็เลยอยากขอโทษ”
ตี๋เล็กยิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอก เราโอเค”
“นายโอเค ฉันก็สบายใจ เข้าบ้านเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
ตี๋เล็กนิ่งไปนิด “พูดแบบนี้นี่เป็นห่วงรึเปล่า”
หญิงเล็กอึกอักื“เอ่อ กลัวพรุ่งนี้ไม่มีคนช่วยงานน่ะ นายไม่เข้า ฉันเข้าก่อนละกัน บาย”
พูดเสร็จก็รีบเดินเข้าบ้านไป ตี๋เล็กยิ้ม เริ่มรู้สึกดีกับอีกฝ่ายขึ้นมาบ้างแล้ว

เฮงกับหมวยเล็กเดินเข้ามาในบ้าน เห็นตี๋เล็กนั่งมองถุงน้ำเต้าหู้แล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว
“เฮ้ย พี่ลื้อเป็นอะไรวะหมวย”
“เคลิ้มๆ เพ้อๆ แบบนี้ เมากาวมั้งเตี่ย”
เฮงตกใจ “เฮ้ย ตี๋เล็ก ลื้อดมกาวเหรอ”
ตี๋เล็กสะดุ้งจากภวังค์ ทำหน้างงๆ “มีอะไรเหรอเตี่ย”
“ก็อั๊วเห็นลื้อนั่งยิ้มกับถุงน้ำเต้าหู้เนี่ย ลื้อเมากาวรึไง”
“ครับเตี่ย งั้นอั๊วดึงดาวแพ็พ”
หมวยเล็กรีบบอก “ดึงให้หมวยดวงนึงสิ”
“เอาดาวอะไร”
หมวยเล็กทำหน้าทะเล้น “ดาว มยุรี”
ตี๋เล็กลุกขึ้นมาร้องเต้นส่ายสะโพกไปมา “มีเมียแล้วไม่เอา เป็นเมียหลวงไม่เอา เป็นเมียน้อยไม่เอา”
เฮงทำเสียงเข้ม “พอแล้ว มันใช่เวลามาฮามั้ย”
“สรุปเมาอะไรถึงได้นั่งยิ้มกับถุงน้ำเต้าหู้น่ะเฮีย” หมวยเล็กถามย้ำ
“เมาอะไรล่ะ ทำงานทั้งวัน เหนื่อยจะแย่”
หมวยเล็กลอยหน้าลอยตา “แต่ก็ได้น้ำเต้าหู้เป็นแรงใจ ใครให้มาน้า”
ตี๋เล็กรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเป็นไงบ้างเตี่ย มีสาวๆ มาเชียร์อาหารนี่ เวิร์กมั้ย”
“ก็ยังไม่เห็นผลเท่าไหร่นะ ไว้รอดูพรุ่งนี้อีกวันนึง”
หมวยเล็กแซวอย่างรู้ทันพี่ชาย “รีบเปลี่ยนเรื่องเชียะ”
ตี๋เล็กทำเสียงกระแอม หมวยเล็กรีบถามต่อทันที
“กระโถนมะ”
ตี๋เล็กกลืนน้ำลายเอื๊อก “ไม่ต้อง ขอบใจ”
จากนั้นก็รีบลุกเดินออกไปพร้อมถุงน้ำเต้าหู้ หมวยเล็กมองตาม แล้วพูดไล่หลัง
“น้ำเต้าหู้ไว้กินนะเฮีย อย่าเอาไปกอดล่ะ”
เฮงทำหน้างง “พูดอะไรของลื้อวะหมวยเล็ก”
“เตี่ยอยากรู้เหรอ”
เฮงพยักหน้าหงึก “อยากสิ”
“เอาหูมานี่สิ”
เฮงรีบยื่นหูไปใกล้ๆ หมวยเล็กทำเหมือนจะกระซิบ แต่แล้วก็แกล้งแฮ่ใส่หูเตี่ย
“หมวยเล็ก กล้าแกล้งเตี่ยเหรอ”
“ฝันดีนะเตี่ย”
หมวยเล็กทำหน้าทะเล้น แล้วรีบเดินหนีไป ทิ้งให้เฮงนั่งหูอื้ออยู่คนเดียว

เช้าวันรุ่งขึ้น
แก้วกัลยา หญิงเล็ก และฮันนี่ กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอยู่หน้าบ้าน ตี๋เล็กเดินเข้ามาพร้อมกับถุงใส่ชุดให้
หญิงใหญ่
“สวัสดีครับคุณแม่”
แก้วกัลยาเท้วเอวทำหน้าไม่พอใจ ตี๋เล็กหน้าเจื่อน รีบเรียกใหม่
“เอ้ย คุณแก้ว”
“ถ้าเรียกแม่อีก จะเอาตะหลิวตีปากให้แตกเลย”
“แหม ก็มันติดปากนี่ครับ แม่เพื่อนผมทุกคน ผมก็เรียกแม่หมดแหละ”
พูดพลางรีบยื่นถุงให้หญิงเล็ก
“อะไร”
“เตี่ยฝากชุดมาให้พี่คุณใส่วันนี้น่ะ”
แก้วกัลยาแว้ดขึ้นมาทันที
“นี่ เห็นลูกฉันเป็นตุ๊กตาบาร์บี้รึไง นึกอยากให้ใส่อะไรก็ให้ใส่”
“แต่นี่ไม่ใช่ชุดไก่กาอาราเร่นะครับ”
แก้วกัลยามองค้อน “ไม่ใช่ชุดไก่กาอาราเร่แล้วชุดอะไร ชุดเซร่ามูนเหรอ”
ฮันนี่พูดสอดขึ้นมาทันที “หรือว่าชุดตุ๊กตาไบลด์..น่ารวั๊กอ่ะ”
“ชุดแม่ผมครับ”
แก้วกัลยากับฮันนี่เงียบกริบ หญิงเล็กถึงกับอึ้งไป หญิงใหญ่เดินออกมา เห็นทุกคนยืนเงียบๆ ก็ทำหน้างง
“ยืนไว้อาลัยให้ใครอยู่เหรอคะ”
“ไว้อาลัยให้มุกแป๊กๆ นิดหน่อยน่ะ อ่ะนี่ ชุดของพี่”
หญิงเล็กรีบส่งถุงใส่ชุดให้หญิงใหญ่ ก่อนจะพยายามพูดเพื่อให้ตี๋เล็กรู้สึกดีขึ้น
“ชุดซ้วยสวยเนอะ เห็นแล้วอยากใส่บ้างจัง”
แก้วกัลยาพลอยเออออ “นั่นสิ ชุดเมื่อวานก็สวย ลูกแม่ใส่ออกมาแล้วดี๊ดี”
ฮันนี่รีบเอียงหน้าไปกระซิบ “ไม่ทันแล้วมั้งคะคุณนาย”
แก้วกัลยากระซิบตอบ “เออน่ะ ให้รู้สึกดีขึ้นนิดนึงก็ยังดี”
จังหวะนั้น ภรณีก็เดินเข้ามาสมทบ
“ไฮ เอฟเวอรี่ บอดี้”
แก้วกัลยามองภรณีอย่างรู้สึกคุ้นๆ “ยัยณีรึเปล่าเนี่ย”
“ถูกต้องค่ะ หนูณีเอง”
หญิงใหญ่รีบอธิบาย “หนูชวนณีมาช่วยต้อนรับลูกค้าน่ะค่ะ”
ภรณีมองตี๋เล็ก แล้วทำตากรุ้มกริ่ม “ใครอ่า”
หญิงใหญ่รีบแนะนำ “น้องชายผู้ช่วยไง”
ภรณีหันไปยิ้มหวานใส่ “สวัสดีค่ะ ผู้ช่วยนี่หล่อลามมาถึงน้องเลยนะคะ สงสัยจะเป็นโรคติดต่อ”
“สวัสดีครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปในครัวเลยนะครับ”
พูดจบ ตี๋เล็กก็เดินเข้าบ้านไป แก้วกัลยาหันมาพูดทักภรณี
“เจอครั้งก่อนเห็นผมยาว มารอบนี้ตัดผมสั้นซะแล้ว”
หญิงเล็กรีบถามต่อ “อกหักเหรอพี่ณี”
ฮันนี่สอดขึ้นมาอีก “อกหักนี่ต้องตัดผมกันทุกคนเลยเหรอคะ ฮันนี่สงสัยมานานล่ะ”
ภรณียิ้มแป้น “ก็ cut my hair เผื่อเธอจะ care my heart น่ะค่ะ”
หญิงใหญ่ยิ้มขำเพื่อน “แล้วตอนนี้มีคนแคร์รึยังคะ”
“ก็ยังไม่มีใครมาแคร์ค่ะ แฮ่”
“ไป ช่วยฉันทำงานได้แล้ว”
หญิงใหญ่พูดแล้วก็รีบเดินนำกับภรณีออกจากบ้านไป

หญิงใหญ่กับภรณีในชุดจีนเดินทักทายลูกค้าในร้าน ส่วนตี๋ใหญ่กับจาง ก็ช่วยกันยกอาหารออกมาเสิร์ฟ
ภรณีหันไปเห็น ก็ทำตาวาว
“โอ้โห ระดับผู้ช่วย ต้องมาเสิร์ฟอาหารเองเลยเหรอคะ”
“ทำกับข้าวไม่เป็น ก็ต้องเป็นเด็กเสิร์ฟนี่แหละ”
จางทำหน้าทะเล้น “แหม อย่างกับอยู่ในงานมอเตอร์โชว์เลยนะครับ”
ภรณียิ้มภูมิใจ “แน่นอน ฉันเนี่ยพริตตี้เก่านะยะ”
“พริตตี้ขายยากันยุง?”
“จะเอาแบบขดหรือว่าแบบกลิ่นอโรม่าดีล่ะ ถุย ฉันเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ย่ะ”
ภรณีพูดจบ อัครเดชเดินเข้ามาพอดี
“ไฮ..เอฟเวอรี่ บอดี้”
ภรณีทำหน้าเซ็ง “เฮ้ย นี่สะบัดโซ่ขาดมาได้ไงเนี่ย”
“อ๋อ พอดีหิวมากก็เลยสะบัดหลุดมาได้ นี่ ฉันไม่ใช่หมา เดี๋ยวปั๊ดฉี่ใส่เลย”
อัครเดชพูดพลางยกขาทำท่าหมาฉี่ใส่ภรณี
“มาทำอะไรที่นี่เนี่ย” หญิงใหญ่หันมาถาม
“ก็มากินข้าวไง ตอนแรกว่าจะกินร้านแก้ว แต่แม่บอกว่า แก้วมาช่วยงานที่นี่ ก็เลยตามเสียงของหัวใจมา”

พอหันไปเห็นเฮงเดินออกมาจากบ้าน ก็รีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับ จำผมได้มั้ยเอ่ย”
“จำได้สิ มาครั้งแรก ร้านอั๊วก็มีเรื่อง มาวันนี้ไม่รู้จะมีอะไรอีกรึเปล่า”
“ไม่มีแน่นอนครับ วันนี้ผมก้าวเท้าขวาออกจากบ้าน”
ขาดคำ วัยรุ่น 2 คน ก็เดินเข้ามาในร้าน ต่างถือขวดชาเขียวเข้ามาคนละขวด
“อาจาง เอาเมนูไปให้ลูกค้า” เฮงหันไปตะโกนสั่ง
“ครับ”
“ส่วนหนู 2 คน ไปเชียร์อาหาร”
“ค่ะ”
“แล้วผมล่ะครับ”
อัครเดชหันมาถาม ตี๋ใหญ่สวนกลับทันที
“ไปที่ชอบที่ชอบ”
“ห๊ะ”
ตี๋ใหญ่พูดต่อ “ชอบโต๊ะไหน ก็นั่งโต๊ะนั้นไง คิดอะไรเนี่ย”
อัครเดชรีบเดินไปหาโต๊ะนั่ง เฮงหันมาพูดกับตี๋ใหญ่
“รู้สึกวันนี้ลูกค้าหน้าใหม่ๆ เยอะเหมือนกันนะ แสดงว่าไอเดียของเตี่ยน่าจะเวิร์ก”
ตี๋ใหญ่มองไปที่โต๊ะวัยรุ่น 2 คนที่สั่งอาหารไป มองหญิงใหญ่สายตากระลิ้มกระเหลี่ยไป อย่างไม่ค่อยสบายใจ ขณะที่เฮงยิ้มกริ่มอย่างพอใจ

ทางด้านในครัวของร้านแก้วกัลยา ตี๋เล็กนั่งหลับตาฟังเสียงหญิงเล็กที่กำลังตำน้ำพริกอยู่ด้วยจังหวะตำที่ไม่สม่ำเสมอ
“พอๆ”
หญิงเล็กหน้าเหรอ “ทำไมอ่ะ”
“ยายตำหมากยังตำมันกว่าคุณอีกมั้ง”
“โห แรง”
ตี๋เล็กรีบคว้าสากมาตำโชว์ “โบราณท่านว่า เวลาจะหาสาวทำเมีย เค้าให้ฟังเสียงโขลกน้ำพริกนะ แต่โขลกอย่างคุณเนี่ย ถ้าเป็นสมัยก่อนขายไม่ออกชัวร์”
แก้วกัลยาเดินนำฮันนี่เข้ามาได้ยินพอดี
“ถึงขายออก ฉันก็ไม่ขายให้ใครง่ายๆ หรอกย่ะ”
ตี๋เล็กสะดุ้งตกใจ “อุ้ย”
“ลูกสาวฉัน ฉันเลี้ยงดูได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแล”
ฮันนี่รีบส่งบิลอาหารให้ตี๋เล็ก “ออเดอร์ค่ะ”
แก้วกัลยาพูดต่อ “โดยเฉพาะแก ขาอ่อนลูกสาวฉันก็ไม่มีโอกาสได้เห็น”
ตี๋เล็กทำหน้ากรุ้มกริ่ม “โอ๊ย..เห็นออกบ่อย”
หญิงเล็กตกใจ “เฮ้ย”
แก้วกัลยาย้อนถามเสียงหลง “เห็นตอนไหนยะ”
“ก็เห็นที่มหาลัยน่ะครับ กระโปรงสั้นเสมอหูอย่างกับใบหนาด”
หญิงเล็กมองค้อน “ใบเตยป่ะ”
“อย่างคุณใบหนาดก็โอเคล้าว”
หญิงเล็กโวยวายเสียงดัง “นาย”
แก้วกัลยารีบโบกมือห้าม “พอๆ มัวแต่ต่อปากต่อคำ ลูกค้าไม่ได้กินกันพอดี รีบๆ ทำเข้า”
พูดแล้วก็เดินนำฮันนี่ออกไป ตี๋เล็กตำน้ำพริกต่อ แต่บังเอิญเผลอทำพริกกระเด็นเข้าตา
“โอ๊ย”
หญิงเล็กตกใจ “ อะไรอีกล่ะ”
“พริกเข้าตาอ่ะดิ โอ๊ย”
หญิงเล็กทำหน้ารำคาญ “มาๆ ฉันช่วยดูให้”
ว่าแล้วก็เขยิบเข้าไปช่วยเขี่ยพริกออกให้ 2 คนมองตากันเคลิ้ม จนหญิงเล็กนึกเอะใจ
“แสบตาอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมจ้องตาฉันได้เนี่ย”
ตี๋เล็กอ้ำอึ้ง อึกอักๆ
“หลอกฉันเหรอ”
ว่าแล้วก็เอานิ้วปาดน้ำพริกในครกจะป้ายตา แต่กลับถูกตี๋เล็กจับมือยื้อกันไปมา

ฟากที่ร้านเฮง วัยรุ่นทั้งสองเมาได้ที่ กำลังแหกปากร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ตี๋ใหญ่ หญิงใหญ่ ภรณี ยืนดูอยู่ที่โต๊ะอัครเดช
หญิงใหญ่ทำหน้าสงสัย “นี่เค้าเมาชาเขียวกันเหรอ”
“หรือว่าเมายา” ภรณีย้อนถาม “เพราะฉันไม่เห็นจะมีเหล้าเลยนะ”
“ในขวดชาเขียวน่าจะเป็นเหล้าน่ะ” ตี๋ใหญ่เดา
เฮงกับจางเดินออกมาจากบ้าน ตรงเข้าไปหา 2 วัยรุ่น
“เฮ้ยๆๆ อะไรกันวะ..นี่ร้านอาหารนะ ไม่ใช่ร้านคาราโอเกะ เบาๆ กันหน่อยครับ”
จางรีบผลักเฮงเข้าหา 2 วัยรุ่น “ไม่เอาเฮีย อย่ามีเรื่อง ใจเย็นไว้เฮีย”
เฮงหันไปทำตาดุใส่ “แล้วจะผลักทำห่าอะไรล่ะ จะมีเรื่องก็ตรงนี้แหละ”
ตี๋ใหญ่ หญิงใหญ่ ภรณี และอัครเดชตามไปสมทบกับเฮง
วัยรุ่นคนแรกโวยวายเสียงดัง “สั่งอาหารหน่อยครับ”
จางรีบถาม “สั่งอะไรดีครับ”
วัยรุ่นผลักจางกระเด็น “อย่าเสือกไอ้อ้วน กูจะสั่งกับน้องผู้หญิง”
วัยรุ่นอีกคนทำหน้าตาหื่นใส่ “ตับหวานจานนึงจ้ะน้องสาว”
แล้วทั้งคู่ก็ร้องขึ้นมาพร้อมกัน “ตับ ตับ ตับ ตับ..ฮิ้ว”
ตี๋ใหญ่รีบเข้ามาปราม “คุณเมาแบบนี้ ผมว่ากลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ”
วัยรุ่นคนแรกหันขวับไปทันที “เสือกอะไรด้วยไอ้หน้าแหลม”
อัครเดชพูดสอดขึ้นมา “แหม ไอ้หน้าหล่อ หน้าแก 2 คนรวมกัน ยังเทียบไม่ได้กับตาตุ่มเค้าเลยมั้ง”
“อ้าวไอ้นี่ไ
ขาดคำวัยรุ่นคนหลังก็ปรี่เข้าชกอัครเดช ก่อนที่คนแรกจะตามมาซ้ำ ลูกค้าคนอื่นตกใจ รีบลุกหนีออกจากร้าน
ตี๋ใหญ่กับจางไปช่วยอัครเดช หญิงใหญ่กับภรณีก็เงอะๆ งะๆทำอะไรไม่ถูก เฮงถอนหายใจเฮือก
“มีเรื่องอีกแล้ว ไหนมึงว่าก้าวเท้าขวาออกมาจากบ้านไงวะ”

เฮงนั่งกุมขมับ หน้าตาเครียด ตี๋ใหญ่ หญิงใหญ่ ภรณี นั่งเงียบ อัครเดชที่หน้าบวมช้ำรีบยกมือไหว้
“ผมขอโทษครับ มารอบหน้าผมจะลองก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้านดูนะครับ”
ภรณีส่ายหน้าเซ็ง “นี่แกยังคิดจะมาอีกเหรอ”
“ก็ลองดู เผื่อก้าวซ้ายแล้วจะเฮง”
“ครั้งก่อน ลื้อก็ก้าวเท้าซ้ายป่ะ” เฮงหันมาย้อนถาม
“อ๋อ..งั้นครั้งหน้าผมกระโดดออกจากบ้านแล้วกันครับ ออก 2 ขาคู่ รับรองเฮง 2 เด้ง”
“ซวย 2 เด้งน่ะสิ ไม่ต้องมาเลยนะ”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “ไม่หรอกเตี่ย เป็นคราวเคราะห์ของเรามากกว่า”
ขาดคำ จางก็เดินนำแก้วกัลยาเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่”
แก้วกัลยาหันขวับไปเอาเรื่องเฮงทันที “นี่ปล่อยให้ลูกค้ามาเมาในร้านได้ไงเนี่ย”
“อั๊วไม่ได้ปล่อย พวกมันแอบเอาใส่ขวดชาเขียวเข้ามา”
ตี๋ใหญ่รีบช่วยพูด “ครับ พอรู้ตัวอีกที มันก็เมาเรื้อนกันแล้ว”
“ช่างเถอะค่ะแม่ ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว”
แก้วกัลยารีบออกคำสั่ง “ งั้นก็กลับบ้าน ไม่ต้องทำแล้ว”
เฮงสวนกลับทันที “อ้าว งั้นก็เอาตี๋เล็กมาคืนอั๊วสิ”
“ฉันยังมารับลูกฉันกลับเองเลย ถ้าอยากเอาลูกคืน ก็ไปรับมาเอง”
แก้วกัลยาพูดจบก็รีบพาหญิงใหญ่กลับบ้านไป ภรณีกับอัครเดชลุกตามออกไปด้วย
“เอาไงต่อดีครับเฮีย” จางหันมาถาม
“ไปตามตี๋เล็กกลับบ้าน แล้วก็เก็บโต๊ะปิดร้านเลย”
จางรีบเดินออกไป เฮงหน้าเครียดๆ ส่วนตี๋ใหญ่ได้แต่นั่งนิ่ง

ทางด้านหญิงเล็ก ก็กำลังนั่งเหม่ออยู่คนเดียว นึกถึงตอนทำอาหารกับตี๋เล็ก แล้วก็เผลออมยิ้มโดยไม่รู้ตัว
จังหวะนั้นแก้วกัลยากับหญิงใหญ่ก็เดินเข้ามา
“หญิงเล็กเป็นอะไรอ่ะ”
หญิงใหญ่รีบเอียงหน้าไปกระซิบ แก้วกัลยาพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะแกล้งตะโกนเสียงดัง
“ไฟไหม้ ไฟไหม้”
หญิงเล็กสะดุ้งตกใจ วิ่งตะโกนไปรอบบ้าน
“ช่วยด้วยค่ะ ไฟไหม้ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ชายเล็กกับฮันนี่วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“ไฟไหม้ที่ไหนครับคุณแม่”
แก้วกัลยากับหญิงใหญ่หัวเราะขำกัน 2 คน หญิงเล็กหายตกใจ ฮันนี่หันมองคนนั้นทีคนนี้ที
“นี่ just kidding กันเหรอคะเนี่ย”
หญิงเล็กทำหน้างอน “เล่นอะไรกันคะเนี่ย ตวดอวดตวดใจหมด”
แก้วกัลยายังไม่หยุดขำ “ก็เห็นนั่งเหม่ออมยิ้มอยู่คนเดียว ก็เลยอยากรู้ว่าสติ สตางค์น่ะเตลิดไปถึงไหน”
หญิงใหญยิ้มล้อๆ “คิดถึงใครอยู่หรา”
“คิดเรื่องเรียนน่ะพี่หญิงใหญ่ ไม่มีอะไรหรอก”
ชายเล็กทำหน้าไม่เชื่อ “โห..วิชาอะไรอ่ะพี่หญิงเล็ก คิดถึงแล้วยิ้มได้ด้วย”
“เออน่ะ รู้ไป ก็ยังไม่ได้เรียนหรอก จะรู้ไปทำไม”
“นั่นแนะ มีอารมณ์นิดๆ แบบนี้แสดงว่า...”
ชายเล็กยังไม่เลิกล้อ หญิงเล็กหันไปมองค้อน
“แหม พ่อใสสะอาด พ่อไม่มีชนักติดหลัง เอามั้ยล่ะ มาสะกิดกันคนละแผล”
ชายเล็กรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เอ้อ แล้วพี่หญิงใหญ่ต้องไปเป็นคน เชียร์อาหารให้บ้านโน้นอีกหรือเปล่าเนี่ย”
ฮันนี่ทำหน้างง “เอ่อ เปลี่ยนเรื่องเร็วมาก ฮันนี่เรียกมอไซค์รับจ้างแพ็พนะคะ ฮันนี่ตามไม่ทัน”
“เรื่องพี่หญิงใหญ่น่าสนกว่าเยอะ ว่าไงครับแม่ ผมเนี่ยห่วงพี่หญิงใหญ่สุดๆ กลัวว่าจะต้องไปเป็นพริตตี้เชียร์อาหารให้กับคนบ้านนั้นอีก”
แก้วกัลยารีบบอกลูกชาย
“หญิงใหญ่ไม่ต้องไปทำงานร้านนั้นแล้วล่ะ ส่วนหญิงเล็ก เดี๋ยวแม่จะคอยแนะนำเวลาทำอาหารเอง
ไอ้ตี๋นั่นไม่ต้องมาล่ะ”
“ค่ะแม่”
หญิงเล็กรับคำยิ้มๆ ไม่แสดงพิรุธอะไร ขณะที่ชายเล็กก็ยังคอยจ้องจับผิดอยู่

เฮงนั่งเซ็งอยู่คนเดียว ครู่ใหญ่ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและหมวยเล็ก ก็ช่วยกันยกกับข้าวมาวาง
“กินข้าวเตี่ย อย่าเครียดๆ”
เฮงนิ่ง เหมือนไม่มีอารมณ์จะกิน ตี๋ใหญ่รีบพูดปลอบ
“เอาน่าเตี่ย เดี๋ยวอั๊วจัดนางแบบเพลย์บอย แม็กซิม แล้วก็ FHM มาเป็นผู้จัดการร้านให้ รับรอง...”
ตี๋เล็กรีบพูดแทรก “ลูกค้าแน่น”
เฮงยิ่งทำหน้าเซ็ง “ ตีกันเละน่ะสิ”
“ อ้าว ไม่สนใจเอาสาวๆ มาเชียร์อาหารแล้วเหรอเตี่ย” หมวยเล็กย้อนถาม
“ไม่เอาแล้ว พอ”
ตี๋ใหญ่พยายามพูดปลอบ “ เตี่ย ที่ลูกค้าเงียบๆ เป็นเพราะเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ค่อยดีมากกว่า”
ตี๋เล็กพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ร้านเราจุดขายอยู่ที่อาหารนะเตี่ย คนจะเข้ามาก เข้าน้อยมันอยู่ที่เชฟ”
หมวยเล็กพูดขึ้นมาบ้าง “ งั้นถ้าอยากเรียกลูกค้า ก็จ้างเชฟกระทะเหล็กมาสิเตี่ย”
“จ้างทำไมให้เปลืองเงิน ที่มีอยู่ก็สุดยอดอยู่แล้ว”
“ใช่ เชฟกระทะเหล็กหรือจะสู้เชฟกระทะหล่อ”
เฮงแอ็กท่าหล่อ เพราะคิดว่าตี๋ใหญ่ชมตัวเอง
“อั๊วหมายถึงตี๋เล็กนะเตี่ย”
เฮงทรุด ทำหน้าบูดหน้าเบี้ยว หมวยเล็กทำท่าโอ๋
“โอ๋ๆ ไม่ต้องเสียใจนะเตี่ย ถึงเตี่ยจะไม่หล่อเหมือนโดม แต่เรื่องหน้าโทรม เตี่ยไม่แพ้ใครเลยนะ”
“ขอบใจ”
ตี๋เล็กหันมาชวนกินข้าว “ กินเถอะๆ กับข้าวเย็นหมดแล้ว”
หมวยเล็กรีบตักกับข้าวเอาใจเตี่ย เฮงและลูกๆ นั่งกินข้าวกันยิ้มแย้มมีความสุข

อ่านต่อตอนที่ 17

กำลังโหลดความคิดเห็น