ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 31 อวสาน
ค่ำนั้น บริเวณลานกว้างในค่ายมวย ถูกจัดงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองชัยชนะของทีมนักร้องศ.อรชร ตั้งโต๊ะอาหารตรงกลางลาน ทุกคนยิ้มแย้มสดใส บรรยากาศชื่นมื่น เฮฮาสนุกสนาน
“ชัยชนะในการประกวดครั้งนี้ ชั้นต้องขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของน้าอรเป็นอย่างสูงเลยนะจ๊ะ ถ้าไม่ได้น้าอร เราก็คงไม่ได้หางเครื่องเท่ๆ กับนักร้องสวยๆ มาช่วยให้เราชนะการประกวด”
พริมค้อนประหลับประเหลือก
“พวกเธอได้เงินกลับไปไถ่บ้านชั้นก็ดีใจ เห็นว่าระหกระเหเร่ร่อนกันมานาน ก็จะได้กลับมาอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ทำมาหากินกันซะที”
สำเริงเหล่อรชร “แล้วถ้าชั้นกลับมาตั้งตัวได้แล้ว ขั้นต่อไปชั้นก็จะได้สร้างครอบครัวที่มั่นคงซักทีนะจ๊ะ”
“จะสร้างก็สร้างไปสิ จะมองชั้นทำไม”
“อ้าว ก็ชั้นสร้างคนเดียวได้ที่ไหนเล่า ก็ต้องมาขอแม่อร ให้ไปร่วมสร้างครอบครัวกับชั้น แล้วคณะ ศ.อรชร กับคณะลิเกเพชรสำเริงก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไงจ๊ะ”
ทุกคนโฮ้ฮิ้วหุยฮา อชรแก้เขิน ด้วยการฟาดสำเริงป๊าบๆ
“ดีเหมือนกันจ้ะ ชั้นก็จะได้คบกับขนุนแบบเปิดเผยซะที”
รักษ์ โอบไหล่ขนุน ขนุนเขิน บิดไปมา
“แอร๊ย ขนุน แกนำหน้าชั้นไปแล้วเหรอเนี่ย ชั้นไม่ยอมนะ” เอื้อยกรี๊ดแล้ววิ่งไปกอดลูกดอก “ลูกดอกเรามารักกันเถอะ ชั้นทนไม่ไหวแล้ว”
แฉะเข้าไปกอดเอื้อย “เอื้อย รักกับชั้นดีกว่า ไอ้ลูกดอกมันยังเด็กอยู่”
แต่ถูกเอื้อยสะบัดออก
“แอร๊ย ทำไมทุกคนมีคู่กันหมดเลย แล้วชั้นล่ะ” จริยามองนักมวยตาเป็นมัน “มีน้องๆคนไหนสนใจพี่จริยาบ้างจ๊ะ”
จริยาเข้าไปกอดเด่น แคน ต่างคนต่างเกี่ยงกัน
ทุกคนหัวเราะขำจริยา และหัวเราะขำคู่เอื้อยกะแฉะ
ระหว่างที่ทุกคนชุลมุน เพชรจับมือพริมดึงออกมา
“เฮ้ย จะไปไหน”
เพชรดึงพริมออกมาคุยกัน พริมหงุดหงิดนิดๆ
“คุยกันตรงนั้นก็ได้ จะดึงออกมาทำไมเนี่ย”
“ก็อยากคุยกัน สองต่อสอง อ่ะ”
“คุยเรื่องอะไร ทำไมต้องสองต่อสอง”
“ก็มันเป็นเรื่องระหว่างเราแค่ สองคนไง”
พริมเขิน “มีอะไรก็รีบว่ามา”
“คือ ตอนนี้คนอื่นเค้าก็จับคู่กันไปหมดแล้วเนอะ แล้วคู่ของเราล่ะ”
พริมอายม้วน เขินสุดๆ “คู่ของเราทำไม”
“ก็ โอ๊ย เขินอะ...” เพชรจะพูด แต่อึ้งลืมคำพูด “จะพูดไงดีอ่ะ” แล้วเอาแต่หัวเราะคิกคัก บิดไปมา
พริมหมั่นไส้ “เป็นบ้าเหรอ ทีเล่นลิเกล่ะหวานได้หวานดี ไม่เห็นเขินเลย”
“ก็นั่นมันการแสดง แต่นี่มันชีวิตจริงอ่ะพริม”
“ตกลงจะพูดมั้ย ไม่พูดชั้นไปแล้วนะ”
เพชรจับมือพริมมากุมไว้
“พูดจ้ะ พูด เอ่อ...พริมคิดยังไงกะเค้าอ่ะ”
“คิดอะไร ไม่เข้าใจ พูดให้ชัดๆ ดิ๊ เสียเวลา”
“ก็อย่างชั้นอ่ะ ชั้นไม่ได้คิดกับพริมแค่เพื่อนนะ ชั้นคิดมากกว่านั้นอะ พริมล่ะ คิดกับชั้นแค่ไหน”
“ก็... คิดอ่ะ”
“คิดอะไร พูดดิ๊”
“เธอก็พูดก่อนดิ”
“ได้ๆ ชั้นพูดก่อนนะ ถ้าชั้นพูดแล้วพริมต้องพูดนะ”
พริมพยักหน้า “อือ”
“ชั้นคิดกับเธอแบบ...”
เพชรยังไม่ทันพูดคำว่า “แฟน” ออกมา ไข่เค็มวิ่งเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“พี่เพชร พี่พริม น้าอรเรียกไปกินขนม”
เพชรแค้น “โว้ย ไอ้ไข่เค็ม”
เพชร กะ พริมอารมณ์เสียอยากเตะไข่เค็มคนละหลายป้าบ
ขณะเดียวกัน พวก รักษ์ แฉะ ลูกดอก และ จริยา กำลังเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้านลิเก
“ได้กลับบ้านแล้วชะเอิงเอย กลับบ้านเราเอิ่งเอิงเอิงเอ้ย” จริยาร้องลิเกอย่างอารมณ์ดี
“ในที่สุดเราก็หาเงินมาไถ่บ้านคืนได้สักที แต่ก็ตลกดีเนอะ เพชรไปต่อยมวยแทบตายไม่ดเงินสักบาท แต่เรากลับได้เงินมาจากการร้องเพลง” รักษ์บอก
“แต่ที่เพชรไปต่อยมวยก็ไม่เสียหลายหรอก เพราะทำให้เราได้พวกนักมวยมาช่วยในการประกวด ถือว่าคุ้มอยู่นะ” แฉะว่า
เพชรกับไข่เค็มวิ่งเข้ามา
“ช่วยด้วย ช่วยชั้นด้วยจ้า”
ลูกดอกงง “เป็นอะไรพี่ โดนใครไล่ตีมา”
“เปล่า แต่ช่วยชั้นบอกรักพริมหน่อยสิ”
ทุกคนเว้นไข่เค็มอุทานลั่น “บอกรัก”
“ใช่ ชั้นไม่อยากบอกรักพริมแบบธรรมดาๆอะ อยากให้มันโรแมนติกหน่อย สร้างบรรยาศดีๆ พริมเค้าจะได้ตอบรับรักชั้นไง”
จริยากรี๊ด “แอร๊ย โรแมนติกจังเลยอ่ะเพชร พี่ว่านะ ขอพริมเต้นรำดีมั้ย แฉะมานี่ซิ”
พลางจิรยาจับแขนแฉะมาเต้นรำ สองคนเต้นพลิ้วไปมา
“คุณพริมครับ วันนี้คุณดูสวยกว่าทุกวันเลยนะครับ” แฉะสวมมาดเป็นเพชร
“วันนี้เพชรก็หล่อเหมือนกันค่ะ เราเป็นเหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงเลยนะคะ” จู่ๆ จริยาร้องกรี๊ด “แอร๊ย...เหยียบตีน”
จริยาสะบัดตีนเร่าๆ
“ชั้นว่าไม่ไหวมั้ง ชั้นเป็นแต่รำวง” เพชรท้วง
“ชั้นว่านะ จะให้โรแมนติกมันต้องบอกรักใต้แสงเทียน มันต้องมีเทียนเยอะๆ” ลูกดอกว่า
รักษ์นิ่งคิด “เทียนเยอะๆ อ๋อ บอกรักกันในโบสถ์ไง ให้พระประธานท่านเป็นพยาน”
เพชรไม่เอา “ชั้นว่ามันวังเวงไปนะ ชั้นอยากได้ที่แบบเป็นธรรมชาติ มีแสงเดือนแสงดาวด้วยอ่ะจ้ะ”
“งั้นก็ไม่เห็นจะยากเราก็ไปหาทุ่งโล่งๆ สวยๆ สักที่นึง แล้วก็ไปประดับตกแต่งด้วยเทียน แล้วก็ล่อหลอกให้พริมมา ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ด้วย” แฉะบอก
ไข่เค็มเอาด้วย “ดีเหมือนกันจ้ะ พี่ๆ ไปหาสถานที่นะ ส่วนเรื่องล่อหลอกพี่พริม เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
“ขอบใจทุกคนมากนะจ๊ะ เราไปทุ่งโล่งกว้างสุดแสนโรแมนติกกันเถอะ” เพชรยิ้มแววตาเจิดจ้า
ฝ่ายไข่เค็มเล่าแผนให้ขนุนกับเอื้อยฟังจบแล้ว
“แผนทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แหละจ้ะ”
เอื้อยกรี๊ด “แอร๊ย ตื่นเต้นจังเลย ชั้นถือโอกาสบอกรักลูกดอกด้วยเลยดีมั้ยอ่ะ”
“พี่เอื้อย เอาให้เสร็จเป็นจ๊อบๆ ไปดีมั้ย เอาเรื่องพี่พริมพี่เพชรก่อน” ขนุนดึงสติ
พริมเข้ามา
“คุยอะไรกันอยู่น่ะ”
“ก็คุยเรื่องเซอร์ไพรส์...”
ขนุนรีบปิดปากเอื้อย
“คุยเรื่องสไบจ้ะ พี่เอื้อยอยากแต่งกายด้วยชุดไทย ห่มสไบในชีวิตประจำวันจ้ะ”
“ใช่ๆ ชั้นเห็นคนใส่ถ่ายลงเฟซบุคแล้วช๊อบชอบ” เอื้อยรำให้ดู “สีนวลชวนชื่น เอ้อเอิงเอย เมื่อยามเช้า...”
พริมงงๆ
เพชรขี่รถเครื่องซ้อนกันมากับรักษ์ อีกคัน แฉะ ลูกดอก และ จริยาซ้อนท้ายกันมา ตระเวนหาโลเกชั่นดีๆ ไปตามที่ต่างๆ
จนผ่านทุ่งโล่งสวยงามแห่งหนึ่ง มีต้นไม้สูงใหญ่
“จอด...”
เพชรบอกรักษ์จอดแล้วลงมา
“สวยมาก สวยเหมือนในฝันเลย ชั้นว่าเอาตรงนี้แหละ ที่ชั้นจะบอกรักพริม แล้วก็ขอพริมเป็นแฟน”
“งั้นเราก็รีบไปหาเทียน ตะเกียง แล้วก็โคมไฟจากวัดมาตกแต่งดีมั้ย ก่อนที่จะมืดซะก่อน” แฉะว่า
“โอ๊ย ตื่นเต้นแทนอีกแล้วอ่ะ ตื่นเต้นจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดเลย ชั้นขอไปปลดทุกข์ใต้ต้นไม้นั่นนะ”
“พี่จริยา ไปหาต้นอื่นสิพี่ ตรงนั้นชั้นจะเอาไว้บอกรักพริมคืนนี้”
“ก็ต้นมันใหญ่ดีนี่นา”
“ชั้นว่ากลับไปปล่อยที่วัดเถอะ จะได้กลับไปเอาของด้วย”
ทุกคนขึ้นรถ ขับออกไป
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 31 อวสาน (ต่อ)
เย็นจวนค่ำ พริมกำลังซ้อมมวยอยู่ ส่วนอีกมุมหนึ่ง ขนุน เอื้อย ไข่เค็มสุมหัวกันอยู่
“ไข่เค็ม จับตาดูพริมไว้ดีๆ นะ อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด” เอื้อยกำชับ
“จ้ะ”
เสียงโทรศัพท์ขนุนดัง เป็นรักษ์โทร.มา ขนุนรีบรับ
“ฮัลโหล ว่าไงพี่รักษ์...พร้อมแล้วเหรอ โอเคๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
เอื้อยถามทันทีที่ขนุนวางสาย “ว่าไงมั่ง”
“พี่รักษ์บอกว่าสถานที่พร้อมแล้ว พาเหยื่อไปได้เลย”
เอื้อย ขนุน และไข่เค็ม พยักหน้าให้กัน แล้วทำเดินเนียนๆ ออกมา
เอื้อยพูดขึ้นว่า “หิวจังเลยเนอะขนุน ออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า”
“ดีจ้ะดี พี่พริม ไปด้วยกันสิ” ขนุนหันไปชวนพริม
“ไม่ละ มื้อเย็นยังอิ่มอยู่เลย”
สามคนมองหน้ากันเอาไงดี ไข่เค็มบอกว่า
“พี่ขนุน ขากลับเราแวะซื้อบัวลอยเจ้าโปรดของพี่เพชร ไปฝากพี่เพชรที่วัดด้วย ดีกว่าเนอะ”
พริมได้ยินก็หยุดซ้อม ทำเป็นถามขึ้นเนียนๆ
“ว่าไปก็หิวเหมือนกันนะเนี่ย ชั้นไปด้วยดีกว่า รอแป๊บนึงนะ ชั้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อน”
“แต่งตัวสวยๆ นะพริม” เอื้อยบอก
พริมเดินออกไป เอื้อย ขนุน ไข่เค็มหัวเราะคิกคัก
มุมมืดหลังต้นไม้ใหญ่กลางทุ่งข้าวแสนสวย พวก เพชร รักษ์ แฉะ และลูกดอก มาดักรอพวกพริมอยู่ เพชรเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่น
“โอ้เพชร หยุดเดินได้แล้ว พี่เวียนหัวจะอ้วกแล้วเนี่ย” จริยาบอก
เพชรหยุดเดิน แต่ขาสั่นพับๆๆๆๆ
“อ้าว สันนิบาตกินหรือไง” แฉะมอง
“ก็พอหยุดเดินขามันก็สั่นน่ะจ้ะ”
“งั้นก็นั่ง” ลูกดอกบอก
เพชรลงนั่ง แต่ก็ยังสั่นอยู่
“เป็นเจ้าเข้าเลยทีนี้ งั้นพี่เดินต่อเหอะ”
เพชรลุกเดินไปเดินมา
“แล้วเมื่อไหร่พวกพริมจะมาซักทีล่ะเนี่ย” แฉะบ่น รอนานแล้ว
“อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้วน่า เมื่อกี้ขนุนโทรมาบอกว่ากำลังจะออกมาแล้ว”
ลูกดอกเห็นไฟหน้ารถเครื่องมาแต่ไกลลิบๆ
“นั่นๆๆ มาแล้วพี่”
“เฮ้ย ทุกคนประจำที่เว้ย” แฉะร้องบอก
“สู้ๆนะเว้ยเพชร”
รักษ์ตบไหล่ให้กำลังใจเพชร แล้วพาทุกคนไปประจำที่ซ่อน
ขนุนขี่รถเครื่องมาถนนโล่ง สองข้างทางเป็นทุ่งนา พริมซ้อนท้าย เอื้อยขี่อีกคัน ไข่เค็มซ้อนท้าย
ถึงจุดนัด เอื้อยชะลอรถหันมาพยักหน้ากับขนุนอย่างรู้กัน ขนุนพยักหน้าตอบ
เอื้อยขับนำหน้าไป ขนุนทำทีเป็นรถเครื่องดับลงดื้อๆ
“ว้าย...”
“เป็นอะไรน่ะขนุน”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่พริม เมื่อกลางวันยังดีๆ อยู่เลย”
ขนุนลองสตาร์ตอีกหลายทีก็ไม่ติด
“พี่พริมลงก่อน ขนุนลองสตาร์ตใหม่”
พอพริมลงจารถ ขนุนสตาร์ตรถเครื่องติด แล้วขับเร่งเครื่องหนีออกไปเลย
“เฮ้ย! ขนุน! ทำไมทิ้งกันอย่างนี้ล่ะ ขนุน กลับมาก่อน อะไรของเค้านะ”
พริมหันไปทางทุ่งโล่ง เห็นต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ มีโคมไฟแขวนเต็มต้นสวยงาม ที่พื้นใต้ต้นไม้ มีเทียนวางเรียงเป็นรูปหัวใจ
พร้อมกันนั้น ยังเห็นเงาตะคุ่มๆ เดินออกมาจากหลังต้นไม้นั้น
พริมคุ้นรูปร่าง แต่ไม่แน่ใจบ่นกับตัวเอง “ใครน่ะ”
เพชรฉีกยิ้มโบกไม้โบกมือเหย็งๆ
“พริม นี่ชั้นเอง”
“เพชร! ไปทำอะไรตรงนั้น”
พริมเดินเข้าไปหาเพชรที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“นี่เธอจะเผาทุ่งนารึไงเพชร” พริมโวยกลบความเขิน
เพชรเซ็ง “อะไรเนี่ย ไม่โรแมนติกเลย นี่ชั้นสร้างบรรยากาศเพื่อเธอเลยนะ ชอบมั้ย”
พริมเขินๆ
“สร้างทำไมอ่ะ บรรยากาศ”
“ก็ ชั้นมีเรื่องสำคัญจะบอกพริมไง ก็ต้องสร้างบรรยากาศกันหน่อย”
“เรื่องอะไรอ่ะ”
“ฟังดีๆ นะ ชั้นจะพูดช้าๆ ชัดๆ โดยมีต้นไม้ มีทุ่งนา มีพระจันทร์เป็นพยานนะ”
“อือ”
“ทีแรกที่ชั้นได้รู้จักพริม ชั้นคิดว่าพริมเป็นจอมวายร้าย ใจร้าย ใจดำ คอยจะแกล้งชั้นอยู่เรื่อย แต่พอได้รู้จักตัวจริงๆ ของพริม ชั้นถึงได้รู้ว่าถึงพริมจะร้ายแต่ก็ร้ายแบบน่ารัก แล้วชั้นก็คิดว่า ผู้หญิงแบบนี้แหละ ที่ชั้นชอบ”
ถูกผู้ชายชมต่อหน้า พริมเขิน
“ชั้นรักเธอนะ พริม”
ถูกผู้ชายสารภาพรัก ต่อหน้าพริมอึ้ง วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม
“แล้วพริมล่ะ”
“เอ่อ วันนี้ชั้นไม่ได้เตรียมตัวมาตอบคำถามอะ ขอชั้นกลับไปคิดก่อนนะ”
พริมจะหนีกลับ เพชรดึงมาโอบไว้
“ไม่ต้องคิดแล้วพริม ไม่ใช่ข้อสอบวิชาเลขซะหน่อย ตอบตามที่หัวใจพริมรู้สึกนั่นแหละ พริม...พริมรักชั้นรึเปล่า
พริมมองหน้าเพชร พยักหน้านิดๆ กำลังจะตอบ
“ระ...”
พริมยังไม่ทันได้บอกรัก เสียงไข่เค็มเจ้าเก่าดังเข้ามาขัดจังหวะอีกจนได้
“แย่แล้ว แย่แล้ว”
ไข่เค็ม วิ่งนำ ขนุน และเอื้อย เข้ามาหน้าตาตื่น
“โอ๊ย จะมาขัดอะไรตอนนี้เนี่ย” เพชรเซ็ง
พวกรักษ์ แฉะ ลูกดอก และจริยา โผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“น้าอร กับน้าเริงเรียกกลับค่ายด่วนเลย” ขนุนบอก
“ทำไม! เกิดอะไรขึ้น” เพชรสังหรณ์ใจ
“ไอ้ปลัดกับไอ้เมฆดำมันมาที่ค่าย” เอื้อยบอก
ทุกคนต่างตกใจ
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 31 อวสาน (ต่อ)
สำเริง และ อรชร นั่งประจันหน้ากับ เมฆดำ จีบัน และปลัดขิกในออฟฟิศค่ายศ.อรชร
พวกเพชร พริม รักษ์ ขนุน แฉะ ลูกดอก จริยา เอื้อย ไข่เค็ม เข้ามาสมทบอย่างรีบเร่ง
“มีเรื่องอะไรกันหรือพ่อ”
“คุณปลัดเค้าจะมาคุยเรื่องโฉนดบ้านของเราน่ะ” สำเริงบอก
“รออีกซักอาทิตย์นึงนะครับคุณปลัด ทางบริษัทเค้าถึงจะขึ้นเช็คให้ ได้เงินแล้วชั้นจะรีบเอามาไถ่คืนทันที” เพชรขอร้อง
“ฮ่าๆๆ เก็บเงินไว้เถอะไอ้หนู เพราะว่า...” ปลัดมองส่งลูกไปทางเมฆดำ
“ชั้นเห็นทำเลแถวนั้นมันสวยดี ก็เลยซื้อต่อจากคุณปลัดมาแล้ว ว่าจะเปิดค่ายเมฆดำสาขา 2 จะได้ใกล้ชิดแม่อรไงจ๊ะ”
เมฆดำกับปลัดหัวเราะร่าสะอกสะใจ เป็นที่สุด
ท่ามกลางความทุกคนของตกใจ
สำเริงโวยลั่น “เฮ้ย ทำงี้ได้ยังไง ก็ไหนสัญญากันแล้ว ว่าจะรอพวกชั้นหาเงินไปไถ่คืน”
“เรื่องแบบนี้มันก็เปลี่ยนใจกันได้นี่ ก็ในเมื่อของๆ ชั้น ชั้นพอใจจะขายให้ใครมันก็เรื่องของชั้น” ปลัดขิกจอมหื่นหัวเราะเยาะ
“เมฆดำ ค่ายมวยของเราเป็นอริกันมานาน การที่นายมาเปิดค่ายใกล้กับเราแบบนี้ มีแต่จะทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกัน ชั้นว่าไปหาที่อื่นเถอะ” อรชรบอก
“เกิดเรื่องทะเลาะกันเหรอ ฮ่าๆๆ งั้นยิ่งต้องรีบเปิดเลย เพราะชั้นมันพวกชอบมีเรื่อง ฮ่าๆๆๆ ใช่มั้ยไอ้จีบัน”
จีบันช่วยหัวเราะ
“คุณปลัด น้าเมฆดำ จะให้ชั้นทำยังไงถึงจะยอมคืนบ้านให้ชั้น บอกมาได้เลยชั้นยอมหมดทุกอย่าง”
สามชั่วมองหน้ากัน หัวเราะ ฮ่าๆๆๆ
“แน่ใจนะ” เมฆดำยิ้มเจ้าเล่ห์
“แน่ใจ”
เมฆดำพยักพเยิดส่งลูกไปให้จีบัน
“เผอิญว่าชั้นเพิ่งจะไปฝึกวิชาหมัดพญามารมา แล้วยังไม่มีใครกล้ามาเป็นคู่ชกให้ชั้นได้ลองวิชาเลย ถ้าแกจะมาเป็นหนูทดลองให้กับชั้น แล้วเอาชนะชั้นได้ เราก็จะยอมให้แกไถ่บ้านคืน”
“ฮ่าๆๆๆ ดีเหมือกัน เพชรมีวิชาหมัดขั้นเทพ จีบันมีวิชาหมัดพญามาร อยากรู้เหมือนกันว่าเทพหรือมารใครจะชนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ปลัดเสริม
เพชรสวนออกมาทันที “ตกลง ชั้นจะยอมชกกับจีบัน”
ทุกคนตกใจ เพราะรู้ดีว่าเพชรใช้วิชาหมัดขั้นเทพไม่ได้แล้ว
ปลัด เมฆดำ และจีบันเดินออกมา
“คราวนี้ไอ้เพชรมันต้องตายแน่ๆ” เมฆดำมั่นอกมั่นใจ
“เฮียจะโกงมันวิธีไหนอีกล่ะครับทีนี้” ปลัดบอก
“เฮ้ย ทีนี้ไม่โกงแล้วเว้ย เพราะชั้นได้ข่าวว่าวิชาหมัดขั้นเทพของมันใช้การไม่ได้แล้ว”
“ส่วนชั้น ก็เพิ่งจะสำเร็จวิชาหมัดพญามารมา ไอ้เพชร แกตายแน่”
ทั้ง 3 วายร้าย หัวเราะชั่วดังลั่น
ทุกคนหน้าเครียดหารือกันต่อ
“เพชร เธอจะขึ้นชกได้ยังไง เธอใช้พลังหมัดขั้นเทพไม่ได้แล้วนี่” พริมทักท้วง
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ชั้นบอกไปแล้วว่าจะชก ชั้นก็ต้องชก”
“แม่อร แล้วไอ้วิชาหมัดพญามารที่ไอ้จีบันไปฝึกมา มันเป็นยังไงเหรอ” สำเริงห่วงลูก
“หมัดพญามารเป็นวิชามวยไสย์ดำ มีการเรียกวิญญาณชั่วร้ายให้มาเข้าสิงร่าง ทำให้มีกำลังมากว่าคนปกติ 10 เท่า แล้วเค้าก็ว่ากันว่าถ้าคู่ชกขวัญอ่อนก็อาจจะโดนของไปด้วยก็ได้”
สำเริงหน้าเสีย “เพชร พ่อว่าอย่าชกเลย เราไปหาบ้านใหม่ก็ได้ ส่วนหลังนั้นก็ยกให้มันไปเถอะ”
“ไม่ได้พ่อ บ้านหลังนั้นเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเรา ชั้นตั้งใจแล้วว่าจะต้องเอาคืนมาให้ได้ ชั้นก็ต้องทำให้ได้”
“แต่ขืนแกขึ้นชกไป แกก็ตายเปล่านะเพชร” อรชรท้วง
“เพื่อปกป้องบ้านของเราแล้ว ตายเป็นตาย”
พริมเห็นความมุ่งมั่นของเพชรแล้วตกใจ “ไม่ได้นะเพชร ชั้นไม่ยอมให้เธอตายนะ”
เสียงบุญหลงดังเข้ามา “ทุกคนลืมชั้นไปแล้วเหรอ”
ทุกคนหันไปเห็นบุญหลงสะพายกระเป๋าเข้ามา แต่งตัวดูเท่มีสไตล์เพราะไปต่อยมวยไทยไฟต์ไทยฟินที่ลาสเวกัสมา
“บุญหลง” ทุกคนอุทาน อย่างดีใจ
“ในเมื่อเพชรชกไม่ได้ ชั้นก็จะชกแทนเพชรเอง”
“หลง”
“แกไม่ต้องห่วง ชั้นมันโตมากับวัด ชั้นไม่โดนของไสย์ดำง่ายๆ หรอกเว้ย”
“ขอบใจมากนะหลง แต่ชั้นอยากจะปกป้องบ้านของชั้น ด้วยตัวของชั้นเองว่ะ มันเป็นหน้าที่ ที่ใครก็ทำแทนชั้นไม่ได้”
“งั้นเอาอย่างนี้ ชั้นจะช่วยซ้อมให้ จนกว่าแกจะได้พลังหมัดขั้นเทพกลับคืนมาละกัน”
เพชรมองบุญหลงอย่างซึ้งน้ำใจ
รุ่งเช้า เพชรกับบุญหลงกำลังซ้อมกันอย่างหนัก เตรียมพร้อมค่ำนี้
เพชรพยายามจะใช้ท่าไม้ตายหมัดสั่งขั้นเทพ โดยการเป่านวม ชกรัวๆๆๆๆ แต่ก็ไม่เกิดพลัง เพชรลองครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ได้ผล จนชักเครียด
“ซ้อมต่อเหอะเพชร เดี๋ยวมันก็มาเองแหละ”
บุญหลงปลอบ เพชรซ้อมต่อ ชกๆๆ ไปเรื่อยๆ
อีกฟาก สำเริง อรชร พริม ขนุน รักษ์ เอื้อย แฉะ ลูกดอก จริยา และไข่เค็มมาทำบุญที่วัด เวลานี้ทุกคนกำลังพนมมือหว้พระอธิษฐานอยู่ในโบสถ์ มีสำเริงนำทีม
“ขอให้คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยาดาฟ้าดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ช่วยดลบันดาลให้พลังหมัดขั้นเทพของไอ้เพชรกลับฟื้นคืนมาเร็วๆ ด้วยเถิ้ด... ถ้าไอ้เพชรชนะ ลูกช้างจะถวายลิเกคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่ 3 วัน 3 คืนเลยเจ้าประคู้ณ...”
ขนุนบนบานต่อ “ลูกช้างก็จะขอร้องเพลงถวายด้วยเพลงนึงเจ้าค่ะ”
“ถึงลูกช้างจะร้องเพลงไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ร่วมถวายด้วยเพลงนึงเจ้าค่ะ”
รักษ์ เอื้อย แฉะ ลูกดอก จริยา ไข่เค็ม สมทบกันอธิษฐานว่าจะร้องด้วยคนละเพลง จนมาสุดท้ายที่อรชรก็เอาด้วย
“ลูกช้างก็จะร่วมร้องด้วยเพลงนึงเจ้าค่ะ”
ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
เอื้อยไม่อยากเชื่อ “อร ร้องเพลงเป็นด้วยเหรอ”
“ก็ชั้นอยากให้เพชรมันชนะ ชั้นยอมร้องเพื่อเพชรมันเลยนะเนี่ย” อรชรยิ้มบอก
แฉะ กะ ลูกดอก รับธูปจากทุกคนไปปัก
“ป่านนี้เพชรจะเป็นยังไงบ้าง จะได้พลังหมัดขั้นเทพคืนมารึยังก็ไม่รู้” สำเริงกังวลหนัก
“นั่นน่ะสิ นี่มันก็ใกล้เวลาที่ไอ้พวกเมฆดำจะมาแล้วนะ” อรชรบอก
“งั้นเรารีบกลับค่ายกันก่อนเถอะ” พริมกังวลไม่หาย
ทุกคนลุกออกไป
ทุกคนเดินเข้าค่ายมา เจอเพชรกับบุญหลงเดินออกมาเจอ
พริมถามอย่างดีใจ “เป็นไงบ้างเพชร สำเร็จมั้ย”
“สำเร็จจ้ะ พลังหมัดขั้นเทพของชั้นกลับมาแล้ว”
ทุกคนดีใจยกใหญ่
“ชอบใจบุญหลงมากนะ ที่ช่วยเพชรมันรื้อฟื้นวิชา” สำเริงบอก
บุญหลงฝืนยิ้มรับ
“งั้นเราไปเตรียมตัวกันเถอะ พวกเมฆดำกำลังจะมาแล้ว”
เมฆดำ จีบัน และปลัดขิก รวมทั้งทีมงานเดินกร่างเข้ามา
“ไม่ได้กำลังจะมา แต่มาแล้วต่างหาก ฮ่าๆๆๆ” เมฆดำขำเราะชั่ว
“พวกแม่อรพร้อมกันหรือยังจ๊ะ ชั้นละอยากดูมวยคู่เอกจะแย่อยู่แล้ว” ปลักว่า
“ชั้นก็คันมือคันตีนอยากซัดกับเพชรแท้ ศ.อรชร แชมป์มวยไทยฟิน ดูอีกสักครั้ง อยากรู้ว่าที่ได้แชมป์มาน่ะเก่งจริงหรือแค่ฟลุค” จีบันข่ม
“งั้นก็มาเลย รออะไรอยู่”
เพชรรับท้า
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 31 จบบริบูรณ์
ไม่นานต่อมา เพชรกับจีบันจ่อนวมกันกลางเวทีในยิมของค่าย ศ.อรชร กองเชียร์คนอื่นๆ ของสองฝ่าย อยู่รอบล่างเวที
“การแข่งครั้งนี้ ไม่มีการพักยก ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งน็อคเมื่อไหร่ ถือว่าสิ้นสุดการแข่งขัน พร้อมนะ” เมฆดำขาน เพชร และ จีบันพยักหน้ารับทราบ
เมฆดำประกาศ “เริ่มชกได้”
เพชรกับจีบันดูเชิงกัน
จีบันทำปากขมุบขมิบท่องมนต์ มีเอฟเฟคควันดำเข้ามารอบๆตัวจีบัน
จีบันดูท่าทางโหดร้ายเหมือนผีสิงขึ้นมา จีบันเข้าชกเพชร มีพลังดำมือรายล้อม
อรชรดูออก “หมัดพญามาร”
เพชรการ์ดกันไว้แต่ก็กระเด็นล้มลง คนดูตกใจ เพชรรีบลุกขึ้น
“เพชร ใช้พลังหมัดเลย” พริมตะโกนบอก
จีบันเข้าใส่เพชรอีก ทั้งหมัดเท้าเข่าศอก เพชรต้านไม่ไหวโดนไปเต็มๆ หลายดอก
ขนุนตะโกนออกไป ”พี่เพชร ทำไมไม่ใช้พลังหมัดซะทีล่ะ”
เพชรไม่ยอมใช้พลัง โดนจีบันไปอีกหลายที คนดูเชียร์ฝั่งศ.อรชรเริ่มหน้าเสีย หวาดเสียว
ทุกคนร้องบอกเพชรเป็นทอดๆ
“ใช้พลังหมัดขั้นเทพเลย” / “น็อคไอ้จีบันไปเลย”
บุญหลงหน้าเจื่อนๆ ดูออกว่าเป็นกังวลหนัก
เพชรไม่ยอมใช้พลังซะที พยายามสู้แต่สู้ไม่ได้ โดนไปหลายดอกจนคิ้วแตก ปากบวม
จีบันดูบ้าเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ เมฆดำ กับ ปลัดโห่ร้องอย่างสะใจ
เพชรล้มไปหลายครั้ง แต่ก็ลุกขึ้นมาทุกครั้ง อาการน่วมไปทุกทีๆ
บุญหลงทนเห็นเพชรแบบนั้นต่อไปไม่ไหว
“พอเถอะเพชร หยุดชก หยุดชกได้แล้ว เดี๋ยวแกก็ตายหรอก”
คนอื่นงง ว่าบุญหลงพูดอะไร โดยเฉพาะอรชร
“หมายความว่าไงบุญหลง”
“เพชรมันยังใช้พลังหมัดขั้นเทพไม่ได้จ้ะน้าอร”
“อ้าว แล้วทำไมเมื่อกี้บอกว่าใช้ได้แล้วล่ะ”
“เพชรกลัวว่าทุกคนจะเป็นห่วง แล้วไม่ยอมให้มันขึ้นชก มันเลยบอกให้ชั้นช่วยโกหกทุกคน”
ทุกคนตกใจ เพชรกำลังโดนจีบันถลุงหนักอยู่บนเวที
“พอ! เลิกชก! ชั้นไม่เอาแล้วไอ้บ้านหลังนั้น ชั้นยกให้” สำเริงตะโกนขึ้น
เมฆดำไม่ยอม “ยังเลิกไม่ได้หรอก กติกามันต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตาย เอ้ย น็อคซะก่อนถึงจะจบเกม ฮ่าๆๆๆ ชกต่อไปไอ้จีบัน ชกต่อไป ฮ่าๆๆๆ”
เพชรโดนชกล้มลุกคลุกคลาน อาการหมดสภาพปางตายแล้ว แต่ยังพยายามฝืนลุกขึ้นมาสู้ พริมเห็นแล้วใจจะขาด ร้องห้าม
“พอแล้วเพชร ไม่ต้องลุกขึ้นมาแล้ว”
คนอื่นๆ ก็ร้องห้าม ไม่ให้ลุกขึ้น เพราะสงสาร กลัวเพชรตาย แต่ละคนน้ำหูน้ำตาไหล
เพชรยันกายลุกขึ้นมาอีกจนได้ จีบันเข้าต่อยเตะเพชรอีก
พริมน้ำตาไหลริน ตัดสินใจสารภาพออกไป
“เพชร ชั้นยังไม่อยากให้เธอตาย ชั้นรักเธอนะ เพชร!”
เพชรได้ยินดังนั้นก็ตาลุกวาว
พริมย้ำคำเดิม “ชั้นรักเธอได้ยินมั้ย”
ฉับพลันทันใดนั้นเอง ก็เกิดมีพลังสายฟ้าวิ่งพล่านทั่วร่างเพชร เป็นแสงแลบแปลบปลาบ เพชรรับรู้รวบรวมพลัง เป่ามนต์ใส่หมัด เกิดพลังสายฟ้ากระพริบถี่ที่หมัดสองข้าง
แรงใจฟื้นคืนมาเต็มที่ เพชรเดินลุยเข้าหาจีบัน ชกรัวๆๆ ชกๆๆ แล้วอัพเปอร์คัต ตู้ม เสยเข้าคางจีบันจังๆ ร่างจีบันลอยละลิ่วขึ้นไป แล้วกระเด็นตกลงมาบนเวที ทุกคนตื่นตะลึงกับอานุภาพหมัดสั่ง หลังหายตกใจ กลายเป็นเสียงร้องกรี๊ดกร๊าด ดีใจไชโยโห่ร้องตามมา แต่ละคนมุดเชือกเข้าไปหาเพชร
“พริม เมื่อกี้เธอพูดจริงๆใช่มั้ย” เพชรไม่สนอย่างอิ่นแล้ว จดจ่ออยู่แต่คำที่ได้ยินเมื่อครู่นี้
“จริงสิ ถ้าเธอตายไปแล้วชั้นจะรักใครล่ะ” พริมยิ้มดีใจเหลือเกิน
“ไม่ได้ก็ได้ อยู่ให้พริมรัก ไชโย พริมบอกรักชั้นแล้ว ไชโย”
ทุนคนดีใจไปด้วย จับร่างเพชรโยนขึ้น
ส่วนที่ด้านล่างเวที เมฆดำกับปลัดกำลังมองดูจีบันที่ร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
เวลาผ่านไป ค่ำวันนี้ มีเวทีการแสดงตั้งตระหง่านอยู่ในลานอเนกประสงค์ของวัดทุ่งไก่หลง ด้านล่างคนดูคับคั่ง ทั้งบุญหลง เอื้อย แฉะ ลูกดอก จริยา ไข่เค็ม หลวงพ่อ กล้า เอี้ยง ปลัด แม้นมาศ ชาวบ้าน
ตาน้อยทำหน้าที่โฆษกอยู่บนเวที
“วันนี้เรามีวงดนตรีหน้าใหม่ ที่จะมาให้ความสำเริงสำราญกับทุกท่าน เนื่องในโอกาสแก้บนหลวงพ่อที่ช่วยให้เพชรมันต่อยชนะ เชิญพบกับคณะลิเกนักมวย “เพชรพริม พริมเพชรเพชร” ได้ ณ บัดนี้”
เสียงดนตรีดังกระหึ่มขึ้น เพชร พริม ขนุน รักษ์ สำเริง อรชร ออกมาร้องเพลง “ผมนี่ขึ้นเลย” บรรดานักมวยทั้งหลายแปลงกายเป็นหางเครื่อง ร้องเต้นกันเป็นที่สนุกสนานเบิกบานใจ
คนดูเต้นกันสุดเหวี่ยง ท้ายๆ เพลง บุญหลง เอื้อย แฉะ ลูกดอก จริยา ไข่เค็ม กล้า เอี้ยง ปลัด แม้นมาศ ขึ้นไปร่วมร้องร่วมเต้นบนเวทีด้วย หลวงพ่อยิ้มสุขใจ แล้วเดินกลับไปทางกุฎิ
พอจบเพลง เพชรทิ้งไมค์ เข้ามาอุ้มพริมจนตัวลอยขึ้น ท่ามกลางเสียงเชียร์ ฮิ้ว ฮา ของบรรดากองเชียร์ ความสุขอบอวลไปทั่วลานวัดทุ่งไก่หลงอีกครา
จบบริบูรณ์ โปรดติดตาม "คุณหญิงนอกทำเนียบ" เร็วๆ นี้