เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 4
เปลวเพลิงลามเลียตึกจนเหลือแต่ซาก
ชาวบ้านพากันยืนดูและจับกลุ่มคุยกัน ธาม เล้ง เกี๊ยง และชานนท์วิ่งมายืนดูตึกที่เสียหายยับ
เล้งแทบกระอักเลือดแต่ก็เก็บอาการ "ต้องเป็นพวกมันแน่"
"เสี่ยสงสัยใครครับ" ชานนท์ถาม
"มันไม่ใช่แค่ต้องการฆ่าอาธามคนเดียว แต่มันต้องการก่อกวนทุกคนที่นี่ ตั้งแต่สารทจีนแล้ว มันต้องการเก็บพวกเราทุกคน"
ธามเห็นเล้งป้ายขี้ใส่คนที่ไม่มีตัวตนจึงหลอกด่าเล้งกลับ
"ชั่วได้ขนาดนี้ คงเป็นพวกมาเฟียหน้าใหม่ เพราะรุ่นเก่ามีคุณธรรมกันทั้งนั้น"
เล้งแอบกัดฟันกรอด
"ตึกเสียหายทั้งหลัง แล้วเสี่ยจะทำยังไง"
"อั๊วจะรู้ได้ยังไง ต้องไปถามเจ้าของอีดู" เล้งว่า
"อ้าว ก็ลูกน้องเสี่ยบอกว่าโรงเก็บฝิ่นไฟไหม้" ชานนท์บอก
"มันของอั๊วที่ไหน ที่อาเกี๊ยงไปบอกอั๊วก็เพราะกลัวว่าไฟจะลามไปติดตึกที่อยู่ด้านหลังของอั๊วต่างหาก" เล้งพูดหน้าตาย "ลื้อรู้มั้ยอาเกี๊ยงว่าตึกนี่ของใคร"
เกี๊ยงส่ายหน้าอึ้งๆ "ไม่รู้ครับ"
ธามไม่อยากจะเชื่อว่าเล้งจะตอแหลได้ขนาดนี้
จิวทุบโต๊ะดังลั่น
"อุตส่าห์วางแผนขนาดนี้ยังลากมันเข้าคุกไม่ได้"จิวโมโห
"ไอ้เสี่ยเล้งนี่มันจิ้งจอกพันหน้าจริงๆ แล้วเฮียจะทำยังไงต่อ" เฉียงว่า
"นิ่งไว้ก่อน อย่าขยับตัวให้เป็นจุดสนใจ สิ่งที่มันทำกับครอบครัวฉัน ฉันเอาคืนแน่" ธามบอก
"อั๊วว่าเราบุกไปซัดกับมันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันไปเลยง่ายกว่านะเฮีย" จิวว่า
"แบบนั้นทำเมื่อไหร่ก็ทำได้ แต่เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นอันธพาลไปด้วย วิญญาณป๊าม้าฉันก็มีมลทินเหมือนเดิม" ธามบอก
"ถูกของเฮีย เราจะกลายเป็นคนก่อเรื่องเป็นคนผิดไปทันที" เฉียงเห็นด้วย
"ฉันไม่ต้องการแค่แก้แค้น แต่อยากกระชากหน้ากากให้ทุกคนเห็นว่ามันเลวยังไง ฉันต้องการลากคอมันมาคารวะหลุมศพป๊ากับม้าตอนที่มันยังเป็นๆ"
"ยากที่สุดก็ตรงนี้ อั๊วเพิ่งเข้าใจว่าทำไมอาแปะเฉินถึงได้สอนเฮียให้สู้จนสุดตัว ยั้งความโกรธจนสุดใจ"
"ฉันอยากจะฆ่ามันทุกครั้งที่เห็นหน้าแต่ต้องห้ามใจ.. นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะทดแทนบุญคุณของป๊ากับม้าได้ ฉันต้องอดทน" ธามบอก
เฉียงกับจิวมองธามด้วยความเห็นใจและเข้าใจ ในขณะที่ธามนั่งนิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยความแค้นที่แน่นอก
เล้งจับหัวเกี๊ยงโขกผนังห้องอย่างแรงจนเป็นแผลแตก
"กะโหลกลื้อมีแต่ขี้เลื่อยรึไงห๊า อาเกี๊ยง" เล้งว่า
"อั๊วขอโทษ อั๊วไม่ทันมองจริงๆ ใครจะคิดว่าไอ้ธามกับไอ้หมวดนั่นจะนั่งโต๊ะเดียวกับนายใหญ่" เกี๊ยงบอก
"นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัว ลื้อโง่เองต่างหาก" ซ้งว่า
เกี๊ยงกระชากคอเสื้อซ้งด้วยความเจ็บใจ
"แล้วคนฉลาดอย่างลื้อทำไมไม่ทำอะไรออกหน้าบ้างล่ะ มุดหัวเก็บตัวอยู่ทำไม"
"หุบปาก" เล้งตะคอก "เกิดเรื่องขนาดนี้แล้วยังจะมีหน้ากัดกันอีกเหรอ อั๊วอยากรู้ว่าไอ้พวกนั้นรู้ได้ยังไงว่าเราเก็บฝิ่นดิบที่นั่น ใครๆก็คิดว่ามันเป็นโกดังเก็บของแห้งทั้งนั้น"
"หรือจะมีหนอนบ่อนไส้แฝงอยู่ในนี้ ลื้อผิดสังเกตอะไรรึเปล่าอาฮก" ซ้งถาม
ฮกใจหายวูบ แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ "อั๊วมัวแต่ดูแลคนที่นี่ มีคนใหม่ๆเข้ามาเยอะ อั๊วเลยไม่ทันสังเกตอะไร"
"เป็นฝีมือไอ้ธามรึเปล่านายใหญ่" ซ้งบอก
"อั๊วไม่รู้ ที่รู้คืออั๊วเริ่มเหม็นหน้ามันมากขึ้นทุกวัน จนไม่อยากจะเห็นมันเท่าไหร่ ลื้อให้หลานลื้อรีบจัดการให้มันไปพ้นๆหน้าอั๊วเร็วๆ" เล้งว่า
ซ้งพยักหน้ารับคำสั่ง เล้งเดือดดาล
ซ้งเดินนำโบตั๋นที่มีสีหน้าไม่สบายใจออกมาจากฉั่วเทียนเหลา พอซ้งเดินพ้นไป ธามก็เดินเข้ามาจากอีกด้าน ก่อนจะเข้าไปด้านในภัตตาคาร
ธามเดินต่อเนื่องเข้ามามองหาโบตั๋น สักครู่หยกมณีก็หันมาเห็นจึงเดินเข้ามาหา
หยกมณีพูดแบบอยากรู้อยากเห็น "เป็นยังไงบ้างเฮียกระทิง"
"ก็ ไหม้หมดทั้งหลัง ตำรวจสอบปากคำคนที่อยู่ในเหตุการณ์อยู่ โบตั๋นล่ะ" ธามถาม
"เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง เห็นว่าญาติมาหา เฮียมีธุระอะไรด่วนรึเปล่า"
ธามส่ายหน้า "ว่าจะชวนอีไปไหว้พระจันทร์ ถ้างั้นขอขนมไหว้พระจันทร์สักกล่องสิ"
"มาซื้อตอนนี้จะเหลืออะไรล่ะเฮีย ของขายดี หมดไปตั้งแต่หัวค่ำ”
ธามพยักหน้าเซ็งๆ "แล้ว เอ่อ" ธามจะถามถึงย่าหยาแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ "ไม่เป็นไร"
"จะถามหาอาหยาใช่มั้ยล่ะ อีกลับบ้านไปแล้ว สัก 20 นาทีนี่เอง"
ธามพยักหน้ารับรู้
หยกมณีแซว "ไม่มีอาหยา อาหยกยังว่างนะ พร้อมให้ควงไปไหว้พระจันทร์"
ธามยิ้ม "ที่พูดนี่ ถามอาอันรึยัง"
หยกมณีเขินจนหน้าแดงเป็นสาวๆ เธอเอามือหยิกเสื้อธาม "แหม เฮียกระทิงล่ะก็"
ธามยิ้มเล็กๆพอเป็นพิธีแต่ในใจเหี่ยวแห้งที่วันนี้เป็นวันครอบครัวแต่เขากลับไม่มีใครเลย
ย่าหยาเดินมาตามซอย สักครู่เธอก็หยุดนิ่งแล้วตัดสินใจหันหลังกลับ
แต่เดินกลับมาได้ไม่กี่ก้าว ย่าหยาก็ชะงักแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม เธอเดินวนอยู่อย่างนี้หลายรอบจนธามเดินมายืนด้านหลัง
"เดินกลับไปกลับมาแบบนี้แล้วจะถึงบ้านเหรอ"
ย่าหยาชะงักกึก แล้วพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะหันกลับมาเจอธามยืนอยู่ตรงหน้า
"มาทำอะไรแถวนี้" ธามถาม
"ฉัน ฉันก็จะกลับบ้านไง" ย่าหยาบอก
"บ้านเธอไม่ได้มาทางนี้ ทางนี้ทางมาบ้านฉัน" ธามว่า
"ฉัน ก็ได้ ฉันแวะเอาผ้าพันคอมาคืนคุณ" ย่าหยาปลดผ้าพันคอจากคอมายื่นให้ "ขอบคุณนะ"
ธามคล้องคอให้หญิงสาวเหมือนเดิม "ฉันให้เธอ"
ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันท่ามกลางท้องฟ้าที่มีพระจันทร์เต็มดวงอยู่ชั่วขณะ
"ขอบคุณ คุณออกมาทำไม มีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า"
"มาซื้อขนมไหว้พระจันทร์ แต่มันหมดแล้ว"
ธามเดินผละออกมาจากย่าหยา สักครู่หญิงสาวก็หันมาตะโกนบอกชายหนุ่ม
"ฉันมี"
ธามหันกลับมา ย่าหยายกขนมไหว้พระจันทร์ในกล่องเล็กๆซึ่งอยู่ในถุงกระดาษขึ้นมาพร้อมกับยิ้มให้ธาม
ย่าหยาหยิบขนมไหว้พระจันทร์ที่มีอยู่ 1 ก้อนวางใส่จานเล็กๆ ส่วนธามง้วนจัดผลไม้ใส่จานอยู่อีกด้านก่อนจะหันมาเห็นขนมไหว้พระจันทร์ของย่าหยา
"มีอันเดียวเหรอ" ธามถาม
"อือ เหลือแค่นี้ คุณสุ่ยให้ฉันมา ก็ยังดีกว่าไม่มีจริงมั้ย" ย่าหยาย้อนถาม
ธามพยักหน้าแล้วจัดของไหว้อย่างคล่องแคล่วในขณะที่พูดไปด้วย
"ดีนะที่อาเฉียงซื้อผลไม้มา แล้วก็โชคดีที่มาเจอเธอ ไม่งั้นปีนี้คงไม่ได้ไหว้"
ธามจุดธูปแล้วส่งให้ย่าหยา ทั้งคู่ลงนั่งคุกเข่าข้างกันแล้วต่างคนต่างอธิษฐานในใจ
"ผมคิดถึงม้ากับป๊านะครับ เราสามคนมีกันและกันไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียว แต่ตลอดไป ทุกคำที่ผมสัญญา ขอให้ป๊ากับม้าเชื่อใจ ผมจำได้ไม่เคยลืม"
ย่าหยาคิดในใจ "หยาคิดถึงพ่อกับแม่ทุกวัน อยากจัดการกับคนชั่วให้จบสิ้นสักที หยาอยากกลับบ้าน กลับไปอยู่ในที่ของเรา พ่อกับแม่ช่วยให้ถึงวันนั้นเร็วๆนะคะ"
ทั้งคู่ปักธูปลงกระถางพร้อมกันแล้วมือก็โดนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ธามรู้สึกเก้อๆ "เธออธิษฐานอะไร"
"ขอให้พ่อแม่ช่วยให้ฉันทำงานเสร็จไวไว ฉันอยากกลับไปอยู่กับท่าน"
"พูดเหมือนเธอกับท่านอยู่ไกลกันมาก"
ย่าหยารู้สึกสะท้อนใจ "แล้วคุณล่ะ"
"ไม่ได้อธิษฐานอะไร แค่บอกป๊ากับม้าว่า ฉันจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เท่านั้น"
ธามพูดจบก็เงยหน้ามองพระจันทร์เช่นเดียวกับย่าหยา ทั้งคู่มีจุดหมายปลายทางที่ต้องไปให้ถึงเช่นกัน
ซ้งยืนคุยกับโบตั๋นอยู่ในมุมมืดมุมหนึ่ง
"ลื้อใส่ยาให้มันบ้างรึเปล่า" ซ้งถาม
โบตั๋นพูดเฉไฉ "ช่วงนี้เฮียมีเรื่องร้อนใจตลอด อารมณ์ไม่ค่อยดี อั๊วเข้าหน้าอีไม่ติด"
"ลื้อเป็นเมีย น่าจะใช้มารยากับมันบ้าง"
"เฮียกระทิงไม่เหมือนผู้ชายอื่น อีไม่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่างาน"
"งานอะไร มันกำลังทำอะไร"
"อั๊วไม่รู้ รู้แต่อีกำลังทำอะไรบางอย่าง"
"สืบมาว่ามันกำลังทำอะไร แล้วเอายาใหม่นี่ผสมน้ำชาให้มันกิน"
ซ้งยัดห่อกระดาษสีน้ำตาลเล็กๆใส่มือโบตั๋น
โบตั๋นน้ำตาคลอ "อีจะตายมั้ย ยังไงอีก็เป็นผัวอั๊วนะอากู๋"
"อั๊วไม่ฆ่าหลานเขยอั๊วหรอกน่า"
ซ้งโอบกอดโบตั๋นเพื่อปลอบใจแต่แววตาของเขาฉายประกายเหี้ยมอำมหิต เฉียงที่กำลังจะเดินเข้าหอพักแต่พอหันมาเห็นโบตั๋นกอดกับผู้ชายอื่นอยู่ก็ตกใจ
ซ้งผละออก "อั๊วไปนะ" ซ้งเดินหลบออกไป
โบตั๋นยืนมองก่อนจะเอาห่อสีน้ำตาลเก็บใส่เสื้อ เมื่อหันมาเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกที่เห็นเฉียงยืนอยู่ตรงหน้า
"เฮียให้ผมมาบอกว่า พรุ่งนี้จะมารับคุณไปไหว้พระ"
"คุณ เอ่อ" โบตั๋นกลัวจะเห็นซ้ง "มานานรึยัง"
"เพิ่งมา มีอะไรเหรอ"
โบตั๋นรีบปฏิเสธ "ไม่ ไม่มี ขอบใจมากนะ" โบตั๋นเลี่ยงเดินหลบเข้าหอพักไป
เฉียงสงสัยที่โบตั๋นดูมีพิรุธมาก เขาสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครและเธอนอกใจธามอย่างนั้นหรือ
ธามส่งส้มที่แกะเปลือกและแบ่งครึ่งแล้วให้ย่าหยา
"ของที่ใช้ไหว้ ต้องแบ่งกันกิน" ธามบอก
"ต้องแบ่งกันเหรอ" ย่าหยาถาม
ย่าหยากินส้มที่ธามให้แล้วใช้มีดตัดขนมไหว้พระจันทร์ส่งให้ธามครึ่งหนึ่งเช่นกัน
"เอ้า คนละครึ่ง"
ธามรับขนมไหว้พระจันทร์มา ทั้งคู่นั่งกินด้วยกัน ธามรอจนย่าหยากินหมดไปเกือบครึ่ง
ธามพูดเหมือนไม่ใส่ใจ "ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ"
ย่าหยาชะงักกึก ขนมไหว้พระจันทร์ยังคาอยู่ในปากของเธอ "หา ประเพณีจีนเหรอ"
"ประเพณีของบ้านนี้ ป๊ากับม้าบอกไหว้พระจันทร์ด้วยกัน กินขนมอันเดียวกัน ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน "
ย่าหยาใจเต้นโครมคราม "มะ หมายความว่ายังไง"
"ก็ เป็นพี่น้องกันไง"
ย่าหยาผ่อนลมหายใจ
"กฎข้อแรกของการเป็นครอบครัวเดียวกันคือ ไม่โกหกกัน ว่าไง เธออยากเป็นคนในครอบครัวฉันมั้ย"
ย่าหยาใจสั่นขึ้นมาอีกเพราะสายตาธามดูไม่ใช่แค่จะถามว่าเป็นพี่น้องกันมั้ย แต่มีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น
"ขอ เอ่อคิดดูก่อนนะ" ย่าหยาทำตัวไม่ถูก เธอรีบลุกขึ้น "ดึกแล้ว ฉันกลับล่ะ"
"ฉันไปส่ง"
"ไม่ ไม่ต้อง" ย่าหยารีบเดินขาขวิดออกไป
ธามมองตามตาหวาน
ย่าหยาเดินจับผ้าพันคอแล้วก็นึกถึงคำพูดธามมาตามทาง
เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองจะหวิวไหวใจสั่นไปกับท่าทางและคำพูดของเขาทำไม ก่อนจะเดินเข้าโรงแรม ย่าหยาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเล้งยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ท้ายรถ พอเห็นย่าหยาเขาก็ดับบุหรี่และเดินเข้ามาหาทันที
"เสี่ย มาหาใครแถวนี้คะ" ย่าหยาถาม
"มาหาเธอ" เล้งตอบ
ย่าหยาแปลกใจ "มาหาฉัน มีธุระอะไรหรือคะ"
"ไม่มี แค่มาดูให้แน่ใจว่าเธอกลับถึงที่พัก และปลอดภัยแล้ว"
เล้งส่งสายตาเป็นประกายให้ย่าหยา ย่าหยายิ้มหวานให้อย่างรู้ความนัยที่เล้งส่งมา
"ขอบคุณนะคะ" ย่าหยาตัดบทฉับ "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
"รอยยิ้มของเธอ ทำให้คืนนี้ฉันมีความสุขขึ้นมาบ้าง ราตรีสวัสดิ์"
เล้งเดินมาที่รถ ทั้งคู่โบกมือให้กันอย่างแช่มชื่น ธามยืนหน้านิ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาเครียดเพราะคิดว่าที่ย่าหยาไม่ให้เขามาส่งเพราะนัดแนะกับเล้งนี่เอง
ย่าหยาที่เสื้อผ้าหน้าผมจัดแต่งมาอย่างดีนั่งที่เก้าอี้ เธอหยิบน้ำหอม Chanel No.5 ขึ้นมาฉีดที่ซอกคอและข้อพับบางๆ ก่อนจะยิ้มตาวาววับ
"ถึงเวลาที่แกต้องใช้กรรมแล้วเสี่ยเล้ง"
ย่าหยาลุกขึ้นยืนแล้วยกขาข้างหนึ่งเหยียบบนเก้าอี้ เธอเลิกกระโปรงดูมีดที่ซ่อนไว้ที่ต้นขาพร้อมกับเช็คสายรัดว่าแน่นดีแล้วจึงเดินออกไป แต่แล้วหางตาก็เหลือบเห็นผ้าพันคอของธามพาดอยู่ที่พนักเก้าอี้ ย่าหยาหยิบผ้าขึ้นมาแล้วเผลอยิ้มเมื่อนึกถึงผู้เป็นเจ้าของ แต่ครู่เดียวเธอก็ตัดใจยัดผ้าพันคอไว้ใต้หมอนแล้วหยิบนาฬิกาของชลธีที่เก็บไว้ในกล่องออกมาเปิดดู
"หยาจะไม่มีใคร นอกจากพี่ธีคนเดียว"
ย่าหยามองรูปชลธีในมือด้วยความรักและรู้สึกผิด
ย่าหยาเดินสวยออกมาอย่างมั่นใจว่าจะมีใครมาดักรอและก็จริงดังคาดเพราะเล้งที่สวมชุดสูทเดินเข้ามาหาย่าหยา
"อรุณสวัสดิ์"
ย่าหยายิ้มเขินนิดๆ "แวะมาดูว่าฉันจะออกจากที่พักอย่างปลอดภัยรึเปล่าหรือคะ"
"ฉันชอบที่เธอฉลาด ทันคน และวันนี้เธอ สวยมาก"
ย่าหยาโปรยจริตยิ้มเขินมากขึ้น "ขอบคุณค่ะ"
"เธอจะไปไหน วันนี้เข้างานตอนเย็นไม่ใช่เหรอ"
"รู้สึกว่าเสี่ยจะรู้เรื่องฉันไปซะหมดนะคะ"
เล้งทำท่ากรุ้มกริ่ม "ก็เธอน่าสนใจ"
"ฉันจะไปทำบุญให้" ย่าหยาเกือบหลุดคำว่า “พ่อแม่” "เอ่อ ผู้มีพระคุณของฉันน่ะค่ะ"
"ฉันไปส่ง"
ย่าหยาทำอิดออด "อย่าดีกว่าค่ะ"
"ไม่ไปส่งเธอให้ถึงที่ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอปลอดภัย เชิญ"
ย่าหยาทำลังเลพอเป็นพิธีก่อนจะเดินตามไปที่รถ เกี๊ยงยืนเปิดประตูรถให้ ธามที่ยืนดูอยู่มุมหนึ่งกัดฟันกรอด เขาคิดว่าสังหรณ์ใจอะไรไว้เป็นอย่างนั้นไม่มีผิด
รูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ ตั้งเรียรายอยู่ที่ศาลเจ้า ย่าหยานั่งคุกเข่าถือธูปอยู่ที่พื้น
"ลูกขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้ลูกไม่ต้องรอนาน วันนี้มาถึงเร็วกว่าที่คิดจริงๆ"
ระหว่างที่ย่าหยาพูดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เล้งที่ยืนรออยู่ที่หน้าศาลเจ้ามองย่าหยา
สามสิบปีที่แล้ว เล้งในวัย20 ค่อยๆแย้มหน้าเข้ามาแอบดูอะไรบางอย่างในศาลเจ้าด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ เล้งเห็นหลิวเจียหลินกำลังนั่งสวดมนต์อยู่กับเจิน เล้งยิ้มมีความสุขแม้จะได้เห็นเพียงด้านของหลังหญิงสาวก็ตาม
เล้งในปัจจุบันยืนมองย่าหยาซึ่งลุกขึ้นยืนปักธูปลงกระถางอย่างพึงพอใจ ธามจับตามองทั้งคู่อยู่อีกมุมของศาลเจ้า ซินแสง้วงถือถุงใส่สมุนไพรจีนเดินผ่านมาเห็นธาม ซินแสเดินมาหาและมองตามสายตาของธาม
"ลื้อมากับสองคนนั่นเหรอ อาธาม"
"ซินแส ไม่ได้มาด้วยกันครับ" ธามตอบ
"แสดงว่าแอบตามอีมา"
"ผมสงสัยว่าเสี่ยเล้งจะส่งผู้หญิงคนนั้นมาเป็นนางนกต่อ ย่าหยาเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เข้าออกบ้านผมได้"
"ลื้อกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย"
"ไม่ได้กลัว เพราะผมจะไม่ยอมให้มันเกิดซ้ำรอยอีกเป็นอันขาด ขอตัวนะครับ"
ธามเดินหน้านิ่งออกไปอีกทาง ซินแสมองธามแล้วหันมามองเล้งกับย่าหยา
ย่าหยากับเล้งเดินคุยกันมาตามทาง
"ที่ว่ามาทำบุญให้ผู้มีพระคุณ หมายความว่าเขาไม่อยู่แล้ว"
"ค่ะ ตายแล้วทั้งคู่"
"คงเป็นญาติเธอสินะ"
"ญาติสนิทค่ะ ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เล็กจนโต"
ย่าหยาทำเป็นเดินสะดุด "โอ้ย"
ย่าหยาก้มลงไปดูที่ข้อเท้าขวา
เล้งเดินตามมาดู "เจ็บรึเปล่า"
ย่าหยาตอบขณะดึงมีดออกมาจากที่ซ่อนซึ่งอยู่ต้นขาซ้าย
"ไม่เป็นไรค่ะ"
ย่าหยาเอามือซ้ายที่ถือมีดไขว่หลังแล้วเปลี่ยนมีดมาอยู่ที่มือขวาอย่างว่องไวก่อนจะเงื้อขึ้นหมายแทงเล้งแต่จังหวะไม่ดีเพราะเล้งเงยหน้าขึ้นมาเสียก่อน ย่าหยาเลยต้องลดมีดลง
เล้งลุกขึ้น "เป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาดูไม่สบาย"
"ฉันคง คิดถึงญาติๆมากเกินไป"
เล้งพยักหน้าแล้วออกเดินไปพร้อมๆกับย่าหยา
"ถ้าพวกเขายังอยู่ เธอคงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างนี้ เราคงไม่ได้เจอกัน แล้ว พวกเขาเป็นอะไรตายล่ะ"
"ถูกคนใจสัตว์ฆ่าตาย"
ย่าหยากระชับมีดที่อยู่ในมือแน่น
"ใคร" เล้งถาม
ย่าหยาเงื้อมีดตั้งใจจะปักลงกลางหลังเล้ง
ซินแสง้วงเรียกเสียงดัง "อาหยา"
ย่าหยาชะงักมีดกลางอากาศก่อนจะรีบซ่อนมันไว้ข้างลำตัวแล้วหันไปหาซินแสพร้อมเล้ง
"ซินแส"
ซินแสง้วงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่ก็แสร้งถาม "มาทำบุญใช่มั้ย"
"ใช่ อั๊วกำลังจะกลับพอดี"
"คนทำบุญ จิตต้องสงบถึงจะได้บุญ ถ้าคิดจะทำบาปโดยอ้างเรื่องบุญ จิตจะยิ่งตกต่ำ บุญก็ไม่ได้แถมบาปยังเกาะกินใจ"
ย่าหยาถอนใจยาวเพราะอีกนิดเดียวเธอก็จะทำสำเร็จแล้ว เล้งเพลียที่ซินแสเทศน์อะไรแต่เช้า
ธามเดินเข้ามาในโรงแรม เฉียงซึ่งรออยู่เดินเข้ามาหา
"บอกมิสเตอร์ลีแล้วใช่มั้ย เรื่องให้เลื่อนเวลานัดเสี่ยเล้ง" ธามเอ่ยถาม
"ครับเฮีย ตอนนี้มิสเตอร์ลีรออยู่ข้างในครับ" เฉียงบอก
ธามพยักหน้าก่อนจะขยับเดิน
เฉียงเรียกไว้ "เฮียครับ เมื่อคืนอั๊วเห็นคุณโบตั๋นอยู่กับ เอ่อ" เฉียงจะบอกว่าผู้ชายอื่น
ธามเพิ่งนึกได้ "จริงสิ ฉันฝากดูแลโบตั๋นด้วยนะ"
"แต่วันนี้วันเกิดเธอนะครับ"
"อยู่กับฉัน งานต้องมาก่อน เขารู้ดี"
ธามยิ้มให้เฉียงก่อนจะเดินเข้าไปในล็อบบี้ เฉียงไม่สบายใจเพราะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มิสเตอร์ลี นักธุรกิจลูกครึ่งฮ่องกงอเมริกันคุยกับธาม
"เป็นนักธุรกิจต้องกล้าได้กล้าเสีย บังเอิญผมเป็นนักเสี่ยงโชคอยู่แล้วด้วย" ลีบอก
"หมายความว่า เราร่วมมือกันได้" ธามว่า
"ไม่มีปัญหา ผมได้ในส่วนของผม คุณได้ในส่วนของคุณ มันก็แฟร์ เว้นแต่เงื่อนไขข้อสุดท้าย"
"ถ้าคุณทำตามเงื่อนไข 3 ข้อแรกของผมได้ ข้อสุดท้าย ไม่มีปัญหา" ธามบอก
"ตกลง"
“Deal”
ธามส่งมือไปเช็คแฮนด์กับลีแบบนักธุรกิจที่ไม่ยอมเสียเปรียบกัน
ย่าหยาลงจากรถมาพร้อมกับเล้ง โดยมีเกี๊ยงลงมายืนอยู่ห่างๆ
"เสียดายที่ลูกค้าฉันเลื่อนนัด ไม่อย่างนั้นจะขอให้เธอกินข้าวกลางวันด้วยกันที่นี่"
"ไว้วันหลังเถอะค่ะ ถ้าฉันนั่งรอ เสี่ยจะกังวลเปล่าๆ เรื่องธุรกิจกะเกณฑ์เวลาไม่ได้ คุยเรื่องนี้อาจต่อยอดไปเรื่องนั้น จริงมั้ยคะ"
"ฉลาดมาก ญาติที่อุปการะเธอ สอนเธอมาดีจริงๆ" เล้งชม
"บางครั้งความฉลาดก็ไม่ได้มาจากการสั่งสอนของคนดีๆหรอกค่ะ" ย่าหยาว่า
"ถ้างั้น ใครสอนให้เธอทันคนแบบนี้" เล้งถาม
"ประสบการณ์ค่ะ" ย่าหยาตอบ "ประสบการณ์จากคนชั่วเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดของฉัน"
"เธอเคยเจอเรื่องไม่ดีมางั้นเหรอ" เล้งถาม
"ค่ะ เจอเองบ้าง อ่านเอาบ้าง ได้ยินมาบ้าง ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ฉันถือเป็นบทเรียนทั้งนั้น"
เล้งยิ้มพอใจ "เธอไม่ต้องรอฉันก็ได้ แต่เข้าไปนั่งกินอะไรก่อน เดี๋ยวฉันให้อาเกี๊ยงจัดการให้ ฉันรู้ว่าเธอหิว"
ธามยืนมองทั้งคู่ผ่านกระจกในโรงแรม
ย่าหยายิ้มพิมพ์ใจ "เชิญเสี่ยตามสบายค่ะ" ย่าหยายืนยัน "ฉันไม่หิวจริงๆ"
ย่าหยาลงนั่งที่ม้านั่งร้านอาหารแล้วหันไปสั่งคนขาย
ย่าหยาหิวซก "ก๋วยเตี๋ยวแห้งหนึ่ง น้ำหนึ่ง โอเลี้ยงหนึ่ง"
"ล่าย ล่าย"
ย่าหยาหิวจัดจนตาลาย
เล้งเช็คแฮนด์กับลี โดยมีเกี๊ยงยืนอยู่ข้างเล้ง
"ยินดีที่ได้รู้จัก มิสเตอร์ลี" เล้งพูด
"เช่นกันครับเสี่ยเล้ง" ลีบอก
"นี่อาเกี๊ยง คนของอั๊ว" เล้งแนะนำ
ลีเช็คแฮนด์เกี๊ยง "ยินดีที่ได้รู้จัก" ลีเชิญให้ทุกคนนั่ง "เชิญครับ เชิญ"
ทั้งสามคนลงนั่ง
"ต้องขอโทษด้วยที่ครั้งที่แล้วต้องเลื่อนนัดออกไป แถมวันนี้ยังเลื่อนเวลามาเจอกันเร็วกว่าเดิม พอดีผมเลื่อนไฟล์ทกลับฮ่องกงได้" ลีบอก
"ไม่เป็นไร ลื้อมีอะไรว่ามา"
"ที่เขาลือกันว่า เสี่ยเล้งเจ้าของห้างทองเล่งเฮง ใจนักเลงและมีอิทธิพลนี่ท่าจะจริง"
"จริงไม่จริง ลื้อก็ว่ามาสิ จะให้อั๊วทำอะไร"
ทั้งคู่ยิ้มซึ่งเป็นยิ้มที่แพรวพราวและหยั่งเชิงกัน
นาฬิกาข้อมือของโบตั๋นบอกเวลาใกล้เที่ยง เธอก้มมองนาฬิกาแล้วชะเง้อมองไปทางหน้าหอพัก สักครู่จึงเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวายใจ เฉียงเดินเข้ามา โบตั๋นหันมาเห็นเฉียงแล้วมองเลยไปทางด้านหลังโดยหวังว่าจะเห็นธาม แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
"ทำไมเฮียไม่มา" โบตั๋นผิดหวัง
"เฮียติดงานด่วนแต่เช้าครับ" เฉียงพยายามเชียร์อัพ "แต่ก็ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์คุณมาด้วย เฮียให้ผมไปทำบุญเป็นเพื่อนคุณก่อน แล้วเฮียจะตามมาทีหลังครับ"
โบตั๋นพยักหน้าเศร้าๆ แล้วก็ทอดถอนใจ เฉียงมองโบตั๋นด้วยความเข้าใจและเห็นใจ
คนขายวางชามก๋วยเตี๋ยว 2 ชามพร้อมด้วยโอเลี้ยง 1 แก้วลงบนโต๊ะย่าหยา ก่อนจะหยิบชามก๋วยเตี๋ยวอีกชามส่งผ่านย่าหยาซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจฟ้าดินอะไรทั้งสิ้น
"ชามนี้ของลื้อ" คนขายบอก
ธามรับชามก๋วยเตี๋ยวจากคนขายแล้วนั่งลงข้างๆ ย่าหยาซึ่งยังก้มหน้ากินๆ
ธามพูดลอยๆ "ไปกับอาเสี่ยมาค่อนวัน เขาไม่เลี้ยงดูปูเสื่อบ้างเหรอ"
ย่าหยาชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมามองธาม "คุณ มาได้ยังไง คุณตามฉันมาเหรอ"
"อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย ฉันมาคุยงานแถวนี้ แล้วร้านนี้ฉันกินประจำ"
"แต่โต๊ะนี่ฉันจองก่อน ทำไมคุณไม่ไปนั่งโต๊ะอื่น สะกดคำว่า มารยาทเป็นมั้ย"
"เป็น แต่คำว่า เอื้อเฟื้อ สำคัญกว่า โต๊ะนี้มีเก้าอี้ 2 ตัว ฉันนั่งตัวของฉัน ไม่ได้ไปนั่งบนตักเธอ ที่เหลือเผื่อแผ่ให้คนอื่นนั่งไม่ดีกว่าเหรอ"
ย่าหยาเห็นธามไม่มีท่าทีว่าจะขยับลุกเธอเลยเป็นฝ่ายหอบชามก๋วยเตี๋ยวเดินหนีไปที่โต๊ะข้างๆ ทันทีที่ย่าหยาวางชาม แม่ลูกคู่หนึ่งก็เดินเข้ามามองหาที่นั่งซึ่งคนนั่งกันเต็มหมดแล้ว ย่าหยาเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็จำใจยกชามก๋วยเตี๋ยวกลับไปนั่งกินที่โต๊ะที่ธามนั่งอยู่เหมือนเดิม ธามชอบใจแต่ยังทำหน้านิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้ สักครู่เขาก็หันมาเห็นย่าหยายกแก้วโอเลี้ยงขึ้นซด โอเลี้ยงติดเป็นคราบเหมือนเขี้ยวเหนือริมฝีปาก
ธามอึ้งเพราะนึกไปถึงใครอีกคน
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ชลธีติวคำศัพท์ภาษาจีนให้จันทร์ชมพูซึ่งนั่งห่างกันเป็นคืบ
สักครู่ชลธีก็หันมาหาจันทร์ชมพู ทั้งสองสบตาปิ๊งกันกลางอากาศ ชลธีถึงกับเคลิ้มวางตำราในมือลงแล้วมองหญิงสาวอย่างเดียว
จันทร์ชมพูเขิน มือไม้เก้ๆกังๆ เพราะไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน สุดท้ายหญิงสาวก็หันไปหยิบนมเย็นในแก้วขึ้นมาดื่มเพื่อกลบอาการเขิน คราบนมติดเป็นรอยเหมือนเขี้ยวที่มุมปาก
"กินเลอะเป็นเด็กๆไปได้นะเรา" ธามว่า
พูดจบธามก็บรรจงเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากให้จันทร์ชมพูอย่างแผ่วเบา โดยที่สาวเจ้ายินยอมให้เช็ดแต่โดยดี แต่เธอก็อายม้วนจนแทบจะเอาหน้ามุดดิน
เหตุการณ์ปัจจุบัน ธามดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากเสื้อนอกแล้วพูดประโยคเดิมแต่กิริยาห้าวดิบกว่าเยอะ
"กินเลอะเป็นเด็กๆไปได้"
ธามเอื้อมมือไปเช็ดปากให้ย่าหยาด้วยอารมณ์ที่คาดหวังว่าจะมีอะไรหวานๆ เหมือนในอดีต แต่กลับตาลปัตรเพราะย่าหยาเอาสันมือฟันฉับเข้าที่ข้อมือธามซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบโต้เฉียบพลันตามที่ฝึกมา
"โอ๊ย อะไรเนี่ย อุตส่าห์หวังดี"
"ฉันเช็ดเองได้"
ย่าหยาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าถือ จังหวะที่คลี่ผ้าออกเป็นจังหวะที่ธามลุกไปจ่ายเงินพอดี ธามเลยไม่ทันเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าในมือหญิงสาวเหมือนกับผืนที่เขาได้จากผู้หญิงคนหนึ่งทุกกระเบียด
เมื่อจ่ายเงินเสร็จธามก็เดินกลับมาที่โต๊ะซึ่งเป็นจังหวะที่ย่าหยาเก็บผ้าลงกระเป๋าพอดีเช่นกัน
ย่าหยาตะโกนบอกคนขาย "เก็บเงินด้วยค่ะ"
"อาผู้ชายคนนั้น" คนขายบุ้ยใบ้มาที่ธาม "จ่ายให้แล้ว"
ย่าหยาถามธาม "เท่าไหร่"
"เลี้ยง"
"ฉันไม่ชอบเป็นหนี้ใคร และเดาว่าคนอย่างคุณไม่ทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน"
"ฉลาด งั้นตามมาตอบแทนเดี๋ยวนี้เลย"
ธามไม่พูดพล่ามทำเพลง เขากระชากย่าหยาออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
ธามพาย่าหยาข้ามถนนมาฝั่งโรงแรมซึ่งมีรถลากจอดรอผู้โดยสารอยู่ 3 คัน
ย่าหยาพยายามสะบัดมือออกจากธาม "ปล่อย คุณจะพาฉันไปไหนห๊า"
ธามกวาดตามองริมถนน เมื่อเห็นรถเล้งจอดอยู่ริมถนนเขาก็พาย่าหยาเดินไปใกล้จุดนั้น
"นั่งรถเล่น"
ธามดึงย่าหยาไปที่รถลาก
"ไม่ ฉันไม่ไปกับคุณ ฉันจะกลับไปทำงาน" ย่าหยาโวยวาย
"เธอเข้างานสี่โมงเย็น เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง"
"ฉันเอาเวลาไปล้างจานเช็ดโต๊ะช่วยคุณสุ่ยก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ปล่อย"
ผู้คนแถวนั้นพากันหันมามองเพราะเสียงย่าหยาที่เริ่มดังและการฉุดกระชากที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ธามเปลี่ยนอารมณ์ทันที "ไม่เอาน่าที่รัก อย่างอนซิ" ธามพูดกับคนอื่น "ไม่ต้องตกใจนะครับ เวลางอน เมียผมเสียงดังอย่างนี้ทุกที"
ย่าหยาตาเหลือกและเสียงดังกว่าเดิม "ใครเป็นเมียคุณ"
ธามเอามือโอบย่าหยา "หึงแล้วเป็นแบบนี้ตลอด บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้มีอะไรกับสาวๆพวกนั้น ผมรักคุณคนเดียวจริงๆนะ ยาหยี ย่าหยา"
ธามโอบย่าหยาแน่นขึ้นไปอีก
ย่าหยาทั้งถองทั้งทุบทั้งหยิกธามพร้อมกับกัดฟันกรอด "เป็นบ้าอะไรของคุณห๊ะ"
ธามร้องโอดโอยแต่ก็ยังโอบย่าหยาแน่นไม่ยอมปล่อย
"โอ๊ย เบา เบา ที่ร๊าก"
ย่าหยาอับอายเพราะทุกคนมองมาที่เธอเป็นตาเดียว
มิสเตอร์ลีเดินออกมาส่งเล้งที่หน้าโรงแรม โดยมีเกี๊ยงเดินตามหลังมา
"ผมส่งเสี่ยแค่นี้นะครับ ต้องขึ้นไปเตรียมตัวเดินทางแล้ว"
"อั๊วจะรีบหาของตามที่ลื้อต้องการ แต่ใช้เวลามากหน่อยนะ ลื้อสั่งเยอะกว่าที่อื่น"
"ผมรอได้" ลียื่นมือไปเช็คแฮนด์ "ลาก่อนครับ"
"โชคดี"
ลีเดินกลับเข้าไปในโรงแรม ในขณะที่เล้งเดินออกมาทางหน้าโรงแรมกับเกี๊ยง
คนเริ่มเข้ามามุงดูธามกับย่าหยา ย่าหยาเอาแต่สะบัดตัวหนีธาม ในขณะที่ธามก็ไม่ยอมปล่อยย่าหยา
แม่ค้าร้องเตือน "อีหนูเอ๊ย เพลามือบ้างเถอะ อย่าฤทธิ์เยอะนักเลย เดี๋ยวผัวจะช้ำในตายซะก่อน"
"ป้าก็บอกให้อีตาบ้านี่ปล่อยหนูก่อนสิ" ย่าหยาบอก
"ผมจะปล่อยคุณได้ยังไง เกิดคุณวิ่งหนีผมไปชนอะไรหกล้มจะว่ายังไง ยิ่งเฟอะฟะอยู่ด้วย" ธามว่า
ย่าหยาแค้นใจ "จะเฟอะฟะยังไงมันก็เรื่องของฉัน"
"เรื่องของคุณคนเดียวที่ไหน ลูกในท้องอีกทั้งคน" ธามแสดงละคร
ย่าหยาตาเหลือกหนักกว่าเดิม "คุณ"
ธามประกาศกับทุกคน "เมียผมตั้งท้องอ่อนๆ เลยขี้หงุดหงิดน่ะครับ"
หางตาธามเหลือบไปเห็นเล้งเดินออกมาจากโรงแรมพร้อมเกี๊ยง ทั้งคู่มุ่งหน้าไปที่รถซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆกัน
"วิธีแก้หงุดหงิดคือต้องแสดงความรักให้มั่นใจบ่อยๆ แบบนี้ครับ"
ธามบรรจงหอมย่าหยาโชว์เล้งโดยเฉพาะ เล้งเงยหน้ามาเห็นภาพบาดตาบาดใจ ย่าหยาอึ้งเพราะไม่คิดว่าธามจะกล้าทำกับเธออย่างนี้ ทุกคนยืนมองอ้าปากค้าง
ธามพูดกับย่าหยา "จะขึ้นรถได้รึยังครับ หรือต้องให้จูบก่อนถึงจะใจอ่อน"
"ไม่" ธามก้าวขึ้นรถด้วยความแค้นใจ
ธามรีบตามขึ้นไปประกบข้างแล้วยังมีแก่ใจโผล่ออกมาโบกมือให้คนที่ยังยืนมองอยู่
"ขอบคุณนะครับทุกคนที่ทำให้เราคืนดีกัน"
ผู้คนโบกมือให้ธามโดยยังอึ้งไม่หายจนกระทั่งรถลากเคลื่อนออกไปตามถนน
"นายใหญ่มีนัดเคลียร์เรื่องโรงฝิ่นนะครับ ท่านรออยู่" เกี๊ยงว่า
เล้งพูดเสียงแข็ง "รู้แล้ว"
เล้งสั่งหน้านิ่ง "เก็บมัน อย่าให้ผู้หญิงเป็นอะไร"
โบตั๋นไหว้พระ ในขณะที่เฉียงนั่งมองกำไลข้อเท้าลูกรออยู่ด้านหน้า โบตั๋นปักธูปแล้วก้มลงกราบพระก่อนจะเดินออกมา
"กำไลข้อเท้าเด็กนี่" โบตั๋นเอ่ยขึ้น
"ครับ ของลูกสาวผมเอง" เฉียงบอก
โบตั๋นแปลกใจ "คุณมีลูกแล้วเหรอ อยู่ไหน อายุเท่าไหร่แล้ว"
“6 ขวบครับ อยู่ที่เซี่ยงไฮ้กับแม่ผม"
"แล้ว แม่เด็กล่ะ"
"ตายแล้วครับ ตายตั้งแต่ผิงเกิดได้ไม่นาน"
โบตั๋นถอนใจยาว "คุณเลยต้องเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ลูกสินะ อยู่ไกลลูกไกลแม่ขนาดนี้ คุณคงคิดถึงพวกเขามาก"
"แทบขาดใจ แต่ผมต้องอยู่ข้างเฮีย เฮียช่วยชีวิตผมช่วยครอบครัวผม ถ้าไม่มีเฮีย ผมคงตายเป็นหมาข้างถนนไปแล้ว คิดถึงพวกเขาขนาดไหนก็ต้องทน"
โบตั๋นสะท้อนใจ "เป็นฉัน ฉันก็ทน การมีใครสักคนให้คิดถึง ถึงจะทรมานมากแค่ไหน ก็ยังดีกว่าไม่มีใครให้คิดถึงเลย"
โบตั๋นน้ำตาคลอก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกมาก่อนที่น้ำตาจะหยดให้เฉียงเห็น เฉียงมองตามหญิงสาวอย่างเห็นใจ เขาอยากโอบกอดเพื่อปลอบใจแต่ก็ทำได้แค่มอง
ซินแสง้วงกำลังต้มสมุนไพรจีนที่ใช้ห้ามเลือดใส่หม้อเคลือบอยู่ลานข้างที่พัก สมุนไพรมีทั้ง เซียงเหาะ แปะกิบ โหงวจักฯลฯ โบตั๋นเดินผ่านมาเห็นซินแส โดยที่เฉียงยังเดินตามหลังมาไม่ไกล
"ซินแส"
ง้วงเงยหน้ามอง "อาโบตั๋น ลื้อมากับอาธามตั้งแต่เช้ารึเปล่า เอ แต่เมื่อเช้าอั๊วไม่เห็นลื้อนี่นา"
"เฮียมาที่นี่หรือคะซินแส" โบตั๋นถาม
"ใช่"
โบตั๋นหันไปถามเฉียงเบาๆ อย่างไม่พอใจ "ไหนบอกเฮียติดงานแต่เช้าไง"
เฉียงอึกอักเพราะพูดไม่ออก
ย่าหยานั่งข้างธามอยู่ในรถลาก ย่าหยาหน้างอเป็นตวัก ในขณะที่ธามกวาดตามองไปทั่ว2ข้างทางอย่างระแวดระวัง
"คุณมีแผนอะไร ฉันรู้นะว่าที่คุณทำเมื่อกี้ คุณต้องทำเพื่ออะไรสักอย่าง" ย่าหยาว่า
"เดี๋ยวก็รู้" ธามบอก
ธามพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงปืนก็ดังขึ้นหลายนัด ลูกกระสุนแหวกอากาศพุ่งผ่านหน้าทั้งคู่ไปแบบฉิวเฉียด เจ๊กลากรถกลัวลนลานนั่งหมอบกับพื้นตัวสั่น ผู้คนที่สัญจรไปมาร้องลั่น
ธามกระชากมือย่าหยา "หลบ เร็ว"
ธามกับย่าหยาวิ่งฝ่ากระสุนตรงไปยังฟุตบาทโดยเข้าตรอกด้านข้างไป มือปืนสองคนลงจากรถแล้ววิ่งตามทั้งคู่ไป
ธามจูงมือย่าหยาวิ่งมาตามตรอก ทั้งสองวิ่งชนคนนั้นคนนี้บ้างระหว่างทาง กลุ่มมือปืนวิ่งตามจี้มา แล้วยิงใส่ธาม ธามหลบ ชาวบ้านพากันวิ่งหนีปืนกันกระจายเสียงร้องวี๊ดว้ายดังลั่นไปทั่ว มือปืนยิง ธามหลบกระสุน
ธามดึงย่าหยาหลบกระสุนเข้ามาที่ตึกเลียบริมน้ำเจ้าพระยาอีกด้าน
"เดี๋ยวพอวิ่งไปสักพัก จะมีซอยแยกซ้าย เธอวิ่งเลี้ยวเข้าไปในนั้นนะ" ธามสั่ง
"แล้วคุณล่ะ" ย่าหยาถาม
"พาตัวเองให้รอดก่อน ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก"
ลูกกระสุนพุ่งเฉียดหัวทั้งคู่ไปอีกนัด
ธามสั่ง "ไป"
ธามดึงย่าหยาวิ่งออกไป มือปืนสองคนวิ่งตาม พอถึงซอยแยก ย่าหยาก็วิ่งเลี้ยวเข้าซอยแยกไปตามที่ธามบอก มือปืนวิ่งตามธามโดยไม่สนใจย่าหยาเลย
มือปืนวิ่งเข้ามา ธามโผล่เข้ามาดักเตะข้อมือมือปืนจนปืนกระเด็นหล่นพื้น มือปืนอีกคนไล่ยิงธาม
ธามกลิ้งตัวไปตามพื้นแล้วหยิบปืนของมือปืนที่ตกอยู่ขึ้นมายิงสวนก่อนจะวิ่งไป มือปืนชักปืนอีกกระบอกออกมาก่อนจะวิ่งตามมือปืนอีกคน ทั้งคู่วิ่งตามธามออกไป
มือปืนสองคนวิ่งตามธามเข้ามาในซอยแคบๆ ทั้งสองงงที่มองไปจนสุดซอยก็ไม่เห็นเงาธาม ธามยืนเท่อยู่บนกำแพง
เสียงธามดังขึ้น "อยู่บนหัวลื้อนี่ไง"
ธามยิงใส่มือปืน มือปืนคนหนึ่งล้มคว่ำ มือปืนอีกคนไล่ยิงธาม ธามวิ่งหลบกระสุนไปตามแนวกำแพง เมื่อตั้งหลักได้ธามก็หันกลับมายิงมือปืนอีกคนเพียงแค่นัดเดียวมือปืนคนนั้นก็ล้มลงไปกองกับพื้น
มือปืนอีกสองคนโผล่เข้ามาจากอีกด้านของซอยแล้วยิงใส่ธาม ธามชักปืนของตัวเองอีกกระบอกออกมายิง 2 มือ ทั้งสองฝ่ายยิงสู้และหลบกันสักพัก มือปืนสองคนก็ถูกธามยิง มือปืนคนหนึ่งตายคาที่ ส่วนมือปืนอีกคนนอนพะงาบๆ ธามกระโดดลงมาจากกำแพงแล้วยืนมองมือปืนที่นอนพะงาบ
"นายใหญ่พวกลื้อให้ตามล่าอั๊วคนเดียวใช่มั้ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"
มือปืนนอนอ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะพูดอะไร
ธามตะคอกเสียงดัง "ย่าหยาเป็นอะไรกับเสี่ยเล้ง"
ธามถามจบมือปืนก็ขาดใจตายต่อหน้าต่อตา ธามอึดอัดที่คำถามยังเป็นปริศนาคาใจต่อไป สักครู่เขาก็ตัดสินใจเดินออกมา
ธามเดินถือปืนออกมา แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็น มือปืนอีกสี่คนก้าวเข้ามาล้อม ทุกคนมีปืนในมือ
ธามกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะยกมือขึ้นเหมือนจะยอมแพ้แต่แล้วก็ใช้เวลาเสี้ยววินาทีที่ทุกคนเผลอควงปืนยิงก่อนจะกระโดดหาที่กำบัง
กลุ่มมือปืนยิงสู้ ธามวิ่งหาที่หลบตามมุมต่างๆ ในขณะที่มือปืนไล่ยิงไม่หยุดหย่อน ธามยิงมือปืนคนหนึ่งล้ม ในขณะที่จะยิงโต้มือปืนอีกสามคน ลูกกระสุนจากปืนทั้งสองกระบอกของธามก็หมดลง
มือปืนทั้งสามแสยะยิ้ม ทั้งหมดจ่อปืนไปที่ธามแล้วเตรียมลั่นไก
ย่าหยาเดินเข้ามาถกกระโปรงดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาเขวี้ยงด้วยความแม่นและรวดเร็ว มีดปักเข้าที่มือมือปืนคนหนึ่ง
มือปืนร้องลั่น "โอ้ย"
จังหวะที่มือปืนที่เหลือหันไปมองมือปืนคนที่ถูกมีดปัก ธามก็ฉวยโอกาสจับแขนมือปืนคนหนึ่งบิดจนหักและยันมือปืนอีกคนเซไปกระแทกมือปืนคนที่ถูกมีด ย่าหยาเข้ามาช่วยจัดการกลุ่มมือปืน ธามเผลอมองลีลาการต่อสู้ของย่าหยาจนเกือบโดนมือปืนคนหนึ่งยิง
ย่าหยาร้องเตือนสติ "ระวัง"
ธามหลบวิธีกระสุนมือปืนทันแบบฉิวเฉียด จากนั้นทั้งธามและย่าหย่าต่างก็ช่วยกันจัดการมือปืนทั้งหมดจนลงไปนอนเกลื่อน ทั้งคู่หอบแฮกๆ ต่างคนต่างหันมามองหน้ากัน เมื่อหันหลังเดินกลับออกมา ทั้งคู่ก็แทบผงะเมื่อรถยนต์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาหาธามด้วยความเร็วสูง
ธามกับย่าหยาหายใจลึกเข้าปอดแล้วหมุนตัวกลับก่อนจะออกแรงวิ่งเต็มที่ รถคันเดิมแล่นไล่หลังทั้งสองคนไป
ธามกับย่าหยาวิ่งหนี โดยมีรถไล่ล่าแล่นตามหลัง
"หนีไป" ธามตะโกนลั่น
ย่าหยายังคงวิ่งอยู่กับธาม
"บอกให้หนีไง"
"มันมีทางหนีที่ไหนล่ะ" ย่าหยาว่า
ธามหันไปมองทางข้างหน้าแล้วอึ้งเพราะด้านหน้าคือท่าน้ำที่ไม่มีทางหนีไปไหนได้แล้ว
ธามตัดสินใจในเสี้ยววินาที "ตายเย็นดีกว่าตายร้อน ว่ามั้ย"
ย่าหยาพยักหน้า ธามจับมือย่าหยาวิ่งแล้วกระโจนลงแม่น้ำเจ้าพระยาแบบฉิวเฉียดกับที่รถไล่ล่าจะพุ่งชน รถเบรกเอี๊ยดแล้วหยุดพอดีที่แนวสันเขื่อน มือปืนสองคนวิ่งออกมายืนที่ท่าน้ำแล้วไล่ยิงลงไปในน้ำ
ธามกับย่าหยาดำน้ำหลบกระสุนปืนที่พุ่งลงมาในน้ำ มือปืนคนหนึ่งตะโกนด่ามือปืนอีกคนอยู่ที่ท่าน้ำ
"พอแล้ว เดี๋ยวโดนผู้หญิงขึ้นมา ลื้อจะคอขาด"
มือปืนที่ยิงนึกได้จึงรามือ
"มันหายไปไหนวะ"
ทั้งคู่มองไล่ไปตามผิวน้ำแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของธามกับย่าหยา เรือหาปลาลำหนึ่งแล่นผ่านเข้ามากลางลำน้ำ
ธามกับย่าหยาโผล่ขึ้นเหนือน้ำมาเกาะที่ข้างเรือ ในขณะที่คนหาปลาหันไปมองบนฝั่ง คนหาปลาเห็นมือปืนสองคนผละจากท่าแล้วเดินไปขึ้นรถ คนหาปลาหันมาหาธามกับย่าหยา โดยคนหาปลาก็คือ จิว นั่นเอง
"ไปแล้วครับเฮีย" จิวบอก
ย่าหยาแปลกใจ "อาจิว"
ถึงจะแปลกใจแต่ย่าหยาก็เหนื่อยเกินกว่าจะถามอะไรได้อีก ธามและย่าหยาใช้ปากช่วยหายใจแบบทั้งล้าทั้งเหนื่อยแทบขาดใจ
มือโบตั๋นไล้ไปตามผ้าไหม เพราะเธอกำลังเลือกดูผ้าไหมจีนที่แขวนโชว์อยู่ในร้านจนมาสะดุดตาที่ผ้าไหมปักสีชมพูผืนหนึ่ง โดยมีเฉียงยืนมองอยู่ข้างๆ หญิงสาวคลี่ผ้าออกดูด้วยความพึงพอใจ
"สวยนะครับ" เฉียงชม
โบตั๋นพยักหน้า "เนื้อดีด้วย ตัดเป็นกี่เพ้าคงจะสวยมาก"
โบตั๋นพลิกดูราคาที่ติดไว้ก็เห็นว่าราคาสูงมาก เธอเลยตัดใจพับผ้าแขวนไว้ที่เดิมก่อนจะผละออกมา
"อ้าว ไม่รับหรือครับ"
โบตั๋นส่ายหน้าก่อนจะฝืนยิ้มแล้วเดินออกไป เฉียงอ่านออกว่าโบตั๋นคิดอะไรในใจ
จิวพายเรือพาธามและย่าหยาที่ตัวเปียกซกเข้ามาจอดที่ท่า
"เชิญครับ" จิวบอก
จิวจับบันไดท่าเรือแล้วดึงเรือให้จอดชิดท่า ธามลุกขึ้นแล้วก้าวไปยืนบนฝั่งก่อนจะส่งมือให้ย่าหยา
"จะไปไหน"
"ขึ้นมาเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้" ธามบอก
"คุณจะบอกเหตุผลฉันมาเลยได้มั้ย พูดแต่เดี๋ยวก็รู้ๆ เดี๋ยวก็รู้ทีไรเป็นเรื่องทุกที" ย่าหยาบอก
"ไปเถอะครับ เดี๋ยวก็รู้"
จิวยิ้มหน้าเป็นให้ย่าหยา ย่าหยาฮึดฮัดเพราะหมั่นไส้ทั้งเจ้านายและลูกน้อง ธามรำคาญจึงดึงมือย่าหยาไปทันที
ธามจูงมือย่าหยาโดยเดินตัวเปียกผมเปียกมาตามทาง
"พาฉันขึ้นมาบนนี้ทำไมห๊า" ย่าหยาถาม
"คุยธุรกิจ" ธามบอก
"ธุรกิจอะไร"
"เดี๋ยวก็รู้"
ย่าหยาทำหน้าเซ็งได้ไม่ถีงวินาที ธามก็เปิดประตูแล้วลากย่าหยาเข้าไปในห้อง
ธามดึงย่าหยาเข้ามาในห้องแล้วล็อกประตู
ย่าหยาหันขวับ "ล็อกประตูทำไม"
"มันเป็นเรื่องลับเฉพาะ" ธามบอก
"ลับเฉพาะอะไร"
"เธอมีเรื่องลับเฉพาะอะไรบ้างล่ะ ฉันให้โอกาสเธอ สารภาพมา"
"คุณนี่ก็แปลก หาเรื่องคาดคั้นจับผิดฉันตลอดเวลา คราวก่อนก็หาว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ชื่อจันทร์ชมพูอะไรนั่น มาคราวนี้จะยัดเยียดให้ฉันเป็นใครอีกล่ะ"
"คนของเสี่ยเล้ง เสี่ยเล้งส่งเธอมาจัดการฉันใช่มั้ยย่าหยา"
"คุณพูดอะไรของคุณ"
"เธอไปไหนมาไหนกับเสี่ยเล้งตลอดเวลา เธอคิดว่าฉันโง่จนไม่รู้เลยเหรอว่า ไอ้พวกที่ตามไล่ล่าเมื่อกี้ มันตามเอาชีวิตฉัน ไม่ใช่เธอ"
"เปิดประตู"
ธามนิ่ง ย่าหยาดึงมีดขึ้นมาจ่อที่ลูกกระเดือกธาม
ย่าหยาพูดอย่างเอาจริง "เปิดประตู ไม่งั้นฉันปาดคอคุณแน่"
ธามยิ้มกวนประสาท "ลองดูมั้ย มีดกับปืนอะไรจะไวกว่ากัน"
ธามชักปืนขึ้นมาจ่อย่าหยาทันทีที่พูดจบ ทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งอย่างวัดใจกัน
ย่าหยานึกถึงคำพูดของพ้งในอดีต
เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2495ย่าหยาใช้มีดสู้กับพ้ง ซึ่งในช่วงท้ายๆ ของการต่อสู้ ย่าหยาเอามีดจ่อคอหอยพ้ง ทั้งคู่ยืนหอบและเหงื่อแตกพลั่ก
"ลื้อชนะ แต่โอกาสชนะมีแค่ครั้งเดียว อย่าให้ใครรู้ว่าลื้อมีฝีมือ ไม่อย่างนั้นลื้อจะตายก่อนได้แสดงฝีมือ จำไว้"
เหตุการณ์ปัจจุบัน ย่าหยานิ่งคิด ธามอาศัยจังหวะที่ย่าหยาคิดถึงอดีตบีบข้อมือเธอแล้วจับไพล่หลัง ย่าหยาขัดขืนเล็กน้อยแล้วปล่อยมีดร่วงหล่นพื้นเพราะไม่อยากให้ธามจับผิดได้มากกว่านี้ ธามเตะมีดออกไปไกลแล้วเก็บปืนตัวเองก่อนจะดึงกระโปรงย่าหยาขึ้นอย่างมีชั้นเชิงแล้วดึงมีดอีกเล่มออกมาจากที่ซ่อนบริเวณต้นขา
"บ้านขายมีดเหรอ พกที 2-3 เล่ม" ธามถามกวนๆ
"ฉันพกไว้ป้องกันตัว"
"ป้องกันตัว หรือเอาไว้ฆ่าศัตรู"
"คุณถามเองตอบเองอย่างนี้ ฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไร"
"มันจ้างเธอเท่าไหร่ คนที่ถูกฝึกมาดีอย่างเธอ ค่าตัวคงแพง"
"แล้วแต่จะคิด"
ธามผลักย่าหยาลงบนที่นอนแล้วตามมาล็อกไม่ให้หญิงสาวขยับตัวไปไหนได้
"จะสารภาพมาดีๆ หรือจะให้ฉันเปิดปากเธอด้วยวิธีอื่น"
ธามจ้องตาย่าหยาก่อนจะค่อยๆเคลื่อนลงมาพร้อมจะประกบจูบ ย่าหยาใจเต้นตึกตักก่อนจะแหกปากลั่น
"ไม่มีใครจ้างฉันทั้งนั้น" ย่าหยาเสียงแข็ง
"ปากแข็ง" ธามว่า
ธามก้มลงจะจูบย่าหยา แต่แล้วเขาก็ชะงักเมื่อเห็นว่าเธอมีน้ำตาคลอ
"ฉันเคยถูกทำร้ายจนเกือบตาย ถ้าพ่อบุญธรรมไม่ช่วยไว้ ฉันคงตายตั้งแต่ตอนนั้น"
ธามเห็นความเจ็บปวดที่ฉายออกมาทางแววตาของย่าหยาแล้วก็อึ้งเพราะมันคือความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่การแสดง
ย่าหยาพูด "ท่านสอนให้ฉันรู้จักป้องกันตัว เพราะไม่อยากให้ฉันถูกทำร้ายเหมือนที่ผ่านมา ถ้าฉันเป็นนักฆ่า ฉันคงจัดการคุณไปแล้ว" ย่าหยาน้ำตาหยด "ฉันแค่อยากป้องกันตัว มันผิดมากเหรอ"
ธามอึ้ง อารมณ์พลุ่งพล่านของเขาค่อยๆสงบ สักครู่ธามก็ดึงย่าหยาลุกจากเตียง
ย่าหยางง "จะไปไหน"
"ไปอาบน้ำ ตัวชื้นอย่างนี้เดี๋ยวไม่สบาย"
พูดเสร็จธามก็ดันย่าหยาให้เข้าไปในห้องน้ำ ย่าหยาขืนตัวไว้
"จะอาบเอง หรือจะให้ฉันอาบให้" ธามว่า
ย่าหยาหยุดพยศ ธามจะก้าวตามเข้าไปในห้องน้ำ ย่าหยารีบปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าธาม
เล้งส่งถุงยื่นให้จือ จือเปิดดูก็เห็นเงินเป็นฟ่อนอยู่ข้างใน
"หวังว่าข่าวเรื่องโรงเก็บฝิ่นจะเงียบและเรียบร้อยดีนะ" เล้งบอก
"ถ้าเสี่ยไม่ขยันสร้างเรื่องขึ้นมาอีก" จือพูด
"ลูกน้องอั๊วได้ยินมาว่า หมวดชานนท์จะจับเรื่องนี้ไม่ปล่อย" ซ้งว่า
"ตำรวจหนุ่มไฟแรงก็ยังงี้"
"มันจะมีอะไรรับประกันได้มั้ยว่า ไอ้หมวดนี่จะไม่มาวุ่นวายกับนายใหญ่" เกี๊ยงถาม
"ชื่อนายอั๊ว พอจะรับประกันได้มั้ย" จือหันมาหาเล้ง "เสี่ยจัดการตามที่นายอั๊วสั่งแล้วไม่ใช่เหรอ"
เล้งพยักหน้า
"แล้วจะกลัวอะไร" จือถาม
เล้งมีท่าทีผ่อนคลาย สบายใจขึ้น
ย่าหยาอาบน้ำเสร็จก็สวมเสื้อคลุมและถือเสื้อชุดเก่าที่ซักและบิดจนหมาดแล้วออกมาวางที่ระเบียงกะว่าจะผึ่งเพื่อตากแดด ธามซึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงหันมามองย่าหยา
"ลุ้คนี้เซ็กซี่ดี" ธามว่า
ย่าหยากระชับเสื้อคลุมให้แน่นเข้าไปอีก
ธามเดินเข้ามาหาย่าหยา ย่าหยาถอยไปทีละนิดจนไปชิดฝาผนัง ธามขยับตามเข้าไปใกล้ ย่าหยาใจเต้นโครมครามไม่รู้ว่าธามจะเอายังไงอีก ธามคว้าเสื้อผ้าเปียกของย่าหยาซึ่งพาดไว้กับเก้าอี้ติดมือเดินไปที่ห้องน้ำด้วย
"เสื้อฉัน คุณเอาเสื้อฉันไปทำไม" ย่าหยาถาม
"คิดว่าฉันอ่านความคิดเธอไม่ออกเหรอ กะว่าฉันเข้าไปอาบน้ำเมื่อไหร่ก็จะใส่ชุดนี่ปีนโรงแรมหนีใช่มั้ย" ธามบอก
ย่าหยาอึ้งเพราะสิ่งที่ธามพูดคือสิ่งที่เธอคิดอยู่ในหัวเป๊ะ
"ยึดของกลางไว้ก่อน เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย" ธามบอก
ธามเดินถือเสื้อผ้าย่าหยาเข้าห้องน้ำแล้วงับประตูปิดทันที
"เฮียกระทิง ทำอย่างนี้มันมากเกินไปแล้วนะ" ย่าหยาตามมาทุบประตู "เอาเสื้อฉันคืนมาได้ยินมั้ย ของส่วนตัวของฉัน คุณเอาไปได้ยังไง เอาคืนมา"
ธามพูดเสียงปกติออกมา "รอเดี๋ยว"
ไม่กี่อึดใจ ธามก็เปิดประตูออกมาในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่า
ย่าหยาตาโตเป็นไข่ห่านเพราะไม่ใช่แค่ท่อนบน ท่อนล่างของธามก็เปลือยเปล่าด้วยเช่นกัน ธามยกเสื้อผ้าย่าหยาในมือขึ้นมา
"อยากได้ก็มาเอาไป"
ย่าหยาแทบกรี๊ด เธอรีบผลักประตูปิดปังทันที ธามที่อยู่ในห้องน้ำยิ้มมุมปากเพราะขำย่าหยา
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 4 (ต่อ)
มือปืนสองคนที่รอดชีวิตพูดจาตะกุกตะกักเหมือนเกรงกลัวอะไรบางอย่างสุดๆ
"ผมขับรถไล่ชนไอ้ธาม แต่..มันพาผู้หญิงวิ่งหนีไปด้วย"
"เราก็เลย เอ่อ ทำงานไม่สะดวก แต่ ก็ไล่มันจนต้องหนีลงน้ำครับนาย"
เกี๊ยงพูดออกมา "แม่น้ำเจ้าพระยา"
"ครับ"
เล้งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ช่วงนี้น้ำเยอะ ไหลเชี่ยวด้วยนะนายใหญ่"
"วันนี้ไม่เจอมัน อีก 2-3 วันมันคงโผล่มาให้เห็นเอง" เล้งหัวเราะร่วน "แล้วผู้หญิงล่ะ"
"คือ" มือปืนอึกอัก
เล้งหยุดหัวเราะแล้วหันมามองมือปืนด้วยสายตาพิฆาต
"มัน เอ่อ พาผู้หญิงกระโดดลงน้ำไปด้วยครับ"
เล้งรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาทันที "ไอ้ธาม" เล้งสั่งทุกคน "หาศพมันให้เจอ ส่วนย่าหยา ถ้าไม่มีลมหายใจกลับมา" เล้งกระชากคอมือปืนทั้งสองเข้ามา "ลื้อสองคน ตาย"
สองมือปืนกลัวจนหัวหด เล้งมีท่าทางดุดันเอาจริง
ธามสวมเสื้อคลุมถือชุดของย่าหยาที่เปียกออกมา ย่าหยาที่นั่งคิดหาทางออกอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเงยหน้าขึ้นมามอง
"ของกลาง คืน" ธามบอก
ธามวางเสื้อผ้าย่าหยาไว้ที่เก้าอี้ข้างตัวก่อนจะเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ
"คืนของแล้วก็แล้วกันสิ จะเข้ามาทำไมอีก"
ธามไม่ต่อปากต่อคำแต่คืบเข้ามาใกล้ย่าหยามากขึ้นเรื่อยๆ
"จะทำอะไร" ย่าหยาถาม
"ออกมาตั้งนาน ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้ง อยากเป็นหวัดเหรอ"
พูดเสร็จ ธามก็หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางบนเตียงขึ้นมาเช็ดผมให้ย่าหยา ย่าหยากระเถิบตัวหนี
ธามดุเสียงเข้มหมือนดุเด็ก "จะไปไหน มานี่ นั่งนิ่งๆ"
ย่าหยาได้ยินคำพูดธามแล้วก็นึกถึงใครบางคน
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา จันทร์ชมพูสวมเสื้อคลุม ผมของเธอเปียกเพราะเพิ่งสระ เธอนั่งอยู่หน้ากระจกด้วยท่าทางเอียงอาย ชลธีในชุดเสื้อคลุมถือผ้าขนหนูผืนเล็กเดินเข้ามา
จันทร์ชมพูพลิกตัวหนีเล็กๆพอเป็นพิธี "ไม่เป็นไรค่ะพี่ธี จันทร์จัดการเองได้"
ชลธีพูดอย่างสุภาพ อ่อนโยน และน่ารัก "จะไปไหน มานี่ นั่งนิ่งๆ พี่เช็ดให้"
จันทร์ชมพูยอมโอนอ่อนผ่อนตาม เธอรู้สึกผ่อนคลายเพราะชลธีทั้งเช็ดทั้งนวดหัวให้อย่างนุ่มนวลและเบามือ
เหตุการณ์ปัจจุบัน ย่าหยาหัวสั่นหัวคลอนไปมาเพราะแรงเช็ดของธาม ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว
"นี่มันมือหรือไม้เบสบอลกันแน่ห๊ะ เช็ดเบาๆหน่อยได้มั้ย"
"เบาแล้วเมื่อไหร่จะแห้ง ผู้ชายที่ไหนก็มือหนักอย่างนี้ทั้งนั้น"
"ไม่จริง อย่างน้อยก็คนหนึ่งล่ะที่ทำทุกอย่างด้วยความอ่อนโยน"
ธามชะงักกึก "ใคร คนรักเธองั้นเหรอ"
"ใช่"
"ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน หวังว่าคงไม่ใช่เสี่ยเล้ง"
"ถ้าใช่ล่ะ"
ธามจับตัวย่าหยาบีบอย่างแรง "อย่ายั่วโมโหนะย่าหยา"
"เสี่ยเล้งเขาทำอะไรให้คุณ ทำไมคุณถึงแค้นเขานักหนา"
ธามเขวี้ยงผ้าเช็ดผมในมือทิ้งเพื่อระบายอารมณ์แล้วยืนหันหลังให้ย่าหยาก่อนจะขบกรามแน่น ย่าหยาเห็นอาการธามแล้วรู้สึกได้ว่าธามต้องมีความหลังอันเจ็บปวดกับเสี่ยเล้งไม่ต่างจากเธอ
ย่าหยาเสียงเบาลง "เสี่ยเล้งไม่ใช่คนรักของฉัน"
ธามผ่อนลมหายใจโล่งอกโดยไม่รู้ตัว
"แต่ เขารักฉันรึเปล่า ฉันไม่รู้"
ธามอึ้ง เขาหันมามองย่าหยา ทั้งคู่ประสานตากันนิ่งแต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู
ทั้งคู่หันไปมองที่ประตู
ธามเปิดประตูห้อง จิวถือชุดกระโปรงผู้หญิงที่ตัดเย็บอย่างดีเข้ามา 6 ชุดและชุดผู้ชาย 1 ชุด
"มาแล้วครับเฮีย สั่งตรงมาจากร้านที่มิ่งเมืองเลยครับ" จิวบอก
"ขอบใจนะ"
"ไม่รู้จะใส่ได้รึเปล่า แต่ก็ให้ไซส์ไปตามที่เฮียบอก" จิงแอบแซวย่าหยา "หวังว่าจะใส่ได้นะครับ"
ย่าหยาหน้างอใส่จิว
"อาเฉียงล่ะ" ธามถาม
"นัดเจอกันที่ฉั่วเทียนเหลาครับเฮีย" จิวบอก
"หมดธุระ ไปได้แล้ว" ธามว่า
"ครับ" จิวโบกมือให้ย่าหยา "ไปนะครับ มาดาม"
ย่าหยาหันไปมองจิวแบบเคืองๆ จิวเผ่นแน่บ ธามถือชุดเข้ามาหาย่าหยา
"ทั้งหมดเป็นแผนการที่คุณวางไว้ คุณตั้งใจหาเรื่องทะเลาะกับฉัน ดึงฉันขึ้นรถใช้ฉันเป็นตัวล่อศัตรู พาฉันกระโดดน้ำหนี ให้อาจิวเอาเรือมารับ กระทั่งเสื้อผ้าพวกนี้คุณก็เตรียมมาก่อนหน้านี้แล้ว"
"เรื่องมันเยอะจนเกินจะเรียกว่าบังเอิญใช่มั้ย งั้นเรียกว่าจงใจแล้วกัน" ธามบอก
ย่าหยาแค้นใจ "คุณจงใจทำฉันเกือบตาย"
"ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่า เธอเป็นพวกมันรึเปล่า" ธามถาม
"คุณเอาความแค้นส่วนตัวมาลงกับฉัน โดยที่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย"
"อยู่กับเฮียกระทิง ไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันไม่ยอมให้เธอตาย"
ธามพูดออกไปแล้วก็อึ้ง เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอหลุดพูดประโยคนี้ออกมาได้ ย่าหยายิ่งอึ้งยิ่งขึ้น
ธามรีบปรับอารมณ์แล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างเก้อๆ "เลือกเอาจะใส่ชุดไหน สีชมพูนี่น่ารักดี"
ย่าหยากลบเกลื่อนแบบไม่ตามใจธาม "ฉันชอบสีครีม"
ธามเร่ง "จะสีอะไรก็รีบไปเปลี่ยนเร็วๆเข้า ใกล้เวลาเข้างานแล้ว"
ย่าหยาเอาชุดกระโปรงสีครีมเดินเข้าห้องน้ำ ธามไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้เผลอใจบ่อยๆเมื่ออยู่กับย่าหยาตามลำพัง
เล้งยืนมองออกไปที่แม่น้ำกับเกี๊ยง สักครู่ ซ้งก็เข้ามายืนขนาบอีกข้าง
"ท่านให้อาเจ็งมาส่งข่าวว่าคนของเราตระเวนเอาเรือขึ้นล่องแม่น้ำ ช่วงนี้มีการจับของเถื่อนที่มากับเรือ ถ้าถูกจับอาจโดนสอบไปเรื่องอื่น จะกลายเป็นเรื่องใหญ่"
มือปืนสองคนวิ่งเหงื่อซกเข้ามาหาเล้ง
"ผมให้ลูกน้องเอาเรือออกดูหลายเที่ยวแล้ว แต่ไม่เจอครับเสี่ย"
"คงต้องรอดูพรุ่งนี้ ศพมันอาจลอยขึ้นมาติดฝั่งก็ได้ครับ"
เล้งพูดขึ้น "ลื้อรอได้แต่อั๊วรอไม่ได้"
เล้งพูดจบก็ชักปืนขึ้นมาจ่อยิงมือปืนทั้งสองในระยะประชิดอย่างเหี้ยมโหด ทั้งคู่ทรุดลงไปกองกับพื้นในสภาพตาเหลือกค้าง
เล้งมองศพทั้งคู่ "ไอ้โง่เอ๊ย" เล้งสั่งเกี๊ยงกับซ้ง "ลากมันไปทิ้ง อยากให้ใครสาวถึงอั๊วได้"
เล้งเดินออกมา เกี๊ยงหันมาถาม
"นายใหญ่จะไปไหน"
"ฉั่วเทียนเหลา ไม่ต้องตาม"
เล้งเดินออกมา ในขณะที่ซ้งกับเกี๊ยงสบตากัน
ย่าหยาซึ่งสวมชุดที่ธามซื้อให้เรียบร้อยแล้วกำลังรวบเก็บผมง่ายๆ เธอหันมาเห็นเสื้อผ้าธามที่เปียกชื้นวางกองอยู่มุมหนึ่งในห้องน้ำ ย่าหยาพุ่งเข้ามาค้นดูปืนของธามที่อาจจะซ่อนไว้ที่เสื้อผ้า หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินเสียงธามดังมาจากทางด้านหลัง
"หาไอ้นี่อยู่เหรอ"
ย่าหยาหันไปมองที่ประตูเห็นธามในชุดใหม่กำลังชูปืนในมือตัวเองขึ้นมา
"เฮียกระทิงไม่เคยทิ้งปืนห่างตัว เสียใจด้วยนะ"
"ฉันแค่จะเก็บเสื้อผ้าให้คุณ" ย่าหยาบอก
"แบบภรรยาทำให้สามี"
ย่าหยาลมออกหู "คุณธาม"
"ไปได้แล้ว เธอคงไม่อยากเข้างานสายแล้วตอบคุณสุ่ยใช่มั้ยว่า มาโรงแรมกับฉัน"
ธามเดินนำย่าหยาออกมา
"เดี๋ยว..มีดฉัน เอาคืนมา" ย่าหยาแบมือ
ธามหยิบมีดออกมาจากกระเป๋าหลังแล้วยื่นให้ "ถ้าจะย้อนกลับมาแทงกันล่ะก็ ขออย่างเดียว แทงกันซึ่งๆหน้า อย่าแทงข้างหลัง"
ธามมองย่าหยาด้วยแววตาคมปล๊าบบาดใจ ย่าหยารับมีดคืนมา
จิวขับรถพาธามมาส่งย่าหยาหน้าฉั่วเทียนเหลา ย่าหยาเปิดประตูรถลงพร้อมธามซึ่งหิ้วชุดกระโปรงต่อเนื่องที่เหลือของหญิงสาวตามออกมาด้วย พนักงานเสิร์ฟเดินเข้างานพร้อมย่าหยา ทั้งสองแอบมอง
"คุณเอากระโปรงออกมาทำไม" ย่าหยาถาม
"จะให้ฉันเก็บไว้ใส่เองเหรอ ฉันสั่งมาให้เธอ มันเป็นของเธอ ฉันถือเข้าไปให้" ธามบอก
"ไม่ต้อง เอามานี่ ฉันจัดการเองได้"
ย่าหยาคว้าชุดจากธาม ธามแกล้งโยกเสื้อผ้าหนีเล็กๆ ทำให้ย่าหยาคว้าลม ย่าหยาขัดใจหันหลังเดินหนี ธามคว้ามือไว้แล้วส่งเสื้อผ้าให้ ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาเล้งซึ่งเพิ่งเดินมาจากอีกด้านพอดี
"อาธาม" เล้งเรียก
ธามชะงักแล้วหันไปมองเล้งเช่นเดียวกับย่าหยา
"ไปเที่ยวไหนกันมา" เล้งถาม
"ได้เที่ยวก็ดีสิครับ นี่ได้แต่วิ่งหลบลูกปืนไอ้พวกหมาลอบกัด พอดีย่าหยาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เลยต้องเชิญมาเป็นเกราะกันกระสุน"
"ฉันขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเข้างานสาย" ย่าหยาบอก
ย่าหยาเดินถือเสื้อผ้าเข้าฉั่วเทียนเหลา โดยที่พนักงานเสิร์ฟทั้ง2คน เข้าไปแล้วก่อนหน้านี้
หญิงสาวเดินสวนกับเฉียงที่เพิ่งเดินออกมาจากภัตตาคาร ทั้งคู่ยิ้มทักทายกัน
"นี่ลื้อโดนตามล่าอีกแล้วเหรอ" เล้งถาม
"ครับ ถ้าผมไม่ตายพวกมันคงไม่เลิกจองเวร มันคงลืมไปน่ะครับว่า ผมก็ทำมันตายได้เหมือนกัน"
ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันสักครู่ชานนท์ก็เดินเข้ามา
"สวัสดีครับเสี่ย ผมมีหมายมา ขออนุญาตค้นโรงฝิ่นเสี่ยนะครับ"
เล้งยืนอึ้ง
"เชิญคุณธามด้วยครับ ทางตำรวจได้เบาะแสมาว่าพวกอันธพาลที่ทำร้ายคุณเคยไปใช้บริการที่นั่น ถ้าเจอจะได้ชี้ตัวได้เลย"
ธามมองหน้าเล้งแบบแอบเย้ยหยันอยู่ในที
พนักงานเสิร์ฟสองคนเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้วเม้าท์มอยกัน
"เธอเห็นเหมือนที่ฉันเห็นมั้ย เฮียกระทิงหยอกเย้าย่าหยาด้วย ไม่เคยเห็นเฮียอารมณ์ดีอย่างนี้กับใคร น่ารักดีนะ"
"นั่นสิ ซื้อเสื้อผ้าให้ด้วย สวยๆทั้งนั้นเลย คงจะแพงมาก อิจฉา"
"ที่เคยคิดเคยฝันว่าเฮียกระทิงจะชายตาแลฉันบ้าง เป็นอันฝันสลาย"
"เธอว่าโบตั๋นรู้เรื่องนี้จะเป็นยังไง"
พูดยังไม่ทันขาดคำ โบตั๋นก็โผล่ออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยหน้าตาบึ้งตึง พนักงานทั้งคู่อ้าปากเหวอ จังหวะนั้น ย่าหยาก็หอบเสื้อผ้าเดินเข้ามาในห้องพอดี
โบตั๋นพูดเสียงเย็น "ไปเที่ยวกับเฮียกระทิงมาเหรอย่าหยา"
พนักงานเสิร์ฟทั้งคู่เห็นท่าไม่ดีและบรรยากาศมาคุ ทั้งสองรีบชักชวนกันเดินตัวลีบเลี่ยงออกไปทันที
"คือ" ย่าหยาพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ดูดีมีเหตุผล
"เฮียกระทิงไปกับเธอทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดฉัน" โบตั๋นว่า
ย่าหยาใจหายวูบ "พี่โบตั๋นอย่าเข้าใจผิดนะคะ"
"หรือเธอจะปฏิเสธว่าไม่จริง เธอไม่ได้ออกไปกับเฮียกระทิงงั้นสิ"
ย่าหยาเถียงไม่ออก "หยายอมรับว่าหยาไปจริง"
"หน้าด้าน" โบตั๋นพุ่งเข้ามาบีบแขนย่าหยาแน่น "เธอไปกับเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นอะไรกับฉัน"
ย่าหยาจำใจโกหก "เฮียกระทิงชวนหยาไปซื้อของให้พี่โบตั๋นนะคะ คงเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน น่าจะเลือกของได้ถูกใจกว่า"
โบตั๋นชะงักกึกแล้วค่อยๆปล่อยมือจากย่าหยา
"หมายความว่าเสื้อผ้าพวกนี้ เฮียซื้อให้ฉันงั้นเหรอ"
ย่าหยาปล่อยเลยตามเลย "เอ่อ ค่ะ"
"แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก" โบตั๋นหยิบกระโปรงขึ้นมาดูทีละชุด "สวยๆทั้งนั้นเลย ที่เฮียไม่พาฉันไปคงเพราะอยากจะเซอร์ไพร์สนี่เอง เฮียให้เธอห่อเป็นของขวัญให้ฉันใช่มั้ย ไม่ทันแล้ว"
ย่าหยาอยากปฏิเสธเพราะกลัวโบตั๋นจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ แต่พอเห็นหน้าตาที่เต็มไปด้วยความสุขของหญิงสาวแล้ว ย่าหยาก็ไม่กล้าที่จะทำลายความสุขนั้น
จิวขับรถมาส่งธามที่หน้าโรงฝิ่น เฉียงที่นั่งข้างจิวลงมาเปิดประตูรถให้ธามลงทางด้านหลัง
"ลื้อกับอาจิวแยกไปจัดการเรื่องนั้นเลยนะ ไม่ต้องตามเข้าไป มีหมวดชานนท์อยู่ด้วย มันไม่กล้าเผยตัวเองต่อหน้าตำรวจหรอก" ธามบอก
"ได้ครับเฮีย" เฉียงรับคำ
เฉียงจะกลับเข้ารถ ธามนึกได้ก็หันมาถาม
"โบตั๋นเป็นยังไงบ้าง"
"อั๊วพาอีไปทำบุญที่ศาลเจ้า แล้วพาไปซื้อของ แต่อีไม่ซื้ออะไร หน้าตาดูเศร้าๆ วันเกิดอี อีคงคิดถึง อยากอยู่กับเฮียน่ะครับ"
ธามพยักหน้ารับรู้ "ไปได้แล้ว"
เฉียงพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะกลับเข้ารถ ในขณะที่ธามยืดตัวตรงแล้วเดินจากไป
ป้ายหน้าโรงฝิ่นเขียนเป็นภาษาจีนที่มีความหมายว่าค้าขายรุ่งเรือง ธาม เล้ง ชานนท์และตำรวจติดตาม2คนเดินเข้ามา
"เชิญ" เล้งเดินนำเข้าไปด้านใน
ธามกับชานนท์สบตากัน
"ถ้าพบหลักฐาน ผมแจ้งข้อหาทันที" ชานนท์บอก
ธามพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามชานนท์เข้าไปด้านใน
เล้งยืนรออยู่ด้านในโรงฝิ่น ชานนท์และตำรวจติดตามเดินนำธามเข้ามา ทุกคนก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นคนกำลังเข้าคิวกันซื้อยาสมุนไพรจีนที่อยู่ในโหลและตามชั้นต่างๆ หมอสมุนไพรซักถามและจัดยาให้คนที่มาซื้อเป็นเรื่องเป็นราว โดยมีฮกยืนเป็นผู้ช่วยหมออยู่ข้างๆ ธามสบตาฮก ฮกหลบวูบ
"ในหมายแจ้งว่าที่นี่เป็นโรงฝิ่น มีการลักลอบขายยา" ชานนท์ว่า
"ยาที่ว่านี่คงเป็นยาต้ม ยาบำรุงกำลัง อั๊วลักลอบที่ไหน ก็ขายอยู่ทุกวัน ถามลูกค้าอั๊วดูก็ได้ว่าจริงมั้ย" เล้งบอก
ธามสบตาชานนท์
"ไม่ใช่ยาจีนพวกนี้ ยาที่ว่าเป็นยาเสพติด เขาเรียก เฮโรอีน”
"อั๊วไม่เคยได้ยิน"
"แล้วที่บอกว่าที่นี่เป็นโรงฝิ่น"
"เมื่อก่อนคงใช่ แต่อั๊วเอามาทำเป็นร้านขายยา อั๊วไม่ใช่คนที่หลวงแต่งตั้งยศศักดิ์ให้นี่นะ ขืนทำก็ผิดกฎหมาย อั๊วไม่อยากมีปัญหา"
เกี๊ยงที่ยืนอยู่อีกมุมเดินเข้ามา "เปิดร้านขายยามีปัญหารึเปล่า"
เล้งกับเกี๊ยงหัวเราะกวนๆ
ชานนท์บอก "ผมขออนุญาตค้นตามหน้าที่"
เล้งเชื้อเชิญอย่างเริงร่า "เชิญ เชิญตามสบาย อาธาม ลื้อจะตามหมวดไปก็ได้นา จะได้เป็นพยานให้อั๊วด้วยว่า อั๊วทำผิดรึเปล่า"
ธามยิ้มให้เล้งแต่เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความแค้น อัดอั้น และรอวันระเบิด
เฉียงยื่นรูปถ่ายย่าหยาขณะกำลังถือเค้กวันเกิดเสี่ยซ่งให้ชาวบ้านดู กลุ่มชาวบ้านก้มลงมองรูป สักครู่ชาวบ้านจึงเงยหน้าขึ้นมา
"ไม่คุ้นหน้าเลยแฮะ"
"อามิ่งอีมีลูกสาวชื่อเพ็ญนภาจริง แต่หายหน้าไปตั้ง 7- 8 ปีแล้ว"
"เอ หรือว่าไม่เห็นกันนาน พออีโตเป็นสาวเลยเปลี่ยนไป"
แม่ค้าคนนึงพูด "ยังไงมันก็ต้องมีเค้าเดิมบ้างสิ แต่นี่มันคนละคนกัน อาเพ็ญมารับจ้างล้างแก้วที่ร้านอั๊วตั้งแต่เด็กยันสาว ทำไมอั๊วจะจำอีไม่ได้"
"ใช่ ใช่ อาเพ็ญอีได้เชื้อจีนจากป๊าอีมาเต็มๆ หน้ากลม ตาตี่ คิ้วบาง ไม่ได้คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่งเหมือนผู้หญิงในรูปนี่"
"แล้วมีใครเคยเห็นผู้หญิงที่อยู่ในรูปนี้มั้ยครับ อยู่แถวนี้รึเปล่า" เฉียงถาม
ทุกคนพากันส่ายหน้า
"ตกลงทุกคนจะบอกว่าผู้หญิงในรูปนี้กับเพ็ญนภา ไม่ใช่คนเดียวกันงั้นเหรอ" จิวบอก
"ไม่เหมือนเลยดีกว่า" แม่ค้าชี้ที่รูป "ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่อาเพ็ญ อั๊วเอาหัวเป็นประกัน"
เฉียงกับจิวมองหน้ากันแล้วก็อึ้ง
ธามเดินออกมาพร้อมชานนท์และตำรวจติดตามจากหลังร้าน เล้งซึ่งนั่งซดยาจีนอยู่มุมหนึ่งกับเกี๊ยงหันมาถาม
"ตกลงมียาอะไรผิดกฎหมายมั้ยหมวด" เล้งถาม
"ไม่มีครับ" ชานนท์ตอบ
"แล้วเห็นพวกที่ทำร้ายลื้อมั้ยอาธาม ถ้ามันซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่ต้องส่งตำรวจให้เปลืองที่ในคุกหรอก อั๊วจัดการเอง"
"ไม่มีครับ" ธามเสียดสี "พวกมันคงรู้ว่ามาพึ่งใบบุญ คนดีมีศีลธรรมอย่างเสี่ยไม่ได้"
เล้งยิ้มและวางท่าปกติ ทั้งๆที่อ่านออกว่าธามหลอกด่า
"ลื้อน่าจะแจ้งความหมวดชานนท์ไว้นา ปล่อยให้พวกมันไล่ยิงรายวันแบบนี้ มันจะย่ามใจ"
ธามยิ้มแต่แววตานิ่งมาก "ไม่แจ้งดีกว่าครับ เพราะผมพร้อมเอาคืนทุกเวลา กลัวมีปัญหาทีหลัง" ธามหันมาพูดทีเล่นทีจริงกับชานนท์ "พูดเล่นนะครับหมวด"
"ถ้างั้นผมต้องขอตัวกลับก่อน ขอโทษนะครับที่มารบกวนเวลาของเสี่ย"
"กากี่นั้ง อั๊วยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เสมอ"
ธาม ชานนท์ และตำรวจติดตามพากันออกไป เล้งมองตาม
"เก๋าเจ้ง ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” เล้งโกรธเกรี้ยว
โบตั๋นสวมกระโปรงสีชมพูอ่อนที่ธามชอบลงนั่งที่หน้ากระจก
เธอปรับเปลี่ยนทรงผมใหม่ เปลี่ยนต่างหูเพื่อให้เข้ากับชุดที่ดูน่ารักอ่อนหวาน แล้วก็ยิ้มกับกระจกด้วยหัวใจที่พองฟู สักครู่ ย่าหยาที่อยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชุดที่โบตั๋นใส่
"พี่โบตั๋นให้คนไปเรียกหยามีอะไรรึเปล่าคะ" ย่าหยาถาม
"คืนนี้ฉันขอไปส่งข้าวเฮียนะ"
"ค่ะ ที่จริงพี่ไปส่งทุกวันได้ยิ่งดีนะคะ หยาไม่อยากไปแต่ก็ไม่อยากให้คุณสุ่ยมีปัญหา พี่ลองคุยกับเขาดูนะคะ"
โบตั๋นเดินมาจับมือย่าหยา
"ขอบใจนะย่าหยา ฉันต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจเธอกับเฮียกระทิงผิดมาตลอด"
"เอ่อ ค่ะ"
"แต่ถ้าไม่เข้าใจผิด ฉันก็คงไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เฮียก็รักและนึกถึงฉันเหมือนกัน ขอบคุณเธอจริงๆนะ"
ย่าหยารู้สึกผิดที่โกหกโบตั๋นเรื่องของขวัญ ย่าหยานิ่งคิด สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจจะบอกความจริงแก่โบตั๋น แต่หยกมณีเดินเข้ามาเรียกย่าหยาขัดจังหวะเสียก่อน
"อาหยาอยู่นี่เอง เสี่ยเล้งมา อีอยากคุยด้วย ท่าทางอารมณ์ไม่ดี มาไวไว"
สุ่ยรีบดึงมือย่าหยาออกไป ย่าหยาหันกลับมามองโบตั๋นด้วยความเสียดายโอกาสที่จะได้พูดความจริง โบตั๋นกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วเติมปากอย่างมีความสุข
ย่าหยารินเหล้าให้เล้ง เล้งนั่งจ้องหญิงสาวตาหน้านิ่งเหมือนไม่พอใจนิดๆ หยกมณีที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีคอยชำเลืองมอง
"ฉันนึกว่าออกจากโรงแรมแล้วเธอจะตรงมาที่นี่ซะอีก"
"ก็มายืนรอรถลากค่ะ พอดีเจอคุณธาม คุณธามขอให้ฉันไปช่วยเลือกของขวัญให้พี่โบตั๋น หลังจากนั้นก็มีคนตามยิงเราสองคน" ย่าหยาสบตา "ตรงตามที่ลูกน้องเสี่ยรายงานมั้ยคะ"
เล้งยิ้มออกมาได้ "ฉันชอบผู้หญิงที่รู้ทันฉัน" เล้งยกเหล้าดื่มแล้วก็เริ่มจะเมา "เธอมีคนรักรึยัง"
ย่าหยาประสานสายตา "มีแล้วค่ะ"
เล้งอึ้งนิ่ง "พูดตรงดี ฉันชอบ"
"ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องโกหกนี่คะ"
"เขาอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร"
ย่าหยาสะท้อนใจ "ฉันก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ"
"หมายความว่ายังไง"
ย่าหยาน้ำตาคลอ "เขาถูกทำร้ายแล้วหายตัวไป เขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉันที่นี่"
เล้งอึ้ง "เธอเลยมาทำงานที่นี่ เพื่อรอเขา"
ย่าหยาพยักหน้าแล้วก็น้ำตาหยดติ๋ง เล้งหยิบผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้หญิงสาว เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาหยกมณี
"ฉันอิจฉาผู้ชายคนนั้นจริงๆ" เล้งว่า
ย่าหยาชม้ายตาขึ้นมามองเล้งแล้วทำแบ๊วใส่เหมือนไม่เข้าใจ
"แล้วถ้าเขาไม่มาล่ะ เธอจะรอไปอีกนานแค่ไหน"
ย่าหยาทำอึ้งแต่ในใจอยากตะโกนบอกว่าชั้นไม่เชื่อว่าชลธีจะไม่กลับมา
"ถ้ามีใครเสนอตัว ขอดูแลเธอเพิ่มอีกคน เธอจะว่ายังไง" เล้งว่า
ย่าหยาเงยหน้าขึ้นมามองเล้ง
ธามกัดฟันกรอดพร้อมกับเขวี้ยงรูปย่าหยาที่อยู่ในมือทิ้งด้วยความแค้นใจ เฉียงกับจิวยืนอยู่ไม่ไกล
"มารยาสาไถย" ธามโกรธเกรี้ยว
"ไม่ใช่แค่ที่ตลาดนะเฮีย อั๊วกับอาจิวไปถามญาติๆอามิ่งกับอาสุกที่อยู่แถวนั้นทุกคนพูดเหมือนกันว่า ย่าหยาไม่ใช่เพ็ญนภา" เฉียงบอก
"พวกอีไม่มีรูปถ่ายเก็บไว้ก็จริง แต่ยืนยันเสียงแข็งนะเฮียว่าไม่ใช่ อาเพ็ญนภาตัวจริงหายไปตั้ง 7 ปีแล้ว" จิวว่า
"ต้องมีใครขอใช้ชื่อลูกของผัวเมียคู่นั้น ใครคนนั้นต้องมีอำนาจและเงินมากพอที่จะอุดปากสองคนนั่นได้" ธามคิด "เสี่ยเล้ง"
"ตกลงย่าหยาทำงานให้เสี่ยเล้งหรือครับ"
"มันยังไงกันแน่เฮีย ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูมีลับลมคมในซะจริง อยู่ข้างไหนกันแน่"
ธามพูดหน้านิ่ง ด้วยตาเป็นประกายดุดัน "ฉันไม่รู้ แต่เดี๋ยวก็รู้"
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทุกคนชะงัก เฉียงเดินไปเปิดประตูแล้วก็ตะลึงในความงามของคนที่อยู่เบื้องหน้า
โบตั๋นในชุดสีชมพูถือถุงกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่งพร้อมถุงอาหารยืนอยู่ที่หน้าประตู
"เฮียอยู่ใช่มั้ยคะ"
"เชิญครับ" เฉียงบอก
โบตั๋นก้าวเข้ามาในบ้านธาม ธามหันไปมองพร้อมจิว ทั้งคู่อึ้งที่เห็นโบตั๋นใส่ชุดของย่าหยา
โบตั๋นยิ้มหวาน "โบตั๋นเอาข้าวมาส่งเฮียค่ะ"
เฉียงกับจิวเดินคุยกันมาตามทาง
"ลื้อจำผิดรึเปล่าอาจิว" เฉียงถาม
"อั๊วไปรับมากับมือ ทำไมอั๊วจะจำไม่ได้ว่าชุดที่โบตั๋นใส่คือชุดที่เฮียซื้อให้ย่าหยา" จิวบอก
"ทำไมเฮียต้องซื้อชุดให้อาหยาล่ะ โอกาสพิเศษอะไร"
จิวพูดติดตลก "โอกาสพิเศษที่ถูกไล่ยิงจนต้องโดดน้ำหนีไงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
"แล้วโบตั๋นเอาชุดนั้นมาใส่ได้ยังไง"
"ใส่ได้ยังไงไม่น่ากลัวเท่าใส่แล้วจะโดนอะไร อั๊วว่าเฮียไม่พอใจแน่ เชื่อสิ" จิวบอก
เฉียงอึ้งเพราะนึกเป็นห่วงความรู้สึกโบตั๋นขึ้นมาทันที
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 4 (ต่อ)
โบตั๋นดึงชุดออกมาจากถุงชุดแล้วชุดเล่าอย่างเริงร่าด้วยหน้าตาบานเบิกสุดๆ
"ชุดนี้ก็สวย ชุดนี้เหมาะจะใส่ออกงาน ชุดนี้เรียบร้อยดี โบตั๋นชอบหมดทุกชุดเลย" โบตั๋นเข้ามากอดธามแน่น "ขอบคุณเฮียมากนะคะ โบตั๋นรักเฮียจัง"
ธามอึดอัดมากเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจหญิงสาว สักครู่ โบตั๋นก็ผละออกมาด้วยหน้าระบายยิ้มจนแก้มแทบฉีก
"แต่ที่โบตั๋นเลือกชุดนี้ใส่ก็เพราะรู้ว่าเฮียชอบให้ใส่สีนี้ เป็นไงคะ สวยมั้ย" โบตั๋นบอก
ธามตัดสินใจพูดความจริง "มันจะสวยถ้ามันเป็นของเธอ"
โบตั๋นชะงักแล้วหุบยิ้มทันที "เฮียหมายความว่ายังไง"
"เสื้อผ้าพวกนี้เป็นของย่าหยา ฉันซื้อให้เขา"
โบตั๋นรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ อารมณ์ของเธอเดือดพล่านเพราะรู้สึกโกรธที่ย่าหยากล้าโกหกเธอหน้าตาย ธามเดินมาหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงที่มุมหนึ่งแล้วเดินมาหาโบตั๋น
"นี่ต่างหากของขวัญเธอ เปิดดูสิ" ธามบอก
โบตั๋นค่อยๆ เปิดกล่องกำมะหยี่ขึ้นมาเธอเห็นว่าด้านในเป็นปิ่นปักผมที่ทำด้วยทองคำปลายแหลม "ทำจากทองคำหรือคะเฮีย" โบตั๋นถาม
ธามพยักหน้า "ชอบมั้ย"
"ทุกอย่างที่เป็นของเฮีย โบตั๋นรักทั้งนั้น"
ธามหยิบปิ่นมาปักผมให้หญิงสาว
โบตั๋นแคลงใจ "เฮียพาย่าหยาไปไหนมาคะ"
"โรงแรม" ธามตอบ
โบตั๋นสะอึก ความรู้สึกหึงแผ่ซ่าน "แล้วทำไมถึงต้องซื้อเสื้อผ้าให้กันด้วย"
ธามพูดตรงๆ "เสื้อที่ใส่อยู่มันเปียกเลยแวะอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดใหม่"
"แล้วต่อจากนั้นล่ะคะ" โบตั๋นถามต่อ
"แค่นั้น ถามแล้วไม่สบายใจ ถามทำไม เธอก็รู้ว่าฉันโกหกไม่เป็น" ธามบอก
"โบตั๋นรู้ค่ะ โบตั๋นเชื่อใจเฮีย เฮียอย่าโกรธโบตั๋นนะคะ"
"งั้นก็ดีแล้ว ต้องกลับไปทำงานใช่มั้ย เดี๋ยวฉันไปส่ง"
โบตั๋นโผเข้ามากอดธามอย่างออดอ้อน "ไม่ค่ะ โบตั๋นอยากอยู่กับเฮียที่นี่ จริงๆแล้วโบตั๋นไม่ได้อยากได้ของขวัญอะไรเท่ากับการได้อยู่กับเฮีย"
ธามแกะมือหญิงสาวออกอย่างสุภาพ "ฉันมีงานต้องทำ"
ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่คอหอยโบตั๋นทันที
ย่าหยากลับมาอยู่ในชุดกระโปรงของธาม หญิงสาวเอาแป้งตบหน้าแล้วเติมลิปสติคให้เข้มขึ้น ก่อนจะปรายตาแบบมีเสน่ห์เย้ายวนใส่กระจก
ภาพในอดีตย้อนกลับมา เล้งจ้องย่าหยาใจจดจ่อ
"ตกลงเธอจะว่ายังไง ออกไปกับฉันได้มั้ย" เล้งถาม
ย่าหยาทำอึกอัก ละล้าละลัง
"ฉันไม่บังคับใจเธอ ถ้าคนรักเธอกลับมา ฉันพร้อมจะเดินออกไป แต่ระหว่างที่รอ ฉันขอโอกาส"
ย่าหยาเล่นตัว "เสี่ยอาจจะเสียเวลาเปล่านะคะ"
"ไม่มีคำว่าเสียเวลาเปล่า เพราะฉันได้อยู่กับคนที่ฉันพอใจ"
ย่าหยาก้มหน้าทำเอียงอาย
ย่าหยาหยิบแหวนหยกที่หัวใหญ่หน่อยขึ้นมาหมุนดูแล้วยิ้มด้วยตาเป็นประกายวาว
"ฉันก็พอใจที่จะได้จัดการแก เสี่ยเล้ง"
หยกมณีเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในห้อง
ย่าหยารีบสวมแหวนหยกใส่นิ้ว
"แหม สวยเช้งเชียวนะอาหยา"
"มีอะไรรึเปล่าคะแจ้"
"ก็เสี่ยเล้งน่ะสิ ใช้ให้แจ้มาดูว่าหยาเปลี่ยนเสื้อเสร็จรึยัง ตกลงจะไปไหนกัน"
"หาอะไรกินน่ะค่ะแจ้"
หยกมณีดักคอ "คงไม่จบที่ห้องพักลื้อ หรือที่บ้านเสี่ยเล้งนะ"
"ไม่ค่ะ"
"วันนี้ไม่ แต่ต่อไปไม่แน่ เสี่ยเล้งรวยล้นฟ้า ใครๆก็อยากสบายทั้งนั้น"
"แต่ไม่ใช่หยาค่ะ"
"ทำเป็นพูดเข้า ถ้าอีอยากได้ลื้อขึ้นมา ลื้อกล้าปฏิเสธอีเหรอ"
"ไม่ว่าเสี่ยหรือใครก็บังคับหยาไม่ได้ ถ้าหยาไม่เต็มใจ ที่ต้องออกไปเพราะหยามีเหตุผล ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวเลยสักนิด"
"งั้นเรื่องอะไร"
"สักวันค่ะแจ้ สักวันหยาจะเล่าให้แจ้ฟัง"
ย่าหยายิ้มก่อนจะเปิดตู้เก็บของ คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้อง หยกมณีมองตามอย่างงงๆ
ธามกับโบตั๋นเดินเคียงกันมาตามทางด้วยความเงียบกริบ สักครู่โบตั๋นก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบหลังจากที่อึดอัดมานาน
"ทำไมเฮียไม่เคยพาโบตั๋นเข้าบ้านเลย"
"เมื่อกี้เธอก็อยู่บ้านฉัน" ธามบอก
"ถ้าย่าหยาไม่ให้โบตั๋นมาส่งข้าวเฮีย โบตั๋นคงไม่มีโอกาสเข้าไป เฮียไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้าบ้าน ยกเว้นย่าหยา" โบตั๋นตัดพ้อ
ธามนิ่งเพราะมีหลายร้อยพันเรื่องที่โบตั๋นไม่รู้ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเล่าให้เธอฟัง
โบตั๋นกลั้นใจถาม "เฮียชอบอีรึเปล่า"
ธามชะงัก "เธอพูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นแค่มาทำงานไถ่โทษเท่านั้น"
"แล้วโบตั๋นล่ะ เฮียรักโบตั๋นบ้างมั้ย"
ธามสะอึก เขาคิดในใจว่าแท้จริงแล้วเขารักโบตั๋นรึเปล่า เพราะเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
"เฮียไม่ต้องตอบก็ได้ โบตั๋นไม่สนหรอกว่าเฮียจะรักโบตั๋นรึเปล่า ขอแค่เฮียเมตตาให้โบตั๋นได้อยู่ใกล้เฮีย ได้รักเฮีย เท่านี้ก็พอ"
ธามเห็นน้ำตาโบตั๋นแล้วก็นึกสงสาร เขาโอบกอดหญิงสาวเพื่อปลอบใจ
ธามเดินคู่มากับโบตั๋น สักครู่โบตั๋นเห็นธามแล้วก็ชะงักเลยหันมามองตามไป ทั้งคู่เห็นเล้งเดินออกมาจากฉั่วเทียนเหลาพร้อมย่าหยา คนเมาที่เดินตามหลังเซมาชนย่าหยา เล้งเข้ามาผลักคนเมาจนกระเด็นไปกระแทกพื้นแล้วก็จะตามมากระทืบ ย่าหยาดึงแขนเล้งไว้แล้วรีบพาเขาเดินออกไป
ธามตาลุกวาวที่เล้งปกป้องย่าหยาออกนอกหน้า เขาคิดว่าทั้งสองต้องมีสัมพันธ์แนบแน่นต่อกัน
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นนี้ หัวใจของธามก็กระตุกวาบและร้อนรนขึ้นมาทันที โบตั๋นมองธามแล้วก็ใจหายเพราะเธอดูออกว่าธามหึงย่าหยาอยู่
รถเข็นขายของคาวหวานต่างๆ ตั้งอยู่ข้างทาง ทั้งร้านขายสลิ่ม ร้านขายขนมหวานแบบไทยๆ
ร้านขายกระเพาะปลา ขนมเบื้อง น้ำแข็งไส อ้อยควั่น ฯลฯ เล้งกับย่าหยานั่งอยู่ที่ร้านบัวลอยไข่หวาน
"นึกว่าเธออยากเปลี่ยนบรรยากาศไปลองชิมอาหารเหลาที่อื่นบ้าง ไม่คิดว่าจะเลือกกินขนมข้างทาง โดยเฉพาะร้านนี้"
"ฉันชอบบัวลอยไข่หวานค่ะ" ย่าหยาบอก
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา พ้งสวมหมวกพรางหน้านั่งกินบัวลอยอยู่กับย่าหยา พ้งพูดกับย่าหยา
"เจียหลินชอบกินบัวลอยไข่หวานร้านนี้ที่สุด วันนึงลื้อต้องพามันมา สั่งบัวลอยใส่ไข่เค็ม มะพร้าวอ่อน เผือก ฟักทอง เจียหลินชอบกินแบบนี้"
เหตุการณ์ปัจจุบัน ป้าคนขายวางถ้วยขนมตรงหน้าเล้ง
"ตั้งแต่คุณเช็งกับคุณเจียหลินตาย ไม่ค่อยเห็นหน้าเสี่ยเลยนะคะ เกือบ 8 ปีได้แล้วมั้ง" ป้าคนขายส่งถ้วยขนมให้ย่าหยา "นี่ของคุณค่ะ สั่งเหมือนคุณเจียหลินเลย"
"ใครคะ"
"เพื่อนเสี่ยไงคะ ไม่มีใครสั่งแบบนี้หรอกค่ะ นอกจากคุณเจียหลินคนเดียว เชิญตามสบายนะคะ"
ป้าเดินกลับไปขายของต่อ ย่าหยาหันมาถามเล้ง
"คุณเจียหลินคือคนรักของเสี่ยใช่มั้ยคะ"
เล้งกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ "อย่าไปพูดถึงเลย อีไปสบายแล้ว..แต่..ก็จริงอย่างที่ป้าแกว่า เธอมีอะไรหลายอย่างเหมือนเจียหลิน การวางตัว ความคิด การกินอยู่"
ย่าหยาพูดไปกินไป "ไม่มีใครเหมือนใคร และแทนที่ใครได้หรอกค่ะ"
"ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้น แต่พอมาเจอเธอ"
เล้งมองตาย่าหยาด้วยแววตาหวานปานจะกลืนกิน ย่าหยาแกล้งทำเขินหลบตาแล้วเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเหมือนจะซับปาก แต่แล้วก็ปล่อยหลุดมือหล่นไปใต้โต๊ะอย่างเนียนๆ
"อั๊วเก็บให้" เล้งบอก
ย่าหยาเอียงขายาวเรียวผ่องเป็นยองใยเพื่อรอให้เล้งเห็น เล้งก้มไปที่ใต้โต๊ะพอเห็นขาย่าหยาก็ชะงัก ย่าหยาดันหัวแหวนหยกให้ดีดขึ้นแล้วพลิกนิ้วเทผงสีขาวที่อยู่ในนั้นลงไปในถ้วยขนมเล้ง เล้งหยิบผ้าเช็ดหน้าย่าหยาขึ้นมา ในจังหวะที่หญิงสาวดึงมือกลับออกมาทันแบบฉิวเฉียด เล้งดูลายผ้าเช็ดหน้าเห็นลายปักเป็ดแมนดาริน 2 ตัวใกล้กับตัวอักษรจีน 大海 ( dahai แปลว่า ทะเล)
"ดาไห่..ทะเล เธอชอบทะเลเหรอ"
"ค่ะ ทะเลมีความหมายสำหรับฉัน" ย่าหยาตอบ เพราะคำว่า ชลธี ก็แปลว่า ทะเล "ขนมเสี่ยชืดหมดแล้ว"
เล้งส่งผ้าเช็ดหน้าให้ย่าหยา หญิงสาวรับมาแล้วเช็ดปากก่อนจะเหลือบตามองเล้งที่กำลังตักขนมกิน
เล้งตักขนมใส่ปาก ย่าหยาลุ้น เล้งยังไม่ได้เอาเข้าปาก เกี๊ยงก็เดินเข้ามาซะก่อน
"นายใหญ่ครับ ท่านเมฆินทร์ต้องการพบนายใหญ่ ท่านบอกว่าต้องรีบไปทำธุระที่อื่นต่อ อยากคุยกับนายใหญ่เดี๋ยวนี้เลยครับ"
เล้งวางช้อนขนมแล้วหันมาหาย่าหยาอย่างเสียดาย
เล้งวางเงินบนโต๊ะ "ฉันติดธุระด่วนนะ ต้องขอโทษด้วย เดี๋ยวให้อาเกี๊ยงไปส่ง"
"ไม่ต้องค่ะ หยากลับเองได้ ขอบคุณนะคะ"
เล้งพยักหน้าให้ย่าหยาแล้วเดินออกไปพร้อมเกี๊ยง ย่าหยามองตามอย่างเสียดายโอกาสเพราะอีกนิดเดียวเล้งก็จะตายอย่างทรมานอยู่แล้ว
ย่าหยามองถ้วยขนมของเล้ง เธอหยิบขึ้นมาแล้วสาดทิ้งไปที่ท่อน้ำเพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดถ้วยขนมแล้วหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์แถวนั้นห่อผ้าเช็ดหน้าเก็บใส่กระเป๋าอีกที
ย่าหยาเดินออกไป หนูตัวหนึ่งนอนตัวแข็ง น้ำลายฟูมปากตายข้างๆ ขนมบัวลอยที่ถูกทิ้งในท่อน้ำ
ย่าหยาใช้กุญแจเปิดประตูห้องเข้ามา แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อมีคนในห้องงับประตูปิดแทนเธอ ย่าหยาหันไปมองแล้วก็ช็อคยิ่งกว่าเห็นผีที่เห็นธามยืนหน้านิ่งอยู่ที่ประตู
"กลับเร็วกว่าที่คิด" ธามว่า
"คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง" ย่าหยาถาม
"เธอไม่เคยถามรีเซฟชั่นเลยเหรอว่า ใครเป็นเจ้าของโรงแรมนี้"
ย่าหยาอึ้งแต่ก็ตั้งรับได้ทันที "ถึงคุณเป็นเจ้าของ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ใช้กุญแจเปิดเข้าออกห้องลูกค้าตามใจชอบนะ"
"เธอผิดสัญญา ฉันจำเป็นต้องมาทวงถาม"
"สัญญาอะไร"
"เธอให้คนอื่นไปส่งข้าวฉัน แถมยังโกหกเอาของที่ฉันให้ ไปให้คนอื่น แล้วยังใส่เสื้อผ้าของฉันออกไปเดทกับเจ้านายคนสนิทของเธอ"
"คุณรู้"
"แสดงว่าเสี่ยเล้งเป็นเจ้านายเธอจริงสินะ"
"ฉันเคยบอกคุณแล้วไงว่าเขาอาจจะพอใจฉัน"
"เพิ่งพอใจ หรือพอใจกันมา 7 ปีแล้ว"
"คุณพูดอะไร"
ธามหยิบพาสปอร์ตย่าหยาขึ้นมาแล้วเดินลุกเข้าไปหา ในขณะที่หญิงสาวเป็นฝ่ายถอย
ธามพูด “7 ปีที่ผ่านมาเธอเดินทางเข้าออกต่างประเทศหลายสิบครั้ง ทั้งปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง ญี่ปุ่นแล้วก็ที่เมืองไทย"
"เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ฮ่องกงกับเซี่ยงไฮ้ความจริงก็คือเสี่ยเล้งเลี้ยงเธอมานานแล้ว และที่สำคัญเธอไม่ใช่เพ็ญนภา"
"ฉันคือเพ็ญนภา"
"โกหก อาเฉียงกับอาจิวไปถามคนที่อยู่แถวบ้านพ่อแม่อุปโลกน์ของเธอมาหมดแล้ว ทุกคนยืนยันว่าเธอไม่ใช่เพ็ญนภา" ธามจับตัวย่าหยาเขย่าถาม "ตกลงเธอเป็นใคร"
ย่าหยาเหมือนถูกปั่นจั่นกระแทกหัว ย่าหยาทั้งอึ้งทั้งมึน เธอไม่รู้ว่าจะหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไง
โบตั๋นที่อยู่ในสภาพมึนเมาถือแก้วเหล้ากระดกเข้าปาก สักครู่ หยกมณีก็เดินมายื้อขวดเหล้าที่หญิงสาวกำลังจะเทลงแก้ว
"ลื้อเป็นอะไรอาโบตั๋น ทะเลาะกับเฮียกระทิงมารึไง"
"เปล่า"
"แล้วทำไมต้องกินเหล้าเยอะขนาดนี้ ไป ไป ถึงคิวลื้อร้องแล้ว"
หยกมณีดึงขวดเหล้าหนีแล้วดันโบตั๋นให้ขึ้นเวที
โบตั๋นร้องเพลงด้วยลีลาเศร้าสร้อย เนื้อเพลงที่เธอร้องพูดถึงการสูญเสียคนรัก ถูกทอดทิ้ง
เฉียงนั่งหันหลังให้หญิงสาวอยู่ในมุมมืด แม้จะนั่งหันหลังให้โบตั๋น แต่เฉียงก็รับรู้อารมณ์ ความรู้สึก ความทุกข์ของโบตั๋นผ่านบทเพลง
ย่าหยายืนนิ่ง เครียด ธามเดินเข้ามายืนด้านหลังหญิงสาว
ธามตะคอก "ฉันถามว่าเธอเป็นใคร"
ย่าหยายืนนิ่ง ธามโกรธจัดจึงกระชากแขนเต็มแรงเพื่อให้ย่าหยาหันมาสบตาจนกระเป๋าของย่าหยาหลุดกระเด็นลงพื้น ของที่อยู่ในกระเป๋า กระเป๋าเครื่องสำอางเล็กๆ กระเป๋าเงิน และห่อกระดาษที่ห่อผ้าเช็ดหน้าย่าหยาหลุดออกมานอกกระเป๋า
ธามหันไปดูแล้วกวาดตามองแล้วหยิบห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ขึ้นมาแล้วถาม
"ห่ออะไร"
"ผ้าเช็ดหน้า" ย่าหยาตอบ
"ผ้าเช็ดหน้า หรือมีด หรือลูกปืน ที่เสี่ยเล้งสั่งให้มาเก็บฉัน"
ธามค่อยๆแกะห่อกระดาษ ความจริงกำลังจะถูกเปิดเผย ย่าหยาลุ้นอยู่ในใจว่าธามจะรู้หรือไม่ว่าผู้หญิงที่เขาตามหามานาน
และผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตเขาคือ ย่าหยา
จบตอนที่ 4