xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อน แพง ตอนที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพื่อน แพง ตอนที่ 3

ความมืดโรยตัวเข้าปกคลุมจนทั่วท้องทุ่งบ้านสร้าง แพงเอาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พ่อที่นอนพักอยู่ แต่สายตาไม่ได้มองพ่อกลับเอาแต่มองไปนอกเรือน จิตใจพะว้าพะวังเพราะอยากไปหาลอ

“เอ็งจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ข้า หรือจะถลกหนังข้ากันแน่วะอีแพง”
“ขอโทษจ้ะพ่อ ฉันว่าฉันก็เช็ดเบาๆ แล้วนะ”
“เอ็งเช็ดข้าไม่ดูตาม้าตาเรือ ตรงไหนที่ข้าช้ำเพราะโดนพวกมันเตะมา เอ็งทั้งเน้นทั้งคลึง ซ้ำให้เจ็บกว่าเดิม สนใจแต่ที่ข้าสั่งให้ทำ ไม่ใช่คิดแต่จะตะแลดแต๊ดแต๋ออกไปข้างนอก”
“ทำไมพ่อว่าฉันแบบนี้ล่ะ ทีพี่เพื่อนหายไปอยู่กับพี่ลอทั้งคืน พ่อไม่เห็นด่าไม่เห็นว่าพี่เพื่อนสักคำ”
“อีแพง นังเพื่อนมันเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว มันต้องไปดูแลไอ้ลอเพราะไอ้ลอไปช่วยลูกสาวครูแสงจนบาดเจ็บกลับมา แต่เอ็งนั่นแหละที่ไม่ยอมเล่าความจริง ปล่อยให้ข้าเข้าใจไอ้ลอกับนังเพื่อนผิดๆ”
“อ้าว กลายเป็นฉันผิดไปแล้วเหรอพ่อ”
“เออ เอ็งมันผิดตั้งแต่เกิดมาแล้วอีแพง”
“พ่อ”
เพื่อนถือสำรับข้าวเข้ามา
“พ่อจ๊ะ ได้เวลากินข้าวแล้ว อีแพง เอ็งไปดูไก่ในเล้าให้ข้าหน่อย เห็นหมาแถวนี้มาป้วนเปี้ยน เดี๋ยวจะคาบไก่ไปกินซะก่อน”
แพงนิ่งไป มองเพื่อนน้ำตาคลอ
“พี่เอ็งสั่งให้ไปทำอะไรก็ไปสิวะอีแพง”
“ไปแล้ว ไม่ต้องไล่หรอก”
แพงเถียงกลับแล้วลุกพรวดเดินออกไปอย่างน้อยใจ พิศบ่นอ่อนอกอ่อนใจ
“อีนังนี่ ดู ดูมัน กับพ่อกับพี่มันทำไม่เห็นหัวหลักหัวตอ”
“ช่างอีแพงมันเถอะจ้ะพ่อ พ่อกินข้าวกินปลาก่อนเถอะจ้ะ”
พิศหันมายิ้มกับลูกสาวคนโต

แพงเดินหน้างอๆ เซ็งๆ ที่โดนด่าออกมา
“ทั้งปี อีแพงทำอะไรก็ไม่เคยถูก โดนด่าตลอด ทีหลังก็อย่ามาให้อีแพงช่วยก็แล้วกัน”
“บ่นอะไรของเอ็งหาอีแพง มืดๆ ค่ำๆ บ่นไม่หุบปากเดี๋ยวยุงก็บินเข้าปากเอ็งหรอก”
“พี่ลอ พี่ลอมาทำอะไร สภาพพี่ลอตอนนี้ต้องนอนพักอยู่ที่กระท่อมนะ”
“ข้านอนอยู่เฉยๆ ข้านอนไม่ได้หรอกอีแพง”
“ทำไมล่ะพี่ลอ หรือว่าพี่ช้ำในจนนอนไม่ได้ ตายแล้ว งั้นพี่ลออย่าไปไหนนะ เดี๋ยวฉันวิ่ง ไปหาหลวงพ่อขอยาแก้ช้ำในมาให้พี่ อย่าไปไหนนะ รอฉันเดี๋ยว”
แพงจะรีบไปแต่ลอดึงแขนไว้
“ข้าไม่ได้ช้ำในจนนอนไม่ได้หรอกอีแพง”
“แล้วพี่ลอเป็นอะไร”

ลอมองแพงไม่ค่อยสบายใจ แล้วมองขึ้นไปบนเรือน

พิศกินข้าวที่เพื่อนป้อนจนอิ่ม

“ไม่กินอีกเหรอจ๊ะพ่อ”
“พอแล้วล่ะนังเพื่อน ข้าอิ่มแล้ว เอ็งไม่ต้องมาดูแลข้าหรอก”
“ไม่ให้ฉันดูแลพ่อ แล้วปล่อยให้อีแพงดูแลน่ะเหรอ ฉันกลัวว่ามันจะซุ่มซ่ามทำอะไรให้พ่อต้องเจ็บตัวหนักกว่าเดิม”
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ เดี๋ยวก็คงจะนอนเลย เอ็งนั่นแหละที่คืนนี้ควรไปอยู่ดูแลไอ้ลอมัน”
“แล้วพ่อไม่ว่าฉันแล้วเหรอ ถ้าชาวบ้านเขารู้ว่าฉันไปค้างคืนอยู่กันสองต่อสองกับพี่ลอ”
“ไอ้ลอเสี่ยงชีวิตช่วยนังแรมจากพวกนักเลงอย่างไม่ห่วงแม้แต่ชีวิตตัวเอง ถ้าไอ้อีคนไหนจะเอาเอ็งกับไอ้ลอไปนินทาให้เสียๆ หายๆ ข้าจะลากคอพวกมันให้มากราบตีนขอโทษ”
พิศพูดแล้วก็ไม่หายเจ็บช้ำในที่บริเวณท้องที่โดนอัดมาเมื่อกลางวัน เพื่อนตกใจรีบประคอง
“สภาพนี้น่ะเหรอจ๊ะพ่อ ไม่ไหวหรอกมั้ง”
“นังเพื่อนเอ๊ย เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นวันนี้ มันทำให้พ่อคิดว่าบางทีอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้”
“ถึงเวลาอะไรเหรอจ๊ะพ่อ”
“ไม่ใช่ความผิดของดอกไม้ที่แมลงภู่จะมารุมตอม ในเมื่อไม่อยากให้แมลงตัวอื่นมาตอม ก็ถึงเวลาที่ดอกไม้มันต้องมีเจ้าของซะที”
เพื่อนชะงัก มองพ่อด้วยความตกใจ

ลอยังคงคุยกับแพงอยู่ด้านล่างเรือน
“ขอบใจเอ็งมากนะอีแพง ปกติเห็นเอ็งเอาแต่สนุกสนาน กวนโมโหคนนั้นทีคนนี้ทีไปวันๆ แต่พอพูดอะไรที่ดีๆ ก็ฟังรื่นหูกับเขาได้ด้วย”
“โธ่พี่ลอก็ เพราะฉันเป็นห่วงพี่ลอ ไม่อยากให้พี่ลอคิดมากต่างหาก”
“เอ็งโตขึ้นเป็นสาวแล้วจริงๆ จากอีแพงที่ข้าต้องคอยตามห่วง คอยอุ้มขึ้นจากปลักจาก โคลนเวลาทะลึ่งลงไปแย่งควายแช่โคลนเล่น มาตอนนี้กลายเป็นเอ็งที่มาตามห่วงข้า”
แพงทุบแขน
“พี่ลอเนี่ย หลอกด่าว่าฉันชอบทำตัวเลียนแบบไอ้เปลี่ยวเหรอ”
“โอ๊ย เอ็งทำข้าเจ็บนะเว้ยอีแพง”
ลอจับมือแพงที่พยายามทุบแขนแล้วหยุดชะงักนิ่งไปเพราะหน้าของแพงอยู่ใกล้หน้าของเขาแค่ไม่ถึงคืบ สายตาของลออดมองแพงอย่างไม่คุ้นตาและรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
“พี่ พี่ลอ ทำไมมองหน้าฉันแบบนี้ล่ะ”
“พอได้เห็นหน้าเอ็งใกล้ๆ แบบนี้ มันก็จริงอย่างที่ข้าพูด เอ็งโตเป็นสาวแล้ว และก็สวยไม่ น้อยไปกว่าพี่สาวเอ็ง”
“จริงเหรอพี่ลอ ฉันสวยสู้พี่เพื่อนได้จริงๆ เหรอ”
ลอยิ้มขำ
“อย่าให้ข้าตอบเลย เอ็งมันเป็นพวกปากอยู่ไม่สุข ขืนข้าชมเอ็งว่าสวยเทียบแม่เพื่อน เดี๋ยวเอ็งไปคุยโวแล้วข้าจะโดนแม่เพื่อนโกรธเอา”
ลอปล่อยมือแล้วจะกลับ แต่แพงรีบเข้าไปขวางตื้อเอาไว้
“พี่ลอพูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าพี่ลอชมฉันว่าสวยเทียบพี่เพื่อนแล้ว”
“อีแพง เอ็งนี่มันเซ้าซี้เรื่องไม่เป็นเรื่องจริง พอ พอ แล้ว ข้ากลับล่ะ”
ลอเดินออกไป แพงอดอมยิ้มดีใจกับคำชมของลอไม่ได้ จนเพื่อนเดินเข้ามา
“อีแพง เมื่อกี้นี้เอ็งคุยกับใครอยู่”
“เอ่อ คุยกับพี่ลอจ้ะ”
“พี่ลอมา แล้วทำไมไม่เรียกข้า เอ็งนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
เพื่อนรีบตามไป แพงหัวเสียแล้วรีบเดินตามพี่สาวไป
“พี่เพื่อน พี่ลอเขากลับไปแล้ว ไม่ต้องตามไปหรอก ให้เขากลับไปนอนพักเถอะ”
“เอ็งไปพูดอะไรกับพี่ลอเขา เขาถึงไม่อยู่เจอข้า”
“ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่”
เพื่อนเข้าไปกระชากแขนแพงแรงๆ
“อีแพง อย่ามาเล่นลิ้น”
“ก็ไม่มีอะไรจริงๆ พี่ลอเขาไม่สบายใจที่ใครๆ ก็พากันคิดว่าเรื่องที่เขาช่วยพี่แรมเป็นเรื่อง จริงแล้วก็พากันชื่นชมเขา”
“พี่ลอไม่สบายใจเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เขารู้สึกไม่อยากโกหก ทั้งๆ ที่เขาห้อยพระของพ่ออยู่แล้วยังกล้าผิดคำสาบาน แต่ฉันก็ช่วยพูดให้พี่ลอเข้าใจแล้วนะว่าไม่ใช่ความผิดของพี่ลอหรอก แล้วก็ช่วยปลอบ”
“พอ หุบปากเอ็งไปได้แล้ว ไม่ต้องมาสาระแนอะไรอีก”
“อ้าว ฉันหวังดี แต่มาหาว่าฉันสาระแน”
“ใช่ สาระแน เพราะเรื่องของพี่ลอมีแต่ข้าคนเดียวที่จะพูดกับเขาได้ ส่วนเอ็ง กลับขึ้นไป บนเรือนแล้วช่วยข้าจัดเตรียมของไว้ทำบุญถวายหลวงพ่อพรุ่งนี้เช้า”
“ทำบุญ”
“ไม่ต้องตั้งหน้าจะถาม ข้าสั่งก็ไปจัดการ คืนนี้ฝากดูพ่อด้วย ข้าจะไปดูแลพี่ลอ แล้วพรุ่งนี้เช้าไปเจอกันที่วัด”
“เดี๋ยวพี่เพื่อน พี่เพื่อนจะไปค้างกับพี่ลอ แล้วพ่อล่ะ ฉันไม่ช่วยโกหกให้แล้วนะ”
“เอ็งไม่ต้องโกหกให้ข้าแล้ว เพราะพ่อสั่งให้ข้าไปนอนเฝ้าพี่ลอคืนนี้เอง”

เพื่อนอมยิ้มแล้วเดินออกไป แพงมองพี่สาวทั้งสงสัยระคนแปลกใจ

แพงเดินขึ้นมาบนเรือนสงสัยในคำพูดของพี่สาวเมื่อครู่

“ข่าวดี พี่เพื่อนมีข่าวดีอะไรกับพี่ลอ”
แพงสนใจอยากรู้ จนเหลือบไปเห็นพ่อยังไม่นอนแต่กำลังควานหาบางอย่างจากกล่องไม้ใกล้ๆ ตัว
“หาอะไรอยู่เหรอจ๊ะพ่อ”
“ข้าอยากจะสูบยา”
“ช้ำในหายใจยังไม่ค่อยดีแล้วยังอยากสูบยาอีก หาเรื่องใส่ตัวเกินไปรึเปล่าจ๊ะพ่อ”
“อีแพง ข้าอยากสูบยาไม่ได้อยากฟังเอ็งมาเทศนาข้า หนอยนังนี่ เผลอไม่ได้หาเรื่องข้าตลอด มาช่วยข้าหายาสูบไม่งั้นเอ็งโดนยันโครมแน่”
แพงเซ็งๆ เดินเข้ามาช่วยหากล่องยาสูบให้พ่อจนเจออยู่ในอีกกล่อง แพงเปิดขึ้นมาแล้วจะยื่นให้พ่อ แต่ กลับปิดฝากลับคืนเพราะคิดอะไรได้บางอย่าง
“เจอรึเปล่าอีแพง”
“ยังไม่เจอหรอกจ้ะพ่อ”
“แล้วมันหายไปไหนวะ”
“เออ พ่อจ๊ะ ฉันถามอะไรหน่อยสิ เมื่อกี้พี่เพื่อนบอกฉันว่ามีข่าวดี พรุ่งนี้ให้ฉันเตรียมของไว้ทำบุญ ข่าวดีอะไรเหรอจ๊ะพ่อ”
“ข้าขี้เกียจเล่าให้เอ็งฟัง ข้าอยากสูบยา เอ็งรีบๆ ช่วยข้าหายาสูบเร็วๆ เถอะ”
“งั้นถ้าฉันช่วยพ่อหากล่องยาสูบเจอ พ่อจะเล่าให้ฉันฟังใช่มั้ย”
“เออ”
แพงอมยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วขยับกล่องยาสูบที่เจอตั้งแต่เมื่อครู่มาเปิดให้พ่อทันที
“นี่จ้ะยาสูบของพ่อ”
“เออ เอามานี่”
พิศจะยื่นมือไปรับ แต่แพงปิดฝากล่องทันทีแล้วยิ้มกวนๆ
“พ่อต้องเล่าให้ฉันฟังก่อนว่าพี่เพื่อนเขาจะมีข่าวดีอะไร”

แพงเดินเหมือนจิตใจไม่อยู่กับตัว สายตาเหม่อลอย สองขาพาเดินเข้ามาในห้อง แล้วทรุดลงนั่งกับพื้นน้ำตาคลอ
“ข้าจะให้ไอ้ลอแต่งงานกับนังเพื่อน พรุ่งนี้ตอนถวายเพลข้าจะให้หลวงพ่อดูฤกษ์พานาที ถ้าไอ้ลอกับนังเพื่อนได้เป็นฝั่งเป็นฝากัน ไอ้วีระจะได้เลิกมาตอแยพวกมัน”
คำพูดของพ่อที่พูดมาเมื่อครู่นี้ยังดังก้องอยูในหู
“พี่ลอจะแต่งงานกับพี่เพื่อน”
แพงตอกย้ำสิ่งที่ตัวเองรับรู้มาด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างน่าเวทนา

ลอรู้เรื่องจากเพื่อนอดตกใจไม่ได้
“จริงเหรอแม่เพื่อน”
“ฉันเป็นผู้หญิงนะจ๊ะพี่ลอ จะให้ฉันพูดเรื่องแบบนี้เออออไปคนเดียวได้ยังไง แค่มาบอกพี่ลอแค่นี้ฉันก็อายจะแย่แล้ว”
ลอยังตกใจอยู่ พูดอะไรไม่ออก เพื่อนหันมาเห็นลอนิ่งไปก็แปลกใจ
“พี่ลอเงียบไปทำไม ฉันนึกว่าพี่ลอจะดีใจ”
“พี่ต้องดีใจสิแม่เพื่อน”
“นี่น่ะเหรอสีหน้าของคนดีใจ ฉันว่าสีหน้าของคนที่พอรู้ว่าพ่อจะยกฉันให้พี่จริงๆ พี่ก็นึก เสียดายความโสดขึ้นมาต่างหาก หึ”
เพื่อนน้อยใจลุกพรวด ลอรีบคว้ามือเอาไว้
“พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะแม่เพื่อน”
“ปล่อยฉันนะ พี่ไม่ต้องมาหาข้ออ้างอะไรหรอก ที่ปากหวานเร่งวันเร่งคืนอยากอยู่กินกับฉันก็เพราะสันดานผู้ชาย อยากได้ฉันจนตัวสั่น เลยพูดอะไรก็ได้ขอแค่ได้นังเพื่อนให้หายอยากก็พอ”
“ไม่จริง คนอย่างไอ้ลอไม่เคยดูถูกผู้หญิง ทุกคำพูดพี่พูดออกมาจากหัวใจ หัวใจซื่อๆ ที่ มันกล้าอวดกับใครต่อใครว่ามันได้ขายชีวิตตัวเองเพื่อผู้หญิงที่มันรัก”
“พี่ลอ”
“ไม่มีอะไรที่จะทำให้พี่ดีใจได้เท่ากับได้รู้ว่าจะได้อยู่กินเป็นผัวเมียกับแม่เพื่อน แต่เพราะ ไอ้เรื่องที่มันกวนใจพี่อยู่ เลยทำให้พี่ไม่กล้าดึงแม่เพื่อนมากอดมาหอมให้สมใจอยาก”
“เรื่องที่พี่ลอไปคุยกับอีแพงมาใช่มั้ย”
ลอนิ่งไป สบตาเพื่อนแล้วยิ่งรู้สึกอึดอัดใจจนต้องผละเดินออกมา

เพื่อนมองตามชายคนรักอย่างเป็นห่วง

ลอเอาฟืนมาสุมกองไฟที่หน้าบ้าน แล้วนิ่งมองไฟที่ลุกโชน เพื่อนตามออกมา

“อีแพงมันเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ฉันว่าพี่ไม่น่าจะเอาเรื่องนั้นมาคิดให้รกหัวรกกบาลเลย”
“แม่เพื่อนจะไม่ให้พี่คิดได้ยังไง ผู้ใหญ่ที่พี่เคารพรักนับถือทุกคนตอนนี้พากันเข้าใจผิดว่าพี่เป็นคนดี ทั้งๆ ที่”
เพื่อนเข้าไปใช้มือแตะริมฝีปากให้หยุดพูดทันที
“พี่ไม่ใช่คนเลว ไอ้วีระต่างหากที่เป็นคนเลว และถ้าพี่ลอยังคิดว่าเรื่องที่ฉันขอให้พี่แรมปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาเป็นเรื่องผิด ก็ขอให้คิดว่า นั่นเป็นเพราะฉันคนเดียวไม่เกี่ยวกับพี่”
“แม่เพื่อนไม่ผิดหรอก แม่เพื่อนทำไปเพราะช่วยพี่”
“งั้นพี่ลอก็ไม่ได้ผิดเหมือนกัน พี่ลอไปสั่งสอนพวกมันเพราะเป็นห่วงฉัน ไม่อยากให้พวกมันมายุ่งกับฉันอีก”
ลอนิ่งไป เพื่อนนั่งลงข้างๆ จับมือลอขึ้นมากุมแนบกับเนินอก
“คิดว่าฉันขอเถอะนะจ๊ะพี่ลอ ปล่อยวางเรื่องคำสาบานของพี่ลงบ้างเถอะ เพราะถ้าพี่ให้ ความจริงมันแดงว่าพี่เป็นคนไปวางเพลิงโกดังข้าวของพวกมัน พี่ก็เลือกเอาเถอะ ว่าพี่จะไม่ได้เจอฉันอีกหรือว่าจะได้อยู่กินเป็นผัวเมียกับฉัน”
“แม่เพื่อน”
เพื่อนทิ้งท้ายให้ลอคิดเพื่อความรักของตัวเองกับลอแล้วเดินออกไป ลอนั่งมองกองไฟครุ่นคิด

ตอนเช้า ที่ลานบ้านของแสง เสียงระนาดที่ไพเราะเสนาะหูมาจากการบรรเลงของแสง ด้วยฝีมือระดับครูทำให้เห็นชั้นเชิงการตีระนาดที่แสงพยายามสอนให้เรือง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนดู
“จำได้หมดใช่มั้ยไอ้เรือง”
“หา อะไรนะพ่อ จะให้ฉันจำหมดได้ยังไง ที่พ่อตีมาเมื่อกี้นี้มันไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ”
“เอ็งจะจำไม่ได้ได้ยังไงวะ ข้าสอนเอ็งเพลงเดิมๆ นี่มาเป็นเดือนๆ แล้ว”
“ก็ ก็ฉัน”
“เพราะเอ็งไม่ได้ซ้อมเลยใช่มั้ย”
“ใครว่าล่ะพ่อ ฉันซ้อม ซ้อมทุกวันตามที่พ่อสั่งนั่นแหละ”
“ถ้าซ้อมทุกวัน เอ็งก็ต้องตีได้สิวะ เร็วอย่าโอ้เอ้”
แสงยื่นไม้ตีระนาดให้ลูกชาย เรืองรับมา อ้ำอึ้ง
“มัวแต่จดๆ จ้องๆ แล้วเมื่อไหร่ข้าจะได้ฟังวะ”
“โธ่พ่อ ขอไหว้ครูก่อนไม่ได้เหรอ”
“ข้านี่แหละครูเอ็ง ไหว้อยู่ทุกวัน ตี”
“ตีจ้ะพ่อ ตีแล้วจ้ะ”
เรืองหน้าจ๋อยๆ แล้วเริ่มลงมือตีระนาด พยายามเลียนแบบตามที่พ่อสอน แต่เสียงที่ออกมาทั้งผิดและ เพี้ยนจนแสงถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เรืองเห็นพ่อเอาแต่เงียบก็นึกว่าตีดีเลยยิ่งตีอย่างเมามัน
เสียงตีระนาดมั่วๆ ของเรืองดังคลอแว่วๆ อยู่ข้างนอก แรมถือโอกาสนี้เข้ามาใน ห้องของแสงซึ่งมีอุปกรณ์เครื่องดนตรีไทย ชุดนางรำ และพวกเครื่องประดับเก็บเอาไว้ เธอพยายามรื้อค้นตามตู้เก็บของ เพื่อหาของมีค่าโดยเฉพาะเงิน แต่หาไม่เจออย่างใจ
“อะไรเนี่ย มีแต่เครื่องดนตรีเก่าๆ ชุดเก่าๆ เครื่องประดับเก๊ๆ เงินสักแดงก็ไม่มี”
แรมยังบ่นไปหาไป จนไปเจอถุงผ้าใส่เหรียญและธนบัตรของแสงซุกอยู่ข้างๆ เครื่องดนตรี จึงเอามาเปิดดู ยิ้มดีใจแต่ยังไม่ทันจะเก็บไว้กับตัว เสียงโครมครามของเรืองกับพ่อดังเข้ามา
“ใจเย็นสิพ่อ ถึงกับจะเอาเลือดหัวฉันออกเลยเหรอ กับไอ้แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้”
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหรอไอ้เรือง เอ็งเป็นลูกชายคนเดียวของข้า ทั้งๆ ที่ข้าพร่ำสอนเอ็งมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก แต่ทุกวันนี้เอ็งก็ยังตีระนาดเหมือนเคาะกะลา ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้เคาะหัวเอ็งให้เหมือนเคาะกะลาให้แตกแล้วล่ะก็ อย่ามาเรียกข้าว่าเป็นครู”
แสงจะเข้าไปเล่นงานลูกชาย แต่เรืองวิ่งเข้าไปหลบหลังพี่สาว
“พี่แรม ช่วยฉันด้วยสิพี่ อย่าให้พ่อเอาเลือดหัวฉันออกนะ ถ้าพี่ช่วยฉันได้ จะให้ฉันทำอะไร ฉันทำให้หมดเลย”
“ไอ้เรือง ไม่ต้องไปหลบหลังพี่สาวเอ็ง ออกมานี่ บอกให้ออกมา”
“พ่อ พอได้แล้ว”
“เอ็งไม่เกี่ยวนังแรม หลบไป”
“ฉันก็ไม่อยากยุ่งเท่าไหร่นักหรอก แต่ฉันรำคาญ กลับมาอยู่บ้านทั้งทีแต่ต้องมาเจอแต่เรื่องงี่เง่า รู้แบบนี้อยู่พระนครไม่กลับมาให้เสียอารมณ์ซะก็ดี”
แรมขึ้นเสียงแล้วปึงปังออกไป

แสงชะงัก ไม่คิดว่าลูกสาวจะพูดออกมาแบบนั้น

อ่านต่อหน้า 2

เพื่อน แพง ตอนที่ 3 (ต่อ)

แรมเดินหงุดหงิดหัวเสียออกมา เสียดายที่แอบขโมยเงินพ่อออกมาไม่ได้

“เกือบจะได้เงินในถุงนั่นออกมาแล้วเชียว เจ็บใจชะมัด”
แรมบ่นไป สักพัก แสงก็เดินตามออกมาหน้าเศร้าๆ
“ที่เอ็งพูดมาเมื่อกี้ เอ็งไม่ได้หมายความอย่างที่พูดจริงๆ ใช่มั้ยนังแรม”
“พ่อ”
“บอกข้ามาสิ เอ็งไม่คิดจะทิ้งข้ากลับไปอยู่พระนคร”
“พ่ออย่ามาถามอะไรฉันตอนนี้เลย ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี”
“แต่ข้าต้องรู้ เพราะที่ข้ายอมเป็นหนี้ ยอมขายที่ขายนาทั้งๆ ที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต แล้วส่งเอ็งไปร่ำไปเรียนถึงพระนคร ก็เพราะข้าอยากให้เอ็งมาช่วยสานต่ออาชีพของข้า”
“ฉันรู้น่าพ่อ พ่อก็พูดกรอกหูฉันตั้งแต่วันที่ส่งฉันเข้าพระนครแล้ว”
“ถ้าเอ็งรู้ แล้วเอ็งมาพูดแบบนั้นกับข้าทำไม”
“ก็ ก็ฉันเผลอไปน่ะ ฉันเห็นพ่อเอาแต่ดุแต่ด่าไอ้เรือง มันเลยรำคาญ”
“ข้าดุมันเพราะอยากให้มันคอยช่วยเหลือเอ็ง ช่วยดูแลวงปี่พาทย์นี้ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง”
“เอาล่ะๆ ฉันรับปากพ่อ ฉันจะดูแลวงปี่พาทย์ของพ่อให้ดี แต่ถ้าพ่อจะให้ฉันช่วยล่ะก็ พ่อต้องทำตามที่ฉันแนะนำ”
“เอ็งจะแนะนำอะไรข้า”
“เมื่อกี้นี้ฉันเห็นเครื่องมือทำมาหากินของพ่อแล้วมีแต่เก่าๆ จะพังอยู่ตั้งหลายชิ้น ฉันว่า พ่อน่าจะให้ฉันเอาไปขายแล้วซื้อของใหม่มาใช้ดีกว่า”
“ว่าไงนะ นั่นมันของเก่าตั้งแต่สมัยครูของข้าให้มา ข้าไม่ขายหรอก เป็นตายยังไง ก็ไม่ขายเด็ดขาด”
“งั้นพ่อก็อย่ามาพูดเรื่องจะให้ฉันมาสานต่ออาชีพของพ่อเลย เสียเวลาที่ส่งเสียฉันเรียน”
แรมเดินออกไปอย่างไม่แยแส แสงหนักใจ

บริเวณลานวัดทุ่งบ้านสร้าง แพงเข้ามาหลบหลังกำแพงโบสถ์ มองแถวพระที่เริ่มทยอยพากันเดินกลับมาหลังจากไปรับบาตร สมภารบุญเดินนำพระลูกวัดกลับมา รั้งท้ายแถวด้วยด้วงที่ช่วยหิ้วของใส่บาตรเต็มสองมือ แพงส่งเสียงเรียกเบาๆ
“ไอ้ด้วง ไอ้ด้วง ไอ้ด้วงโว้ย”
ด้วงยังเดินรั้งท้ายแถวไม่ได้ยินเสียง เพราะแพงพยายามเรียกโดยไม่ให้หลวงพ่อได้ยิน แพงกลัวด้วงจะเดินเข้าไปข้างในก่อนที่จะได้คุยธุระกัน เลยคว้าเอาก้อนหินมาปาใส่โดนหลัง ด้วงตกใจ
“เฮ้ย ใครวะ”
ด้วงหันไปเห็นแพงชะโงกหน้าโผล่มาโบกมือเรียก สมภารบุญหยุด หันมาดู
“อะไรของเอ็งวะไอ้ด้วง”
“เอ่อ ปละ เปล่าครับหลวงพ่อ”
สมภารบุญคิดว่าไม่มีอะไรตามที่ด้วงว่า ก็เดินนำพระลูกวัดเข้าไปข้างใน ด้วงเลยรีบเดินเข้ามาหาแพง
“อะไรของเอ็งวะอีแพง โผล่มาแต่เช้าทำลับๆ ล่อๆ”
“ข้ามีเรื่องจะถามเอ็ง”
“ถามข้า”
สักพัก ด้วงตอบแพงไปอย่างสงสัย
“ไม่มีว่ะ วันนี้หลวงพ่อไม่มีรับกิจนิมนต์ไปไหน”
“ไม่มีจริงๆ เหรอวะ เอ็งนึกดูดีๆ หัวกบาลกะโหลกกะลาอย่างเอ็งอาจจะลืมตกหล่นไป”
“อีแพง อย่ามาหลอกด่าข้านะเว้ย เดี๋ยวปั๊ด ข้าบอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิวะ”
“แล้วงานขึ้นบ้านใหม่ป้าจำเนียรทุ่งหัวลอล่ะ”
“ไปมาแล้วเมื่อวานซืน นี่ อย่าบอกนะว่าที่เอ็งมาเซ้าซี้ถามเพราะคิดจะหนีเรียนกับหลวงพ่ออีก”
“เปล่า”
“งั้นเอ็งถามทำไม”
แพงอึกอัก ไม่รู้จะบอกด้วงอย่างไร ระหว่างนั้นอยู่ๆ ด้วงก็นึกขึ้นได้เอง
“เฮ้ยเดี๋ยว อยู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ะ หลังเพลหลวงพ่อมีธุระต้องไปเยี่ยมโยมน้าที่ป่วยอยู่”
แพงยิ้มออกทันที
“นั่นไงไอ้ด้วง ข้าบอกแล้วว่าหัวกบาลกะโหลกกะลาอย่างเอ็งมันต้องลืม แล้วเอ็งก็ลืมจริงๆ”

แพงพูดไปก็อมยิ้มคิดอะไรบางอย่างที่ดูเจ้าเล่ห์

เพื่อนเอาดอกบัวมาพับจีบดอกมัดรวมกับธูปเทียนเพื่อเตรียมเอาไปทำบุญ แต่สายตาเหม่อมองไปที่หน้าบ้านตลอดเวลา

“อีแพงมันหายหัวไปไหนของมัน เอ็งเห็นมันมั้ยนังเพื่อน”
“เห็นอยู่เมื่อตอนเช้ามืดจ้ะพ่อ ช่วยฉันเตรียมกับข้าวถวายเพลเสร็จก็หายหัวไปเลย”
“นังนี่ จะด่ามันยังไงก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สงสัยต้องจับมันมาตบบ้องหูสักที เผื่อมันจะ อยู่เฉยๆ เชื่อฟังพ่อเชื่อฟังพี่บ้าง”
“ช่างอีแพงมันเถอะจ้ะพ่อ ด่ามันจนปากเปียกปากแฉะมันก็ไม่ได้อย่างใจเราสักอย่าง ดูสิ ทิ้งดอกบัวไว้ให้ฉันต้องมานั่งพับดอกอยู่คนเดียว”
“เฮ้อ ข้าว่านะ เสร็จธุระจากเรื่องเอ็งแต่งงานออกเรือนกับไอ้ลอแล้ว สงสัยข้าต้องหาผัวให้มันสักคน มันจะได้เลิกตะลอนๆ หายหัวเอาแต่เที่ยวเล่นซะที เออ แล้วนี่ไอ้ลอล่ะ”
เพื่อนชะงักไป ไม่พูดอะไร
“มีอะไรรึเปล่านังเพื่อน ป่านนี้ไอ้ลอมันน่าจะมาแล้วไม่ใช่เหรอ”
เพื่อนไม่รู้จะบอกพ่ออย่างไร คำพูดที่เคยพูดเอาไว้กับลอเมื่อคืนทำให้อดกังวลไม่ได้
“คิดว่าฉันขอเถอะนะจ๊ะพี่ลอ ปล่อยวางเรื่องคำสาบานของพี่ลงบ้างเถอะ เพราะถ้าพี่ให้ ความจริงมันแดงว่าพี่เป็นคนไปวางเพลิงโกดังข้าวของพวกมัน พี่ก็เลือกเอาเถอะ ว่าพี่จะไม่ได้เจอฉันอีกหรือว่าจะได้อยู่กินเป็นผัวเมียกับฉัน”
ระหว่างนั้นเสียงลอก็ดังเข้ามา
“ฉันมาแล้วจ้ะอา”
“พี่ลอ”
ลอยืนฉีกยิ้มแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ สีสดใส ในมือถือชะลอมผลไม้มาเต็มสองมือ
“ขอโทษที่ฉันมาช้าไปหน่อยจ้ะอา พอดีฉันไปหาซื้อผลหมากรากไม้ตั้งใจไปทำบุญด้วย บังเอิญเจอเสื้อผ้าใหม่ๆ สีสวยถูกใจก็เลยเสียเวลาแต่งตัวนิดหนึ่งจ้ะ”
“ข้าว่าไม่นิดล่ะมั้งไอ้ลอ แต่งมาซะหล่อจนข้าจำแทบไม่ได้”
“อาก็ชมฉันเกินไปจ้ะ ก็วันนี้เป็นวันสำคัญ”
ลอหันไปมองเพื่อน แล้วอมยิ้มน่ารัก
“ที่ฉันจะได้รู้ว่าฤกษ์งามยามดีของฉันมันเมื่อไหร่ ไม่งั้นฉันก็คงต้องนอนร้อนใจกลัวว่าชาตินี้จะ ไม่ได้แม่เพื่อนเป็นเมีย”
“พี่ลอ พูดอะไรแบบนี้ ฉันอายนะ”
“ก็พี่พูดจากหัวใจพี่นี่ มันก็เลยซื่อๆ ตรงๆ อาคงไม่ว่าฉันหรอกนะจ๊ะ”
พิศหัวเราะชอบใจ
“ข้าจะว่าเอ็งได้ยังไง เลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่ยังไม่เป็นหนุ่ม เห็นเอ็งขยันขันแข็งทำงาน แล้วไหนจะนิสัยซื่อๆ ตรงไปตรงมา มีอะไรก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้ ถ้าข้าไม่ยกนังเพื่อนให้เอ็ง ตายไปข้าคงไปเจอหน้าพ่อเอ็งไม่ได้หรอกไอ้ลอ”
ลอยิ้มรับด้วยความดีใจ ยิ่งหันไปมองเพื่อนที่มองเขาด้วยสายตาชื่นชม ก็ยิ่งหัวใจพองโตรีบคุกเข่าลงไป กราบแทบเท้าพิศ
“ฉันขอกราบเท้าอาด้วยความเคารพรักเหมือนอาเป็นพ่อฉัน ชีวิตของไอ้ลอมีวันนี้ได้ก็เพราะอา แล้วอาก็ยังยกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ฉันอีก นอกจากชาตินี้ฉันจะตั้งใจตอบแทนพระคุณอาแล้ว ฉันจะตามไปชดใช้ถึงชาติหน้าด้วยจ้ะ”
“ลุกขึ้นมาเถอะไอ้ลอ เอ็งไม่ต้องตอบแทนบุญคุณอะไรข้า แค่เอ็งรักนังเพื่อน อย่าทำให้มันเสียใจ ข้าก็ถือว่าเอ็งทำให้ข้าดีใจแล้ว”
“จ้ะอา ฉันรักแม่เพื่อนมากกว่าชีวิตของฉัน”
ลอพูดจริงจังจนเพื่อนอดน้ำตาคลอ ปลื้มปิติไม่ได้
“เอาล่ะ นี่ก็ใกล้จะเพลแล้ว ข้าว่าเรารีบไปทำบุญถวายเพลแล้วขอให้หลวงพ่อดูฤกษ์พานาทีให้ดีกว่า”
“แล้วอีแพงล่ะอา มันไม่ไปด้วยเหรอ”
“ช่างมันเถอะจ้ะพี่ลอ เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างมันจะไปสนใจอะไร”

บนกุฏิสมภารบุญ แพงแอบย่องเข้ามาในห้องที่เก็บหนังสือและตำรับตำราของหลวงพ่อ ตรงไปที่ตู้หนังสือแล้วพยายามค้นหาหนังสือที่หมายตาเอาไว้ ค้นหาอยู่ครู่ก็เจอตำราดูฤกษ์ผานาที แพงรีบพลิกอ่านอย่างเร็วๆ ด้วยความที่เป็นคนจำอะไรได้เร็วจึงอ่านจนเข้าใจ แต่ไม่ทันจะวางเก็บคืน เสียง หลวงพ่อก็ดังเข้ามา
“เอ็งเข้ามาทำอะไรในนี้วะอีแพง”
แพงชะงักหน้าเสีย มือยังถือตำราดูฤกษ์อยู่
“เอ่อ คือ ฉัน”
สมภารบุญพยายามชะโงกหน้าดู แพงเลยรีบปัดหนังสือบนชั้นจนร่วงลงมากองเต็ม
“ว้าย ฉันขอโทษจ้ะหลวงพ่อ ฉันนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ ฉันจะเข้ามาขอยืมหนังสือของหลวงพ่อไปอ่าน แต่ดันทำหล่นหมดเลย”
“ทำหล่นแล้วก็รีบเก็บสิวะ หนังสือเป็นคลังความรู้ทั้งนั้น ควรจะเอาไว้เหนือหัวมากกว่า จะปล่อยไว้ปลายตีน”
“แหม ก็ฉันซุ่มซ่ามไม่ได้ตั้งใจนี่”
“นังนี่ยังเถียงอีก รีบเก็บเข้า เร็ว”
“ค่ะหลวงพ่อ”
แพงรีบเก็บหนังสือที่พื้นแล้วลอบมองหลวงพ่อที่เดินออกไปพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็เดินตามหลวงพ่อออกมา
“หลวงพ่อ เดี๋ยวก่อน รออีแพงด้วยจ้ะ”
“อะไรของเอ็งอีก”
“พอดีแพงเพิ่งนึกออกจ้ะหลวงพ่อ ข่าวดีของที่บ้านฉันจ้ะ”
“ข่าวดี”
“ใช่จ้ะ อีกสักเดี๋ยวพ่อกับพี่เพื่อนแล้วก็พี่ลอจะพากันมาทำบุญถวายเพล แล้วก็จะขอให้หลวงพ่อช่วยดูฤกษ์พานาทีไว้สำหรับให้พี่ลอกับพี่เพื่อนแต่งงานกัน”
“ไอ้ลอกับนังเพื่อนจะแต่งงานกันเหรอ”
“จ้ะ พ่อแกยอมยกพี่เพื่อนให้พี่ลอแล้ว แต่อยากให้หลวงพ่อดูฤกษ์ให้”
“ก็ดี ไอ้ลอกับนังเพื่อนมันก็คบหากันมานานแล้ว อายุก็สมควรอยู่”
“แต่ฉันได้ยินจากไอ้ด้วงว่าหลังเพลหลวงพ่อต้องไปเยี่ยมโยมน้าใช่มั้ยจ้ะ เวลาหลวงพ่อไม่ค่อยมีแบบนี้ ฉันก็เลยคิดว่าฉันเอาฤกษ์ของพี่ลอกับพี่เพื่อนให้หลวงพ่อไปดูให้ตอนนี้เลย พอพวกเขามาจะได้ไม่เสียเวลาหลวงพ่อ ดีมั้ยจ้ะ”
“เออ เอ็งนี่มันรอบคอบ สมกับที่ข้าเคี่ยวเข็ญให้เรียนหนังสือกับข้า ไหนล่ะเวลาตกฟากของไอ้ลอกับนังเพื่อน ถ้าเอ็งจำได้ก็บอกมา”

แพงมองหลวงพ่อแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

เวลานั้น ทั้ง พิศ เพื่อน และลอ เพิ่งมาถึงวัด พิศตกใจเมื่อฟังสิ่งที่สมภารบุญบอก

“ว่าไงนะครับหลวงพ่อ ดวงชะตาของไอ้ลอกับนังเพื่อนเป็นอริต่อกัน”
“ข้าเองก็แปลกใจ เวลาตกฟากของมันสองคนทำเอาข้างงไม่หาย พิลึกจริงๆ”
แพงแอบอยู่ข้างศาลาชะโงกหน้าออกมาฟังแล้วอมยิ้มชอบอกชอบใจ
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับหลวงพ่อ ถ้าผมกับแม่เพื่อนเป็นอริต่อกันจริงๆ แล้วที่เรารักกันมา ตั้งหลายปีล่ะครับ”
“หลวงพ่อช่วยดูให้แน่ใจอีกทีได้มั้ยคะ อาจจะมีอะไรผิดพลาดไป”
“ข้าพลิกตำราดูทุกบรรทัดแล้ว ยิ่งเห็นพวกเอ็งคบหากันมาตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมา ข้ายิ่งไม่ อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเอ็งจะมีดวงเป็นอริ”
“ถ้าไม่มีฤกษ์แต่ง งั้นผมก็คงต้องถือเอาฤกษ์สะดวกแล้วกันนะครับอาพิศ แต่งมันพรุ่งนี้เลย ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้ดูว่าคนที่มีดวงอริต่อกันจะมีลูกหัวปีท้ายปี แถมให้กลางปี อีกคนด้วย”
เพื่อนอายหน้าแดงตีแขนลอ
“พี่ลอ พูดอะไรน่าเกลียด ต่อหน้าหลวงพ่อนะพี่”
“ก็พี่อยากแต่งงานกับแม่เพื่อนใจจะขาด แม่เพื่อนก็รู้”
ลอกับเพื่อนสบตากันด้วยความรักที่แน่นอก แพงชะงักอึ้งลุ้นไม่ขึ้น จนพิศยื่นมือมาเขกหัวลอ
“ถ้าข้าไม่สนใจเรื่องฤกษ์เรื่องดวง แล้วจะถ่อมาให้หลวงพ่อดูฤกษ์ดูยามทำไมวะไอ้ลอ”
“พ่อจ๊ะ แต่ถ้าเชื่อเรื่องดวง ชาตินี้ฉันก็คงไม่ได้แต่งงานกับพี่ลอน่ะสิ”
พิศครุ่นคิดหนักใจหันไปพึ่งหลวงพ่อ
“มันต้องมีทางผ่อนหนักให้เป็นเบาสักอย่างสิครับหลวงพ่อ จะให้ไอ้ลอกับนังเพื่อนไปสะเดาะเคราะห์ทำบุญที่ไหนก็แนะนำมาเลยครับ”
“ไอ้ลอ งั้นเดือนหน้า เอ็งครบเบญจเพศ เอ็งต้องบวชสักพรรษาแล้วค่อยมาดูฤกษ์กันอีกที บางทีอาจจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้”
“เรื่องบวชไม่มีปัญหาเลยครับหลวงพ่อ ขอแค่ให้ได้แต่งานกับแม่เพื่อน แต่เรื่องเบญจเพศ ผมเลยมาตั้งหลายเดือนแล้วนี่ครับหลวงพ่อ”
“เลยมาได้ยังไง ก็เวลาตกฟากของเอ็งมันจะครบเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ครับ หลวงพ่อไปเอาเวลาตกฟากของผมมาจากไหน ผิดวันแล้วล่ะครับ”
“ก็อีแพงไง มันเห็นข้ามีธุระรีบอยู่ มันก็เลยเอาเวลาตกฟากของเอ็งสองคนมาให้ข้าดูให้”
ลอและเพื่อนชะงัก อุทานพร้อมกัน
“อีแพง”
แพงซึ่งแอบอยู่ไม่ไกล สะดุ้งโหยงหน้าเสีย ทำให้เสียหลักพลัดตกลงจากระเบียงศาลา เสียงดังโครามคราม พิศ สมภารบุญ ลอ และเพื่อนหันขวับไปทางเสียง เพื่อนจิกหน้าสงสัยรีบลุกออกไปดู ลอตามไปด้วย แพงมือลูบก้นที่จ้ำเบ้าจนเจ็บ กลัวโดนจับได้เลยแกล้งร้องกลบเกลื่อนเป็นเสียงหมา แล้วรีบวิ่งออกไป เพื่อนเดินออกมาแต่ไม่เห็นตัว เพื่อนกับลอมองหน้ากัน มั่นใจว่าเป็นฝีมือแพงแน่

แพงเดินมือลูบก้นบ่นร้องเจ็บยังไม่หาย
“อู้ย ซวยอะไรอย่างนี้วะเนี่ยอีแพง”
แพงบ่นไปได้ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเรียกของเรืองดังแว่วเข้ามา
“อีแพง อีแพง”
แพงหันซ้ายหันขวามองหาก่อนจะเห็นเรืองชะโงกหน้าออกมาจากข้างโบสถ์ท่าทางลับๆ ล่อๆ
“ไอ้เรือง มาทำลับๆ ล่อๆ อะไรอยู่แถวนี้วะ”
“ถามได้ ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ”
“งั้นก็สมน้ำหน้าเอ็ง เป็นลูกครูแท้ๆ แต่กลับไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวขี้เล็บพ่อ มันก็สมควรให้ ครูเขาไล่กระทืบเอ็งรายวัน”
“ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่หว่าอีแพง ที่ลูกต้องได้อย่างพ่อ ถ้าเอ็งคิดแบบนี้ งั้นไอ้ลอก็ต้องเป็น มหาโจรเหมือนพ่อมันสิวะ”
“ไอ้เรือง ปากเอ็งแบบนี้ เดี๋ยวข้าก็ลากคอเอ็งไปให้ครูซะหรอก”
ระหว่างนั้นเสียงของเพื่อนกับลอตะโกนเข้ามา
“อีแพง ข้ารู้นะว่าเป็นฝีมือเอ็ง อย่าคิดว่าจะหนีข้าพ้นนะ อีตัวแสบ”
“อีแพง เอ็งอยู่ไหน ออกมาซะดีๆ อย่าให้ต้องตามเจอเอง ไม่งั้นเอ็งโดนยันโครมแน่”
แพงสะดุ้งโหยง หน้าเสีย รีบถอยไปหลบข้างโบสถ์ใกล้ๆ กับเรือง
“นี่เอ็งไปหาเรื่องใส่ตัวมาอีกเหมือนกันใช่มั้ยอีแพง”
“หุบปากเอ็งไปเลยไอ้เรือง ถ้าข้าโดนจับได้ล่ะก็ เอ็งโดนข้าซ้ำแน่”
แพงพูดพร้อมกับกระทุ้งศอกใส่ลิ้นปี่เรืองจนจุก
“อู้ย อีแพง คำก็ใช้กำลัง สองคำก็ใช้กำลัง ข้าไม่ใช่กระสอบทรายรองมือรองตีนเอ็งนะ โมโหเว้ย”
เรืองบ่นอย่างฉุนๆ แล้วเดินออกไปหาเพื่อนกับลอทันที แพงตกใจ
“ไอ้ลอ นังเพื่อน กำลังหาอีแพงอยู่เหรอ”
“เออ เอ็งเห็นมันรึเปล่าวะไอ้เรือง”
“เห็น ทางนั้นเลย ข้าเพิ่งเห็นมันวิ่งไปทางนั้นเมื่อกี้นี้เอง”
เรืองชี้ไปอีกทาง ตรงกันข้ามกับที่แพงซ่อนตัว
“ขอบใจนะไอ้เรือง”
เพื่อนกับลอพากันออกไปตามทางที่เรืองชี้ เรืองมองตามแล้วอมยิ้มพลางมือลูบลิ้นปี่ที่ยังไม่หายเจ็บจุก แพงงง สงสัยเดินออกมา
“ไอ้เรือง ข้านึกว่าเอ็ง”
“ซ้ำเติมเอ็งน่ะเหรอ นั่นไม่ใช่สันดานข้าหรอกเว้ยอีแพง”

เรืองยักคิ้วให้แพงแล้วยิ้มทำมาดหล่ออีกด้วย

เพื่อนกับลอพากันเดินเข้ามาที่บริเวณกองฟาง เพื่อนกวาดตามองหาแล้วนึกขึ้นได้

“พี่ลอ ถ้าเจอตัวอีแพง ปล่อยให้ฉันจัดการกับมันเองนะ”
“คราวนี้อีแพงมันก็ทำเกินไปจริงๆ เล่นเลยเถิดจนน่าโมโห แต่พี่ว่า เราควรจะถามมันก่อน ว่ามันทำไปเพราะอะไร ทำไมมันถึงไม่อยากให้เราแต่งงานกัน”
“ทำไมต้องไปถามมัน ก็มีเรื่องเดียวนั่นที่มันเป็นมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก มันอิจฉาฉัน”
“แต่พี่ว่าไม่ใช่หรอกแม่เพื่อน”
“เห็นมั้ย พี่ลอก็เป็นซะอย่างนี้แหละ พอจะว่าจะด่าอะไรอีแพง พี่ลอก็ออกโรงแก้ตัวแทนมันตลอด มันถึงได้หนักข้อหาเรื่องเล่นหัวพี่เลยเถิดขึ้นทุกวัน”
“พี่ไม่ได้แก้ตัวแทนมัน”
“พอเลยพี่ลอ ยิ่งพยายามพูดก็ยิ่งแก้ตัวให้มันอยู่ดี ตกลงพี่ลอจะอยากแต่งงานกับฉันจริงรึเปล่า”
“ต้องอยากสิแม่เพื่อน”
“งั้นปล่อยให้ฉันสั่งสอนน้องสาวฉันเอง”
เพื่อนจริงจังแล้วเดินหน้าตึงเข้าไปตะโกนเรียก
“อีแพง เอ็งหนีไม่รอดหรอก โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้ อีแพง”
เพื่อนเดินหาจนรอบแล้วหันไปสงสัยที่กองฟาง คิดว่าแพงจะมุดเข้าไปหลบ เลยคว้าไม้ขึ้นมากระทุ้งแหย่
“ออกมานะอีแพง ข้าบอกว่าให้ออกมา”
เพื่อนเริ่มหัวเสีย เพราะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ลอยืนดูอยู่ห่างๆ เริ่มครุ่นคิดสงสัย เปรยเบาๆ คนเดียว
“หรือว่าอีแพงจะไม่อยู่ที่นี่ แม่เพื่อน เดี๋ยวพี่ไปหาทางโน้นให้นะ”
ลอบอกเพื่อนแล้วเดินแยกออกไป

สมภารบุญเดินลงมาจากศาลาวัด ด้วงยืนรอจะไปทำธุระด้วย พิศรีบเดินตาม
“จะไปเยี่ยมโยมน้าตอนนี้เลยเหรอครับหลวงพ่อ”
“ก็เออสิวะ ข้าก็บอกเอ็งไปแล้วนี่หว่า”
“เรือมารอแล้วครับหลวงพ่อ” ด้วงบอก
“แต่หลวงพ่อช่วยดูฤกษ์ให้ไอ้ลอกับนังเพื่อนมันก่อนไม่ได้เหรอครับ ผมจะได้เตรียมงาน ให้มันสองคนแต่เนิ่นๆ”
“ทำไมเอ็งถึงรีบให้นังเพื่อนมันมีผัวนักวะไอ้พิศ ไว้คืนนี้ข้ากลับมาข้าค่อยดูให้ก็ได้ ช้าเร็ว ยังไงไอ้ลอมันก็คงไม่เปลี่ยนใจจากนังเพื่อนหรอก”
“ผมไม่ได้กลัวไอ้ลอมันเปลี่ยนใจจากนังเพื่อนหรอกครับหลวงพ่อ”
“งั้นก็กลัวนังเพื่อนมันเปลี่ยนใจไม่เอาไอ้ลอทำผัวใช่มั้ยจ๊ะอาพิศ”
“ไอ้ด้วง ทะลึ่ง เสือกไม่เข้าเรื่อง เดี๋ยวเอ็งจะโดนยันโครมอีกคน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าใครสมรู้ร่วมคิดกับอีแพง”
ด้วงชะงักสะดุ้งโหยงแล้วรีบขยับถอยไปหลบหลังสมภารบุญ พิศเลยต้องหันมาอธิบายกับหลวงพ่อ
“ปกติผมก็ไม่ได้อยากเร่งให้นังเพื่อนมันแต่งงานกับไอ้ลอหรอกครับหลวงพ่อ แต่งงานกัน ทีต้องใช้เงินมากมายก่ายกอง ไอ้ลอมันก็มีผมเป็นญาติผู้ใหญ่มันคนเดียว”
“แล้วเอ็งจะรีบไปทำไม”
“ก็เรื่องไอ้วีระไงครับหลวงพ่อ ถ้านังเพื่อนมันยังไม่มีผัว ผมกลัวว่าสักวันไอ้วีระจะมาดัก ฉุดนังเพื่อนไปทำเมีย หลวงพ่อก็น่าจะรู้ ถ้ามันลงมือขึ้นมา อย่างผมจะช่วยอะไรลูกได้”
“ที่เอ็งห่วงก็มีเหตุผล คนอย่างไอ้วีระมันกล้าทำเรื่องแบบนี้ซะด้วย”
“จะให้เรือรอหรือจะให้เรือไปก่อนครับหลวงพ่อ”
ด้วงถาม สมภารบุญนิ่งคิดมองหน้าพิศ

แพงกับเรืองนั่งลงคุยกันบริเวณเถียงนา
“ขอบใจเอ็งมากนะไอ้เรือง”
“ข้าขอเปลี่ยนคำขอบใจของเอ็งเป็นอย่างอื่นได้มั้ยวะอีแพง”
“เอ็งจะเอาอะไรจากข้าวะ”
“ขอข้าคิดดูก่อนนะ”
เรืองอมยิ้มกรุ้มกริ่มมองแพงด้วยความชื่นชม ด้วยความรักที่แอบหลงรักแพงมานาน จนเผลอตัวยื่นหน้าเข้าใกล้หลับตาพริ้ม
“ถ้าเอ็งไม่ว่าอะไรข้าก็อยากจะขอให้เอ็ง หอม หอม”
แพงหันกลับมา เห็นเรืองหลับตาทำหน้าแปลกๆ
“ทำอะไรของเอ็งวะไอ้เรือง”
“เอ่อ ข้า ข้า”
“ข้าถามว่าเอ็งจะทำอะไร”
“ข้า คือว่า ข้าอยาก อยากให้เอ็ง”
“หอมแก้มเอ็งใช่มั้ย”
เรืองสะดุ้ง
“ก็เหมือนที่เราเคยเล่นเป็นพ่อเป็นแม่กันตอนเด็กๆ ไงอีแพง”
“แต่ตอนนี้เอ็งไม่ใช่เด็ก แล้วข้าก็ไม่ใช่เด็ก แต่ดันมาทะลึ่งขอให้ข้าหอมแก้มเอ็ง แสดงว่าเอ็งกำลังคิดสัปดนฉวยโอกาสกับข้า”
“เฮ้ย ข้าเปล่าจะฉวยโอกาสกับเอ็งนะเว้ย”
“สาบานให้ฟ้าผ่าเอ็งตาย ไอ้เรือง”
“ฟ้าผ่าเลยเหรอวะอีแพง”
“เออ ถ้าเอ็งเป็นลูกผู้ชาย เอ็งก็ต้องไม่กลัวคำสาบานเหมือนอย่างพี่ลอเขา”
“ไม่เอาหรอก ข้าไม่ชอบสาบาน ข้ากลัวฟ้าผ่า”
“งั้นเอ็งก็คิดฉวยโอกาสอยากสัปดนกับข้า ไอ้เรือง ไอ้ระยำ”
แพงจิกหน้ากำหมัดแน่นพร้อมเอาเรื่อง เรืองหน้าเหวอ โดนหมัดแพงกระแทกเข้าเบ้าตาจนผงะหงายหลัง ร้องโอดโอย
“อีแพง ข้าขอโทษ”
“ขอโทษตอนนี้มันสายไปแล้วไอ้เรือง เพราะเอ็งคิดทะลึ่งกับข้าไปแล้ว หนอย ข้าหลงคิดว่าเอ็งเป็นเพื่อนไว้ใจได้ แต่เอ็งก็เหมือนพวกไอ้วีระนั่นแหละ เห็นผู้หญิงไม่ได้”
“ฟังข้าก่อนอีแพง เอ็งเอาข้าไปเปรียบพวกมันไม่ได้ เพราะข้าไม่ได้คิดร้ายกับเอ็ง”
“เอ็งไม่ต้องมาพูดดี สันดานตัวผู้มันก็เหมือนควายถึก พอคึกเข้าหน่อยก็คิดแต่จะขึ้นขี่ อี๋ แหวะ จะอ้วก ไม่อยากพูดอีกให้กระดากปาก เอาเป็นข้าสั่งสอนเอ็งให้จำไปจนตาย ว่าอย่ามาทะลึ่งกับข้าอีกดีกว่า”
แพงง้างหมัดจะต่อยหน้าเรืองอีกหมัด เรืองรีบยกมือขึ้นป้องหน้า แพงยิ้มรู้ทันว่าเรืองต้องกันหน้า จึงลดหมัดลงแล้วชกเข้าที่ลิ้นปี่ เรืองจุกตัวงอ
“อู้ย อีแพง เอ็งด่ากราดผู้ชายเหมือนควาย คิดแต่จะขี่ตัวเมียไปทั่วแบบนี้ งั้นไอ้ลอ มันก็ไม่ต่างกันหรอกเว้ย มันก็ตัวผู้ ถึงเวลาก็คึกเหมือนข้านี่แหละ”
“ไอ้เรือง พี่ลอเขาไม่เหมือนเอ็ง”
แพงง้างหมัดจะซัดหน้าเรืองอีก แต่ลอโผล่มาข้างหลังคว้าข้อมือแพงเอาไว้และเสียงแข็งใส่
“พอได้แล้วอีแพง”
“พี่ลอ”
“นังตัวแสบ มากับข้า”
ลอออกแรงฉุดกระชากอย่างเต็มที่ แพงเซถลาและพยายามขืนตัว
“ปล่อยฉันนะพี่ลอ ฉันไม่ไป”
“จะตามข้าไปดีๆ หรือจะให้ข้าใช้กำลังกับเอ็ง”
“ก็ลองดูสิ อีแพงสู้จริงๆ”
“อีแพง อยากลองดีใช่มั้ย ไม่โดนข้าตีสั่งสอนเอ็งมาหลายปี งั้นต้องเจอหนักๆ จะได้จำ”
ลอโกรธจัด แล้วเงื้อมือจะตี แพงยกมือขึ้นจะกัน แต่ลอรีบลดมือแล้วเปลี่ยนจากจะตีแขนมา ฟาดที่ก้นแพง แพงร้องลั่นทุ่ง
“โอ๊ย ตูดฉัน”
ลอได้ทียิ้มชอบใจแล้วเข้าไปรวบตัวจับแพงมาอุ้มพาดบ่าตัวลอย แพงร้องโวยวายลั่น
“ปล่อยฉันนะพี่ลอ บอกให้ปล่อย”
ลอไม่ยอมปล่อยแถมเอามือตีก้นแพงอีก แพงสะดุ้งโหยงร้องลั่น ลอแบกแพงพาตัวออกไป เรืองมือกุมเบ้าตาที่โดนแพงต่อยแล้วได้แต่มองตาม

“คราวนี้ข้างดช่วยเอ็งก่อนนะอีแพง อู้ย”

อ่านต่อหน้า 3

เพื่อน แพง ตอนที่ 3 (ต่อ)

เพื่อนค้นหาแพงจนกองฟางกระจุยแต่ไม่เจอตัว

“อีแพง หลบเก่งนักนะ ยิ่งเอ็งหนีข้าก็ยิ่งโกรธ แล้วยิ่งข้าโกรธ เอ็งก็จะยิ่งโดนหนัก ออกมาเดี๋ยวนี้นะอีแพง อีแพง”
เพื่อนเริ่มเสียงดังและเหนื่อยที่จะตามหา ระหว่างนั้นแรมเดินยิ้มเข้ามา มือถือพัดโบกหน้าเพราะร้อนแดด
“มาอยู่ที่นี่เองนังเพื่อน ข้าหาซะทั่วเลย”
“พี่แรม ตามหาฉันทำไม”
“ถามอย่างกับข้ากับเอ็งเป็นคนอื่นคนไกลกันงั้นแหละ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ฉันแปลกใจเพราะผู้หญิงอย่างพี่ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ต้องถามหาฉัน”
“ผู้หญิงอย่างข้า เอ็งหมายความว่ายังไง”
“ฉันยุ่งอยู่ ไม่ว่างคุยกับพี่หรอก อีแพง บอกให้โผล่หัวมา อีแพง”
แรมเข้าไปบีบแขนเพื่อนออกแรงดึงให้หันกลับมาเผชิญหน้า
“พูดมาให้ชัดนะนังเพื่อน ผู้หญิงอย่างข้าที่เอ็งหมายถึง เอ็งหมายความว่าอะไร”
“ก็ผู้หญิงจากพระนคร แต่งเนื้อแต่งตัวสวยๆ ดูเป็นผู้ดีมีสกุลไงล่ะจ๊ะพี่แรม”
เพื่อนกลบเกลื่อนความหมายที่คิดไว้ใจ ด้วยสีหน้าแกล้งซื่อ ก่อนจะแกะมือแรมแล้วเดินออกไป แรมจิกหน้ามองตาม
“นังเพื่อน นังนี่มันร้ายไม่ใช่เล่น”
แรมรีบเดินตามเพื่อน แล้วมาขวางเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนนังเพื่อน ข้ารู้ว่าเอ็งไม่ได้หมายความอย่างที่พูด ไอ้เรื่องที่เอ็งเห็นข้ากับผู้ชายคนนั้น ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เอ็งคิด ข้าไม่ได้ทำเพื่อเงิน ข้าโดนผู้ชายหลอก”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะพี่แรม”
“อย่ามาตีหน้าซื่อกลัวข้าด่าเอ็งเลย เอ็งกับข้ามีความลับที่ช่วยกันปิดคนละเรื่อง เหมือนน้ำต้องพึ่งเรือเสือต้องพึ่งป่า ทำไมเราไม่มาคบหากันให้สนิทใจ เหมือนพี่เหมือนน้องที่ตามกันมาล่ะ”
“หึ น้องสาวฉันขนาดคลานตามกันมา ยังหาเรื่องให้ฉันปวดหัวไม่หยุดไม่หย่อน”
“นั่นมันอีแพงน้องสาวเอ็ง แต่กับข้า”
แรมยิ้มมุมปาก ดูเป็นมิตรที่ซ่อนดาบไว้ข้างหลัง แล้วเดินวนรอบๆ ตัวเพื่อน พินิจพิจารณาหัวจรดเท้า
“เอ็งกับข้ามีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน ยิ่งเห็นเอ็งข้าก็ยิ่งรู้สึกเหมือนส่องกระจกดูตัวเอง โดยเฉพาะความสวย เอ็งสวยกว่าข้าตอนที่อายุรุ่นๆ เดียวกันมาก”
“ชมฉันเกินไปแล้วล่ะจ้ะพี่แรม”
“ข้าไม่ได้ชมเอ็งเกินไปหรอก เชื่อสายตาข้าสิ ข้าอยู่พระนครมาหลายปี เจอผู้หญิงสวยๆ มาก็เยอะ แต่ไม่มีใครหรอกที่จะงามจับใจได้อย่างเอ็ง”
เพื่อนเริ่มเคอะเขิน คล้อยตามคำชมของแรมเพราะน้ำหนักคำพูดจากปากสาวพระนครที่แต่งตัวสวยอย่างแรม ทำให้สาวบ้านนอกอย่างเพื่อนเคลิ้มตาม
“ฉันเนี่ยนะจะงามอย่างจับใจได้อย่างสาวๆ พระนคร ฉันมันก็แค่สาวบ้านนอกคอกนา เนื้อตัวก็มีแต่กลิ่นโคลนสาปควายนะจ๊ะพี่แรม”
“ถ้าเอ็งคิดว่าข้าตอแหล งั้นเอ็งก็ตามข้ามาสิ แล้วข้าจะทำให้เอ็งเห็นว่าสายตาข้ามองคนไม่ผิด นังเพื่อน หึๆๆ”
แรมทำทีหัวเราะน้อยๆ เอาพัดโบกหน้าแล้วเดินออกไป เพื่อนครุ่นคิดสนใจอยู่เหมือนกัน

ที่หน้ากระท่อมปลายนา เสียงแพงร้องโวยวายดังลั่นเพราะถูกลอจับแบกขึ้นบ่าพาเข้ามา
“ปล่อยฉันนะพี่ลอ บอกให้ปล่อย”
“ร้องไปเถอะ อีแพง อีตัวแสบ คิดว่าจะแกล้งข้าแกล้งพี่สาวเอ็งแล้วลอยหน้าลอยตายียวนกวนประสาทได้ล่ะก็ เอ็งคิดผิด”
ลอเอามือฟาดก้นแพงแรงๆ ไปอีกที แพงตะโกนลั่น
“โอ๊ย เจ็บ เลิกยุ่งกับตูดฉันซะทีได้มั้ยพี่ลอ ตูดฉันระบมไปหมดแล้ว”
“ดี ตีให้เอ็งรู้สึกเจ็บนี่แหละ ต่อไปจะได้เข็ด”
ลอตีก้นแพงอีกด้วยแรงที่หนักกว่าเดิม แพงร้องลั่นกว่าเดิมน้ำตาไหล
“พอได้แล้วพี่ลอ ปล่อยฉันเถอะ พอแล้ว พี่ลอแบกฉันแบบนี้ ผ้าถุงฉันจะหลุดอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องมาตอแหล”
“จริงจ้ะพี่ลอ ผ้าถุงฉันมันจะหลุดแล้วจริง ถ้าหลุดขึ้นมา แล้วใครมาเห็นเข้า ฉันจะบอกเขาว่าพี่ลอจะปล้ำฉัน”
“อีแพง”
ลอรีบปล่อยแพงลงพื้น แพงลงแรงไปหน่อยก้นจ้ำเบ้าอีก
“อู้ย ให้ปล่อยไม่ได้ให้ทุ่ม หนังตูดฉันไม่ได้ด้านหนาอย่างไอ้เปลี่ยวนะ”
“หึ อีแพง ผ้าถุงเอ็งยังแน่นไม่ได้หลุด แสดงว่าโกหกข้า งั้นต้องโดนสั่งสอนเป็นสองเท่า”
แพงรีบลุกพรวดแล้วเตะหน้าแข้งลอทันที
“นี่แน่ะ เรื่องอะไรจะอยู่ให้พี่ทำฉันเจ็บตัว”
แพงรีบจ้ำอ้าว ลอกุมหน้าแข้งเจ็บใจมองตาม
“อีแพง”
แพงหันรีหันขวางหนีลอเลยไม่ทันมองว่าลออ้อมมาดักหน้าหลบหลังเสาเรือนแล้วแกล้งยื่นขาออกไปขวางขัดให้แพงสะดุดหน้าทิ่ม
“ถึงเอ็งจะแสบ แต่ข้าก็ไล่ทันเอ็งมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกนะอีแพง เพราะฉะนั้น อย่าคิดหนี ให้ข้าต้องออกแรงเหนื่อย”
“ปล่อยฉันไปไม่ได้เหรอพี่ลอ จะโกรธอะไรฉันนักหนาเนี่ย”
ลอเข้าไปดึงหู
“นี่เอ็งยังไม่รู้ตัวอีกเหรออีแพง จะแกล้งข้าก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง ไม่ใช่สนุกจนล้ำเส้นไม่เห็นหัวข้ากับพี่สาวเอ็ง”
“โอ๊ยๆ ฉันไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสนุกนะพี่ลอ”
“ยังมาเถียงอีก ไม่ไหวแล้วอีแพง นับวันเอ็งมันชักจะดื้อด้านเกินข้าจะทนไหวแล้ว”
แพงน้ำตานอง
“ฉันพูดจริงๆ นะพี่ลอ ฉันไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสนุกเลย ก็ฉันไม่อยากให้พี่ลอกับพี่เพื่อนแต่งงานกันจริงๆ ฮือๆๆ”
“อีแพง หยุดตอแหลบีบน้ำตาเล่นละครโกหกข้า”
“ฉันเปล่าตอแหลแกล้งบีบน้ำตา ฮือๆ ฉันไม่อยากให้พวกพี่แต่งงานกันเลย ฉันขอล่ะ จะให้ฉันกราบเท้าขอร้องพี่ลอก็ได้ พี่ลออย่าแต่งงานกับพี่เพื่อนเลยนะ ฮือๆๆ”
แพงร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มแล้วเข้ามากอดแขนลอร้องไห้สะอื้นน่าสงสาร
“ได้มั้ยจ๊ะพี่ลอ อย่าแต่งงานกับพี่เพื่อนเลยนะ สงสารอีแพงเถอะนะ อย่าแต่งงานกันเลย สงสารอีแพงเถอะ ฮือๆๆ”
“นี่เอ็งร้องไห้ขนาดนี้เลยเหรอ ตั้งแต่ข้าช่วยเลี้ยงเอ็งมา ข้ายังไม่เคยเห็นเอ็งร้องไห้น้ำตาพรากขนาดนี้”
“พี่ลอบอกฉันมาสิ พี่ลอจะไม่แต่งงานกับพี่เพื่อน”
“เอ็งบอกเหตุผลข้ามาก่อน ทำไมเอ็งถึงไม่อยากให้ข้าแต่งงานกับพี่สาวเอ็ง”
“ฉัน ฉัน ฮือๆๆ”
แพงสะอื้นน้ำตาอาบสองแก้ม เป็นความกลัวและเจ็บปวดที่ไม่เคยแสดงออกมา ไม่ใช่การบีบน้ำตาเพื่อให้ลอสงสาร แต่เป็นความอัดอั้นและกลัวมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ
“ฮือๆๆ พี่ลอจ๋า ฉัน ฉันไม่อยากถูกทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียว”
แพงน้ำตานองหน้าแล้ววิ่งหลบหน้าลอออกไปทันที ลอยืนอึ้งตกใจ

“อีแพง”

แพงวิ่งร้องไห้อย่างเจ็บปวดไปตามคันนาเขียวขจี วิ่งเข้ามาล้มลงที่บริเวณกองฟาง น้ำตาไหลนองหน้า มือกำรวงข้าวที่พื้นขึ้นมาแล้วเริ่มร้องเพลงพิษฐานเพื่อวิงวอนต่อเจ้าแม่โพสพทั้งน้ำตา

“พิษฐานเอย...
มือหนึ่งลูกถือฟางฟางเจ้าแม่โพสพ
บุญใดเคยทำไว้เอย ขอความสุขให้ลูกได้พบ
ชาตินี้กำพร้าแม่ ขาดคนเหลียวแลขาดคู่เคยคบ
เมื่อคราขมขื่นเอย สู้ฝืนยิ้มกลบ
เอาเพลงเป็นทำนบ กลั้นน้ำตาหัวใจ
แม่โพสพโปรดเถิดเอยอย่าให้ลูกเกิดมาอีกเลย
พิษฐานวอนไหว้ ขอให้ได้ดังใจที่พิษฐานเอย"

ตลอดการร้องเพลงวอนไหว้แม่โพสพ แพงร้องทั้งน้ำตา ลอตามมายืนมองแพงร้องเพลงพิษฐานตัดพ้อชีวิตเป็นที่น่าเวทนาสงสารยิ่งจนพลอยน้ำตาซึมเวทนาสงสาร และเข้าใจความรู้สึกของแพงที่เขาอุ้มชูช่วยเลี้ยงมา
“อีแพง”
ลอได้แต่เปรยออกมาเบาๆ อยากจะเข้าไปปลอบใจ แต่เมื่อนึกถึงความรักของตัวเองที่มีต่อเพื่อน ลอก็ต้องชะงักและยั้งตัวเองไว้ ทำได้แค่มองแพงด้วยความเวทนาแล้วเดินจากไป

แรมพาเพื่อนมาที่บ้านตัวเอง
“พี่แรมจ๊ะ ฉันว่าพอเถอะจ๊ะ”
แรมพยายามจับเพื่อนแต่งหน้าทาปาก
“เอ็งจะกลัวอะไร หะ นังเพื่อน ข้าก็แค่แต่งหน้าทาปากให้เอ็ง”
“แต่ฉันไม่เคยใช้เครื่องสำอางแต่งหน้ามาก่อน แล้วของพวกนี้ก็ของพี่แรม ฉันเกรงใจ”
“โอ๊ย จะเกรงใจทำไม ข้าเป็นคนชวนเอ็งมา ไม่ใช่เอ็งมาเว้าวอนข้าสักหน่อย เอ็งอยู่เฉยๆ ข้าเหลือทาลิปสติกให้เอ็งก็เสร็จแล้ว”
แรมจับไหล่เพื่อนบีบแน่นให้นั่งเฉยๆ บังคับ แล้วบรรจงใช้ลิปสติกแต่งแต้มสีริมฝีปากให้
“เชื่อข้าเถอะนังเพื่อน ประเดี๋ยวเอ็งได้เห็นหน้าตาตัวเองแล้วเอ็งจะต้องขอบใจข้า”
แรมยิ้มชอบใจและทาลิปสติกให้เพื่อนเสร็จ เพื่อนรู้สึกตื่นเต้นบอกไม่ถูก เมื่อแรมขยับให้ดูในกระจก เพื่อนก็ถึงกับตกใจ ใบหน้าของตัวเองดูสวยเฉี่ยวไฉไล
“พระคุณเจ้า พี่แรม ลบเครื่องสำอางออกให้ฉันที”
“ทำไมล่ะนังเพื่อน ข้าแต่งให้เอ็งไม่สวยเหรอไง”
“ปละ เปล่าจ้ะพี่แรม ฉันตกใจ ฉันก็ดูสวยอยู่หรอก แต่มันดู ดูแล้วไม่ใช่ฉันเลยจ้ะ สีเต็มหน้าแบบนี้ ถ้าเดินออกไปข้างนอก ชาวบ้านคงหัวเราะฉันตาย หาว่าฉันจะไปเล่นลิเกแน่ๆ”
“โธ่เอ๊ย นังเพื่อน แต่งหน้าแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าสวย ถ้าอีพวกชาวบ้านมันหัวเราะเยาะเอง ก็แสดงว่าพวกมันตาไม่ถึงเหมือนอย่างชาวพระนครเขา”
“จริงเหรอพี่แรม”
“ข้าไปอยู่พระนครมาตั้งหลายปี เอ็งไม่เชื่อแล้วจะไปเชื่อหมาที่ไหน หือ นังเพื่อน”
เพื่อนเริ่มคล้อยตามแรม หันมาส่องหน้าตัวเองในกระจกพลิกซ้ายพลิกขวาแล้วเริ่มยิ้มชอบ
แรมหางตามองเพื่อนแล้วยิ้มชอบใจที่ทำให้เพื่อนเคลิ้มตามคำพูด รอยยิ้มและแววตาของแรมมีเลศนัย
“นี่ ถ้ายังไม่เชื่อว่าเอ็งสวยเหมือนสาวพระนคร เอ็งทำตามที่ข้าบอก แล้วมาคอยดูกัน”
“ทำอะไรเหรอจ๊ะพี่แรม”
แรมยิ้มมีเลศนัย

ประตูห้องแรมเปิดกว้างออก เพื่อนใส่รองเท้ามีส้นอย่างสาวพระนครแล้ว ใส่ชุดเสื้อผ้าที่แรมเอามาให้ใส่ มือข้างหนึ่งถือพัดและสวมหมวกเอียง เพื่อนมองตัวเองในชุดสวยและแต่งหน้าจนสวยแล้วยิ้มปลื้มปริ่ม เลยลองหมุนตัวให้กระโปรงพลิ้วแต่เพราะไม่เคยสวมส้นสูงเลยทำให้เซเกือบจะล้ม
“ว้าย แหกๆๆ”
เพื่อนเกือบจะล้มแต่ประคองตัวได้ ระหว่างนั้นเสียงเรืองดังเข้ามา
“อู้ย เบ้าตาข้าจะบอดมั้ยวะเนี่ย อีแพงนะอีแพง ขยับจากลิ้นปี่เป็นเล่นเบ้าตา คราวหน้ามันคงเอาไม้หน้าสามฟาดกบาลแน่”
เรืองบ่นไปก็เดินขึ้นบันไดเรือนแล้วชะงักมองไปที่หญิงสาวในชุดสวยแต่งหน้าทางปากยืนเอาพัดโบกหน้า
เพื่อนแกล้งทำเป็นเชิดหน้า แล้วเอาพัดโบกหน้าไปมาบังครึ่งหน้าตามที่ได้เตี๊ยมเอาไว้กับแรม
“ใครวะ ไม่ใช่คนแถวนี้นี่หว่า”
เพื่อนแกล้งกระแอม
“ขอโทษนะจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย”
“เอ่อ ขะ ขะ ขอรับ ครับคุณผู้หญิง”
“ฉันเป็นเพื่อนของแรมจันทร์จ้ะ มาจากพระนคร แรมจันทร์อยู่รึเปล่าจ๊ะ”
“แรมจันทร์”
เรืองหน้าซื่อๆ บื้อๆ งงๆ ตะลึงในความสวยของหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะนึกขึ้นได้
“อ๋อ พี่แรมน่ะเหรอครับ ที่บ้านผมไม่ได้เรียกชื่อนั้นมานานเลยนึกไม่ออก”
เพื่อนขำน้อยๆ แล้วเอาพัดปิดหน้า
“จ้ะ”
“พี่แรมไม่ได้อยู่บ้าน งั้นเดี๋ยวผมไปตามพี่แรมให้นะขอรับคุณผู้หญิง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพ่อหนุ่มน้อย ไว้ฉันมาวันหลังก็ได้ ขอบใจมากนะจ๊ะ”
เพื่อนบอกแล้วเดินออกไป เรืองมองตาม ยังตื่นเต้นไม่หายที่ได้เจอผู้หญิงแต่งตัวสวยแบบนี้
“นี่น่ะเหรอวะผู้หญิงสวยจากพระนครตัวเป็นๆ ให้ตายห่าเถอะไอ้เรือง”

เพื่อนรีบเดินเข้ามายังหลังบ้านที่แรมแอบซุ่มรออยู่ เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจของแรมรอรับเพื่อน
“พี่แรม ไอ้เรืองมันจำฉันไม่ได้จริงๆ ด้วยจ้ะ ฉันเห็นปากมันสั่น มือมันสั่นด้วย”
“หึ ก็ข้าบอกเอ็งแล้วไง พวกบ้านนอกในทุ่งบ้านสร้างมันไม่เคยเจอผู้หญิงสวยๆ ในพระนคร พอเจอตัวเป็นๆ เข้าให้มันไม่เยี่ยวราดต่อหน้าก็บุญลูกตาเอ็งแล้ว ฮ่าๆๆ”
“แหม แต่ฉันก็ยังเป็นนังเพื่อนอยู่นะจ๊ะ ถึงจะแต่งหน้าแต่งตัวยังไงก็ดูไม่เป็นสาวพระนครหรอก”
“อะไรกัน ข้าให้เอ็งทดสอบขนาดนี้แล้วเอ็งยังไม่เชื่ออีก”
“เชื่อจ้ะ เชื่อแล้ว ไม่คิดเลยนะว่าอยู่กับพี่แรมแล้วจะสนุกแบบนี้”
เพื่อนพูดไปก็หมุนตัวให้กระโปรงพลิ้วๆ แรมแอบยิ้มพอใจและยิ้มมีเลศนัย
“ข้าบอกเอ็งแล้วไง ข้ากับเอ็งมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน ยิ่งเห็นเอ็งสนุกแล้วก็ชอบติดใจแบบนี้งั้นเดี๋ยวข้ามีเรื่องสนุกๆ ให้เอ็งทำอีก”

“อะไรอีกเหรอจ๊ะพี่แรม”

แก้วกำลังตัดใบกล้วยจากสวนเพื่อเอาไปขาย ระหว่างนั้นมีเสียงสะอื้นดังแว่วเข้ามา แก้วชะงัก
 
“ใครวะมาร้องห่มร้องไห้แถวนี้”
แก้วหาต้นตอของเสียงสะอื้นไม่เจอก็เริ่มเสียววาบ
“เอาแล้วไงอีแก้ว นี่มันดงกล้วยตานีซะด้วย”
แก้วเริ่มกลืนน้ำลาย เสียงสะอื้นยังดังไม่หยุด เธอเริ่มถอยหลังหาทางหนีทีไล่พร้อมยกมือพนมท่วมหัว
“เจ้าแม่ตานีขา อีแก้วไม่เคยคิดจะลบหลู่เจ้าแม่เลยนะเจ้าคะ วันนี้ที่มาตัดใบก็จะเอาไป ทำมาหากินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่นะเจ้าคะ”
“อีแก้ว ฮือๆๆ อีแก้ว”
แก้วตกใจกลัวจนขนลุกซู่ผวา แล้วล้มลง จะรีบคลานหนี
“ไม่อยู่แล้ว ช่วยด้วย ช่วยด้วยจ้า ผีตานีจะมาเอาชีวิตอีแก้ว”
แก้วร้องลั่น แต่พอคลานเร็วพุ่งไปข้างหน้าก็ต้องชะงักเพราะเจอเท้าเปล่าเปื้อนโคลนยืนขวางทาง แก้วยิ่งร้องลั่น
“อย่าเอาอีแก้วไปอยู่ด้วยเลย อีแก้วกลัวแล้วจ้าเจ้าแม่ตานี”
“อีแก้ว ฮือๆๆ อีแก้ว”
แก้วชะงักเพราะเสียงคุ้นเคยเลยลืมตาขึ้นมา จึงเห็นว่าเป็นแพงในสภาพร้องห่มร้องไห้จนน้ำตานองหน้า
“อีแพง”
แพงโผเข้ากอดแก้วเพื่อนรัก แล้วปล่อยโฮไม่หยุด

ลอกลับเข้ามาที่บ้านพิศ พร้อมเรียกหาเพื่อน
“แม่เพื่อน”
ลอเรียกอยู่ครู่แต่คนที่ออกมาคือพิศ
“ไอ้ลอ เอ็งไม่ได้มากับนังเพื่อนเหรอ”
“เปล่าจ้ะอา ฉันกับแม่เพื่อนแยกกัน นึกว่าแม่เพื่อนจะกลับมาบ้านแล้ว”
“ยังเลย ข้ากลับมาไม่เจอใคร โดยเฉพาะอีแพงตัวแสบ ถ้ามันกลับมาบ้านเมื่อไหร่ล่ะก็ คราวนี้ข้าจะเฆี่ยนมันให้หลังลาย แล้วถ้ามันยังไม่รู้จักเข็ด ข้าจะล่ามมันไว้ในบ้าน ไม่ ให้มันออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันอีก”
“อาจ๊ะ อย่าไปลงโทษมันหนักขนาดนั้นเลย มันยังเด็ก”
“หึ มีแต่เอ็งคนเดียวนั่นแหละไอ้ลอที่เห็นมันยังเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา มันถึงได้สันดาน เสียนึกว่าทำอะไรก็ไม่ผิดเพราะมีเอ็งให้ท้าย”
“ฉันก็ไม่ได้ตามใจมันตลอดหรอกจ้ะอา ฉันทั้งด่าทั้งลงมือกับมันไปแล้ว คิดว่ามันคงสำนึก อย่าให้ถึงกับต้องโดนพ่อ โดนพี่ลงมือซ้ำเติมครบรอบวงเลย”
“เอ็งพูดแบบนี้เอ็งเจอตัวมันแล้วเหรอ”
“จ้ะ”
“มันอยู่ไหน เจอเอ็งลงมือยังไงมันก็ไม่หลาบจำเท่าเจอข้า ว่าไงไอ้ลอ บอกข้ามาสิวะ”
พิศขยับออกอาการอยากรู้จะถามลอให้ได้ แต่อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่บริเวณลิ้นปี่
“อาเป็นอะไรไปจ๊ะ”
พิศเจ็บแปล๊บจนพูดไม่ออก ลอรีบเข้าไปพยุงอย่างเป็นห่วง
“ขึ้นบ้านก่อนเถอะจ้ะอา ฉันช่วย”
ลอพยุงพิศเดินกลับเข้าไปในบ้าน ครู่หนึ่งด้วงซึ่งแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ใกล้ๆ บริเวณนั้น โผล่หัวออกมามอง

แพงนั่งเศร้าอยู่ที่ระเบียงบ้านแก้ว น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว แต่ความเสียใจยังมีอยู่
“ถ้าอยากจะมาอยู่กับข้าหลบพ่อหลบพี่ ข้าไม่ว่าหรอก แต่ข้าขอติเอ็งหน่อยเถอะ คราวนี้ เอ็งเล่นสนุกเกินไปจริงๆ”
“เอ็งไม่ต้องมาสั่งสอนข้าอีกคน ไม่งั้นข้าจะไปที่อื่น”
“เอ็งจะไปไหนได้วะอีแพง ห่างพี่ลอหน่อยเอ็งก็ร้องหาเขาแล้ว เฮ้อ อีแพงเอ๊ย เวลาพี่ เพื่อนเขาว่าเอ็ง บางทีข้าก็เห็นด้วยนะ เอ็งไม่ใช่เด็กๆ แล้วที่จะไปร้องหาพี่ลอ หาพี่ลอ อายุพวกเขาก็ได้วัยที่ต้องมีเย้ามีเรือน แล้ว เอ็งจะไปติดสอยห้อยตามเขาตลอดได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าพวกเขาต้องแต่งงานกันจริงๆ ข้าก็จะไปอยู่กับเขา ให้เป็นขี้ข้าเลี้ยงลูก ทำงานให้พวกเขาข้าก็ยอม”
“อีแพง เอ็งเป็นน้องเมีย ขืนเอ็งทำแบบนั้น ชาวบ้านเขาได้นินทาพี่ลอสนุกปาก ว่าเป็นพระยาเทครัว รวบหัวรวบหางทั้งพี่ทั้งน้องน่ะสิวะ”
“ถ้าไอ้อีหน้าไหนอยากปากเก่งนินทาก็ให้มันมาพูดต่อหน้า มันได้มีปัญหากับอีแพงแน่”
“โอ๊ยอีนี่ พูดไปก็เถียง สมควรแล้วที่จะโดนพ่อเอ็งเตรียมลงหวาย”
แก้วบ่นรำคาญเหนื่อยหน่ายความดื้อรั้นของแพง ระหว่างนั้นด้วงเข้ามา
“อีแพง อีแพง”
ด้วงยกขันน้ำที่แก้วเอามาให้แพงกิน
“บอกมาซะทีสิวะไอ้ด้วง เอ็งไปดูลาดลาดที่บ้านข้ามาเป็นยังไงบ้าง”
แก้วหางตาประชดแพง
“คราวนี้อาพิศคงไม่ได้แค่ลงหวายแต่เตรียมโซ่ไว้ล่ามมันแล้วใช่มั้ย”
“เออ อาพิศโกรธมาก ข้าว่าเอาจริงแน่ งานนี้เอ็งมีหวังหลังลายแถมโดนล่ามเป็นหมาแน่”
“งั้นสงสัยว่าอีแพงคงต้องหลบอยู่บ้านข้าอีกนาน”
“ถ้าเอ็งไม่อยากให้ข้าอยู่ เอ็งก็บอกมา เดี๋ยวข้าไปอยู่วัดกับไอ้ด้วงก็ได้”
“ขืนเอ็งไปอยู่วัด พระเณรเขาก็ได้กระเจิงเพราะเอ็งอีกสิวะ”
“พอได้แล้ว พวกเอ็งไม่ต้องเถียงกัน อีแพง ถึงอาพิศเขาเตรียมจะเล่นงานเอ็งอยู่ก็จริง แต่ตอนนี้ข้าว่าเขาคงทำอะไรเอ็งไม่ได้หรอก”
“ทำไมวะไอ้ด้วง”
“ข้าเห็นเขาอาการไม่ค่อยดี ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ๆ ก็ทรุดไป พี่สาวเอ็งก็ไม่อยู่บ้าน ไม่รู้หายหัวไปไหน เห็นเหลือแต่ไอ้ลอดูแลอยู่คนเดียว”
“พ่อ”

ท่าน้ำบริเวณอำเภอ ผู้คนเดินขวักไขว่จับจ่ายใช้สอยซื้อของก่อนจะเริ่มมีชาวบ้านผู้ชายพากันหยุด ชะงักหันขวับมองเป็นตาเดียวกัน เพื่อนใส่ชุดสวยที่ได้จากแรมเดินผ่านพวกชายหนุ่มในอำเภอ ใบหน้าที่ได้รับ การเสริมแต่งด้วยเครื่องสำอางจนสวยเฉี่ยวกว่าเดิม ทำให้ชายหนุ่มพากันหยุดมองด้วยความตะลึง
เพื่อนเดินผ่านชายหนุ่มที่พากันมองเหลียวหลังชื่นชม ก็อดอมยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มหลายคนพากัน ถอดหมวกที่สวมอยู่แล้วโค้งให้ราวกับเธอเป็นสาวพระนครผู้สูงส่ง บางคนเป็นพ่อค้าก็เอาข้าวของอาหารแห้งใส่ ถุงยื่นให้ เพื่อนรับของจากชายหนุ่มเหล่านั้นด้วยหัวใจพองโต ส่วนแรมยืนดูอยู่ไกลๆ อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
แรมพาเพื่อนมานั่งที่ร้านกาแฟก็ยังไม่วายมีหนุ่มๆ ในอำเภอที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองจนบรรดาเมีย และแฟนที่มาด้วยเริ่มหึงและหยิกหูตีแขน เพื่อนหัวเราะชอบใจ
“จริงอย่างที่พี่แรมว่าเลยนะจ๊ะ ฉันเดินไปไหนมาไหนมีแต่คนมองว่าฉันสวย แถมยังเอาข้าวของมาให้ฉันเยอะแยะไปหมด”
“ก็ข้าบอกเอ็งแล้วว่าความสวยของเอ็งมาเจอกับฝีมือแต่งหน้าแต่งตัวของข้า ดูยังไงเอ็งก็สาวพระนคร ไม่ใช่นังเพื่อนสาวกะโหลกกะลาจากทุ่งบ้านสร้าง”
“ฉันขอบใจพี่แรมมากเลยนะจ๊ะ”
“ขอบใจอีกแล้ว เอ็งพูดมานี่จะร้อยครั้งได้แล้วนะนังเพื่อน พี่น้องกันไม่ต้องพูดหรอก”
“ถ้าพี่เอ็นดูฉันเหมือนน้องสาว ฉันก็ขอเคารพรักพี่เหมือนพี่สาวจ้ะ”
เพื่อนยกมือขึ้นพนมไหว้อย่างสวยและอ่อนน้อม แรมยิ้มพอใจมากขึ้น และถึงเวลาที่จะรุกเอาผลประโยชน์คืน
“งั้นในเมื่อเรานับถือกันเป็นพี่เป็นน้องแล้ว ข้าก็มีเรื่องอยากให้เอ็งช่วย”
“พี่แรมอยากให้ฉันช่วยอะไรบอกมาได้เลยจ้ะ”
“เรื่องที่ข้าจะขอให้เอ็งช่วยมันเป็นเรื่องคับข้องหมองใจทำให้ข้าต้องนอนร้องไห้มาหลายคืนแล้ว ถ้าเอ็งช่วยข้าได้ล่ะก็ ข้าคงหลับได้อย่างมีความสุขซะที”
“ถ้าฉันช่วยได้พี่แรมก็บอกมาเถอะจ้ะ”
เพื่อนแตะหลังมือแรมอย่างเป็นห่วง แรมเลยเริ่มเล่นบทโศกบีบน้ำตาเศร้าเสียใจ
“เอ็งจำไอ้ผู้ชายที่อยู่กับข้าใกล้คุ้งต้นไทรได้มั้ย ที่มันดูถูกข้า”
“จำได้จ้ะพี่แรม”
“งั้นเอ็งจะช่วยข้าแก้แค้นมันได้มั้ย”
“แก้แค้น”
เพื่อนรีบเดินหนีแรมเมื่อรู้ความต้องการที่แรมขอให้ช่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนไม่อยากทำ
“เดี๋ยวสินังเพื่อน ไหนเอ็งรับปากข้าว่าจะช่วยไง”
“ฉันรับปากจะช่วย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องทำร้ายใคร”
“แล้วที่มันทำกับข้าล่ะเอ็งเรียกว่าอะไร ไอ้ผู้ชายสันดานสัตว์หรือเทพบุตรเทวดามาโปรด”
“พี่แรม”
“ข้าเล่าให้เอ็งฟังไปหมดแล้ว เอ็งยังไม่สงสารข้าอีกเหรอ ทั้งๆ ที่มันดูถูกข้า ทำร้ายร่างกายข้า ผู้หญิงที่ถูกย่ำยีจนไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้วจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม”
แรมน้ำตาคลอ จนทำให้เพื่อนเริ่มไขว้เขว
“ถ้าเอ็งจะใจดำกับข้าก็ตามใจ ข้าคงไม่บังคับ แต่เอ็งไม่ต้องมานับถือข้าเป็นพี่เป็นน้องหรอก กลับไปเจออีแพงที่วันๆ หาแต่เรื่องปวดหัวมาให้เอ็งนั่นแหละดีแล้ว”
เพื่อนยังลังเลตัดสินใจ ระหว่างนั้นชายหนุ่มที่เคยซื้อบริการแรมเดินผ่านมาไกลๆ แรมหันไปเห็นพอดี เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องผ่านมาแถวนี้
“มันมาโน่นแล้ว เอ็งต้องตัดสินใจแล้วที่ว่าน้ำใจเอ็งจะนับถือข้าเป็นพี่เป็นน้อง จริงรึเปล่า”
“พี่แรม ฉัน ฉัน ฉันทำไม่ได้หรอก”
“เอ็งยังไม่ได้ลองทำแล้วเอ็งจะรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้ เอ็งแค่ใช้ความสวยของเอ็งหลอกล่อมันให้ตายใจ แล้วรีบชิงหนี จากนั้นที่เหลือข้าจะจัดการมันเอง”
ชายหนุ่มเริ่มเดินไกลออกไปตามลำพังคนเดียว แรมรีบกระตุ้นเร่งเร้าเพื่อนเพราะเห็นลังเล เชยคางชื่นชมเพื่อน
“ความสวยมันไม่ได้ติดตัวเรามาเพื่อให้ผู้ชายชื่นชมอย่างเดียวหรอกนังเพื่อน ถ้าเอ็งรู้จักใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์ เอ็งก็จะได้ประโยชน์จากมัน”

เพื่อนนิ่งไป มองหน้าแรมอย่างตัดสินใจ

แพงรีบวิ่งเข้ามาที่เรือนอย่างเป็นห่วงพ่อ
 
“พ่อ พ่อเป็นยังไงบ้างจ๊ะ พ่อ”
แพงไม่ทันจะขึ้นบันไดเรือน ลอก็เดินออกมา
“กลับบ้านมาได้แล้วเหรออีแพง หรือว่าจะกลับมาเก็บเสื้อผ้าหนีไปอยู่บ้านอีแก้ว”
“พี่ลอ ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับพี่ ฉันเป็นห่วงพ่อ พ่อเป็นยังไงบ้าง”
“อาเขายังไม่หายช้ำใน ข้ากำลังจะไปต้มยาหม้อมาให้เขากิน”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปต้มให้ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ ให้ฉันไปต้มให้นะ”
“ข้าทำเองดีกว่า เอ็งควรไปกราบเท้าขอโทษอาพิศ ไม่งั้นเอ็งจะโดนหนัก”
พิศเข้ามา
“ข้าไม่อยากได้คำขอโทษจากเอ็ง อีแพง”
“พ่อ”
พิศเดินมือกุมท้องที่ยังเจ็บตรงลิ้นปี่แปล๊บๆ อยู่ ออกมาที่ชานเรือน
“ต่อให้เอ็งมากราบตีนขอโทษข้า ข้าก็ไม่อยากได้”
“อาพิศ อย่าให้ต้องเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตเลย ก็แค่ความซนของอีแพงมัน”
“อีแพงมันอิจฉานังเพื่อน มันเกลียดขี้หน้าเขา จนกล้าไปหาฤกษ์แช่งชักไม่ให้เขาแต่งงานมีความสุข นี่น่ะเหรอที่เอ็งยังบอกว่าเป็นเรื่องเล็กไอ้ลอ”
“พ่อจ๋า ฉันไม่ได้อิจฉาพี่เพื่อนนะ ฉันแค่ไม่อยากถูกทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียว”
“เอ็งจะอยู่คนเดียวได้ยังไง อีกหน่อยเอ็งก็ต้องแต่งงานมีผัวเหมือนนังเพื่อน”
“ไม่ ชาตินี้ฉันจะไม่มีผัว ฉันจะดูแลพ่อช่วยงานพี่ลอพี่เพื่อน จะให้ฉันเป็นขี้ข้าพวกเขาไปตลอดชีวิตฉันก็ยอม”
“อีแพง เอ็งเป็นผู้หญิงเอ็งจะไม่มีผัวได้ยังไง”
“ได้สิพ่อ มีผัวแล้วไม่เห็นจะดีตรงไหน เป็นเมียแล้วก็ต้องอยู่แต่บ้านเฝ้าแต่เรือน เชื่อฟังแต่ผัว ถ้าต้องเป็นผู้หญิงงอมืองอตีน มีหน้าที่บำเรอให้ผัวอย่างเดียว อีแพงสู้ตายแล้วไปเกิดเป็นควายให้ใช้งานอย่างเดียวดีกว่า”
“อี อีแพง”
พิศเหลืออดจะลงจากเรือนไปเล่นงานลูก แต่อาการเจ็บแปล๊บช้ำในที่ลิ้นปี่ก็เป็นขึ้นมาอีกจนเกือบจะล้ม ลอรีบประคอง
“อาพิศ กลับเข้าไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันไปต้มยามาให้”
“ข้า ข้าจะสั่งสอนนังลูกไม่รักดี”
อาการของพิศดูไม่ค่อยจะดีแทบจะยืนไม่อยู่
“อีแพง รีบไปซิ อย่ามาอยู่ให้พ่อเอ็งเห็นหน้า ออกไปก่อน”
“แต่ว่าพ่อแก”
“ข้าดูแลเอง ให้พ่อเอ็งพักให้ดีขึ้นก่อนแล้วเอ็งค่อยกลับมา ไปสิอีแพง”
แพงน้ำตาคลอ แล้วถอยออกไป ลอรีบประคองพิศกลับเข้าไปในเรือน

แพงเดินน้ำตาคลอด้วยความเสียใจที่พ่อไม่เคยเข้าใจ แก้วกับด้วงยืนรออยู่ใกล้ๆ เพราะเป็นห่วง ได้ยินและพลอยสงสารแพง
“ใจเย็นๆนะอีแพง พ่อเอ็งยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ พี่ลอเขาพูดมาก็ถูก หลบหน้าพ่อเอ็งสักพัก ให้เขาเย็นลงแล้วค่อยพูดค่อยจากัน”
“ถ้าอีแก้วมันไม่อยากให้เอ็งไปอยู่ด้วย เดี๋ยวข้าไปจัดที่นอนให้ที่ใต้ถุนศาลาวัดเอง”
“มันเป็นผู้หญิงจะให้มันไปนอนใต้ถุนศาลาได้ยังไง”
“ก็เอ็งไม่อยากให้มันไปอยู่ด้วยนี่หว่า”
“ใครว่า ข้าก็แค่ประชดมัน มันเป็นเพื่อนรักข้า ข้าไม่ช่วยมันแล้วจะช่วยหมาแมวที่ไหน”
“ไม่ต้องหรอกนังแก้ว ข้าไม่ไปไหน ข้าจะดูแลพ่อ”
“อีแพง”
แพงมุ่งมั่นแล้วหันหลังวิ่งกลับไป แก้วกับด้วงได้แต่มองตาม

ชายหนุ่มเดินมาตามทางเดินคนเดียวก่อนจะหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นเพื่อนในชุดสาวพระนครแต่งหน้าสวย ยืนเก้ๆ กังๆ เหมือนคนหลงทาง ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ไม่เห็นใครแถวนั้น ยิ้มร้ายก่อนจะเข้าไปทำดี
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ”
“เอ่อ คือ ฉัน ฉัน”
เพื่อนละล้าละลังไม่ค่อยมั่นใจ สายตาก็เหลือบมองไปที่มุมถนนที่เห็นแรมแอบหลบอยู่ เพื่อนสายตาเว้าวอนแรมขอความมั่นใจเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แรมพยักหน้าให้เพื่อนทำตามแผน
“ไม่สบายรึเปล่าครับคุณผู้หญิง เหงื่อคุณออกเต็มหน้าเลย”
“เอ่อ ค่ะ ดิฉันรู้สึกเวียนหัวยังไงก็ไม่รู้”
“วันนี้แดดค่อนข้างร้อน สงสัยจะทำให้คุณผู้หญิงหน้ามืด ผมว่าขยับเข้ามาหลบแดดหน่อยดีกว่าครับ”
ชายหนุ่มถือวิสาสะโอบไหล่เพื่อนแล้วพาหลบแดดเข้าไปที่ชายคาห้องแถว เพื่อนสะดุ้งที่โดนชายหนุ่มโอบ
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ตั้งใจจะล่วงเกิน แต่ผมเห็นคุณผู้หญิงหน้าเริ่มซีดแล้ว ถ้าไม่รีบไปหาที่พักเย็นๆ แล้วดื่มน้ำสักหน่อย คุณผู้หญิงอาจเป็นลมได้”
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ฉันว่า”
เพื่อนเริ่มรู้สึกถูกรุกและมือของชายหนุ่มก็ไม่ยอมปล่อย เลยอยากจะปฏิเสธ
“ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ ผมรู้จักที่พักแถวนี้ ให้ผมพาคุณผู้หญิงไปพักสักครู่แล้วคุณผู้หญิงอยากไปไหนผมจะไปส่ง ไปกันเถอะครับ”
ชายหนุ่มพูดพร้อมโอบไหล่เพื่อนแน่นเป็นการบังคับกลายๆ เพื่อนละล้าละลังได้แต่เหลียวหลังมองไปที่แรมซึ่งแอบหลบอยู่ แรมโผล่หน้าออกมาพยักหน้าให้เพื่อนไปกับชายหนุ่ม แล้วยิ้มร้าย

ภายในห้องพัก ชายหนุ่มเปิดประตูห้องพาเพื่อนเข้ามา เพื่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ กับผู้ชายมาก่อน เลยดูประหม่าและกลัว
“ฉัน ฉันว่า ฉันกลับดีกว่า”
ชายหนุ่มขยับขวาง
“จะกลับไปได้ยังไงครับคุณผู้หญิง ข้างนอกแดดยังร้อนอยู่แบบนี้ ถ้าไปเป็นลมกลางถนนขึ้นมา เกิดเจอคนไม่ดีเข้า มันไม่คุ้มกันหรอกนะครับ”
“แต่ว่า”
“ดื่มน้ำให้เย็นชื่นใจก่อนเถอะครับ ผมไว้ใจได้ ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มหันไปหยิบน้ำจากเหยือกขึ้นมาแล้วรินใส่แก้ว เพื่อนรับแก้วน้ำไปแล้วยังละล้าละลังกลัว
“นั่งพักที่เตียงสิครับ ตรงนี้มีพัดลม ลมเย็นๆ จะได้โกรกให้เย็นสบาย”
ชายหนุ่มจับแขนเพื่อนแล้วพามาที่เตียงนอน เริ่มจิกหน้ายิ้มร้าย
“ฉันหายแล้วค่ะ ฉันกลับก่อนดีกว่า”
เพื่อนจะรีบออกไปอย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว แต่ชายหนุ่มกระชากแขนเพื่อนอย่างแรงจนแก้วน้ำตกแตก จากนั้นก็ผลักเพื่อนล้มลงไปบนเตียง
“คุณผู้หญิงจะไม่ได้ออกจากห้องนี้จนกว่า หึๆ ผมจะเสร็จธุระกับผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณ”
ชายหนุ่มโถมตัวเข้าจับเพื่อนกดลงบนเตียง เพื่อนร้องตะโกนลั่น

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

เพื่อน แพง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ลอเห็นควันไฟลอยออกมาจากครัวก็แปลกใจรีบเดินมาดู
 
“แม่เพื่อนกลับมาแล้วเหรอ อาพิศถามหาแม่เพื่อนอยู่เลยจ้ะ”
ลอพูดพร้อมเดินเข้าไป แต่ชะงักเพราะที่เจออยู่หน้าเตากำลังเป่าฟืนเร่งไฟต้มยาหม้ออยู่ก็คือแพง
“อีแพง นี่เอ็งยังไม่ไปอีกเหรอ”
“พี่ลอจะให้ฉันไปไหน นี่บ้านฉัน ฉันเกิดที่นี่ ฉันโตที่นี่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ข้าไม่ได้ไล่ให้เอ็งไปอยู่ที่อื่น ข้าแค่”
“พอเลยพี่ลอ พี่ลอจะให้ฉันไปอยู่ที่อื่นสักพักจนกว่าพ่อจะโกรธฉันน้อยลง แต่ฉันไม่ไปหรอก ฉันเป็นห่วงพ่อ ฉันต้องดูแลพ่อ”
“ถ้าเอ็งพูดรู้เรื่อง งั้นเอ็งก็เห็นแล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่เอ็งจะมาให้เขาเห็นหน้า”
“ก็พี่เพื่อนไม่อยู่ แล้วใครจะดูแล หวังพึ่งพี่ลอได้ที่ไหน ยาหม้อเนี่ยเขาต้องต้มต้องเคี่ยวนานเท่าไหร่ ยามันถึงจะกินดี พี่ลอรู้รึเปล่า”
“ไม่รู้”
“พี่ลอเก่งแต่ทำงานในไร่ในนา แต่เรื่องดูแลพ่อ ฉันทำมาตลอด เพราะฉะนั้น อย่ามาเกะกะ ฉันต้องเร่งไฟให้ร้อนเร็วๆ ต้องเอาฟืนมาเติมไม่ให้ไฟมอด เดี๋ยวยาจะเสียของ”
แพงพูดพร้อมกับเดินไปหยิบเอาฟืนที่มุมห้องมากองหน้าเตาแล้วคอยเติมฟืนเป่าไฟให้แรงเพื่อต้มยาในหม้อดิน ลอเห็นความตั้งใจของแพงแล้วก็อึ้งๆ ไป ทั้งๆ ที่พ่อจะเอาเรื่องให้หลังลาย แต่แพงยังมีแก่ใจห่วงพ่อ
“ไอ้ ไอ้ลอ นัง นังเพื่อนมันกลับ กลับมารึยัง”
“พี่ลอขึ้นไปดูแลพ่อเถอะ เดี๋ยวพี่เพื่อนก็คงกลับ เรื่องยาไม่ต้องห่วง ฉันต้มเสร็จเมื่อไหร่ พี่ลอค่อยเอาไปให้พ่อกิน พ่อแกไม่รู้หรอกว่าฉันอยู่ตรงนี้”
“อีแพง”
“ไอ้ลอ นังเพื่อนกลับมารึยัง”
“ยังเลยจ้ะอา”
“ไปเถอะพี่ลอ”
แพงไล่ให้ลอออกไป ส่วนตัวเองก็ก้มหน้าก้มตาเป่าฟืนในเตาให้ระอุคุโชน ลอเดินเข้ามาที่ตั่งซึ่งพิศนอนพักอยู่
“ฉันว่าอานอนอยู่เฉยๆ เถอะจ้ะ อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาเลยเดี๋ยวจะยิ่งแย่”
“ข้านึกว่าเอ็งจะไปตามนังเพื่อน”
“เปล่าหรอกจ้ะอา ฉันลงไปดูอี”
“ดูอะไร”
“ดูยาหม้อที่ต้มไว้จ้ะ เดี๋ยวอากินยาแล้วจะได้ดีขึ้น”
“ขอบใจนะไอ้ลอ ข้าว่าที่นังเพื่อนมันหายไป มันคงหลบไปเสียใจเพราะอีแพงไปทำให้มันโกรธ นังเพื่อนมันรักน้อง เจอน้องทำแบบนี้กับมัน เป็นข้าก็คงจะโกรธจนต้องหลบไปหาที่ไหนสักที่นั่งร้องไห้เสียใจ”
“จ้ะอา”
“เอ็งทิ้งข้าไว้ก็ได้นะ แค่อีแพงไม่อยู่กวนโมโหข้า ข้าก็อยู่ได้ สงสารนังเพื่อนมัน ป่านนี้มัน คงอยากให้เอ็งช่วยปลอบใจ”
“ให้ฉันอยู่ดูแลอาดีกว่าจ้ะ ยาก็ยังต้องต้มเอาไว้จนกว่าจะงวด นอนพักต่อเถอะนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงแม่เพื่อนหรอก”
ลอขยับหมอนให้พิศได้เอนกายสบายๆ แล้วนิ่งไป นึกเป็นห่วงเพื่อนเหมือนกัน แต่ก็ห่วงแพงจะทะเลาะ กับพิศอีก เลยไม่กล้าทิ้งพิศไปไหน

เพื่อนกำลังถูกชายหนุ่มรุกซุกไซ้อย่างบ้าคลั่ง เธอพยายามดิ้นสู้และร้องเสียงดังลั่นขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เพื่อนร้องลั่นแต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย ชายหนุ่มเริ่มรำคาญเสียงร้องเลยชกเข้าที่ท้องน้อยเพื่อนจนจุกตัวงอ
“ที่นี่มันโรงแรม ร้องไปก็ไม่มีใครมาช่วยคุณผู้หญิงหรอกครับ”
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วเริ่มถอดเสื้อ ปลดเข็มขัดออก และก้มหน้าลงซุกไซ้เพื่อนที่แทบจะไม่ เหลือเรี่ยวแรงขัดขืน เลยได้แต่ร้องไห้กระซิกๆ และครวญครางเบาๆ
“ช่วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฮือๆๆ”
ระหว่างนั้นเอง แรมโผล่เข้ามาข้างหลังชายหนุ่มอย่างเงียบกริบ แล้วคว้าเหยือกน้ำใกล้มือขึ้นมาฟาดท้ายทอยอย่างแรง ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ชักตาตั้งแล้วหมดสติล้มตัวลงทับเพื่อน
“พี่แรม”
“โทษทีนะนังเพื่อน ข้าต้องรอจังหวะให้มันเผลอจริงๆ ไม่อย่างนั้นมันจะรู้ว่าเป็นข้า”
เพื่อนรีบผลักชายหนุ่มออกจากตัว แล้วตกใจเมื่อเห็นว่าเลือดจากหัวของชายหนุ่มเริ่มนองลงบนเตียง
“พี่แรม พี่ฆ่าเขาเหรอ”
“โอ๊ย แค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก ก็แค่หัวแตกเลือดอาบสลบไปแค่นั้นเอง”
เพื่อนยังยืนกลัวตกใจตัวสั่นไม่หาย แรมหันมายิ้มร้ายและแตะไหล่เพื่อน
“เอ็งทำได้ดีมากนังเพื่อน สมกับเป็นพี่เป็นน้องกับข้าจริงๆ”
เพื่อนปัดแขนแรมออกจากตัวอย่างไม่พอใจ
“ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นผีห่าซาตานจากไหนไม่รู้ที่มาสิงให้ฉันทำแบบนี้”
เพื่อนน้ำตาไหลอาบแก้วแล้วรีบวิ่งออกไป แรมหัวเราะชอบใจ
“ไม่ต้องไปโทษผีห่าซาตานที่ไหนหรอกนังเพื่อนเอ๊ย มันสิงอยู่ในตัวเอ็งมาตลอด แต่เอ็งไม่รู้ตัวต่างหาก ข้าก็แค่ช่วยปลุกมันขึ้นมาแค่นั้นเอง หึๆๆ”
แรมพูดไปแล้วก็หันมาที่ร่างของชายหนุ่มที่ยังสลบเหมือดอยู่ เธอเข้าไปล้วงกระเป๋ากางเกง ได้กระเป๋าสตางค์มารื้อเอาเงินออกไปหมด แล้วยังปลดทรัพย์เอาสร้อย แหวน ของมีค่าออกจากตัวจนเกลี้ยง
เพื่อนเดินมาตามทางในตรอก น้ำตาไหลพราก โซซัดโซเซ ครู่หนึ่งแรมตามออกมามองหา จนเห็นเพื่อนหยุดพักพิงผนังตรอก
“ข้าเสร็จธุระกับมันแล้ว แต่ข้าว่าจะอยู่หาของอร่อยๆ ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ที่อำเภอสักหน่อย เอ็งไปกับข้าด้วยสินังเพื่อน”
“พี่แรมไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันจะกลับทุ่งบ้านสร้าง”
“งั้นก็ตามใจ แต่เอ็งจะมาโกรธลงกับข้าไม่ได้หรอกนะนังเพื่อน กลับถึงบ้านแล้วก็ลอง หากระจกมาส่องตัวเองดู ความสวยของเอ็งไม่ได้ติดตัวมาเพื่อให้เป็นแค่ดอกหญ้าไม่มีราคาในทุ่งบ้านสร้างหรอก อย่างเอ็งมันต้องเป็นดอกไม้ในแจกันสวยๆ บนเรือนใหญ่ๆ”

แรมเชิดหน้าเดินออกไป เพื่อนได้แต่ยืนสะอึกสะอื้น

แพงก้มหน้าก้มตาต้มเคี่ยวยาหม้อให้พ่ออย่างตั้งใจ ก้มลงเป่าฟืนในเตาเร่งไฟให้แรง ไม่ให้ไฟมอด
 
พอฟืนเริ่มหมดก็เติมฟืนเติมถ่าน มือที่จับถ่านติดคราบเขม่าเผลอยกขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าจนคราบเขม่าเปรอะเปื้อน แต่ก็ไม่สนใจ ระหว่างนั้นลอเข้ามาดู
“ยาหม้อเคี่ยวได้ทีรึยังอีแพง”
“ใกล้จะได้ที่แล้วจ้ะพี่ลอ”
แพงเปิดดูฝาหม้อแล้วควันฉุยกลิ่นยาขึ้นมาเตะจมูก
“ได้แล้วล่ะพี่ลอ เดี๋ยวฉันเทใส่ถ้วยให้พี่เอาไปให้พ่อนะ รอเดี๋ยว”
แพงรีบจัดแจงเทยาจากหม้อดินร้อนๆ ใส่ถ้วย แต่เพราะรีบจนรนเลยทำให้พลาดทำหม้อยาตกพื้นแตก ยาร้อนๆ กระเด็นโดนมือแพงจนร้องเจ็บ
“อีแพง มือเอ็งโดนลวกนี่หว่า”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่ลอ แต่ยา ยาที่ฉันเคี่ยวให้พ่อหกหมดเลย ฉันนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆ โธ่เอ๊ย อีแพง อีโง่ แล้วพ่อจะเอายาที่ไหนกิน”
แพงเจ็บใจตัวเอง ใช้อีกมือที่ไม่โดนลวกมาเขกหัวตัวเอง ลอรีบห้าม
“พอเถอะอีแพง เอ็งไม่ได้โง่ที่ทำหม้อยาตกแตก เอ็งห่วงพ่อจนรีบไม่ทันดูต่างหาก มาให้ข้าดูมือที่เอ็งโดนลวกดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอกพี่ลอ แค่นี้นิดหน่อยเอง เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะรีบต้มยาใหม่ พี่ลอ ไปบอกพ่อนะว่ายายังไม่เสร็จ”
“ไอ้ลอ เอ็งคุยกับใครอยู่วะ”
แพงสะดุ้ง
“พี่ลอ อย่าให้พ่อรู้ว่าเป็นฉันนะพี่ พี่ลอบอกพ่อไปเลยว่าพี่ลอคุยกับพี่เพื่อน พอดีพี่เพื่อนกลับมาแล้วก็เลยช่วยต้มยาให้พ่อ”
“ข้าจะไปบอกอาเขาอย่างนั้นได้ยังไง อาเขาควรจะรู้ว่าเอ็งเป็นห่วงเขา”
“พ่อเขาไม่สนใจหรอกว่าฉันจะห่วงพ่อรึเปล่า ดีไม่ดีเขาจะดื้อไม่ยอมแตะยาเลย นะจ๊ะพี่ลอ บอกพ่อว่าพี่เพื่อนกำลังต้มยาให้อยู่ บอกไปสิ อย่าเสียเวลาฉัน เร็วๆ”
ลออึกอักอยู่ครู่แล้วตะโกนกลับไป
“คุยอยู่กับแม่เพื่อนจ้ะอา แม่เพื่อนกลับมาแล้วกำลังต้มยาให้อาอยู่จ้ะ”
“ขอบใจนะจ๊ะพี่ลอ”
แพงยิ้มให้ลอแล้วหันไปเริ่มต้นตั้งหม้อตั้งไฟต้มยาใหม่อีกครั้ง ทั้งๆ ที่มือข้างหนึ่งยังแดงๆ เพราะโดนน้ำร้อนลวก ลอได้แต่ยืนมองแพงด้วยความเวทนาและซึ้งในน้ำใจของแพง

ตอนเย็น ลอกำลังเอายาหม้อให้พิศกิน
“ค่อยๆ นะจ๊ะอา ค่อยๆ กิน”
“ขอบใจนะไอ้ลอ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะอา ตอนเป็นเด็กเวลาฉันป่วยอายังช่วยดูแลเฝ้าฉันทั้งคืนเลย”
“พ่อเอ็งฝากฝังเอ็งไว้กับข้า ขืนข้าเลี้ยงเอ็งไม่ดี มีหวังผีพ่อเอ็งมาหักคอข้าตาย เออว่าแต่ แล้วนังเพื่อนล่ะ มันต้มยาให้ข้ากินเสร็จแล้วทำไมไม่ขึ้นเรือน”
“เอ่อ คือ แม่เพื่อนบอกว่าต้มยาทั้งวันเนื้อตัวมีแต่กลิ่นยาเลยขอไปอาบน้ำก่อนจ้ะ นี่ก็กำชับไว้ด้วยว่าให้ฉันดูอากินยาเสร็จก็ให้นอนพักเลย”
“เพิ่งจะโพล้เพล้จะให้ข้านอนเลยเหรอวะ ข้านอนไม่หลับหรอก”
“แต่แม่เพื่อนสั่งว่าต้องนอนพักนะจ๊ะอา ไม่งั้นแม่เพื่อนบ่นอาไม่หยุดแน่”
“เออๆ ก็ได้วะ ข้าขี้เกียจไปทำให้นังเพื่อนมันหัวเสีย เวลามันบ่นทีไรอดคิดถึงนังสายไม่ได้ ก็นังเพื่อนมันเหมือนแม่มันอย่างกับถอดกันมา”
พิศพูดไปแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ลอขยับหมอนให้พิศ
“เออ ไอ้ลอ เรื่องฤกษ์แต่งงานของเอ็งกับนังเพื่อน ข้าว่าจะบอกเอ็งแต่วุ่นๆ โมโหอีแพง จนลืม เดี๋ยวคืนนี้หลวงพ่อเขาจะดูให้ พรุ่งนี้ก็คงรู้แล้วล่ะว่าจะได้แต่งกันเมื่อไหร่”
“จ้ะอา”

แพงร้องเจ็บแสบดังลั่นมาจากในบ้านเพราะแก้วเอาผ้ามาพันมือให้
“แสบๆๆ เอ็งคิดจะแกล้งข้าเหรอวะนังแก้ว”
“โอ้ย ถ้าคิดจะแกล้ง ข้าไม่หาหยูกหายามาทามือที่โดนลวกให้เอ็งหรอกอีแพง ข้าแกล้ง เอามะนาวมาทาถูมือเอ็งให้ดิ้นพราดๆ ไม่ดีกว่าเหรอ”
“ข้ามีเอ็งกับไอ้ด้วงเป็นเพื่อนอยู่แค่นี้ เอ็งจะไม่เห็นใจข้าหน่อยเหรอวะ”
“เห็นใจสิวะ ไอ้หมาหัวเน่าอย่างเอ็งมันน่าสงสารออก”
“อีแก้ว”
แพงแกล้งจั๊กจี๋แก้วเป็นการเอาคืน แก้วไม่ยอมเลยแกล้งจี๋กลับ แพงผงะถอยหลังไปชนกับลอที่เพิ่งมา
“พี่ลอ พ่อเป็นยังไงบ้าง”
“พี่ให้อากินยาแล้วก็พักผ่อนไปแล้ว มือเอ็งล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่ลอ”
“จะไม่เป็นอะไรได้ไง มาให้ข้าดูหน่อย”
ลอดึงมือแพงมาด้วยความเป็นห่วง จับพลิกฝ่ามือไปมา แต่แพงรีบดึงมือกลับแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ลอมาตามฉันแบบนี้ แสดงว่าพี่เพื่อนกลับบ้านไปดูแลพ่อแล้วใช่มั้ย”
“เปล่า แม่เพื่อนยังไม่กลับ”
“จะมืดอยู่แล้วทำไมพี่เพื่อนยังไม่กลับอีก พี่ลอไม่รู้เหรอว่าพี่เพื่อนอยู่ไหน”
“ข้าก็วุ่นอยู่กับเอ็งอยู่กับดูแลอาพิศแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาแม่เพื่อน เฮ้อ บางที อาจจะเป็นอย่างที่อาพิศว่าก็ได้ แม่เพื่อนคงเสียใจเลยอยากอยู่คนเดียว”
“พี่ลอ ฉันขอโทษนะ ฉันจะไปตามหาพี่เพื่อนให้ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอก เอ็งอยู่ที่นี่กับนังแก้วไปก่อน ให้ข้าคุยกับแม่เพื่อนให้เรียบร้อยแล้วเอ็งค่อยกลับ แต่อย่าคิดว่ากลับไปแล้วเอ็งจะพ้นผิด ข้าช่วยได้ก็แค่หนักให้เป็นเบา”
“จ้ะพี่ลอ”
ลอเอามือขยี้หัวแพงแล้วเดินออกไป แพงรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ลอช่วยและเข้าใจความรู้สึกเธอ
“นี่ข้านึกไม่ออกจริงๆ เลยนะอีแพง ถ้าไม่มีพี่ลอสักคนแล้ว เอ็งจะทำยังไง”
แพงหันมาแล้วไม่พูดอะไร ตัวเองก็คิดเหมือนกับแก้ว
“ข้าเป็นหนี้ชีวิตพี่ลอ ถ้าเขาไม่ช่วยชีวิตข้าไว้ ก็คงไม่มีอีแพงในวันนี้ แม้ว่าบางทีข้าเคย แอบคิดว่าข้าไม่ควรเกิดมาด้วยซ้ำ แต่เพราะยังมีพี่ลอคอยดูแลข้า ข้าเลยคิดเสมอว่า ข้าเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่าให้กับพี่ลอ”

แพงเศร้าหมอง

เวลาโพล้เพล้แสงใกล้จะหมด เพื่อนยังใส่ชุดเสื้อผ้าสวยๆ ของแรมและใบหน้ายังมีเครื่องสำอางอยู่
 
แต่สภาพจิตใจของเพื่อนกลับเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดในโรงแรม ระหว่างนั้นเสียงเรียกของลอดังแว่วเข้ามาตามหาเพื่อน
“แม่เพื่อน แม่เพื่อน”
เพื่อนตกใจ
“พี่ลอ”
เพื่อนเกิดความตระหนกเหมือนคนที่ทำผิดแล้วกลัวจะถูกจับได้ และไม่กล้าเผชิญหน้ากับลอในเวลานี้ จึงรีบลุกมองหาที่หลบก่อนจะเข้าไปหลบหลังต้นไทร ลอเดินเข้ามาบริเวณคุ้งต้นไทร กวาดตามองหาเพื่อนโดยไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนหลบไม่กล้าเจอหน้า
“แม่เพื่อน แม่เพื่อน”
ลอเรียกอยู่อีกครู่ แต่ไม่เห็นวี่แววก็จะเดินออกไป เพื่อนเป่าปากโล่งอกเกือบพ้นสายตาลอ แต่ทว่าอยู่ๆ ลอก็เกิดจมูกไวได้กลิ่นอะไรแปลกๆ
“กลิ่นอะไรวะ จะหอมก็ไม่หอม จะเหม็นก็ไม่เหม็น ฉุนๆ จมูกพิกล”
ลอฟุดฟิดจมูกดมตามกลิ่นแปลกๆ ที่ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนจนเข้าใกล้ต้นไทร เพื่อนสะดุ้งรีบดมเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่อยู่
“กลิ่นน้ำหอมของพี่แรม”
เพื่อนสีหน้าไม่ดีกลัวลอเจอ เลยรีบถอยหนีอ้อมต้นไทรไปก่อนที่ลอจะเข้ามาถึงตัว ลอมองไปไม่เห็นใครอยู่หลังต้นไทรก็ยิ่งฉงน ในขณะที่เพื่อนอ้อมมาข้างหลังลออย่างเงียบกริบแล้วจะรีบ เดินออกไป แต่ทว่าดันลื่นพื้นโคลนจนเกือบล้ม ส่งเสียงร้อง ลอหันขวับมาเห็นหญิงสาวในชุดสวยแต่งตัวดีจากข้างหลังก็ตกใจรีบเข้าไปจะช่วย
“คุณผู้หญิง เป็นอะไรรึเปล่า”
ลอโผเข้าไปช่วยพยุง พอแตะเนื้อต้องตัวเข้าไป ก็ชะงักอึ้ง เพราะสาวพระนครคนนั้นคือเพื่อน
“แม่เพื่อน นี่แม่เพื่อนจริงๆ เหรอเนี่ย ทำไม ทำไมแม่เพื่อนแต่งตัวแบบนี้ แล้วทำไมเอาสีมาละเลงหน้าเป็นลิเกแบบนี้ล่ะ”
“ฉันไม่ได้แต่งหน้าเป็นลิเกนะพี่ลอ”
เพื่อนผลักลออย่างหัวเสีย ไม่พอใจ แล้วรีบเดินออกไปทันที ลอมองตามอย่างงุนงง
“แม่เพื่อน เดี๋ยวสิ”
เพื่อนไม่พอใจ รองเท้ามีส้นที่ใส่อยู่ทำให้เดินไม่ถนัดจนเกือบจะล้มอยู่บ่อยๆ เพราะย่ำบนพื้นดินแฉะ เลยต้องถอดรองเท้าแล้วถือเดินเอา ลอตามหลังมาติดๆ
“เดี๋ยวก่อนสิแม่เพื่อน ถ้าพี่พูดไม่ดีทำให้แม่เพื่อนไม่ชอบ พี่ขอโทษ”
ลอตามมาคว้าข้อมือเพื่อนเอาไว้ ทำให้เพื่อนหยุดแต่ไม่แม้แต่จะเบือนหน้ามาทางเขา
“พี่ขอโทษแม่เพื่อนจริงๆ พี่ไม่เคยเห็นแม่เพื่อนแต่งตัวแต่งหน้าแบบนี้ แล้วไหนจะกลิ่น หอมแปลกๆ ฉุนๆ จากตัวแม่เพื่อนอีก”
“เขาเรียกกลิ่นน้ำหอมต่างหากล่ะพี่ลอ แล้วหน้าเนี่ยก็ไม่ได้แต่งไปเล่นลิเก”
“จ้ะ แล้วแม่เพื่อนไปเอาเสื้อผ้านี่มาจากไหน”
“ของพี่แรม เขาให้ฉันยืมมาแต่ง”
“ยืม ยืมมาทำไม หรือว่าแม่เพื่อนจะไปไหน ถึงต้องยืมเสื้อผ้าคนอื่นมาแต่งแบบนี้”
“ทำไมพี่ลอต้องถามฉันเซ้าซี้แบบนี้ล่ะ ฉันเป็นผู้หญิง ฉันเห็นของสวยๆ งามๆ ฉันก็อยากลองแต่งดู พี่แรมเขายังชมว่าฉันแต่งแบบนี้แล้ว ฉันสวยเหมือนสาวพระนคร”
“นี่น่ะเหรอสวย พี่ว่ามันรุ่มร่าม ดูแล้วน่ารำคาญ ไม่เหมือนแม่เพื่อนคนเดิมของพี่เลย”
“พี่ลอไม่ชอบเหรอ”
“ไม่ชอบหรอก สีเต็มหน้าแบบนี้ไม่ใช่แม่เพื่อน พี่ว่าเอาเสื้อผ้าไปคืนพี่แรม แล้วไปล้าง หน้าล้างตาออกเถอะ แม่เพื่อนคนเดิมของพี่ไม่ต้องแต่งเติมอะไรก็สวยเหมือนนางฟ้า นางสวรรค์อยู่แล้ว”
“พี่ลอตาไม่ถึง คนทั้งอำเภอเขาเห็นฉันแบบนี้มีแต่เหลียวหลังมอง แทบจะตีกันตาย ตอนฉันเดินผ่านด้วยซ้ำ”
“แม่เพื่อน นี่แม่เพื่อนแต่งตัวแบบนี้ไปอำเภอมาด้วยเหรอ”
“เอ่อคือ”
“อย่าบอกนะว่าที่หายไปทั้งวัน เพราะแม่เพื่อนแต่งตัวแบบนี้ไปเที่ยวอำเภอ แม่เพื่อนรู้มั้ยว่าวันนี้อาพิศเขาไม่สบาย มีแต่พี่กับอีแพงที่ต้องคอยดูแล”
“พ่อไม่สบายเหรอ พ่อเป็นอะไร”
“อาแกยังช้ำในไม่หาย”
เพื่อนเป็นห่วงพ่อเลยรีบวิ่งออกไปทันที ลอร้องตาม
“แม่เพื่อน”

แพงแอบคลานเงียบๆ ขึ้นมาบนเรือน มือข้างหนึ่งยังมีผ้าพันเอาไว้ผลจากโดนลวก แพงคลานงุดๆ อย่างเงียบกริบเพื่อไม่ให้พ่อที่กำลังนอนพักอยู่บนตั่งได้ยินเสียง เธอทำทุกอย่างด้วยความเงียบกริบจนแน่ใจว่าพ่อไม่รู้สึกตัว จึงค่อยๆ เลื่อนเอาถาดกับข้าวที่ทำเอาไว้มาวางใกล้ๆ แล้วเอาฝาชีครอบ แต่จังหวะนั้นพิศขยับตัว แพงสะดุ้งโหยง พิศนอนหันหลังให้
“นังเพื่อนเหรอ”
“เอ่อ จ้ะพ่อ”
“มานวดให้พ่อหน่อยสิ ขาพ่อมันรู้สึกเมื่อยๆ ยังไงไม่รู้”
แพงหน้าเสีย จะทำอย่างไรดี
“มาสินังเพื่อน นวดให้พ่อหน่อย”
แพงตัดสินใจคลานเข้าไปใกล้ โชคดีที่พ่อนอนตะแคงหันหลังให้ แพงเลยต้องทำเนียนๆ บีบนวดขาให้พ่อ
“แรงๆ หน่อยนังเพื่อน”
แพงต้องออกแรงเพิ่มขึ้น มือนวดไป หน้าก็พยายามเบือนหลบเผื่อว่าพ่อหันมาจะได้ไม่รู้
“เออ อย่างนั้นแหละ เอ็งนี่มันลูกเทวดามาเกิด หวังพึ่งได้ทุกเรื่องจริงๆ นะนังเพื่อน ไม่เหมือนอีแพงมัน มีแต่หาเรื่องปวดกบาลให้ข้าไม่เว้นแต่ละวัน”
แพงชะงักหน้าเศร้า มือที่กำลังนวดอยู่ถึงกับหยุด จนพ่อพูดขึ้นอีก
“ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมัน อยากจะเลี้ยงให้มันเชื่อง แต่มันก็ไม่เคยเชื่อเคยฟังอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นควายเลี้ยงแล้วโกงเก่งไม่รู้จักฟัง ข้าก็คงเอามันไปแลกควายกับคนอื่น แต่ เพราะยังไงมันก็เป็นลูก ในเมื่อแม่เอ็งแลกชีวิตตัวเองเพื่อให้มันได้เกิดมา จะให้ข้าทิ้งๆ ขว้างๆ มัน ข้าทำไม่ได้หรอกนังเพื่อน เราก็ต้องเลี้ยงมันไปทั้งๆ แบบนี้แหละ”
แพงน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้ตัว มือก็บีบนวดพ่อไป จนพิศรู้สึกสบายใจเริ่มเคลิ้มจะหลับอีก
แพงเห็นพ่อหลับตานิ่งไปแล้วก็เริ่มถอนมือออกจาขาพ่อ น้ำตาไหลอาบแก้ม อยากจะสะอื้นไห้ แต่ก็ กลั้นไว้แล้วถอยออกมา
แพงเดินออกมาหน้าบ้าน เอามือปิดปากกลั้นสะอื้นจนแน่ใจว่าออกมาแล้วพ่อจะไม่ได้ยิน แล้วจึง ปล่อยมือร้องไห้จนตัวโยน ระหว่างนั้นเสียงลอกับเพื่อนดังเข้ามา แพงรีบถอยไปหลบ
“แม่เพื่อน แม่เพื่อน เดี๋ยวสิ”
“พี่ลอ เรื่องของฉันพี่ลอไม่ต้องถามอะไรอีก ฉันเล่าให้ฟังไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องที่พี่ช่วยดูแลพ่อ ฉันขอบใจพี่มาก”
“แม่เพื่อนไม่อยู่ไม่มีใครดูแล พี่ก็ต้องดูแลอาพิศอยู่แล้ว เพราะอาพิศก็เหมือนกับพ่อพี่ แต่เรื่องที่แม่เพื่อนแต่งหน้าทาปาก แต่งตัวแบบนี้แล้วไปเที่ยวอำเภอ พี่ไม่พอใจ”
“ทำไมต้องไม่พอใจฉันด้วย ฉันไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
“แม่เพื่อนกำลังจะแต่งงานกับพี่ แต่ไปแต่งตัวสวยเดินอวดให้ผู้ชายคนอื่นเห็นทั้งอำเภอ นั่นน่ะเหรอที่แม่เพื่อนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”
“พี่ลอ ฉันเป็นผู้หญิง ฉันเกิดมาสวย ฉันผิดด้วยเหรอที่จะมีคนมาชื่นชมความสวยฉัน”
“ไม่ผิด แต่แม่เพื่อนเป็นดอกไม้ของพี่ เพราะฉะนั้นห้ามมีแมลงตัวอื่นมาตอม”
“พี่หึงฉันไม่เข้าท่า ขี้เกียจพูดกับพี่แล้ว ฉันจะไปล้างหน้าตาเปลี่ยนเสื้อผ้าดูแลพ่อ”

เพื่อนเดินเข้าไปผ่านใต้ถุนเรือนและผ่านแพงที่แอบยืนดู ได้ยินที่เขาคุยกัน ลอมองตามเพื่อนแล้วหัวเสีย

ลอนั่งลงที่แคร่หน้ากระท่อมอย่างหัวเสีย ครู่หนึ่งแพงโผล่หน้าเข้ามาเรียกเบาๆ
 
“พี่ลอ พี่ลอจ๊ะ”
“อีแพง เอ็งมาทำไม”
“เอ่อ ฉัน ฉันเอาข้าวมาให้พี่ลอจ้ะ พอดีฉันทำไว้ให้พ่อเหลือก็เลยเอามาให้พี่ เห็นพี่ยุ่งทั้งวัน ข้าวเลยยังไม่น่าตกถึงท้อง”
“เอ็งแอบเอาข้าวขึ้นไปให้อา ไม่กลัวอาเขาเล่นงานเหรอไง”
“โธ่พี่ลอ อีแพงแอบย่องขึ้นบ้านบ่อยจะตาย ตีนอีแพงเงียบยิ่งกว่าตีนแมวอีกนะจ๊ะ”
“เออ ไม่โดนอาเขาจับได้ก็ดีแล้ว วางไว้นั่นแหละ เดี๋ยวหิวข้าก็กินเอง”
“ฉันว่าพี่ลออย่าหัวเสียไปเลย พี่เพื่อนไม่มีนิสัยเจ้าชู้เที่ยวไปเดินอวดสวยล่อผู้ชายหรอก ที่ทำไปก็คงเพราะเกรงใจที่ถูกพี่แรมชักชวนเอาซะมากกว่า”
“อีแพง เอ็งรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“เอ่อ คือ พอดีฉันแอบฟังพี่กับพี่เพื่อนคุยกัน แล้วก็เดาเอาว่าเสื้อผ้าหน้าผมพวกนั้น พี่ เพื่อนจะเอามาจาไหนไม่ได้หรอก นอกจากเอามาจากพี่แรมน่ะจ้ะ”
“เอ็งมันก็เป็นซะอย่างนี้ ชอบสาระแนไม่เข้าเรื่อง เลยโดนพี่สาวเอ็งด่าประจำ”
“แหม ฉันอุตส่าห์มาช่วยพูดให้พี่ลอไม่ต้องไปหึงพี่เพื่อน พี่ลอยังมาว่าฉันอีก”
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเอ็ง เพิ่งจะโตเป็นสาว ผู้ชายมาจีบก็ยังไม่มีสักตัว อย่าสะเออะทำเก่งมาสอนข้าเรื่องความรักหนุ่มสาว”
“กลายเป็นฉันโดนด่าซะงั้น แค่จะเอานิสัยของพี่เพื่อนมาช่วยอธิบายให้เข้าใจ พี่ลอจะ ได้ไม่โดนเขาโกรธเอาอีก แต่ถ้าพี่ลออยากโดนพี่เพื่อนโกรธก็ตามใจ ฉันไปก็ได้”
แพงเชิดหน้าไม่สนใจ รีบเดินออกไป ลอรีบกระโดดลงจากแคร่แล้วไปคว้ามือข้างที่แพงยังพันผ้าเอาไว้
“เดี๋ยวอีแพง”
“โอ๊ย ฉันเจ็บ”
“ข้าขอโทษอีแพง”
ลอรีบปล่อยมือ แพงกุมมือที่โดนน้ำร้อนลวกหน้าเหยเก

เพื่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดประจำของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เข้ามาดูพ่อที่ยังหลับอยู่ เพื่อนเหลือบไป เห็นสำรับที่มีฝาชีปิดอยู่ก็แปลกใจเลยเดินไปเปิดดูเห็นกับข้าวกับปลาแล้วก็ยิ่งสงสัย เอาช้อนตักขึ้นมาชิมก็รู้
“ฝีมือแบบนี้ อีแพงแน่”
เพื่อนกำลังสงสัยอยู่ พ่อก็ลุกขึ้นมาพอดี
“นังเพื่อน เอาข้าวมาให้พ่อกินเหรอ”
“เอ่อ จ้ะพ่อ แต่มันเย็นชืดหมดแล้ว ถ้าพ่อหิว เดี๋ยวฉันไปทำมาใหม่”
“ไม่ต้องหรอก เอ็งทั้งช่วยต้มยา ช่วยบีบนวดข้า เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปนอนพักเถอะ ไม่ ต้องมาดูแลพ่อแล้ว”
“ฉันต้มยาแล้วก็นวดให้พ่อด้วย”
“ก็เออสิวะ พูดอะไรแปลกๆ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แล้วพ่อเป็นยังไงบ้างดีขึ้นรึยัง”
“ได้ยาเข้าไป ได้นอนพักอีก ขืนไม่ดีขึ้นข้าก็คงต้องให้ไอ้ลอมันหามไปหาหมอแล้วล่ะ”
“พ่อดีขึ้นฉันจะได้หายห่วง”
“แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้าอีแพงแล้วมันจะทำให้ข้าโกรธจนหน้ามืดอีกรึเปล่า ดูสิ ขนาดข้า ล้มเจ็บมันยังไม่โผล่หัวมา คิดแต่จะหนีไม่ยอมมารับผิดที่ทำไว้กับเอ็ง”
“ช่างอีแพงมันเถอะจ้ะพ่อ เอาไว้ฉันจะสั่งสอนมันเอง พ่อพักให้เยอะๆ เถอะ”
“เอ็งเป็นพี่สาวมันนะนังเพื่อน วันหนึ่งเกิดพ่อเป็นอะไรขึ้นมา ก็คงมีแต่เอ็งที่จะช่วยสอน ช่วยสั่งให้มันเป็นผู้เป็นคนเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เขา”
พิศหันไปหยิบไม้เรียวใกล้ๆ มาใส่มือเพื่อน
“คนอย่างอีแพงถ้าไม่โดนไม้เรียว มันไม่จำหรอก”
เพื่อนอึ้ง
“พ่อ”

ลอจับแพงนั่งลงที่แคร่หน้ากระท่อมของเขา แล้วคลี่ผ้าที่พันมือแพงออก เห็นรอยแดงๆ เพราะแผลพุพอง แพงเจ็บ
“อู้ย แสบๆๆ จังเลยจ้ะพี่ลอ”
“เอ้าอีแพง แผลเอ็งโดนน้ำร้อนลวกมันก็ต้องแสบสิวะ แต่เดี๋ยวข้าทายาให้ วันสองวัน เอ็งก็หายแสบแล้ว”
ลอพูดไปก็เอายาขี้ผึ้งในตลับเล็กๆ ทาแผลให้ แพงแสบๆ แต่ก็ทนและลอบมองลอด้วยความชื่นชม
“ขอบใจพี่ลอมากนะ ขนาดฉันพยายามขวางไม่ให้พี่ลอแต่งงานกับพี่เพื่อน จนไม่น่ายกโทษให้ขนาดนี้ พี่ลอก็ยังเป็นพี่ลอคนเดิม”
“เอ็งไม่ต้องมาปากหวาน ไม่ใช่ข้าจะยกโทษให้ แต่ข้าเบื่อด่าเอ็ง ด่าไอ้เปลี่ยวมันยังจำ”
“แต่ด่าอีแพงด่าไปก็เปลืองน้ำลาย”
“อีแพง”
“จ๋า พี่ลอ”
ลอทายาเสร็จเขกหัวแพงทันที
“นี่แน่ะ อีแพงทะลึ่งตึงตัง โดนซะมั่งเถอะวะ แล้วเอ็งก็จะโดนข้ายันโครมอีกดอก ถ้าไม่รีบบอกเรื่องที่เอ็งจะช่วยข้า”
“อู้ย พี่ลอก็ บอกก็ได้ ก็เพราะพี่ลอเอาแต่ทำงานอยู่ในนากับไอ้เปลี่ยว พี่ลอก็เลยไม่รู้จักนิสัยผู้หญิง ยิ่งนิสัยอย่างพี่เพื่อนแล้วล่ะก็ ฉันว่าพี่ลอแทบไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ”
“ข้าจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของแม่เพื่อนได้ยังไง ข้าโตมากับแม่เพื่อน รู้จักแม่เพื่อนดีพอๆ ที่รู้จักสันดานเอ็ง”
“ไม่จริงหรอกพี่ลอ พี่เพื่อนพอเป็นสาวแล้วเขาเปลี่ยนไปเยอะ เยอะจนพี่ลอไม่รู้อะไรอีกมาก แต่ฉันสิ ฉันกินนอนอยู่กับพี่เพื่อน ฉันรู้ดี”
“จริงเหรอวะอีแพง”
“ลองดูกันมั้ยล่ะ”
แพงยักคิ้วกวนท้าทาย ลอมองแพงอย่างสงสัย

ลอก่อกองไฟขึ้นที่หน้ากระท่อม แพงเดินกอดอกจิกหน้าเหวี่ยงๆ เลียนแบบหน้าของเพื่อนเวลาที่โกรธไม่พอใจใส่ลอ
“พี่ลอไม่เข้าใจฉัน ฉันขี้เกียจพูดกับพี่ลอแล้ว”
ลอนิ่งมองแพงที่พยายามสวมบทเป็นพี่สาวตัวเองก่อนจะอดขำไม่ได้
“อย่าหัวเราะสิพี่ลอ สมมุติว่าฉันเป็นพี่เพื่อน เวลาพี่เพื่อนโกรธพี่ลอหน้าก็แบบนี้แหละ”
“ไม่ใช่หรอกอีแพง เวลาแม่เพื่อนโกรธ หน้าแม่เพื่อนก็ยังสวยกว่าเอ็ง”
แพงชะงัก
“ไหนพี่ลอเคยบอกว่าฉันสวยพอๆ กับพี่เพื่อน”
“พอๆ กัน แต่ไม่ได้สวยกว่า น้อยกว่าคืบหนึ่ง”
“เชอะ ก็ได้ ฉันยอมรับว่าพี่เพื่อนสวยกว่าฉัน และเพราะใครๆ ก็ชมว่าสวย ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรักคนเอ็นดู พี่เพื่อนก็เลยไม่เหมือนคนเดิมที่พี่ลอรู้จัก คนที่พร้อมจะเอาใจพี่เพื่อนมีเยอะ”
“แต่คนที่จะรักแม่เพื่อนด้วยชีวิตมีพี่คนเดียว”
“ฉันรู้น่า แล้วพี่เพื่อนเขาก็รักพี่ลอคนเดียว ยอมมอบหัวใจให้พี่ลอทั้งๆ ที่มีคนพร้อมจะมาสยบแทบเท้าเขาตั้งเยอะแยะ พี่เพื่อนเขาถึงโกรธไงที่พี่ลอไปว่าเขาไม่สวย”
“ก็ข้าไม่ชอบที่แม่เพื่อนแต่งตัวแต่งหน้าแบบนั้น สวยอย่างทุ่งบ้านสร้างก็ดีอยู่แล้ว”
“ผู้หญิงนะจ๊ะพี่ลอ ลองถ้ารักใครแล้วล่ะก็ไม่ยอมหยุดสวยเพื่อคำชมจากคนรักหรอก”
“งั้นข้าก็แค่ง้อแม่เพื่อนด้วยคำชมใช่มั้ย”
“ขืนไปชมอย่างเดียวตอนนี้พี่เพื่อนเขาไม่ฟังหรอก เขางอนพี่ไปแล้ว”
“งั้นข้าก็มีวิธีง้อของข้าที่ได้ผลมาตลอด เดี๋ยวจะทำให้เอ็งดู เอ็งลองเป็นแม่เพื่อนดูสิ”
แพงพยักหน้ารับแล้วแกล้งทำเป็นเชิดหน้ากอดอกโกรธลอ แต่มาสะดุ้งอึ้งไป เมื่ออยู่ๆ ลอก็โผเข้ามากอด
“พี่ขอโทษนะจ๊ะแม่เพื่อน พี่มันซื่อมีอะไรก็พูดมะนาวไม่มีน้ำ แต่ใจพี่ยังไงก็รักแม่เพื่อนคนเดียว แขนของพี่ก็ยังกอดแม่เพื่อนเอาไว้ด้วยความหวงแหน จูบของพี่ก็ยังเป็นคำสาบานว่าพี่ตายได้เพื่อแม่เพื่อนคนเดียว”
ลอพูดพร้อมกับเชยหน้าแพงขึ้นมาจ้องตา แพงเริ่มใจเต้นตึกตัก ลอเชยคางแพงทำเหมือนว่าจะจูบ แพงตกใจเลิ่กลั่กทั้งๆ ที่ใจเต้น มือกำจิกแน่นหลับตาปี๋ แล้วทันใดนั้น ลอโดนแพงชกเข้าหน้าทันที เขาเซถลา แพงรีบวิ่งหน้าแดงออกไป
“อู้ย อีแพง”

แพงวิ่งออกมาจากกระท่อมด้วยอารมณ์ที่ยังตื่นเต้น หัวใจเต้นแรงไม่หาย ภาพของลอที่ยื่นหน้าทำ เหมือนจะจูบยังติดตาอยู่ ก่อนที่เสียงลอจะตามเข้ามา
“อีแพง เอ็งต่อยหน้าข้าเลยเหรอวะ อู้ย”
“ก็พี่ลอจะทำบ้าอะไรกับฉัน”
“ข้ายังไม่ทำอะไรเอ็งซะหน่อย”
“มาบอกว่ายัง ได้ยังไง หายใจรดหน้าฉันแบบนั้นแล้ว”
“ก็แค่ทำให้เอ็งดูว่าข้าชอบง้อแม่เพื่อนยังไง แล้วมันก็แค่นั้น เพราะข้ารู้ว่าไม่ใช่แม่เพื่อน แต่เอ็งก็ดันมาซัดดั้งข้าซะก่อน มือไวชะมัดอีแพง”
“จริงเหรอพี่ลอ พี่ลอไม่ได้จะทำอะไรฉัน”
“ก็เออสิวะ เอ็งเป็นน้องสาวแม่เพื่อน แค่ข้ามาเล่นกับเอ็งแบบนี้ ข้าก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว”
“งั้น ฉัน ฉันขอโทษ”
“ไม่ต้องมาขอโทษเลย ตกลงวิธีง้อของข้ามันได้ผลกับแม่เพื่อนรึเปล่า”
“ก็ ก็ น่าจะได้ผลมั้ง”
“ได้ผลรึเปล่าบอกมาให้แน่สิอีแพง”
“ได้แหละ พี่เพื่อนเขารักพี่ลอ แค่พี่ลอตามใจเขา พูดชมเขา หาของสวยๆ ไปให้เขา เดี๋ยวเขาก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว”
“ถ้าแค่นั้นเอ็งก็บอกข้ามาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ทำเอาข้าเสียเวลา ไปๆๆ ไปนอนได้แล้ว”
ลอโบกมือไล่ให้แพงกลับไป แพงเซ็งๆ ที่โดนไล่จะเดินอออกไป แต่ลอเรียกไว้
“เดี๋ยวอีแพง ขอบใจเอ็งมากที่พยายามช่วยข้า เอ็งไม่ต้องกลัวหรอกว่าข้าแต่งงานกับแม่เพื่อนแล้วจะไม่เหลียวแลเอ็ง ข้างมเอ็งขึ้นมาจากน้ำตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ก็เท่ากับว่า ข้าเป็นคนไปยื้อชีวิตเอ็งไว้จากยมบาล เพราะฉะนั้น ข้าต้องรับผิดชอบชีวิตเอ็ง อีแพง”
ลอยิ้มให้และขยี้หัวแพงด้วยความเอ็นดู คำพูดและไออุ่นจากมือของลอทำให้แพงน้ำตาคลอตื้นตันใจ
“จริงนะจ๊ะพี่ลอ”
“เออสิวะ สงสัยชาติที่แล้วข้าจะทำกรรมกับเอ็งไว้ ชาตินี้ข้าก็เลยต้องมาชดใช้กรรมกับเอ็งไง ฮ่าๆๆ”
“ขอบใจจ้ะพี่ลอ อีแพงขอบใจพี่ลอจริงๆ”

แพงสวมกอดเอวลอเอาไว้แน่น พร้อมน้ำตาเอ่ออย่างดีใจ ลอยิ้มรับแล้วลูบหัวแพงอ่อนโยนเอ็นดู

จบตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น