ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 11
พริมเดินบ่นบ้าออกมาจากบ้านลิเก หน้าดำหน้าแดงโมโหสุดขีดจนควันออกหู
“ช่างมัน ชั้นจะไม่สนใจแล้ว จะเป็นจะตายก็เรื่องของมัน”
พริมเตะข้าวของแถวนั้นระบายอารมณ์ เดินไป 2 ก้าว แล้วก็หยุดกึก ระเบิดแค้นคำรามออกมา
“ย๊าก...”
เพชรยังนอนหลับหมดสภาพ ขณะพริมเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า ปลุกเพชร
“เพชร! ตื่น!” เพชรยังคงหลับนิ่ง “จะตื่นดีๆ หรืออยากเจ็บตัว”
เพชรนิ่งพริมเข้าไปนั่งข้างๆ เพชร ง้างมือจ่อไว้ที่หน้า
“เพชรหนึ่ง... เพชรสอง...เพชร... สาม”
พริมฟาดฝ่ามือไปบนหน้าเพชรเปรี้ยง
เพชรนิ่ง จนพอผ่านไป 3 วินาที ถึงรู้สึกตัวสะดุ้งตื่น เบลอๆ มึนๆ
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ”
พอเห็นพริมยืนเท้าสะเอวจ้องเอาเรื่องอยู่ ก็งงๆ
“อ้าวพริม มาทำอะไรแต่เช้า”
พริมคุมแค้น “แล้วคิดว่าชั้นมาทำอะไร”
“มา...” เพชรนึก “มาคอยตบยุงให้ชั้นใช่ปะ เมื่อกี้ยุงเกาะหน้าชั้นเหรอ”
“เธอนัดกับใครไว้”
“ไม่มีนี่”
“ชั้นให้คิดอีกที”
“ไม่มีนะ”
พริมง้างมือ “ตบอีกทีเรียกความจำมั้ย”
เพชรคิดออกทันควัน “อ๋อ มีนัดไปวิ่งกับพริมจ้ะ”
“อืม แล้วนี่ทำอะไรอยู่”
“ขอผัดไปตอนเย็นนะพริม ราตรีสวัสดิ์”
เพชรล้มตัวลงนอน พริมโกรธจัด จับข้อเท้าเพชร แล้วลากไปตามพื้น
พริมลากเพชรลงบันได ก้นไถลแถ่ดๆ ลงมาทีละขั้นจนถึงพื้น
เพชรร้องโอดโอย “โอ้ยๆๆๆ”
พริมโยนรองเท้าวิ่งใส่เพชร
“เกลียดที่สุดคือคนผิดสัญญา ถ้าชั้นยอมให้เธอผิดสัญญา ก็เท่ากับว่าชั้นผิดสัญญากับน้าอรด้วย! ใส่รองเท้า”
“ขอนอนต่ออีกหน่อยเดียวเอง ไม่ได้จะผิดสัญญาซะหน่อย”
“สัญญาว่าจะมาวิ่งตอนเช้า ก็คือต้องวิ่งตอนเช้า ถ้าวิ่งตอนเย็น ก็ถือว่าผิดสัญญา”
“เรื่องเล็ก ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” เพชรบ่นเป็นหมี
“ก็เรื่องเล็กๆ นี่แหละ ที่สำคัญ! เร็ว อย่าโอ้เอ้”
“เออๆ รู้แล้วน่า”
เพชรใส่รองเท้าหน้ายังงัวเงียงุ่วงงุน
พริมวิ่งนำหน้า เพชรวิ่งตามหลังห่างไป 1 ช่วงตัว ท่าทางสะลึมสะลือ หน้ายุ่งๆ ตาปิดๆ
“ชั้นเคยเตือนเรื่องวินัยไปหลายทีแล้ว ทำไมไม่รู้จักจำซะที ปากก็บอกว่าตั้งใจจะเป็นนักมวย แต่ที่ทำวันนี้มันไม่ใช่เลย ไหนตอบชั้นซิ ตกลงอยากจะขึ้นชกอยู่รึเปล่า”
เพชรเงียบ
“อ้าว ถามไม่ตอบ” พริมหันหลังไปเห็นเพชรยังวิ่งตามอยู่ “จะเป็นอยู่มั้ยนักมวยเนี่ย”
เพชรก็ยังไม่ตอบ แต่เริ่มกรน
“คร่อก... คร่อก”
พริมโครตทึ่ง “เฮ้ย หลับในเหรอเนี่ย”
พอพริมหยุดวิ่งมาดู แต่เพชรวิ่งแซงไปเฉย
“อ้าว เพชร”
ทางแยกมีรถโผล่ออกมา หากเพชรวิ่งต่อไปมีหวังโดนชน พริมรีบวิ่งไปคว้าเพชรไว้ เฉียดฉิว ล้มลงไปที่พื้นทั้ง 2 คน เพชรนอนหลับสบายบนตักพริม
“เพชร”
พริมลุกขึ้น เพชรยังนอนคาพื้น พริมกระทืบเท้าปึงๆ
“ตื่นเดี๋ยวนี้! ตื่น”
เพชรงัวเงีย “เสียงดังอะไรพริม กำลังหลับสบายเลย”
พริมโกรธจนไม่รู้จะด่าอะไร
พริมวิ่งนำเพชรที่งัวเงียวิ่งตามเข้ามาในวัด เพชรล้มตัวลงนอนบนแคร่
“กลับไปซ้อมที่ค่ายไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมาวัดด้วยอะ”
“ถ้าน้าอรเห็นเธอในสภาพนี้ เธอโดนหนักแน่ วันนี้ซ้อมที่นี่แหละ”
“ชั้นมึนหัวมากเลยพริม ขอพักแป๊บนึงนะ”
“แป๊บนึงก็ไม่ได้ อีกไม่กี่วันก็จะชกแล้ว โดนไอ้จีบันสอยร่วงมาคราวที่แล้วไม่เข็ดรึไง เพชร ฟังอยู่รึเปล่า”
เพชรหลับไปแล้ว กรน คร่อก คร่อก
พริมมองหาสิ่งของรอบกายเพื่อจะปลุกเพชร สุดท้ายถอดรองเท้าเพชรแล้วเอาไปวางใกล้ๆ หน้า
เพชรละเมอว่า “ปลาหมึกบด ลุงปลาหมึก 2 ตัว”
เพชรเอารองเท้ามาเคี้ยวหยับๆ “เหนียวดีจัง”
จนสักพักเพชรจึงรู้สึกแปลกๆ สะดุ้งตื่น
“เฮ้ย! พริม เล่นอะไรเนี่ย”
“ลุกขึ้นมา เดี๋ยวนี้”
เพชรชักโมโห หงุดหงิด “ก็บอกแล้วว่ามึนหัวอยู่ ชั้นหายเมื่อไหร่ก็ซ้อมเองแหละน่า เลิกยุ่งกะชั้นซะทีเหอะ”
พริมโกรธสุดๆ
“ยุ่งเหรอ ที่ชั้นทำอยู่ทุกวันนี้นี่คือยุ่งเหรอ? ได้ ชั้นเลิกยุ่งก็ได้ แต่ต้องหลังจากไฟท์นี้นะ ชั้นจะเลิกยุ่งกับพวกลิเกโดยเด็ดขาด เพราะสันดานพวกลิเก ชั้นก็รับไม่ได้เหมือนกัน”
“พริม เธอพูดแรงเกินไปแล้วนะ”
“แล้วชั้นพูดผิดตรงไหน ไม่รักษาสัจจะ ไม่เอาจริงเอาจัง เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นๆ”
เพชรสะอึกที่พริมด่าแรง แต่ก็เห็นจริง บอกออกไปอย่างซีเรียส
“เธอกลับไปรอที่ค่าย ชั้นจะไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้าน แล้วจะตามไป”
“อย่าให้ต้องไปตามอีกนะ”
พริมเยาะทิ้งท้าย
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 11 (ต่อ)
รักษ์ สำเริง ลูกดอก แฉะ และ จริยา กำลังช่วยกันเก็บกวาดจานชามอาหารเมื่อคืน ยอดสร้อยยังไม่ตื่น
“นังยอดสร้อย! แกจะสบายไปแล้วนะ ตื่นมาช่วยกันเก็บกวาดหน่อยซิ”
ยอดสร้อยอิดออด งัวเงียไม่อยากตื่น
“โอย ยังปวดหัวอยู่เลย”
“อย่าขี้เกียจไปหน่อยเลย ดูไอ้เพชรซิ มันตื่นไปวิ่งแต่เช้าแล้ว”
ยอดสร้อยเด้งตัวผึง พึมพำ “ไปวิ่ง? กรอกไปตั้งหลายกลม ยังตื่นไหวอีกเหรอ”
ลูกดอกมองเหล่ “ตกลงพี่ยอดสร้อยกะมอมพี่เพชรใช่มั้ยเนี่ย”
“เปล่าซะหน่อย ก็แค่กินสนุกๆ”
เพชรหงุดหงิดเข้ามา แฉะหันไปเจอ
“ซ้อมเสร็จเร็วจังวะเพชร”
“ชั้นกลับมาอาบน้ำ เดี๋ยวไปซ้อมต่อ”
“เป็นอะไรหน้ายุ่งๆ ยังมึนอยู่เหรอ” รักษ์ถาม
“ใช่ แต่พริมเค้าไม่ให้ชั้นพัก เค้าให้ไปซ้อมเลย”
ยอดสร้อยฮึดฮัด “บ้ารึเปล่า เดี๋ยวก็ตายก่อนพอดี เพชร หยุดซักวันนึงไม่เป็นอะไรหรอก”
“เป็นสิ ชกไฟท์นี้ มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพันเชียวนะ”
“ศักดิ์ศรีค่าย ไม่ใช่ศักดิ์ศรีเราซะหน่อย แกล้งแพ้ซะตั้งแต่ยกแรกเลยเพช จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”
“พี่ยอดสร้อยพูดอย่างนี้ไม่ได้นะ ตอนขึ้นไปชกมันก็หน้าชั้น ถ้าชั้นแพ้ มันก็ศักดิ์ศรีชั้นเหมือนกัน”
เพชรเดินหงุดหงิดออกไป
แฉะสมน้ำหน้า “เป็นไง โดนเลยมั้ยล่ะ”
นักมวยอื่นซ้อมกันไป พริมหงุดหงิดรอเพชรมาซ้อมอยู่กับบุญหลง
“ใจเย็นๆ นะพริม เพชรก็เป็นคนปากอย่างนั้นเอง ถ้าพริมไปโมโห เดี๋ยวจะไม่เป็นอันซ้อมกัน”
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะทนได้ซักเท่าไหร่”
“ไม่ทนแล้วจะทำไงล่ะ ถ้าน้าอรรู้ว่าทะเลาะกันก็โดนอีกนะ”
พริมข่มใจ เพชรเดินเข้ามาท่าทางกวนโอ๊ยเต็มตีน ถามเสียงห้วนๆ เหวี่ยงๆ
“มาละ จะให้ทำ ไร”
พริมโมโห เอาหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะมีเรื่อง
“พูดให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย”
เพชรยื่นหน้าสู้ เพชรกับพริมยื่นหน้าฮึ่มฮ่ำ ทุ่มเถียงกันไปมา
“ทำไมต้องดี ทีเธอยังพูดไม่ดีกับชั้นเลย”
“เธอมันน่าพูดดีด้วยมั้ยล่ะ ก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องซ้อม แล้วยังไปกินเหล้าเมาสลบอีก นี่ตั้งใจจะเบี้ยวซ้อมอยู่แล้วใช่มั้ย”
“ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะเมา พี่ยอดสร้อยเค้าบังคับให้ชั้นกิน”
“บังคับยังไง เค้าจับกรอกปากเธอรึไง”
“ใช่เค้าจับกรอกปากชั้น”
“ถึงเค้าจะกรอกปาก แล้วกลืนลงไปทำไม ไม่ใช่เพราะอยากกินอยู่แล้วเหรอ”
“ไม่ใช่ ชั้นไม่ได้อยากกิน”
“คนไม่อยากกิน บังคับยังไงมันก็ไม่กินหรอก”
บุญหลงหันไปทางหนึ่ง “น้าอรมา!”
เพชรรีบทำเป็นซ้อมชกลมอย่างตั้งใจ ส่วนพริมทำเป็นดูๆ คอยสอนว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้
“ดีมาก สูงขึ้นอีกหน่อย ดีๆๆอย่างนั้นแหละ”
อรชรเข้ามายิ้มพอใจ ที่เห็นพริม เพชรตั้งใจ
“เป็นยังไงบ้าง”
“เพชรฝีมือดีขึ้นเยอะเลยน้าอร” พริมลากเสียงแดกดัน “เพราะเพชรเค้าตั้งใจมาก... มีวินัยมาก...”
“ก็เพราะได้โค้ชดีอย่างพริมแหละจ้ะ” เพชรประชดกลับ “ชั้นก็เลยมีกำลังใจซ้อมมาก...”
“เห็นเธอ 2 คนเข้ากันได้ชั้นก็ดีใจ คงจะเอาชนะไอ้จีบันได้ไม่ยาก ตั้งใจฝึกต่อไปนะ”
อรชรยิ้มภูมิใจ แล้วเดินออกไป
เพชรกับพริมทำหน้ายักษ์ใส่กันอีก
ฝ่ายลูกดอกขี่รถเครื่อง มีแฉะกับจริยาซ้อนท้าย รถแล่นผ่านหน้าค่ายมวย เห็นเอื้อยใส่ชุดกีฬาเล่นฮูล่าฮูปอยู่หน้าค่าย
แฉะร้องบอก “จอดๆๆๆ” ลูกดอกจอดรถ แฉะตาเยิ้ม “หูย เซ็กซี่ว่ะ”
“เข้าไปทักซะหน่อยมั้ยพี่”
“ไปดิ”
“ชั้นเอาพวกแกมาช่วยชั้นจ่ายตลาด ไม่ใช่ให้มาจีบนางเอื้อย” จริยาขัดใจ
“แป๊บเดียวน่า ลูกดอก แกเปิดนะ แล้วเดี๋ยวชั้นตาม”
ลูกดอก กะแฉะเข้าไป จริยาเซ็ง ตามเข้าไปด้วย
“โห ถ้าไม่มีป้ายติดว่าค่ายมวย ชั้นนึกว่าเป็นค่ายเก็บตัวนางงามนะเนี่ย” ลูกดอกเปิด
เอื้อยเขิน “บ้า...มานาง งง นางงามอะไร ชั้นก็แค่สวยพื้นๆ หุ่นก็น้องๆนางแบบ แค่นั้นเอง ไม่เท่าไหร่หรอก”
เอื้อยเท้าเอวบิดไปบิดมา โพสท่าไม่หยุด
“เอื้อย เธอทำยังไงหุ่นดี๊ดี เธออดอาหารเหรอ หรือวันๆ กินแต่หญ้า” จริยาถาม
“คนนะไม่ใช่กวางจะได้กินหญ้า ชั้นก็กินตามปกติแหละ เพียงแต่ชั้นออกกำลังกายทุกวัน หุ่นถึงได้สเลนเดอร์ ฮะๆๆๆ”
“ชั้นอยากหุ่นดีอย่างเธอจังเลยเอื้อย สอนชั้นหน่อยสิ”
แฉะหมั่นไส้ “ทำยังไงก็ไม่เหมือนหรอก แกมันเหมือนอึ่งอ่าง แต่เอื้อยเค้าหุ่นเหมือนเขียด ตัวเล็กๆน่าทะนุถนอม แล้วหน้าตาก็ยังเหมือนเขียดด้วย ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้มพริ้มเพรา”
เอื้อยโมโห เอาฮูล่าฮูปฟาดแฉะ
“ไอ้บ้า! ป้าแกสิหน้าเหมือนเขียด”
“โอ้ย ...ชั้นชมนะจ๊ะเอื้อย อย่าเข้าใจผิด เอื้อยน่ารักเหมือนเขียดจริงๆ”
“ออกไป! ไปให้พ้นเลยไป๊”
เอื้อยเอาฮูลาฮูปไล่ฟาดพัลวัน แฉะ ลูกดอก และ จริยา หนีมาขึ้นรถ
“ชั้นพูดอะไรผิดวะลูกดอก” แฉะงงไม่หาย
“ใครเค้าชมผู้หญิงเหมือนกันบ้างล่ะพี่แฉะ”
แฉะยังยืนกราน “ก็ชั้นนี่ไง”
ลูกดอกขี่รถเครื่องซ้อนสองออกไป
ทางด้านยอดสร้อยทำลับๆล่อๆ กำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่
“ป๋า มันผิดคาดนิดหน่อยอ่ะ เมื่อเช้าเพชรเค้ามันยังตื่นไปซ้อมได้อยู่เลย แต่ป๋าไม่ต้องห่วงนะ สร้อยมีแผน 2 เตรียมไว้แล้ว ...แน่นอน ครั้งนี้ไม่พลาดชัวร์”
สำเริงเดินผ่านมา
“ยอดสร้อย! คุยกับใคร”
“เปล่า... คุยธุระ”
“อย่าบอกนะว่าคุยกับไอ้ผู้ชายคนที่ทิ้งแก นี่ยังไม่เข็ดเหรอ พอมันง้อเข้าหน่อยเดี๋ยวก็ใจอ่อน”
“ไม่ใช่ ชั้นคุยกับแม่ต่างหาก ไอ้ผู้ชายคนนั้นชั้นเลิกยุ่งไปตั้งนานแล้ว”
ยอดสร้อยทำหน้าหงุดหงิดใส่ แล้วชิ่งหนีออกไป
ไม่มีใครสังหรณ์ใจสักนิดว่า ที่แท้ยอดสร้อยกลับมาพร้อมแผนชั่วจาก “ป๋า” คนนั้น เพื่อขัดขวางเพชรที่จะขึ้นชกกับจีบัน
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 11 (ต่อ)
ซ้อมเสร็จเพชรนั่งพักกินข้าวอยู่ เป็นราดผัดผักกับไข่เจียว พริม และบุญหลงถือจานมานั่งกินด้วย เพชรวางช้อนเคล้ง ปากบ่น
“กินไม่ลง”
“กินไม่ลงก็ดีแล้ว น้ำหนักจะได้ไม่พุ่งเหมือนคราวที่แล้ว” พริมไม่ยี่หระ
ยอดสร้อยถือปิ่นโตเดินนวยนาดเข้ามา
“เพชร ชั้นเอากับข้าวมาฝาก ได้ข่าวว่าอาหารที่ค่ายรสชาติสุนัขไม่รับประทาน”
ยอดสร้อยเปิดปิ่นโตโชว์ยั่วน้ำลาย อาหารล้วนน่าทานทั้งสิ้น
นี่จ้ะ ผัดเผ็ดหมูสามชั้น กับน่องไก่ชุบแป้งทอด”
“โห น่ากินทั้งนั้นเลย ขอบใจมากนะจ๊ะ”
เพชรกำลังหยิบน่องไก่กิน
พริมร้องขึ้น “ห้ามกิน! ต้องกินอาหารของที่นี่เท่านั้น”
“ปากชั้น ท้องชั้น ชั้นจะกิน”
เพชรหยิบน่องไก่มากัด พริมเข้าไปบีบปากเพชรแล้วดึงน่องไก่ออก เพชรคาบไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“เอาออกมา”
ยอดสร้อยยัดน่องไก่เข้าปากเพชร
“กินเข้าไป”
ยอดสร้อยกับพริมทึ้งปากเพชรไปมา เพชรร้องไม่ออก บุญหลงวิ่งไปดูทางหนึ่ง
“น้าอรมา”
“ถ้าน้าอรรู้ว่าพี่สร้อยเอาอาหารข้างนอกมาให้เพชรกิน พี่สร้อยถูกเตะก้านคอแน่”
ยอดสร้อยตกใจกลัว รีบดึงน่องไก่ออกจากปากเพชรเก็บใส่ปิ่นโต ปิดปิ่นโตแล้วเอามาซ่อนไว้ข้างหลัง พออรชรเข้ามา ทุกคนทำตัวปกติ
“อ้าว ยอดสร้อย มาทำอะไร”
“มาเยี่ยมเพชรจ้ะ อยากเห็นว่าเพชรกินอยู่ยังไง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นเลี้ยงดูอย่างดีอยู่แล้ว เป็นไงเพชร อร่อยมั้ย”
“อร่อยจ้ะ” เพชรบอก
อรชรเห็นบางอย่าง “เอ๊ะ เป็นอะไร ทำไมปากแดงๆ”
“กับข้าวมันเผ็ดจ้ะ”
“ผัดผักกับไข่เจียวเนี่ยนะ”
เพชรยิ้มแหะๆ
รักษ์ สำเริง ลูกดอก แฉะ นั่งกินข้าวกันอยู่ กับข้าวดูอุดมสมบูรณ์มากหลังมีงานจ้าง จริยาถือจานข้าว มีข้าวนิดเดียวเข้ามานั่ง สำเริงงง
“ข้าวนั่นเอามากินหรือเอามาดมวะ”
“มันกำลังลดความอ้วน มันไปเห็นน้องเอื้อยหุ่นเพรียวมันก็อยากจะเพรียวอย่างเขาบ้าง” แฉะบอก
“แล้วถ้าชั้นหุ่นเพรียวเมื่อไหร่ อย่ามาง้อให้ชั้นเป็นนางเอกละกัน ชั้นน่ะสวยไม่แพ้นังยอดสร้อยมันหรอก แค่ชั้นอวบไปหน่อยเดียวเท่านั้นเอง”
ลูกดอกกินกับข้าวยั่ว
“แต่กับข้าวแต่ละอย่างดีๆ ทั้งนั้นเลยนะพี่ เราอดอยากกันมาตั้งนาน แต่พอมีกิน พี่ก็ดันมาอดอาหาร ไม่เสียดายเหรอพี่” พลางกินโชว์อีกคำ ทำหน้าฟินอร่อยล้ำ “อื้ม...”
“ชั้นตั้งใจแล้ว อย่ามายั่วซะให้ยาก”
ยอดสร้อยเดินหน้าบูดอารมณ์เสียที่แผนผิดพลาด ถือปิ่นโตผ่านไปทางครัว
“อ้าว ยอดสร้อย ไปไหนมา มากินข้าวด้วยกันสิ” รักษ์เรียก
“ไม่เอา ไม่กิน ไม่หิว”
“เป็นอะไรของเค้า” รักษ์งง
“คงเห็นว่าชั้นลดหุ่น ก็เลยจะลดตาม ฮะๆๆ เพิ่งรู้สึกตัวเหรอ ว่าตำแหน่งนางเอกของตัวเองกำลังสั่นคลอน อีกไม่นานหรอก จะถึงตาชั้นบ้าง”
สำเริงส่ายหัวเซ็งปนระอา
“ผู้หญิงบ้านนี้มันเป็นอะไรกันวะ บ้าๆ บอๆ”
ยอดสร้อยถือปิ่นโตพร้อมคุยโทรศัพท์มือถืออารมณ์เสียเข้าครัวมา
“อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้วป๋า ถ้านังพริมกับนังอรไม่เข้ามาสอด แต่ไม่ต้องห่วงนะป๋า สร้อยเตรียมแผนไว้หลายอย่าง ...แค่นี้นะป๋า”
ยอดสร้อยวางสาย เอาปิ่นโตวางในตู้กับข้าว
“เจ็บใจนัก”
ฟากเพชรกำลังล้างจานอยู่ พริมกับบุญหลงมายืนคุม
“ล้างจานเสร็จก็ไปนอนเลยนะ อย่าได้ไปตะลอนๆ เถลไถลที่ไหน”
“เห็นชั้นเป็นเด็ก 3 ขวบหรือไง ถึงต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชไปซะทุกเรื่อง” เพชรบ่นอย่างรำคาญ
“เด็ก 3 ขวบยังพูดง่ายกว่าเลย ถ้าชั้นไม่จี้ มีหวังคงเละเทะ”
“แค่ชั้นตื่นไม่ทันวันเดียว เธอเอามาตัดสินชีวิตชั้นเลย”
“แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ชั้นไม่อยากให้มีครั้งที่ 2 อีก”
“พริมไปพักเถอะ เดี๋ยวชั้นดูเพชรให้เอง”
“ไม่ ชั้นจะสบายใจก็ต่อเมื่อเห็นเพชรเข้านอนแล้ว”
“เข้าไปนอนกับชั้นด้วยเลยมั้ยล่ะ จะได้มั่นใจว่าชั้นจะไม่หนีไปไหน”
“ไม่ต้องหรอก” พริมโชว์โซ่ “เพราะชั้นจะเอาโซ่ล่ามประตูไว้ ไปไหนไม่ได้หรอก”
“นี่เห็นชั้นเป็นนักโทษรึไง!”
“ถ้าเธอมีวินัย ชั้นก็ไม่ต้องใช่วิธีนี้”
ทางด้านรักษ์นั่งเหม่อคิดถึงบ้านอยู่หลังบ้านลิเก ระบายอารมณ์ด้วยการร้องลิเก
“จากบ้านเกิดจากเรือนนอน จากบิดรจากมารดา
ครวญคิดถึงคะนึงหา หวิวอุราพะว้าพะวัง
แต่เพราะฝันเป็นลิเก จึงยอมว้าเหว่ใจจะพัง”
ขนุนเข้ามาหา
“พี่รักษ์ คิดถึงบ้านเหรอ”
“เปล่าๆ พี่ก็ซ้อมร้องลิเกไปเรื่อย ขนุนล่ะ ออกมาจากค่ายบ่อยๆ มีใครสงสัยบ้างรึเปล่า”
“ไม่หรอกจ้ะ เวลาที่ชั้นมา เค้าก็จะเข้านอนกันหมด ไม่มีใครรู้หรอก”
“แล้วถ้าวันนึงเค้ารู้ขึ้นมาล่ะ ขนุนจะทำยังไง”
“คงหนีออกมาอยู่กับพวกพี่มั้ง”
“ไม่ดีมั้งขนุน ไม่ลองขอพ่อล่ะ น้าชาติอาจจะยอมก็ได้นะ”
“แล้วก่อนที่พี่รักษ์จะหนีออกจากบ้าน พี่รักษ์เคยขอพ่อแม่มาเป็นลิเกก่อนรึเปล่า”
“ไม่เคย เพราะพี่รู้ว่าท่านไม่ยอมแน่ๆ แล้วพอท่านรู้ ท่านก็ไม่ยอมจริงๆ”
“ชั้นก็เหมือนกัน ชั้นรู้ว่าขอไปก็ไม่ได้แน่ๆ งั้นก็อย่าขอดีกว่า แต่ถ้าวันนึงความเกิดแตกขึ้นมา ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะทำยังไง ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน อย่าพูดเรื่องนี้เลยพี่รักษ์ ซ้อมร้องเพลงเถอะ”
ค่ำนั้นสำเริงกำลังซ่อมแซมอุปกรณ์การเล่นลิเกอยู่ อรชรกับเอื้อยเดินเฉิดฉายเข้ามา
“พ่อเริง ว่างอยู่รึเปล่า” พอเห็นว่าทำงาน “อุ้ย ไม่ว่าง...แต่ช่วยวางมือก่อนได้มั้ย เผอิญว่าหลังคาบ้านชั้นมันรั่ว”
“รั่ว ก็ไปหาช่างมาซ่อมสิ มาผิดบ้านแล้ว”
อรชรกับเอื้อยมองหน้ากัน แล้วหัวเราะ
“ไม่ผิดหรอก ครั้งที่แล้วส้วมพังก็มาบ้านนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“พ่อเริงลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้เป็นวันครบกำหนดส่งดอก ช่วยจ่ายดอกเป็นหลังคาสวยๆ ทนๆ ให้ชั้นที”
สำเริงเดินไปที่ลิ้นชัก หยิบซองเงินที่เตรียมไว้แล้วมายื่นให้ อรชร เอื้อย ประหลาดใจที่สำเริงมีจ่าย
“นับดูก่อนว่าครบมั้ย”
เอื้อยรับมา นับเงินในซองแล้วบอกกับอรชรว่า “ครบ”
“ชั้นเล่นลิเกตั้ง 3 คืน แม่อรไม่มาดูบ้างเลยเหรอจ๊ะ”
“ชั้นไม่ชอบดูลิเก”
“มิน่าถึงไม่รู้ว่าชั้นมีเงิน เวลาแม่ยกเค้าคล้องมาลัยที เยอะกว่านักมวยได้ตอนคิ้วแตกอีกจะบอกให้” สำเริงคุยข่ม
“หึๆๆ จ่ายแค่ดอกทำมาเป็นคุย มีเงินจ่ายต้นเมื่อไหร่แล้วบอกด้วยนะ”
อรชรเดินเชิดกลับ เอื้อยตามไป หัวเราะเป็นนางร้ายช่อง 8 ทิ้งท้าย
สำเริงเจ็บใจที่โดนตอกกลับ
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 11 (ต่อ)
อรชร กะ เอื้อยเดินออกมาหน้าบ้านลิเก
“ไม่คิดเลยว่าเล่นลิเกแค่ 3 คืนจะได้เงินเยอะขนาดนี้”
“แล้วถ้าเค้ามีเงินก้อนมาใช้เราหมด เราก็จะไม่ได้แกล้งคนสนุกๆอีกแล้วสิ” เอื้อยว่า
“คงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก เพชรก็ยังอยู่กับเรา ยังไงเราก็เหนือกว่า”
เสียงรักษ์กับขนุนซ้อมร้องเพลงแว่วมา
“เอ๊ะ เสียงอะไร”
“พวกลิเกซ้อมร้องซ้อมรำน่ะสิ” อรชรว่า ไม่ใคร่สนใจนัก
“ลองฟังเสียงผู้หญิงสิ เสียงใคร คุ้นๆ มั้ย”
“คุ้นจริงด้วย”
“จะว่าเสียงจริยาก็ไม่ใช่ เสียงยอดสร้อยก็ไม่ใช่ ไปดูหน่อยดีกว่า”
“อย่าเลย เดี๋ยวเค้าจะหาว่าจุ้นจ้าน กลับเถอะ”
“แต่มันคาใจจริงๆนะ คงจะเป็นนางเอกใหม่ล่ะมั้ง ขอดูหน้าหน่อยเถอะ”
เอื้อยนำไป กวักมือเรียกอรชรไปให้ไปด้วย
อรชร กะ เอื้อย ค่อยๆ เดินลับๆ ล่อๆ มาที่หลังบ้าน มองหาต้นเสียง เสียงรักษ์ ขนุนร้องเพลงแว่วตลอด สองคนเห็นรักษ์กับขนุนจากด้านหลัง กำลังซ้อมร้องเพลงกันอยู่
อรชรกับเอื้อยหยุดดูอยู่ห่างๆ
“นั่นไง”
เห็นหน้ารักษ์ด้านข้างพอจะเดาได้ แต่ขนุนหันหลังบังหน้าจนมิด
“ผู้ชายนั่นรักษ์ใช่มั้ย แล้วผู้หญิงล่ะ ใคร”
“ไหนเมื่อกี้บอกว่าไม่อยากรู้ไง”
“ก็พอเห็นแล้วมันคุ้นๆ นี่”
จังหวะหนึ่งขนุนหันข้างมานิดหนึ่ง
“ขนุน” เอื้อยแทบไม่เชื่อตา
“ใช่ ขนุนจริงๆ ด้วย”
เอื้อยกับอรชรกำลังจะเข้าไปหาขนุน ถูกจริยาถือฮูร่าฮูปเข้ามาขวางหน้า
“เอื้อย สอนเช่นเล่นไอ้ห่วงนี่หน่อยสิ ชั้นเหวี่ยงยังไง มันก็ลงไปกองที่พื้นทุกทีเลย”
“เอาไว้วันหลัง”
เอื้อยผลักจริยาออกให้พ้นทาง จริยาไม่ยอมไป
“แป๊บเดียวน่า ชั้นต้องรีบลดความอ้วน ชั้นจะชิงตำแหน่งนางเอกมาจากนังยอสร้อย”
“ขอไปดูตรงนั้นก่อน เดี๋ยวมาสอน”
เอื้อยผลักจริยาออกไป แต่ไม่เห็นรักษ์กับขนุนแล้ว
“อ้าว ไปไหนแล้วล่ะ” อรชรกวาดสายตามองหา
“จริยา เมื่อกี้ขนุนใช่มั้ย ที่ซ้อมร้องเพลงอยู่กับรักษ์น่ะ”
“ไม่ช่ายยย ขนุนจะมาอยู่นี่ได้ยังไง ตาฝาดแล้ว”
“ชั้นไม่เชื่อหรอก ก็เห็นอยู่ว่าขนุน เอื้อย ตามไปดูเร็ว”
อรชรกับเอื้อยรีบไปตามหา
จริยาเครียดช่วยได้เท่านี้
“ขนุนเอ๊ย หาที่ซ่อนดีๆ นะ”
อรชรกับเอื้อยตามหารักษ์กับขนุน เห็นด้านหลังรักษ์กับขนุนไวๆ
“นั่นไง”
“ขนุน! หยุดนะ” อรชรร้องบอก
รักษ์ กับขนุนวิ่งหายไป
อรชรกับเอื้อยกำลังจะตาม คราวนี้ ลูกดอก แฉะ เล่นลิเกเอาดาบฟันกันโช้งเช้งเข้ามาขวาง
“เจ้าโจรใจทราม แกไม่มีทางชิงตัวเจ้าหญิงเอื้อยดาวพราวฟ้าไปจากข้าได้หรอก”
“เจ้าหญิงงามต้องใจข้านัก ข้าจะฆ่าเจ้า แล้วเอานางทำเมีย”
ลูกดอกกับแฉะฟันดาบกันขวางไม่ให้อรชรกับเอื้อยไป
ลูกดอกเข้ามาฉุดแขนเอื้อยข้างนึง
“เจ้าต้องไปอยู่กับข้า”
“ข้าไม่ให้” แฉะฉุดแขนเอื้อยอีกข้าง
ลูกดอกกับแฉะยื้อยุดเอื้อยไปมา เอื้อยเคลิ้มนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกลิเก
“ไม่ต้องแย่งกันแล้ว! ข้าขอไปอยู่กับ น้องโจรสุดหล่อ”
เอื้อยเข้าซบลูกดอก
อรชรเสียงดังเรียกสติ “เอื้อย”
เอื้อยได้สติ “ว้าย ชั้นก็แค่เล่นไปตามบท”
“ดูซิหายไปไหนแล้ว”
อรชรกับเอื้อยมองไป พบว่ารักษ์กับขนุนหายไปแล้ว
“ตามไป”
เอื้อยกับอรชรตามต่อไป แต่เอื้อยไม่วายหันมาสบตาลูกดอกปิ๊งๆ
“ลูกดอก ชั้นเป็นพระเอกไม่ใช่เหรอวะ”
“ผู้หญิงสมัยนี้เค้าคงจะชอบโจรมากกว่ามั้งพี่”
ฝ่ายรักษ์กับขนุนเข้าไปหลบในที่หนึ่ง เป็นซอกกำแพงหลังบ้าน อรชร และเอื้อยตามมาติดๆ
“ชั้นว่าต้องหลบอยู่แถวนี้แหละ”
“ช่วยกันค้น”
เอื้อย อรชร รื้อค้นแถวนั้น
รักษ์กับขนุนทำตัวลีบเล็ก ลุ้นหวาดเสียว เอื้อยเห็นหัวใครสักคน มีผมยาวๆ หันหลังอยู่
“อะฮ้า มาหลบอยู่นี่เอง”
เอื้อยจับหัวนั้นหันมา ปรากฏว่าเป็นหัวหุ่นที่เอาไว้วางวิกผมตัวนาง หน้าตาหุ่นดูหลอนๆ
“แอร๊ย...ผีหลอก” เอื้อยโยนหัวหุ่นทิ้งแล้ววิ่งหนีออกไป
“นี่มันหุ่น” อรชรอารมณ์เสีย ตามเอื้อยออกไป
รักษ์กับขนุนอยู่เลยไปนิดเดียวพากันโล่งอก รอดตัวเฉียดฉิว
“เค้าไปกันแล้ว”
รักษ์กำลังจะออกจากที่ซ่อน ขนุนดึงมือรั้งไว้
“อย่าเพิ่งพี่รักษ์ ยังไม่ปลอดภัย เผื่อน้าอรวกกลับมา”
รักษ์หลบดังเดิม ทั้ง 2 มองหน้ากันเงียบ
“ชีวิตเรามีแต่หลบๆ ซ่อนๆ เนอะ ทั้งๆ ที่เราไม่ไดทำอะไรผิดซะหน่อย เราก็แค่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองรัก”
“พี่น่ะเลิกหลบซ่อนตั้งนานแล้ว มีแต่ขนุนนั่นแหละ”
“พี่รักษ์ไม่ได้หลบซ่อน แต่พี่รักษ์ก็หนี หรือว่าขนุนต้องหนีเหมือนพี่รักษ์”
รักษ์อึ้ง ยอกแสลงใจไม่น้อย ได้แต่เงียบงันไป ตอบไม่ได้เหมือนกัน
อ่านต่อตอนที่ 12