หลวงพี่ดิจิตอล ตอนที่ 2
ท่ามกลางบรรยากาศ หมู่บ้านยามเช้า เสียงฆ้องดังก้องไปทั่ว หลวงพี่กับหลวงพ่อกำลังเดินบิณฑบาตกันอยู่ ชาวบ้าน สองหลังที่อยู่ใกล้กัน กำลังทำความสะอาดหน้าบ้านมองหลวงพี่ดินแล้วซุบซิบกัน
"โน้นไงๆ พระใหม่" ป้านิ่มบอก
ป้าปลิกบอก
"เป็นพระฝรั่งจะเทศน์ได้มั้ยเนี่ย"
"เทศน์ได้สิ ขนาดมะเขือยังเทศน์ได้เลย"
กุ๊กไก่ในชุดสีสันสดใส เครื่องประดับเยอะจนดูโอเว่อร์
"หนูกุ๊กไก่"
กุ๊กไก่แบมือให้ป้านิ่ม
"ค่าเช่าบ้าน"
ป้านิ่มพูดหวาน
"มาเก็บแต่เช้าเลยน้า สายๆ หน่อยได้มั้ย"
"มาเช้าขอผลัดไปบ่าย มาบ่ายขอผลัดไปเย็น มาเย็นขอผลัดไปเช้า ตกลงจะเอายังไงฉันยิ่งไม่ค่อยว่างอยู่ด้วย"
ป้านิ่มหยิบค่าเช่าให้ 2000 บาท
ป้าปลิกบอก
"ยุ่งอะไรวันๆ ฉันไม่เห็นหนูทำอะไร โรงเรียนก็ไม่ยอมไป"
"เรียนไปทำไมฉันฉลาดอยู่แล้ว ค่าเช่า 1800 ให้มา 2000 ทอน 1200 บาท"
ป้านิ่มทำหน้างงๆ แต่ก็รับเงินมายิ้มๆ
"หนูฉลาดจริงๆ ด้วยไม่ต้องไปเรียนหรอก"
กุ๊กไก่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชอบใจ
หลวงพ่อเดินผ่านกุ๊กไก่ไป ไทกับหมากรั้งท้าย
มอเตอร์ไซค์วัยรุ่นขับมาอย่างเร็ว ไทเห็นรีบดึงกุ๊กไก่ไม่ให้โดนชน กุ๊กไก่อยู่ในอ้อมแขนของไท
"ว้าย"
ไทรับกุ๊กไก่ไว้ สองคนสบตากัน
"ไม่เป็นไรนะครับ"
ไทจับกุ๊กไก่ให้ยืน กุ๊กไก่เซให้ไทรับอีกรอบ
"ถ้าเป็นแล้วได้อยู่ในอ้อมแขนพี่แบบนี้ก็คุ้มค่ะ"
"ไปได้แล้วพี่ไท หลวงพ่อรอแล้ว" หมากบอก
ไทเดินออกไปกับหลวงพ่อและหลวงพี่
"เนื้อคี่"
ป้านิ่ม/ป้าปลิกบอก "คู่"
กุ๊กไก่มองตามไทยิ้มเหมือนกำลังตกหลุมรัก
ชดช้อยเดินมาคนละฝั่งกับเฮียเม้งก่อนมองหน้ากันแล้วเชิดใส่กัน นวลคนใช้เดินตามชดช้อยอย่างเซ็งๆ เข้าร้านสังฆภัณฑ์
ชดช้อย/เฮียเม้งสั่ง "สังฆทาน 1 ชุด"
สองคนต่างมองเห็นว่า ชุดสังฆทานเหลือชุดเดียว เจ้าของร้านหยิบชุดสังฆทานขึ้นมา
"299 บาท"
ชดช้อยล้วงเงินให้เจ้าของร้านสามร้อย
"เอาไปไม่ต้องทอน"
เจ้าของร้านจะส่งให้ชดช้อย
"เดี๋ยวก่อนฉันให้ 400 ขายให้ฉัน" เม้งบอก
เจ้าของร้านจะส่งให้เฮียเม้ง
"ฉันให้ 500"
เจ้าของร้านจะส่งให้ชดช้อย
"ฉันให้ 500"
"ฉันให้พันหนึ่ง"
"อวดรวย ผัวฝรั่งที่ตายไปคงทิ้งไว้ให้เยอะละสิ"
"ก็เยอะอยู่นะอีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้เอาเงินไปเลี้ยงอีหนูเหมือนใครบางคน"
"หนุ่มโสดอย่างฉันก็ลัลล้าเป็นธรรมดา"
"ลัลล้าหรือว่าไม่มีใครเอา"
"ของแบบนี้ต้องเลือกดีๆ เดี๋ยวได้ผู้หญิงเห็นแก่เงิน เดี๋ยวมันหนีไปแต่งงานกับคนอื่นอีก"
"แหมทำเป็นว่าคนอื่น แกรักจริงก็คงรอเค้าไม่หนีไปแต่งกับคนอื่นเหมือนกันละว้า"
"นี่ทะเลาะกันเรื่องสังฆทานหรือรื้อฟื้นความหลังกันอยู่คะ" นวลถาม
สองคนหยุดทะเลาะกัน
เจ้าของร้านถาม
"ตกลงเอามั้ย"
เฮียเม้ง/ชดช้อยต่างบอก "เอา"
สองคนยื่นแบงค์พันให้
เจ้าของร้านรับทั้งสองใบก่อนส่งอันแรกให้ชดช้อย แล้วหยิบอีกอันที่อยู่ใต้เคาน์เตอร์ให้เฮียเม้ง
"อ้าวแล้วไม่บอกแต่แรกว่ามีอีก"
เจ้าของร้านยิ้มๆ ก่อนเดินเข้าร้าน
สองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่พอใจ
กุ๊กไก่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ กินชาเย็นอยู่ในร้านกาแฟ ไทในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาวเตรียมไปสมัครงาน
"กาแฟเย็นแก้วหนึ่งครับ"
"จ้ะ" อิ่มบอก
"เอาน้ำแข็งเย็นทุกก้อนนะครับ"
"น้ำแข็งบ้านไหนเย็นก้อนเว้นก้อนละพ่อหนุ่ม"
"ล้อเล่นครับ"
กุ๊กไก่เห็นเป็นไทรีบเดินไปหา ถือชานมเย็นมาด้วย
"พี่จำฉันได้มั้ย"
"อ๋อ...จำไม่ได้"
"ที่พี่ช่วยชีวิตฉันไม่ให้โดนมอไซค์ชน เมื่อเช้าไง"
ไทนึก
"อ๋อ ไม่ขนาดนั้นหรอกแค่จับไม่ให้น้องล้มเอง"
"พี่ช่วยชีวิตฉันไว้ นับจากนี้ชีวิตฉันเป็นของพี่"
"แหมนังกุ๊ก ทีแม่แกให้ชีวิตแกมา ฉันไม่เห็นแกจะซึ้ง"
กุ๊กไก่ไม่สนอิ่ม
เหมยเดินเข้ามากับเจนนี่ ในมือถือดอกไม้ กับปิ่นโตมาด้วย
"ฉันกุ๊กไก่ พี่ชื่ออะไรอ่ะ"
"ไท"
"พี่ไทจะไปไหนเหรอจ้ะ"
"ไปสัมภาษณ์งาน"
"เป็นแฟนฉันมั้ย ไม่ต้องทำงานเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง"
ไทมองหน้ากุ๊กไก่งงๆ อะไรของเด็กคนนี้
"รับไปสินายเป็นลูกเขยคุณนายชดช้อยสบายจะตาย" เหมยบอก
อิ่มส่งกาแฟให้ไท ไทรับมา
"ถึงผมจะไม่มีเงิน แต่ผมก็คิดเป็นว่าไหนควรอันไหนไม่ควร ไม่เหมือนใครบางคน"
ไทจิกตาไปที่เหมย ก่อนเดินออกไป
"นี่นายว่าฉันคิดไปเป็นเหรอ" เหมยว่า
"น้องเหมยไปหาเรื่องพี่สุดหล่อเค้าก่อนนี่"
เหมยมองอย่างไม่พอใจ เจนนี่ลากเหมยออกไป
"โครตเท่ห์อ่ะ อยากได้ๆ" กุ๊กไก่บอก
บนศาลา เฮียเม้ง และ อีกฝั่งคือชดช้อยกับโต้งลูกชาย และเผือกลูกน้องโต้งยืนประชันหน้ากันอยู่หน้าวัดทั้งสองถือชุดถวายสังฆทานอยู่
"ฉันต้องได้ทำก่อน" ชดช้อยบอก
"แต่ฉันมาถึงก่อน"
"ผัวฉันตายก่อนต้องได้ส่วนบุญก่อน"
"เมียฉันตายทีหลัง แต่ฉันจะทำบุญให้เมียก่อน"
เหมยกับเจนนี่วิ่งมาหาพ่อ
"มีอะไรรึเปล่าจ๊ะพ่อ"
โต้งมองเห็นเหมยดีใจ
"น้องเหมย แม่จ๋า โต้งขอเสียสละให้น้องเหมยก่อนเลยนะ"
"ดีมากไอ้โต้งเป็นผู้ชายมันต้องเสียสละให้ผู้หญิง" เม้งบอก
"แต่ฉันไม่เสียสละโว้ย ไอ้โต้งไอ้เผือกจับมันไว้"
โต้งจำยอมทำตามแม่ไปจับตัวเหมยไว้
เผือกไปจับตัวเฮียเม้งไว้ เฮียเม้งสบัดแล้วจะวิ่งเข้าวัด ชดช้อยดึงเสื้อเม้งไว้แน่น ยื้อกันไปมา
เหมยกับเจนนี่กระทืบเท้าโต้ง จนโต้งต้องปล่อยเหมย
มัคนายกออกมาจากในวัด
"โวยวายอะไรกันหน้าวัด นี่มันเขตอภัยทานนะ สำนึกกันบ้างสิ"
ทั้งสองฝ่ายหยุดมองมัคนายก เหมือนฟัง
"เออพูดแล้วฟังแบบนี้ ค่อยเรียกว่าผู้เจริญ"
มัคนายกพูดจบทั้งสองฝ่ายไม่ฟัง แย่งกันวิ่งเข้าไปในวัดอย่างเร็ว ชนมัคนายกล้มกองกับพื้น
"เจริญจริงจริ๊ง"
ชดช้อยกับเฮียเม้งจ้องหน้าขู่กันเหมือนหมา หลวงพ่อนั่งดูสองคนส่ายๆหน้า
หลวงพ่อบอก
"แมวไปเอาน้ำมาสิ"
"เอามาให้ใครกินครับหลวงพ่อ" มัคนายกถาม
"จะเอามาราดสองคนนี้ให้เลิกขู่กันซะที"
สองคนได้ยินก็หยุดพูด
"หนูขอทำสังฆทานให้ผัวหนูก่อนค่ะหลวงพ่อ" ชดช้อยบอก
"ผมขอทำให้เมียผมก่อนครับ"
หลวงพี่บอก
"แล้วทำพร้อมกันเลยไม่ได้เหรอโยม"
ทั้งคู่ต่างยืนยัน"ไม่ได้"
"ทำไม"
ช"ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันเดี๋ยวชาติหน้าจะได้มาเจอกัน" ชดช้อยว่า
"แค่ชาติเดียวก็เกินพอ" เม้งบอก
"แล้วทำไมโยมไม่คิดบ้างละว่าทำบุญด้วยกันจะทำให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้วไม่ต้องเจอกันอีก"
สองคนจ้องหน้ากันคิดๆ หลวงพี่มองที่หลวงพ่อพูดยิ้มๆ กับคำสอน
เฮียเม้งกับชดช้อยและทุกคนท่องบทถวายสังฆทานโดยมีมัคนายกนำ เฮียเม้งกับชดช้อยแย่งกัน
โต้งขยับเข้าไปใกล้เหมย เหมยผลักออก หลวงพ่อให้พร ทั้งสองครอบครัวกรวดน้ำอย่างสงบ
เหมยเอาน้ำมาเทที่ต้นไม้ใหญ่ โต้งมายืนรอเหมยอยู่
"น้องเหมยทำบุญเสร็จแล้วไปกินข้าวกันเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง"
"ไม่เป็นไรฉันเลี้ยงตัวเองได้จ้ะ"
"แต่พี่อยากเลี้ยงเหมย"
"เลี้ยงตัวเองได้แล้วเหรอครับคุณโต้ง"
หมวดกาแฟเดินเข้ามา
"เฮ้ยหมวดพูดแบบนี้หมายความว่าไง"
เผือกบอก
"เค้าว่าพี่เกาะแม่กิน ไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองจะไปเลี้ยงคนอื่นได้ยังไง"
"แกไม่ต้องแปลยาวขนาดนี้ก็ได้นะไอ้เผือก"
"ผมเป็นคนชัดเจนพี่"
เหมยยิ้มๆ เดินไปหากาแฟอย่างสนิทสนม
"กาแฟมาทำอะไรที่นี่"
"จะมาชวนเหมยไปหาไรกินหน่อย"
"ไปกับพี่ดีกว่าเหมย" โต้งบอก
"เดี๋ยวเราพาไปกินที่ตลาด"
"เดี๋ยวพี่พาไปกินในน้ำ" โต้งบอก
"ใช่กินไก่สดด้วย เฮ้ย...อะไรของพี่เนี่ย" เผือกบอก
"ไปกับพี่เถอะ" โต้งว่า
ไทเดินหน้าเศร้าเข้ามา โต้งกับหมวดกาแฟดึงแขนเหมยไปมา
"ไปกับเราดีกว่า" หมวดกาแฟว่า
"ไปกับพี่" โต้งบอก
"ไปกับเรา"
ไทบอก
"แย่งกันไปมาทำไมครับตัดแบ่งกันคนละครึ่งก็จบ"
"งั้นเดี๋ยวผมไปเอามีดมา เย้ย คนไม่ใช่เค้ก" เผือกบอก
"ปล่อยฉัน ฉันไม่ไปกับใครทั้งนั้น"
เหมยหงุดหงิดเดินออกไป โต้งจ้องหน้าหมวดกาแฟอย่างไม่พอใจ
เฮียเม้งส่งซองเงินให้หลวงพ่อ แต่หลวงพ่อยังไม่รับ
"ผมทำบุญค่าน้ำค่าไฟหนึ่งพันครับ"
เฮียเม้งหันไปยักคิ้วให้ชดช้อย ชดช้อยหยิบกระเป๋าเงินออกมา
"ฉันทำสองพันเจ้าคะหลวงพ่อ"
มัคนายกบอก
"อย่าไปยอม"
เฮียเม้งล้วงเงินออกม
"ผมทำสามพัน"
มัคนายกบอก
"พ่อพระจริงๆ"
"ฉันทำสี่พัน"
"ใจบุญสุดๆ"
มัคนายกดีใจ หลวงพ่อกับหลวงพี่จ้องๆ อยู่
"ผมทำห้าพัน"
ชดช้อยมองเม้งอยากเอาชนะก่อนดูเงินในกระเป๋า
"ฉันทำหนึ่งหมื่น"
"นางฟ้าชัดๆ"
หลวงพ่อบอก
"พอแล้วโยมจะมาแข่งกันทำบุญทำไม"
"เปล่าแข่งเจ้าคะฉันก็แค่อยากทำบุญ"
"ใช่ยิ่งทำเยอะก็จะได้บุญเยอะ"
หลวงพี่หันขวับมาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อหันมาตอบทั้งสามคนอย่างใจเย็น
"บุญมากบุญน้อยมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนปัจจัยแต่อยู่ที่เจตนา ถ้าเจตนาโยมดี โยมทำสิบบาทก็ได้เท่ากับหนึ่งพันได้ แต่ไหนๆ พวกโยมทำแล้วหลวงพ่อก็จะรับไว้"
หลวงพ่อกำลังจะรับเงินจากทั้งสองคน
เฮียเม้งกับชดช้อยรีบดึงเงินตัวเองกลับ
"ถ้าเป็นอย่างที่หลวงพ่อพูด ฉันก็ขอทำบุญ 10 บาทเจ้าค่ะ"
เฮียเม้งหยิบเงินใส่กระเป๋า แล้วล้วงเหรียญให้หลวงพ่อ 10 บาท หลวงพ่อหน้าเสีย หลวงพี่มองยิ้มๆ ที่หลวงพ่ออดได้เงิน
ริซซี่ซาลอนยามเย็น ริซซี่ตัดผมให้โต้งอยู่ เผือกนั่งอยู่ในร้านด้วย เสียงโทรศัพท์ดังโต้งรับสาย
"ฮัลโหล...ว่าไงนะมันหนีไปได้"
ริซซี่ตกใจ ตั้งใจฟัง
"ก็ไปลากคอมันมาสิ"
ริซซี่อุทาน
"คุณพระ"
"ได้ตัวมันมาแล้วก็ทุบหัวมัน"
เผือกบอก
"โหดมาก"
"ทุบหัวไม่ตาย ก็ปาดคอมันสิ อย่าให้ถึงขั้นใช้ปืนมันเปลือง"
"เหี้ยมสุดๆ"
"เออถ้ามันตายแล้วก็เอาไปลวกน้ำร้อนหน่อย จะได้ถอนขนง่ายๆ เสร็จแล้วก็เอาไปแกง เดี๋ยวตัดผมเสร็จฉันจะกลับไปกิน"
"โธ่ ผมก็นึกว่าพี่สั่งจัดการไอ้หมวดกาแฟ"
ริซซี่บอก
"ถุย...ที่แก้ก็สั่งถอนขนไก่"
ริซซี่ถุยใส่โต้ง โต้งมองหน้าริซซี่ยิ้มๆ ขอโทษ
"ริซซี่ตกใจริซซี่ดวงแทบแตก นึกว่าสั่งฆ่าคน"
"พูดถึงไอ้หมวดนั่นแล้วฉันก็โกรธ ที่มันมาว่าฉันเลี้ยงตัวเองไม่ได้"
โต้งไม่พอใจ
ไทนั่งเซ็งๆ อยู่ริมน้ำ หลวงพี่เดินเข้ามาหา
"มีอะไรรึเปล่าไท"
"ผมสัมภาษณ์งานไม่ผ่านครับหลวงพี่"
"ไม่เห็นเป็นไรเลยเพิ่งงานแรกเองอย่าเพิ่งท้อ"
"ใครบอกครับผมสัมภาษณ์มาตั้งสิบที่แล้วยังไม่ได้งานเลย"
"ลองเปลี่ยนจากคำว่าตั้ง 10 ที่เป็นแค่ 10 ที่สิรู้สึกดีขึ้นมั้ย"
ไทมองหน้าหลวงพี่เศร้าๆ
"ตอนหลวงพี่สมัครงานหลวงพี่ยื่นใบสมัครไป 100 บริษัท"
"เยอะขนาดนั้นก็ต้องได้งานสิครับ"
"ไม่ได้ แต่ได้บริษัทที่ร้อยหนึ่ง เพราะฉะนั้นบริษัทที่ 11 ไทอาจจะได้งานก็ได้"
"ครับหลวงพี่"
"ท้อได้แต่อย่าถอยรู้มั้ย"
ไทยิ้มกับหลวงพี่มองไปที่แม่น้ำ อีกฝั่งเห็นหลวงพ่อยืนยิ้มดูสองคนอยู่ หมากเข้ามาข้างหลัง
"หลวงพ่อ"
"ว่าไง"
"แอบดูอะไรอยู่"
"ไม่ได้แอบ แต่ตั้งใจดูเลยแหละ"
พูดจบหลวงพ่อเดินยิ้มออกไป หมากงงๆ ก่อนเดินไปหาไทกับหลวงพี่
เวลากลางคืน หลวงพี่นั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์กับหลวงพ่อ มัคนายกนั่งหลับอยู่หน้าประตู แถมกรนเสียงดัง หลวงพ่อลืมตาจะหันไปดุ ก่อนเหลือบไปเห็นหลวงพี่ที่นั่งสมาธิอยู่เหงื่อแตกซิก
ภาพในอดีต หลวงพี่ดินเดินอยู่กลางถนนบรรยากาศเงียบสงบ แล้วหันไปเห็นรถคันหนึ่งชนต้นไม้อยู่ข้างทางรีบวิ่งเข้าไปช่วย หลวงพี่ดินไปยืนอยู่ฝั่งที่นั่งข้างๆ คนขับ
รถอยู่ในสภาพพังยับเยิน ควันหน้ารถพวยพุ่งไปทั่ว จนมองไม่เห็นว่าคนขับเป็นใคร
ควันค่อยๆ จางหลวงพี่มองเข้าไปในรถเห็นเป็นตัวเองนอนคาพวงมาลัยมีเลือดที่หัวฝั่งขวา
หลวงพี่ค่อยๆ มองไปที่ที่นั่งข้างๆ คนขับเห็นเป็นลูกชายตัวเองเลือดไหลที่หัว
"หลวงพี่ หลวงพี่"
หลวงพี่ตกใจ เบิกตาโต มัคนายกตกใจตามกระโดดออกห่างหลวงพี่
"เฮ้ย...ตกใจหมดเลยหลวงพี่"
หลวงพี่หน้าซีดเหมือนเพิ่งผ่านฝันร้ายมา
"มีอะไรรึเปล่าท่าน"
"เปล่าครับ"
"งั้นวันนี้แค่นี้แหละ กลับกุฏิได้แล้ว"
"ครับ"
หลวงพี่ก้มกราบพระก่อนจะเดินออกไป หลวงพ่อเรียกไว้
"ท่าน"
หลวงพี่หันมาหาหลวงพ่อด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
"ระลึกไว้นะว่า มนุษย์ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง ใครก็ฝืนกฎแห่งกรรมไม่ได้"
หลวงพี่มองหน้าหลวงพ่อด้วยอาการสงบ
มัคนายกถาม
"หลวงพ่อรู้เหรอครับว่าหลวงพี่เป็นอะไร"
"ไม่รู้หรอก"
"เอ้า แล้วเทศน์เป็นตุเป็นตะ"
มัคนายกหันไปอีกที หลวงพ่อก็หายไปแล้ว เลยรีบวิ่งตาม
"รอผมด้วยครับหลวงพ่อ"
ไทนอนเอามือก่ายหน้าผากแล้วพลิกซ้ายพลิกขวาไปมานอนไม่หลับ หมากนอนดูอยู่ข้างๆ
"คนหรือไก่ย่างเนี่ยทำไมพลิกไปพลิกมา"
"คนสิ...กะต๊ากกะต๊าก" ไททำท่าตีปีก
หมากลุกขึ้นนั่ง
"ยังจะมาตลกอีก ถามจริงพี่เป็นไร"
ไทลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าหมาก
"เครียด"
"เรื่อง"
"หางานไม่ได้"
"งานนี้หาไม่ได้ก็หาใหม่ไม่เห็นจะยาก"
"พูดมันก็ง่ายสิ"
"แล้วจะทำให้มันยากทำไม งานมีเยอะแยะสักวันมันต้องได้ แต่ผมสิพ่อแม่มีแค่คนเดียวเค้าเอาผมมาทิ้งไว้กับหลวงพ่อ ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเอาใครมาแทนก็ไม่ได้"
หมากล้มตัวนอน
"อ้าวดราม่าซะงั้น"
"ถ้าพี่ไม่เลิกเครียด ผมจะเครียดตามพี่แล้วเนี่ย"
"โอ๋ๆ ไม่ต้องเครียดนะ...พี่เลิกเครียดก็ได้"
ไทแกล้งจี้เอวหมาก สองคนหัวเราะเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ
บริเวณระเบียงบ้าน โต้งอ้อนขอให้แม่ลงทุนธุรกิจให้ เผือกอยู่ด้วย
"แม่ฟังไม่ผิดใช่มั้ยเนี่ย"
"ไม่ผิดครับ แม่ลงทุนธุรกิจให้โต้งหน่อย คนจะได้เลิกดูถูกว่าโต้งเลี้ยงตัวเองไม่ได้"
"ก็ช่วยแม่ดูตลาดกับเก็บค่าเช่าบ้านนี่ไง"
"ไม่เอาผมอยากทำธุรกิจของผมเอง"
"แล้วแกอยากทำอะไรละ"
"ไม่รู้ครับยังไม่ได้คิด"
"งั้นไปคิดมา แม่ภูมิใจมากนะที่ลูกจะทำมาหากินซะที พวกปากหอยปากปูจะได้เลิกเมาท์ว่าลูกแม่ไม่เอาไหน"
ชดช้อยจ้องหน้าลูก
"แต่ใครจะว่ายังไงแม่ก็ไม่สนเพราะแม่เลี้ยงลูกได้"
"แต่จริงๆ โต้งว่าโต้งก็ไม่ต้องฟังขี้ปากใครก็ได้นี่ บ้านเรารวยอยู่แล้ว ทำไมโต้งต้องทำงานเหมือนคนพวกนั้นด้วย"
"อ้าวเจริญละถ้าคิดแบบนี้"
"โต้งเปลี่ยนใจ ไม่ทำงานละ ไปเผือกหาอะไรกินที่ตลาด"
เผือกบอก
"ครับผม เป็นชาวเกาะเหมือนเดิมตามสไตล์คนไร้หัวคิด"
"ถูกต้อง"
พูดจบโต้งกับเผือกเดินออกไป
ชดช้อยมองตามส่ายหน้า ก่อนหันมาเห็นกุ๊กไก่กำลังจะขับมอเตอร์ไซค์ออกไปพร้อมปิ่นโต
"จะไปไหนนังกุ๊ก"
"ไปวัดจ้ะแม่"
"ถึงลูกชายจะไม่เอาไหน แต่อย่างน้อยลูกสาวฉันก็รู้จักเอาอาหารไปถวายพระ"
ชดช้อยยิ้มภูมิใจในตัวลูกสาว
บนศาลาวัด ปิ่นโตถูกวางลง กุ๊กไก่ส่งปิ่นโตให้ไท หลวงพ่อกับหลวงพี่นั่งฉันข้าวอยู่มองๆ
กุ๊กไก่แกะปิ่นโตข้างในมีแต่อาหารน่ากิน เธอค่อยๆ เปิดให้หมากกับไทดู
"ปลาเก๋าราดพริก กุ้งผัดบล็อกโคลี่ เขียวหวานลูกชิ้นปลากราย"
มัคนายกถาม
"กลายเป็นอะไรวะ"
หมากบอก
"กลายเป็นอาหาร แฮ่ ลุงแมวก็จะมาตลกอะไรตอนนี้ ดูสิน่ากินทั้งนั้นเลย ถ้าหลวงพ่อกับหลวงพี่ได้ฉันแบบนี้บ้างคงดี ไม่ต้องมานั่งฉันแต่กะหล่ำผัดใส่วิญญาณหมูแบบนี้"
ในบาตรหลวงพ่อมีข้าวกับผัดกระหล่ำไม่มีหมูสักชิ้น หลวงพ่อเศร้าๆ ก่อนหยิบน้ำมาฉันเหมือนอิ่มแล้ว
"ลองกินดูสิจ้ะ ถ้าพี่ไทชอบกุ๊กไก่จะเอามาให้ทุกวันเลย"
ไทผลักปิ่นโตคืน
"พี่รับไม่ได้หรอกเกรงใจ"
แต่หมากอยากกิน
"คนมีน้ำใจเอาของมาให้ไม่รับไว้เสียมารยาทแย่"
"แม่พี่เคยสอนว่าอย่ารับของคนหน้าแปลก"
"แปลกหน้ารึเปล่าจ๊ะ"
"แต่เคยเจอกันตั้งหลายวันแล้วไม่แปลกหน้าแล้วแหละ" หมากดึงปิ่นโตกลับ
"พี่รับไม่ได้จริงๆ เอาคืนไปเถอะพี่ขอร้อง"
"พี่ไทจำเป็นต้องรับแล้วละ"
"ทำไมอ่ะ"
ไทหันไปเห็นหมากกับมัคทายกกำลังกินข้าวในปิ่นโตอยู่ ไทหันมายิ้มแห้งๆให้กุ๊กไก่
ชดช้อยเดินมากับนวล ในมือมีสมุดบัญชีเล่มเล็กอยู่
"เหลือที่ต้องไปเก็บค่าเช่าอีกกี่หลังนวล"
"5 หลังจ้ะคุณนาย"
"นวลแกว่าฉันแก่รึยัง"
"คุณนายก็รู้ว่านวลไม่โกหก"
"งั้นแกก็ไม่ต้องตอบ เบื่อจริงๆ"
ชดช้อยเดินเลยซอยหนึ่งไปแต่หางตาเหมือนเห็นอะไรเลยเดินถอยหลังกลับ หันไปเห็นเฮียเม้งกำลังส่งเงินให้ดาว ดาวยกมือไหว้ เฮียเม้งมองซ้ายขวา
ชดช้อยกับนวลรีบหลบ โผล่หน้าไปอีกทีก็ไม่เจอเฮียเม้งกับดาวแล้ว
"ไอ้เม้งมันต้องทำอะไรชั่วๆ อีกแน่เลย"
"เค้าอาจจะแค่ฝากกันซื้อของก็ได้ค่ะคุณนาย"
"อย่ามาโลกสวยแถวนี้ ผู้ชายให้เงินผู้หญิง รายไหนรายนั้นต้องมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง"
"แล้วคนเช่าบ้านผู้ชายที่จ่ายค่าเช่าคุณนายแสดงว่า"
"เป็นสามีฉันทุกคน โว้ย! นังนวล"
"ขา"
"ลามปามนะแก...ฉันจะต้องถามให้รู้เรื่อง"
"คุณนายทำตัวยังกะเป็นเมียเฮียเม้งเลยคะ"
ชดช้อยหันไปดุนวลด้วยสายตา ก่อนหันกลับมาทำหน้ามีแผนร้าย
เหมยกับเจนนี่นั่งกินกาแฟอยู่ในร้าน
"กาแฟ"
อิ่มถาม
"เอากี่แก้ว"
"กาแฟ"
"ก็ถามว่าเอากี่แก้ว"
"ฉันเรียกหมวดกาแฟจ้ะยาย"
หมวดกาแฟเดินเข้ามาหาเหมย
"นั่งด้วยกันสิ"
"เหมือนเมื่อวานจ้ะยาย"
อิ่มบอก
"เหมือนเมื่อวานก็ไปกินเมื่อวานสิ"
"ให้เกียรติชุดผมด้วยยาย"
"ล้อเล่น"
"วันนี้กาแฟออกเวรกี่โมงอ่ะ"
"เสียงอ่อนเสียงหวานจะให้พาเข้ากรุงเทพฯละสิ"
"แสนรู้จริงๆ ขอมือหน่อย"
กาแฟชูสองแขนเหมือนหมา
"เดี๋ยวบ่ายโมงไปรับที่บ้าน"
เหมยยิ้มๆ ให้กาแฟ
"หมวดเนี่ยยิ่งมองยิ่งหล่อ" เจนนี่บอก
"ใครๆ ก็พูดแบบนั้นครับ"
"จะไม่ถ่อมตัวหน่อยเหรอคะ"
"ของมันชัดขนาดนี้หลอกกันไม่ได้หรอกครับ"
"แต่เจนนี่ว่าตอนนี้มีคนหล่อกว่าหมวดแล้วนะคะ"
"ใครครับ"
กาแฟมองเห็นไทกับหมากและกุ๊กไก่เดินเข้ามาด้วยกัน
เฮียเม้งกับดาวเดินเข้าไปในร้านตัดผม เฮียเม้งเปิดประตูให้ ชดช้อยกับนวลโผล่หน้ามาแอบมองเฮียเม้ง
"ไม่อยากจะเชื่อว่าร้านนังริซซี่จะเปิดร้านบังหน้า"
"หมายความว่าไงคะ" นวลถาม
"หน้าฉากเป็นร้านเสริมสวย ข้างหลังเป็นสถานบริการ"
"นวลว่าคุณนายมโนเกินไปคะ คุณนายทำผมมาตั้งกี่ปี ถ้าเค้าเปิดร้านบังหน้าคุณนายจะไม่รู้เลยเหรอ"
"ฉันอาจจะไว้ใจจนไม่ทันได้สังเกต"
"งั้นเราเข้าไปดูกันเลยมั้ยคะ" นวลบอก
"ใช่ฉันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา"
ชดช้อยเดินนำนวลไป
"เคยได้ยินแต่เบาหวานขึ้นตา แต่อันนี้หึงขึ้นตา"
ภายในร้านกาแฟ กุ๊กไก่ ไท และ หมากนั่งอยู่ข้างๆ เหมยกับกาแฟ เหมยมองอย่างไม่ชอบใจ เจนนี่ก็ไม่พอใจเพราะชอบไทเหมือนกัน หมากกินน้ำไปแล้วสามแก้วและกำลังดูดแก้วที่สี่หมดเกลี้ยง
"สั่งใส่กระติกไปกินที่บ้านเลยมั้ยละหมาก"
หมากยิ้ม
"ยายอิ่มขอชาเย็นใส่กระติก 2 ชาเขียวนมอีก 2"
"ฉันประชด พี่ไทกินอะไรอีกมั้ยจ้ะ" กุ๊กไก่ถาม
"พอแล้วจ้ะ งั้นพี่ไปนะเดี๋ยวสาย"
"โชคดีนะพี่ไท" หมากบอก
"ขอบใจมาก"
"ขอกุ๊กไก่ไปให้กำลังใจพี่ไทสมัครงานได้มั้ย"
เหมยเบะปากไม่ชอบ
"อย่าเลยมันไม่สะดวก"
"แต่กุ๊กไก่อยากไป"
เจนนี่หมั่นไส้
"ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ผู้ชายเค้าปฏิเสธแบบสุภาพยังไม่รู้ตัวอีก"
"อะไรพี่เจน หย่อนยาน"
"นังกุ๊กไก่ ไร้สมอง ทนดูอยู่นานแล้วมีที่ไหนผู้หญิงจีบผู้ชายก่อน"
"จีบก่อนแล้วทำไม ถ้ามั่วแต่นั่งรอเค้ามาจีบมีหวังได้ขึ้นคานเหมือนคนแถวนี้สิ"
"นี่แกว่าน้องเหมยเหรอ"
เหมยสะดุ้ง
"ใครยังไม่มีแฟนฉันก็ว่าหมดแหละ"
"ใจเย็นๆ นะครับ" กาแฟบอก
"เย็นไม่ไหวแล้วโว้ย"
เจนนี่ถลาเข้าหาเจนนี่แล้วกอดฟัดกันนัว กาแฟพยายามห้ามแต่ก็โดนลูกหลงไปด้วย ทุกคนส่ายหน้าเซ็งๆ
ชดช้อยทำปากบิดปากเบี้ยวด้วยความโมโห เมื่อได้ยินเสียงของเม้งกับดาวดังลอดออกมา
"ตรงนี้นะคะ"
"ตรงนั้นแหละ ตรงนั้นแหละ โอ้ย"
"แรงพอมั้ยคะ"
"ดีมาก"
หลวงพ่อ หลวงพี่ และ มัคนายกเดินผ่านมาที่ร้านเสริมสวยพอดี
"มีอะไรกันแม่ชดช้อย" มัคนายกถาม
"น้าแมวมาฟังเอาเองเถอะ"
แมวเดินเอาหูมาแนบประตูร้าน
"เจ็บหน่อยนะคะ เสร็จแล้วจะได้สบาย"
"โอ้ย"
มัคนายกตกใจ
"ไม่ไหวแล้วโว้ย"
ชดช้อยเปิดประตูอย่างแรง
ดาวกำลังนวดให้เม้งบนเก้าอี้ เฮียเม้งตกใจ
"มีอะไรกันอ่ะ"
"พวกแกทำอะไรกันอย่าคิดว่าฉันไม่รู้"
"ทำอะไร"
ชดช้อยมองเห็นดาวนวดเม้งอยู่ก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด
ริซซี่บอก
"คือเฮียเม้งเค้าพาหมอนวดประจำตัวมาสอนริซซี่นวด เพราะน้องเค้าจะลาออกไปอยู่ต่างจังหวัด"
"แล้วเธอตามมาทำไม หลวงพ่อกับหลวงพี่ก็มาด้วย"
"ก็คุณนายนิสิคะคิดว่าเฮียกับน้องคนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่" นวลบอก
"ก็น่าสงสัยอยู่หรอกร้องซะขนาดนี้" มัคนายกบอก
"นี่คุณนายคงคิดว่าเฮียเม้งกำลังทำอะไรไม่ดีอยู่ก็เลยจะมาจับผิดว่างั้น" หลวงพ่อว่า
"เปล่าซะหน่อย"
"หลวงพ่อว่าโยมทั้งสองคนลองลดทิฐิแล้วคุยถึงปัญหากันดูมั้ย ไอ้ความหลังที่ถืออยู่น่ะ มันเป็นชนวนความขัดแย้ง ปล่อยวางซะบ้างชีวิตจะได้เป็นสุข"
"หนูสุขอยู่แล้ว"
"ความหลังอะไรผมไม่จำหรอกครับ ผมอยู่กับปัจจุบัน" เม้งบอก
"แต่เท่าที่ดูโยมสองคนเหมือนมีซัมติงบางอย่างกันอยู่" หลวงพี่บอก
"อะไรปิ้งๆ ไม่กินหรอกหลวงพี่"
"ซัมติง หลวงพี่ท่านบอกว่าโยมสองคนมีอะไรติดค้างในใจที่ยังไม่ยอมให้อภัยกันอยู่ยังไงละ อภัยให้กันเถอะ" หลวงพ่อบอก
"ไม่ค่ะ"
ชดช้อยเดินออกไป หลวงพ่อมองตามอย่างไม่สบายใจ
หลวงพ่อเดินนำหลวงพี่ ไท และ หมากเดินตาม
"หวังว่าที่หลวงพ่อเทศน์ให้นังชดช้อยกับเฮียเม้งฟังแล้วเค้าจะคิดได้"
หลวงพ่อยิ้มๆ
"ถ้าจะให้เค้าคิดได้วันสองวันก็คงยาก เค้ายังยึดมั่นถือมั่น ว่าสิ่งที่มี สิ่งที่เห็นเป็นของเค้า จะเสียไปก็พยายามรักษามันไว้ เสียไปก็อยากได้คืน คิดว่ามันเป็นของตน แต่จริงๆ แล้วสุดท้ายแม้แต่ร่างการของเราก็เอาไปเองไม่ได้"
หลวงพี่คิดตามที่หลวงพ่อพูดนึกถึงที่ตัวเองพยายามทำเพื่อลูกโดยการบวช
"แล้วนี่เราจะไปไหนกันครับหลวงพ่อ"
"อ้าวก็มีกิจนิมนต์ที่หมู่ธารน้ำนี่ขี้ลืมนะเรา" หลวงพ่อบอก
"พรุ่งนี้นี่ครับหลวงพ่อ"
"พูดเป็นเล่น"
"เดี๋ยวดูในไอแพดผมบันทึกไว้ ... พรุ่งนี้ครับคอนเฟิร์ม"
"แล้วจะเดินต่อทำไมละกลับสิ"
"แล้วก็ไม่บอกแต่แรกว่าจะไปไหน" มัคนายกบอก
"เดี๋ยวนี้อะไรนิดหน่อยก็จดลงแท็บเล็ต เกิดหายไปไม่แย่เหรอ คอมพิวเตอร์หรือจะสู้สมองคน"
" หลวงพ่อต้องลองปล่อยวางความเชื่อเดิมๆ แล้วลองเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ บ้างก็ได้นะครับ เผื่อจะได้ประโยชน์อะไรจากมัน"
"กลัวจะให้โทษมากกว่าให้คุณน่ะสิท่าน"
ทั้งหมดหมุนตัวกลับอย่างเร็ว ทั้งสามคนเดินอยู่บนถนนที่ทอดยาวสุดสายตา
อ่านต่อตอนที่ 3