ลมซ่อนรัก ตอนที่ 13
บรรยากาศในห้องประชุมกำลังเต็มไปด้วยความอื้ออึง พวกกรรมการกำลังคุยกันเป็นกลุ่มๆ ชมนาดเดินเข้ามา ศิลากับสุพจน์รีบเข้าไปคาดคั้น
“คุณให้คนไปพาตัวคุณปราณมาทำไม เราตกลงแล้วว่าจะให้เวลาเขา7วันในการหาหลักฐาน..ทำอย่างนี้กับเขามันไม่ถูกต้อง” ศิลาว่า
“ดิฉันทราบค่ะ แต่ถ้าทุกท่านได้ทราบสิ่งที่เขาทำกับจีแอลเอส ท่านจะเห็นเข้าใจเหมือนดิฉัน” ชมนาดบอก
“เรื่องอะไร” สุพจน์ถาม
ปราณถูกคนของจีแอลเอสประกบซ้ายขวาจับแขนช่วงข้อศอกเอาไว้เพื่อควบคุมตัวให้เข้ามา เขาพาไปนั่งประจำที่โต๊ะสอบสวน
“คุณปราณ ปุณณเวช ที่ทุกท่านเห็นอยู่คนนี้ จริงๆแล้วคือ คุณหมอปราณนต์ น้องชายฝาแฝดของคุณปราณค่ะ”
พวกกรรมการทุกคนฮือฮาและงุนงง
ปราณนต์หันขวับไปจ้องชมนาดเพราะรู้ว่าชมนาดรู้ความจริงแล้ว
“ทุกท่านฟังไม่ผิดค่ะ คนๆนี้คือคุณหมอปราณนต์ ที่มาสวมรอยเป็นคุณปราณเพื่อหลอกลวงเราทุกคนค่ะ”
“เป็นความจริงเหรอ หา” ศิลาตกใจ
ปราณนต์ก้มหน้ายอมรับ “ผมอธิบายได้”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ศิลาว่า
“สรุปง่ายๆก็คือสองพี่น้องอาศัยความเป็นฝาแฝดร่วมมือกันทำเรื่องคอรัปชั่นจีแอลเอส โดยมีผู้ร่วมขบวนการอีกสองคนก็คือคุณอัณณา คู่หมั้นคุณปราณ และคุณภัทริน ภรรยาคุณปราณนต์ค่ะ” ชมนาดบอก
“ชมนาด คุณต้องการอะไร” ปราณนต์ถาม
“ดิฉันทำเพื่อจีแอลเอส เพื่อระบบสาธารณสุขที่ดีของคนในชาติค่ะ ตอนนี้ดิฉันยังตามตัวคุณปราณกับคู่หมั้นของเขาไม่ได้ แต่คุณภัทรินอยู่ในความดูแลของผู้ช่วยดิฉันเรียบร้อยแล้ว”
“หมายความว่ายังไง”
“ภัทรินกำลังถูกพามาที่นี่ค่ะ”
ปราณนต์อึ้ง
ภัทรินที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่ก็แฝงความรู้สึกหวั่นกลัวจนต้องพยายามข่มมันเอาไว้ เพราะลึกๆ เธอรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังจะหักหลังธนาฒน์ด้วยการหลอกให้เขาพูดออกมา
สักพัก ธนาฒน์ก็เดินเข้ามา
“อย่าคิดมากน่ะภัท คนอย่างพวกมันต้องเจอทรยศอย่างนี้แหละ ถึงจะสาสมกับสิ่งที่พวกมันทำ”
ภัทรินหันกลับมาโดยเน้นพูดธุระให้จบๆ “ชั้นทำในสิ่งที่บอกว่าจะทำแล้ว หวังว่าคุณกับชมนาดจะช่วยเคลียร์คดีความให้ชั้นด้วย ชั้นอยากกลับไปอยู่กับแม่ที่ดอยผาหมอก”
“คุณชมนาดจะเคลียร์ประวัติภัทให้กลับมาใสสะอาดแน่นอน”
“ขอบใจ”
ภัทรินจะเดินแยกออกไปเลย แต่ธนาฒน์ห้ามไว้ก่อน
“คุณจะไปไหน”
“ชั้นไม่อยากอยู่กรุงเทพอีกสักวินาทีเดียว ชั้นจะกลับดอยผาหมอกวันนี้..หวังว่าจะไม่ต้องเจอกันอีก”
“ผมไปส่ง”
ภัทรินชะงัก
“ไหนๆก็จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้ว ก็ให้ผมไปส่งคุณเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ” ธนาฒน์บอก
ชมนาดกำลังสรุปเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับพวกกรรมการฟัง
“เรื่องมันเริ่มตั้งแต่คุณปราณใช้ภัทรินให้ทุจริตเงิน17ล้าน แต่โชคร้ายถูกจับได้ คุณปราณเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้ภัทรินรับเคราะห์ไปคนเดียว แต่เขาก็แอบไปทำข้อตกลงลับหลังกัน จนภัทรินมาแต่งงานกับหมอปราณนต์ แล้วก็กลับมาทำงานในจีแอลเอสอีกครั้ง เขาทำเป็นอ้างว่าจะให้ภัทรินมาช่วยหาหลักฐานการโกง แต่จริงๆแล้วจะใช้ความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุทางบัญชีของภัทรินมาช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาคอรัปชั่นได้อีก แต่คนทำผิด สักวันย่อมมีคนรู้ นี่ค่ะ เอกสารพวกนี้ ดิฉันได้มาจากอีเมลของคุณปราณ”
ชมนาดโชว์เอกสารและส่งต่อให้ทุกๆคน ส่งต่อกันไป
“มันคือรายละเอียดทางบัญชี มีการระบุวัน เวลา เส้นทางการเข้าออกของเงินสินบนทั้งหมด” ชมนาดว่า
“คุณแต่งนิทานเก่งนะชมนาด ควรไปเป็นครูสอนเด็กอนุบาลนะ” ปราณนต์กัด
“แต่สิ่งที่ดิฉันกังวลมาก ไม่ใช่เรื่องนี้ค่ะ” ชมนาดบอก
“อะไรอีก มีอะไรที่คุณอยากจะใส่ความผมอีก”
“เรื่องที่คุณสั่งอุ้มคุณสินธรไงคะ”
ปราณนต์อึ้ง ช็อก และตกตะลึง
“สั่งอุ้มเหรอ หมายความว่าไง” สุพจน์ไม่เข้าใจ
“ดิฉันมีอะไรจะให้ฟังค่ะ”
ชมนาดหยิบมือถือตัวเองมากดเปิดคลิปแล้วเอาไปจ่อกับไมโครโฟนในห้อง เสียงที่ดังขึ้นเป็นเสียงปราณนต์คุยโทรศัพท์กับใครบางคน
เสียงปราณนต์ดังขึ้น “จีแอลเอสเป็นของผม ไม่ใช่ของอาสินธร จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้เขาโผล่หน้ามาให้ผมเห็นได้อีก”
ชมนาดกดหยุดเสียง พวกกรรมการพากันตะลึงเพราะคลิปเสียงฟังดูชัดเจนมาก
“เลวที่สุด” ปราณนต์โกรธจัด
ปราณนต์จะพุ่งเข้าหาชมนาด แต่คนของจีแอลเอสประกบและล็อกตัวดันไปชิดกำแพงอย่างรวดเร็ว
“ไอ้คนที่ทำเป็นขบวนการคือคุณมากกว่าชมนาด คุณสร้างเอกสารเท็จ แล้วยังตัดต่อคลิปมาใส่ร้ายผมอีก”
ปราณนต์ถูกจับกดเอาไว้ ชมนาดยิ้มร้ายกาจ
ภัทรินนั่งมาในรถกับธนาฒน์โดยผ่านจุดที่เห็นป้ายบอกทางเขียนว่าไปสนามบิน รถของธนาฒน์กลับไม่เลี้ยวไปทางสนามบินแต่ขับผ่านไปเฉยๆ
“สนามบินต้องเลี้ยว” ภัทรินบอก
ธนาฒน์มีท่าทางสบายๆ เพราะไม่ได้กะพาไปสนามบิน “ผมรู้”
“คุณจะพาชั้นไปที่ไหน”
“จีแอลเอส”
“ชั้นไม่อยากกลับไป ถ้าจะไม่ไปส่งก็จอด”
“ไม่ต้องรีบ ไฟลท์ไปเชียงใหม่มีทุกชั่วโมง แวะไปจีแอลเอสก่อนเถอะ ไม่อยากเห็นสภาพหมอปราณนต์กับตาตัวเองเหรอ”
ภัทรินฮึดฮัดขัดใจ ธนาฒน์ยิ้มกระหยิ่ม
ปราณนต์ที่ถูกจับกดเอาไว้หมดแรงดิ้น เขาได้แต่เจ็บปวดคับแค้นใจ
“คุณมันเลวที่สุด ชมนาด”
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงคุณปราณ ไม่ คุณหมอปราณนต์ คุณเป็นหมอ ทำไมถึงมีจิตใจโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้” ศิลาว่า
“คดีนี้จะไม่มีการยอมความ จะต้องเอาให้ถึงที่สุด” สุพจน์บอก
“เอาเป็นว่า ดิฉันจะรวบรวมหลักฐานทุกอย่างส่งให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีต่อไปแล้วกันนะคะ ส่วนจะเป็นหลักฐานจริงหรือเท็จ ก็ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่แล้วกันค่ะ” ชมนาดบอก
อยู่ๆประตูห้องก็เปิดออก ปราณกับอัณณาเดินเข้ามา
“คุณเลิกใส่ร้ายครอบครัวของเราซะทีชมนาด” ปราณว่า
ชมนาดอึ้ง ทุกคนอึ้งไปหมด
“คุณปราณ
ภัทรินนั่งเกร็งอยู่ในรถ เธอหันมาจ้องธนาฒน์อย่างจริงจัง
“คุณกำลังหักหลังชั้นอยู่หรือเปล่า” ภัทรินถาม
“หือ ทำไมคิดอย่างนั้น” ธนาฒน์ย้อนถาม
“แล้วมันใช่มั้ยล่ะ คุณไม่ได้คิดจะช่วยชั้นแต่แรกใช่มั้ย” ภัทรินขอร้อง “คุณทำลายชีวิตชั้นไปรอบนึงแล้ว นี่ชั้นขอแค่ได้กลับบ้าน แค่นี้เองนะ ให้ชั้นไม่ได้เหรอ สงสารชั้นไม่ได้เลยเหรอธนาฒน์”
“ภัท ผมไม่หักหลังคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกหรอกน่า”
“จริงเหรอ”
ธนาฒน์ทำเป็นยิ้มจริงใจ “จริงสิ”
ภัทรินใจชื้นขึ้น ธนาฒน์แอบชักสีหน้า
คนของจีแอลเอสขยับมาประกบปราณและอัณณาทันที
“ไม่ต้อง ชั้นไม่หนีอยู่แล้ว คนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรจะต้องกลัว คนบางคนต่างหากที่ต้องกลัว”
“คุณหมายถึงดิฉันเหรอคะ คุณปราณ ปุณณเวช” ชมนาดถาม
“ใช่ ผมคือปราณ ปุณณเวช”
“เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่าเขาสองคนสลับตัวหลอกพวกเรามาตลอด”
“ผมสลับตัวเพราะว่ามีคนวางแผนฆ่าผมต่างหากครับและคนที่วางแผนก็คือ คุณกับอาสินธร”
ชมนาดหัวเราะหึๆ แบบมองเห็นว่าเป็นเรื่องตลกไร้สาระมาก “หึๆๆ เหรอคะ นี่คุณกำลังจะบลัฟดิฉันกลับด้วยการกล่าวหาดิฉันวางแผนฆ่าคุณงั้นเหรอคะ”
“ใช่ครับ แต่น่าเสียดายที่คนของคุณทำงานพลาด กระสุนเลยแค่เฉี่ยวปลายสมองของผมไป ไม่ถึงตาย..ผมก็เลยต้องขอร้องให้น้องชายของผมมาสวมบทบาทแทนผม เพราะผมไม่อยากให้คนร้ายอย่างคุณได้ใจ และได้ในสิ่งที่พวกคุณอยากได้”
“หึๆๆ เหรอคะ” ชมนาดประชด “คำกล่าวหาลอยๆของคุณ น่าเชื่อถือมาก และคงจะมีน้ำหนักในชั้นศาลที่สุดเลยค่ะ”
ชมนาดขำ
อยู่ๆ เสียงสินธรก็ดังเข้ามา
“แล้วถ้าเป็นคำพูดของผมล่ะ”
ทุกคนหันไปมองก็พบว่าสินธรยืนอยู่
ชมนาดอึ้ง ช็อก และหัวเราะไม่ออก
“คุณสินธร”
ทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
“ถ้าผมบอกว่าผมและคุณร่วมมือกันจ้างวานฆ่าปราณและพี่พสุวัฒน์จริง จะมีน้ำหนักพอที่คนแถวนี้เชื่อผมหรือเปล่า”
ชมนาดอึ้งที่สินธรกลับมายอมรับความจริง เธอหน้าซีด
รถของธนาฒน์มาจอดลานจอดด้านหน้าตึกจีแอลเอส ภัทรินยังนั่งนิ่งและเอามือซุกไว้ในกระเป๋า
“ลงเถอะ”
“เดี๋ยว ธนาฒน์ ไหนๆคุณก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว บอกชั้นทีได้มั้ย ที่คุณมาจีบชั้น เพราะคุณแค่จะหลอกใช้ชั้นเป็นเครื่องมือทุจริต คุณไม่ได้รักชั้นเลยใช่มั้ย”
“ผมไม่อยากพูดเรื่องเก่า” ธนาฒน์บอก
ธนาฒน์ลงจากรถไปก่อน เขาเห็นภัทรินยังนิ่งเลยเดินอ้อมมาเปิดประตูให้
“ลงมา”
ภัทรินก้าวลงจากรถมาช้าๆ อย่างหวั่นใจ
“เดี๋ยว”
ธนาฒน์ชักรำคาญ “อะไรอีก”
ภัทรินหวั่นใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าชั้นทำลายไฟล์หลักฐานที่คุณปราณมีไปแล้ว”
“ใช่ คุณถึงจะได้กลับบ้านคุณนี่ไง”
“ชั้นมีก๊อปไว้อีกชุดนึง”
ธนาฒน์ผงะจนช็อกไป
สินธรเดินเข้าไปหาชมนาดอย่างท้าทาย ไม่กลัวเกรงอะไรอีกแล้ว
“คุณสินธร คุณกำลังถูกพวกเขาหลอก” ชมนาดว่า
สินธรไม่เชื่อใจ “เหรอ”
ชมนาดรู้ว่าถ้าสินธรพูดออกมาทุกอย่างตนเองจะเป็นฝ่ายแย่ เธอพยายามส่งสายตาให้สินธรเห็นใจและกลับมาเข้าพวกกับตนอีกครั้ง
ชมนาดร้องห้าม “คุณสินธร คุณอย่าไปหลงกลพวกเขา นี่มันเป็นแผนที่พวกเขาสร้างขึ้นมาหลอกคุณ..ชมคือคนที่พยายามจะช่วยคุณนะคะ คุณต้องไว้ใจคุณ ชมคนเดียวที่จะช่วยคุณได้”
สินธรอารมณ์ขึ้นปรี๊ดจึงพุ่งเข้าไปบีบหน้าชมนาด “แล้วไอ้หน้าไหนที่มันสั่งให้คนเอาชั้นไปยิงทิ้งในป่า! หา”
คนของจีแอลเอสต้องเข้าไปห้ามแล้วกระชากตัวสินธรออก
“อย่าใช้กำลังครับ มีอะไรอยากพูดให้พูดออกมา เราทุกคนกำลังรอฟัง”
“ผมพูดแน่” สินธรบอก
ระหว่างนั้นอยู่ๆอัณณาก็รู้สึกว่าโทรศัพท์สั่นจึงหยิบขึ้นมาดู เธอกดรับสายแล้วเอาแนบหู
“ฮัลโหลคะ” ไม่มีคนพูด แต่อัณณาได้ยินเสียงธนาฒน์กับภัทรินจากปลายสายเลยตั้งใจฟัง
ธนาฒน์พุ่งเข้ามาจับแขนภัทรินด้วยสองมือแล้วเขย่าพร้อมกับถาม
“คุณพูดจริงเหรอ ภัทริน คุณก๊อปปี้เอาไว้จริงๆเหรอ”
“จริง”
ธนาฒน์ช็อก ภัทรินผลักออกแล้วรีบเดินหนี
สินธรกำลังไล่เบี้ยชมนาดต่อ
“สิ่งหนึ่งที่ชั้นเรียนรู้ เมื่อไหร่ที่เริ่มตนหักหลังคนอื่น ชีวิตเราจะไม่มีวันอยู่เป็นสุขอีกเลย..เมื่อเริ่มต้นด้วยการหักหลัง มันก็ต้องจบด้วยการถูกหักหลัง”
“คุณสินธร”
“ผมกับชมนาดวางแผนฆ่าพี่พสุวัฒนและปราณด้วยกัน” สินธรเอ่ยออกมา
ชมนาดช็อกที่สินธรพูดความจริงออกมา
ชมนาดรับไม่ได้ “ไม่จริง”
“ผมเป็นคนคิด แล้วให้ชมนาดจัดหามือปืน เรามีผลประโยชน์ร่วมกัน ถ้าผมได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารจีแอลเอส ผมก็จะให้ชมนาดขึ้นมาช่วยงานผมด้วย”
“คุณหยุดพูดนะ หยุดพูด”
ชมนาดถูกคนของจีแอลเอสกันตัวเอาไว้เพื่อไม่ให้พุ่งเข้าไปถึงตัวสินธร
สินธรพูดต่อ “ถ้าพวกคุณต้องการหลักฐาน ผมจะพาพวกคุณไปที่บ้านผม ไปเอามันด้วยกัน พวกคุณจะได้เห็นว่าผมไม่ได้สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาอีก อ้อ ไอ้เอกสารที่พวกคุณถือ ของปลอม ผมสร้างมันมาใส่ร้ายปราณเอง”
“ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณชมนาดมีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่าครับ” ปราณถาม
“พวกคุณร่วมมือกัน พวกคุณเป็นญาติกัน คงจะตกลงผลประโยชน์กันอย่างลงตัวแล้วก็เลยมารุมใส่ร้ายชั้น ให้ชั้นเป็นแพะรับบาปของพวกคุณ”
อยู่ๆ เสียงธนาฒน์ก็ดังลอยเข้ามาโดยเป็นเสียงการคุยระหว่างธนาฒน์กับภัทริน
เสียงธนาฒน์ดังก่อน “คุณอยากลองดีกับผมเหรอภัทริน หา”
เสียงภัทรินดังตามมา “ชั้นก๊อปปี้ไว้ เพราะชั้นต้องการหลักประกันว่าพวกคุณจะไม่หักหลังชั้น”
ทุกคนงงแล้วก็มองหาต้นเสียง อัณณาเอามือถือของตัวเองกดสปีกเกอร์แล้วจ่อกับไมค์โครโฟนของห้องประชุม อัณณาทำท่าบอกให้ทุกคนฟัง
“เสียงภัทริน” ปราณนต์บอก
“กับธนาฒน์” ปราณเสริม
ชมนาดผงะแล้วจะผวาเข้าไปห้ามอัณณา
“หยุดนะ”
ปราณนต์กับสินธรจับชมนาดเอาไว้ ไม่ให้เข้าไป ทุกคนตั้งใจฟัง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
ธนาฒน์วิ่งตามมากระชากตัวภัทรินเอาไว้ไม่ยอมให้ไป
“ภัทคิดจะหลอกผมเหรอ”
ภัทรินยื่นคำขาด “ถ้าชั้นกลับไปถึงบ้านและไม่มีใครตามมาหาเรื่องชั้นอีก ชั้นจะทำลายหลักฐานทิ้ง”
“ผมไม่โง่ให้หลักฐานที่มันทำลายชีวิตผมได้หลุดไปหรอก มันอยู่ไหน”
“หลักฐานนี้เกี่ยวกับคุณสินธรกับคุณชมนาด ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว หลักฐานที่ทำลายคุณชมนาดได้ มันก็ทำลายชั้นได้เหมือนกัน ผมไม่ให้มันหลุดไปเด็ดขาด”
พวกกรรมการในห้องประชุมได้รู้ความจริงเรื่องธนาฒน์เป็นคนโกงเงิน17ล้านบาท
ภัทรินทำหงอคล้ายจะยอม “ถ้าชั้นให้คุณแล้วชั้นจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะรักษาสัญญา คุณกล้าสาบานมั้ยล่ะ”
“อย่าลีลากับผมนะภัท”
“ถ้าคุณไม่สาบาน ชั้นจะวิ่งเข้าไปในตึกแล้วตะโกนบอกความจริงกับทุกคนเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณสินธรรู้ คุณเสร็จเขาแน่”
“ไอ้สินธรเหรอ ฮะๆๆ ป่านนี้มันขึ้นสวรรค์ไปแล้วมั้ง”
“ทำไม”
“หึๆ อีกวันสองวันก็รอดูข่าวแล้วกัน ว่าจะมีคนพบศพเขาที่ไหน”
ธนาฒน์หัวเราะสะใจ แต่หารู้ไม่ว่าภัทรินก็แอบกระหยิ่มอยู่ในใจเช่นกัน
ชมนาดได้ยินธนาฒน์พูดออกมาหมดทุกเรื่องได้แต่แหกปากร้องโวยวาย
ชมนาดกรีดร้อง “ไอ้ธนาฒน์ ไอ้โง่”
“หลักฐานรอบด้านขนาดนี้แล้ว ไม่ทราบว่าคุณชมนาดยังมีนิทานอะไรจะมาเล่าให้พวกเราฟังอีกมั้ยครับ”
ชมนาดผลักคนที่จับตัวอย่างแรงจนล้มคว่ำไปแล้วตัดสินใจวิ่งหนีออกจากห้องประชุมทันที
สินธรตะโกนบอก “ตามไปสิ ตามไป”
คนของจีแอลเอสรีบตามไป
“ภัท พี่ปราณ ผมต้องไปหาภัทก่อน” ปราณนต์บอก
“เออ รีบไป” ปราณบอกน้องชาย
ชมนาดวิ่งออกมาด้านนอกโดยกดโทรศัพท์ไปด้วย เธอกำลังจะวิ่งออกไปนอกตึกแต่ยามวิ่งมาดักที่ทางออกหลัก พวกยามวอถึงกันหมด ชมนาดถอยไปอีกทาง
ชมนาดรอสาย “รับสิ รับสิ” ทันใดนั้นก็มีคนรับสาย “ไอ้ธนาฒน์ ไอ้โง่ แกถูกภัทรินหลอก ทุกคนรู้ความจริงหมดแล้วว่าแกกับชั้นร่วมมือกัน”
ธนาฒน์ตกใจ “อะไรนะ”
ชมนาดไม่ทันพูดต่อ พวกยามวิ่งมาเห็นพอดี ชมนาดจึงต้องรีบวิ่งหนีไปอีกทาง
ธนาฒน์วางสายแล้วหันมาจ้องภัทรินด้วยสายตาเย็นชา ภัทรินชักกลัวจึงถอยๆ แล้วตัดสินใจจะวิ่งหนี แต่ธนาฒน์โผเข้าตะครุบตัวเธอเอาไว้ ภัทรินดิ้นและยื้อยุดจนภัทรินล้มไป โทรศัพท์มือถือของภัทรินหล่นออกมาจากกระเป๋าของภัทริน
หน้าจอโทรศัพท์แสดงว่ากำลังโทรคุยกับอัณณาอยู่
ธนาฒน์แค้นมาก “ภัทหลอกให้ผมพูด ทำไมถึงทำอย่างนี้..ทำไม”
ภัทรินจะหนี แต่ธนาฒน์เข้ามาคว้าตัวแล้วลากกลับไปที่รถ
ทันใดนั้นปราณนต์ก็วิ่งออกมาจากตึกจีแอลเอสเช่นกัน เขาเห็นภัทรินและธนาฒน์ยื้อยุดกันอยู่จึงรีบวิ่งเข้ามา
“ภัท!”
ธนาฒน์พยายามจะผลักภัทรินขึ้นรถแต่ภัทรินไม่ยอมขึ้น เธอกระแทกประตูรถใส่ธนาฒน์ แล้วจะหนี ธนาฒน์กระชากคอเสื้อภัทรินไว้เพื่อไม่ให้ไป แต่อยู่ๆ ปราณนต์ก็เข้ามาถึงแล้วชกธนาฒน์จนกระเด็น ธนาฒน์ตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้าชกปราณนต์ทันที
ชมนาดวิ่งหนีมาอีกด้านของตึกแต่เธอก็ต้องผงะ เพราะปราณกับอัณณาโผล่มาขวาง ชมนาดผงะแล้วถอยหนีไปอีกด้าน แต่ก็มีคนของจีแอลเอสไล่ต้อนมา ชมนาดไม่มีทางไปจึงวิ่งกลับเข้าไปในตึก ทุกคนไล่ตามไป ชมนาดวิ่งหนีไปตามทางภายในตึกโดยผลักทุกคนที่เกะกะขวางทางออกไป ชมนาดหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต
ชมนาดหนีลนลานเข้ามาในแผนกๆหนึ่งในออฟฟิศแล้วถอยหาทางหนี แต่ก็ไม่มีทางออก สักพัก ปราณ อัณณา สินธร และคนอื่นๆ ก็ทยอยตามกันเข้ามา
“คุณหนีไม่รอดหรอกคุณชมนาด” ปราณบอก
“ไม่รอดงั้นเหรอ”
ชมนาดตัดสินใจวิ่งไปที่ผนังกระจกแล้วยกเก้าอี้ขึ้นทุ่มผนังกระจกจนแตกเพล้ง ชมนาดไปยืนทำท่าจะกระโดด
“อย่าเข้ามา ชั้นจะไม่ยอมติดคุก”
“อย่าทำอะไรโง่ๆนะชมนาด”
“ชั้นโง่ตั้งแต่ร่วมมือกับคุณแล้ว จะทำเรื่องโง่ๆอีกสักเรื่องจะเป็นไร”
“คุณอย่าเพิ่งคิดไปเอง มันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้” อัณณาบอก
“คุณใจเย็นๆก่อน แล้วเรามาคุยกันดีๆเถอะ”
“สิ่งที่ชั้นทำ ยอมความไม่ได้ ยังไงก็ต้องติดคุก ชั้นจะไม่ยอมให้ตัวเองมีสภาพอย่างนั้น ชั้นจะไม่ยอมให้พวกคุณหัวเราะเยาะ ไม่เป็นเบี้ยล่างให้พวกคุณกดขี่อีกแล้ว ถ้าที่นี่ไม่มีที่ให้ชั้นยืน ชั้นก็ไม่อยู่”
ปราณรีบห้าม “ผมจะไม่เอาผิดคุณ คุณชมนาด ผมจะไม่เอาผิดคุณในทุกเรื่อง และจะให้โอกาสคุณเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ผมสัญญา”
ชมนาดยิ้มเยาะ “หึ เก็บคำสัญญาไปให้อาของคุณเถอะ”
ชมนาดหันกลับไปแล้วทำท่าจะจะกระโดดลงไป แต่อยู่ๆ คนของจีแอลเอสอีกสองคนก็พุ่งเข้าไปถึงตัวชมนาดได้แล้วตะครุบก่อนจะดึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด ปล่อยชั้น”
ชมนาดถูกจับดึงออกมาแล้วล็อกเอาไว้แน่นทำให้เธอดิ้นไม่หลุด
ชมนาดดิ้นอย่างคลั่งสักพักก็สิ้นฤทธิ์
ธนาฒน์กระเด็นหงายไป ปราณนต์ตามมาคร่อมร่างแล้วชก ธนาฒน์จับหมัดปราณนต์ไว้แล้วเอาหัวโขก ปราณนต์เสียท่า ธนาฒน์พลิกมาได้เปรียบและเป็นฝ่ายเอาคืนปราณนต์ ธนาฒน์ชกไม่ยั้งแล้วลุกขึ้นเตะ ปราณนต์ได้แต่ป้องกันตัว ธนาฒน์เตะไม่เลิก
ธนาฒน์เตะไปพูดไป “เก่งนักใช่มั้ย คิดว่าแน่ใช่มั้ย”
“หยุดนะ” ภัทรินตะโกน
ภัทรินเข้ามาห้ามธนาฒน์โดยพยายามจะกระชากออก แต่ธนาฒน์เหวี่ยงภัทรินจนกระเด็นไป
“อย่ามายุ่ง”
ภัทรินล้มไป ธนาฒน์หันมาเล่นงานปราณนต์ต่อ ทันใดนั้นแจ็คก็วิ่งเข้ามาห้าม
“อย่าทำอะไรคุณหมอณนต์” แจ๊คบอก
“ก็เข้ามาห้ามสิ เข้ามา” ธนาฒน์ท้าทาย
เสียงเดียดังมาจากด้านหลังธนาฒน์ “บอกให้หยุด”
ธนาฒน์หันกลับไป เดียที่ถือกระถางต้นไม้อยู่ก็เอากระถางฟาดหัวธนาฒน์เต็มแรง พลั่ก กระถางแตก ธนาฒน์ลงไปดิ้นแถกๆกับพื้น
เดียรีบทิ้งเศษกระถางที่ยังถือคามืออยู่ แล้วก็ตกใจตัวเอง “ว้าย ผู้หญิงใสๆอย่างชั้นทำอะไรลงไป”
แจ็คกับยามของจีแอลเอสเข้ามารวบตัวธนาฒน์ เดียเข้าไปช่วย ภัทรินเป็นห่วงปราณนต์จึงจะเข้าไปดูอาการ
“หมอ”
อยู่ๆภัทรินก็ชะงักนิ่งแล้วก้าวถอย ปราณนต์มอง
ภัทรินก้าวถอยแล้วหันหลังเดินไป
ปราณนต์ร้องเรียก “ภัทริน เดี๋ยว”
ภัทรินเดินออกมา ปราณนต์ลากสังขารเดินตาม
“ภัท ภัทริน รอผมก่อน” ปราณนต์รีบตามจนสะดุด “โอ้ย!”
ภัทรินใจแข็งเดินหนีออกมา แต่พอได้ยินเสียงปราณนต์ล้มเธอก็ชะงักแล้วหันกลับมามอง ภัทรินเห็นว่าปราณนต์ทรุดคุกเข่าข้างนึงอยู่
“ให้โอกาสผมได้พูดในสิ่งที่อยากพูดหน่อยได้มั้ย”
“เราจบกันแค่นี้เถอะ ชั้นอโหสิกรรมให้คุณ และหวังว่าคุณจะอโหสิกรรมให้ชั้นด้วย ตั้งแต่นี้ไป เราอย่าพบ อย่าเจอ อย่าติดต่อกันอีก ถ้าเจอกันโดยบังเอิญก็ไม่ต้องทัก ไม่ต้องยิ้มให้ ทำเหมือนชั้นไม่มีตัวตน ปล่อยให้มันผ่านๆไป เหมือนสายลม” ภัทรินว่า
“ผมทำไม่ได้ ภัทริน ผมรักคุณ”
ภัทรินอึ้ง
ปราณนต์พูดต่อ “ถึงหลายๆเรื่องผมจะโกหกหลอกลวงคุณ แต่เรื่องที่ผมรักคุณ มันคือความจริงนะภัท”
ภัทรินน้ำตาไหลราวกับจะใจอ่อน
“ชั้นรักคุณ แต่มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ ชั้นไม่ต้องการมีคุณในชีวิตอีก นี่ก็คือความจริงเหมือนกัน”
ปราณนต์อึ้ง
ภัทรินตัดใจ เธอหันหลังแล้วจะก้าวไป
“ภัท”
คำเรียกของปราณนต์ดึงสติภัทรินไว้ได้ชั่ววูบแต่แล้วภัทรินก็ก้าวเดินจากไปอย่างแน่วแน่
ปราณนต์รู้สึกราวกับถูกกระชากหัวใจ ภัทรินเดินจากไปทั้งน้ำตา ปราณนต์ทั้งเศร้าทั้งเจ็บแต่ก็ยอมรับชะตากรรม
ภัทรินนั่งนำ้ตานองอยู่ในรถแท็กซี่ ปราณนต์ยังนั่งอยู่ที่เดิมและท่าเดิม เขารู้สึกคล้ายสมองช็อต เบลอ และหยุดสั่งการไปชั่วครู่ เขานั่งอยู่อย่างนั้นอย่างเจ็บปวดหัวใจ
ภัทรินพูดโทรศัพท์กับแม่ ภัทรินพยายามยิ้มและปั้นเสียงไม่ให้แม่รู้ “ภัทกำลังจะกลับบ้านแล้วค่ะแม่ค่ะ กลับคนเดียว” ภัทรินสะเทือนใจขึ้นมาอีก “ภัท ไม่ได้เป็นอะไร ภัทดีใจที่จะได้กลับบ้าน แม่คะ แม่รักภัทใช่มั้ยคะ” ภัทรินตื๊อให้ตอบ “แม่ตอบภัทก่อนสิ ขอแค่แม่รักภัท ภัทไม่ต้องการใครอีกแล้ว”
ภัทรินวางสายด้วยความเจ็บปวด
ทั้งภัทรินและปราณนต์ต่างก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ภายในห้องประชุมแถลงข่าวโครงการ “กิจที่หนึ่ง” ที่มีผู้เข้าร่วมฟังเป็นแพทย์ แขกผู้ใหญ่ในแวดวง รวมถึงนักข่าวทุกแขนงโดยเป็นโปรเจคสำคัญโปรเจคหนึ่งในวงการแพทย์ ปราณนต์ อัณณา และพสุวัฒน์เข้าร่วมประชุมอยู่ในการประชุมนั้นด้วย พสุวัฒน์พอจะเดินได้แล้วจึงไม่ได้นั่งรถเข็นแต่ยังคงต้องได้รับการดูแลใกล้ชิด ทุกคนมีสีหน้าชื่นชมยินดีกับปราณ ในขณะที่ปราณยืนพูดอยู่หน้าที่ประชุมด้วยหน้าตาสดใสเพราะหายดีจากอาการบาดเจ็บแล้ว
"โครงการ“กิจที่หนึ่ง” เป็นชื่อที่เราได้อัญเชิญมาจากส่วนหนึ่งในพระราชดำรัสของพระราชบิดา ในความที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัว เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์”
หน้าจอสไลด์ขึ้นภาพข้อความที่ปราณพูดแล้วซูมเน้นคำว่า “กิจที่หนึ่ง” ลอยขึ้นมา
ปราณพูดต่อ "คำว่า“กิจที่หนึ่ง”นี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของแพทย์อย่างแท้จริง คือการรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน"
รถฉุกเฉินแล่นมาจอดที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่รีบเข้าไปรอรับคนไข้อย่างรวดเร็วและแข็งขัน ประตูรถเปิดออก หญิงท้องกับสามีที่ดูยากจนมากๆ อยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่รีบนำตัวหญิงท้องใกล้คลอดใส่เปลตามหน้าที่
"คนไข้ท้องแก่ ไม่มีบัตรประชาชน" เจ้าหน้าที่รายงาน
"เรื่องนั้นไว้ทีหลัง รักษาคนไข้ก่อน" หมอบอก
ทุกคนรีบไปช่วยคนไข้โดยไม่สนใจว่าจะเป็นใคร มาจากไหน มีเงินหรือไม่
สามีที่พูดไทยไม่ชัดยกมือไหว้และเข่าทรุด เขาร้องไห้ที่ได้รับความเมตตาอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน "ขอบคุณมากครับหมอ ขอบคุณที่ช่วยเมียกับลูกผม"
หมอรีบไปประคอง "ไม่เป็นไรครับๆ ไปช่วยเป็นกำลังใจให้แฟนคุณ"
ทุกคนรีบเดินไป
ปราณนต์กระซิบอัณณาที่นั่งอยู่ข้างๆ
ปราณนต์รู้สึกปลื้มพี่ชายกับอัณณา "แหม นี่ผมดูเท่มากขนาดนั้นเลยเหรอ"
อัณณาหันมาจ้องเหล่ๆขวางๆ พลางคิดในใจว่าช่างกล้าพูด "หือ"
"ก็ฝาแฝด พี่ผมดูเท่ไง ผมก็ต้องดูเท่งั้น จริงปะ"
อัณณายิ้มอย่างหมั่นไส้และไม่ใส่ใจ
ปราณพูดต่อ "จุดเริ่มต้นของโครงการนี้ มาจากแพทย์หญิงปริยา คุณแม่ของผมเอง ท่านคือหมอที่อุทิศชีวิตเพื่อคนไข้มาก ท่านเลือกที่จะเดินออกจากชีวิตผู้บริหารอาณาจักรจีแอลเอสเพื่อไปเป็นหมอบนดอย เพียงเพราะท่านรู้สึกว่า ที่นั่น ท่านได้ทำหน้าที่หมอมากกว่าที่เคยเป็น"
ณ ห้องพักรวมของคนไข้เด็ก เด็กๆแต่ละเตียงกำลังชะเง้อมองกันว่าจะมีใครเข้ามา สักพักก็มีชายในชุดกราวน์เดินถอยหลังเข้ามาแล้วก็หันหน้ามาทำให้เห็นว่าคือ ปราณนต์ ที่มีจมูกและหนวดแบบตัวตลกติดอยู่
ปราณนต์ร้องเล่นกับเด็กๆ "แท่มแท๊มม"
พวกเด็กๆขำกลิ้ง ปราณนต์เล่นกับเด็ก หลอกล่อและตรวจอาการเด็กไปด้วย เขาเป็นขวัญใจของคนไข้เด็กๆ
ปราณพูดต่อ "มากกว่าที่เคยเป็น หมายถึงการได้เป็นหมอที่มีความรู้สึก มีความผูกพันกับคนไข้ เหมือนญาติ เหมือนพี่น้อง เหมือนคนในครอบครัว ได้มีความสุขที่เห็นเขาเป็นสุข"
ปราณนต์กอดเด็กคนนึงอย่างดีใจสุดตัว พวกญาติๆเด็กเข้ามาไหว้จับไม้จับมือแสดงความขอบคุณมากๆที่ช่วยรักษาให้
เสียงปราณพูดต่อ "หรือได้ร่วมเสียน้ำตา เมื่อเขาเสียน้ำตา"
ปราณนต์เดินออกมาจากห้องไอซียูแล้วรายงานข่าวร้ายให้ญาติคนไข้ทราบ ญาติคนไข้ร้องไห้โฮ และยกมือพยายามจะกลั้นน้ำตา ปราณนต์สงสารเห็นใจจึงเข้ามากอดปลอบญาติคนไข้ ปราณนต์น้ำตาไหลไปด้วย รู้สึกผิดที่ช่วยเหลือคนไข้ไม่ได้
เสียงปราณพูด "แต่การแพทย์ยุคใหม่ เราปฏิเสธการใช้เทคโนโลยีไม่ได้ เพราะมันมีส่วนช่วยให้ประสิทธิภาพในการรักษาแม่นยำขึ้น ช่วยชีวิตคนไข้ได้มากขึ้น นี่คือสิ่งที่คุณพ่อของผม นายแพทย์พสุวัฒน์ ปุณณเวช ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจีแอลเอส ก็คือ สร้างเทคโนโลยีมารองรับการทำหน้าที่หมอของแม่
พสุวัฒน์ที่นั่งฟังอยู่ยิ้มออกมาเพราะคิดถึงภรรยา"
"คุณพ่อเคยพูดประโยคนึงกับผมว่า เราทำให้เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนาไปได้ไกลมากแค่ไหน เราต้องพัฒนาจิตใจเราให้ไกลยิ่งกว่า เทคโนโลยีที่ดีจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้ามันอยู่กับคนที่มีจิตใจเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว"
พวกแขกในงานลุกยืนปรบมือให้เกียรติกับพสุวัฒน์
"โครงการกิจที่หนึ่ง จึงเป็นโครงที่จีแอลเอสจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำหน้าที่ของแพทย์ที่แท้จริงในทุกด้าน เรายินดีสนับสนุนยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ เทคโนโลยีทุกชนิดที่ลิขสิทธิ์เป็นของเรา ให้กับโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ขาดแคลนทุกแห่ง โดยไม่มีเงื่อนไข สิ่งเดียวที่จีแอลเอสจะขอ คือ ขอให้การสนับสนุนของเราเป็นไปเพื่อ“ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง” ขอบคุณครับ"
ปราณโค้งคำนับเป็นการจบการกล่าวสุนทรพจน์
แขกในงานทุกคนลุกยืนปรบมือ ปราณนต์ อัณณา พสุวัฒน์ลุกยืนปรบมือด้วยความภาคภูมิใจมาก
อ่านต่อตอนที่ 14