ลมซ่อนรัก ตอนที่ 10
ภัทรินกำลังเล่นกังหันอยู่ ปราณนต์เดินเข้ามา
"กินอิ่มแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวผมจะข้ามฝั่งไปติดต่อ..”
อยู่ๆภัทรินก็ยื่นกังหันมาจ่อตรงหน้าปราณนต์
ปราณนต์ชะงัก "อะไร"
"คุยกับกังหันไปเถอะ ชั้นไม่คุยด้วยหรอก"
"อ้อ ได้ เอางี้ก็ได้" ปราณนต์เอากังหันตัวเองไปปักในช่องแตกของไม้แล้วคุยกับมัน "กังหันจ๋า กังหันดูแลตัวเองดีๆนะ เพราะชั้นกำลังจะข้ามฝั่งไปติดต่อหาอัณณา แล้วก็อาจจะไม่กลับมาที่นี่อีก"
ภัทรินหันขวับ "อะไรนะ”
ปราณนต์เหล่มองว่าภัทรินคุยกับเขาได้แล้วเหรอ "เสียงกังหันเหรอ หรือเสียงลมที่ไหนนะ"
ภัทรินเชิดหน้าหนีก่อนจะเอากังหันตัวเองปักลงไปบ้างแล้วคุยกับกังหัน "กังหันจ๋า รู้แล้วเหยียบไว้นะ ใครคิดทิ้งชั้น มันจะโดนถีบตกเขื่อน"
ปราณนต์ตะลึงที่ภัทรินขู่โหดแต่เขาก็ยังท้าทาย
ปราณนต์พูดกับกังหัน "กังหันจ๋า กลัวตายล่ะ"
ปราณนต์หันเดินแยกออกไป ภัทรินกำลังจะอ้าปากเรียกเอาไว้ แต่ปราณนต์หันกลับมาก่อนทำให้เห็นเต็มๆ ตาว่าภัทรินอยากจะคุยกับเขา ปราณนต์ยิ้มเยาะๆ
"จะคุยกับผมหรือคุยกับกังหัน"
ภัทรินหมั่นไส้ "ขอโทษชั้นก่อน"
"เรื่อง"
"เรื่องที่คุณไม่ยอมอธิบายให้ป้าชุเข้าใจว่าชั้นไม่ใช่ภรรยาของคุณ"
"หา แคร์ด้วยเหรอ"
"ถ้าถูกเข้าใจผิดกับคนอื่นก็อาจจะไม่ แต่นี่พี่ชายสามี ไม่แคร์ไม่ได้ มันเสื่อมเสีย ทั้งชั้น ทั้งหมอณนต์ และตระกูลของคุณด้วย"
ปราณนต์อดยิ้มไม่ได้กับท่าทีถือตัวของภัทริน
"คิดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ อ้อ ลืมไป นี่เพศอะไรล่ะ"
ภัทรินชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของปราณนต์เพราะมันชวนให้คิดถึงหมอปราณนต์ สามีของเธอ
ภาพในอดีตตอนที่หมอปราณนต์พูดับเธอประโยคว่า “นี่เพศอะไรล่ะ” แล้วหัวเราะคิกคักกันแว่บเข้ามาในหัวของภัทริน
ภัทรินมองปราณนต์คนนี้ด้วยความคิดถึงสามีของตนเองมาก
"ผมขอโทษที่ไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของคุณ" ปราณนต์พูด
ภัทรินนิ่งๆอึ้งๆ ไป เธอมองปราณนต์ไม่ละสายตา
"มีอะไรแปลกเหรอ" ปราณนต์ถาม
ภัทรินรู้ตัวว่าจ้องมากไปก็รีบหันหน้าหนีด้วยความสับสนและพยายามไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองทิ้ง
ในห้องแถลงข่าวที่กำลังรอแหล่งข่าวออกมาแถลงอยู่ นักข่าวสำนักหนึ่งกำลังพูดกับกล้อง
"หลังจากวันที่มีการตรวจพบเอกสารว่ามีการรับเงินสินบนนับร้อยล้านบาทจริง จนถึงเวลานี้ยังไม่มีใครสามารถติดต่อคุณปราณได้เลยค่ะ ทำให้จีแอลเอสมีคำสั่งปลดคุณปราณและแต่งตัวผู้บริหารใหม่ และ”
บรรดานักข่าวลุกฮือ พวกกรรมการจีแอลเอสเดินนำออกมา
นักข่าวพูดต่อ "ไม่น่าจะมีอะไรผิดคาด ผู้บริหารคนใหม่ของจีแอลเอสก็คือคุณสินธร อาแท้ๆของคุณปราณนั่นเองค่ะ"
สินธรควงออกมากับแอ๋ว มีกรรมการของจีแอลเอสเดินตามประกบมาด้วย ทุกคนมานั่งเรียงเพื่อแถลงข่าว พวกนักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ สินธรสีหน้าแช่มชื่นและเบิกบาน
ภาพสินธรในจอทีวีกำลังรายงานบรรยากาศการแถลงข่าวสด ชมนาดมองหน้าจอทีวีที่รายงานข่าวนั้นอยู่กับธนาฒน์
"สินบนเป็นร้อยล้าน คุณสินธรเอาไปคนเดียวได้ไง ตอนผมเอาไปแค่สิบกว่าล้าน ทำเป็นโมโห..หน็อย ไอ้ชั่วเอ๊ย" ธนาฒน์โมโห
"รู้มั้ยทำไมเขาถึงรับเธอมาเป็นเด็กปั้น เขาไม่ได้ต้องการคนที่จะมาแข่งกับคุณปราณแทนตัวเขา..แต่เขาต้องการแพะ.. ถ้าแผนที่เขาวางไว้ผิดพลาด ก็ต้องมีใครรับผิดแทนตัวเขา" ชมนาดว่า
"คือผมเหรอ"
"ใช่" ชมนาดยุ "เพราะเขาบอกว่าเธอโง่ ทั้งโง่และไร้ค่า คนอย่างเธอจะติดคุกหรือตายเขาก็ไม่สนใจหรอก"
"ไอ้สินธร"
ธนาฒน์แค้นมาก ชมนาดยิ้มร้ายด้วยมาดนางพญา
ภัทรินยืนมองภาพตรงหน้าด้วยอาการช็อก เพราะเบื้องหน้าปราณนต์กำลังถือไม้ค้ำยืนรออยู่บนแพไม้ไผ่
"เอ้า ยืนทำอะไร ลงมาสิ"
"จะข้ามฝั่งไป ด้วยแพเนี่ยนะ"
ปราณนต์พูดกวนและยอกย้อน "จริงๆผมก็โทรไปสั่งเรือยอร์ชให้คุณแล้วนะ แต่พอดีว่ามีคนเช่าหมดเลย เครื่องบินน้ำหรือเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่ว่าง มีแต่แพไม้ไผ่และกัปตันเฟิร์สคลาสคนนี้ จะไปไม่ไป"
ภัทรินหน้าซีดเพราะไม่มีทางเลือก
ภัทรินนั่งเกาะแพอยู่ตรงกลางแพที่กำลงสั่นโคลงเคลงไปมา
"ว้ายๆ" ภัทรินเกาะแพแน่นแล้วแหกปาก "เฟิร์สคลาสตรงไหนเนี่ย"
ปราณนต์ค้ำถ่อบังคับทิศทางของแพ เขามองกิริยาของภัทรินแล้วก็ได้แต่ขำๆ
"ว่ายน้ำไม่เป็นหรือไงคุณ"
ภัทรินโวยวาย "ชั้นเกิดบนดอย โตบนดอย เห็นทะเลครั้งแรกก็เข้ากรุงเทพแล้ว จะให้ชั้นไปว่ายน้ำเป็นตอนไหน"
"เออๆ ว่ายไม่เป็นก็นั่งนิ่งๆ อย่าโวยวาย"
"ก็พายดีๆสิ จะจมอยู่แล้วเนี่ย ว้าย" ภัทรินตกใจที่น้ำกระฉอกทางด้านซ้ายเลยเทน้ำหนักไปทางด้านขวา แล้วก็ตกใจทางขวาจึงกลับมาเทน้ำหนักด้านซ้ายอีกจนแพโคลงอย่างหนัก "ว้าย!”
ปราณนต์พยายามประคองแพ "เฮ้ยๆๆ อยู่นิ่งๆ" ภัทรินไม่หยุด ปราณนต์ต้องวางไม้ค้ำแล้วเข้าไปจับตัวภัทรินเอาไว้ "เงียบ ฮึ่บ ฮึ่บ"
ภัทรินฮึ่บแล้วกลั้นหายใจตามที่ปราณนต์บอกจนแก้มป่อง ตาโต
ปราณนต์เข้ามาประคองใกล้ชิดแล้วก็ค่อยๆพูดให้ภัทรินสงบ "ดี นิ่งไว้ เห็นมั้ยว่าถ้าอยู่นิ่งๆ แพมันก็นิ่ง ไม่จมแน่นอน ค่อยๆผ่อนลมออกมาช้าๆนะ แล้วอยู่นิ่งๆ"
ภัทรินผ่อนลมออกตามที่ปราณนต์บอกแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าปราณนต์ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกันมาก พอปราณนต์หันมามอง ภัทรินก็รีบเสมองไปทางอื่น
"โอเค" ปราณนต์ถาม
"โอเคแล้ว ไปพายต่อไป" ภัทรินบอก
ปราณนต์กลับไปพายต่อ ภัทรินนั่งนิ่งด้วยความรู้สึกเขิน รู้สึกวาบหวิวจนเกิดเป็นความขัดแย้งในความรู้สึกของตัวเอง ปราณนต์ยิ้มแย้ม เขาพายไป ร้องเพลงไปอย่างร่าเริง มีความสุข
"ฝากหัวใจ๋ไว้เคียงคู่ฟ้า ฝากสายลมฮื้อปาปั๊ดไป อยู่แห่งหนไหน ความฮักยิ่งใหญ่ มั่นคงจริงแน่ไซร้ ใฝ่หามาเจย"
แพลอยไป
อัณณาเดินเข้ามาในบริษัท เดียกับแจ็คที่รออยู่ก่อนแล้วรีบเข้ามาประกบแล้วพูดให้กำลังใจ
"พี่อัณ ถูกเรียกมาสอบใช่มั้ยครับ สู้ๆนะครับ ผมเชื่อในตัวพี่นะครับ"
"ขอบใจมากนะ" อัณณาบอก
"นี่ค่ะ" เดียยื่นนกกระเรียนกระดาษให้ "นกกระเรียนพันตัวจะช่วยให้ความปรารถนาเป็นจริง เราสองคน" แจ็คงงว่าไปร่วมด้วยตอนไหน "จะช่วยกันพับและอธิษฐานให้ผีร้ายที่คิดจะทำมิดีมิร้ายพี่กับคุณปราณมีอันเป็นไป"
สินธรเดินเข้ามาอย่างมีเรื่องจะคุยกับอัณณา
เดียชิ่งหนีซะอย่างงั้น "ขอตัวไปพับนกก่อนนะคะ"
แจ็คหยิบโทรศัพท์มา "อ้าว โทรศัพท์สั่น" แจ๊คแกล้งรับแล้วชิ่งหนี "สวัสดีครับ"
เดียรีบชิ่งหนีไปทันที แจ็คตามไปด้วย อัณณามองสินธรอย่างพร้อมเผชิญทุกอย่าง
สินธรเดินนำอัณณาเข้ามาในลิฟท์
"ชั้นมีข้อเสนอมาให้เธอ" สินธรบอก
อัณณาชะงักแล้วหันมายิ้มเยาะเพราะรู้ไปถึงเจตนาแอบแฝงของสินธรทันที "ข้อเสนอ ระหว่างทางไปพบหน้ากรรมการสอบสวนคดีทุจริต ฟังดูน่าสนใจนะคะ"
"ชั้นช่วยให้คุณไม่ต้องมีส่วนรับผิดชอบในความผิดคดีรับสินบนได้นะ" สินธรบอก
"คุณสินธรกำลังจะบอกให้ดิฉันเอาเจ้านายตัวเองมาขาย"
"ชั้นแค่อยากให้เธอพูดความจริง ความจริงที่ชั้นอยากฟัง"
อัณณาพูดชัดเจน "คุณปราณไม่เคยรับสินบนจากใคร คนที่รับสินบนคือคุณ" อัณณาเว้นจังหวะหายใจผิดอย่างจงใจ “ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว"
"ชั้นพยายามหาทางออกที่ดีให้กับเธอแล้วนะ"
อัณณาเลิกสนใจสินธรแล้วหันไปมองเลขลิฟท์
"ยังไงปราณมันก็หลานชั้น ชั้นก็อยากให้มันจบอย่างสวยๆ ไม่ต้องบานปลายไปถึงขั้นติดคุกติดตะราง"
"ขอบคุณนะคะที่เมตตา"
ลิฟท์เปิดประตู อัณณาเดินออกไปทันที
อัณณาเดินมาที่หน้าห้องสอบสวนและกำลังจะเข้าไป แต่เธอก็ต้องชะงักเพราะโทรศัพท์ดังขึ้นมาก่อน อัณณาหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์แปลก อัณณาเอะใจว่าอาจจะเป็นปราณนต์แต่เห็นสินธรเดินตามมาเลยกดรับสายแล้วแนบหูรอฟังเสียงจากปลายสายก่อน
"ต้องการเอกสารอะไรนะคะ คะ สักครู่ค่ะ"
อัณณาพูดแล้วเดินแยกไปอีกด้าน สินธรที่เดินตามมาเห็นอัณณาเดินแยกไปก็แปลกใจ
อัณณาเดินเลี่ยงผู้คนมาอีกมุมลับตาคน พอเห็นว่าสินธรไม่ได้ตามมา เธอก็รีบพูดโทรศัพท์ต่อ
"ณนต์ ตอนนี้ณนต์อยู่ที่ไหน"
ปราณนต์พูดโทรศัพท์สาธารณะอยู่ที่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง
"อยู่สุราษฎร์ ผมมีคนรู้จักอยู่ที่นี่ อัณไม่ต้องเป็นห่วง ธนาฒน์มันพยายามจะฆ่าผมกับภัท มันเอาโน้ตบุ๊คของ เอ่อ ของผมไป ใช่ อันที่ภัทรินเอามาให้ผมนั่นแหละ ถึงเราจะแน่ใจแต่เรายังไม่มีหลักฐานที่จะเล่นงานพวกมัน"
ภัทรินที่อยู่ข้างๆปราณนต์คอยฟังอยู่ตลอด พอได้ยินปราณนต์ทำทีห่วงอัณณามาก เธอก็มองอย่างหมั่นไส้แต่พอปราณนต์เหลือบมามอง ภัทรินก็ทำหน้าปกติ
"อยู่ที่ปราณคนเดียวแล้ว ถ้าเขาเปิดเอกสารในอีเมล์ได้เร็วเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จะคลี่คลายเร็วเท่านั้น ณนต์ ณนต์หลบอยู่ที่นั่นก่อน คอยติดต่ออัณเป็นระยะ อัณจะคอยส่งข่าวทางนี้ให้"
"ได้ อัณ ไม่รู้ว่าพวกมันจะทำอะไรอีก คุณระวังตัวด้วยนะ และฝากดูแลน้องชายผมกับพ่อด้วยนะ"
"ดูแลตัวเองด้วยนะณนต์"
สินธรมองอัณณาที่พูดโทรศัพท์อยู่ด้วยความสงสัย
ปราณนต์วางสาย ภัทรินรีบถามทันที
"ยังไง"
"เราต้องอยู่ที่นี่ก่อน กลับ"
"กลับ ถ่อสังขารเสี่ยงจมน้ำตายเพื่อโทรแค่เนี้ย" ภัทรินว่า
"แล้วจะให้ผมทำยังไง ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอจนกว่าจะได้หลักฐาน"
"หลักฐาน มันอยู่ในอีเมล์ของคุณ ทำไมจะต้องรอ"
ปราณนต์อึ้งเพราะเพิ่งรู้ว่าตะกี้เผลอหลุดปากไป "เอ่อ ก็”
"มานี่"
ภัทรินลากปราณนต์ไป แต่ปราณนต์ทำท่าอิดออดไม่อยากไป
ภัทรินลากปราณนต์มา
"คุณจะลากผมไปไหน"
"ไปหาคอมพิวเตอร์ เปิดอีเมล์ของคุณ แล้วก็เอาไฟล์เอกสารที่คุณมั่นใจว่ามันคือหลักฐานการทุจริตของคุณสินธรออกมา" ภัทรินคว้ามือลากปราณนต์ไปต่อ "ไป ตรงนั้นมีร้านเนต"
ปราณนต์ยื้อเอาไว้ไม่ยอมไป "เดี๋ยว"
ภัทรินฉุน "อะไรอีก"
"ผม ผมจำรหัสไม่ได้"
"รหัสเข้าอีเมล์ตัวเองเนี่ยนะ" ภัทรินไม่เชื่อ เธอเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของเขา "คุณมีเรื่องอะไรปิดบังชั้นอยู่ใช่มั้ย"
"ไม่มี"
ภัทรินสวนเสียงดุ "แล้วทำไมถึงไม่ยอมเปิดอีเมล์ ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะจำรหัสไม่ได้ คุณไม่อยากไปเปิดมากกว่า เพราะคุณมีเรื่องที่ไม่อยากให้ชั้นรู้ คุณหลอกอะไรชั้นอยู่ คุณคิดจะหักหลังชั้นใช่มั้ย"
"ไม่ใช่นะ"
ภัทรินถอยแล้ววิ่งหนี
ปราณนต์เรียกไว้ "เดี๋ยวภัท"
ภัทรินวิ่งหนีมา ปราณนต์วิ่งตามมาดึงแขนเอาไว้ ภัทรินสะบัดออกแล้วผวาออกห่างอย่างไม่ไว้ใจ
"ผมไม่เคยคิดจะหักหลังคุณนะ" ปราณนต์บอก
"ทำไมชั้นต้องเชื่อคำพูดคุณ" ภัทรินย้อนถาม "ชั้นไม่เคยมีลับลมคมนัยกับคุณเลย ชั้นเอาใจมาวางให้คุณดูแล้ว ถ้าคุณไม่เอาใจมาวางแลก งั้นก็บาย"
"ผมไม่รู้รหัสเข้าอีเมล์จริงๆ ผมสาบานได้"
"ชั้นไม่เชื่อ"
"ภัทริน ผมเป็นผู้บริหารจีแอลเอสนะ วันๆนึงมีเมล์มาหาผมเป็นร้อยๆ ผมไม่มานั่งเช็กอีเมล์เองหรอก อัณณาเป็นคนสกรีนอีเมล์แล้วก็สรุปมารายงานผมทราบ แล้วผมจะไปรู้รหัสได้ไง"
ภัทรินนิ่งลงแล้วชักจะคล้อยตาม
"ผมพูดความจริง"
"ถ้าอย่างนั้นคุณอัณณาก็ต้องเปิดอีเมล์ของคุณได้แล้วสิ"
"ใช่ อัณณาเปิดและเอาเอกสารในอีเมล์นั้นออกมาแล้ว แต่มันถูกเข้ารหัสเอาไว้อีกชั้นนึง ก็เลยยังเปิดไม่ได้"
"เข้ารหัส ใครเข้า" ภัทรินถาม
"ก็ ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้อัณณากำลังให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเจาะรหัสอยู่ เราถึงทำได้แค่รอไง"
ภัทรินลังเล "ถ้าคุณโกหกชั้น ขอให้ไม่ตาย ไม่ๆๆ ขอให้อกหัก ไม่มีใครรัก ทรมานหัวใจไปจนวันตาย"
ปราณนต์เสียงอ่อย "ภัทริน”
"สาบาน"
ปราณนต์ไม่มีทางเลือกจึงพูด "ถ้าผมโกหก ขอให้อกหัก ไม่มีใครรัก ทรมานหัวใจไปจนตาย"
ทันใดนั้นแม่ค้าคนนึงหน้าตาท่าทางซื่อๆ ก็เดินเข้ามามองหน้าทั้งสองคน แม่ค้าหรี่ตามองเพราะไม่ได้ใส่แว่นแล้วก็ก้มมองหนังสือพิมพ์ในมือจนภัทรินกับปราณนต์แปลกใจ
"มองอะไรคะป้า" ภัทรินถาม
"นี่ใช่เอ็งสองคนหรือเปล่า"
ป้าแม่ค้ายื่นหนังสือพิมพ์ให้ดู ปราณนต์กับภัทรินเห็นพาดหัวข่าว “หอบสินบนหนี ปธ.บห.GLSควงน้องสะใภ้หายเข้ากลีบเมฆ” และมีกรอบเล็กเป็นรูปหน้าภัทรินและปราณนต์
ภัทรินอ่านเบาๆ "หอบสินบนหนี ปธ.บห.GLSและน้องสะใภ้หายเข้ากลีบเมฆ" ภัทรินตกใจ ก่อนจะหันมองหน้าปราณนต์ "เฮ้ย"
แม่ค้ามองส่องดูหน้า "อืม เหมือนนะ..ถอยหลังไปหน่อยสิ จะได้มองชัดๆ"
"ไม่ใช่หรอกครับ ผู้หญิงในรูปสวยกว่าแฟนผมตั้งเยอะ ทรงผมก็ไม่เหมือน รีบไปกันเถอะจ๊ะที่รัก"
ปราณนต์รีบคว้ามือภัทรินลากหนีไป แม่ค้ายังมองตามอย่างไม่แน่ใจแต่ยังคงสงสัยอยู่
อัณณานั่งเก้าอี้กลางห้องเผชิญหน้ากับจนท.หญิงนักอ่านภาษากายที่นั่งเก้าอี้จ้องหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม มีกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจนั่งล้อมรอบครึ่งวงกลมอีกที สินธรนั่งอยู่ในนั้นด้วย
อัณณาพูด "ดิฉันขอยืนยันว่าคุณปราณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเกี่ยวกับการรับสินบนจากบริษัทใดๆแม้แต่นิดเดียวค่ะ"
กรรมการรอดูท่าทีของจนท.ผู้เชี่ยวชาญแต่ยังไม่ส่งสัญญาณอะไรมา
"คุณยืนยันที่จะไม่ให้ความร่วมมือกับเรา" กรรมการถาม
"ถ้าการตอบตามความจริงแปลว่าไม่ให้ความร่วมมือ ดิฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ" อัณณาบอก
"คุณติดต่อกับคุณปราณบ้างหรือเปล่า" กรรมการถาม
"ไม่มีค่ะ"
"ไม่มีเลยจริงเหรอ"
"จริงค่ะ"
จนท. พูดสวนอัณณาขึ้นมา "โกหก"
จนท.ผู้เชี่ยวชาญจ้องลึกเข้าไปในตาโดยจ้องเขม็งด้วยแววตาคมกริบราวกับมีดที่ทิ่มแทงอย่างไม่ปรานี
อัณณาพูดต่อ "ดิฉันไม่ได้”
"โกหก! คุณกลืนน้ำลาย หุบปลายเท้า ปลายนิ้วมือกระดิกทันทีที่ได้ยินคำถาม เพราะคุณพยายามจะควบคุมตัวเองให้เป็นปกติ นั่นแสดงว่า คุณโกหก"
กรรมการถามอีก "คุณติดต่อกับคุณปราณใช่มั้ย"
"ดิฉันพยายามจะติดต่อไปค่ะ แต่มือถือคุณปราณติดต่อไม่ได้"
"โกหก"
"ดิฉันไม่ได้โกหก" อัณณาบอก
"โกหก คุณติดต่อกับคุณปราณ" เจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญบอก
"ชั้น..”
"อย่าพยายามจะหลอกลวงผู้เชี่ยวชาญภาษากายดีกว่าครับ เสียเวลาเปล่า ถ้าคุณอัณณาไม่อยากพูด ผมว่าเราเอาโทรศัพท์มือถือคุณอัณณามาตรวจสอบการโทรดีมั้ยครับ" สินธรเสนอ
อัณณาอึ้งที่ถูกต้อนจนมุม สินธรยิ้มกระหยิ่ม
อัณณาเดินจ้ำออกมา เดียกับแจ็ควิ่งปราดเข้ามาเดินประกบ
"พี่อัณครับๆๆ เป็นยังไงบ้างครับ" แจ๊คถาม
เดียอวดโหลใส่นก "เดียพับนกกระเรียนได้เก้าตัวแล้ว ถึงจะยังไม่ครบพัน แต่เดียก็อธิษฐานเพื่อพี่อัณตลอดนะคะ"
"เขาเอามือถือชั้นไป" อัณณาบอก
เดียกับแจ็คตกใจ "หา”
"เขาจะก๊อปข้อมูลทุกอย่างไปหมด เขาจะต้องรู้แน่"
แจ็ควิ่งมายืนขวางหน้า "เขาเอามือถือพี่อัณไปก๊อปข้อมูลเหรอครับ อย่างนี้ คลิปส่วนตัวของพี่ก็ต้องหลุด"
อัณณางง "หะ คลิปอะไร"
"คลิปส่วนตั๊วส่วนตัวไงครับ ใครๆก็ต้องมีคลิปส่วนตัวในมือถือทั้งนั้น"
"จริงค่ะ" เดียบอก
อัณณาโวยใส่ "พี่ไม่ทำเรื่องสกปรกอย่างนั้น" อัณณาเดินแหวกไปแล้วก็ชะงักหันกลับมา "หรือพวกเธอทำ"
เดียกับแจ็คผงะอ้าปากค้างด้วยอาการช็อกที่ความลับเปิดเผย แล้วทั้งคู่ก็กลับหลังหันเดินกลับไปทันที
อัณณาหันมาอีกด้าน ธนาฒน์เดินเข้ามาพอดี ทั้งคู่มองหน้ากัน ธนาฒน์ยิ้มเยาะเย้ย
"วันนี้ว่างเหรอครับคุณอัณณา อุ้ย ก็ต้องว่างสิ ถูกพักงานแล้วนี่"
"ขอทางหน่อยค่ะ ชั้นจะต้องไปแจ้งความว่าคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของคุณปราณถูกโจรขโมย"
อัณณาเดินผ่านไป ธนาฒน์ข้องใจ
อัณณาเดินหนีจะออกจากบริษัท ธนาฒน์เดินตามขวาง
"ที่คุณพูด หมายความว่าไง"
อัณณาชะงักแล้วหันมาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของธนาฒน์ "ชั้นรู้สิ่งที่คุณทำ"
ธนาฒน์ตาลุกแว่บหนึ่งด้วยความตกใจที่อัณณารู้ แต่ก็ยิ้มออกไป
"ผมทำอะไรเหรอ" ธนาฒน์ถามกวนๆ
"คุณก็ทำในสิ่งที่ผู้บริหารต้องทำไงคะ อุ้ย ไม่ใช่สิ คุณแค่เคยถูกวางตัวให้เป็น เคยสร้างภาพออกสื่อตั้งเยอะจนชั้นนึกว่าคุณต้องได้เป็นผู้บริหารจีแอลเอสแน่ๆ แต่น่าเสียดายที่ยัง เท่าเดิม"
อัณณาเดินผ่านไป ธนาฒน์กระชากแขนเธอมา
"อย่าปากดีให้มากนักเลย คุณไม่เหลือใครคุ้มกะลาหัวแล้วนะ"
"ค่ะ ชั้นไม่มี แล้วคุณคิดว่าคุณมีเหรอ ใครคะ คุณสินธร หึ แน่ใจเหรอคะว่าเขาจะคุ้มกะลาหัวให้คุณหรือจะคุ้มแค่หัวตัวเขาเองคนเดียว"
ธนาฒน์ขู่ "ระวังตัวให้ดีเถอะ"
"ค่ะ ชั้นระวังตัวจากศัตรูอยู่แล้ว ส่วนมิตร คงไม่ต้องระวัง เพราะชั้นแน่ใจว่าชั้นจะไม่ถูกหักหลัง..แล้วคุณล่ะคะ" อัณณาบอก ธนาฒน์อึ้ง อัณณายิ้มเย้ย "ระวังตัวให้ดีนะคะ"
อัณณากระชากแขนออกอย่างไม่กลัวแล้วเดินแยกออกไป ธนาฒน์ฮึดฮัดด้วยความแค้น
ปราณนต์ค้ำแพกลับมาจอดที่บริเวณบ้านพักเรือนแพ ภัทรินนั่งสงบและซึมอยู่ที่กลางแพ ในมือของเธอถือหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นที่หยิบติดมาด้วย ปราณนต์ยึดเสาของเรือนแพเอาไว้เพื่อให้แพนิ่ง ภัทรินลุกยืนจะลงจากแพ ปราณนต์เอื้อมมือเพื่อให้ภัทรินยึดไว้กันเซ แต่ภัทรินลงจากแพเองโดยไม่ยอมให้เขาจับมือ ปราณนต์รู้สึกได้ว่าภัทรินมีอะไรแปลกๆ จึงก้าวตามไป
ภัทรินเดินเข้ามา ปราณนต์เดินตาม
"อย่าคิดมากเลยคุณ"
ภัทรินหันกลับมามองด้วยอารมณ์ว่ารู้เหรอว่าชั้นคิดอะไรอยู่
ปราณนต์พูดต่อ "เพราะข่าวใช่มั้ย คุณถึงได้นั่งซึมตลอดทาง"
"ชั้นได้ลงหน้าหนึ่ง ว่าชั้นกับพี่สามีสมคบคิดกันหักหลังบริษัทตัวเอง นี่มันอะไรกับชีวิตชั้นเนี่ย"
"ผม..ขอโทษ..”
"ชั้นไม่ได้ว่าคุณ ชั้นแค่ห่วงแม่ แม่จะต้องได้เห็นข่าวนี้ ถ้าไม่เห็นเองคนอื่นก็ต้องเห็นแล้วมาบอกแม่อยู่ดี ทุกคนก็จะไปรุมถามแม่ แล้วแม่จะรู้สึกยังไง คนอื่นจะพาลมองว่าแม่ไม่ดีด้วยหรือเปล่า" ภัทรินทรุดนั่ง อย่างรู้สึกผิด "แม่อยู่ของแม่ดีๆ ชั้นก็เอาเรื่องไปให้ ทุกที มันเป็นอย่างนี้ทุกที"
"ถ้ามีโอกาส ผมจะอธิบายให้แม่คุณทราบว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากผม ไม่เกี่ยวกับคุณเลย" ปราณนต์บอก
"ตอนที่ชั้นอยากเลี้ยงหมา ชั้นก็ไปซื้อเจ้าโคโค่ชาแนลมาเลี้ยง แต่พอเบื่อ พอมันสร้างปัญหาให้ชั้น ชั้นก็ส่งไปให้แม่เลี้ยง แม่ก็เลี้ยง พอชั้นถูกใส่ร้ายว่าโกง บาดเจ็บ หมดที่พึ่ง ชั้นกลับบ้าน" ภัทรินน้ำตาเอ่อท้น "แม่ก็ยังรักชั้นเหมือนเดิม..แม่ไม่เคยรักชั้นน้อยลงเลย แต่ชั้นสิ ชั้นอายที่แม่เป็นชาวเขา ชั้นพยายามจะเป็นคนกรุงเทพ พยายามจะไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นลูกแม่ เคยโกหกเพื่อนว่าแม่เป็นเจ้าของรีสอร์ทหรูด้วยซ้ำ ดูสิ่งที่ชั้นทำกับแม่สิ! แล้วนี่อีก ข่าวนี้อีก"
ปราณนต์ย้อนคิดถึงเรื่องตัวเองแล้วก็ทรุดนั่งลงข้างๆ ภัทรินด้วยอีกคน
"แม่จะไม่เชื่อใครทั้งนั้น และแม่ก็จะเถียงทุกคนแทนชั้น เพราะแม่อยู่ข้างชั้นตลอด ไม่ว่าถูกหรือผิด" ภัทรินบอก
"ผมเข้าใจคุณนะ ผมก็เคย ทำไม่ดีกับพ่อเหมือนกัน เพราะผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อกำลังทำ ผมโกรธพ่อ ไม่ยอมรับในตัวพ่อ ผมอยากขอโทษพ่อ และผมหวังว่า..ผมจะมีโอกาส"
ปราณนต์และภัทรินแชร์ความรู้สึกให้กัน ภัทรินเอนหัวพิงปราณนต์ด้วยความรู้สึกต่างคนต่างเศร้าเรื่องของตัวเอง
ชมนาดเดินเข้ามาในห้องทำงานของปราณ แต่ป้ายที่หน้าโต๊ะเปลี่ยนชื่อเป็นสินธรเรียบร้อยแล้ว "คุณสินธรคะ"
สินธรที่นั่งสบายมองวิวภายนอกอยู่หมุนเก้าอี้กลับมาแล้วถาม
"ได้เรื่องมั้ย"
"เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบข้อมูลในมือถืออัณณา ได้ความว่า" ชมนาดชะงักไปนิดนึง เพราะเหลือบไปเห็นกรอบรูปเล็กๆเป็นภาพสินธรกับแอ๋วคู่กันวางอยู่
"ว่ายังไง"
"เอ่อ มีหมายเลขที่โทรเข้ามาล่าสุด มาจากจังหวัดสุราษฎร์ค่ะ"
"สุราษฎร์ ไอ้ปราณมันหนีไปไกลถึงนั่นเลยเหรอ ส่งคนไปหามันให้เจอ"
"ค่ะ" ชมนาดยังคงมองที่กรอบรูปด้วยความแค้น
อยู่ๆ ธนาฒน์ก็เข้ามาภายในห้อง ธนาฒน์กับชมนาดแปลกใจที่เจอกัน
"คุณออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับธนาฒน์ส่วนตัว"
"เรื่องอะไรคะ"
สินธรจ้องเป็นเชิงตำหนิว่าไม่ใช่ธุระ
ชมนาดจำยอม "ค่ะ”
ชมนาดหันหลังแล้วจะเดินออก สีหน้าของเธอเปลี่ยนกลายเป็นคับแค้นใจที่ไม่รู้เรื่องแล้วก็เดินออกประตูไป
ปราณเดินลงมาจากชั้นบนแล้วเรียกหาอิ่ม
"ป้าอิ่มครับ ป้าอิ่ม ผมอยากได้ชา ชงให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ ป้าอิ่ม"
อยู่ๆ ก็มีคนเดินออกมาจากทางห้องน้ำเป็นคนของสินธรที่เฝ้าบ้านนี้อยู่
ปราณตกใจ "เฮ้ย แกเข้ามาในบ้านทำไม"
"มาเข้าห้องน้ำ" คนของสินธรตอบ
"ใครอนุญาต บ้านนี้ไม่ต้อนรับพวกแก ออกไป"
"ขอเข้าห้องน้ำแค่นี้ทำไมต้องโวยวาย" คนของสินธรเย้ย "คุณไม่ได้เป็นลูกผู้บริหารใหญ่ของจีแอลเอสแล้วนะครับ"
"ออกไปจากบ้านชั้น" ปราณไล่
คนของสินธรชักหมั่นไส้จึงเริ่มยืนนิ่งจงใจกวนตีนว่าจะไม่ไป
"ออกไป"
คนของสินธรยืนพิงอย่างสบายใจ "ขอพักหน่อยนะ ถ้าไม่พอใจก็มาลากคอผมออกไปสิ มองหน้าทำไม จะต่อยผมเหรอ มาสิ มาเลย อยากโดนต่อยเหลือเกิน"
ปราณโมโห "แก"
ปราณพุ่งเข้าไปหาคนของสินธร แต่อิ่มพุ่งปราดเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อน
"คุณหนู อย่าค่ะๆๆ" อิ่มไล่คนของสินธร "ป้าบอกให้เข้าออกด้านหลัง ทำไมถึงทำอย่างนี้..ไป ทำธุระเสร็จแล้วก็ออกไป"
คนของสินธรจ้องหน้าปราณอย่างเยาะเย้ยและกวนประสาท พร้อมทั้งทำท่าท้าทายให้ชกแล้วก็หัวเราะสะใจพร้อมกับเดินออกไป
"ป้าอนุญาตให้พวกมันเข้ามาได้ยังไง ปล่อยผม"
ปราณดึงตัวเองออกจากอิ่ม แล้วเดินพุ่งตามคนของสินธรออกไป
ปราณเดินตามคนของสินธรออกมา
"เฮ้ย”
ปราณกระชากคนของสินธรจากด้านหลังแล้วเหวี่ยงไปก่อนจะตามจะเข้าไปชก แต่คนของสินธรเอี้ยวหลบแล้วผลักปราณไปตามแรง ปราณเซถลาไปจนหน้าเกือบคะมำแต่จับเสายึดเอาไว้ได้
อิ่มตามออกมา "คุณหนู อย่าค่ะ"
คนของสินธรหัวเราะเยาะเย้ยเต็มที่
"มาสิครับ มาชกผมสิ ผมอยากโดน"
ปราณโกรธจัด "แก"
ปราณพุ่งเข้าไปจะชกแต่คนของสินธรผลักออก คราวนี้ปราณล้มกลิ้งไปเลย อัณณาวิ่งเข้ามาจากนอกบ้าน
"พวกแกทำอะไร" อัณณารีบไปปกป้องปราณแล้วขับไล่ทุกคน "ไป ออกไปให้หมด ไป"
"ปล่อยผม"
"พอค่ะ พอได้แล้ว"
อัณณากอดรั้งปราณเอาไว้ คนของสินธรเดินยิ้มเยาะออกไป ปราณเจ็บใจ
ธนาฒน์เสียงแข็งใส่สินธร
"ผมไม่เข้าใจ ผมต้องรายงานทุกอย่างกับคุณ มันแปลว่าอะไร"
"แปลว่า ชั้นให้นายดูแลโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ตามเดิม แต่ทั้งหมดต้องขึ้นตรงต่อชั้น ต้องรายงานทุกอย่างกับชั้น โดยเฉพาะงบประมาณ ชั้นจะเป็นคนเดียวที่มีสิทธิเซ็นอนุมัติงบ" สินธรบอก
"คุณกำลังรวมอำนาจทุกอย่างไว้ที่คุณคนเดียว ทำไมคุณไม่พูดมาชัดๆเลยว่าคุณจะดูแลทุกบริษัทลูกของจีแอลเอสด้วยตัวเอง"
"จีแอลเอสมีบริษัทลูกเป็นสิบ ชั้นยังต้องการแขนขาเพิ่ม"
"งั้นคุณก็ควรจะให้อิสระในการเคลื่อนไหวของแขนขาบ้าง"
"ชั้นก็ให้ แต่ต้องผ่านสมองก่อน เพราะปล่อยให้แขนขาขยับเขยื้อนเองตามสัญชาตญาณทีไร เป็นเรื่องทุกที ชั้นต้องอุดรูรั่ว จะได้ไม่มีการคอรัปชั่นเกิดขึ้นในจีแอลเอสอีก"
ธนาฒน์ชักฉุน จนอ้อมค้อมไม่ไหว "คุณหาว่าผมเป็นรูรั่วของคุณเหรอ"
"ชั้นไม่ได้พูดนะ ชั้นก็แค่ไม่อยากให้จีแอลเอสตกต่ำไปมากกว่านี้" สินธรว่า
"หึ ฮะๆ ไม่อยากให้จีแอลเอสตกต่ำ แล้วที่ตกต่ำอย่างที่สุดตอนนี้ เพราะใครล่ะครับ ช่วยตอบผมหน่อยสิครับ ไอ้ชาติชั่วคนนั้นคือใคร ผมจะได้ไปต่อยหน้ามัน"
"ธนาฒน์!”
"เอ้า โมโหทำไมล่ะครับ ผมแค่ถามว่าไอ้นรกคนนั้นเป็นใครแค่นี้เอง"
สินธรฉุนขาดจึงตบหน้าธนาฒน์ทันที ธนาฒน์หน้าสะบัด เขาเจ็บแต่ก็สะใจ
สินธรว่า "ถ้าไม่พอใจ ก็ลาออกไป"
ธนาฒน์พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อสินธรอย่างเอาเรื่อง "เออ กูไปแน่ แล้วคอยดูแล้วกันว่าสัญชาตญาณของแขนขาอย่างกูทำอะไรได้บ้าง"
ชมนาดได้ยินเสียงโวยวายเลยเปิดประตูรีบพุ่งเข้ามาทันที
"ธนาฒน์”
ธนาฒน์ผลักสินธรออกอย่างแรงจนหงายหลังกวาดข้าวของบนโต๊ะทำงานหล่นกระจัดกระจาย ธนาฒน์สะบัดหน้าหันเดินออกไปทันที ชมนาดฉุน
ธนาฒน์เดินหงุดหงิดหัวเสียออกมา ชมนาดรีบวิ่งตามออกมา
"ธนาฒน์”
"ผมพยายามจะอดทนแล้วนะครับพี่ชม แต่คุณสินธรจงใจจะบีบให้ผมทนไม่ได้ ผมก็ไม่ทน" ธนาฒน์ว่า
ชมนาดตบหน้าธนาฒน์ทันทีดังเพี๊ยะ
"ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าเธอต้องทำตามคำสั่งชั้น"
ธนาฒน์อัดอั้น "ผมรู้ งั้นพี่ก็สั่งผมมาสิ จะให้ทำอะไรก็บอกมาเลย ผมทนไม่ไหวแล้ว ถ้าพี่ไม่สั่ง ผมจะทำของผมเอง"
ชมนาดเดินก้าวเข้าไปใกล้ ธนาฒน์ก้าวถอยเพราะกลัว
"กล้าเหรอ เธอกล้าทำเองใช่มั้ย ตอบมาสิ"
ธนาฒน์แขยง ชมนาดมองอย่างอำมหิตและเลือดเย็น
อัณณากำลังแต้มยาตามรอยถลอกที่แขนให้ปราณ โดยมีอิ่มยืนดูอยู่ห่างๆ
"รู้ก็รู้ว่าตัวเองยังไม่แข็งแรงดี ทำไมยังกล้าไปมีเรื่องกับเขาอีก" อัณณาว่า
"ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะ มันบุกเข้ามา" ปราณหาเรื่องผมในบ้าน
อัณณาตัดบท "เงียบ" ปราณหุบปากจ๋อยๆ "ป้าอิ่มบอกแล้วว่าเขาขอมาเข้าห้องน้ำ แล้วถึงเขาจะบุกเข้ามา คุณก็น่าจะคิดได้ว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะเอาตัวเองไปแลกกับพวกนั้น"
ปราณพยายามจะเถียง "แต่มันเยาะเย้”
"เงียบ" อัณณาขึ้นเสียง ปราณจ๋อย "ถ้าคุณอยากให้ปัญหานี้จบ คุณต้องรีบจำให้ได้เร็วที่สุด เข้าใจมั้ย"
"ก็พวกมันเดินเพ่นพ่านเต็มบ้านจะให้ผมคิดออกได้ยังไง"
"ไม่ออกก็ต้องพยายาม ทางเดียวที่จะช่วยณนต์และคุณภัทได้คือเอกสารในไฟล์นั้น ณนต์จะหลบไปได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าณนต์ถูกจับได้ คุณสินธรเอาเขาเข้าคุกแน่"
"คุณอย่ากดดันผมสิ"
อัณณาเสียงแข็งท่าทางจริงจัง "ไม่ได้กดดัน แต่เราไม่เหลือเวลาอีกแล้ว"
ปราณเหลือบไปเห็นอิ่มกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
"ยิ้มอะไรครับป้าอิ่ม"
"ยิ้มเพราะคุณอัณเป็นคนเดียวที่เอาคุณปราณอยู่" อิ่มยิ้มๆ แล้วเดินแยกออกไป
ปราณบ่น "เอายงเอาอยู่อะไร ผมก็แค่ไม่อยากเถียง" ปราณหันมาเห็นอัณณาจ้องตาดุอยู่เลยเสียงอ่อยลงไปทันที เขารีบเปลี่ยนเรื่อง "ณนต์ติดต่อมาบ้างหรือเปล่า หือ เอ้า ได้ยินที่ผมถามมั้ย จ้องทำไม" ปราณอึกอักแล้วก็ยอมหงอลงอีก "ไม่ถามก็ได้" ปราณหุบปากสนิท
ปราณเห็นว่าอัณณาไม่มีท่าทีจะอ่อนลงจึงจ๋อยๆ
อัณณาเลยยิ้มและหัวเราะออกมาที่แกล้งให้ปราณหงอสำเร็จ อิ่มพลอยขำไปด้วย
"แกล้งผมเหรอ" ปราณว่า
ปราณฮึดฮัดขัดใจทำท่างอน อัณณายิ้มและหัวเราะออกมา
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ภัทรินนั่งเหม่อลอยอยู่ริมน้ำ
เสียงปราณนต์พูดกับกังหันดังขึ้น "ฮัลโหล"
ภัทรินหันไปมองก็พบว่าปราณนต์กำลังพูดกับกังหัน พอเห็นจากหางตาว่าภัทรินมองมาปราณนต์ก็พูดกับกังหันต่อ
"พ่อครับ พ่อได้ยินเสียงผมนะครับ ตอนนี้ผมสบายดีนะครับ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลเรื่องข่าวด้วย มันไม่ใช่ความจริงเลยสักนิดเดียว แล้วผมจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าความจริงคืออะไร นะครับ เอ่อ แค่นี้ก่อนนะครับ มีคนแอบฟัง"
ปราณนต์หันมามองภัทรินแล้วทำเป็นต่อว่า
"นี่คุณแอบฟังผมเหรอ"
"มีพ่อเป็นกังหันแล้วเหรอ" ภัทรินแซว
"ผมส่งแมสเสจหาพ่อ"
ภัทรินงง "หา"
"ก็ฝากแมสเสจไปกับสายลม ให้มันพาเอาข้อความของผมลอยไปหาพ่อ ให้พ่อได้รับรู้"
"พ่อคุณจะรับรู้ได้ไง เสียงคุณไม่มีทางลอยไปถึงหูพ่อคุณแน่"
"เสียงลอยไปไม่ถึง แต่ลมไปถึงแน่ พ่อผมจะต้องสัมผัสลมได้แล้วก็รับรู้ความรู้สึกที่ผมฝากไปถึง" ปราณนต์ทำเป็นพูดดักคอไว้ก่อน "ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไม่ต้องออกความเห็นเลย ผมเชื่อของผมมาตั้งแต่เด็ก ผมเคยสัมผัสความห่วงใยของพ่อได้จริงๆ อุ๊ย" ปราณนต์ทำท่าปวดฉี่มาก "ผมไปเข้าห้องน้ำก่อน"
ปราณนต์รีบวิ่งออกไป ภัทรินมองตามจนเห็นปราณนต์หายไป แล้วเธอก็หันกลับมามองกังหันอย่างลังเลและชั่งใจ ปราณนต์ชะโงกหัวกลับมาแอบมอง ภัทรินมองเช็กว่าปราณนต์ยังไม่กลับมาแล้วก็ตัดสินใจเข้าไปพูดกับกังหันของตัวเองบ้าง
"เอ่อ แม่ แม่ได้ยิน ไม่ แม่ไม่ได้ยินหรอก" ภัทรินชั่งใจแล้วก็พูดใส่กังหัน "ภัทขอโทษนะแม่ที่หาเรื่องให้แม่ลำบากอีกแล้ว ภัทสัญญาว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจะไม่ทำให้แม่ต้องเหนื่อยเพราะภัทอีก ภัทจะทำให้แม่มีแต่ความสุข ความสุขเท่านั้น"
ภัทรินพูดเสร็จแล้วก็รู้สึกเบาขึ้นเหมือนได้ระบายความอึดอัดออกไป เธอผ่อนคลายขึ้นแต่แล้วก็ต้องตกใจ เพราะปราณนต์เข้ามายืนเต๊ะท่า ยักคิ้วกวนๆ ที่จับได้
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ"
ภัทรินลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่ได้ทำอะไรและไม่สนใจ
ปราณนต์พูดอีก "อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ"
"อะไร"
"เปล๊าวว" ปราณนต์เสียงสูง
"เปล่าก็ไม่ต้องยิ้ม" ภัทรินว่า
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ"
"นี่”
ปราณนต์หัวเราะออกมาที่ได้แกล้งภัทริน
ภัทรินอายที่ถูกจับได้ แต่ก็เผลอยิ้มด้วยความเขิน "ประสาท" ภัทรินเขินเลยจะเดินหนี
ปราณนต์คว้ามือภัทรินแล้วดึงมา "จะไปไหน"
ภัทรินถูกดึงก็เซเข้าไปใกล้ปราณนต์ ทั้งสองมองตากัน ปราณนต์ยิ้มให้ ภัทรินรู้สึกวาบหวิวและหัวใจเต้นเร็วราวกับอยู่ใกล้ชิดหมอปราณนต์ สามีของเธอ
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ"
ภัทรินตกใจกับความรู้สึกของตัวเองจึงรีบผละออก "ชั้น ชั้นจะไปอาบน้ำ"
ภัทรินจะเดินไป
ปราณนต์โพล่งขึ้นมา "รู้เหรอว่าห้องอาบน้ำอยู่ไหน"
ภัทรินชะงัก
ปราณนต์เดินนำภัทรินมาที่อีกด้านของเรือนซึ่งเป็นมุมอาบน้ำกลางแจ้ง
"อาบตามสบายนะ" ปราณนต์จะเดินกลับ
"ไหนห้องน้ำ" ภัทรินถาม
"นี่ไง"
"นี่" ภัทรินมองไปที่มุมอาบน้ำ "นี่”
"ใช่ เห็นมั้ยนั่นขัน นั่นเครื่องอาบน้ำ ผ้านุ่ง ป้าชุจัดมาให้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ขาดอะไรแล้วนะครับ" ปราณนต์ยิ้ม "ตามสบายนะครับ"
"บ้า ใครจะอาบน้ำในที่โล่งแจ้งขนาดนี้"
"อยากจะให้ผมอาบให้ดูมั้ยล่ะครับ"
"ทะลึ่ง”
"ไม่ต้องเขินหรอกคุณ แถวนี้มีแต่ปลา ลิง นกเงือก นานๆทีอาจจะมีเก้งกวางบ้าง แต่พวกมันคงไม่รู้จะแอบดูคุณไปเพื่ออะไรหรอก"
"ชั้นไม่ได้ห่วงสัตว์พวกนั้น ชั้นกลัวคุณนั่นแหละ"
"คุณกลัวผม ผมก็กลัวคุณเหมือนกัน"
"นี่”
ปราณนต์ยิ้มแล้วจะเดินออกไป
"เดี๋ยว เอ่อ คือ คุณพอจะมีผ้าเล็กๆมั้ย คือชั้นอยากจะถอดแหวนแต่งงานออกมาทำความสะอาด มันเริ่มหมองๆแล้ว ชั้นไม่อยากให้หมอคิดว่าชั้นไม่ใส่ใจแหวนแต่งงานของเรา สรุปมีผ้ามั้ย"
ปราณนต์พูดเหวี่ยง "ไม่มี"
"เออนี่คุณ คุณยังไม่เคยเห็นแหวนแต่งงานของชั้นใช่มั้ย นี่ๆๆ" ภัทรินยื่นมือให้ดู "น้องชายคุณรสนิยมเลือกของใช้ได้เลยนะ อุ๊ย นี่ชั้นผอมลงเหรอ แหวนมันหลวมๆ คุณมีด้ายมั้ย"
"ไม่มี ไม่รู้ ไม่ต้องมาบอกผม"
ปราณนต์อารมณ์เสียก่อนจะเดินออกไป
ภัทรินซึมลง เธอไม่ชอบใจนักที่ต้องใช้วิธีนี้เพื่อย้ำกับเขาว่าเธอแต่งงานแล้ว
ปราณนต์เดินแยกมาอีกด้านด้วยอารมณ์ฉุนๆหึงๆ
"รู้แล้วน่าว่าแต่งงานแล้ว จะย้ำทำไม" ปราณนต์ฮึดฮัด แต่แล้วก็คิดได้จึงนิ่งไป "ก็เรานี่หว่า อ้าว แล้วจะโมโหทำไม เอ้า" ปราณนต์ขำตัวเองที่หึง "งั้นก็แปว่าภัทรินรักเรามากเลยอ่ะดิ" ปราณนต์คิดเองแล้วก็เขินเอง อยู่คนเดียว "เฮ้ย บ้าน่า บ้า บ้า"
ภัทรินเปลี่ยนมานุ่งผ้าถุงอาบน้ำ เธอเดินอย่างระแวดระวังเพราะกลัวมีใครมาแอบมอง ภัทรินรู้สึกไม่มั่นใจกับผ้าถุงจึงขยับปมให้กระชับขึ้นเพื่อความชัวร์ แล้วก็ค่อยๆลงนั่งที่ริมแพ เธอหย่อนเท้าลงไปในน้ำ ทันทีที่เท้าสัมผัสน้ำก็ต้องรีบชักขึ้นเพราะน้ำเย็นมาก
"บรึ่ย"
ภัทรินก้มตักน้ำจากเขื่อนขึ้นมาค่อยๆราดตัวเองทีละนิด
"บรึ่ย"
ภัทรินตักน้ำมาราดล้างหน้า โดยราดไปก็หนาวไป เธอพ่นลมจากคอแบบคนหนาวสั่นตลอดเวลา อยู่ๆ ก็มีลมพัดมาวูบหนึ่ง
ภัทรินยิ่งหนาวมากขึ้น "ฮึ่ย ลมมาพัดอะไรตอนนี้"
ภัทรินถึงกับนั่งห่อตัวไปทั้งตัว ไหล่ห่อ คอย่น แขนหนีบ สองมือกุมประสานกันที่หน้าอก หนีบตัวเองเอาไว้ให้แนบชิดที่สุดเพื่อรอให้ลมที่พัดมาผ่านไป
"ไปซะทีสิ ลมบ้า"
ระหว่างนั้นภัทรินก็ถูมือสองข้างไปมา แต่แล้วก็ทนหนาวไม่ไหวจึงตัดสินใจจะไม่อาบน้ำแล้ว
"ไม่อาบแล้ว"
ภัทรินรีบยันตัวลุกขึ้นมา แต่ผ้าถุงหลวมจึงรีบจับปมแล้วกระชับให้แน่น เสร็จแล้วก็กลับมาอยู่ในท่าตัวหนีบมือประสานที่อกตามเดิม ภัทรินเดินไปพร้อมกับถูมือกันไปมา จนกระทั่งนิ้วมือไปตวัดงัดเอาแหวนแต่งงานหลุดออกมาจากนิ้วเองหล่นไปกับพื้น
"เฮ้ย!”
แหวนกลิ้งไปอย่างเร็ว ปลายทางที่เห็นคือมันกำลังจะตกลงไปในน้ำ
"ไม่นะๆๆ"
ภัทรินตกใจจึงจะรีบตามไปเก็บแหวน แต่ผ้าถุงจะหลุดเลยรีบคว้าจับผ้าถุงไว้ด้วยมือข้างนึง ขาก็รีบก้าวไล่ตามแหวน ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปเพื่อจะตะครุบแหวนให้ได้ ในที่สุดก่อนที่แหวนจะหล่นน้ำ ภัทรินก็ตะครุบแหวนได้ แต่เท้ากลับลื่น ภัทรินเสียหลักตกลงไปในน้ำทันที
ปราณนต์ที่กำลังจัดโต๊ะอาหารได้ยินเสียงน้ำกระจายก็ตกใจ หันขวับ แล้วรีบวิ่งไป
"ภัท”
ปราณนต์วิ่งเข้ามาเห็นภัทรินตะกุยน้ำอยู่
"ภัท”
ปราณนต์วิ่งไปแล้วกระโดดลงไปในน้ำทันที เขารีบเข้าไปประคองตัวภัทรินเอาไว้ แต่ภัทรินอยู่ในอารมณ์กลัวตายจึงผวาเข้ากอดรัดปราณนต์แน่น จนปราณนต์หายใจไม่ออก เขาพยายามตะคอกสั่งให้ภัทรินตั้งสติ
"ภัท ผมอยู่นี่แล้ว ผมอยู่นี่ ไม่ต้องกลัว"
ภัทรินกลัว "ช่วยด้วย ช่วยชั้นด้วย"
ปราณนต์ลากภัทรินมาที่ริมเรือนแพ เขาจับมือภัทรินให้เกาะขอบแพเอาไว้
"ปลอดภัยแล้วภัท ปลอดภัยแล้ว"
ภัทรินค่อยๆตั้งสติมองหน้าปราณนต์ แล้วเธอก็นึกเรื่องแหวนขึ้นมาได้ "แหวน แหวนแต่งงานของชั้น จมไปแล้ว แหวน"
ปราณนต์จับภัทรินไว้ไม่ให้กระโจนลงไปอีก "อย่า"
"แหวนแต่งงานชั้นจมไปแล้ว"
"คุณเกาะไว้ อย่าปล่อยนะ เข้าใจมั้ย"
"คุณจะทำอะไร"
แล้วปราณนต์ก็กระโจนดำลงไปในน้ำทันที ภัทรินตกใจ
"คุณปราณ"
ภัทรินมองหาเพราะเป็นห่วงปราณนต์ สักพัก ปราณนต์ก็โผล่ขึ้นมาหายใจพร้อมกับเศษโคลนดินในกำมือ เพราะเขาดำลงไปใต้น้ำแล้วมองไม่เห็นเลยคว้ากำเศษดินโคลนขึ้นมาเผื่อจะมีแหวนติดขึ้นมาด้วย ปราณนต์เอาโคลนนั้นไปวางที่แพ พอไม่เห็นแหวน ปราณนต์ก็ดำลงไปใหม่อีกครั้ง
ปราณนต์ยังดำผุดดำว่าย กำเศษโคลนขึ้นมาวางแล้วดำลงไปใหม่ เขากำเศษโคลนขึ้นมาซ้ำไปซ้ำมา จนเศษโคลนบนแพมากขึ้น สีหน้าของปราณนต์จริงจังมากเพราะอยากจะหาแหวนให้เจอให้ได้ ภัทรินชักเป็นห่วงเขา
"คุณปราณ พอเถอะ..คุณปราณ"
ปราณนต์เอาเศษโคลนมาวางอีก ภัทรินรีบมาห้ามไม่ให้ดำลงไปอีก
"พอได้แล้ว เดี๋ยวจะเป็นตะคริวซะก่อน"
"ผมไม่เป็นไร"
ปราณนต์ดำลงไปอีก
"คุณปราณ ชั้นบอกให้พอ ชั้นไม่เอาแหวนแล้ว คุณปราณ"
ปราณนต์ยังคงดำผุดดำว่ายไปเลิก ยิ่งหาไม่เจอ ปราณนต์ก็ยิ่งเครียดจึงยิ่งรีบดำลงไปอีก ภัทรินร้องให้เขาหยุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กองเศษโคลนเยอะขึ้นราวกับว่าปราณนต์ดำขึ้นดำลงเป็นร้อยๆรอบ จนกระทั่งปราณนต์เอาเศษโคลนมาวางอีกครั้งแต่แล้วก็ยังไม่มีแหวนเช่นเดิม
ปราณนต์เครียด "ไม่มี"
ปราณนต์เครียดมากจึงจะดำลงไปอีก ภัทรินผวาดึงตัวเขาจนแทบจะเข้าไปกอดรั้งอยู่แล้ว
"พอ! ชั้นไม่ให้คุณดำลงไปอีกแล้ว ช่างแหวนเถอะ"
"ไม่ แหวนแต่งงานของคุณ ช่างไม่ได้"
"ไม่เอา ชั้นไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไป" ภัทรินกอดปราณนต์เอาไว้เพื่อรั้งไม่ให้เขาดำลงไปอีกแล้ว "พอแล้ว ชั้นไม่เอาแหวนแล้ว"
ปราณนต์กอดตอบ "ผมขอโทษ ผมขอโทษ"
"ช่างมันเถอะ นะ ช่างมัน"
ปราณนต์ค่อยๆสงบลงอย่างจำยอม
"ผมขอโทษนะ"
"ไม่ใช่ความผิดคุณเลย ไม่เป็นไรจริงๆ"
ภัทรินลูบผมเพื่อเอาเศษโคลนที่ติดตามหน้าตา เส้นผม เนื้อตัวของปราณนต์ออกให้ ปราณนต์มองภัทรินอย่างอ่อนโยนและรักใคร่ แล้วอยู่ๆ เขาก็จับมือภัทรินเอาไว้ ภัทรินงง ทั้งสองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงเป็นใยและอยากทะนุถนอมกันและกัน ทั้งสองคนมองตากันอย่างหวานซึ้ง
สินธรเดินออกมาที่โถงด้านนอกตึกด้วยท่าทางหงุดหงิด ชมนาดเดินประกบอย่างคอยเป็นห่วงเป็นใย
“คุณอยากให้ผมจัดการธนาฒน์” สินธรถาม
“ชมรู้จักนิสัยธนาฒน์ดี คนอย่างเขาทะเยอทะยานไม่รู้จักพอ อะไรที่เขาคาดหวังไว้ว่าจะได้แล้วไม่ได้ เขาก็ไม่ยอมยกให้ใครแน่” ชมนาดว่า
“คุณหมายถึงจีแอลเอสนี่ใช่มั้ย”
“ค่ะ ชมเป็นห่วงกลัวเขาจะกลับมาทำร้ายคุณ”
“ผมก็คิดจะจัดการมันอยู่เหมือนกัน คุณลองไปดูงานที่มันทำๆมาว่ามีรูโหว่อะไรให้เราเติมคำในช่องว่างได้หรือเปล่า ผมต้องการให้คุณเติมคำว่า“คุก”ให้ผมที”
“อุ้ย รู้มั้ยคะว่าชมก็กำลังคิดอย่างเดียวกับคุณเลย”
สินธรยิ้มเจ้าชู้ “เหรอ” สินธรดึงเอวชมนาดมา “ไหน เล่าแผนที่คุณคิดไว้ให้ผมฟังหน่อยสิ จะได้รู้ว่า เราใจตรงกันแค่ไหน”
รถตู้ส่วนตัวของสินธรแล่นมาจอดรอรับที่ด้านหน้าตึก
ชมนาดมีแววตาซุกซนกรุ้มกริ่ม “อืม ไปเล่าในรถดีกว่าค่ะ เล่าในที่ลับตาคนรับรองว่าชมจะเล่าให้สนุกสุดฝีมือเลย”
“ด้วยความยินดี”
ชมนาดเปิดให้สินธรขึ้นรถไป แล้วชมนาดก็ขึ้นรถตาม
สินธรรีบขึ้นมานั่งในรถอย่างสบายอารมณ์พร้อมสนุก เขาหยิบมือถือขึ้นมากด
สินธรกดๆมือถือ “ปิดเครื่องก่อน จะได้ไม่มีใครมาขัดจังหวะ”
ชมนาดตามขึ้นมานั่งประกบแล้วช่วยคลายปมเนคไทให้สินธร
“แผนของคุณคืออะไร” สินธรถาม
“แผนก็คือ ชมจะพาคุณไปในที่ๆจะไม่มีใครหาตัวคุณเจอ” ชมนาดบอก
“ผม คุณหมายถึงธนาฒน์หรือเปล่า”
ทันใดนั้นเสียงคนขับรถก็ดังขึ้น
“หมายถึงคุณนั่นแหละคุณสินธร”
สินธรผงะแล้วมองไปที่คนขับรถ
คนขับรถหันหน้ามาทำให้สินธรเห็นว่าเป็นธนาฒน์ ธนาฒน์ยักคิ้วกวนๆ และร้ายกาจ
“ธนาฒน์ นี่พวกแก”
ชมนาดหยิบปืนออกมาจากกระเป๋า “ชู่ว์”
สินธรผงะจนหน้าซีด
ชมนาดโยนถุงผ้าตรงนั้นให้ “คลุมหัวซะ! แล้วชมจะพาไปให้ถึงสวรรค์เลย”
ธนาฒน์กับชมนาดหัวเราะสะใจแล้วธนาฒน์ก็ขับรถออกไป
ปราณนต์นอนแผ่พักเหนื่อยจากการดำน้ำงมหาแหวนอย่างหมดแรงจนเหนื่อยหอบ
“พรุ่งนี้เช้า ผมจะงมหาใหม่ น่าจะมองเห็นอะไรมากกว่าตอนนี้”
“นี่ เลิกคิดเรื่องแหวนได้มั้ย ช่างมันเถอะ หายไปแล้วก็หายไป ชั้นไม่ต้องการมันแล้ว”
“แต่มันเป็นแหวนแต่งงานของคุณ คุณรักและหวงมันมาก ไม่ต้องห่วงน่ะ ผมต้องหามันเจอแน่”
“ไม่ต้องหา ถึงชั้นจะรักมันมาก แต่มันก็ไม่ได้มีค่ามากไปกว่าชีวิตคนๆนึง ถ้าเกิดคุณเป็นตะคริวจมน้ำตายขึ้นมา ชั้นจะทำยังไง เมื่อกี้ชั้นนึกว่าคุณจะ จะจมน้ำไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ต้องหามันอีกแล้ว เข้าใจมั้ย”
ปราณนต์อึ้งไป “คุณไม่อยากให้ผมตาย คุณห่วงผมเหรอ”
“ใช่ ไม่ว่าจะคุณหรือหมาแมวที่ไหน ถ้าต้องมาเสี่ยงตายเพราะความสะเพร่าของชั้น ชั้นก็เป็นห่วงทั้งนั้น ชั้นไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องมาลำบากอีก แค่หมอณนต์ความจำเสื่อม ชั้นก็รู้สึกผิดมากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว”
“คุณจะรู้สึกผิดทำไม คุณไม่ได้เป็นคนทำให้ณนต์เป็นอย่างนี้ซะหน่อย”
“ถ้าวันนั้น ชั้นไม่ขับไล่เขา หรือไม่แช่งเขา อุบัติเหตุอาจไม่เกิดก็ได้ หมอณนต์ก็ไม่ต้องความจำเสื่อม เราก็คงจะมีชีวิตสุขสบายดีอยู่ที่ดอยผาหมอกไปแล้ว ถ้าวันนั้นชั้นแค่ห้ามเขาไว้ แค่ห้าม”
ภัทรินน้ำตาไหล ปราณนต์อึ้งและยอม
“เอ่อ โอเคๆ ผมช่างแหวนก็ได้”
ภัทรินปาดน้ำตาแล้วตั้งสติ “ขอบใจ”
ภัทรินลุกจะเดินออกไป แค่ปราณนต์รีบจับมือเธอเอาไว้
“เดี๋ยว”
ภัทรินดึงมือและสะบัดออก ปราณนต์ร้องเพราะเจ็บ
“โอ้ย!”
ปราณนต์เพิ่งรู้ตัวว่ามีอาการบาดเจ็บที่ช่วงบ่าเพราะเกิดจากการถูกภัทรินจิกตอนที่เธอมาเกาะในน้ำ เล็บของภัทรินข่วนบ่าของปราณนต์เป็นรอยแดงถลอก
ภัทรินหันมาเห็นแผล “แผลคุณ”
อัณณากำลังถามอิ่ม
“ณนต์ไม่มีโทรศัพท์มาเลยเหรอคะ ป้าอิ่ม ถ้าณนต์ติดต่อมา ป้าต้องบอกเขานะคะว่าคุณสินธรกำลังแกะรอยเขา ให้รีบเปลี่ยนที่อยู่ทันที”
“มันร้ายแรงอย่างนั้นเลยเหรอคะ”
ทันใดนั้นเสียงปราณเคาะนิ้วกระแทกแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ก็ดังปังๆๆ ปราณหงุดหงิดและเครียดมากที่จำรหัสไม่ได้
อัณณาปราม “ปราณ ถ้าคิดไม่ออกก็อย่าฝืนเลย เข้านอนเถอะ”
ปราณยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมหยุดตามที่อัณณาแนะนำ
“ปราณ คุณเครียดมากแล้ว ความเครียดมันไม่ช่วยให้คิดออกหรอก พักหน่อยนะ นะ ห้านาทีก็ได้”
“เนี่ย ผมพักอยู่”
“นั่งแปะหน้าคอมไม่เรียกว่าพัก ลุกๆๆ ออกไปเดินเล่นกัน”
อัณณาเข้าไปดึงปราณให้ลุกขึ้น ปราณจำต้องเดินตามอัณณาไปแต่แล้วเขาก็ชะงักเพราะเห็นว่าที่โต๊ะด้านหนึ่งมีแจกันดอกทานตะวันวางอยู่
“อะไร อัณเป็นคนซื้อมาจัดให้เอง ก็ปราณชอบไม่ใช่เหรอ”
“ดอกทานตะวัน” ปราณเปรย
ปราณมองดอกทานตะวันอย่างฉงนเพราะรู้สึกคุ้นเคยคลับคล้ายคลับคลา ปราณยืนมองนิ่งไปสักพัก จนอัณณาแปลกใจ
“มีอะไรเหรอปราณ”
ปราณยังคงจ้องดอกทานตะวันด้วยสีหน้าพิศวง
ปราณนต์กำลังยืนส่องกระจกมองรอยแผลของตัวเองว่ามีตรงไหนบ้าง ภัทรินเดินออกมาจากอีกด้าน
“ไม่มียาอะไรเลย มีแต่ปลาสเตอร์”
“แค่นั้นก็พอแล้ว เล็บคุณคงไม่ได้มีพิษร้ายใช่มั้ย”
ภัทรินถลึงตาใส่ “มานี่”
ภัทรินถือผ้าขาวม้ามาซับน้ำที่หลังของปราณนต์ เธอค่อยๆซับน้ำให้อย่างอ่อนโยนเพราะไม่อยากทำให้ปราณนต์เจ็บก่อนจะค่อยๆ ติดปลาสเตอร์ปิดแผลให้
ปราณนต์มองภัทรินผ่านกระจกด้วยความซึ้งใจและรู้สึกดี ยิ่งได้เห็นความอ่อนโยนของภัทรินก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่ดึงภัทรินเข้ามาในเกมนี้ ปราณนต์มีแววตาหมองลง
ภัทรินติดปลาสเตอร์ให้เสร็จก็บอก “เสร็จ”
“เอ่อ ขอบคุณครับ” ปราณนต์พูด
“หันหน้ามา”
ปราณนต์งง “หือ”
ภัทรินชี้ “นั่นอีกแผล”
ปราณนต์มองเห็นว่ามีอีกแผลหนึ่งด้านหน้าเลยหันหน้ามา ภัทรินติดปลาสเตอร์ที่แผลอีกรอยที่อยู่ช่วงบ่าด้านหน้าให้ ปราณนต์มองภัทรินอย่างใกล้ชิดด้วยความรักใคร่จนหักห้ามใจแทบไม่อยู่ ภัทรินติดปลาสเตอร์เสร็จก็ช้อนตาขึ้นมามอง ทั้งสองคนสบตากันแล้วก็ตะลึงงัน หยดน้ำจากเส้นผมของปราณนต์หยดลงแก้มภัทรินอย่างอ่อนโยน
ปราณนต์เอ่ยออกมา “ผมขอโทษนะ”
“หือ เรื่อง”
ปราณนต์ปาดหยดน้ำที่แก้มภัทริน อ่อนโยน รักใคร่ ทะนุถนอม
“เรื่องที่ผม ผม ทำน้ำหยดบนแก้มของคุณ”
ภัทรินเกิดความรู้สึกวาบหวาม ใจเต้นแรง แววตาสั่นระริกจนปราณนต์เอื้อมมืออีกข้างมาสัมผัสแก้ม
ภัทรินปล่อยตัวให้เขาจับไป ภัทรินเผลอตัวเอื้อมมือจะจับแก้มปราณนต์เช่นกัน แล้วภัทรินก็รู้สึกตัวจึงรีบหลบตา ก้มหน้า แล้วหันหน้าเดินหนีออกไป ปราณนต์ได้แต่มองตามด้วยความอึดอัดที่ต้องปิดบังความจริง
ปราณยังคงมองแจกันดอกทานตะวันอย่างใช้ความคิด
“ปราณ คุณจะอยู่ตรงนี้จนสว่างเลยเหรอ ถ้าคิดไม่ออกก็ไป” อัณณาชะงักเพราะเห็นน้ำในตาของปราณ “ปราณร้องไห้เหรอ”
ปราณปาดน้ำตาเพราะไม่รู้ตัวเหมือนกัน เนื่องจากน้ำตาไหลออกมาเอง “ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมรู้สึก..เศร้า หมดแรง เวลาที่มองมัน ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะอะไร มันต้องมีความทรงจำอะไรบางอย่าง”
“เอ่อ..”
“ใช่มั้ยอัณ อัณรู้ใช่มั้ยว่าเพราะอะไรผมถึงรู้สึกอย่างนี้”
ปราณมองด้วยสายตาเศร้าและอยากรู้
“เพราะอะไรอัณ บอกผมได้มั้ย” ปราณถาม
อัณณารู้ดีว่าเพราะอะไร แต่ก็ไม่อยากพูดออกมา
ภัทรินนั่งม้านั่งชมวิวอยู่ด้วยสีหน้าเครียด เธอคิดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับปราณนต์ด้วยความข้องใจว่าทำไมตัวเองถึงวาบหวามกับพี่ชายของสามีได้
สักพัก ปราณนต์ก็เดินเข้ามานั่งร่วมม้านั่งด้วย ภัทรินหันมามอง
ปราณนต์รีบออกตัว “ผมจะนั่งเงียบๆ ไม่รบกวน” ปราณนต์เลิกคิ้วทำหน้าเป็นเชิงถามว่าโอเคไหม
ภัทรินไม่อยากจะต่อปากต่อคำด้วยจึงปล่อยไป เธอมองวิวและบรรยากาศต่อไป ปราณนนต์นั่งนิ่งๆ และแอบมองภัทรินเป็นระยะๆ แต่ไม่กล้าพูดอะไรจนกระทั่งภัทรินเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“บรรยากาศดีจัง” ภัทรินพูด
“อืม ใช่ บรรยากาศดีมากๆเลย” ปราณนต์ยอมรับ
“ถ้ามากับหมอณนต์คงจะดี”
ปราณนต์หันมามองงงๆ “อื้อ ใช่” ปราณนต์เห็นภัทรินลูบต้นแขน “อื้อ คุณหนาวมั้ย ผมไปเอาผ้าห่..ม”
ภัทรินพูดแทรก “ถ้าหมอณนต์อยู่ และทำขนมเปงม้งให้กินด้วย ก็คงจะดี อากาศดี วิวสวย ขนมอร่อย แล้วก็หมอณนต์ แค่นี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว อ้อ เราจะได้นั่งดูดาวด้วยกันด้วย”
“คุณเป็นอะไร จะพูดถึงความกุ๊กกิ๊กของพวกคุณให้ผมฟังทำไม”
“เราเคยห่มผ้าดูดาวด้วยกันด้วยนะ แล้วหมอณนต์ก็สอนชั้นดูดาวด้วย” ภัทรินชี้ไป “นั่น ดาวลูกเป็ดภัทริน นั่น ดาวหมอปากเสีย ไม่ต้องไปแคร์ว่าใครจะตั้งชื่อมันว่าอะไร แต่ตอนนี้มันคือดาวสองดวง ที่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้จัก ก็พอ”
ปราณนต์ชักข้องใจว่าเป็นอะไรจึงเสียงแข็ง “ภัทริน”
“ชั้นอยากให้คุณรู้ว่าชั้นกับน้องชายคุณ เรามีความสุขกันมาก เขาคือความทรงจำดีๆ..ถึงคุณจะหน้าเหมือนเขา และพยายามทำดี แต่คุณก็คือคุณ ไม่ใช่หมอณนต์”
“อ้อ คุณก็เลยพยายามจะบอกให้ผมรู้ว่าคุณมีสามีแล้ว”
ภัทรินพูดเน้น “และคุณไม่ควรจะมาอยู่ใกล้กับชั้นอีก”
ภัทรินมองด้วยสายตาเป็นเชิงขับไล่ให้ปราณนต์ลุกออกไป
“ทำไม กลัวว่าจะเผลอใจรักผม นายปราณ งั้นเหรอ”
ภัทรินตัดสินใจจะลุกไปเอง แต่ปราณนต์คว้ามือเธอเอาไว้
“ตอบผมมาก่อน”
ภัทรินกระชากมือตัวเองออก “ชั้นไม่ได้รัก”
ทันใดนั้นปราณนต์ก็ขยับเข้ามาประชิดตัวจนภัทรินพูดสะดุดกึก ถ้อยคำที่อยากพูดเหมือนกลืนหายไป
“แต่เมื่อกี้ สายตาและความรู้สึกของคุณ มันไม่ใช่ คุณเต็มใจที่จะให้ผมจูบ ไม่สิ พูดงี้ไม่แฟร์ ต้องพูดว่า คุณก็อยากจูบผมเหมือนกัน”
“ทุเรศ” ภัทรินผลักปราณนต์ออกแล้วก็มีแววตาสั่นเพราะรับไม่ได้กับความรู้สึกของตัวเองและพยายามจะปฏิเสธมัน “ชั้นไม่ได้พิศวาสคุณ มันเป็นเพราะชั้นคิดว่าคุณคือหมอณนต์ เพราะคุณสองคนหน้าเหมือนกันมาก เพราะที่นี่มันเงียบ และสวย และอากาศเย็น และ และเพราะชั้นกำลังเครียด และต้องการใครสักคนปลอบ และเพราะคุณคือคนเดียวที่อยู่ตรงนี้ ชั้นถึงเผลอทำในสิ่งที่ชั้นไม่ได้อยากทำ ชั้นไม่ได้อยากทำ ไม่ได้รักคุณ คนที่ควรจะอยู่ที่นี่ กับชั้นตอนนี้ คือหมอณนต์ ไม่ใช่คุณ ไม่ใช่คุณ”
ภัทรินพูดจบแล้วจะเดินหนี แต่ปราณนต์โพล่งออกมาก่อน
“แล้วรู้ได้ไงว่าหมอณนต์ไม่ได้อยู่ที่นี่”
ภัทรินชะงัก อึ้ง และงง เธอหันกลับมา ปราณนต์ลังเลชั่งใจ เขามีสีหน้าอัดอั้นเพราะอยากเปิดเผยความจริงเป็นที่สุด
อ่านต่อหน้าที่ 3
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ปราณนต์เดินแยกมาอีกด้าน ภัทรินเดินตามมาด้วยความข้องใจ
“หมอณนต์อยู่ที่นี่ หมายความว่ายังไง”
“หมอณนต์อยู่กับคุณตลอดเวลา” ปราณนต์บอก
“ชั้นไม่เข้าใจ”
“หลับตาสิ”
ภัทรินงงแต่ปราณนต์พยักหน้าให้ทำตาม ภัทรินหลับตาอย่างเสียไม่ได้
ปราณนต์หลับตาลงเช่นกันโดยที่ยังยืนอยู่ข้างกัน “คุณรู้สึกมั้ย”
“รู้สึกอะไร”
“ลม” ปราณนต์บอก
“ลม แล้วไง” ภัทรินถามต่อ
“ปราณและปราณนต์ ชื่อของเรา แปลว่าลม”
ภัทรินลืมตา “นี่ใช่มั้ยที่จะบอก” ภัทรินประชด “สามีชั้นคือสายลมที่หวังดี ขอบคุณ”
ภัทรินจะเดินไป แต่ปราณนต์ยังพูดต่อ
“ถึงคุณจะมองไม่เห็นลม แต่ลมก็อยู่กับคุณตลอด”
ภัทรินหันกลับมายิ้มเยาะ “ชั้นไม่ได้ต้องการลม ชั้นต้องการ” ภัทรินเน้น “หมอปราณนต์”
ปราณนต์ชักเหลืออดและอึดอัดไม่ต่างกัน “แล้วคิดว่าหมอปราณนต์ไม่ต้องการคุณเหรอ..คิดว่าเขาอยากให้คุณเครียดจนต้องเสียน้ำตางั้นเหรอ”
“เขายังจำชั้นไม่ได้ แล้วจะมารู้สึกอะไร”
“เขาจำคุณไม่ได้เพราะ” ปราณนต์ชี้หัวตัวเอง “ปัญหาด้านเหตุผล แต่ปัญหาด้าน” ปราณนต์ชี้หน้าอกด้านซ้าย “ความรู้สึก ผมมั่นใจว่าเขารู้สึกได้!! เขาเป็นห่วงคุณ และเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณตอนนี้! เผลอๆจะเจ็บกว่าด้วยซ้ำ ที่เห็นคุณร้องไห้แต่เขาทำอะไรไม่ได้..แค่จะบอกคุณว่า เป็นห่วง เขาก็พูดไม่ได้”
ภัทรินน้ำตาแตกเพราะสุดกลั้น “เขาจำชั้นไม่ได้ จำอะไรเกี่ยวกับชั้นไม่ได้เลย จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าชั้นเคยทำไม่ดีกับเขาไว้ยังไงบ้าง ความทรงจำเกี่ยวกับชั้นกลายเป็นศูนย์ แล้วเขาจะมาเจ็บปวดอะไร ชั้นสิที่เจ็บ เพราะชั้นจำทุกอย่างได้อยู่คนเดียว”
ภัทรินร้องไห้ไม่หยุด ปราณนต์อยากจะปลอบภัทรินใจจะขาด
ปราณนต์พูดอ่อนโยนขึ้น “ภัทริน บางทีณนต์ อาจจะอยากให้สายลม เป็นตัวแทนของเขาดูแลคุณก็ได้นะ”
“งี่เง่า”
“ฟังสิ สัมผัสดู ลมเบาๆ เย็นๆ ลมที่ทำให้เรารู้สึกสบาย ปลอดภัย และมีความสุข”
ภัทรินยังร้องไห้ไม่หยุดแล้วก็ส่ายหน้า “ชั้นไม่รู้สึก ชั้นไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น”
“งั้นคุณมองสิ” ปราณนต์จับให้ภัทรินมองออกไป “คุณเห็นใบไม้ที่ไหวมั้ย นั่นแหละลม เห็นคลื่นน้ำที่ไหวมั้ย นั่นก็ลม กังหันของคุณ ก็ลม”
“พอเถอะ”
“มีลมอยู่ทุกที่ คุณอาจไม่เห็นลมโดยตรง แต่คุณรับรู้ถึงลมผ่านสิ่งอื่นได้ อาจจะเป็นสิ่งของ หรือธรรมชาติ หรือแม้แต่ในตัวคนบางคน คุณต้องมองให้เห็นสิ”
ปราณนต์พยายามจะบอกให้ภัทริน ภัทรินหันมามองสบตาปราณนต์
“ผมเป็นห่วงคุณมากนะ”
ภัทรินอึ้ง เธอมองหน้าปราณนต์ด้วยแววตาระริกอย่างไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าคือปราณหรือปราณนต์กันแน่ ทั้งสองคนต่างนิ่งงันไป ปราณนต์รู้สึกรักภัทรินมากจนเกินปิดบัง ความรักของเขาล้นออกมาทางสายตา ทันใดนั้นก็มีสายลมเบาๆพัดผ่านมา ทั้งสองคนยังจ้องกันนิ่ง แล้วปราณนต์ก็ค่อยๆโน้มปากเข้าไปหา
ภัทรินตื่นเต้น วาบหวาม ไม่ต่อต้าน ปราณนต์เลื่อนปากไปใกล้ยิ่งขึ้น ภัทรินไม่มีท่าทีหนี เธอหลับตาลงอย่างเฝ้ารอ ในขณะที่ปากกำลังจะประกบกัน ภัทรินกลับชะงักแล้วผละออก จากแววตาอยากรู้อยากเห็นกลายเป็นช็อกและพรั่นพรึงกับการกระทำของตัวเอง
ภัทรินตกใจที่ตัวเองเกือบเผลอจูบกับพี่ชายของสามี “ชั้น ชั้นมีสามีแล้ว”
ปราณนต์อึ้ง ภัทรินถอยกลับเข้าไปในเรือน ปราณนต์ได้แต่เครียด
ภัทรินวิ่งเข้ามาที่ห้องนอนในเรือนแพแล้วก็นั่งลงที่เตียง สองมือประสานบีบกันไว้ที่ตักแน่น เกร็ง ตัวสั่น เธอมองไปที่กระจกแล้วก็ตระหนกตกใจในความรู้สึกและสิ่งที่ตัวเองได้เกือบทำลงไป
“เขาคือปราณ ไม่ใช่หมอณนต์”
ภาพตอนที่ภัทรินหลับตาลง เฝ้ารอการจูบปรากฏขึ้นในความคิดของภัทริน
“ไม่!! ถึงเขาจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนี้ ไม่ใช่ ไม่ใช่”
ภัทรินสับสนและโกรธตัวเองที่ใจง่าย เธอทั้งโกรธและเสียใจ
ปราณนต์นั่งอึ้ง ประโยคสุดท้ายของภัทรินยังดังก้องในหัวของเขา
“ชั้นมีสามีแล้ว”
ปราณนต์เครียดและโกรธตัวเอง เขาเดินไปที่กังหันแล้วนั่งลงพูดกับมัน
“ผมไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจคุณ แต่ผมบอกความจริงไม่ได้..ขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ”
ปราณนต์เครียดและรู้สึกผิดที่ใจร้ายกับภัทริน
เสียงเพลงจากวิทยุในรถของอัณณาดังคลออยู่ในขณะที่อัณณากำลังขับรถพาปราณไปที่ไหนสักแห่ง ปราณสีหน้าขรึม เครียด เขามองออกไปข้างนอกแล้วก็ใช้ความคิด อัณณามองปราณแล้วมองกระจกมองหลัง ก็เห็นรถของคนจากจีแอลเอสขับตามมา
“พวกมันตามเราไม่เลิกจริงๆ” อัณณาว่า
“อัณจะพาผมไปไหน” ปราณถาม
“ที่ๆคุณอยากไปไง” อัณณาบอก
คนของจีแอลเอส2คนขับรถตามรถของอัณณาอยู่ คนที่นั่งข้างคนขับกดโทรศัพท์โทรออก
ชมนาดเดินเข้ามาในจีแอลเอสแล้วพูดโทรศัพท์ไปด้วย
“ตามมันไปอย่าให้คลาดสายตา ถ้ามันนัดพี่ชายของมันหรืออัณณามาเจอ พวกแกต้องจับตัวมาให้ได้ เข้าใจมั้ย”
คนของจีแอลเอสวางสายแล้วรีบขับตามไป ชมนาดวางสายอย่างเครียดๆ
เสียงร้องจากความเจ็บของสินธรดังลั่น ธนาฒน์กำลังเตะที่ลำตัวของสินธรอย่างเมามัน สนุกสนาน และสะใจ ชมนาดเดินกลับเข้ามา
“ธนาฒน์”
ธนาฒน์ชะงักแล้วยกมือแล้วทำท่าว่าไม่ได้ทำอะไร “เปล่านะ ไม่ได้อยากซ้อมเลย แต่มันคิดหนี ก็เลยต้อง นิดนึง”
“พวกแก..ร่วมมือกันหักหลังชั้น” สินธรว่า
“ใช่ครับท่าน” ธนาฒน์คว้าท่อนเหล็กขนาดเท่าท่อแป๊ปขึ้นมาจับให้เหมาะมือ “แล้ววันนี้ไอ้กระผมนะครับ จะตอบแทนบุญคุณของคุณให้เต็มเหนี่ยวเลยครับ”
ธนาฒน์ทำท่าเงื้อจะตี สินธรยกมือกัน แต่ชมนาดร้องห้ามไว้ก่อน
“พอได้แล้ว”
ธนาฒน์ทิ้งท่อเหล็กทันทีก่อนจะทำท่าอ้อนๆ
“แหม พี่ชม ผมก็แค่ขู่.. พี่ชมอย่ามองผมอย่างนั้นสิครับ”
ธนาฒน์อ้อนชมนาด สินธรเห็นความสนิทสนมของทั้งคู่ก็เพิ่งเข้าใจ
“นี่พวกแก แกสองคน”
ธนาฒน์โอบเอวชมนาด “ยังไม่รู้เหรอ ว่าผมกับพี่ชม” ธนาฒน์ดึงชมนาดมาแล้วหอมโชว์ “รักมากดั้วะ”
สินธรตะลึง “ชมนาด นี่แก กับไอ้ธนาฒน์เล่นชู้กันเหรอ”
“คุณต่างหากที่เล่นชู้คุณสินธร คุณไม่เคยซื่อสัตย์กับใครทั้งนั้น ภรรยา พี่ชาย องค์กรที่ให้โอกาสคุณทำงาน หรือกับชั้น สิ่งเดียวที่คนอย่างคุณซื่อสัตย์ด้วยก็คือความต้องการของตัวคุณเอง คนอย่างคุณไร้ค่าที่สุด ไม่รู้คุณจะเสียเวลาอยู่ต่อไปทำไม”
สินธรอึ้ง “แก จะทำอะไรชั้น”
“แล้วคิดว่าพวกชั้นอุ้มแกมาเพื่อเล่นไฮโลเหรอครับ”
“ชั้นจะช่วยทำให้ชีวิตของคุณมีค่า ด้วยการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจีแอลเอส” ชมนาดพูดกับธนาฒน์ “จัดการด้วย”
ชมนาดเดินออกไป ธนาฒน์ยิ้มสนุกและดูร้ายกาจ
“ชั้นส่งข้อความถึงคุณแอ๋วว่าออกมากับแก ชมนาด ถ้าชั้นหายไป คุณแอ๋วต้องตามหา และข้อความในมือถือจะเป็นหลักฐานที่พวกแกจะดิ้นไม่หลุด” สินธรบอก
ชมนาดกับธนาฒน์ชะงักและอึ้ง ธนาฒน์เข้าไปจับสินธรเหวี่ยงแล้วกระชากมือถือออกมาจนเห็นข้อความที่ส่งถึงแอ๋วว่า “กลับดึก กำลังไปคุยงานกับชมนาด”
“คุณแอ๋ว รู้ที่ซ่อนเอกสารลับทุกอย่างของชั้น ถ้าชั้นตายหรือหายตัวไป คุณแอ๋วจะเอาเอกสารพวกนั้นออกมา..รับรองได้ว่าพวกแกไม่รอด หึๆๆ” สินธรสะใจ
ธนาฒน์ทั้งแค้น ทั้งโมโหจึงหันมาชกสินธรเต็มแรง
ชมนาดเดินออกมาด้านนอกด้วยอาการหงุดหงิด
ธนาฒน์เดินตามมาถาม “เอายังไงดีพี่ชม จัดการมันไปเลยแล้วค่อยมาจัดการยัยคุณแอ๋วทีหลังดีมั้ย”
“อย่าหาเรื่อง เราจะกลับไปทำงานตามเดิม ส่วนไอ้สินธรขังมันไว้ก่อน แล้วชั้นจะหาทางจัดการมันทีหลัง”
“ได้ไงอ่ะพี่ชม”
“ธนาฒน์ นี่คือคำสั่ง ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างจบเห่ เธอต้องเชื่อชั้น”
ธนาฒน์รู้สึกขัดใจ แต่ก็ยอมหงอให้ชมนาด “แล้วพี่ชมจะเอาไงต่อครับ”
“จัดการไอ้คุณปราณก่อน ให้คนของเธอเฝ้าสินธรไว้ ส่วนเธอไปกับชั้น แวะไปเยี่ยมคุณพสุวัฒน์หน่อย ดูสิว่าพอจะมีทางทำให้ไอ้คุณปราณโผล่หัวออกมาจากที่ซ่อนได้บ้างมั้ย”
ชมนาดยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าร้ายกาจ
ภัทรินนอนลืมตาอยู่บนเตียง เธอมองไปยังที่นอนของปราณนต์ที่ถูกพับเรียบร้อยวางเข้ามุมเป็นระเบียบ ภัทรินยังคงนอนเหมือนไม่อยากลุก เธอครุ่นคิดทบทวนพร้อมกับมองไปนอกหน้าต่าง ภัทรินเห็นกังหันลมที่ปักเอาไว้คู่กันกำลังหมุนด้วยแรงลม
สักพักเสียงบานหน้าต่างก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพราะแรงลม ภัทรินมองกังหันและฟังเสียงที่เกิดจากลมด้วยความสับสน เหตุการณ์ตอนที่ปราณนต์พูดกับเธอแวบขึ้นในหัวของภัทริน
“ฟังสิ สัมผัสดู ลมเบาๆ เย็นๆ ลมที่ทำให้เรารู้สึกสบาย ปลอดภัย และมีความสุข”
“งั้นคุณมองสิ” ปราณนต์จับให้ภัทรินมองออกไป “คุณเห็นใบไม้ที่ไหวมั้ย นั่นแหละลม เห็นคลื่นน้ำที่ไหวมั้ย นั่นก็ลม กังหันของคุณ ก็ลม”
“มีลมอยู่ทุกที่ คุณอาจไม่เห็นลมโดยตรง แต่คุณรับรู้ถึงลมผ่านสิ่งอื่นได้ อาจจะเป็นสิ่งของ หรือธรรมชาติ หรือแม้แต่ในตัวคนบางคน คุณต้องมองให้เห็นสิ”
ปราณนต์พยายามจะบอกให้หันมามองสบตาเขา
ปราณนต์พูดอย่างอ่อนโยน “ผมเป็นห่วงคุณมากนะ”
ภัทรินอึ้ง เธอมองหน้าปราณนต์ด้วยแววตาระริกเพราะไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าคือปราณหรือปราณนต์กันแน่ ทั้งสองคนต่างนิ่งงันไป ปราณนต์รู้สึกรักมากจนเกินปิดบัง ความรักมันล้นออกมาทางสายตา มีลมเบาๆพัดผ่านมาแต่คนทั้งสองก็ยังจ้องกันนิ่ง แล้วปราณนต์ก็ค่อยๆโน้มปากเข้าไป
แล้วภัทรินก็ได้สติจึงลุกพรวดขึ้นมานั่งเพราะไม่อยากคิดฟุ้งซ่านอีกแล้ว เธอไล่ความคิดออกไปจากหัว
“พอๆๆๆ”
เสียงเพลงจากวิทยุด้านนอกดังเข้ามา เป็นเพลงลมจ๋า ของวงรอยัลสไปรท์
“ลมเอยเจ้าหอบรักมาให้ใคร จงพัดกลับไป เพราะดวงฤทัยข้าไม่ต้องการ ข้ากลัวเหลือเกิน กลัวรักที่สิ้นสงสาร กลัวรักจะทรมาน กลัวดวงวิญญาณจะต้องร้องไห้”
ภัทรินเดินออกมาด้านนอกก็เห็นวิทยุเครื่องเก่าของชุวางอยู่ สักพัก ปราณนต์ก็ถือสำรับอาหารเช้าซึ่งมีข้าวต้ม และน้ำผลไม้ออกมาจากอีกด้าน ปราณนต์ถือสำรับอาหารไปฮัมเพลงไปด้วย
ภัทรินมองปราณนต์แล้วก็พาลคิดไปถึงหมอปราณนต์ เธอนึกถึงหลายเหตุการณ์ที่ภัทรินรู้สึกว่าปราณนต์คนนี้เหมือนหมอปราณนต์ของเธอมาก เช่น ตอนที่ปราณนต์แกล้งสะบัดน้ำในหัวใส่ภัทริน ตอนที่ปราณนต์พูดว่า “นี่เพศอะไรล่ะ” ตอนที่ปราณนต์หัวเราะ ตอนที่ปราณนต์ไปช่วยรักษาหญิงคนงานก่อสร้าง ฯลฯ
อยู่ๆเสียงปราณนต์ทักก็ดังขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอ”
ภัทรินได้สติทันทีที่ได้ยินเสียงปราณนต์เรียก เธอนิ่งๆ เพื่อรอดูท่าที แต่ปราณนต์ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เดี๋ยวผมจะข้ามไปโทรศัพท์หาอัณณา จะไปด้วยกันมั้ย ถ้าไปก็รีบทานนะ อ่ะ นี่น้ำ” ปราณนต์ยื่นขันน้ำที่มีมะลิลอยให้ภัทริน
ภัทรินรับขันน้ำมา เธอมองดอกมะลิที่ลอยอยู่แล้วก็ตัดสินใจว่าจะพูดกับปราณนต์ให้ชัดเจน
“คุณปราณ”
ปราณนต์ชะงัก “หือ”
“เรื่องเมื่อคืน ไม่ใช่ความผิดคุณนะ เป็นเพราะชั้นเอง ชั้นคงจะรักและเป็นห่วงหมอณนต์มาก เลยเผลอคิดว่าคุณคือหมอณนต์ ชั้นขอโทษ และมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก”
“ผมก็ต้องขอโทษคุณด้วย กับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว และที่กำลังจะเกิด”
ภัทรินแปลกใจว่าหมายความว่าอะไร
“เรื่องที่กำลังจะเกิด คืออะไร”
ปราณนต์ยิ้มแห้งๆ แล้วเดินกลับเข้าไป ภัทรินแปลกใจ เธอค่อยๆ กินข้าวต้มไปแต่สายตายังข้องใจสงสัยไม่เลิก เสียงเพลงลมจ๋ายังดังตลอด
อัณณาจอดรถที่บริเวณริมทางแห่งหนึ่ง แล้วอัณณาก็นั่งนิ่ง
“ที่นี่แหละ”
ปราณลงจากรถแล้วมองออกไปก็พบว่าที่ตรงหน้าคือทุ่งดอกทานตะวัน ปราณมองอย่างตะลึง
ภาพอดีตในความทรงจำแว่บเข้ามา เป็นภาพปราณที่พาอัณณาซึ่งถูกปิดตาเดินเข้ามา ทั้งสองคนหัวเราะ
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณมีอาการปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย
ปราณเดินเข้ามาภายในทุ่ง อัณณาเดินตามมาห่างๆ แล้วปราณก็ค่อยๆเดินเร็วขึ้น เร็วขึ้น แล้วเดินเลี้ยวไปทางมุมนั้นทีมุมนี้ที อัณณาเดินตามตลอด
“ปราณ เดินระวังๆหน่อย”
ปราณหันกลับมามองตามเสียงของอัณณาแล้วก็ตาโตเพราะตกตะลึงกับภาพที่เห็น
เหตุการณ์ในอดีต อัณณาในวัยนักศึกษาถูกปิดตาแล้วพาเดินเข้ามาในทุ่งทานตะวันแห่งนี้
“ปราณ ปราณ เอาผ้าออกได้ยัง”
“โอเคๆ นับหนึ่งถึงสามนะ” ปราณบอก
“หนึ่ง สอง สาม”
อัณณาแกะผ้าออกแล้วมองทุ่งทานตะวันตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
“หูว ทุ่งทานตะวัน”
“อัณอยากมานานมากแล้วไม่ใช่เหรอ”
“สวย”
อัณณาตื่นเต้นดีใจจึงวิ่งเข้าไปดูดอกไม้ใกล้ๆ เธอเอาหน้าไปเทียบว่าดอกหรือหน้าใหญ่กว่ากัน ปราณมองอัณณาอย่างมีความสุข
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณยืนตะลึง เขาหันมองไปด้านพระอาทิตย์ แล้วหันกลับมามองเงาตัวเองที่ตกกระทบ
เหตุการณ์ในอดีต เงาของปราณกับอัณณาทอดอยู่บนพื้น ปราณกับอัณณายืนอยู่ตรงหน้าทานตะวันดอกหนึ่ง ทั้งสองยืนเอาตัวบังแสงอาทิตย์เอาไว้ให้มากที่สุด โดยที่มือของปราณข้างนึงถือไฟฉายกำลังสูง อ้อมไปส่องแสงทานตะวันจากอีกด้าน
อัณณาพูดกับดอกไม้ “แสงอยู่ทางโน้น หันหน้าไปทางโน้นซะดีๆ ปราณ ยืนดีๆ อย่าให้แสงเข้าสิ”
อัณณาขยับไปชิดกับปราณอีกเพื่อบังแสงจากพระอาทิตย์ให้มิดยิ่งกว่าเดิม ทั้งสองคนขยับเข้าหากัน แล้วกลายเป็นกระแทกกันจนเซไปทั้งคู่ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา
ปราณกับอัณณาร้องเพลง You are my sunshine ด้วยกัน ทั้งสองสนุกสนาน หัวเราะ อย่างมีความสุข
อัณณาเดินอยู่ในทางเดินภายในทุ่งทานตะวัน โดยหันหน้าหาพระอาทิตย์ ในขณะที่ปราณเดินขนานกับอัณณาแต่หันหน้ามองอัณณาตลอดทาง อัณณาหันมาเห็นว่าปราณมองเธอไม่วางตาแถมยังซ่อนบางอย่างไว้ข้างหลัง
“ปราณ” อัณณาเรียก
“Keep your face to the sunshine and you cannot see the shadow It’s what sunflowers do” ปราณพูด
“เชิดหน้าเข้าหาแสง แล้วคุณจะไม่มีวันเห็นเงามืด เช่นเดียวกับดอกทานตะวัน Helen Keller พูด..อัณเคยเขียนใส่การ์ดก่อนสอบไฟนอลให้ปราณ”
“ใช่..วันนี้ผมอยากบอกอัณเหมือนกันว่า Like a sunflower that follows every moment of the sun, so I turn to you, to follow you, my”
อัณณารีบพูดสวน “my God Carey Landry พูด”
“ใช่ เขาพูดว่าmy god แต่คำพูดของผมคือ”
อัณณาชิงตัดบทแล้วเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากให้ปราณพูดความรู้สึกในใจออกมาเนื่องจากกลัวเสียเพื่อน
“เราน่าจะชวนณนต์มาด้วย กลับเถอะ”
ปราณยื่นดอกทานตะวันดอกนึงให้ เป็นดอกที่มีป้ายเขียนติดไว้ว่า “ You are my sunshine.”
“my sunshine” ปราณบอก
อัณณาอึ้ง
“ที่ผมพาอัณมาวันนี้ เพราะผมอยากให้อัณรู้ความรู้สึก..”
อัณณาตัดบทเพราะไม่อยากได้ยิน “ปราณ! อย่าพูด! อะไรที่พูดแล้วจะทำให้อะไรๆมันเปลี่ยนไปในทางที่ไม่มีใครอยากให้เป็น ก็อย่าพูดออกมาดีกว่า”
“แต่ผม”
“อัณขอร้อง ปราณคือเพื่อนที่ดีที่สุด เพื่อนที่อัณรักและไว้ใจมากที่สุด”
ปราณช็อกที่ถูกปฏิเสธรัก
เหตุการณ์ปัจจุบัน อัณณาเข้ามายืนตรงหน้าปราณแล้วจับมือเขา
“ความเป็นเพื่อนคือรักแท้ ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่จางหายไป”
เหตุการณ์ในอดีต อัณณาเสียใจแต่แล้วก็ตัดใจหันหลังเดินหนีจากไป ปราณช็อก หัวใจของเขาคล้ายถูกกระชาก ดอกทานตะวันในมือร่วงลงพื้น
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณยืนนิ่ง สงบ เศร้าแต่เข้าใจ
“You are my sunshine” ปราณโพล่งออกมา
“You are my best friend” อัณณาย้ำ
ปราณถึงกับทรุดลงไปคุกเข่าตรงช่อทานตะวันซึ่งมีป้ายเขียนว่า You are my sunshine.
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณมองอัณณาอย่างเข้าใจ ปราณน้ำตาไหลซึมออกมาเอง อัณณาเช็ดน้ำตาให้
เขา ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างเข้าใจกันแล้วก็ค่อยๆ หัวเราะออกมา
“You are my sunshine” ปราณพูด
อัณณางง “หือ”
“รหัส” ปราณบอก
อัณณางงแต่แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจว่าปราณหมายถึงรหัสปลดล็อก เธอตาโตและอึ้งไป
ชาย2คนซึ่งเป็นคนของจีแอลเอสเดินเข้ามาบริเวณร้านค้าใกล้สันเขื่อนโดยแต่งตัวเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวทั่วๆ ไป ระหว่างทางเจอใครทั้งคู่ก็เข้าไปหาพร้อมกับยื่นรูปและถามอะไรบางอย่าง แต่คนที่ถูกถามส่ายหน้าหมด ช้าง ลูกของชุซึ่งเป็นเด็กวัย12ปีขี่จักรยานผ่านมา
ชายคนหนึ่งเข้าไปถาม “ไอ้น้องๆ ถามอะไรหน่อย”
ชุกำลังผัดผ่อนเจ้าหนี้อยู่ตรงรถกระบะ
“ถ้าเอารถชั้นไป แล้วชั้นจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ วันมะรืนค่อยมาใหม่นะ ก็บนะ ชั้นไม่หนีหรอก อ่ะๆๆ เอานี่ไปฝากลูกสาวเอ็งนะๆๆ”
“แม่” ช้างขี่จักรยานเข้ามา “แม่ๆๆ”
“หยุดเลย เขาทวงหนี้แม่อยู่เนี่ย ยังกล้ามาขอสตางค์อีกเหรอ” ชุว่า
“ไม่ใช่ๆๆ” ช้างยื่นรูปให้ “นี่”
ชุรับมาดูก็เห็นว่าเป็นรูปปราณกับภัทริน “เอ็งไปเอารูปมาจากไหน”
“เพ่สองคนนั้นบอกว่าจะให้เงินหมื่นนึง ถ้าพาไปหาคนในรูป แม่ว่าง่ะ ผมว่าโอ”
ชุมองไปพบว่าคนของจีแอลเอส2คนนั้นเดินเข้ามา
ชายคนหนึ่งหยิบเงินออกมาหนึ่งหมื่นบาท “ผมให้จริงๆนะ”
เจ้าหนี้รับเงินมาแล้วนับเอาหนี้ของตัวเองก่อนจะดึงออกไปห้าพัน “อ่ะ ส่วนที่เหลือ”
เจ้าหนี้ส่งเงินคืนให้ชุ ชุหน้าซีดพร้อมกับคิดในใจว่าซวยแล้ว
ชุรีบจัดแจงพาชายสองคนลงเรือ
“ลงมาเลยๆๆ เฮ้ย” ชุร้องบอก “เดี๋ยวๆๆๆ หมื่นนึงเป็นค่าพาไปเจอ แต่ค่าเรือต่างหากอีกสองพัน” ชุแบมือรอ “จ่ายมา”
ชายสองคนจ่ายเงินให้ชุ ชุกระดี๊กระด๊ากับเงินที่ได้มากจึงรีบเรียกให้ลงแล้วจะพาไป
ปราณนต์กำลังเอาเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและของภัทรินตากกับขอบราว ภัทรินเดินเข้ามาตาม
“ทำอะไรอยู่ ชั้นพร้อมแล้” ภัทรินเห็นว่าปราณนต์กำลังสะบัดชุดของตนอยู่ “เฮ้ย คุณซักเสื้อผ้าชั้นทำไม”
“ก็ไม่รู้ว่าต้องอยู่นี่อีกนานแค่ไหน เลยซักเผื่อไว้” ปราณนต์บอก
ภัทรินเข้ามาแย่งคืน “ไม่ต้องมายุ่งกับชุดของชั้น”
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมไม่ได้ซักชุดชั้นในของคุณหรอก..ผมหาไม่เจอ คุณเอาไปแอบซักเหรอ...แต่ตอนป้าชุเอาชุดมาให้คุณ ผมก็เห็นว่ามีแต่ชุดที่คุณใส่ให้เห็นอยู่ ไม่มี..ชุดที่มองไม่เห็น..หรือว่า”
“เงียบไปเลยนะ”
“อะไรที่มองไม่เห็น คือไม่มี แหม เปิ๊ดสะก๊าดนะคุณ”
“ไอ้ทะลึ่ง”
ภัทรินคว้าผ้าที่ซักเสร็จแล้วที่บิดเป็นก้อนมาเขวี้ยงใส่ปราณนต์ ทันใดนั้นช้างก็วิ่งพรวดเข้ามายืนท่าห้าว ช้างจ้องทั้งสองคนเขม็งก่อนจะยกมือเสยผมอย่างห่วงหล่อ ปราณนต์กับภัทรินแปลกใจ
ชุขับเรือช้าๆ ชิลๆ
“ขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอป้า” ชายคนหนึ่งเร่ง
“อ้อ ได้ แต่มันจะไม่ชิลนะ” ชุว่า
“พวกชั้นก็ไม่ได้จะมาชิล ขับเร็วๆ” ชายอีกคนสั่ง
“อ้าว ก็เห็นแต่งตัวเป็นทัวร์ลิสต์ ทัวร์ลิสต์ก็ต้องอยากชิล ชอบชิลทั้งนั้นแหละ นั่นๆ นกเงือก” ชุผิวปากส่งเสียงเล่นกับนก
“ชั้นไม่ล้อเล่นนะป้า ถ้าไม่รีบไป ชั้นเอาเรื่องป้าแน่”
ชุเร่งเครื่องไปทันทีจนชายทั้งสองหน้าคะมำ
ชุมาจอดเรือที่เรือนแพ
“หลังนี้แหละ”
ชายสองคนรีบขึ้นจากเรือแล้วแยกย้ายกันไปดูทันที
ชายสองคนเดินเข้ามาดูภายในเรือนแพและดูบริเวณด้านหลัง ทั้งสองสำรวจจนทั่วแต่ก็ไม่พบอะไร พบเพียงผ้าที่ตากค้างเอาไว้
“พวกมันหนีไปแล้ว”
ชายสองคนวิ่งกลับออกมาที่เรือ แต่พบว่าชุขับเรือออกไปไกลแล้ว
ชุตะโกนอวยพร “แฮฟ อะ ไน้ท์ เดย์”
อ่านต่อหน้าที่ 4
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ช้างขับเรือมาเทียบท่าเรือเล็กๆ ปราณนต์กระโดดขึ้นจากเรือแล้วยื่นมือช่วยจับมือภัทรินขึ้นมาจากเรือ แต่ภัทรินไม่จับ เธอก้าวลงไปเอง
“ลูกเพ่” ช้างโยนกุญแจรถให้ปราณนต์ “แม่ให้เอากระบะไปใช้ จอดอยู่โน่น” ช้างพูดดักคอ “ไม่ต้องพูด แม่บอกว่าบุญคุณพี่กระบะสิบคันก็ชดเชยไม่ได้” ช้างบ่นกับตัวเอง “ลูกขอสิบบาทบ่นเป็นสามวัน นี่เอากระบะให้คนอื่น ไรว้า”
“ช้าง ขอบใจมากนะ ฝากขอบใจแม่เราด้วย ชั้นจะไม่ลืมบุญคุณเลย” ปราณนต์บอก
“ไปเถอะ แม่บอกอย่าเสียเวลาทำซึ้ง ไปๆ”
ปราณนต์พูดกับภัทริน “ไปเถอะ”
ปราณนต์กับภัทรินรีบวิ่งไป ช้างเอามือแตะน้ำแล้วจัดผมให้เข้าทรง
อัณณากับปราณรีบเดินกลับมาที่รถ
อัณณามาเปิดประตูรถ “ปราณต้องรีบกลับไปปลดรหัสล็อก จะได้รู้สักทีว่าเอกสารที่เรามีคืออะไรกันแน่”
อัณณาขึ้นรถไปพร้อมๆ กับปราณ
ปราณตามเข้ามานั่งในรถ “มันคือเอกสารแบบเดียวกับที่อาสินธรปลอมแปลงขึ้นมาอีกชุดเพื่อใส่ร้ายผม แต่นี่คือของจริง”
“คุณรู้ได้ไง” อัณณาถาม
“ผมจำได้” ปราณบอก
“จำได้” อัณณางง
อัณณาสต๊าร์ทเครื่องแต่รถยังไม่ทันออก อยู่ๆ ก็มีรถของคนของชมนาดมาจอดขวางทันที คนของชมนาดเดินอาดๆ ลงมา อัณณาทำท่าจะขยับใส่เกียร์ถอย แต่ปราณจับมืออัณณาไว้แล้วมองให้รู้ว่าอย่าทำ ทั้งคู่นั่งรอดูท่าที คนของชมนาดเดินมาเคาะกระจกตรงที่ปราณนั่งก๊อกๆๆ
ปราณกับอัณณาลังเล แต่แล้วปราณก็ค่อยๆเลื่อนกระจกลง
คนของชมนาดโน้มหน้าลงมาแล้วยื่นมือถือ “มีคนอยากคุยด้วย”
ปราณงงแต่ก็รับมาแนบหู
ปราณกับอัณณาเดินพุ่งเข้ามาในบริษัทโดยมีคนของจีแอลเอสตามประกบด้วย แจ็คที่กำลังจะถือเอกสารเดินไปแผนกอื่นแต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นปราณกับอัณณาพอดี
“คุณปราณ”
เดียวิ่งเข้ามาสมทบ “การแต่งตัวไม่เหมือนคุณปราณ น่าจะเป็นคุณหมอปราณนต์น้องชายฝาแฝดมากกว่า พี่ก็หล่อน้องก็คิ้วท์(cute) เลือกไม่ถูก”
“ไม่ต้องเลือก เพราะแกได้ชั้นแน่นอน คุณหมอณนต์มาบริษัทเราทำไม” แจ๊คสงสัย
“ฮ้า หรือว่าเขามาหาชั้น” เดียบอก
ปราณกับอัณณาเดินผ่านไปทันที เดียกับแจ็คมองตามตลอดจนเห็นปราณกับอัณราไปที่ห้องชมนาด
“ทางนั้น ห้องคุณชมนาด”
“เขาจะไปสู่ขอชั้นกับคุณชมนาด”
แจ็คเอาแฟ้มเคาะหัวเดีย “จะตัวสั่นเกินไปถึงไหน”
“ตัวสั่นอะไร”
“อยากมี จนตัวสั่น” แจ๊คละไว้ในฐานที่เข้าใจ
เดียจิ๊จ๊ะ “งั้นบอกมาสิว่าคุณปราณนต์มาหาคุณชมทำไม”
แจ็คสงสัยทั้งสองว่ามาทำไม
ปราณกับอัณณาเข้ามาในห้องทำงานของชมนาด
“คุณเอาพ่อผมไปไว้ที่ไหน” ปราณถาม
ชมนาดอยู่กับธนาฒน์ ทั้งสองคนยิ้มรออยู่แล้ว
“ทักทายแล้วก็นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนไม่ดีเหรอครับ” ธนาฒน์บอก
ปราณพูดชัดเจนอย่าง ไม่เป็นมิตร “พวกคุณต้องการอะไร”
“คืองี้ค่ะ พอดีว่าเมื่อเช้าคุณพสุวัฒน์อาการทรุดหนักอย่างไม่ทราบสาเหตุ เราก็เลยพาตัวไปดูแลอย่างใกล้ ห้ามเยี่ยมเด็ดขาด คนที่เข้าใกล้คุณพสุวัฒน์ได้ มีแค่หมอและพยาบาลที่ทางเราจัดไว้เป็นพิเศษเท่านั้น..ตอนนี้ดิฉันก็หวังว่าคุณพสุวัฒน์จะไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง”
“คนไข้ผ่าตัดสมอง มีอาการแทรกซ้อนได้เสมอ บางคนก็พิการ บางคนก็เสียชีวิต เป็นเรื่องปกติ” ธนาฒน์ว่า
“คุณกำลังขู่พวกเรา” อัณณาบอก
“ขู่เข่ออะไรครับ ก็แค่แจ้งให้ทราบถึงความเสี่ยง” ธนาฒน์ว่า
“คุณสินธรสั่งให้พวกคุณทำอย่างนี้เหรอ เขาอยู่ไหน ผมจะคุยกับเขา” ปราณถาม
“คุยกับดิฉันนี่แหละค่ะ คุณสินธรไม่สะดวกหรอกค่ะ” ชมนาดบอก
“ทำไมถึงไม่สะดวก”
“ไม่สะดวกก็คือไม่สะดวก ดิฉันขอความร่วมมือนะคะ ไปแจ้งให้คุณปราณรับทราบและให้เขากลับมายอมรับความผิดที่ทำไว้ หลักฐานอะไรที่เขาหรือพวกคุณมี ก็ยอมรับซะว่าเป็นหลักฐานเท็จที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด ยอมรับแต่โดยดีว่าเขาคอรัปชั่นจีแอลเอสจริงๆ”
ปราณกับอัณณาอึ้งที่ชมนาดมาไม้นี้ แต่อัณณาไม่ยอม
“ไม่มีทาง คุณปราณไม่ได้ทำผิด และหลักฐานที่มีก็เป็นของจริง”
ธนาฒน์หยิบมือถือขึ้นมา “ผมขออนุญาตโทรไปเช็กอาการคุณพสุวัฒน์ก่อนนะครับ กลัวว่าจะอาการทรุดกะทันหัน”
ชมนาดยิ้มร้ายกาจ ส่วนปราณเครียดเพราะไม่มีทางเลือก
ปราณเดินหงุดหงิดออกมา
อัณณาปราม “ปราณ ใจเย็นๆก่อน”
“พวกเขาเอาชีวิตพ่อมาขู่ผม จะให้ผมใจเย็นอีกเหรออัณ..พวกมันเลวมาก เลวจริงๆ” ปราณโมโห
“ยังไงคุณลุงก็ต้องปลอดภัยค่ะ ถึงพวกเขาจะคุมตัวคุณลุงไว้ แต่คุณลุงก็ยังอยู่ในโรงพยาบาลของจีแอลเอส พวกเขาไม่กล้าทำโจ่งแจ้งหรอกค่ะ เขาก็แค่ข่มขู่ เพื่อบีบเราให้ไม่มีทางเลือก เราต้องมีสตินะปราณ”
“ทำไมผมจะไม่มีสติ คุณก็รู้ว่าคนที่ผ่าตัดสมอง มันง่ายมากที่จะมีอันตรายอย่างสุดวิสัย ถ้าสมมติพวกมันคิดอะไรชั่วๆขึ้นมา แล้วทำกับพ่อจริงๆ คุณจะทำยังไง หา ผมต้องช่วยพ่อให้ได้”
ปราณยังคงไม่คลายความกังวล เขาเดินฉุนไปอีกด้าน
อัณณาเป็นห่วง “ปราณ”
รถกระบะที่ปราณขับมาแล่นไปตามทางในเวลากลางคืน
“จะกลับกรุงเทพ คุณยังไม่ได้โทรหาคุณอัณณาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานการณ์ที่จีแอลเอสตอนนี้เป็นยังไง แล้วคุณจะกลับไปกรุงเทพเนี่ยนะ” ภัทรินว่า
“ไม่เห็นเหรอว่าแค่วันเดียว มันก็หาเราเจอแล้ว พวกมันมีสายทั่วประเทศ ไม่มีประโยชน์ที่เราจะหนี เราต้องกลับไปสู้”
“สู้ยังไง คุณมีแผนอะไร” ภัทรินสงสัย
ปราณนต์จอดรถที่หน้าสถานีรถไฟจังหวัดชุมพร
“มาที่นี่ทำไม” ภัทรินถาม
“ผมจะส่งคุณที่นี่ ตีตั๋วแล้วกลับดอยผาหมอกไปซะ” ปราณนต์บอก
ภัทรินตกใจ “หา”
“คุณไม่ต้องมายุ่งปัญหาของครอบครัวผม ตั้งแต่นี้ไป เราจะจัดการปัญหาของเราเอง คุณกลับบ้านคุณไป”
“คุณจะบังคับให้ชั้นทิ้งคุณไม่ได้ ชั้นก็เป็นหนึ่งในครอบครัวคุณแล้ว”
ปราณนต์ไล่ “ลงไป”
ภัทรินไม่ลง ปราณนต์ลงจากรถ ภัทรินจะปีนไปขับรถเองแต่ปราณนต์ไวกว่าจึงมาเปิดประตูดึงภัทรินให้ลงมา
ภัทรินไม่ยอม “ชั้นไม่ไป”
“นี่เงิน” ปราณนต์ยัดเงินใส่มือแล้วเหวี่ยงภัทรินออกไป “ไป”
“คุณไม่มีสิทธิมาปกป้องชั้น ชั้นไม่ต้องการ” ภัทรินว่า ปราณนต์จะไปขึ้นรถ “ถ้าคุณทิ้งชั้น ชั้นจะโทรไปที่จีแอลเอสให้คุณชมนาดมาพาตัวชั้นไป ยังไงชั้นก็จะกลับไปจีแอลเอสอยู่ดี”
ปราณนต์ชะงักที่ภัทรินดื้อมาก เขาไม่อยากให้ภัทรินมาเสี่ยงไปด้วย
“คุณไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย กลับบ้านไปอยู่กับแม่คุณเถอะ”
“คุณไม่ใช่สามีชั้น ไม่มีสิทธิออกคำสั่งกับชั้น”
ภัทรินเด็ดเดี่ยวว่าไม่ยอมกลับบ้านแน่นอน ปราณนต์เซ็ง
ปราณนต์ขับรถต่อไปด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าเป็นอะไรไปอย่ามาหาว่าไม่ดูแลแล้วกัน” ปราณนต์ว่า
ภัทรินนั่งอยู่ข้างๆ อย่างแน่วแน่และไม่กลัวเกรง
ปราณนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เขาใส่รหัสปลดล็อกเข้าไป หน้าจอแสดงให้เห็นว่าไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสนั้นแตกตัวออกเป็นไฟล์ย่อยๆ อีกมากมาย ทั้งหมดเป็นไฟล์เอกสารเกี่ยวกับการเงินและบัญชีของจีแอลเอส
“ใช่อย่างที่ผมคิดจริงๆ” ปราณบอก
“เอกสารของบริษัทพีซีไฟฟ์เวิร์ลไวล์(PC5 worldwide) บริษัทเคมีภัณฑ์คู่ค้าของเรา” อัณณาบอก
“ใช่ เอกสารคำสั่งซื้อชุดนี้ มีที่จีแอลเอสด้วยชุดนึง แต่รายละเอียดที่ลงไม่เหมือนกัน เพราะชุดนี้มีลงรายการส่วนลดด้วย”
“ส่วนลด คือส่วนที่ไม่ได้ลดให้จีแอลเอสแต่ลดเข้ากระเป๋าคุณสินธร แล้วเอกสารนี้มาอยู่ที่จีแอลเอสได้ยังไง”
“อาจจะมีใครคิดไม่ซื่อ หรืออาจจะมีใครผิดข้อตกลง หรือไม่ฝ่ายบัญชีของเราอาจจะตรวจสอบพบเอกสารชุดนี้ แต่ถูกอิทธิพลบางอย่างทำให้ต้องอยู่เงียบๆไป แต่ยังไงซะ ตอนนี้เอกสารพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
ปราณจำต้องลุกพรวดออกมาด้วยความหงุดหงิด
ปราณพยายามตั้งสติ เขาสูดอากาศช้าๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ อัณณาเดินเข้ามา
“ปราณ เชื่อสิ เราต้องมีทางช่วยคุณลุงได้”
“ผมจะเอาเอกสารพวกนี้ไปให้ชมนาด และผมจะแสดงตัวว่าผมนี่แหละปราณตัวจริง ผมจะยอมรับผิดทุกอย่างเอง ทุกคนจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะผม”
“ไม่ได้นะ” อัณณาบอก
“พอเถอะอัณ ถ้าผมรักษาจีแอลเอสได้ แต่ต้องเสียพ่อ ผมไม่เอา ผมยอมแพ้เพื่อให้ทุกคนแฮปปี้ดีกว่า”
“ถ้าปราณทำอย่างนั้นลุงพสุวัฒน์ก็ไม่ดีใจหรอก พวกเราต้องแฮปปี้ด้วยกันสิ อย่าเพิ่งวู่วามนะปราณ อย่างน้อยก็รอให้ณนต์ติดต่อมาก่อน ณนต์อาจมีแผนที่ช่วยได้นะ ปราณ รับปากสิ นะ”
“ได้ ผมจะรอณนต์”
ปราณรับปากแต่แววตายังคงเป็นกังวลและเป็นห่วงพสุวัฒน์
ภัทรินที่นั่งอยู่ใช้ความคิดและมองเหม่อ อยู่ๆ เธอก็พูดลอยๆขึ้นมา
“ชั้นจะไปล้วงความลับด้วยตัวเอง”
ปราณนต์ตกใจ “หา”
ปราณนต์ปราดรถเข้าข้างทางแล้วจอด
“ยังไงนะ”
“แผนก็คือ เราต้องแกล้งทำเป็นว่าทะเลาะกันแรง แรงมากๆ ชั้นจะทำตัวงี่เง่าเอง จะโวยวายว่าทำไมชั้นต้องมารับกรรมไปกับพวกคุณด้วย ชั้นไม่อยากติดคุก ชั้นจะให้การทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด อะไรประมาณนี้ สรุปก็คือชั้นจะทำให้ธนาฒน์กับชมนาดอยากได้ตัวชั้นเอาไว้เป็นพยานเพื่อให้การผูกมัดคุณ ชั้นก็จะทำทีว่าแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายพวกเขา แต่ในระหว่างนั้น ชั้นจะหาทางล้วงความลับจากปากธนาฒน์เอง” ภัทรินบอก
“ล้วงยังไง”
ภัทรินอ้ำอึ้ง “ก็”
ปราณนต์พูดดักคอ “ยังไม่ได้คิด แล้วกล้าเสนอตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีก ผมไม่ซื้อแผนคุณ และไม่ซื้อทุกแผนที่คุณต้องเสี่ยง”
ปราณนต์ขับรถต่อไป
“วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว” ภัทรินบอก
“ไม่”
“ชั้นจะเอาวิธีนี้”
“ไม่”
ภัทรินรู้สึกขัดใจและฮึดฮัด เธอนั่งหน้าบึ้งต่อไป รถกระบะแล่นต่อไปตามถนน
วันใหม่ อัณณากำลังอ่านข้อมูลในเอกสารพวกนั้นอยู่ ปราณที่นั่งอยู่อีกด้านมีสีหน้าเครียดและเป็นกังวล
“คุณสินธรรับส่วนลดจากบริษัทคู่ค้าเรามานานมาก หลักฐานที่มี ย้อนหลังไปอย่างน้อยๆก็ห้าปี เขาทำมาตั้งห้าปีแล้ว ตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบเลย” อัณณาอธิบาย
“เพราะอย่างนี้ พ่อถึงไม่อาสินธรขึ้นมาบริหารแทน” ปราณบอก
“แล้วเขาก็พาลโกรธแค้นคุณลุง โดยไม่มองดูตัวเองเลยว่าคุณสมบัติเหมาะสมหรือเปล่า”
“อัณ ผมอยากได้ชา ไปบอกป้าอิ่มให้ทีสิ”
“ได้ งั้นเดี๋ยวอัณไปปอกแอปเปิ้ลมาให้ด้วยเลยเนอะ”
อัณณาวางเอกสารแล้วลุกเดินเข้าไปในครัว
ทันใดนั้นปราณก็ลุกขึ้นมาแล้วตัดสินใจเดินออกไปนอกบ้านทันที
อิ่มถือชุดถ้วยชาออกมาเสิร์ฟ
“ช้านิดหน่อยเพราะตั้งใจชงให้ได้ชารสชาติที่ดีที่สุด อ้าว”
อิ่มพบว่าปราณไม่อยู่แล้ว อิ่มมองหาไปรอบๆ จนกระทั่งมองผ่านหน้าต่างออกไปด้านนอกก็เห็นปราณนต์เดินเข้าไปหาคนของชมนาดเฝ้าอยู่
“คุณปราณจะทำอะไร” อิ่มสงสัย
อัณณาเดินตามออกมา
“มีอะไรคะป้า”
“คุณปราณอยู่นั่นค่ะ”
“หา” อัณณาตกใจ
อัณณารีบวิ่งออกไป อิ่มกำลังจะวิ่งตาม โทรศัพท์บ้านดัง อิ่มลังเล
อัณณาวิ่งออกมานอกบ้านแล้วมองออกไปก็เห็นรถของคนชมนาดแล่นออกไปพอดี อัณณารีบวิ่งตามไป
“ปราณ”
อัณณารีบวิ่งไปคาดคั้นคนของชมนาดที่ยังเหลืออยู่
“พวกคุณจะเอาตัวเค้าไปไหน หา!”
“ใครเอาตัวเขาไปครับ เขาเดินมาหาเราเอง มาบอกให้เราพาเขาไปเอง” คนของชมนาดบอก
อัณณางง “บอกให้พาไปเหรอ”
อัณณาอึ้งเพราะรู้ว่าปราณต้องไปหาชมนาดแน่ๆ อัณณาจะรีบไปขึ้นรถเพื่อตามไป แต่อิ่มวิ่งถือโทรศัพท์ออกมาจากในบ้าน
“หนูอัณณาคะ โทรศัพท์ค่ะ” อิ่มบอก
“ไว้ก่อนค่ะป้า”
“ต้องรับค่ะ จาก”
อัณณารู้ทันทีจึงรีบไปรับสายแล้วเดินแยกไปคุย
“ณนต์ เกิดเรื่องแล้ว”
ปราณนต์พูดโทรศัพท์อยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“เกิดเรื่องอะไร หา พี่ เอ๊ย” ปราณนต์เกือบเผลอหลุดพูด เขารีบมองภัทรินที่รอฟังอยู่ด้วย “ไอ้ณนต์จะไปไหนนะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง ผมรู้ เดี๋ยวผมจัดการเอง แค่นี้ก่อนนะ”
ปราณนต์วางสายแล้วกดโทรต่อ
“เกิดเรื่องอะไรกับหมอณนต์”
“เขากำลังไปหาชมนาดเพื่อรับผิดคนเดียว” ปราณนต์บอก
ภัทรินตกใจ “หา”
ปราณนั่งรถมากับคนของชมนาด คนของชมนาดเหล่มองกระจกมองหลังอย่างข้องใจ
“ใช่ครับ อยู่ในรถกับเราแล้วครับ” คนของชมนาดพูดโทรศัพท์
“บอกด้วยว่าผมคือปราณ ปุณณเวช” ปราณบอก
“เขาบอกว่าเขาชื่อปราณครับ ผมก็ไม่ทราบครับ ได้ครับ อีกไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงน่าจะไปถึงจีแอลเอสครับ..ครับ” คนของชมนาดวางสาย
ปราณนั่งนิ่งอย่างพร้อมยอมรับความผิดไว้เอง
ชมนาดวางสายโทรศัพท์ ธนาฒน์รอฟังอยู่
“ปราณกำลังจะมาที่นี่” ชมนาดบอก
“คุณปราณเหรอครับ” ธนาฒน์ถาม “แต่มันให้คนของเราพามาจากบ้าน แล้วจะเป็นคุณปราณได้ยังไง หรือจริงๆคุณปราณซ่อนตัวอยู่ในบ้านนั้นตั้งแต่แรก”
สักพัก โทรศัพท์ภายในห้องทำงานของชมนาดก็ดังขึ้น เสียงเลขาฯด้านนอกห้องส่งต่อเข้ามา
“คุณชมนาดค่ะ โทรศัพท์จากคุณปราณค่ะ”
ชมนาดกับธนาฒน์แปลกใจว่าปราณไหนอีก
ชมนาดเดินไปรับสาย “ชมนาดพูด”
ปราณนต์พูดโทรศัพท์อยู่ที่เดิม ภัทรินอยู่ข้างๆ
“คุณชมนาด ผมจะไม่เข้าไปในบริษัทที่มีแต่คนของคุณ คุณต้องออกมาเจอผมข้างนอก” ปราณนต์บอก
“คุณคือใครกันแน่ เมื่อกี้ก็โทรมาอีกอย่าง ตอนนี้โทรมาอีกอย่าง”
“ผมคือปราณ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แต่ผมมีหลักฐานทุกอย่างที่คุณต้องการทำลาย ผมจะให้มันกับคุณแต่มีข้อตกลงบางอย่าง และคุณต้องออกมาเจอผม”
“ทำไมชั้นจะต้องออกไปหาคุณ คุณไม่อยู่ในสถานะที่จะมาต่อรองกับชั้น”
“คุณต่างหากที่อย่ามาต่อรองกับผม ผมจะไม่ยอมให้พ่อและน้องชายที่ไม่เกี่ยวข้องมารับผิดแทนตัวผม ถ้าคุณไม่ออกมา หลักฐานถึงมือตำรวจแน่” ปราณนต์พูดเด็ดขาด “ไม่ต้องเอาชีวิตพ่อผมมาขู่ ผมเป็นนักธุรกิจเหมือนพ่อ เรื่องของธุรกิจสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น พ่อต้องเข้าใจ”
ภัทรินได้ฟังประโยคนี้ก็อึ้งเล็กน้อยที่ปราณนต์กล้าเอาชีวิตพ่อมาเสี่ยง ปราณนต์วางสายทันทีด้วยความเครียดแต่ก็ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว เขารีบวิ่งไปที่รถแล้วหันมาเร่งภัทริน
“มาเร็ว”
ภัทรินเงอะงะแล้วก็รีบตามไป
ชมนาดวางสายด้วยความเครียดและสับสนเพราะไม่รู้จะเชื่อใครดี
“คนนึงจะมาที่นี่ อีกคนบอกให้ออกไปหา แล้วสรุป คนไหนคือปราณนต์ คนไหนคือปราณกันแน่ พวกมันกำลังจะปั่นหัวเราชัดๆ พี่ชม พี่ชมจะเอาไงครับ”
ชมนาดเครียดและหงุดหงิด
ปราณนต์ขับรถด้วยความเร่งรีบ
“หมอณนต์เป็นบ้าหรือไงถึงจะไปออกรับผิดแทนทุกคน” ภัทรินว่า
“ภัทริน คุณต้องช่วยผม” ปราณนต์บอก
“ช่วยอะไร” ภัทรินงง
อัณณาขับรถโดยพูดโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ
“เดีย แจ็ค พี่มีเรื่องให้ช่วย”
ชมนาดเดินออกมาด้านนอกห้องทำงาน
“พี่ชมไม่ควรออกไปนะครับ เราควรจะเป็นฝ่ายคุมเกม ไม่ควรไปเดินตามหมากของพวกมันนะครับ” ธนาฒน์บอก
ชมนาดชะงักและลังเล “เธอพูดถูก ชั้นจะรออยู่ที่นี่”
ปราณเดินมาที่จีแอลเอส โดยมีคนของชมนาดเดินประกบ ทั้งหมดเดินผ่านประตูทางเข้าหลักของบริษัทไป ปราณและคนของชมนาดเดินมาที่ลิฟท์ ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิด อยู่ๆเดียกับแจ็คก็วิ่งมาจากไหนไม่รู้
“ขอโทษค่ะๆๆ” เดียบอก
“ไปด้วยครับๆๆ” แจ๊คว่า
เดียกับแจ็คทำทีว่ารีบขึ้นลิฟท์มาก เดียผลักปราณเข้าลิฟท์ไปทันที ส่วนแจ็คแกล้งทำเอกสารที่หอบมาหล่นหน้าประตูลิฟท์ แล้วคอยกันคนของชมนาดไม่ให้ตามเข้าลิฟท์ไปได้
“อย่าเหยียบ เอกสารสำคัญมาก ห้ามเหยียบ ถอยไป ถอยไป” แจ๊คว่า
แจ็คดุจนคนของชมนาดกลัว แล้วประตูลิฟท์ก็ปิดลง
เดียถอนหายใจแล้วก็นึกได้จึงหันมายิ้มกับปราณ
“สวัสดีค่ะคุณปราณนต์ ไปชั้นไหนคะ”
“ห้องทำงานชมนาด” ปราณบอก
“อ่อ ห้องทำงานชมนาด เอ่อ” เดียกดลิฟท์ชั้นบนสุด
“ไม่ใช่ชั้นนี้” ปราณบอก
เดียงง ปราณเอื้อมมือไปกดเลขชั้นเอง ปราณสีหน้าแน่วแน่ที่จะเจอชมนาดให้ได้
แจ็คเข้ามาบอกว่าปราณเข้าไปแล้ว ปราณนต์กับภัทรินวิ่งเข้ามาในตึกจังหวะเดียวกับที่อัณณาก็มาถึงเช่นกัน
“เขาเข้าไปแล้ว”
ปราณนต์ ภัทริน อัณณาตกใจที่มาไม่ทัน
“เรามาช้าไปเหรอ” ภัทรินเป็นห่วง
ปราณยืนอยู่ในลิฟท์ เขามองตัวเลขลิฟท์ที่เลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ เดียเหลือบมองปราณเป็นระยะๆ ด้วยความกังวล ลิฟท์ถึงชั้นที่ปราณต้องการ ประตูเปิด เดียกดปุ่มเปิดประตูลิฟท์เอาไว้ให้แล้วรอดูท่าที ปราณยืนนิ่ง พอมาถึงชั้นนี้จริงๆ เขากลับเริ่มไม่แน่ใจ ปราณยืนตัดสินใจอีกครั้งและในที่สุด ปราณก็ก้าวเท้าออกมา ทันใดนั้น ชมนาดกับธนาฒน์ก็เดินมาจากอีกด้าน ทั้งสองเห็นปราณที่ลิฟท์พอดี
“คุณปราณ”
ปราณเงยหน้ามองชมนาดและธนาฒน์ ปราณนิ่งไม่ยอมเดินต่อ เขายืนค้างอยู่ที่ประตูอย่างนั้นชมนาดกับธนาฒน์อึ้งและแปลกใจ
ปราณนต์ ภัทริน และอัณณารีบเข้ามาด้านในแล้วเดินตรงไปที่ลิฟท์ รปภ. พุ่งเข้าลิฟท์เพื่อกันคนนอกเข้ามาในตึกสำนักงาน เขารีบเข้ามากันตามหน้าที่
“กรุณาแลกบั” รปภ. ชะงักเมื่อเห็นหน้าปราณนต์ “อ้าว คุณปราณ”
รปภ.ปล่อยผ่าน ปราณนต์รีบไปที่ลิฟท์แล้วกดเรียกลิฟท์
อัณณารีบตามมาทักเพราะรู้ดีว่าเสี่ยงที่ความจริงทุกอย่างจะเปิดเผย
“แน่ใจเหรอว่าอยากให้พวกเขาเห็นคุณสองคนพร้อมกัน”
“เห็นพร้อมกันแล้วยังไง จะปล่อยให้หมอณนต์รับผิดแทนคุณหรือไง” ภัทรินว่า
“ผมจะขึ้นไปคนเดียว อัณดูแลคุณภัทอยู่ที่นี่” ปราณนต์บอก
“ไม่ ชั้นจะขึ้นไปด้วย”
ประตูลิฟท์อีกตัวเปิดออก ภัทรินจะรีบวิ่งเข้าไปก่อนแต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นว่าปราณยืนอยู่ในลิฟท์
“หมอณนต์” ภัทรินอึ้ง
อ่านต่อตอนที่ 11