xs
xsm
sm
md
lg

ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 10

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 10

นิรชามาหาป้ามะลิที่บ้าน เล่าเรื่องที่ปารณรับเธอเข้าทำงานให้ฟัง
 
“คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอวะ อยู่ๆ ก็รับเข้าทำงานหน้าตาเฉย ไว้ใจได้รึเปล่าเหอะ”
“ไว้ใจได้จ้ะยาย เขาเป็นผู้มีพระคุณของนิเอง เขาช่วยเหลือนิตั้งหลายเรื่อง ไหนจะช่วยออกค่ารักษาแม่ให้ก่อนด้วย”
“เฮอะ กะหลอกฟันเอ็งรึเปล่า ดูดีๆ นะ ผู้ชายสมัยนี้มันหื่น เห็นมาดีๆ ออกลายทุกคน”
นิรชาสะอึก
“คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้งจ๊ะยาย”
“ไม่รู้สิ ข้าไม่ค่อยจะไว้ใจเท่าไหร่หรอก จำไว้นะนิ ถ้าคิดจะมีแฟน ต้องผ่านด่านยายไปก่อน ถ้ายายไม่ตกลง ก็ห้ามไปตกลงกับใครทั้งนั้น หลานคนเดียว ข้าหวงเว้ย”
นิรชาขำป้ามะลิ

น่านฟ้านอนเอามือก่ายหน้าผากบนโซฟา สุกัญญาถือจานขนมเข้ามาวางตรงหน้า ถามด้วยความสงสัย
“แปลกจริง วันนี้ลูกแม่ไม่ออกไปไหนเหรอ”
“ไม่ไปครับ ขี้เกียจ”
“แล้วหนูมัศยาล่ะ ไปไหนแล้ว แม่ไม่เจอมาหลายวันแล้วนะ”
“อย่าว่าแต่แม่เลยครับ ขนาดผมเขายังหลบหน้าเลย”
สุกัญญาชะงักแปลกใจ
“ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจรึเปล่า”
“โห ผมน่ะ เอาใจเจ๊เขาซะยิ่งกว่าญาติผู้ใหญ่ มีแต่เจ๊เขานั่นแหละ เอาแต่ไล่ผมตลอด ไม่รู้เป็นอะไร”
สุกัญญาสังเกตอาการเซ็งๆ ของน่านฟ้าก็ถามตรงๆ
“แล้วที่มานอนเซ็งทำหน้าจ๋อยอยู่เนี่ย น้อยใจเขาเหรอ”
น่านฟ้าชะงัก
“ผมเนี่ยนะน้อยใจยัยเจ๊โหด แม่พูดผิดพูดใหม่ได้นะครับ”
“ก็ไม่รู้สิ ปกติแม่ไม่เคยเห็นน่านเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะคบผู้หญิงคนไหน นอกจากแอนนาก็คงมีแต่หนูมัศยานี่แหละมั้ง ที่ทำลูกแม่จ๋อยได้”
น่านฟ้าลุกพรวดทันที ทำหน้าร่าเริง
“งั้นแม่ต้องคิดใหม่แล้วครับ เพราะผมไม่ได้จ๋อยอะไรเลย คนอย่างน่านฟ้าปฏิญาณตัวเองไว้แล้วครับว่า จะต้องไม่มีวันเสียหน้า เสียฟอร์ม หรือเสียใจเพราะผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว”
น่านฟ้าทำท่าลำพองมาก

มัศยานั่งบริหารกล้ามเนื้อแขนและไหล่บนเครื่องออกกำลังกายอย่างเหนื่อยล้ามากจนเทรนเนอร์ต้องคะยั้นคะยอ
“อีกครั้งครับคุณพี่”
“ไม่ไหวแล้ว แขนฉันหมดแรงแล้วจริงๆ”
“ครั้งเดียวเองครับคุณพี่ ฮึบ ครับ ฮึบ”
มัศยาพยายามบีบแขน แต่ทำไม่ได้ แล้วเครื่องก็ดีดแขนมัศยากางออกทันที เธอนั่งแผ่หอบแฮ่ก
“นี่ถามจริงๆ เหอะ ฉันเล่นมาตั้งหลายวันแล้ว ทำไมน้ำหนักมันลดช้าจริง”
“เพราะไขมันส่วนเกินของคุณพี่ มันกลายเป็นกล้ามเนื้อไงครับ น้ำหนักของคุณพี่เลยคงที่ แต่สังเกตดีๆ สิครับว่าคุณพี่รูปร่างเฟิร์มขึ้นขนาดไหน ไม่เชื่อกลับไปลองเสื้อผ้าเก่าที่เคยใส่ไม่ได้สิครับ”
มัศยาชะงักสนใจขึ้นมาทันที
“จริงเหรอ”
“เชื่อผมสิครับ ยิ่งถ้าคุณพี่ออกกำลังกายต่อเนื่อง อีกไม่นานรูปร่างคุณพี่จะเหมือนนางแบบเลยครับ ไม่เชื่อก็ซื้อชั่วโมงผมต่ออีกคอร์สสิครับ แล้วผมจะทำให้คุณพี่เป็นแบบนั้นให้ดู”
มัศยาลังเล

มัศยากลับมาบ้าน ยืนอยู่หน้ากระจก เบ่งกล้ามแบบเพาะกาย
“กล้ามเนื้อเหรอ ฮึบ ฮึบ เออ หรือจะจริงนะ”
มัศยาเปิดตู้เสื้อผ้าออกมา ฮึดมาก
“เสื้อผ้าเก่าใช่มั้ย”

มัศยาหยิบกางเกงตัวฟิตเปรี๊ยะขึ้นมาดู

สมใจและนะดีนั่งดูทีวีกันอยู่ เสียงร้องของมัศยาดังขึ้น ทั้งสองตกใจมาก
 
“เสียงแม่หยีนี่คะ”
นะดีและสมใจลุกพรวดจะวิ่งขึ้นไปดู แต่มัศยาก็วิ่งลงมาจากบันได โดยที่ใส่กางเกงตัวนั้นลงมาได้
“เกิดอะไรขึ้นหยี ร้องทำไม ฮะ”
“แม่ดูนี่สิ หยีหยิบกางเกงตัวเก่ามาลองดู หยีใส่ได้แล้วแม่”
สมใจและนะดี ถอนหายใจระอา
“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ ที่ร้องโวยวายขนาดนั้น”
“โธ่แม่ กางเกงตัวนี้หยีซื้อตั้งแต่เริ่มทำงานเลยนะคะ นี่หยีกลับมาใส่ได้อีกแสดงว่า หยีผอมลงแล้ว”
“ก็ออกกำลังกายซะขนาดนั้น มันก็ต้องผอมลงอยู่แล้วล่ะ จะดีใจอะไรนักหนา”
“เพราะมันเป็นสัญญาณที่ดีไงคะว่า หยีจะหุ่นดี สวย เป๊ะ แล้วก็ลบคำสบประมาทของใครบางคนสักที”
มัศยายิ้มร่าด้วยความตื่นเต้น

หลายวันต่อมา มัศยาใส่ชุดเข้ารูป ดูผอมลงไปมาก เดินด้วยความมั่นใจเข้ามาในบริษัท วิภาเดินสวนมา มีต๋องถือแฟ้มเอกสารตามมาด้วย มัศยาเห็นวิภาก็ชะงักยกมือไหว้
“ไงมัศยา เรื่องข้าวเกรียบตัวใหม่ไปถึงไหนแล้ว”
“คุณน่านแจกจ่ายงานให้ทุกคนไปแล้ว เดี๋ยววันนี้ดิฉันจะตามงานอีกทีค่ะ”
“ดีแล้ว เวลาใกล้เข้ามาทุกที ต้องเร่งมือแล้วนะ”
ต๋องมองมัศยาหัวจรดเท้าอย่างสนใจ
“เอ เพิ่งสังเกตนะว่า เจ๊ดูแปลกๆ”
มัศยามองตัวเอง ฟอร์มถามอย่างสงสัย
“แปลกยังไงเหรอต๋อง”
ต๋องมองมัศยาอย่างสังเกตอีกที
“ไม่แปลกแล้ว ต๋องพูดไปงั้นแหละ”
มัศยาเบ้หน้าอย่างผิดหวัง
“งั้นขอตัวก่อนนะคะคุณท่าน”
มัศยาเดินออกไปเซ็งๆ วิภาหันมาถามต๋อง
“เมื่อกี้นายว่ามัศยาแปลกยังไงเหรอ”
“ผมรู้สึกว่าเจ๊แกหุ่นดีขึ้นครับคุณท่าน แต่ไม่อยากทัก เดี๋ยวเจ๊แกเหลิง”
วิภาหันไปมองมัศยาก็ขำต๋อง
“แกนี่มันจริงๆ เลย”
วิภาเดินออกไป ต๋องขำมัศยา
“อาการแบบนี้ มีความรักชัวร์”

น่านฟ้านั่งอยู่ในห้องทำงาน เปิดเอกสารดูอย่างหงุดหงิด แล้วโทรศัพท์หาต๋องทันที
“ต๋อง เข้ามาหาฉันหน่อยซิ”
น่านฟ้าเปิดเอกสารต่อ สักพักต๋องเปิดประตูเข้ามา
“คุณน่านมีอะไรจะเรียกใช้ต๋องเหรอครับ”
“ทำไมงานที่ฉันสั่งไว้ ไม่มีใครส่งมาสักคน มีแต่เอกสารลางาน ลาพักร้อน เบิกเงิน อะไรพวกนี้ทั้งนั้น”
“อ้าว แล้วทำไมคุณน่านไม่ตามกับเจ๊หยีล่ะครับ”
น่านฟ้าทำหน้าไม่สบอารมณ์
“เห็นช่วงนี้ชอบหลบหน้าหลบตา ฉันเลยไม่อยากยุ่ง”
“แบบนี้สิครับต้องยุ่ง ผมเองยังรู้สึกเลยว่าเจ๊หยีแกดูแปลกๆ”
“มีแฟนใหม่รึเปล่า”
“ไม่รู้สิครับ แต่ที่แน่ๆ เจ๊แกดูดีขึ้นนะครับ ผมว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ”
น่านฟ้าเหล่ๆ มองต๋อง ชักสนใจขึ้นมาบ้าง
“ยังไงวะ”
“ของแบบนี้มันต้องสืบครับคุณน่าน อะไรที่สงสัยไม่ควรเก็บไว้ ความอยากรู้อยากเห็นอาจจะทำเราอกแตกตายได้นะครับ”
น่านฟ้าสนใจขึ้นมาทันที

ตอนเย็น มัศยาเดินไปขึ้นรถ น่านฟ้ากับต๋องแอบสะกดรอยตามไปห่างๆ รถของมัศยาแล่นออกไป น่านฟ้าหันมาบอกต๋องทันที
“ไปเร็ว ไอ้ต๋อง”
น่านฟ้ารีบวิ่งไปขึ้นรถพร้อมกับต๋อง ขับตามรถมัศยาไปจนถึงฟิตเนส มัศยาเดินเข้าไปด้านใน หยุดนั่งรอที่เก้าอี้มุมหนึ่ง น่านฟ้ากับต๋องสะกดรอยตามมา
“สงสัยจะนัดใครแน่ๆ เลยครับคุณน่าน”
น่านฟ้ามองมัศยาไม่วางตา สักพักเทรนเนอร์กล้ามยักษ์ เดินเข้ามาหามัศยา มัศยาลุกขึ้นยิ้มให้ทันที น่านฟ้ากับต๋องเห็นก็ชะงักหน้าเสีย
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่านั่นแฟนใหม่เจ๊ โห โคตรล่ำเลยอ่ะคุณน่าน”
น่านฟ้าหน้าเจื่อน
“แกรู้ได้ไงวะต๋อง”
“ก็เดาจากรอยยิ้มของเจ๊แกน่ะครับ”
“แกนี่มันมั่วจริงๆ ฉันว่าไปดูให้เห็นกับตาดีกว่า”

น่านฟ้ากับต๋องกวาดสายตามองรอบๆ ค่อยๆ ย่องตามไป

มัศยาเล่นเครื่องยกน้ำหนัก โดยที่เทรนเนอร์จับแขนเธอช่วยออกแรงไปด้วย น่านฟ้ากับต๋องมองอย่างสนใจ
 
“โห มีแตะเนื้อต้องตัวกันด้วย อย่างนี้แฟนชัวร์ๆ เลยครับคุณน่าน”
น่านฟ้าชักทนไม่ไหว หันขวับออกไปเลย
“อ้าว จะไปแล้วเหรอครับคุณน่าน”
“แล้วจะอยู่ทำไมล่ะ”
น่านฟ้าหันหลังจะเดินออกไป พนักงานในฟิตเนสเดินเข้ามา
“คุณสองคนเป็นสมาชิกรึเปล่าคะ”
น่านฟ้ากับต๋องหน้าเสีย
“ปะเปล่าครับ”
“ไม่ใช่สมาชิกเข้ามาในนี้ไม่ได้นะคะ”
ทุกคนหันมาทางทั้งสองคนเป็นตาเดียว มัศยาหันขวับมาเห็นน่านฟ้ากับต๋องก็แปลกใจ

น่านฟ้ากับต๋องหน้าจ๋อย ขณะยืนคุยกับมัศยาที่จ้องหน้าเอาเรื่อง
“ตกลงจะตอบฉันมาได้ยัง ว่าตามฉันมาที่นี่ทำไม”
น่านฟ้าพยักเพยิดให้ต๋องตอบ ต๋องส่ายหน้ายิกๆ กลัวรังสีอำมหิต
“ตอบมาสิ”
“เอ่อ ผมมาตามงานเจ๊ไง”
“ตามงานก็โทรมาก็ได้นี่ ทำไมต้องมาถึงนี่ แล้วมาเงียบๆ ด้วยนะ ทำอย่างกับตั้งใจสะกดรอยตามมางั้นแหละ”
“ก็ใช่ เอ๊ย ไม่ใช่นะเจ๊ คือว่า เราสองคนกะว่า จะมาเซอร์ไพร้ส์เจ๊ แล้วชวนเจ๊ไปกินข้าวต่อไง เห็นพักนี้เจ๊ดูซูบๆ เลยเป็นห่วง ใช่มั้ยครับคุณน่าน”
น่านฟ้าพยักหน้า เออออไปด้วย
“ใช่ๆ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันนะเจ๊นะ”
“ไม่ล่ะ ธุระฉันยังไม่เสร็จ”
น่านฟ้าชักหมั่นไส้เลยพูดขึ้นลอยๆ
“แหม พักนี้ธุระเยอะจริงนะ เอะอะก็ไม่ว่างตลอด ไม่รู้เพราะใคร มาทำให้เจ๊ยุ่งได้ขนาดนี้”
“เรื่องส่วนตัว ฉันไม่จำเป็นต้องบอก”
“งั้นตกลงเจ๊ไม่ไปใช่มั้ย งั้นผมกับคุณน่านไปก่อนล่ะ”
ต๋องรีบดึงแขนน่านฟ้าออกไป มัศยาเห็นสองคนเดินออกไป ก็ถอนหายใจโล่งอก

น่านฟ้ากับต๋องเดินมาที่ลานจอดรถ ต๋องบ่นอุบไปด้วย
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ นี่ดีนะที่ต๋องเอาตัวรอดได้ ไม่งั้นเราโดนเจ๊แกเล่นงานแน่เลยครับคุณน่าน”
น่านฟ้าครุ่นคิด
“ต๋อง เดี๋ยวแกกลับไปก่อนแล้วกัน”
ต๋องชะงัก งงๆ
“อ้าว แล้วคุณน่านจะไปไหนเหรอครับ”
“ฉันมีเรื่องสำคัญต้องทำ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ละกัน ขอบใจมากนะที่มาเป็นเพื่อน”
“ครับๆ งั้นต๋องไปก่อนนะครับ หิวข้าวจะแย่แล้ว”
ต๋องเดินออกไปริมถนน น่านฟ้ามองเข้าไปในฟิตเนส สายตาเจ้าเล่ห์

ตอนค่ำ มัศยาและเทรนเนอร์เดินออกมาจากฟิตเนส น่านฟ้าแอบซุ่มดูอยู่รีบหลบทันที
“ขอบคุณมากนะคะ ไว้พรุ่งนี้เราเจอกันนะ”
เทรนเนอร์ยิ้มรับแสนดี
“ขอบคุณที่ต่อเวลาให้ผมด้วยนะครับ”
น่านฟ้าเบ้ปาก หมั่นไส้มาก
“ของมันแน่อยู่แล้วค่ะ ก็คุณดูแลฉันดีขนาดนี้ ฉันต้องอยากใช้เวลากับคุณนานๆ อยู่แล้ว”
น่านฟ้าคลื่นไส้ อยากจะอาเจียนเต็มที
“งั้นผมไปก่อนนะครับ ขับรถดีๆ นะครับ”
เทรนเนอร์เดินออกไป มัศยาเดินแยกไปที่จอดรถของตัวเอง น่านฟ้าหรี่ตามองตามหลังเทรนเนอร์ด้วยความหมั่นไส้

เทรนเนอร์เดินมาที่รถ กดปุ่มเปิดประตู ทันใดนั้น น่านฟ้าก็มาโผล่มาที่ด้านหลัง เอามือแตะบ่าเทรนเนอร์ เทรนเนอร์ตกใจหันขวับมาจับแขนน่านฟ้าบิดทันที
“โอ๊ย”
“ทำอะไร ฮะ”
“ปล่อยก่อน แล้วจะบอก”
“บอกก่อนแล้วจะปล่อย”
“ผมเป็นเพื่อนเจ๊หยี ไม่ใช่คนร้าย”
เทรนเนอร์ครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจปล่อยน่านฟ้า
“มีอะไรเหรอ”
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ ผมรู้ว่าคุณกับเจ๊หยีสนิทกันมาก”
“ใช่ เราเจอกันทุกวัน เขาน่ารักดีนะ ผมชอบ”
“นั่นแหละ ผมถึงอยากจะมาเตือนคุณว่า เจ๊หยีเป็นคนดี แล้วเขาก็เพิ่งอกหักมา เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะหลอกลวง หรือคิดไม่ดีกับเขา ให้เลิกคิดซะ”
เทรนเนอร์งงๆ
“ว่าไงนะ”
“ผมไม่อยากเห็นเจ๊หยีเสียใจอีก เพราะฉะนั้นคุณต้องดีกับเจ๊หยีให้มากๆ ดูแลเขาให้ดี อย่าให้ใครทำร้ายเขา อ้อ พักนี้เจ๊แกดูซูบๆ คงออกกำลังกายเยอะแต่กินน้อย ปกติแกกินเก่ง คุณต้องพาแกไปหาอะไรกินเยอะๆ อย่าให้แกหิว แกจะโมโห แล้วแกมีแม่กับหลานสาวที่ต้องดูแล คุณต้องดีกับครอบครัวเจ๊แกด้วย แล้วก็”
“เดี๋ยวก่อนๆ นี่คุณคิดว่าผมกับคุณพี่เขาเป็นอะไรกันงั้นเหรอ”

“ก็คุณจีบเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ”

เทรนเนอร์ได้ยินก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
 
“ใครบอกล่ะ คุณพี่เขาจ้างผมเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวเพราะอยากจะลดน้ำหนักให้เร็วที่สุด”
“อ้าวเหรอ งั้นผมขอโทษที่เข้าไปใจผิด ผมไปก่อนนะ แหะๆ”
น่านฟ้าหันหลังขวับ เดินออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิครับ”
น่านฟ้าหันมางงๆ
“มีอะไรเหรอครับ”
“ผมจะบอกว่า ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณพี่เขาหรอก แต่ถ้าเป็นคุณ ผมชักจะรู้สึกปิ๊งคุณเข้าแล้วสิ”
น่านฟ้าหน้าเสีย ตกใจ ผละถอยร่นไป เทรนเนอร์ส่งสายตาหื่นเดินตามมาจนน่านฟ้าถอยหลังชิดรถ
“อย่าทำอะไรผมนะ ผมกลัวแล้ว”
เทรนเนอร์ยื่นหน้าไปใกล้ น่านฟ้าหลับตาปี๋ กลัวมาก

มัศยากดรีโมทเปิดประตูรถ ทันใดนั้นเสียงของน่านฟ้าก็ดังมาจากอีกด้าน
“ช่วยด้วย”
มัศยาชะงัก ตกใจ
“คุณน่าน”
มัศยาวิ่งไปที่บริเวณเดิม เห็นน่านฟ้าอยู่ในสภาพหงายแผ่หน้ากระโปรงรถของเทรนเนอร์ ขณะที่เทรนเนอร์โน้มตัวเตรียมปล้ำจูบน่านฟ้า น่านฟ้าพยายามดันหน้าเทรนเนอร์ออกด้วยความหวาดกลัว
“ช่วยด้วยจ้า ช่วยด้วย”
มัศยารีบเข้าไปดึงเทรนเนอร์ออกทันที
“ทำอะไร ฮะ”
เทรนเนอร์เห็นมัศยาก็ผงะ ตกใจ
“คุณพี่”
น่านฟ้าได้ทีรีบผละจากเทรนเนอร์มาหลบหลังมัศยา ขวัญเสียมาก
“เจ๊ช่วยผมด้วย ไอ้หื่นนี่จะปล้ำผม”
“ทำไมคุณทำแบบนี้ ฮะ”
เทรนเนอร์หน้าเสียกลัวความผิด
“คือว่า เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมทำไปไม่รู้ตัวจริงๆ”
“ไม่รู้ตัวอะไร แรงยังกะแรด นี่อีกนิดนึงปากจะจุ๊บปากผมอยู่แล้ว”
“ทำแบบนี้ฉันรับไม่ได้นะคะ ฉันจะไปแจ้งที่สำนักงาน”
มัศยาจะเดินไปที่ประตูฟิตเนส เทรนเนอร์รีบมาขวางไว้ พนมมือไหว้
”ผมขอร้องล่ะครับ อย่ารายงานที่ออฟฟิศผมเลย ไม่งั้นผมตกงานแน่ นะครับคุณพี่ ผมสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว นะครับๆ”
มัศยาหันไปทางน่านฟ้า น่านฟ้าส่ายหน้ายิกๆๆ ไม่ให้ยอม
“ก็ได้ อย่าให้ฉันเห็นอีกก็แล้วกัน”
น่านฟ้าอึ้ง
“อ้าวเฮ้ย ยอมกันง่ายๆ เลยเหรอเจ๊ ผมเป็นฝ่ายเสียหายนะ”
มัศยาคว้าแขนเสื้อน่านฟ้าทันที
“กลับกันเถอะคุณน่าน”
น่านฟ้าเดินตัวปลิวตามแรงมัศยา
“เจ๊อ่ะ”
เทรนเนอร์เป่าปากโล่งอก แต่แอบมองตามน่านฟ้าด้วยความเสียดาย

น่านฟ้านั่งหน้างองอนมัศยา อยู่ในร้านอาหาร มัศยามองเหล่ๆ
“ยังไม่หายงอนอีกเหรอคุณน่าน”
“ก็เจ๊อ่ะ ไปยอมง่ายๆ แบบนั้น ไม่นึกถึงใจกันบ้างเลย ผมน่ะ เกือบจะโดนไอ้ล่ำนั่นปล้ำอยู่แล้วนะ”
“ก็แค่เกือบ แต่ไม่โดนปล้ำซะหน่อย”
“แต่ผมขวัญเสียนะ นึกแล้วยังขนลุกอยู่เลย ฮึ้ย”
“เอาน่า นิดๆ หน่อยๆ ถือว่าคืนความสุขให้เทรนเนอร์ฉันก็แล้วกัน แต่ที่ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องเพราะฉันเองก็ห่วงชื่อเสียงคุณด้วย เกิดมันเป็นเรื่องเป็นราวฉาวโฉ่ขึ้นมา คุณไม่อายรึไง ฮะ”
น่านฟ้าชะงักคิดตาม เริ่มเห็นด้วย
“เออๆๆ ครั้งนี้ผมเชื่อเจ๊ก็ได้ แต่คราวหน้า เจ๊อย่ายอมให้ใครมาทำแบบนี้กับผมอีกนะ ไม่งั้นผมโกรธจริงๆ ด้วย”
มัศยามองหน้าน่านฟ้าหลุดขำ
“แน้ ยังจะมาขำอีก”
“ก็มันตลกจริงๆ นี่ นึกถึงหน้าคุณตอนจะโดนจูบแล้วขำ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยนะ ผมน่านฟ้า หนุ่มฮ็อตสุดหล่อ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า แต่เกือบเสียท่าให้เทรนเนอร์กล้ามยักษ์ของเจ๊น่ะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“อ่ะๆ งั้นคุณจะให้ฉันชดใช้คุณยังไง ถึงจะพอใจ”
น่านฟ้าสบตามัศยาทำซึ้ง
“ต่อไปห้ามเจ๊หลบหน้าผมอีกนะ เจ๊หายไปผมก็ไม่สบายใจ ทุกทีเคยมีเจ๊อยู่ข้างๆ ตลอด พอเจ๊ทำตัวออกห่าง ผมรู้สึกไม่ดีเลย”
มัศยาสบตาน่านฟ้า หวั่นไหว
“คุณน่าน”
น่านฟ้าเอื้อมมือมากุมมือมัศยานัยน์ตาซึ้ง
“เจ๊สำคัญกับผมมากนะ คือผมอยากบอกว่า”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของน่านฟ้าก็ดังขึ้น ทั้งสองชะงักทันที น่านฟ้ารีบรับสาย
“ครับแอน ผมทานข้าวอยู่ มีธุระอะไรรึเปล่า”
มัศยาได้ยินก็พิงพนักเซ็งๆ เหมือนถูกดึงกลับสู่โลกความจริง
“วันนี้คงไม่สะดวก พรุ่งนี้ได้มั้ยครับ โอเคครับ”
น่านฟ้าวางสาย มัศยารีบตัดบท
“ดึกแล้ว เรากลับกันเถอะคุณน่าน”

มัศยาหันไปกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟทันที น่านฟ้าหน้าเจื่อน เสียดาย

ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 10 (ต่อ)

น่านฟ้ากลับเข้ามาบ้าน เห็นแอนนานั่งอยู่ก็แปลกใจ
 
“แอน”
แอนนายิ้มรับ หันไปหยิบถุงขนมมายื่นให้น่านฟ้า
“พอดีแอนผ่านร้านขนมที่น่านชอบ เลยซื้อมาฝากค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“น่านจะทานเลยมั้ยคะ เดี๋ยวแอนเอาไปใส่จานให้”
“ไม่เป็นไรแอน ผมทานข้าวมาแล้ว เมื่อกี้ผมก็บอกแอนไปแล้วนี่”
แอนนาสะอึกนิดๆ แต่แกล้งทำเป็นไม่คิดอะไร
“ก็นั่นมันข้าว แต่นี่มันขนมนี่คะ ถ้าไม่หิวก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแอนเอาไปแช่ตู้เย็นให้นะคะ”
แอนนาจะเดินเข้าครัว แต่น่านฟ้าดึงแขนไว้
“แอน ผมว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะ”
แอนนาหน้าเสียนิดๆ เล่นละครใส่น่านฟ้า น้ำตาซึม
“ทำไมคะน่าน แอนไม่ดีตรงไหน ตั้งแต่แอนกลับมา แอนพยายามทำดีกับน่านทุกอย่าง อยากให้เรากลับมาเหมือนเดิม แต่ทำไมน่านถึงเย็นชากับแอนแบบนี้”
“เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วไงแอน”
“เปลี่ยนยังไงคะ หรือว่าน่านมีคนอื่นแล้ว”
น่านฟ้านิ่งเงียบไม่ตอบ
“ยัยมนุษย์ป้านั่นใช่มั้ย ที่ทำให้น่านเปลี่ยนไป”
“อย่าดึงมัศยามาเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“แค่นี้ยังออกตัวแทนกันเลย ก็ได้ค่ะ ถ้าน่านทำแบบนี้ น่านจะได้รู้ว่า คนแบบแอนไม่เคยยอมใคร แล้วน่านอย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
แอนนาเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนแอน”
น่านฟ้ารีบเดินตามแอนนาไป แอนนาเดินไปเปิดประตูขึ้นรถ
“แอน ฟังผมก่อน แอน”
แอนนาสตาร์ทรถ ขับออกไปเลย น่านฟ้ามองตามเซ็งๆ

กลางคืน มัศยาออกกำลังกาย วิดพื้นอย่างจริงจัง แล้วหยุดนั่งพัก พลันนึกถึงน่านฟ้าขึ้นมา เธอตกอยู่ในภวังค์ แต่แล้วเสียงของนทีก็ดังขึ้น
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
มัศยาชะงัก หันไปเห็นนทีเดินเข้ามา หน้าแดงก่ำ ด้วยอาการเมา
“ทำไมมาเอาป่านนี้ นี่เมามาอีกแล้วเหรอ”
นทีเดินเข้ามาหงุดหงิดใส่
“เมาเมยอะไร ฉันดื่มมานิดเดียวเอง”
นทีนอนแผ่ลงที่โซฟา มัศยามองพี่ชายอย่างระอา
“แล้วนี่นึกยังไงถึงกลับมาบ้านล่ะ”
“บ้านฉันเหมือนกัน ทำไมฉันจะกลับมาไม่ได้ แล้วนี่แฟนแก ไอ้คนที่รวยๆ น่ะ ยังคบกันอยู่รึเปล่า”
“เขาเป็นเจ้านายหยี ไม่ใช่แฟน”
“ฮึ้ย อย่ามาโกหกเลย ไม่ใช่แฟนแล้วทำไมให้เงินฉันเป็นแสนๆ”
มัศยาชะงักทันที ปราดเข้าไปหานที
“พี่นทีว่าไงนะ”
นทีนอนหลับหมดสติไป มัศยาเขย่าตัวนทีด้วยความข้องใจ
“พี่นที ตื่นมาคุยกันก่อน พี่นที”
นทีนอนหลับสนิทไปแล้ว มัศยาเครียด

ตอนเช้า สมใจถือไม้กวาดวิ่งไล่ตีนทียกใหญ่
“แกมานี่เลยนะไอ้นที ไอ้ตัวปัญหา”
นทีวิ่งหลบสมใจอย่างกลัวๆ
“แม่จะตีผมทำไมเนี่ย”
“ก็แกมันดีแต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น”
“โธ่แม่ จะโทษผมได้ไง ก็หมอนั่นให้ผมเอง”
มัศยาจูงนะดีเดินออกมา นะดีมองพ่ออย่างสงสาร
“หยีพานะดีไปส่งโรงเรียนก่อนไป แม่จะจัดการไอ้ทีก่อน”
“คุณยายขา”
“ไปโรงเรียนก่อนนะลูก”
นะดีมองนทีตาละห้อย มัศยารีบจูงมือหลานสาวออกไปทันที
“เฮ้ย ไอ้หยี อยู่ช่วยกันก่อนสิวะ”
“ไม่ต้องเลย วันนี้แหละฉันจะหวดแกให้เนื้อแตกเลยคอยดู”
นทีวิ่งหนีสมใจ สมใจไล่ตาม นะดีหันไปดึงแขนมัศยา
“แม่หยีขา นะดีสงสารพ่อ”
“เรื่องของผู้ใหญ่ แม่หยีว่าเราอย่าไปยุ่งดีกว่า ยังไงเรื่องนี้คนทำผิดก็ต้องได้รับโทษ”

มัศยานึกถึงน่านฟ้าขึ้นมาทันที

น่านฟ้านั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มัศยาเปิดประตูพรวดเข้ามา หน้าตาเอาเรื่องมาก
 
“คุณน่าน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
น่านฟ้าชะงัก
“สีหน้าจริงจัง ท่าทางเรื่องใหญ่”
มัศยาเดินเข้ามาถึงตัวน่านฟ้า จ้องหน้าเอาเรื่อง
“คุณให้เงินพี่ชายฉันทำไม”
น่านฟ้าหน้าเจื่อนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“คือ เอ่อ”
“เอ่ออะไร บอกมาให้หมด”
“ผมไม่ได้ให้นะเจ๊ ผมให้เขายืม ก็เขาร้อนเงิน แล้วตังค์ผมเหลือ ก็เลยช่วยเหลือไป ไม่เห็นมีอะไรต้องซีเรียสเลย”
“คุณไม่ซีเรียสแต่ฉันซีเรียส คุณไม่รู้จักพี่ชายฉันดีพอ รู้มั้ยว่าเขาเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบเลย แล้วก็สร้างหนี้สินให้ฉันกับแม่ต้องคอยตามใช้มากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว”
“เอาน่า ผมเป็นเจ้าหนี้ใจดี ไว้มีค่อยเอามาให้ก็ได้”
มัศยากำมือแน่นอยากจะบีบคอน่านฟ้า
“คุณน่าน คุณไม่เข้าใจสภาพครอบครัวฉันดีพอ รู้มั้ยว่าที่ทำไป มันทำให้ฉันลำบากใจแค่ไหน”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่ามีเมื่อไหร่ค่อยคืน”
“ไม่ได้ คุณบอกมาว่าให้เขาไปเท่าไหร่ ฉันจะหามาคืนคุณ”
น่านฟ้าเห็นมัศยาดูเครียดมากก็เสียงอ่อย
“เจ๊ ใจเย็นๆ ก่อนนะ ผมไม่ได้อยากให้เจ๊เดือดร้อนเลยนะ”
“แต่ตอนนี้ฉันเดือดร้อนมากถึงมากที่สุด ฉันไม่ชอบเป็นหนี้ใคร โดยเฉพาะหนี้บุญคุณคนอื่น”
น่านฟ้าสะอึก พูดกับมัศยาอย่างน้อยใจ
“เจ๊เห็นผมเป็นคนอื่นเหรอ”
มัศยาหน้าเจื่อนนิดๆ
“ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวก็ยังเป็นคนอื่นในสายตาฉันอยู่ดี บอกฉันมาว่าให้เงินพี่ชายฉันไปเท่าไหร่ ฉันขอแค่นี้พอ”
น่านฟ้ากลุ้มใจมาก

ต๋องเอาหูแนบประตูห้องทำงานน่านฟ้าด้วยความสนใจ วิภาเดินผ่านมาเห็นเข้าก็แปลกใจ
“ทำอะไร ฮะ ต๋อง”
ต๋องผละจากประตูหันมายิ้มเจื่อนๆ กับวิภา
“สงสัยเจ๊หยีกับคุณน่านจะทะเลาะกันอีกแล้วครับคุณท่าน”
วิภาชะงักทันที
“ไหน ฉันฟังบ้างซิ”
วิภาเอาหูแนบประตูด้วยความสนใจ ประตูเปิดพรวดออกมาทันที วิภากับต๋องผงะ แต่พยายามเก็บอาการไม่ให้มีพิรุธ มัศยาหันมาถามวิภาด้วยความสงสัย
“คุณท่าน มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ปะเปล่า มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”
มัศยายิ้มนิดๆ เดินออกไปไม่สบอารมณ์ ต๋องรีบหันมาบ่นกับวิภา
“คุณท่านไม่ถามเจ๊หยีล่ะครับว่าทะเลาะอะไรกับคุณน่าน”
“แกจะบ้าเหรอ ฉันเป็นผู้ใหญ่ ให้ทำแบบนั้นได้ไง”
ต๋องหน้าเจื่อนจ๋อยไป
“แต่แกเป็นเด็ก แกไปถามได้ ไปสิไป ฉันอยากรู้ เอ๊า มัวยืนทำอะไร ไปสิ”
“ครับๆๆ”
ต๋องรีบเดินตามมัศยาไป วิภามองด้วยความสนใจ

น่านฟ้ารื้อเอกสารบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด วิภาเคาะประตูห้องแล้วเดินเข้ามา
“แม่ใหญ่ครับ ผมมอบหมายงานให้ทำ ทำไมไม่มีใครส่งงานผมเลยสักคน”
วิภาชะงักแปลกใจ
“จริงเหรอ”
“ครับ เวลายิ่งใกล้เข้ามาทุกที แต่ทุกคนในบริษัทกลับทำใจเย็น อย่างนี้มันจะไปทันได้ไงครับ”
“ไหนมัศยาบอกว่าจะตามงานให้ไง”
“อย่าพูดถึงเขาเลยครับ นั่นเขาสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ไม่นึกถึงผมหรอก”
“นี่ทะเลาะกันมาเหรอ”

มัศยาอยู่ในห้องทำงาน พูดกับต๋องอย่างอารมณ์เสีย
“ใครบอกว่าทะเลาะ ฉันแค่ไม่ชอบในสิ่งที่เขาทำ”
“แล้วคุณน่านเขาทำอะไรเหรอเจ๊”

น่านฟ้าบ่นกับวิภาอย่างหงุดหงิดเช่นกัน
“เขาเป็นคนไม่มีเหตุผลครับแม่ใหญ่ เอะอะอะไรก็โทษแต่ผม ผมมันทำดีเท่าไหร่ก็ไม่เคยดีในสายตาเขาหรอก”

“แกคิดไปเองรึเปล่า ฮะ ตาน่าน”

มัศยาสวนต๋องขวับทันที
 
“ฉันไม่ได้คิดไปเอง แกก็รู้ใช่มั้ยต๋องว่าเจ้านายแกเป็นคนยังไง อยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้ จนไม่นึกถึงใจคนอื่น”
“แต่ตอนนี้คุณน่านเขาเปลี่ยนไปแล้วนะเจ๊”

น่านฟ้าเบ้หน้า ไม่พอใจ
“เขาเปลี่ยนไปมากครับแม่ใหญ่ เดี๋ยวนี้เจ๊เขาไม่ใช่ยัยเจ๊โหดคนเดิมของผมแล้ว ที่สำคัญ ผมมันก็แค่คนนอกในสายตาเขาแล้วด้วย”
“แล้วแกไม่สงสัยเลยเหรอว่า ที่เขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนเพราะใคร”
น่านฟ้าสะอึก ชะงักคิดตาม

ต๋องสวนมัศยาทันควัน
“แล้วเจ๊ไม่คิดเหรอว่า คุณน่านเขาทำแบบนั้นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหวังดีกับเจ๊ เป็นห่วงเจ๊ หรือปกป้องครอบครัวเจ๊”
มัศยานิ่งคิดตาม

น่านฟ้าและมัศยาเดินมาที่มุมกาแฟ เจอกันเข้าพอดี ทั้งสองทำหน้าไม่ถูก มัศยายิ้มนิดๆ
“ดื่มกาแฟเหรอคะ”
น่านฟ้าพยักหน้ารับ มัศยาหยิบถ้วยกาแฟมา 2 ถ้วย แล้วชงกาแฟ น่านฟ้าหยุดยืนเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูก มัศยาหันมายื่นถ้วยกาแฟให้ น่านฟ้ารับถ้วยกาแฟมา ทำหน้าไม่ถูก
“ขอบคุณนะเจ๊”
มัศยายกกาแฟขึ้นดื่ม มองไปทางอื่น น่านฟ้าอึกอักก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก
“ขอโทษนะ”
มัศยาชะงัก หันมามองน่านฟ้าช้าๆ
“คะ ขอโทษอะไรเหรอ”
“ขอโทษที่ยุ่งเรื่องของครอบครัวเจ๊ไง ผมไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากจะช่วยเหลือเฉยๆ แต่ถ้าทำให้เจ๊ไม่ชอบ ผมขอโทษแล้วกัน”
มัศยารู้สึกผิดมาก
“ฉันก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน ทั้งที่ฉันควรจะขอบคุณคุณด้วยซ้ำ แต่กลับพูดไม่ดีใส่”
น่านฟ้ายิ้มสบายใจขึ้น ยกนิ้วก้อยยื่นให้มัศยา
“งั้นเราดีกันนะ”
มัศยาเกี่ยวก้อยกับน่านฟ้ายิ้มหวาน
“ตอนนี้ฉันกลุ้มใจว่าจะหาเงินสองแสนมาคืนคุณได้ไง”
“เอาอย่างนี้สิ รีบช่วยผมทำงานให้เสร็จ ถ้าผมพิสูจน์ตัวเองสำเร็จ ถ้ายอดขายข้าวเกรียบของเราทะลุเป้า ผมจะขึ้นเงินเดือนให้เจ๊เยอะๆ เลย”
มัศยาเลิกคิ้วคิดตาม
“แค่เงินเดือนเอง ไม่มีโบน้งโบนัสให้คุ้มค่าเหนื่อยเหรอ”
น่านฟ้ายิ้มทึ่งในความงก
“โอเค้ โบนัสด้วยก็ได้ เลื่อนตำแหน่งให้ด้วยเลยเอ้า”
“อืม ค่อยน่าสนใจหน่อย งั้นตกลงตามนี้นะ”
“โอเค”
ทั้งสองยิ้มให้กัน ชนแก้วกาแฟ

น่านฟ้าและมัศยาเดินมาตามทางเดินในบริษัท พนักงาน 2 คนกำลังปรึกษาหารือกันอยู่
“นี่พี่ได้ส่งงานให้ท่านประธานรึเปล่า”
ทั้งสองชะงักหันมามองหน้ากัน เลยหลบแอบฟัง มัศยาไม่พอใจจะเข้าไปถาม แต่น่านฟ้าดึงไว้ให้ฟังให้จบ
“ส่งได้ไง ก็คุณสุกิจบอกว่าไม่ต้องทำ”
“แล้วไม่กลัวท่านประธานว่าเอาเหรอ”
“ประธานว่าอะไรไม่ได้หรอก เพราะจริงๆ เขาไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย คุณสุกิจบอกว่า ถ้าไม่มีใครช่วย ยังไงประธานก็ไม่มีทางทำได้ ต่อให้เราช่วยยังไงก็ไม่ทันอยู่ดี”
น่านฟ้าพยักเพยิดกับมัศยาให้เดินเลี่ยงออกไป เมื่อออกมาแล้ว มัศยาโวยวายทันที
“ทำไมคุณไม่ทำอะไรสักอย่าง ฮะ คุณน่าน ไปยอมให้พวกนั้นทำแบบนี้กับคุณได้ไง”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”
มัศยาโมโหกว่าเดิม
“ช่างมันได้ไง ตอนนี้เวลาคุณเหลือไม่มากแล้วนะ”
“ผมคิดว่าผมมีหนทางก็แล้วกัน”

น่านฟ้าจริงจังมาก

น่านฟ้าพามัศยามาคุยต่อที่บ้านเขา มัศยาหงุดหงิดมาก
 
“ไหนบอกซิว่าคุณมีทางไหนบ้างเหรอ เท่าที่ฉันรู้ เราแทบไม่เหลือหนทางแล้วนะคุณน่าน”
น่านฟ้าหน้าขรึมๆ เหมือนคิดอะไรไปด้วย
“แล้วเจ๊คิดว่า กับคนที่ไม่มีใจจะทำงาน มันจะทำงานออกมาได้ดีเหรอ”
“มีหรือไม่มี พวกเขาก็กินเงินเดือนบริษัทอยู่ทุกเดือน ในเมื่อประธานสั่งงานก็ต้องทำสิ คุณถือตำแหน่งประธานอยู่นะ ไม่ใช่นายสุกิจ ทำไปถึงได้โง่เง่ากันอย่างนี้ก็ไม่รู้”
สุกัญญาเดินเข้ามานั่งด้วย แปลกใจ
“มีอะไรกัน กลับกันตั้งแต่หัววันเลย”
“ช่วยพูดกับคุณน่านหน่อยสิคะ เขาจะทำข้าวเกรียบมีโชคเองคนเดียว มันจะเป็นไปได้ไงคะ”
สุกัญญาหันไปมองน่านฟ้าด้วยความสงสัย
“เป็นไปได้ครับแม่ เพราะผมคิดว่าผมทำได้ ไม่ใช่แค่คิด แต่ผมมั่นใจด้วย”
“แล้วเราคิดว่าจะทำยังไงเหรอ”
“เจ๊บอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะช่วยผม”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แค่มีเจ๊คนเดียว ผมมั่นใจว่าผมทำได้ อยู่ที่เจ๊นี่แหละ จะลุยกับผมมั้ย”
มัศยาหันไปมองสุกัญญา สุกัญญายิ้มรับให้กำลังใจ มัศยาถอนหายใจ
“โอเคๆ เห็นแก่เงินเดือน และโบนัส เอาไงก็เอากัน”
มัศยาพิงพนักโซฟาเซ็งๆ น่านฟ้ายิ้มพอใจ

ที่สำนักงานของปารณ แสงไฟลอดออกมาจากห้องทำงานของน่านฟ้า น่านฟ้ากำลังรื้อเอกสารมาอ่านอย่างเคร่งเครียด ปารณเปิดประตูเข้ามาในห้อง ตกใจมาก
“เฮ้ย นี่ฉันตาฝาดไปรึเปล่าวะ ดึกๆ ดื่นๆ แกเข้าออฟฟิศ มาทำงานเนี่ยนะ”
“ฉันโดนลอยแพว่ะเป้”
ปารณชะงักแปลกใจ
“ลอยแพอะไรของแก”
“พนักงานในออฟฟิศ เชื่ออาสุกิจว่าฉันไม่มีทางเพิ่มยอดขายได้เร็วขนาดนั้น เลยไม่ยอมทำงานให้ฉัน”
“อ้าว งั้นแกก็ไล่ออกให้หมดสิวะ รับคนที่เขาเต็มใจทำงานให้แกแทน”
“ไม่ ยิ่งคนดูถูก ฉันยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ไม่งั้นต่อไปใครจะเชื่อถือฉันวะ”
“แล้วแกจะทำไหวเหรอวะ”
“แกลืมไปแล้วเหรอ ฉันคือมิสเตอร์คิน นักการตลาดมือต้นๆ ของเมืองไทยนะเว้ย”
“โอเค แกเก่ง ฉันเชื่อ แต่เก่งแค่ไหน กับเวลาแค่นี้แกคิดว่าทันเหรอ”
น่านฟ้าชะงักมองหน้าปารณ
“ความสนุกมันอยู่ที่ความท้าทายนี่แหละ”

นิรชายืนรออยู่ที่รถปารณตรงหน้าบริษัท ปารณเสร็จธุระกับน่านฟ้าก็วิ่งเข้ามาหา
“ปะ กลับบ้านกันเถอะ”
“คุณไปทำอะไรตั้งนานสองนาน”
“พอดีฉันเจอไอ้น่านน่ะ หมอนี่มันบ้า อะไรง่ายๆ ไม่ชอบ ชอบอะไรยากๆ”
ปารณเปิดประตู นิรชาหันมาบอก
“คุณปารณคะ ฉันว่าฉันจะไปหายาย เราแยกกันตรงนี้ก็ได้นะคะ”
“ได้ไง นี่มันดึกแล้ว งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งแล้วกัน”
นิรชาลังเล
“ทำไมเหรอ”
“ปะเปล่าค่ะ”
“งั้นก็ขึ้นรถสิ”
ปารณเปิดประตูขึ้นรถ นิรชากังวลนิดๆ

ปารณมาส่งนิรชา และเข้าไปพบป้ามะลิในบ้าน ป้ามะลิเหล่ๆ มองปารณ ไม่ค่อยพอใจ ปารณเริ่มเกร็ง
“เอ็งไปทำงานกับไอ้หนุ่มนี่นานยัง ฮะ นังนิ”
“เพิ่งทำค่ะยาย”
“ให้หลานข้าทำอะไรบ้างล่ะ”
ปารณหันไปทางนิรชา นิรชาพยักหน้าให้ปารณตอบ
“เป็นเลขาผมครับยาย”
“อย่ามาเรียกข้าว่ายาย ข้ามีหลานคนเดียว”
“เอ่อ งั้นจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีครับ”
“เรียกอะไรก็เรียก แต่อย่ามาเรียกยาย ข้าไม่ชอบ”
“งั้นผมเรียกเหมือนเพื่อนผม เรียกป้ามะลินะครับ”
“อยากเรียกก็เรียกไปสิ ใครว่าอะไรล่ะ”
ปารณชักเซ็ง นิรชาตัดบท
“เอ่อ ยายสบายดีมั้ยจ๊ะ”
“สบายอะไรล่ะ เบื่อจะตายอยู่แล้ว เมื่อไหร่ไอ้หนุ่มนั่นมันจะยอมให้ข้ากลับบ้านสักทีก็ไม่รู้”
“ถ้าป้ามะลิอยากกลับบ้าน เดี๋ยวผมบอกไอ้น่านให้ดีมั้ยครับ"
ป้ามะลิสวนขวับ
“สาระแน”
ปารณหน้าเจื่อน
“ใครใช้ให้ยุ่ง นี่มันเรื่องของข้า”
“ขอโทษครับ”
นิรชาลำบากใจ หันไปมองปารณ
“ดึกแล้ว งั้นเรากลับกันดีมั้ยคะ ยายจะได้พักผ่อน”

ปารณพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมาก ป้ามะลิมองปารณ ไม่ชอบขี้หน้า

ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 10 (ต่อ)

ปารณและนิรชาเดินคุยกันออกมาที่รถ
 
“ยายเธอนี่ดุจริงๆ เลย ไม่รู้ไอ้น่านไปคบได้ไง”
“ยายแกเป็นคนแบบนี้แหละ แต่จริงๆ แกใจดีนะคะ”
“อมวัดทั้งวัดมาพูดฉันยังไม่เชื่อเลย แล้วอย่างนี้ฉันจะผ่านด่านยายเธอได้มั้ยเนี่ย”
นิรชาชะงักมองปารณ
“เอ่อ ฉันพูดเล่นน่ะ ไปกันเถอะ”
ปารณเปิดประตูขึ้นรถ นิรชาแอบยิ้ม รู้ว่าปารณหมายถึงอะไร

ตอนเช้า มัศยามาที่บ้านน่านฟ้า ยืนคุยกับสุกัญญาด้วยความแปลกใจ
“ฮะ คุณน่านยังไม่ตื่นอีกเหรอคะ”
“จ้ะ นี่ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นลงมาเลย”
มัศยาฮึดฮัด
“อะไรกัน ไหนบอกว่าลุยงานเต็มที่ ไหงมานอนขี้เกียจแบบนี้เนี่ย”
“หนูจะขึ้นไปปลุกเองก็ได้นะ”
มัศยาชะงักลังเล
“จะดีเหรอคะ”
มัศยาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนน่านฟ้า เห็นสภาพห้องเต็มไปด้วยเอกสาร และแพ็คเกจห่อข้าวเกรียบต่างๆ ก็ชะงักแปลกใจ เธอก้าวข้ามข้าวของที่พื้นมาที่เตียง เห็นน่านฟ้านอนหลับสนิทเหมือนเด็ก ก็นั่งลงจ้องหน้าชายหนุ่ม แอบยิ้มปลื้มๆ ทันใดนั้น น่านฟ้าก็พูดออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“มองเขาแบบนี้ เห็นเขาหล่อใช่ม้า”
มัศยาชะงัก ทำหน้าดุทันที
“ยังจะมาปากดีอีก นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ฮะ”
น่านฟ้าลุกขึ้น บิดขี้เกียจไป หาวไป
“ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วจัง เหมือนเพิ่งนอนเลย”
มัศยาก้มลงเก็บเอกสารที่พื้น น่านฟ้ารีบห้าม
“อย่าเจ๊ อย่าแตะต้องของๆ ผมเด็ดขาด”
มัศยาชะงักแปลกใจ
“ทำไมล่ะ คุณทิ้งไว้แบบนี้รกจะตายไป”
“เมื่อคืนผมวางแผนการตลาดของผมไว้แล้ว เดี๋ยวเราจะเริ่มงานกัน”
“หะ เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”
น่านฟ้ายิ้มอย่างภูมิใจ

วันต่อมา น่านฟ้าและมัศยาเดินดูงานการผลิตข้าวเกรียบของโรงงานต่างๆ เลือกบรรจุหีบห่อแพ็คเกจของข้าวเกรียบ พลางหันมาปรึกษากัน น่านฟ้าคุยกับลูกค้าในโรงงาน ลูกค้าสนใจฟังมาก ทั้งคู่ยืนดูคนงานทยอยขนข้าวเกรียบขึ้นรถสิบล้อด้วยความตื่นเต้น หันมาตีมือกันในความสำเร็จ

สุกิจกับภูริชดูแปลนพิมพ์เขียวโรงงานด้วยความสนใจ ระหว่างที่ปารณอธิบายไปด้วย
“เรื่องสูตรข้าวเกรียบและแผนการตลาด ผมสรุปให้คุณสุกิจไว้หมดแล้ว ถ้าคุณสุกิจพอใจกับแปลนนี้ เราก็ดำเนินการก่อสร้างโรงงานกันได้เลยครับ”
สุกิจหันไปมองภูริชเชิงถามความเห็น
“ผมว่าแบบนี่ก็ใช้ได้นะครับ สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ ถือว่าไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป”
“แล้วเรื่องเครื่องจักรล่ะ จะสั่งได้เมื่อไหร่”
“เมื่อไหร่ที่คุณสุกิจพร้อมครับ ผมมีดีลกับโรงงานผลิตเครื่องจักรที่เยอรมัน ราคาต่อรองได้พอสมควรเลย”
สุกิจพยักหน้าสนใจ
“พอจะบอกได้มั้ยว่าเท่าไหร่”

หลังคุยกับปารณ สุกิจก็มาหาวิภาที่ห้องทำงาน วิภาหงุดหงิดที่สุกิจพยายามอ้อนวอนขอเงิน
“อะไรนะ ยี่สิบล้าน แกจะเอาเงินไปทำอะไรตั้งมากมายขนาดนั้น”
“เรื่องส่วนตัวครับ”
“ถ้าแกไม่บอก ฉันก็ไม่ให้”
สุกิจหน้าเจื่อน
“ผมไม่ได้ขอเงินพี่นะครับ ผมแค่อยากเบิกเงินสะสมส่วนของผม เอามาหมุนก่อน”
“เงินนี่เป็นเงินสะสมที่หักจากเงินเดือนของพนักงาน ให้ได้เฉพาะพนักงานที่ลาออกจากบริษัท หรือว่าเธอจะลาออกล่ะ”
สุกิจหงุดหงิดฮึดฮัด
“งั้นก็ไม่เป็นไรครับ”
สุกิจเดินออกจากห้องวิภาไปเลย วิภาถอนใจ ระอา

หลังจากไปขอเงินวิภาไม่ได้ สุกิจก็มาคุยปรึกษากับภูริชด้วยความหงุดหงิด
“สมบัติก็มีตั้งเยอะ แต่งกไม่เข้าเรื่อง”
ภูริชพยายามปลอบ เอาใจ
“ใจเย็นๆ นะครับ ตอนนี้โรงงานยังไม่เริ่ม ยังพอมีเวลาหาเงิน”
“มีเวลา แต่ไม่มีหนทาง มันจะไปมีประโยชน์อะไร”
“แล้วทำไมคุณสุกิจไม่คุยกับคนที่มีอำนาจอนุมัติเงินก้อนนั้นเองล่ะครับ”
สุกิจชะงักหันมามองภูริชอย่างสงสัย
“นายหมายถึงใคร”
“ตอนนี้คนที่มีอำนาจมากที่สุดไม่ใช่คุณท่านแล้วนี่ครับ ผมว่าถ้าคุณสุกิจลองคุยดู อาจจะได้ผลก็ได้”

สุกิจครุ่นคิดด้วยความสนใจ

น่านฟ้าและมัศยาเดินเข้ามาในออฟฟิศ หน้าตาสดใส สุกิจปราดเข้ามาหาน่านฟ้าทันที
 
“ตาน่าน อาขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
น่านฟ้าชะงักสงสัย
“ได้ครับอา”
น่านฟ้าเดินออกไปกับสุกิจ มัศยามองอย่างไม่ไว้ใจ

น่านฟ้านั่งคุยกับสุกิจด้วยความลำบากใจ
“จะให้ผมเซ็นอนุมัติเบิกเงินสะสมส่วนของอา ผมว่าเรื่องนี้คงต้องปรึกษาแม่ใหญ่ก่อนนะครับ”
“ก็ตอนนี้แม่ใหญ่เขายกตำแหน่งประธานให้น่านแล้วนี่ ก็มีแต่น่านนี่แหละที่ช่วยอาได้”
“แต่เงินตั้ง 20 ล้าน มันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ อีกอย่างตอนนี้บริษัทเรากำลังมีปัญหา ผมเกรงว่า”
“เงินแค่นี้ บริษัทคงไม่เจ๊งหรอกตาน่าน แต่อาจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ได้มั้ยตาน่าน ช่วยอาหน่อยนะ”
น่านฟ้าคิดหนักไม่รู้จะตอบอย่างไร

น่านฟ้าพามัศยามาที่บ้านของเขา แล้วเล่าเรื่องที่คุยกับสุกิจให้ฟัง
“เชื่อเขาแล้ว นี่ทำคุณขนาดนี้ ยังมีหน้ามาขอให้คุณช่วยอีกเหรอ นายสุกิจนี่ท่าจะบ้าไปแล้ว”
“แต่ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจได้อย่างนะว่า อาสุกิจคงวุ่นหาเงินมากกว่าจะมาก่อกวนเรา เราจะได้ทำงานคล่องๆ หน่อย”
สุกัญญายกจานอาหารว่างเข้ามาวางตรงหน้าทั้งสองคน
“แล้วนี่เราจะบอกแม่ใหญ่เรื่องนี้รึเปล่า”
“ไม่บอกหรอกครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอาสุกิจจะทำยังไงต่อ เพราะผมแค่รับปากว่าจะลองคิดดูอีกที แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะช่วย”
“เชื่อฉันมั้ย ช่วงนี้คุณคงเนื้อหอมสุดๆ สำหรับนายสุกิจเลยล่ะ แต่ถ้าเขาได้เงินเมื่อไหร่นะ เขาเหยียบคุณจมดินแน่นอนคุณน่าน”
น่านฟ้าชะงักคิดตาม เห็นด้วยเหมือนกัน

ตอนค่ำ นทีเปิดประตูรั้ว พลางตะโกนเข้าไปในบ้าน
“ผมออกไปซื้อของแป๊บนึงนะแม่”
นทีเปิดประตูรั้วออกไป เห็นสินธุยืนอยู่ก็ชะงัก ทั้งสองไปนั่งคุยกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยว นทีคีบก๋วยเตี๋ยวใส่ปาก ขณะที่สินธุนั่งมองหน้าเครียด
“อ้าว ทำไมไม่กินล่ะ”
“ผมกินไม่ลงครับพี่นที ผมไม่สบายใจเรื่องหยี”
“เฮ้อ ก็นายน่ะทำตัวเองชัดๆ น้องสาวฉันออกจะรักนาย แต่นายดันไปนอกใจเขา จะบอกให้ว่า ไอ้ที่นายโดนไปน่ะ ยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับน้องสาวฉัน”
“แต่ผมอยากกลับไปคืนดีกับหยีนะพี่ ผมขาดหยีไม่ได้”
“ขาดไม่ได้แล้วยังไง ในเมื่อหยีมันตัดใจจากแกแล้ว ไม่รู้ป่านนี้คบเจ้านายไฮโซนั่นไปแล้วรึยังด้วยซ้ำไป”
สินธุได้ยินก็ชะงักทันที
“พี่ว่าไงนะ ตกลงไอ้หมอนั่นมันเป็นแฟนหยีไปแล้วเหรอ”
“ก็ไม่รู้สิ ฉันเห็นตัวติดกันตลอด ถ้าไม่ได้คิดอะไรกัน จะไปไหนมาไหนด้วยกันขนาดนั้นเหรอ”
สินธุหน้าง้ำด้วยความแค้น

หลังคุยธุระกันเสร็จ น่านฟ้าตามมาส่งมัศยาที่รถ
“ขับรถดีๆ นะเจ๊ แล้วคืนนี้นอนให้อิ่มนะ พรุ่งนี้เราจะไปคุมคนงานส่งของกัน”
“แน่ใจนะว่าไหว”
“สบายอยู่แล้ว น่านฟ้าซะอย่าง”
“ถ้าคุณไหว ฉันก็ไม่มีปัญหา ช่วงนี้ฉันออกกำลังกายฟิตมาเต็มที่อยู่แล้ว”
มัศยากำลังจะขึ้นรถ น่านฟ้าเรียก
“เดี๋ยวก่อนเจ๊”
มัศยาชะงัก หันมาแปลกใจ
“มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากถามเจ๊ แต่ลืมถามทุกที”
มัศยาเลิกคิ้วสนใจ
“ที่เจ๊บ้าออกกำลังกายระห่ำแบบนี้ เจ๊ทำทำไมเหรอ”
มัศยาชะงัก หน้าแดง ไม่รู้จะบอกอย่างไร
“การออกกำลังกายมันก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไงล่ะ ถามแปลกๆ”
“ไม่จริงอ่ะ ผมว่าสำหรับเจ๊มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เจ๊บอกได้มั้ยว่าเจ๊ทำทำไม”
มัศยาอึกอัก
“ไว้ฉันอยากบอกเมื่อไหร่ฉันจะบอกแล้วกัน”
มัศยารีบขึ้นรถไปเลย น่านฟ้ามองตามยิ้มๆ

รถมัศยาแล่นมาจอดหน้าบ้าน พอเปิดประตูลงมาจากรถ ก็มีมือๆ หนึ่งเข้ามาปิดปากเธอจากด้านหลัง มัศยาตกใจดิ้นสุดแรงจนหลุดจากร่างชายคนนั้น
“สินธุ มาที่นี่ทำไม ฮะ”
“ผมคิดถึงหยี”
“กองความคิดถึงเอาไว้ตรงนั้นเถอะ ฉันขยะแขยง”
“โถ่หยี ผมผิดไปแล้ว หยีให้อภัยผมเถอะนะ”
“สิ่งที่นายทำเขาไม่เรียกว่าผิด แต่เขาเรียกว่า เลว ได้ยินมั้ยว่าเลวน่ะ นายมันเลวจนไม่น่าให้อภัย ออกไปจากหน้าบ้านฉันนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
สินธุปราดเข้ามายืนขวางมัศยา
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าหยีจะให้อภัย”
“ฉันไม่มีวันให้อภัย เพราะฉะนั้นรีบไปซะก่อนที่ฉันจะโมโห”
สินธุคุกเข่าลง หน้าตาจริงจังมาก
“ถ้าหยีไม่อภัยให้ผม ผมจะคุกเข่าตรงนี้แหละ”
“ฉันไม่ใช่นางเอกหนังกำลังภายใน เชิญไปไกลๆ เลยไป”
มัศยาหันหลังเปิดประตูรั้วบ้าน สินธุปราดเข้าไปกอดมัศยา มัศยาพลิกตัวดัดแขน แล้วเตะสินธุเต็มแรง
“โอ๊ยๆๆ พอแล้วหยีผมเจ็บ”
มัศยาผลักสินธุล้ม
“บอกแล้วไงว่าอย่าทำให้ฉันโมโห รีบไปซะก่อนที่ฉันจะฆ่านาย”
มัศยาหันไปเปิดประตูรั้ว สินธุทนไม่ไหวโพล่งออกมาทันที
“ที่หยีไม่อภัยให้ผม เพราะตอนนี้หยีคบไอ้ประธานนั่นแล้วใช่มั้ย”

มัศยาชะงักนิ่งไม่ตอบ เปิดประตูเข้าบ้านไปเลย สินธุเอามือกุมท้องที่โดนเตะ

มัศยาเดินเข้ามาในบ้าน สมใจหันมาถามด้วยความตกใจ
 
“คุยกับใครเหรอหยี เสียงดังโวยวายเลย”
“นายสินธุค่ะแม่”
นทีชะงักทันที แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“นี่ยังกล้ามาหาหยีอีกเหรอเนี่ย”
“นั่นสิคะ สมน้ำหน้า เจ็บตัวอีกจนได้”
นทีพูดลอยๆ ขึ้น หน้าตากวนๆ
“แกก็นะ จะใจแข็งไปไหน ผู้ชายเขาอุตส่าห์มาง้อถึงบ้านแล้ว”
“พี่นทีเงียบไปเลย เรื่องของพี่หยียังไม่ได้เคลียร์เลยนะ”
นทีหน้าเจื่อน ลุกพรวดไปหานะดี
“ไปนะดี ขึ้นห้องดีกว่า เดี๋ยวพ่อเล่านิทานให้ฟังนะ”
นทีจูงมือนะดีเดินขึ้นบ้านไป สมใจหมั่นไส้
“แล้วนี่ตกลงเรื่องหนี้เจ้านที คุณน่านเขาว่าไงบ้าง”
“เขาบอกว่ามีเมื่อไหร่ค่อยให้ค่ะ”
“คุณน่านเขาเป็นคนดีจริงๆ นะ แล้วแม่ว่า เขาต้องชอบหยีแน่ๆ”
มัศยาชะงัก เขินๆ
“ไม่มั้งแม่ เขาเป็นถึงประธานบริษัท จะมาชอบอะไรหยีล่ะ”
“แล้วถ้าเขาเกิดจีบเราจริงๆ หยีจะว่าไงล่ะ”
มัศยาอายหน้าแดง
“ไม่คุยกับแม่แล้ว หยีขึ้นไปอาบน้ำนอนดีกว่า”
มัศยาเดินขึ้นบ้านไปเลย สมใจมองตามยิ้มๆ

ตอนเช้า มัศยาและน่านฟ้ายืนคุมพนักงานขนข้าวเกรียบขึ้นรถขนส่ง บริเวณหน้าโรงงานข้าวเกรียบ สักพักพนักงานโรงงานเดินเข้ามาหาน่านฟ้าอย่างกังวล
“ท่านประธานครับ สงสัยวันนี้คงส่งของได้ไม่ครบครับ พอดีคนขับรถเพิ่งโทรมาขอลางานด่วนเพราะรถชนครับ”
น่านฟ้าและมัศยาชะงักตกใจ
“แล้วเขาเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ เห็นว่ายังรอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
“ถ้างั้นเราจะทำไงดีคะ”
น่านฟ้าครุ่นคิดนิดหน่อย ก่อนจะบอกพนักงาน
“ติดต่อญาติคนขับรถ ถามว่าเป็นยังไงบ้าง แล้วดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้เขาด้วย ใช้งบบริษัทนี่แหละ”
“ครับท่าน แต่ว่าเรื่องส่งของนี่ล่ะครับ สงสัยจะลำบาก เพราะคนงานอื่นๆ ก็ยุ่งกันหมด”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่งเอง”
มัศยางง หันขวับมามองน่านฟ้า
“เฮ้ย เอาจริงเหรอคุณน่าน”
“ทำไมล่ะเจ๊ ในเมื่อเรารับปากลูกค้าว่าจะส่งวันนี้ ก็ต้องส่งให้ได้ ไม่ต้องทำหน้างงเลย เจ๊นั่นแหละ ไปกันผม ไป ไปกันได้แล้ว”

เวลาต่อมา มัศยาขับรถบรรทุกอยู่ พลางหันมามองน่านฟ้าเหล่ๆ น่านฟ้าเปิดไอแพดหาแผนที่อย่างงงๆ
“ไหนว่าคุณจะเป็นคนขับรถไปส่งของเองไง แล้วนี่อะไร ฮะ”
“ผมบอกตอนไหนว่าจะขับรถเอง นี่ไง มีเจ๊ทั้งคนจะขับทำไมให้เมื่อย ว่าแต่โกดังนี่ทำไมมันหายากหาเย็นจริงๆ นะ นี่ขับไปอีกนิดเดียวตกโลกแล้วนะ ไกลจริงๆ”
“ฉันถึงได้สงสัยไงว่า คุณเนี่ยนะจะส่งของเอง แค่แผนที่หาโกดังยังไม่มีปัญญาเลย”
มัศยาจอดรถทันที น่านฟ้าชะงักหันมางงๆ
“อ้าว จอดรถทำไมล่ะเจ๊”
“เดี๋ยวฉันดูเอง เอามานี่มา”
มัศยาดึงไอแพดจากมือน่านฟ้า แต่น่านฟ้ายื้อกลับมา
“ไม่ต้อง ผมดูเอง”
“เถอะน่า”
“เอ ผมบอกว่าจะดูเองไง”
น่านฟ้าดึงไอแพดเต็มแรง จนมัศยาชนเข้ากับน่านฟ้าอย่างจัง สองคนสบตากัน น่านฟ้ามองหน้ามัศยาเคลิบเคลิ้มในวงหน้าอันแสนน่ารัก จนต้องโน้มหน้าเข้าไปจะจูบมัศยา มัศยาหลับตาพริ้ม ระหว่างนั้น มีเสียงเคาะกระจกด้านข้างประตูดังเข้ามาแทรก มัศยาชะงัก ผละจากน่านฟ้า แล้วรีบหมุนกระจกลงเห็นว่าชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างรถ
“เอาของมาส่งรึเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะพี่ พอดีหลงทางหาโกดังไม่เจอค่ะ”
“อ๋อ งั้นขับรถตามผมนะ เดี๋ยวผมพาไป”

พนักงานเดินออกไป มัศยาหมุนกระจกขึ้น ไม่กล้าหันมามองหน้าน่านฟ้าอีกเลย

เมื่อมาถึงหน้าโกดัง น่านฟ้ายื่นใบส่งของให้พนักงานด้วยรอยยิ้ม
 
“ขอบคุณมากนะพี่”
น่านฟ้าหันมามองมัศยาพยักหน้าชวนกลับ
“ไปเจ๊ กลับกันเถอะ”
มัศยาเดินตามน่านฟ้ามาอย่างอายๆ สองคนจับที่จับประตูฝั่งคนขับพร้อมกัน ต่างชะงักหันมามองหน้ากันเขินๆ
“ขากลับเดี๋ยวผมขับเอง เอาเปรียบเจ๊มาเที่ยวหนึ่งแล้ว”
“ตามใจ ขับดีๆ ล่ะ”
มัศยาเดินไปขึ้นรถอีกด้าน น่านฟ้ามองยิ้มๆ

เมื่อขับรถมาถึงหน้าบริษัท น่านฟ้าและมัศยายืนคุยกันต่อที่ลานจอดรถ
“พรุ่งนี้เจอกันนะเจ๊ ผมว่าจะไปส่งของอีกล่ะ”
“คุณนี่บ้าพลังจริงๆ ไม่เหนื่อยรึไง ฮะ”
“ผมว่าสนุกดีออก ทำให้เข้าถึงลูกค้าดีด้วย ดีกว่าใช้คนอื่นซะอีก เจ๊ไปกับผมอีกนะ”
มัศยาพยักหน้าเขินๆ
“อื้อ”
มัศยารีบเดินแยกออกไปทันที น่านฟ้ามองตามยิ้มๆ
“เดี๋ยวก่อนเจ๊”
มัศยาชะงักหันมาแปลกใจ
“ขับรถดีๆ นะ ผมเป็นห่วง”
“อื้อ”
มัศยาเขิน รีบเดินไปที่รถทันที น่านฟ้ามองมัศยาด้วยความปลื้มใจ แล้วเดินมาที่รถตัวเอง กดรีโมทประตู แต่แล้วก็เห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ด้านหลัง น่านฟ้าตกใจชะงักหันมา สินธุต่อยหน้าน่านฟ้าเต็มแรง น่านฟ้าชนกับผนังด้วยความตกใจ ตั้งหลักไม่ทัน สินธุเดินเข้าไปเงื้อหมัดเตรียมต่อยซ้ำ น่านฟ้ารีบหลบ โวยวายเสียงหลง
“เฮ้ย อะไรของแกฮะ มาต่อยฉันทำไม”
“แกแย่งแฟนฉัน ฉันจะฆ่าแก”
สินธุปราดเข้ามาบีบคอน่านฟ้า น่านฟ้าพยายามแกะมือสินธุออก อ้าปากพอหายใจได้ ก่อนจะตัดสินใจกระทืบเท้าสินธุเต็มแรง สินธุเจ็บเท้าเลยปล่อยมือจากคอน่านฟ้า
“ฉันไปแย่งแฟนแกตอนไหน แกเข้าใจผิดแล้ว”
“แกไม่ต้องมาโกหก คิดว่าฉันโง่รึไง ฮะ”
“โกหกอะไรวะ ฉันพูดความจริง”
“ฉันไม่เชื่อ แกทำลายความรักของฉัน ฉันจะฆ่าแก”
สินธุปราดเข้ามาจะต่อยน่านฟ้าอีก น่านฟ้าเอี้ยวตัวหลบ แล้วตัดสินใจวิ่งหนี
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
น่านฟ้าวิ่งหน้าตั้งพยายามหนีเอาตัวรอด
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
รปภ.ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาหาน่านฟ้า
“เกิดอะไรขึ้นครับท่านประธาน”
“มีคนทำร้ายฉัน อยู่ทางโน้น”
รปภ.หันไปเห็นสินธุกำลังวิ่งเข้ามาก็คว้ากระบองออกมาเตรียมต่อสู้ สินธุชะงักตกใจ รีบวิ่งหนีไป
“หยุดนะ”
รปภ.รีบวิ่งไล่สินธุไป น่านฟ้าก้มตัวหอบแฮ่ก

คืนนั้น น่านฟ้ามาหาปารณที่คอนโด เอาน้ำแข็งประคบปาก ขณะที่ปารณโวยวาย
“แล้วแกไปยอมมันทำไมวะ น่าจะแจ้งตำรวจเอาเรื่องมันให้เข็ด”
“ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเดือดร้อนไปถึงเจ๊โหดน่ะดิ แฟนเก่ามาก่อเรื่องถึงบริษัท เจ๊แกเสียประวัติกันพอดี”
ปารณส่ายหน้าเซ็งๆ
“อีกแล้ว แกนี่มันคลั่งเจ๊โหดจนขึ้นสมองเลยนะ นี่ถามจริงๆ เถอะ ชอบเขาทำไมไม่จีบให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยวะ ไหนๆ เขาก็เลิกกับแฟนแล้วด้วย”
“บ้าเหรอ ฉันบอกแกตอนไหนว่าฉันชอบเจ๊โหด”
“โถ่ ไอ้ปากแข็ง เดี๋ยวพ่อเอาไม้หน้าสามฟาดปากให้สักทีสองที จะได้อ่อนลงหน่อย การกระทำแกน่ะ มันสวนทางกับคำพูด รู้ตัวรึเปล่า”
“โอเค ฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกดีกับเจ๊แก แต่มันก็ไม่มากพอจะเป็นแฟนหรอกเว้ย อีกอย่างฉันรู้สึกว่า อยู่อย่างนี้ก็อิสระดี ไม่ต้องผูกมัดกับใคร จะทำอะไรก็ได้”
“แกอย่ามาอ้าง ฉันเห็นแกตัวติดกับเจ๊โหดตลอด ไม่เห็นแกจะมีอิสรภาพตรงไหน”
น่านฟ้าหน้าเจื่อนเถียงไม่ออก
“ฉันจะบอกให้นะเว้ย ชีวิตคนเรามันสั้นจะตายไป รักใครให้บอก ชอบใครให้จีบ รีบปิดจ็อบซะ ก่อนที่แกจะตายซะก่อน เชื่อฉันเหอะไอ้น่าน”
น่านฟ้าชะงักคิดตาม

ป้ามะลินั่งดูทีวีอยู่ในบ้านเช่า ปรับช่องนั้นช่องนี้ด้วยความหงุดหงิด
“โอ๊ย ไม่หย่งไม่อยู่มันแล้วโว้ย”
ป้ามะลิลุกพรวดทันที เป็นจังหวะที่นิรชาถือถุงโจ๊กกับป้าท่องโก๋เข้ามา
“ทำอะไรเหรอจ๊ะยาย นี่หนูซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาฝากยายจ้ะ”
“ข้าเบื่อ ข้าจะกลับบ้านแล้ว”
ป้ามะลิจะเดินไปขึ้นบันได
“กลับไม่ได้นะจ๊ะยาย มันอันตราย”
“ข้าไม่สนแล้ว หมาตัวไหนมันจะมาทำร้ายข้า แม่จะแทงให้ไส้พรุนให้หมด”
“งั้นให้หนูบอกคุณเป้กับคุณน่านก่อนได้มั้ยจ๊ะ”
“ไม่ต้องบอกหรอก ขืนบอกข้าก็อดกลับบ้านสิวะ ไปเร็ว ไปช่วยข้าเก็บของ ข้าจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

ป้ามะลิเดินขึ้นบ้านไป นิรชาเครียด คิดหาทางแก้ไข

ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 10 (ต่อ)

นิรชาและป้ามะลิยืนอยู่ริมถนนใหญ่รอรถ นิรชาถือโอกาสตอนป้ามะลิเผลอ หยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความไลน์หาปารณ ไม่นานนัก รถแท็กซี่ผ่านมา ป้ามะลิรีบโบกรถทันที
 

“ไปเร็ว ขึ้นรถ”
นิรชาโยนมือถือลงกระเป๋าถือแล้วรีบขึ้นรถตามป้ามะลิ

รถของน่านฟ้าแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบริษัท พอลงจากรถ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น น่านฟ้ากดรับสาย
“ว่าไงวะเป้ โทรมาแต่เช้าเลยนะแก อะไรนะ”
น่านฟ้าตกใจ

น่านฟ้าจูงมือมัศยาเดินมาตามทางเดินในบริษัทด้วยความเร่งรีบ ท่ามกลางสายตาพนักงานที่มองกันใหญ่
“โอ๊ย ช้าๆ ก็ได้คุณน่าน เดี๋ยวล้ม”
“เรื่องสำคัญขนาดนี้ช้าได้ไงล่ะเจ๊”
ภูริชเดินผ่านมาพอดี มองด้วยความสนใจ พนักงานหันมาซุบซิบกัน
“ท่านประธานกับพี่หยีนี่ดูสนิทกันจังเลยเนอะ”
“นั่นสิ อย่างกับแฟนกันแน่ะ”
“บ้าเหรอ ระดับท่านประธานจะชอบพี่หยีเนี่ยนะ”
“อ้าว อย่าดูถูกไป พี่หยีน่ะ สวยขึ้นตั้งเยอะไม่สังเกตเหรอ ผู้หญิงถ้าเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ รับรองว่ามีความรักชัวร์”
ภูริชชะงักคิดตามทันที

น่านฟ้าขับรถด้วยความร้อนใจ ขณะที่มัศยาหันไปมองมุมปากชายหนุ่ม เห็นรอยช้ำก็แปลกใจ
“นั่นหน้าคุณไปโดนอะไรมาเหรอคุณน่าน”
น่านฟ้าชะงัก เอามือจับๆ หาคำโกหก
“เอ่อ ผมเดินชนประตูน่ะ พอดีขี้เกียจเปิดไฟก็เลยมองไม่เห็น”
“เฮ้อ คุณนี่เรื่องมักง่ายน่ะที่หนึ่ง ดูซิช้ำหมดเลย”
มัศยาจับรอยช้ำที่ปากน่านฟ้าเบาๆ น่านฟ้าจับมือหญิงสาวไว้ มัศยาชะงัก
“จับมือฉันทำไม”
“ผมขับรถอยู่ อย่ากวนสิ”
น่านฟ้ากำมือมัศยามาวางข้างตัว มัศยาทำตัวไม่ถูก เขินมาก

ป้ามะลิเดินเข้ามาในบ้าน นิรชาเดินตามมาด้วย ป้ามะลิทิ้งตัวลงนั่งยิ้มๆ มีความสุข
“เฮ้อ ได้กลับบ้านสักที มันจะมีที่ไหนมีความสุขเท่ากับอยู่บ้านตัวเองวะ เอ้อ แล้วเอ็งน่ะ ไม่ไปทำงานเหรอ”
นิรชาอึกอัก
“เอ่อ พอดีวันนี้หนูต้องไปทำธุระให้ที่ทำงาน เลยเข้างานสายได้จ้ะยาย”
“เออ แล้วไป เดี๋ยวจะมาเสียงานเสียการเพราะข้าอีก ได้กลับบ้านค่อยยังชั่วหน่อย รู้มั้ยว่าข้าห่วงบ้านจนนอนไม่หลับมาตั้งหลายคืน เอ็งน่ะ อย่าไปบอกไอ้พวกนั้นล่ะ เดี๋ยวมันก็พาข้ากลับไปบ้านโน้นอีก”
ทันใดนั้นเองเสียงน่านฟ้าก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน
“ป้ามะลิคร้าบ”
ป้ามะลิหันขวับมามองนิรชา
“ฝีมือเอ็งใช่มั้ยนังนิ”
นิรชาก้มหน้างุดกลัวความผิด น่านฟ้ากับมัศยาตะโกนอยู่หน้าบ้านด้วยความกังวล
“ป้ามะลิคร้าบ”
“ป้ามะลิคะ เปิดประตูหน่อยค่ะ”
ป้ามะลิเดินหน้าง้ำออกมาหน้าบ้าน นิรชาเดินตามมาจ๋อยๆ
“กลับไปได้แล้วไป ข้าไม่ต้อนรับ”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับป้า โกรธเคืองอะไรกัน ค่อยๆ คุยกันดีกว่า แต่ป้าหนีมาแบบนี้ผมเป็นห่วงนะครับ”
“ถุย ห่วงข้าแล้วเอาข้าไปทิ้งไว้แบบนั้นเหรอวะ ข้าไม่ใช่คนแก่หมดสภาพต้องให้ลูกหลานเอาไปทิ้งตามบ้านพักคนชรานะเฟ้ย”
น่านฟ้าและมัศยาหน้าเจื่อน
“เราไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะคะป้า ที่คุณน่านพาป้าไปอยู่บ้านโน้นก็เพื่อความปลอดภัย”
“แต่ข้าไม่อยากอยู่ ข้าจะอยู่บ้านข้า”
“งั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ยครับ ขอผมเข้าไปคุยข้างใน แล้วเรามาเจรจาต่อรองกันอย่างคนที่มีกำลังมีความสามารถ ไม่ได้แก่หมดสภาพอย่างที่ป้าพูด ตกลงมั้ยครับ”
ป้ามะลิครุ่นคิด

น่านฟ้า มัศยา พยายามเกลี้ยกล่อมป้ามะลิอย่างมาก ขณะที่ป้ามะลินั่งหน้าเชิดไม่หายงอน
“ข้าไม่ตกลงอะไรกับเอ็งอีกแล้ว ตั้งแต่เอ็งเข้ามาในชีวิตข้า ดูซิว่าข้าวายป่วงแค่ไหน”
น่านฟ้าและมัศยาจ๋อย
“เราสองคนต้องกราบขอโทษป้าด้วยนะคะ ที่ทำให้ป้าเดือดร้อนมาตลอด”
“เดือดร้อนมากด้วย”
“นั่นแหละค่ะ ตอนนี้เราถึงอยากจะดูแลป้าให้ดีที่สุดไงคะ”
“ใช่ครับป้า ผมรู้ว่าผมผิดที่พาป้าไปอยู่บ้านแม่แล้วก็ไม่ค่อยได้ไปดูแลป้าเลย เพราะมัวแต่ยุ่งๆ เรื่องโรงงาน ผมขอโทษนะครับป้า”
“ตอนนี้ข้าเลยจุดๆ นั้นมาแล้ว ข้าไม่โกรธ แต่ข้าไม่ชอบ แล้วก็ไม่อยากกลับไปอยู่บ้านนั้นด้วย”
น่านฟ้าและมัศยาหันไปมองนิรชา หวังจะให้ช่วยเกลี้ยกล่อม
“ยายจ๋า”
“หุบปาก เอ็งนั่นแหละนังตัวดี ไปรายงานมันทำไม ดูซิ มันเลยตามมากวนใจข้าอีก เห็นมั้ย”
“แต่คุณน่านกับพี่มัศยาเขาห่วงยายจริงๆ นะจ๊ะ”
“ข้าไม่สน ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะกลับมาขายข้าวเกรียบเหมือนเดิม ให้นอนงอมืองอเท้า มันไม่ใช่แบบที่ข้าชอบ”
มัศยาหันไปทางน่านฟ้าให้ช่วยกันหาทาง
“ป้าอยากทำงานใช่มั้ยครับ งั้นเอาอย่างนี้ ป้าไปช่วยผมคุมการผลิตที่โรงงานดีมั้ยครับ”
มัศยาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมาก
“ข้าเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าข้าไม่ชอบทำงานโรงงาน ข้าชอบขายข้าวเกรียบบ้านๆ ให้คนได้กินของดี ของอร่อย”
“แต่ถ้าป้าไปช่วยผม จะมีคนได้กินฝีมือป้าเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนคนเลยนะครับ ถ้าป้ายอม จะเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ผมจ่ายไม่อั้น โอทีต่างหากด้วยเอ้า”
ป้ามะลิได้ยินก็ตบเข่าฉาดเดือดขึ้นทันที
“อุวะ นี่เอ็งคิดจะเอาเงินมาล่อข้าเหรอวะ เห็นข้าเป็นคนหน้าเงินรึไง”
น่านฟ้าลนลานตกใจมาก
“เปล่านะครับป้า ผมแค่เล็งเห็นความสามารถป้า เลยอยากใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด”
“ลองเก็บไปคิดดูนะคะป้า แต่หนูว่ามันดีกับป้าที่สุดเลยนะคะ”
นิรชาพยักหน้าเห็นด้วย

“ข้าจะบอกให้นะว่า เงินน่ะ ซื้อคนอย่างข้าไม่ได้หรอก”

น่านฟ้าและมัศยาจ๋อย
 
“แต่ถ้าเยอะ ข้าก็เอา”
น่านฟ้ากับมัศยาชะงัก คาดไม่ถึง
“ตกลงยายจะไปทำงานช่วยคุณน่านที่โรงงานใช่มั้ยจ๊ะ”
“อย่าถามมาก เดี๋ยวข้าก็เปลี่ยนใจซะหรอก”
น่านฟ้าและมัศยาดีใจ โผเข้ากอดป้ามะลิทันที
“ขอบคุณครับป้า”
“ขอบคุณนะคะ”
ป้ามะลิหงุดหงิดฮึดฮัด

นิรชาเดินตามป้ามะลิกลับเข้ามาที่บ้านเก่าสุกัญญา พลางคุยกันไปด้วย
“ทำไมยายถึงเปลี่ยนใจช่วยคุณน่านคุมโรงงานล่ะจ๊ะ”
“คนอย่างข้า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ มีเหรอข้าจะยอม”
“แล้วยายมีความจำเป็นอะไรเหรอจ๊ะ”
ป้ามะลินั่งลงมองนิรชาด้วยความสงสาร
“ข้าสงสารเอ็งน่ะสินังนิ”
นิรชาแปลกใจ
“สงสารหนู”
“ใช่ ข้าอยากช่วยเอ็งแบ่งเบาภาระเรื่องค่ารักษานังนารีมันบ้าง อีกอย่างข้าไม่อยากให้เอ็งเป็นหนี้บุญคุณให้หมอนั่น เดี๋ยวมันจะมาลำเลิกกับเอ็ง ทำให้เอ็งต้องลำบาก”
นิรชามองป้ามะลิอย่างซาบซึ้ง
“โถ่ ยายจ๋า ยายไม่ต้องลำบากเพื่อหนูขนาดนี้ก็ได้จ้ะ ถ้ายายไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร ตอนนี้หนูมีงานประจำทำแล้ว หนูไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้วจ้ะ”
“เฮอะ ไม่ต้องมาคุย ตัวคนเดียวทั้งเลี้ยงตัวเอง ไหนจะดูแลแม่ป่วยๆ คิดว่าไหวเหรอ”
นิรชาเงียบกริบเถียงไม่ออก
“ยังไงนังนารีมันก็ลูกข้า คนเป็นแม่ก็ต้องดูแลลูกให้ถึงที่สุด”
“ยาย”
นิรชาโผเข้ากอดป้ามะลิด้วยความซึ้งใจ ป้ามะลิลูบหัวหลานสาวปลอบใจไปด้วย
“จำไว้นะนิ เอ็งไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน เอ็งยังมียายอีกคน มีอะไรขอให้นึกถึงยายก่อน ยายไม่มีวันทอดทิ้งเอ็งกับแม่หรอกนะ”
นิรชาน้ำตาซึมด้วยความซึ้งใจ

รถน่านฟ้าแล่นมาจอดที่บริเวณลานจอดรถบริษัท น่านฟ้าและมัศยาลงจากรถมาคุยกันด้วยความโล่งใจ
“ค่อยยังชั่วหน่อยที่ต่อรองป้ามะลิสำเร็จ ไม่งั้นนะ ได้ง้อกันยาวแน่”
“ผมเองก็นึกไม่ถึงนะเจ๊ว่าป้าแกจะยอมมาคุมการผลิตข้าวเกรียบให้เรา”
น่านฟ้าเดินอยู่ก็รู้สึกหลอนๆ หันขวับไปมองอย่างระวังตัว มัศยาชะงักแปลกใจ หันไปมองตาม
“มีอะไรเหรอคุณน่าน”
“เปล่า”
“เปล่าอะไร เห็นอยู่ว่าคุณดูระแวงอะไรแปลกๆ”
“ช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย เลยต้องระวังตัวหน่อยน่ะเจ๊ ไป ไปกันเถอะ ยังมีงานที่เราต้องเตรียมตัวอีกเยอะ”
ทั้งสองเดินออกไป ภูริชโผล่มาจากข้างผนังมองด้วยความสนใจ

น่านฟ้าและมัศยาเข้ามาในห้องทำงานของน่านฟ้า น่านฟ้าชะงักเมื่อเห็นแอนนานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานของเขา แล้วหมุนเก้าอี้หันมายิ้มสดใส
“กลับมาแล้วเหรอคะน่าน แอนมารอน่านตั้งนานแน่ะ”
น่านฟ้าแปลกใจมาก มัศยาเองก็ทำหน้าไม่ถูก
“คุณมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าแอน”
“สำหรับแอน ต้องมีธุระด้วยเหรอคะ ถึงจะมาหาน่านได้ แอนคิดถึงคุณค่ะ”
แอนนาลุกขึ้นมากอดแขนน่านฟ้า มัศยาอึกอักทำตัวไม่ถูก รีบออกตัว
“ถ้าคุณมีแขก งั้นเดี๋ยวเราค่อยคุยงานกันก็ได้”
แอนนาสวนทันที
“เดี๋ยวก่อนสิ เธอจะอยู่ในห้องนี้ก็ได้นะ ฉันอนุญาต”
มัศยาขมวดคิ้ว ไม่สบอารมณ์
“คุณไม่มีสิทธิ์อนุญาตค่ะ เพราะคุณไม่ใช่เจ้านายฉัน”
“แต่น่านคือเจ้านายเธอ แล้วฉันก็คือคนสำคัญของเขา”
น่านฟ้าอึกอักทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ เอาอย่างนี้นะ เจ๊ไปรอที่ห้องเจ๊ก่อน เดี๋ยวผมไปคุยด้วย”
“ไปทำไมล่ะคะน่าน มีอะไรก็คุยในนี้ก็ได้ วันนี้แอนว่างทั้งวัน ยังไงแอนก็จะอยู่กับคุณที่นี่แหละ”
“แอน แต่ผมต้องทำงานนะ”
“ก็ทำไปสิคะ แอนไม่ได้กวนคุณซะหน่อย เธอก็เหมือนกัน เป็นลูกน้องก็ทำงานไปเถอะ”
“พอดีฉันเป็นลูกน้องที่ค่อนข้างติสต์ แนว แบบว่าเป็นตัวของตัวเองค่ะ ถ้าอยู่ในบรรยากาศที่ไม่ชอบ ฉันทำงานไม่ได้ ไว้คุณสะดวกแล้วค่อยคุยกันนะ”
มัศยาเปิดประตูเดินออกไปเลย น่านฟ้าถอนใจ กลุ้ม แอนนายิ้มพอใจ

มัศยาเดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง พยายามข่มใจไม่ให้โมโห วิภาเปิดประตูห้องตามเข้ามา
“ยัยแอนนงแอนนาอะไรนั่นมาทำอะไร ฮะ”
“มาหาคุณน่านค่ะคุณท่าน”
“คนเขากำลังยุ่ง มาวุ่นวายที่นี่ทำไม เดี๋ยวฉันต้องไปจัดการหน่อยแล้ว”
วิภาจะเดินออกไป แต่มัศยารีบขัดขึ้น
“คุณท่านคะ”
วิภาชะงักหันมา มองอย่างสงสัย
“ดิฉันว่าคุณท่านอย่าไปเลยค่ะ คือว่า ดิฉันเกรงว่าคุณน่านจะลำบากใจ”
“ก็ให้ลำบากไป ดีเหมือนกัน จะได้ประกาศสงครามกันไปเลยว่าฉันไม่ต้อนรับยัยคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้ ถึงฉันจะไม่ใช่แม่ตาน่านแท้ๆ แต่ฉันก็เป็นแม่ใหญ่ ฉันมีสิทธิ์”

วิภาเดินออกไป มัศยาเครียด กลุ้มใจแทน

น่านฟ้าเดินไปเปิดประตูห้องออกอย่างหงุดหงิด
 
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนเถอะแอน วันนี้ผมยุ่งจริงๆ”
แอนนาแกล้งทำหน้างอ
“ทำไมน่านไล่แอนอย่างนี้ล่ะคะ แอนอุตส่าห์ตั้งใจมาหาน่านนะ”
น่านฟ้าทำหน้าดุใส่แอนนาแทนคำตอบ แอนนายอมลุกจากเก้าอี้ยิ้มๆ กวนๆ
“โอเคๆ วันนี้แอนกลับก็ได้ งั้นเลิกงานแอนไปหาที่บ้านนะคะ”
ทันใดนั้นนั้น วิภาเดินเข้ามาสีหน้าไม่พอใจ
“เย็นนี้ตาน่านต้องไปบ้านฉัน คงไม่มีเวลาอยู่กับเธอหรอก”
น่านฟ้าหน้าเจื่อนมองวิภา แอนนาชะงักมองวิภาอย่างไม่พอใจ มัศยารีบตามเข้ามา พยายามจะช่วยไกล่เกลี่ย
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ เราเจอกันพรุ่งนี้ก็ได้”
“พรุ่งนี้ตาน่านก็ไม่ว่าง เพราะเขาต้องคอยดูแลแฟนเขา”
น่านฟ้างงมาก แอนนาชะงัก หน้าเสียนิดๆ
“แฟนเหรอ”
“ใช่ มัศยามานี่ซิ”
มัศยาเดินเข้ามาหาวิภาอย่างงงๆ
“มัศยาคบกันตาน่านอยู่ เขาเป็นแฟนกัน”
น่านฟ้าและมัศยางงเป็นไก่ตาแตก แอนนามองมัศยาหัวจรดเท้า ไม่พอใจมาก
“ไม่จริง อย่างน่านน่ะเหรอจะมีแฟนเป็นยัยมนุษย์ป้านี่”
“มนุษย์ป้า ก็ยังดีกว่าเห็บเหาอย่างหล่อน ตามเกาะผู้ชายหน้าไม่อาย”
มัศยาตกใจกว่าเดิม
“คุณท่านคะ”
“เธอไม่ต้องปิดฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอกับตาน่านคบกันมานานแล้ว แต่คิดว่าฉันคงจะกีดกัน ฉันบอกได้เลยว่าถ้าเป็นเธอฉันไฟเขียวผ่านตลอด แต่ถ้าเป็นเธอ ฉันให้สามคำ ฝัน ไป เถอะ”
แอนนาช็อค หันไปทางน่านฟ้า
“น่าน”
น่านฟ้านิ่งอึ้ง ทำหน้าไม่ถูก แอนนาเจ็บใจ อายมาก กระทืบเท้าเดินออกไป วิภายิ้มเยาะสะใจมาก แล้วเดินกลับห้องตัวเองไปเลย
“แม่ใหญ่”
“คุณท่าน”
น่านฟ้าและมัศยาต่างร้องเรียกวิภาเสียงหลง

น่านฟ้าและมัศยาพากันมาโวยวายอยู่ในห้องวิภา
“ทำไมแม่ใหญ่พูดกับแอนนาแบบนั้นครับ”
“นั่นสิคะคุณท่าน ในเมื่อมันไม่เป็นความจริงเลยนะคะ”
“เราสองคนบริสุทธิ์ใจต่อกันนะครับแม่ใหญ่ เจ๊โหดแกก็คอยช่วยเหลือผมตามหน้าที่”
วิภาชักรำคาญ
“หยุด”
น่านฟ้าและมัศยาเงียบกริบ
“ฉันทำไปแบบนั้นก็เพื่อให้เธอสองคนหันมาโฟกัสที่งาน เวลายิ่งมีน้อยอยู่ มายุ่งวุ่นวายกับเรื่องไร้สาระกันอยู่ได้”
“แต่คุณแอนนาเขาจะเข้าใจดิฉันกับคุณน่านผิดนะคะคุณท่าน”
“งั้นก็ทำให้เข้าใจถูกไปเลยสิ”
มัศยาและน่านฟ้าชะงัก
“มัศยา ฉันขอสั่งให้เธอเป็นแฟนตาน่าน ไม่งั้นตาน่านก็วุ่นวายเรื่องผู้หญิงอยู่นั่นแหละ”
“เฮ้ย มีงี้ด้วยเหรอครับแม่ใหญ่”
“เออ อย่างนี้แหละ ถ้าขืนฉันเห็นมีผู้หญิงมาเกาะแกะกับแกอีกนะ ฉันจะด่าแก แล้วฉันจะตัดเงินเดือนเธอด้วยมัศยา”
มัศยาอึ้งกว่าเดิม
“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ฉันจะทำงาน วุ่นวายจริงๆ เลย”
มัศยาและน่านฟ้ายังอึ้งอยู่
“ออกไปเซ่”
มัศยาตกใจรีบเปิดประตูออกไป น่านฟ้ามึนงง ทำตัวไม่ถูก เดินตามมัศยาออกไป วิภาชะเง้อมอง เห็นสองคนออกไปแล้ว ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ แอบขำ

ตอนเย็น น่านฟ้าและมัศยาเดินมาที่ลานจอดรถพร้อมกัน สองคนเจอกันก็ชะงักทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ กลับแล้วเหรอเจ๊”
“อื้อ”
“งั้นขับรถดีๆ นะ”
“อื้อ”
“เอ่อ ผมไปก่อนนะ”
น่านฟ้าเปิดประตูขึ้นรถ มัศยาก็เปิดประตูขึ้นรถตัวเอง น่านฟ้านั่งอยู่ในรถ งงๆ
“แม่ใหญ่นะแม่ใหญ่”
มัศยานั่งอึ้งไม่แพ้กัน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”

วิภานั่งดูละครอยู่ในบ้าน หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข น่านฟ้าเดินเข้ามาหา
“แม่ใหญ่ครับ”
วิภาเหล่ๆ มอง ทำเป็นไม่สนใจ ดูทีวีต่อ
“เรามีเรื่องต้องคุยกันครับ”
วิภาแกล้งทำเป็นดูละครหัวเราะร่วน ไม่สนใจ น่านฟ้าทนไม่ไหว เดินไปหยิบรีโมทมากดปิดทีวี วิภาถอนใจเซ็งๆ
“อะไรของแก ฮะ ไอ้น่าน ฉันดูละครอยู่ไม่เห็นรึไง”
“ผมขอเวลานิดเดียวครับ แต่ยังไงเราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“เรื่องแกกับมัศยาล่ะสิ”
“ใช่ครับ ทำไมอยู่ๆ แม่ใหญ่มาสั่งให้ผมกับเจ๊หยีคบกัน นี่มันเท่ากับละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกันเลยนะครับ”
“ฉันละเมิดสิทธิแกตรงไหน แกต่างหากที่ละเมิดสิทธิมัศยาเขามาตลอด ฉันเห็นแกกระเตงเขาไปโน่นไปนี่สารพัด ไม่ได้นึกถึงเลยว่าลูกเขามีพ่อมีแม่ ถูกมั้ย”
น่านฟ้าสะอึกเถียงไม่ออก
“เพราะฉะนั้น แกควรจะคบเขาเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้มันถูกต้อง โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หัดคิดอะไรให้เป็นซะบ้าง เฮ้อ ทำไมฉันต้องมาปากเปียกปากแฉะกับแกด้วยนะ เบื่อจริง”
“แต่แม่ใหญ่ครับ”
“แกไม่มีหน้าที่โต้แย้งอะไรทั้งนั้น ฉันสั่งให้แกทำแกก็ต้องทำ ไม่งั้นฉันจะถือว่าแกอกตัญญูต่อฉัน”
“โห มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอครับ”
“น้อยไปด้วยซ้ำ ฉันขอพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าฉันเห็นยัยแอนนาแอนไร่อะไรนั่นมายุ่งกับแกอีก ฉันจะถือว่าแกอกตัญญู หน้าที่แกตอนนี้คือไปดูแลแฟนแกให้ดี ช่วยกันทำงานพิสูจน์ตัวเองให้ได้ จบนะ”

วิภาหันไปดูละครต่อ น่านฟ้าถอนใจ

น่านฟ้าเดินเซ็งออกมาหน้าบ้านวิภา เห็นมัศยากำลังลงจากรถพอดี เขารีบเดินไปหา ยิ้มๆ
 
“จะมาเจรจาต่อรองกับแม่ใหญ่ล่ะสิเจ๊”
“ใช่ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจยังไงไม่รู้สิ”
“ป่วยการ ผมพูดไปหมดแล้วล่ะ”
มัศยาชะงัก
“เอางี้ เราไปคุยกันทีอื่นดีกว่า ผมว่าผมมีแผนรับมือกับเรื่องนี้แล้ว”
มัศยาสนใจขึ้นมาทันที
“แผนอะไรเหรอ”
ทั้งสองพากันมาคุยที่ร้านอาหาร มัศยาฟังน่านฟ้าพูดแล้วอึ้งมาก
“อะไรนะ ให้ฉันเป็นกิ๊กปลอมๆ ของคุณ”
“ใช่ ก็ในเมื่อแม่ใหญ่ไม่ฟังอะไรเลย ทางเดียวคือทำให้แม่ใหญ่เข้าใจว่าเรายอมรับข้อเสนอแม่ใหญ่ และทำตามด้วยความเต็มใจ”
“แล้วแฟนคุณล่ะ ยัยแอนนานั่นน่ะ”
“เขาไม่ใช่แฟนผม”
“อย่ามาๆ ออกตัวแรงขนาดนั้นจะไม่ใช่ได้ไง”
“เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ก็แล้วกัน ผู้ชายอย่างผม ไม่ใช่จะคบใครง่ายๆ นะคร้าบ ผมเลือกนะเจ๊”
มัศยาหน้าเจื่อน
“อย่าว่าแต่คุณเลย ฉันเองฉันก็เลือกเหมือนกันย่ะ”
น่านฟ้าได้ยินก็ขำก๊ากทันที มัศยาค้อนขวับไม่พอใจ
“ขำอะไรนักหนา ฮะ”
“นี่ขนาดเลือกแล้วนะ ยังได้กุ๊ยจอมสูบอย่างนายสินธุมาเป็นแฟนเลย”
มัศยาสะอึก นิ่งเงียบไม่พอใจ น่านฟ้าอ้าปากค้าง รู้สึกผิด
“เอ่อเจ๊”
มัศยาคว้ากระเป๋าถือ ลุกพรวดออกไปเลย
“เจ๊ เจ๊หยี”
น่านฟ้ารีบลุกตามออกไป

มัศยาเดินมาที่รถ โมโหมาก น่านฟ้ารีบตามมาคว้ามือเธอไว้
“เดี๋ยวก่อนสิเจ๊”
แรงดึงของน่านฟ้าทำเอามัศยาถูกกระชากเข้ามาซบที่อกเขา ทั้งสองเผลอสบตากันโดยไม่รู้ตัว
“ผมขอโทษนะที่ปากเสีย เจ๊อย่าโกรธผมนะ”
“คุณมันก็ดีแต่ตอกย้ำซ้ำเติมคนอื่น”
“ก็ผมมันปากไม่ดี เดี๋ยวกลับบ้านจะเอาน้ำยาล้างส้วมกลั้วปากฆ่าเชื้อปากไม่ดีเลย แต่เจ๊อย่าโกรธผมเลยนะ นะๆๆๆ”
มัศยามองน่านฟ้า เริ่มใจอ่อน
“ไม่โกรธก็ได้ แต่ช่วยปล่อยมือฉันสักทีได้มั้ย”
น่านฟ้ายอมปล่อยมือมัศยาแต่โดยดี
“แล้วเรื่องที่ผมเสนอเจ๊ไป เจ๊จะว่าไงอ่ะ”
มัศยาครุ่นคิด

ตอนเช้า นิรชาพิมพ์งานอยู่ในออฟฟิศของปารณ ปารณยืนคุมอยู่ด้านหลัง ทั้งสองใกล้ชิดสนิทกันมาก
“นั่นแหละ ทำตารางอย่างนั้นแหละ เสร็จแล้วก็กรอกข้อมูลไว้ช่องนี้นะ”
“ค่ะ”
สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นิรชาจะลุกไปรับ แต่หัวชนเข้ากับปารณ ทั้งสองชะงักมองหน้ากันเขินๆ
“ไปรับสิ”
นิรชายิ้มเขินๆ รีบรับสาย
“สวัสดีค่ะ เอ็นพีร์อาร์กรุ๊ปค่ะ คุณน่านฟ้าเหรอคะ ได้ค่ะ”
นิรชาวางสาย ปารณหันมาถามด้วยความสนใจ
“ใครเหรอ”
“บริษัทอีเว้นท์บอกว่าคุณน่านนัดไว้ค่ะ”
“ไอ้น่านมันมาทำงานด้วยเหรอ”

ปารณและนิรชาเดินมาที่หน้าห้องประชุม พนักงานอีเวนท์กำลังยืนคุยกับน่านฟ้า น่านฟ้ากางเอกสารขึ้นมาคุยไปด้วย ปารณหันมาพูดกับนิรชางงๆ
“แปลกนะ ทำไมไอ้น่านมันถึงนัดบริษัทอีเวนท์มาคุยที่นี่”
“คงเป็นความลับของบริษัทมั้งคะ”
“นี่แสดงว่ามันต้องวางแผนทำอะไรอยู่แน่ๆ”

ปารณมองด้วยความสนใจ

จบตอนที่ 10
 
กำลังโหลดความคิดเห็น