แหวนทองเหลือง ตอนที่ 22
เมตตาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนดวงใจ แม่กับอ้อย รีบตามเข้ามา เตียงของดวงใจเก็บเรียบร้อย หมอเมตตาเปิดตู้เสื้อผ้า ไม่มีเสื้อผ้าข้าวของดวงใจเหลืออยู่เลย อ้อยตกใจ"เสื้อผ้าพี่ดวงหายไปไหนหมด...นายแม่"
แม่ยืนงง
"หายไปไหนล่ะ...หมอ"
เมตตาท่าทางหมดแรง"เค้าไปแล้วครับแม่"
"ดวงใจน่ะเหรอ...จะไปไหนล่ะ ก็เมื่อวานยังคุยกับแม่ดีๆ อยู่เลย อ้อย ทำไมจู่ๆ ดวงใจมาหนีไปแบบนี้ เค้าพูดอะไรหรือเปล่า"
อ้อยเริ่มร้องไห้"ฉันก็ไม่รู้นายแม่ ฉันเห็นพี่ดวงร้องไห้ เค้าว่าเค้าไปเจอบ้านผัวเค้าแล้ว แต่ผัวเค้าหายไป ไม่ได้อยู่ที่นั่น ท่าทางเค้าเป็นทุกข์มาก แต่ก็ไม่น่าจะไปไม่บอกกันแบบนี้"
ตลอดเวลเมตตาสีหน้าเป็นทุกข์มาก"โธ่เอ้ย...สงสารลูกหนู ยังเล็กนัก..จะไปตกระกำลำบากกับแม่ยังไ"เมตตาสุดจะทน รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ จึงรีบผลุนผลันรีบวิ่งออกไป แม่หมอมองตามสีหน้าทุกข์
เมตตาวิ่งออกมาที่ตลาดปากซอย มองหาดวงใจไปทั่วด้วยสีหน้าร้อนใจ เจ็งเห็นก็ทักหมอ"คุณหมอหาอะไรหรือเปล่าคะ"
"เอ้อ...คนที่บ้าน ผู้หญิงสวยๆ ที่เคยมาซื้อของ"
"อ๋อ...ผู้ช่วยหมอเหรอคะ" เจ็งบอกหมอเมตตาดีใจ
"ใช่ครับ ผู้ช่วยหมอเอง เห็นเค้าบ้างไหม"
เจ็งทำท่าคิด"เอ...เช้านี้ไม่เห็นนะหมอ ไอ้เสาว์ก็ไม่มาซะด้วย มันชอบคุยกับผู้ช่วยหมอบ่อยๆ""เค้าจะรู้หรือครับ ว่าจะไปตามหาดวงใจได้ที่ไหน"
"ก็ไม่แน่หรอก...แต่ไอ้เสาว์มันไม่มานานแล้ว มันไปขายที่อื่น"
หมอหน้าเสีย เชาว์ที่ขายของใกล้ๆ เจ็ง เพิ่งจะว่างจากขายของรีบบอก"อั้วเห็นน้ะ...อีออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว จูงลูกไปด้วยนี่" เชาว์บอก
หมอร้อนใจ"ไปทางไหนครับ""ไปทางโน้น.....เอ้อ...อีก็ไปรถสามล้อที่เคยมารับบ่อยๆ นั่นแหล่ะ"
เมตตาสีหน้าเป็นทุกข์มาก
เวลาต่อเนื่องมา ดวงใจยืนจูงลูก อยู่หน้าบ้านพระยาดำรง เธอหอบของพะรุงพะรัง หน้าบ้านประตูรั้วใหญ่ปิดสนิทมีโซ่ใส่กุญแจคล้องไว้ มีใบศาลประกาศยึดทรัพย์ติดไว้หน้าบ้าน ดวงใจมองด้วยสีหน้าเศร้าหมองน้ำตาไหล
"แม่...หิวน้ำ"
ดวงใจลงนั่งกอดลูกไว้"ลูกรัก...อดทนหน่อยนะลูก"
ดวงใจมองบ้านกฤษดาอย่างหัวใจสลาย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ ดวงใจพาลูกเดินกลับไป สักครู่ อิ่มกับเขียว เดินออกมาจากประตูเล็กข้างๆ บ้าน มองซ้ายมองขวาว่ามีคนเห็นหรือเปล่า
"รีบๆ เลยไอ้เขียว...ไปซื้อของกลับมาอย่าให้ใครเห็นล่ะ"
"นี่เราต้องแอบๆ ซ่อนๆ เค้าอย่างนี้อีกนานไหมป้า"
"ก็คุณหลวงให้เราเฝ้าบ้านอย่างนี้ไปก่อน อย่าเรื่องมากเลยวะ รีบไปรีบมา"
อิ่มมองไปเห็นด้านหลังดวงใจ ที่จูงลูกเดินออกไป"แล้วนั่นใครมาจูงลูกเดินป่านนี้แดดร้อนจะตาย"
เขียวรีบเดินไปอีกทางกับดวงใจที่ร้องไห้ไป อิ่มมองมาแล้วก็เข้าบ้านไป
ดวงใจพาลูกหนู เดินมาถึงตลาดแห่งหนึ่ง ผู้คนวุ่นวาย ลูกหนูเริ่มงอแง"แม่...กลับบ้าน"
"เราไม่ไปอีกแล้วนะลูกหนู""ลูกหนูจะหาคุณย่า...หาน้าอ้อย"
ดวงใจน้ำตาไหลพยายามยิ้มแย้มพูดกับลูก"แม่จะพาลูกไปเที่ยวไงจ้ะ"
"เจ็บเท้า"
ดวงใจสงสารลูกจับใจ วางของแล้วจะอุ้มลูก ขณะนั้นเอง มีคนวิ่งราวของดวงใจที่วางอยู่ ดวงใจตกใจ อุ้มลูกวิ่งตาม ปากก็ตะโกนให้ช่วย
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนวิ่งราว ช่วยด้วย"
คนวิ่งราวฝีเท้าวิ่งเร็วมาก กระโดดข้ามคน และ ข้าวของอย่างรวดเร็ว มีแม่ค้าพยายามจะเอาไม้คานกั้นไว้ แต่คนวิ่งราวก็วิ่งรอดไปได้ ดวงใจอุ้มลูกวิ่งได้ไม่นานก็ต้องหยุดหอบแม่ค้า 1บอก
"เป็นไงคุณ...แถวนี้โดนกันประจำ"
"ฉันแค่วางไว้เดี๋ยวเดียวเท่านั้น"
แม่ค้าอีกคนหนึ่งพูดอย่างเห็นใจ"อย่าว่าแต่วางไว้เลยอีหนูเอ้ย...เมื่อวานน่ะเค้าสะพายกับตัวมันยังกระชากไปได้เลย..ตำรวจก็ไม่มีมาดูบ้างเล้ย...ไปแจ้งความก็จับไม่ได้"
ดวงใจซบหน้ากับมือร้องไห้ ลูกหนูมองแม่ร้องไห้ด้วย
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 22 (ต่อ)
ดวงใจอุ้มลูกเดินมาตามทางยังตลาดอีกมุม เหมือนคนไร้ที่พึ่งแล้ว มีคนเดินมากระแทกดวงใจจนเซไป ลูกหนูเกือบจะตกจากมือ ดวงใจพยายามพาลูกเดินไป สีหน้าทุกข์ร้อน"ลูกหนู...เราจะไปไหนกันดีลูก"
ดวงใจมองไปรอบๆ อย่างคนไม่มีทางไป สายตาเริ่มพร่าเพราะความเหนื่อย แต่พยายามทรงตัวไว้
"แม่จ๋า...หนูหิว"
ดวงใจกลั้นน้ำตา"แม่รู้จ้ะ คนดี แม่จะหาข้าวให้หนูกินนะ"
ลูกหนูงอแง"หิวนม...หิวนม"
เสาวรสนั่งขายข้าวแกงข้างทางได้ยินเสียงเด็กร้องก็เงยหน้าดู เห็นดวงใจอุ้มลูกก็จำได้ ทักอย่างดีใจ"อ้าว...คุณ ไปไหนมา...ทำไมถึงมาเดินแถวนี้ล่ะ มานั่งก่อนจ้ะ"
ดวงใจลงนั่งที่เก้าอี้เล็กๆ หน้าหาบเสาวรส ลูกหนูเห็นขนมก็ร้องกิน"หม่ำๆ.."
เสาวรสรีบตักขนมปลากริมให้ลูกหนูกิน ลูกหนูตักขนมทานอย่างหิว"เอ้าทานเลยจ้ะ อร่อยด้วยนะ"
ดวงใจยกมือไหว้"ขอบคุณพี่มากจ้ะ"
"ไม่เป็นไร...แล้วคุณล่ะ จะทานอะไร"
ดวงใจกลืนน้ำลายด้วยความหิว"พี่จ๋า...ฉันไม่มีเงินหรอกจ้ะ ฉันโดนวิ่งราวไปหมดเลย"
เสาวรสตกใจมองหน้านึกโมโหแทน"ไอ้พวกเดนคนนี่น่าจับมันขังกรงหมา ไม่เป็นไร...กลับบ้านแล้วค่อยเอามาจ่าย วันหลังก็ได้"ดวงใจก้มหน้าน้ำตาไหล สีหน้าอัดอั้น"ฉันไม่มีบ้านจะกลับแล้วจ้ะ"
เสาวรสนิ่งไป มองดวงใจกับลูกอย่างเข้าใจ ตักข้าวราดแกงส่งให้ดวงใจ"กินข้าวก่อน"
ดวงใจยกมือไหว้ รับข้าวมา เสาวรสมองแม่ลูกที่นั่งกินข้าวอย่างหิวโหยด้วยความเวทนา
เสาวรส พาดวงใจ กับลูกหนูไปบ้านประคอง เสาวรสขายของหมดแล้ว ดวงใจอุ้มลูกหนูที่นอนหลับ
"หมอเมตตานี่เห็นท่าทางเรียบร้อยเวลาเมาก็เสียหมาเหมือนกันนะ""ฉันไม่ดีเองจ้ะ...อาจจะไปทำให้เขามีความหวัง"
"อย่าโทษตัวเองเลย...ต้องโทษความสวยของคุณน่ะแหล่ะ ผู้ชายที่ไหนมันจะอดใจได้ล่ะ"
ดวงใจสีหน้ากลุ้มใจมาก
"ฉันไม่กล้ามองหน้าหมออีกแล้วพี่...คิดอย่างนี้ก็เลยหนีออกมา แต่พอมาเห็นลูกลำบากฉันก็คิดผิดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้...ลูกหนูอยู่ที่บ้านหมอมีแต่คนรักเอาใจทุกอย่าง"
"ตัดสินใจออกมาแล้วนี่ หรือจะเปลี่ยนใจกลับไปบ้านหมอไหมล่ะ ฉันจะไปส่งให้"
ดวงใจคิดนิดหนึ่ง
"ใจมันไม่อยากอยู่แล้วพี่...แล้วยายเค้าจะยอมให้ฉันอยู่ด้วยเหรอจ้ะ"
ประคองหน้าบึ้ง
"เอ็งเห็นบ้านข้าเป็นกรมประชาสงเคราะห์หรือไงนังเสาว์ อยู่ดีๆ เที่ยวได้ชวนใครก็ไม่รู้มาอยู่"
ดวงใจยังไม่กล้าเข้าไปในบ้าน ได้แต่อุ้มลูกหนูยืนรอหน้าบ้าน
"ยาย...คนเค้าเดือดร้อนมานะ .ยายน่ะไม่ค่อยไปทำบุญที่ไหนนี่ ช่วยคนกำลังลำบากน่ะได้บุญหลายนะยาย ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์"
"แต่เอ็งจะหานรกมาให้ข้าน่ะซิ...ไหนไปเรียกมาดูหน้ากันหน่อยซิ"
เสาวรสเดินไปเรียกดวงใจ ดวงใจอุ้มลูกหนูเดินเข้ามา พอมาถึงก็วางลูกลงนั่งไหว้ประคองอย่างเรียบร้อย ลูกหนูก็พลอยยกมือไหว้ประคองไปด้วย ประคองเห็นลูกหนูก็ใจอ่อนแล้ว แต่ยังทำฟอร์ม"มีลูกด้วยเหรอเนี่ยะ...กี่ขวบแล้วล่ะ"
ลูกหนูบอก
"สามขวบ"
ประคองอดหัวเราะไม่ได้ "แน้...พูดเก่งด้วย เห็นไอ้เสาว์มันว่าเป็นคนเชียงใหม่เหรอเราน่ะ"
ดวงใจก้มหน้า"จ้ะ"
"อยากกลับบ้านไหมล่ะ...ถ้าอยากกลับบ้านฉันจะให้ยืมตังค่ารถไฟไปก่อนก็ได้"ดวงใจหน้าเศร้า"กลับไม่ได้หรอกจ้ะ พ่อเขาจะบังคับให้แต่งงาน"
"ก็ดีแล้ว...แต่งงานไปซะลูกก็จะได้มีพ่อ"
ดวงใจสั่นหน้า สีหน้าจริงจัง"ฉันจะไม่ยอมเป็นเมียใครอีกเด็ดขาดจ้ะยาย"
ดวงใจน้ำตาร่วง ประคองมองอย่างเวทนา"ดี...เอ็งเป็นผู้หญิงดี รักเดียวใจเดียว ข้าชอบ แต่อยู่ที่นี่มันไม่สุขสบายเหมือนบ้านหมอเมตตานะ ต้องช่วยกันทำมาหากิน ทำกับข้าวเป็นไหมล่ะเราน่ะ"
ดวงใจยิ้มดีใจ รีบเช็ดน้ำตา"ทำเป็นจ้ะ...ทำกับข้าวเหนือก็ได้จ้ะ นายแม่สอนให้ทำกับข้าวคนกรุงเทพหลายอย่างเลยจ้ะ ฉันจะช่วยทำงานทุกอย่าง ขอแค่ที่ซุกหัวนอนกับลูกก็พอจ้ะ""เห็นไหมยาย...ทีนี้เราก็ขยายสาขาหาบข้าวแกงเราได้อีก...มีดวงใจมาช่วยอีกแรง ทีนี้ยายนั่งนับตังค์เพลินเลย"
ระคองค้อนเสาวรส"เจ้าหน้าดีนักนะไอ้เสาว์ ไป พาเค้าไปอาบน้ำอาบท่าซะ หาเสื้อผ้าเอ็งใส่ไปก่อน..ชื่ออะไรล่ะเรา"
ดวงใจยิ้ม"ชื่อดวงใจจ้ะ"
"ชื่อเพราะดีนะ เจ้าตัวเล็กน่ะ...มาหายายซิลูก มากินขนมกับยายนะ"
เสาวรสพาดวงใจเดินไปในบ้าน ดวงใจหันมามองลูกหนูที่ประคองอุ้มมานั่งตักกินขนม ก็ยิ้มอย่างหายห่วง
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 22 (ต่อ)
บ้านประคองตอนเช้ามืด ชุลมุนวุ่นวายกับการเตรียมขายข้าวแกง
ดวงใจใส่เสื้อผ้าของเสาวรสเดินออกมาจากในห้อง เห็นประคองกำลังทำห่อหมก เสาวรสกำลังจัดหาบข้าวแกง เหมี่ยวก็สาละวนหั่นผัก เตรียมเครื่องปรุงทำกับข้าว เสียงประคองสั่งการดังลั่น
"ไอ้เหมี่ยว...เอ็งหั่นไก่เตรียมทำแกงเขียวหวานหรือยัง จะได้เอาใส่หาบ""หั่นแล้วยาย...กำลังหามะเขือพวง""มะเขือพวงมีที่ไหน...เมื่อไหร่สงครามมันจะเลิกซักทีวะ...ผักหญ้าแพงหาก็ไม่ได้"ดวงใจเดินมาหาประคอง"ให้ฉันช่วยทำอะไรจ้ะยาย"
ประคองหันมามองดวงใจ เห็นว่าดวงใจนั้นสวย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร"แกงเขียวหวานเป็นไหมล่ะเราน่ะ"
"เป็นจ้ะ"
"งั้นก็ช่วยลงกระทะแกงเขียวหวานให้หน่อย...อย่าหนักน้ำพริกนักล่ะ เค้าไม่ค่อยกินเผ็ดกัน"เหมี่ยวถาม
"เค้าไม่กินเผ็ดหรือเขียมน้ำพริกกันแน่ยาย"
เสาวรส กับเหมี่ยว พยักหน้าหัวเราะรู้กัน ดวงใจก็พลอยยิ้มไปด้วย"อะไรเขียมได้ก็ต้องเขียมซิโว้ย...ไม่งั้นจะเอากำไรที่ไหน แต่จะเขียมยังไงก็ต้องไม่เสียชื่อข้าวแกงยายประคองนะ คนอย่างข้าฉิบหายไม่ว่าอย่าเสียชื่อก็แล้วกัน"
เปี๊ยก กับ เดช เดินเข้ามาเงียบๆ"จริงหรือเปล่ายาย...ห่อหมกวันก่อนนะมีแต่วิญญาณปลา...อย่างนี้จะว่าไม่เสียชื่อได้ไง"เสาวรสไม่พอใจทันที"มาปากหมาแต่เช้านะไอ้เปี๊ยก...สงสัยวันนี้จะขายไม่ดีละ ตะกวดเข้าบ้านแต่เช้า"เดชมองดวงใจอย่างสนใจ ดวงใจกำลังตั้งใจทำกับข้างอยู่ด้านหลังไม่ได้สนใจหันมามอง"ถ้ามึงจะขายไม่ดีก็เพราะปากมึงน่ะแหล่ะนังเสาว์"
ประคองเดินถืออีโต้เข้ามาห้าม เปี๊ยกถอยหลังไป"ถ้ามึงสองคนกัดกันกูจะเอาอีโต้นี่เฉาะปากมึงให้...มึงจะเอาอะไรก็ว่ามาไอ้เปี๊ยกแกว่งปากหาตีนในบ้านกูแต่เช้า"
"แม่เค้าให้รีบมาว่าห่อหมกหรอก เอาพรุ่งนี้นะ สามสิบห่อ"
"เออ...เสร็จธุระแล้วก็ไปได้แล้ว...พรุ่งนี้ไม่ต้องมาเอา ข้าจะให้ไอ้เหมี่ยวเอาไปส่งให้เที่ยงๆ"เสาวรสบอก
"ให้มันมาเอาเองน่ะดีแล้วยาย...จะได้เอาเงินมาจ่ายด้วย...เอาไปส่งซ่องมันน่ะ ดีไม่ดีมันเบี้ยวเอา"
เสาวรสเน้นคำว่าซ่อง เปี๊ยกไม่พอใจ แต่กลัวประคองเลยไม่กล้า
"ไอ้เสาว์ พูดให้ดีๆ นะ กูเคยเบี้ยวค่าห่อหมกซะที่ไหน พรุ่งนี้ฉันมาเอาเอ ไปพี่เดช...กลับกันเถอะ...ขี้เกียจจะอยู่"
เดชซึ่งไปยืนมองดวงใจเพลินจนไม่ได้ยิน ประคองเริ่มเห็นว่าเดชสนใจดวงใจ"พี่เดช"
เดชสะดุ้ง เดินมาหา ชี้ชวนให้เปี๊ยกดูดวงใจ เปี๊ยกเห็นดวงใจก็จำได้ ตาเป็นประกาย"โห้....ยาย...ลูกน้องมาใหม่เหรอ สวยเชียว"
ประคองไม่พอใจ เสาวรสได้ยินก็ไม่พอใจ รีบเดินเข้ามา"อย่าเสือกไอ้เปี๊ยก ไป..ไป..ออกไปจากบ้านกูได้แล้ว พวกมึงนี่สันดานเสีย..เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้"ดวงใจไม่รู้ตัว ง่วนทำกับข้าวกับเหมี่ยว เปี๊ยกกับ เดช เดินออกไปจากบ้านประคอง เปี๊ยกยังหันมามองดวงใจ
เสาวรสมองเปี๊ยกอย่างไม่สบายใจ
หน้าซ่องนางช้อย ตรงโต๊ะม้าหิน ช้อยถาม
"เอ็งแน่ใจนะว่าเป็นคนเดียวกับที่เอ็งเคยเห็นเมื่อปีก่อน"
"ฉันแน่ใจซิแม่...ไม่รู้มาอยู่บ้านยายประคองได้ไง"
"แต่ตอนที่เราเคยเจอมันเมื่อก่อนน่ะ...มันก็นั่งกินขนมนังเสาว์อยู่นะ""เออ..ใช่ นี่แม่ ถ้าได้นังนี่มานะ ซ่องเราแขกไม่ว่างแน่"
"มันสวยจริงเหรอวะ...ข้าน่ะไม่อยากเสี่ยงกับนังประคองมันนะ... อีนี่มันร้าย พวกมันก็มาก""สวยไม่สวย แม่ถามพี่เดชเองก็แล้วกัน"
ช้อยมองหน้าเดช เดชยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย"ขนาดฉันนอนกับอีตัวมานักต่อนัก เห็นมันฉันยังเคลิ้มเลยแม่ มันสวยจริงๆ ผ่องทั้งตัว...แหมพูดแล้วอยาก...ถ้าตอนนั้นไม่มีคนมาช่วยมันป่านนี้ฉันได้นอนกกมันแล้ว"
ช้อยยิ้มเจ้าเล่ห์"ข้าจะไปดูตัวมันเอง...ไอ้เปี๊ยก พรุ่งนี้ข้าจะไปรับห่อหมกบ้านนังประคองเอง..มันจะมาด่ามาไล่ข้าไม่ได้ เพราะข้าว่าห่อหมกมัน ถ้านังนั่นสวยจริงอย่างพวกเอ็งพูดก็จัดการได้เลย"
ฮารุยืนคุมทหารญี่ปุ่นหลายคนยกลังไม้เข้าไปในบ้านเช่าของโตชิโร่ ทหารบางคนก็ยกเฟอร์นิเจอร์"เร็วๆ หน่อย...เร่งขนเร็วๆ"
ทหารญี่ปุ่นพากันรีบขนลังไม้ที่ใส่ของหลายลัง แต่ละลังนั้นหนักมาก โตชิโร่เดินออกมาจากบ้านมาหาฮารุ
"เหลืออีกมากมั้ย"
"อีกสิบห้าลังครับ"
โตชิโร่สีหน้าเรียบเฉย พยักหน้ารับรู้ บ้านเช่าหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่ มีบริเวณกว้าง และมีรั้วมิดชิดจากสายตาคนภายนอก"บ้านหลังนี้น่าอยู่นะครับ"
"หลังใหญ่ไปหน่อย...อยู่กันแค่สองสามคน"
ฮารุยิ้ม"น่าจะหาคนมาช่วยดูแลนะครับ"
โตชิโร่มองหน้าฮารุที่ยิ้มเอาใจ"คุณก็มาอยู่เมืองไทยนานแล้ว ไม่ถูกใจผู้หญิงไทยคนไหนบ้างหรือครับ...ขอโทษนะครับที่ผมอาจจะพูดมากไป"
ฮารุก้มหน้าอย่างเกรง โตชิโร่ยิ้มๆ"ขอบคุณนะที่หวังดี....อันที่จริงผมก็พอจะสนใจบ้างเหมือนกัน"
ฮารุดีใจ"โอ...เป็นข่าวดีจริง ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใคร"
โตชิโร่สีหน้าครุ่นคิด
"ผมก็ยังไม่รู้จักเธอเลย .แต่เคยเห็น เคยเห็นนานแล้ว"
"แปลว่าต้องพอใจมากถึงยังไม่ลืมเราพอจะไปพบเธอได้ไหม"
โตชิโร่สั่นหน้า"ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่ถ้าผมพบเธออีก ผมจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปจากชีวิตผมแน่ๆ"โตชิโร่หันไปยิ้มกับฮารุ
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 22 (ต่อ)
กฤษดากำลังกวาดใบไม้แห้งที่เนินหลุมฝังศพ สีหน้าเศร้าหมอง รอบๆ มีดอกเอื้องป่าบานอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ใกล้เนินฝังศพ กฤษดาเงยหน้ามองคิดถึงดวงใจ
"ดวงใจ…โธ่ ดวงใจ เป็นเพราะฉันแท้ๆ เธอกับลูกถึงต้องตาย"
กฤษดาสะอื้น ทรุดลงไปที่เนินฝังศพนั้น กำนันปานเดินเข้ามาหา พอเห็นท่าทางของกฤษดาก็สีหน้าเศร้าหมองไปอีกคน ปานมานั่งข้างๆ ค่อยๆ เอื้อมมือไปจับกฤษดา"คุณกฤษดาครับ"
กฤษดาได้สติ เอาผ้าขาวม้าที่คาดอยู่เช็ดน้ำตา"มีแขกมาพบคุณกฤษดาครับ"
"แขกมาพบผม...เค้าบอกชื่อหรือเปล่า"
"บอกครับ...เค้าบอกว่าเค้าชื่อวาดิม เป็นเพื่อนรักของคุณ ผมเลยให้รอที่บ้านใหญ่ครับ"กฤษดายิ้ม พยักหน้าให้กำนันปาน แล้วรีบเดินไป
บริเวณเฉลียงบ้านของกฤษดา ที่เชียงใหม่ วาดิมยืนมองบรรยากาศ รอบๆ ด้วยสีหน้าสบายใจ เต่านั่งคอยมองอยู่มุมหนึ่งด้วยสีหน้ายังไม่ค่อยไว้วางใจ กฤษดาเดินขึ้นมาบนบ้าน กำนันปานเดินตาม
"สหายวาดิม"
วาดิมรีบเดินมาหากฤษดาอย่างดีใจ ทั้งสองคนจับมือ แล้วสวมกอดกัน กำนันปานพยักหน้าเรียกเต่าให้ออกมา เต่าเดินลงไป แต่กำนันปานยังอยู่แถวๆ นั้น"คุณหาผมจนเจอนะ"
วาดิมยิ้ม"มันก็ไม่ห่างจากที่เราเคยเจอกันครั้งแรก.."
"จริงซิ...นี่คุณจะมาตามผมกลับไปทำงานใช่ไหม"
วาดิมส่ายหน้า"พวกเราเหนื่อยกันมากแล้ว ตอนนี้ก็โดนญี่ปุ่นเพ่งเล็ง...เราต้องอยู่เฉยๆ ดีที่สุด ที่นี่สวยมาก ผมอิจฉาคุณจริงๆ ที่ได้อยู่ที่นี่กับคนที่คุณรัก"
กฤษดาหน้าเสีย"มาซิ...ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักภรรยา กับลูกผม"
วาดิมดีใจมาก"คุณมีลูกแล้วเหรอ ไม่เห็นเคยเล่าว่ามีลูกแล้วเลย"
"ผมก็เพิ่งรู้ตอนกลับมาแล้ว"
กฤษดาเดินนำวาดิมออกไป กำนันปานเอามือป้ายน้ำตา
ครู่ต่อมา วาดิมยืนดูเนินฝังศพด้วยสีหน้าเครียด มองหน้ากฤษดาที่กำลังอยากร้องไห้เต็มที่"อะไรกัน...หมายความว่า"
กฤษดาพยายามพูดอย่างยากเย็น"ภรรยา กับลูกผมนอนอยู่ที่นี่ ผมไม่มีโอกาสเห็นหน้าเธอกับลูกด้วยซ้ำ ไม่ได้ดูแล ไม่ได้บอกลา"กฤษดาร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออด วาดิมสะเทือนใจมาก ได้แต่เอามือตบที่บ่าอย่างปลอบโยน"โธ่…กฤษดา ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณด้วยนะ"
วาดิมพยายามดึงตัวกฤษดา ให้เดินออกไป
วิวสวยมุมหนึ่งที่ไร่ของกฤษดา วาดิมเดินมากับกฤษดา
"คุณพ่อของผมท่านซื้อที่นี่ตอนมาเป็นสมุหเทศาเชียงใหม่ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตเรียบง่ายที่นี่ กับ ดวงใจ"กฤษดาหยุดพูดเพียงเท่านั้น เพราะสะเทือนใจ พยายามตั้งสติ ถอนใจ"ผมไม่เคยอ่อนแออย่างนี้เลย"
"ที่คุณยังยืนอยู่ได้อย่างนี้ผมก็นับถือแล้ว ไปทำงานเพื่อชาติ แต่คุณต้อง เสียคนที่คุณรักทั้ง พ่อ ลูก เมีย ผมเสียใจจริงๆ ที่คุณต้องสูญเสียอย่างนี้"
กฤษดานิ่งคิด "ผมภูมิใจที่สุด ที่ทำงานให้ประเทศชาติ ถ้าผมไม่ทำ แต่เลือกที่จะอยู่ที่นี่ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต คงดูหน้าลูกเมียไม่ได้ถึงจะเจ็บปวด ที่ต้องสูญเสีย พวกเค้า...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าถ้าผมได้มีความสุขกับลูกเมีย... แต่ต้องอยู่กับความอดสูใจที่งอมืองอเท้าไม่ทำอะไร อะไรมันจะทุกข์ทรมานมากกว่ากัน"
วาดิมมองหน้ากฤษดาอย่างนับถือ
เปี๊ยก กับ เดช พาช้อยมาที่บ้านประคอง ดวงใจกำลังช่วยเหมี่ยวทำกับข้าวเหมี่ยวบอก
"ฝีมือเราแน่เหมือนกันนี่ เห็นไอเสาว์มันว่าคนกินแกงเมื่อวานชมกันใหญ่"
ดวงใจยิ้มดีใจ"พี่เสาว์เล่าให้ฟังฉันยังแทบไม่เชื่อเลยจ้ะ เอาไว้ลองทำอาหารเหนือบ้างไหมจ้ะพวกน้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม เคยทำให้ที่บ้านหมอ ทานก็ชอบกันนะจ้ะ"
"ก็ลองดูซิ...เปลี่ยนๆ ไปบ้าง คนกินจะได้ไม่เบื่อ อ้าวนั่นใครมาล่ะนั่น"
เหมี่ยวหันไปเห็นช้อยยืนเกาะประตูบ้าน ดวงใจอาสา
"ฉันไปดูให้เอง พี่เหมี่ยวคั้นกะทิมือเลอะอยู่นี่จ้ะ"
ดวงใจเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน ช้อยให้เปี๊ยกกับเดชไปหลบเสีย พอช้อยเห็นดวงใจเต็มตาก็พอใจ"จะมาซื้อกับข้าวเหรอจ้ะ ยังไม่เสร็จเลย"
"ฉันจะมาเอาห่อหมกที่สั่งไว้จ้ะ"
ดวงใจยิ้ม เปิดประตูให้ช้อยเข้ามา"อ๋อ…ที่มาสั่งเมื่อวานใช่ไหมจ้ะ รอเดี๋ยวนะจ้ะ"
ช้อยทำเป็นแปลกใจ"หนูเพิ่งมาอยู่ที่นี่เหรอจ้ะ ฉันมาที่นี่หลายหนไม่เคยเห็นหนู"
ดวงใจตอบโดยซื่อ"จ้ะ เพิ่งมาได้สองสามวัน"
"ท่าทางเหมือนสาวเหนือนะนี่ ถึงได้ผิวสวยอย่างนี้น่ะ"
ดวงใจยิ้มดีใจ"ใช่จ้ะ...ฉันมาจากเชียงใหม่"
ช้อยหัวเราะทำเป็นกันเอง เหมี่ยวเห็นดวงใจหายไป พอเห็นถนัดว่าเป็นช้อย เหมี่ยวก็ตกใจ"ฉันว่าแล้ว แต่แหม... สวยๆ อย่างนี้ไม่น่ามาอยู่ร้านข้าวแกงแบบนี้เลย หนูน่าจะไปหางานอย่างอื่นที่มันไม่เหนื่อย ไม่ต้องเหม็นเนื้อตัวกลิ่นกับข้าวอย่างนี้"
ดวงใจยิ้มซื่อ"ฉันไม่รู้จะไปหางานที่ไหนจ้ะ แต่มาอยู่กับยายก็ดีจ้ะ ได้มาทำกับยายก็บุญนักหนาแล้ว"
ช้อยจับมือดวงใจอย่างทำเป็นเห็นใจ"โถหนู...ถ้าหนูให้ฉันหางานให้นะ หนูจะสบายกว่านี้ จะได้แต่งตัวสวยๆทำงานเบาๆมีแต่คนคอยเอาอกเอาใจ และที่สำคัญนะ ได้เงินเยอะ""งานอะไรจ้ะ"
เสียงประคองแทรกเข้ามา"ไปเป็นกะหรี่ซ่องมึงเหรอนังช้อย จะได้ตกนรกทั้งเป็นไง"
ประคองเดินเข้ามา เสาวรสเดินหน้าเป็นยักษ์ตามมาด้วย ช้อยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยิ้มใจเย็น ดวงใจตกใจมองหน้าช้อย ค่อยๆ ถอยห่างออกมา"พูดไม่จริงหรอกยายประคอง เด็กๆ ที่บ้านฉันน่ะอยู่กันสุขสบายจะตาย ไม่มีใครบ่นซักคน""ก็ลองบ่นซิ...แกจะได้ให้แมงดาซ่องแกซ้อมปางตายปะไร" เสาวรสว่า
ช้อยทำเป็นไม่สนใจ หันไปยิ้มกับดวงใจ"อย่าไปฟังเลยหนู นังเสาว์น่ะมันขี้อิจฉา สารรูปอย่างมันน่ะไปทำกับฉันไม่ได้หรอก ไม่มีใครเค้าเลือกมัน"
ช้อยสะบัดหน้าเน้นเสียงเข้มมาที่เสาวรส"ถุย…ไม่ต้องตอแหลอีช้อย คนอย่างมึงน่ะอีหมาหางด้วน อย่ามาทำพูดเอาดีหน่อยเลย...แม่เล้าอย่างมึงน่ะหน้าด้านทำได้ทุกอย่างละวะ"
"อย่ามายุ่งกับเด็กคนนี้นะ...ข้าขอเตือนซะก่อน เด็กเค้าดี อย่าเอานรกมายื่นให้เค้าเลย"
ช้อยเริ่มอารมณ์ไม่ดี"มันก็ต้องแล้วแต่เจ้าตัวเค้าซิ ถ้าเค้าอยากสบาย อยากมีเงิน ก็มาอยู่กับฉันดีกว่านะหนู ไม่ต้องเหนื่อยเหม็นคาวกับข้าว"
ประคองบอก
"เหม็นคาวของกินมันก็ยังดีกว่าเหม็นคาวโลกีย์พวกมึงก็แล้วกัน มึงออกจากบ้านกูเลยอีช้อย รีบไปซะเร็วๆ กูชักจะคันมือคันตีนแล้วโว้ย"
เหมี่ยวถือไม้กวาดเดินมา เปี๊ยก กับ เดช ทำท่าจะเข้ามาในบ้านประคอง ช้อยห้ามไว้ เดินช้าๆ ออกจากบ้านประคอง แต่ไม่วายหันมาตอบโต้"แกไม่ได้คันคนเดียวหรอกนังประคอง กูก็มีมือมีตีนเหมือนกัน แล้วก็ ไอ้ห่อหมกแกน่ะ กูไม่เอาแล้วโว้ย"
ช้อยเดินออกไป ประคองตะโกนไล่หลัง"กูก็ไม่ขายให้มึง กูเทให้หมาแดกซะยังจะดีกว่า"
ดวงใจมองเห็นเดช กับเปี๊ยกก็จำได้ ลนลานกลัวรีบหลบเข้าบ้าน
อ่านต่อตอนที่ 23