xs
xsm
sm
md
lg

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แหวนทองเหลือง ตอนที่ 6

กฤษดา เปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าแล้วยืนคอยอยู่บนเฉลียงบ้านที่เชียงใหม่ แสงธรรม กับ พนม เดินขึ้นมาบนเรือนด้วยท่าทางเหนื่อย ปิ่นแก้ว กับ มณีเดินตามขึ้นมาด้วยท่าทางที่แย่กว่า กฤษดาเห็นท่าทางเพื่อนก็หัวเราะ

"เป็นไงบ้าง. มีเสือมาทักระหว่างทางไหม"
"เสือมันได้ยินเสียงทะเลาะของสองสาวนี่ มันเลยเบื่อไม่อยากมา" พนมบอก
กฤษดาหัวเราะ
ปิ่นแก้วเถียง
"ไม่เห็นมีใครทะเลาะกันซะหน่อย"
มณีบอก
"เค้าเรียกบริหารสมองนะพนม"
"จ้ะ..คุณมณี"
พนมเดินมาลงนอนแผ่ตรงหมอนขวานที่โต๊ะขันโตก
"บริหารสมองคุณ แต่มันหนักสมองผมน่ะ...รู้งี้ไม่เอามาด้วยหรอก"
"คุณไม่ได้ชวนฉันนะ คุณกฤษดาต่างหากที่ชวนฉัน"
กำนันปานเดินเข้ามา
"คุณ ๆ คงหิวกันแย่แล้ว"
พนมบอก
"เสือมาผมก็จับกินได้เลยครับ"
"บัวแก้ว..ไปเอาสำรับมาเลย...เร็ว ๆ"
"จ้ะ"
บัวแก้วรีบออกไป แสงธรรมเดินมาไหว้กำนันปาน
"กำนันจำผมได้ไหมครับ"
กำนันปานรีบยกมือรับไหว้ หันไปมองกฤษดาอย่างงง ๆ
"ลูกท่านเจ้าคุณสุริยัน คุ้มฝั่งโน้นไงครับ"
กำนันปานดีใจมาก
"โอ...คุณ ๆ เป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้วถ้าไม่บอกผมก็จำไม่ได้"
ปานเดินไปไหว้มณี
"แล้วนี่คุณหนูคนเล็กของท่านสุริยันใช่ไหมครับ"
มณียิ้ม ปิ่นแก้วซึ่งนั่งหมดสภาพอีกมุมหนึ่ง ทำเสียงไม่ค่อยพอใจ
"ฉันอยู่นี่...อะไรจำไม่ได้หรือไง"
ปานมองสภาพปิ่นแก้วอย่างพิจารณา หัวเราะเก้อ
"ลุงนี่คงเห็นฉันดูดีกว่าใช่ไหมจ้ะ...ฉันไม่ถือหรอก"
ปิ่นแก้วลุกขึ้นนั่ง
"ไปตัดแว่นใส่ได้แล้วนะ"
ทันใดนั้น เสียงดนตรี สะล้อ ซอ ซึง ก็ดังขึ้น ดวงใจ และ สายคำ ค่อยๆ ฟ้อนออกมา ทุกคนหันไปมองอย่างสนใจ ดวงใจมีช่อดอกเอื้องเสียบที่มวยผม สายคำมีดอกกุหลายดอกใหญ่ปักมวยผมเหมือนกัน กฤษดาตกตะลึงมองดวงใจจนเดินออกมาจากมุมที่ยืนอยู่ เขานึกถึงดวงใจตอนเด็กที่ฟ้อนเมื่อวันเกิดพระยาดำรงทันที ฃ
ดวงใจค่อย ๆ เดินฟ้อนมาหากฤษดา ปิ่นแก้วมองดวงใจครู่หนึ่ง เห็นช่อดอกเอื้องก็จำได้ มองไม่พอใจ
"มัน"
แสงธรรมหันมามองปิ่นแก้วอย่างรู้ทัน
"ปิ่น"
ปิ่นแก้วไม่ฟัง ยังจ้องดวงใจ มณีเห็นกฤษดาจ้องดวงใจอย่างสนใจมาก ทำให้มณีเกิดความสนใจดวงใจขึ้นมาเหมือนกัน ดวงใจเดินฟ้อนมาที่กฤษดา แล้วลงนั่งอย่างนอบน้อมอ่อนหวาน ดึงช่อดอกเอื้องที่มวยผมออกส่งให้กฤษดา กฤษดารับดอกเอื้องมองดวงใจด้วยสายตาที่พอใจมาก บัวแก้ว ก่ำ และ เต่า ยกสำรับอาหารมาวางบนโต๊ะเตี้ย ๆ ทุกคนจึงหันมาสนใจอาหาร ยกเว้นกฤษดา ที่ยังยืนมองดวงใจที่ฟ้อนเสร็จแล้วเดินหายกลับไป ปิ่นแก้วมองอย่างหมั่นใส้
"พี่กฤษดา มาทานข้าวได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเย็นซะหมด"
"มาเร็วกฤษดา กันหิวจนจะหน้ามืดกินนางฟ้อน ...เอ้ย..กินหมู ได้ทั้งตัวแล้ว" พนมว่า
"เมื่อกี้ก็บอกจะกินเสือ ตอนนี้จะกินหมูทั้งตัวอีกแล้วเหรอ"
พนมแทะน่องไก่ยักคิ้วให้
"ไม่รู้จะถูกปากคุณ ๆ หรือเปล่านะครับ ผมก็ซื้อกับข้าวมาติดๆ เอาไว้รอคุณ ๆบ้างนิดหน่อยพรุ่งนี้อยากจะทานอะไรจะได้ไปหามาครับ"
"แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับ" กฤษดาบอก
"ผมน่ะคิดถึงอาหารเหนือบ่อยๆ ที่โน่นหาไม่ได้...มานี่ต้องกินให้หายอยากครับ"
มณีเผ็ดแต่พยายามทาน
"พรุ่งนี้ขอแบบเผ็ดน้อยด้วยนะคะกำนัน"
กำนันปานหัวเราะดีใจที่เห็นทุกคนทานอาหารอย่างอร่อยด้วยความหิว
"ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะให้บัวแก้วมันเบาพริกลงหน่อยครับ แล้วคืนนี้คุณจะกลับฝั่งโน้นหรือจะนอนที่นี่ล่ะครับ"
"นอนที่นี่ซักคืนก่อนซิแสงธรรม พรุ่งนี้ค่อยกลับ"
"ก็กะจะขอค้างที่นี่เหมือนกัน...ว่าไงปิ่น"
"ดีค่ะ...ปิ่นก็อยากระลึกความหลังที่นี่"
"ถ้าอย่างนั้นน้อง ปิ่นนอนห้องเดียวกับคุณมณีห้องใหญ่ แสงธรรม นอนห้องเดียวกับพนมที่ห้องผม ลุงปานจัดห้องเล็กให้ผมก็แล้วกันครับ"
"ได้ครับ...พอนายท่านส่งข่าวมาว่าคุณกฤษดาจะมากับเพื่อน ผมก็ให้เด็กๆ มันจัดไว้พร้อมทุกห้องแล้วครับ"
"เลยไล่เจ้าของบ้านไปนอนห้องเล็ก" แสงธรรมบอก
กฤษดาหัวเราะ
"เจ้าของบ้านต้องให้แขกอยู่สบายก่อนน่ะดีแล้ว"
พนมบอก
"กฤษดา กันชักจะติดใจที่นี่แล้วซิ เห็นจะต้องขอมาบ่อยๆ ซะแล้ว"
กฤษดายิ้ม
"ได้เลยเพื่อน"

กฤษดามองไปรอบๆ อย่างสบายใจ

ในห้องนอนซึ่งเป็นห้องนอนพระยาเดิม ปิ่นแก้ว อาบน้ำเสร็จแล้วใส่เสื้อคลุม มีผ้าคลุมผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ในห้องนอนนี้มีฉากสวยๆ สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า
 
ปิ่นแก้วเดินไปเปลี่ยนชุดนอนสวยงามออกมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มณีกำลังนั่งเขียนไดอารีที่โต๊ะเขียนหนังสือมุมหนึ่ง มณีเขียนบันทึกได้หน่อยหนึ่งก็หันมาถามปิ่นแก้ว
"คุณปิ่นเคยมาที่นี่ตอนเด็ก ๆ เหรอคะ"
ปิ่นแก้วหยุดมองมณีนิดหนึ่ง แล้วก็พยักหน้าแบบไม่ค่อยสนใจ มณีไม่พอใจ แต่เก็บอารมณ์เพราะต้องการรู้สิ่งที่ต้องการ
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงรู้จักคนสวยๆ ที่ฟ้อนเทียนเมื่อหัวค่ำใช่ไหมคะ"
ปิ่นแก้วหน้าไม่พอใจ
"คุณว่าแม่นั่นสวยเหรอ"
"ฉันว่าเค้าสวยนะคะ....หน้าหวานเชียว"
ปิ่นแก้วค้อนไปเรื่อย
"ก็....สวยแบบบ้านนอกมั้ง"
"เป็นใครเหรอคะ"
"ลูกสาวกำนันปานคนเฝ้าบ้าน สนใจอะไรเหรอคะ"
มณียิ้มใจเย็น
"ดิฉันชอบจดบันทึกค่ะ เพราะบางทีเราชอบมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าได้จดไดอารี่ก็จะจำได้หมด"
ปิ่นแก้วลุกขึ้นเดินกรีดกรายมาที่เตียง
"ฉันไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมดาๆ นี่คุณจะนอนบนพื้นไหวนะ หรือจะเอาผ้านวมปูที่พื้นก็ได้นะ"
มณีพยายามข่มใจไม่ให้โมโห
"คุณปิ่นคะ...ถ้าคุณพูดแบบนี้ ฉันก็คงต้องพูดว่า...ฉันเป็นแขกที่คุณกฤษดาเชิญมา คุณต่างหากที่ควรจะกลับไปนอนบ้านคุณ แต่มานอนที่นี่ คุณควรมีมารยาทนอนที่พื้นถึงจะถูก"
ปิ่นแก้วเชิดหน้า
"จะบ้าเหรอ....คนอย่างฉันจะนอนที่พื้นได้ไง"
ปิ่นแก้วขึ้นไปนอนบนเตียง มณีก็เดินมาขึ้นไปนั่งบนเตียงเหมือนกัน
"เตียงนี่ก็ใหญ่พอที่จะนอนได้สองคนอยู่แล้ว ถ้าคุณรู้จักกาลเทศะ ไม่อยากให้เจ้าของบ้านต้องลำบากใจก็ควรจะรู้ว่าต้องทำยังไง เพราะฉันเองก็อึดอัดที่ต้องมาพักห้องเดียวกับคุณเหมือนกัน"
ปิ่นแก้วเถียงไม่ออก ลงนอนอย่างกระแทกกระทั้น นอนหันหลังให้มณี มณียิ้มเยาะลงนอนหันหลังให้

กฤษดายืนอยู่ในความมืดสลัว สีหน้าเศร้าๆ มองเห็นช่อดอกเอื้องวางอยู่ที่โต๊ะ
เขาเดินไปเก็บช่อดอกเอื้องขึ้นมาดมแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นยิ้มพอใจ

บรรยากาศตอนเช้า ๆ ดูสดใส กำนันปานกำลังล้างหน้าอยู่ ดวงใจเอาผ้ามาส่งให้พ่อเช็ดหน้ากฤษดาเดินมาตาม แต่งตัวทะมัดทะแมงสะพายเป้เดินมาหา กำนันปานหันไป
"คุณกฤษดา...ตื่นแต่เช้านะครับ"
"กำนันครับ ผมมีเรื่องจะขอรบกวนสักหน่อย ผมทำรูปตกแตก กำนันช่วย ให้คนไปเปลี่ยนกระจกกรอบรูปให้ด้วยนะครับ"
"คุณกฤษดามีอะไรให้ผมรับใช้อีกครับ"
"ผมอยากจะไปเที่ยวป่าสักหน่อย"
ปานหัวเราะ
"ผมละนึกอยู่แล้วว่าคุณกฤษดา จะต้องอยากไปเที่ยวป่าเหมือเมื่อก่อนแน่ๆ"
กฤษดาพยายามมอง ดวงใจก็หลบสายตาอายๆ
"ผมบอกไอ้เต่าไว้แล้วว่าให้เตรียมพาคุณกฤษดาไปเที่ยวนะครับ"
"แต่พ่อให้ไอ้เต่าไปลากรถคุณแสงธรรมนี่จ้ะ"
"อ้าว...เออ..จริงซิ ตายจริงคุณกฤษดาครับ ผมก็ลืมไป"
"ให้ดวงใจพาผมไปก็ได้ครับ"
"จริงซิครับ ตอนเด็ก ๆ คุณกฤษดาให้ไอ้ดวงพาไปเที่ยวในป่า ไอ้ดวง ไปเตรียมของกินข้าวของพาคุณกฤษดาไปเที่ยวไป"
ดวงใจพยายามซ่อนความดีใจ
"จ้ะพ่อ"
ดวงใจรีบวิ่งไป กฤษดามองตาม
"ถ้ามันดื้อไม่เชื่อฟัง คุณกฤษดา ก็ดุว่ามันได้นะครับ...ไอ้ลูกคนนี้ มันดื้อชอบเที่ยวปีนป่ายตั้งแต่เล็ก...นี่ยังดีนะครับพอโตค่อย รู้จักสงบเสงี่ยมกับเค้าหน่อย คุณกฤษดาไปเที่ยวให้สนุกเถอะครับ ผมจะดูแลคุณๆ ทางนี้ให้เองครับ"
ดวงใจเดินกลับมาสีหน้ายิ้มชื่นมีความสุข หอบข้าวของพะรุงพะรัง กฤษดาลุกขึ้นออกเดินนำ

"ไปกันเถอะ...เดี๋ยวสายแดดจะร้อน"
 
อ่านต่อหน้า 2

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ทางเดินในป่าสวยๆ กฤษดา เดินดูธรรมชาติด้วยความเพลิดเพลินเป็นสุข ดวงใจเดินตามหลังมา สะพายย่ามใส่ของ ดวงใจมองหลังกฤษดาด้วยความสุขใจ สีหน้าเบิกบานแอบยิ้มกับตัวเอง กฤษดาหันมามองดวงใจ

"เหนื่อยหรือเปล่าดวงใจ"
"ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ"
กฤษดาหยุดเดินดึงย่ามไปจากดวงใจ
"ฉันสะพายย่ามนี่เองดีกว่า"
ดวงใจไม่ยอมให้
"ไม่ได้หรอกเจ้า...คุณกฤษดาจะสะพายย่ามนี่ไม่ได้"
กฤษดาขำ
"ทำไมล่ะ...ฉันเป็นผู้ชายนะ จะปล่อยให้ผู้หญิงมาแบกข้าวของให้น่ะไม่ได้หรอก"
"แต่คุณกฤษดา เป็นนาย ข้าเจ้าเป็นบ่าว บ่าวจะให้นายแบกของให้จะได คุณกฤษดาก็แบกของตัวเองหนักมากแล้ว"
"แต่ฉันไม่ได้คิดว่าดวงใจเป็นบ่าว...เอามาเถอะนะ ฉันจะสะพายเป้เอง อย่าดื้อนะ กำนันปานบอกว่าถ้าดวงใจดื้อให้ฉันทำโทษดวงใจได้ใช่ไหม"
กฤษดาดึงย่ามไปจากดวงใจจนได้ ดวงใจจำใจส่งให้
"ข้าเจ้าไม่ได้ดื้อสักหน่อย"
กฤษดามองดวงใจนิ่ง จนดวงใจนึกอาย
"ตอนเด็ก ๆ ดวงใจพูดเก่งกว่านี้นะ...ทำไมโตเป็นสาวแล้วพูดไม่เก่งเหมือนตอนเด็กๆ ล่ะ"
ดวงใจพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้ซ่อนความอาย
"ก็มีแต่คนบอกว่าผู้หญิงพูดมากน่าเบื่อ...ถ้าข้าเจ้าพูดมากคุณกฤษดาก็จะเบื่อข้าเจ้าซะก่อนซิเจ้า"
กฤษดายิ้มสบายใจ
"ก็จริงนะ....ฉันก็ไม่ค่อยชอบผู้หญิงพูดมากเหมือนกัน...แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เบื่อดวงใจหรอกน่า"
กฤษดาออกเดินต่อ ดวงใจยิ้มมีความสุขเดินตามไป

ตอนสาย เต่า และ บัวแก้ว กำลังตั้งสำรับอาหารเช้าที่เฉลียงบ้านเจ้าคุณชั้น 2 พนมเดินออกมายืนบิดขี้เกียจหันมาเห็นเต่า กับ สายคำ
"คนอื่นๆ อยู่ที่ไหนล่ะ" พนมถาม
"คุณหนูปิ่น กับ เพื่อนยังไม่ตื่นเจ้า คุณแสงธรรมไปเฮือนท่านบอกว่าเดี๋ยวจะมา..."
พนมเดินมาดูสำรับอาหาร
"โอ้ น่ากินจังเลย ... แล้วกฤษดาล่ะ"
"คุณกฤษดาไปเที่ยวป่าแล้วเจ้า...คุณจะรับข้าวต้มเลยไหม"
"ไปเที่ยวป่า....ไม่รอกันเลยนะ เอาซิ...ทานเลยก็ดี ไม่ต้องรอใครหรอก"
ปิ่นแก้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัวดูทะมัดทะแมง
"ได้ยินแว่ว ๆว่าพี่กฤษดาไปไหนนะ"
พนมลงนั่งทานอาหารที่สายคำจัดให้
"ไปเที่ยวป่าแล้ว...ไปทำไมแต่หัวไก่โห่...แล้วเค้าไปกับใคร"
สายคำบอก
"ไปกับไอ้ดวงเจ้า...ไอ้ดวงมันรู้ทางดี"
"ไอ้ดวง...ไอ้ดวงใจน่ะเหรอ"
"เจ้า"
"รู้จักเหรอน้องปิ่น"
ปิ่นแก้วหน้าไม่พอใจเงียบๆ
"รู้จักดีเลยค่ะพี่พนม"

สายคำกับเต่ามองหน้ากัน เมื่อเห็นท่าทางของปิ่นแก้ว

บริเวณน้ำตกสวยๆ มุมหนึ่งที่นั่งได้อย่างสบาย กฤษดากับดวงใจเดินเข้ามาวางสัมภาระ

"ยังจำวันที่ดวงใจพาฉันมาที่นี่ได้ รู้ไหมดวงใจ ฉันคิดถึงวันนั้นอยู่บ่อยๆ"
ดวงใจดีใจ
"จริงหรือเจ้า ข้าเจ้าก็คิดถึง อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน"
กฤษดามองหน้าดวงใจยิ้มแย้ม
"ฉันรอวันที่จะได้กลับมาที่นี่อีก...นี่แน่ะดวงใจ ฉันมีของมาฝากเธอนะ"
ดวงใจตื่นเต้น
"ของฝากข้าเจ้า"
กฤษดาหยิบชุดว่ายน้ำผู้หญิงออกมาจากเป้
"นี่ไง ชอบไหม ใหม่ล่าสุดจากอเมริกาเลยนะ ฉันเห็นสาวๆ ที่อเมริกาเขาใส่กัน จำได้ว่าดวงใจไม่มีชุดว่ายน้ำ ฉันก็เลยซื้อเก็บไว้ให้ดวงใจ เพราะแน่ใจว่าจะได้พบกับดวงใจอีกแน่ๆ"ดวงใจเห็นชุดว่ายน้ำก็หัวเราะกลิ้ง
"ตัวน้อยอย่างนี้ เห็นก็จั้กกะจี้แล้วเจ้าคุณกฤษดา ใส่แล้วก็เหมือนไม่ได้นุ่งอะไรเลยงั้นแหล่ะ"
กฤษดาอดหัวเราะไม่ได้
"อ้าว...ชุดว่ายน้ำก็ต้องเป็นแบบนี้แหล่ะ ลองใส่ดูซิ"
ดวงใจสั่นหน้า กฤษดาเอาชุดว่ายน้ำนั้นทาบกับตัวเอง
"เห็นไหม....สวยดีนะ"
ดวงใจหัวเราะชอบใจอีก กฤษดามองดวงใจอย่างสบายใจ
"เอาทองให้ข้าเจ้าสักสิบเส้น...ข้าเจ้าเห็นจะใส่บ่ได้..อายแท้ๆ เจ้า"
ดวงใจทำหน้าทะเล้น กฤษดายิ้ม ถอดเสื้อผ้า ดวงใจรีบหันหลังเอามือปิดหน้า
"คุณกฤษดาจะทำอะไรเจ้า"
กฤษดา หัวเราะชอบใจ
"อยากรู้ก็หันมาดูเองซิ"
ดวงใจเอามือปิดหน้าอยู่อย่างนั้นจนได้ยินเสียงน้ำดังตูม จึงเปิดตาหันมาดูด้วยสีหน้าเป็นห่วง ก็เห็นกฤษดาลอยคออยู่ในแอ่งน้ำแล้ว
"ลงมาเล่นน้ำด้วยกันเถอะดวงใจ น้ำเย็นสบายดี ห้ามดื้อนะดวงใจ"
ดวงใจมองกฤษดาแล้วยิ้มให้ สีหน้านึกสนุก เดินไปยืนใกล้ ๆ กฤษดาว่ายน้ำมาเกาะใกล้ๆ ที่ดวงใจยืนอยู่
"ถ้าเธอไม่ยอมลงมาฉันจะขึ้นไปอุ้มเธอลงมานะ"
กฤษดาทำท่าจะขึ้นมาจากน้ำ ดวงใจตกใจถอยหนี แล้วตัดสินใจ
"อาบก็อาบ"
ดวงใจทำท่าจะโดดลงมา กฤษดารีบห้าม
"เดี๋ยวก่อนดวงใจ นี่จะอาบน้ำทั้งชุดอย่างนี้เหรอ เดี๋ยวก็เปียกหมด"
"คุณกฤษดาจะให้ข้าเจ้าอาบน้ำด้วย ข้าเจ้าก็จะอาบทั้งชุดอย่างนี้ เปียกเดี๋ยวก็แห้งเองเจ้า"
กฤษดายิ้มสนุก ถอยห่างออกมาเพื่อให้ดวงใจโดดลงน้ำมา ดวงใจตัดสินใจโดดลงไปในน้ำ กฤษดาว่ายน้ำเข้ามาหาใกล้ๆ ทั้งสองคนสีหน้าสนุกมีความสุข

บัวแก้วเดินถือของใส่ตะกร้าใบใหญ่กลับมาจากเจ้าคุณ มีเต่าช่วยถือเดินตามมา
"ไอ้เต่า...เดี๋ยวเอ็งไปคอยดูคุณๆ ที่บ้านใหญ่ ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่"
"จ้าพี่"
"แล้วคุณปิ่นเป็นไงล่ะ...ยังเอาแต่ใจเหมือนตอนเด็กๆ ไหม"
สายคำ มองหน้าเต่า
"ไม่รู้ซิพี่บัวแก้ว แต่เมื่อกี้ฉันเห็นสีหน้าคุณปิ่นพูดถึงไอ้ดวงนะ..ทำหน้ายังไงก็ไม่รู้ เอ็งว่าไหมไอ้เต่า"
เต่าพยักหน้า
"ข้าว่าคุณปิ่นทำหน้าเหมือนโกรธไม่พอใจไอ้ดวงอย่างงั้นแหล่ะ"
บัวแก้วมองสายคำ
"ไอ้เต่า...เอ็งไปเลือกเก็บลิ้นจี่ใส่ตะกร้าเอาขึ้นไปไว้บนบ้านใหญ่หน่อยซิ เลือกเก็บลูกใหญ่ๆ ไปล่ะ"
เต่าเดินถือตะกร้าออกไป
"ข้าว่าท่าทางจะไม่ค่อยดี คุณปิ่นต้องไม่พอใจที่คุณกฤษดาไปเที่ยวกับไอ้ดวง" บัวแก้วบอก
"แต่ลุงกำนันใช้ไอ้ดวงให้พาคุณกฤษดาไป มันอยากไปเองซะเมื่อไหร่"
"ใครบอก...สมใจอยากมันแล้วน่ะซิ อีนี่ท่ามันคงจะใจแตกเสียคราวนี้"
"อย่าไปว่ามันอย่างนั้นเลยพี่บัวแก้ว" สายคำบอก
"มันหลงพร่ำเพ้อถึงคุณกฤษดามาตั้งนานแล้ว ขึ้นบ้านใหญ่ทีไร วนเวียนกับรูปคุณกฤษดาทุกที ข้ากลัวมันจะเป็นหมาเห็นข้าวเปลือก จะไปสู้คุณปิ่น กับสาวบางกอกเค้าได้ไง"
"แต่ฉันว่าไอ้ดวงน่ะมันสวยกว่าคุณปิ่น กับเพื่อนเค้าอีกคนเป็นไหนๆ นะพี่"
"เอ็งก็อย่าไปเข้าข้างมันนักล่ะ...ระหว่างไอ้ดวง กับคุณกฤษดาน่ะ มันก็แค่นาย กับ บ่าว เท่านั้นนะ...ข้าไม่อยากเห็นมันช้ำใจ"

บัวแก้วหนักใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 6 (ต่อ)

พนมนั่งกินเหล้าอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างสบายอารมณ์ มีเต่าคอยบริการอยู่ ปิ่นแก้วหน้างอง้ำคอยชะเง้อมอง ส่วนมณีทำท่าเป็นอ่านหนังสืออย่างใจเย็น แต่ก็คอยเหลือบมองปิ่นแก้วบ่อยๆ

"แล้วนี่เราจะอยู่กันเฉยๆ อย่างนี้น่ะเหรอ"
ปิ่นแก้วเดินมาจ้องหน้าเต่า
"นี่แก...พี่กฤษดา กับนังดวงใจน่ะ จะกลับมาเมื่อไหร่"
พนมทำท่าเบื่อ
"น้องปิ่น...เต่ามันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ"
ปิ่นแก้วบอก
"มันต้องรู้ซิ...ก็มันอยู่ที่นี่มันก็ต้องรู้"
"มันก็แล้วแต่คุณกฤษดาอยากไปที่ไหน ไอ้ดวงมันก็จะต้องพาไป"
ปิ่นแก้วหงุดหงิด
"พูดอะไรของแก ตอบให้มันรู้เรื่องหน่อยได้ไหม"
มณีปิดหนังสือเดินมา
"เค้าก็ตอบถูกแล้วนี่คะ...เค้าอยู่ที่นี่จะไปรู้ได้ไงว่าคุณกฤษดาไปถึงไหน อยากจะกลับเมื่อไหร่...เราก็ต้องรอไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหล่ะ จะไปโวยวายกับเด็กมันก็ไม่มีประโยชน์"
ปิ่นแก้วหันมาตาวาวใส่มณี พนมเห็นท่าไม่ดีรีบลุกขึ้นแทรก
"เอาเถอะน่า...ถ้าเบื่ออยากจะเข้าไปเดินเล่นในป่าก็ได้ อาจจะเจอกฤษดาก็ได้นา ดีไหมน้องปิ่น แต่พี่ไม่ไปด้วยหรอกนะ อยู่ที่นี่สบายกว่าเข้าไปในป่าเป็นไหนๆ ดีไม่ดีไปเจอเสือเข้าละก็..."
"เสือมันไม่ค่อยออกตอนแจ้งหรอกเจ้า...มันชอบมาตอนมืด ๆ นอกจากมันจะหิวจัด มันถึงจะออกตอนแจ้ง" เต่าบอก
"แล้วถ้าคุณกฤษดาไปเจอเสือจะทำยังไงล่ะ" มณีถาม
"ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้า ไอ้ดวงมันเก่ง มันดูรอยเสือเก่ง ลุงกำนันสอนมัน"
"แหม...นังดวงใจนี่มันเก่งหลายอย่างจริงนะ"
ปิ่นแก้วพูดแดกดัน แต่เต่าตอบโดยซื่อ
"แม่นหลายๆ เจ้า...ไอ้ดวงมันเก่งหลายอย่าง ยิงปืน ปามีด มันก็ทำได้ ลุงกำนันสอนมัน ทำกับข้าวก็อร่อย อามันสอน บางอย่างไอ้ดวงทำเด็ดกว่าพี่บัวแก้วอีกนา"
เต่าคุยโวถึงเพื่อนรักด้วยความภูมิใจ ปิ่นแก้วหน้างอไม่พอใจมากขึ้น พนมกับมณีแอบยิ้ม

ในป่าข้างน้ำตก ดวงใจเอาผ้าปูจัดของกินวางไว้รอกฤษดา มีกองไฟจุดอยู่ใกล้ๆ กฤษดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินมาด้านหลัง ดวงใจไม่ทันเห็น กฤษดาเอาผ้าขาวม้ามาห่มที่ไหล่ ดวงใจสะดุ้ง
"คุณกฤษดา"
"หนาวไหมดวงใจ"
ดวงใจยิ้มหวาน เสื้อดวงใจยังเปียกอยู่บ้าง แต่เริ่มจะแห้งบ้างแล้ว
"ไม่หนาวหรอกเจ้าผิงไฟจะแห้งแล้ว...คุณกฤษดาทานข้าวดีกว่า นี่ก็เลยเพลมานานแล้ว"
กฤษดามองดูอาหารที่ดวงใจปูผ้าจัดอาหารอย่างน่าดูก็พอใจมาก
"โอ้โหดวงใจ...นี่เธอจัดเหมือนกับว่าเรามาปิคนิคกันเลยนะ"
ดวงใจงง
"นิกอะไรเจ้า"
กฤษดาหัวเราะ
"ปิกนิก เป็นภาษาอังกฤษ หมายถึงการเอาอาหารออกไปทานนอกบ้านก็คล้ายๆ กับที่ดวงใจทำนี่แหล่ะจ้ะ"
ดวงใจยิ้มอายๆ
"บ้านข้าเจ้าเค้าก็เรียกห่อข้าวมากิน ไม่ต้องนิกหรอกเจ้า"
กฤษดามองดวงใจด้วยความรู้สึกสบายใจ
"ไหน...ดวงใจเอาอะไรมาให้ฉันกินล่ะ"
ดวงใจจัดของวุ่นวาย
"วันนี้ข้าเจ้ายังไม่ได้เตรียมอะไร มีแค่เนื้อเก้งปิ้ง น้ำพริกข่า แหนมหม้อ ฟักทองนึ่ง แค่นั้นแหล่ะเจ้า อ้อ...ข้าวนึ่งด้วย"
"นี่ขนาดยังไม่ได้เตรียมนะ...ฉันว่าฉันกินไม่หมดด้วยซ้ำ"
ดวงใจพูดอย่างภูมิใจ
"คราวหน้าข้าเจ้าจะเตรียมมาให้อีกหลายอย่าง เอาอย่างละน้อยๆ คุณกฤษดาจะได้ทานหลายๆ อย่าง"
ดวงใจพูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ หน้าสลดไปนิดหนี่ง
"แต่ไม่รู้ว่าคุณกฤษดาอยากให้ข้าเจ้าพามาเที่ยวอีกหรือเปล่า..ถ้าเป็นไอ้เต่ามา ข้าเจ้าจะเตรียมของให้ก็ได้เจ้า"

กฤษดาลงนั่งกินอาหาร หันมามองดวงใจยิ้มๆ

กำนันปานมองอาหารที่บัวแก้วยกมาวางให้ มีอยู่สอง สามอย่างในถาด

"มีแค่นี้หรือ"
"ไอ้ดวงมันเอาไปหมดน่ะลุง...ฉันก็ไม่รู้"
"เอาเถอะวะ...แค่นี้ก็แค่นี้"
กำนันปานกำลังจะกินข้าว ปิ่นแก้วเดินเสียงดังโวยวายเข้ามา
"กำนันปาน กำนันปาน"
กำนันปานถอนใจ
"สงสัยคงไม่ได้กินละกู"
ปิ่นแก้วเดินเข้ามา มณี กับ พนมเดินตามมา
"กำนันปานหาคนพาฉันไปหาพี่กฤษดาเดี๋ยวนี้"
"นี่มันก็บ่ายแล้วนะครับ...ผมกลัวจะไปไม่เจอคุณกฤษดามันจะค่ำกลางทางซะก่อน"
"เดี๋ยวกฤษดาก็กลับน่าน้องปิ่น เราไปเดินเล่นแถวๆ นี้แก้เบื่อก็พอ" พนมบอก
"ไม่ค่ะ..ปิ่นจะไปหาพี่กฤษดา เพิ่งจะบ่ายเท่านั้น อีกตั้งนานกว่าจะค่ำ อย่าขี้เกียจเลยกำนัน"
กำนันปานสะอึก ดันสำรับออกไปเลิกกิน
"คุณหนูอยากไป ผมก็จะหาคนพาไป แต่ในนั้นมันป่า แค่คืบแค่ศอกก็ป่า ในป่ามันจะมืดเร็ว ต้นไม่ใหญ่มันสูง บางที่แสงตะวันส่องไม่ถึงก็มืดแล้ว"
"คุณแสงธรรมยังไม่มาหรือคะกำนัน" มณีถาม
"บอกว่าจะกลับเย็นๆ ครับ"
"ไปไหนของเค้านะ...น่าจะอยู่ให้ปรึกษากันบ้าง"
มณีพูดอย่างรำคาญหน่อยๆ
"น่าจะอยู่ดูน้องสาวตัวเองบ้างนะคะ...คนอื่นจะได้ไม่รำคาญ"
ปิ่นแก้วหันขวับมา
"รำคาญก็กลับไปซิ...ใครใช้ให้มาล่ะ พี่พนมคะ เพื่อนพี่ไม่มีสมบัติผู้ดีเลยนะคะ"
พนมเดินหนี กำนันปานเดินตามไปด้วย มณีพูดยิ้ม ๆ ใจเย็น
"ฉันขอบอกอีกครั้งนะ คุณกฤษดาเป็นคนเชิญฉันมา ไม่ได้วิ่งตามเค้ามาเหมือนบางคน"
ปิ่นแก้วโกรธ
"ฉันจะต้องวิ่งตามทำไม....บ้านฉันที่นี่ก็มี"
"ก็ไปบ้านคุณซะทีสิคะ คนที่นี่เค้าจะได้อยู่อย่างมีความสุข"
"ฉันไม่ไป ผู้หญิงสำส่อนในคราบเศรษฐีใหม่อยากหาผู้ชายรวยๆ มีชาติตระกูล อย่านึกว่าฉันไม่รู้ทันนะ"
มณีเริ่มโกรธบ้างแล้ว ตลอดเวลาบัวแก้วนั่งทำกับข้าวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

กำนันปานเดินมาตามทางจะไปดูไร่ ยายเหม็นเดินมาแต่ไกลๆ รีบเรียกกำนันปานไว้
"กำนัน กำนัน เดี๋ยวก่อน"
กำนันปานอารมณ์ไม่ค่อยดี เห็นยายเหม็นก็รำคาญ
"มีอะไรล่ะยายเหม็น อย่ามาเอะอะแถวนี้นะ"
"ก็จะมาถามเรื่องไอ้ดวงไง...หนานอุยมันเร่งจะเอาคำตอบซะให้ได้"
กำนันเอามือเกาหัวแบบมึนๆ
"ไอ้ดวงมันไม่อยู่ด้วยซิ เอ้อ ยายเหม็น ขอเวลาก่อนน่ะ นะ อย่าเพิ่งรีบจะเอาคำตอบตอนนี้เลยน่ะ"
"นี่..กำนัน กำนันน่ะปกครองลูกบ้านได้ตั้งเยอะ ทำไม๊บังคับลูกตัวไม่ได้"
ยายเหม็นทำท่าหมิ่นหน่อยๆ กำนันปานเลยโมโห
"มันเหมือนกันซะที่ไหน...พูดมาได้ ปลูกเรือนมันก็ต้องตามใจคนอยู่ นี่รับค่าแม่สื่อมาเยอะละซิ ถึงได้มาเคี่ยวเข็ญฉันขนาดนี้"
ยายเหม็นเก้อไปเพราะโดนรู้ทัน
"ไม่ใช่อย่างง้านน่ากำนัน...ข้าก็อยากเห็นไอ้ดวงมันสุขสบายน่ะ..เห็นมันแต่เล็ก..ก็อยากให้มันได้ดี"
"ก็ขอเวลาก่อน ยิ่งตอนนี้น่ะ ที่นี่ยุ่ง ๆ ลูกชายนายท่านกับเพื่อนมาเที่ยว ฉันต้องคอยดูแลต้อนรับท่านให้เต็มที่ รอให้ท่านกลับไปก่อนค่อยมาคุยกัน"

กำนันปานพูดแล้วก็เดินหนีไป ยายเหม็นมองตามทำท่าหมดแรง
 
อ่านต่อหน้า 4

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 6 (ต่อ)

กองบังคับการที่กรมทหาร บัดนี้มีทหารญี่ปุ่นเข้ามาใช้สถานที่ ห้องเดิมของกฤษดา กลายเป็นห้องทำงานพันตรีโตชิโร่ไปแล้ว
 
โตชิโร่ยืนดูแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่ ติดอยู่บนผนังห้อง ซึ่งมีจุดแสดงหน่วยกำลังบริเวณต่างๆ ฮารุ เปิดประตูเข้ามา ยืนตรงก้มหัวคำนับ โตชิโร่รับคำนับ
"เรื่องนายทหารเวสต์ปอยด์กฤษดา ไปถึงไหน"
"ลาออกจากทหารจริงครับ...ตอนนี้เดินทางไปทำไร่ที่เชียงใหม่ สายของเรารายงานว่าเค้าออกเดินทางจากกรุงเทพไปหลายวันแล้ว มีเพื่อนๆ และหญิงสาวไปด้วยอีกสองคน ท่าทางจะไปเที่ยวกันครับ" ฮารุบอก
"ดูเผินๆ ก็เหมือนเค้าชวนเพื่อนไปเที่ยวสนุกสนานหลบสงครามในเมืองเหมือนลูกคนมีเงินทั่วๆ ไป"
"คุณพ่อของเค้าต้องการให้ไปดูแลไร่ผลไม้ที่เชียงใหม่ครับ"
"นายทหารอย่างกฤษดา จะยอมไปทำไร่ได้หรือ...ผมไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยอมหนีปัญหาไปง่ายๆ อย่างนั้น...อีกอย่างนะ คุณบอกว่าพ่อเค้าไม่สบายไม่ใช่หรือ"
"ครับ คุณพ่อของเขาป่วยเป็นโรคหัวใจ"
โตชิโร่ไตร่ตรอง
"เค้าไม่น่าทิ้งพ่อไปได้หรอก...ผมกำลังคิดว่าเค้าอาจจะทำอะไรบางอย่างที่สำคัญมากกว่าการทำไร่ผลไม้"
โตชิโร่นิ่งเงียบ มองหน้าฮารุ
"เข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทยน่ะหรือครับ"
โตชิโร่พยักหน้า
"เราให้สายของเราไปสืบที่เชียงใหม่ดีไหมครับ" ฮารุบอก
"ตอนนี้หน่วยประจำของเรายังไปไม่ถึงเชียงใหม่ มีแค่กองลาดตระเวนเท่านั้น"
"ต้องไปสืบให้รู้ว่าบ้านกฤษดาที่เชียงใหม่อยู่ที่ไหน"
โตชิโร่เดินไปชี้แผนที่ ตรงจังหวัดเชียงใหม่
"คงต้องรีบให้ไปดูโดยเร็ว ผมไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้เค้าถูกฝึกมาให้เป็นนักรบ รีบส่งข่าวไป นานเท่าไหร่กว่าจะถึงที่นั่น"
"อย่างช้าก็สามวันครับ"
โตชิโร่ชี้มือไปที่จังหวัดเชียงใหม่บนแผนที่ประเทศไทย

ทางเดินในป่าที่ไม่ดูรกนัก กฤษดา ชี้ชวนดวงใจดูข้างทาง
"พรุ่งนี้ดวงใจจะพาฉันไปเที่ยวที่ไหน"
“คุณกฤษดาอยากไปดูอะไรล่ะเจ้า...ไปดูตลาดชาวเขาดีไหม”
“ดีจ้ะ....ฉันยังไม่เคยเห็นชาวเขาเลย”
“แต่ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกไกลโขนะเจ้า ข้าเจ้าชอบไปดูพวกกะเหรี่ยงทำของมาขายอันน้อย ๆ งามๆ ถ้าคุณกฤษดาจะไปดูข้าเจ้าจะพาไป แต่ต้องใส่รองเท้าปิดมิดๆ เพราะหนามไผ่มันเยอะ”
ดวงใจมองไปที่พื้น หยุดชะงักเพ่งมอง กฤษดาเห็นท่าทางดวงใจผิดปรกติก็มองตาม
“อะไรดวงใจ”
ดวงใจก้มดูที่พื้นเรื่อยไปด้วยท่าทางเชี่ยวชาญ แล้วหันมาบอกกฤษดา
“รอยเท้าคน...ใส่รองเท้าเหมือนของคุณ”
กฤษดาหยิบปืนพกในเป้ออกมา สีหน้าระวังตัว ดวงใจหันมาเห็นปืนก็ตกใจ
“ปืน”

เจ้าคุณกำลังคุยกับหลวงเณติณัติ ในห้องทำงานบ้านพระยาดำรง
“กระผมว่าป่านนี้คุณกฤษดาคงถึงเชียงใหม่เรียบร้อยแล้วครับ”
พระยาดำรงถอนใจ
“ฉันก็หวังอย่างนั้น”
“ทำไมท่านไม่ไปกับคุณกฤษดาล่ะครับ...ผมว่าที่นี่อันตรายกว่าเชียงใหม่นะครับ”
“พวกญี่ปุ่นยึดบ้านพระยาเพชรที่คลองหลอดไปแล้ว แล้วก็อีกหลายหลังที่เจ้าของทิ้งไปอยู่ต่างจังหวัด...ฉันต้องการรักษาบ้านไว้ให้กฤษดา อีกอย่างก็คือ ถ้าฉันไปก็จะทำให้เค้าเสียเวลา อยู่ที่นี่มันใกล้หมอ แล้วที่บ้านคุณหลวงเป็นยังไงกันบ้าง”
“แม่เรณู กับลูกๆ ย้ายไปลพบุรีกันหมดแล้วขอรับ ตอนนี้ที่บ้านก็มีแต่ผมกับบ่าวอีกสองคน”
“แล้วทำไมไม่ไปกับพวกเขา”
“ก็กระทรวงกลาโหมเค้ามาขอให้ผมอยู่ช่วยดูเอกสารหลายอย่าง ได้ค่าจ้างดีเสียด้วย...ผมก็ว่าดีเพราะจะได้อยู่เป็นเพื่อนท่านด้วยครับ”
พระยาดำรงพยักหน้ารับรู้
“ก็ดีเหมือนกัน...ตอนนี้จะพูดจะจาอะไรกับใคร ต้องระวังคำพูดที่สุด กฤษดาน่ะ ต้องการเข้าร่วมเสรีไทย ถ้ามีใครมาถามคุณหลวงเรื่องนี้ ก็ให้บอกเค้าว่า กฤษดา เบื่อเป็นทหารแล้ว ตอนนี้ก็พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวไร่ลำไยลิ้นจี่ของฉันสนุกสนาน ไม่ต้องการรับรู้ รับผิดชอบอะไร”
“ถ้าคนที่รู้จักนิสัยคุณกฤษดา ก็จะรู้ว่าไม่ใช่คนเจ้าสำราญแบบนั้น..ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ...กระผมจะไม่ให้เรื่องคุณกฤษดาแพร่งพรายกับใครเด็ดขาด”
พระยาดำรงสีหน้าหมองเป็นทุกข์
“ฉันสังหรใจเหลือเกิน ไอ้เลือดนักรบไม่ยอมคนในตัวเขา มันจะทำให้เขาลำบาก”

พระยาดำรงเป็นทุกข์

ดวงใจพยายามแกะรอยเท้า โดยมีกฤษดา ถือปืนคอยระวัง สักครู่ดวงใจหยุดเดินมองเข้าไปในป่า

“รอยเท้าเข้าไปในป่านะเจ้า คุณกฤษดา”
กฤษดามองอย่างตัดสินใจ
“ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า...นี่ก็จวนจะเย็นแล้ว”
“ดีเจ้าคุณกฤษดา เรารีบกลับกันดีกว่า พรุ่งนี้ข้าเจ้าจะชวนพ่อกับผู้ชายคนอื่นๆ มาตามรอยเข้าไปในป่า”
ขณะนั้น กฤษดา รู้สึกถึงสิ่งผิดปรกติ กฤษดากระโดดเข้าไปหลังต้นไม้ต้นใหญ่ แสงธรรมก็โดดออกมาจากหลังต้นไม้ต้นนั้น ทั้งสองอยู่ในท่าเตรียมพร้อมหันปืนเข้าหากัน ดวงใจร้องกรี้ดดังลั่น กฤษดา มองแสงธรรมอย่างประหลาดใจ
“แสงธรรม...คุณ”
แสงธรรมหัวเราะเก็บปืน
“สาวคนนี้แกะรอยเก่งจริง ๆ นะ ผมต้องเดินวนหนีแทบแย่W
กฤษดาไม่สนุกด้วย มองแสงธรรมอย่างพิจารณา
“ท่าทางคุณเมื่อกี้ไม่เหมือนท่าของหมอเลยนะแสงธรรม”
“ผมถึงมาพบคุณนี่ไง”
ดวงใจมองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจ กฤษดามองแสงธรรมนิ่ง

ทางเดินในป่าที่จะกลับมาบ้านกำนันปาน กฤษดาเดินคุยกับแสงธรรม ดวงใจเดินตามหลังมาห่างๆ
“ผมเพิ่งฝึกได้ไม่นาน...แต่ต้องไปฝึกมากกว่านี้ ยิ่งเมื่อกี้โดนดวงใจแกะรอยได้ง่ายๆ อย่างนี้....แปลว่ายังฝึกไม่ผ่าน”
“ผมอยากเข้าร่วมด้วยแสงธรรม”
“ใจเย็นๆ คิดให้ดีก่อนนะอย่างที่ผมเคยบอก คุณจะ..”
แสงธรรมหันไปมองดวงใจอย่างระวังตัว
“เราจะไว้ใจดวงใจได้หรือ”
กฤษดาพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง”
“ถ้าคุณตัดสินใจ....อีกไม่กี่วันผมจะบอกคุณเอง”
“ผมตัดสินใจแล้ว...ผมไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”
“คุณยังมีเวลาคิดที่จะตัดสินใจ กฤษดา”

กฤษดาสีหน้ามั่นใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น