แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 8
กลางคืนต่อมา นางพิศนั่งหน้าเครียดอยู่กลางโถง กระดกเครื่องดื่มไปด้วย สุวรรณคอยเติมให้ตลอด นางพิศคีบบุหรี่ไว้ในมือ
"ไอ้จ่ามันทำเราแสบ สุวรรณ"
"ครับแม่"
"พาฉันไปดูสภาพนัง จันทร์ฟองหน่อยซิ"
พิศเข้ามาในห้อง สุวรรณเปิดไฟสว่าง จันทร์ฟองสะดุ้งตื่นขึ้น สภาพร่างกายดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังซีดเซียว อ่อนแรงอยู่บ้าง พิศลงนั่งข้าง ๆ ยิ้มอย่างเมตตา จันทร์ฟองสังเกตว่าพิศคีบบุหรี่อยู่
"เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีขึ้นรึยัง"
"ดีแล้ว"
"งั้นก็พร้อมจะทำงานแล้วใช่ไหม"
นางพิศจับแขนของจันทร์ฟองมาดู เห็นรอยเข็มฉีดยา จันทร์ฟองดึงแขนกลับ
"พร้อมแล้ว"
"ดีมาก ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราไปที่ร้านกันนะ แต่งหน้า ทำผมเสียใหม่ แม่อาจ
จะให้ขัดผิวด้วยนะ จะลงทุนให้งามพริ้งเลย ดีไหม"
"ค่ะ"
"พูดง่าย ๆ อย่างนี้ค่อยดีหน่อย เราจะได้ทำงานด้วยกันได้"
"เจ๊"
"เรียกแม่ดีกว่ามังคะ"
"จ๊ะ แม่....ฉันขอต่อรองนะ ฉันจะทำงานให้แม่จนครบหนี้สินทั้งหมด แม่ปล่อยตัวฉันไปเถอะนะ"
"ทำไมล่ะ ไม่อยากอยู่ด้วยกันหรอกเหรอ นี่ วันนี้แม่ นงเยาว์เพื่อนซี้เราน่ะ เขาทำงานวันแรกแล้วนะ"
"นังนง มันยอมขายตัวงั้นเหรอ"
"ใช่....หนีจากที่นี่ แต่แล้วกลับไปอยู่ในสังกัดบ้านเสน่ห์จันทร์ โถ....ก็หนีวงจรกะหรี่ไปไม่พ้น"
"ฉันไม่ใช่คนอย่างนังนง ฉันไม่อยากทำงานแบบนี้ แม่เลี้ยงฉันไว้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันคงทำเงินให้แม่ไม่ได้มาก"
พิศไม่ได้ฟัง จับมือของจันทร์ฟองขึ้นมา แล้วจี้บุหรี่ไปที่ฝ่ามือทันที
"แอร๊ย"
จันทร์ฟองดิ้นสู้
"จับมันไว้"
สุวรรณเข้ายึดร่างจันทร์ฟอง ชกเข้าที่ท้องน้อย จนหมดแรง พิศกระชากผมของจันทร์จนหน้าหงาย
"ไม่ต้องมาต่อรองอะไรกับแม่ แกไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น แล้วฉันจะปล่อยตัวแกเมื่อไหร่ มันไม่ได้อยู่ที่หนี้สิน แต่มันอยู่ที่ความพอใจของฉันต่างหาก จำไว้นะคะ ลูกแม่ อย่ามาทำให้แม่ต้องรมณ์เสีย อย่างที่เพื่อนแกทำกับแม่มาแล้ว ไม่งั้นพูดตรง ๆนะ ตายศพไม่สวยแน่"
พิศลุกขึ้น สุวรรณปล่อย จันทร์ฟอง พิศปาบุหรี่เข้าใส่ จันทร์ฟองปัดกระเด็นออก ร้องไห้
สะอื้น
"ฝันดีนะลูก พรุ่งนี้เราเริ่มงานกัน"
พิศ สุวรรณออกจากห้อง จันทร์ฟองมองดูแผลที่ฝ่ามือของตน แล้วร้องไห้แทบขาดใจ
ภายในอพาร์ทเมนท์รายคืน กลางคืนต่อเนื่องมา นงเยาว์อยู่ในชุดกระโจมอก เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ชะงักไปเมื่อร่าง จ่าพยับ นั่งดื่มเบียร์อยู่บนเตียง เปลือยท่อนบน มองนงเยาว์อย่างหื่นกระหาย
"แหม....เธอนี่มันคุ้มค่าที่ฉันรอคอยจริง ๆ"
จ่าพยับเดินมาหา รวบร่างในอ้อมกอด
"จ่าคะ จ่าสัญญากับแม่ไว้แล้วนะ ขอให้ทำตามสัญญา"
"ไม่ลืมหรอก แต่ยังไง เสือย่อมเป็นเสืออยู่วันยังค่ำ"
"หนู...ไม่เข้าใจ"
"เดี๋ยวจะสาธิตให้ดู"
จ่าพยับกระชากผ้าขนหนูออกอย่างแรง นงเยาว์สะดุ้งเฮือก จ่าพยับซุกไซร้ซอกคออย่างรุนแรง
แล้วทึ้งผมของนงเยาว์ จนหน้าหงายเจ็บ แต่ไม่ร้องออกมา
นงเยาว์นึกเปรียบเทียบกับภาพ...
นงเยาว์กอดสิงห์ ขณะ สิงห์กำลังโกนหนวดเครา สิงห์ผละออก
นงเยาว์น้ำตาค่อย ๆ ไหล จ่าพยับซุกไซร้หนักข้อขึ้น
นงเยาว์ในชุดยั่วยวน เข้ามากอดคอสิงห์ สีหน้า สิงห์ไม่พอใจ
และคำพูดก่อนหน้านี้
"ยังจะมาย้อนถาม ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนเขายอมมาทำงานแบบนี้"
ร่างนงเยาว์กระแทกลงกับพื้นเตียง ร่างจ่าพยับถาโถมเข้ามา นงเยาว์เบือนหน้าหนีอย่างสะอิด
สะเอียน
"จะประชดชีวิตไปถึงไหน ....นงเป็นน้องพี่ น้องพี่ตง ลูกของพ่อแม่ นงมีศักดิ์ศรี"
นงเยาว์คิดได้เท่านั้น ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ชำแรกเข้ามาอย่างรุนแรง ตาเหลือกลาน
"แอร๊ย"
วันรุ่งขึ้น ภายในคอนโดหรูกฤษณ์ ตอนเช้าตรู่ สายพิณนอนหลับอยู่บนเตียงตามลำพัง ผมรุ่ยร่าย ที่นอนยุ่งเหยิงแสดงว่าโรมรันพันตูกันตลอดคืน
สายพิณปรือตาขึ้น เสื้อผ้าของทั้งสายพิณและกฤษณ์เกลื่อนพื้น เสียงกฤษณ์อาบน้ำในห้องน้ำดังมา
เสียงกดกริ่งประตู สายพิณลุกจากเตียงด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก แทบปิดร่างกายไม่มิด เดินไปเปิดประตูห้องน้ำ
สายพิณยิ้มเมื่อมองร่างเปลือยกำยำของกฤษณ์ ที่ฟองสบู่เต็มตัว
"มองอะไรผม"
"มองผัวรูปหล่อของพิณน่ะซี คนมากดกริ่งค่ะ จะให้เปิดไหม"
"น่าจะส่งอาหารน่ะ พิณไปรับเลยครับ"
"ได้ เดี๋ยวพิณมาอาบด้วยนะ จะถูหลังให้"
สายพิณหัวเราะแยกไป
สายพิณเปิดประตูออกมาทั้ง ๆ ที่ใส่ผ้าขนหนูผืนเล็ก เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเข็นรถเข็นอาหารตะลึงงันไป สายพิณถูกใจหน้าตา ยิ้มยั่วยวน
"เข้ามาซิ"
เด็กหนุ่มเข็นอาหารเข้าไปในห้อง สุดโถง ปริมยืนซุ่มมองดูอยู่และใช้ถือมือแอบถ่ายอยู่ตลอด
เด็กหนุ่มออกมา สายพิณตามมาด้วย
"เดี๋ยว ยังไม่ได้ติ๊บเลย"
สายพิณหยิบแบงค์ร้อยออกมา แต่ไม่ยื่นให้ กลับใส่ลงไปที่ร่องอก เด็กหนุ่มไม่กล้าหยิบ
"ให้ติ๊บแล้วไม่รับเหรอจ๊ะ"
"ขอโทษครับพี่"
หนุ่มหยิบแบงค์จากร่องอกของสายพิณ หน้าแดงก่ำ แล้วรีบเดินหนีไป สายพิณหัวเราะระรื่น กลับเข้าห้อง ปริมดูภาพในมือถือ สีหน้าเย็นชา
ภายในโรงพยาบาล ใบพรจับแม่พลิกตัว นวดแขนขา ให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวกขึ้น
"ให้ลูกได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกมาด้วยเถอะ"
ทันใดนั้น พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา คุยกับใบพร
"ขอโทษนะคะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ"
ใบพรกับต้อย ยืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง หน้าห้องชำระเงิน
"พอดีถึงงวดชำระค่ารักษาพยาบาลแล้ว ไม่ทราบว่าคุณจะจ่ายทีเดียวหรือผ่อนชำระคะ"
"อ้าวไหนบอกว่าใช้สิทธิ์รักษาฟรีได้" ต้อยถาม
เจ้าหน้าที่ชี้แจง
"เนื่องจากคนไข้มีอาการแทรกซ้อน การรักษาพยายามมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์และยาบางตัวที่ไม่อยู่ในบัญชี ทำให้มีส่วนต่างเกิดขึ้นค่ะ"
"ประมาณเท่าไหร่คะคุณพยาบาล"
"ประมาณเดือนละ 1 - 3 หมื่น แล้วแต่กรณีค่ะ"
"แล้วถ้าเพื่อนฉันไม่มีล่ะ"
"ก็คงต้องตัดรายการที่ไม่จำเป็นออกไป อาจจะช้าหน่อยแต่ก็รักษาหายเหมือนกัน"
ใบพรร้อนใจกลัวแม่เป็นอะไร
" ไม่ต้องตัดไม่ต้องลดอะไรทั้งนั้น ฉันยินดีจ่ายเต็มที่ ขอให้แม่ฉันหายเถอะค่ะ"
"งั้นช่วยเซ็นเอกสารตรงนี้ด้วยค่ะ"
ใบพรเซ็นเอกสารเสร็จ เจ้าหน้าที่เดินไป ต้อยถามใบพรด้วยความไม่เข้าใจ
"แบบนี้จะไหวเหรอ จะเอาเงินที่ไหนมาให้เค้า"
ใบพรกังวลจะร้องไห้
"ฉันไม่รู้ แต่ยังไงฉันก็ต้องหามาให้ได้ ฉันยอมให้แม่เป็นอะไรเพราะฉันไม่ได้อีกแล้ว"
ใบพรพูดอย่างสิ้นหวัง ต้อยมองด้วยความสงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี
พริ้ง ศรี มานั่งรออยู่สุดโถงทางเดิน สีหน้ากระวนกระวาย
"เจ๊ให้ฉันมาด้วยทำไม" ศรีว่า
พริ้งบอก
"ก็ให้มาช่วยกันดูในฐานะคนมีประสบการณ์จริง เจ็บจริง ฉีกจริงมาแล้ว เผื่อ
นังนงมันเลือดตกยางออก แกจะได้ช่วยได้"
"ยินดีช่วย ช่วยให้มันตาย ๆ ไปเลย"
ประตูห้องเปิดออก จ่าพยับออกมา ใส่เสื้อกล้าม เพิ่งรูดซิบกางเกง สองสาววิ่งมาหาจ่า
"เจ๊ มารับเด็กกลับเหรอ"
"ค่ะ จ่า หวังว่าจ่าคงไม่สร้างความเสียหายยับเยินกับเด็กนะคะ"
"ไม่เห็นเป็นไรนี่ เห็นหลับพริ้ม ดูแลกันเองก็แล้วกัน แต่ขอบอกนะเด็กคนนี้เป็นดาวของเฮเว่นแน่"
ศรีมองค้อนจ่า จ่าพยับส่งการ์ดห้องให้ สองสาวรีบเข้าห้อง
สองสาววิ่งเข้ามารุมที่เตียง ร่างของนงเยาว์นอนคลุมโปงอยู่
"ศรี แกดูซิ มันตายรึเปล่าวะ ทำไมมันนอนตัวแข็ง"
พริ้งและศรีค่อย ๆ เลิกผ้าคลุมออก ใบหน้าของนงเยาว์มีผมปรกปิดอยู่ เสื้อคลุมนอนบาง ๆ เห็นรอยฟกช้ำเล็กน้อยตามร่างกาย
"ทำไมมันไม่ขยับเลยล่ะ ตัวแข็งทื่อ เย็นเฉียบเลยเจ๊"
พริ้งเลิกผมที่ปรกหน้า นงเยาว์พลิกหน้ามา พบว่าใบหน้าซีดจางนั้น ตาค้างแข็ง ปรือปิดไม่สนิท
"มันตายแล้ว"
สองหญิงกระโดดเข้ากอดกัน ร้องกรี๊ดลั่น
อ่านต่อหน้า 2
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ศรีขออโหสิกับนงเยาว์
“นังนง อโหสิกรรมให้ฉันด้วย ที่ฉันด่าไว้แกน่ะ”
นงเยาว์ลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก ยิ่งทำให้เหมือนผี เดอะริง คำสาปมรณะ สะบัดคอไปมาเหมือนกระดูกหัก ยิ่งดูเหมือนผี
พริ้ง ศรี กรี๊ดลั่นกว่าเดิม ยกมือไหว้ประหลก ๆ
“เจ๊ มันไม่ยอมอโหสิกรรมฉัน มันหลอกฉันกลางวันแสก ๆ เลย”
“พี่สองคนเป็นบ้าอะไร ฉันยังไม่ตาย” นงเยาว์บอก
สองสาวหยุดร้อง พริ้งผลักศรีออก แล้วเข้ามาแตะตัวนงเยาว์
“หา....ยังไม่ตาย แกยังเป็น ๆ อยู่นะ”พริ้งว่า
ศรีถาม
“เอ๊ะ แล้วมาทำตาค้างแข็งเหมือนศพทำไม หลอกกันเหรอ”
“เปล่า ก็ฉันตื่นแล้ว แล้วก็...ระบมไปหมดเลย ลุกแทบไม่ขึ้น”
“เป็นอะไรมากไหม ต๊าย ช้ำไปหมดเลย ยายนงเอ๊ย” พริ้งว่า
ศรีถามอย่างเปรียบกับตัวเอง เพราะคิดว่าต้องไม่เหล็กไหลเท่าตน
“ข้างในชำรุดบ้างรึเปล่า”
“คิดว่าไม่นะ”
ศรีแสยะไม่เชื่อ
“เดินไหวไหม”
“ฉันไหวอยู่แล้ว”
พริ้งช่วยประคองนงเยาว์ลงจากเตียง
“ไม่น่าเล้ย ไอ้จ่าพยับมันไม่น่าเป็นลูกค้าคนแรกของแกเลย ดูซี เงินก็ไม่ได้แถมยังเจ็บตัวอีก”
นงเยาว์ยื้มหยัน
“แต่ฉันว่าดีนะ”
“หา....ดียังไง อย่าบอกนะว่าชอบซาดิสท์แบบนังศรีมัน”
“อ้อ เลียนแบบสายพิณไม่พอ มาเลียนแบบฉันด้วยเหรอยะ” ศรีถาม
นงเยาว์สายตากร้าวขึ้น
“ที่ว่าดี ฉันหมายถึงฉันได้เจอศึกหนักเสียแต่แรก ต่อไปนี้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ฉันพร้อมรับศึกทุกรูปแบบ.... ปล่อยฉันเถอะเจ๊พริ้ง ฉันเดินเองได้”
นงเยาว์พยายามทรงตัวให้มั่น แล้วเดินช้า ๆ ออกจากห้อง พริ้ง ศรีมองหน้ากัน
“นังศรี....ท่าทางมันจะไม่ใช่นางฟ้าแล้วว่ะ”
“แล้วเป็นอะไรล่ะ”
“น่าจะเป็นนังเหล็กไหลไฟเบอร์เบอร์สองเสียมากกว่า”
“อ้าว แล้วใครเบอร์หนึ่ง”
“มึงไง ทำเป็นลืม”
พริ้งสะบัดไป ศรีพยักหน้าภูมิใจ
“ก็ดี ศรีเหล็กไหล เท่ดีออก ยังไงก็ดีกว่า ศรีรีแพร์”
ศรียืดนม แล้วเดินตามไป
ภายในห้องนั่งเล่นคอนโดกฤษณ์ กลางวันต่อเนื่องมา สายพิณนั่งอิงแอบกับกฤษณ์บนโซฟายาว ทีวีขนาดใหญ่ติดเต็มผนัง กำลังเปิดรายการจากเคเบิ้ล
“คุณกฤษณ์คะ พิณมีความสุขจังเลย ยิ่งคิดเรื่องที่คุณกฤษณ์สัญญากับพิณแล้ว ยิ่งมีความสุขใหญ่เลย”
“ผมสัญญากับพิณตั้งหลายเรื่อง เรื่องอะไรเหรอ”
“เรื่องที่คุณจะแต่งงานกับพิณน่ะซีคะ อย่าหลอกพิณนะ”
สายพิณมองเข้าไปในสายตา กฤษณ์
“ไม่ได้หลอก แล้วก็เตรียมการไว้แล้วด้วย”
“ยังไงคะ”
“จำโบสถ์คริสต์ที่อยู่นอกเมืองได้ไหม”
“ค่ะ”
“เราจะไปทำพิธีแต่งงานกันที่นั่น เชิญแขกเฉพาะที่เราสนิท จะไม่มีผู้ใหญ่หรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรามาร่วมงาน ดีไหม”
“พิณจะได้เป็นเจ้าสาวเหรอคะ”
“ใช่แล้ว”
“พิณจะได้ใส่ชุดเจ้าสาว ฝันของพิณจะเป็นความจริงแล้ว ดีใจที่สุดเลย”
“แล้วพิณก็มาดูแลกิจการของผม เลิกทำงานที่เฮเว่นเสียที”
“ขอบคุณค่ะ คุณกฤษณ์ ขอบคุณที่สุดเลย”
สายพิณหอมแก้ม กฤษณ์หัวเราะ เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
“สงสัยเด็กมาส่งอาหารเพิ่ม พิณเปิดเองค่ะ”
สายพิณวิ่งไปเปิดประตู
สายพิณเปิดประตู สีหน้าระรื่น แล้วคลายยิ้มทันที เพราะร่างที่ยืนอยู่คือปริม
“ไง...วันก่อนทักคุณกฤษณ์ผิด คิดว่าเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ วันนี้มาทักผิดกันต่อเนื่องถึงห้องนอนเลยเหรอ”
“งั้นมั้ง”
“คราวนี้ขายอะไรล่ะ ดอกไม้เงินดอกไม้ทองเหรอ”
“นั่นมันดอกงานศพค่ะ อยากขายดอกจากทุ่งกระเจียวมากกว่า”
ปริมหน้าเชิ่ด เข้ามาในห้องทันที
“คุณกฤษณ์คะ”
กฤษณ์ออกมาจากห้องด้านใน ชะงักไปเมื่อเห็นปริม
“ปริม”
“มีอะไรจะแก้ตัวไหมคะ”
“คุณไม่ควรมาที่นี่ นี่ห้องส่วนตัวของผม”
“อ้อ ห้องนี้ก็เลยเป็นห้องสำราญ ไว้พานังข้างถนนมาบำเรอกามให้คุณ”
สายพิณหน้าเชิ่ดขึ้นทันที
“พูดให้เกียรติกันหน่อยนะ”
“แล้วคุณล่ะ คุณให้เกียรติปริมบ้างรึเปล่า ไปมั่วกับมัน ทั้ง ๆ ที่คุณกับปริมกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว”
“จริงเหรอคะคุณกฤษณ์”
“ไม่ต้องมาถาม แกไม่มีสิทธิ์ถามอะไรทั้งนั้น ฉันจะกับคุณกฤษณ์จะจดทะเบียนแต่งงานกันอีกไม่นานนี้”
“ฉันมีสิทธิ์ถามเพราะคุณกฤษณ์ก็ต้องการแต่งงานกับฉันเหมือนกัน”
ปริมมองกฤษณ์อย่างต้องการคำตอบ กฤษณ์อึดอัด สายพิณไม่น่าพูด
“ถามคุณกฤษณ์ซีว่าจริงไหม ฉันอนุญาตให้เธอถามนะ””
ปริมพยายามระงับอารมณ์
“ตอบมาซีคะ”
“จริงครับ ผมจะแต่งงานกับสายพิณ”
ปริมนิ่งงันไปแต่ไม่แสดงอาการฟูมฟายใด ๆ สายพิณยิ้มหยัน
“ดีค่ะ งั้นเราก็จบกันเท่านี้ ฉันไม่ขัดขวางความสุขของคุณหรอก”
ปริมสะบัดจะออก สายพิณเดินเข้าไปกอดกฤษณ์ทันที ลูบไล้คลอเคลีย
“ดีมาก เพราะยังไง หน้าอย่างเธอก็คงให้ความสุขกับเขาไม่ได้อย่างที่ฉันให้หรอกนะ เมื่อคืน ฉันขายกลีบดอกตะวันให้คุณกฤษณ์ เพื่อแลกซื้อแก่นตะวันของเขา”
ปริมหน้าแดง ทั้งโกรธทั้งอาย กฤษณ์ทำอะไรไม่ถูก
“ฉันจะรายงานคุณพ่อ เรื่องทั้งหมดของคุณ โดยเฉพาะนังโสโครกคนนี้”
ปริมสะบัดออก
“เดี๋ยวปริม”
กฤษณ์จะตาม สายพิณยึดไว้
“ไม่ต้องตามนะ หรือคุณยังแคร์ยายนี่อยู่”
กฤษณ์พูดไม่ออก สายตากังวลถ้าเรื่องไปถึงผู้ใหญ่ กฤษณ์เดินกลับเข้าห้องนอนทันที สายพิณจะตาม แต่กฤษณ์ล็อคห้องไว้
“คุณกฤษณ์ ให้พิณเข้าไปหน่อยซีคะ คุณกฤษณ์”
ไม่มีเสียงตอบ สายพิณขัดใจ
กฤษณ์หยิบมือถือออกมากดโทร. นภากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่นหรูของบ้าน รับมือถือ
“ว่าไงลูก อะไรนะ”
“แม่ครับ ช่วยหน่อยเถอะ ช่วยพูดกับปริมให้ที เธอบอกเลิกกับผม”
นภาหน้าเครียดขึ้นทันที
“เกิดอะไรขึ้น”
นภาฟังความ สีหน้าโกรธขึ้นทุกทีที่ลูกชายเล่า
“ได้ แม่จะเจรจากับปริมเอง ไม่ต้องห่วง แต่เรา....ต้องมาขอโทษปริม แล้วก็เลิกนังกะหรี่นั่นซะ”
กฤษณ์นิ่งงัน
“ถ้าไม่เลิก แม่ก็เจรจากับหนูปริมไม่ได้ ตัดสินใจเอาก็แล้วกัน”
นภาตัดสาย หอบหายใจด้วยความโกรธ
กฤษณ์ทรุดลงนั่ง ทั้งเครียดทั้งสับสน สายพิณรออยู่หน้าห้องนอน ลังเลและหวั่นไหวเช่นกัน
ในอดีต ณ ริมถนนเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ในกลางคืน นักเลงในชุดช็อปแบบช่างกลกำลังจ่อปืนเข้าที่ชิต ในชุดนักศึกษาช่างกลอีกสถาบัน เลือดอาบหน้าเลอะไปทั้งเสื้อผ้า
นักเลงชื่อ "หมี" อีกสถาบันบอก
"มึงกราบกู มึงกราบตีนกูเดี๋ยวนี้"
ชิตมองจ้องนักเลงอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่ไม่ยอมกราบ
"มึงตาย"
หมีจะลั่นไกปืน เสียงปืนดังขึ้น ร่างของชิตผงะหงายล้มฟาดไป ร่างของนักเลงยืนนิ่ง แล้วเลือด
ไหลอาบหน้า เบื้องหลัง สิงห์ในชุดช่างกลเช่นกัน เลือดเปรอะร่าง จ่อยิงนักเลงนักเลงจนล้มฟาดไป ชิตถอยหนี สิงห์มองร่างที่กำลังไร้วิญญาณนั้นอย่างตะลึงงัน ปืนตกจากมือ
ชิตลุกขึ้นมาได้
"พี่สิงห์ หนีเร็ว"
สิงห์มองไปยังร่างที่กระตุกเบา ๆ ซึ่งตาเบิกค้าง เหมือนมองสิงห์อย่างอาฆาต
อ่านต่อหน้า 3
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
สิงห์สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นจากฝันร้าย ร้องเอะอะ เหงื่อท่วมตัว พบว่าตัวเองนอนเจ็บอยู่บนเตียง บางส่วนของร่างกายพันแผลอยู่ ยอกแปลบไปทั้งร่า ชิตเข้ามาหน้าตื่น
"พี่ สิงห์เป็นอะไรรึเปล่า"
"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร แค่ฝันร้าย"
"ฝันอะไรน่ะพี่ ผมเห็นพี่ฝันบ่อย ๆ บางทีก็เรียกชื่อผมด้วย เฮ้ย ไม่ใช่ เอาผมไปฝันอย่างว่านะ" ชิตเลิกดูผ้าห่มดู "มีอะไรเลอะที่นอนรึเปล่า"
"ไอ้บ้า ฉันฝันถึงไอ้หมีมันต่างหาก"
"ไอ้หมีช่างกลน่ะเหรอพี่ ที่พี่ช่วยชีวิตผมคราวนั้น"
"ใช่....ฉันยิงมันเผาขนก่อนที่มันจะฆ่าแก"
"พี่ยังไม่ลืมอีกเหรอ ผมพยายามลืมไปจากชีวิตแล้วนะ"
"ฉันก็พยายามจะลืม แต่มันกลับฝันอยู่เรื่อย ๆ ยิ่งตอนที่ฉันต้องออกไปปล้นหรือไป...ฆ่าใครตามสั่ง ภาพไอ้หมีมันก็จะกลับมาหลอนทุกครั้ง"
"พี่กำลังพูดถึงต้อยกับใบพรใช่ไหม"
สิงห์พยักหน้า
"งั้นก็เลิกซีพี่ ผมรู้ พี่ไม่อยากฆ่าใครหรอก นะ อย่าฆ่ามันเลยนะ ผมขอ"
"ใช่...ฉันควรล้างมือจากงานแบบนี้ได้แล้ว"
"พี่....จริงนะ ไว้ชีวิตมัน"
"ได้"
"โอ้โฮ...พี่ ขอบคุณมาก"
ชิตเข้ากอด สิงห์ สิงห์ร้องเจ็บ
"โทษครับพี่"
"โอย เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันเจ็บไปทั้งตัว"
"เมื่อคืนพี่โดนยำไม่รู้กี่ตีน โธ่ เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับไอ้จ่าพยับ มันเจ้าถิ่นที่นี่"
สิงห์นึกขึ้นได้
"นง นงเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่ต้องห่วงแล้วพี่"
"ตอนนี้นงอยู่ไหน"
สิงห์จะลุกจากเตียง แต่แล้วก็ทรุดลงไปใหม่ ชิตช่วยประคอง
"พี่ยังไม่หายดี นอนพักเถอ แล้วถึงหายดี ก็ไม่ต้องไปคิดช่วยนงมันแล้ว มันเลือกเดินทางนั้นไปแล้ว"
สิงห์นอนหายใจหอบ
"ยังไงพี่ก็ต้องช่วย นงต้องถูกพวกมันบังคับขายตัวแน่ ๆ"
ชิตสำนึกผิด แต่ไม่กล้ายอมรับบาปของตน
"พี่ นงมันตัดสินใจของมันเอง ไม่มีใครบังคับทั้งนั้น พี่อย่ายุ่งดีกว่า เพราะตอนนี้นงมันเด็กจ่าพยับ ถ้าพี่ไม่ให้ไอ้จ่ามันสืบประวัติ ก็ปล่อยนงมันไปตามทางของมันเถอะ"
สิงห์ถอนใจ จำนนต่อเหตุผลของชิต
เวลาต่อมา พริ้ง ศรี ต้อย ประคองร่างของ นงเยาว์ลงนอนบนเตียงศรี นงเยาว์ไข้ขึ้น ตัวสั่น ต้อยต้องคลุมผ้าให้
ต้อยบอก
"ประเดิมลูกค้าคนแรกก็ไอ้จ่าซาดิสท์เลย ถึงกับจับไข้เลยเนี่ย"
พริ้งอังหน้าผาก นงเยาว์
"เอ พาส่งโรงพยาบาลดีกว่าไหม"
"ต้องส่งทำไม โรงบง โรงบาล มันก็บอกเองว่ามันไหว ต่อไปนี้มันจะเหาะเหินเดินอากาศ รับแขกไม่อั้น สากกระเบือยันเรือดำน้ำ" ศรีว่า
"มันพูดเหรอ"
"มันพูดน่ะซี ปล่อยมันไปเถอะ พรุ่งนี้เดี๋ยวมันก็ลุกมาเต้นก็อปท่าใบเตยเองแหละ ร้องเพลงฮิตของใบเตย"
ศรีหัวเราะคิกคัก ร้องเพลงฮิตของใบเตย ต้อยเลยร้องตาม แล้วเต้นท่าใบเตยพร้อมกัน นงเยาว์หลับไปแล้วอมยิ้มน้อย ๆ พริ้งค้อนศรีและต้อย แต่เท้าพริ้งเต้นกระดิกตามเสียงเพลง
ละม่อมกำลังทำชุดโชว์ให้พวกสาว ๆ ใบพรเดินหน้าเศร้าเข้ามา
"แม่คะ พรขอคุยด้วยหน่อยค่ะ"
ละม่อมถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
"เงินไม่พอเหรอ"
ใบพรสะอื้นไห้แต่พยายามกลั้นไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา
"เปล่าค่ะ แต่พรจะมาบอกแม่ว่า พรตัดสินใจแล้ว..." ใบพรอึดอัดลำบากใจ รวบรวมความเข้มแข็ง "พรจะทำงานนี้"
ละม่อมชะงัก ละสายตาจากองเสื้อผ้ามามองหน้าใบพร ถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"ว่าไงนะ"
"พรจะทำงานนี้ค่ะ"
"คิดดีแล้วเหรอ"
ใบพรพยักหน้ารับ
"พรคิดมาทั้งอาทิตย์แล้ว มันคงเป็นทางเดียวจริง ๆ"
ใบพรพูดอย่างเด็ดเดี่ยว กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ในห้องครัว พริ้งหัวเราะชอบใจ จิ้มมะม่วงน้ำปลาหวานไปด้วย ละม่อมนั่งกินอยู่ด้วย สีหน้าขรึมไป
"สะใจอีพริ้งจริง ๆ นังใบพรในที่สุดก็ยอมโละศักดิ์ศรีทิ้ง แล้วขอเป็นกะหรี่สังกัดเสน่ห์จันทร์ อันลิมิตเต็ด สะใจ"
"มันน่าสงสารนะ แม่ป่วย ตกงาน"
"พี่ม่อม จะบอกอะไรให้ พี่อย่าไปบอกมันก็แล้วกันนะ ฉันกับเฮียหมาน่ะ วางแผนไล่มันออกจากเฮเว่นเองละ บีบบังคับมัน ให้มันยอมมาเป็นคุณโสจนได้ ไม่มีเงิน ศักดิ์ศรีก็ย่อมขายได้"
จังหวะนี้ต้อยจะเอาผ้าที่ซักมาตากหน้าบ้าน เดินผ่านห้องครัวพอดี หยุดฟัง
"จะไปบังคับให้ใครขายตัวน่ะ ดูให้มันดี ๆ ไม่งั้นแกก็ไม่ต่างจากแม่เล้า แมงดาค้ามนุษย์ มีเมตตาธรรมเสียบ้าง ไม่งั้นกรรมมันจะตามทัน มันจะกินหัวแกชาตินี้ไปถึงชาติหน้า"
"แหม....ฉันก็แค่จะลองใจมันดูเท่านั้นเอง เอางี้ เดี๋ยวให้เฮียหมารับมันเข้าทำงานใหม่ก็ได้"
"ไม่ต้อง มันเลือกทางเดินของมันแล้ว ความสาวความสวยของมันนี่แหละ จะทำให้มันมีเงินมารักษาแม่ได้ทัน ไม่มีวิธีอื่นหรอก"
ต้อยนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าใบพรจะตัดสินใจเลือกทางนี้
เมื่อต้อยรู้ว่าใบพรตัดดินใจขายตัวก็รู้สึกผิดหวัง
"ไม่ได้ ฉันไม่มีวันยอมให้เธอทำอย่างนี้เด็ดขาด"
ใบพรจะร้องไห้
"ต้อยก็เห็นฉันไม่มีทางเลือก"
"ทำไมจะไม่มี งานในตลาดตั้งเยอะแยะ แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ เดี๋ยวฉันให้เงินเธอ
ไปทำทุนก็ได้ อยากขายอะไร น้ำเต้าหู้หรือหมูปิ้งก็ได้"
"แล้วถ้าแม่ฉันไม่ฟื้นล่ะ หรือฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เหมือนเดิม ฉันจะทำยังไง หมอ
บอกว่าต้องใช้เงินอีกมาก แล้วฉันจะไปหามาจากไหน"
"แล้วถ้าแม่รู้ว่าเธอต้องกลายเป็นผู้หญิงขายตัวจะรู้สึกยังไง"
ใบพรอึ้งไป รู้ว่าแม่ต้องไม่สบายใจแน่ ๆ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้
ใบพรคิดสับสน
"แล้วจะให้ฉันทำยังไง ปล่อยให้แม่ตาย โดยที่ฉันไม่ทำอะไรงั้นเหรอ" ใบพรร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง "ฉันไม่เหลือใครแล้วนะต้อย"
ต้อยอ่อนลง
"เธอยังมีฉันไงใบพร จำได้มั้ยที่ฉันเคยบอกเธอ ฉันไม่อยากให้เธอหรือใครต้องเลือกเดินทางผิดอย่างฉัน อยากให้เธอพิสูจน์ให้ใคร ๆ เห็นว่าผู้หญิงอย่างเราเป็นได้มากกว่ากะหรี่"
ใบพรร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
"ฉันขอโทษ ขอโทษจริง ๆ"
ต้อยผิดหวัง
"ฉันเข้าใจแล้ว ฉันผิดเอง ฉันไม่น่าพาเธอมาที่นี่ตั้งแต่แรก"
ศรีออกมาจากห้องตัวเอง เห็นสายพิณวิ่งขึ้นมาชั้นสอง แล้ววิ่งเข้าห้องไปอย่างหัวเสีย
"น้องพิณ"
ศรีรีบตามเข้าไปในห้อง พบสายพิณนอนร้องไห้อยู่บนเตียง
"เป็นอะไรน้องพิณ"
ศรีเข้าปลอบ
บริเวณหน้าห้องรับแขก นภาพากฤษณ์ตรงมา มองเข้าไปในห้อง ปริมนั่งหน้าเครียดอยู่ลำพัง
"แม่เจรจานำทางไว้ให้แล้ว เราไปขอโทษเขาเสีย แม่ขอนะ หนูปริมสำคัญกับครอบครัวเรา อย่าปฏิเสธน้องเขาเด็ดขาด"
"ครับแม่"
กฤษณ์เข้าไปในห้อง นภามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแยกไป
"มีอะไรก็ว่ามาค่ะ ที่ฉันมาที่นี่เพราะคุณแม่คุณขอร้อง ไม่อย่างนั้นฉันก็คงกลับกรุงเทพไปแล้ว"
"ผมขอโทษ ไม่นึกว่าสายพิณจะพูดจาก้าวร้าวแบบนั้นกับคุณ"
"ปัญหามันอยู่ที่คุณ ไม่ใช่แม่นั่น ถ้าคุณยังยืนยันจะแต่งงานกับมัน เราก็จบ"
"ปริม ที่ผมบอกว่าแต่งงานน่ะ มันแค่พิธี ไม่ใช่แต่งแบบจดทะเบียน"
ปริมนิ่งไป
ศรีตาลุก สายพิณเล่าทั้งน้ำตา
"เขาขอน้องพิณแต่งงานงั้นเหรอ"
"ค่ะ แต่พอยายแฟนเขาโผล่เข้ามาแสดงตัว คุณกฤษณ์เขาก็ลังเล เขาคงเลิกล้มทุกอย่างแล้ว พิณคงหมดหวังที่จะได้เป็นเจ้าสาว"
"ใจเย็นนะพิณ ถ้าคุณกฤษณ์ยังไม่ได้บอกปฏิเสธ เราจะหมดหวังไม่ได้"
"พิณไม่อยากหวังอะไรแล้ว"
"ฟังพี่นะ ที่เขาขอแต่งงานแสดงว่าเขารักพิณจริง ๆ นังชะนีนั่นน่ะ เขาควงไว้เพื่อต่อยอดอำนาจพ่อเขา เพราะพ่อนังปริมมันเป็นแหล่งเงินทุนของพรรค เชื่อพี่เถอะยังไงเขาก็ไม่ทิ้งพิณ"
สายพิณเริ่มมีหวังขึ้นมาบ้าง
อ่านต่อหน้า 4
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ห้องรับแขก คฤหาสน์ไกรวิทย์ ปริมท่าทีอ่อนลง
"ปริมก็รู้ สถานะอย่างผมจะยกย่องผู้หญิงอย่างสายพิณขึ้นมาทำไมให้เสียเกียรติตระกูล"
"งั้นก็เลิกซีคะ"
"เรามาพูดความจริงกันดีกว่า สันดานผู้ชายมันขาดเรื่องเซ็กส์ไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมเลิกสายพิณตอนนี้ แต่งงานกับปริมไป ผมก็ต้องมีคนอื่นอยู่ดี ปริมเองก็คงเข้าใจเรื่องนี้"
"ค่ะ เข้าใจดี เพราะทั้งพ่อคุณ พ่อฉันก็เป็นแบบนี้ หาแม่เลี้ยงมาให้ฉันได้เกือบทุกเดือน คนอาชีพนี้ต้องมักมากในกามกันทุกคนเหรอคะ"
ปริมแยกไป ซ่อนสีหน้าเจ็บปวด
"มันแสดงถึงอำนาจของผู้ชายน่ะครับ" กฤษณ์เข้ากอดจากด้านหลัง "ยิ่งเราไม่แน่นอนกับ
เกมการเมืองมากเท่าไหร่ เราก็ต้องหาอำนาจด้านอื่นมาชดเชย"
"ผู้หญิงหรือคนเป็นเมียต้องเสียสละใช่ไหมคะ"
"เมื่อแต่งงานไป ยังไงคุณก็ได้สิทธิ์ขาดในความเป็นภรรยาเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว จะสนใจทำไมล่ะครับ"
ปริมน้ำตาค่อย ๆ ไหล
"กฤษณ์รู้ใช่ไหมว่าปริมรักคุณ รักมาก ด้วย ปริมรอคุณมาตลอดที่คุณไปเรียนที่อังกฤษ"
กฤษณ์จูบข้างแก้ม
"รู้ซีครับ รู้ทุกอย่างที่ปริมเสียสละให้ผม"
"แล้วกฤษณ์ล่ะ รักปริมบ้างไหม"
"รัก รักที่สุดด้วย รักจนไม่ต้องการให้คุณลดตัวลงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ ลืมเรื่องสายพิณเถอะนะ ไม่มีอะไรทำลายความรักของเราสักนิด"
กฤษณ์รวบร่างปริมกอดไว้แนบอก ปริมยินยอม
สายพิณคลายใจลงบ้าง
"พี่ศรีรู้ใช่ไหม พิณคงไม่ทำงานแบบนี้จนแก่ตัวหรอกนะ ถ้าพิณไปจากวงจรนี้ได้ พิณจะไปทันที"
"ไม่มีใครอยากทำงานแบบนี้หรอก นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน พี่เองก็คงไม่ทำเหมือนกัน"
จังหวะนี้ศรีหันไปหยิบทิชชู่ สายพิณมองศรีอย่างสมเพช แต่กลับมาเศร้าเหมือนเดิมเมื่อศรีหันกลับมาเช็ดน้ำตาให้พิณ
"ขอบคุณค่ะพี่ศรี ถ้าพิณได้ดีพิณจะชวนพี่ไปทำงานด้วย"
"จะให้พี่ไปทำอะไรยะ"
"ก็เป็นเถ้าเกเนี้ย เก็บเงินที่ผับคุณกฤษณ์ไง เขาจะให้พิณเป็นเจ้าของร่วมด้วยนะ"
"ไม่เอาละ....เถ้าเกเนี้ยดูแก๊ แก่ ขอเป็นเมียน้อยถาวรของพี่อ๋องดีกว่า ทั้งหล่อ ทั้งล่ำ เสียอย่างเดียว"
"อะไรพี่"
"อย่าให้พูดเลย กระดาก เคยดูไหม หนังบู๊ลิ้มน่ะ กระบี่ไม้จิ้มฟันน่ะ"
สองสาวหัวเราะคิก เสียงเคาะประตู
ศรีถาม "ใคร"
"ฉันเอง สาวสวยบูรพา" ต้อยบอก
"เข้ามานังต้อย มีอะไร"
ต้อยหน้าบูดบึ้ง เข้ามาพูดเสียงห้วน
"น้องพิณ แม่เรียก ไปซ้อมท่าเต้นให้ใบพรหน่อย"
"หา....ซ้อมให้ใบพร ซ้อมทำไม"
"ซ้อมไว้โชว์เปิดตัวที่เฮเว่นคืนพรุ่งนี้"
สายพิณและศรีมองหน้ากัน
"เฮ้ย....เปิดตัวอะไรวะ" ศรีถาม
ต้อยปล่อยโฮ
"เปิดตัวว่าเป็นกระหรี่คนใหม่บ้านเสน่ห์จันทร์น่ะซี"
ต้อยร้องไห้ออกไป สองสาวมองหน้ากันแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
สายพิณเข้ามาในห้องกฤษณ์อย่างไม่แน่ใจ กฤษณ์เดินยิ้มแย้มเข้ามา
"เชิญครับ"
"คุณเรียกฉันมาวันนี้ เพื่อจะบอกเลิฉฉันใช่ไหม"
"เลิก พิณพูดอะไร ผมจะเลิกกับพิณทำไม"
"ก็เลิกตามคำสั่งคุณปริมน่ะซี"
"ผมตกลงกับปริมแล้วว่าเขาจะไม่มายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมอีก"
"อะไรนะ หมายความว่าคุณยังคบพิณได้เหรอคะ"
"ถูกต้อง"
"แล้วเรื่องแต่งงาน"
"ก็แต่งได้ เพียงแต่ไม่มีการจดทะเบียนซ้อนเท่านั้นเอง"
"คุณกฤษณ์ พิณดีใจที่สุดเลย"
สายพิณกระโดดกอดกฤษณ์
"และเพื่อยืนยันว่าเราจะจัดพิธีแต่งงาน มาดูนี่ครับ"
กฤษณ์พา สายพิณเข้าไปในห้องด้านใน
ในห้องนั่งเล่นด้านใน สายพิณตะลึงงัน กับชุดเจ้าสาวสวยสง่า ลูกไม้ฟรุ้งฟริ้ง อยู่บนหุ่นโชว์เสื้อ วางเด่นอยู่กลางห้อง
"คุณกฤษณ์"
"ชุดเจ้าสาวของ สายพิณไงครับ"
สายพิณวิ่งเข้ามาดู จับเนื้อผ้าอย่างตื่นเต้น ยิ้มน้ำตาไหลพราก กฤษณ์ยิ้มตามอย่างมีความสุข
ชิตกำลังออกกำลังกล้ามท้องตามปรกติ เหงื่อท่วมตัว สิงห์กำลังตรวจปืนอยู่ที่โต๊ะ อาการดีขึ้นมากแล้ว
"ไม่อยากเชื่อเลยพี่ ไอ้ต้อยเพิ่งบอกผม ใบพรตัดสินใจมาทำงานที่เฮเว่นแล้ว"
"อ้าว....ถูกไล่ออกจากร้านแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ได้กลับไปเป็นสาวเสิร์ฟพี่ แต่เลื่อนฐานะมาเป็นเด็กขายบ้านเสน่ห์จันทร์"
"ยอมขายตัว"
"ช่าย คงไม่มีทางเลือกแล้วมั้ง น่าสงสารจริง ๆ"
ชิตมองปืนสิงห์
"พี่สิงห์ สัญญากับผมแล้วนะเรื่องไว้ชีวิตต้อยกับใบพร"
"ทำไมวะ"
"เล่นปืนอยู่ ชักไม่ไว้ใจ"
"ฉันเคยโกหกแกเหรอวะ ฉันจะบอกพี่ตงว่าฉันหาตัวสองคนนั่นไม่เจอ แล้วฉันกับพี่ตงจะไปจากพัทยา ไม่กลับมาอีกเลย"
"เยี่ยมพี่....แล้วทำไมจะไม่กลับมา"
"ฉันไม่อยากให้พี่ตงรู้เรื่องนงเยาว์ ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ ๆ"
"ช่าย เป็นเรื่อง ผมเองก็จะพลอยซวยไปด้วย"
"หืมม์ ว่าอะไรนะ"
"อ๋อ ปละ เปล่า ไม่มีอะไร พี่....ข่าวดีที่สุดเลย เพื่อแสดงความขอบคุณ คืนนี้ ไปหาดริงค์กัน แล้วเดี๋ยวผมหาสาวให้ หล่อ ๆ อย่างพี่แอ้มฟรีอยู่แล้ว"
ชิตเข้าห้องน้ำไป สิงห์ยังคุร่นคิดหาทางไม่ให้ตงกลับมาพัทยา และรู้เรื่อง นงเยาว์
กลางคืนคืนนั้น เอพริล เมย์ จูน นั่งจับเจ่ากินส้มตำ กับอาหารอีสานเต็มโต๊ะอยู่มุมแต่งตัว จูนหายดีแล้ว ซี๊ดซ้าดดังกว่าเพื่อน
"นังจูน มันเผ็ดอะไรนักหนาวะ สูดปากอยู่นั่นแหละ" เอพริลว่า
"ก็ตั้งแต่ได้แผล กินเผ็ดไม่ค่อยได้เลยแก ปากมันบอบบาง"
เมย์บอก
"เหมือนกันเลย ตอนที่โดนพี่สุวรรณตบดั้งหักคราวนั้นนะ จมูกฉันก็บอบบางต้องใช้น้ำหอมขวดละห้าพันเท่านั้นถึงได้กลิ่น"
"โถ....แหลพอกัน สมแล้วอีพวกทำงานสองกะ" เอพริลบอก
"สองกะยังไง"
"ก็กะกลางคืน กับ กะ...กะหรี่ไง"เอพริลบอก
สามสาวหัวเราะร่าไม่ว่ากัน เพลินหน้าเครียดเข้ามา
"หัวเราะอย่างกะป่าช้าจะแตก นี่ รู้ข่าววงในรึยัง"
เมย์ว่า
"ปฏิวัติซ้อนเพราะเจ๊"
"อีนี่....เดี๋ยวโดนเคอร์ฟิวส์ วันนี้เห็นว่าอีบ้านเสน่ห์ควายน่ะ มันนำเหนอเด็กใหม่อีกแร้ว"
"ก็นังนงเยาว์ไง" จูนว่า
"ใหม่กว่านั้น"
"หา....มีใหม่กว่านั้นอีก ใครล่ะเจ๊" เอพริลถาม
"ก็นี่ไง จะให้พวกแกไปสืบ"
"ได้เลย เดี๋ยวพวกแขกก็ต้องรู้ ฉันจะหลอกยั่วแขกให้คายความจริงออกมาให้หมด" เมย์ว่า
"อีพฤษภา ก่อนไปยั่วแขกให้คายความจริงน่ะ ล้างครกเสียก่อนนะ"
"ครกอะไรเจ๊"
"ครกตำปูปลาร้าในปากมึงน่ะซี เหม็นไปถึงหน้าส้วม"
เอพริลบอก
"ฮ่ะฮ่ะ ถ้าไม่ล้าง แขกไม่ได้คายความจริงหรอก แต่จะคายของเก่าด้วย ฮ่ะฮ่ะ"
จูนบอก
"อีเมษา ครกมึงก็เน่า ปลาแดกลอยมาทั้งตัวเลย"
"โถอีมิถุนา ของมึงก็เน่า อ่อมกบ อ่อมเขียด กระโดดกันเต็มบึง ไปล้างครกทั้งสามคน บัดนาว" เพลินว่า
สามสาวรีบแยกไป เพลินยังคิดไม่ออก เผลอหยิบปูปลาร้ามาซดน้ำ
เวลาผ่านไป แขกเต็มร้าน ถึงเวลาโชว์ บนเวทีร่างของพริ้งปรากฏตัวขึ้น แต่งตัวทั้งสวยทั้งโป๊ แขกปรบมือ
พริ้งบอก
"สวัสดีค่า ผัว ๆ เอ๊ย...แขกผู้มีเกียรติขา"
แขกชาย1บอก
"เจ๊พริ้ง คืนนี้จะโชว์เองเลยเหรอ"
แขก2 แซว
"โชว์ไรเจ๊ โชว์ชงกาแฟโบราณเหรอ"
แขกหัวเราะครืนกันทั้งห้อง
แขก3 บอก
"อย่างเจ๊พริ้ง น่าจะโชว์ภาพเขียนมากกว่าเว้ย"
"ภาพเขียนอะไรไม่ทราบคะ เฮียหมึง"
"ภาพเขียนผนังถ้ำ"
แขกหัวเราะป่าแตก
"เฮียหมึงนะเฮียหมึง ถึงพริ้งจะสูงวัยไปบ้าง แต่ไม่ใช่ของก่อนประวัติศาสตร์นะคะ ที่ขึ้นมาคืนนี้ เพราะมีข่าวดีมาบอก ๆ เสี่ย ๆ เฮีย ๆ วันนี้ชมรมบ้านเสน่ห์จันทร์ เรามีน้องใหม่มานำเหนอค่ะ"
"อ้าว ก็น้องนงเยาว์ไงเจ๊"
"น้องใหม่กว่านงเยาว์อีก สาวๆ สด ๆ ซิง ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์ตอนนี้ เรามีนางฟ้าไม่ใช่สอง แต่คือสามค่ะ"
แขกเฮกันลั่น
ก้าน เพลิน เอพริล เมย์ จูน มองอย่างสงสัย
อ่านต่อตอนที่ 9