แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 2
เสียงเพลงจังหวะมัน ๆ ดังกระหึ่มก้องร้าน สามสาวบาร์เบียร์ใส่เกาะอก กระโปรงสั้น เต้นอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์อย่างเมามัน หนึ่งในนั้นก็คือต้อยนั่นเอง
แขกส่งเสียงเชียรดังกระหึ่ม ต้อยบ้ายอกระโดดขึ้นเต้นบนเคาน์เตอร์บาร์ เต้นเด้งหน้าเด้งหลังเรียกเสียงเชียร์จากนักเที่ยวอย่างสนุกสนาน ก่อนต้อยจะค่อย ๆ ถอดกางเกงชั้นในลงมากองที่ข้อเท้า ใช้เท้าเกี่ยวขึ้นมาโยนไปที่กลุ่มนักเที่ยว เรียกเสียงเชียร์ได้อย่างกระหึ่ม
สาวนักเต้นอีกคนหยิบโถแก้วที่ใส่ลูกปิงปองจนเต็มโถมายื่นให้ต้อย ต้อยหยิบปิงปองขึ้นมาลูกหนึ่ง ลูบไล้ตามเนื้อตัวด้วยลีลาสุดเซ็กซี่ ผ่านร่องอกและหน้าท้อง ก่อนจะขยิบตาข้างหนึ่งอย่างขี้เล่น ใช้มือดึงขอบกระโปรงออกมา ยัดลูกปิงปองเข้าไปข้างใน ทำหน้าตาสุดสยิว
แขกฝรั่งที่กำลังส่งเสียงเชียร์ถึงกับเงียบกริบ กลืนน้ำลายเฮือก ลุ้นว่าต้อยจะทำอะไร แต่ก่อนที่ใครจะทันตั้งตัวต้อยก็ควงสะโพกหันหลังขวับ โก้งโค้ง กัดริมฝีปาก เบ่งลมออกมาอย่างแรง พลางทำเสียงกระเส่าทันใดนั้นก็เห็นลูกปิงปองพุ่งออกมาด้วยความแรงไปตกตรงโต๊ะที่อยู่กลางร้าน แขกฝรั่งที่นั่งลุ้นอยู่ตบมือเฮด้วยความชอบใจ ต้อยได้ใจยิงปิงปองไปทางโน่นที ทางนี้ที เรียกเสียงฮือฮาดังก้องร้าน
ลูกน้องเปิดประตูห้อง แมงดาเอาถาดใส่อาหารไปวางไว้ข้าง ๆ ใบพร ก่อนจะนั่งลงพูดด้วยดี ๆ
"เห็นแล้วใช่มั้ยว่าฉันเอาจริง จะทรมานตัวเองอีกทำไม"
"จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง แต่อย่าบังคับฉันเลย ฉันทำไม่ได้"
"มันจะไปยากอะไร เผลอ ๆ โชคดีมีเสี่ยแก่ ๆ พาไปเลี้ยง ไม่เท่าไหร่มันก็ตาย มีกิน มีใช้ไปทั้งชาติ พ่อแม่ที่บ้านนอกจะได้พลอยสบายไปด้วย"
พอได้ยินคำว่าแม่ ใบพรก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ
"ฉันทำไม่ได้ ถ้าแม่รู้แม่ต้องเสียใจมากแน่ ๆ"
แมงดารำคาญตวาดเสียงดัง
"จะร้องไห้หาพระแสงวิมานอะไรวะ ถ้าพูดดี ๆ กันไม่รู้เรื่อง จะให้ฉันใช้กำลังใช่มั้ย"
แมงดาย่างสามขุมเข้าไปอย่างน่ากลัว ใบพรตกใจกลัวลนลาน
"จะทำอะไรน่ะ"
แมงดาไม่พูดพล่ามทำเพลงกระโจนใส่ใบพรแล้วปล้ำ ใบพรดิ้นสู้
"อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
ใบพรร้องดิ้นก่อนจะคว้าถาดใส่อาหารฟาดหัวมันอย่างแรง จนจานแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ แมงดาทรุดลงกองกับพื้นเลือดอาบหน้า ลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีก็ตกใจ
"ลูกพี่"
ใบพรไวกว่ารีบพุ่งไปผลักร่างมันจนล้มลงก่อนจะวิ่งหนีไป แมงดาโมโหด่าลูกน้องตัวเอง
"โธ่เว้ย ! จะมาพิรี้พิไรอยู่ทำไม รีบตามมันไปสิวะ"
ภายในบาร์เบียร์ ต้อยลงมารับทิปจากแขกในร้าน ทันใดนั้นก็เห็นใบพรวิ่งหน้าตาตื่นออกมา แมงดาที่วิ่งตามออกมาตะโกนบอกแม่เล้าและคนคุมร้าน
"อีนังตัวแสบหนี จับมัน"
คนคุมร้านพุ่งเข้ามารวมตัวใบพรไว้ ใบพรกรีดร้องเสียงดังพลางดิ้นสู้อย่างเสียขวัญ ต้อยเห็นอย่างนั้นก็รีบหันสะโพกไปทางคนคุมร้าน ยิงลูกปิงปองใส่เบ้าตามันอย่างแรงจนมันเสียจังหวะ แขกในร้านส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนานไม่เห็นเป็นเรื่องทุกข์ร้อนอะไร ใบพรได้จังหวะกัดแขนคนคุมร้านก่อนจะผลักอกมัน วิ่งหนีไป
แมงดากับแม่เล้าจะวิ่งตามไป แต่ต้อยไวกว่าคว้าโถใส่ลูกปิงปองปาสกัดหน้าตรงหน้า จนโถแตกกระจาย ลูกปิงปองกลิ้งเกลื่อน แมงดาและแม่เล้าที่วิ่งตามมาเบรกไม่ทัน เหยียบลูกปิงปองลื่นล้มลง ก่อนต้อยจะกระโดดลงจากเคาน์เตอร์บาร์ ผลักแขกฝรั่งขี้เมา 2-3 คนที่เต้นอยู่ตรงนั้น ล้มกระแทกแมงดาไม่ให้ตามมาทัน แล้ววิ่งตามใบพรออกไป แมงดาเจ็บใจรีบผลักแขกฝรั่งออก พลางบอกคนคุมร้าน
"อย่าให้มันหนีไปได้"
ใบพรกับต้อยวิ่งหนีเข้ามาในซอยเล็ก ๆ ที่มีแผงขายของตอนกลางคืนเต็มสองข้างทาง แมงดา ลูกน้อง คนคุมร้านวิ่งตามหลังมาห่าง ๆ
ขณะเดียวกัน สิงห์ก็หักหัวมอเตอร์ไซด์เข้าไปในซอยเล็ก ๆ ที่มีผู้คนกำลังจับจ่ายซื้อของข้างทางอย่างมีความสุข ตงเปิดกระเป๋าเป้หยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง โปรยขึ้นไปบนท้องฟ้า ให้คนแย่งกันเก็บ เพื่อสกัดไม่ให้รถของสายตรวจตามมาทัน
สองสาวตัดสินใจวิ่งเลี้ยวหลบเข้าไปอีกซอย เป็นจังหวะเดียวกับที่สิงห์รถพุ่งตรงมาจากอีกทาง สิงห์เห็นทั้งคู่ตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิด ตกใจ
"เฮ้ย"
สิงห์หักหัวรถมอเตอร์ไซด์หลบใบพรแต่ไม่พ้น รถเฉี่ยวใบพรล้มลง ก่อนรถจะพุ่งชนแผงขายของข้างทางล้มระเนระนาด ตงที่กำลังล้วงกระเป๋าหยิบเงิน ถูกแรงกระชากจนมือสะบัดออก แบงก์พันที่อยู่ในกระเป๋าลอยกระจายเต็มท้องฟ้า
สิงห์ที่ล้มเจ็บอยู่ ปาหมวกกันน็อก กระชากหมวกไหมพรมที่คุมหน้าอยู่ออกอย่างไม่สบอารมณ์ เข้าไปกระชากตัวใบพรที่ล้มอยู่ลุกขึ้นมา
"อยากตายหรือไง"
ใบพรที่ไม่ทันตั้งตัวถูกกระชากขึ้นมาจนหน้าใกล้กันกับสิงห์ พอสิงห์เห็นใบพรที่ยืนตัวสั่นหน้าห่างจากเขาเพียงคืบก็รู้สึกถูกชะตา ชะงักไปราวกับโลกหยุดหมุน แบงก์พันร่วงลงมาจากท้องฟ้า บรรยากาศดูสวยงามโรแมนติก ทั้งสองต่างตกอยู่ในภวังค์ของกันและกัน ครู่หนึ่ง ก่อนที่แมงดาจะวิ่งตามมาทัน
"มันอยู่นั่น"
สิงห์เข้าใจว่าเป็นพวกตำรวจ ก็ชักปืนยิงสวนออกไป ปัง ๆ ๆ ๆ ใบพรกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ต้อย แมงดา คนคุมร้านที่วิ่งตามหลังมาติดๆ หลบกันจ้าละหวั่น สิงห์กระชากตัวใบพรไปยังรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ ใช้ปืนจี้ให้คนขับลงจากรถ ก่อนจะจับใบพรเป็นตัวประกันขึ้นรถไป ใบพร ร้องดิ้นด้วยความกลัว
"ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อย ปล่อย"
ต้อยตั้งหลักได้เข้าไปช่วยกระชากตัวใบพรออกมา
"จะทำอะไรน่ะ ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้"
ตงที่กำลังเก็บเงินอยู่เห็นท่าไม่ดี กระชากหมวกไหมพรมออกก่อนจะเข้าไปกระชากตัวต้อยออกมา
"หยุดเดี๋ยวนี้นังบ้า"
ทันใดนั้นก็เห็นรถสายตรวจตามมาทัน ตงยิงใส่รถสายตรวจล้มลง ก่อนจะกระชากตัวต้อยขึ้นรถไปอีกคน สิงห์รีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้แมงดากับคนคุมร้ายมองตามด้วยความเจ็บใจ
"โธ่เว้ย"
มุมหน้ารถ ในป่าละเมาะชานเมือง สิงห์และตงจี้มาจอดอยู่ ตงเทเงินที่ปล้นมาได้ตรงหน้ากระโปรงรถ เห็นว่าเหลือเงินอยู่ไม่มาก
ตงโกรธ
"เหลือไม่ถึงครึ่ง เพราะพวกแม่งนั่น"
ใบพรและต้อยนั่งพิงประตูหลังรถอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยความกลัว ตงแบ่งเงินออกเป็นสองกองเท่า ๆ กันก่อนจะแบ่งส่วนหนึ่งในสิงห์
"เอานี่ส่วนของแก"
สิงห์โกยเงินส่วนของตัวเองมา
"จะเอาไงดีพี่ตง"
สิงห์บุ้ยปากไปทางใบพร
" ยิงทิ้งแม่งเลย มันเห็นหน้าเราแล้ว"
สิงห์หันมามองใบพรและต้อยสีหน้าลำบากใจ
ใบพรนั่งพิงประตูหลังรถอยู่อีกด้านหนึ่ง ต้อยมองสิงห์กับตงพูดขึ้นมาด้วยความกลัว
"หนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ ... ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้รอตำรวจ แล้วเป็นไง ซวยกันไปหมด"
"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
ต้อยเหวี่ยง
"นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ ถ้าตั้งใจคงลุกขึ้นมาเผาซ่องมันสินะ โอ๊ย ฉันไม่น่าหาเหาใส่หัวตัวเองเลยจริง ๆ ไม่รู้พวกมันจะเอายังไง ดีไม่ดีมันอาจจะฆ่าเราเปิดปากก็ได้"
"คงไม่ขนาดนั้นหรอก"
"ขนาดนี้แล้วจะโลกสวยไปถึงไหน"
สิงห์เดินตรงมา ต้อยใจคอไม่ดี
"นั่นไงมันมาแล้ว" ต้อยลุกขึ้นวิงวอนสิงห์ "อย่าทำให้อะไรพวกฉันเลยนะ ฉันกลัวแล้ว ปล่อยพวกฉันไปเถอะนะ"
สิงห์เย็นชา
"หุบปาก แล้วตามฉันมา"
สิงห์ทำท่าจะเดินไป แต่ใบพรสวนขึ้นมาเสียก่อน
"แขนนายเลือดออก"
สิงห์ชะงักเห็นแขนตัวเองมีแผลถลอกจากรถล้ม ใบพรฉีกชายเสื้อของตัวเองจะมาพันแผลให้ สิงห์ชักแขนหลบ พูดอย่างเย็นชา
"ไม่ต้อง"
"แต่นายช่วยชีวิตฉันกับเพื่อน"
สิงห์เห็นแววตาจริงจังจริงใจของใบพรก็ใจอ่อนลง ยอมให้ใบพรพันแผลให้
ใบพรพันไปพูดไป
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายหนีอะไรมา แต่สิ่งที่นายทำมันยิ่งใหญ่สำหรับฉันมาก ถ้าไม่ได้นายช่วยไว้ ฉันคงตกนรกทั้งเป็น"
ระหว่างที่ใบพรก้มหน้าก้มตาพันแผล สิงห์แอบมองใบหน้าเธอทีละส่วนอย่างหลงใหล ทั้งใบหน้า ดวงตา จมูก ใบหู ต้นคอและริมฝีปาก ใบพรพันแผลเสร็จเงยหน้าขึ้นมาบอกสิงห์
"ขอบใจนายมากนะ"
ทั้งสองหน้าใกล้กันอีกครั้ง ต่างตกอยู่ในภวังค์ของกันและกัน และรู้สึกถูกชะตากันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต้อยเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ พูดทำลายบรรยากาศ
"จ้องซะยังกะจะเข้าสิง"
สิงห์ได้สติรีบผละออกจากใบพร
"เราไม่ควรเจอกันแบบนี้"
สิงห์ชักปืนออกมา เล็งไปทางต้อยและใบพร ต้อยร้องด้วยความตกใจ
"แว้ก อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัว ฉันกลัวแล้ว จะข่มขืนฉันก็ได้ ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว"
ต้อยรีบถอดเสื้อผ้าออก สิงห์วาดปืนมาทางต้อยให้หยุด ต้อยสะดุ้งเฮือกกรีดร้องเสียงดัง
"แอร๊ย"
ตงกำลังเอากิ่งไม้ที่วางสุมกันอยู่ออก เห็นผ้าใบคลุมอะไรบางอย่างอยู่ข้างใต้นั้น ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดัง
ปัง ! ปัง ! ตงยิ้มร้าย เปิดผ้าใบออกเห็นมอเตอร์ไซด์ผู้ชายแบบเท่ ๆ สองคันจอดอยู่
สิงห์ยิงปืนขึ้นฟ้า ต้อยที่อยู่ในอาการกลัวสุดขีด เอามือปิดปากตัวเองไม่ให้ร้องออกมา
"ไปซะ"
สิงห์เดินไป ใบพรรั้งไว้
"เดี๋ยว"
สิงห์สวนแบบไม่หันหลังกลับมา
"ถ้าลูกพี่ฉันกลับมาเธอจะไม่มีโอกาสนี้อีก"
สิงห์เดินไป ต้อยเข้ามาดึงใบพรให้ห่างออกมา
"พร หนีเร็ว เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนใจฆ่าเราตายเท่านั้น"
"แล้วเราจะไปไหนพี่"
"ไปพัทยา พี่เคยทำงานที่นั่น ไป"
สิงห์ได้ยินถนัด ต้อยดึงใบพรแยกไปอีกทาง สิงห์หยุดเดินหันมองตามไป
อ่านต่อหน้า 2
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในป่าอีกมุม ตงติดเครื่องรถมอเตอร์ไซด์รออยู่ สิงห์เดินเข้ามาเอารถ
"เรียบร้อย"
"อือ"
สิงห์ขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ขับออกไปกับตง ก่อนจะหันมามองใบพรที่แอบดูอยู่กับต้อยในพุ่มไม้ข้างทางแวบหนึ่ง แล้วขับต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บรรยากาศยามค่ำคืนย่านแหล่งบันเทิงตัวเมืองพัทยาที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคัก ใบพร กับต้อยเดินเข้ามาข้างใน เห็นสาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์กำลังเต้นโชว์แขกเพลง “จุงเบย จุงเบย” ของวงบลูเบอร์รี่
"อยากโทรหาจนจะบ้า ไม่ได้เจอหน้า ก็แบบคิดถุงจุงเบย อยากรู้ว่าเธอเป็นไง เป็นห่วงแล้วใจไม่สะเบย ไม่สะเบย"
ใบพรยืนมองบรรยากาศรอบ ๆ หวาดกลัวไม่คุ้นชิน ส่วนต้อยมองหาใครบางคน
ส่วนต้อนรับด้านหน้าของเฮฟเวนคาราโอเกะ พริ้งกำลังต้อนรับนักเที่ยวที่เข้ามาใหม่ แต่เพลินเข้ามาปาดหน้าซะก่อน
"เชิญทางนี้ค่ะ"
"ทางนี้ดีกว่าค่ะ" เพลินบอก
พริ้งหันไปมองจิกตาขวาง แล้วบอก
"อย่าข้ามเขตอีดำ"
"ฉันไม่ได้ข้ามเขตอีอ้วน"
"แล้วมาแสล็นตรงนี้ทำไม"
"ทีหลังก็เยี่ยวรดไว้สิ จะได้รู้ว่าเป็นเขตหล่อน"
พริ้งโกรธบอก
"ฉันไม่ใช่หมา"
เพลินกวนประสาท
"ต้องคอยบอกคนอื่นอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ"
"มันจะมากไปแล้ว"
พริ้งโกรธทำท่าจะเข้าไปฉะเพลิน แต่เฮียหมาเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"อ้าว ๆ มีเรื่องกันอีกแล้ว เฮียแบ่งเขตให้แล้ว จะมาแย่งแขกกันอีกทำไม"
"ก็มันนะสิข้ามเขตมาฝั่งฉันก่อน" พริ้งบอก
"ใครบอก แขกเดินมาฝั่งฉันเอง" เพลินว่า
"หน้าตาเด็กหล่อนขนาดขี้เมาเห็นยังสร่าง ใครจะเชื่อ" พริ้งไม่ยอม
"ถ้าที่บ้านไม่มีกระจก ก็หัดกดน้ำใส่ชักโครกชะโงกดูหนังหน้าเด็กตัวเองซะบ้าง" เพลินบอก
เฮียหมาเข้าประนีประนอม
"จะทะเลาะกันอีกทำไม เฮียก็แบ่งเขตให้แล้ว แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ มัวแต่เถียงกันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวก็เสียแขกหมดหรอก"
พริ้ง เพลินมองหน้าอย่างไม่ยอมกัน ก่อนจะข่มอารมณ์สะบัดหน้าเดินกันไปคนละทาง
ต้อยที่มองหาพริ้งอยู่ พอเห็นพริ้งเดินมาทางตนพอดี ก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ
"เจ๊พริ้ง"
พริ้งหันมาเห็นต้อยโบกมือเรียกอยู่ ก็พูดขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ
"อีตัวซวยมาอีกแล้ว"
พริ้งเดินเข้ามาถามต้อยที่ยืนอยู่กับใบพร
"ไหนว่าไปทำงานกรุงเทพ ทำไมกลับมาซะล่ะ"
"ไปไม่รุ่ง แล้วจะอยู่ทำไมล่ะเจ๊"
"ก็เลยซมซานกลับมาว่างั้น"
"แล้วจะทับถมไปเพื่ออะไร"
"ก็ไหนว่าเก่งนักไม่ใช่เหรอ"
"โถ เจ๊ ฉันก็มีเจ๊เป็นพี่พึ่งคนเดียวนี่แหละ ถ้าเจ๊เสือกไสไล่ส่งแล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ เห็นแก่ลูกนกตาดำ ๆ นะเจ๊"
"แหมทีงี้มาทำเป็นปากดี" ที่สุดพริ้งก็ใจอ่อน "เอาเถอะ ฉันจะเห็นแก่แม่หล่อนอีกซักครั้ง
แล้วก็ช่วยทำตัวดี ๆ หน่อย อย่าก่อปัญหาอีก ฉันขี้เกียจรำคาญ ว่าแต่พาใครมาด้วยล่ะ"
"เพื่อนฉันเองชื่อพร ... พรนี่เจ๊พริ้ง น้าฉันเอง"
"สวัสดีค่ะ"
ใบพร พริ้งรับไหว้ พลางเพ่งพิจารณารูปร่างหน้าตาใบพรด้วยความพึงใจ
"รูปร่างหน้าตาดีนี่เรา มีผัวหรือยัง"
ใบพรตกใจไม่คิดว่าจะถูกถามอย่างนี้ ต้อยรีบอธิบาย ตอบแทน
"ว้าย ทักซะเพื่อนฉันเป็นกะหรี่เลยเจ๊"
"จะไปรู้เหรอเห็นเพื่อนกัน"
"ว้าย พูดงี้เพื่อนฉันก็เสียหมด คืองี้ พรมาหางานทำน่ะ แต่ว่าไม่มีที่อยู่ก็เลยว่าจะมา
ขออยู่ด้วยชั่วคราว พอหางานได้แล้วจะย้ายออกไป"
"ที่นี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์หมาจรจัดนะแม่คุณ"
"งั้นก็หยุดเห่าสิเจ๊ คนเค้าจะได้ไม่เข้าใจผิด"
"อีนี่" พริ้งเงื้อมือจะตบ ต้อยยื่นหน้าเข้าไปทีเล่นทีจริง
"ฉันให้ตบก็ได้ แต่เจ๊ต้องให้เพื่อนฉันอยู่ด้วยนะ"
พริ้งตบหน้าต้อยเพี้ยะด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหันมาถามใบพรต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เล่นแรงอะ"
"มาที่นี่ไม่เป็นกะหรี่แล้วจะทำอะไร"
ใบพรตอบอย่างกลัว ๆ
"รับจ้างทั่วไป พอเก็บเงินได้แล้วก็จะออกมาขายของ"
"มาแรก ๆ ก็เห็นอย่างนี้ทุกคน แล้วทำอะไรเป็นบ้างล่ะ"
"พรจบ ปวช.บัญชี เคยทำงานโรงงานเย็บเสื้อมาก่อน"
"เย็บเสื้อเป็นเหรอ อาจจะให้มาช่วยทำชุดโชว์ เดี๋ยวจะช่วยพูดกับแม่ให้ ดีไม่ดี หล่อนจะได้งานดีกว่าที่หล่อนคิดก็ได้"
พริ้งยิ้มอย่างมีเลศนัย ใบพรมองด้วยความงุนงงสงสัยไม่เข้าใจว่า พริ้งหมายถึงอะไร
สายพิณกับศรีต้อนรับแขกวีไอพีอยู่ที่โต๊ะ เพลินมองด้วยความหมั่นไส้ หันไปพูดกับเอพริล เมย์ จูน ที่ยืนมองอยู่ด้วยความอิจฉา
"ไม่รู้จะไปหลงใหลได้ปลื้มอะไรกันนักกันหนากะอีแค่นักร้องตกกระป๋อง"
เอพริลบอก
"นั่นสิ สวยก็ไม่สวยเป็นแค่นักร้องปลายแถว ดังก็ไม่ดัง"
"นี่ขนาดไม่สวยนะเล่นเอาเราแทบขายไม่ออก"จูนว่า
"ใครขายไม่ออกนังจูน" เมย์ถาม
จูนกลัวๆ
"ก็ถ้าขายออกจะมายืนอิจฉาเค้าทำไมล่ะ"
"ฉันไม่ได้อิจฉา หน้าตาอย่างมันถ้าไม่เคยออกเทปมาก่อนใครมาสนใจ" เอพริลเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
นักเที่ยว 2 - 3 คนที่อยู่ในอาการเมามายยื่นแก้วเหล้าชวนสายพิณและศรีดื่ม
"อ้าว ดื่มกันหน่อย"
ศรีทำอ้อน
"จะมอมกันเลยเหรอคะ ไม่เอาดีกว่า ศรีแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ"
"งั้นน้องพิณห้ามปฏิเสธ" นักเที่ยวยื่นแก้วเหล้าให้
"พิณก็ดื่มไม่เก่งหรอกค่ะ นิดเดียวพอนะคะ"
"ไม่ได้ ต้องดื่มให้หมด ผมเป็นแฟนคุณตั้งแต่สมัยเป็นนักร้อง"
พอพูดถึงอดีตสายพิณก็ชักสีหน้าไม่พอใจทันที ศรีรู้ว่าจี้ใจดำสายพิณจึงช่วยพูดแก้สถานการณ์ให้
"ดื่มคนเดียวจะสนุกอะไร ไปตามเพื่อน ๆ มาช่วยกันดื่มสิจ๊ะน้องพิณ"
สายพิณเดินบ่นมาอย่างไม่สบอารมณ์
"คำก็นักร้องสองคำก็นักร้อง ย้ำกันอยู่นั่นแหละ"
สายพิณก็ต้องชะงักเมื่อเห็น เอพริล เมย์ จูน เดินดาหน้าเข้ามาขวางทาง เอพริลแกล้งทำเป็นพูดดี
"เราชอบเธอตั้งแต่สมัยเป็นนักร้องแล้ว เซ็นให้หน่อยสิ"
เอพริลยื่นแผ่นซีดีวงสตรอเบอร์รี่ ควีน ให้สายพิณ จูนเห็นก็ยื่นหนังสือวัยรุ่นที่สายพิณเคยขึ้นปกให้
"เช็นให้เราด้วย" จูนบอก
แม้สายพิณจะไม่พอใจแต่พยายามระงับอารมณ์ แกล้งทำเป็นพูดดี
"ไม่มีปากกา"
สายพิณเดินหนี เอพริลลอยหน้าลอยตาสวนขึ้นมา
"อยากรู้จังเป็นนักร้องดี ๆ ทำไมไม่ชอบ ถึงหันมาเป็นกะหรี่"
เมย์ย้ำ
"สงสัยคงจะเบื่อมั้ง เลยเปลี่ยนบรรยากาศจากร้องบนเวทีมาร้องบนเตียง"
สามสาวหัวเราะเยาะสายพิณด้วยความสะใจ เธอพยายามระงับอารมณ์จะเดินหนี แต่เอพริล เมย์ จูนไม่ยอมให้ไปมายืนขวางหน้า
"ก็แค่นักร้องปลายแถว ขนาดจะเป็นกะหรี่ยังต้องเหยียบหัวคนอื่นขึ้นมา"
"หรือไม่ก็แค่สร้างเรื่องดราม่าเพื่ออัปค่าตัว" จูนว่า
"งั้นก็ต้องทำตัวให้น่าสมเพชมาก ๆ คนเค้าจะได้สงสาร เพราะลำพังหนังหน้าคงช่วยอะไรไม่ได้" เมย์บอก
"ถึงต้องหันมาช่วยขาหนีช่วยนี่ไง"
สามสาวหัวเราะด้วยความสะใจ ก่อนจะโยนซีดีและหนังสือทิ้งบนพื้น สายพิณโมโหเตะแผ่นซีดีและหนังสือบนพื้น พูดด้วยความเจ็บใจจะร้องไห้
"เมื่อไหร่จะมีผู้ชายรวย ๆ มาฉุดฉันจากอีกอสวะพวกนี้"
วันต่อมา ที่บ้านไกรวิทย์ เสียงชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปดังรัว พร้อมแสงแฟลชสว่างวูบวาบ ตากล้องสั่งผู้ที่เป็นแบบ
"หันหน้ามาทางนี้หน่อยครับคุณกฤษณ์"
ผู้ที่เป็นแบบในชุดหล่อเนี้ยบหันมา กฤษณ์ เพลย์บอยหนุ่มสุดหล่อ ทายาทนักการเมืองชื่อดังแห่งภาคตะวันออก กำลังโพสท่าถ่ายแบบหลายชุดหลายมุม ตามด้วยรูปคู่กับปริมแฟนสาว และภาพถ่ายครอบครัวกับไกรวิทย์และนภา ผู้เป็นพ่อแม่ เมื่อถ่ายเสร็จทีมงานเดินเข้าไปบอกไกรวิทย์ด้วยท่าทางที่สุภาพเรียบร้อย
"ท่านไกรวิทย์คะ เสร็จแล้วขอสัมภาษณ์ลงคอลัมน์ด้วยนะคะ"
ไกรวิทย์ นภา กฤษณ์และปริม นั่งให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่ง ตัวผู้สัมภาษณ์นั่งอยู่บนเก้าอี้ ส่วนผู้ช่วยและทีมงานคนอื่น ๆ นั่งพับเพียบอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเกรงใจ บรรยากาศง่าย ๆ เป็นกันเอง
"ท่านเป็นส.ส.มาแล้วสี่สมัย ไม่ทราบว่าจะให้คุณกฤษณ์เจริญรอยตามท่านหรือเปล่าคะ"
"แน่นอนอยู่แล้วครับ ครอบครัวเราเป็นนักการเมืองโดยสายเลือด มาตั้งแต่ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ ๆ มีการส่งต่อความเสียสละที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมืองรุ่นต่อรุ่น"
นภาเสริม
"กฤษณ์เพิ่งจบโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากบอสตัน ท่านก็หวังจะให้มาช่วยงานการเมืองนี่ล่ะค่ะ"
"แต่ผมคงไม่สนใจทางด้านนี้ คงพักผ่อนก่อนซัก 5 - 6 เดือน ไว้ค่อยคิดว่าจะทำอะไร" กฤษณ์บอก
ไกรวิทย์โกรธที่ถูกขัดคอ หันขวับมาถามลูกชายเสียงเข้ม
"ถ้าแกไม่คิดช่วยงานฉันแล้วจะทำอะไร"
กฤษณ์ไม่ยี่หระตอบ
"คงจะทำธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง"
"ธุรกิจอะไร"
กฤษณ์กวนพ่อ
"ผมยังไม่ได้คิด"
ไกรวิทย์โกรธ พูดเสียงดัง
"ถ้ายังตอบตัวเองไม่ได้แล้วจะให้คนอื่นเชื่อถือยังไง"
กฤษณ์สวนแรงทันควัน
"แต่ที่แน่ ๆ ผมไม่เล่นการเมืองแน่นอน พ่อไม่ต้องมาบังคับผม"
ทีมงานตกใจ ปริมดึงแขนกฤษณ์ไว้ให้ใจเย็น ๆ นภารีบเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์
"ใจเย็นค่ะคุณ ตากฤษณ์"
ไกรวิทย์ กฤษณ์เย็นลงยอมให้สัมภาษณ์ต่อ นภาหันมายิ้มหวานตอบทีมงานแทน
"เรื่องนี้เป็นเรื่องของอนาคต รอให้อะไร ๆ ชัดเจนก่อนนะคะ"
ทีมงานเห็นท่าไม่ดีเลยเปลี่ยนเรื่องคุย
"งั้นขอถามเรื่องความรักของคุณกฤษณ์กับคุณปริมดีกว่านะคะ ไม่ทราบว่าคบกัน
มานานยัง"
ปริมตอบแทน
"ก็ตั้งแต่เรียนมัธยมค่ะ"
"งั้นก็แสดงว่าจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ใช่มั้ยคะ"
กฤษณ์ไม่พอใจ วีน
"ถ้าจะมาคาดคั้นอะไรตอนนี้ก็คุยกันเองแล้วกัน"
กฤษณ์ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทีมงานถึงกับหน้าเหวอไปเลย นภาหันไปบอกไกรวิทย์
"เดี๋ยวฉันคุยกับลูกเอง"
อ่านต่อหน้า 3
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 2 (ต่อ)
เวลาต่อเนื่องมา กฤษณ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างเซ็ง ๆ นภาเข้ามาดุลูกชาย
"ทำตัวอย่างนี้ไม่น่ารักเลยลูก"
"ก็ผมไม่เข้าใจ เพิ่งเรียนจบกลับมาไม่ถึงอาทิตย์ มีแต่คนบอกให้ทำโน่นนี่ ไม่คิดเหรอว่าผมก็อยากหาประสบการณ์ อยากใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนกัน"
"เรื่องนั้นแม่เข้าใจ แต่ที่พ่อเค้าทำอย่างนี้เพราะหวังดี"
"ก็เลยใช้ความหวังดีทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอครับ"
นภาใจเย็น
"แล้วถ้าพ่อไม่รักเค้าจะหวังทำไม"
กฤษณ์สวนเร็ว
"อย่าเอาคำว่ารักมารั้งผมไว้ เพราะมันไม่มีวันสำเร็จ"
นภาเริ่มไม่พอใจ
"แล้วลูกว่าที่พ่อเค้าเหนื่อยทุกวันนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะลูก เพราะครอบครัวของเรา"
กฤษณ์สวนแรงเสียงดังด้วยความน้อยใจ
"แล้วที่ผมต้องทนเรียน ทนทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่ใช่เพื่อเค้าเหรอครับแม่"
นภาอึ้งไป กฤษณ์พูดเสียงสั่นน้ำตาคลอ วิงวอนขอร้องผู้เป็นแม่
"ขอให้ผมมีเวลาหายใจหายคอ ใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง ผมไม่ได้ขอนาน ขอเวลาแค่ปีเดียว พิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง ถ้ามันไม่สำเร็จ ผมจะทำอย่างที่ทุกคนต้องการ"
นภาเข้าใจความรู้สึกของลูกชายดี
"แม่เข้าใจแล้ว ยังไงก็อย่าลืมไปขอโทษหนูปริมแล้วกัน ถูกปฏิเสธต่อหน้าคนขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก"
นภาเดินไป กฤษณ์รู้สึกผิดที่ตัวเองพูดจาไม่ดีกับทุกคน
เวลาเดียวกัน นงเยาว์ และ จันทร์ฟองนั่งอยู่ในห้องขัง มีสาวสองนางท่าทางออหรี่นั่งอยู่อีกมุม เห็นว่านิ้วมือของสองสาวเปื้อนหมึก จากการพิมพ์ลายนิ้วมือ
"เกิดมาไม่เคยเข้าคุก ทำไมมันซวยอย่างนี้วะ หรือว่ามันเป็นแผนของไอ้ชิต งั้นซี มันถึงอยากให้เราอยู่กับมันนัก" จันทร์ฟองบอก
นงเยาว์ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว เช็ดน้ำตา แล้วหยิบมือถือออกมากดเบอร์
"โทรหาใคร"
นงเยาว์ไม่ตอบ เดินเลี่ยงมาที่ลูกกรง
ชานเมืองกรุงเทพฯ ตงนอนสลึมสลืออยู่กลางห้องเช่า สิงห์อยู่อีกมุมกำลังดูข่าวในโทรทัศน์ มือถือตงดังขึ้น
"นง....ว่าไง แกอยู่ที่ไหน"
นงเยาว์ พยายามไม่ให้เสียงสั่นเพราะร้องไห้
"หนูอยู่พัทยา"
"ไปทำอะไรที่นั่น ไปกับนังจันทร์ใช่ไหม จะแร่ดไปถึงไหน"
นงเยาว์นิ่งอึ้งไป
"พี่ หนู"
"ฉันสั่งให้แกดูแลแม่ที่บ้าน แม่ไม่สบายมาก ทำไมแกไม่อยู่"
นงเยาว์หน้าเชิ่ดขึ้นด้วยความโกรธ
"ถ้าฉันรู้ว่าโทร.หาพี่แล้วให้พี่ด่าฉันอย่างนี้ ไม่เสียเวลาโทรให้โง่หรอก"
นงเยาว์ตัดสายทันที แล้วปิดเครื่อง จันทร์ฟองมองอย่างเซ็ง ๆ
"นังนง ปัทโธ่โว้ย"
สิงห์มองตงที่พยายามโทร.กลับ แต่ทางปลายสายปิดเครื่องเสียแล้ว
ในห้องขัง นงเยาว์ปาดน้ำตา สีหน้าไม่ยี่หระ
จันทร์ฟองบอก
"ไม่น่าตัดสายเลย ยังไงก็น่าจะให้พี่ตงมาประกันตัวเราออกไป"
"ไม่....ข้าไม่ขอความช่วยเหลือพี่ตงหรอก"
จ่าพยับเดินมาหน้าลูกกรง พร้อมกุญแจ
"น้อง เราสองคนน่ะ ออกมาได้ มีคนเขามาประกันตัวแล้ว"
สองสาวมองหน้ากันลุกพรวดทันที จ่าไขกุญแจเปิดประตู สองสาวรีบออกมา
"ใครประกันตัวหนูล่ะ" นงเยาว์ถาม
"ฉันเอง"
สองสาวหันมองไปตามเสียง สุวรรณยืนยิ้มหล่ออยู่ เบื้องหลังชิตยืนอยู่ด้วย สองสาวเป็นงง
"ไอ้ชิต นี่แกวางแผนไว้แล้วใช่ไหม"
"อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ไอ้เลว"
"ฉันอุตส่าห์ช่วย ไปเถอะน่า เธอคงไม่อยากอยู่ในลูกกรงต่อหรอกนะ" ชิตบอก
"ไหว้จ่าพยับเขาซิ ไม่ได้จ่าเธอไม่ได้ออกมาหรอกนะ" สุวรรณบอก
สองสาวไหว้จ่าอย่างตื่น ๆ จ่ามองนงเยาว์ด้วยสายตาหื่น สองสาวตามชิตและสุวรรณไปอย่างไม่เต็มใจนัก
ภายในบ้านเสน่ห์จันทร์ ต้อยเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกชุดของตัวเองให้ใบพรใส่ชั่วคราวก่อน
"นี่เป็นห้องเก่าฉันก่อนจะย้ายไปกรุงเทพ โชคดีที่ยังไม่มีใครมาอยู่" ต้อยหยิบเสื้อผ้าให้ใบพร "ส่วนนี่ก็เสื้อผ้า ลองมาเลือกดูว่าพอจะใส่ตัวไหนได้ก็ใส่ไปก่อน พอขยับขยายได้แล้วค่อยไปซื้อใหม่"
ใบพรซาบซึ้งใจ
"ขอบใจเธอมากนะต้อย เพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ แต่เธอก็ช่วยฉัน ฉันชักสงสัยซะแล้วสิ ทำไมเธอถึงดีกับฉันนัก"
"ก็แค่อยากแก้แค้นอีเจ๊มันแล้วก็..."
ต้อยพูดได้แค่นี้สีหน้าก็สลดไป นึกถึงเรื่องในอดีต
ย้อนอดีตกลับไป ตอนนั้นต้อยที่อยู่ในชุดนักเรียนนั่งกอดกันร้องไห้กับติ่ง น้องสาวอายุ 15 อย่างน่าเวทนา เมื่อถูกพ่อแม่บังคับให้ออกจากโรงเรียนไปขายตัวเหมือนลูกคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน
"อีลูกทรพี จะโง่ไปถึงไหน หัดทำตัวให้เหมือนลูกคนอื่นเค้าบ้าง เต้นอะโกโก้ไม่เท่าไหร่ก็มีเงินหมื่นเงินแสนส่งมาให้พ่อแม่ใช้ เผลอ ๆ ได้ผัวฝรั่งสบายไปทั้งชาติ แล้วแกจะโง่เรียนไปอีกทำไม หรือแกอยากเห็นฉันกับพ่อแกอดตาย"
"ถ้าแกยังดื้อด้านไม่ยอมไปดี ๆ งั้นฉันจะส่งอีติ่งน้องแกไปแทน"
พ่อเข้าไปกระชากตัวติ่งออกมา ติ่งกรีดร้องเสียงดังออกมาด้วยความกลัว ต้อยเข้าไปดึงน้องเข้ามากอด พลางร้องไห้อย่างน่าเวทนา
"อย่าพ่อ ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว"
ต้อยน้ำตาคลอมีนึกถึงเรื่องที่ตัวเองถูกบังคับให้ขายตัว ใบพรถามต้อยด้วยความเป็นห่วง
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ไม่มีอะไร" ต้อยแสร้งทำท่าร่างเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิด "ก็เพื่อนกัน ไม่แน่นะ ฉันอาจเป็นนางฟ้าที่สวรรค์ส่งมาช่วยเธอก็ได้"
ใบพรไม่ติดใจสงสัย
"จ้า แม่นางฟ้าของฉัน ขอให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เถอะ แล้วเรื่องงานดี ๆ ที่น้าเธอพูดเมื่อคืนล่ะ หมายถึงอะไร"
ต้อยตกใจ ไม่อยากให้ใบพรรู้ว่าพริ้งหมายถึงงานขายตัว รีบกลบเกลื่อนกลัวว่าเพื่อนจะไม่สบายใจ
"เอ่อ เจ๊แกก็พูดไปอย่างนั้นแหละ อย่าไปถือสาอะไรเลย"
ใบพรไม่ติดใจ มองไปรอบ ๆบ้าน
"นักร้องที่นี่ดีจังเลยเนอะ มีห้องพักให้อยู่ด้วย ฉันชักอยากจะทำงานที่นี่ซะแล้ว"
ต้อยตกใจทักท้วงทันที
"ไม่ได้ ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอหรอก"
"ทำไมล่ะ ฉันเย็บผ้าเป็นนะ จะให้ฉันช่วยเย็บชุดโชว์หรือทำงานบ้านก็ได้"
"เอ... อย่าเซ้าซี้ เอาเป็นว่ารีบหางานให้ได้ แล้วย้ายออกไปจากที่นี่ซะ ส่วนใครจะพูด
ยังไงก็อย่าคิดมาก เรารู้ตัวเราดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็พอ"
"อือ"
"งั้นก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วยฉันถูบ้าน อีเจ๊มันจะได้ด่าไม่ได้ว่ามาเกาะอยู่กินฟรี ๆ เสร็จแล้ว บ่าย ๆ ฉันจะพาออกไปหางาน"
พริ้งเดินเคาะประตูห้องไล่ปลุกพวกสาว ๆ ในบ้านทีละห้อง เห็นสภาพภายในบ้านว่าทำเป็นห้องซอยเรียงกันเหมือนเป็นห้องพัก
"อ้าว สายโด่งป่านนี้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองกันไปถึงไหน"
พวกสาว ๆ ทยอยกันออกมายืนรอหน้าห้อง บ้างก็ยืนหาว บ้างก็ยืนบิดขี้เกียจ บ้างก็ออกมารอส่งแขกด้วยความประทับใจ ก่อนจะเห็นนักเที่ยวที่มาค้างคืนด้วยทยอยกันออกมา แล้วยื่นเงินค่าตัวให้พวกสาว ๆ คนละ 500 จูบลาพอเป็นพิธีแล้วล่ำลากันออกไป สายพิณ ศรีเดินอ้าปากหาววอด ๆ เพิ่งกลับเข้ามา พริ้งทัก
"อ้าวกลับมาแล้วเหรอ เมื่อวานคงได้หลายล่ะสิท่า"
"ก็ประมาณนึงเจ๊ ขอฉันไปนอนก่อนนะ ไม่ไหว ไม่ได้นอนทั้งคืน" ศรีบอก
สายพิณ ศรีแยกย้ายเข้าไปห้องที่ห้องของตัวเอง ใบพรที่ช่วยต้อยถูพื้นอยู่ ถามต้อยด้วยความสงสัย
"ทำไมมีผู้ชายมาพักด้วย ไม่ใช่หอพักหญิงเหรอ"
ต้อยหน้าเสียกลัวใบพรรู้ แกล้งทำเป็นกลบเกลื่อน
ต้อยหลุดปาก
"ไม่ใช่ เอ๊ย ใช่สิ แต่นังพวกนี้ก็ชอบเอาแฟนมาค้างคืนด้วย ไม่ไหวเลย แม่ห้ามยังไงก็ไม่เชื่อ"
"แม่"
ต้อยรู้ตัวว่าหลุดปาก
"แม่...เอ่อ เป็นเจ้าของบ้าน ชื่อละม่อม อยู่ ๆ ไปเดี๋ยวเธอก็รู้จักเองแหละ แต่ฉันว่าทางที่ดีอย่ารู้จักเลย หางานทำให้ได้แล้วรีบไปจากที่นี่เหอะ"
อ่านต่อหน้า 4
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 2 (ต่อ)
กลางวันต่อมา ในบรรยากาศตัวเมืองของพัทยา ผู้จัดการบอกปฏิเสธใบพรอย่างมีไมตรี
"ตอนนี้ยังไม่ตำแหน่งว่างเลยครับ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
ใบพรเดินถามตามห้างร้านต่าง ๆ ในตัวเมืองพัทยา แต่ถูกปฏิเสธหมด ก็เดินออกมาด้วยสีหน้าผิดหวัง จนมาถึงร้านสุดท้าย ต้อยที่ยืนกินสับปะรดจิ้มพริกเกลืออยู่เข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
"เป็นไงได้เรื่องมั้ย"
ใบพรส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ระคนผิดหวัง ต้อยเห็นก็เข้าใจ
"ไม่เป็นไร วันนี้ไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องได้เชื่อฉันสิ"
ใบพรรับคำฝืนยิ้มเศร้าเดินออกจากร้านไป ทันใดนั้นเห็นภาพข่าวในโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ด้านหลังทั้งสองสาว เป็นภาพข่าวเหตุการณ์ตอนที่ตำรวจนำกำลังบุกตรวจค้นบาร์ของเจ๊จู และช่วยเหลือเด็กสาวชาวเขาที่ถูกล่อลวงมาค้าบริการได้
"จากการที่ตำรวจนำกำลังเข้าไปช่วยเหลือเด็กสาวชาวเขานับสิบรายที่ถูกล่อลวงมาค้าบริการเมื่อคืนนี้"
ภาพในจอโทรทัศน์ เห็นว่า ตำรวจช่วยเหลือเด็กสาวที่ถูกล่อลวงออกมาได้
ในคืนเดียวกับใบพรหนีออกมา ในโทรทัศน์กลายเป็นภาพ เจ๊จู เจ้าของบาร์ แมงดา คนคุมร้านและลูกน้องถูกตำรวจคุมตัวออกมาจากบาร์
"ทางตำรวจได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนออกไปพบว่า ยังมีหญิงสาวอีก 2 คนที่หายสาบสูญไป ซึ่งตำรวจเชื่อว่าทั้งสองจะเป็นพยานปากสำคัญ ในคดีบุกปล้นบ้านนักการเมืองชื่อดัง"
เวลาเดียวกัน ตงนั่งเซ็งกินข้าวอยู่กับสิงห์ ทีวียังเปิดต่อเนื่อง ทั้งสองจ้องจอเขม็ง
ภาพข่าวเปลี่ยนเป็นภาพผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์สายตรวจที่ขับรถมอเตอร์ไซด์ไล่ตามสิงห์กับตงมา
"เนื่องจากมีพยานเห็นเหตุการณ์ยืนยันว่าทั้งสองถูกคนร้ายจี้จับเป็นตัวประกันไป"
ภาพข่าวเปลี่ยนภาพตำรวจตรวจค้นรถที่ตงกับสิงห์จี้หนีมาที่จอดอยู่ในป่าละเมาะ แต่ไม่พบหลักฐานอะไร
"แต่จากตรวจค้นรถยนต์ที่คนร้ายใช้หลบหนี ตำรวจไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม จึงเชื่อว่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่"
ตงหันมาถามสิงห์ด้วยความไม่พอใจ
"อะไรวะ ไม่พบหลักฐาน นี่แกอย่าบอกนะว่าไม่ได้ฆ่าอีสองคนนั่น"
"เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย"
ตงรู้ว่าสิงห์ขัดคำสั่งก็โกรธ พูดเสียงดัง
"แต่มันกำลังจะลากคอเราเข้าคุก"
"เค้าไม่ทำหรอก"
"รู้ได้ไง"
สิงห์นิ่งไปไม่ตอบ ตงโกรธ คว้ากุญแจรถ จะออกจากบ้าน
"พี่จะไปไหน"
"จะไปสืบว่านังสองคนนั่นมันอยู่ที่ไหนน่ะซีวะ อย่างน้อยคนที่ร้านนังแม่เล้านั่นมันต้องรู้ "
"ฉันรู้ว่าสองคนนั่นอยู่ไหน"
"อยู่ไหน"
"พัทยา"
ขณะเดียวกัน กฤษณ์นักปริมมากินข้าวด้วยกัน ก่อนจะถามด้วยความรู้สึกผิด
"ยังโกรธเรื่องเมื่อกลางวันอยู่หรือเปล่า"
ปริมพูดอ่อนโยน
"ไม่ได้โกรธซักหน่อย ปริมเข้าใจดีว่า กฤษณ์รู้สึกยังไง"
กฤษณ์กุมมือปริม ซาบซึ้งใจ
"ขอบคุณนะ"
ปริมยิ้มให้ ก่อนจะแกล้งกระเซ้ากฤษณ์เล่น
" แต่อย่าให้ปริมรอนานนะ ปริมเปลี่ยนใจจริง ๆ ด้วย"
"งั้นเดี๋ยวมื้อนี้กฤษณ์เลี้ยงเอง"
ปริมแกล้งงอน
"เอาของกินมาล่อ ทำยังกะปริมเป็นคนเห็นแก่กินไปได้"
"หรือจะไม่เอา"
"เอาสิ"
ทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน บรรยากาศดูผ่อนคลายจากตอนแรก ทันใดนั้นอ๋องก็พาเพื่อนกลุ่มใหญ่ประกอบด้วยชาย 3 หญิง 2 เข้ามา อ๋องแซวกฤษณ์กับปริม
"คู่นี้เผลอเป็นไม่ได้ แอบจู๋จี๋กันตลอด"
"ไม่ได้แอบซักหน่อย เป็นคนนัดออกมาเองไม่ใช่เหรอ" ปริมบอก
"จ้า อ๋องผิดเอง งั้นคืนนี้ขอตัวเจ้ากฤษณ์หน่อยนะ"
เพื่อนปริมบอก
"ไปไหนเหรอ ฉันไปด้วย"
"ดูบอลคู่ชิง ร้านพี่วิทย์"
เพื่อนปริม "แหวะ"
ปริมบอกกับกฤษณ์
"งั้นก็เถลไถลไปไหนนะ คืนนี้กฤษณ์ต้องไปส่งปริมกลับกรุงเทพ"
กฤษณ์อ้อน
"ครับ"
ปริมหันไปบอกเพื่อนผู้หญิง
"งั้นเราไปเที่ยวประสาผู้หญิงกันเถอะ ปล่อยผีพวกหนุ่มๆ ซักวัน"
ปริมลุกเดินออกไปกับเพื่อนผู้หญิง กฤษณ์ถามป๋องด้วยความอยากรู้
"คู่ชิงมันอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ต้องถาม รับรองมีทีเด็ด"
โถงกลางบ้านสุขสำราญ นงเยาว์ จันทร์ฟองนั่งอยู่ตรงหน้าสุวรรณและชิต
"หา....อะไรนะ ต้องทำงานชดใช้ให้พวกแก อยู่ในซ่องเนี่ยน่ะเหรอ" นางเยาว์บอก
"เราจ่ายค่าประกันตัวให้พวกเธอไปแล้ว เธอต้องชดใช้" สุวรรณว่า
"อ้อ แผนของแกทั้งหมดใช่ไหมไอ้ชิต หลอกให้พวกเรามาอยู่กับแก วางแผนให้ตำรวจจับ แล้วก็บังคับให้เราขายตัว"
"ไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นแมงดา ไอ้ชิต"
"เฮ้ย พูดดี ๆ นะโว้ย ฉันหางานมาให้แกทำแล้ว แกอยากเป็นดาวไม่ใช่เหรอ แล้วเฮียสุวรรณเขาก็เป็นนักปั้น เขาปั้นดินให้เป็นดาวมาหลายคนแล้ว"
"ฮ่ะ ฮ่ะ เฮียจะปั้นหนูให้เป็นดาวระดับตองเอเลย"
สุวรรณเข้ามากอดนงเยาว์
"สาวสวยอย่างหนูรับรองปั้นขึ้นอยู่แล้ว"
สุวรรณระดมจูบข้างแก้มและหูของนงเยาว์ ชิตดึงร่างของจันทร์ฟองมากอดบ้าง นงเยาว์ผลักร่างสุวรรณเซไป แล้วหยิบถาดเขี่ยบุหรี่บนโต๊ะฟาดไปข้างกกหู จนร้องลั่นล้มไปกับพื้น จันทร์ฟองถีบ
ร่างของชิตล้มโครมตามไป สองสาววิ่งหนีออกจากโถงบ้าน
สองสาววิ่งออกมาหน้ารั้วบ้าน เปิดประตูออกพบร่างนางพิศยืนแสยะยิ้มอยู่
"จะไปไหนกันเหรอลูก"
นงเยาว์ จันทร์ฟองจะผลักร่างพิศออกไป แต่แล้ว จันทร์ฟองก็ร้องกรี๊ดล้มลงไปกับพื้น
"นังจันทร์"
จันทร์ฟองดิ้นกับพื้น นงเยาว์มองมือของนางพิศ ที่ถือเครื่องช็อคไฟฟ้าในมือ
"นึกว่าจะหนีพ้นเหรอ อีสะก๊อย"
พูดจบพิศจิ้มเครื่องช็อตเข้าเอว นงเยาว์ผงะถล้มไปกับพื้นทันที สุวรรณ ชิต วิ่งตามออกมา
สุวรรณเลือดซึมที่หัว
"อะไรวะ แค่นี้คุมมันไม่อยู่" พิศบอก
"ไม่ทันตั้งตัวน่ะแม่" สุวรรณบอก
ชิตและสุวรรณกระชากร่างสองสาวที่ทรงตัวแทบไม่ไหวขึ้น
"มึงเก่งนักใช่ไหม"
สุวรรณเงื้อแขนจะตบนงเยาว์
"เฮ้ย อย่าตบ" พิศสั่ง
สุวรรณชะงัก
"บอกแล้วไง อย่าทำอะไรหน้าพวกมัน มันจะเสียโฉมไม่ได้ เสียราคา"
"ลืมไปแม่"
"จับมันไปขัง พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที"
"ครับแม่"
สุวรรณกับชิตลากสองสาวกลับเข้าบ้าน พิศมองตามไปด้วยสายตาชั่วร้าย
บรรยากาศชีวิตกลางคืนที่พัทยา เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน ได้ยินเสียงอินโทรลเพลง “look สิ” ของเนโกะ จัมป์ ดังขึ้นมา
เอพริล เมย์ จูน สามสาวดาวดังแห่งบ้านสุขสำราญออกมาโชว์เรียกแขก ในชุดนอนแบบสั้นจู๋สุดเซ็กซี่ โดยมีเอพริลเป็นนักร้องนำ ส่วนเมย์และจูนเป็นลูกคู่ โดยมีสาวคนอื่น ๆ ของบ้าน เต้นประกอบอยู่ด้านหลัง
"อยากให้เธอรับทราบหน่อย (ทราบหน่อย ทราบหน่อย) ว่ามีใครคิดถึงเธอ (คิดถึงเธอ คิดถึงเธอ).... look สิ ก็ look สิ อย่ามัวแต่ซึม นั่งอึมครึมอยู่อย่างนี้ look สิ ก็ look สิ มองมาทางนี้ แล้วจะทำให้ถูกใจ"
ส่วนต้อนรับด้านหน้า-เฮฟเวนคาราโอเกะ เฮียหมาออกมาต้อนรับแขก พริ้ง เพลินที่ยืนกันอยู่คนละฝั่งประตูเชื้อเขิญแขกเข้าไปข้างใน
เฮียหมาบอก
"สวัสดีดีครับทุกคน เชิญข้างในเลยครับ"
"ถ้าต้องการน้อง ๆ ร้องเพลงเป็นเพื่อนเชิญทางนี้เลยค่ะ" พริ้งบอก
"แต่ถ้าต้องการมากกว่าร้องเพลงเชิญทางนี้ค่ะ" เพลินบอก
"ต่ำ"
เพลินกวนประสาท
"แทงกิ้วทรีไทม์"
พริ้งเชิดใส่ ทันใดนั้น เฮียหมาก็เห็นกฤษณ์ ป๋องและเพื่อนผู้ชายอีก 3 คนเดินเข้ามา เฮียหมาทักป๋อง
"อ้าว คุณป๋องหายไปซะนานเลยนะครับ แล้ววันนี้พาใครมาด้วยครับ เฮียไม่เคยเห็น"
"ไอ้กฤษณ์เพื่อนผมเองครับเฮีย ลูกชายท่านไกรวิทย์ เพิ่งเรียนจบกลับมาจากนอก เลยจะพามันมาฉลองซะหน่อย"
"มีอะไรเด็ด ๆ จัดมาเลยครับ เดี๋ยววันนี้ผมเลี้ยงเอง"
เพลินพอได้ยินว่าเป็นลูกชายท่านไกรวิทย์ก็หูผึ่งเข้ามาตัดหน้าทันที
"ถ้าต้องการเด็ด ๆ เชิญทางนี้เลยค่ะ" เพลินโบกมือเรียกเอพริล เมย์ จูนที่โชว์อยู่บนเวที "
เอพริล เมย์ จูน นางฟ้าของเจ๊ รับแขก"
กฤษณ์ ป๋อง เดินตามเพลินไปทางฝั่งของตนอย่างงงๆ พริ้งโกรธหันมาหาเฮียหมา
"เห็นมั้ยเฮียปาดหน้ากันเห็น ๆ"
เพลินหันมาตอบแทนเฮียหมา
"ตามกฎแขกมีสิทธิ์เลือก ส่วนหล่อนหมดสิทธิ์"
เพลินหัวเราะเดินไปอย่างสะใจ พริ้งเจ็บใจ
"ให้แขกเลือกเองใช่มั้ย ก็ได้ ! เดี๋ยวได้เห็นดีกัน"
เฮียหมาส่ายหน้าระอา
อ่านต่อตอนที่ 3