แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 1
ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายรีบเร่ง ภายในโรงงานเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับส่งออกแห่งนั้น แลเห็นพนักงานสวมหน้ากากกันฝุ่น ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น สักครู่ใหญ่ มีเสียงออดโรงงานเลิกดังขึ้น
บรรดาสาวหนุ่มฉันทนาต่างทยอยกันกลับบ้าน บางคนขับมอเตอร์ไซค์ หลายคนที่บ้านอยู่ใกล้โรงงานใช้จักรยาน ส่วนบางคนเดินออกมารอรถสองแถวหน้าโรงงงาน แบงก์ รปภ.หนุ่มสุดหล่อร้องทักใบพร
"วันนี้ไม่ทำโอทีเหรอพร"
ใบพรที่กำลังถอยรถจักรยานออกมา หันมายิ้มอ่อนโยนก่อนจะตอบแบงก์
ใบพร สาวน้อยแสนสวย หน้าตาใสซื่อไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร
"ไม่ล่ะจ้ะพี่แบงก์ พอดีมีคนมาจ้างฉันตัดเสื้อน่ะ เค้าจะมาเอาพรุ่งนี้"
"งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ"
ใบพรรับคำ ก่อนจะขึ้นจักรยานถีบออกไป
บ้านใบพร เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง มีใต้ถุนเหมือนบ้านคนต่างจังหวัด เย็นต่อเนื่องมา ใบพรนั่งเย็บเสื้ออยู่อย่างขะมักเขม้น วิไลยกกระจาดใส่ผักที่มัดเป็นกำๆ สำหรับขายวันพรุ่งนี้เข้ามา บอกลูกด้วยความเป็นห่วง
"อย่าหักโหมนะลูก เดี๋ยวจะไม่สบาย"
ใบพรกำลังเย็บเสื้ออยู่ชะงัก ก่อนจะหันมาตอบแม่สีหน้าเศร้า
"แม่ก็รู้ว่าพรทำอย่างนี้ทำไม"
ใบพรเหลือบไปมองพ่อเลี้ยงที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่อีกมุมบ้าน
"พรไม่อยากอยู่ที่นี่ ถ้าพรมีเงินเมื่อไหร่พรจะพาแม่หนีไปอยู่ที่อื่น"
วิไลได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปห้ามลูก
"ชู่ว์ อย่าพูดอย่างนั้นสิลูก ถ้าลุงนพได้ยินเข้า จะเป็นเรื่องอีก"
ใบพรไม่พอใจ
"พรไม่เข้าใจ ทำไมแม่ต้องยอมมันด้วย งานการไม่รู้จักทำวัน ๆ เอาแต่กินเหล้า"
"เราเป็นผู้หญิงจะทำอะไรได้ บางทีมันอาจจะเป็นเวรกรรมของแม่เองก็ได้"
วิไลสะอื้นไห้ออกมาอย่างปวดร้าว ใบพรกอดปลอบแม่
"ไม่เป็นไรนะจ๊ะ แล้วทุกอย่างจะต้องดีขึ้น"
เวลากลางคืน ใบพรเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งกระโจมอกขึ้นไปแต่งตัวบนบ้าน พ่อเลี้ยงที่นั่งกินเหล้าอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อเย็น มองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
พ่อเลี้ยงงัดประตูห้องใบพรจนแง้มออก เห็นว่า ใบพรกำลังผลัดผ้าถุง สวมเสื้อผ้าเตรียมตัวจะนอน พอสวมเสร็จก็เอามุ้งลง เตรียมตัวเข้านอน แต่พอลุกขึ้นหันกลับมาปิดไฟ ก็เห็นพ่อเลี้ยงเข้ามาทางด้านหลังพอดี เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ
"ลุงนพ"
พ่อเลี้ยงในอาการเมามาย
"มาหาอะไรสนุก ๆ ทำกันดีกว่า"
พ่อเลี้ยงพูดจบเอามือปิดปากปล้ำทันที ใบพรร้องดิ้นเสียงอู้อี้จนมือพ่อเลี้ยงที่ปิดปากอยู่หลุดออกมา ใบพรกัดแขนพ่อเลี้ยงอย่างแรง จนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
"โอ๊ย" พ่อเลี้ยงผลักตัวใบพรออก "ฤทธิ์มากนักใช่มั้ย"
พ่อเลี้ยงตบหน้าใบพรอย่างแรง จนล้มลง แล้วขึ้นคร่อมฉีกเสื้อผ้าจนขาด ปล้ำ ใบพรร้องดิ้นแต่สู้แรงพ่อเลี้ยงไม่ได้
"ชะช่วยด้วย ช่วยด้วย"
มือเธอส่ายไปมาเปะปะตรงหัวนอนควานหาของมาป้องกันตัว ก่อนจะคว้าขวดใส่น้ำฟาดหัวพ่อเลี้ยงอย่างแรง พ่อเลี้ยงร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
วิไลที่นอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่งสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ พอได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็รู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว
"ใบพรลูกแม่"
พ่อเลี้ยงแบมือที่กุมหัวอยู่ออกดู เห็นเลือดอาบหน้าเต็มมือไปหมดก็ร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น
"อีสารเลว"
พ่อเลี้ยงจะกระโจนปล้ำ แต่ใบพรถีบสวนจนพ่อเลี้ยงหงายหลังไป เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้นจะวิ่งหนีไป แต่พ่อเลี้ยงไวกว่าคว้าขาไว้ได้ กระชากตัวใบพรกลับมา
"คิดจะลองดีใช่มั้ย อีใบพร"
พ่อเลี้ยงบีบคอใบพรอย่างบ้าเลือด ใบพรหายใจไม่ออกกำลังจะขาดใจตาย ทันใดนั้น วิไลก็โผล่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
"ใบพรลูกแม่" วิไลเข้าไปดึงตัวพ่อเลี้ยงจนหลุดออกมา "อย่าทำอะไรใบพรพี่นพ ปล่อยใบพรไปเถอะ ฉันขอร้อง ฉันขอร้อง"
"ไม่ใช่เรื่องของแก"
พ่อเลี้ยงฟาดท่อนแขนใส่วิไลอย่างแรงจนล้มลง ใบพรพยายามหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดเห็นอย่างนั้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
"แม่"
"ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ รีบหนีไป รีบหนีไป"
พ่อเลี้ยงผละจากวิไลตรงมาที่ใบพร เธอตัดสินใจวิ่งหนีออกไป
ใบพรวิ่งร้องตะโกนออกมาสุดเสียงขอให้คนช่วย
"ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย"
พ่อเลี้ยงวิ่งตามหลังมาติด ๆ
"คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ นังสารเลว"
ใบพรวิ่งออกมาที่ถนนใหญ่เห็นรถมอเตอร์ไซค์เปิดไฟด้านหน้าแล่นผ่านมาพอดี ก็รีบวิ่งไปดักหน้าโบกมือร้องขอความช่วยเหลือ
"ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
รถมอเตอร์ไซค์จอด คนขับเปิดหมวกกันน็อกออก เห็นว่าเป็นแบงก์นั่นเอง แบงก์เห็นเลือดเต็มตัวใบพรก็ถามด้วยความตกใจ
"มีเรื่องอะไรเหรอพร"
ใบพรละล่ำละลักบอกด้วยความดีใจ
"พี่แบงก์ พี่แบงก์ช่วยพรด้วย ช่วยพรด้วย"
พ่อเลี้ยงวิ่งใกล้เข้ามา ตะโกนด่า
"จะหนีไปไหนอีใบพร"
แบงก์เห็นพ่อเลี้ยงเลือดเต็มหัว ก็พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รีบบอกใบพร
"รีบขึ้นมาก่อน เร็วพร"
ใบพรรีบซ้อนท้ายรถแบงก์ พ่อเลี้ยงตามมาทันพอดี แต่แบงก์ไวกว่ากระชากรถออกไป พ่อเลี้ยงเจ็บใจ ตะโกนด่าไล่หลัง
"อย่าให้จับได้นะเว้ย แกตายแน่ อีพร"
ภายในห้องพักแบงก์เวลาต่อมา ใบพรล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ แบงก์รับรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ยื่นผ้าขนหนูเก่า ๆ แต่ทว่าสะอาดสะอ้านให้ใบพร
"ที่แท้เรื่องก็เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วพรจะทำยังไงต่อไป จะแจ้งความมั้ย เดี๋ยวพี่พาไป"
ใบพรสะอึกสะอื้นด้วยความกลัว
"พรเคยแจ้งแล้ว แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้"
ใบพรร้องไห้ออกมา ยังไม่หายกลัว แบงก์ตกใจที่รู้ว่าไม่ใช่ครั้งแรก!
"หมายความว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเหรอ"
ใบพรพยักหน้ารับ
"ถ้าพรกลับไป มันต้องเอาพรตายแน่ ๆ"
"จำออมน้องสาวพี่ได้มั้ย ตอนนี้ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ เงินเดือนเป็นหมื่น ๆ พรไปอยู่กับออมก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ฝากงานให้"
ใบพรดีใจ
"พรไปได้จริง ๆ เหรอ"
"จริงสิ แล้วพี่จะโกหกพรทำไม"
"แต่พรเป็นห่วงแม่"
"ลุงนพไม่กล้าทำอะไรน้าวิไลหรอก"
ใบพรคิดลังเล แบงก์เกลี่ยกล่อม
"เอาตัวเองให้รอดก่อน แล้วค่อยกลับมารับแม่ไปอยู่ด้วยกัน"
ใบพรครุ่นคิดตัดสินใจ
แหล่งบันเทิงดังย่านพัทยา ในบรรยากาศสนุกสนาน เสียงเพลงดังกระหึ่ม นักเที่ยวที่อยู่ในร้านกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็โยกตัวตามจังหวะเสียงเพลงสุดมัน เสียงดีเจในร้านดังขึ้น
"และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง สาว ๆ โต๊ะไหนสามารถระเบิดความเซ็กซี่ออกมาได้ร้อนแรงที่สุด กินดื่มฟรีไปเลยทั้งโต๊ะ พร้อมแล้วไปกันเลย ทรี ทู วัน"
เสียงดนตรีกระหึ่ม เร่งจังหวะหัวใจให้แรงขึ้น สาว ๆ ที่นั่งอยู่ตามโต๊ะต่าง ๆ ลุกขึ้นเต้นแข่งกันด้วยลีลาสุดเซ็กซี่ ทันใดนั้นก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกระโดดขึ้นบนโต๊ะ เต้นส่ายสะโพกด้วยลีลาสุดเร่าร้อน
นงเยาว์ สาวแซ่บ สุดเปรี้ยวที่จะทำให้คุณเสียวไปถึงขั้วหัวใจ จันทร์ฟองนั่งมองอย่างสนุกไปด้วย
"อีฟอง ขึ้นมาเต้นด้วยกันซี"
"ไม่เอา กูไม่กล้า"
"ขึ้นมาเถอะน่า"
นงเยาว์ดึง จันทร์ฟองขึ้นไปเต้นร่วมจนได้ สปอร์ตไลท์จับที่สองสาว ผู้ชายในผับส่งเสียงเชียร์ลั่น พร้อมถ่ายรูปมือถือกันสลอน
จอวิดีโอขนาดยักษ์ ปรากฏรูปสองสาวกำลังเต้นเร่า ๆ นงเยาว์ชี้ให้ จันทร์ฟองมองดูตัวเองในจอ สองสาวกรี๊ดอย่างสะใจ
เสียงดีเจบอก
"เอาละครับ เราได้สองสาวหุ่นสะบึมมาแล้ว น้องจ๋า แฟนมาด้วยรึเปล่าจ๊ะ ถ้าแฟนยังไม่มา แล้วผัวล่ะจ๊ะ"
คนฮาครืน นงเยาว์และจันทร์ฟองหัวเราะสนุกสนาน เต้นยั่วยิ่งกว่าเดิม
อ่านต่อหน้า 2
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในกลุ่มชายกลัดมันทั้งหลาย มีสุวรรณและชิตอยู่ในกลุ่มด้วย สุวรรณกำลังยกมือถือขึ้นถ่ายสองสาว เสียงชายในร้าน รวมชิตร้องเชียร์ลั่น
"ถอดเลย ถอดเลย"
ชิตร่วมส่งเสียงเชียร์ให้สองสาวถอดเสื้อออกตามกลุ่มชายทั้งหมด นงเยาว์ทำตามกระแส ถอดเสื้อตัวนอกออก โยนให้กลางกลุ่มชาย ที่แย่งกันจ้าละหวั่น ชิตหัวเราะร่า
"ไงวะ เอ็งว่าอีสองสาวนี่น่าสนไหม" สุวรรณถาม
"สนไปทำเมียชั่วคราวน่ะสน แต่เอาไปเป็นแฟน เป็นกิ๊กคงไม่ไหวพี่" ชิตบอก
"ข้าหมายถึง น่าสนเอาไปทำงาน “บ้านสุขสำราญ” โว้ย"
ชิตหันมามองหน้าสุวรรณ
"อีสองตัวนี่ซ่าส์ดี หน้าตา รูปร่าง ผิวพรรณ ได้มาตรฐาน ก.พ."
"ก.พ. อะไรพี่"ชิตถาม
"กะหรี่เจ๊พิศไงวะ"
ชิตอึ้งไปเล็กน้อย
"ช่วยข้าหน่อย ข้ามีแผนสำหรับอีสองตัวนี่" สุวรรณบอก
"ช่วยน่ะช่วยได้พี่สุวรรณ แต่อย่าถึงขั้นบังคับเด็กไปเข้าเล้าเจ๊พิศเลย ผมไม่อยากเอาขาผมไปแหย่ตาราง"
"แกก็รู้ งานนี้เรามีกุนซือดี ไง ทำไม๊ทำ เงินเฉียดหมื่นเลยนะโว้ย"
ชิตยิ้มออกมาได้ ทั้งสองหันกลับไปมองสาวสาวเต้นเร่า ๆ บนเวที
ในเวลาต่อมา นงเยาว์ และ จันทร์ฟอง เดินเซหัวเราะออกมาจากห้องน้ำหญิง ยังเมาไม่สร่าง เหลือแต่ชุดเกาะอกข้างใน
นงเยาว์มองออกมาที่กลางผับ เห็นว่ามีสาวคนใหม่ขึ้นไปเต้นแทนแล้ว สองสาวไม่ทันสังเกตว่า ชิตมายืนอยู่เบื้องหลังทั้งสอง
จันทร์ฟองถาม
"หาอะไรวะ อีนง"
"หาผู้จัดการน่ะซี"
"ผู้จัดการอะไรของเอ็ง"
"แกไม่รู้เหรอ ร้านนี้นักปั้นดารามาเที่ยวกันเยอะ ที่ข้าขึ้นไปเต้นน่ะ เผื่อพวกนี้มันเห็นความสาวความสวยของเรา มันจะต้องมาทาบทามเราไปเป็นนางเอกแน่ ๆ"
ชิตฟังอยู่ อมยิ้ม
"เออว่ะ เป็นนางเอกเรื่อง นางสิบสอง"
"เอ๊ะ ทำไมต้องให้ข้าไปเล่นละครพื้นบ้าน"
"ไม่ใช่แค่พื้นบ้าน พื้นถนนหรือไม่ก็ขอบเตียง เพราะมันเรื่อง นางสิบสองผัว หนังโป๊น่ะมึง"
จันทร์ฟองหัวเราะร่า นงเยาว์ค้อนควัก
"มึงไปเด้งรูดเสาอย่างนั้น คงมีคนจ้างมึงไปเป็นนางเอกหรอกนะ"
"ยังไงข้าก็ยังหวัง แม่ง....ไม่มีใครสนกูเลยเหรอวะ" นงเยาว์ว่า
"สนว่ะ โน่น สนอีโน่น"
สองสาวมองไปบนเวที เห็นสาวสวยหน้าใหม่กำลังขึ้นมาเต้นยั่วยวนกว่านงเยาว์
จันทร์ฟองบอก
"เฮ้ย....มันหน้าหนากว่ามึง ถอดยกทรงแล้วว่ะ"
ผู้ชายและดีเจ เฮกันลั่น
"นังหน้าด้าน ไม่มีใครสนก็ไปเถอะว่ะ เสียเวลาชีวิตคนสวย"
"เดี๋ยว น้องสาว แต่พี่สนนะ"
สองสาวหันมา ชิตยิ้มหล่อ นงเยาว์ตาเป็นประกายเพราะหล่อถูกใจ
"สนไรพี่"
"สนอยากปั้นน้องให้เป็นดาวน่ะซี"
นงเยาว์ จันทร์ฟองมองหน้ากันยิ้ม ๆ
เวลาต่อมา สองสาวนั่งอยู่กลางห้องเช่าของชิต ห้องเช่าในสภาพซอมซ่อ และรกรุงรัง จันทร์ฟองชี้ไปที่รูปของชิต ที่โหนบาร์เต้นเป็นโคโยตี้บอยในผับ ชิตใส่เสื้อยืดรัดรูปเห็นกล้ามเป็นมัด ๆ ออกมาจากห้องนอน พร้อมเหล้าแช่เย็น มาวางตรงหน้า
"ยังไงพี่ ไหนว่าจะปั้นน้องไง ตกลงพี่น่ะอาชีพอะไรกันแน่" นงเยาว์ถาม
"เดาซิ"
จันทร์ฟองหยิบรูปขึ้นมา
"ไม่ต้องเดาเลย รูปนี่มันฟ้องอยู่ เด็กบาร์ไหนล่ะ"
"บอยแบนด์น่ะ"
"งั้นก็หลอกเรามาฟันงั้นเหรอ อย่าหวังเลยพี่ กลับอีจันทร์"
สองสาวลุกทันที ชิตลุกตาม
"ไม่ได้หลอกสักหน่อย ที่ชวนมาเพราะอยากหารายได้ให้น่ะ สวยอย่างน้อง มีผู้ใหญ่อยากเลี้ยงเยอะ"
"พอเลย ฉันเด็กเที่ยว ไม่ใช่เด็กขาย"
"งานสบาย รายได้ดี มีเงินเดือนไม่ต่ำกว่าสามสี่หมื่นเลยนะ"
นงเยาว์ชักลังเล
"ไม่ขายโว้ย ไปอีนง"
จันทร์ฟองดึงนงเยาว์จะออกจากห้อง
"เสียดาย กะว่าจะชวนอยู่ปาร์ตี้เสียหน่อย จะเลี้ยงทั้งขนม ทั้งน้ำแข็งเลยนะ"
จันทร์ฟองชะงัก หันมามองชิต ชิตยิ้มเผล่ แล้วดึงซองยาออกมาจากกางเกง จันทร์ฟองลังเลเสียเอง
วันต่อมา ที่กรุงเทพน รถไฟฟ้าแล่นผ่านไปด้วยความเร็ว ใบพรใส่สายเดี่ยวนุ่งกางเกงขาสั้น หิ้วถุงกระดาษเดินมากับแบงก์ พลางถามด้วยกระดากอาย ไม่เคยชินกับชุดที่ใส่
ไทำไมต้องให้พรแต่งตัวแบบนี้ด้วยไ
แบงก์หัวเราะ
"มากรุงเทพก็ต้องแต่งตัวให้เหมือนสาวกรุงเทพหน่อยสิ"
"แต่ราคาตั้งหลายร้อย พรไม่มีเงิน"
"ก็พี่บอกแล้วไงมีแล้วค่อยเอามาคืนพี่ก็ได้ หรือพรจะแต่งตัวปอน ๆ ไปสมัครงาน"
ใบพรรู้สึกว่าโป๊ไป
"แต่ว่าชุดนี้"
"เอาหน่า เดี๋ยวพี่พาไปสมัครงาน ได้งานแล้วค่อยชวนออมไปซื้อเสื้อผ้า คราวนี้จะ
เอายังไงก็ได้" แบงก์บอก
ใบพรพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
บรรยากาศหน้าร้านบาร์เบียร์ ย่านอินทามระตอนกลางคืน ใบพรยืนมองสาวบาร์บียร์ที่กำลังจับแขกทั้งไทย จีน แขก ฝรั่งที่เดินผ่านไปผ่านมา ด้วยความกระดากอายเพราะไม่เคยชินกับเสื้อผ้าที่สวมใส่และชีวิตกลางคืน
แบงก์ยืนคุยกับแมงดาที่มุมหนึ่ง แมงดายื่นเงินให้แบงก์ 80,000 บาท
"เอาไปแปดหมื่น นับดูก่อน"
"ค้าขายกันมาตั้งนานผมเชื่อใจเฮีย"
"แน่ใจนะว่าเด็กมันไม่เคยจริง ๆ"
"ผมเคยย้อมแมวขายเฮียเหรอ"
"งั้นก็ดี"
ใบพรยืนมองบรรยากาศรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ แบงก์กับแมงดาเดินเข้ามา
"พี่คุยให้แล้ว ไปก่อนนะ"
แบงก์ทำท่าจะเดินไป ใบพรรั้งไว้ ถามด้วยท่าทางกลัว ๆ
"งานอะไรพี่แบงก์ แล้วออมล่ะ"
"ออมมันมีลูกมีผัวไปตั้งนานแล้ว"
ใบพรหน้าเสีย
"หมายความว่ายังไง"
"ก็หมายความว่า คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาดยังไงล่ะ"
แบงก์หัวเราะด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินไป ใบพรตกใจรีบตามแบงก์ไป
"เดี๋ยวก่อนพี่แบงก์ พี่แบงก์"
แมงดาเข้ามาขวาง
"จะไปไหน"
แมงดาเข้ามารวบตัวใบพร ใบพรกรีดร้องด้วยความกลัว
แมงดาลากตัวใบพรเข้ามาหลังร้าน ใบพรดิ้นสู้ทั้งทุบทั้งตี
"ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อย ปล่อย"
ใบพรกัดแขน แมงดาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ปล่อยตัวใบพร
"ฤทธิ์มากนักเหรอ"
แมงดาตบหน้าใบพรจนเซไป กำลังจะเข้ามาซ้ำ แต่เจ๊จูเจ้าของบาร์ออกมาเสียก่อน
"พอแล้ว เดี๋ยวมันก็ช้ำหมดหรอก"
ใบพรยกมือไหว้วิงวอนขอร้องเจ๊จู
"อย่าทำฉันเลย ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ"
เจ๊จูทำยียวน
"จะให้ฉันปล่อยตัวก็ได้ งั้นเอามา 3 แสน"
ใบพรตกใจ ละล่ำละลักบอก
"3 แสน ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก"
"ไม่มีเงิน งั้นก็ต้องทำงาน หมดหนี้แล้วจะไปไหนก็เชิญ"
"ไม่ ฉันไม่อยากทำงานนี้ ฉันไม่อยากขายตัว ฉันไม่อยากขายตัว"
ใบพรวิ่งหนี แต่ถูกแมงดารวบตัวไว้ได้อีก ใบพรร้องด้วยความกลัว เจ๊จูสั่งด้วยเสียงเฉียบขาด
"เอามันไปขัง ให้มันอดข้าวอดน้ำจนกว่ามันจะยอม"
แมงดาเหวี่ยงตัวใบพรเข้าไปในห้องมืด ใบพรล้มลง
"โอ๊ย"
แมงดาเดินออกไปปิดประตู ใบพรรีบตามออกไปรั้งไว้แต่ไม่ทันประตูปิดเสียก่อน ก็ได้แต่ทุบประตูร้องไห้อย่างน่าเวทนา
"อย่าทำฉันเลย ปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยฉันไป ฉันขอร้อง ฉันขอร้อง"
ใบพรทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
อ่านต่อหน้า 3
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
เวลาเดียวกัน เสียงดนตรีคึกคักสนุกสนานดังขึ้น บริเวณด้านหน้าร้าน เฮฟเวน คาราโอเกะในเมืองพัทยา พนักงานสาวสุดเซ็กซี่เชื้อเชิญเหล่านักเที่ยวทั้งไทย จีน ฝรั่ง ให้เข้าไปใช้บริการข้างใน บรรยากาศคึกคักสนุกสนาน
เสียงดนตรีดังต่อเนื่อง เฮียหมา เจ้าของเฮฟเวน คาราโอเกะ กล่าวต้อนรับนักเที่ยวอยู่บนเวที ด้วยมาดเจ้าชู้กรุ่มกริ่ม
"ขอต้อนรับทุกท่านสู่ เฮฟเวน คาราโอเกะ สวรรค์อย่างมีระดับสำหรับชายหนุ่มผู้หลงใหลในเสียงเพลง กับนางฟ้าสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่จะทำให้คุณลืมคืนนี้ไม่ลง... สาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์"
ไฟฟอลโลตรงมุมขวาของเวทีสว่างขึ้น เปิดตัว พริ้ง คนเชียร์แขกแห่งบ้านเสน่ห์จันทร์ ออกมาแนะนำ สาว ๆ ในบ้าน
"เสน่ห์แห่งแสงจันทร์ ส่องสว่างในคืนที่เปลี่ยวเหงา มากับเราสิคะ แล้วคืนนี้คุณจะไม่เหงาอีกต่อไป"
ไฟบนเวทีสว่างขึ้นเห็นสาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์ เปิดตัว ศรี นำทีมสาว ๆ ของบ้านนับ 10 คนออกมาเต้นโชว์แขก เรียกเสียงเชียร์ได้อย่างคึกคักสนุกสนาน จนจบท่อนโซโลของตัวเอง เฮียหมาก็แนะนำตัวสาว ๆ อีกบ้าน
"ตามด้วยสาวๆ แห่งบ้านสุขสำราญ"
ไฟฟอลโลส่องสว่างขึ้นตรงมุมซ้ายของบ้าน เปิดตัว เพลิน คนเชียร์แขกแห่งบ้านสุขสำราญ ออกมาแนะนำตัวสาว ๆ ในบ้าน
"บ้านสุขสำราญ ปาฏิหาริย์ที่เป็นจริง นางฟ้าของเราจะทำให้คุณรู้ว่าสวรรค์เป็นยังไง"
ไฟบนเวทีสว่างขึ้น สาว ๆ บ้านสุขสำราญนับ 10 คน ที่ยืนหันหลังอยู่ หันหน้ามาเต้นตามจังหวะดนตรี
เอพริล เมย์ จูน สามสาวดาวดังแห่งบ้านสุขสำราญเต้นกันอย่างสุดเซ็กซี่เร่าร้อน เรียกเสียงเชียร์จากแขกในร้านไม่แพ้กัน จนจบท่อนโซโล่ของตัวเอง แล้วเฮียหมาก็ประกาศต่อ
"และขอแนะนำสุดยอดนางฟ้าคนใหม่ของเรา อดีต girl group ชื่อดัง พินนี่ แห่งวง สตรอเบอร์รี่ ควีน"
อินโทรลเพลง “ชอบเป็นของเธอ” ของวง “Girly Berry” ดังขึ้น ไฟบนเวทีส่องสว่าง สายพิณหรือพินนี่ขึ้นมาร้องเพลงบนเวที
"อย่าปล่อยให้คนแบบฉันสบตา อย่าปล่อยเวลาให้ฉันใกล้เธอ ถ้าเธอรู้ตัวว่ายังไม่พร้อม..."
บนเวที สายพิณจับไมค์ร้องเพลง เผยริมฝีปากอวบอิ่ม นัยน์ตาสุดเซ็กซี่
ส่วนนักเที่ยวด้านล่างกำลังดื่ม เคล้าคลอเคลียหญิงสาวคนอื่น ๆ รวมทั้งพนักงานเสิร์ฟชาย ต่าง หยุดกิจกรรมของตัวเอง หันมามองความสวยของสายพิณด้วยความหลงใหล จนกระทั่งถึงท่อนฮุก
สายพิณ สาวแสบ ที่จะทำให้ทุกหัวใจจดจำมิรู้ลืม เธอยืนร้องเพลงในชุดกระโปรงสั้นบางพลิ้ว ด้วยลีลานวดนายสุดเซ็กซี่
"ก็ใจของฉันชอบไปเป็น ชอบไปเป็นของเธอ แต่ใจเธอชอบไปเป็น ชอบไปเป็นของใค มันก็ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ"
ทันใดนั้นพัดลมที่ซ่อนอยู่ด้านล่างเวที ก็เปิดทำงาน พัดชายกระโปรงให้พลิ้วไหวไปตามแรงลม เผยให้เห็นเรียวขา สะโพกกลมกลึง แผ่นหลังเปลือยเปล่าและร่องอกเพิ่มความเซ็กซี่มากขึ้นไปอีก จนสะกดสายตาทุกคู่ที่มองมาได้อยู่หมัด
"แค่ติดนิสัยชอบไปฝัน ชอบไปฝันถึงเธอ อาจจะฝันแต่ไม่เพ้อ ไม่ได้เพ้อแน่นอน ถึงฉันได้ไม่ได้มาก่อน แต่ตอนนี้ฉันรัก รักเธอไม่ต่างกับใคร"
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโวยวายมาจากด้านหน้า
การ์ดของร้านร้องห้าม แนนนี่อดีตดาวดังของที่นี่ ไม่ให้เข้ามาก่อความวุ่นวาย
"เข้าไปไม่ได้นะแนนนี่"
แนนนี่อยู่ในสภาพเมามาย แก้มตอบ ตาโหล เหมือนคนติดยา เอะอะโวยวายด้วยความไม่พอใจ พริ้ง เฮียหมา คนทั้งร้านหันมามองแนนนี่เป็นตาเดียว
"ฉันเคยเป็นนางฟ้าของที่นี่ ทำไมจะเข้าไปไม่ได้ ฉันจะไปดูหน้ามัน ดูซิว่ามันจะทำหน้ายังไง เวลาเห็นคนที่มันเคยบอกว่าเป็นเพื่อนรัก แต่กลับถูกมันแย่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ฉันเกลียดมัน ได้ยินมั้ยฉันเกลียดมัน ฉันเกลียดมัน"
อย่างไม่มีใครคาดคิดแทันใดนั้น แนนนี่ก็ถอดรองเท้าปาหน้าสายพิณที่กำลังร้องเต้นอยู่บนเวที สายพิณที่ไม่ทันระวังตัวล้มลง แขกในร้านฮือฮาด้วยความตกใจ พริ้งรีบบอกศรีและพวกสาว ๆ ในร้าน
"รีบไปพาตัวสายพิณลงมาเร็ว"
แต่ไม่ทัน แนนนี่กรี๊ดออกมาสุดเสียง ผลักการ์ดล้มระเนระนาด ก่อนจะกระโจนขึ้นไปบนเวที
แนนนี่ขึ้นคร่อมกระหน่ำตบสายพิณอย่างบ้าคลั่ง สายพิณปัดป้อง
"อย่าแนนนี่ เธอกำลังเข้าใจผิด ฟังฉันอธิบายก่อน โอ๊ย อย่าแนนนี่ อย่า..."
ศรีกับสาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์ขึ้นมาดึงตัวแนนนี่ออกไป
"หยุดเดี๋ยวนี้แนนนี่"
แนนนี่หันมาถ่มน้ำลายใส่ศรีและสาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์ที่เหมือนหมาบ้า ศรีและพวกสาว ๆ ร้องกรี๊ด ๆ หลบกันพัลวัน พริ้งที่เดินตามมาทนไม่ไหวเข้าไปกระชากไหล่แนนนี่ให้หันมา พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“หยุดกะหรี่ได้แล้วนังแนนนี่”
พริ้งตบหน้าแนนนี่อย่างแรงจนล้มลง แนนนี่หันมาด่าพริ้งทั้งน้ำตา
“เจ๊ก็ดีแต่เข้าข้างมัน ไม่รู้เหรอว่ามันตอแหลขนาดไหน มันแย่งทุกอย่างไปจากฉัน มันแย่งทุกอย่างไปจากฉัน”
“ยาน่ะเล่นเข้าไป สารรูปยังกะผีเดินได้ ยังมีหน้าจะมาโทษคนอื่นอีก”
การ์ดเข้ามาพอดี พริ้งสั่ง
“เอาตัวมันออกไป ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว”
การ์ดเข้ามาลากตัวแนนนี่ออกไป แนนนี่กรีดร้องเหมือนคนบ้า
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป ... ฉันขอสาปแช่งหล่อนอีสายพิณ ขอให้หล่อนตกนรกหมกไหม้ อย่าได้ผุดได้เกิด ทุกข์ทรมานแสนสาหัสทั้งยามหลับยามตื่น จมอยู่กับความตอแหลหลอกลวงที่หล่อนสร้างขึ้นมา ขอให้หล่อนไม่มีความสุข ไม่มีวันเจอคนจริงใจ ฉันขอสาปแช่งหล่อน ฉันขอสาปแช่งหล่อน”
ในห้องแต่งตัวฝั่งบ้านเสน่ห์จันทร์ ศรีเช็ดเลือดที่ไหลมาจากตีนผมตรงขมับด้านซ้ายให้สายพิณ พลางพูดปลอบโยน
“อย่าคิดมากน้องพิณ มันก็พวกขี้แพ้”
สายพิณดูอ่อนแอและบอบบาง
“ขอบใจพี่ศรีมากนะจ๊ะ”
“เลือดหยุดไหลแล้ว โชคดีที่แผลไม่ใหญ่”
พริ้งบอก
“ถ้าไม่ไหวจะพักก่อนก็ได้นะ” แล้วหันไปบอกศรีและพวกสาวๆ “ไม่มีอะไรแล้ว แยกย้ายกันไป
ทำงานได้แล้ว”
พอพริ้งและพวกสาว ๆ เดินลับไป สายพิณก็แปรเปลี่ยนเป็นอีกคน กวาดข้าวของบนโต๊ะหล่นระเนระนาด พูดด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
“สาปแช่งฉันงั้นเหรอ คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมตกต่ำแบบนี้ไปตลอดเหรอ ไม่มีทาง”
แววตากร้าวของสายพิณยามนี้ ต่างกับท่าทีใสซื่อในตอนแรกราวกับเป็นคนละคน
กลางวันต่อมา จันทร์ฟอง กำลังเล่นไพ่ร่วมกับเพื่อนของชิตสามสี่คน ชายสามหญิงหนึ่ง กำลังเล่นป๊อกเด้งกัน
สนุกสนาน ควันจากยาอวลตลบเต็มห้อง
“ไรวะ พี่ทำไพ่รึเปล่าวะเนี่ย โกยเอาโกยเอา”
“น้องจันเป็นเจ้ามือให้พี่ไหมล่ะ หรือไม่ก็แจกไพ่ให้พี่ก็ได้ ถ้าไม่เชื่อใจกัน”
“ไม่มีเงินแล้ว ไม่เล่นแล้ว”
จันทร์ฟองลุกแยกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ชิตเดินหน้าระรื่น แต่ดูเพลีย ๆ ไม่ใส่เสื้อออกมาจากห้อง เหงื่อท่วมตัว กำลังดึงซิบกางเกง ชิตยักคิ้วให้ จันทร์ฟองสีหน้าไม่พอใจ
“นังนงล่ะ”
“หลับสบายไปแล้ว”
ชิตหัวเราะแล้วไปร่วมกลุ่มเล่นไพ่กันต่อ จันทร์ฟองเข้าห้องนอนไป ชิตมองตาม สายตามีแผนแล้วลุกออกไปนอกห้อง
จันทร์ฟองเข้ามาพบว่า นงเยาว์นอนระทวยอยู่บนเตียง ใส่เสื้อผ้าแล้ว แต่รุ่ยร่าย ผมกระเซิง
“แกเคยสัญญาไม่ใช่เหรอ ว่าแกจะไม่ขายตัว”
นงเยาว์ลุกขึ้นจัดระเบียบผม
“แล้วฉันขายเหรอ”
“นอนกับไอ้ชิตแบบนี้ ก็ขายตัวละวะ อย่ามาบอกนะว่านอนฟรี เพราะมันให้เงินแกด้วย ฉันรู้”
"อีจัน ถ้าแกว่าฉันขายตัวให้มัน แล้วแกล่ะ แกก็กินขนม กินน้ำแข็งจากมัน แถมกินฟรีเสียด้วย"
จันทร์ฟองหน้าสลดไป นงเยาว์ลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดูแลหน้าตา
"ฉันรู้ ฉันถึงว่ามันแปลกไง ทำไมมันมาใจดีกับเราขนาดนี้ มีแผนอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้"
"คิดมากน่า"
"ไปจากที่นี่เถอะว่ะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว" จันทร์ฟองบอก
"ฉันยังสนุกอยู่ แกเองก็ขาดยาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ"
จันทร์ฟองยิ่งสลดกว่าเดิม
"อย่าให้พี่ตงรู้ก็แล้วกัน ว่าแกหนีมาใช้ชีวิตแบบนี้"
นงเยาว์สีหน้าเจ็บปวดเมื่อ จันทร์ฟองพูดถึงพี่ชาย
ภายในบ้านสุขสำราญ ในห้องนวด หมอนวดชายร่างกำยำเปลือยท่อนบน ท่อนล่างใส่ผ้าขนหนูตัวจิ๋วกำลังนวดร่างอวบอัดเปลือยหลังของนางพิศอยู่บนเตียง นางพิศนอนคุยโทรศัพท์ด้วยท่วงท่าเซ็กซี่ สาวใหญ่ร้อนแรงและดูทรงอำนาจ
"ดีมากลูกชิต รีบจัดการเลยก่อนที่ไก่จะตื่น"
ชิตออกมาคุยมือถืออยู่โถงทางเดินหน้าห้อง
"ได้ครับแม่ แต่รับรองนะครับว่าเพื่อน ๆ ผมจะไม่โดนข้อหาอะไร"
"แนะ ดูพูดเข้า ไม่เชื่อใจแม่เสียแล้ว รับรองจ๊ะ จ่าเขาอยู่ทั้งคน งานนี้ถ้าสำเร็จ แม่จะตอบแทนให้ทั้งเงิน ทั้งตัว ทั้งหัวใจเลยลูก"
ชิตทำเสียงอ้อนแบบเด็ก
"แม่อ๊ะ....พูดไร ผมยังเด็กอยู่นะ"
"พูดเสียงแบบนี้อีกแระ วันไหนมาหาแม่อย่าลืมแต่งเป็นเด็กนักเรียนมานะ อ้อ เดาะบอลมาด้วยก็ดี"
"จัดให้ครับ"
"มาเร็ว ๆ นะ แม่อยากกินน้ำแข็งใส"
"น้ำแข็งใสไรแม่"
"น้ำแข็งใสใส่ลูกชิตไง ฮิฮิ"
พิศหัวเราะแล้วกดสายทิ้ง
"น้องเอก นวดไหล่ไป"
พิศลุกขึ้นนั่งไขว่ห้าง ผ้าขนหนูเกาะอก หมิ่นเหม่เต็มที น้องเอกนวดหลังไหล่ พิศหันไปมองทางมุมห้อง ยิ้มยั่วยวนจ่าพยับ ทั้งหล่อทั้งเถื่อน นั่งจิบเบียร์ดูและฟังลีลาของพิศอย่างเพลิดเพลิน
"ตกลงอ้อนเด็กหรือเด็กมันอ้อน" พยับถาม
"ผลัดกัน ทุกอย่างเรียบร้อย จ่าจัดการได้เดี๋ยวนี้เลย"
"งานนี้ไม่ฟรีนะ"
"พี่เคยเบี้ยวจ่าเหรอคะ ส่วยทุกครั้งก็จ่ายครบนี่ แถงยังมีของแถมให้อีกต่างหาก"
"งานนี้ถ้าเด็กสวยถูกใจ ก็ขอแถมอีกนะเจ๊"
พิศยิ้มระรื่น พยับลุกขึ้นแล้วมาลูบไล้ไหล่อวบอิ่มของพิศ ก่อนจะออกไป พิศค่อย ๆ คลายยิ้ม เป็นกังวลขึ้นมา เพราะกลัวเด็กใหม่ถูกเปิดซิงจะชำรุดเสียหมด
"นวดแรง ๆ เอก ไม่ต้องกลัวเจ๊เจ็บ"
อ่านต่อหน้า 4
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
มุมหนึ่งที่หน้าบาร์เบียร์ตอนกลางวัน เจ๊จูเดินคุยมากับแมงดา
"ตกลงนังเด็กนั่นมันไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าต้องทำอะไร"
"อือ สงสัยจะถูกหลอกมา"
เจ๊จูขัดใจ
"งั้นก็จับตาดูให้ดี ๆ ถ้ามีปัญหานักก็จับส่งลงใต้เลย ฉันไม่อยากเสียเงินฟรี ๆ"
เสียงต้อยดังเข้ามา
"แหม เดินคุยกันเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ รวยกันซะจริงนะ"
"นังต้อย"
ต้อย สาวฮา อารมณ์ดีลีลาแซ่บ ถามเจ๊จูด้วยลีลาท่าทางกวนประสาท
"เจ๊จำฉันได้ด้วยเหรอ คิดว่าลืมหน้าสวย ๆ ของฉันไปซะแล้ว"
"ถ้าอย่างหล่อนเรียกว่าสวยหมาขี้เรื้อนก็เป็นนางงามได้ มีอะไรว่ามา ก่อนจะโดน
หลังมือ"
"ขู่แล้วไม่กัดก็หมาเหมือนกันนะเจ๊"
เจ๊จูโกรธ สวนแรง
"อย่ามาทำปากเก่งแถวนี้นะ"
ต้อยสวนกลับอย่างไม่กลัว
"งั้นก็จ่ายค่าตัวที่ค้างฉันมาสิ"
ทั้งคู่เริ่มโมโห
"ร้อยวันพันปีขายไม่เคยออก ยังจะมีหน้ามาทวงเงินอีก"
"อ้าว พูดอย่างงี้ได้ไง แล้วที่ฉันขึ้นโชว์ทุกคืนล่ะ" ต้อยบอก
"ก็หักเป็นค่ากินค่าอยู่นี่ไง หรือหล่อนคิดว่าฉันจะให้อยู่ฟรี ๆ"
"แต่ที่ตกลงกันไม่ใช่อย่างนี้นี่"
เจ๊จูกวนประสาทใส่
"ไม่เคยได้ยินเหรอที่เค้าบอกว่า รายละเอียดสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า"
"อย่างนี้มันโกงกันชัด ๆ"
"งั้นก็จับแขกให้ได้สิ จะได้ไม่ต้องเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนร้องขอส่วนบุญ"
"ถ้าฉันผี เจ๊ก็เปรตสิ ถึงได้มาเบียดเบียนฉัน"
"อ้าว อีนี่วอน ถ้าไม่พอใจก็ไสหัวออกไปเลย"
"นี่เจ๊ไล่ฉันเหรอ"
"เออ จะตบให้ด้วย" เจ๊จูเงื้อมือเอาจริง
"ฉันไม่ไป ยังไงฉันก็ไม่ไปจนกว่าเจ๊จะจ่ายเงินฉัน"
"จับมันโยนออกไป"
แมงดาเข้าไปจับตัวต้อย ต้อยดิ้นสู้ไม่ยอม
"ฉันไม่ไป ยังไงก็ไม่ไปจนกว่าฉันจะได้เงินของฉัน"
"ถ้ายังจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ต่อก็ไปซักผ้าถูบ้านล้างส้วมให้สะอาด ไม่อย่างนั้นหล่อนได้เป็นกะหรี่เร่ร่อนเป็นเจ้าไม่มีศาลแน่อีต้อย"
ภายในห้องพักหลังร้าน ต้อยกระแทกถังน้ำลงบนพื้นอย่างไม่พอใจ
"โอ๊ย อะไรกันนี่ เป็นกะหรี่ด้วยขี้ข้าด้วย มันจะซวยคอมโบ้เชตอะไรขนาดนี้ อย่าให้ถึงทีอีต้อยบ้างแล้วกัน"
ต้อยจะถูพื้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องครางฮือ ๆ ดังแว่วมา ต้อยตกใจหันขวับมองซ้ายขวา
"เสียงอะไร"
เสียงครางฮือ ๆ ดังมาจากอีกด้าน ต้อยหันขวับไปมองด้วยความกลัว
"เอาแล้วไงกะหรี่ถูกผีหลอก" ต้อยยกมือไหว้ด้วยความกลัว "เจ้าพระคุณ อย่ามาหลอกมาหลอนลูกเลย แค่เป็นกะหรี่อาศัยเสียวกับผัวชาวบ้านก็แย่แล้ว อย่าให้ต้องถูกผีหลอกอีกเลย แต่ถ้าอดใจไม่ไหวก็ให้หวยลูกดีกว่า ถูกแล้วเดี๋ยวจะทำบุญไปให้"
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใบพรแว่วมาจากอีกทางหนึ่ง เธอครวญครางอย่างคนหมดแรง
"ปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยฉัน"
ต้อยหันขวับไปทางเสียง นึกเอะใจอะไรบางอย่าง
"ผีอะไรหลอกกลางวันแสก ๆ"
ต้อยหันมองซ้ายขวาพอเห็นว่าปลอดคนก็หยิบกุญแจพวงใหญ่ออกมาไขเข้าไปข้างใน
ต้อยเปิดประตูเข้ามาในห้องที่มีแสงสลัว ๆ
"ยู้ฮู้ คนหรือผี ถ้าไม่มีใครอยู่ ฉันไปนะ"
ต้อยไม่เห็นอะไรทำท่าจะหันหลังกลับ ทันใดนั้นก็มีมือมาคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าต้อย ต้อยร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
"แว้ก ผีหลอก"
ใบพรคว้าข้อเท้าต้อยไว้ ร้องบอกต้อยน้ำเสียงอ่อนแรง เพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน
"ฉันไม่ใช่ผี ช่วยฉันด้วย"
ต้อยได้สติ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นดูพอเห็นว่าเป็นคนก็ร้องถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
"คนจริงด้วย แล้วมาทำอะไรในห้องนี้"
"ฉันถูกหลอกมาขาย"
"ถูกหลอกมาขาย" ต้อยรีบออกไปปิดประตู แล้วถามด้วยความสงสัย "เรื่องเป็นไงมา
ไงไหนเล่าให้ฉันฟังซิ"
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่สถานีตำรวจ ร้อยเวรรับสายแล้วฟังเรื่องราวจากต้อยที่แอบโทรศัพท์ในตู้สาธารณะ
"ว่าไงนะครับ มีผู้หญิงถูกหลอกมาขาย"
"ใช่ค่ะ ตอนนี้ถูกทรมานให้อดข้าวอดน้ำหลายวันแล้ว คุณตำรวจต้องรีบมาช่วยนะคะ ไม่งั้นผู้หญิงคนนั้นตายแน่ ๆ"
"ใจเย็น ๆ นะครับ อย่าเพิ่งผลีผลามทำอะไร รอจนกว่าตำรวจจะไปถึง"
"ค่ะคุณตำรวจ" ต้อยวางสายพูดกับตัวเอง "โกงใครไม่โกงดันมาโกงคนอย่างอีต้อย งั้นก็เชิญหล่อนไปกินข้าวแดงในคุกเลย อีขี้งก"
ต้อยหัวเราะร้าย ก่อนจะสำลักน้ำลายตัวเองไอแค่ก ๆ ๆ ออกมา
เด็กสาวชาวเขาและประเทศเพื่อนบ้านราว 10 คนถูกพามาขาย ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่หลังร้านบาร์เบียร์ เจ๊จูเดินมองหน้าตาทีละคนด้วยความพอใจ
"ล็อตนี้หน้าดีหลายคน" เจ๊จูหันไปถามแมงดาที่เดินอยู่ข้าง ๆ "แล้วนังเด็กนั่นเป็นไงบ้าง"
"มันยังไม่ยอมเลยเจ๊ ขนาดให้อดข้าวตั้งหลายวัน"
เจ๊จูถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
"ลองพูดกับมันดี ๆ ให้มันคิดถึงพ่อแม่มันที่ต่างจังหวัด จะได้มีกินมีใช้ไม่น้อยหน้าคนอื่น"
"จะไปเสียเวลาคุยกับมันทำไม ฉันว่าจัดมันไปซักดอกสองดอก ขี้คร้าน พอมันเสีย จนไม่มีอะไรจะเสียแล้วเดี๋ยวก็ยอมเอง"
"เสียของหมด เอาเป็นว่าถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็แล้วแต่แกแล้วกัน"
"ได้เลยเจ๊"
แมงดายิ้มหื่น
ฝ่ายนงเยาว์และจันทร์ฟองยังคงเมายากันอยู่ในห้อง เพื่อน ๆ ยังเล่นไพ่เสียงลั่น เพลงเปิดสนั่น เสียงกระแทกประตูลั่น ทั้งหมดหยุดกิจกรรม ชิตลุกพรวด
"ตำรวจ"
ทั้งหมดในห้องแตกฮือ กรูกันออกไปที่ระเบียง และห้องนอน บางคนเข้าห้องน้ำ นงเยาว์ลุกพรวดขึ้น แล้วดึงร่างของจันทร์ฟองให้วิ่งตามแต่จันทร์ไม่มีแรงลุก
"อีจันเร็ว"
จันทร์ฟองไม่สามารถ ประตูถูกกระแทกเข้ามา ตำรวจนอกเครื่องแบบกรูเข้ามาหลายนาย พร้อมอาวุธ
"หยุด อย่าหนีนะ เก็บของกลางให้หมด"
ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เหลือกรูเข้าจับที่เหลือ ช่างภาพท้องถิ่นเข้ามาถ่ายรูป นงเยาว์และ จันทร์ฟองหลบหน้า ยกมือบังไว้
ชิตที่หลบอยู่ในห้องน้ำ กำลังถูกตำรวจรวบตัว แอบมองมาที่สองสาว ยิ้มอย่างย่ามใจ
บาร์เบียร์ตอนกลางคืน ต้อยใส่ชุดโชว์ เปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างระแวดระวัง เข้ามาถามใบพรที่นอนหน้าตาอิดโรยด้วยความเป็นห่วง
"เป็นไงบ้าง หิวมั้ย ฉันเอาของกินมาให้"
ต้อยล้วงซาลาเปาจากเสื้อในทั้งสองข้างส่งให้ใบพร
"อันนี้ไส้หมูสับ อันนี้ไส้ถั่วดำ กินซะจะได้มีแรง"
ใบพรส่ายหน้ากินไม่ลง ควักออกมาอย่างนั้น ใครก็ไปกินลง
"ทำไมอะ ไม่ชอบเหรอ หอยจ้อ บ๊ะจ่างก็มีนะ"
ต้อยดึงขอบกระโปรง ล้วงหยิบหอยจ้อที่หั่นเป็นคำ ๆ ใส่ถุงพลาสติกและบ๊ะจ่างที่ซ่อนอยู่ในสเตย์รัดหน้าท้อง ส่งให้ใบพร
"เอานี่น้ำจิ้ม" ต้อยหยิบซองซอสพริกจากกางเกงในมาวางคู่กัน
"ฉันไม่กิน ฉันยอมตายดีกว่า"
"ถ้าไม่กินแล้วจะมีแรงหนีได้ไง"
ใบพรแปลกใจ
"หนี"
"ใช่ ฉันแจ้งตำรวจแล้ว เดี๋ยวตำรวจก็มา"
ใบพรดีใจ
"เธอไม่ได้หลอกฉันใช่มั้ย"
ต้อยเซ็ง
"หน้าฉันเหมือนผีหรือไง"
ใบพรเสียงอ่อย ๆ
"เปล่า"
"งั้นก็กินซะ แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก"
ต้อยหยิบซาลาเปาส่งให้ใบพรอย่างงอน ๆ ใบพรรับมากินอย่างหิวโหย
"ตอนนี้พวกมันให้ทำอะไรก็ยอมๆ ไปก่อน รอจนกว่าตำรวจจะมาถึงเข้าใจมั้ย"
"อือ"
แมงดาเปิดลิ้นชักจะหยิบกุญแจล็อกห้องใบพร แต่กุญแจไม่อยู่ในนั้น ก็พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
"กุญแจไปไหน"
แมงดาสังหรณ์ใจไม่ดี รีบออกไปที่ห้องใบพร
ต้อยล็อกกุญแจหน้าห้องเสร็จก็รีบออกไป แต่ต้องตกใจหน้าถอดสีเมื่อเห็นแมงดาเดินขึ้นบันไดมา ต้อยมองซ้ายมองขวาหาที่ซ่อน ก่อนจะเห็นห้องพักของพวกสาว ๆ เรียงรายอยู่ เป็นห้องย่อย ๆ ต้อย รีบตรงไปที่ประตู จะเปิดเข้าไปแอบข้างใน แต่ประตูล็อก จึงรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องอื่น ๆ ดู แต่ประตูห้องอื่น ๆ ก็ล็อกเช่นกัน
แมงดากึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดมา ต้อยหยิบพวงกุญแจพวงใหญ่ออกมาไล่ไขทีละดอก มือไม้สั่น จนประตูเปิดออก เป็นจังหวะเดียวกับที่แมงดาโผล่พ้นบันไดมาถึงพอดี ต้อยเข้าไปแอบในห้องได้อย่างเฉียดฉิว
แมงดาตรงมาที่ห้องใบพรเห็นประตูล็อกอยู่ก็พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
"ก็ยังอยู่"
ต้อยแอบอยู่ในห้องด้านหลังแมงดา ค่อย ๆ เปิดประตูแง้มออกมา แล้วย่องออกไป โดยที่แมงดาไม่ทันเห็น
แมงดาเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยความงุนงงสงสัย คนคุมร้านถือถาดอาหารที่จะเอาไปให้ใบพรตรงเข้ามา
"อาหารที่จะเอาไปให้มันได้แล้วพี่"
"แกเห็นกุญแจห้องหรือเปล่าวะ"
"ก็อยู่ในนี้ไงพี่"
คนคุมร้านเปิดลิ้นชักออก เห็นกุญแจพวงใหญ่วางอยู่ในนั้น แมงดาพูดด้วยความสงสัย
"เป็นไปได้ไง"
ในเวลาเดียวกัน ณ บ้านนักการเมืองชื่อดัง ยามค่ำคืน มีรูปถ่ายครอบครัวของนักการเมืองชื่อดังวางประดับตกแต่งตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน ไล่ไปจนถึงตู้เซฟ
ตงและสิงห์สวมหมวกไหมพรมโกยแบงก์พันเป็นปึก ๆ ใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมาอย่างเร่งรีบ
เจ้าของบ้านและลูกเมียวัยรุ่นชายหญิงถูกมัดมือไพล่หลัง นั่งอยู่ตรงมุมห้องด้วยความหวาดกลัว แต่คนเป็นพ่อหน้าตามีพิรุธเหมือนกำลังทำอะไรบางอย่าง ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของบ้านแอบหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงของลูกชาย กดปุ่มลัด เห็นหมายเลข 191 ปรากฏตรงหน้าจอ ได้ยินเสียงสัญญาณรับสาย ดังขึ้น ชายเจ้าของบ้านพูดขึ้นมาลอย ๆ บอกเบาะแสตำรวจ
ตงได้ยินเสียงหันขวับมามองอย่างไม่เป็นมิตร
"บ่นอะไร"
เจ้าของบ้านรีบขยับตัวมาบังมือถือไว้ พูดเสียงเรียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ฉันบอกว่าอยากได้อะไรก็เอาไป แต่อย่าทำร้ายลูกเมียฉัน"
"แน่ใจ ? ว่าเมื่อกี๊พูดอย่างนี้"
ตงย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่ไว้ใจ ลูกเมียเหลือบมองมือถือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของคนเป็นพ่อ ก่อนจะเหลือบมองกันอย่างลุ้น ๆ กลัวว่าจะถูกจับได้ แต่ก่อนที่ตงจะถึงตัวเจ้าของบ้าน สิงห์ก็เข้ามาเสียก่อน
"เรียบร้อยแล้วพี่"
ตงชี้หน้ากำราบทุกคนในบ้าน ก่อนจะเดินตามสิงห์ออกไป
สิงห์ ตงเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดแอบพิงกำแพงรั้วอยู่ โยนหมวกกันน็อกให้ตง แล้วสวมให้ตัวเอง ก่อนจะขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ตงกำลังหยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของสายตรวจผ่านมา ก็ร้องบอกสิงห์ด้วยความตกใจ
"ตำรวจ"
สิงห์ มาดเข้ม หนวดเครารุงรังกำลังสตาร์ตรถอยู่ หันมามองด้วยความตกใจ
อ่านต่อตอนที่ 2 พรุ่งนี้