xs
xsm
sm
md
lg

“เพียว - สุมาภรณ์”เมื่อชีวิต...มันแน่นอก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากปรากฏการณ์ “แน่นอก” ยกประเทศที่ฟีเวอร์จนเกิดเป็นคลิปเต้นคัฟเวอร์มากมายหลายเวอร์ชัน...เวอร์ชันหนึ่งที่หลายคนต่างพูดถึง โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่คงจะได้ผ่านตาไปแล้วกับลีลาของเรือนร่าง และความน่ารักสวยใส กับท่าเต้นแน่นอกที่ชวนให้แน่นใจ...ในแบบของ “เพียว - สุมาภรณ์ วันดี”
 
ยอดวิวที่พุ่งทะยานถึง 2 ล้านวิวภายในไม่กี่วัน ส่งให้สาวน้อยร่างเล็ก ขาวใส น่ารัก แต่อกโตเด่นจนหลายคนต้องสะดุดตามอง
 
“ก็อยากดังน่ะพี่” เธอเผยสาเหตุของการทำงานแนวเซ็กซี่ เป็นความจริงที่ตรงและไม่อ้อมค้อมใดๆ “คือหนูพยายามมาหลายอย่างแล้ว ตัวเราเองก็ไม่มีจุดเด่นอะไรให้คนเขาสนใจ ถ้ามีอกใหญ่ทำอะไรมันก็ดูเด่นขึ้น น่ามองขึ้น”
จากนั้นเมื่อทีมงาน m - lite ถามถึงความเป็นมาในชีวิตของเธอ เราก็พบแรงผลักดันหนักหน่วงที่ทำให้ผู้หญิงอย่างเธอไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
 
“พ่อแม่หนูเป็นชาวนาชาวสวนอยู่ที่มุกดาหาร...บ้านปลูกแค่สังกะสีล้อมเสา มีแค่นี้จริงๆ มองย้อนไปชีวิตก็สงสารพ่อแม่มากๆ ชีวิตเราโคตรลำบาก หนูเลยคิดว่า ยังไงก็ต้องมีเงินให้ได้” คำตอบของเธอเจือด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงแววเศร้า

จากชีวิตหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งสู่พิธีกร เน็ตไอดอลแนวเซ็กซี่ ผ่านการศัลยกรรมเพิ่มขนาดหน้าอก การตัดสินใจ การมีชีวิตของเธอ บอกได้เลยว่าเต็มไปด้วยการต่อสู้ และบททดสอบที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

อกเล็กเรื่องใหญ่!

ก้าวแรกสู่วงการของเธอ...ไม่ใช่ก้าวที่สวยงามนัก เมื่ออายุ 20 ปี เธอได้เป็นศิลปินในสังกัดของย๊าคทีวีในเครืออาร์เอส ชนะการประกวดได้เป็น 1 ใน 8 สาวศิลปิน บีบี เจน ไอดอล เกิร์ลกรุ๊ปแนวป็อปแดนซ์วงหนึ่ง แต่หลังจากเซ็นสัญญาไป 2 ปีได้ไปออกรายการต่างๆอยู่ช่วงหนึ่ง พร้อมทั้งออกซิงเกิลเพลง แต่กลับไม่มีโปรเจกต์ใดๆ ต่อ ทำให้เกิดการยกเลิกสัญญาขึ้น

“ตอนนั้นออกซิงเกิลแต่ก็ไม่มีอะไร ได้ไปออกรายการเป็นแขกรับเชิญบ้าง แล้วต่อมาพ่อแม่ของน้องๆ คนอื่นก็เห็นว่า มันไม่มีอะไรเท่าไหร่ เลยยกเลิกสัญญา”

มองดูแล้วเป็นก้าวแรกสู่วงการที่ไม่ค่อยจะสวยงามสักเท่าไหร่ วันหนึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีจุดเด่นใดๆ และความสามารถเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ เธอจึงตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่การประกวดสาวแนวเซ็กซี่ของนิตยสารสำหรับผู้ชายอย่าง เอฟเอชเอ็ม

“คนก็รู้จักเยอะขึ้น ลุคเซ็กซี่ ก็มีติดต่อมาถ่ายแบบ แต่เราก็ยังไม่ถ่าย ก็ไปประกวดต่อ คือพอเข้ารอบลึกๆของเอฟเอชเอ็มแต่ไม่ได้ชนะเลิศ อกหักก็ไปประกวดแม็กซิมต่อเลย แต่พอไป พี่เขาเห็นว่าจะลงประกวดลองมาถ่ายรายการเป็นแขกรับเชิญก่อนมั้ย?”

เธอจึงได้โอกาสเป็นแขกรับเชิญอีกครั้งในฐานะสาวเซ็กซี่คนหนึ่งในรายการของแม็กซี่ทีวีในเครือของนิตยสารแม็กซิม และแล้วจากการเป็นคนช่างพูดช่างคุย บวกกับความน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติ และเรืองร่างน่ามองที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของรายการ จากแขกรับเชิญเธอถูกขยับเลื่อนตำแหน่งจนกลายเป็นพิธีกรเต็มตัวในที่สุด

“พอไปถ่ายได้ประมาณ 1 - 2 รายการ เขาก็เริ่มเห็นว่า คุยเก่ง คุยสนุกอยากให้ลองแคสต์งานพิธีกรดีมั้ย? พอลองแคสต์เดู เขาก็ชอบ รู้สึกว่า เราทำได้ ก็เลยสละสิทธิ์จากการประกวด หลังจากนั้นมาก็จะมีงานเยอะมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานพรีเซ็นเตอร์เกม งานถ่ายแบบ”

ย้อนกลับไปสู่การตัดสินใจเดินมาในสายทางของงานแนวเซ็กซี่ การทำศัลยกรรมเพิ่มขนาดหน้าอก เธอยอมรับตามตรงเลยว่า เพราะตัวเองไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่ได้มีหน้าตาสวยมาก หรือมีเสน่ห์เป็นพิเศษ จุดเด่นที่มีเพียงความน่ารักอาจไม่พอที่จะทำให้เธอเดินต่อไปในหนทางแห่งแสงไฟ

“หนูคิดว่า ตัวเราอยากจะดัง แล้วเราไม่รู้ว่าจะขายอะไร เรามันไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็เลยแบบ เฮ่ย! ตัวเราเล็ก หน้าตาเราไม่ได้สวยอะไรมากมาย แต่ถ้าเรามีหน้าอกที่มันใหญ่ เราคิดว่า คนโน่นก็เซ็กซี่ ไอดอลเราก็เซ็กซี่ ก็ลองประกวดหลายที่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรไง จนถึงตอนนี้เราชอบเบื้องหน้า เราอยากเป็นพิธีกร อยากทำงานในวงการบันเทิงก็ทำเลยตัดสินใจแบบนี้”

ฟังดูเป็นความจริงอันโหดร้าย แต่เธอก็เผชิญกับมันมาแล้ว และรู้ดีว่า หากเธอไม่มีหน้าอกหน้าใจไซส์ใหญ่ขนาดนี้ ผู้คนคงไม่สนใจเธอ และเมื่อไม่มีคนสนใจ เธอก็คงไม่มีงานในวงการ

“ถ้าลองเพียวไม่มีหน้าอกดู เพียวก็ไม่สามารถที่จะไปประกวดอะไรให้มันน่าสนใจ แม้กระทั่งการเป็นพิธีกร การหน้าอกมันก็เด่น แต่ถ้าไม่มี...ถึงจะพูดตลกบ้างหรือกล้าแสดงออก แต่มันก็ยังไม่มีจุดเด่น

“จริงๆแล้ว เราไม่ได้เน้นเซ็กซี่มาก แต่เราตลกน่ารักและด้วยความที่เรามีหน้าอกใหญ่ มันน่ามองขึ้นเยอะมาก มีงานขึ้นเยอะ มันก็ช่วยดึงดูดความสนใจได้มากเลย ความสามารถอย่างเดียวมันอาจจะไม่พอ ก็ต้องเสริมกันด้วยทั้งความสามารถหน้าตา ทุกอย่างมันต้องมีต้องไปด้วยกัน”


วัยเด็กที่ถูกวางกรอบ

มองย้อนกลับไป เธอเผยว่า อยากเข้าวงการมาตั้งแต่เด็กๆ โดยชอบดูเพลงของศิลปินทั้งอาร์เอส แกรมมี่ในยุคที่เพลงแนวป็อปแดนซ์ครองเมือง ไชน่าดอล, แคทริยา อิงลิช เป็น 2 ไอดอลที่เธอจำได้ในวัยเด็ก ทั้งเต้นและร้องเก่งครบเครื่อง ความฝันวัยเด็กของเธอคือ การได้เป็นนักร้องอยู่บนเวทีมีคนส่งเสียง ปรบมือ และเป็นคนดัง

“เราอยากจะเป็นนักร้องอยู่บนเวที อยากจะเต้น เป็นศิลปิน อยากอยู่บนเวทีแล้วคนกรี๊ดปรบมือให้แล้วเป็นคนดัง”

ทว่าชีวิตวัยเด็กกลับเป็นช่วงหนึ่งที่เธอรู้สึกว่า ชีวิตไม่มีความสุขนัก จากการที่ถูกวางกรอบวางเกณฑ์บอกเส้นทางที่ควรจะเดินไป ครั้งหนึ่งที่จำได้คือ เธอถูกดุเพียงเพราะมองออกไปนอกหน้าต่าง จากวัยเด็กในชนบทที่บ้านเกิดในจังหวัดมุกดาหาร สู่บ้านน้าที่นนทบุรี และห้องพักในกรุงเทพฯ เธอปรับเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนแปลงตัวตนไปในหลายทาง สิ่งหนึ่งที่เป็นเธอคือความเป็นคนกล้าแสดงออกตั้งแต่เด็ก
 
“ตอนเด็กเป็นเด็กกิจกรรมมาก คือเด่นตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งกิจกรรม เป็นเชียร์รีดเดอร์ เป็นดัมเมเยอร์ของโรงเรียน ถือป้าย นางรำของโรงเรียน ที่ห้องนาฏศิลป์จะเป็นตัวเอกเลยค่ะ ต้องฝึกซ้อมตลอด ชั่วโมงเรียนนาฏศิลป์จะเป็นตัวนาง ตัวเด่นตลอด คือชอบตั้งแต่เด็กแล้ว ประถม มัธยมขึ้นมาตลอด

“แต่ที่บ้านเขาจะไม่ค่อยสนใจ ไม่สนับสนุนอะไร พอมาทำก็ปล่อยไป แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ ก็บอกว่า ฉันไม่อยากให้แกมาทำอะไรแบบนี้ เพราะกรุงเทพฯมันอาจจะแบบว่า เราเป็นคนบ้านนอก การเข้ามากรุงเทพฯมันอันตรายมั้ย การเดินทาง การคบเพื่อนอะไร กลัวเหลวไหลไม่อยากไปเรียน เอาง่ายๆ คือกลัวมีผู้ชาย กลัวท้องก่อนจบอะไรแบบนี้ ก็เลยไม่อยากให้ยุ่งกับใคร ไม่ให้ทำอะไร”

ครอบครัวของเธอนั้น ในส่วนของพ่อแม่เธอรู้สึกรักและเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ทว่าอีกด้านหนึ่ง เมื่อต้องมาอยู่ในเมืองกับครอบครัวน้า และยาย เธอก็ถูกดุจนต้องสูญเสียตัวตนของตัวเองไป เมื่อขึ้นมัธยมต้นแล้วต้องย้ายเข้ากรุงเทพฯมาอยู่กับน้า น้าที่มีฐานะและไม่ต้องการให้เธอยุ่งเกี่ยวกับใครทั้งนั้น

“เอาง่ายๆว่า ถ้าแรดจะโดนตีตลอด เขาชอบให้อยู่บ้านแล้วก็ทำการบ้าน ทำกับข้าวเป็นเด็กเรียบร้อยทุกอย่าง ตอนนั้นแค่มองออกนอกหน้าต่าง มองไปบ้านตรงข้ามก็โดนด่าแล้ว แถมให้ย้ายห้องอีก คือไม่ให้ยุ่งกับใคร มันเหมือนเก็บกดน่ะ เพราะตัวหนูไม่ใช่คนเรียบร้อย หนูเป็นคนกล้าแสดงออกมากกว่าเด็กปกติทั่วไปด้วยซ้ำ”

แม้กระทั่งการประกวดต่างๆ การทำกิจกรรมต่างๆ เธอก็ถูกสั่งห้ามทั้งหมด

“หนูก็เลยไม่ค่อยชอบ เพราะหนูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมากๆ หนูเลยรู้สึกว่า มันไม่ใช่ตัวตนของหนูที่จะให้มารีดผ้าทำกับข้าว พาน้องเข้าบ้านกับทำการบ้านอย่างเดียว”

เมื่ออกมาเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และน้าย้ายไปทำธุรกิจที่อื่น เธอก็ขอแยกตัวออกมาเป็นอิสระ ไปอยู่ห้องหอใกล้กับพี่สาวที่เรียนปวส.อยู่ก่อนแล้ว และช่วงเวลานั้นเองที่เธอมองว่า เป็นช่วงที่ชีวิตเริ่มเดินไปนอกกรอบ และเริ่มทำตัวเหลวไหล

“ช่วงนั้นใจแตกเลย ใส่สั้นบ้าง แต่งตัวเซ็กซี่ มีแฟนโน่นนี่นั่นอะไรอย่างงี้ พูดง่ายๆ ตอนเด็กมันรู้สึกโดนบังคับให้อยู่ในกรอบมากจนเกินไป”

ช่วงวัยอันพลิกผัน

จากคนที่ถูกวางกรอบเมื่อเข้าเรียน ปวช. เธอเผยชีวิตช่วงนั้นอย่างตรงไปตรงมาว่า ค่อนข้างเหลวไหล แต่ร้ายแรงที่สุดก็คือการที่ผลการเรียนตก และเธอไม่อยากไปเรียน มองย้อนกลับไป หลังจากได้อิสระในการใช้ชีวิตและมองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง เธอก็คิดได้ว่า ชีวิตควรมุ่งไปทางไหน

“หนูรู้สึกว่า แต่งตัวเก่งขึ้นนะ” เธอเล่าด้วยสุ้มเสียงสบายๆ “ด้วยความที่ เฮ่ย! เป็นเด็กพาณิชย์...แต่งกระโปร่ง นุ่งสั้น ปากต้องแดง แต่งตัว ทำผม ยิ่งเจอผู้ชายเยอะ ก็ยิ่งอยากแต่งตัวเยอะ ก็มีใจแตกบ้าง แล้วมันมีการเที่ยวผับ ก็อยากไป เลยกลายเป็นว่า ขาดเรียนบ่อย ไม่อยากไปเรียน ก็ถือว่า เหลวไหลมาก”

อย่างไรก็ตาม เธอเล่าว่า พอมาถึงจุดหนึ่ง ก็เริ่มคิดได้ว่า พ่อแม่เธอต้องลำบากแค่ไหนกับการส่งเธอมาเรียน คำถามที่ย้อนกลับมาถามต่อความรู้สึกของเธอเองคือ ไม่สงสารพ่อแม่เหรอ? แบบอย่างของพี่สาวที่เรียนดีมาก ได้เกียรนิยม คว้าทุนการศึกษา เธอได้แต่ถามตัวเอง ทำไมจึงทำตัวแบบนี้

“ตั้งแต่ตอนนั้นก็เลยบอกตัวเองว่า อยากจะแต่งตัวได้ แรดได้ แต่คิดนิดนึงมั้ยว่า ต้องเรียนด้วย ต้องทำงานให้ได้ด้วย ก็ลองเปลี่ยนตัวเองใหม่”

จากนั้นกราฟชีวิตก็กลับไปสู่ทางเดินของตัวเองอีกครั้ง ตัวเธอที่ชอบการแสดงออกได้รวมตัว คบหากับเพื่อนที่เต้นคัฟเวอร์ด้วยกัน รวมตัวซ้อม พากันไปประกวด จนถึงขั้นได้ค่าจ้างที่บางเวทีจ้างให้ไปเต้นก็มี

“ช่วงนั้นก็ทำงานอย่างอื่นด้วย เคยทำงานเป็นพนักงานประจำตู้ถ่ายรูปสติกเกอร์ก็ถูกโกงค่าจ้างไปเฉยๆ แต่ตอนนั้นพ่อแม่ก็ให้ตังค์นะ”

ช่วงนั้นที่เธอเข้าประกวดมากขึ้น และได้เข้าสู่วงการ บอกได้ว่า เธอเริ่มทำงานในวงการตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่หลังจากยกเลิกสัญญา เธอก็เข้าประกวดเอฟเอชเอ็ม แม้จะตกรอบแต่ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก กระทั่งมาถึงเวทีแม็กซิมที่ทำให้เธอได้งานพิธีกรประจำช่องแม็กซี่ทีวี

การได้เป็นพิธีกรประจำก็ทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมกับที่เธอเป็นเน็ตไอดอลคนหนึ่ง ก็ยิ่งทำให้มีงานเข้ามามากขึ้น กระทั่งคลิปแน่นอกของเธอเผยแพร่ออกไปก็ยิ่งทำให้สาวน่ารักร่างเล็กน่ารักและอกใหญ่คนนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก

พลังของโลกโซเชียลมีเดีย

ตอนนี้เธอไม่มีค่ายไม่มีสังกัด ช่องทางหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักเธอ และทำให้แฟนคลับสามารถติดตามเธอได้ตลอดเวลาคือ โซเชียลมีเดีย สื่ออย่างเฟซบุ๊คที่รวมเร็วทำให้เธอสามารถพูดคุยสื่อสารกับแฟนคลับได้ตลอดเวลา เมื่อรวมกับการชอบถ่ายรูป เธอก็มองว่า จุดเด่นอย่างหนึ่งของตัวเองคือการตลาดที่เธอทำด้วยตัวเอง

“เราเป็นเน็ตไอดอลด้วย ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น กลายเป็นว่า มีคนฟอลโลเยอะ มีคนอยากจ้างให้เราไปถ่ายรูปคู่กับตรงโน่นตรงนี้ลงให้หน่อย เพียวเป็นคนที่ง่ายๆว่า การตลาดตัวเองเก่ง ชอบถ่ายรูป ไปงานอะไรก็ชอบแชร์ลงเฟซบุ๊ก ทำให้คนรู้จักมากขึ้น”

ทั้งนี้ เธอก็ทำคลิปออกมาอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้แฟนคลับของเธอ และบางครั้งก็ด้วยความชอบส่วนตัวของเธอเอง ซึ่งเธอก็ทำเล่นๆ สนุกๆ ตามประสา ไม่ได้เต้นจริงจังนัก นอกจากนี้หลายครั้งเธอก็ชอบแชร์ วันนี้จะแต่งตัวไปไหน ทำอะไร ทำให้แฟนคลับรู้สึกใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น เธอบอกว่า เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ที่เฟซบุ๊คช่วยในการทำตลาดให้เธอ

“มันเป็นอะไรที่ช่วยได้มากๆ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์เลยก็ได้หรือ 100 เปอร์เซ็นต์เลยดีกว่า เอาง่ายๆว่า ถ้าไม่มีโลกโซเชียล ถามว่ามีคนรู้จักเรามั้ย หนูว่าน้อย ใครจะไปดูช่อง เคเบิล ดูนางแบบนิตยสาร ดูแล้วไง อีนี่ใคร? ไม่รู้จัก”

แต่พอมีโซเชียล มีอินสตาแกรม และยูทิวบ์ เธอเห็นว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก ผู้คนสามารถตามหาได้ว่า คนนี้ชื่ออะไร เฟซบุ๊คไหน ถ้าชื่นชอบก็สามารถติดตามต่อได้ เมื่อรวมกับการทำงานแบบของเธอที่อัปเดตการทำงานหลายลงเฟซบุ๊ก วันนี้เพียวถ่ายรายการที่ไหน ถ่ายแบบที่ไหน มีงานพิธีกรหรือทำอะไร ผู้คนสามารถติดตามได้

“เขาจะรู้จักเรามากขึ้น มันกลายเป็นว่า เออ! คนนี้ฉันรู้จักก็กลายดังมากขึ้น ปากต่อปาก แกดูพี่คนนี้ดิ น่ารักดี ก็จะรู้จักดังมากขึ้นในวงการพวกโลกโซเชียลมีเดีย”

อย่างไรก็ตาม การวางตัวในโลกเสมือนก็เต็มไปด้วยรายละเอียด แต่เธอมองว่า เธอแค่เป็นตัวเองของตัวเอง ในโลกจริงเป็นอย่างไร ในโซเชียล กับแฟนคลับก็เป็นแบบนั้น และเธอก็เป็นคนพูดตรงๆ บางครั้งอาจจะแรงสำหรับบางคนเลยด้วยซ้ำ

“เพียวค่อนข้างจะเป็นคนพูดตรงๆ แรงกับใครก็แรงไปเลย เอาง่ายๆ ในเฟซคือตัวตนของหนูจริงๆ หนูไม่ได้เสแสร้ง ถ้าหนูโกรธ โมโหก็โพสต์ตรงๆ บางคนอาจจะต้องมานั่งแอ็บ ฉันทำงานในวงการต้องแอ็บ ถ้าโกรธหนูก็พูดตรงๆ ไม่ชอบก็พูดตรงๆ อยากแต่งตัวเซ็กซี่ก็แต่ง อยากแต่งตัวไม่เรียบร้อยก็แต่ง”

นั่นคือเอกลักษณ์หนึ่งของตัวเธอซึ่งก็สะท้อนออกมาทางการทำงานพิธีกรด้วย เธอเอ่ยถึงงานพิธีกรถึงน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุขของการได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่

“มันจะเป็นตัวตนของหนูมากๆ เพราะการเป็นพิธีกรคือ พูดอย่างไรก็ได้ให้มันเป็นตัวเรามากที่สุด แค่เราต้องรู้ว่าเราต้องพูดอะไรสนุกๆ แต่ขอบอกว่ามันเป็นตัวตนของหนูจริงๆ โก๊ะมาก ปัญญาอ่อน(หัวเราะ)”

อย่างไรก็ตาม ในวงการมีนางแบบเซ็กซี่อยู่มากมายหลายคน การสร้างเอกลักษณ์ที่ทำให้คนจดจำเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เธอยิ้มพร้อมสารภาพอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า ตัวเองไม่มีความโดดเด่นอะไรให้ใครจดจำนัก

“หนูไม่รู้ว่าจะสร้างยังไงให้จดจำ หนูไม่มีอะไรให้จดจำหรอก คืออาจจะเป็นคนที่หน้าตาไม่เซ็กซี่เลย ถ้าดูธรรมดาจะเฉยๆไม่เซ็กซี่ แต่จะพยายามเซ็กซี่ด้วยการที่เรามีหน้าอกใหญ่ แล้วก็แต่งหน้าแต่งตา แค่นี้ มันก็แตกต่าง”

ทว่าภาพที่หลายคนคุ้นเคยกับการแต่งตัวเปิดอก และความเซ็กซี่ เธอเผยว่า แท้จริงแล้ว ไม่ได้รับงานถ่ายแบบบ่อยนัก ที่ผ่านมาถ่ายเพียงแต่ 2ครั้ง เธอไม่เคยรับงานทริปถ่ายแบบ แบบที่นางแบบแนวนี้นิยมรับกัน เพราะเธอมองว่าตัวเองไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน และงานแบบนั้นก็ไม่ใช่งานแบบที่เธออยากทำ บอกได้ว่า เธอก็มีศักดิ์ศรีในแบบของเธอเหมือนกัน ศักดิ์ศรีตามความเป็นจริงแรงๆว่า เงินไม่สามารถซื้อเธอได้หากไม่มีมากพอ!

“เราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน เราก็มีเงินมีงานทำ ถ้าไม่ได้ถ่ายแล้วดังจริงๆ ได้เงินเยอะจริงๆ หนูก็ไม่ถ่าย ถ้าถ่ายหนูคิดหลักหมื่นเลย ครั้งแรกในชีวิต เพราะคิดว่า เราทำหน้าอกมาเราก็เสียตังค์เยอะ เราทำออกมาเราก็อยากจะดัง แต่ว่าเราไม่อยากให้ตัวเองเกลื่อน จ้างถ่ายแบบ 4,000 - 5,000 ก็ไปแล้ว เพื่ออะไร?

“ยิ่งให้เราถ่ายรูปเกลื่อนๆ เรายิ่งรู้สึกว่า เดี๋ยวใครก็จ้างได้ เดี๋ยวก็ถ่ายได้เลย หนูไม่ ถ้าจะถ่ายที่มันต้องเป็นหนังสือหรือเป็นอะไรที่ดังจริงๆ ก็ถ่ายของนิตยสารซูที่แรก และถ่ายนิตยสารมาร์ตอนนี้ก็มีติดต่อเข้ามานะ แต่หนูก็ต้องปรึกษาผู้ใหญ่ มันโอเคหรือเปล่า? หนูเพิ่งจะถ่ายไปไม่นาน”

ส่วนหนึ่งที่เธอรับงานถ่ายแบบน้อยเพราะงานที่เธอสนใจจริงๆ คือการทำงานในวงการบันเทิงอย่างการเป็นพิธีกร หรือการแสดง โดยก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสได้แสดงเอ็มวีของวง 321 ในสังกัดคามิคาเซ่

“พี่เขาก็ชมว่า แสดงดีมาก ทำไมไม่ไปแคสต์ แต่ด้วยความที่เพียวไม่รู้จะแคสต์ยังไง เราไม่มีโมเดลลิ่งที่จะตามแคสต์งานอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีผู้ใหญ่เรียกตัวไปแคสต์ก็จะไป เพราะหนูชอบงานพิธีกร หรืองานแสดงมากๆ”

เราต้องมีเงินให้ได้!

เป้าหมายใหญ่ที่วางไว้ในชีวิตของเธอ คือการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ดูเหมือนเธอจะเป็นคนมองโลกตามความเป็นจริง มองหาความมั่นคงมากกว่าความฝันเลื่อนลอย เธอมองช่วงเวลาในวงการบันเทิงว่า เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การทำงานด้านนี้เพื่อสร้างชื่อเสียง โปรโมตตัวเอง เก็บเงินเพื่อเป็นทุนสำหรับทำธุรกิจที่เป็นของตัวเองคือเป้าหมายที่เธอวางไว้

“ถามว่า อยากอยู่ในวงการบันเทิงตลอดมั้ย? ไม่ค่ะ เพราะอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากมีเวลาให้ครอบครัว การเรียน การงานที่เป็นของเราจริงๆ เพราะงานตรงนี้มันไม่แน่นอน ถ้าเราไม่สวยจริง ไม่ดังจริง ไม่เก่งจริง ก็ไม่มีคนจ้าง อยู่ๆ คุณอาจจะดังช่วงนี้แล้วหายไป แล้วคุณจะเอาเงินจากไหน

“แต่ถ้าเรามีความสามารถจริงๆ ดังได้ เก่งได้จริงๆ เรามีงานเยอะๆ โอเค...ก็เก็บตังค์ตรงนี้ไป ทำในสิ่งที่เรารักไป แต่ว่า ณ จุดๆ หนึ่ง คนเรามันอยู่ในวงการไปตลอดไม่ได้หรอก ก็ต้องอยากจะมีอะไรที่มันมั่นคง อาจจะทำธุรกิจส่วนตัวไป ทำอะไรที่เราชอบนะ ทำไปเถอะ ทำงานในวงการบันเทิงเพื่อที่จะโปรโมตตัวเองบ้าง เก็บเงินไปเรื่อยๆบ้าง แต่ถึงเวลาเราไม่ได้ทำงานมันก็ไม่เดือดร้อนหรือเปล่า เพราะเรามีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว”

โดยความฝันสูงสุดของเธอคือการมีร้านอาหารใหญ่ๆ เป็นของตัวเอง ซึ่งเธอเผยว่าตัวเองเป็นคนบ้าส้มตำมากๆ อยากจะเปิดร้านให้เป็นที่รู้จัก และให้คนมากินเยอะๆ แต่โปรเจกต์นี้ก็เป็นสิ่งที่วาดไว้ในความคิดของตัวเอง อาจต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะไปถึงจุดนั้น

“มันต้องอร่อยจริง สะอาดจริง ราคาก็ต้องได้ แล้วทำเลต้องดี คือเรื่องอาหารการกิน คนเราต้องกินอยู่แล้ว และเราไม่กินร้านเดียวไปตลอดหรอก ถ้าเบื่อร้านอื่นก็อาจจะมาร้านเรา แล้วหนูชอบกินอาหารอีสาน เพราะพ่อแม่ก็เป็นคนอีสานก็อยากจะเปิดร้านส้มตำ ต้มแซบ ไม่ใช่ร้านกะโหลกกะลานะ ต้องทำร้านดีๆ วางแผนดีๆ อาจจะมีหลายสาขาก็ได้”

เห็นได้ว่าสิ่งหนึ่งที่เธอให้ความสำคัญกับชีวิตคือความจริงที่ว่าชีวิตต้องใช้เงิน เมื่อย้อนไปถึงวัยเด็ก เธอเผยถึงพื้นฐานครอบครัวที่ พ่อแม่เป็นชาวนาชาวสวนธรรมดาในจังหวัดมุกดาหาร มีแผงขายผลไม้ในตลาด ปลูกเอง ขายเอง มีสวนข้าวโพด มะเขือเทศ มะเขือลาย ผักบางชนิดหากปลูกได้มากก็ขายส่ง

“หนูให้แม่อยู่สบายนะ แต่เขาก็ไม่เอา เพราะพ่อแม่เราสู้ชีวิต เขาบอกขอเงินลูกอย่างเดียว เขาคงไม่ทำ เขาก็ทำงานเรื่อยๆ ลูกให้เงินก็เอา แต่ถ้าให้แบมือขอเงินอย่างเดียวไม่เอา”

การที่ได้เห็นพ่อแม่ของเธอที่สู้ชีวิต ในบ้านที่ปลูกอยู่ในสวนมีเพียงสักกะสีล้อมเสา มันเป็นแรงผลักดันหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เธอฮึดสู้และสัญญากับตัวเองว่า สักวันฉันต้องมีเงินให้ได้

“สักวันฉันต้องมีเงิน ต้องทำให้พ่อแม่สบายให้ได้ เพราะหนูเคยเห็นแม่ร้องไห้ หนูเคยเห็นแม่อดออมหาเงินเพื่อที่จะให้หนูไปเรียน หรือเพื่อจะซื้อข้าวให้น้อง หนูรู้สึกว่า เฮ่ย! บ้านเรามันขนาดนี้เลยเหรอ รู้สึก น้ำตาจะไหล สงสารมาก จนมันทำให้เป็นแรงผลักดันว่า ฉันต้องตั้งใจเรียน

“ต่อให้จะแรดแค่ไหนฉันต้องจบ ต้องมีงานที่ดี มีเงินเยอะๆ ต้องให้พ่อแม่สบาย มีคนดูถูกเราเยอะมาก แล้วพ่อแม่หนู บ้านปลูกแค่สังกะสีล้อมเสา มีแค่นี้ ชีวิตเราโคตรลำบากเลย ถ้าฉันมีแฟน ฉันต้องมีแฟนที่ดูแลฉันได้ แต่ฉันไม่ได้ขอคุณกินนะ แค่ไม่มาเกาะฉันก็พอ”

จนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าก็มีบ้างที่เธอจะให้รางวัลตัวเอง แต่บ่อยครั้งเงินที่หามาก็จะเก็บไว้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เก็บไว้สร้างบ้านให้พ่อแม่ โดยตอนนี้แฟนคนปัจจุบันของเธอก็ถือว่ามีฐานะ ทำธุรกิจเพชรพลอย รายได้หลายล้านต่อวัน แต่เธอก็ไม่เคยขอเงินจากเขา

“หนูก็ยังไม่เคยขอความช่วยเหลือจากเขา เพียวคิดว่า ฉันมีงาน ฉันมีเงิน เพราะหนูเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเกลียดการที่ต้องมาโดนว่า ขอตังค์ผู้ชายใช้ คือเราเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาดูถูก รู้สึกว่าต้องทำตรงนี้ให้มันดี แล้วใครจะมาพูดว่าเราไม่ได้ เพราะหนูเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์สร้างบ้านให้แม่ ซื้อรถให้แม่ พักหลังอาจจะมีชอปปิ้งของแพงหน่อย แต่ก็ไม่ได้บ้าแบรนด์หรือไม่รู้ตัวเอง หนูรู้ลิมิตว่า อันนี้คือเงินเก็บ อันนี้เงินออม แบ่งได้อยู่แล้ว”

แน่นอก...ต้องยกออก!

จนถึงตอนนี้คลิปเพลง รักต้องเปิด (แน่นอก) ของเธอนั้น ยอดวิวพุ่งทะยานไปถึง 5 ล้านวิวแล้ว บางกระแสก็บอกว่า เธอทำเพราะอยากดัง หากเป็นเรื่องหน้าอก เรื่องประกวดแนวเซ็กซี่ เธอยอมรับ แต่กับการถ่ายคลิปนี้ เธอบอกเลย ทำเพราะแฟนคลับในเฟซุบ๊กที่ติดตามเธออยู่เรียกร้อง

“เพียวก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะทำอะไรให้มันดูไม่ดีขนาดนั้น แต่ด้วยความที่เหมือนมีแฟนคลับมาขอ เราก็ทำเล่นๆ ไป เต้นก็ไม่เป็น หนูก็เต้นอยู่ท่าเดียวนี่แหละ ก็ไม่คิดว่าจะดังขนาดนั้น”

ด้วยท่าเต้นบวกกับเรือนร่างน่ามองหก็ทำให้กลายเป็นกระแสที่คนวิจารณ์กันมากมาย เธอยิ้มๆ พร้อมเผยว่า ตัวเองก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แน่นอกก็จุดหนึ่งที่ทำให้เธอดังระเบิด

“ตอนทำ หนูไม่คิดดังอะไรเลย หนูคิดแค่ว่า มีคนทำคลิปแน่นอกเยอะ เราก็น่าจะทำบ้าง ไม่คิดว่า ฉันต้องดัง ต้องแรง ไอ้ตัวที่หวังดังคือฉันอยากจะเต้นชอบเพลงของหญิงลี เพลงลูกทุ่ง หนูชอบเพลงลูกทุ่ง เอาให้ฮา เน้นเต้นตลกๆ เอาแบบให้ฮา แต่ไม่ดังจ๊ะ ไม่กี่แสนวิว แต่พอ แน่นอก ฉันไม่ได้ตั้งใจอะไรมากมายได้เป็นล้าน...ก็ตลกดี”

เส้นแบ่งความแน่นอกของเธอนั้น ในส่วนของงานเซ็กซี่ เธอกำหนดเส้นแบ่งชัดเจนว่า เต็มที่คือบีกินี่เท่านั้น หากจะมากกว่านั้น เธอก็มองโลกตามความจริงที่ว่า ค่าตอบแทนต้องสูงมาก สูงชนิดที่ว่าคงไม่มีใครมาจ้างเธอถ่าย

“จะมาให้ถอดหมดเลย ปิดนม ปิดแต่ตรงนั้นไม่เอาค่ะ ไม่ได้ เต็มที่คือบิกินี่จริงๆ นอกเสียจากว่า ข้างล่างไว้อยู่ให้รีทัชเหมือนข้างล่างมันไม่ใส่ แล้วก็ข้างบนมีอะไรปิดๆอยู่ แต่มันต้องได้เงินเยอะจริงๆแล้วมันคุ้มจริงๆ ถึงจะถ่าย ซึ่งเราคิดว่า ฉันคงไม่ได้ดังถึงขั้นจะมีใครจ้างอะไรอย่างนี้เยอะ แล้วอีกอย่าง เราไม่ได้จำเป็น ทำไมต้องอะไรขนาดนั้นด้วย ด้วยความที่อายุเราก็น้อย แล้วเราก็เรียนอยู่ด้วย”

เธอเผยว่า งานนางแบบเซ็กซี่นั้นเป็นงานพ่อแม่เธอไม่ชอบนัก ทั้งคู่เป็นห่วงเธอมาก เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งที่ถ่ายอะไรพ่อแม่จะติดตามตลอด ดูความเหมาะสม แต่กับช่วงที่เป็นพิธีกร เพราะรายการของเธอเป็นรายการสด พ่อแม่จะได้เห็นเธอทำหน้าที่ตรงนั้นอย่างเต็มที่ ได้เห็นถึงความสามารถของลูกสาว มันทำให้พ่อแม่ของเธอสบายใจ

“เวลาทำงานพิธีกรพ่อแม่จะมีความสุขมาก เพราะเป็นรายการสด เขาจะเห็นลูกเขาทำอะไร ลูกทำอะไรอยู่ พอถ่ายรายการเสร็จเขาจะโทร.กลับมาหาแล้ว บอกสนุกจัง คิดถึงๆ แต่พอถ่ายแบบเขาจะรู้สึกว่า ไม่ดี เคยถามว่า ไม่ถ่ายได้มั้ย มีการคุยกัน”

ในช่วงที่งานแน่นจนแน่นอก สถานที่ที่เธอเอาความเหนื่อยล้าเหล่านั้นออกคือทะเล หากติดตามทางเฟซบุ๊กของเธอก็จะได้เห็นเธออัปเดตภาพถ่ายทริปทะเลบ่อยๆ

“ชอบไปทะเล อยากจะใส่ชุดบิกินี่ สบายๆ เดินอาบแดด ถ่ายรูป ว่ายน้ำ หรือไม่ก็นั่งอยู่สระว่ายน้ำในคอนโด ผ่อนคลายฟังเพลง การถ่ายรูปเป็นการผ่อนคลายของหนูที่ดีที่สุด คือถ่ายรูปส่วนตัว แบบเราไม่ได้ถ่ายงาน เราอยู่กับเพื่อนๆ ถ่ายรูปกัน”

เวลาว่างของเธอก็มักจะใช้ชีวิตสบายๆ เล่นกับแมวบ้าง ไม่ก็ถ่ายรูปตัวเองเล่นที่ห้อง บางทีก็ถ่ายกับแมว แต่เวลาส่วนใหญ่ก็ไม่ว่างนัก ทั้งทำงาน ทั้งเรียน ทำการบ้าน เหล่านี้ได้ขโมยเวลาแทบทั้งหมดไปจากชีวิตเธอแล้ว เมื่อมองถึงอนาคตในวงการ เธอออกปากว่าอยากได้งานแสดงไม่ก็งานพิธีกร เพราะเป็นงานในวงการแบบที่เธอชอบที่สุด

มาถึงตอนนี้กับชีวิตที่ฝ่าฟันความแน่นอกแน่นใจ จากไอดอลที่ยกเลิกสัญญา จนถึงสาวน้อยที่มีคนติดตามนับแสน และได้ทำงานที่อยากทำ เธอยังคงก้าวเดินไปพร้อมชีวิตที่ยึดอยู่บนความจริงมากกว่าความฝันด้วย


ชื่อ - นามสกุล สุมาภรณ์ วันดี
ชื่อเล่น เพียว
เกิดวันที่ 30 มีนาคม 1991
อายุ 22 ปี
น้ำหนัก 43 ส่วนสูง 160
ความสามารถพิเศษ พิธีกร, เต้น, ร้องเพลง, เล่นเปียโน, เล่นละคร, พูดภาษาจีน
การศึกษา - นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะบริหารธุรกิจ เอกธุรกิจระหว่างประเทศ
ผลงานที่ผ่านมา เคยเซ็นสัญญาเป็นศิลปิน girl group วง BB gen idol, พิธีกรแม็กซี่ทีวี, พรีเซ็นเตอร์เกมส์ c9, เอ็มวี นางแบบนิตยสารมาร์, คัฟเวอร์เพลง แน่นอก


ภาพประกอบจาก นิตยสารมาร์ ฉบับประจำเดือน มิถุนายม 2556 และ facebook.com/PeawSumaporn
 









ช่วงที่เรียนอยู่ปวส.
หนึ่งในศิลปิน BB Gen Idal
สวยใสวัยมหาลัย
มันแน่นอก!
บิกินีในวันหยุด






กำลังโหลดความคิดเห็น