xs
xsm
sm
md
lg

แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 4

ขณะเดียวกัน วิไลนั่งอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน มัดผักเป็นกำ ๆ จะเอาไปขายที่ตลาด พลางเช็ดตาปรอย ๆ ชิตที่นั่งกินเหล้าอยู่ถามขึ้นมาด้วยความรำคาญ

"มันหายออกจากบ้านไปเป็นอาทิตย์แล้ว ยังจะอาลัยอาวรณ์มันอยู่ได้"
"ก็ถ้าไม่มีเรื่อง มันคงไม่หนีไป"
พ่อเลี้ยงปัดจานกับแกล้มทิ้งอย่างไม่พอใจ เดินเข้ามาท่าทางเอาเรื่อง
"นี่แกจะหาว่าเป็นเพราะฉันใช่มั้ยนังวิไล"
วิไลกลัวลนลานจนร้องไห้
"ปละเปล่าจ้ะพี่นพ"
"ยังไงวันนึงมันก็ต้องมีผัว แล้วทำไมจะเสียตัวให้ฉันก่อนไม่ได้"
"แต่พี่เป็นผัวฉันนะ"
"ต่อให้เป็นพ่อมันถ้าฉันจะเอาแล้วแกจะทำไม"
พ่อเลี้ยงถีบวิไลหงายหลังตกแคร่ไป ก่อนจะตามเข้าไปกระทืบซ้ำ วิไลร้องวิงวอนขอความเห็นใจอย่างนาสงสาร
"ฉันถามว่าแกจะมีปัญหาอะไร"
"อย่าพี่นพฉันกลัวแล้ว ฉันกลัวแล้ว"
ทันใดนั้นนพก็เห็นตำรวจเดินเข้ามาก็ตกใจผงะหนี
"ตำรวจ ! นี่แกแจ้งตำรวจเหรออีไล"
"ฉันไม่รู้เรื่อง"
"แล้วมันมาทำไม"

วิไลละล่ำละลักบอกตำรวจ เมื่อเห็นบัตรประชาชนของลูกสาว
"ใช่ค่ะคุณตำรวจ บัตรประชาชนลูกสาวฉันเอง คุณตำรวจไปเจอที่ไหนคะ"
"ทางเราสงสัยว่าลูกสาวป้าจะถูกหลอกพาไปขายซ่องที่กรุงเทพ ก็เลยต้องการข้อมูลยืนยัน"
"โถ ใบพรลูกแม่"
วิไลปล่อยโฮออกมาด้วยความสงสารลูก พ่อเลี้ยงนั่งดูอยู่ห่าง ๆ หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
"สาแก่ใจจริงโว้ย สุดท้ายมันก็ไปเป็นกะหรี่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
วิไลร้องไห้จนเป็นลมไป ตำรวจตกใจต้องรีบเข้าไปช่วยกันปฐมพยาบาล
"อย่าเพิ่งเป็นอะไรป้า ทำใจดี ๆ ไว้"
ไกรวิทย์กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ นภาช่วยสาวใช้เสิร์ฟกาแฟและของว่างให้ กฤษณ์เดินเข้ามา นภาทักลูกชายเสียงเรียบ ๆ
"กลับมาแล้วเหรอพ่อตัวดี"
กฤษณ์มองไกรวิทย์อย่างเซ็ง ๆ
"มีใครมาฟ้องอะไรคุณแม่อีกล่ะครับ"
"แล้วทำไมต้องระแวงด้วย หรือไปทำอะไรไม่ดีไว้"
"ผมก็แค่ไปฉลองไปกับเพื่อน"
"ก็เลยลืมหนูปริม"
กฤษณ์เพิ่งนึกได้เจ็บใจตัวเอง
"จริงด้วย ลืมไปได้ไงเนี่ย แล้วตอนนี้ปริมอยู่ไหนครับแม่"
"แม่ให้คนรถขับไปส่งที่กรุงเทพแล้ว"
"แล้วปริมว่าไงบ้างครับแม่"
"จะว่าไงล่ะ ขนาดแฟนตัวเองยังลืม คงไม่ต้องให้แม่บอกอีกนะว่าต้องทำยังไง"
ไกรวิทย์พูดลอย ๆ ไม่เงยหน้า ตายังมองจากกองเอกสาร
" เรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ได้ แล้วจะไปทำมาหากินอะไร"
กฤษณ์สวนแรงด้วยความไม่พอใจ
"ทำไมต้องเอาเรื่องแค่นี้มาตัดสินผม"
"งั้นก็หัดทำตัวให้เป็นโล้เป็นพายเหมือนลูกคนอื่นเค้าบ้างสิ"
"ใจเย็น ๆ ค่ะคุณ ตากฤษณ์"
"ได้ ผมจะพิสูจน์ให้พ่อเห็น ภายในปีนี้ผมจะยืนให้ได้ด้วยตัวเอง"
" ขอให้จริงเถอะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าไม่มีฉันไม่มีแม่แก น้ำหน้าอย่างแกจะทำอะไรเป็นบ้าง"

ไกรวิทย์พูดจบก็ลุกเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ กฤษณ์เจ็บใจ นภาตบบ่าให้กำลังลูกชายบอกให้ใจเย็น ๆ

บริเวณ Walking Street เห็นแสงสีบรรยากาศชีวิตกลางคืน เต็มไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน

นงเยาว์ยืนดูอมยิ้มเซ็ง ๆ รอสิงห์ถามหาข้อมูลใบพร ต้อย จากคนเชียร์แขกอยู่หน้าร้าน ชิตที่ถามอยู่อีกฝั่งหนึ่งเดินเข้ามาถามสิงห์
"เป็นไงบ้างพี่สิงห์ ได้เรื่องมั้ย"
"ยังไม่มีอะไรคืบหน้า"
"ผมลองขอให้เพื่อนช่วยถาม ๆ กันดูว่า 2 - 3 วันมานี้มีใครย้ายมาจากกรุงเทพบ้าง"
"ขอบใจแกมาก"
"แต่ยังไงผมก็ว่าไม่ง่าย บาร์มีเป็นร้อย ๆ บาร์ คนเข้าออกไปเว้นแต่ละวัน ยากพอ ๆ
กับงมเข็มในมหาสมุทร "
"ยากยังไงก็ต้องทำ"
"ผมถามจริง ๆ มีเรื่องอะไรกัน"
"ไม่ใช่เรื่องของแก ทำตามที่ฉันบอกก็พอ" สิงห์บอก
ทันใดนั้นก็มีผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีเดินเข้ามาหานงเยาว์
"ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนก่อนนะพี่สิงห์"
สิงห์พยักหน้ารับรู้ นงเยาว์รีบเดินไปกับผู้ชายคนนั้น

บรรยากาศด้านหน้าของเฮฟเวน คาราโอเกะ มีนักเที่ยวเริ่มทยอยกันเข้ามา ภายในห้องแต่งตัว ฝั่งบ้านสุขสำราญ เอพริลแต่งตัวเสร็จดมตามเนื้อตัวแขนขาตัวเองด้วยความขยะแขยง
"แหวะ ขนาดอาบน้ำแล้วกลิ่นยังติดตัวอยู่เลย"
เมย์บอก
"นั่นสิ แถมแขนขาก็ช้ำไปหมด ถ้าอีเจ๊มาเห็นมันต้องด่าแน่ ๆ"
ตามใบหน้า เนื้อตัวทั้งสามมีรอยฟกซ้ำดำเขียวประปราย
"หล่อนก็เอารองพื้นโบก ๆ ไปสิ ไม่มีใครทันสังเกตหรอก" จูนบอก
"เจ็บใจจริง ๆ คอยดูนะ ฉันต้องเอาคืนมันให้ได้"
ทันใดนั้นเพลินก็เข้ามา
"อ้าว มัวแต่เมาท์กันอยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่จะแต่งตัวเสร็จ แขกรอจนจะเอากันเองอยู่แล้ว"
"เสร็จเดี๋ยวนี้แหละเจ๊" เอพริลบอก
เอพริล เมย์ จูน รีบแต่งหน้าตา พยายามหลบไม่เห็นเพลินเห็นรอยช้ำ แต่เพลินก็สังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ
"แล้วทำไม ต้องหลบหน้าด้วย มีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าเจ๊"
"งั้นก็หันหน้ามา"
สามสาวมองหน้ากันจะเอายังไงดี เพลินโกรธตวาดเสียงดัง
"ฉันบอกให้หันมา"
สามสาวค่อย ๆ หันหน้ามา เพลินเห็นรอยช้ำบนหน้าและแขนขาก็ตกใจ
"ว้ายตายแล้ว พวกหล่อนไปฟัดกับหมาที่ไหนมา"
"ถูกหมามันฟัดมาต่างหากล่ะเจ๊" เมย์บอก
เพลินสงสัย
"หมาที่ไหน"
"ก็พวกบ้านโน่นไง" เอพริลว่า
เพลินเอาเรื่อง
"ไม่ใช่พวกหล่อนไปหาเรื่องเค้าก่อนนะ"
เอพริล เมย์มองหน้ากันอึกอัก จูนสวนขึ้นตอแหลเป็นไฟ แก้สถานการณ์เฉพาะหน้า
"ก็มันมาเย้ยพวกเราก่อน มันบอกว่าพวกเราไม่มีปัญญาจับผู้ชายดี ๆ อย่างคุณกฤษณ์ อยู่บ้านนี้ก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊า พวกฉันก็เลยทนไม่ได้"
เอพริล เมย์เห็นจูนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จก็อ้าปากหวอ
เพลินไม่อยากเชื่อ
"แน่ใจนะว่าไม่ได้ตอแหล"
"แล้วฉันจะตอแหลทำไม ที่ร้ายกว่านั้นมันด่ามาถึงเจ๊ด้วย แต่ฉันไม่เล่าดีกว่า เดี๋ยวเจ๊หาว่าฉันตอแหลอีก"
"บิวท์มาซะขนาดนี้ถ้าไม่เล่า เจอตบปากฉีกแน่อีจูน"
จูนจีบปากจีบคอทำเป็นกระแดะไม่อยากเล่า
"ฉันกลัวเจ๊สะเทือนใจ ถ้าเจ๊ไม่ขอฉัน ไม่เล่าจริง ๆ นะเนี่ย คืองี้เจ๊ " จูนใส่ไฟเต็มที่

เวลาต่อมา เพลินเดินเข้ามามองหาพริ้งและพวกสาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์ท่าทางโกรธเกรี้ยว คำพูดของจูนยังดังก้อง
"มันบอกเจ๊ทั้งดำทั้งโง่ ไม่มีวันได้เฮียหมามาทำผัวหรอก ไม่เหมือนเจ๊พริ้งของพวกมันทั้งสวยทั้งเริดกว่า เทียบกันไม่ได้ เหมือนผีเสื้อกับเห็บหมา พวกฉันฟังแล้วปรี๊ด มีอย่างที่ไหนว่าเจ๊เป็นเห็บหมา"
เพลินถามสาว ๆ ที่มาถึงก่อนและกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่
"อีพริ้งอยู่ไหน"
สาว1บอก
"ทางโน่นเจ๊"
เพลินหันไปเห็นพริ้งคุมสาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์รวมทั้งสายพิณและศรีเข้ามาพอดี ก็เข้าไปหา
"อ้าว เร็ว ๆ เข้า เดี๋ยวก็ไม่ทันกินคนบ้านนั้นหรอก"
เพลินเข้ามากระชากพริ้งอย่างแรงท่าทางเอาเรื่อง
"ทำอย่างนี้ไม่มากไปหน่อยเหรออีพริ้ง"
"มาถึงก็เหวี่ยงใส่ เมนส์ไม่มาหรือไง"
"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ฉันรู้หมดแล้วเรื่องที่หล่อนส่งคนมาทำร้ายเด็กฉัน"
"ฉันนี่อะนะ"

"เออ นังเอพริล เมย์ จูนมันเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว"
 
อ่านต่อหน้า 2

แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 4 (ต่อ)

เอพริล เมย์ที่แอบดูอยู่อีกมุมหันไปพูดกับจูน

"ไปเป่าหูอีเจ๊มันทำไม" เอพริลถาม
"อยากแก้แค้นไม่ใช่เหรอ"
เอพริล/เมย์คิดไม่ถึง "นังจูน"
"จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแรงไง"
จูนยักไหล่ไม่ยี่หระ เอพริล เมย์อึ้ง อ้าปากหวอ

ศรีกับสายพิณที่นั่งฟังอยู่ตั้งแต่แรกรีบสวนขึ้นมา
"พวกมันตอแหล มันอิจฉาที่คุณกฤษณ์ออฟพวกเรา" ศรีบอก
สายพิณจีบปากจีบคอ
"เรื่องนี้พิณยืนยันได้ ดูตามเนื้อตัวแขนขาพวกเราสิ ถ้าพวกเราทำ มันก่อนแล้วจะมีสภาพอย่างนี้เหรอ"
เพลินเห็นตามเนื้อตัวแขนขาศรี สายพิณมีรอยฟกช้ำดำเขียวจริง แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ
"มีรอยแผลแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กฉันเริ่มก่อน แล้วไหนจะเรื่องที่เจ๊พวกหล่อนด่าฉันว่าเป็นเห็บหมาอีก ... จะว่ายังไงอีพริ้ง"
"ฉันไม่ได้ด่าแต่ถ้ามีใครด่า ฉันก็เห็นด้วย อีเห็บหมา"
"อีพริ้ง" เพลินจะเข้าไปตบ
"จะกล่าวหาใครมันต้องมีหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีก็ไปหาน้ำปลามากินซะ เพราะมีทั้งปลามีทั้งเกลือจะได้หายเอ๋อหายโง่ ไม่ถูกอีพวกกะหรี่ 3 เดือนมันปั่นหัวเอาอีก"
"กินน้ำปลาแล้วหายเอ๋อหายโง่ใช่มั้ย งั้นหล่อนก็กินเองเลย"
เพลินหยิบถ้วยพริกน้ำปลาจากวงข้าวที่พวกสาว ๆ กินอยู่ สาดหน้าพริ้ง พริ้งกรี๊ดเสียงดัง เพลินหัวเราะ
"เป็นไงฉลาดขึ้นมั้ย"
"งั้นหล่อนเอาถ้วยไปกินเลยอีเพลิน จะได้หายโง่"
พริ้งหยิบถ้วยแกงจะยัดปากเพลิน เพลินร้องกรี๊ด ๆ ปัดถ้วยแกงตกแตก พริ้งตบหน้า เพลินตบกลับ ทั้งสองจิกหัวตบกันนัวเนีย
เอพริลร้อง
"เจ๊เพลิน"
สามสาวรีบวิ่งเข้ามาช่วยเพลิน แต่ศรีเข้าไปขวางไปเสียก่อน
"ใครรุมเจอตบ"
สามสาวเห็นศรีเอาจริงก็ไม่กล้า เปลี่ยนมาร้องเชียร์แทน
"เอาเลยเจ๊/อย่ายอมมัน/เอาให้ตายเลย"
สาว ๆ บ้านเสน่ห์จันทร์เห็นอย่างนั้นก็พลอยส่งเสียงเชียร์พริ้งไปด้วย ครู่หนึ่งเฮียหมาที่ได้ยินเสียงเอะอะก็เข้าไปแยก
"เฮ้ย ! เอาอีกแล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ หยุด ๆ ๆ"
เฮียหมาถูกลูกหลง โดนตบกลิ้งออกมา พอตั้งตัวได้ก็ตวาดเสียงดัง
"ถ้าใครไม่หยุด ฉันไล่ออก"
พริ้ง เพลินหยุดกึก เฮียหมาตวาด
"คราวนี้บอกได้หรือยังว่ามันเรื่องอะไรกันอีก"

เฮียหมารู้เรื่องทั้งหมดก็หันมาต่อว่าพริ้งที่หัวกระเซิงดูตลกเพราะถูกตบ ส่วนเพลินที่ยืนอยู่ด้วยในสภาพไม่ต่างกัน
"เฮียบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าแย่งแขกกัน"
"อ้าว เข้าข้างกันอย่างนี้ ไม่ใช่หมาแต่ชื่อนี่" พริ้งว่า
เฮียหมาพยายามใจเย็นประนีประนอม
"เฮียไม่ได้เข้าข้าง แต่เฮียแบ่งเขตให้แล้ว"
"เด็กฉันไม่ได้ข้ามเขต แต่แขกเป็นคนเลือกเอง" พริ้งว่า
"ถ้าไม่เข้าไปอ่อยเค้าจะได้มั้ย"
"ถ้าเด็กหล่อนไม่เน่าใครเค้าจะทิ้ง"
ทั้งสองฮึดฮัดจะเข้าไปเอาเรื่องกันอีก เฮียหมารีบเข้ามาห้าม
"หยุดทั้งคู่นั่นแหละ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ทุกคนต้องโชว์บนเวทีเท่านั้น ห้ามลงมาจับแขกข้างล่าง แล้วถ้าแขกเลือกใครแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์"
เพลินไม่ยอม
"แล้วเรื่องที่เด็กของฉันโดนแย่งแขกไปล่ะพี่หมา จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้"
"ถ้าคุณกฤษณ์มาอีกก็ให้เป็นหน้าที่ของบ้านสุขสำราญแล้วกัน"
"อย่างนี้มันลำเอียงกันชัด ๆ" พริ้งบอก
"เอาหน่า แม่พริ้งอย่ามีเรื่องกันเลย มัวแต่ตีกันวัน ๆ ไม่ต้องทำมาหากินพันพอดี"
เฮียหมาพูดเสร็จเดินออกไปอย่างรำคาญ เพลินมองหน้าพริ้งยิ้มเย้ย
"ได้ยินแล้วใช่มั้ย อีไหปลาร้าแตก" แล้วเพลินก็ตะโกนบอกเฮียหมา "พี่หมารอเพลิดเพลินด้วย"
เพลินวิ่งกระแดะตามเฮียหมาออกไป พริ้งฮึดฮัดด้วยความเจ็บใจ

สาว ๆ บ้านสุขสำราญกำลังเต้นโชว์เรียกแขกเพลง “เจ้าที่แรง” ของวงบลูเบอร์รี่
"เจ้าที่แรง อ๊า จ้องแย่งซีน อ๊า เท้าเอววีน อ๊า ตาเขียวปั้ด อ๊า ดุคะดุ แถมหึงสู้ฟัด ก็เลยเลิกแลกหมัดกับเจ๊..."
นงเยาว์ยืนมองการแสดงบนเวทีด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"ฉันไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมที่นี่ถึงดังที่สุดในพัทยา"
เพื่อนบอก
"เห็นว่าแต่ละคนทำรายได้ไม่ต่ำกว่าคืนละหมื่นเลยนะ"
นงเยาว์ตื่นเต้นตาโต
"คืนละหมื่นเลยเหรอ"
"อือ แต่ถ้าเป็นระดับนางฟ้าของร้านอาจจะถึงคืนละสามหมื่น"
นงเยาว์ได้ยินจำนวนเงินก็ยิ่งตกใจตาโตเข้าไปอีก รำพึงกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ
"ฉันชักอยากจะทำงานที่นี่ซะแล้ว"

นงเยาว์มองการแสดงบนเวทีด้วยสีหน้าแววตามีความหวัง

บ้านเสน่ห์จันทร์ เช้าวันต่อมา ต้อยยืนรอฟังข่าว พอเห็นใบพรเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง

"เป็นไงพร ได้เรื่องมั้ย"
ใบพรร้อนใจ
"เมื่อคืนทั้งคืนก็โทร.ไม่ติด วันนี้ก็โทรไม่ติดอีก"
"เป็นไปได้ไง หรืออีเจ๊มันเปลี่ยนเบอร์"
ใบพรเดินออกไปอย่างร้อนใจ ต้อยตกใจ
"อ้าวแล้วจะไปไหน"
"ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ฉันจะกลับบ้าน"
"มีเงินเหรอ"
ใบพรชะงักไป
"ฉันจะลองโบกรถดู"
ใบพรทำท่าจะเดินไป ต้อยสวน
"เดี๋ยวก็ถูกหลอกอีกหรอก"
ใบพรชะงักหน้าเสีย ด้วยความกลัว ต้อยถอนหายใจ

นายร้อยเวรคนที่ต้อยเคยโทร.ไปแจ้งความ ลงจากรถ เดินคุยมากับวิไล แม่ของใบพรที่ขอติดรถมาจากกรุงเทพด้วย
"ผมว่าป้าน่าจะรออยู่ที่บ้านดีกว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ" ร้อยเวรบอก
"ป้าเป็นห่วงลูก ไม่รู้ป่านนี้เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง"
วิไลพูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้ ร้อยเวรต้องเข้าไปปลอบ
"อย่าร้องไห้ดิป้า เอาอย่างนี้แล้วกันถ้าป้าอยากทำก็ทำไป แต่ถ้าเจอเมื่อไหร่ก็รีบแจ้งผมเลยนะ เพื่อความปลอดภัยของลูกสาวป้าเอง เอานี่นามบัตรผม"
ร้อยเวรยื่นนามบัตรให้ วิไลเช็ดน้ำตารับนามบัตรมาถือไว้
"ขอบคุณมากค่ะคุณตำรวจ"
"งั้นผมส่งป้าแค่นี้นะ ผมต้องไปคุยกับผู้กำกับเรื่องคดี"
"จ้ะ"
ร้อยเวรเดินเข้าไปในโรงพัก วิไลมองออกไปข้างนอกโรงพักเห็นรถราขวักไขว่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี

พริ้งกำลังนั่งเย็บชุดโชว์อยู่ปฏิเสธเสียงแข็ง
"โนเวย์ ไม่มีทาง"
ต้อยอ้อนวอน
"แต่พรมันจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ นะเจ๊ แค่สองพันเอง"
"แล้วถ้ามันหายไปไม่กลับมาล่ะ"
"ฉันรับผิดชอบเอง"
"เชอะ ! รับผิดชอบ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะอีต้อย" พริ้งว่า
"หน่านะเจ๊ ฉันขอร้อง ถ้าเจ๊ไม่เห็นแก่ฉันก็เห็นแก่แม่ฉัน พี่สาวเจ๊บ้าง"
"แล้วหล่อนเคยเห็นแก่หน้าฉันมั้ย เถียงฉอด ๆ อวดดีแล้วก็อวดดีต่อไปให้ตลอดรอดฝั่งสิ"
"ฉันอวดดีแล้วพาลไปลงกับพรมันทำไม ช่วยมันหน่อยนะเจ๊ จะให้ฉันกราบหรือทำอะไรก็ได้"
"บอกว่าไม่ก็คือไม่"
พริ้งเชิดใส่เดินออกไป ใบพรหน้าเสีย
"ไม่เป็นไรต้อย เดี๋ยวฉันจะลองหาทางอื่นดู" ใบพรบอก
"ยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ"
ใบพรหน้าเสียคิดไม่ออก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสายพิณดังมาจากข้างหลัง
"มีเรื่องอะไรกันเหรอ"
ใบพร ต้อยหันไปเห็นสายพิณและศรีเดินลงมาจากข้างบนพอดี

เวลาต่อมา สายพิณยื่นแบงก์พัน 2 ใบให้ใบพร แสร้งทำเป็นคนดี ใบพรรับมาด้วยความเกรงใจ ต้อยกับศรียืนอยู่ด้วย
"ไม่ต้องคิดมากนะ รีบกลับบ้านไปเถอะ"
"ขอบใจมาก ฉันจะไม่มีวันลืมพระคุณนี้เลย"
"พระคุณอะไร ถ้าวันก่อนไม่ได้พรช่วยไว้ ไม่รู้ป่านนี้พิณกับพี่ศรีจะเป็นยังไง"
"เป็นยังไง พวกมันก็ถูกตบกลิ้งนะสิ" ศรีว่า
สายพิณปราม
"ยังไงพรกับต้อยเค้าก็ช่วยเรานะพี่ศรี"
"แล้วไง ไม่ได้ขอซักหน่อย นี่ก็ไม่รู้แต่งเรื่องเรียกร้องความสนใจอีกหรือเปล่า"
ต้อยทนไม่ไหว
"แล้วพรมันจะทำอย่างนั้นทำไม"
"ก็นี่ไงได้เงินไปสองพัน คนอื่นนอนถ่างขาทั้งคืนกว่าจะได้"
"อย่ามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยเลย" สายพิณบอก
"น้องพิณก็อย่าโลกสวยไปหน่อยเลย ระวังจะถูกหลอก"
ศรีสะบัดหน้าเดินออกไป ใบพรเกรงใจสายพิณ
"ไว้ฉันหาเงินได้เมื่อไหร่จะรีบคืน" ใบพรบอก
"ไม่เป็นไร รีบไปเถอะ ถ้าเห็นท่าไม่ดีแล้วรีบแจ้งความเลยนะ"

"ขอบใจมากนะ"
 
อ่านต่อหน้า 3

แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 4 (ต่อ)

นงเยาว์แง้มประตูห้องสิงห์เข้ามา ในมือถือถุงของมาด้วย สิงห์ใส่เสื้อกล้าม กำลังโกนหนวดเคราจนเกลี้ยงเกลา หล่อเหลาแทบจำไม่ได้ นงเยาว์เข้ามากอดหลังของสิงห์อีก

"นง ปล่อยพี่"
"แหม....ก็พี่สิงห์หล่อจนนงอดใจไม่ไหวน่ะซี"
สิงห์หันมา
"อย่าพูดอย่างนี้นะ พี่ตงได้ยินเข้าจะว่าเอาได้"
"พี่ตงไม่อยู่แล้ว แคร์อะไรด้วย"
สิงห์ส่ายหน้าหันไปเช็ดหน้าที่เปื้อนโฟมต่อ นงเยาว์ยิ้มอย่างรักใคร่
"ทำไมพี่ถึงโกนหนวดเคราออกล่ะ"
"ไม่อยากให้ใครจำได้"
นงหัวเราะระรื่นออกมา
"ปลอมตัวใช่มะ ฉันก็จะปลอมตัวเหมือนกัน"
นงเยาว์หยิบวิกผมปลอมซอยสั้นออกจากถุงออกมาใส่ เป็นผมสีออกน้ำตาลแดง แล้วใส่
แว่นปลอมแบบไม่มีเลนส์ด้วย มองตัวเองในกระจก ควงแขนสิงห์
"ฮิฮิ....ตอนนี้เราก็กลายเป็นโจรหนุ่มสาว ไม่มีใครจำเราได้แล้ว"
"แล้วจะปลอมตัวไปไหน" สิงห์ถาม
"คืนนี้ให้ฉันออกไปเที่ยวกับพี่ด้วยนะ ไม่อยากนอนอยู่คนเดียวอย่างเมื่อคืนอีกแล้ว"
"พี่ไม่ได้ไปเที่ยว พี่ไปทำงาน"
"งานอะไร อย่าบอกนะงานผิดกฏหมายอีก"
สิงห์ถอนใจ นงเยาว์ซบหน้ากับแขนล่ำของสิงห์ ออดอ้อน
"นงเหงาน่ะ ไม่อยากอยู่คนเดียว เราไปกินข้าวเย็นในเมืองกันนะ แล้วพี่โทร. มารับนงตอนที่พี่จะกลับ"
สิงห์มองอย่างเอ็นดู
"ก็ได้ แต่อย่าเหลวไหลนะ"
"ได้ รักพี่สิงห์ที่สุดเลย"
นงเยาว์หอมแก้มสิงห์แล้ววิ่งออกจากห้อง สิงห์มองตามส่ายหน้า ยิ้มอย่างเอ็นดู

วิไลเอารูปถ่ายขาวดำสำหรับติดบัตรนักเรียนของใบพร เดินมาถามคนในตลาดเมืองพัทยา
“เคยเห็นคนในรูปนี้หรือเปล่าจ๊ะ ลูกฉันเอง มันหนีออกจากบ้านมา”
แต่คนตลาดปฏิเสธไม่เคยเห็น วิไลจึงเดินเอารูปไปถามคนอื่น ๆ คนแล้วคนเล่า แต่ไม่เคยมีใครเห็นใบพรซักคน
วิไลรู้สึกเหนื่อยอ่อน แต่ไม่ยอมแพ้กัดฟันเดินต่อไป จนกระทั่งรองเท้าฟองน้ำที่ใส่อยู่ขาด วิไลนั่งลงอย่างอ่อนล้าริมฟุตปาธ เป็นจังหวะเดียวกับที่ใบพรกับต้อยเดินผ่านมาพอดี แต่วิไลก้มลงหยิบรองเท้าขึ้นมาดู ทั้งสองจึงมองไม่เห็นกัน ก่อนใบพรเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง

ใบพรกับต้อยเดินมาที่ร้านขายตั๋ว ใบพรถามต้อยด้วยความแปลกเรื่องสายพิณ
“สายพิณนี่เค้าเป็นนักร้องไม่ใช่เหรอ ทำไมมาทำงานนี้ “
ต้อยถาม
“จำข่าวเรื่องนักร้องชื่อดังรับจ๊อบกินข้าวกับนักการเมืองครั้งละแสนได้หรือเปล่า”
“ตกลงนักร้องคนนั้นคือสายพิณเหรอ”
“อือ เห็นว่าถูกยกเลิกสัญญาแล้วก็คิวงานทั้งหมด แล้วอย่าไปถามเจ้าตัวนะ มันจี้ใจดำ มีหวังบ้านแตกแน่”
“อือ”
ใบพรเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วพอดี
“ซื้อตั๋วใบนึงค่ะ”
“ไปไหนคะ “

ริมฟุตปาธ วิไลเห็นหนังยางที่ตกอยู่หยิบมารัดรองเท้าที่ขาดอยู่ให้พอใส่เดินไปได้ เท้าเป็นรอยแดงเพราะถูกรองเท้าเสียดสีจากการเดินทั้งวัน
แสงแดดแรงกล้าของยามเที่ยงทำให้วิไลรู้สึกคอแห้งกระหายน้ำ จึงหยิบห่อผ้าจากชายพกขึ้นมาเปิดดู เห็นแบงก์เก่า ๆ ทั้งแบงก์ยี่สิบ แบงก์ห้าสิบและแบงก์ร้อยมัดรวมกันอยู่ในนั้น ก่อนจะหยิบแบงก์ยี่สิบออกมา มองหาร้านขายน้ำฝั่งตรงข้าม พลันสายตาเหลือบไปเห็นใบพรยืนหลังอยู่ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปมองใกล้ ๆ และแล้วใบพรก็หันหน้ามา วิไลก็จำลูกสาวได้ทันที
“ใบพร ลูก”

ใบพรรู้สึกเหมือนมีใครบางคนเรียกตน จะหันไปแต่คนขายตั๋วยื่นตั๋วให้เสียก่อน
“รถออกทุ่มครึ่ง”
ใบพรหันขวับมารับตั๋ว
“ขอบคุณค่ะ”
ใบพรเดินออกไป มองไม่เห็นวิไล

ฝ่ายวิไลเห็นใบพรกำลังจะเดินไปก็ร้องเรียกลูกเสียงดัง
“ใบพร...ทางนี้ลูก ใบพร ใบพร”
แต่ใบพรไม่ได้ยิน วิไลกลัวว่าจะคลาดกันรีบข้ามถนนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งพุ่งมาชนวิไล จนร่างลอยละลิ่วก่อนจะตกกระแทกพื้นอย่างแรง รถคันนั้นแล่นหนีไป โดยไม่แม้แต่จะจอดดู

ใบพรกับต้อย เดินออกจากร้านจองตั๋วรถทัวร์ ได้ยินเสียงคนร้องโวยวายเสียงดัง
บรรดาไทยมุงร้องบอก
“คนถูกรถชน คนถูกรถชน”
ใบพรหันไปตามเสียง เห็นไทยมุงเข้ามามุงดูวิไลเต็มไปหมด จึงมองไม่เห็นแม่ตัวเองที่นอนอยู่
“ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ เดี๋ยวนั่งรถจะได้ไม่หิว” ต้อยบอก
“อือ”
ใบพรพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามต้อยไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนขายของร้านที่อยู่ข้าง ๆ ที่วิไลเคยเดินเข้ามาถามหาใบพร ออกมาดูเหตุการณ์
“ฉันนึกแล้วว่าต้องจบแบบนี้”
“เด็กสมัยนี้จริง ๆ เลย ทำอะไรไม่เคยคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่ เอะอะไม่พอใจอะไรก็หนีออกจากบ้าน แล้วเป็นไง สุดท้ายคนรับกรรมก็พ่อแม่”
ใบพรสะดุดหูกับคำว่า “หนีออกจากบ้าน” จึงหันไปฟังอย่างตั้งใจ
“ฉันอยากรู้จริง ๆ เลยถ้าลูกสาวตัวดีมาเห็นว่าแม่ตัวเองมีสภาพอย่างนี้จะเป็นยังไง”
ใบพรรู้สึกสังหรณ์ใจหันมามองไทยมุง ต้อยเข้ามาถามด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรเหรอ”
“เดี๋ยวฉันมา”

ใบพรรีบเดินเข้าไปดู

ตำรวจจราจรเข้ามาเคลียร์ไทยมุงให้ออกไป ก่อนจะวิทยุเรียกรถพยาบาล

“ถอยไปครับ อย่าเข้ามา คนเจ็บจะได้มีอากาศหายใจ”
ใบพรมาถึงพอเห็นว่าผู้หญิงที่นอนจมกองเลือดอยู่คือแม่ตัวเอง ก็ร้องออกมาสุดเสียง
“แม่”
ใบพรโผเข้าไปกอดวิไล

เวลาต่อมา วิไลนอนอยู่บนเตียงฉุกเฉินของโรงพยาบาล หมอพยายามช่วยกันเข็นเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน ใบพรใจเสีย ร้องไห้จับมือแม่วิ่งตามไปตลอดทาง เห็นว่าเสื้อผ้าใบพรเต็มไปด้วยเลือดของแม่
“แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะจ๊ะ พรอยู่นี่แล้ว พรอยู่นี่แล้ว เข้มแข็งไว้นะแม่ เข้มแข็งไว้”

พอถึงหน้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลกันตัวใบพรออกไป
“เข้าไปไม่ได้นะคะ”
ประตูห้องฉุกเฉินปิดปัง ไฟหน้าห้องฉุกเฉินสว่างขึ้น
ใบพรเดินกระสับกระส่ายกลับไปกลับมาด้วยความเป็นห่วง ผ่านเวลา ไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง หมอเปิดประตูออกมา ใบพรรีบเข้าไปถามหมอด้วยความร้อนใจ
“แม่ฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
หมอสีหน้าเครียด)
“ร่างกายคนไข้บอบซ้ำอย่างรุนแรง อวัยวะภายในฉีกขาด กระดูกเชิงกรานหัก ผ่าตรงไหนก็เจอแต่เลือด คงต้องรอให้ฟื้นตัวซักระยะนึงก่อน ถึงจะผ่าตัดได้”
หมอพูดจบก็เดินไป ใบพรหน้าเสีย

ใบพรกับต้อยเดินเข้ามาในห้อง พอใบพรเห็นวิไลนอนสลบอยู่บนเตียง มีสายระโยงระยางเต็มไปหมดก็ใจเสีย เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ เตียง ยกมือแม่ขึ้นมากุม พูดด้วยความรู้สึกผิด
“แม่จ๋า แม่ได้ยินเสียงพรมั้ยจ๊ะ พรไม่ดีเองที่หนีออกจากบ้าน พรเป็นคนทำให้แม่เป็นอย่างนี้ พรขอโทษ พรขอโทษ”
ใบพรจูบมือแม่พลางร้องไห้ ต้อยเข้าไปปลอบเพื่อน
“อย่าโทษตัวเองเลยพร ไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนี้หรอก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด เธอต้องเข้มแข็งให้มาก แม่เธอไม่เหลือใครแล้ว
“ฉันจะพยายาม …แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะจ๊ะ อยู่ให้พรได้ตอบแทนค่าน้ำนมที่แม่เลี้ยงดูพรมา อย่าให้พรต้องกลายเป็นลูกทรพีฆ่าแม่ตัวเองเลยนะจ๊ะ แม่จ๋า แม่”
ใบพรกอดแม่ ต้อยมองด้วยความสงสาร

กลางคืน ในช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน สิงห์แต่งตัวปอน ๆ ตามสไตล์ มีแจ็คเก็ตหนังทับ ข้างในมีอาวุธปืน เคาะประตูห้องนงเยาว์
“พี่สิงห์เหรอ เชิญ”
สิงห์เปิดประตูเข้าไป ชะงัก นงเยาว์ในชุดเกาะอก ขาสั้น ยั่วยวน ใส่วิก ยกขากับเก้าอี้กำลัง
รูดถุงน่องขึ้น หน้าตาแต่งจัด
“แต่งตัวขนาดนี้เลยเหรอ”
“ทำไมละจ๊ะ บางวันแต่งยิ่งกว่านี้อีกนะ หรือว่าพี่ไม่ชอบ”
นงเยาว์เดินเซ็กซี่เข้ามาหาสิงห์ โอบแขนรอบคอสิงห์
“ถ้าไม่ชอบฉันถอดออกก็ได้นะ”
สิงห์นิ่งงัน นงเยาว์ทำท่าจะปลดเกาะอกออก สิงห์ยึดมือไว้แน่น
“ทำไมทำอย่างนี้ จะยั่วไปถึงไหน”
“นงรักพี่สิงห์ นงอยากเป็นเมียพี่”
สิงห์กร้าว
"คิดได้ยังไง เราเป็นพี่เป็นน้องกัน"
"ไม่ใช่ พี่เป็นเด็กที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่พี่แท้ ๆ เสียหน่อย แล้วทำไมนงจะรักพี่ไม่ได้"
นงเยาว์ซบหน้ากับอกสิงห์ ร่ำไห้ สิงห์ถอนใจ
"นงรักพี่ พี่คนเดียวที่เข้าใจนง ในบ้านมีแต่คนเกลียดนง ทั้งพ่อแม่ พี่ตง นง ทำอะไรก็ผิดไปหมด นงมีพี่คนเดียวที่ปรึกษาได้ พี่ปลอบนงทุกครั้งที่ถูกพ่อแม่ตี ปกป้องนง กอดนงทุกครั้งที่พี่ตงจะทำร้าย"
นงเยาว์เงยหน้ามองสิงห์ทั้งน้ำตา
"นงรู้นะว่าพี่เองก็มีใจให้นง พี่สิงห์รักนงใช่ไหม"
สิงห์ไม่มองหน้านง
"ใช่ไหมคะ พี่รักนง อย่าฝืนตัวเองเลย"
นงเยาว์จะประทับจูบที่ริมฝีปากของสิงห์
"รักนงเถอะนะ คืนนี้เราจะเป็นของกันและกัน"
ปากนงเยาว์ใกล้ประกบ สิงห์ผลักร่าง นงเยาว์ล้มไปกับเตียง ร้องไห้
"หยุดทำแบบนี้ พี่ไม่เคยรักนงมากเกินกว่าความเป็นน้องสาว"
"ไม่จริง พี่ฝืนใจพูดใช่ไหม"
สิงห์ลงนั่งข้างนงเยาว์ กระชากร่างขึ้นมานั่ง แล้วพูดด้วยเสียงกร้าว
"ไม่ได้ฝืน พี่ไม่ได้รักนงแบบนั้น แล้วเลิกคิดเพ้อเจ้อได้แล้ว พ่อแม่ พี่ตง เขารักนง ที่เขาดุด่าก็เพราะเรามันใจแตก เรามันเหลวแหลกทำตัวง่ายกับผู้ชาย พี่ขอนะ อย่าทำอย่างนี้อีก ไม่งั้นพี่นี่แหละจะลงโทษเราเอง คืนนี้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปเที่ยวไหนทั้งนั้น แล้วอย่าแต่งตัวแบบนี้ให้พี่เห็นอีก"
สิงห์ปล่อยร่าง นงเยาว์ร้องไห้จะขาดใจ สิงห์ถอนใจก่อนจะผลุนผลันออกไป

ด้านหน้าเฮฟเวนคาราโอเกะ เมื่อหัวค่ำ คนเที่ยวยังบางตา เฮียหมาถามใบพรด้วยท่าทางเจ้าชู้กรุ่มกริ่ม ใบพรยังหน้าเศร้ากับเรื่องแม่ถูกรถชนเมื่อกลางวัน
"จบปวช.บัญชีมา งั้นก็เป็นแคชเชียร์ได้ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีตำแหน่งว่างเลย"
ต้อยแนะนำ
"เฮียก็ให้พรเสิร์ฟไปก่อนก็ได้ ตำแหน่งว่างแล้วค่อยให้เป็นแคชเชียร์"
"ก็ดีเหมือนกัน กำลังขาดคนอยู่พอดี ... งานหนักหน่อยนะ เงินเดือนก็ไม่เยอะ แต่ถ้ารวมทิปแล้วบางเดือนอาจจะได้ร่วม ๆ หมื่น ไหวมั้ย"
ใบพรดีใจ
"ไหวค่ะ ขอให้มีงานทำ ต่อให้เหนื่อยหนักแค่ไหน แต่ถ้ามีเงินมารักษาแม่ พรก็ทำได้ทุกอย่างค่ะ"
"ทำได้ทุกอย่างอย่างนี้เฮียชอบ"
ต้อยมองตาขวางเป็นห่วงเพื่อน เฮียพูดสองแง่สามง่าม
"งั้นเดี๋ยวทดลองทำงานกันคืนนี้เลย"
ต้อยถาม
"คืนนี้เลยเหรอเฮีย"
"อ้าว ร้อนเงินนี่ ถ้าทำงานได้ เฮียบรรจุเลย ไป ใบพร ไปหาพี่ ๆ เขาที่ห้องครัว ขอชุดเขาบอกว่ามาฝึกงาน เออ...ขอชุด “ลองของ” ด้วยนะ"
ใบพรงง ๆ แต่รับคำ "ค่ะ"
ใบพรออกไป ต้อยมองเฮียหมาอย่างไม่ไว้ใจ
"ชุดลองของ ก็ชุด “เปิดหน้า ผ่านม” น่ะซีเฮียหมา"
"อ้าว...สวยอย่างนี้มันก็ต้องโชว์บ้าง ทำไมไม่ให้เป็นตัวขายเลยละวะ รับรองแขกตรึม"
"เฮียหมาอย่าพูดหมา ๆ เพื่อนฉันคนดี ไม่ใช่คนชั่ว อย่ามามั่วเสียให้ยาก"
"เสียดายว่ะ ของใหม่น่าเอามาให้เช่า ส่วนของเก่าน่าเอาไปทำปุ๋ย จริงมะ"
"เฮียพูดก็ถูก"
หมาออกจากห้อง ต้อยฉุกคิด

"เอ๊ะ พูดถึงใครวะ"
 
อ่านต่อหน้า 4

แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 4 (ต่อ)

ช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน ชิตแต่งตัวพร้อมไปทำงาน ผ่านห้อง นงเยาว์ เห็นประตูห้องเปิดอยู่ ชิตเคาะประตู เปิดเข้าไป เห็นนงเยาว์ยังอยู่ในชุดเดิม ใส่วิกเหมือนเดิม มาสคาร่าไหลอาบแก้มจากการร้องไห้ ดื่มเหล้าอยู่ เมาพอประมาณ

"น้องเป็นใครน่ะ....นงเยาว์อยู่รึเปล่า"
นงเยาว์มองหน้าชิต แล้วหัวเราะร่า
"จำไม่ได้ใช่มะ ฮ่ะฮ่ะ"
"เธอเหรอนง แล้วนี่ทำอะไร"
"ไม่เห็นเหรอ กินเหล้าไง ชิต เอาเงินให้ฉันหน่อย ฉันไม่มีเงินเลย คืนนี้ฉันจะไปหานังจันทร์ฟอง ฉันจะไปช่วยมัน"
"อย่าคิดอะไรโง่ ๆ" ชิตบอก
"ไม่โง่โว้ย แกเคยบอกฉันว่าอีตัวบ้านนั้นมันทำงานอยู่ที่ร้าน เฮเว่น อะไรสักอย่างใช่ไหม"
"ยังไงฉันก็ไม่พาไป"
"ก็ได้ ไม่พาไป ฉันจะฟ้องพี่ตง พี่สิงห์ แกลำบากแน่"
ชิตพูดอะไรไม่ออก
"แต่งอย่างนี้ไม่มีใครจำฉันได้แน่ ๆ แกก็ยังจำฉันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ"
ชิตมองนงเยาว์อย่างเห็นด้วย
"อย่าทำอะไรเกินกว่าเหตุนะ"
"รับรองน่า ฉันไม่ทำให้แกต้องซวยไปด้วยหรอก"
ชิตลังเล

ดึกต่อเนื่องมา บรรยากาศในผับเริ่มคึกคัก ดนตรีเร้าใจ แขกอาเสี่ยทักทายกันเสียงดัง ชี้ชวนกันมาที่ใบพรที่เดินเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มอยู่ หน้าตาตกแต่งอย่างดี ดูเด่นกว่าพนักงานเสิร์ฟนางอื่น ๆ ใบพรอยู่ในชุดพนักงานที่ดันทรงจนล้น แถมยังผ่าอกค่อนข้างลึก ใบพรไม่มั่นใจ เดินถือถาดเครื่องดื่มปิดหน้าอกตัวเอง
ต้อยแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้ว หน้าวอกเหมือนชะนีไพร วิ่งมาดู
"เป็นไงพร"
"ไม่มั่นใจเลย ชุดมันโป๊น่ะ"
"ไอ้เฮียนะไอ้เฮีย พรแค่ฝึกงานวันแรก มันให้ใส่ชุดลองของเลย นี่ไม่ใช่ลองของธรรมดานะ แต่ระดับลองของแข็ง"
"แขกชอบมองน่ะ ที่โต๊ะนั่นเมื่อกี้ก็ขอเบอร์ พรไปเปลี่ยนชุดดีไหม"
"เดี๋ยว ติ๊ปเยอะไหม"
"เยอะเหมือนกันนะ"
"งั้นใส่ไป ทนเอาหน่อย ถือว่าแลกกับติ๊ป มันดูแค่ตา ไม่ท้องหรอก ไม่ใช่ปลากัด ฮิฮิ"
"ต้อย พูดอะไร"
ต้อยหัวเราะคิก

ใบพรและต้อยเดินผ่านพริ้งและเฮียหมา ที่ยืนอยู่เคาน์เตอร์บาร์ ก้านอยู่ใกล้ ๆ
พริ้งถาม
"เด็กใหม่เหรอเฮีย หน้าตาสวยเชียว เอ๊ะ หรือว่าเมียคนสุดท้อง"
"อ้าว...พูดเหมือนไม่รู้จัก นังต้อยมันบอกว่าพักอยู่บ้านเจ๊ไม่ใช่เหรอ"
"เดี๋ยว ใครพักบ้านฉัน มันเป็นใคร"
"ชื่อใบพรไง"
"ว้าย...แม่มึง นี่นังใบพรเหรอ หนอย เมื่อวานมาบอกว่าไม่ยอมขายตัว คืนนี้ มาแอ่นอกยกนมในผับเสียแล้ว"
"เขามาสมัครเป็นสาวเสิร์ฟ ไม่ใช่สาวไซด์ไลน์"
"เหรอ กลางวันเห็นหน้าซีด ๆ พอกลางคืนทำไมมันสวยเซ็กส์วะ"
ก้านบอก
"เห็นด้วยเลยเจ๊ อยากได้แม่ของลูกพันธุ์นี้แหละ"
"แล้วยังไงมาทำงานกับเฮีย" พริ้งถาม
"ต้อยมันเอามาฝาก น่าสงสารมาก แม่เพิ่งโดนรถชนเมื่อกลางวัน หาเงินให้แม่รักษาตัว"
"นังนี่รันทดซ้ำซาก สมเป็นนางเอกตอนบ่ายนะ สะตอรึเปล่าหว่า"
"เจ๊....สวยขนาดนี้ ทำไมไม่รวบรัดตัดตอนเสียเลย" ก้านว่า
"เผานั่งยางเหรอ"
"ไม่ใช่.... เอามาอยู่ในสังกัดไง สายพิณก็สายพิณเถอะ เจอแม่ใบพรเข้าสายพิณจะหนาวตลอดช่วงล่าง"
"หิมะร่วงเลยซี ...ไม่หรอก พี่ละม่อมเคยชวนแล้ว แต่มันบอกมันไม่ขายศักดิ์ศรี ถุย ว่าแต่....เฮียมีวีธีเหรอ"
"ไม่ยากเล้ย ไม่ผ่านฝึกงาน ตัดเงิน บีบคั้นมาก ๆ เดี๋ยวก็ต้องทิ้งศักด์ศรีเองแหละ" หมาว่า
"ถ้าเฮียทำสำเร็จนะ พริ้งจะตอบแทนอย่างงาม"
"ด้วยอะไรจ๊ะ"
"พริ้งยอมเป็นเมียคนสุดท้องของเฮียไง"
ก้านหัวเราะก๊าก พริ้งเดินนวยนาดจากไป
"เฮียเอาไหม เมียคนสุดท้อง"
"ข้ายังอยากกินโมจินมสดโว้ย ไม่อยากกินขนมถังแตก"

ชิตพานงเยาว์เข้ามาในผับ เธอใส่ทั้งวิกและแว่น ไม่มีใครจำได้ นงเยาว์ยังเมาอยู่
"มุมนั้นเห็นไหม นั่นแหละเป็นโซนของเด็กบ้านสุขสำราญ แล้วโซนนั้นเป็นของบ้านเสน่ห์จันทร์"
นงเยาว์มองตามไป เห็น เอพริล เมย์ จูน คุยกับแขกอยู่มุมหนึ่ง ศรีกับต้อยกำลังคุยกับแขกอยู่อีกมุม
"ถ้านังจันทร์หรือฉันถูกบังคับขายตัว มันก็ต้องนั่งกับแขกแบบนั้นใช่ไหม"
"ก็ใช่ มานั่งหลบ ๆ ดีกว่า"
ชิตพานงเยาว์ไปนั่ง นงเยาว์ก้มหน้า พริ้งเดินผ่านมา
"พี่พริ้งมาแล้ว เฉย ๆไว้นะ"
"ชิต ไม่ทำงานเหรอ"
"วันนี้ลางานครับ น้อง นี่เจ๊พริ้ง"
นงเยาว์ไหว้ หน้าซึม ๆ พริ้งรับไหว้ มอง นงเยาว์อย่างคุ้น ๆ ชิตมองอย่างระทึกใจว่าพริ้งจะจำได้รึเปล่า
"น้อง หรือแฟน"
ชิตโล่งใจ
"รวม ๆ กันพี่"
"ว่าแล้ว นี่....แล้วนังเด็กนงเยาว์นั่นยังไง"
"อ๋อ กลับบ้านไปแล้วครับ"
"ดี....อย่าให้กลับมาพัทยาเชียวนะ ไม่งั้นโดนซ้อมปางตาย แหม....แต่น่าเสียดายนังนี่นะ"
"เสียดายอะไรเจ๊"
"เสียดายความสวยน่ะซี แม่เขายังชมว่าอยากได้เข้าสังกัด รับรองไม่ถึงปี รวยเป็นสิบล้าน"
นงเยาว์สนใจขึ้นมาทันที
"ขนาดนั้นเชียว"
"ดีไม่ดี ส่งผู้ใหญ่ในวงการ มันได้เป็นดาราดังเลยนะนังเนี่ย"
นงเยาว์ดัดเสียงให้แหบ ๆ
"จริงเหรอเจ๊ ได้เป็นดาราเลยเหรอ"
ชิตสะดุ้ง ไม่คิดว่านงเยาว์จะกล้าถาม พริ้งมองนงเยาว์อย่างงง ๆ
"เมียเอ็งเมาอ๊ะป่าว"
"นิดหน่อย"
"อย่างฉันเนี่ย พอเป็นดาราไหวมะ"
นงเยาว์ลุกขึ้น ทำท่าจะเลิกเสื้อเปิดอก ชิตยึดไว้
"ไม่เอาน่าน้อง เราเมาแล้ว"
"ไม่ยุ่งแล้วว่ะ"
พริ้งสะบัดไป ชิตกดร่าง นงเยาว์ลงนั่ง
"เป็นบ้าอะไร"
นงเยาว์ลงนั่ง กุมขมับ
"สั่งอะไรแรง ๆ มากินหน่อย"
นงเยาว์เริ่มสะอื้น แล้วพิงหน้ากับผนัง ร้องไห้กระซิก ชิตระอาใจ ใบพรผ่านมาพอดี ชิตมองอย่างปลื้ม
"น้องครับ"
"รับอะไรดีคะ"
"อยากดื่มน้องน่ะ"
ใบพรหน้าเจื่อน
"พูดเล่น เอา... แล้วเอานี่ให้น้องพี่ด้วย น้องนะ ไม่ใช่แฟน"
"ค่ะ" ใบพรรับคำน้ำเสียงเย็นชา
ชิตมองตามใบพร

"สวยเว้ย" แล้วหันมามองนงเยาว์ที่ยังสะอื้นอย่างเบื่อหน่าย "อีนี่ก็ซวยชิบ"

สิงห์นั่งอยู่ มอเตอร์ไซค์ ซุ่มอยู่มุมถนนในความมืด มองคนเข้าออกในผับหลายร้านในละแวกนั้น พลางถอนใจเบื่อหน่ายกับภารกิจที่ต้องทำ และไม่เห็นทีท่าว่าจะตามเจอ ยกกาแฟสำเร็จขึ้นซดเพื่อให้ไม่ง่วง ปาทิ้ง แล้วสตาร์ทรถแล่นออกไปยังผับแหล่งอื่น

กลางผับ นักเที่ยวกำลังเต้นกลางฟลอร์เมามัน มุมหนึ่งชิตเมาได้ที่ กำลังถ่ายภาพคู่กับใบพรด้วยมือถือ
"พอยังคะ ขอพรไปทำงานก่อนนะ"
"คืนนี้ไปกับพี่ไหมน้องพร"
"ไม่ค่ะ"
"ว๊า พี่หล่อไม่พอรึไง งั้น มาถ่ายกับพี่อีกรูปเถอะ"
"พี่ หนูต้องไปทำงานแล้ว"
"น่านะ"
เสียงต้อยแหวขึ้น
"ไอ้ชิต มายุ่งอะไรกับเพื่อนข้า"
"อ้าว อีต้อย เพื่อนแกเหรอวะ" ชิตถาม
"เออ"
"ชอบอ๊ะ"
"มา อยากถ่ายรูปมาถ่ายกับข้า"
ต้อยหยิบมือถือชิต แล้วเข้าแนบหน้าชิต กดถ่ายรูปสองสามรูป ชิตทำหน้าเบื่อ
"พอใจยัง ใบพร ไปทำงาน"
ใบพรรีบแยกไป
"แนะนำหน่อยซีวะ"
"ไม่ต้อง นั่นของโชว์เฉย ๆ ไม่ใช่ของซื้อของขาย ของขายอยู่นี่"
"แล้วขายได้บ้างรึยัง"
"ยัง"
"ของเก่าแล้ว ราขึ้น เลิกเถอะ"
ชิตหัวเราะแล้วจะแยกไป
ต้อยของเก่าบางชิ้น เขากราบไหว้บูชากันนะโว้ย
บนเวที ดนตรีเปลี่ยนเพลง แสงดิมลง เวทีสว่างเรืองขึ้น ร่างของสายพิณออกมาโชว์เดี่ยว สวยและโป๊จนคนดูเป่าปาก ฮือฮา สายพิณทั้งร้องทั้งเต้น เยื้องกรายอย่างยั่วยวน ผู้ชายมองตาเป็นมัน ใบพรเข้ามายืนข้างต้อย
"นั่นสายพิณเหรอต้อย"
"นางฟ้าบ้านเรา"
"เข้าใจแล้วละ ทำไมเรียกเธอว่านางฟ้า"

นงเยาว์เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ บนโต๊ะมีเครื่องดื่มอีกหลายชนิด นงเยาว์มองไปยังเวที เห็น สายพิณกำลังโชว์
บนเวที หน้าเวที บรรดานักเที่ยวทั้งชายหญิงร้องและเต้นตาม
นงเยาว์ลุกขึ้นเหมือนโดนมนต์สะกด ออกไปที่หน้าเวที มองสายพิณราวกับเป็นนางฟ้าของเธอ
"พี่พินนี่"
นงเยาว์หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา ท่ามกลางกลุ่มนักเต้นที่ล้อมรอบเธอ
"ฉันจะเป็นดาราอย่างพี่ คอยดู"
นงเยาว์เริ่มเต้นตามจังหวะสายพิณ ที่เชียร์ให้แขกเต้นตามเธอ นักเต้นหญิงและกะเทยข้าง ๆ เต้นพร้อมกันทั้งคณะ นงเยาว์เต้นตามท่าอย่างคล่องแคล่ว หัวเราะราวรู้จักกันมานาน นงเยาว์เคลิ้มไปกับสิ่งเร้ารอบตัว กรีดหัวเราะและลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมาเสียสิ้น

กลางคืนต่อเนื่องมา รถมอเตอร์ไซค์จอดซุ่มอยู่ที่ตรอกหลังเฮเว่น สิงห์เฝ้าดูผู้คนจนผับปิดตัวลงหลายร้าน จนหลับไปบนเก้าอี้อาร์มแชร์เก่า ๆ ในตรอก ไม่รู้ว่านักเที่ยวกำลังทะยอยกันออกมาจากผับ
ใบพรออกมาจากประตูหลังร้าน กำลังเอาขยะมาทิ้งที่ถังใหญ่ เหลือบมองไปเห็น สิงห์นอนหลับอยู่ พรเดินมาใกล้ ในมือมีขวดน้ำเย็นอยู่ จำหน้าสิงห์ไม่ได้ เพราะโกนหนวดเกลี้ยงเกลาแล้ว
"พี่ เมารึเปล่า ผับเลิกแล้วนะ"
ใบพรเอามือไปแตะหน้าสิงห์ สิงห์สะดุ้งตื่นจับมือใบพรไว้แน่น
"อุ๊ย...เจ็บ"
สิงห์ปล่อยมือใบพร มองหน้านิ่ง แต่โชคดีที่ใบพรยืนอยู่หน้าไฟนีออน ใบหน้าซ่อนอยู่ในเงา ทำให้เห็นเลือนราง ประกอบกับแต่งหน้าเข้มจัด สิงห์จำไม่ได้ มีแต่เสียงเท่านั้นที่คุ้นหู
สิงห์ปล่อยมือ ใบพรรีบถอยห่างออกมา หันไปยกถุงขยะใส่ถัง หันหลังให้สิงห์
"โทษ"
"ผับเลิกแล้วพี่"
"เหรอ"
"รอใครรึเปล่า"
"เพื่อนน่ะ"
สิงห์มองตามไปเห็นด้านหลังของใบพร ที่เดินกลับเข้าประตูไป ชิตพานงเยาว์ที่เมามายออกมา ทิ้งร่างนงเยาว์ลงกับเก้าอี้
"พี่สิงห์ น้องพี่เมาเละเลย"
"เกือบจะเข้าไปตามในผับแล้ว แต่เห็นตำรวจเพ่นพ่านอยู่เลยไม่อยากเข้าไป คิดยังไงพานงมาเที่ยวแบบนี้วะ"
"ตื๊อน่ะซีพี่ ขอมาให้ได้ ว่าแต่เจอไหมพี่ผู้หญิงที่ตามหาน่ะ"
สิงห์ส่ายหน้า
"มันเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ ผมว่าเสียเวลาเปล่า"
"ฉันก็ว่าอย่างนั้น"
สิงห์ถอนใจ

รุ่งขึ้น สิงห์เข้ามาในห้องนงเยาว์ที่กำลังแต่งหน้าแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
"เมื่อคืนออกไปเที่ยวกับชิต ไม่ขออนุญาตพี่สักคำ"
"ไม่จำเป็นมั้ง"
"แล้วแต่งหน้าแต่งตัวจะไปไหน"
"ไปหางานทำ"
นงเยาว์ลุกขึ้น สิงห์ยึดร่างไว้
"ที่นี่น่ะเหรอ งานอะไร"
"อะไรก็ได้ที่จะหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องฉันได้ โดยไม่ต้องพึ่งเงินที่พี่ไปปล้นเขามา"
สิงห์สลดใจ
"นงต้องกลับบ้าน พี่เองก็จะกลับเหมือนกัน"
"ไม่....ฉันจะอยู่ที่นี่ แล้วพี่หรือพี่ตงก็ห้ามฉันไม่ได้ ต่อไปนี้ฉันจะมีชีวิตของฉันเอง อย่ามายุ่งกับฉัน"

นงเยาว์คว้ากระเป๋าแล้วสะบัดออกจากห้อง สิงห์ตาม
 
อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น