xs
xsm
sm
md
lg

พราว ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พราว ตอนที่ 7

กล้ามเป็นกล้ามของเหล่า 5 นักแสดงที่เล่นเป็น 5 นักรบเอกของละครอโยธยา กำลังซ้อมคิวดาบอาวุธรอเข้าฉาก แฟรงค์กับเอมี่ ทำมั่วนิ่ม พามีนในคราบของพราวเข้ามาแนะนำแบบเนียนๆ
 
“อุ้ยตายว้ายกรี๊ด กริช ศิระ พระเอกใหม่ถอดด้ามของเรา ล่ำ, สปอร์ต, กอ-ทอ-มอ รับบทเป็น นายเรือง หัวหน้าแกนนำนักรบคู่ใจของแม่หญิงแก้วเจ้าจอม”
มีนยิ้มทักทาย “หวัดดีค่ะ”
ทำเอากริชงงๆ “หวัดดีครับคุณพราว เอ่อ นี่เป็นไรเปล่าครับ พี่แฟรงค์ทำเหมือนผมกับคุณพราวไม่เคยรู้จักกัน มาก่อนงั้นแหละ ต้องมาแนะนงแนะนำตัวกันใหม่”
จันทร์จรีที่แต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว ยืนมองมาอย่างจับผิด เมื่อเห็นแฟรงค์กับเอมี่พาพราว ซึ่งจริงๆ แล้วคือมีน เข้าไปพูดคุยกับเหล่านักแสดงอื่นๆ ทั้งๆ ที่ปรกติจะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
ครู่ใหญ่ช่างแต่งหน้า ก็เดินเข้ามาตามให้พราวเข้าไปแต่งหน้า แต่งตัว แต่แฟรงค์รีบชิงออกตัวว่า
“ไม่ต้อง ขุ่นแม่จัดเต็มมาแล้ว แค่เติมสีปากทำผมก็พอ ช่วงนี้พราวเค้าออกงานตลอดๆ
เลยแพ้เครื่องสำอาง คุณแม่ก็เลยจัดมาให้เองจ๊ะ”
ทันใดนั้นมือถือของแฟรงค์ก็ดังขึ้นมาพอดี แฟรงค์มองเบอร์ เห็นเป็นผู้กำกับสหวุฒิโทรมา
“อุต๊ะ ตำรวจโทรมาทำไม ฮัลโหล หวัดดีค่าผู้กำกับ โทร. มามีอะไรคะ?”
สหวุฒิกำลังยืนพูดโทรศัพท์ต่อหน้าสมชายที่มีท่าทางร้อนใจ เพราะห่วงความปลอดภัยของพราว
“ตอนนี้คุณพราวอยู่ไหนครับ ?”
แฟรงค์อึกอัก เพราะถ้าขืนบอกความจริงว่าอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวข่าวออกไปว่ามาถ่ายละคร จะวุ่นไปกันใหญ่ เลยต้องรีบตอบรีบตัดบท
“กองถ่ายซีฮะ มีอะไรป่าวฮ้า พอดีว่ากำลังจะเข้าฉาก”
“อยู่กองถ่ายเหรอครับ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่โทร.มาถามด้วยความเป็นห่วง ช่วงนี้ไม่จำเป็น
ก็ไม่อยากให้คุณพราวออกไปไหนตามลำพังน่ะครับ”
แฟรงค์ค้อนประหลักประเหลือก “ชัวร์ฮะ พราวไปไหน แฟรงค์ไปนั่น ประกบไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่นิดเดียว”
“งั้นผมรบกวนแค่นี้แหละครับ ไว้คดีคืบหน้ายังไงจะโทร. ไป สวัสดีครับ”
สหวุฒิวางสาย แล้วหันมาพูดกับสมชาย
“คุณพราวถ่ายละครอยู่ ไอ้เจ๋งมันไม่น่าตามไปถูก”
แต่สมชายยังไม่วายกังวล
“แต่มันมีข้อมูลว่าบ้านคุณแฟรงค์อยู่ที่ไหน แล้วคุณพราวก็พักอยู่ที่นั่นด้วย มันติดตามความเคลื่อนไหวของคุณพราวทุกอย่างเลย มันจะโผล่ตามคุณพราวไปที่บ้านหรือที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้นะครับ”
สหวุฒิครุ่นคิดตาม
“แทนที่หนีไปได้แล้ว มันจะหนีไปให้พ้น แต่ดันหวนกลับมาอีก มันคงอยากจะแก้แค้น ที่ไอ้โอมพี่ชายมันถูกวิสามัญ”
“ผมเป็นคนวิสามัญพี่มัน มันอยากแก้แค้นผม ก็มาเลย แล้วไปยุ่งอะไรกับดาราซุปตาร์อย่างคุณพราว?”
สมชายอดข้องใจไม่ได้
“อย่าลืม วันที่เราล่อซื้อยาจากพวกมัน คุณพราวดันเข้ามาอยู่ร่วมในเหตุการณ์”
“แปลว่ามันเหมารวมว่ายัยซุปตาร์เป็นต้นเหตุให้พี่มันตายด้วย ?”
“ก็อาจเป็นไปได้ หรือมันอาจจะคิดอะไรมากกว่านั้น?”

สมชายอึ้ง ก่อนจะมองไปที่สหวุฒิ แล้วก็ฉุกใจคิดขึ้นมาเหมือนกัน

ทางด้านไอ้เจ๋งก็กำลังขับรถตามพราวไปตามเส้นทางนอกออกเขตเมือง
 
“ฆ่ามึงให้ตายไปคนเดียว มึงจะสบายเกินไปไอ้สมชาย ก่อนมึงจะตาย มึงต้องได้เห็นคนที่มึงรัก ตายอย่างทรมานต่อหน้าต่อตาเสียก่อน เหมือนกับที่มึงฆ่าพี่กู ไอ้นรก รักแท้ของซูเปอร์สตาร์กับตำรวจมือปราบ มันจะตื่นเต้นได้ไงวะ ถ้าขาดผู้ร้ายเจ๋งๆ อย่างกู”
ส่วนพราวก็ขับรถมุ่งตรงไปถามถนน แม้จะไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกสะกดรอยตาม แต่ก็ไม่วายทำหน้าเครียดเพราะไม่รู้จะกลับไปเจออะไรที่บ้านอีก

“สารวัตรจะปล่อยอู่เถื่อนนั่นไว้ ให้ไอ้เจ๋งกลับไปกบดานต่องั้นเหรอ ?”
สหวุฒิอดที่จะหันมาถามสมชายไม่ได้
“ผมไม่อยากให้มันหนีเตลิดไปที่อื่น จนกว่าเราจะพร้อม เข้าตะครุบตัวมันครับ”
“งั้นคุณก็กลับไปนอนพักเอาแรงซะบ้าง ท่าทางเมื่อคืนคงดักซุ่มไอ้เจ๋งทั้งคืนไม่ได้หลับเลยสิท่า
เอ่อ เดี๋ยวสารวัตร ผมส่งเบอร์มือถือส่วนตัวของคุณพราวเข้าเครื่องคุณนะ เผื่อคุณจำเป็นต้องใช้”
สมชายถอนใจ “ผมไม่มีความจำเป็นอะไรต้องโทร. หาดาราหรอกครับผู้กำกับ”
“เอาน่ามีไว้ เผื่อจำเป็น อีกอย่างนึง เมื่อวานเพิ่งมีคนโทรเข้ามือถือไปข่มขู่คุณพราวด้วย”สมชายเริ่มเป็นห่วงพราวขึ้นมาทันที
“เช็คได้ไหมครับว่าเบอร์ใคร ?”
“ซิมเติมเงินน่ะ มันใช้เสร็จก็คงหักทิ้งไปแล้ว ผมถึงอยากให้คุณมาช่วยคดีของคุณพราวด้วยไง
ดูๆ ไป คดีไอ้เจ๋งกับคุณพราว จะเกี่ยวข้องกันซะแล้ว”
พูดจบสหวุฒิก็หันเดินผละไป ทิ้งให้สมชายยืนถอนใจ ทั้งนึกเซ็ง ทั้งเป็นห่วง สงสัยเขาจะหนีพราวไม่พ้นจริงๆ

พราวขับรถอย่างเร่งรีบเพื่อจะไปให้ถึงบ้านเร็วที่สุด พลันสายเรียกเข้าจากเบอร์น้าอร ก็ดังขึ้นมาที่
มือถือของเธอ
“ฮัลโหล ไม่ต้องโทรตามหรอกน้าอร พราวกำลังไปค่ะ”
แต่กลับกลายเป็นเสียงพีคพูดมาแทน โดยมีเสียงเอะอะเหมือนคนทะเลาะกันดังแทรกระงม
“กำลังไปน่ะเมื่อไหร่จะถึง พีคไม่ไหวจะเคลียร์แล้วนะ”
พราวประหลาดใจ “อะไรของแกน่ะพีค ทำไมเสียงเอะอะอย่างงั้น ?”
“แม่กับน้าอรกำลังเปิดศึกตบกันน่ะซีพี่”

น้าอรดึงผมวารีอย่างแรง สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังโมโหสุดขีด
“เอากำไลฝังเพชรของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะนังวารี”
วารีรีบปฏิเสธ “ฉันไม่ได้เอาไป”
“อีตอแหล ของอยู่ในบ้านแท้ๆ ไม่ใช่แก แล้วใครจะขโมยไป เอาคืนมานะ เอาของรักของหวงของฉันคืนมา ไม่อย่างงั้น ฉันจะฆ่าแก”
ขาดคำน้าอรก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้า จนวารีถึงกับเซถลา แล้วหันมาตบกลับ พีครีบปราดเข้ามาหย่าศึก

“น้าอรอย่าทำแม่ แม่ อย่าไปทำน้าอรซิ โธ่เว้ย ตบกันนัวเนียแล้ว พี่พราวอยากมาช้าก็ตามใจนะ ตบกันตาย พีคไม่รู้ด้วย”

พราวกดวางสายอย่างหงุดหงิด แล้วเหยียบคันเร่งจะรีบไป แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นรถของไอ้เจ๋งขับเข้าตีคู่ข้างๆ เธอรีบหักพวงมาลัยหลบ พลางกดแตรไล่ โดยไม่รู้ว่าถูกตาม
 
ไอ้เจ๋งยิ่งเบียดเข้าหา พราวหักพวงมาลัยหลบ พร้อมกับพยายามเร่งเครื่องหนี แต่ยิ่งหนี มันก็ยิ่งตาม พราวเริ่มใจคอไม่ดี รู้ตัวแล้วว่าเจอผู้ไม่ประสงค์ดี พลางนึกถึงคำโทร. ขู่ แล้วก็หน้าซีด เพราะเข้าใจว่าเป็นคนเดียวกันพราวหักพวงมาลัยรถหลบเต็มแรง ทำให้รถเสียหลักหัวพุ่งลงข้างทาง รถหยุดกึก พร้อมกับที่เครื่องดับลง เธอเงยหน้าหันมองไป ก็เห็นรถของไอ้เจ๋งขับเลยไปข้างหน้าแล้ว พราวรีบสตาร์ทรถอีกครั้ง แต่รถกลับสตาร์ทไม่ติด ขณะที่ตามองไปเห็นไอ้เจ๋งกำลังถอยรถกลับมา พราวตัดสินใจวินาทีนั้น ถอดเบลว์ออก พร้อมกับคว้ามือถือรีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งหนีไปยังโครงการตึกแถวที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ
ไอ้เจ๋งถอยรถมาจอดเอี๊ยด ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถมองตามพราวที่กำลังวิ่งไป พร้อมกับยิ้มเหี้ยม จากนั้นก็กระชับปืนที่เหน็บเอวอยู่แล้ว รีบวิ่งตามไป

สุดเขตต์กับส้มจี๊ดเพิ่งมาถึงกองถ่าย จังหวะเดียวกับที่เชน ผู้กำกับกำลังโวยตุ้ย ผู้ช่วย โดยมีมีน ในคราบของพราว , จันทร์จรี และนักรบทั้ง 5 คน รวมถึงทหารข้าศึกตัวประกอบที่มารอพร้อมเข้าฉาก
“ว่าไงนะไอ้ตุ้ย ที่ถ่ายมาครั้งก่อนทั้งหมด เสียงไม่มีเหรอ?”
“ครับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มีแต่ภาพ “
เชนหงุดหงิด “โธ่เอ้ย อุตส่าห์ถ่ายไปตั้งเยอะ แปลว่าวันนี้ฉันต้องถ่ายใหม่หมดเกลี้ยงเลย ?”
นักแสดงทุกคนแอบส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ ส่วนมีน ที่เพิ่งมาเข้าฉากในครั้งแรก แกล้งทำเป็นยืนก้มอ่านบทแต่แอบทำหน้างงๆ แฟรงค์กับเอมี่ หันมามองหน้ากันเครียด
เชนผู้กำกับพยายามระงับอารมณ์โกรธ รีบไล่ให้ตุ้ยไปตามสแตนด์อินที่จะต้องเล่นฉากบู๊แทนพราวมาเตรียมตัว แต่ตุ้ยกลับบอกว่า
“น้องเค้าไม่อยู่น่ะซิครับ ไปรับจ๊อบถ่ายหนังที่ต่างจังหวัด”
เชนยิ่งหงุดหงิดหนัก
“โว้ย สแตนด์อินก็ไม่มี คุณพราวก็เล่นบู๊ไม่ได้ วันนี้จะได้ถ่ายไหมเนี่ยะห่ะไอ้ตุ้ย แกบอกฉันซิจะให้ทำยังไง”
จันทร์จรีได้ที รีบพูดกระทบ
“ถ่ายไม่ได้ก็กลับซิคะผู้กำกับ นางเอกเค้าเล่นบู๊เองไม่เป็น จะให้ทำไงล่ะคะ ชีวิตนี้ต้องพึ่งสแตนด์อิน สมกับตำแหน่งซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 จริง”
แฟรงค์เม้มปากจะด่า แต่เอมี่ดึงห้ามไว้
จู่ๆ มีน ในคราบของพราว ก็คว้าดาบขึ้นมาบอกอย่างมั่นใจ
“พราวจะเล่นบู๊เองค่ะ”
ทุกคนได้ฟังถึงกับช็อก ตาค้าง

ขณะที่พราวตัวปลอมทำท่าพร้อมจะสู้ตายกับฉากบู๊ พราวตัวจริงก็กำลังหนีตายจากการไล่ล่าของไอ้เจ๋ง มานั่งหลบตัวสั่น ตัวลีบอยู่หลังกองวัสดุด้วยความตกใจกลัว จนเห็นมันเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอก็รวบรวมความกล้า ค่อยๆ โผล่เสี้ยวหน้ามองออกไปชัดๆ อีกทีว่ามันเป็นใครกันแน่
ทันทีที่เห็นหน้ามันชัดๆ พราวก็นึกออกทันที
“ไอ้โจรค้ายาบ้า”
ไอ้เจ๋งเดินตามหามาใกล้เข้ามา พราวรีบผลุบหน้าหลบเข้าหลังกองวัสดุอย่างเดิม
“คราวก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะแกเสือกมาขวาง รับกระสุนแทนไอ้สมชาย มันคงตายไปแล้ว พี่ชายกูก็คงไม่ถูกไอ้สมชายฆ่าตาย เพราะแกอีพราวแกเข้ามาแส่ ทุกอย่างถึงได้พังหมดเลย แกต้องชดใช้”
พราวฟังแล้วก็สะดุ้งเฮือก ซ้ำร้ายจู่ๆ มือถือของเธอก็ดังขึ้น พราวแทบช็อก มองมือถือ โชว์เบอร์ไม่คุ้น
ไอ้เจ๋งหันไปมองยังจุดที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
พราวรีบกดรับสาย แล้วพูดขอความช่วยเหลือออกไปทันที โดยที่ไม่รู้ว่าทางปลายสายเป็นใคร
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
สมชายเดินพูดสายออกมาจากตึก ได้ยินเสียงพราวขอความช่วยเหลือก็ตกใจ

“คุณเป็นอะไรพราว นี่ผมนะ สมชาย”

ไอ้เจ๋งเดินปรี่จ่อปืนมาที่หลังกองวัสดุก่อสร้างที่พราวหลบอยู่ แต่กลับไม่เจอใคร ขณะที่พราววิ่งหลบออกมา พลางแนบมือถือกับหูด้วยสีหน้าดีใจสุดๆ ที่ได้ยินเสียงสมชาย
 
“นายสมชาย! ช่วยฉันด้วย มันตามล่าฉัน ไอ้โจรค้ายาที่คุณไล่จับมัน แล้วมันมายิงฉัน ตอนนี้มันอยู่นี่ มันตามฉันมาได้ไงไม่รู้”
สมชายตะลึงงัน ไอ้เจ๋งมันตามพราวไปจริงๆ
“ไอ้เจ๋ง คุณฟังผมนะพราว ตั้งสติ ทำใจให้นิ่งไว้ แล้วพยายามหาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยที่สุด แล้วรอผมอยู่ที่นั่น อย่าพยายามวิ่งหนีออกไปในที่โล่งๆเด็ดขาด วางสายจากผม แล้วปิดเสียงมือถือซะเข้าใจนะ?”
พราวรีบพยักหน้า
“ขะ เข้าใจ คุณรีบมานะ มันตามมาอีกแล้ว”
“ผมจะรีบไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ?”

อีกด้านหนึ่ง มีนที่กำลังเข้ากล้องแทนพราว กำลังเงื้อดาบซ้อมคิวฟันดาบกับตัวประกอบที่แสดงเป็นทหารพม่า โดยมีผู้กำกับคิวบู๊คอยสอนอยู่ในฉาก เอมี่เห็นแล้วอดชื่นชมไม่ได้
“แม่สาวกำพร้านี่ใจเด็ดกว่าที่เราคิดนะเจ๊”
แฟรงค์หันมาค้อนให้เอมี่วงใหญ่
“ยังจะไปชูอีก ถ้าเล่นไม่ได้ล่ะแกเอ้ย พรุ่งนี้ข่าวออก ฉันต้องโดนพราวถอนกระบังหน้าออกแน่ๆ ที่ปล่อยให้เด็กนั่นทำนอกเหนือหน้าที่”
ครู่หนึ่งผู้กำกับก็ตะโกนขึ้น
“เอาล่ะทุกคน ไม่มีเวลาแล้ว กล้อง แสง เสียง ทุกคนเข้าประจำที่ คุณพราว พร้อมนะ”
มีนที่ยืนถือดาบหันมองมา พยายามทำสีหน้าพร้อมสู้
“พร้อมค่ะ”

ในที่สุดไอ้เจ๋งก็หาพราวเจอจนได้
“ฮะฮ้า มึงอยู่นั่นเอง”
พราวหันรีหันขวาง เห็นบันไดขึ้นชั้น 2 ของตึกแถวข้างหน้า ก็รีบวิ่งไปทันที ไอ้เจ๋งยิงปืนไล่หลังไป พราวร้องลั่นด้วยความกลัว ก่อนจะวิ่งหนีหายขึ้นบันไดพ้นสายตาไป กระสุนพลาดเจาะที่ปูนขั้นบันไดปูนกระจาย

จันทร์จรีในบทบาทชบากรีดร้องอย่างตกใจ
“แม่หญิงแก้วเจ้าจอมหนีเร็ว ข้าศึกบุกมาถึงเรือนแล้ว”
แฟรงค์กับเอมี่พากันลุ้นกันตัวหงิก ว่ามีนจะแสดงได้ไหม ? ขณะที่สุดเขตต์ก็ถือกล้องรอลุ้นอยู่ใกล้ๆ กับส้มจี๊ดที่ทำหน้าเยาะเย้ยรอตั้งแต่ยังไม่เห็นพราวออกมา

นายเรืองฟันทหารพม่าล้มลง 2 คน อีกคนฟันเข้ามาข้างหลัง นายเรืองก้มหลบ พร้อมกับพลิกตัวจับ
ล็อกมันไว้ แล้วใช้ดาบค้ำคอมัน พลางสอดส่ายตามองหาแม่หญิง
“แม่หญิง แม่หญิงอยู่ไหน ?”

ทันใดนั้นประตูก็เปิดผัวะออก พร้อมๆ กับมีน ในบทแม่หญิง ถอยหลังฟันดาบสู้กับทหารพม่าออกมาสู้ด้วยท่าที่สวยงามแต่ทะมัดทะแมง

พราว ตอนที่ 7 (ต่อ)

สุดเขตต์ยกกล้องถ่ายรูปทันที ส้มจี๊ดชักเยาะเย้ยไม่ออก แฟรงค์กับเอมี่กัดพัดลุ้นอย่างใจหายใจคว่ำ จันทร์จรีในบทชบาที่หลบอยู่ข้างตู้มองไปเห็นมีนฟันดาบเล่นบู๊ได้อย่างแคล่วคล่อง ก็เริ่มหน้าเจื่อน แต่ก็ต้องแสดงตามบทบาท
 
“แม่หญิงอยู่นั่น ว้ายๆ แม่หญิง ระวัง”

พราวตัวปลอมกำลังต่อสู้อยู่ในฉาก แต่พราวตัวจริงกำลังหนีอยู่นอกจอ
ไอ้เจ๋งวิ่งขึ้นบันไดตามมาถึง พลางกวาดปืนเล็งหา แต่ไม่เห็นพราวแล้ว
“เป็นดารานี่มันหลบๆซ่อนๆเก่งจริงเว้ย แต่เรื่องหลบๆ ซ่อนๆ กูถนัดมึงซ่อนผิดคนซะแล้ว หนีกูไม่พ้นหรอก มุดหัวอยู่ที่ไหน ออกมา”

พราวนั่งแอบหลบอยู่ พลางกดส่งข้อความไปบอกสมชาย
“ฉันหลบอยู่บนนี้ รีบมานะนายสมชาย ฉันรอนายอยู่”
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงถีบประตู
ไอ้เจ๋งโผล่เข้ามาในห้อง แล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด เมื่อไม่เจอเธอ
พราวขยับตัวนั่งเบียดผนัง เห็นเงาของมันวูบวาบอยู่หน้าประตู ผ่านช่องใต้ประตู
“กูจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าแกเดินออกมาดีๆ จะไม่เจ็บตัว แต่ถ้าให้กูพังเข้าไปมึงเสียเลือดแน่
ออกมา หนึ่ง สอง บอกให้ออกมา ออกมาเดี๋ยวนี้ สาม”
สิ้นคำว่าสาม ไอ้เจ๋งก็กราดปืนยิงใส่ประตู 2 นัดซ้อน ทำเอาพราวตกใจกรีดร้องลั่น ไอ้เจ๋งกระโดดถีบเต็มแรง ประตูเปิดผัวะออกจนได้
พราวแทบช็อก ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนมองตาเบิกโพลงไปที่ประตู เห็นมันเดินยิ้มเหี้ยมเกรียมเข้ามา พร้อมกับยกปืนขึ้น อย่างพร้อมจะลั่นไกใส่
“อย่ายิงนะ อย่าทำอะไรฉัน”
“หุบปาก แล้วมานี่”
ไอ้เจ๋งตะคอกใส่ พร้อมกับคว้าข้อมือพราวพาจะเดินไป
“ปล่อยนะ ฉันไม่ไป ปล่อยฉัน”
ไอ้เจ๋งบันดาลโทสะ เงื้อมือที่ถือปืนจะตบพราว แต่สมชายโผล่เข้ามาพอดี พร้อมกับกระโดดจับขื่อที่กรอบประตู แล้วตวัดขาขึ้นหนีบคอมันจากด้านหลัง จากนั้นก็เหวี่ยงมันจนเซไปกระแทกผนังเต็มแรง จนมันล้มลงไปกองกับพื้น
สมชายกระโดดลงมาคว้าแขนพราวพาวิ่งออกจากห้อง ไอ้เจ๋งพลิกตัวขึ้นยิงใส่ แต่กระสุนเจาะเข้าที่ผนังประตูแทน มันตบพื้นอย่างเจ็บใจ ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งตามออกไป

มีนที่อยู่ในฉาก ยังคงใช้ดาบต่อสู้อย่างแคล่วคล่อง จนกระทั่งถึงข้าศึกคนสุดท้าย ซึ่งตามบทแล้วเธอจะต้องยกดาบรับดาบมันที่ฟันมา ก่อนจะยกขาถีบมันผงะถอยแล้วตามไปแทงมัน พร้อมกับใช้เท้าถีบร่างมันกระเด็นไป
แต่มีนดันผิดคิว ยกดาบรับไม่ทัน เลยต้องเบี่ยงตัวหลบถลาถอยหลังจะล้มมาที่จันทร์จรีที่ตามบทต้องแอบหลบอยู่หลังตู้
จันทร์จรีเห็นมีนเซถอยหลังมา ความคิดชั่ววูบขึ้นในสมองทันที เมื่อมองเห็นดาบเล่มหนึ่งของตัวประกอบร่วงอยู่ใกล้ๆมือ พลางแอบหยิบมันขึ้นมา แล้วพลิกดาบด้านคมขึ้นมาตั้งรอรับมีนที่กำลังย่ำเท้าถอยหลังพยายามเลี้ยงตัวไม่ให้ล้ม
“ตีนแกขาดแน่นังพราว”
เท้ามีนก้าวถอยมาใกล้ปลายดาบเหล็กที่จันทร์จรีแอบหงายรอรับอยู่ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา เกือบจะถึงอยู่แล้ว แต่มือข้างหนึ่งของเธอกลับตะปบเสาไว้ได้ทัน ก่อนที่เท้าจะไปย่ำไปที่ปลายดาบที่รออยู่อีกก้าวเดียว จากนั้นก็ตั้งหลักกลับเข้าไปอยู่ในคิวบู๊ ถลาเข้าไปฟันและแทงตัวประกอบคนนั้น แล้วใช้เท้าถีบร่างมันกระเด็นไปตามคิวที่ซ้อมมา

จันทร์จรีแอบเจ็บใจที่พราวรอดไปได้อย่างฉิวเฉียด

สมชายจูงพราววิ่งมา พร้อมกับชักปืนที่เหน็บเอวออกมา ยิงสวนไอ้เจ๋งกลับไป
 
“มึงตามมาก็ดีแล้วแล้วไอ้สมชาย จะได้ตายคู่กันไปเลย”
พราวที่ถูกสมชายดึงตัวโอบเข้ามาปิดหูซุกอยู่ที่อกของเขา ขณะที่สมชายโผล่หน้าจากเสาออกไปยิงสวนไอ้เจ๋งเป็นชุด
สมชายกับพราวโอบกอดกันอยู่ มองสบตากัน แม้ไม่มีคำพูด แต่พราวก็สัมผัสถึงความห่วงใยของได้จากแววตาของเขา
“ไม่ต้องกลัว สมชายอยู่นี่ ไม่มีใครทำอะไรคุณได้”
พราวจับมือสมชายแน่นอย่างลืมตัว ขณะที่ไอ้เจ๋งวิ่งออกจากหลังเสา กราดปืนยิงเข้ามาที่ทั้งคู่หลบอยู่
“วันนี้พวกมึงกับกูจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ กูจะแก้แค้นให้พี่กู”
กระสุนของมันเจาะเข้าที่เสาหลายนัด สมชายที่ระวังตัวอยู่แล้วยิงสวนกลับไปไม่ยั้ง จากนั้นก็รีบพาพราวหมุนหลบเข้ามุมเสาอีกด้าน พร้อมกับยิงสวนออกไปอีก แต่กระสุนดันมาหมดเสียก่อน ไอ้เจ๋งหัวเราะอย่างสะใจ
“กระสุนดันมาหมดตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม ดวงตำรวจมึงจู๋แล้วไอ้สมชาย”
จากนั้นมันก็ลุกถลาไปที่อีกด้านของเสาพร้อมกับกราดยิงใส่เป็นชุด แต่สมชายวิ่งจูงพราวหลบออกไปได้ทัน
สมชายวิ่งพาพราวขึ้นซ้อนท้ายมอเตอรืไซค์ แล้วขับหนีออกไปจากบริเวณนั้นทันที
พราวรู้สึกเหมือนรอดตาย กอดเอวสมชาย ซบหน้ากับแผ่นหลังของเขา แล้วก็ร้องไห้ออกมา ด้วยความกลัว
สมชายได้แต่เงียบ แต่สีหน้ากังวล เรื่องต่างๆ ที่พราวเจอข่มขู่หมายเอาชีวิต มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเสียแล้ว แต่เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง

ผู้กำกับและทีมงานที่นั่งดูอยู่หลังจอมอนิเตอร์ ทุกคนนิ่งอึ้งกับการแสดงของมีน แฟรงค์กับเอมี่ยืนจับมือกันลุ้นสุดขีด จันทร์จรียืนกอดอกมองหน้าเครียด เหลือบตาไปสบตากับส้มจี๊ดที่ยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่สุดเขตต์มอง อย่างชื่นชมกับความตั้งใจในการแสดงของเธอ

แม่หญิงแตะมือไปที่แขนกำยำของนายเรืองอันเป็นที่รัก
“ถึงตัวข้าจะเป็นหญิง แต่ใจข้าก็รักชาติไม่น้อยไปกว่าชายอกสามศอกเช่นพวกเจ้า”
นายเรืองมองหญิงคนรักด้วยแววตาเป็นห่วง
“แต่มันอันตรายมากแม่หญิง การไปครั้งนี้ เราอาจจะไม่ได้กลับมาอีก”
“ถึงตาย ข้าก็ภูมิใจที่ได้ตายเพื่อชาติ ดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข แต่ไร้ค่า”
แม่หญิงจับมือนายเรือง แววตาขอร้อง
“เรา2 คนจะได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กู้ชาติด้วยกัน แม้ต้องตาย ข้าก็มีความสุข”
แม่หญิงหลับตายิ้ม กล้องซูมอินไปที่หน้า เห็นน้ำตาของแม่หญิงๆ ค่อยๆ รินลงมาเป็นสาย
ผู้กำกับเชน ที่นั่งจ้องจอมอนิเตอร์ ตะโกนสั่ง
“คัท ยอดเยี่ยมมาก ฉากนี้ใครดูไม่ร้องไห้ ให้เตะเลย คุณพราว คุณแสดงได้เข้าถึงบทบาทมาก สมแล้วกับฉายาซุปตาร์เบอร์ 1 เก่งมาก”
เชนตบมือนำ ก่อนที่ทีมงานทุกคนตบมือตาม แฟรงค์ยกมือทาบอกอย่างโล่งอก ก่อนจะหันมายิ้มให้เอมี่
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ”
มีนยกมือไหว้ส่งยิ้มไปรอบๆ ก่อนที่สายตา จะมาหยุดมองไปที่สุดเขตต์ ที่ยืนปรบมืออยู่ใกล้ๆ ตากล้อง เขายกหัวแม่มือทั้ง 2 ข้างมาให้ เธอลืมตัวส่งยิ้มตอบ แล้วก็นึกได้ว่าควรจะห่างสุดเขตต์ไว้ เพราะเขากำลังสงสัยเรื่องเธอกับพราว

สุดเขตต์เห็นเธอหุบยิ้มแล้วเมินหน้าจากเขา ก็รู้สึกใจเสีย

แฟรงค์กับเอมี่ถึงขนาดออกปากชมว่ามีนเล่นคิวบู๊ได้ยอดเยี่ยม มีนจึงรีบบอกว่า เป็นเพราะเรียนจบพละมา ทำเอาทั้งคู่อุทานพร้อมกัน แต่คนละอารมณ์ ขณะที่เอมี่อุทานอย่างดีใจ แต่แฟรงค์อุทานพร้อมกับทำหน้าเครียด จนเอมี่อดสงสัยไม่ได้
 
“แย่ยังไงเจ๊ จบพละแบบนี้ล่ะ ช่วยลบคำสบประมาทพราวที่ว่าพราวดีแต่สวยกับเซ็กซี่ เก่งแต่บทไฮโซ
หน่อมแน้ม เล่นบทบู๊ไม่ได้”
แฟรงค์ถอนหายใจ
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรยะหล่อน ในเมื่อพราวตัวจริงเล่นบู๊ไม่ได้”
“เถอะน่าเจ๊ ให้มีนรับบทบาทบู๊แทนไปก่อน แล้วคราวหน้าเจ๊ก็อย่ารับเรื่องบู๊ให้พราวอีกซี อ้างว่า
เอ็นฉีก ขาเจ็บอะไรก็ได้”
“ย่ะ พามีนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วไป๊ จะได้รีบกลับไม่อยากให้เจอนักข่าว โดยเฉพาะนังส้มจี๊ด
เจ้าประจำ มันจ้องอยู่”
เอมี่พยักหน้ารีบพามีนเดินไป พร้อมกับที่เสียงมือถือแฟรงค์ดังขึ้น
“ซาหวัดดีค่าน้าอร โทรมามีอะไรให้รับใช้ฮ้า?”
น้าอรที่หน้าตาแดงเถือก ผมเผ้ารุงรังเพราะเพิ่งตบตีกับวารีมาหมาดๆ รีบพูดมาทางปลายสาย
“พราวอยู่ไหน ทำไมไม่มาซะที รีบมาจัดการนังวารีเร็วๆเข้า ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
วารีปราดเข้ามายืนเท้าเอวเถียงฉอดๆ โดยมีพีคคอยดึงห้าม
“มาจัดการฉันเรื่องอะไรยะ ฉันบอกว่าไม่ได้เอาไปๆ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
น้าอรโต้กลับ
“แกซิพูดภาษาหมาๆ เอากำไลทองฝังเพชรของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะให้พราวเอาแกเข้าตะราง”
จากนั้นทั้งคู่ก็เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมลงให้ใคร จนแฟรงค์หงุดหงิด
“ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีไหมฮะน้า ตะโกนด่ากันไป ด่ากันมาแบบนี้ ข้างบ้านได้นอนกระดิกเท้าฟังละครเรื่องกำไลทองฉันหายกันสบายแฮ”
น้าอรรีบตัดบท
“น้าไม่คุยแล้ว น้าจะให้พราวมาตัดสิน น้าเหลืออดแล้ว มันเจ็บมันจุกไปหมดแล้ว คุณแฟรงค์เข้าใจไหม”
“เข้าใจฮ่า แต่ตอนนี้ พราวถ่ายละครอยู่น่ะซีฮะ คงไปไม่ได้”
“ถ่ายละครบ้าอะไร ฉันโทรหาเมื่อสักพัก พราวบอกกำลังขับรถออกมา จนป่านนี้ทำไมยังมาไม่ถึงซะที ฉันโทร.เข้ามือถือก็ไม่รับสาย”
แฟรงค์แทบช็อก
“อกอีแฟรงค์จะแตก พราวขับรถออกจากบ้านงั้นเหรอ เอ่อ จะรีบโทรตามให้นะฮ้า แค่นี้ก่อนนะ”
แฟรงค์รีบวางสาย แล้วกดมือถือหาพราวทันที แต่เธอไม่รับสาย

ทางด้านสมชายขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่หน้าบ้านของเขา
“เข้าบ้านก่อนเถอะครับ ผมจะรีบโทร.บอกผู้กำกับเรื่องไอ้เจ๋งที่มันตามล่าคุณ ตำรวจไม่เอามันไว้เด็ดขาด แล้วจะโทร.ตามคุณแฟรงค์มารับคุณกลับบ้าน”
พูดพลางก้าวลงจากรถ จะเดินนำเธอเข้าบ้าน พราวก้าวตามลงมา แต่แข้งขาก็อ่อนแรงจวนเจียนจะล้ม สมชายพยุงพราวไว้ทัน พลางมองหน้าพราวอย่างเห็นใจ รู้ดีว่าเธอทั้งตกใจ ทั้งหมดแรงกับการหนีตาย
“ให้ผมอุ้มไหม ?”
คำถามซื่อๆ ของสมชาย ทำให้พราวน้ำตาร่วง ปล่อยโฮออกมา
“ฉันนึกว่าตัวเองต้องตายซะแล้ว”
สมชายทำท่าอยากจะดึงเธอมากกอดปลอบใจ แต่ก็ใจแข็งยั้งมือไว้ พยายามห้ามความรู้สึกของตัวเองไว้อย่างยากเย็น ไม่ปล่อยให้อารมณ์รักพาให้เขาเปิดเผยเยื่อใยที่มีต่อเธอ ทำได้เพียงช้อนตัวอุ้มเธอเดินเข้าบ้านตามหน้าที่สุภาพบุรุษ
แต่พราวกลับเป็นฝ่ายโอบซบกับไหล่เขา แล้วร้องไห้ไม่หยุด ในยามที่เธอตกอยู่ในอันตราย เธอมีนายสมชายคนนี้ปกป้องเสมอ

สุดเขตต์นั่งกระสับส่ายกระส่าย พร้อมกับพยายามหาจังหวะคุยปรับความเข้าใจกับมีน ที่เขาเข้าใจว่าเป็นพราวแต่ไม่มีโอกาส
จนเมื่อเห็นมีนหลบผู้คนออกมารับโทรศัพท์ พร้อมทั้งเดินไปยังมุมด้านหลังสตูดิโอที่ไม่มีคน เขาก็แอบตามไปเงียบๆ

ส้มจี๊ดที่กำลังจะถือน้ำมาให้ หันมองไปทางหลังสตูดิโอ เห็นหลังสุดเขตต์กำลังเดินเลี้ยวไป ก็รีบเดินตามไปอีกคน

มีนแอบมาคุยโทรศัพท์ด้วยมือถือราคาถูกของตัวเองด้วยท่าทางร้อนใจ
 
“โต้หยุดชักหรือยังแม่แก้ว? ยังอีกเหรอ ทำไงก็ไม่หยุดเหรอแม่ ยังอยู่ที่สตูดิโออยู่เลยแม่ กว่าจะกลับไปก็คงเป็นชั่วโมง แม่บอกให้แมนรีบพาโต้ไปโรงพยาบาลด่วนเลย มีนจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด ไปเลยนะแม่”

สุดเขตต์ที่เดินมองหา ได้ยินมีนยืนคุยมือถืออย่างร้อนใจ ก็รีบเดินปรี่เข้าไปหา จังหวะเดียวกับที่มีนกดวางสายหันจะเดินไป เลยชนเข้ากับเขาที่เข้ามายืนอยู่ข้างหลังพอดี
มือถือของมีนร่วงลงตกพื้น สุดเขตต์อึ้งมองมือถือรุ่นเก่า ราคาถูกที่เขาเคยเห็นมีนหยิบมาจากกระเป๋าถือตอนหลบอยู่ในห้องลองเสื้อด้วยกัน
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณตกใจ”
สุดเขตต์พูดพลางก้มลงหยิบมือถือขึ้นมาเช็คดู
“มือถือพังรึเปล่านี่ ขอโทษจริงๆ ยังไงผมยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้นะครับ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ มือถือมันเก่าแล้ว”
พูดพร้อมกับรีบแย่งมือถือคืนไป
“คุณพราวคงมีมือถือหลายเครื่องซิครับ คราวก่อนผมเห็นคุณใช้รุ่นใหม่ล่าสุด วันนี้คุณใช้รุ่นเก่าล่าสุด เครื่องนี้คงเอาไว้คุยเฉพาะกับคนสนิท”
“เอ่อ ฉันมีธุระต้องรีบไปค่ะ”
มีนอึดอัด ไม่เก่งพอที่จะแก้ตัวหรือโกหกเลยใช้วิธีเดินหนีมา แต่สุดเขตต์รีบถามไล่หลัง
“ใครป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลเหรอครับ”
มีนชะงัก หน้าซีดหันขวับไปถามสุดเขตต์
“คุณแอบฟังฉันเหรอ ?”
“เปล่าครับ เผอิญผมได้ยิน ไม่รู้ผมหูแว่วไปรึเปล่า”
แล้วประโยคต่อมาของเขา ก็ทำเอามีนถึงกับช็อก
“ผมได้ยินคุณเรียกตัวเองว่ามีนครับ”

“ทำไมเงียบไปล่ะครับ เป็นอะไรรึเปล่าคุณพราว ?”
สุดเขตต์ถามด้วยความเป็นห่วง มีนได้สติ ทำหน้าเชิด ตามคาแรกเตอร์ของพราว
“ใช่ค่ะ ฉันคือพราว คุณเรียกชื่อฉันถูกต้องแล้ว ไม่มีชื่อมีนอะไรที่คุณหูแว่วได้ยินไปเองหรอก
มีนพูดพลางหันจะเดินผละไป
“แต่ผมมั่นใจว่าตัวเองได้ยินคุณพูดโทรศัพท์ว่า มีนจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด”
มีนตกใจลืมตัวหันขวับมาใช้มือปิดปากสุดเขตต์ไว้ทันที
“อย่าเสียงดังซิ เดี๋ยวใครได้ยินเข้า”
สุดเขตต์ถึงกับอึ้งมองหน้ามีนที่อยู่ใกล้แค่คืบ เธอก็มองสบตาเขาอย่างเขินๆ ก่อนจะรีบหลบตา แล้วเอามือที่ปิดปากออก แต่เขากลับคว้าข้อมือเธอไว้
“ผมขอโทษ ถ้าความสู่รู้ของผมทำให้คุณไม่สบายใจ แต่ผมไม่ได้คิดหาประโยชน์อะไรจากคุณเลยนะครับ เพื่อความสบายใจของคุณ ผมจะเก็บชื่อมีนไว้เป็นความลับระหว่างเรา 2 คน”
มีนรีบดึงมือกลับ
“เพ้อเจ้อ ฉันไม่มีความลับอะไรทั้งนั้น”
ทันใดนั้นเอง เสียงถ่ายรูปดังขึ้น พร้อมเสียงจันทร์จรีดังขึ้นข้างหลัง

“แหม นักข่าวคนนี้มีอะไรดีน้า ซูเปอร์สตาร์อย่างพราวถึงแอบมาให้สัมภาษณ์กัน 2 ต่อ 2 ถึงที่ลับหลังสตูดิโอ”

พราว ตอนที่ 7 (ต่อ)

มีนหันมาก็ตกใจที่เห็นจันทร์จรีกำลังใช้มือถือถ่ายรูปทั้งคู่ไว้ จึงรีบเดินเลี่ยงไป จันทร์จรีมองตามอย่างถือไพ่เหนือกว่า
 
สุดเขตต์เดินเข้ามาหาจันทร์จรีอย่างไม่พอใจ
“คุณถ่ายรูปทำไมครับ”
“ก็ทำเหมือนกับที่นักข่าวปาปารัซซี่เค้าทำกันไง ถ้ารูปนี้หลุดออกไป ข่าวจะต้องเปรี้ยงมาก เหมือนฟ้าผ่าลงกลางวงการบันเทิงเลยล่ะ”
จันทร์จรีหัวเราะชอบใจ
“ลบรูปในมือถือซะเถอะครับคุณจันทร์จรี”
“ลบ? หึ ลบให้โง่เหรอ”
สุดเขตต์พยายามอ้อนวอน “มันไม่มีอะไรเลยนะครับ ผมกับคุณพราวแค่คุยกันธรรมดาๆ ถ้าคุณเอาไปแฉทำเป็นข่าวใหญ่ซิ นั่นแหละคุณโง่แน่ครับ”
จันทร์จรียิ้มเยาะ
“ด่าผิดคนแล้วย่ะ ดาราอย่างฉันสวยด้วย ฉลาดด้วย ไม่มีโง่ย่ะ”
ส้มจี๊ดเดินถือขวดน้ำเข้ามาได้ยินพอดี
“อะไรกันน่ะสุดเขตต์ ?”

มีนรีบเดินเข้ามาหา เจอแฟรงค์กับเอมี่ที่กำลังหน้าเครียดกับเรื่องของพราว
“โทร.ตามคุณพราวเจอหรือยังคะพี่ ?”
แฟรงค์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“ถ้าเจอแล้วหน้าเจ๊จะเป็นงี้เหรอ ดูดิ จนป่านนี้พราวยังไม่ถึงบ้านโน่นเลย ไม่รู้ขับเต่าไปรึไง ทำไมยังไม่ถึง นะโม สังโฆ ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเลยเจ้าประคู้ณ แฟรงค์เพลีย”
แฟรงค์ยกมือไหว้ท่วมหัว ร้อนอกร้อนใจมาก
“หนูก็อยากอยู่ช่วยพี่ แต่หนูต้องรีบไปค่ะ เด็กที่บ้านไม่สบาย ต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย แม่แก้วรออยู่น่ะค่ะ”
แฟรงค์กับเอมี่มองไปเห็นกลุ่มนักข่าวกำลังเดินลิ่วตรงมา ก็รีบพามีนขึ้นรถ หลบออกจากจากกองถ่ายทันที

จันทร์จรีเปิดรูปในมือถือของตัวเองให้กับส้มจี๊ดดู ต่อหน้าสุดเขตต์
“รูปล่อแหลมระหว่างตากล้องรูปหล่อกับแม่ซูเปอร์สตาร์พราวแซ่บเว่อร์ คงมีหนังสือกอสสิปหลายเล่มสนใจ”
ส้มจี๊ดรีบห้าม “น้องทำงั้นไม่ได้นะ สุดเขตต์เค้าเป็นตากล้องหนังสือของพี่ ข่าวไม่ดีออกไป หนังสือพี่
มิแย่เหรอ”
จันทร์จรียักไหล่
“ก็ไล่ออกไปซีคะ แค่ตากล้องคนเดียว แลกกับแฉยัยพราวให้สิ้นชื่อไปจากวงการ มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มนะคะพี่”
สุดเขตต์เพิ่งรู้ความจริงว่า ที่แท้ส้มจี๊ดร่วมมือกับจันทร์จรีเล่นงานพราว
“อ๋อ ไอ้ส้ม ที่แกบอกว่ามีสายข่าววงใน เนี่ยะ ที่แท้ก็ดาราคนนี้เอง ที่คอยคาบข่าวคุณพราวมาบอกแก”
จันทร์จรียิ้มเชิดอย่างเป็นต่อ “ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
“ผมไม่ทำไมคุณหรอกครับ เพราะสักวันสิ่งที่คุณทำกับคุณพราวต้องย้อนกลับมาหาตัวคุณเองแน่”
“ไอ้บ้า เรื่องอะไรมาแช่งฉัน”
ส้มจี๊ดรีบดันสุดเขตต์ให้ออกไป ก่อนจะหันมาต่อรองกับจันทร์จรี
“เรามาแลกกัน ถ้าน้องลบรูปในมือถือทิ้งซะ รูปของน้องในกองถ่ายวันนี้ พี่จะเอาขึ้นหน้าหนึ่ง
โปรโมทน้องพรุ่งนี้ทันที น้องอยากเห็นข่าวไหม”
จันทร์จรียิ้มพอใจในข้อเสนอของส้มจี๊ด พร้อมกับรีบก้มลงกดรูปในมือถือทิ้ง

“หนูลบรูปหมดเกลี้ยงแล้วค่ะ พรุ่งนี้หนูจะรออ่านข่าว”

พอแยกออกมาจากจันทร์จรี ส้มจี๊ดก็ปราดเข้ามาเอาเรื่องสุดเขตต์ทันที
 
“แกมานี่เลย”
สุดเขตต์หันมามองอย่างงงๆ “อะไรของแก”
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ แกน่ะเป็นอะไร ? ตกมันเหรอ รึว่าเหงา ถึงได้แอบไปคุยกับยัยพราวลับๆล่อๆแบบนั้น หาเรื่องตกงานเหรอ หรือว่าแกอยากดังชั่วข้ามคืน ในฐานะกิ๊กลับๆ ของซูเปอร์สตาร์เบอร์1”
ส้มจี๊ดโวยวายด้วยด้วยอารมณ์หึงล้วนๆ
“พล่ามจบหรือยัง ฉันจะได้ถามมั่ง แกนั่นแหละเป็นอะไรไอ้ส้ม ถึงไปร่วมมือกับดาราตัวอิจฉาคอยหาข่าวเสียๆหายๆมาเล่นงานคุณพราวอยู่ได้ เค้าเคยไปทำอะไรให้แกหรือไง?”
ส้มจี๊ดกำหมัดแน่น
“ก็เคยน่ะซิ ฉันถึงตามแฉ เอาคืนให้ถึงที่สุด”

ผู้กำกับสหวุฒิเปิดประตูเข้ามาดูในรถพราวที่จอดทิ้งไว้ ระหว่างนั้นมีตำรวจกำลังถ่ายรูปภายในรถ
และรอบๆ บริเวณเพื่อนำไปประกอบคดี ครู่หนึ่งมือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ไอ้เจ๋งมันหายหัวไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ผลงาน กำลังให้เก็บหลักฐานในไซต์ก่อสร้างกับพื้นที่โดยรอบไว้เล่นงานมันเมื่อสารวัตรพร้อมจะจับมัน ส่วนรถของคุณพราวสตาร์ทไม่ติด ผมจะให้ลากไปเก็บไว้ที่โรงพักก่อน แล้วตอนนี้คุณพราวเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บอะไรมากรึเปล่า?”
สมชายมา ที่ยืนอยู่นอกระเบียงบ้าน ตอบกลับมาทางปลายสาย
“เจ็บตัวนิดๆหน่อยๆครับ แต่ผมว่าในใจเค้าคงเจ็บหนัก สาหัสเลยก็ว่าได้ ไอ้นรกเจ๋งมันเล่นตามไล่ฟัดยังกับหมาบ้าแบบนั้น อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยครับ ผู้ชายอกสามศอกเจอเข้า ก็เฉียดบ้าได้”
สมชายกดวางสายมือถือเดินกลับเข้ามาในบ้าน มองหาพราวอย่างห่วงๆ แต่กลับเห็นแต่แก้วน้ำกับมือถือวางทิ้งไว้
เขารีบเดินหาทั่วบ้านด้วยความเป็นห่วง จนมาถึงห้องน้ำ ที่ถูกปิดล็อกจากด้านใน สมชายค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้พราวก็อยู่ในห้องน้ำนี่เอง
สมชายตะโกนเรียก พร้อมกับเขย่าลูกบิด
“ผมบอกให้เปิดประตู หูหนวกหรือไง ผมบอกให้เปิด เปิดซิ“
“ปล่อยฉันไว้ อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“อยู่ทำไมในห้องน้ำ คุณทำอะไรของคุณอยู่ในนั้น เป็นอะไรรึเปล่า ?”
ขาดคำ เสียงกรีดร้องของพราวก็ดังออกมาจากห้องน้ำ สมชายตกใจ ตัดสินใจกระโดดกระแทกประตูทันที
ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า ก็คือพราวที่นั่งอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำ 2 มือยกปิดหู นั่งคู้เข่าอยู่บนนั้น โดยเปิดฝักบัวให้น้ำไหลเบาๆ อยู่ในอ่าง
“เป็นไรมากเปล่าคุณ มาขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำแบบนี้”
“ฉันอยากอยู่คนเดียว ฉันไม่อยากเจอใคร ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น ออกไป”
สมชายมองเห็นน้ำตาของพราว ก็รู้สึกเห็นใจ
“ไม่เอาน่า ยิ่งอยู่คนเดียว คุณก็ยิ่งคิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า ถ้าคุณหิว ผมจะทำอะไรให้กิน”
พูดพลางก้าวเข้ามาคว้าแขนพราวจะพาออกไป แต่เธอกลับสะบัดออก
“ฉันไม่หิว ไม่ได้ยินหรือไง ว่าฉันอยากอยู่คนเดียว คุณนั่นแหละออกไปซะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย เดี๋ยวฉันดีขึ้น ฉันจะออกไปเอง”
สมชายชักฉุน ที่อุตส่าห์หวังดี แต่กลับถูกตวาดไล่
“ดีขึ้นงั้นเหรอ ดูสารรูปคุณตอนนี้ซิ เห็นชัดๆว่าคุณกำลังแย่ลง ขืนผมปล่อยคุณไว้คนเดียวนะ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องจนได้ ออกมา”
ขาดคำก็คว้าแขนพราว แต่เธอกลับยึดมือจับขอบอ่างแน่น
“อย่ามาบังคับฉันนะ ฉันอยากออกเมื่อไหร่ ฉันจะออกไปเอง ปล่อยฉัน”
“ผมไม่อยากจะใช้กำลังกับคุณนะ คุณบังคับผมเอง”
สมชายพยายามแกะมือพราวจากขอบอ่าง แต่เธอกลับคว้าฝักบัวที่กำลังเปิดน้ำทิ้งอยู่ในอ่าง หันมาฉีดใส่เขาอย่างลืมตัว เขาพยายามเข้าแย่ง จนเปียกปอนไปด้วยกันทั้งคู่
และสุดท้ายสมชายก็สามารถลากตัวพราวออกมาจากห้องน้ำจนได้
“ปล่อยฉันได้แล้ว อย่ามาจับฉัน ฉันเดินเองได้”
พราวยังโวยวายไม่เลิก

“นึกว่าผมอยากจะจับต้องเนื้อตัวคุณนักเหรอไง”

พูดพลางปล่อยมือจากพราวอย่างหัวเสีย พร้อมกับที่เธอลื่นไถลจะร่วงตกบันได แต่เขาตามคว้าแขนดึงกลับอย่างแรง จนเขากลับเสียหลักลื่นล้มไปเอง โดยที่ดึงเธอล้มทับซ้ำลงมาด้วย
 
“นายสมชาย คุณเป็นอะไรรึเปล่า ฉันไม่ตั้งใจทำให้คุณเจ็บนะ ตอบฉันซิ ทำไมไม่ตอบ กระดูกคุณหักตรงไหน สมองกระทบกระเทือนรึเปล่า เจ็บมากไหม ทำไมไม่พูดอะไรเลย”
“ผมจุก ได้ยินชัดหรือยัง ว่าจุกน่ะ”
พราวหัวเราะขำ สมชายมองเธอตาเขียว ก่อนจะพบว่ามือของเธอประคองหน้าเขาอยู่ แถมใบหน้าเปียกๆ นั้น ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมและเนื้อตัวเปียกชุ่มน้ำก็เบียดอยู่บนตัวเขา
ทั้งสองมองหน้ากัน อยู่ๆ สมชายก็โอบเอวเธอ พร้อมกับหมุนพลิกตัวขึ้นมานอนทาบทับเธอแทน
“สงบสติอารมณ์ได้แล้วใช่ไหมคุณซูเปอร์สตาร์ เบอร์1 เราจะได้ไปต่อที่ห้องนอนกัน”

สมชายยื่นผ้าเช็ดตัวกับเสื้อยืดของเขาให้เธอเปลี่ยน
“เช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อซะ เสื้อเปียกแล้วมันบาง”
พราวก้มลงมองเสื้อตัวเองแล้วตกใจ ยกมือขึ้นมาจับคอเสื้อทันที
“นี่ คุณแอบมองฉันเหรอ”
สมชายยิ้มกวน “ทำไมต้องแอบ ก็มันเห็นชัดๆอยู่ตำตาเนี่ยะ ผมเลยไม่อยากเห็น ถึงให้คุณเปลี่ยนเสื้อไง อย่าห่วงเลย ความเซ็กซี่ระดับดาราเงินล้านของคุณ ทำอะไรผู้ชายอย่างผมไม่ได้หรอก”
พราวเจ็บใจที่ถูกสบประมาท เลยคิดแกล้ง ด้วยการยกเสื้อขึ้นทำท่าจะถอด
“ขอบคุณที่บอก เฮ่อ ฉันจะได้ไม่เกร็ง ไม่ระวังตัวเวลาที่เราอยู่ใกล้กัน เพราะสบายใจได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราแน่”
สมชายตกใจรีบเบือนหน้าหนี หัวใจเต้นโครมคราม มือไม้สั่น จนหยิบเลือกเสื้อจากในตู้ไม่ถูก
ก่อนจะค่อยๆ แอบมองไป แต่เห็นเธอสวมเสื้อของเขาเรียบร้อยแล้ว เลยทำปากเก่ง สวนไปบ้างเพราะรู้ว่าเธอจงใจถอดเสื้อแกล้งเขา
“รู้ก็ดีแล้ว เก็บความเซ็กซี่ของคุณไว้ให้นายไฮโซติณห์แฟนคุณเถอะ ดูเค้าทุ่มเทมากเลยนะ เค้าทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้พิชิตใจซูเปอร์สตาร์พราว”
สมชายพูดพลางถอดเสื้อยืดออก แล้วเขวี้ยงเสื้อทิ้งลงตะกร้า ด้วยความหมั่นไส้แกมหึง
“คุณไม่ต้องมาบอกฉันหรอก การทุ่มเทของคุณติณห์จะไม่เสียเปล่าแน่ๆ เค้าจะได้เป็นคนพิเศษเคียงคู่พราว”
พราวลุกขึ้นยืนหันไปพูดประชดใส่ แล้วก็ต้องยืนตะลึงมองสมชายที่ยืนถอดเสื้ออยู่
“เสียดายจัง นายสมชายคนนี้อดเป็นคนพิเศษเคียงคู่พราว แต่ยังไงก็...”
พูดพร้อมกับแกล้งโอบเอวพราวกอดกระชับเข้ามาแนบชิด เป็นการเอาคืนที่เธอแกล้งเขาเมื่อครู่
“อย่าลืมอ้อมกอดของนายสมชายคนนี้ ที่คุณเคยบอกว่ามันอบอุ่นไม่เหมือนใคร เพราะมันเหมือนหลุมหลบภัยสำหรับคุณ”
พราวอึ้งมองสมชาย ความสุขในวันนั้นหวนกลับคืนมา จนเธออดที่จะยิ้มแบบเคลิ้มๆ ไม่ได้ แต่เขากลับเป็นฝ่ายทำลายความสุขนั้นด้วยการยื่นหน้ามาพูดกระซิบ
“หลุมหลบภัยงั้นเหรอ คำนี้คุณคิดนานป่ะ คิดมาได้ไง มันเห่ยมากเลยรู้เปล่า”
พราวตบหน้าเขาด้วยความโกรธ แล้วรีบหันเดินออกจากห้องไป

สมชายจับแก้มตัวเอง แล้วมองตามเธอออกไป ยิ่งเขาทำร้ายเธอด้วยคำพูดให้เธอเจ็บเท่าไหร่ เขาก็เจ็บไม่แพ้กัน

พราวทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างเจ็บปวดหัวใจ ก่อนที่จะคว้ามือถือตัวเองขึ้นมาดู เห็นสายไม่ได้รับหลายสาย ทั้งจากแฟรงค์ ,น้าอร และติณห์ ก่อนที่จะตัดสินใจกดสายโทร. กลับไป
 
“ฮัลโหล ช่วยมารับพราวกลับด้วยค่ะ”

“นี่เป็นรูปที่ฉันพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อเตือนใจ ถึงสิ่งที่ยัยพราวทำไว้กับฉัน”
ส้มจี๊ดเปิดภาพของตัวเองเมื่อหลายปีก่อนสมัยเข้ามาทำงานนักข่าวใหม่ๆ กำลังยื่นไมค์สัมภาษณ์พราวที่ดูเด็กไม่แพ้กัน ให้สุดเขตต์ดู ก่อนจะย้อนเล่าถึงเหตุการณ์อย่างเจ็บแค้น
“รูปสมัยฉันเข้ามาเป็นนักข่าวใหม่ๆ ยัยพราวทำให้ฉันถูกไล่ออกจากงาน เพราะดันไปเขียนข่าวเรื่องพ่อกับแม่ยัยนั่นเลิกกัน แม่ทิ้งยัยพราว หนีไป แล้วพ่อก็ไปคว้าเมียเพื่อนสนิทมาทำเมีย น้ำเน่าที่สุด เน่ายิ่งกว่าละคร”
ส้มจี๊ดเล่าด้วยความจงชัง แต่สุดเขตต์นิ่งฟังด้วยความเห็นใจพราว
“แล้วถ้าเป็นแกล่ะส้มจี๊ด มีคนเอาเรื่องพ่อแม่แกมาแฉ แกไม่โกรธหรือไง”
“นี่แกเข้าข้างยัยนั่น แทนที่จะเห็นใจเพื่อนแกเหรอสุดเขตต์”
สุดเขตต์รีบอธิบาย
“ทำไมฉันจะไม่เห็นใจแก คุณพราวผิดที่ทำให้แกตกงาน แต่คุณพราวก็ไม่ผิดที่ออกมาปกป้องครอบครัวของตัวเองนะเว้ย”
“แล้วแกผิดไหมที่ทำงานกับฉันแล้วไปปกป้องยัยพราว บอกมานะ ว่าแกแอบไปคุยอะไรกับยัยพราว
2 ต่อ 2 หลังสตู?”
ส้มจี๊ดวกกลับมาเรื่องที่ค้างคาใจ
“ฉันบอกไม่ได้ว่ะ มันเป็นความลับระหว่างฉันกับคุณพราว” สุดเขตต์พูดพลางหัวเราะกลบเกลื่อน “ไม่มีความลับอะไรหรอก ฉันแค่อำแกเล่น ทางที่ดีฉันว่าแกควรจะลืมเรื่องเก่าๆ ได้แล้วน่า ความแค้นไม่ทำให้ใครมีความสุขได้หรอก กลับเหอะ”
สุดเขตต์ยื่นรูปคืน แล้วหันเดินผละมา ส้มจี๊ดยืนมองอย่างสงสัย

“ฉันไม่เชื่อน้ำหน้าแกหรอกสุดเขตต์ แกต้องมีเรื่องอะไรของยัยพราวปิดฉันอยู่แน่ ๆ”

พราว ตอนที่ 7 (ต่อ)

“มีน ชื่อนี้เกี่ยวข้องกับพราวยังไง ทำไมคุณถึงเรียกตัวเองว่ามีน ?”
 
สุดเขตต์เดินผละออกมายืนคิดอยู่คนเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น แต่แปลก ที่ชื่อมีนกลับทำให้เขายิ้มอย่างมีความสุขได้อย่างประหลาด
มีนสลัดคราบของพราว นั่งหน้าเครียดคุยกับหมอเรื่องอาการของโต้ ต่างคนต่างหนักใจ
“แม่แก้วบอกว่าโต้ชักหนนี้นานมาก ชักไม่หยุดเลย ทั้งที่ก็ให้โต้กินยาแก้ชักตามที่คุณหมอสั่งไม่เคยขาดเลย”
“ร่างกายของเด็กไม่ตอบสนองต่อยาแก้ชักครับ เพราะว่าเกิดการดื้อยา การรักษาด้วยการกินยาคงไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว”
มีนใจหายวาบ
“แล้วต้องทำยังไงคะ ถึงจะรักษาโต้ให้หายขาดจากลมชักได้ หมอบอกมาสิคะ ต้องทำยังไงคะหมอ หนูต้องทำยังไง ?”

มีนเดินซึมออกมาจากห้อง คำพูดของหมอยังก้องในหู
“มีการรักษาอีกวิธีนึงครับ คือการผ่าตัด พบว่าผู้ป่วยมากกว่า 50% สามารถหาย จากโรคลมชักได้หลังจากการผ่าตัด แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก”
เธอเดินมาหยุดหน้าลิฟท์ พร้อมกับยื่นมือจะกดลิฟท์ขึ้นไปยังห้องพักฟื้นที่โต้รักษาอยู่ แต่อาการปวดหัวก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
มีนเดินหันไปที่ผนังอีกด้าน ยกมือข้างหนึ่งยันผนังไว้ มือจับไปที่สร้อยพระแน่น พยายามต่อสู้กับความเจ็บปวด
“แม่ ช่วยมีนด้วย อย่าเพิ่งให้มีนตาย ให้มีนอยู่ช่วยน้องๆ ก่อน”
พลันประตูลิฟท์ก็เปิด แมนเดินออกมาจากลิฟท์มาพอดี รีบปราดไปประคองมีน
“ยา ยาอยู่ในกระเป๋า”
แมนรีบเปิดประเป๋าเป้มีน ที่มีขวดน้ำเล็กๆ ติดตัวไว้ด้วย ก่อนที่จะหยิบยาส่งให้พี่สาว
“ยาอยู่นี่พี่”
มีนรีบรับยาไปกิน พร้อมกับรับขวดน้ำจากแมนมาดื่มตาม แต่อาการเจ็บปวด ก็ทวีความรุนแรงหนักขึ้น จนขวดร่วงจากมือ เธอซบหน้ากับไหล่น้องชายด้วยความอ่อนแรง แมนกอดพี่สาวไว้แน่น ด้วยความเป็นห่วง
“พี่กินแต่ยา แล้วเมื่อไหร่มันจะหายขาดซะที ไปหาหมอเถอะพี่ นะพี่มีน ไหนๆ ก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว มันต้องมีวิธีอื่นที่รักษาพี่ให้หายได้”
มีนส่ายหน้าช้าๆ เหมือนคนไม่มีแรง
“ไม่ได้ พี่ยังใช้เงินเยอะตอนนี้ไม่ได้ พี่ต้องเก็บเงินไว้รักษาโต้ก่อน หมอบอกพี่ตะกี้ โต้ต้องผ่าตัดถึงจะหายจากโรคทรมานนั่น”
แมนน้ำตาคลอ “โธ่พี่มีน คิดถึงตัวเองบ้างเถอะ”
“พี่ทนได้ แต่โต้ยังเด็ก โต้อาจจะทนป่วยไม่ไหว รักษาโต้ให้หายก่อน แล้วค่อยมานึกถึงพี่ เข้าใจไหม?”
แมนมองพี่สาว ด้วยความสงสารจับใจ

เมื่อแม่แก้วรู้ว่าจะต้องรักษาโรคของโต้ด้วยการผ่าตัด ก็หน้าเครียด
“ผ่าตัด มันต้องแพงมากแน่ๆ เป็นแสนเป็นล้าน เราจะหาเงินจากไหน”
มีนเข้าโผกอดแม่แก้ว พลางพูดให้กำลังใจ
“มีนยังอยู่ทั้งคน มีนจะหาเงินรักษาน้องเอง แม่แก้วอย่าห่วงไปเลย”
แมนที่นั่งอยู่ด้วยฟังแล้วอยากร้องไห้ แม่แก้วหันมามองหน้ามีนด้วยความเป็นห่วง และสงสาร
“ห่วงซิ ทำไมจะไม่ห่วง แม่ห่วงโต้ แม่ก็ห่วงมีนเหมือนกัน อะไรๆก็หนู มันหนักเกินไปสำหรับลูกแล้วนะ”
มีนฝืนยิ้ม ทั้งที่ในใจกำลังร่ำไห้
“ไม่หนักหรอกแม่ มีนยังทำงานได้อีกเยอะ ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กัน แม่แก้วกับแมนกลับไปดูเด็กๆที่บ้านเถอะมีนจะอยู่เฝ้าโต้ให้เอง”
แม่แก้วพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไป พร้อมกับแมน มีนลูบหัวโต้เบาๆ อย่างแสนรัก

“หนูจะต้องหายน้องรัก พี่จะหาเงินรักษาหนูเอง”

แมนที่เดินออกมาจากห้องพร้อมกับแม่แก้ว อดที่จะมองกลับเข้าไปในห้องด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
 
“ผมอยากทำงานช่วยพี่มีนกับแม่หาเงินเยอะๆน่ะครับ แต่ถ้าผมไม่อยู่ช่วยทำงานที่บ้าน แล้วใครจะช่วยพี่มีนกับแม่ดูแลเด็กๆ”
แม่แก้วมองแมนอย่างเอ็นดู
“รออีกปีนะลูก ตั้งใจเรียนให้จบรามเสียก่อน เดี๋ยวแมนก็จะมีงานดีๆ เงินเดือนสูงๆทำ ถึงวันนั้นพี่มีนต้องภูมิใจมาก ที่ส่งให้แมนเรียบจบจนถึงปริญญา”
แมนแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จนต้องรีบหาทางหลบออกมานั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ คนเดียว
“แม่แก้วรู้ไหม พี่มีนไม่สบายมาก ผมกลัวอยู่ทุกวัน ว่าพี่มีนจะจากพวกเราไป”

สมชายยืนกอดอกเงียบๆเครียดๆ ฟังพราวให้ปากคำผู้กำกับสหวุฒิและตำรวจ
“ไอ้โจรค้ายามันบอกว่า คราวก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเข้ามาขวางรับกระสุนแทน นายสมชายคงตายไปแล้ว แล้วพี่ชายมันก็คง...”
พราวอึกอักไม่กล้าพูด แต่สมชายกลับพูดแทรกขึ้นมาแทน
“ก็คงไม่ถูกผมวิสามัญ”
“มันบอกเป็นเพราะฉันคนเดียวที่ดันเข้าไปแส่ ทุกอย่างถึงได้พังไปหมด เพราะฉะนั้น ฉันถึงต้องชดใช้”
สมชายโพล่งออกมาอย่างเหลืออด
“ไอ้บ้าเอ้ย ตั้งใจแส่ที่ไหน มันเป็นพรหมลิขิต”
ทุกคนหันขวับมามองที่สมชายเป็นตาเดียว
“โทษๆ ผมใช้คำผิด ไม่ใช่พรหมลิขิต แต่เป็น เป็นอะไรน้า ?”
พราวมองหน้าสมชาย แล้วพูดประชด
“เป็นคราวเคราะห์ของฉันที่มาเจอคุณ”
แต่เจอสมชายประชดกลับ
“คราวเคราะห์ของคุณคนเดียวเหรอ มันก็คราวเคราะห์ของเราทั้งคู่นั่นแหละที่มาเจอกัน”
สหวุฒิเห็นทั้งคู่ดูจะไม่ค่อยลงรอยกัน ก็รีบตัดบท
“เอาล่ะครับ ผมว่าอย่าเรียกว่าคราวเคราะห์เลยครับ ใช้คำว่าพรหมลิขิตมันหวานกว่า สามัคคีกันไว้ดีกว่านะครับ เพราะถึงยังไง ตอนนี้คุณทั้ง 2 คน ก็ตกเป็นเป้าของไอ้เจ๋งเหมือนกัน”
พราวถอนหายใจอย่างอ่อนล้า
“ฉันตกเป็นเป้าอีกแล้วเหรอ แล้วไอ้ที่ผ่านๆมา ที่ฉันถูกปองร้าย มีใครอีกบ้าง ทำไมตำรวจยังจับตัวไม่ได้สักคน หรือว่าจะรอให้ฉันตายเสียก่อน”

สมชายมองเธอด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ที่ต้องทนเห็นผู้หญิงที่เขารักอยู่ในสภาพหวาดกลัวเช่นนี้

อีกด้านหนึ่ง ติณห์รู้สึกหงุดหงิด เพราะติดต่อพราวไม่ได้ พอจะเดินออกจากห้อง จันทร์จรีในชุดเกาะอกเซ็กซี่ ก็เดินสวนเข้ามา พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้
 
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ จรีจะได้ไปออกงานกับคุณติณห์ ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของ N&T”
แต่ดูเหมือนความสนใจของติณห์กลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับการออกงานร่วมกับจันทร์จรี
“คุณจรีเพิ่งกลับจากถ่ายละครกับคุณพราวมาใช่ไหมครับ ? คุณพราวเป็นยังไงบ้างครับ กลับมาทำงานราบรื่นดีไหม?”
จันทร์จรีฝืนยิ้ม “ก็เห็นระรื่นดีนี่คะ”
“คงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรในกองถ่ายเหมือนคราวก่อนอีกใช่ไหมครับ? วันนี้ผมโทร. หาทั้งวัน คุณพราวไม่รับสายผมเลย ไม่โทรกลับด้วย เมื่อกี๊โทร. ไปอีกครั้ง ก็ปิดมือถือไปแล้ว ผมก็เลยเป็นห่วง”
จันทร์จรีฉุกคิดถึงรูปในมือถือที่ยังลบไม่หมด แล้วก็แอบยิ้มร้าย
“เค้าคงไม่มีเวลารับสายคุณติณห์หรอกค่ะ เพราะว่าติดสัมภาษณ์พิเศษกับนักข่าวรูปหล่อคนนี้อยู่”
พูดพลางเปิดรูปในมือถือแล้วชูให้ดู
ติณห์คว้ามือถือจากมือจันทร์จรีมาดูใกล้ๆ นึกๆว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน เมื่อนึกออก ก็หน้าเครียด เพราะเกรงว่าสุดเขตต์อาจจะเป็นอุปสรรคในการแก้แค้นพราว

แฟรงค์กับเอมี่วิ่งกระวีกระวาดเข้ามาในบ้านของสมชาย ขณะที่พราวกำลังนั่งให้ปากคำกับตำรวจอยู่
ทันทีที่พราวเห็นแฟรงค์ เธอก็โผเข้ากอด เป็นครั้งแรกที่พราวกอดแฟรงค์ทั้งน้ำตา บ่งบอกถึงความหวาดกลัวในใจ ที่ทำให้เธอใกล้จะรับมือไม่ไหวอีกต่อไป
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะหนู ไม่ต้องร้องๆ หนูปลอดภัยแล้ว บ้านนี้เมืองนี้มันไม่มีความปลอดภัยเอาซะเลย ตำรวจทำอะไรกันอยู่ฮะ”
แฟรงค์หันมาเหวี่ยงใส่สมชายกับสหวุฒิ
“อ้าว มาลงที่ตำรวจซะแล้ว พวกเราก็พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะหาคนที่ปองร้าย
คุณพราว”
แต่แฟรงค์หยุดไม่อยู่แล้ว
“แล้วไอ้โจรค้ายาที่ตามจับตัวพราววันนี้โผล่มาจากไหนอีกล่ะฮะ ถ้าไม่ใช่ผลผลิตจากการทำงานที่ผิดพลาดของตำรวจ ปล่อยให้มันหนีไปได้คราวก่อน มันถึงได้ย้อนกลับมาเล่นพราว มันเกี่ยวอะไรกับพราว พราวไปทำอะไรให้มัน”
สมชายทนไม่ไหว พูดตอกกลับมาเป็นชุด
“ก็คุณทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก ปล่อยให้ซูเปอร์สตาร์ของคุณขับรถออกมาฉายเดี่ยวทำไมคุณแฟรงค์ ผมได้ยินผู้กำกับโทร. ไปเตือนคุณกับหูว่าอย่าปล่อยให้คุณพราวไปไหนมาไหนตามลำพัง แล้วคุณก็บอกว่าตอนนี้คุณพราวกำลังถ่ายละครอยู่
แฟรงค์หน้าซีด เถียงต่อไม่ออก สหวุฒิหันขวับมาจ้องหน้าแฟรงค์ทันที
“นั่นน่ะซิครับ คุณพราวถ่ายละครอยู่ แล้วจู่ๆขับรถออกมาคนเดียวทำไม ผมว่ามันแปลกๆ นะครับคุณแฟรงค์ คุณปิดบังอะไรตำรวจอยู่รึเปล่า ?”
แฟรงค์ไปต่อไม่ถูก เลยทำดราม่าเป็นลมใส่

จันทร์จรีพูดใส่ไฟต่อ หวังเสี้ยมให้ติณห์โกรธพราว
“แปลกนะคะ ปรกติพราวเค้าไม่ชอบสุงสิงกับนักข่าว ไม่ผูกมิตรกับนักข่าวสำนักไหนคนไหนเด็ดขาด แต่กับตากล้องนักข่าวคนนี้กลับชิดเชื้อเป็นพิเศษ”
“พอจะรู้ไหมครับว่าตากล้องคนนี้ชื่ออะไร ?”
จันทร์จรีทำท่านึก “ได้ยินนักข่าวเรียกว่าสุดเขตต์น่ะค่ะ ทำงานให้กับหนังสือ HOT SHOT”
“ผมได้ยินมาว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคุณพราวมาตลอด คนอย่างคุณพราวไม่น่าจะไปสนิทสนมกับตากล้องหนังสือเล่มนี้ได้”
ติณห์คิดแปลกใจสงสัย จันทร์จรีได้ที รีบขยี้ต่อ
“มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ ระดับซูเปอร์สตาร์อย่างพราว-พิชญาดา ไม่น่าลดตัวลงไปทำแบบนั้น แต่หลังจากที่ภาพหลุดจากไอจี พราวหนีไปขลุกกับผู้ชายพายเรือที่อัมพวาจรีก็ชักไม่แน่ใจซะแล้ว บางทีพราวเค้า
อาจจะชอบมีความสัมพันธ์แอบๆ ซ่อนๆ อะไรแบบนี้ก็ได้นะคะคุณติณห์ ตายจริง จรีชักห่วงคุณแล้วซิ คุณไม่ชินกับสังคมดารา อาจจะตามไม่ทัน จรีไม่อยากให้คุณถูกหลอกเลยค่ะ”
จันทร์จรีตีบทเหมือนกำลังเล่นละครน้ำเน่าอยู่ ติณห์ทำเป็นนิ่งคิดเหมือนติดกับ คล้อยตามสิ่งที่เธอพูด แต่จริงๆแล้ว จันทร์จรีต่างหากที่กำลังติดกับเขา และคอยทำลายพราวให้เขาอีกแรงหนึ่ง

แฟรงค์ทำเป็นนอนพะงาบๆ โดยมีพราวกับเอมี่ช่วยกันพัดวี ให้ดมยาดม แฟรงต์แอบหรี่ตามองทั้งคู่ พร้อมกับแอบกรีดนิ้วข้างหนึ่ง เป็นสัญลักษณ์ว่าโอเค. พราวกับเอมี่หันมามองหน้าอย่างรู้กันทันทีว่า แฟรงค์ฟอร์มเป็นลมเพื่อแก้สถานการณ์
สมชายเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าแฟรงค์แกล้งทำมารยาใส่
“เป็นลมนานขนาดนี้ ผมว่าเรียกรถมูลนิธิมารับตัวดีกว่าครับผู้กำกับ”
ได้ผล แฟรงค์กระเด้งตัวขึ้นทันที
“อ๊าย ฉันยังไม่ตายนะยะ เอ่อ ฉันหายดีแล้ว สงสัยตะกี้จะตกใจเรื่องพราวมากเกินไป ลมสว้านก็เลยตีขึ้นมาจุกอก”
สหวุฒิรีบตบเข้าเรื่องต่อ
“งั้นคุยกันต่อนะครับ ตะกี้เราคุยค้างถึงเรื่องที่คุณพราวขับรถออกมาคนเดียว”
แฟรงค์กลัวโดนต้อนอีก รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
“โนๆ ไม่คุยแล้วค่าผู้กินกับ เรื่องนั้นน่ะมันปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ ไม่รู้ล่ะ แฟรงค์ขอยื่นคำขาดง่ะ ตำรวจต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ชีวิตของพราวกลับมาปรกติสุขเหมือนเดิม”
สมชายถอนหายใจ “หึๆ โยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้ตำรวจซะงั้น”
พราวได้ยิน ก็พูดสวนกลับ
“คราวก่อนตำรวจล้อมจับโจร แล้วฉันก็ถูกลูกหลงเกือบตาย มาคราวนี้โจรที่ยิงฉันคนเดิมก็กลับมาล่าฉันอีก ถ้าไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณ แล้วจะเป็นความรับผิดชอบของใครค่ะสารวัตร ? ช่างเถอะ ภารกิจของคุณคงเยอะ เรื่องของฉันก็คงเป็นแค่ส่วนเล็กๆในงานของคุณ ไม่ใช่คดีสลักสำคัญอะไร เพราะฉะนั้นฉันคงไม่มีอภิสิทธิ์อะไรไปขอให้คุณช่วยฉันได้เป็นพิเศษ”
คำพูดที่แฝงความน้อยใจของแพรว ทำเอาสมชายฟังแล้วเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที เขาอยากจะออกหน้าช่วยเธอใจแทบขาด แต่ทิฐิมันห้ามเขาไว้
พอพราวหันมาชวนแฟรงค์กับเอมี่ให้กลับ สมชายก็รีบพูดรั้งไว้

"เดี๋ยวก่อนครับคุณพราว เล่นด่าทิ้งท้ายแล้วจะชิ่งกลับเลยเหรอ ผมว่าเราเคลียร์กันหน่อยดีไหม ?"

พราวเดินตามสมชายออกมายังมุมสวน แต่จู่ๆ เขาก็หยุดเดิน จากนั้นก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
 
“ผมเสียใจที่เป็นเป็นต้นเหตุ ทำให้ชีวิตของคุณตกอยู่ในอันตราย”
พราวยิ่งฟัง ยิ่งขัดใจ
“คุณไม่เข้าใจที่ฉันพูด ฉันไม่ได้ว่าคุณทำร้ายอะไรฉัน ฉันหมายถึงตำรวจต้องจับโจรค้ายาคนนั้นให้ได้ ก่อนที่มันจะกลับมาทำร้ายฉันอีก ฉันไม่ได้โยนความผิดทั้งหมดให้คุณนะ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ชีวิตของฉันถึงจะปลอดภัย ฉันไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร ถ้าไม่พึ่งคุณ”
พูดถึงตรงนี้ พราวก็น้ำตาคลอ สมชายมองเธออย่างเห็นใจ
“ผมเข้าใจคุณ และผมจะจัดการกับไอ้เจ๋งให้ได้ ผมสัญญา ว่าจะไม่ให้มันมาทำอะไรคุณได้อีก และถ้าผมทำไม่สำเร็จ เชิญเลย คุณจะให้ผมชดใช้คุณยังไงก็ได้ ผมยินดีทุกอย่าง”
“ฉันไม่ได้อยากให้คุณชดใช้อะไรฉันเลย เพราะฉะนั้นขออวยพรให้คุณจับไอ้โจรนั่นสำเร็จ แล้ว เอ่อ...คุณระวังตัวด้วยนะ”
พูดจบพราวก็หันเดินจากไป ทิ้งสมชายยืนมองเธอจนลับตา

สมชายหยิบปืนออกมาเช็คแมกกาซีน เตรียมพร้อม พลางมองไปในลิ้นชัก เห็นรูปถ่ายของเขากับวิทย์ที่ถ่ายร่วมกัน เขาขบกรามแน่น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะต้องจัดการกับไอ้เจ๋งให้ได้

ทันทีที่พราว แฟรงค์ และเอมี่ เดินกลับเข้ามาในบ้านพราวแสง ก็พบว่าติณห์มายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“วันนี้คุณไม่รับสายผมทั้งวัน ผมเป็นห่วงก็เลยต้องมา”
พราวส่งยิ้มเหนื่อยๆ พลางเดินเข้าไปคุยกับติณห์ โดยลืมไปว่าตัวเองใส่เสื้อของสมชายอยู่
“พราวไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายคุณเลยนะคะ แต่วันนี้ชีวิตพราวมันแย่สุดๆ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ แล้วนี่คุณพราวเอาเสื้อใครมาใส่”
พราวชะงัก ก้มลงมองเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ แฟรงค์รีบแถเข้ามาพูดแทรกขึ้นเพราะกลัวพราวจะบอกว่าเป็นเสื้อสมชาย
“เสื้อใส่ชิลๆ ของแฟรงค์เองแหละฮะ พอดีเสื้อพราวเลอะ ไม่ได้เตรียมเสื้อไปเปลี่ยน ในรถเจอแต่ตัวนี้ ก็เลยต้องยอมให้ใส่ไปก่อน”
พูดพลางแอบหันมองตาพราวส่งสัญญาณให้พราวเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อ
“เชิญคุณติณห์เข้าไปรอในบ้านก่อนนะคะ พราวขอไปเปลี่ยนชุดแป๊บนึง”
พราวรีบเดินเข้าบ้านไป ติณห์ลอบมองพราวอย่างสงสัย

สมชายซิ่งมอเตอร์ไซด์มาแต่ไกล ก่อนจะเลี้ยวรถฟาดหางเข้ามาที่อู่ร้าง พลางเบิ้นเครื่องเสียงดัง เหมือนจงใจท้าทายไอ้เจ๋ง
ขณะที่คนที่ถูกท้าทายกำลังเก็บข้าวของเตรียมย้ายแหล่งกบดาน พลันก็ต้องตกใจที่ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ มันรีบโยนกระเป๋าเป้เข้าไปในรถกระบะที่จอดอยู่กลางอู่ พร้อมกับชักปืนขึ้นมาสไลด์ขึ้นลำกล้องแล้วรีบวิ่งย่องเบาเท้าไปช่องหน้าต่าง แล้วแอบมองออกไปที่รถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ มันเล็งปืนพร้อมยิง แต่เมื่อเพ่งดูชัดๆ กลับพบว่ามีแต่มอเตอร์ไซด์จอดอยู่แต่ไม่มีคน
มันส่ายหน้าอย่างหัวเสีย กำลังจะเดินกลับไปขึ้นรถ ก็เจอเข้ากับสมชายยืนอยู่
“อยากแก้แค้นฉันนักใช่ไหม ฉันมานี่แล้วไง”
ไอ้เจ๋งตกใจกราดปืนยิงใส่ทันที สมชายกระโจนหลบเข้าหลังเสา
“ฝีมือยิงปืนแกยังชั้นอนุบาลว่ะ”
ไอ้เจ๋งหัวเราะเยาะเย้ย “แต่เด็กอนุบาลอย่างกูก็ยิงเพื่อนมึงซะตายโหง”
สมชายขบกรามโกรธ แล้วตอกกลับ
“แต่ยังไงเพื่อนกูก็ไม่เหงา เพราะไม่ได้ตายโหงคนเดียว พี่มึงก็ด้วย”
ไอ้เจ๋งโดนจี้ปมเรื่องพี่ชาย ก็ลุกขึ้นมายิงใส่ไม่ยั้ง สมชายลุกยิงสวนกลับ
ทั้งคู่ยิงใส่กันคนละฝั่ง โดยมีข้าวของในอู่กั้นกลางระหว่างทั้งคู่ กระสุนเจาะข้าวของกระจุยกระจาย

ติณห์ทำหน้าตกใจ เมื่อพราวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง โดยมีแฟรงค์กับเอมี่นั่งร่วมวงอยู่ด้วย
“อะไรนะครับ ไอ้โจรค้ายามันตามไล่ล่าคุณเหรอ?”
พราวหน้าเครียด ก่อนจะพูดแบบประชดตัวเอง
“คงไม่มีใครโชคดีเท่าพราวอีกแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วตำรวจว่ายังไงครับ ออกตามจับตัวไอ้โจรนั่นได้หรือยัง?”
พราวส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ยังค่ะ”
“แล้วจะมัวรออะไร ปล่อยมันไว้ไม่ได้นะครับคุณพราว หนนี้มันทำอะไรคุณไม่ได้ มันอาจจะยิ่งแค้นมากขึ้น ตามมาเล่นงานคุณหนักกว่าเดิม”
ติณห์แสร้งทำเป็นหวังดี แต่แอบแฝงเจตนาจะทำให้เธอขวัญเสีย
“ตำรวจรับปากค่ะ ว่าจะตามจับตัวมันให้ได้ จะไม่ให้มันมายุ่งกับฉันอีก”
“ตำรวจที่ว่า คือสารวัตรสมชายรึเปล่าครับ ?”
พราวชะงัก หันไปมองติณห์ แล้วเผลอปัดไปโดนแจกันที่วางอยู่ตกแตก

สมชายกับไอ้เจ๋งเปลี่ยนจากใช้ปืนยิงมาเป็นวิ่งเข้าซัดกันด้วยมือ ต่างคนต่างหยิบอุปกรณ์ใกล้ตัวมาเป็นอาวุธ
จังหวะหนึ่งไอ้เจ๋งสบโอกาสใช้มีดจ้วงแทง สมชายผงะตัวหลบ แต่ไม่พ้น ปลายมีดแทงเข้าที่สีข้าง
แต่เขาก็ตั้งสติ จับแขนมันบิดแล้วประเคนทั้งศอก ทั้งหมัดใส่ จนมันหงายหลังล้มลงข้างรถ โดยมีมีดติดมือไปด้วย สมชายปรี่เข้าไปจะเล่นงานมันต่อ แต่มันกลับลุกขึ้นกระโจนขึ้นรถ สตาร์ทแล้วขับหนีออกไปได้

แฟรงค์ถอนหายใจ แล้วพูดแทนพราว
“ถ้าวันนั้นสารวัตรสมชายไม่วางแผนไปจับโจรค้ายาที่ลานจอดรถห้าง พราวก็คงไม่โชคร้ายเข้าไปเอี่ยวอยู่ในฉากบู๊ จนเจอลูกหลง เพราะฉะนั้นสารวัตรสมชายก็เลยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างหนีไม่พ้น เข้าใจหรือยังฮะคุณติณห์”
“ผมว่า เรื่องของตำรวจก็ให้เค้าจัดการไป แต่จะไปหวังพึ่งเค้าทั้งหมดก็ไม่ได้นะครับ เราควรหาวิธีป้องกันตัวให้คุณพราวด้วยจะดีกว่า”
พราวมองติณห์อย่างแปลกใจ
“ผมจะหาบอดี้การ์ดมารักษาความปลอดภัยให้คุณพราว ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะหาทีมบอดี้การ์ดที่ดีที่สุดมาคุ้มกันคุณ 24 ชั่วโมง รับรองว่าไม่มีใครสามารถเข้าถึงตัวคุณ ทำอันตรายคุณได้”
“หมายถึงพราวจะต้องอยู่ในสายตาบอดี้การ์ดตลอดเวลาเหรอคะ”
ติณห์แสร้งพูดอย่างปรารถนาดี
“เพื่อความปลอดภัยในชีวิตที่มีค่าของคุณ ก็ต้องยอมเสียความเป็นส่วนตัวบ้างนะครับ”
พราวนิดคิดไปชั่วครู่
“พราวขอคิดดูก่อนค่ะ”
ติณห์ผิดหวังไม่น้อยที่เธอไม่หลงกลง่ายๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ
“ผมเข้าใจครับ คนที่เคยไปไหนมาไหนได้อิสระเป็นส่วนตัว อยู่ๆก็มีคนที่ไม่คุ้นเคยมาคอยติดตามทุกฝีก้าว ก็คงจะอึดอัด คุณพราวค่อยๆ คิดตัดสินใจนะครับ ระหว่างนี้ผมจะติดต่อหาทีมบอดี้การ์ดไว้ให้ เมื่อคุณพราวพร้อม ก็โทร. หาผมได้ทันที”

พราวเดินมาส่งติณห์ที่ประตูทางออก เขาดึงเธอมากอด ประหนึ่งว่าห่วงใย
“ถ้าคุณต้องการใครสักคน คิดถึงผมนะครับพราว ให้ผมได้มีโอกาสดูแลคุณ”
พราวยิ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่มีคนห่วงใย ขณะที่อีกฝ่ายยิ้ม อย่างมีความหวัง ว่าเธอจะยอมเชื่อใจเขา

สมชายเดินจับท้องออกมาจากห้องฉุกเฉินหลังจากที่ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นสหวุฒิเดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจติดตาม เขาก็รีบถามอย่างร้อนใจ
“ได้ตัวมันไหมครับ ?”
สหวุฒิส่ายหน้า
“ผมสั่งทุกด่านสกัดจับรถมันตามทะเบียนที่คุณแจ้งแล้ว แต่ไม่เห็นหัวมันเลย”
สมชายกำหมัดต่อยผนังเบาๆ อย่างเจ็บใจ คำสัญญาที่เขาให้ไว้กับพราวดังก้องในหัว


“ผมจะจัดการกับไอ้เจ๋งให้ได้ ผมสัญญา ว่าจะไม่ให้มันมาทำอะไรคุณได้อีก และถ้าผมทำไม่สำเร็จ เชิญเลย คุณจะให้ผมชดใช้คุณยังไงก็ได้ ผมยินดีทุกอย่าง”

จบตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น