แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 4
อวัศยาแกล้งทำเป็นถามเสียงเข้ม
“ป้าคุณชวนฉันไปทานข้าวที่บ้าน”
อวัศยากับปราณนต์คุยกันอยู่ในห้องทำงานของอวัศยา ปราณนต์หน้าตาเลิ่กลั่กๆ และลนนิดๆ เพราะกลัว
“เอ่อ...คะ...ครับ คือ..ป้าอยากขอบคุณที่พี่ศยาช่วยเค้าไว้น่ะครับ ตะ...แต่ถ้าพี่ศยาไม่สะดวก ไม่เป็นไรนะครับไม่เป็นไรเลยครับ ผมบอกป้าไปแล้ว
อวัศยาแกล้งพูดแทรกให้ปราณนต์ลนเล่นอารมณ์ผู้ใหญ่แกล้งเด็ก “คุณบอกป้าว่าอะไร”
“ก็บอกไปว่า...วันธรรมดาพี่ศยางานยุ่งมากๆ เพราะฉะนั้นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ พี่ศยาคงอยากจะพักผ่อน คงไม่อยากไปไหน”
“คุณมาคิดแทนฉันได้ยังไง รู้ได้ยังไงว่าเสาร์ อาทิตย์ ฉันไม่อยากไปไหน”
ปราณนต์สะอึก “เอ่อ..เอิ่ม..อ้าววว..ก็คือ..ผม..ผม” ปราณนต์เลิ่กลั่ก
อวัศยาอมยิ้มนิดๆ ที่เห็นปราณนต์ลนลานจนน่าเอ็นดู ปราณนต์เริ่มพูดไม่ออก บอกไม่ถูก อวัศยาเริ่มสงสาร
“อาหารที่บ้านอร่อยหรือเปล่า” อวัศยาถาม
ปราณนต์หันไปมองหน้าอึ้งๆ เพราะคาดไม่ถึง
อวัศยาพูดต่อ “ฝากบอกคุณป้าด้วยว่า...ฉันรับคำเชิญ”
ปราณนต์ยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ “จริงเหรอครับ..ได้เลยครับ ผมจะรีบโทร.บอกป้าเลย ป้าเปรี้ยวต้องดีใจมากๆแน่ๆเลยครับ”
ปราณนต์พูดด้วยแววตาเป็นประกายวาววับ
เปรี้ยวกอดศยาด้วยความดีใจราวกับรักมาก
“หนูศยา....ดีใจจังเลยค่ะที่รับคำเชิญของป้า..ดีใจๆๆ”
เปรี้ยวกอดอวัศยาแน่นมากจนปราณนต์ต้องสะกิดให้ปล่อย เปรี้ยวเริ่มรู้สึกตัวจึงคลายอ้อมกอดแต่ยังมองหน้าอวัศยาแบบฉ่ำยิ้ม
“ศยาก็ต้องขอบคุณคุณป้า ที่เชิญมาทานข้าว ที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ลำบากเลยย..ป้าก็แค่ออกความคิด ส่วนอาหารเจ้าณนต์เป็นคนไปจ่ายตลาด แล้วก็กลับมาทำ ป้านั่งบัญชาการ”
อวัศยามองปราณนต์แล้วก็หลิ่วตาถาม “เธอทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
เปรี้ยวยื่นหน้ามา “อร่อยมาก เดี๋ยวคุณศยาลองแล้วจะติดใจ”
ปราณนต์เขินอาย “ป้าๆ..เบาๆครับ อย่าเพิ่งเยอะ เดี๋ยวไม่อร่อยแล้วอายเค้า”
ปราณนต์ยิ้มอายๆ อวัศยาลอบมองแล้วก็อมยิ้มเพราะรู้สึกว่าปราณนต์น่ารัก น่าเอ็นดู เปรี้ยวหันมาทางอวัศยา
“เอ้อคุณศยาคะ”
อวัศยารีบหุบยิ้มแล้วทำขรึม “คะ”
“หิวหรือยังคะ พอดีแม่กับพี่สาวของเจ้าณนต์เค้าออกไปทำธุระข้างนอก อีกสักพักคงจะกลับ ถ้าไม่หิวรอสักนิดได้มั้ยคะ จะได้ทานข้าวกันพร้อมหน้า แต่ถ้าหิวก็ไม่เป็นไรนะคะ เราทานกันก่อน”
“รอได้ค่ะ ยังไม่หิวมาก”
เปรี้ยวยิ้มรับอย่างดีใจ “ดีเลยค่ะ งั้นเรารอสองคนนั้นแป๊บนึงนะคะ” อวัศยาพยักหน้าและยิ้มรับ
ทันใดนั้น ป้าสำอาง มือนวด หน้าขลังก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เปรี้ยวหันไปเห็นพอดี
“อ้าว...ยายสำอาง นี่มานี่ก่อน อย่าเพิ่งกลับ มาๆๆ” เปรี้ยวลากแขนมาทันที “มารู้จักคุณศยา เจ้านายพ่อณนต์เค้า ทั้งสวย ทั้งใจดี ฉันจะบอกให้”
อวัศยาอายอย่างแรง ปราณนต์หันมาเห็นตอนอวัศยาอายพอดีก็เผลอยิ้มตามนิดๆ เปรี้ยวนึกได้จึงแนะนำ
“ป้าสำอางเป็น “หมอจับเส้น” ฉายาหัตถ์เทวดา เส้นตึง เส้นจม เลือดลมไม่เดิน ต้องเจอ กด ๆ งัดๆ สะกัดจุด เลือดวิ่งปรู๊ดปร๊าด เบาสบายตัวมากๆ เอ้อ..คุณศยาชอบนวดมั้ย”
“เอ่อ..ก็....” อวัศยายังไม่ทันตอบเปรี้ยวก็พูดแทรก
“ไหนขอป้าจับไหล่หน่อยนะคะ”
ปราณนต์ตกใจ “เฮ้ย ป้า ป้า”
เปรี้ยวไม่ฟังเสียงปราณนต์พุ่งเข้ามาจับไหล่ศยาหมับ อวัศยาร้องโอดโอย
“โอ้ย”
“โห เป็นก้อนเลยเนี่ย ไมเกรน ปวดกระบอกตา แขนชาเป็นพักๆ สะบักจม ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะคุณศยาต้องนวด รับรองเบา สบายตัว ป้าสำอาง จัดหนักเลย”
อวัศยาไม่มั่นใจว่าตัวเองอยากนวด ปราณนต์พยายามช่วยพูด
“เอ่อ..ป้าปรี้ยวครับ ไว้วันหลังเถอะครับ วันนี้พี่ศยาคงไม่สะดวก”
“ไม่สะดวกหรือไม่เชื่อมือป้ากันแน่” สำอางถาม
อวัศยาหันขวับไปมองป้าสำอางที่หน้าโหดและนิ่ง
“นวดได้ค่ะ...ศยาชอบนวด” อวัศยาบอก
ปราณนต์เหวอ
อวัศยาหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจนเหมือนจะร้องไห้ เพราะแรงดึงสะท้านโลกันต์ของสำอาง
“อ๊าก”
ปราณนต์ยืนมองหน้าเหวอเพราะแอบเป็นห่วงอวัศยา เปรี้ยวยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“เสียงแบบนี้..มันใช่ หนูศยารู้สึกยังไงบ้างจ๊ะ มันดีใช่มั้ย ดูหน้าหนูศยาก็รู้ หน้าแดงขนาดนี้แสดงว่าเลือดมันกำลังสูบฉีดไหลเวียน รู้สึกดีมั้ยจ๊ะ”
อวัศยาหัวเราะแหยๆ “ดี..ก็ดี..ค่ะ”.
ปราณนต์ยืนมองอวัศยาด้วยความเป็นห่วงแต่ก็แอบขำท่าทางของอวัศยา
“ถ้าพี่ศยาไม่ไหวก็บอกนะครับ”
“ไหวสิ...ฉันไหว..นวดแค่นี้..จิ๊บ จิ๊บ อ๊าก”
สำอางออกแรงดึงอวัศยาอีกหน คราวนี้อวัศยาน้ำตาแทบไหล
ปราณนต์เป็นห่วง “พี่ศยา!”
อวัศยาหายใจหอบฟุบหน้าอยู่ที่เบาะ “ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหา ทุกอย่างต้องไปได้สวย”
ปราณนต์ยิ้มขำเพราะเอ็นดูอวัศยา ทั้งๆที่รู้ว่าเจ็บแต่อวัศยาก็ยังยอมทำตามใจเปรี้ยว
เปรี้ยวตีปราณนต์เบาๆ “คุณศยาเขากำลังสบาย เราอย่าไปขัดความสุขเขาสิตาณนต์...เออว่าแต่ว่า เราเถอะตอนแรกบอกว่าไม่กล้าชวนคุณศยามาบ้านเราแล้วทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจ”
ปราณนต์หันมาแล้วก็อึกอักนิดๆ เพราะไม่กล้าตอบได้แต่คิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
ก่อนหน้านี้ ปราณนต์กดพิมพ์ข้อความถามแอบรัก
“คุณแอบรัก..ถ้าผมชวนเจ้านายมาทานข้าวที่บ้าน เค้าจะคิดว่าผมประจบประแจง ชะเลียร์ หรือเปล่า”
ปราณนต์รอคำตอบ..รอ..แล้วก็มีข้อความเด้งมาปราณนต์รีบเปิดอ่าน
หน้าจอขึ้นข้อความจากแอบรักว่า “ถ้าคุณไม่คิด .. เค้าจะคิดก็เรื่องของเค้า แต่ฉันว่าเจ้านายคุณแยกแยะได้..ไม่ลองไม่รู้”
ปราณนต์อ่านย้ำประโยคสุดท้าย “ไม่ลองไม่รู้ ..” ปราณนต์คิด
ปราณนต์ตอบเปรี้ยวยิ้มๆ
“ผมคิดว่า..พี่ศยาเค้าแยกแยะได้ เค้าไม่น่าจะคิดว่าผมประจบประแจงก็เลย..ลองชวนดู..ไม่ลองไม่รู้” ปราณนต์เมื่อยิ้มคิดถึงแอบรัก
“ใช่ ดีมากที่คิดได้” เปรี้ยวยิ้มชื่นชม “เออ ป้าสั่งวุ้นมะพร้าวที่ตลาดไว้ เดี๋ยวแวะไปเอาแป๊บนะ จะได้กินหลังอาหาร” เปรี้ยวหันไปหยิบกระเป๋า ปราณนต์เดินตาม เปรี้ยวพูดไปเดินไป “ป้าสำอางจัดเต็มเลยนะฉันฝากคุณศยาด้วย คุณศยาเดี๋ยวป้ามานะผ่อนคลายให้เต็มที่”
“เต็มที่เลยค่ะ” อวัศยาบอก
สำอางเปลี่ยนท่า
อวัศยาร้องลั่น “อ๊าก!”
“ร้องแบบนี้แหละมันถึงจะฟิน เชื่อป้า!! เดี๋ยวป้ามานะณนต์”
พูดจบเปรี้ยวก็ยิ้มชอบใจก่อนเดินออกไป
ปราณนต์ยืนดูด้วยความเป็นห่วง
“ไหวแน่นะครับพี่ศยา”
อวัศยาชูมือทำท่าโอเคใส่ปราณนต์แต่กลับหอบแฮ่กๆ สำอางนวดอวัศยาอย่างเอาเป็นเอาตาย อวัศยาตบเบาะคล้ายจะบอกว่าจะไม่ไหวแล้วแต่ยังยิ้มสู้ให้ปราณนต์
“สบาย สบาย ผ่อนคลาย”
ปราณนต์ได้เห็นมุมน่ารักของอวัศยาโดยไม่ตั้งใจและอวัศยาเองก็ไม่รู้ตัว
อวัศยาร้องด้วยความเจ็บปวด
รันออกกำลังกายกับอุปกรณ์ออกกำลังกายประเภท TRX อย่างเท่ กล้ามสวยได้รูป
รันร้องออกมาเพราะเกร็งร่างกาย “อ๊าก”
รันกำลังออกกำลังกายอยู่ในฟิตเนสหรู ตรงข้ามเป็น “ชะนีสุดเอ็กซ์” ที่กำลังออกกำลังกายในท่ายั่วยวนพร้อมส่งสายตาให้รันสุดฤทธิ์ รันเหลือบไปเห็นแล้วก็ชะงักพร้อมกับชักสีหน้าเบาๆ รันคิดในใจ “อีชะนีนี่มาส่งสายตาทำไม ฉันไม่กินหล่อน” แล้วรันก็เปลี่ยนท่าหันหลังให้ชะนีเอ็กซ์ แต่พอหันมาปุ๊บก็เจอหนุ่มล่ำหน้าใส ตาหวาน ส่งสายตาให้พร้อมกับอมยิ้มนิดๆ รันสะดุดกึกทันที “อุ้ย...เนื้อคู่” รันคิดในใจพร้อมกับอมยิ้มให้นิดๆ กลับไป ทั้งสองมองตากันเพื่อหยั่งเชิง รันยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วก็เปลี่ยนท่าหันหลังอีกทีมาทางชะนีเอ๊กซ์ ชะนีสุดเอ็กซ์ยิ้มเพราะนึกว่ารันจะเปลี่ยนใจ แต่รันจงใจเล่นท่าที่เน้นโชว์กล้ามเนื้อก้นอันฟิดเปรี้ยะโดยเอาก้นกระแทกเข้าตาของหนุ่มล่ำอย่างตั้งใจสุดๆ
รันทำท่าได้แสนเซ็กซี่และยั่วยวนจนหนุ่มล่ำใจสั่น ทุกอย่างเด่นชัดจนชะนีเอ็กซ์อึ้ง หล่อนมองรัน มองหนุ่มล่ำ แล้วก็มองรันอีกทีก่อนจะสะบัดหน้าเดินไปอย่างพ่ายแพ้ รันเบ้หน้าใส่อย่างไม่แคร์แล้วก็ตั้งใจอ่อยหนุ่มหน้าใสต่ออย่างก๋ากั่น
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือรันก็ดังขึ้น รันชักสีหน้านิดๆ ก่อนจะหยิบจากกระเป๋ามาดู พอเห็นชื่อคนโทร.เข้าก็ตกใจ แล้วก็รีบกดรับพร้อมกับเก๊กเสียงแมนมาก
“สวัสดีครับบอส”
ชายล่ำชะงักนิดๆ รันรู้ตัวจึงหันมายิ้มเก้อๆ ก่อนจะเลี่ยงๆ เดินไปคุยต่อ
“ไม่ยุ่งเลยครับ คุยได้ครับ..บอสมีอะไรครับ”
รันฟังแล้วก็ถามกลับด้วยความแปลกใจ
“บอสอยากพบผมคืนนี้”
รันตาโตพลางคิดในใจว่าเรื่องอะไรวะ
อวัศยาโดนสำอางดัดหลังปิดท้ายในท่ายากจนร้องออกมาอย่างไม่มีฟอร์ม
“อ๊ากซ์”
ปราณนต์ขำคิกคักกับท่าทางของอวัศยา สำอางดัดตัวเสร็จก็ปล่อย อวัศยานอนแผ่ลงที่ฟูกอย่างหมดแรง สำอางหันมาพูดกับปราณนต์
สำอางพูดโหดๆ “หาเวลานวดบ่อยๆนะคุณ ปล่อยให้เส้นตึงแบบนี้ไม่ดี ยิ่งผู้หญิงถ้าเส้นตึงมากจะทำให้แก่เร็ว ระวัง”
อวัศยาตาโตที่อีป้าสำอางพูดแทงใจดำ อวัศยาหันมองปราณนต์ ปราณนต์ขำ
อวัศยาหอบแล้วก็กัดฟันพูด “ค่ะ..ศยาจะระวังค่ะป้า”
“ปกติ นวดเสร็จแล้วต้องประคบ แต่วันนี้ป้ามีนัดลูกค้าไว้ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะป้า แค่นี้ศยาสบาย ไม่ต้องประคบหรอกคั่ ป้ารีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวไปรับลูกค้ามาทัน”
“นี่ถ้าแม่เปรี้ยวอยู่ป้าคงให้แม่เปรี้ยวประคบให้ไปแล้ว” สำอางบอก
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ”
“งั้นป้าไปก่อนนะ”
สำอางเก็บของ ปราณนต์พยุงสำอางและช่วยถือของเดินออกไป จังหวะที่อวัศยาลุกขึ้นมีเสียงดังกร๊อบๆ อวัศยาหลังแอ่น ขาอ่อน จังหวะเดียวกันนั้นปราณนต์กลับเข้ามาเห็นอวัศยาล้มแผละไปกองกับพื้นพอดี
“พี่ศยา”
ปราณนต์วิ่งเข้าไปดูอวัศยา
“พี่ศยาเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
อวัศยาเงยหน้ามองปราณนต์ “ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเดินไม่ไหว”
ปราณนต์และอวัศยามองกันว่าทำไมเป็นอย่างนี้
ปราณนต์หยิบลูกประคบที่อยู่ในหม้อเล็กๆ ขึ้นมาจับให้แน่ใจว่าไม่ร้อนมาก แล้วก็หันมาเตรียมประคบให้อวัศยา อวัศยานอนคว่ำหน้านิ่งๆ แต่ในใจตื่นเต้นโคตรๆ
“คงต้องประคบอย่างที่ป้าสำอางว่าจริงๆ” ปราณนต์ว่า
“แน่ใจนะว่าประคบเป็น” อวัศยาถาม
“ป้าเปรี้ยวเคยสอนให้ผมประคบตอนแกปวดหลังนะครับ แต่ยังไงผมก็ต้องขออนุญาติพี่ศยา”
“อืมม!! ถ้ามันได้ผลจริงก็ทำเถอะ ก่อนที่ฉันจะเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต”
ปราณนต์แอบอมยิ้มในความน่าเอ็นดูของอวัศยา “เอ่อ..ครับ..ขอโทษครับ..ถ้าร้อนไปบอกนะครับ”
อวัศยาพยักหน้า ปราณนต์ค่อยๆ วางลูกประคบลงที่ขาอย่างอ่อนโยน อวัศยาหลับตาพริ้ม ปราณนต์ค่อยๆ
ประคบด้วยความตั้งใจและให้เกียรติ
ปราณนต์พูดเสียงนุ่ม “ผมขออนุญาตขยับแขนนะครับ”
อวัศยาพยักหน้าแบบกำลังเคลิ้ม ปราณนต์จับแขนจับขาเพื่อปรับท่าให้ประคบได้ถนัด ทุกครั้งที่ปราณนต์สัมผัสตัวอวัศยา อวัศยาก็ใจเต้นระส่ำ เธอหรี่ตามามองปราณนต์เป็นระยะๆ พอเห็นความตั้งใจของเขาแล้วก็แอบกรี๊ดในใจ บางมุมก็เห็นกล้ามเนื้อลีนๆของแขน หน้าท้อง และ จังหวะหันหลังก็เห็นก้นลอยไปมาอยู่ข้างหน้า อวัศยายิ่งกรี๊ดอยู่เงียบๆในใจ
“รบกวนพี่ศยาพลิกตัวหน่อยนะครับ”
อวัศยาพยักหน้าแล้วก็พลิกนอนหงายทำให้ป๊ะเข้ากับหน้าของปราณนต์พอดิบพอดี อวัศยาชะงักนิดๆ และรู้สึกอายมาก ปราณนต์มองอวัศยาที่นอนอยู่ ไม่ใส่แว่น แล้วก็พูดอย่างจริงใจว่า
“พี่ศยาไม่ใส่แว่น แล้วแต่งตัวแบบนี้ ... ดูเด็กลงเยอะเลยครับ” ปราณนต์ยิ้มสดใส
อวัศยาอึ้ง อาย เขิน ทั้งรอยยิ้มและคำชมทำเอาต่อม “เด็กสาวอายุ 14” ในตัวเธอทำงานดีผิดปกติ
อวัศยาทำเป็นขรึม “ปกติฉันคงจะดูแก่มากหล่ะสิ”
ปราณนต์ชะงักแล้วก็รีบแก้ “เปล่านะครับ ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ..ผมไม่ได้ ไม่เคย คิดว่าพี่ศยาแก่เลยนะครับ” ปราณนต์แก้ตัวเป็นพัลวัน “แค่...วันนี้ดูเด็กกว่าปกติเท่านั้นเอง” ปราณนต์รีบเปลี่ยนเรื่อง “ผม..ประคบต่อนะครับ”
อวัศยายิ้มแก้มแทบปริที่ปราณนต์บอกว่า “ไม่แก่” แต่ก็ต้องทำเป็นพยักหน้าหงึกๆ ก็ได้ๆ ปราณนต์ถอนใจโล่งอกแล้วก็วางลูกประคบที่บริเวณท้องของอวัศยา ทันใดนั้นอวัศยาก็ร้องจ๊ากและสะดุ้งสุดตัวเพราะความร้อน
“อุ๊ย !! ร้อน”
ปราณนต์ตกใจ “หะ ? ร้อนเหรอครับ ผม..ผมขอโทษ” ปราณนต์จับลูกประคบ “ร้อนจริงๆ ด้วย ผมขอโทษครับ...พี่ศยา..ผมขอเปิดเสื้อดูหน่อยนะครับว่าพองหรือเปล่า” ปราณนต์ลืมตัวจึงเลิกเสื้ออวัศยาขึ้นดู
อวัศยาตกใจ “หะ ? เปิดเสื้อ”
วินาทีนั้นทุกสิ่งเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ปราณนต์เปิดเสื้อศยาขึ้นจะดูแผลที่ท้อง อวัศยาตกใจ ป้า แม่ และ พี่สาวโผล่เข้ามาในบ้านพร้อมกัน ทั้งสามคนเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“ณนต์ทำอะไร”
อวัศยากับปราณนต์ตกใจร้องเฮ้ย ปราณนต์ยืนค้างโดยมือยังจับชายเสื้ออวัศยาค้างอยู่ อวัศยารีบตะปบเสื้อลง
ปราณนต์ตกใจ สามสาวมองตาค้าง
อวัศยาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยกลับมาเป็นโหมดเดิม ทุกคนนั่งกินข้าวอยู่โต๊ะ อาหารพร่องไปแล้ว ทุกคนอิ่ม อวัศยาพูดด้วยความเก้อเขิน แต่ก็พยายามเก็บไว้
“เมื่อเย็น ป้าต้องขอโทษด้วยที่ส่งเสียงดังจนตกใจกันไปหมด พอดีภาพที่เห็นมัน..ชวนให้ตกใจ” เปรี้ยวบอก
“ผมต้องขอโทษพี่ศยาด้วยนะครับ ที่ไม่ทันระวัง”
อวัศยากับปราณนต์ถึงกับเขินจึงก้มหน้างุดๆ ปริมต้องช่วยพูด
“น้าก็ต้องขอโทษอีกคน..ที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ ต้องเอาห่อหมกไปส่งลูกค้า พี่เปรี้ยวชมคุณไว้เยอะเลย ว่ามีน้ำใจ โชคดีของณนต์ที่มีเจ้านายอย่างคุณ”
อวัศยายิ้มรับอายๆ “ณนต์เป็นเด็กตั้งใจทำงาน เป็นโชคดีของศยาเหมือนกันที่มีลูกน้องแบบนี้”
อวัศยายิ้มให้ปราณนต์ ปราณนต์ถึงกับอึ้งกับคำชม ทั้งสองคนมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ปุ้มเห็นแววตาของอวัศยาแล้วก็ชะงักกึกเพระารู้สึกว่ามันยังไงๆ
ปุ้มพูดดักคอ “คุณศยาคะ..” อวัศยาหันมา “ดูจาก .. บุคลิกภาพนอก คุณศยาน่าจะอายุห่างจากณนต์เยอะเหมือนกันนะคะ”
อวัศยาชะงัก ปราณนต์ขมวดคิ้ว ปริมกับเปรี้ยวหันขวับมามองปุ้มด้วยแววตาดุ
ปุ้มรีบพูดต่อ “คือ..ที่ปุ้มพูด เพราะคิดว่ามันก็....เป็นโชคดีของณนต์เหมือนกันไงคะ ที่มีเจ้านายเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ น่าจะสอนงานณนต์ได้เป็นอย่างดี...ใช่มั้ยคะ” ปุ้มยิ้ม
อวัศยาตอบไม่ถูก ปราณนต์จึงตอบแทน
“ใช่ครับ พี่ศยาเป็นคนเก่ง แล้วก็ไม่ได้สอนแค่ผมคนเดียว แต่สอนทุกคนในบริษัท”
“มันเป็นหน้าที่น่ะค่ะ” อวัศยาเห็นท่าไม่ดีจึงคิดว่าชิ่งดีกว่า “เอิ่ม..นี่ก็เย็นมากแล้ว ศยาขอตัวกลับก่อนนะคะ” อวัศยาพูดกับเปรี้ยว “ขอบคุณสำหรับอาหาร แล้วก็หมอนวด ..มันสุดยอดมากๆเลยค่ะ” อวัศยาพูดอย่างจริงใจมาก
เปรี้ยวยิ้มแฉ่ง “ด้วยความยินดีเลยค่า ตอบแทนที่ช่วยกันไว้ นี่ๆ คราวหน้าป้านัดให้อีก อยากมาเมื่อไหร่ บอกณนต์เลย ป้าจัดให้”
อวัศยายกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะ .. สวัสดีค่ะ” อวัศยายกมือไหว้ปริม
ปราณนต์รีบบอก “ผมไปส่งครับ”
อวัศยายิ้มรับยกมือไหว้ลาทุกคน อวัศยากับปราณนต์เดินออกไปด้วยกัน ปราณนต์ช่วยอวัศยาถือกระเป๋า อวัศยายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทั้งสองคนสนิทสนมและมีมวลความสุขล้อมรอบอยู่อย่างเห็นได้ชัด ปุ้มหลิ่วตามองแบบเริ่มเอะใจ
เสียงกดปลดล็อครถอวัศยาดังขึ้น ปราณนต์กุลีกุจอเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม
“พี่ศยาไม่โกรธผมจริงๆนะครับที่ทำ...พุงพี่ศยาพอง”
อวัศยาแกล้งพูด “ถ้าถามอีกที จะเริ่มโกรธแล้วนะ”
ปราณนต์รีบทำท่ารูดซิปปาก “งั้นไม่ถามแล้วครับ เคลียร์”
อวัศยายิ้มกับท่าทางของปราณนต์แล้วก็นึกได้ “เออ..ที่บ้านเธอ..อยู่กัน แค่นี้เหรอ มีใครที่ฉันยังไม่ได้เจออีกหรือเปล่า”
“ไม่มีแล้วครับ เราก็อยู่กันแค่ 4 คน ผม ป้า แม่ แล้วก็พี่สาว”
“แล้ว..คุณพ่อ”
ปราณนต์เสียงเศร้าลง “พ่อผม...เสียไปนานแล้ว ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กๆ”
“ป่วย” อวัศยาถามต่อ
ปราณนต์มองหน้าอวัศยาแล้วก็คิดก่อนจะพูดออกมาเองด้วยความไว้ใจ “พ่อผม..ฆ่าตัวตาย” ปราณนต์รู้สึกจุก เพราะยังเจ็บไม่หาย
อวัศยาตัวชาวาบเหมือนมีลมมาจุกที่คอหอย ปราณนต์เล่าต่อด้วยความเจ็บปวด
“ตอนนั้น..ธุรกิจที่บ้านมีปัญหาหนัก คุณพ่อเครียดมาก....ท่านก็เลย”
อวัศยาอึ้ง ภาพอดีตตีกลับมาในหัวอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ในอดีตย่อนกลับมาในหัวอวัศยา
เสียงปืนดังเปรี้ยง อวัศยาในวัยเด็กยืนอึ้งอยู่ในบ้านที่ต่างจังหวัด ร่างของพ่ออวัศยานอนฟุบอยู่ที่พื้น รอบๆมีใบหุ้นตกเกลื่อน เลือดไหลออกมานองพื้น อวัศยาอึ้งและช็อค เสียงคนดังโวยวายขึ้น คนอื่นๆวิ่งผ่านอวัศยาไป
“พี่เทียน /พี่เทียน /คุณเทียน”
อวัศยาวัยเด็กยืนช็อค มือของอรุณ ยายของอวัศยาดึงอวัศยามากอดไว้ พร้อมกับปิดหน้าไม่ให้อวัศยามองภาพเบื้องหน้า
“ศยา...มาหายายลูกมา..มากับยายนะ..” อรุณร้องไห้ “มานี่มาลูก” อรุณร้องโวยวาย “เอ้ยยย รีบพาคุณเทียนไปโรงพยาบาลสิเว้ย ใครอยู่แถวนี้ รีบเรียกรถพยาบาลมาเลย เร็วๆ ให้มันเร็วๆด้วย”
อรุณอุ้มอวัศยาออกมาทันที อวัศยาช็อค เธอพยายามจะมองไปที่ร่างของพ่อแต่ก็ไม่เห็นแล้ว เสียงอรุณร้องไห้ดังก้องในความคิดของอวัศยา
อวัศยายืนอยู่ที่ระเบียงคอนโดมีเนียม อวัศยายืนอึ้ง หลังจากประมวลเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านเข้ามา
เสียงปราณนต์ที่เคยพูดกับเธอดังในหัว “คุณพ่อฆ่าตัวตายตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กๆ .. ผมแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อหลงเหลืออยู่เลย”
อวัศยาคิดแล้วก็ประหลาดใจ “มีเรื่องบังเอิญระหว่างเราเยอะจริงๆนะ...ปราณนต์”
อวัศยาคิดถึงปราณนต์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ลึกๆ ของเธอแอบคิดว่าหรือจะเป็นพรหมลิขิต
เช้าวันใหม่ พริบพราวเดินมาที่โต๊ะกินข้าวด้วยความสดใส
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน”
ภูมินั่งอ่านหนังสือพิมพ์ระหว่างดื่มกาแฟ ส่วนแววนั่งกินข้าวต้มโดยมีหนังสืออยู่ในมือ ภูมินั่งอ่านแทปเล็ตไปดื่มกาแฟไป ไม่มีใครสนใจจะตอบพริบพราว พริบพราวอึ้งและจ๋อยก่อนจะเดินมานั่ง เธอยังพยายามบิ้วให้ดูร่าเริง
“คุณพ่อ คุณแม่ พี่ภูมิ .. พราวมีข่าวจะบอกค่ะ”
มีแค่แววที่พูดแบบเสียไม่ได้โดยยังอ่านหนังสือไปด้วย
“ว่าไป ..”
พริบพราวจ๋อยลงนิดๆ แต่ก็พยายามบิ้วต่อ “พราวผ่านการทดลองงานแล้วนะคะ !!พราวได้บรรจุเป็นพนักงานประจำแล้วค่ะ” พริบพราวยิ้มกว้าง
ไม่มีใครดีใจ พจน์พับหนังสือพิมพ์วาง
“จะเป็นอะไรก็ช่าง..แต่อย่ามายุ่งกับญาติพี่น้อง ไม่ต้องมาเอาเงินเค้าไปลงทุนบ้าๆบอๆ พ่อไม่อยากต้องเสียชื่อตอนแก่”
พจน์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป แววปิดหนังสือมองหน้าพราวเหมือนจะเห็นใจ พราวรอคำปลอบ แล้วแววก็พูดว่า
“พ่อเค้าพูดถูกนะลูก ฟังแล้วก็จำไว้”
แววลุกขึ้นหยิบกระเป๋าและเดินตามไป พราวนั่งเอ๋อแล้วก็รู้สึกใจหายวาบที่ไม่มีใครสนใจ ภูมิปิดแทปเล็ตเก็บแล้วก็พูดขึ้น
“พราว”
พราวหันมาเพราะนึกว่าภูมิจะชื่นชม “คะ”
“พี่ลืมเติมน้ำมันรถ มันขึ้นขีดแดงแล้ว วันนี้คงไปเติมไม่ทัน เราเอาไปจัดการให้หน่อยนะ พี่มีผ่าตัดเช้าไปช้าไม่ได้ เดี๋ยวพี่เอารถเราไป”
“อ้าว...พี่ภูมิ พราวไม่ใช่คนขับพี่ภูมินะ”
ภูมิไม่สนใจก่อนจะเดินออกไปทันที พราวอึ้ง
“พี่ภูมิ พี่ภูมิ”
พราวชักสีหน้าด้วยความเซ็งแล้วก็มองที่โต๊ะอาหารที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว พราวทั้งเสียใจและน้อยใจ
“ไม่มีใครดีใจกับเราเลย”
หน้าตึก พนักงานทยอยเดินมาทำงาน บางคนหน้าตาเครียด บางคนยังไม่ตื่น บางคนไม่อยากทำงาน แต่
อวัศยาเดินมาอย่างร่าเริงหน้าตาสดใส อวัศยาเดินยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็กวัยรุ่นที่กำลังตกหลุมรัก อวัศยาเดินผ่านหุ้นขึ้น
“สวัสดีหุ้นขึ้น” อวัศยาวางถุงขนม “ฉันซื้อมาฝาก”
“ขอบคุณมากครับคุณศยา” หุ้นขึ้นยิ้มแฉ่ง
อวัศยายิ้มรับแล้วก็เดินผ่านไป คล้อยหลังอวัศยา หุ้นขึ้นก็รู้สึกตัว
“เฮ้ย !! หะ คุณศยา...อารมณ์ดี ซื้อขนมมาฝากด้วย...เฮ้ย..โห...ร้อยวันพันปีไม่เค๊ย ไม่เคย” หุ้นขึ้นรีบพลิกถุงดู “มีเบอร์โทรศัพท์มั้ยเนี่ย ต้องเอาไปซื้อหวย”
หุ้นขึ้นกระตือรือร้นสุดๆ เพราะช๊อคมาก
พริบพราวเดินมาที่โต๊ะทำงานหน้าเซ็งๆ แต่พอมองไปที่โต๊ะก็ต้องชะงัก บนโต๊ะมีการ์ดเขียนว่า “Congratulations!” วางไว้ พริบพราวรีบหยิบมาเปิดดู
“ยินดีด้วยที่ได้งาน .. ต่อจากนี้ไปเราไม่ใช่คู่แข่งกันแล้วนะ” พริบพราวเลิกคิ้ว “ปราณนต์”
พริบพราวเงยหน้ามองหาปราณนต์ทันที พริบพราวชะงักคิด
ปราณนต์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานโดยกำลังง่วนรับสายลูกค้า เขาเตรียมเอกสารจนสภาพหัวฟูแต่เช้า เสียงพริบพราวดังขึ้น
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะยกลูกค้าให้นายหรือไง”
ปราณนต์เงยหน้า พริบพราวยืนกอดอกอยู่โดยในใจยิ้มแต่แกล้งทำเป็นวีน
ปราณนต์งง “คิดได้ไงเนี่ย ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
“อ้าว หรือว่าไม่จริง บนโลกใบนี้ ไม่มีใครทำอะไรให้กันฟรีหรอก นายลงทุนซื้อการ์ดอย่างดี ราคาก็น่าจะแพงอยู่ ลงทุนขนาดนี้ ต้องหวังอะไรแน่ๆ”
ปราณนต์ถึงกับโยนปากกาลงบนโต๊ะแล้วส่ายหน้า “อย่าเอาตัวเอง วัดคนอื่นได้มั้ย คนอย่างผมถ้าคิดจะทำอะไร ถ้าให้ก็คือให้ ไม่คิดจะได้อะไรตอบแทน .. ถ้าการ์ดผมทำให้คุณไม่สบายใจ เอาคืนมาก็ได้นะ ผมจะเอามันทิ้งให้ไกลๆ และนับจากนี้ไป อย่าหวังว่าผมจะทำดีด้วย เพราะผมไม่อยากให้คุณคิดว่ามันเป็นการ..ลงทุน”
ปราณนต์หันหน้าหนีก่อนจะส่ายหน้าด้วยความระอาใจ พริบพราวเห็นว่าปราณนต์คงไม่คิดอะไรแน่
“โอเค...ฉันเชื่อก็ได้” พริบพราวทำเชิด แต่ในใจอ่อนลงแล้ว
ปราณนต์หันมาอีกที “เชื่ออะไร”
“ก็เชื่อว่านายดีใจกับฉันจริงๆน่ะสิ”
“อ้าว...ก็จริงสิ ไม่จริงแล้วผมจะเขียนแบบนั้นทำไม”
“ก็ใครจะรู้ คนเราหน้าไหว้หลังหลอก ปากอย่างใจอย่างจะตายไป แต่ถ้านายยืนยันว่าบริสุทธิ์..ฉันเชื่อก็ได้” พริบพราวบอก ปราณนต์ส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วพริบพราวก็พูดลอยๆ ออกมาแต่ไม่กล้าพูดเสียงดัง “ขอบใจมาก”
ปราณต์หันขวับมาทันที
“เมื่อกี๊พูดว่าอะไรนะ”
พริบพราวชักสีหน้า “พูดได้แค่ครั้งเดียว ไม่พูดซ้ำ ฟังไม่ทันก็ ช่วยไม่ได้”
พริบพราวลอยหน้าลอยตา กวน แล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ปราณนต์มองตามแล้วก็ยิ้มๆ ว่าเออ ก็น่ารักดีนะ
พริบพราวเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน เธอหยิบการ์ดมาดูอีกครั้งแล้วก็ยิ้มๆ
อวัศยาพูดอย่างอารมณ์ดี
“บ้า แกคิดมาก บอสเค้าจะมารู้เรื่องฉันกับ...” อวัศยาเบาเสียงลง “.. ณนต์ได้ยังไง”
รันกับอวัศยานั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานของอวัศยา
“อ้าว ใครจะไปรู้ บอสฉลาดจะตาย บางทีแกอาจจะทำตัวมีพิรุธโดยไม่รู้ตัวก็ได้ เค้าถึงกับนัดฉันไปคุยเรื่องแกเป็นการส่วนตัว แบบนี้ไม่ธรรมดา ถึงจะทำเป็นพูดอ้อมๆไปถึงยัยพราว แต่ฉันรู้ประเด็นของบอสคือ...แกกับปราณนต์”
อวัศยารีบพุ่งมาปิดปาก “ฉันว่าคนอื่นจะรู้ก็เพราะเธอนั่นแหละ”
รันสะบัดตัวจนหลุด “อย่ามาโบ้ย ! เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนเก็บความลับเก่งที่สุดในสามโลก ไม่งั้นฉันจะปิดเพศสภาพตัวเองมาได้ยังไงตั้งหลายปี คริคริ”
อวัศยาหมั่นไส้ “ย่ะ เก่ง แอ๊บขั้นเทพ ถ้าหล่อนมั่นใจว่า เรื่องนี้ไม่หลุดไปจากหล่อน ฉันก็มั่นใจว่ามันไม่หลุดจากฉันเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องคิดมาก” อวัศยาเสียงเบาลง “เรื่องระหว่างแอบรักกับปราณนต์ยังคงเป็นความลับ...ปลอดภัย เชื่อฉัน”
อวัศยาปิดท้ายอย่างมั่นใจและอารมณ์ดี เพราะโลกเป็นสีชมพู แต่รันไม่เห็นด้วยและยังระแวงไม่เลิก
รุจน์โผล่หน้าขึ้นมาจาก Partition เขากวาดสายตาไปทั่วห้องด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วก็หันขวับก่อนจะไสเก้าอี้มาหาปราณนต์
“ณนต์ตกลงแกรู้หรือยังว่าใคร...แอบรัก แก”
ปราณนต์เสียงเบาแต่เน้น “เค้าไม่ได้ “แอบรัก” ผม... แต่เค้าชื่อ “แอบรัก”
ทันใดนั้นแสนดีก็โผล่หน้าเข้ามา
“ใครคือ แอบรัก”
ปราณนต์รีบไสเก้าอี้รุจน์กลับเข้าที่ แล้วปราณนต์ก็รีบหันมาตอบโดยพยายามทำหน้านิ่ง
“ไม่มีใครครับ..คือ .. พี่รุจน์เค้าเพิ่งไปดูหนังมา นางเอกแบบแอบรักเพื่อนไรเงี้ยครับ ไม่ได้มีอะไรสำคัญเลยครับ แหะๆ”
แสนดียังทำหน้างง รุจน์ไสเก้าอี้กลับมาอีกทีแล้วก็ยื่นหน้ามาทางแสนดีพร้อมกับถามเพื่อหยั่งเชิง
“ทำไมคุณแสนดีต้องหูผึ่งตอนได้ยินคำว่า “แอบรัก” ด้วยครับ หรือว่า..คุณแสนดีมีอะไรผูกพันลึกซึ้งกับคำว่า “แอบรัก” หรือเปล่า”
ปราณนต์รีบปิดปากรุจน์ “พี่รุจน์พอแล้ว .. คุณแสนดีครับ..คือ อย่าไปฟังเลยครับพี่รุจน์เค้าล้อเล่นน่ะครับ เราแยกย้ายกันไปทำงานดีกว่าครับ”
แสนดียิ่งสงสัย “เดี๋ยวก่อน ฉันว่า.. “แอบรัก” อะไรเนี่ย มันต้องไม่ใช่แค่หนัง ละครแน่นอน มันต้องมีอะไรซ่อนเร้นแน่ๆ”
ปราณนต์พูดสวน “ไม่มีจริงๆครับ .. โปร่งใสมากๆ”
ทันใดนั้นลิลลี่ กับ นิดา และพีระก็เดินเข้ามา
“คุยอะไรกันจ๊ะ”
“คุยเรื่องหนัง “แอบรัก” อะไรสักอย่าง แต่คุณรุจน์ทำท่ามีพิรุธมาก ฉันเลยคิดว่า..มันอาจจะไม่ใช่หนัง .. แต่มีใครสักคนแอบรักคุณณนต์แน่ๆ”
รันเดินมาได้ยินพอดี รันชะงักกึก ลิลลี่ตาโตวาว
“ใครคะ ? ใครแอบรักคุณณนต์ บอกลิลลี่มาเดี๋ยวนี้นะ”
รุจน์สลัดตัวจนหลุด “น้องลิลลี่พูดแบบนี้แสดงว่า..ไม่รู้จัก “แอบรัก” ใช่มั้ย ? เฮ่อ แล้วไป”
“ไม่รู้ .. ทำไมลิลลี่ต้องรู้ด้วย สรุป “แอบรัก” คืออะไร ? อะไรคือ “แอบรัก”
“แล้วทำไม..คุณรุจน์ต้อง “เฮ่อ”.. แบบโล่งอกที่ลิลลี่ไม่รู้เรื่องด้วย” พีระถาม
รุจน์จะอธิบาย “เรื่องของเรื่องมันก็คือว่า....”
ปราณนต์พูดแทรก “พี่รุจน์”
รุจน์อ้าปากจะพูด ปราณนต์อ้าปากจะห้ามแต่เสียงรันดังแทรกเข้ามา
“เลิกจับกลุ่มเม้ากันได้แล้ว ตลาดกำลังจะเปิด แยกย้ายกันไปทำงาน” รันทำเข้ม
ทุกคนรับพร้อมกัน “ครับ / ค่ะ”
ลิลลี่ นิดา แสนดี พีระ เดินแยกไป แสนดียังค้างคาใจ
รันหันมาทางรุจน์ “คุณรุจน์...เชิญมาคุยผมหน่อย”
“ครับ”
รันเดินนำไป รุจน์เดินตาม ปราณนต์โล่งอกที่ทุกคนแยกย้าย แต่แสนดีแอบจิกตามองตามรุจน์กับรันด้วยความอยากรู้
รันยืนรออยู่มุมหนึ่งของบริษัท รุจน์เดินมาหา รันเปิดฉากด่าแบบแมนมากๆ เหมือนผู้ชายคุยกัน
“ผมขอให้คุณหยุดสร้างความวุ่นวายในบริษัท ด้วยการเอาเรื่องไร้สาระที่เกี่ยวกับ “แอบร้ง แอบรัก” อะไรเนี่ยมาสร้างกระแสให้คนอื่นอยากรู้อยากเห็น ถ้าคุณไม่หยุด..ผมจะบอกบอส”
“เฮ้ย !! แต่คุณรันครับ..เรื่อง “แอบรัก” กับไอ้ณนต์ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตนะครับ ผมก็แค่อยากรู้ไปตามประสา คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ไม่ได้อยากจะสร้างความวุ่นวายเลยนะครับ”
“ไม่อยากสร้าง .. ก็หยุดซะ !! ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็น ! ยิ่งเป็นเรื่องชาวบ้าน ไม่ใช่เรื่องตัวเอง จะไปยุ่งทำไม” รันว่า รุจน์จ๋อย
“ครับ..ผมไม่ยุ่งก็ได้ครับ”
“ดี!! อย่าให้ผมเห็น หรือ รู้ว่าคุณยังไม่หยุดนะ ไม่งั้น..เรื่องถึงบอสแน่”
รันขู่เสร็จก็เดินไปเลย รุจน์ได้แต่ยืนเซ็งว่าอะไรวะ ซวยจริงๆ
แสนดียืนแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่งของตึก ไม่ห่างออกไปถึงกับขมวดคิ้ว
“แอบรัก”
อ่านต่อหน้าที่ 2
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ประตูตึกนาราภัทรถูกเปิดออก พนักงานหนุ่มสาวกรูกันออกมาจากตึกตอนพักเที่ยง สาวๆหนุ่มๆ ดูร่าเริงมี
ความสุขเพราะเตรียมจะไปกินข้าวกันเป็นหมู่คณะตามวิถีชีวิตหนุ่มสาวออฟฟิศชาวกรุง
ปราณนต์เดินถืออาหารกล่อง กาแฟแก้วออกมานั่งกินอยู่ที่ซอกตึกมุมสวยและเป็นส่วนตัว ปราณนต์มองซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดแชท ปราณนต์กับอวัศยาในนามแอบรักมีพัฒนาการด้านความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างคุยทั้งคู่รู้สึกเหมือนโลกนี้มีเพียงสองเราท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่
ปราณนต์พิมพ์ “ทานข้าวให้อร่อยนะครับ^^”
ข้อความเข้ามือถืออีกเครื่องของอวัศยาที่อยู่ในร้านอาหารเก๋ๆ ที่คนในระดับผู้บริหารมากินซึ่งต่างกับปราณนต์อย่างสิ้นเชิง อวัศยาที่กำลังตักข้าวใส่ปากรีบหยิบมาอ่านแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข
อวัศยามองซ้ายมองขวาก่อนจะแชทตอบ “ .. รู้ได้ไงว่ากำลังกินอยู่”
อวัศยาจะตักข้าวกิน เสียงข้อความแชทเข้า ตึ๋งตึ่ง อวัศยารีบหยิบมาอ่าน
ข้อความจากปราณนต์ว่า “เก่งไง” พร้อมสติ๊กเกอร์ฮาๆ
อวัศยาขำ “หลงตัวเอง” แล้วอวัศยาก็พิมพ์ตอบ
ปราณนต์กำลังกินข้าวกล่อง พอกดอ่านแล้วก็ขำ มีข้อความจากแอบรักมาว่า
“เจ้านายว่าไงบ้าง ? โดนด่าว่าประจบหรือเปล่า”
ปราณนต์รีบพิมพ์ตอบ “ไม่เลย เจ้านายผมน่ารักมากกกกกกกกก” พิมพ์ลากยาว “ผมไม่คิดเลยว่าเค้าจะฮา ตอนอยู่ออฟฟิศเค้าดูดุมาก”
อวัศยาอ่านแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เขินอายไปมาอยู่คนเดียว
อวัศยาพูดเบาๆ “น่ารักมาก..กอไก่เยอะจัง” อวัศยาแอบกรี๊ด
คนโต๊ะข้างๆเริ่มเหล่ๆ อวัศยาต้องรีบเก็บอาการแล้วก็แอ๊บขรึม เธอคิดก่อนจะพิมพ์ต่อ
“น่ารักยังไง”
อวัศยารอคำตอบด้วยอาการตื่นเต้น
“เป็นธรรมชาติ ไม่ถือตัว เออ แล้วผมก็เพิ่งรู้ว่าพี่เค้าหน้าเด็กกว่าตอนอยู่ออฟฟิศ 5555”
อวัศยาชักสีหน้า เธอจับหน้าตัวเองแล้วหยิบกระจกมาดู
“อยู่ออฟฟิศฉันหน้าแก่เหรอ” อวัศยารีบพิมพ์กลับ
ปราณนต์พิมพ์กลับพร้อมยิ้มสนุกสนาน
“เปล่า..ก็ไม่ได้แก่ แต่เจ้านายผมชอบทำหน้าดุ”
อวัศยาคิดแล้วก็พิมพ์กลับ
“ดุแล้วกลัวมั้ย” อวัศยาลุ้น
ปราณนต์พิมพ์ตอบ
“ไม่กลัว เพราะถึงจะดุ แต่เป็นคนดี ดีมากๆ แล้วก็เก่งมากด้วย ผมว่า.. ความดีกับความเก่งทำให้ความแก่ถูกมองข้ามไปเลย” ตามด้วยสติ๊กเกอร์ คริคริ
อวัศยาดีใจๆ
อวัศยายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “คิดได้ไง...ความดีกับความเก่งทำให้ความแก่ถูกมองข้าม...เด็กบร้า” อวัศยาชอบน่ะนั่น คิ๊กคิ๊ก
ทันใดนั้นเสียงลิปดาก็ดังขึ้น
“ศยา..เป็นอะไร”
อวัศยาตกใจรีบเก็บโทรศัพท์เงยหน้าขึ้น ลิปดายืนอยู่ อวัศยาอึ้งว่าจะเอาไงดี
ปราณนต์รอข้อความกลับแต่ก็ไม่มา เขาดูดกาแฟไปหลยครั้งแต่ก็ยังไม่มา ปราณนต์ดูเวลาเห็นว่าใกล้เที่ยงจึงตัดสินใจกดส่งข้อความไป
“หมดเวลาสนุกแล้ว ไปทำงานก่อนนะครับ .. ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำดีๆที่มีให้ผมมาตลอด”
ปราณนต์ยิ้มมีความสุขกับตัวหนังสือที่พิมพ์ออกมาจากใจ
พริบพราวถือแก้วกาแฟร้านราคาแพงผ่านมาพอดี เธอสะดุดตาหยุดมองปราณนต์ที่แชทไปยิ้มไปอย่างมีความสุข ปราณนต์พิมพ์ต่อ
“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร .. แต่ดีใจที่ได้คุยกัน^^”
ปราณนต์ยิ้มตามที่พิมพ์ พริบพราวมองแล้วก็คิดว่าปราณนต์คุยกับใคร ปราณนต์กดส่งข้อความ
เสียงข้อความเข้าดังตึงตึ่ง อวัศยาสะดุ้งนิดๆ แต่ยังทำนิ่งก่อนจะรีบกดปิดเสียง ขณะที่ลิปดายังยืนเผชิญหน้ากับเธอ
“เอ๊า ผมถามทำไมไม่ตอบ อึกอัก อ้ำอึ้ง .. มีพิรุธนะเนี่ย” ลิปดาหลิ่วตา “คุยกับใคร”
อวัศยาพูดหน้านิ่ง “ไม่ใช่เรื่องงานก็แล้วกัน”
“อ้าว..ยิ่งไม่ใช่ ผมยิ่งอยากรู้นะเนี่ย”
“อ้าว” อวัศยากวนกลับ “ไม่ใช่เรื่องงาน แล้วบอสจะมายุ่งทำไม”
ลิปดาลากเก้าอี้มานั่งเลย “บอกมา..คุยกับใคร”
อวัศยาลุกพรวดทันที “ฉันอิ่มแล้วไปทำงานก่อนนะ” อวัศยาหันมาหยิบกระเป๋า
อวัศยาพูดจบก็เดินไปเลย ลิปดารีบเรียกไว้
“อ้าว..ศยามาคุยกันก่อน ศยา” ลิปดาจะลุกตาม
อวัศยารีบเดินชิ่งไปหาพนักงาน แล้วก็บอกว่า
“น้องคะ..ค่าอาหารโต๊ะพี่เก็บเงินกับผู้ชายคนนั้นนะ” อวัศยาชี้ไปที่ลิปดา
อวัศยาพูดจบก็รีบเดินออกไปทันที ลิปดาลุกจะเดินตามไปแต่เจอพนักงานสกัด
“คุณคะ..ขอโทษนะคะ..คุณผู้หญิงให้คุณจ่ายค่าอาหารของเธอด้วยค่ะ”
“อ้าว” ลิปดามองอวัศยาที่เดินลิ่วไปแล้ว “ร้ายจริงๆ”
ลิปดาจำต้องจ่ายเงินค่าอาหารด้วยอารมณ์ทั้งเซ็ง ทั้งอยากรู้ว่าเธอคุยกับใคร
ลิปดาเดินเข้ามาในออฟฟิศ แล้วก็รีบมองไปที่ห้องอวัศยา อวัศยาเหลือบมาเห็นว่าลิปดาเดินเข้ามาก็รีบหยิบโทรศัพท์มาทำเป็นคุยชุลมุนเหมือนไม่ว่างสุดๆ แล้วอวัศยาก็เดินไป พูดไป ลิปดาพยายามจะสบตาแต่อวัศยาก็ทำเป็นหันหลังให้พร้อมกับคุยโทรศัพท์ ลิปดารู้สึกค้างคาใจ
รูปลิปดาอยู่ในมือของรุ้งลดา รุ้งลดามองแล้วก็พลิกอ่านประวัติคร่าวๆ ก่อนจะเปิดผ่าน รูปต่อไปคืออวัศยา รัน แล้วก็ พริบพราว รุ้งลดารีบหยิบประวัติพริบพราวมาอ่านด้วยความสนใจขณะที่เธอนั่งอยู่บนเตียง ภายในคอนโดหรูขนาดกลางที่ตกแต่งอย่างดี ที่หัวเตียงมีรูปรุ้งลดาและองศาวางอยู่
“พริบพราว...จบโทจากบอสตัน” รุ้งลดาเบ้ปาก “พ่อเป็นหมอหัวใจ แม่เป็นหมอกระดูก พี่ชาย..เป็นหมอสมอง..หมอกันหมด.. โง่ที่สุดในบ้านนี่เอง ถึงต้องมาทำเป็นเซลฟ์มั่นนอกบ้าน ฮึ!”
รุ้งลดามองรูปพริบพราวอย่างดูถูกและหมั่นไส้ องศาที่ยังอยู่ในชุดทำงานแบบลำลองเดินเข้ามาในห้อง
“ทำอะไร” องศามองกองเอกสาร “นี่มัน..รูปไอ้ลิปนี่”
“ค่ะ..รุ้งแอบใต้โต๊ะกับบริษัทหางาน พวก Head Hunter ที่ดูแลให้นาราภัทรขอข้อมูลประวัติของพนักงานคนสำคัญๆมาศึกษา...รู้เขารู้เรา..รบร้อย ชนะร้อย”
องศายิ้มพอใจก่อนจะหอมแก้ม “รุ้งนี่..ไม่ทำให้พี่ผิดหวังจริงๆ” องศาเอนตัวลงข้างๆ แล้วก็จับมือเธอ “ตั้งแต่วันแรกที่รุ้งเข้ามาทำงาน พี่รู้เลยว่า...เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา”
รุ้งลดายิ้มรับอย่างเชื่อสนิทใจ “ขอบคุณค่ะ”
องศามองเอกสาร “ดูแล้วเป็นยังไงบ้างหล่ะ มีใครน่าสนใจมั้ย ถ้าพี่เปิดบริษัทเองจะได้ซื้อตัวมาเลย ในเมื่อไอ้ลิปมันเล่นตัวดีนัก เราก็ไม่ต้องง้อมัน”
“มันก็ได้นะคะ แต่..รุ้งว่ามันไม่มั่นคง เพราะการที่เราจะเปิดบริษัทโบรกเกอร์ได้ เราต้องมี CFA : Chartered Financial Analyst เป็นคุณวุฒิทางด้านวิชาชีพการเงินและการลงทุนระดับสากล ถ้าเราสอบผ่านจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์และเป็นผู้จัดการกองทุน”
“เราก็ซื้อมาสิ เค้าขายกันเท่าไหร่”
“ไม่มีขายต้องสอบเอง อย่างคุณลิปสอบผ่าน 3 ระดับภายในปีครึ่ง คนอื่นโดยเฉลี่ยต้อง 4 ปี” รุ้งลดาบอก องศาชะงักนิดๆ เพราะริษยา “ส่วนคุณศยาสอบผ่าน CISA เป็น CFA ภาคภาษาไทย สอบผ่าน 3 ระดับปีครึ่งเหมือนกัน .. ไม่แปลกใจพอมาจับมือกันผลงานเลยโดดเด่น ส่วนพนักงานอื่นๆ แค่สอบ Single Licenseใบประกอบวิชาชีพนายหน้าค้าหลักทรัพย์ได้ ก็เป็นมาร์เก็ตติ้งได้”
“แล้วไง ยิ่งฟังยิ่งงง.. เอางี้แล้วกัน..ถ้าต้องการจะเปิดบริษัทรับเป็นนายหน้าค้าหุ้น ต้องลงทุนเท่าไหร่ ต้องไปซื้อไอ้ใบอะไรสักอย่างที่ยากๆที่ไหน ? แล้วต้องซื้อตัวพนักงานมาจากไอ้ลิปกี่คน ใช้เงินเท่าไหร่ บอกตัวเลขมาเลย ส่วนเรื่องอื่นที่พูดๆ มา พี่ไม่สนใจ” องศาว่า
องศาพูดจบก็ลุกขึ้น “กลับก่อนนะ”
“อ้าว .. พี่องศาไม่อยู่ค้างด้วยกันเหรอคะ”
"อืม ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ขี้เกียจฟังแม่บ่น”
รุ้งลดาได้ทีก็รีบอ้อน “ถ้าไม่อยากโดนท่านบ่น เราก็...รีบๆแต่งงาน แล้วให้รุ้งย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านสิคะ”
องศาชะงักนิดๆ แล้วค่อยๆ แกะมือออกก่อนจะตอบเลี่ยงๆ
“พี่ว่า..มันเร็วไป..พี่อยากจัดการเรื่องบริษัทก่อน จะได้แต่งกันจัดให้ยิ่งใหญ่ไปเลย ถ้ารุ้งอยากรีบแต่งเร็วๆ ก็ต้องรีบช่วยพี่จัดการเรื่องบริษัทให้เรียบร้อย .. ถ้าบริษัท “ของเรา” เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเมื่อไหร่...พี่แต่งงานทันที”
องศาหว่านยาหอมให้ความหวังอย่างหนักแน่น รุ้งลดายิ้มเชื่ออย่างสนิทใจ
พีระส่งเอกสารให้พริบพราว
“นี่ครับ..ฐานข้อมูลลูกค้าทั้งหมดที่กลุ่มพี่ดีลกันอยู่”
“ขอบคุณค่ะ”
“ว่าแต่พราวจะเอาไปทำอะไรครับ”
“พราวรู้มาว่า..กลุ่มของพี่พีทำยอดสูงสุดในบริษัท 3 ปีซ้อน”
พีระยิ้มรับ “ใช่ครับ.. ข่าวที่น้องพราวรู้มาถูกต้องแล้วครับ”
ลิลลี่ที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะถัดไปได้ยินก็แอบฟัง
“นั่นแหละค่ะ เป็นเหตุผลที่พราวอยากได้ข้อมูลมาศึกษา”
“โอ้ว ดีมากเลย ใฝ่รู้” พีระชม
ปราณนต์เดินมาพอดีโดยสะพายกระเป๋าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก
พริบพราวพูดต่อ “ค่ะ..พราวจะได้รู้ว่า ถ้าพราวอยากหาลูกค้าให้ได้มากกว่าทีมพี่พี พราวต้องทำยังไง ต้องหาลูกค้าเพิ่มอีกเท่าไหร่ และกลุ่มเป้าหมายเป็นใครน่ะค่ะ”
พีระหุบยิ้มทันที ลิลลี่จิกตา แต่พริบพราวกลับยิ้มอย่างไม่รู้สึกผิด ปราณนต์ส่ายหน้า
“พราว .. ไปได้แล้ว ลูกค้ารออยู่”
ปราณนต์เดินนำไป พริบพราวหันมาเก็บของแล้วก็ยิ้มให้พีระ
“ขอบคุณมากนะคะพี่พี”
พีระอึ้ง เขามองตามแฟ้มประมาณว่าอยากขอคืนแต่ก็ไม่กล้าพูด พริบพราวเดินตามปราณนต์ออกไป ลิลลี่รีบเดินเข้ามาเสี้ยม
“เป็นไงหล่ะพี่พี..เห็นความร้ายกาจของยัยคุณหนูบอสตัน” ลิลลี่ทำเสียงสูง “หรือยัง มันร้ายจริงๆ นอกจากคิดจะเลื่อยขาเก้าอี้ลิลลี่แล้ว ยังคิดจะโค่นแชมป์อย่างพี่พีด้วย .. ลามปาม รุ่นใหญ่มันยังไม่เว้น พี่พีต้องระวังตัวให้ดีๆนะคะ อย่าใจดีให้มันมากไป ตัวเองจะลำบาก”
ลิลลี่ใส่ไฟเพื่อหาพวกสุดๆ พีระฟังแล้วก็คิดหนัก
ปราณนต์ยืนรออยู่ที่หน้าออฟฟิศ พริบพราวเดินมาพร้อมกับแก้วกาแฟจากร้านราคาแพง
“ฉันซื้อมาฝาก” พริบพราวบอก
ปราณนต์หันมามอง “เนื่องในอะไร”
“ก็..นายพยายามจะปรองดองกับฉันไม่ใช่เหรอ เมื่อวานอุตส่าห์ส่งการ์ดมาเชื่อมสัมพันธไมตรีในฐานะที่ต้องทำงานด้วยกัน..ฉันก็เลยเลี้ยงกาแฟแทนการตอบรับ”
ปราณนต์มองเหล่ๆ ด้วยหน้าตาโคตรไม่วางใจ
พริบพราวเลื่อนมาใกล้ “นี่ๆรับๆไปเถอะน่า”
“ไม่..จนกว่าคุณจะรับปากว่าจะไม่ไปพูดแบบนั้นกับพี่พีอีก”
“ทำไมฉันต้องรับปากนาย”
“เพราะเราเป็นทีมเดียวกัน ถ้าคุณทำให้คนอื่นเกลียด เค้าจะพาลเกลียดผมไปด้วย”
พริบพราวเริ่มขึ้น “คนอย่างฉันไม่เคยทำให้ใครเกลียดอยู่แล้ว”
ปราณนต์แค่นหัวเราะ “ฮึ ไม่รู้ตัวอีก การที่คุณไปพูดแบบเมื่อกี๊กับพี่พี มันดูไม่น่ารักเลย ถ้าพี่พีไม่เข้าใจผิดจะคิดว่าทีมเราตั้งใจจะโค่นทีมเค้า”
“ไม่นะ เค้าไม่ได้เข้าใจผิด ฉันคิดจะโค่นทีมเค้าจริงๆ”
ปราณนต์กลอกตา “ก็คิดซะแบบนี้..ถึงได้ไม่มีใครอยากคบ”
พริบพราวรู้สึกจี๊ดเลย “ใครไม่อยากคบฉัน” ปราณนต์เงียบ “นายพูดมานะ บอกมา..”
ปราณนต์ไม่ตอบ พริบพราวพูดด้วยอารมณ์จนลืมตัว เธอสะบัดแก้วกาแฟใส่ปราณนต์
“ฉันถามว่าใครที่ไม่อยากคบกับฉัน” พริบพราวสะบัดแก้วกาแฟจนกาแฟหกพรวดออกมา
ปราณนต์ตกใจ “เฮ้ย !!”
“โอ๊ะ...” พริบพราวอึ้ง ปราณนต์หลับตาคิดในใจว่าซวย ๆๆ
พริบพราวกับปราณนต์นั่งอยู่บนรถคันโต พริบพราวส่งเสื้อเชิ้ตให้ปราณนต์
“โชคดีนะที่พี่ฉันไม่ยอมเอารถมาคืน ฉันเลยต้องเอารถเค้ามาใช้อีกวัน ฉันก็เลยมีเสื้อให้นายเปลี่ยน ไม่งั้นฉันต้องอายลูกค้าแน่ๆ”
ปราณนต์ส่ายหน้า “แต่ผมไม่ “โชคร้าย” โดนคุณสาดกาแฟใส่ ผมก็ไม่ต้องอาศัยความ “โชคดี” ของคุณ และเราต้องสองคนก็ไม่ต้องอาย” ปราณนต์บ่น “อายคนเดียวซะที่ไหน”
พริบพราวชักสีหน้า “ก็ขอโทษแล้วไง จะแขวะอะไรอีกเนี่ย รีบๆเปลี่ยนได้แล้ว บ่นอยู่ได้”
พริบพราวส่ายหน้าแล้วก็ใส่เกียร์ถอยหลังเพื่อจะถอยออกจากที่จอด พอใส่เกียร์ถอยหลังหน้าจอในรถก็เปลี่ยนเป็นภาพจากกล้องหลังรถ ปราณนต์เริ่มถอดเสื้อ พริบพราวที่กำลังถอยรถสายตาเหลือบไปเห็นความล่ำ โอโม่ของปราณนต์ พริบพราวก็ลืมตัวว่ากำลังถอยหลังอยู่ จนกระทั่งปราณนต์เหลือบไปเห็นจากจอว่ารถกำลังจะถอยไปชนเสา ปราณนต์จึงร้องขึ้น
“เฮ้ย ระวัง เบรก”
พริบพราวตกใจ “ว้าย”
พริบพราวร้องออกมาด้วยความตกใจ ปราณนต์ซึ่งนั่งอยู่ในท่าหันข้างถอดเสื้อ ทรงตัวไม่ดีจึงหน้าทิ่มลงไปที่หน้าของพริบพราว ริมฝีปากของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าอย่างแรง มือก็พาดมาโอบกอดเธอ พริบพราวตกใจ ปราณนต์อึ้ง
อวัศยายืนมองอยู่ด้านนอกตัวแข็งทื่อ ในมือถือแฟ้มเอกสารอยู่ ปราณนต์กระเด้งตัวออกมา ต่างคนต่างอาย
“ผมขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจ”
พริบพราวอาย แต่ก็ทำเป็นไม่อาย
“ถือว่า..หายกัน..กับที่ฉันทำกาแฟหกใส่นายก็แล้วกัน”
ปราณนต์พยักหน้าต่างคนต่างอาย พลันปราณนต์ปรายสายตาไปเห็นอวัศยาที่ยืนอึ้งอยู่
ปราณนต์ตกใจ “พี่ศยา”
อวัศยารู้สึกตัวก็รีบหันหลังแล้วก็เดินหนีเข้าตึกไปเลย พริบพราวมองตามแต่อวัศยาเดินเข้าออฟฟิศไปแล้ว ปราณนต์จะลงจากรถตามไปแต่พริบพราวรีบห้าม
“เฮ้ย นายจะไปไหน เราต้องรีบไปหาลูกค้ากันแล้วนะ” พริบพราวดูนาฬิกา “เสียเวลามากแล้ว เดี๋ยวไปสายกันไปพอดี”
ปราณนต์จำใจต้องอยู่บนรถต่อด้วยความกังวลใจ พริบพราวมองปราณนต์กับอวัศยาด้วยความค้างคาใจว่ามันยังไง ปราณนต์เปลี่ยนเสื้อต่อ พริบพราวชะงักแล้วก็ปรายๆหางตามามองความล่ำโอโม่ของปราณนต์ก่อนจะรีบดึงสติ ดึงสายตากลับมา
อวัศยาเดินเข้ามาในห้องทำงานก่อนจะวางแฟ้มลงด้วยใบหน้าว้าวุ่นใจเหมือนผิดหวัง อกหักอย่างรุนแรง
ภาพในอดีตย้อนกลับมา อวัศยาเห็นว่าปราณนต์ที่เปลือยอกตั้งใจพุ่งตัวเข้าไปหอมแก้มพริบพรายและ
กอด จากนั้นก็ดึงตัวออกมาในสภาพต่างคนต่างเขิน อวัศยาเศร้าแล้วก็ใจหายวาบแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รันกำลังนั่งโบกหน้าอยู่ในห้องอวัศยาเพื่อเตรียมจะออกท่องราตรี
“มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้”
อวัศยาที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยความรู้สึกเศร้า อกหัก ผิดหวัง อย่างแรง
อวัศยาหันขวับมา “อุบัติเหตุอะไร ทำไมเสื้อผ้าถึงไม่ใส่ !! นี่ฉันไม่คิดเลยนะว่าสุดท้ายแล้ว นายปราณนต์ก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้ชายดาษๆทั่วไป แล้วก็ไม่ต่างไปจากผู้ชายที่ฉันไม่มีวันจะรัก นั่นคือ บอส”
“พาลนะเนี่ย” รันว่า
“ฉันไม่ได้พาล แต่มันจริง ฉันนึกว่าเค้าจะแตกต่าง นึกว่าเป็นผู้ชายที่ให้เชื่อในความรัก ไม่ใช่มักมากในความใคร่...แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างกัน”
อวัศยาผิดหวัง รันมองด้วยความสงสาร
“เอาน่า..แกก็..ถือซะว่าได้รู้ ได้เห็น ในสิ่งที่เค้าเป็นจริงๆ ไม่ใช่ภาพสวยงามที่แกคิดไป แชทไป มโนไว้สวยหรู ผ่านตัวหนังสือ ที่...มันไม่ใช่ความจริง”
อวัศยามองโทรศัพท์อึ้งๆ “จริงสินะ...ขนาดฉันยังหลอกเค้า ยังปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ผ่านการแชท .. แล้วทำไมเค้าจะสร้างภาพ หลอกลวง และปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเค้าบ้างไม่ได้”
อวัศยาเศร้า ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องก็ดังขึ้น อวัศยาสะดุ้ง
“กระแสจิตแกทำให้เค้าโทร.มาแน่ๆเลย” รันว่า
“บ้าเหรอ..คนละเครื่องย่ะ”
อวัศยาหันไปหยิบมือถือประจำมากดรับ
“สวัสดีค่ะ บอส”
ลิปดายืนรออยู่ที่มุมหนึ่งหน้าล็อบบี้ อวัศยาเดินลงมาในชุดเตรียมนอนโดยมีผ้าคลุมและรองเท้าเดินในอาคาร
“ถ้าธุระที่บอสเรียกฉันลงมา ไม่สำคัญจริงๆ ฉันจะคิดโอที โทษฐานทำให้ฉันเสียเวลานอน” อวัศยาว่า
“มีคนอยากเจอคุณ ผมเห็นเค้ายืนเก้ๆกังๆ อยู่หน้าคอนโด ก็เลยเข้าไปถาม เค้าบอกมีเรื่องอยากจะอธิบาย แต่ไม่กล้าโทร.หาคุณ” ลิปดาบอก
“อะไร ใคร มุกไหนเนี่ย”
“ไม่ใช่มุก นี่เรื่องจริงเลย..ไม่เชื่อ .. หันหลังไปดูเอง”
อวัศยางงๆ แล้วก็หันไปเจอปราณนต์ยืนอยู่ อวัศยารีบหันกลับมาทางลิปดาพลางคิดในใจว่าชิปหายแล้ว
ลิปดาจับสังเกตอวัศยาไม่วางตา
“เชื่อหรือยังว่าไม่ใช่มุก” ลิปดาถาม
อวัศยาอึ้งที่ตัวเองหน้าไม่แต่ง ชุดไม่สวย
ลิปดาพูดเสียงดังขึ้น “ศยา !! เป็นอะไรหะ ? ทำไมหน้าซีด..เอ๊ะ หรือว่า..หน้าแดง” ลิปดาจับผิด
อวัศยารีบดึงสติกลับมา “หน้าแดงอะไรของบอส” อวัศยารีบทำเข้ม “นี่..เล่นตลกอะไรกันเนี่ย”
ปราณนต์รีบเข้ามาอธิบาย
“พี่ศยาครับ..ผมขอโทษนะครับที่มาโดยไม่ได้นัดก่อน คือ..ผมไม่สบายใจ กับเรื่องเมื่อกลางวัน..ผมอยากจะอธิบาย”
“ไม่ต้องอธิบายก็ได้..ฉันก็ไม่ได้จะสนใจอะไรสักหน่อย..ฉันว่าเธอกลับไปได้แล้ว” อวัศยารีบขยับเสื้อคลุม จับผมจับเผ้า ทั้งเขิน ทั้งชอค ทั้งทำตัวไม่ถูก “ฉัน..จะนอน”
ทันใดนั้นลิปดาก็คว้ามืออวัศยาและจับไหล่ปราณนต์หมับ อวัศยาชะงักกึก
“คุณยังไม่ง่วง !!!ผมว่าไหนๆก็มาแล้ว ในเมื่อปราณนต์อยากจะเคลียร์ .. เราก็เคลียร์กันเลยดีกว่า ไป”
ลิปดาลากมืออวัศยาและโอบไหล่ปราณนต์ไปเลย อวัศยาไม่อยากไปแต่ก็ฝืนลิปดาไม่ได้ ลิปดาทำเป็นยิ้มๆชิลๆ แต่แววตาโคตรจะไม่ชิล
รันเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอวัศยาด้วยความสงสัยใคร่รู้
อวัศยากับปราณนต์นั่งเผชิญหน้ากันโดยมีลิปดานั่งตรงกลาง อวัศยากับปราณนต์หันมามองลิปดาคล้ายจะถามเขาว่าอะไรเอ่ย ไม่เกี่ยว
ลิปดาตีหน้ามึน “ก็..ผมขออยู่ฟังด้วยไง ในฐานะ...เจ้านาย”
“แต่นี่มันนอกเวลางานนะคะ” อวัศยาบอก
“งั้น..นั่งฟังในฐานะ “เพื่อน” ก็ได้” ลิปดายิ้มหน้าแป้น “เอาเลย..อยากเคลียร์อะไรกัน..เชิญครับ”
ลิปดายิ้มหน้าเป็นแบบตีมึน ทั้งปราณนต์และอวัศยาอึดอัดนิดๆ แต่แล้วก็ปราณนต์ก็ตัดสินใจพูดเลย
“คือ..ที่พี่ศยาเห็นเมื่อตอนกลางวัน มันเป็นอุบัติเหตุนะครับผมไม่ได้ตั้งใจ”
อวัศยาอ้าปากจะพูดแต่ลิปดาพูดแทรก
“ศยาเห็นอะไรเหรอ” อวัศยาหันขวับมาทางลิปดาอย่างงงๆ
“คือ..ผมเล่าตั้งแต่แรกเลยนะครับ” ปราณนต์บอก
“เชิญ” ลิปดาบอก อวัศยาปรายตาว่าด้วยสายตา อีบอส...เยอะนะ
ปราณนต์เล่า “ผมกับพริบพราวต้องออกไปหาลูกค้า ก่อนขึ้นรถ พราวทำกาแฟหกใส่เสื้อผม แต่เธอมีเสื้อของพี่ชายให้เปลี่ยน เราก็เลยไปที่รถ ผมกำลัง...ถอดเสื้อเพื่อจะเปลี่ยน แต่พอดีเห็นว่าพราวจะถอยไปชนเสา ก็เลยตกใจรีบบอกเค้า เค้าเบรกกะทันหัน ผมเสียหลัก..หน้าพุ่งไปชนกับหน้าเค้า”
ลิปดาพูดแทรก “แล้วศยาก็เดินมาเห็นพอดี”
“ครับ” ปราณนต์ก้มหน้าอายๆ
“อย่าบอกนะว่า..ศยาทำหน้าไม่พอใจ แล้วสะบัดบ๊อบเดินหนีไป”
ปราณนต์กำลังจะตอบ อวัศยาแทรกขึ้นมาเลย
“เยอะไปค่ะบอส!! ฉันก็แค่คิดว่าเค้ากำลังทำธุระส่วนตัวกัน ฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะ”
ปราณนต์พูด “เปล่านะครับ..ผมไม่ได้ทำธุระส่วนตัวอย่างนั้นกับพราว ผมไม่อยากให้พี่ศยาเข้าใจผิด”
ลิปดาเริ่มเหล่ๆ ปราณนต์สลับกับอวัศยาเพื่อจับอาการทั้งคู่
“ฉันจะเข้าใจยังไงมันก็เรื่องของฉัน..จะมาสนใจทำไม” อวัศยาว่า ลิปดาจิกตาเหมือนจะงอน
“ผมต้องสนใจสิครับ เพราะพี่ศยาเป็น...” ปราณนต์ชะงัก ลิปดารอคำตอบ “หัวหน้าผม แล้วก็หัวหน้าพราวด้วย”
“ที่แท้ก็ห่วงตัวเอง” อวัศยาแอบงอน
“ไม่ใช่นะครับ เฮ่อ..ผมจะอธิบายยังไงดี” ปราณนต์หันมาทางลิปดา “บอสเข้าใจผมมั้ยครับ”
ลิปดาสะดุ้งมองปราณนต์ แล้วก็อวัศยา ทั้งสองคนรอคำตอบ
“ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ” ลิปดาว่า “ก็จริงนี่..เรื่องที่เล่ามา มันเป็นเรื่องเล็กมาก” อวัศยาพยักหน้า ลิปดาพูดต่อ “ศยาเค้าไม่แคร์หรอก” อวัศยาพยักหน้าอีก “ถ้าเค้าแคร์แสดงว่าเค้าคิดกับคุณมากกว่าลูกน้อง”
อวัศยาจุกทันที เธอหยุดพยักหน้าหันขวับมาทางลิปดา
“แต่..เค้าไม่คิดหรอก” ลิปดาพูดดักคอ “ศยาไม่เคยเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน เพราะฉะนั้น เลิกคิดมากเค้าไม่แคร์คุณหรอก” อวัศยาสะอึกที่ลิปดาร้ายมาก ลิปดาหันมาย้ำ “ใช่มั้ย”
อวัศยาจำใจ “ใช่” ปราณนต์ใจหายเบาๆ อวัศยาพูดต่อ “ฉันบอกแล้วว่า..ไม่สน ก็คือ..ไม่สน”
ลิปดาหันมาทางปราณนต์ “แล้วคุณหล่ะ...แคร์ศยาหรือเปล่า”
ปราณนต์ตอบซื่อๆ “ถ้าไม่แคร์...ผมคงไม่มา” อวัศยาสะอึก ลิปดาอึ้งเบาๆ “ผมไม่อยากให้พี่ศยาไม่สบายใจ หรือคิดว่าลูกน้องตัวเองทำเรื่องไม่เหมาะสม ผมเลยมาที่นี่เพื่อชี้แจง และก็ดีใจที่พี่ศยาไม่เอาเรื่องนั้นมาเป็นอารมณ์” อวัศยายิ้มนิดๆ ก่อนจะคิดตามที่พูด “ผมหมดเรื่องที่จะอธิบายแล้ว..ผมขอตัวกลับก่อน”
ปราณนต์ยกมือไหว้ แล้วก็เดินออกไปทันที อวัศยาขยับเหมือนอยากจะบอกว่าไม่นะ...ฉันแคร์คุณแต่เธอหันมาเห็นสายตาของลิปดาที่มองอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องทำนิ่ง แล้วก็ลุกขึ้น
“ฉันก็..ไปนอนก่อนนะ”
อวัศยาเดินแยกไป ทิ้งให้ลิปดานั่งอยู่คนเดียว ลิปดาเริ่มคิดหนักกับสิ่งที่เห็นเพราะมันชัดมาก
รันฟันธง
“ฉันบอกแล้วว่าบอสต้องรู้แน่ๆ”
อวัศยากับรันคุยกันอยู่ในห้อง อวัศยาหน้าเสีย
“ถ้ารู้เค้าคงทำมากกว่านี้ แต่เมื่อกี๊เค้าแค่เป็นคนกลางเฉยๆ เค้าคงแปลกใจที่ปราณนต์มาที่นี่”
“ณนต์นี่ก็แรงเนอะ กล้าอ่ะ ถ่อมาหาป้าถึงคอนโด” รันว่า
“ป้าอะไร ? พี่ย่ะ” อวัศยาสะเทือนใจ “พี่ศยา”
“เอาน่า..จะพี่หรือจะป้า หรือจะย่ายาย ก็อย่าได้แคร์ เพราะเธอทำให้เค้าบุกมาหาเธอถึงคอนโดได้ แสดงว่า..ไม่ธรรมดา” รันกระแซะ “คราวนี้ก็ได้รู้ความจริงหมดแล้วนะว่าทำไมเค้าถึงต้องเปลือยอก จุ๊บยัยเด็กนั่น..นอนหลับฝันดีได้หล่ะสิ...คุณแอบรัก”
รันกระแซะแซวๆ แล้วก็หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ
“บ้า !! ฉันก็ไม่ได้จะอะไรสักหน่อย”
ถึงปากบอกว่าไม่อะไร..แต่ในใจมีอะไรๆสุดๆ อวัศยาอมยิ้มมีความสุข ภาพเมื่อครู่ย้อนมาสร้างรอยยิ้มให้เธอ
ภาพตอนที่ลิปดาเอ่ยถามปราณนต์ “แล้วคุณหล่ะ...แคร์ศยาหรือเปล่า”
ปราณนต์ตอบจริงจัง “ถ้าไม่แคร์...ผมคงไม่มา”
อวัศยายิ้มอย่างมีความสุข
ปุ้มวางถุงผ้าไว้บนโต๊ะ ข้างในถุงมีฝาครอบคอมพิวเตอร์ 4-5 อันที่ห่อไว้อย่างสวยงาม ปุ้มกับพริบพราวนั่งอยู่ในร้านกาแฟด้วยกัน
“ขอบคุณน้องพราวมากนะคะ อุดหนุนพี่ตั้งหลายอัน” ปุ้มบอก
พราวหยิบมาดูด้วยความชื่นชม “พี่ปุ้มทำละเอียดมากๆเลยนะคะเนี่ย สวยมาก ดูแพง ดูไม่โหลด้วย
“ก็พี่ทำมือ ทีละอันนี่คะ ถ้าเพื่อนๆ ชอบสั่งเพิ่มได้นะคะ” ปุ้มบอก
“ได้เลยค่ะ ที่พราวสั่งชุดนี้ก็จะเอาไปแจกพี่ๆ เพื่อนๆ ในออฟฟิศน่ะค่ะ ถ้าเค้าติดใจจะให้เบอร์พี่ปุ้มไปนะคะ”
“ขอบใจมากเลยจ้ะ น้องพราวเนี่ย มีน้ำใจมากเลยนะคะ มีน้ำใจช่วยพี่ซื้อของแล้วยังมีน้ำใจเอาไปแจกเพื่อนร่วมงานอีก น่ารักจริงๆเลย”
พราวยิ้มรับอย่างมีความสุขเพราะไม่ค่อยมีคนชม ปุ้มนึกได้
“เออ..ที่ว่าจะเอาไปแจกเพื่อนร่วมงาน...จะเอาไปให้ “คุณ” ปุ้มคิด “ศยา” ด้วยหรือเปล่า”
“พี่ปุ้มรู้จัก...พี่ศยาด้วยเหรอคะ”
พริบพราวถามด้วยความแปลกใจ
พริบพราวเดินพรวดเข้ามาในห้องทำงานของอวัศยาด้วยสีหน้าวีนสุดๆ แล้วพริบพราวก็โวยใส่แบบอั้นไม่อยู่
“แทงข้างหลังคนอื่นได้..ภูมิใจมากมั้ยคะ”
อวัศยาหันมาเห็นพริบพราวยืนจังก้า คนนอกห้องแอบมองด้วยความสนใจ อวัศยาหันมาอย่างสุขุมก่อนจะเดินมาปิดประตูเพื่อไม่ให้เสียงออกไป
อวัศยาปิดประตูไปพูดไป “ท่าทางเธอจะอ่อนภาษาไทยนะ..สะกดคำว่า “มารยาท” ไม่เป็น”
อวัศยาหันมา ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน อวัศยานิ่งแต่พริบพราวเดือด
“ใช่ พราวไม่มีมารยาท ชอบปีนเกลียว ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ แต่พราวก็ไม่เคย” พริบพราวพูดจิก “แอบไปบ้านลูกน้องผู้ชาย” อวัศยาสะอึก “ไม่เคยเอาความพิศวาสส่วนตัวมาสร้างความลำเอียง และความไม่ชอบธรรมในการทำงาน”
ในใจอวัศยาเดือดปุดๆ แต่ก็ยังทำนิ่ง
“พราวรู้ว่าคุณแอบไปบ้านปราณนต์ พยายามไปตีสนิทกับครอบครัวเค้า และที่ปราณนต์ผ่านงานก็เพราะคุณเป็นคนช่วย”
อวัศยาเชิดหน้า ในใจเต้นระส่ำว่าพริบพราวรู้ได้ยังไง
“พราวอาจจะเป็นคนนิสัยแย่ ไม่มีใครอยากคบในสายตาคนอื่น..แต่พราวไม่เคยลำเอียง เก่ง ไม่เก่ง ดี ไม่ดี ว่ากันตามจริง และยุติธรรม! ไม่เหมือนคุณ”
อวัศยามองหน้า “ใช่..เธอไม่เหมือนฉัน .. ใช่..เธอไม่มีมารยาท ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ นิสัยแย่ และไม่มีใครอยากคบ” พริบพราวสะอึก “ใช่ .. ที่ฉันเคยไปบ้านปราณนต์”
พริบพราวอ้าปากจะสวน อวัศยาชิงพูดต่อ
“แต่.....ฉัน “ไม่ได้” แอบไป ฉันไปอย่างเปิดเผยตามคำเชิญของป้าเค้า ฉัน “ไม่ได้” พิศวาสปราณนต์เป็นการส่วนตัว และฉัน “ไม่ได้” ช่วยเค้าเรื่องงาน”
“พราวไม่เชื่อ”
“เรื่องของเธอ ฉันไม่สน ในเมื่อเรื่องมันไม่จริง ฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่ใจ”
พริบพราวสะอึกแล้วจะเถียง แต่อวัศยาพูดต่อ
อวัศยาพูดพร้อมกับโบกมือไล่ “ออกไปได้แล้ว..ฉันมีงานต้องทำอีกมาก..ไม่อยากเสียเวลากับเรื่อง...ไร้สาระ!! และคราวหน้าถ้าเธอเปิดประตูเข้ามาแบบไม่มีมารยาทอีก...ฉันคงจะต้องสั่งพักงาน เพื่อให้เธอไปเรียนรู้มารยาทขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน” พริบพราวจุก “ออกไป”
อวัศยาโบกมือไล่ท่าทางเหมือนซูซีไทเฮา พริบพราวยืนเหวอก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปแบบงงๆ พอคล้อยหลังพริบพราว อวัศยาก็รีบหมุนเก้าอี้หันหลังจากหน้านิ่งๆ ก็กลายเป็นหน้าเสียทันที
พริบพราวเดินมาที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเหวี่ยงสุดๆ เพราะไม่ยอม เธอคิดในใจว่ามันจะต้องไม่จบแค่นี้แน่ๆ
อ่านต่อหน้าที่ 3
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
อวัศยาคุยโทรศัพท์ด้วยอาการร้อนใจ เธอป้องปากพูดเสียงกระซิบ ส่วนตาก็คอยมองออกไปข้างนอกอย่างหวาดระแวงว่าจะมีหน่วยสาระแนลอบดักฟังอยู่
“รัน ! พริบพราวรู้เรื่องฉันไปบ้านปราณนต์ มาโวยวายใหญ่เลย ฉันจะทำยังไงดี”
รันเดินไปคุยโทรศัพท์ไปโดยป้องปากพูดกระซิบ
“ตอนนี้ฉันมางานสัมมนาของ กลต อยู่กับบอส กับปราณนต์ แค่นี้ก่อนนะ”
รันเดินคุยโทรศัพท์อยู่ที่ทางเดินของอาคารสัมมนา โดยมีลิปดาเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นปราณนต์ที่กำลังเดินตาม
อวัศยาตกใจ “ห๊ะ ! ไปสัมมนา แล้วทำไมปราณนต์ต้องไปด้วย”
รันป้องปากพูดต่อ
“ฉันไม่รู้ รู้แค่ว่าบอสสั่งให้มา แค่นี้ก่อนนะ กลับไปค่อยคุยกัน”
รันวางสายไปแล้วก็เก๊กแมนต่อ ทั้งสามหนุ่มเดินต่อไปอย่างหล่อ ลิปดาหล่อเท่ รันหล่อคม ส่วนปราณนต์หล่อใส สาวๆมองทั้งสามมาตามทาง
อวัศยาวางสายด้วยสีหน้าเครียดเพราะไม่สบายใจ
“บอสต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ”
อวัศยาฟันธง
หน้าห้องสัมมนามีป้ายติดไว้ว่า “KYC/CDD กับเทคโนโลยีและแนวปฎิบัติของบริษัทหลักทรัพย์”
รัน ลิปดา และปราณนต์เดินมาเกือบจะถึงหน้างาน ลิปดาหันมาสั่งงานรัน
“ผมฝากคุณรันลงทะเบียน และดูลาดเลาให้หน่อยว่าเค้าจะเริ่มสัมมนากันกี่โมง ผมจะรออยู่ตรงนี้ มีงานจะสั่งปราณนต์นิดหน่อย”
“ครับ”
รันรับคำแล้วก็เดินไป ปราณนต์กุลีกุจอหยิบสมุดโน้ตมารอจดงานที่ลิปดาจะสั่ง
รันเดินมาลงทะเบียนที่บริเวณหน้างาน เจ้าหน้าที่สาวมองตาหวาน
“จากนาราภัทรครับ” รันบอก
“รอสักครู่นะคะ” เจ้าหน้าที่ก้มหน้าหาชื่อ
รันยืนรอโดยแอบปรายตามองลิปดากับปราณนต์ด้วยความอยากรู้
ปราณนต์ยืนรอพร้อมจดตามคำสั่งลิปดา
“บอสจะให้ผมทำอะไร สั่งมาได้เลยครับ” ปราณนต์บอก
ลิปดาถามลอยๆ “ทำงานเป็นยังไงบ้าง”
ปราณนต์ชะงักแต่ก็เงยหน้าตอบ “ก็ดีครับ..สนุก แล้วก็ท้าทายดีครับ” ปราณนต์ก้มหน้ารอจดต่อ
ลิปดาถามอีก “มีปัญหาอะไรมั้ย”
ปราณนต์งงอีกแต่ก็คิด “ก็...ไม่มีครับ”
ลิปดาถามเข้าเรื่องทันที “แล้วทำงานกับศยาเป็นยังไงบ้าง? ศยาดุเกินไปหรือเปล่า ? ทำงานด้วยกัน...อึดอัดอะไรบ้างมั้ย” ลิปดาถามอ้อมๆ
ปราณนต์ปิดสมุดแล้วรีบตอบ “ไม่เลยครับ ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว พี่ศยาไม่ดุเลย อาจจะเข้มงวดไปบ้าง แต่ไม่เรียกว่าดุ ผมคิดว่า..พี่เค้าตั้งใจ ทุ่มเท ยุติธรรม เป็นกันเอง มีน้ำใจ ไม่ถือตัว ไม่ลำเอียง มีเมตตา มี …..”
ลิปดายกมือห้าม “พอๆ .. ชมยาวแบบนี้แสดงว่า..ประทับใจมาก” ลิปดาถามแล้วรอคำตอบ
“ครับ” ปราณนต์ยิ้มกว้าง “ผมไม่เคยมีเจ้านายเป็นผู้หญิงมาก่อน ตอนเป็นวิศวกรก็มีแต่หัวหน้าผู้ชาย พี่ศยาเป็นเจ้านายผู้หญิงคนแรก ตอนแรกผมก็กังวลว่าจะทำงานยาก แต่จริงๆง่ายมากเลยครับ พี่ศยาเป็นเจ้านายที่ “น่ารัก” มากครับ”
ลิปดาสะอึก...
“น่ารัก” เลยเหรอ”
“ครับ” ปราณนต์ยิ้มจริงใจ “คนอื่นจะคิดยังไง ผมไม่รู้ แต่สำหรับผม..พี่ศยาเป็นเจ้านายที่น่ารักมากครับ”
ลิปดากลืนน้ำลายลำบากลงคออย่างยากลำบาก
เสียงรันดังขัดจังหวะ
“บอสครับ งานสัมมนาเริ่มแล้วครับ”
ปราณนต์ถามขึ้น “แล้วเรื่องงานที่บอสจะสั่งให้ผมทำ”
ลิปดาโบกมือ “ไม่มีอะไรแล้ว เข้างานกันไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป”
“ครับ”
รันเดินนำไป ปราณนต์เก็บสมุดแล้วรีบเดินตาม ทิ้งให้ลิปดายืนครุ่นคิดโดยในใจเริ่มรู้สึกระแวงๆ แปลกๆ
รันเดินมากับปราณนต์ที่หน้างาน รันหันมามองก็เห็นว่าลิปดายังไม่เดินตามมาจึงเอ่ยถามปราณนต์
รันถามแมนๆ “เมื่อกี๊คุยอะไรกับบอส ดูท่าทางซีเรียส”
“ไม่ซีเรียสนะครับ .. บอสแค่..ถามถึงการทำงานของผมกับพี่ศยา...แค่นั้นเอง”
รันหลุดร้องเสียงแหลม “ถามเรื่องศยา” ปราณนต์ชะงักนิดๆ รันรีบปรับเสียงต่ำลงทันที “ถามว่ายังไงบ้าง”
รันรอฟังคำตอบด้วยความอยากรู้
รุจน์นั่งดื่มกาแฟพลางอ่านหนังสือพระในช่วงพักกลางวัน ทันใดนั้นก็มีจานคุ้กกี้น่ากินยื่นมาตรงหน้า รุจน์เงยหน้ามองก็เห็นลิลลี่ยืนถือจานยิ้มสดใสแต่เสแสร้ง
“คุ้กกี้ค่ะ พี่รุจน์” ลิลลี่ยิ้มจิก
รุจน์ยิ้มเชื่อ “ขอบใจจ้ะ วันนี้น้องลิลลี่ใจดีจัง” รุจน์หยิบคุ้กกี้กำลังจะเอาเข้าปาก
เอกสารหนึ่งปึกยื่นมาตรงหน้ารุจน์พร้อมกับเสียงแสนดี
“นี่จ้ะ ใบเสร็จลูกค้า พี่แซงคิวคนอื่นทำให้คุณรุจน์ก่อนเลย จะได้รีบยื่น รีบตัดค่าคอม ได้เงินก่อนคนอื่นเลยน้า”
รุจน์ยิ้มซื่อ “ขอบคุณครับ แหมวันนี้คุณแสนดีก็ “ใจดีจัง” มีแต่คนน่ารัก” รุจน์เอามือที่ว่างอีกข้างรับใบเสร็จ
ทันใดนั้น ปี่เซี้ยะสีเหลืองขนาดไม่ใหญ่มากแต่อยู่ในกล่องอย่างดีก็ถูกยื่นเข้ามาที่หน้ารุจน์ เสียงพีระดังขึ้น
“ปี่เซี้ยะสีเหลือง ธาตุดิน บูชาแล้วดี มั่นคง โชคลาภมากมาย ทรัพย์สินไหลมาเทมา รวย รวย รวย ! ผมเห็นคุณรุจน์ชอบเครื่องรางของขลัง พอดีมีคนให้มา เบิกเนตรแล้วเรียบร้อย ผมบูชาไม่ค่อยเป็น ก็เลยเอามาให้คุณรุจน์บูชาแทนครับ” พีระยิ้มแฉ่ง
รุจน์เงยหน้ามองพีระ “คุณพีระให้ผมจริงๆเหรอครับ” รุจน์รีบยัดคุกกี้เข้าปากแล้วเอามือคว้าปี่เซี้ยะ “ขอบคุณมากครับ พี่พีระใจดีฝุดๆเลย” รุจน์พูดทั้งที่คุ้กกี้อยู่เต็มปาก
รุจน์เอื้อมมือมาคว้าปี่เซี้ยะแต่พีระเลื่อนหนี รุจน์คว้าลมแล้วก็เงยหน้ามองพีระ
“อ๊ะๆ ผมให้คุณรุจน์จริงๆ แต่...คุณรุจน์ต้องตอบคำถามมาก่อน” พีระบอก
“หือ คำถามอะไรครับ”
พีระมองหน้าแสนดีและลิลลี่ก่อนจะถาม “พวกเราอยากรู้ว่า ... “แอบรัก” คืออะไร คือใคร”
ลิลลี่ถามแทรก “แล้วเกี่ยวกับคุณณนต์ยังไง”
แสนดีพูดแทรก “แล้วมีความสำคัญยังไง คุณรันถึงต้องเรียกคุณไปคุยสองต่อสองแบบลับๆ”
ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน “บอกมา”
รุจน์มองหน้าทั้งสามที่ยื่นหน้ามาอย่างคุกคามสุดๆ รุจน์กลืนคุ้กกี้ลงคอก่อนจะแถไป
“หมดเวลาพักพอดี ผมไปทำงานก่อนนะครับ” รุจน์โยนเอกสารในมือแล้วลุกพรวดจะชิ่งไป
พีระ แสนดี ลิลลี่ร้องพร้อมกัน “เอ้ย !!”
พีระสั่งการ “ลิลลี่ปิดประตู แสนดีล็อคซ้าย”
ลิลลี่ แสนดีรับคำ “ค่ะ”
ลิลลี่ แสนดี และพีระปฎิบัติการอย่างพร้อมเพรียง แสนดีล็อคแขนซ้าย พีระล็อคแขนขวา ลิลลี่รีบปิดประตูทันที รุจน์ร้องโวยวาย
“อ๊าค !! ปล่อยผม ปล่อย ผมจะไปทำงาน”
พีระกับแสนดีจับรุจน์ล็อคไว้แล้วกระแทกลงเก้าอี้ ลิลลี่เอาคุ้กกี้มายัดปากด้วยความรำคาญ
“พี่รุจน์หยุดแหกปาก แล้วตอบมาดีๆ !! ไม่งั้นเราสองคนขาดกัน” ลิลลี่ขู่ รุจน์ตาเหลือก ลิลลี่รีบบอก “ถึงเราจะยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เราก็จะ ... ขาดกัน”
ลิลลี่ทำโหดใส่ พีระกับแสนดี ยื่นหน้ามาคาดคั้นด้วยสายตา รุจน์เหวอว่าอะไรกันเนี่ย
อวัศยาเดินถามนิดาที่ยืนรออยู่ในบริเวณห้องทำงานของเหล่ามาร์เก็ตติ้ง
“คุณนิดา..อีกนานมั้ยกว่าบอสจะกลับ” อวัศยาถามเพราะอยากรู้เรื่องปราณนต์
“น่าจะอีกสักครึ่งชั่วโมงค่ะ ออกจากงานสัมมนามาแล้ว ตอนนี้อยู่บนรถค่ะ”
อวัศยาพยักหน้ารับรู้ กำลังจะเดินกลับเข้าห้องทำงานแต่แล้วก็เอะใจจึงหันมามองรอบๆห้องอีกที “คุณพี คุณรุจน์ แสนดี ลิลลี่ หายไปไหน”
นิดาหันไปมองรอบๆ
รุจน์โพล่งออกมา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน !! เท่าที่รู้ก็บอกไปหมดแล้ว จะคาดคั้นอะไรอีก”
แสนดี ลิลลี่ และพีระกอดอกครุ่นคิดราวกับเป็นภารกิจระดับโลก
“ที่พี่รุจน์รู้ มันน้อยมากเลยนะ สรุปว่า..”ยัยแอบรัก” คือใครก็ไม่รู้” ลิลลี่ว่า
อวัศยาเดินมาพอดี เธอชะงักเท้ากึก
ลิลลี่พูดต่อ “มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่มา “แอบแชท” กับคุณณนต์ คอยช่วยเรื่องงาน”
อวัศยาหน้าซีดและเลิ่กลั่กๆ แล้วก็รีบหลบเพื่อแอบฟังต่อ
ลิลลี่พูดต่อ
“เป็นที่ปรึกษา แค่เนี้ยะ ว้า...อุตส่าห์วางแผนรีดความลับซะดิบดี นึกว่าจะมีเรื่องเม้าหนุกๆซะอีก” ลิลลี่นั่งกินคุ้กกี้ตัวเองอย่างเซ็งโคตรๆ
“แต่...ถ้าแค่นั้น .. ทำไมคุณรันต้องสั่งห้ามไม่ให้อยากรู้ต่อ” แสนดีบอก
“หรือว่าคุณรันจะเป็น “แอบรัก” พีระเดา
“ไม่ใช่แน่นอน ผมพยายามจับผิดแล้ว คุณรันไม่ใช่แน่นอนฟันธง” รุจน์ว่า
“งั้นเป็นใคร ? เราสืบกันต่อดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย ว่าใครแอบแชท แอบชอบคุณณนต์”
อวัศยาหน้าซีด หัวใจเต้นแรงคิดในใจว่าซวยแล้ว
รุจน์รีบบอก
“ไม่ได้นะ ถ้าสืบอีก ผมซวยแน่ คุณรันเอาเรื่องผมแน่ๆ ผมว่า..มันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา .. อย่าไปอยากรู้เลย ความซวยจะมาเยือน”
“ที่จริง..คุณรุจน์ก็พูดถูกนะ ใครจะชอบ จะแชท กับคุณณนต์..ก็ไม่เกี่ยวกับเรา” พีระว่า
อวัศยารีบพยักหน้า แต่แสนดีพูดต่อ
“โอเค แอบชอบ แอบแชท ไม่เป็นไร แต่ “แอบช่วย” เรื่องงานเนี่ย มันเรื่องใหญ่นะคะ”
อวัศยาชะงัก
แสนดีใส่ต่อ
“ถ้าเราทำงานในองค์กรที่มี “มือที่มองไม่เห็น” มาคอยช่วยใครคนใดคนหนึ่งแบบไม่ยุติธรรม ต่อไปคุณพี คุณลิลลี่ คุณรุจน์ จะแน่ใจได้ยังไงว่า “แอบรัก” จะไม่ช่วยจนคุณณนต์หาลูกค้ามาเปิดพอร์ตยอดถล่มทะลาย แซงหน้าทุกคน .. ถ้าวันนั้นมาถึง.. ทุกคนยังคิดว่า “มันไม่เกี่ยวกับเรา” อีกหรือเปล่าคะ”
แสนดีพูดจบ ลิลลี่ รุจน์ และพีระอึ้งพร้อมคิดในใจว่า เออ จริง
ทันใดนั้นอวัศยาก็เปิดประตูผัวะและส่งเสียงดุ
“มาทำอะไรกันอยู่ในนี้ไม่ทราบ”
ทุกคนหน้าเสียแล้วกระเด้งตัวยืนตรงอย่างลนลาน
“พี่/คุณศยา”
“ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉัน ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าเวลานี้ต้องทำอะไร มาสุมหัวเม้าอะไรกันอยู่ในนี้ ถ้าไม่อยากทำงานก็เก็บของกลับบ้านไปเลย ยังไง จะทำไม่ทำ”
“ทำค่ะ / ทำครับ ไปแล้วครับ / ไปแล้วค่ะ”
ทุกคนวงแตกรีบลนลานแยกย้ายออกไปทำงาน อวัศยามองตามตาดุ แต่ในใจเครียดมาก
“ชั้นต้องตายแน่ๆ” อวัศยาคร่ำครวญ
รันนั่งฟังอย่างเข้าใจพร้อมกับกลอกตามองอวัศยาที่เดินงุ่นง่านไปมา ทั้งสองคนมาคุยกันอยู่ในมุมส่วนตัวมุม
หนึ่งนอกบริษัท
“ตอนนี้ทั้งรุจน์ พีระ ลิลลี่ แสนดี รู้เรื่องแอบรักหมดแล้ว ไหนจะพริบพราว ไหนจะบอส ถ้าพวกนี้มาคุยกัน จับต้นชนปลายแล้วรู้ว่าฉันเป็นปลอมตัวเป็น” อวัศยาหรี่เสียง “แอบรักแอบแชทกับลูกน้องตัวเอง...ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
รันมองแล้วตอบนิ่งๆ “หยุด แล้วฟังฉัน” รันลุกขึ้นกดให้อวัศยานั่งลง “พวกที่สาระแนอยากจะรู้ ถ้าเธอทำตัวเนียนๆนิ่งๆเหมือนที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็น” รันพูดแบบไม่มีเสียง “แอบรัก .. เพราะฉะนั้น..ตัดเรื่องนี้ทิ้งไปจากสมอง”
อวัศยาพยักหน้ารับ รันพูดต่อ
“ส่วนพริบพราว ..ถ้าเค้ายังไม่หยุดเล่นงานเธอ ฉันก็จะป่าวประกาศว่า.. เค้าเองก็เคยไปบ้านณนต์เหมือนกัน”
“เธอรู้ได้ไง” อวัศยาถาม
“ฉันถามปราณนต์ เค้าเล่าให้ฉันฟัง เพราะฉะนั้น..ถ้ายัยนั่นคิดว่าการที่เธอไปบ้านณนต์มีความหมายลึกซึ้ง..เค้าเองก็คิดลึกซึ้งกับณนต์เหมือนกัน...ยัยนั่นไม่ยอมแน่ เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องไปกลัวมัน”
อวัศยาทำหน้าซาบซึ้ง “รัน...เพื่อนรัก” อวัศยาลุกขึ้นจะโผมากอด
รันรีบเอามือยันหน้าอวัศยาไว้ “ไม่ต้องกอด..เดี๋ยวเรตติ้งตก”
อวัศยาเข้าใจ “โอเค..” อวัศยาหุบแขน “เรื่องคนในออฟฟิศตัดไป..เรื่องพริบพราวตัดไป..เหลือ “บอส”
“ยิ่งไม่ต้องห่วงเลย..ณนต์บอกว่าบอสถามเรื่องงาน..ไม่มีเรื่องส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว สรุป..ไม่มีอะไรที่เธอต้องเป็นห่วง ใช้ชีวิตให้เป็นปกติ อย่าทำตัวให้น่าสงสัย มันก็จะไม่น่าสงสัย”
อวัศยาโล่งอกนิดๆ แต่ก็ยังกังวลอยู่ “ฉันไม่ได้หาเรื่องใส่ตัวใช่มั้ย ฉัน..กำลังลากตัวเองเข้าไปอยู่ปัญหาหรือเปล่า หรือว่า..ฉันควรจะหยุดบทบาทของแอบรัก ก่อนจะบานปลายมากไปกว่านี้”
“ถ้าหยุดตอนนี้...แล้วจะทำใจได้มั้ย ว่าจะไม่ได้คุยกับณนต์ ไม่ได้ทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เซย์กู๊ดมอร์นิ่ง กู๊ดไนท์ ส่งเค้าเข้านอน .. ทำใจได้หรือเปล่า..ถ้าจะต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้”
อวัศยาคิด
ภาพความสุขตอนแชทกับปราณนต์ ตอนเธอยิ้ม ดีใจ หัวเราะ ที่ได้อ่านข้อความและส่งข้อความหากันแวบเข้ามา
อวัศยาใจหาย
อวัศยาเปิดประตูเดินเข้ามาในบริษัท โดยมีรันเดินตามหลัง เสียงรันที่พูดยังดังต่อเนื่อง
“ถ้าทำใจไม่ได้ และสิ่งเหล่านี้..มันมีความหมายต่อเธอกับณนต์..ก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่น ทำตัวเหมือนเดิม..ใช้ความสงบสยบข่าวเม้า..ไม่ยอมรับ ไม่เปิดเผยซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้..แอบรักคือความลับมาตั้งนาน..แล้วมันก็จะเป็นความลับตลอดไป”
อวัศยายืนอยู่ที่ประตูมองไปรอบๆห้อง รันเดินแยกเข้าไปที่ห้องทำงาน ส่วนอวัศยาเดินไปที่ห้องทำงานตัวเอง ระหว่างเดินไปก็มองคนอื่นๆ ที่กำลังทำงานอยู่ไปด้วย
อวัศยามอง ลิลลี่ รุจน์ พีระ แสนดี และปราณนต์ ต่างคนต่างยุ่งกับการคุยโทรศัพท์โดยไม่ได้สนใจเธอเลย
แม้แต่นิดเดียว อวัศยามองเลยไปถึงลิปดาที่กำลังยืนคุยงานกับนิดาซึ่งก็ก็ไม่ได้สนใจเธอเช่นกัน
อวัศยาแอบเป่าลมออกปากเบาๆ แล้วคิดว่าคงไม่มีอะไรจริงๆ อวัศยาหันหลังให้ทุกคนและเดินเข้าห้องทำงานไป แต่ทันทีที่อวัศยาเข้าไปในห้อง ปฎิกริยาของผู้คนก็เปลี่ยนไปทันที
ลิปดามองอวัศยาแล้วก็รีบหันไปมองปราณนต์ ปราณนต์แอบกดข้อความแชทหา “แอบรัก” ส่วนรุจน์แอบมองปราณนต์ที่ส่งข้อความแล้วก็รีบมองว่าใครจะเป็นคนรับ ลิลลี่ก็กวาดสายตาหา พีระก็หลิ่วตามองอย่างหวาดระแวง ส่วนแสนดีก็กวาดตามองสาวๆในห้องด้วยความอยากรู้ ทำให้ภายในห้องทำงานที่เมื่อสักครู่ทุกคนเอาแต่ทำงานถูกแทนที่ด้วยสายตาของความหวาดระแวงที่กวาดไปมา
พริบพราวมองแต่ละคนด้วยความสงสัย และด้วยความฉลาดทำให้พริบพราวสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง พริบพราวเดินมาถามแสนดี
“พี่แสนดีคะ...พราวว่าวันนี้บรรยากาศในที่ทำงานมันแปลกๆ..มีอะไรที่พราว..ไม่รู้และควรรู้หรือเปล่าคะ”
พริบพราวถามตรงๆ และรอฟังคำตอบจากแสนดี
ตกกลางคืน ชีวิตของหนุ่มสาวออฟฟิศเต็มไปด้วยการเฮฮาหลังเลิกงานในแบบต่างๆ ตั้งแต่สาวออฟฟิศที่
ร้านส้มตำและจิ้มจุ่มข้างถนน หนุ่มออฟฟิศที่นั่งดูบอลในร้านเหล้า สาวออฟฟิศเม้าในร้านอาหารเก๋ทั้งเกรย์ฮาวด์ อาฟเตอร์ยู
ที่บาร์แห่งหนึ่ง ลิปดาพูดด้วยความไม่สนใจมากนัก
“พี่ว่าพราวคิดมากไปนะ..แค่..มีผู้หญิงลึกลับมาแชทกับปราณนต์..ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่”
ลิปดากับพราวนั่งคุยกันอยู่ในบาร์ที่มีคนไม่มากและบรรยากาศเป็นส่วนตัว
“ใหญ่สิคะ เพราะเค้าเป็นคนทำให้ปราณนต์ได้งาน ถ้าไม่มีเค้าช่วย พราวจะต้องเป็นคนเดียวที่ได้งาน แบบนี้..มันไม่แฟร์” พริบพราวว่า
“แต่..ลูกค้าส่วนใหญ่ที่พราวได้ ก็มาจากคอนเนคชั่นเก่าๆ ไม่ได้หาลูกค้าใหม่ ถ้าเทียบกับปราณนต์ซึ่งเค้าไม่มีคอนเนคชั่นมาก่อน..มันก็ถือว่าไม่แฟร์สำหรับเค้าเหมือนกัน” ลิปดาพูดอย่างเป็นกลาง
พริบพราวชะงักเล็กๆ “แต่..พราวก็หาลูกค้าด้วยตัวเอง ไม่ได้มีพรายกระซิบหรือใครที่ไหนก็ไม่รู้มาช่วย”
ลิปดายักไหล่อย่างไม่สนใจ พริบพราวชักสีหน้านิดๆ ที่ยุไม่ขึ้น เธอจึงคิดต่อว่าจะเอายังไงดี
องศาเดินมากับรุ้งลดา
“รุ้งไปห้องน้ำนะคะ เดี๋ยวตามเข้าไป”
องศาพยักหน้ารับ รุ้งลดาเดินแยกไป แล้วองศาก็เดินเข้าไปในบาร์ ทันใดนั้นเขาก็ชะงักกึกแล้วเพ่งมองหญิงสาวที่อยู่หน้าบาร์ องศาเห็นพริบพราวอยู่ในชุดแดงเพลิง สวยเด่นนั่งอยู่ข้างๆ ลิปดา องศาชะงักพลางคิด
เขานึกถึงตอนที่พริบพราวอยู่ในงานมอบรางวัลของลิปดาโดยมีไฟส่องพริบพราว
องศานึกออกแล้วก็ยิ้มกริ่มเพราะเริ่มคิดแผนร้าย
พริบพราวเปลี่ยนประเด็น
“โอเค..ที่พราวมาบอกพี่ลิป ไม่ได้จะฟ้องหรืออะไรนะคะ พราวแค่เป็นห่วง ถ้าวันหนึ่งยัย “แอบรัก” จะใช้ปราณนต์เป็นเครื่องมือ เพื่อทำอะไรที่มันมากกว่านี้ เช่น..ขโมยข้อมูลจากบริษัท ขโมยลูกค้า นายณนต์ยิ่งซื่อๆ บื้อๆ เกิดทำตามจริงๆ พี่ลิปจะเดือดร้อน”
“พี่ว่า..มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก..แค่ชื่อก็รู้แล้วว่า” ลิปดาพูดเน้น “แอบ-รัก” ก็คงจะแค่เรื่องรักๆใคร่ๆ คงมีใครสักคนมาแอบชอบปราณนต์แล้วก็แชทกัน..มันก็แค่นั้น”
“ถ้ามันเป็นแค่เรื่องรักๆ ใคร่ๆจริงๆ ทำไมถึงไม่เปิดเผยตัว ทำไมต้องทำตัวให้มันลึกลับด้วย”
ลิปดาตอบแบบไม่คิดมาก “เค้าก็คงจะไม่อยากให้คนอื่นรู้ อาจจะไม่กล้าบอกความจริง หรือไม่ก็อายที่จะต้องเปิดเผยตัวก็ได้..ในออฟฟิศเราก็มีสาวโสดที่ขี้อายเยอะจะตายไป ทั้งลดาวัลย์”
ภาพลดาวัลย์ พนักงานหญิงอ้วนๆ ปรากฏขึ้นในความคิด
ลิปดาพูดต่อ “สมศรี” ภาพสมศรีหญิงเยินๆ แวบขึ้นมา “วัฒนี” ภาพวัฒนี หญิงทอมๆ จ๋า “แสนดี” ภาพแสนดีแวบขึ้นมา “แล้วก็ อวั...” ลิปดาชะงักกึก
ภาพตอนที่อวัศยามีลับลมคมในเกี่ยวกับมือถือ ตั้งแต่ซื้อมือถืใหม่ แอบแชทปรากฏขึ้นในหัวของลิปดา เสียงพราวดังเข้ามา
“แล้วก็ใครคะ”
ลิปดาสะดุ้งนิดๆ แล้วก็รีบกลบเกลื่อน
“แล้วก็พราวไง” ลิปดาทำเป็นขำ “พราวก็ยังโสดไม่ใช่เหรอ อาจจะเป็นพราวก็ได้”
“คนอย่างพราวไม่ทำอะไรลับๆล่อๆแบบนั้นหรอกค่ะ มีอะไรก็ว่ากันตรงๆ ซัดกันตรงๆ พราวไม่ชอบอะไรที่ไม่โปร่งใส .. ถึงพี่ลิปจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่พราวไม่ยอม พราวจะต้องหาคำตอบให้ได้..ว่า “แอบรัก” เป็นใคร”
พริบพราวพูดจบก็หยิบกระเป๋าแล้วก็ลุกเดินกลับไปเลย ลิปดาหน้าขรึมลงก่อนจะหยิบแก้ววิสกี้มาดื่ม เห็นชัดว่าลิปดา “คิดหนัก” ไม่ได้ชิลอย่างที่แสดงออกมาตอนแรก
มุมหน้าประตูอีกด้านหนึ่งที่ห่างจากองศาค่อนข้างไกล พริบพราวเดินหน้าหงิกออกมา ทันใดนั้นองศา ที่รออยู่แล้วก็แกล้งทำเป็นหันมาและทำแก้วเครื่องน้ำหกรดใส่พริบพราว พริบพราวร้องตกใจ
“ว้าย”
องศาทำเป็นตกใจ “อุ้ย ขอโทษครับ ผมไม่เห็น..ต้องขอโทษจริงๆ” องศาพยายามจะเอามือช่วยเช็ดตามตัวพริบพราว “เปียกหมดเลย ผมช่วยเช็ดให้ครับ”
พราวร้องด้วยความตกใจ “ไม่ต้อง” พริบพราวกระเด้งตัวออกห่าง “ไม่เป็นไร”
องศาทำเป็นเพิ่งเงยหน้ามองพริบพราวแล้วทำเป็นเพิ่งจำได้ “คุณ...เป็นพนักงานที่บริษัทของลิปดาใช่มั้ยครับ ผมจำคุณได้..ผมองศาเป็นลูกพี่ลูกน้องของลิปครับ บังเอิญจริงๆ”
“องศา” พริบพราวคิด
พริบพราวนึกไปถึงตอนที่รุ้งพูดถึงองศา
พริบพราวนึกออก องศายิ้มหว่านเสน่ห์อย่างเห็นได้ชัด
“ผมต้องขอโทษที่ทำชุดคุณเปียก..เอาอย่างนี้..ผมจะขอเบอร์คุณไว้ แล้วจะส่งชุดใหม่ไปให้คุณ..ดีมั้ยครับ”
พริบพราวยังไม่ทันจะได้ตอบ เสียงรุ้งลดาก็ดังแจ๋นขึ้นทางด้านหลัง
“พี่องศาฝากไว้ที่รุ้งก็ได้นะคะ รุ้งจัดส่งให้เอง”
องศาชักสีหน้าเซ็งๆ พริบพราวแปลกใจมองไปที่ต้นเสียงก็เห็นรุ้งลดายืนหน้าจิกอยู่ข้างหลังองศา
รุ้งลดาเดินเข้ามาควงแขนองศาหมับ “รุ้งรู้จักพริบพราวค่อนข้าง..ดี”
“รู้จักกันได้ยังไง” องศาถาม
“พริบพราวเค้าเป็นแฟนของปราณนต์ .. เอิ่ม..ผู้ชายที่รุ้งเคยเล่าให้ฟังว่า..ชอบมาตอแย จนรุ้งรำคาญแล้วก็โละทิ้งน่ะค่ะ” รุ้งลดาเย้ย
พริบพราวชะงักปรายตามองด้วยความหมั่นไส้ รุ้งลดายิ้มเย้ย องศานึกออก
“อ๋อ..นึกออกแล้ว ไม่น่าเชื่อ” องศามองด้วยความเสียดาย “น่าเสียดาย”
องศามองพริบพราวแบบไม่เกรงใจรุ้งลดา รุ้งลดาชักสีหน้า พริบพราวรู้ทันจึงยิ้มร้ายแล้วก็หันมายิ้มให้องศา
“มือถือคุณองศาใช่มั้ยคะ” พริบพราวชี้ที่มือถือในกระเป๋าสูทขององศา องศาพยักหน้า
พริบพราวตั้งใจเอื้อมมือมาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากเสื้อองศาพร้อมกับยิ้มโปรยเสน่ห์ รุ้งลดามองจิก
พริบพราวกดเบอร์ตัวเองแล้วโทร.ออกทันที “นี่เป็นเบอร์พราวนะคะ..คุณองศาสะดวกส่งชุดใหม่ให้พราวเมื่อไหร่ ติดต่อมาได้ทันที..เผื่อว่าตอนนั้น..พราวอาจจะ “โละ” ณนต์ไปแล้วก็ได้...คุณองศาจะได้ไม่ต้อง..เสียดาย” พริบพราวยิ้มยั่ว
พริบพราวทิ้งสายตาอ่อยแล้วก็ปาดมามองรุ้งลดาที่กำลังแค้นจนหน้าแดงกร่ำ พริบพราวสะบัดบ๊อบใส่แล้วก็เดินออกไป องศายิ้ม ส่วนรุ้งลดาแค้นใจ
รุ้งลดาปากระเป๋าลงบนโซฟา แล้วตวาดแว้ดด้วยความไม่พอใจ
“เอามือถือมาให้รุ้งเดี๋ยวนี้ รุ้งจะลบเบอร์มันทิ้ง”
องศาหันขวับ “สั่งพี่เหรอ” องศาเสียงดังขึ้น “กล้าสั่งพี่เหรอหะ”
“ทีพี่องศายังกล้าให้ท่ามันต่อหน้ารุ้ง ทำไมรุ้งจะปกป้องสถานะของตัวเองบ้างไม่ได้ เราไม่ใช่แค่ “แฟน” กันนะคะ แต่เราอยู่กินกันเหมือนเป็น .. ผ...” รุ้งลดายังพูดไม่จบ
องศาก็ชี้หน้า “หยุดเลยนะ อย่าคิดว่า...การที่เรามีอะไรกัน จะทำให้พี่กลายเป็นสมบัติของรุ้ง .. พี่ไม่ใช่ไอ้แหยเหมือนแฟนเก่าเรา ที่จะยอมทุกอย่าง ขนาดโดนทิ้งก็ยังอาลัยอาวรณ์ไม่เลิก..พี่ไม่ใช่ผู้ชายกระจอกๆเหมือนมัน ... จำไว้”
รุ้งลดาทั้งเสียใจ ทั้งแค้นใจ องศาหันหลังเดินไปหยิบเสื้อสูท
“คืนนี้พี่กลับไปนอนที่บ้านนะ หมดอารมณ์”
องศาส่ายหน้าเดินออกไปทันที รุ้งลดาหน้าเสีย
“พี่องศารุ้งขอโทษ พี่องศา...พี่องศา”
องศาไม่สนใจ เขาเดินออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้าอย่างไม่แยแส รุ้งลดาทรุดลงนั่งน้ำตาร่วงด้วยความรู้สึกทั้งแค้นทั้งเสียใจ เสียงองศาดังก้องในความคิด
“ไม่ใช่ไอ้แหยเหมือนแฟนเก่าเรา ที่จะยอมทุกอย่าง ขนาดโดนทิ้งก็ยังอาลัยอาวรณ์ไม่เลิก..พี่ไม่ใช่ผู้ชายกระจอกๆเหมือนมัน”
รุ้งลดาคิดถึงปราณนต์ขึ้นมาจับใจ
ปราณนต์นั่งสวดมนต์อยู่บนเตียง เขาก้มลงกราบหมอน ล้มตัวลงจะล้มนอนแล้วก็หันไปหยิบโทรศัพท์มาถือไว้
ปราณนต์กดเข้าโปรแกรม Chat หาชื่อ “แอบรัก” เขายิ้มแล้วก็พิมพ์
“ฝันดีนะครับ..ขอให้ฝันถึงคนที่คุณ .. “แอบรัก” อยู่”
ปราณนต์ส่งไปพร้อมกับสติ๊กเกอร์น่ารัก
อวัศยากำลังนั่งพิมพ์บล็อก หน้าจอขึ้นว่า “อวัศยา..มาร์ตัวแม่” ...
เสียงข้อความแชทดังขึ้น “ตึ๊งตึ่ง”
อวัศยารีบหันขวับไปหยิบมาดู พออ่านแล้วเธอก็ยิ้มนิดๆ แต่เป็นยิ้มที่มีความกังวลและครุ่นคิดว่าจะตอบหรือไม่ตอบ
“ตอบ...ไม่ตอบ..เฮ่อ”
อวัศยาคิดไม่ออกจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วหันมาหน้าคอมพิวเตอร์ เธอหยุดคิดก่อนจะลงมือพิมพ์ต่อ
“ในการลงสู่สนามแห่งการลงทุน .. สิ่งที่นักลงทุนต้องเจอ คือ การเคลื่อนไหวของอารมณ์ .. ความสุขเมื่อหุ้นขึ้น .. และความทุกข์ ความกังวล เมื่อหุ้นตก”
ปราณนต์รอข้อความตอบกลับด้วยใจร้อนรน
พริบพราวนั่งอยู่ในห้องนอน เธอหยิบโทรศัพท์มาเปิดแอปแชทและกดค้นหาก่อนจะหยุดแล้วกดคำว่า “แอบรัก”
อวัศยาพิมพ์ต่อ “ถ้าเราปล่อยให้จิตใจขึ้นลงตามอารมณ์ ก็ไม่ต่างจากตารางหุ้นที่วิ่งสวิงเดี๋ยวแดง เดี๋ยวเขียว ไม่หยุดนิ่ง..และภาวะอารมณ์เหวี่ยงนี่เองที่ทำให้การตัดสินใจในการลงทุนผิดพลาด”
พริบพราวเสิร์ชยังไงก็หาไม่เจอ .. ไม่มี .. ไม่เห็น .. พราวหงุดหงิด ยิ่งอยากรู้
ลิปดานั่งอยู่ในมุมสวยของคอนโด เขาหยิบมือถือมาดูก่อนจะคิดแล้วเข้าแอป “ไลน์”
อวัศยาพิมพ์ต่อ “นักลงทุนมืออาชีพต้องทำใจให้นิ่ง .. ไม่ดีใจผลีผลามเมื่อหุ้นขึ้น และไม่กังวล หวั่นไหว เมื่อหุ้นร่วงกรูด .. ความนิ่งจะทำให้การตัดสินใจมีพลัง และผิดพลาดน้อยที่สุด”
ลิปดาคิดแล้วตัดสินใจไม่ค้นหา เขากดวางโทรศัพท์แล้วก็นิ่งคิด
อวัศยาพิมพ์บล็อคอย่างตั้งใจโดยพิมพ์ไปคิดไป
“เหมือนที่แบนจามิน เกรแฮม ผู้บุกเบิกการลงทุนสมัยใหม่ เคยกล่าวไว้ว่า ... ไม่ว่าสถานการณ์ในการลงทุนจะดีหรือร้าย .. แต่ท้ายที่สุด “มันก็จะผ่านพ้นไป” ... “This Too, Shall Pass”....แล้วมันก็จะผ่านไป”
อวัศยาพิมพ์จบแล้วก็คิดได้จึงตัดสินใจหันมาหยิบโทรศัพท์และกดส่งกลับไปมาปราณนต์
โทรศัพท์ปราณนต์มีเสียงข้อความเข้า “ตึ๊งตึ่ง” ปราณนต์รีบหยิบขึ้นมาอ่าน
“ฉันจะฝันถึงคุณค่ะ”
ปราณนต์ยิ้มกว้างสุดๆ เขารู้สึกเหมือนตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว ปราณนต์ส่งรูปยิ้มไปอย่างมีความสุข อวัศยายิ้มรับกับรูปที่ส่งมาให้ด้วยหัวใจที่กระชุ่มกระชวย ปราณนต์ยิ้มมีความสุขแล้วก็อดคิดไม่ได้
“คุณเป็นใครกันแน่...คุณแอบรัก”
ปราณนต์คิดด้วยความอยากรู้ แม้จะพยายามทำเป็นไม่สนใจแต่ลึกๆ เขาก็อยากรู้อยู่ดี
รถจารวีจอดเทียบหน้าตึก หุ้นขึ้นหันมาเห็นรีบวิ่งเข้ามาบอก
“คุณครับๆ ตรงนี้จอดไม่ได้นะครับ”
จารวีลงจากรถแล้วต่อรอง “ขอจอดเดี๋ยวเดียวค่ะ ฉันขึ้นไปส่งของแปบเดียว เดี๋ยวไปแล้ว พอดีของมันหนักด้วยค่ะ ถ้าไปจอดที่ลานจอดรถ แล้วยกมามัน..หนักมากๆเลยค่ะ”
ระหว่างที่จารวีต่อรอง ปราณนต์ก็เดินเข้ามาได้ยินพอดี
“แต่ถ้าผมให้จอด ผมก็จะโดนผู้จัดการตึกดุเอาน่ะครับ ผมต้องขอโทษด้วย จอดไม่ได้จริงๆครับ” หุ้นขึ้นบอก
“แป๊บเดียวจริงๆค่ะ ฉันมาส่งให้ที่นาราภัทรส่งเสร็จปุ๊บ รีบไปเลยค่ะ ของมันหนักจริงๆ พี่ไม่เชื่อดูได้เลยค่ะ” จารวีจะเปิดประตูให้ดู
“เอ่อ..” หุ้นขึ้นหนักใจ “แต่...ผมก็เข้าใจ แต่มันไม่ได้จริงๆ จอดที่ลานดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปช่วยหิ้ว”
ปราณนต์เห็นต่างคนต่างหนักใจ เลยเสนอตัว
“สวัสดีครับ..ผมชื่อปราณนต์ ผมทำงานอยู่ที่นาราภัทร ถ้าคุณไว้ใจ ผมช่วยขนของพวกนี้ขึ้นไปให้เองครับ”
จารวีมองปราณนต์อย่างแปลกใจ จารวีแอบอึ้งที่ปราณฯต์ทั้งหล่อ ใส จิตใจดี และมีคุณธรรม”
“อ๊า..คุณณนต์ ดีเลยครับ” หุ้นขึ้นพูดกับจารวี “นี่คุณณนต์ทำงานอยู่ที่นาราภัทร ผมรู้จัก ผมเป็นพยานให้ได้ คุณณนต์เป็นคนดีมีน้ำใจ คุณฝากคุณณนต์ไปได้เลย”
จารวีมองเห็นป้ายชื่อที่ห้อยอยู่ “อยู่นาราภัทรจริงๆด้วย..บังเอิญจัง.. ขอบคุณมากนะคะ...งั้นฝากบอกว่า..”แจนเพื่อนของลิปดา” เอาครีมที่สั่งไว้มาส่งนะคะ มีของคุณแสนดี คุณนิดา” จารวีพูดไปก็เปิดประตูหยิบของในรถส่งให้ปราณนต์ไปด้วย “คุณลิลลี่ แล้วก็คุณรัน” จารวีส่งถุงใหญ่สุด “ค่ะ”
จารวีส่งถุงครีมให้สี่ถุงใหญ่ซึ่งหนักมาก ปราณนต์ถึงกับทรุดเล็กๆ จารวียิ้มแห้งๆ
“ไหวนะคะ”
ปราณนต์ยิ้มสู้ “ไหวครับ .. เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” ปราณนต์จะหันหลังไป
จารวีรีบเรียกไว้ “เอ่อ...ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณ ...”
“ณนต์ครับ..ผมชื่อปราณนต์”
จารวียิ้มรับอย่างชุ่มชื่น “ขอบคุณมากนะคะ...คุณปราณนต์”
จารวียิ้มด้วยอาการประทับใจ ปราณนต์ยิ้มรับแล้วรีบเดินตัวเอียงเข้าตึกไป จารวีมองตามแล้วก็อมยิ้ม
ถุงครีมถูกวางไว้บนโต๊ะ ลิลลี่กับแสนดียืนล้อมรอบ ปราณนต์แจกจ่ายของ
“ถุงนี้ของ” ปราณนต์ดูชื่อที่แปะอยู่ “คุณลิลลี่” ปราณนต์ส่งให้ลิลลี่ “ถุงนี้คุณแสนดี” แสนดีรีบรับไป “อันนี้ของคุณนิดา”
“พี่นิดาเตรียมห้องประชุมอยู่ เดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง แล้วถุงนี้ของใคร..ถุงใหญ่จัง” แสนดีพูดจบก็แหวกดู “โห จัดหนักเลยอ่ะ กะทาชาตินี้ หน้าเด้งไปถึงชาติหน้าเลยหรือไงเนี่ย ตายแล้วศพไม่เน่า”
ทันใดนั้นเสียงรันก็ดังขึ้นพร้อมกับคว้าถุงครีมจากมือแสนดี
รันพูดเสียงแมนมาก “ของผมเอง ซื้อไปให้หญิง พอดีมีหลายคน ให้คนนึง อีกคนไม่ได้ เดี๋ยวก็มาเหวี่ยงใส่ ผมขี้เกียจตามง้อ เลยซื้อแจกทุกคนไปเลย หมดปัญหา” รันแอ๊บเป็นคาสโนว่า
แสนดีกับลิลลี่ทำเป็นพยักเพยิด “อ๋อ เหรอคะ”
“แหม..คุณรันเนี่ย..เจ้าชู้จังเลย ไม่เสียชาติเกิดเป็นผู้ชายเลยนะค๊า” ลิลลี่ว่า
“แหมๆๆๆ หญิงตรึมๆ คาสโนว่าต้องตั้งโต๊ะบูชาถือเป็นศาสดากันเลยทีเดียว” แสนดีหันมามองหน้าลิลลี่แบบรู้กันว่ารันแอ๊บ
รันทำยิ้มรับแมนๆ แล้วหันหลังจะเดินไปที่ห้อง ลับหลังทุกคนรันก็ชักสีหน้าประมาณว่าตรูจะอ้วก
รันเดินผ่านพริบพราว พริบพราวเหล่มองปราณนต์แบบจิกตานิดๆ ด้วยความเจ้าเล่ห์ พริบพราวหันไปหยิบแฟ้มงานที่เตรียมไว้แล้วก็เดินไปหาปราณนต์
อ่านต่อหน้าที่ 4
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
โทรศัพท์มือถือของปราณนต์วางไว้บนโต๊ะ ปราณนต์กำลังเตรียมจะทำงาน พริบพราวเดินมาปรายตามองมือถือปราณนต์แล้วก็รีบปั้นยิ้มพร้อมกับยื่นแฟ้มให้ปราณนต์
“ปราณนต์...ฉันขอความช่วยเหลือหน่อยสิ”
ปราณนต์เงยหน้ามองแล้วเลิกคิ้วแทนคำถาม
พริบพราวพูดต่อ “คือ..นี่เป็นแฟ้มลูกค้าฉันยืมพี่แสนดีมาดู เค้าให้ฉันเอาไปเก็บในห้องเอกสาร แต่ชั้นมันสูงมาก บันไดก็ไม่มี ไฟในห้องก็เสีย มืดก็มืด แล้ว..”
ปราณนต์รู้ทัน “จะให้เอาไปเก็บให้ใช่มั้ย”
พริบพราวยิ้มหวาน “ฉลาดที่สุดเลย” พริบพราวยื่นแฟ้มพร้อมอ้อน “ช่วยหน่อยนะ”
“ได้..แต่จะเก็บไว้เป็นหนี้บุญคุณ” ปราณนต์รับแฟ้มมา
พริบพราวยิ้มหวาน “ได้เลย ฉันจะชดใช้ให้อย่างสาสม” พริบพราวทำเป็นพูดแซวเล่น
ปราณนต์ส่ายหน้าแล้วก็เดินถือแฟ้มไป พริบพราวรีบหันขวับมาที่โทรศัพท์และกำลังจะหยิบโทรศัพท์ ทันใดนั้นปราณนต์ก็เอื้อมมือปาดหน้ามาหยิบไปก่อน พริบพราวชะงักแล้วหันขวับมา ปราณนต์ถามงงๆ
“จะทำอะไร”
“อ๋อ..ก็..เห็นว่าลืมโทรศัพท์ก็จะหยิบไปให้ไง เผื่อมีลูกค้าโทร.มา จะได้ไม่พลาดไง แหะๆ”
“ขอบใจ”
ปราณนต์ตอบนิ่งๆ แล้วหย่อนโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินถือแฟ้มไปอีกรอบ พริบพราวชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดแล้วก็ตัดสินใจตามไป
“เอ่อ...รอด้วยๆ ฉันไปด้วย”
พริบพราวรีบเดินตามปราณนต์ไปทันที
ในห้องเก็บเอกสารที่มีไฟสลัว มีชั้นวางเอกสารมากมาย ปราณนต์เปิดประตูเข้ามาแล้วกดสวิตซ์เปิดไฟ หลอดไฟกระพริบปริบๆ แล้วก็ติดมีเพียงแสงไฟมัวๆ ปราณนต์เดินนำ พริบพราวเดินตามมา
“อ้าวว..มาทำไมคุณ ถ้าจะมาเอง แล้วใช้ให้ผมมาเก็บให้ทำไมเนี่ย”
“ก็ .. ฉันแค่อยากมาดูให้แน่ใจ ว่านายวางเอกสารถูกหรือเปล่า”
“นี่ถ้าไม่ไว้ใจ ทีหลังไม่ต้องมาใช้” ปราณนต์ว่า
“แหม..ทำงอนไปได้ ฉันไว้ใจ แต่ก็แค่..มาดูให้แน่ใจ” พริบพราวพูดไปมองโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อปราณนต์ไปด้วย “เออนี่...นายรีบปีนขึ้นไปเก็บเอกสารสิ ฉันจะได้ดูว่าเก็บถูกหรือเปล่า”
ปราณนต์ดูสันแฟ้มแล้วก็เอื้อมไปเก็บบนชั้น พริบพราวเล็งที่มือถือในกระเป๋าเสื้อปราณนต์แล้วก็แกล้งทำเป็นเดินไปช่วย
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่ชั้นนั้น มันอีกชั้นนึง เดี๋ยวช่วยดูให้ว่ามันชั้นไหนกันแน่”
พริบพราวแกล้งทำเป็นเข้ามาคลุกวงในปราณนต์ที่กำลังยืนเอาแฟ้มเก็บอยู่ พริบพราวแทรกตัวเข้ามาอยู่ระหว่างปราณนต์กับชั้นเอกสาร พริบพราวแกล้งหันหน้ามาพูดกับปราณนต์
“นี่ไง อยู่ตรงนี้” พริบพราวตั้งใจให้ลิปสติกโดนบริเวณกระเป๋าเสื้อปราณนต์แล้วก็แกล้งทำเป็นตกใจ “ว้าย ขอโทษที เสื้อเลอะเลย เดี๋ยวฉัน...เช็ดให้นะ” พริบพราวกุลีกุจอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดบริเวณกระเป๋าเสื้อ “ฉันเก็บมือถือไว้ให้นะ จะได้เช็ดถนัดๆ”
พริบพราวล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋า ปราณนต์พยายามปัดป้อง
“ไม่เป็นไร ผมเก็บเอง”
“ไม่เป็นไร...ฉันเก็บไว้ให้ ฉันทำเสื้อคุณเลอะ ฉันรับผิดชอบเอง”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ผมเก็บเอง” ปราณนต์บอก
พริบพราวพยายามจะเอามือถือมาเก็บ ปราณนต์พยายามยื้อคืน ทั้งสองคนนัวเนียกันไปมาในที่คับแคบที่แสนจะเป็นใจ
“ฉันเก็บให้”
“ผมเก็บเอง เอาคืนมา”
“แหม แค่มือถือจะหวงอะไรนักหนา”
“ผมไม่ได้หวง แต่เอาคืนมา”
พริบพราวกับปราณนต์ยื้อยุดมือถือกันไปมาโดยต่างคนต่างไม่ยอม ในขณะที่พลิกไป พลิกมา กันมานั้นเองเสียงนิดาก็ดังขึ้น
“คุณพริบพราว คุณปราณนต์ ทำอะไรกันคะ”
ทั้งสองคนชะงักกึก ปราณนต์รีบแย่งมือถือคืนมาแล้วรีบกระเด้งตัวออกจากกันทันที
“คือ...พราวให้ณนต์ช่วยเอาเอกสารมาเก็บน่ะค่ะ แล้วพราวทำเสื้อณนต์เลอะ ก็เลยจะช่วยทำความสะอาดให้” พริบพราวรีบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่หน้าอกแรงๆ ปราณนต์แอบจุก “จริงๆมันก็เห็นไม่ชัดหรอกที่เหลือก็จัดการเองแล้วกัน”
ปราณนต์งง “อ้าว”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญที่ห้องประชุมด้วยค่ะ ตอนนี้ทุกคนรออยู่แล้ว เชิญค่ะ”
นิดาพูดยิ้มๆ แบบไม่ได้คิดอะไรมาก ลับหลังนิดาปราณนต์กับพริบพราวก็หันหน้ามามองกันในระยะที่ใกล้มากจนจมูกชนกัน
“พริบพราว” ปราณนต์ตกใจที่จมูกชนกัน
ต่างคนต่างเขิน พริบพราวรีบผลักตัวปราณนต์ออก
“หลบไปหน่อยสิ”
พริบพราวเขินนิดๆ แล้วก็รีบเดินออกไปเลย ปราณนต์ส่ายหน้างงๆ แล้วก็เดินตามไป
พริบพราวเดินออกมาจากห้องเก็บเอกสารแล้วก็ชะงักนิดๆ ในใจก็เขินกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อีกใจก็เสียดายที่ไม่มีอะไรคืบหน้า พริบพราวพยายามไม่คิดแล้วเดินไปประชุม ปราณนต์เดินออกมามองตามพริบพราวยิ้มๆ ในใจก็แอบตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว
ลิลลี่กับแสนดีโพล่งถามขึ้นมาพร้อมกันด้วยอาการช็อคสุดๆ
“บอสจะส่งพวกเราไปปฎิบัติธรรม”
ลิลลี่ แสนดี รุจน์ พีระ ปราณนต์ และพริบพราวนั่งประชุมอยู่ในห้องประชุมรวม โดยมีอวัศยา รัน ลิปดา นิดา นั่งอยู่อีกฝั่ง
ลิลลี่กับแสนดีมองหน้าลิปดาพร้อมส่งสายตาถาม ลิปดาหันไปทางนิดาแล้วพยักหน้าส่งให้ตอบแทน
นิดายิ้มแล้วลุกขึ้นยืน “ใช่ค่ะ..นิดาเป็นคนเสนอบอสเอง เนื่องจากทุกปีบริษัทของเราบริจาคเงินให้กับสถานปฎิบัติธรรม แต่เราไม่เคยไปกันเลย ปีนี้..นิดาคิดว่า ถึงเวลาแล้ว ..ที่เราจะต้องทำมากกว่า “ให้เงิน” แต่เราจะต้อง “ให้เวลา และให้ธรรมะขัดเกลาจิตใจของเราอย่างแท้จริง” ปรบมือค่ะ”
นิดาปรบมือนำ ทุกคนปรบมือตาม พีระทำหน้าตาฟินเป็นพิเศษ
“เมียผมครับ..เมียผมเอง” พีระปลื้มมาก
ปราณนต์มองด้วยความชื่นชมก่อนจะพูดกับรุจน์ที่นั่งข้างๆ
“บริษัทนี้ดีจังเลยนะครับ บริจาคเงินให้สถานปฎิบัติธรรมด้วย .. ประเสริฐสุดๆ”
รุจน์กระซิบ “มันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น เค้าบริจาค แล้วเอาใบเสร็จไปลดหย่อนภาษี”
ปราณนต์ชะงัก แต่รุจน์หันไปปรบมือและทำหน้าซาบซึ้งแบบตอแหลสุดๆ
“เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับ ผมเห็นด้วยสุดๆ” รุจน์ว่า
นิดายกมือขึ้นแล้วกำหมับให้หยุดปรบมือ ทุกคนหยุดปรบมือ นิดาพูดต่อ
“นิดาเสนอบอสว่า เราจะคัดเฉพาะระดับหัวหน้า และ พนักงานใหม่ไปด้วยกัน เพื่อเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีไปด้วย .. รายชื่อผู้ที่ไปร่วมปฎิบัติธรรมมีดังนี้ คุณพีระ คุณรุจน์ คุณลิลลี่ คุณแสนดี คุณปราณนต์ และคุณพริบพราว”
พริบพราวพูดสวน “แต่พราวไม่อยากไปนี่คะ”
ทุกคนหันขวับมา แสนดีรีบจับแขนไว้
“น้องพราวพูดแบบนี้เพราะไม่เคยไป เลยไม่รู้ว่าการปฎิบัติธรรมมันดียังไง ไปเถอะค่ะ เชื่อพี่ นะคะ..” แสนดีว่า พริบพราวหันไปทางแสนดี แสนดีขยิบตาให้ยอม พริบพราวงง “ไปนะคะ”
พริบพราวงงๆ แต่ก็ยอม “โอเค...พราวไปก็ได้ค่ะ”
พริบพราวคาใจกับแสนดี
รันคิดมองปราณนต์ มองอวัศยาแล้วก็พูดขึ้น
“ผมกับศยาขอไปด้วยนะครับ”
ทุกคนหันมา โดยเฉพาะอวัศยาที่หันขวับมาทางรัน ลิปดาหันมาทางอวัศยาคล้ายจะถามว่าเหรอ
“โครงการดีๆแบบนี้..เราจะพลาดได้ยังไง...จริงมั้ย .. ศยา”
รันหันมาถามอวัศยาพร้อมกับสะกิดๆ อวัศยาชะงักเพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ทุกคนรอคำตอบเน้น
รันกับอวัศยานั่งกินอาหารญี่ปุ่นอยู่ในร้านญี่ปุ่นเก๋ๆ รันพูดอย่างอารมณ์ดี
“เธอคิดถูกแล้วที่ไปปฏิบัติธรรมกับฉัน..มันเป็นโอกาสทองที่เธอจะได้อยู่ใกล้ชิดกับปราณนต์”
อวัศยาที่กำลังยกซุปมาซดถึงกับสำลักพรวด รันส่งทิชชูให้
“นี่เธอจะให้ฉันตีสนิทผู้ชาย โดยเอาการปฎิบัติธรรมมาบังหน้าเหรอ”
แสนดีนั่งกินอาหารอิตาเลียนอยู่กับพริบพราวในร้านหรูหราสุดๆ แสนดีพูดอย่างมั่นใจ
“ใช่แล้วค่ะ ไม่มีโอกาสไหนจะดีเท่านี้อีกแล้ว ไปอยู่ด้วยกัน ๒ วัน ๑ คืน เราอาจจะทำให้น้องณนต์ยอมบอกเราเรื่อง “ยัยแอบรัก” ก็ได้ ..น้องพราวอยากรู้ว่ามันเป็นใครไม่ใช่เหรอคะ”
พริบพราวคิดตามแล้วก็เริ่มเห็นด้วย
รันยุต่อ อวัศยาฟังแล้วก็คิดไปกินไป
“มันจะไปรู้ได้ยังไง !!! แค่เธอไปนั่งสมาธิ เดินจงกรม เหล่ผู้ชาย ไม่มีใครเค้ารู้หรอกว่าเธอเป็น “แอบรัก” .. ส่วนพวกสอดรู้สอดเห็นก็คงยุ่งอยู่กับการเจริญสมาธิ สติ ปัญญา ไม่มีเวลาสนใจเธอหรอก”
อวัศยาฟังแล้วเริ่มใจอ่อนและเห็นคล้อยตาม
แสนดีเม้าต่ออย่างสนุกสนาน
“ระหว่างที่ทุกคนกำลังทำสมาธิ เราสองคนก็จะได้แอบจับผิดไปด้วย ว่ามีใครจะน่าสงสัย พอที่จะเป็นแอบรักได้หรือเปล่า รับรองว่างานนี้สนุกแน่”
พริบพราวคิดแล้วก็เริ่มเห็นด้วยและเริ่มสนุก
“โอเคค่ะ พี่แสนดีจับผิดคนอื่น ส่วนพราวจะทำให้ปราณนต์ไว้ใจ ยอมเปิดปากเรื่องนี้ให้ได้”
พริบพราวพูดด้วยความมั่นใจ
อวัศยาเดินมาที่ใต้คอนโดมีเนียมที่เธออาศัยอย่างมุ่งมั่น อวัศยามองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังเล็กๆ แล้วก็เดินเข้าไปในสปา ลิปดาเดินมาจากอีกมุมพอดี ลิปดาเห็นอวัศยาก็มองตามแล้วก็ครุ่นคิด
อวัศยานอนพอกหน้าอย่างดี เจ้าหน้าที่พอกเสร็จแล้วก็พูดเสียงนุ่มนวล
“มาร์กทิ้งไว้ ๑๐ นาทีนะคะ เดี๋ยวเข้ามาดูนะคะ มีอะไรคุณศยากดที่ปุ่มนี้เลยนะคะ”
อวัศยาพูดแบบขยับหน้าไม่ได้ “ค่ะ”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป อวัศยานอนพริ้มเพราะฝันถึงวันพรุ่งนี้ ทันใดนั้นมีเสียงเปิดประตูเข้ามา อวัศยานึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่แต่กลายเป็นว่ามีเสียงลิปดาดังขึ้น
“จะไปปฎิบัติธรรม ทำไมต้องมานวดหน้าด้วย”
อวัศยาสะดุ้งและลืมตาโพลง
อวัศยาพูดแบบขยับหน้าไม่ได้ “บอส”
อวัศยาจะลุกขึ้น ลิปดากดตัวเธอลง
“ไม่ต้องลุกขึ้นก็ได้ นอนคุยก็ได้ผมไม่ถือ”
อวัศยาพูดแบบหน้าแทบม่ขยับเพราะพอกหน้าอยู่ “แต่ฉันถือ บอสเข้ามาได้ยังไง”
“ผมก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าผมเป็นแฟนคุณ เข้ามาดูแล”
“แต่ฉันไม่ใช่แฟนบอส” อวัศยาจะลุกขึ้น
ลิปดากดให้อวัศยานอนลงไปอีก “ผมรู้หรอกน่า ก็แค่หาข้ออ้าง เข้ามาหาคุณ ตกลงยังไง ยังไม่ตอบผมเลย จะไปปฎิบัติธรรม ทำไมต้องมาพอกหน้าด้วย มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”
อวัศยาสะอึกแล้วก็รีบโกหก
“ไม่มี๊ ! ฉันจะมีได้ยังไง ที่มานวด ฉันก็นวดของฉันเป็นปกติอยู่แล้ว บอสอย่ามาจับผิด”
ลิปดานวดไหล่ไปคุยไปด้วย “ผมก็ไม่ได้จะจับผิด..ผมก็แค่สงสัย เอาน่าไม่ต้องเครียด ไม่ต้องโวยวาย..ทำใจให้สบาย” ลิปดานวดไปพูดไป “บอกมา...มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ปกติไม่เห็นสนใจเรื่องแบบนี้..พอหันมาสนใจก็เลยรู้สึกว่า..ต้องมีอะไรแน่ๆ บอกมา..คิดแผนอะไรไว้”
“ฉันก็แค่อยากไปเพราะ ....” อวัศยาจะเคลิ้มเพราะลิปดานวดแล้วก็นึกได้ “เอ้ย !!” แล้วอวัศยาก็กระเด้งตัวขึ้นมาทันที “ไม่ต้องมานวด ไม่ต้องมาสะกดจิต ฉันไม่เคลิ้มง่ายๆหรอกน่า” อวัศยาลุกขึ้นจากเตียงทันที “ฉันไม่น่ง ไม่นวดมันแล้ว”
“อ้าว...จะไปไหน”
“กลับบ้าน”
อวัศยาเดินพรวดพราดไปหยิบกระเป๋าทั้งที่หน้ายังพอกอยู่ ลิปดาเหวอ
“คุณ จะไปแบบนี้จริงๆเหรอ ศยา”
“ไม่ต้องมาเรียก ฉันหมดอารมณ์จะทำสวยแล้ว !! ขอบคุณบอสมากที่มาทำลายช่วงเวลาการพักผ่อนของฉัน”
“อ้าว”
“พรุ่งนี้ ที่ฉันจะไปปฎิบัติธรรม เพราะฉันอยากจะเอาธรรมะมากล่อมเกลาจิตใจบ้างอะไรบ้าง ไม่เห็นจะผิดปกติเลย”
“ไม่ได้เอาธรรมะมาบังหน้าแน่นะ”
อวัศยาสะดุ้งแล้วก็ทำดุใส่ “ฉันไม่มีอะไรปิดบัง หรือ เอาอะไรมาบังหน้าทั้งนั้น ถ้าบอสไม่เชื่อ ก็ตามใจ ฉันไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม”
อวัศยาทำเข้มแล้วก็เดินไปทั้งที่หน้ายังพอกด้วยทองคำหนาเตอะ อวัศยาปิดประตูใส่หน้าลิปดาด้วยความร้อนตัว
อวัศยาเดินออกมาจากห้องนวดทั้งที่หน้ายังพอกอยู่ เจ้าหน้าที่ตกใจ
“คุณศยา จะไปไหนคะ”
อวัศยาส่ายหน้าแล้วพูดเซ็งๆ
“กลับแล้วค่ะ”
เจ้าหน้าที่งง “อ้าว”
อวัศยาเดินหน้าทองออกจากร้านไปเลย เจ้าหน้าที่คนรอบๆข้างมองด้วยความงุนงง อวัศยาเอากระดาษมาปิดหน้าแล้วก็ก้มหน้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ลิปดาเดินตามมาแล้วมองตามอวัศยาไปด้วยความค้างคาใจ
เช้าวันใหม่ เสียงออดที่หน้าห้องลิปดาดังปิ๊งป่อง ลิปดาเปิดประตูออกมาในสภาพงัวเงีย หัวฟู และอยู่ในชุดนอน แจนทักทายเสียงสดใส
“อรุณสวัสดิ์ !! แจนเอาของกินมาเต็มเลย” แจนชูถุงที่อยู่เต็มสองมือขึ้น “กินกัน”
อาหารเช้ามากมายวางเต็มโต๊ะ มีทั้งซาลาเปา หมูปิ้ง ขนมปังนานาชนิด ผลไม้ โยเกิร์ต นม น้ำผลไม้ ดูน่ากินมาก
“กินให้เต็มที่เลยนะลิป แจนเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยขายครีมให้ลูกน้องที่บริษัท”
แจนนั่งลงข้างๆ ลิปดาที่ยังอยู่ในสภาพเซ็งๆ แต่แจนร่าเริงแบบไม่เกรงใจเพื่อน
“เออนี่ !! มีลูกน้องหล่อระดับพระเอกหนังไม่ยอมบอกกันบ้างเลยนะ”
ลิปดางง “ใคร”
แจนยื่นหน้ามา “น้องปราณนต์ คนดี มีน้ำใจ หน้าใส ไร้ริ้วรอย อายุน้อย กล้ามเป็นมัดๆ”
ลิปดายกมือห้าม “เดี๋ยวๆ ไปรู้จักปราณนต์ได้ยังไง เมื่อไหร่”
“ก็วันที่เอาของไปส่งนั่นแหละ แจนกำลังต่อรองกับรปภ. ขอจอดหน้าตึก แต่รปภ.ไม่ยอม พอดีน้องณนต์เดินผ่านมา เค้าก็เลยเสนอตัวช่วยเอาของขึ้นไปส่งให้” แจนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เจอกันแค่นี้น่ะนะ ชมซะเป็นเรื่องเป็นราว” ลิปดาก้มหน้ากินต่อ
“แค่นั้นก็ดูรู้แล้วว่าน้องเค้าเป็นคนน่ารัก ออร่าเมตตามหานิยมมันแผ่กระจายอย่างเห็นได้ชัด”
“เมตตามหานิยม คืออะไร”
“อ้าว ก็น้องเค้าเป็นเด็กที่ใครเห็นก็ต้องรัก ใครเห็นก็เอ็นดู .. นี่ๆ จำได้มั้ยที่ลิปเคยถามว่า ..ถ้ามีเด็กๆมาชอบแล้วแจนจะยอมคบด้วยหรือเปล่า ตรงๆเลยนะ ถ้าเด็กคนนั้นน่ารักแบบน้องณนต์ มาหลงไหล มาปลื้มเรา มาทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวย ... คบชัวร์ !! ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ” แจนยิ้มกรุ้มกริ่ม
ลิปดาฟังแล้วใจหายวาบ
ภาพตอนที่ปราณนต์ไปงานสัมนาด้วยกันและตอนที่พูดถึงอวัศยาด้วยความปลื้มอย่างเห็นได้ชัดย้อนกลับมา
ลิปดาคิดแล้วก็เริ่มไม่วางใจ
“แจน...ผมไม่กินแล้ว” ลิปดาบอก แจนหันขวับ ลิปดาลุกพรวด “ผมต้องรีบไป”
ลิปดาพูดจบก็พุ่งไปที่ห้องนอนทันที แจนตกใจรีบถาม
“ลิปจะไปไหน”
ลิปดาโผล่หน้ามาจากห้องนอนโดยในมือถือกระเป๋าเป้เตรียมเดินทาง ลิปดาอึกอักๆนิดๆ แล้วก็ตอบ
“ไปปฎิบัติธรรม”
ลิปดาพูดจบก็ผลุบเข้าห้องไปเก็บของต่อ แจนถึงกับเหวอ
“ลิปเนี่ยนะ .... จะไปปฎิบัติธรรม”
แจนอึ้งเพราะไม่อยากจะเชื่อ
รถตู้สองคันมาจอดเทียบ คันแรก แสนดี ลิลลี่ ณนต์ รุจน์ และพริบพราวก้าวลงมาจากรถในอาการที่ต่างกัน โดยรุจน์ยังง่วงงัวเงีย ลิลลี่แอ๊บหน้าถ่ายรูปตัวเองแล้วก็อัพสเตตัส
“เอาบุญมาฝากทุกคนค่ะ ..อิอิ”
ลิลลี่พิมพ์พร้อมอัพรูปอย่างมีความสุขแบบเปลือกๆ แสนดีจับตามองคนรอบข้างอย่างระมัดระวัง ส่วนพริบพราวมองหาห้องน้ำ
“พี่แสนดีคะ พราวไปเข้าห้องน้ำนะคะ” พริบพราวรีบเดินไปทันที
ปราณนต์กุลีกุจอช่วยคนขับรถตู้ยกกระเป๋า
“ผมช่วยครับพี่”
รถตู้คันที่สองมาจอดเทียบ รัน อวัศยา นิดา และพีระทะยอยลงมา รันหาวแบบกรีดนิ้วแล้วก็รู้ตัวจึงกลับมาเก๊กแมน นิดาหน้าตาอิ่มสุขมองไปรอบๆด้วยแววตาเปี่ยมเมตตา พีระยังง่วงจึงยืนหลับ พอเมียหันมาเขาก็ต้องปั้นหน้ามีความสุข อวัศยาลอบมองปราณนต์ที่กำลังช่วยยกกระเป๋า อวัศยามองด้วยความชื่นชม ..
แสนดีกำลังสแกนกรรมแต่ละคนจนมาสะดุดกับสายตาของอวัศยาที่มองปราณนต์พร้อมอมยิ้ม แสนดีเพ่งมองทันใดนั้นรันก็โผล่พรวดเข้ามายืนขวางหน้าแสนดีผ่าง
“มองอะไรครับคุณแสนดี” รันถาม
“ก็..มองไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ ไม่ได้โฟกัสอะไรเป็นพิเศษเลยแม้แต่น้อย ไม่มี๊ไม่มีค่ะ”
แสนดีรีบปฎิเสธแล้วหันไปหานิดา
“คุณนิดาคะ..เราต้องทำอะไรกันบ้างคะ”
แสนดีเดินชิ่งไปหานิดา
“เชิญทุกคนไปรวมกันที่ลานหน้าเรือนรับรองด้านโน้นเลยค่ะ เชิญค่ะ”
พูดจบนิดาก็ถือกระเป๋าเดินนำไป พีระรีบมาช่วยถือกระเป๋าและเดินไปคู่กัน แสนดีถือของตัวเอง ส่วนลิลลี่ที่ถือกระเป๋า 3 ใบทำเป็นหนัก รุจน์จึงรีบเข้ามาช่วย
“พี่ช่วยถือครับน้องลิลลี่”
ลิลลี่ส่งให้ทุกใบ “ขอบใจจ้ะ” แล้วลิลลี่ก็เดินตัวปลิวไป
รุจน์เดินตัวเอียงเพราะหนัก “น้องลิลลี่ขนควายมาด้วยเหรอครับ..หนักจัง”
รุจน์พูดแดกๆ ขำๆ แต่หนักจริง ลิลลี่ไม่แคร์ เธอเดินถ่ายรูปตัวเองอย่างไร้สติ
รันหันมาทางศยาที่ยังยืนมองปราณนต์ที่กำลังช่วยคนขับรถเก็บขยะ เก็บรถด้วยแววตาชื่นชม รันส่ายหน้าแล้วรีบเดินมาหาก่อนจะเอามือมาปาดปากอวัศยา อวัศยาตกใจจึงหันขวับมา
“รัน ทำอะไร”
รันพูดเบาๆ เน้นๆ “ปาดน้ำหมากให้ป้าหน่ะสิยะ นี่..เก็บอาการหน่อย แหม..ทำเป็นไม่อยากมา โวยวายว่าฉันเอาธรรมะมาบังหน้า แต่ตัวเองมองไม่วางตาเลยนะ”
อวัศยาเขินจึงรีบหันหน้าหนี “บ้า..เว่อร์ .. ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”
“นี่ไม่ต้องมาเขิน..รีบไปรวมพลเร็ว..ฉันเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้เธออีกเพียบ”
รันพูดจบแล้วก็ลอยหน้าเดินนำไป อวัศยารีบเดินตามไปแล้วจิกถามด้วยความอยากรู้
“เซอร์ไพรส์อะไรหะ” อวัศยาถาม รันยิ้มกริ่มแต่ไม่ตอบ “เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนเหรอ..รัน..รัน”
รันไม่ตอบแต่เดินนำไป อวัศยาเดินตามไปด้วยความอยากรู้แต่เดินไปได้ช้าเพราะกระเป๋าหนัก อวัศยากระชับกระเป๋าที่หนัก ทันใดนั้นมือของปราณนต์ก็ยื่นเข้ามาและดึงกระเป๋าของอวัศยาไปอย่างอ่อนโยน
“พี่ศยา..ผมช่วยครับ” ปราณนต์บอก
อวัศยาหันมาเห็นปราณนต์ยืนอยู่ในระยะประชิด อวัศยาใจเต้นแรงแต่ต้องแกล้งทำเป็นขรึม
“ไม่เป็นไร..ฉันถือเองได้”
ปราณนต์ไม่ยอม “ถือได้ แต่ไม่ให้ถือครับ พี่ศยาเดินไปเลยครับ ผมถือกระเป๋าตามไปให้” ปราณนต์ยิ้มใสๆ
อวัศยาใจเต้นแรงแต่ยังทำขรึมก่อนจะพยักหน้า
“ขอบใจ” อวัศยาเดินไปสองสามก้าวแล้วก็ชะงักหันมา “แล้วทำไมเธอ ไม่เดินไปด้วยกัน”
ปราณนต์มองกระเป๋าพริบพราว “ผมรอพริบพราวน่ะครับ กระเป๋ายังอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าตัวหายไปไหน”
ปราณนต์มองกระเป๋าพริบพราวด้วยความแปลกใจ
พริบพราวทำธุระในห้องน้ำเรียบร้อยแล้วก็กดน้ำก่อนจะหันมาจับลูกบิดจะเปิดประตู แต่ทันใดนั้นพริบพราวรู้สึกเหมือนจับโดนอะไรนิ่มๆ จึงคลายมือออกแล้วก็ช็อคที่เห็นจิ้งจกเกาะอยู่ที่ลูกบิดซึ่งพริบพราวเพิ่งจับไปเต็มๆมือ พริบพราวช็อค
“อร๊ายยยย”
พริบพราวกระโดดเหยงขึ้นมายืนบนชักโครกพร้อมกับสะบัดมือด้วยความขยะแขยงแล้วร้องกรี๊ดด้วยความขยะแขยง
“อ๊าย อี๊ !! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย !!”
ปราณนต์นั่งอยู่ที่รถตู้ โดยมีกระเป๋าพริบพราวและอวัศยาวางอยู่ ปราณนต์ชะงักเงี่ยหูฟัง
เสียงพริบพราวร้องดังมาจากห้องน้ำ “อ๊ายยย”
ปราณนต์ตกใจ “พราว”
ปราณนต์รีบวิ่งไปตามเสียงนั้นทันที
พริบพราวยืนอยู่บนชักโครกแล้วร้องกรี๊ดๆ ด้วยความขยะแขยงจนขนลุก พริบพราวพยายามจะเอาขันปาใส่จิ้งจกก็แล้ว แต่จิ้งจกก็ยังอยู่ที่เดิมอย่างไม่แคร์
“ไปสิ ชิ้วๆ ไป อี๊ย”
ปราณนต์วิ่งมาหยุดที่หน้าห้องน้ำ เสียงพริบพราวดังมาจากในห้องน้ำ
“ไอ้บ้า ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ออกไป”
ปราณนต์คิดว่าเป็นคน “พราว..เป็นอะไร ใครจะทำอะไรคุณ เฮ้ย” ปราณนต์ตบประตู “อย่าทำอะไรพราวนะเว้ย..เปิดประตูออกมาเดี๋ยวนี้เลย”
พริบพราวยังร้องโวยวาย
“ฉันเปิดไม่ได้ “ พริบพราวโวยไปก็ยื่นเท้ามาเขี่ยจิ้งจกไปอย่างหมดฟอร์มคุณหนูสุดๆ “ไป..ออกไป ฉันบอกให้ออกไป”
ปราณนต์เป็นห่วงจึงคิดหาทางช่วย
“คุณเปิดไม่ได้ ก็ให้ “มัน” เปิดออกมา เฮ้ย เปิดออกมานะเว้ย”
พริบพราวยังโวยวาย ใจสั่นระรัวเพราะกลัวสุดๆ
“ฉันเปิดไม่ได้ “มัน” ก็เปิดไปได้”
จิ้งจกยังติดอยู่ที่ลูกบิดอย่างหน้าด้าน
ปราณนต์กับพราว โต้ตอบสวนกันไปมาทางอย่างเร็ว
“ทำไม “มัน” จะเปิดไม่ได้”
พราวพูดสวน “ก็มันเปิดไม่ได้”
ปราณนต์สวน “ผมรู้...ก็แล้วทำไมมันเปิดไม่ได้เล่า”
“ก็มันจะเปิดได้ยังไงหล่ะ มันเป็นจิ้งจก”
“มันเป็นจิ้งจก ก็ให้มันเปิดออกมา” ปราณนต์ชะงัก “หะ มันเป็นจิ้งจก”
พริบพราวพยักหน้าด้วยใบหน้าขยะแขยงและขนลุกขนพอง
“อื้อ...มันไม่ใช่จิ้งจกธรรมดา แต่มันเป็นจิ้งจกที่หน้าด้านที่สุดในโลก !!!! ไล่เท่าไหร่มันก็ไม่ไป” พริบพราวด่าใส่จิ้งจก “ไอ้จิ้งจกหน้าด้าน ไอ้ผิวเปลี่ยนสี ไอ้..ไอ้...จิ้งจกไม่มียางอาย”
ปราณนต์เอาหัวโขกประตูประมาณจะบอกว่ากรูหล่ะกลุ้ม
อวัศยามองหาปราณนต์ แต่ยังไม่มีวี่แวว ชาวคณะกำลังนั่งอยู่กลางลานสวย สงบ โดยแต่ละคนเริ่มมองหาปราณนต์กับพริบพราว
รันกระซิบถามอวัศยา “ณนต์กับพริบพราว หายไปไหน”
อวัศยาส่ายหน้าบอกไม่รู้ แล้วก็มองไปรอบๆ ด้วยความเป็นห่วง
ปราณนต์เดินมาที่หน้าห้องน้ำพร้อมกับพวงกุญแจ ปราณนต์ไขออกแล้วก็เปิดผัวะเข้าไปเห็นพริบพราวยืนอยู่บนชักโครกในท่าสุดฮาหมดฟอร์มคุณหนู
ปราณนต์อึ้งแล้วก็แอบฮา “นี่คุณ..กลัวจิ้งจกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
พริบพราวโวย “ก็เออสิ อี๊ ขนลุก”
พริบพราวกระโดดจากชักโครกลงมาแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำทันที ปราณนต์มองตามแล้วก็ขำ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นจิ้งจกหน้ามึนวิ่งหนีจู๊ดออกไป ปราณนต์ส่ายหน้าขำๆ
พริบพราวดึงทิชชูเปียกออกมาเป็นปึกแล้วก็เช็ดมือตัวเองเหมือนจะเช็ดความรู้สึกขยะแขยงออกไปให้ได้
“อี๊ ยังหยะแหยงอยู่เลยอ่ะ ฮือ ทำไมๆๆ ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ไอ้จิ้งจกบ้า”
พริบพราวหยิบเจลล้างมือมาล้างต่ออีก ทันใดนั้นเสียงปราณนต์ก็ดังขึ้น
“คุณ!! มีจิ้งจกเกาะอยู่บนหัว”
พริบพราวกรี๊ดๆ แล้วสะบัดหัวไปมาโดยพยายามจะหาของใกล้มือมาเขี่ยจิ้งจกออกจากหัวตัวเอง
“อ๊าย ไอ้จิ้งจกบ้า ออกไปจากหัวฉันนะ ออกไป อี๊ อร๊ายๆ”
ปราณนต์หัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ”
พริบพราวเพิ่งรู้ตัวว่าโดนแกล้ง พริบพราวหันขวับมาแล้วเอาขวดเจลล้างมือที่ถืออยู่ปาใส่หน้าปราณนต์อย่างแรง
“โอ้ย !! เจ็บนะคุณ”
“น้อยเกินไปด้วยซ้ำ รู้ว่าฉันกลัว แล้วยังจะมาแกล้งอีก ฉันหัวใจวายตายไป จะทำยังไง”
“โอ๋ๆๆๆ ผมขอโทษ ก็ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้...ผมยังจำท่าคุณเมื่อกี๊ได้อยู่เลย อย่างฮา” แล้วปราณนต์ก็ขำ
“นี่...หยุดเลยนะ..ต่อจากนี้ไป ห้ามนายคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊อีก ทำยังไงก็ได้..ต้องลืม..ลืม..ลืมไปให้หมด”
“อ้าว มาบังคับให้ลืมได้ไง เคยได้ยินหรือเปล่าที่เค้าบอกว่า “อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ”
“ไม่รู้หล่ะ” พริบพราวชี้หน้าแล้วหรี่เสียงลงแต่พูดเน้น “ห้ามนายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ให้คนอื่นฟังเด็ดขาด”
ปราณนต์ยื่นหน้ามาใกล้นิ้วอย่างไม่กลัว “แลกกับอะไร”
พริบพราวกัดฟันแค้น “ฉัน...เลี้ยงข้าวนายหนึ่งมื้อใหญ่”
“ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กิน”
“ฉัน..ฉันยกลูกค้าให้นาย ๑๐ คนเลย”
“ผมไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน”
“โอ้ย แล้วนายต้องการอะไร บอกมาเลย”
“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก...เอาไว้คิดออกแล้วจะบอกนะ” ปราณนต์หันไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง ของอวัศยา และ ของพริบพราว “เพื่อเป็นการปลอบใจ ผมถือกระเป๋าให้ .. ทำใจได้แล้วก็รีบเดินตามไปล่ะ”
ปราณนต์ยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข แล้วก็กระเตงกระเป๋า ๓ ใบใหญ่ขึ้นมา ปราณนต์เดินไปได้สองสามก้าวก็นึกได้แล้วหันมาพูดทิ้งท้าย
“อ้อ..แต่สิ่งที่ผมเห็นเมื่อกี๊ ทำให้ผมรู้ว่า...คุณหนูพริบพราวจากบอสตัน” ปราณนต์แกล้ง “ไม่ได้มีแต่โหมดเชิดหน้า ขาวีน อย่างเดียว... แต่ก็มีโหมดธรรมดา ฮา หลุด กับเค้าเหมือนกัน...ผมว่า..น่ารักดี”
ปราณนต์ยิ้มจริงใจ พริบพราวชะงักไปเพราะเพิ่งรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาน่ารัก พริบพราวอึ้งกับรอยยิ้มนั้น ปราณนต์หันหลังเดินเข้าไปด้านใน พริบพราวมองตามแล้วก็ยิ้มโดยที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงยิ้ม
อวัศยามองหาปราณนต์ ทันใดนั้นรันก็หันไปเห็นปราณนต์เดินมา
“มาแล้วๆ”
อวัศยารีบหันไป
ปราณนต์เดินมาพร้อมกับกระเป๋า ปราณนต์วางกระเป๋าแล้วพูดขอโทษ
“ขอโทษครับพอดี...มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนิดหน่อย เลยตามมาช้า ขอโทษด้วยนะครับ”
ปราณนต์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
พริบพราวเดินก้าวเข้ามา ทุกคนมองเป็นตาเดียว
“ค่ะ..มีอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ.ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว.เรา..เริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ”
พริบพราวพยายามตัดบทและโยนให้นิดา
นิดารับช่วงต่อ “ในเมื่อมากันพร้อมแล้ว...ขออ่านรายชื่อแบ่งงานทำกันก่อนเลยนะคะ”
นิดายิ้มกว้าง คนในงานรอฟัง อวัศยาเหลือบมองปราณนต์และพริบพราวด้วยแววตาที่เริ่มหวาดหวั่นนิดๆ ว่ามีอะไรกันหรือเปล่า
ลิปดาซิ่งรถมอเตอร์ไซด์มาตามถนนด้วยความเร็วสูง แววตาของลิปดาภายใต้หมวกกันน็อคเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นไม่น้อยไปกว่าแววตาของอวัศยาที่มองปราณนต์และพริบพราวเลย
อ่านต่อตอนที่ 5