xs
xsm
sm
md
lg

ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 4
หญิงสาวคละวัยกลุ่มหนึ่งกำลังทำท่าโยคะตามครูผู้สอน ศศิกับอ้อมกำลังทำท่าบิดตัวอยู่บนเสื่อโยคะข้างๆกัน ศศิมีสีหน้าแสดงความรู้สึกทรมานขณะกระซิบคุยกับอ้อม

"อ้อม นี่เธอพาพี่มาทรมานทำไมเนี่ย" ศศิว่า
"ทนหน่อยน่าพี่ศิ ตามตำราเขาบอกว่า ก่อนจะเป็นแม่ก็ต้องเตรียมสภาพร่างกายให้แข็งแรง แล้วการเล่นโยคะเนี่ย จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด กระตุ้นการตกไข่"
"แต่ฉันไม่ได้อยากท้องอีก สองคนก็เหนื่อยพอแล้ว" ศศิบอก
"เอาน่า แป๊บเดียว เพื่อน้อง"
อ้อมพูดจบ ครูฝึกก็เดินมาจัดท่าอ้อมกับศศิให้ถูกต้อง ครูฝึกจับตัวศศิให้บิดมากขึ้นไปอีก
ศศิร้องลั่น "โอ้ย"
ศศิมีสีหน้าเจ็บปวดทรมาน แต่อ้อมยังคงมุ่งมั่น

หลังจากที่จบคลาส ศศิกับอ้อมก็หิ้วกันออกมาจากห้องโยคะ
"โอย ปวดไปทั้งตัวเลย เรื่องแบบนี้น่าจะให้ซันหรือยัยเจนมาเป็นเพื่อนมากกว่านะ" ศศิว่า
"สองคนนั้นเขางานยุ่งอยู่ กว่าจะเลิกงานก็ค่ำแล้ว พี่ศิคนเดียวนี่แหละที่ยังว่างอยู่" อ้อมบอก
"แน่ใจนะว่าทำแบบนี้แล้วมันจะท้อง" ศศิถาม
"มันแค่เป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมน่ะพี่ศิ"
"แต่ปวดตัวขนาดนี้ วันหลังพี่ไม่มาแล้วนะ"
อ้อมอ้อน "มาเป็นเพื่อนอ้อมเถอะ ฝึกโยคะมันก็ดีกับรูปร่างด้วยนะพี่ศิ หรือคิดซะว่ามาเป็นเพื่อนน้อง"
ศศิถอนใจแบบจำต้องยอมไปโดยปริยาย
อ้อมรีบชม "เพราะพี่ศิใจดีอย่างนี้ไง พวกเราถึงรักพี่ศิ"
อ้อมเข้าไปกอดแขนออดอ้อน เสียงข้อความไลน์ในโทรศัพท์ของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน ศศิกับอ้อมกดขึ้นมาดู
"อ้าว ยังไงเนี่ย ยัยเจน" ศศิงง
"ส่งข้อความมาบอกว่าเปลี่ยนเบอร์มือถือ" อ้อมบอก
"เปลี่ยนทำไมของมัน"
"ก็นั่นสิ" อ้อมก็งง

เจนกำลังทำหน้าเบะจะร้องไห้ เธอครวญคราง
"แงๆ ซวยๆ ทำไมชีวิตเจนมันถึงได้ซวยแบบนี้"
ศศิ อ้อม และจูดี้นั่งเป็นเพื่อน ทุกคนต่างก็เห็นใจเธอ
"ก่อนเข้าทำงานทำไมไม่ดูให้ดีซะก่อน" ศศิว่า
"ก็ดูแล้ว ออฟฟิศเขาก็ดูมั่นคงใหญ่โต ตอนรับเข้าทำงานก็เอาเรื่องค่าคอมมิสชั่นมาล่อซะจนเคลิ้มเลย ใครจะไปคิดว่ามันจะโกง"
"แล้วดูตอนนี้สิ ทำงานฟรี ไม่ได้เงินสักบาท แถมยังต้องมาคอยหลบลูกค้าอีก"
จูดี้พูดไปแบบไม่ทันคิดทำเอาเจนร้องโฮขึ้นมาอีก
"โฮๆๆๆ"
"ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ ที่โดนโกงไปแค่ค่าคอมมิสชั่นเดือนเดียว ในข่าวบอกว่าพวกลูกค้าคนอื่นเขาแย่กว่าเจนอีก เสียเงินซื้อประกันกันไปเยอะมากเลยนะ" อ้อมปลอบใจ
เจนรู้สึกผิด "เจนผิดไปแล้ว"
"เอาเถอะๆ ผ่านไปแล้วก็แล้วไป ต่อไปนี้ก็เริ่มหางานใหม่" ศศิบอก
"แต่ตอนนี้ ปัญหามันไม่ใช่แค่เรื่องตกงานแค่นั้นน่ะสิ ยังมีเรื่องค่าบะ...." เจนชะงักเพราะนึกได้ว่าไม่ควรให้พี่ๆรู้
"มีเรื่องอะไรอีก" ศศิถาม
"ปะ ปล่าว..”
"นี่ยังมีเรื่องอะไรที่พวกพี่ไม่รู้หรือเปล่า" อ้อมถาม
"ไม่มี ไม่มีจริงๆ"
เจนยกน้ำขึ้นมาดูดแล้วทำท่าเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจของเธอกังวลหนัก

เจนกำลังนั่งจ้องบิลค่าบัตรเครดิตด้วยความกลัดกลุ้ม
"เอาไงดี เงินไม่พอจ่ายค่าบัตรแน่ๆ เดือนนี้" เจนนึกออก "รู้แล้ว"
เจนกดโทรศัพท์โทรออก สักพักก็มีคนรับสาย
"ฮัลโหล ร้านเจนพาณิชย์จ้ะ"
"แม่... นี่เจนเอง" เจนพูดสาย

บ้านพ่อแม่เจนที่ต่างจังหวัดเป็นร้านขายของชำประจำอำเภอ ครอบครัวเจนมีฐานะปานกลาง แม่กำลังพูดสายกับเจน
"อะไร ออกจากงานอีกแล้ว เพิ่งทำได้เดือนเดียวไม่ใช่เหรอ" แม่ถามเจน
พ่อเจนเข้ามาดึงโทรศัพท์จากแม่มาพูดสายทันที
"ตกงานก็ดีแล้ว งั้นก็กลับมาบ้านเรา ช่วยพ่อขายของ ตอนนี้ลูกจ้างลาออก ไม่มีคนช่วยเลย"

เจนที่คุยกับแม่มาสักพักแล้วตกใจที่ได้ยินเสียงพ่อ
"ยังๆๆ ยังกลับไม่ได้ เจนกำลังจะได้งานใหม่แล้วจ้ะพ่อ"
"ไอ้ที่ว่ากำลังจะได้เนี่ย เมื่อไหร่" พ่อเจนถาม
"ก็...สักพัก"
"สักพักน่ะเมื่อไหร่"
"ก็...ก็..ยังไม่รู้"
"พ่อให้เวลาเดือนนึง ถ้าแกยังหางานไม่ได้ พ่อจะไปเอาตัวแกกลับบ้าน"
"พ่อ!” เจนตกใจ
"ทำไม เดือนนึงมันนานไปหรือไง งั้นสองอาทิตย์"
"เดี๋ยวสิพ่อ เดือนนึงก็เดือนนึง ทำไมต้องดุด้วยล่ะ"
"เพราะแกมันเอาแต่ใจไง" พ่อเหลือบมองแม่ "แม่ก็ตามใจจนเสียคน แกมันต้องเจอคนดุๆถึงจะเอาอยู่"
เจนรู้จุดอ่อนพ่อจึงทำเสียงอ้อนสุดๆ
"พ่อจ๋า...”
"อะไรอีก"
เจนทำเสียงอ้อนๆ "ช่วงนี้ที่ร้านขายดีไหม"
"ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ช่วงนี้บ้านเรามันหงอยๆชอบกล ไม่รู้เป็นไง ลูกค้าไม่ค่อยมี มีแต่ลูกค้าเงินเชื่อ ซื้อแล้วก็เซ็นไว้ก่อน ไอ้พวกซื้อของแล้วไม่มีเงินสดจะจ่ายเนี่ยน้า บอกตรงๆว่าพ่อเกลียดที่สุด บอกจะจ่ายสิ้นเดือนๆก็ไม่มีใครมาจ่ายสักคน"
เจนหน้าเสีย เธอกลืนน้ำลายและไม่กล้าพูด
"แล้วนี่ถามทำไม" พ่อเจนถาม
"ปล๊าว... ไม่มีอะไร ก็แค่ถามดู" เจนรีบบอก

เจนกดวางสายอย่างเซ็งๆ เธอรีบหันกลับมาที่เครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเสิร์ชเข้าหน้าหางานทำทันที
"หางานๆๆ"

หน้าประตูห้องซันมีป้ายตำแหน่ง "Marketing Director” ซึ่งเพิ่งถูกแปะไปหมาดๆ ภายในห้องมีช่อดอกไม้4-5 ช่อวางอยู่ พิสมัยกำลังจัดทุกอย่างให้เข้าที่ เธออ่านการ์ดที่แนบมากับช่อดอกไม้ช่อหนึ่ง
"ช่อนี้จากคุณสมพล ลูกค้าบริษัท Spring”
พิสมัยหยิบดอกไม้ขึ้นมาช่อหนึ่งแล้วให้ซันดู
"ส่วนช่อนี้ จากทีมของเราค่ะ ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณซันด้วยนะคะ"
"ขอบคุณมากพี่หมัย" ซันพูด
"พี่หมัย เดี๋ยวเย็นนี้ซันจะขอเลี้ยงข้าวทุกคนในแผนกนะพี่"
"ฉลองตำแหน่งใหม่เหรอคะ" พิสมัยถาม
"อยากจะเลี้ยงขอบคุณทุกคนด้วย ที่ซันได้ตำแหน่งนี้ก็เพราะพวกเราทุกคนช่วยกันทำงานกันอย่างเต็มที่"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวหมัยบอกน้องๆให้นะคะ"
สุธีร์ก้าวเข้ามาในห้องแล้วก็กรี๊ดกร๊าด แสดงความยินดีแบบตอแหลนิดๆ
"ต๊่าย เก๋ไก๋ เลิศเลอนะจ๊ะ แม่ผู้จัดการแผนกแผนการตลาด อ้ะเอาขนมมาให้ ยินดีด้วย"
ซันรับกล่องคุ๊กกี้ไปจากสุธีร์
"ขอบใจมากธีร์ เออ เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหม ฉันว่าจะเลี้ยงน้องๆในทีมเราหน่อย"
"อืม...อยากไปนะ เดี๋ยวดูอีกทีแล้วกันว่าติดอะไรหรือเปล่า ไปทำงานก่อนนะ ซียู"
สุธีร์โบกมือแล้วก็เดินจากไป

ซันเดินมาที่ห้องทำงานของวุธ เธอเคาะประตูเรียกด้วยความเคยชิน พอไม่มีเสียงตอบเธอก็นึกได้ ซันเปิดประตูห้องออกแล้วพบว่าภายในห้องเงียบเชียบ โต๊ะทำงานว่างเปล่า ซันถอนหายใจกับตัวเอง
"ลืมไป นายไม่ได้ทำงานที่นี่แล้วนี่"

ลูกร้องในแผนกของซันกำลังสุมหัวเมาท์กันอยู่ที่โต๊ะทำงานรวมตรงส่วนกลางในออฟฟิศ
"นางก็พูดถูกแล้วนี่ ที่ได้เลื่อนตำแหน่งก็เพราะใช้พวกเราทำงานให้ เรียกว่าเหยียบหัว พวกเราขึ้นไปเป็นไดเร็คเตอร์ไง" สุธีร์ว่า
"แล้วจะไปกันหรือเปล่า" พิสมัยถาม
"ใครจะไปก็ไปนะ ฉันไม่ไปด้วยหรอก" สุธีร์บอก
"เออ ผมก็คงไม่ไปเหมือนกัน ไปนั่งกินข้าวกับพี่ซัน แทนที่จะสนุก มีหวังชวนคุยเรื่องงานอีก"
"แล้วจะให้บอกเขาว่าไง" พิสมัยถาม
"ก็บอกว่าทุกคนติดงาน มีนัดกับครอบครัว อะไรก็ได้งั้นเดี๋ยวหมัยส่งไลน์ไปแจ้งในกลุ่มของแผนกเราดีกว่า ใครว่างก็ไปแล้วกัน"
"แล้วหล่อนล่ะยะ" สุธีร์ถามพิสมัย
"เอ่อ...ก็คนอื่นไม่ไป ฉันจะไปทำไมล่ะยะ" พิสมัยบอก


โจกับปรางค์เพิ่งเข้ามาถึงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง กลุ่มคนนั่งรวมทั้งเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นลูกค้าของเขานั่งอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม พจน์ เจ้าของโรงแรมลุกขึ้นต้อนรับโจกับปรางค์
"อ้าว คุณโจ มาพอดี มาๆ เชิญนั่งเลย"
โจยกมือไหว้ลูกค้า
"สวัสดีครับ คุณพจน์ นี่คุณปรางค์ เลขาผม"
ทุกคนสวัสดีทักทายกัน
"มา ผมจะแนะนำให้รู้จักกับคนอื่นๆ" พจน์ผายมือไปที่แพท "นี่คุณแพท ทีมคุณแพทจะมาดูแลเรื่ิองภาพลักษณ์ใหม่ของโรงแรม แล้วก็จะดูแลเรื่องสื่อโฆษณาทั้งหมด"
แพทลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือให้โจจับ
"สวัสดีค่ะ" แพททักทาย
"สวัสดีครับ" โจตอบกลับ


ทุกคนเดินดูรอบๆ โรงแรมกัน แพทเหลือบมองโจที่กำลังอธิบายบางอย่างให้ลูกค้าฟัง


แพทยืนอยู่หน้าห้องประชุมโดยกำลังพรีเซ็นท์แผนงานการตลาดและการใช้สื่อ ทุกคนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ


เวลาผ่านไปเล็กน้อย โจยืนอยู่ที่หัวโต๊ะโดยกำลังพรีเซ็นท์ไอเดียการออกแบบตกแต่งภายในของโรงแรมอยู่
ทีมลูกค้าพยักหน้า แพทเริ่มรู้สึกว่าโจมีเสน่ห์


โจพรีีเซ็นท์งานจบลงก็หันมาบอกกับทุกคน
"คอนเซ็ปโดยรวมก็ประมาณนี้นะครับ แต่ทางพวกผมคงต้องลงไปดูสถานที่จริงกันก่อน ถึงจะลงรายละเอียดได้"
"ดี งั้นอาทิตย์หน้าเลยเป็นไง พวกเราทุกคนไปดูโรงแรมสาขาที่พัทยาพร้อมกันเลย" พจน์ว่า
ทุกคนพยักหน้ารับ

ทีมของแพทและโจกำลังจะออกจากโรงแรม โจหยุดรอปรางค์ที่กำลังพูดคุยขอเบอร์ติดต่อเลขาของเจ้าของโรงแรมอยู่ แพทเดินเข้ามาหาโจโดยปล่อยลูกน้องในทีมเดินออกไปก่อน
"งานออกแบบของคุณสวยมากเลยค่ะ แพทเห็นแล้วอยากให้คุณโจไปช่วยแต่งบ้านให้เลยนะคะเนี่ย"
"ยินดีครับ คุณแพทอยากเรียกใช้บริการเมื่อไหร่ก็บอกมาเลย"
"แหม.. แพทคงจ้างมืออาชีพอย่างคุณโจไม่ไหวหรอก เดี๋ยวแพทใช้วิธีขโมยไอเดียเอาดีกว่า"
"เรื่องไอเดียผมไม่หวงอยู่แล้ว ขอค่าไอเดียเป็นการเลี้ยงข้าวสักมื้อก็พอ"
แพทหัวเราะ "ได้เลยค่ะ ตอนนี้เราได้ร่วมทำโปรเจ็คเดียวกันแล้ว คงได้เจอกันอีกบ่อยๆ นี่นามบัตรแพทค่ะ"
แพทยื่นนามบัตรให้ โจหยิบนามบัตรตัวเองให้แพทเพื่อแลกกัน
"ไปนะคะ"
แพทเดินออกจากโรงแรมไป โจมองตามยิ้มๆ

ซันนั่งอยู่ตามลำพังที่โต๊ะตัวใหญ่ของร้าน อาหารวางอยู่เต็มโต๊ะแต่ไม่มีใครมากินข้าวกับซันสักคน
ซันมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเลทมากแล้ว ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เสียงพิสมัยดังจากปลายสาย "คุณซันคะ พอดีเย็นนี้หมัยมีนัดกับที่บ้านแล้วอ่ะค่ะ คงไปไม่ได้นะคะ"
"อ้าวเหรอ เสียดายจัง"
"แต่หมัยส่งข่าวให้คนอื่นๆในแผนกแล้วนะคะ"
"แล้วเขาจะมากันหรือเปล่า" ซันถาม
"อันนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"
ซันกดวางสายและเริ่มมั่นใจว่าไม่มีใครมา เธอบอกพนักงานเสิร์ฟ
"เดี๋ยวเก็บโต๊ะได้เลยนะคะ"
ทันใดนั้นเสียงวุธก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"จะรีบเก็บไปไหนล่ะ"
ซันหันไปมองแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นวุธยืนยิ้มอยู่
"วุธ นี่นายมาได้ยังไง"
"เห็นพวกที่ออฟฟิศเขาส่งไลน์ในกลุ่ม บอกกันว่าเธอจะเลี้ยงข้าวฉลองตำแหน่งใหม่ เราก็เลยตามมา"
"แล้วนายมาเพื่อฉลองให้ฉันเนี่ยนะ"
"ใช่ ของฟรีนี่ จะพลาดได้ยังไง แล้วนี่ไม่มีใครมาเลยเหรอ" วุธถาม
ซันปลงๆ แต่ทำเป็นไม่แคร์ "อือ เขาคงเกลียดฉันกันหมดทั้งบริษัท แต่ฉันไม่แคร์หรอกนะ งานก็คืองาน ฉันเชื่อว่าทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันทำดีที่สุดแล้ว"
"เอาล่ะ ใครไม่มาก็ช่าง เรากินกันสองคนก็ได้ มา! เริ่มกันเลย"
วุธนั่งลงตรงข้ามซันหน้าตาเฉยก่อนจะยกแก้วน้ำไปตรงหน้าซัน
"ยินดีด้วยกับตำแหน่งใหม่"
ซันอดซึ้งใจไม่ได้ที่วุธยังนึกถึงเธอในวันที่เธอไม่มีใคร

วุธเดินมาส่งซันที่รถ ซันแอบซ่อนความดีใจไว้ลึกๆ แต่ยังทำปากเก่ง
"ที่จริง ถึงนายไม่มา ฉันก็กินข้าวคนเดียวได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย"
"เรารู้น่าว่าเธอกินข้าวคนเดียวได้ แต่กินสองคนก็สนุกกว่านี่ ใช่ไหม"
"แล้วเรื่องงานของนาย จะเอายังไงต่อ"
"ก็ยังคิดๆอยู่"
ซันถามแบบลองเชิง "แล้วนาย... ไม่ไปทำงานกับบริษัทพ่อจ๋าเขาเหรอ"
"อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เดี๋ยวเราต้องรีบไปแล้ว นัดจ๋าไว้ ต้องไปรับเขากลับบ้าน"
ซันฝืนยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ วุธจะเลี่ยงเดินไปที่รถตัวเองซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล แต่ซันเรียกไว้
"วุธ"
วุธหันกลับมามอง
"เรื่องวันนี้ ขอบใจนะ เรื่องงานน่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน"
วุธยิ้มให้แล้วเดินไปที่รถ

วุธกับจ๋ากินข้าวเย็นร่วมกับพ่อแม่ของจ๋า
"เธอออกจากงานมาน่ะดีแล้ว พ่อเห็นด้วย ต่อไปนี้ก็มาทำงานซะด้วยกันที่บริษัทพ่อ" พ่อจ๋าสนับสนุน
"แล้วพ่อจะให้วุธทำอะไรล่ะคะ" จ๋าถาม
"อืม...ก็มาช่วยพ่อบริหารบริษัทก็แล้วกัน เข้าไปเป็นMDเลยก็ได้"
"กรรมการผู้จัดการเลยเหรอคะคุณ" แม่จ๋าทัก
"ไม่เป็นไรนี่ เพราะวุธก็กำลังจะมาเป็นคนในครอบครัวเราอยู่แล้ว ใช่ไหมวุธ" พ่อจ๋าถาม
"เอ่อ... เรื่องงานที่บริษัทคุณพ่อ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยครับ" วุธบอก
ทุกคนชะงักเพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้
"อ้าว" พ่อจ๋าชะงัก
"บริษัทของเราไม่ดีตรงไหน" แม่จ๋าถาม
"ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ คือผมแค่คิดว่า งานบริษัทของคุณพ่ออาจไม่เหมาะกับผม คือผมไม่ถนัดเรื่องธุรกิจนำเข้า ตอนนี้ถ้าผมจะทำอะไรสักอย่าง ก็น่าจะทำในสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง"
"งั้นเธอจะไปทำอะไร" พ่อจ๋าถาม

อ้อมกำลังฝึกโยคะอยู่ในห้องพร้อมผู้ฝึกคนอื่นๆ ที่กำลังฉีกแข้งขาด้วยท่าทางตั้งใจ

อ้อมที่เพิ่งกลับจากเล่นโยคะยังอยู่ในชุดออกกำลังกายกำลังยืนรอลิฟท์ขึ้นห้องอยู่ในคอนโดฯ จิตสมรเห็นอ้อมมาแต่ไกลก็รีบเข้ามาชวนคุย
"คุณอ้อม ไปเล่นโยคะมาหรือคะ"
"ค่ะ"
"จริงๆถ้าอยากท้องไม่เห็นต้องไปเล่นโยคะอะไรให้เหนื่อยเลยนะคะ กินวิตามินบำรุงเอาน่ะได้ผลกว่า สั่งของพี่จิตหมอนสักชุดไหมคะ"
"พวกวิตามินน่ะ อ้อมกินอยู่ทุกแบบแล้วล่ะค่ะ"
"วิตามินมีแล้ว อืม..งั้น เอาตัวเด็ดไปเลยไหม" จิตสมรถาม
"อะไรคะ"
"นี่ค่ะ" จิตสมรหยิบกระปุกอาหารเสริมมีโลโก้รูปวัวออกมาจากกระเป๋า "อาหารเสริมสกัดจากธรรมชาติ ใครซื้อไปติดใจทุกราย"
"สกัดจากอะไรคะ" อ้อมถาม
"ไข่วัวค่ะ"
"อะไรนะคะ ไขมันวัวเหรอ โห กินแล้วไม่อ้วนแย่เลยหรือคะพี่จิตสมร"
"ไม่ใช่ไขมันวัวค่ะ นี่มัน"ไข่วัว" ตัวเดียวอันเดียววัวน่ะค่ะ"
อ้อมเริ่มเหวอ
จิตสมรอธิบายต่อ "เขาเอาไปอบแห้งแล้วบดให้เป็นผง เราก็แค่เอาไปผสมน้ำกินได้เลย แค่วันละแก้วตอนเช้า แล้วรับรองว่าคุณผู้หญิงจะฟิตปึ๋งปึ๋ง คุณผู้ชายก็จะคึกเหมือนโคถึกพิโรธ"
อ้อมทำหน้าอยากแหวะ "เอ่อ... อ้อมคงไม่ต้องใช้ตัวช่วยของพี่จิตสมรหรอกค่ะ อ้อมเพิ่งไปซื้อนี่มา"
อ้อมหยิบกล่องชุดทอสอบการตั้งครรภ์ออกมาจากกระเป๋าให้จิตสมรดู
"ชุดตรวจครรภ์" จิตสมรพูด
"ใช่ค่ะ อ้อมว่าเดือนนี้อ้อมก็คงจะท้องแล้ว"
จิตสมรเซ็ง

อ้อมยืนหลับตาเหมือนรอลุ้นอย่างตั้งใจก่อนจะยกเครื่องทดสอบการตั้งครรภ์ขึ้นมามอง ผลที่ปรากฎบนเครื่องมือออกมาเป็นลบ อ้อมผิดหวัง
"เนกาทีฟ ไม่ท้อง"
วินเดินเข้ามาโอบไหล่ปลอบใจ
"ไม่เป็นไรหรอก เดือนหน้ามาเริ่มกันใหม่นะจ๊ะ"

วิภาร้องลั่นด้วยความรู้สึกขัดใจ
"ยังไม่ท้อง!!”
สุพงษ์ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกถึงกับสะดุ้งมองภรรยา
"นี่แต่งกันมาสองเดือนแล้วนะอาอ้อม ทำไมยังไม่ท้องอีก" วิภาโวยลั่น

อ้อมหน้าเจื่อนแล้วพยายามแก้ตัว
"อ้อมก็พยายามเต็มที่แล้วนะคะม๊า"
"พยายาม" วิภาไม่พอใจ "แต่ยังไม่มากพอ นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ฮวงจุ้ยในห้องที่คอนโดน่ะเป็นยังไงบ้าง ดีหรือเปล่า"
"ก็..ก็ดีนะคะ"
"กินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า"
"ไม่มีค่ะ กินดี ปกติดีทุกอย่าง"
"ไม่ไหวๆ ปล่อยให้ห่างไกลหูไกลตาไม่ได้เลย สงสัยม๊าต้องไปตามกลับมาอยู่บ้านซะแล้ว"
"ฮ้า... อย่าเพิ่งเลยค่ะม๊า ขออ้อมกับวินพยายามกันอีกหน่อยนะคะ" อ้อมบอก

วิภาเดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิดและเริ่มนั่งไม่ติด
"เฮ้อ... แค่เรื่องท้อง ทำไมถึงได้ยากเย็นแบบนี้"
สุพงษ์เงยหน้าจากเกมในเครื่องไอแพดขึ้นมาแล้วพยายามพูดให้ภรรยาใจเย็น
"เธอก็จะไปเร่งเด็กมันทำไม เขาเพิ่งแต่งงานกันไปแป๊บเดียวเอง"
"แป๊บเปิ๊บอะไรเฮีย สมัยฉันเนี่ยนะ แต่งกับเฮียสองเดือนก็ท้องอาวินแล้ว"
"สมัยนั้นกับสมัยนี้มันไม่เหมือนกัน"
"เฮียหยุดพูดไปเลย แล้วมาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะทำยังไง ถึงจะช่วยให้อาอ้อมท้องเร็วๆ"
สุพงษ์แอบถอนหายใจ

ต้นกล้ากับข้าวหอมที่อยู่ในชุดนักเรียนกินข้าวไปก็เล่นกันไป ทั้งสองยื้อแย่งเกมกันทะเลาะกันไปเสียงดังลั่น
"นี่มันของพี่นะ พี่ไม่ไห้ข้าวหอมเล่น"
"แหม เค๊าขอยืมนิดเดียวเอง ทำเป็นหวงไปได้ เป็นพี่ก็ต้องดูแลน้องสิ จริงไหมคะคุณแม่"
ศศินั่งกุมขมับเพราะปวดหัวไมเกรนอยู่บนโซฟา
"ต้นกล้า แบ่งให้น้องเล่นบ้างเถอะ แล้วก็กินข้าวกันดีๆได้แล้ว อย่าทำให้แม่ปวดหัวกว่านี้เลยลูก"
"คุณแม่ปวดหัวแล้วทำไมไม่กินยาล่ะคะ"
โจเดินลงมาจากชั้นบนก็เห็นศศินั่งหน้าซีดกุมหัว
"เป็นอะไรศิ ท่าทางไม่ค่อยดีเลยสิ"
"ปวดหัวมากเลย สงสัยไมเกรนขึ้นอีกแล้ว"
"เดี๋ยวนี้ศิเครียดเกินไปนะ ไมเกรนเลยขึ้นบ่อย ไปหาหมอไหม เดี๋ยวโจพาไป"
"ก็ว่าจะไปอยู่เหมือนกัน งั้นวันนี้โจช่วยเอาสองลิงไปส่งโรงเรียนหน่อยนะ ศิจะได้พัก"
"ได้จ้ะ"
โจเดินมานั่งข้างๆศศิ
"เออศิ เสาร์อาทิตย์หน้า ไปเที่ยวพัทยากันไหม"
ศศิไม่อยากเชื่อ "หือ"
ต้นกล้ากับข้าวหอมชะงักและหยุดฟังไปด้วย
"พอดีโจต้องไปดูโรงแรมที่จะต้องออกแบบที่พัทยาน่ะ โจก็เลยคิดว่าไหนๆก็มีโอกาสไปต่างจังหวัดแล้วก็น่าจะพากันไปทั้งครอบครัวเลย พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ ศิจะได้พักผ่อนด้วย"
ศศิดีใจ "ก็ดีสิ เมื่อวันก่อนเด็กๆเพิ่งบ่นว่าอยากไปเที่ยว"
เด็กๆกระโดดโลดเต้นร้องเฮฮากันด้วยความดีใจ
ศศิเห็นลูกมีความสุขแล้วก็สุขใจ

งานเพนท์ผนังลายกราฟฟิคในร้านเพื่อนของอาร์ทเสร็จสมบูรณ์แล้ว อาร์ทกับเพื่อนถอยหลังออกมามองผลงาน
"แจ๋วมากเลยว่ะ อาร์ท"
อาร์ทยิ้มพอใจผลงานตัวเอง
"เออ นี่วันนี้แกต้องไปทำงานแล้วใช่ไหมวะ" เพื่อนถามอาร์ท
"ใช่ ถึงได้รีบมาช่วยร้านแกให้เสร็จซะที จะได้ไปทำงานของตัวเอง" อาร์ทดูนาฬิกา "นี่ฉันต้องรีบไปแล้วว่ะ วันนี้เริ่มงานวันแรก"
อาร์ทรีบเก็บกระเป๋าเตรียมกลับ
"แล้วแกจะมาอีกเมื่อไหร่"
"ว่างเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น"
อาร์ทเก็บของเสร็จก็ออกไปจากร้าน
"ขอบใจมากนะเว้ย เดี๋ยวโทรหากัน" เพื่อนอาร์ทพูดตามหลัง
อ่านต่อหน้าที่ 2


ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
เจนเดินเล่นในห้างอย่างเบื่อๆ แล้วเธอก็บ่นออกมา

"เฮ้อ เครียดแบบนี้ จะทำอะไรดีน้า"
เจนเดินผ่านร้านกาแฟร้านเดิมที่เคยเจออาร์ท เธอหยุดคิดถึงตอนที่เจออาร์ทครั้งล่าสุด
ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในหัวเจน เป็นตอนที่อาร์ทคว้าโทรศัพท์ของเจนมารับสายเองหน้าตาเฉย
"ฮัลโหล ขอโทษนะครับ เจ้าของหมายเลขนี้ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องการโกงของบริษัทTT Marketing เพราะฉะนั้นเลิกโทรได้แล้ว"
อาร์ทกดวางสายไปเลย เจนมองตามด้วยสีหน้าเหวอ
"นี่นายทำอะไรเนี่ย"
"ก็ทำให้เขาเลิกโทรกวนซะทีไง คุณเองก็ปิดเครื่องไปเลย ถ้าจะให้ดีก็ไปเปลี่ยนเบอร์ใหม่ไปซะ"
"เออ จริงด้วย เปลี่ยนเบอร์ใหม่ ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน"
"ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าให้ระวัง อย่าไปไว้ใจคนอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะไอ้บริษัท นั้น คราวนี้เข็ดหรือยัง" อาร์ทถาม

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น เจนก็เริ่มเห็นความดีของอาร์ท
"ที่จริง ตามนุษย์ค้างคาวนั่นก็อุตส่าห์ช่วยเราไว้นะ ซื้อกาแฟไปให้ซะหน่อยก็แล้วกัน"
เจนตัดสินใจเดินเข้าไปสั่งกาแฟที่ร้าน

เจนถือกาแฟในมือหนึ่งแก้วพร้อมกับเดินมาด้อมๆมองๆที่ร้านเพื่อนอาร์ทแต่ก็ไม่เห็นอาร์ทในร้าน เจนชะเง้อมองหา ขณะที่เพื่อนอาร์ทออกมาเห็นก็เข้ามาทักเจน
"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ"
"อะ อ๋อ..ไม่มีอะไรค่ะ แค่มาหาคน" เจนบอก
"ใครครับ"
"ผู้ชายหน้าบูดๆน่ะค่ะ ที่เขามาช่วยแต่งร้านอยู่ที่นี่"
"อ๋อ ไอ้อาร์ท มันไม่อยู่แล้วครับ"
"ไม่อยู่"
"ครับ มันช่วยแต่งร้านให้ผมเสร็จแล้ว มันก็เลยต้องไปทำงานของตัวเอง"
"แล้วเขาจะมาอีกเมื่อไหร่คะ" เจนถาม
"ก็คงอีกนานน่ะครับ คุณมีอะไรหรือเปล่า จะฝากบอกอะไรไหม เดี๋ยวผมบอกให้"
"งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ"
เจนผงกหัวลาเพื่อนอาร์ทแล้วเดินจากไป เธอแอบหดหู่ใจเล็กน้อยที่รู้ว่าอาจจะไม่ได้เจออาร์ทอีกแล้ว

เจนยังคงเดินเบื่อๆอยู่ตามลำพัง
"หมดธุระแล้วนี่ กลับบ้านดีกว่าเรา"
ทันใดนั้น ป้ายเซลล์ก็ผ่านตาเจนไปแหมบๆ เจนหันขวับไปมองที่ป้าย Grand Opeening Day Sale กับป้ายเครื่องสำอางค์แบรนด์ The Wisdom ซึ่งเป็นบูทเล็กๆของสกินแคร์แบรนด์ใหม่ ตั้งโชว์ของในมุมหนึ่งของห้าง
"สกินแคร์ แบรนด์ใหม่ เซลล์!! อ๊าย"
เจนอดใจไม่ไหวจึงพุ่งตรงไปที่บูท แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายที่ตั้งอยู่หน้าบูทซึ่งมีป้าย "ประกาศรับสมัครพนักงานประชาสัมพันธ์ บัญชี และพนักงานขายหลายตำแหน่ง สนใจติดต่อ.... “ ตั้งอยู่
"รับสมัครงานด้วย”
เจนถ่ายรูปป้ายนั้นเก็บไว้ด้วยมือถือ

ประตูของอาคารเล็กๆแห่งหนึ่งถูกปิดอยู่ วุธเดินมาดูอาคารหลังนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองอาคารด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตั้งใจและความหวังใหม่ๆ

รถของแพทแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านดอกไม้ของจ๋า แพทกับสุธีร์ก้าวลงจากรถแล้วเดินตรงไปที่ร้าน จ๋าออกมายืนรอรับสักพักแล้ว
"นึกยังไงกันจ๊ะ อุตส่าห์มาหาถึงร้าน" จ๋าถาม
"พอดีฉันกับแพทไปกินข้าวกันแถวนี้ นึกได้ว่าร้านเธออยู่ใกล้ๆก็เลยแวะมา" สุธีร์บอก

แพทเดินดูดอกไม้รอบๆ ร้าน สุธีร์นั่งคุยกับจ๋าอยู่ที่มุมหนึ่ง
"พวกฉันน่ะนะ กำลังสงสัยกันอยู่...” สุธีร์พูด
"เรื่องอะไร" จ๋าถาม
"นี่เธอคิดดีจริงๆแล้วใช่ไหมจ๋า เรื่องแต่งงานกับวุธ"
"ก็ไม่มีอะไรต้องลังเลนี่ จ๋ากับวุธคบกันมาตั้งห้าปีแล้วนะ วุธเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดแล้ว"
"แต่ตอนนี้วุธเขาตกงานอยู่นะ แล้วเขาจะดูแลครอบครัวไหวเหรอ"
"ก็ไม่ต้องดูแลอะไรมากสักหน่อย จ๋าก็มีรายได้ของตัวเองจากร้านนี้อยู่แล้ว"
แพทมานั่งร่วมวงด้วย
"ได้ยินว่าบ้านวุธเขาก็ฐานะดีไม่ใช่เหรอ" แพทพูดขึ้น
"แม่วุธเขาเคยทำธุรกิจน่ะจ้ะ" จ๋าบอก
"ได้ยินว่าเคยป็นนักธุรกิจไฮโซ แต่ตอนนี้ออกจากวงการไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อย่างวุธน่ะไม่มีทางขอเงินที่บ้านใช้หรอก บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ยังหาตังค์ซื้อเองเลย" สุธีร์บอก
"วุธเขาเป็นประเภทต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองน่ะจ้ะ เขาไม่ยอมพึ่งใครหรอก ที่เราตัดสินใจแต่งงานกับวุธก็เพราะวุธเป็นแบบนี้นี่แหละ"
"แล้วตอนนี้วุธทำอะไรอยู่" แพทถาม
"ก็เห็นว่ามีแผนธุรกิจอะไรสักอย่างอยู่นะ เรื่องงานของเขาก็แล้วแต่เขา เราไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก"
แพทฟังแล้วก็เริ่มจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ดารณีนั่งลงที่โซฟาในบ้านด้วยท่าทางดูเป็นผู้ดีและเยือกเย็น เธอจิบชาในถ้วยช้าๆ นิ่งๆ
"วุธออกจากงานแบบนี้ ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน เพราะวุธจะได้มีเวลามาเยี่ยมแม่บ่อยขึ้น"
"คุณแม่ดูมีความสุขดีนะครับ" วุธบอก
"จะมีความสุขกว่านี้ ถ้าวุธย้ายกลับมาอยู่บ้าน"
วุธยิ้มเงียบๆ โดยไม่ตอบอะไร
ดารณีถามขึ้น "พอแต่งงานแล้วจะไปอยู่บ้านไหน"
"ก็คงบ้านผมน่ะครับ"
"พ่อยัยจ๋าเขาไม่บ่นเอาเหรอลูก เอาลูกสาวเขาไปอยู่บ้านธรรมดาๆแบบนั้น"
"ก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่หรอกครับ"
"แต่ที่ต้องยอมก็เพราะเราดื้อน่ะสิ แม่รู้ เออ แล้วเรื่องที่จะเปิดบริษัทว่ายังไง"
"ผมจะมาคุยกับแม่เรื่องนี้อยู่พอดี ผมเพิ่งแวะไปดูตึกของคุณแม่มา"
"อ๋อ หลังนั้นเหรอ คนเช่าเก่าย้ายออกไปปีนึงแล้ว แม่ยังไม่ได้ประกาศหาคนเช่าใหม่เลย ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่ วุธอยากได้เหรอลูก"
"ผมว่าจะมาขอเช่าทำเป็นออฟฟิศ"
"จะเช่าทำไมกันล่ะ ของแม่ก็เหมือนของวุธนั่นแหละ เดี๋ยวแม่ให้เด็กเขาหากุญแจให้"
"ไม่ได้หรอกครับแม่ ผมไม่อยากไปอยู่ฟรีๆ แต่จะให้ซื้อเลยก็คงยังไม่ไหว ผมก็เลยคิดว่าจะขอจ่ายค่าเช่าให้คุณแม่ไปก่อน"
"เราก็เป็นซะอย่างนี้ เอาเถอะอยากจะจ่ายค่าเช่ายังไงก็ตามใจ"
"ขอบคุณครับแม่" วุธพูด

เจนนั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์โดยกำลังเอาครีมThe Wisdom ที่เพิ่งซื้อมามาถ่ายรูปใกล้กับหน้าตัวเอง
พอถ่ายรูปครีมกับหน้าตัวเองแล้วเธอก็โพสต์ลงinstagramพร้อมข้อความ “Shopping Therapy ครีมตัวใหม่ใช้ครั้งแรกก็หลงรักเบยยยย แฮบปี้ฝุดๆ”
เจนมองภาพที่เพิ่งโพสต์ลงไปอย่างปลื้มปริ่ม สักพักก็มีคนเข้ามากดlike
"ครีมใช้ดี บริษัทก็คงจะดีด้วย กรอกใบสมัครเลยดีกว่า"
เจนโหลดใบสมัครของThe Wisdomขึ้นมากรอกออนไลน์ บริเวณตำแหน่งงานที่ต้องการสมัคร เจนพิมพ์คำว่า "ประชาสัมพันธ์" ลงไป
เวลาผ่านไป ใบสมัครงานถูกส่งออกไปทางอีเมล เจนยกมือไหว้คอมพิวเตอร์ท่วมหัว
"เพี้ยง! ขอให้ได้งานนี้เถอะ"

โจกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ลัดดาเดินเข้ามากอดจากทางด้านหลัง
"สุดสัปดาห์นี้เราก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันดีไหมคะพี่โจ ลัดดาเพิ่งได้วันหยุดมาน่ะค่ะ นะ..จะได้มีเวลาโรแมนติคกันแบบเปิดเผยเหมือนคู่รักคู่อื่นเขาบ้าง"
โจชะงักกับคำว่าคู่รัก เธอหันมามองลัดดาด้วยท่าทางซีเรียส
"ลัดดา พี่ว่าเรามีหลายอย่างต้องเคลียร์กันนะ"
"ค่ะ"
"เราเคยตกลงกันแล้วใช่ไหมว่า ที่เราคบกันแบบนี้ก็เพื่อแลกเปลี่ยนความสุขกันเท่านั้น"
"ค่ะ"
"ซึ่งหมายความว่า พี่ไม่ใช่เจ้าของลัดดา และลัดดาก็ไม่ใช่เจ้าของพี่ พี่ไม่ได้เป็นคนรักของลัดดาเพราะว่าพี่มีเมียแล้ว"
ลัดดาหัวเราะ "แหม พี่โจ ซีเรียสไปได้ ลัดดาก็ไม่ได้อยากจะเป็นเจ้าของพี่โจซะหน่อย เราก็แค่สนุกกัน ลัดดารู้"
"และกฎอีกข้อนึงก็คือ ถ้าเมียพี่รู้เรื่องของเราเมื่อไหร่ เราก็ต้องจบ"
"เข้าใจค่ะ"
โจค่อยยิ้มออก "ลัดดาน่ารักเพราะคุยง่ายแบบนี้แหละ พี่ค่อยสบายใจหน่อย"
"งั้นอาทิตย์เราเจอกันอีกนะคะ"
"อาทิตย์หน้าพี่ไม่อยู่ ต้องไปหาลูกค้าที่พัทยา พี่ว่าจะพาครอบครัวไปพักผ่อนด้วย ศิกับลูกๆเขาอยากไปเที่ยวทะเลกันมานานแล้ว"
ลัดดาไม่ค่อยชอบใจนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เธอก็ทำยิ้มแย้มเหมือนไม่คิดมาก
"งั้นลัดดาจะรอพี่โจกลับมานะคะ"
ลัดดายิ้มซื่อตาใส

วุธนั่งคุยอยู่กับแพท เด็กเสิร์ฟเพิ่งวางเครื่องดื่มให้ทั้งคู่
"ตกลงที่นัดเราออกมานี่ มีเรื่องอะไรแพท" วุธถาม
"แหม ถามซะเป็นงานเป็นการ เพื่อนกันนัดออกมาสังสรรค์กันบ้างไม่ได้หรือไง แพทรู้เรื่องที่วุธออกจากงานแล้วนะ"
"แล้วทำไม จะชวนไปทำงานด้วยเหรอ"
"เก่งนี่ รู้ได้ไง"
"แค่ลองถามเล่นๆ"
"แต่แพทตั้งใจจะชวนจริงๆ ตอนนี้บริษัทของแพทกำลังขยายตัว เรากำลังต้องการคนเก่งๆ มาดูแลฝ่ายวางแผนการตลาด เรื่องเงินเดือน วุธเคยได้เท่าไหร่ บอสของแพทจะให้สองเท่า"
วุธเงียบไปโดยยังไม่ได้ตอบอะไร
แพทพูดขึ้นมาอีก "บริษัทของแพทก็ไม่ใช่กระจอกนะวุธ เราเพิ่งจะเปิดตัวในเมืองไทยก็จริง แต่บริษัทแม่ที่อเมริกาก็ใหญ่และประสบความสำเร็จมาก"
"เรื่องนั้นเรารู้แล้ว"
"ถ้าวุธสนใจ แพทจะบอกนายพรุ่งนี้เลย"
"ขอบใจมากนะแพท แต่เราคงไม่รับ"
"เฮ้ย ทำไมล่ะ"
"บอกตรงๆนะ เราเบื่อการตลาดแบบที่เอาแต่จะขายของ แล้วก็ต้องคอยทำงานตามความต้องการของคนอื่น"
"วุธ แต่โอกาสดีๆแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะมาบ่อยๆนะ"
"เรารู้ แต่เราคิดดีแล้ว ตอนนี้เราอยากทำการตลาดในแบบของเราเอง"
"เอาเถอะ ถ้าวุธตัดสินใจแบบนี้ก็ตามใจ"
แพทแอบเซ็งกับความมักน้อยของวุธ

แพทวางแก้วเครื่องดื่มสองแก้วลงตรงหน้าวุธ
"เรื่องงานพักไว้ก่อน มาดื่มกันต่อดีกว่า" แพทบอก
"ไม่ล่ะ เราว่าจะกลับแล้ว"
วุธลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะกลับ แพทถือโอกาสดึงมือวุธเอาไว้พร้อมทั้งจับมือวุธอย่างเชิญชวน
"อะไรกัน นี่ยังไม่ดึกซะหน่อย"
วุธมองมือตัวเองที่ถูกแพทกุมอยู่อย่างไม่รู้สึกอะไร
"แพท พวกเราน่ะคบกันมานานแล้วนะ ไอ้เรื่องแบบนี้มันจุดไม่ติดหรอก" วุธบอก
แพทปล่อยมือจากวุธอย่างเซ็งๆ วุธเดินจากไป แพทส่งเสียงไล่หลัง
"แล้วทีกับซันล่ะ ก็คบมานานพอๆกัน แล้วทำไมยังจุดติดอยู่ ฉันด้อยกว่ายัยซันตรงไหน"
วุธชะงักนิดหนึ่งแล้วทำไม่สนใจก่อนจะเดินจากไปทันที
แพทบ่นกับตัวเอง "คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่าเธอคิดยังไงกับยัยซัน"

เจนนั่งเปิดนิตยสารแก้เบื่ออยู่ในร้านกาแฟ จิตสมรมาถึงหน้าร้านแล้วมองผ่านกระจกเข้ามาเห็นเจนก็รีบเข้ามาหา จิตสมรเข้ามานั่งที่โต๊ะเจนโดยไม่ต้องให้ใครเชิญ
"น้องเจน.... ได้ยินมาว่ากำลังตกงานหรือคะ" จิตสมรถาม
เจนเหลือบตามองอย่างเซ็งๆ
"เอ๊ย พี่หมอนหมายถึง ได้ยินเพิ่งออกจากงานหรือคะ"
"ค่ะ"
"งั้นก็เป็นโอกาสอันดีที่น้องเจน จะเพิ่มมิติใหม่ให้กับชีวิต ด้วยการทำงานในฐานะนักธุรกิจแบบเครือข่าย" จิตสมรหยิบใบสมัครออกมาจากระเป๋าเอกสารทันที "นี่ค่ะ ใบสมัครสมาชิกเบทเท่อร์ไลฟท์ เพียงแค่สมัครสมาชิกกับเรา ความเศร้าก็จะหายไปในพริบตา"
"พี่หมอนคะ เจนไม่...”
"อ๊ะๆๆ อย่าปฏิเสธค่ะ ฟังก่อน เหมือนที่พี่บอกไปเมื่อวันก่อนไงคะ งานนี้มันง่ายจะตาย แค่ทำตัวสวยๆ เดินไปเดินมา แล้วก็ขายสินค้าให้เพื่อนๆ ให้พี่ๆน้องๆเรา ขายได้เยอะก็ได้ปันผลเยอะ ธุรกิจแบบนี้ทำให้คนรวยมานักต่อนักแล้ว"
เจนเริ่มสนใจ
"ถ้าขายของได้แล้วก็ได้เงินเลยหรือเปล่าคะพี่"
"ได้เลยสิคะ รับปันผลทุกสิ้นเดือน"
เจนเริ่มครุ่นคิดถึงค่าบัตรที่ต้องจ่าย
"สนใจแล้วใช้ม้า งั้นก็เซ็นเลย เซ็นปุ๊บรวยปั๊บ"
จิตสมรยัดปากกาใส่มือเจน เจนละล้าละลัง ทันใดนั้นจูดี้ก็เข้ามาแทรกพอดี
"อย่าเซ็นนะน้องเจน" จูดี้มองจิตสมร "บอกหลายครั้งแล้วนะนังหมอนว่าอย่ามาหาลูกค้าในร้านฉัน"
"อะไรยะ ฉันแค่มาคุยกับน้องเจนเฉยๆ แล้วนี่น้องเจนเขากำลังจะสร้างโอกาสใหม่ให้ชีวิต หล่อนมาเกี่ยวอะไรด้วย"
"เดี๋ยวน้องเจนเขาก็หางานได้เร็วๆนี้นี่แหละ เขาไม่ได้ร้อนเงินขนาดนั้นหรอกย่ะ จริงไหมน้องเจน"
เจนตอบไม่เต็มเสียง "เอ่อ...ค่ะ"
"แต่ไม่มีธุรกิจไหนที่ทำเงินง่ายกว่านี้อีกแล้วนะคะ เชื่อพี่"
เจนจับปากกาอย่างจดๆจ่อๆ ว่าจะเอายังไงดี ทันใดนั้นเสียงข้อความอีเมล์ในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เจนกดดูแล้วก็ตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจ
"อีเมล์จากเดอะ วิสดอม เรียกตัวเจนไปสัมภาษณ์ พี่จิตสมร ขอโทษนะคะ เจนไม่สมัครแล้ว" เจนหันมาดีใจกับจูดี้ "ไชโย ดีใจจังเลยพี่จูดี้ เจนจะได้ไปสัมภาษณ์งานแล้ว"
เจนกับจูดี้พากันดีใจจึงกอดกันกลม จิตสมรเซ็งที่พลาดอีกแล้ว

เจนเดินทางมาถึงหน้าอาคารสำนักงานหรู เธอยืนมองอาคารสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงเอี๊ยด รถคันหนึ่งเบรคดังสนั่นเพราะเกือบจะชนเจน เจนยังยืนงงอยู่ จ๊อด คนขับรถคันนั้นลงมาดูด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"เป็นไรหรือเปล่าครับ" จ๊อดถาม
"ไม่เป็นไรค่ะ"
จ๊อดกลับเข้าไปในรถ เจนขยับตัวเลี่ยงออกไปให้รถแล่นผ่าน รถจ๊อดแล่นผ่านไป เจนมองตามตาลอยและเคลิ้มฝัน "หล่อเว่อร์อ่ะ"

เจนกดลิฟท์แล้วยืนรอ พอประตูลิฟท์เปิดเจนก็ก้าวเข้าไป แต่ก่อนที่ประตูจะปิดผู้ชายคนหนึ่งก็แทรกตัวเข้ามาทัน
"ชั้นอะไรคะ" เจนถามชายที่เพิ่งเข้ามาโดยไม่หันไปมอง
"ชั้น 9 ขอบคุณครับ" ชายที่เข้ามาคืออาร์ทตอบ
เจนเห็นว่ากดชั้น9ไว้แล้วซึ่งเป็นชั้นเดียวกับเธอ แล้วทั้งคู่ก็หันมาเจอหน้ากัน ทั้งสองสะดุ้ง
"เฮ้ย! นายมาทำอะไรที่นี่" เจนถาม
"ผมทำงานที่นี่" อาร์ทบอก
"ฉันไม่เชื่อ"

ลิฟท์ขึ้นมาหยุดที่ชั้น9 เจนก้าวออกมา อาร์ทก็ก้าวตามมาด้วย เจนหันไปมองอย่างงงๆ
"อย่าบอกนะว่าที่นี่" เจนถาม
อาร์ทตอบสั้นๆ "ใช่"
อาร์ทควักป้ายพนักงานออกมาโชว์ให้เจนดูแบบเย้ยเล็กน้อย เจนไม่อยากเชื่อแต่ก็เดินตามอาร์ทเข้ามาในบริษัท ปุ๊กกี้ที่เดินอยู่บริเวณนั้นพอดีร้องทักอาร์ท
"อ้าวมาแล้วเหรออาร์ท เดี๋ยวบ่ายๆมาหาพี่หน่อยนะ ว่าจะปรึกษาเรื่อง เว็บไซต์หน่อย"
"ครับ"
เจนกระซิบถาม "นี่นายทำงานที่นี่จริงๆอ่ะ"
ปุ๊กกี้มองเจน
"แล้วนี่ใคร เพื่อนเหรอ" ปุ๊กกี้ถาม
"เปล่าครับ ไม่รู้จัก" อาร์ทบอก
"เจนจิราค่ะ มาสัมภาษณ์งาน"
เจนพยายามยิ้มหวานให้

ปุ๊กกี้ หัวหน้าฝ่ายพีอาร์ซึ่งมีท่าทางนิ่งๆ ดุๆ และเยือกเย็น มองด้วยสายตาจิกขณะปิดแฟ้มประวัติของเจนลง
"ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านพีอาร์เลย"
"ไม่มีค่ะ แต่ดิฉันมีความตั้งใจนะคะ"
"จะทำงานใหญ่ ความตั้งใจอย่างเดียวมันไม่พอหรอกย่ะ พีอาร์ที่นี่เนี่ยนะ ส่วนใหญ่เขาเป็นพวกลูกหลานตระกูลไฮโซ ที่เขาถูกดึงให้มาทำงานที่นี่ก็เพราะเขามีคอนเน็คชั่น มีเพื่อน มีญาติพี่น้องเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม ซึ่งเป็นประโยชน์กับงานประชาสัมพันธ์ของแบรนด์เรา แต่เธอ... เป็นใคร"
"เอ่อ...” เจนอึ้ง
ปุ๊กกี้พูดแทรกขึ้น "โนบอดี้"
เจนหน้าหงอยลงทันที
ปุ๊กกี้ถามต่อ "แล้วนี่เธอมีความสามารถอะไรที่จะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์กับแบรนด์ของเราได้บ้าง"
"เอ่อ...”
"มีความสามารถพิเศษอะไร" ปุ๊กกี้ถาม
"เล่นเน็ตค่ะ เอ่อ ชอบโพสต์รูปทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คน่ะค่ะ อย่างล่าสุดก็..เพิ่งโพสต์รูปครีมเดอะวิสดอม"
ปุ๊กกี้เริ่มสนใจ "ไหนเอามาดูซิ"
เจนเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด instagram ของตัวเองแล้วส่งให้ปุ๊กกี้ดู ภาพในจอเป็นภาพที่เจนถ่ายกับครีมเดอะวิสดอมซึ่งมีจำนวนไลค์มากมาย มีคนคอมเมนท์ถามเยอะมาก ว่าครีมอะไร / ใช้ดีไหม / ซื้อที่ไหน
ปุ๊กกี้เริ่มสนใจ "น่าสนใจ...”
"ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ เจนยังทำรีวิวเปรียบเทียบหน้าก่อนใช้ครีม กับหลังใช้ลงในพันทิปด้วย ตอนนี้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำแล้วค่ะ" เจนบอก
เจนเอาไอแพดออกมาจิ้มๆ ส่งให้ปุ๊กกี้ดู ปุ๊กกี้เห็นภาพที่เจนโพสต์ภาพถ่ายของตัวเอง before กับafter

เจนเดินหน้านิ่งๆ ออกมาจากห้องของปุ๊กกี้แล้วเดินออกจากออฟฟิศไป อาร์ทซึ่งนั่งทำงานอยู่เห็นเจนออกมาก็นึกสงสัยว่าเจนได้งานหรือเปล่า เขาจึงลุกตามเจนไป
เจนยืนรอลิฟท์อยู่ อาร์ททำทีเป็นมีธุระจะลงไปชั้นล่างจึงมายืนข้างเจน
อาร์ทถามขึ้น "ได้งานหรือเปล่า"
"หน้าตาฉันเหมือนคนได้งานไหมล่ะ" เจนย้อนถาม
อาร์ทเหลือบมองเจนที่ก้มหน้านิ่ง เจนทำเก๊กนิ่งอยู่
ลิฟท์เปิดออกพอดี เจนก้าวเข้าไปในลิฟท์แต่ยังหันมาพูดทิ้งท้ายพร้อมกับยิ้มจนแก้มปริ
"โฮะๆๆ ฉันได้งานย่ะ วันจันทร์หน้านายเจอฉันแน่"
ประตูลิฟท์ปิด อาร์ทยืนขำๆ ตามลำพัง
"ยัยบ๊องเอ๊ย"

วุธกับซันยืนอยู่หน้าอาคารหลังหนึ่ง
"ที่โทรเรียกฉันมาเนี่ย ตกลงว่านายจะพาฉันมาดูอะไร" ซันถาม
วุธอมยิ้มเหมือนคนมีความลับ
"ตามมาสิ"
วุธเดินนำซันเข้าไปในอาคาร

วุธประตูด้านหน้าสำนักงานของตัวเองออก แล้วพาซันเดินเข้าไปด้านใน ซันเห็นว่าข้างในเป็นออฟฟิศขนาดเล็กที่เพิ่งตกแต่งเสร็จใหม่ๆ ซันมองไปรอบๆ
"นี่ อย่าบอกนะว่า...นาย"
วุธยิ้มด้วยความภูมิใจ
"ใช่ บริษัทเราเอง จะเปิดเดือนหน้า"
"บริษัททำอะไร" ซันถาม
"ก็รับปรึกษาแล้วก็วางแผนด้านการตลาด" วุธบอก
"มีลูกค้าหรือยัง"
"ก็พอมีลูกค้าเก่าๆที่ยังเชื่อมือกันอยู่บ้าง เราแจ้งเขาไปแล้ว ก็มีหลายบริษัทอยากมาคุยนะ"
"เจ๋งมากเลยวุธ ตอนแรกฉันก็เป็นห่วงนายแทบแย่"
"ตอนนี้เราก็กลับมาเป็นคู่แข่งกันอีกแล้วนะ"
"คู่แข่งอะไรกัน บริษัทเล็กๆแบบนี้ แย่งลูกค้าฉันไม่ได้หรอก"
"ถ้าไม่ใช่คู่แข่ง ซันมาทำงานกับเราไหม ให้เป็นหุ้นส่วนก็ได้"
"ล้อเล่นน่า"
"แล้วถ้าเราพูดจริงล่ะ"
วุธเริ่มจริงจังจนซันหวั่นไหวเพราะไม่มั่นใจว่าวุธพูดจริงหรือเล่น เธอยังไม่กล้าตอบ
"คือฉัน...”
"เรารู้ คนอย่างเธอไม่ลดตัวลงมาทำงานบริษัทเล็กๆแบบนี้หรอก ใช่ไหม"
"นายก็รู้อยู่แล้วนี่ แล้วจะถามทำไม"
"ก็เดาไว้อยู่แล้ว ว่าเธอคงไม่มา" วุธบอก

รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าคอนโด วิภาก้าวลงจากรถแท็กซี่พร้อมถุงข้าวของในมือถุงใหญ่ เธอเดินตรงเข้าไปในคอนโดมีเนียม วิภากดลิฟท์ แล้วยืนรอ

วิภารื้อข้าวของจากถุงที่หอบหิ้วมาโดยเอาสมุนไพรจีนออกมาวางตรงหน้าอ้อม
"เอ้านี่ สมุนไพรจีน ช่วยให้ท้อง" วิภาบอก
"เยอะมากเลยนะคะม๊า" อ้อมบอก
"ก็ต้องเยอะน่ะสิ ถึงจะได้ผล นี่ชุดนี้เขาเรียกสูตร หนึ่งบวกเจ็ด บำรุงมดลูก บำรุงรังไข่ ห่อแรกให้ต้มกินวันแรกที่ประจำเดือนมา อีกเจ็ดห่อให้ต้มกินหลังจากนั้นวันละหนึ่งห่อ"
"ต้องกินหมดนี่เลยหรือคะ"
"ก็ต้องหมดสิ ต้มซะ แล้วกินติดต่อกันเจ็ดวัน ครบเมื่อไหร่ รับรองท้องแน่ เชื่อม๊า" วิภาพูด
อ่านต่อหน้าที่ 3


ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ซันกำลังเดินดูรอบๆออฟฟิศของวุธ เสียงโทรศัพท์วุธดังขึ้น วุธกดรับสาย

"ครับ ผมวุธพูดครับ"
ซันเดินดูรอบๆห้อง ขณะที่วุธพูดสาย
"คุณต้นน่ะเอง ผมเคยทำการตลาดให้ไวท์สโนว์มาตั้งสี่ห้าปี ต้องจำได้สิครับ....คุยได้ครับว่าไง..... อยากให้บริษัทผมทำการตลาดให้"
ซันชะงักทันทีเมื่อได้ยินวุธพูดเรื่องงานเพราะเริ่มอยากรู้
"อืม... ต้องขอบคุณมากนะครับคุณต้นที่อุตส่าห์นึกถึงผม แต่คุณคงรู้ว่าตอนนี้ผมเพิ่งเปิดบริษัท บอกตรงๆว่าผมยังไม่พร้อมรับงานใหญ่ ขอโทษด้วยนะครับ"
ซันมองวุธอย่างไม่เข้าใจเพราะงงว่าวุธปฏิเสธงานทำไม วุธกดวางสายปั๊บ ซันก็ส่งเสียงทันที
"เฮ้ย นี่นายปฏิเสธงานหน้าตาเฉยแบบนั้นเลยน่ะเหรอ"
"อื้อ เธอก็ได้ยินแล้วนี่" วุธบอก
"งานอะไร"
"ไวท์สโนว์ ลูกค้าเก่าเราเอง เขากำลังจะเปิดตัวโลชั่นตัวใหม่"
"ไวท์สโนว์ สกินแคร์เจ้าใหญ่ แต่นายกลับปฏิเสธโอกาสดีๆแบบนี้"
"เราบอกแล้วไงที่เราเปิดบริษัทนี้เพราะเราอยากเลือกทำงานที่เราอยากทำ ไม่ใช่ว่าหลับหูหลับตารับงานแบบไหนก็ได้ ไวท์สโนว์มันไม่ใช่แค่ขายสินค้านะซัน แต่มันคือการขายฝันให้ผู้หญิง ว่าต้องอยากขาว อยากสวย"
"ขายฝันแล้วไง งานที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้มันก็ขายฝันเหมือนกัน"
"เราถึงไม่อยากทำงานแบบนั้นต่อไง เราว่างานแบบนั้นมันทำให้เราไม่เห็นคุณค่าของตัวเราเอง"
ซันเริ่มโมโห
"ฉันว่านายเพี้ยนแน่ๆเลยวุธ แรกสุดก็ลาออกจากงานเอเจนซี่ ต่อมานายก็ปฏิเสธไม่รับโอกาสดีๆที่พ่อจ๋าเสนอให้ แล้วก็มาครั้งนี้ นายโยนงานใหญ่งานแรกของบริษัททิ้งไปหน้าตาเฉย นี่นายคิดอะไรอยู่ ฉันไม่เข้าใจเลย"
"ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้อยู่ เธอก็คงไม่เข้าใจหรอก" วุธบอก
"ใช่สิ คนอย่างฉันมันคงไม่มีคุณค่ามากพอที่จะไปทำความเข้าใจนายได้หรอก ฉันกลับล่ะ"
ซันออกจากห้องนั้นไปด้วยความโกรธและน้อยใจ วุธได้แต่มองตามไปอย่างเศร้าๆ

หม้อต้มยาจีนร้อนระอุอยู่บนเตาในห้องครัวของอ้อม อ้อมวุ่นวายอยู่กับการต้มยาจีนในหม้อยา เธอเปิดฝาขึ้นมาแล้วก็เบะหน้าเพราะกลิ่นยาฉุนจัด วินที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จถือกระเป๋าทำงานออกมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีกับกลิ่นยาจีนที่ลอยตลบอบอวล
"โห...ทำไมกลิ่นมันแรงอย่างนี้ล่ะอ้อม"
"ยาจีนก็แบบนี้แหละจ้ะ"
อ้อมรินยาใส่ถ้วย วินมอง
"นี่อ้อมจะกินยาพวกนี้จริงๆเหรอ"
"ใช่จ้ะ หม่าม๊าอุตส่าห์เอามาให้นะ แถมกำชับด้วยว่าต้องกินให้หมดชุด"
"หม่าม๊าไม่น่าเสียเงินไปซื้อมา ยาจีนพวกนี้กินแล้วปลอดภัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ สมุนไพรจีนบางตัวก็ยังไม่มีการรับรองทางการแพทย์ มันอาจมีผลข้างเคียงก็ได้นะอ้อม"
"แต่คนอื่นเขาก็กินกันเยอะแยะไปนะ ลองกินดูสักพัก คงไม่เป็นไรหรอก"
อ้อมกลั้นใจ บีบจมูก แล้วกลืนยาลงไป วินมองแล้วก็สยองแทน วินดมเสื้อตัวเองแล้วทำจมูกฟุตฟิต
"กลิ่นมันแรงจริงๆนะอ้อม นี่ติดเสื้อผ้าวินหมดแล้ว"
"เอาน่า หม่าม๊าบอกมาว่าให้ทนหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง" อ้อมบอก

วินยืนรอลิฟท์อยู่ที่ชั้นเดียวกับห้องพักของตัวเอง พอลิฟท์เปิดเขาก็เห็นจิตสมรยืนอยู่ข้างใน
"อ้าว หมอวิน สวัสดีค่ะ" จิตสมรทัก
"สวัสดีครับ"
วินก้าวเข้าไปในลิฟท์

จิตสมรทำจมูกฟุตฟิตเพราะได้กลิ่นฉุนอบอวลในลิฟต์
"กลิ่นอะไรคะ หมอได้กลิ่นหรือเปล่า"
จิตสมรดมหาที่มาของกลิ่นจนพบว่ามาจากเสื้อของหมอวิน
"นี่หมอวินกินยาจีนหรือคะ"
"อ้อมเข้ากินน่ะครับ"
"โฮ้ย ยาสมุนไพรจีน คุณอ้อมนี่ก็นะ เป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ อาชีพการงานก็ดี๊ดี เป็นถึงนักแปลอิสระ ไม่น่าจะเชื่อเรื่องโบราณคร่ำครึแบบนั้น ยาจีนมันไม่ปลอดภัยคุณหมอก็รู้ใช่ไหมคะ"
"ครับ ผมก็เตือนเขาไปบ้างแล้ว"
"ถ้าอยากท้อง ต้องลองอาหารเสริมของจิตหมอน รับรองเอาอยู่ คุณหมอจะรับไปลองสักขวดไหมคะ เป็นผลิตภัณฑ์สกัดจากไข่วัว"
"เอ วัวมันไม่มีไข่นี่ครับ"
"จิตหมอนหมายถึงอัณฑะของวัวน่ะค่ะ แหล่งผลิตฮอร์โมนเพศชายชั้นเลิศ กินแล้วรับรองว่าฮอร์โมนพุ่ง ฟิตปั๋ง ลองชิมดูสักนิดไหมคะ"
จิตสมรจะควักกระปุกขึ้นมา แต่วินรีบห้ามไว้ด้วยสีหน้าสยดสยอง
"เอ่อ ไม่เป็นไรมังครับ ตอนนี้ผมก็ฟิตอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ตัวช่วย"


ซันเดินเข้ามาภายในออฟฟิศที่พนักงานคนอื่นๆ กำลังก้มหน้าทำงานกันอย่างจริงจัง ซันเลี้ยวเข้าห้องทำงานของตัวเอง ซันเดินมานั่งลงที่โต๊ะที่มีแฟ้มวางกองกันอยู่บนโต๊ะ พิสมัยเข้ามาในห้องพร้อมถ้วยกาแฟก่อนจะวางถ้วยลงบนโต๊ะ
"วันนี้มีนัดอะไรบ้างไหมพี่หมัย" ซันถาม
"มีนัดกับ...” พิสมัยบอก
"จำได้ว่าวันนี้ช่วงบ่ายไม่มีนัดไม่ใช่เหรอ"
"ตามกำหนดการเดิมไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้วค่ะ ลูกค้าเดลี่ดริงค์แจ้งมาว่าขอคุยกับคุณซันด่วนค่ะ ลูกค้า อยากสรุปเรื่องแผนโฆษณาเร็วๆ ก็เลย พี่หมัยเลยคอนเฟิร์มไปแล้วว่าเป็นบ่ายโมง"
ซันพยักหน้ารับ พิสมัยจะเดินออกไปแต่ซันเรียกไว้
"พี่หมัย เดี๋ยวเรียกสุธีร์มาหาซันด้วยนะคะ"
พิสมัยสีหน้ารู้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดี "ค่ะ"
พิสมัยออกมานอกห้องซันแล้วเดินไปหาสุธีร์ซึ่งนั่งทำงานอยู่มุมหนึ่ง สุธีร์หันมามองพิสมัย พิสมัยทำท่าภาษามือเป็นเชิงบอกว่าซันเรียก แล้วเธอก็ทำท่าเอานิ้วเชือดคอตัวเองคล้ายจะบอกว่าสุธีร์เสร็จแน่

ซันเปิดแฟ้มงานดูด้วยสีหน้าเครียดๆ
"เดือนนี้ เธอแก้งานของเดลี่ดริงค์ไปกี่ครั้งแล้ว" ซันถาม
"สี่ครั้ง...” สุธีร์ตอบ
"ผ่านหรือยัง"
"ลูกค้ายังไม่เคาะ"
"ยังไม่เคาะ เพราะว่าเขาไม่ซื้อไอเดียเธอ"
"ก็ทางลูกค้าก็เรื่องเยอะเอง แค่ขายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ไม่รู้จะอะไรนักหนา"
"สุธีร์ ตั้งแต่เราคุมทีมนี้มา ไม่เคยมีประวัติแก้งานเกินห้าครั้งเลยนะ"
"นี่ก็เพิ่งสี่ครั้งไง ยังไม่ทำลายสถิติซะหน่อย แหม...ครั้งหน้าไม่พลาดแน่น่า"
"แล้วถ้าพลาด"
"ถ้าพลาดชั้นรับผิดชอบเอง"
"แล้วถ้าลูกค้าเปลี่ยนใจไปจ้างบริษัทอื่น ถ้าเราต้องเสียลูกค้ารายใหญ่ไป เธอรับผิดชอบไหวไหม"
"นี่ อย่าเพิ่งพูดอะไรที่มันยังไม่เกิดได้ไหม บอกว่าคราวนี้เอาอยู่ก็ต้องเอาอยู่สิ เอาไว้ถ้างานหลุดขึ้นมาจริงๆค่อยเรียกฉันมาอบรมแล้วกัน"
สุธีร์รวบแแฟ้มขึ้นมาแล้วลุกขึ้นออกจากห้องไป ซันมองตามแล้วก็ได้แต่ถอนใจ

สุธีร์ออกมาจากห้องทำงานซันด้วยความหงุดหงิด เขาเดินไปบ่นไป
"เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งก็ทำกร่างซะแล้ว คิดว่าใหญ่นักหรือไง รอให้ฉันขายงานนี้ผ่านก่อนเหอะ จะเอาให้อึ้ง พูดไม่ออกเลย"


ศศินั่งรอตรวจอาการอยู่หน้าห้อง ลัดดาถือแฟ้มของศศิอยู่ในมือลอบมองศศิอยู่ไกลๆ ลัดดาอ่านชื่อศศิในแฟ้ม
"ศศิกานต์ ชยานนท์ ...." ลัดดานึกเพราะรู้สึกคุ้นๆ "ขยานนท์ อ๋อ..เมียพี่โจ"
ลัดดาถือแฟ้มเข้ามาหาศศิพร้อมกับยิ้มแย้มแจ่มใสและมีท่าทางอ่อนหวาน
"คุณศศิกานต์ใช่ไหมคะ" ลัดดาถาม
"ค่ะ"
"เชิญค่ะ คุณหมอพร้อมแล้ว"
ศศิลุกขึ้นเดินตามลัดดาที่นำทางไปห้องตรวจ ลัดดาชวนคุย
"มาพบคุณหมอเรื่องอะไรคะวันนี้"
"ปวดหัวไมเกรนน่ะค่ะ แล้วก็จะเช็คร่างกายด้วย"
ลัดดาเดินนำศศิเข้าไปในห้องหมอ

เวลาผ่านไป ลัดดานำศศิออกมาจากห้องตรวจ
"เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหมอกำลังเขียนใบสั่งยาแก้ปวดหัวไมเกรนให้นะคะ คุณศศิกานต์ไปรอรับยาได้เลยค่ะ" ลัดดาบอก
ลัดดาพาศศิมานั่งรอที่เก้าอี้ ระหว่างนั้นลัดดาก็นึกถึงเรื่องที่โจบอกว่าจะไปเที่ยวพัทยากับศศิและลูก ลัดดาจึงทำเป็นชวนคุย
"เป็นไมเกรนนี่ทรมานนะคะ" ลัดดาพูดขึ้น
"ใช่ กินยาแล้วก็ไม่ค่อยหายด้วยนะ บางทีกินยาไปแล้วต้องรอนานมากเลยกว่าจะออกฤทธิ์ ต้องทนปวดหัวอยู่เกือบชั่วโมง ทรมานมาก" ศศิบอก
"ยาแก้ไมเกรนส่วนใหญ่ที่หมอเขาจัดให้ ก็ออกฤทธิ์ช้าแบบนั้นล่ะค่ะ" ลัดดานึกแผนบางอย่างออก "จริงๆลัดดาเองก็เป็นไมเกรนเหมือนกันนะคะ"
"พยาบาลก็เป็นไมเกรนกันด้วยหรือคะ" ศศิแปลกใจ
"เป็นกันเยอะค่ะ งานพยาบาลนี่ ที่จริงเป็นงานที่เครียดมากนะคะ ไหนจะต้องอยู่กับคนป่วย แล้วไหนจะเรื่องงานจุกจิกให้ปวดหัวได้ทั้งวัน แต่โชคดีที่ลัดดามียาดี"
"ยาอะไรกันคะ"
"ยาแก้ปวดหัวไมเกรนที่พวกเราใช้กันเฉพาะในกลุ่มพยาบาลน่ะค่ะ ตัวนี้ได้มาจากต่างประเทศ ราคาก็สูง หมอเขาเลยไม่ค่อยจ่ายตัวนี้ให้คนไข้ แต่ลัดดารับรองเลยนะคะเห็นผลเร็วมากจริงๆ ไม่กี่นาทีก็หายแล้ว"
"แหม ฟังดูเหมือนยาวิเศษเลย"
"ของแบบนี้ ไม่ลองไม่รู้ จริงไหมคะ"
ศศิเริ่มคล้อยตามและรู้สึกอยากได้ยาวิเศษขึ้นมา
"แล้วถ้าพี่อยากได้บ้าง ต้องทำยังไง"
ลัดดาแอบอมยิ้มที่ทุกอย่างเข้าแผน

ศศินั่งรอรับยาอยู่ที่บริเวณที่นั่งรอ ลัดดาเดินกลับมาหาอีกครั้ง ลัดดาแอบยื่นถุงยาเล็กๆ ให้ศศิ
"นี่ค่ะ คุณศศิ"
ศศิรับไปใส่กระเป๋าถือ
"อย่าบอกใครนะคะว่าลัดดาให้มา จริงๆมันผิดกฏน่ะค่ะ" ลัดดากำชับ
"แน่นอนค่ะ พี่ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คิดซะว่า ลัดดาเอามาให้คุณในฐานะเพื่อน ไม่ใช่ในฐานะพยาบาลกับคนป่วย"
ศศิรู้สึกซึ้งในน้ำใจของพยาบาลสาวสวยคนนี้
"งั้นพี่กลับก่อนนะคะ ต้องรีบไปรับลูกที่โรงเรียน"
ศศิเดินจากไป ลัดดายิ้มใสแต่ดวงตาซื่อๆ กลับแฝงไปด้วยแผนการร้ายกาจ


ลัดดาเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์พยาบาลบนเคาน์เตอร์ซึ่งมีขวดยาขวดหนึ่งวางอยู่ ลัดดาหยิบขวดขึ้นมามองแล้วยิ้ม ที่ขวดยามีชื่อยาและลายมือบนกระดาษกาวเป็นตัวหนังสือเขียนกำกับไว้ว่า "ยากล่อมประสาท" ลัดดาเอายาขวดนั้นเก็บใต้เคาน์เตอร์

ศศิช่วยต้นกล้ากับข้าวหอมเก็บเสื้อผ้าชุดไปเที่ยวใส่กระเป๋าอยู่ที่บ้าน
"คุณแม่ขา คุณแม่ว่าข้าวหอมเอาชุดว่ายน้ำตัวไหนไปดี สีชมพูหรือสีฟ้า"
ศศิปวดหัวแต่ก็ฝืนทำหน้าที่ไปตามปกติ
"ชอบตัวไหนก็เอาตัวนั้นไปสิลูก"
"คุณแม่ครับ ต้นกล้าขอเอากล้องไปถ่ายรูปด้วยนะ" ต้นกล้าอ้อนขอแม่
"จ้ะ"
โจโผล่มาหน้าดู
"เป็นไงกันมั่ง แม่ลูก เก็บของกันอยู่เหรอ พรุ่งนี้เราจะได้ไปทะเลกันแล้วนะ"
"คุณพ่อคะ ข้าวหอมจะไปเก็บเปลือกหอยกลับมาบ้านด้วย" ข้าวหอมบอกพ่อ
"นี่ข้าวหอมไม่รู้เหรอว่า การเก็บเปลือกหอยมาจากชายหาดเป็นสิ่งไม่ดี" ต้นกล้าบอกน้อง
"ไม่ดียังไง"
"ครูพี่บอกว่า เปลือกหอยเป็นบ้านของปู..ปู อะไรนะครับแม่" ต้นกล้าหันไปถามแม่
ศศิฝืนยิ้มตอบ "เสฉวนจ้ะ"
"ใช่ ปูเสฉวน ถ้าเราไปเอาบ้านปูมา ปูก็จะไม่มีที่อยู่"
"เหรอ งั้นเราไปสร้างบ้านให้ปูกันดีกว่าไหม พี่กล้า"
เด็กสองคนคุยกันเจื้อยแจ้ว ศศิพับเสื้อผ้าลูกไปแล้วก็กุมศีรษะไปโดยมีสีหน้าไม่ค่อยดี โจสังเกตเห็น
"ยังปวดหัวอยู่หรือศิ" โจถาม
"อือ" ศศิตอบสั้นๆ
"กินยาหรือยัง" โจถาม
"กินไปชั่วโมงนึงแล้ว นี่ยังไม่หายเลย"
"แล้วพรุ่งนี้จะไปได้หรือเปล่า"
ศศิมองลูกๆ ที่หยุดคุยหันมามองรอความหวังจากเธอตาปริบๆ
ศศิยิ้มให้กำลังใจลูก "ไปได้สิ ยังไงก็ต้องหาย"

ศศิเดินเข้ามาในห้องนอนก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วกุมขมับ สักพักเธอก็นึกได้จึงหยิบซองยาที่ได้มาจากลัดดาออกจากกระเป๋าถือ ศศินึกถึงคำพูดของลัดดา
"ยาแก้ปวดหัวไมเกรนที่พวกเราใช้กันเฉพาะในกลุ่มพยาบาลน่ะค่ะ ตัวนี้ได้มาจากต่างประเทศ ราคาก็สูง หมอเขาเลยไม่ค่อยจ่ายตัวนี้ให้คนไข้ แต่ลัดดารับรองเลยนะคะเห็นผลเร็วมากจริงๆ ไม่กี่นาทีก็หายแล้ว"
"แหม ฟังดูเหมือนยาวิเศษเลย" ศศิบอก
"ของแบบนี้ ไม่ลองไม่รู้ จริงไหมคะ" ลัดดาย้ำ

ศศิตัดสินใจลองเปิดซอง เทยาออกมากินแล้วดื่มน้ำตามทันที

เช้าวันใหม่ที่คอนโดมีเนียมที่อ้อมอยู่ อ้อมกำลังต้มยาจีนที่มีควันลอยฉุยออกมาจากหม้อ อ้อมสำลักกลิ่นเสียเอง วินมายืนมองแล้วทำหน้าเหยเก
"ไม่ไหวแล้วมั้งอ้อม กลิ่นยานี่มันคลุ้งไปทั่วห้องเลยนะ"
อ้อมกับวินช่วยกันเปิดหน้าต่าง ประตูห้องออกเพื่อไล่กลิ่นฉุนออกไป

เพื่อนบ้านสองคนเดินผ่านหน้าห้องของอ้อมกับวินแล้วพากันร้องยี้เพราะเหม็นกลิ่นยา ทุกคนเอามือปิดจมูก เพื่อนบ้านสองคนเดินไป คนในคอนโดอีกกลุ่มที่ยืนรอลิฟท์อยู่ต่างก็ปิดจมูกด้วยอาการเดียวกัน แล้วทุกคนก็เริ่มซุบซิบกัน

ผู้อาศัยในคอนโดหลายคน รวมทั้งแม่บ้านจับกลุ่มคุยกันเรื่องกลิ่นยาจีนที่ลอยไปทั่วคอนโดฯ อยู่บริเวณล็อบบี้
"แบบนี้มันไม่ไหวนะคะ กลิ่นคลุ้งไปทั่วตึกเลย"
"เช้าวันเสาร์แท้ๆ แทนที่พวกเราจะได้พักผ่อนกันอย่างสงบ แต่กลับต้องมาถูกรบกวนเพราะกลิ่นยาเนี่ย"
"ต้องหาต้นเหตุให้ได้ว่ากลิ่นมันมาจากไหน"
จิตสมรเดินมาได้ยินพอดี รีบเข้ามาสอด
"กลิ่นยาจีนใช่ไหมคะ จิตหมอนรู้ค่ะว่ามาจากห้องไหน"


เจนกับซันมาหาอ้อมที่ห้องที่ประตูเปิดอยู่แล้ว ทั้งคู่ชะโงกหน้าเข้าไปพอสัมผัสกับกลิ่นยาจีนทั้งคู่ก็ถึงกับหน้าแหยเก
"อ้อม นี่แกทำอะไรเนี่ย" ซันถาม
อ้อมกับวินกำลังช่วยกันฉีดสเปรย์ดับกลิ่นไปทั่วห้อง
"ต้มยาน่ะ" อ้อมบอก
"กลิ่นมันลอยไปทั่วคอนโดแล้วนะ" ซันว่า
"คนเขาบ่นกันใหญ่เลยอ่ะพี่อ้อม" เจนบอก
"จริงเหรอ" อ้อมตกใจ
ไม่ทันขาดคำ กลุ่มของเพื่อนบ้านกลุ่มใหญ่ก็บุกมาถึงหน้าห้องอ้อม
"คุณอ้อมคะ กลิ่นยาของคุณอ้อมมันลอยลงไปถึงล๊อบบี้ข้างล่างเลยนะคะ รู้หรือเปล่า"
"ขอโทษค่ะ" อ้อมบอก
"ขอโทษครับ" วินยกมือไหว้
อ้อมกับวินช่วยกันขอโทษเป็นพัลวัน
"จิตหมอนก็บอกคุณอ้อมกับหมอวินไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าไปเสียเวลากับยาสมุนไพรจีน ไม่เชื่อกันบ้างเล๊ย" จิตสมรถือโอกาส

อ้อมกำลังเทยาจีนในหม้อทิ้งที่อ่างล้างจาน วินโยนชุดยาจีนที่ยังไม่ได้ต้มทิ้งลงถังขยะ
"ต่อไปนี้ไม่เอายาจีนแล้วนะอ้อม"
"จ้ะ ไม่ก็ไม่"
"เดี๋ยววินโทรไปเคลียร์กับหม่าม๊าเองว่าวิธีนี้มันไม่เวิร์ค"
อ้อมพยักหน้าหงึกๆ ด้วยความรู้สึกจ๋อยๆ

ศศินอนสะลึมสะลืออยู่บนเตียงนอนเพราะลุกไม่ขึ้น โจมานั่งลงข้างๆ
"ศิ เป็นยังไงบ้าง ท่าทางแบบนี้จะไปพัทยาได้เหรอ" โจถาม
"ไม่รู้สิ ศิคิดไม่ออก มันมึนไปหมด นี่ก็ง่วงจนลุกไม่ขึ้นเลยนะโจ" ศศิบอก
"ไปทำอะไรมา"
"สงสัยฤทธิ์ยาแก้ไมเกรนน่ะ ยาคงจะแรง"
ศศิผุดลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางกระสับกระส่าย
"อาการแบบนี้คงไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ"
จู่ๆศศิก็สะอื้นด้วยอาการซึมเศร้าด้วยฤทธิ์ยาระงับประสาท โจตกใจ
"อ้าว เป็นอะไร"
"ไม่รู้ จู่ๆมันก็เศร้า ฮือๆๆ" ศศิร้องไห้
"กินยาผิดหรือเปล่าเนี่ย"
"ไม่รู้ แต่ศิคงไปพัทยากับโจไม่ไหวแล้วล่ะ"
"งั้นให้โจพาลูกไปไหม"
"อย่าเลย ลูกไปก็กวนโจซะเปล่าๆ โจไปทำงานเถอะ ให้ลูกๆอยู่กับอยู่บ้านกับศินี่แหละ"
"ศิ โอเคไหม"
ศศิร้องไห้ "โฮๆๆ โอเค"

โจ แพท และคนอื่นๆ คุยกับพจน์ ซึ่งเป็นลูกค้าอยู่ในบริเวณล็อบบี้โรงแรม ทั้งหมดหารือกันเรื่องงาน ลัดดาในชุดสวย เซ็กซี่ ใส่แว่นดำเดินเข้ามาในบริเวณล็อบบี้โรงแรม
ผู้ชายทั้งโต๊ะที่นั่งคุยอยู่กับโจพากันเงยหน้ามองแล้วก็อ้าปากค้าง โจเงยหน้ามองตาม ลัดดาถอดแว่นออกพอดี ลัดดาโบกมือให้โจ
"ภรรยาคุณโจเหรอครับ ที่บอกว่าจะพามาเที่ยวด้วย" พจน์ถาม
โจรีบบอก "เอ่อ..ไม่ใช่ครับ ภรรยาผมมาไม่ได้"
"อ้าว แต่ท่าทางเหมือนรู้จักคุณโจเลยนะ" ผู้ชายอีกคนบอก
โจอ้ำอึ้งเพราะตอบไม่ถูก "ครับ"
พจน์เริ่มเข้าใจสถานการณ์ "อ๋อ เข้าใจแล้ว ไม่เป็นไรน่า คุณโจ ไม่ต้องเขิน เรื่องแบบนี้สำหรับผู้ชายอย่างเรามันเป็นเรื่องธรรมดา"
"แหม..ภรรยาไม่มา ก็เลยสั่งอาหารปิ่นโตมาแทนใช่ไหมครับ"
"เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...” โจอ้ำอึ้ง
"หาได้ยังไงนะ หน้าตาก็จิ้มลิ้ม หวาน เซ็กซี่ แถมเชื่องยังกะลูกแมว" พจน์ว่า
"แต่ผมว่าตอนนี้ลูกแมวมันกำลังจะกลายพันธุ์เป็นแม่เสือแล้ว" โจพูด
ทุกคนหัวเราะเพราะนึกว่าโจพูดตลก

โจดึงตัวลัดดาเข้ามาคุยในมุมลับตาคน
"นี่ลัดดาตามพี่มาหรือ"
ลัดดาตอบสั้นๆ "ค่ะ"
"พี่บอกแล้วใช่ไหมว่า ลัดดามาที่นี่ไม่ได้ พี่มาทำงาน"
"แต่ลัดดาคิดถึงพี่โจนี่คะ อยากมาเที่ยวทะเลกับพี่โจจะแย่อยู่แล้ว แล้วลัดดารู้นะว่าพี่โจเหงา เพราะว่าพี่ศิมาไม่ได้"
"รู้ได้ยังไง"
"เอ่อ... ก็เดาเอาน่ะค่ะ แล้วก็เดาถูกซะด้วยใช่ไหม"
โจยังรู้สึกลำบากใจ ลัดดาอ้อนต่อ
"พี่โจอย่าเครียดสิคะ ลัดดาอุตส่าห์มาหาเพราะว่ากลัวพี่โจจะเหงา แต่ถ้าพี่โจไม่ชอบงั้นลัดดากลับก็ได้"
ลัดดาทำสีหน้าผิดหวังแล้วตั้งท่าเตรียมจะเดินไป แต่โจใจอ่อนจึงจับมือลัดดารั้งไว้
"เอาล่ะๆ ลัดดา ไม่ต้องกลับหรอก"
ลัดดาอมยิ้มอย่างมีความสุข
"คืนนี้ลัดดาค้างห้องพี่โจนะ" ลัดดาขอ
แพทที่กำลังจะกลับห้องเดินมาเห็นโจกับลัดดาจบมือถือแขนกันใกล้ชิด แพทหยุดมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกว่าโจเป็นผู้ชายที่ดูน่าท้าทาย

ขวดวิตามินเรียงรายหลายขนานอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวในห้องอ้อม อ้อมเทเม็ดอาหารเสริมและวิตามินออกมาจากขวดใส่มือพร้อมอธิบาย
"นี่โฟเลท แล้วก็...”
อ้อมเทเม็ดวิตามินจากอีกขวดใส่มือ เธอมองเม็ดยาวิตามินหลายเม็ดในมือแล้วก็ทวนชื่อ
"แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินบี ครบแล้ว"
อ้อมกรอกเม็ดอาหารเสริมทั้งหมดใส่ปากแล้วดื่มน้ำตาม วินออกมาจากห้องนอนก็เห็นอ้อมกินวิตามินอยู่พอดี
"นี่กินหมดนั่นเลยหรืออ้อม" วินถาม
"ใช่" อ้อมตอบ
"ค่อยๆกินก็ได้นะจ๊ะอ้อม เดี๋ยวตับก็พังกันพอดี"
"ถ้าอยากให้ร่างกายพร้อมก็ต้องกินให้ครบทุกขนานสิจ๊ะ"
"แล้วนี่พี่ศิ เป็นยังไงบ้าง"
"โทรไปหามาเมื่อเช้า อาการดีขึ้นแล้วนะ เออวิน"
อ้อมหยิบซองยาที่วางอยู่แถวนั้นมาส่งให้วิน
"พี่ศิเขาได้ยานี้มาจากโรงพยาบาลตอนไปตรวจไมเกรน แต่อ้อมคิดว่าอาการข้างเคียงของยามันแปลกๆ วุธช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่ามันเป็นยาอะไร"
"ได้จ้ะ เดี๋ยววินให้แลปที่โรงพยาบาลเช็คให้" วินรับมา

ศศิกดโทรศัพท์หาโจด้วยสีหน้าสดใส
"ฮัลโหล โจ งานเป็นไงบ้าง"

โจที่นั่งเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรมพูดโทรศัพท์กับศศิ ข้างๆ มีลัดดาใส่บิกินี่กำลังนอนเอนกายบนเก้าอี้ผ้าใบ
"ก็ดีจ้ะ คุยงานไปเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าซื้อไอเดีย ทุกอย่างผ่านฉลุย ศิล่ะเป็นไงบ้าง หายหรือยัง"
"หายดีแล้ว" ศศิตอบ
"ก็ดีแล้ว"
"นี่พวกเรากำลังเตรียมตัวกัน"
"เตรียมตัวทำอะไร"
ศศิมองที่ลูกสองคน ต้นกล้ากับข้าวหอมอยู่ในชุดพร้อมไปเที่ยวทะเลถือห่วงยางกับของเล่นชายหาดพร้อมสรรพ
"ก็โจคุยงานเสร็จแล้ว ศิก็จะพาลูกไปพัทยาน่ะสิ"
โจกระเด้งลุกขึ้นนั่ง
"หา...หมายถึงศิจะมาหาโจที่นี่" โจตกใจ
"ใช่ ก็ศิหายดีแล้ว โจก็เสร็จงานแล้ว ศิว่าพาลูกๆไปเที่ยวทะเล ค้างสักคืนนึงแล้วค่อยกลับ"
โจเริ่มกระวนกระวาย
"ศิ มะ...ไม่ต้องมาดีกว่า"
"ทำไมล่ะ" ศศิถาม
"งานโจยังไม่เสร็จดี"
"อ้าวไหนว่าขายงานผ่านแล้ว"
"ใช่ ขายผ่านแล้ว แต่คืนนี้มีอีกมีตติ้งนึง ลูกค้าเขาจะสรุปงาน แล้วก็มีงานเลี้ยง คงเลิกดึก"
ศศิวางสายจากโจแล้วหันมาบอกลูกๆ
"เรายังไปไม่ได้ลูก พ่อเขายังไม่เสร็จงาน"
ต้นกล้ากับข้าวหอมคอตก
อ่านต่อหน้าที่ 4


ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
โจวางสายจากศศิแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แพทเดินเข้ามาที่บริเวณสระน้ำก็เห็นโจนอนพักผ่อนอยู่ริมสระ ส่วนลัดดาลงไปว่ายน้ำในสระ แพทอยู่ในชุดเตรียมลงสระที่เซ็กซี่ไม่แพ้กัน เธอเดินมานั่งข้างๆโจ

"แพทนั่งด้วยนะคะพี่โจ"
"อ้าว คุณแพท เชิญครับ ผมนึกว่าเสร็จงานแล้วคุณแพทจะกลับเลยซะอีก" โจบอก
"แพทว่าจะพักผ่อนต่ออีกสักวันน่ะค่ะ เย็นๆค่อยกลับกรุงเทพ"
ลัดดามองขึ้นมาจากสระก็เห็นว่ามีสาวสวยอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ โจ ลัดดาเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
"ต่อจากนี้ไป แพทคงต้องหาโอกาสไปปรึกษาเรื่ิองโปรเจคท์โรงแรมนี้กับพี่โจบ่อยๆ แพทว่าสไตล์การออกแบบกับภาพลักษณ์ใหม่ของโรงแรมมันก็ควรจะไปด้วยกัน ใช่ไหมคะ"
"ได้สิครับ ไปที่ออฟฟิศผมก็ได้"
ลัดดาขึ้นจากสระแล้วสวมเสื้อคลุมก่อนจะเดินตรงมาหาโจ
"พี่โจคะ" ลัดดาเรียก
"พี่โจจะไม่แนะนำให้แพทรู้จักเอ่อ...คุณ...”
"นี่ลัดดา.. เอ่อ... เพื่อนผมเอง ลัดดานี่เพื่อนร่วมงานพี่ ชื่อคุณแพท" โจแนะนำ
"สวัสดีค่ะ"
ลัดดาทักตามมารยาทโดยทำเหมือนไม่อยากสนใจเท่าไหร่
"ลัดดาหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะค่ะพี่โจ" ลัดดาบอก
ลัดดาลากตัวโจออกไปจากแพททันที
"แล้วเจอกันครับ คุณแพท" โจหันมาบอก
"ค่ะ"
แพทมองตามลัดดาเยาะๆ เพราะมั่นใจว่ายังไงเธอก็เหนือกว่าลัดดาอยู่แล้ว

เจนลองชุดใหม่ 2-3ชุดหน้ากระจกพลางถ่ายรูปตัวเองไว้ เมื่อลองชุดเสร็จเจนก็เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อสูทของอาร์ทออกมามองเพราะนึกได้ว่าต้องนำไปคืนเจ้าของ

เจนยืนรอลิฟท์อยู่ในอาคารสำนักงานพร้อมกับพนักงานออฟฟิศอื่นๆ จ๊อดที่เพิ่งมาถึงรอลิฟท์อยู่ในกลุ่มเดียวกัน พอลิฟท์เปิดทุกคนก็ก้าวเข้าไปในลิฟท์

เจนยืนอยู่ในลิฟท์ข้างๆ จ๊อด เธอเหลือบสายตาไปมองแล้วก็จำจ๊อดได้ เจนเกิดอาการตาโต ใจสั่นจนอยากจะกรี๊ด แต่จ๊อดยืนเฉยไม่ได้ใส่ใจเจนเลย ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้นหนึ่ง พนักงานออฟฟิศหลายคนเดินออกไปจนเหลือแค่เจนกับจ๊อดสองคน เจนมองที่ปุ่มหมายเลขชั้นก็เห็นว่าชั้น9มีไฟสว่างอยู่อันเดียว เจนแอบกรี๊ดเบาๆ
"กรี๊ด.. ไปชั้นเดียวกันด้วย"
ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้น9 เจนมัวแต่ดีใจกับตัวเองจนลืมมอง จ๊อดก้าวออกไปแล้วหันมาทักเจน
"ลงชั้นนี้รึเปล่าครับ"
"อะ อ่อ อ๋อ ใช่ค่ะ"
เจนเดินตามจ๊อดออกไป

เจนกับจ๊อดมาถึงหน้าออฟฟิศด้วยกัน เจนชวนคุย
"ทำงานที่นี่เหมือนกันเหรอคะ"
"ครับ"
จ๊อดเดินแยกไปปล่อยให้เจนยืนปลื้มอยู่ตามลำพัง จู่ๆทิชากับพวกอีกสองคนก็มาดักหน้าด้วยท่าทางเหวี่ยงสุดๆ
"เนี่ยเหรอ พี่อาร์คนใหม่" ทิชาพูดขึ้น
เจนงง "คะ อ๋อค่ะ"
"ทำไมมาพร้อมพี่จ๊อด"
"ใคร จ๊อดไหน" เจนถาม
"นั่นไง พี่จ๊อด เจ้าของบริษัทเดอะวิสดอม"
"ห๊า...”
เจนมองตามหลังจ๊อดไป จ๊อดเพิ่งเข้าไปในห้องที่มีป้ายติดไว้ว่า "Managing Director” เจนตาค้างไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้หล่อ รวย เทพบุตรชัดๆ แต่เมื่อเห็นสายหน้ากับสีหน้าบูดๆของทิชา เจนก็เข้าใจว่าทิชากำลังหวง
"อ๋อ.. ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่..แบบว่า ชะตาต้องกันอ่ะ" เจนแก้ตัว
เจนเดินเชิดผ่านทิชาไปข้างในออฟฟิศ ทิชาเหล่มองตามเพราะเริ่มไม่ถูกชะตากับเจนเสียแล้ว

ซันนั่งทำงานอยู่ในห้อง จู่ๆพิสมัยก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแจ้งข่าว
"คุณซันคะ คนของบริษัท เดลี่ดริงค์ โทรมาค่ะ บอกว่าจะขอยกเลิกสัญญากับเรา"
"ว่าไงนะ"
"เขาบอกว่า เขาไม่ชอบไอเดียโฆษณาที่ทางเราทำให้น่ะค่ะ"
"สุธีร์เขาดูแลงานของเดลี่ดริงค์อยู่ นี่เขารู้หรือยัง"
"คุณสุธีร์ยังไม่มาเลยค่ะ"
ซันครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา ทันใดนั้น MD เปิดประตูผางเข้ามาอย่างร้อนใจ
"คุณซัน รู้เรื่องเดลี่ดริงค์หรือยัง"
"รู้แล้วค่ะ" ซันบอก
"นี่มันยังไงเนี่ย ใครดูแลลูกค้ารายนี้อยู่"
"คุณสุธีร์ค่ะ"
"ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง"
"เรื่องนี้ซันจัดการได้ค่ะ เดี๋ยวซันจะโทรไปเคลียร์กับเดลี่ดริงค์เอง พี่หมัยขอต่อสายถึงผู้บริหารเขาเลยนะ"
พิสมัยรีบวิ่งอออกไปจัดการ
"เอาให้อยู่นะคุณซัน อ้อ แล้วก็...คุณซันช่วยบอกสุธีร์ด้วยว่าเขาถูกไล่ออก"
ซันถอนใจที่มีงานหนักเข้ามาอีกแล้ว

ซันนั่งคุยกับสุธีร์ในห้องด้วยท่าทางซีเรียส
"ทางเดลี่ดริงค์ เขาขอยกเลิกสัญญา รู้หรือยัง" ซันถาม
สุธีร์รู้ความผิดตัวเองแต่อีโก้สูงจึงไม่อยากยอมรับ
"รู้ ข้างนอกเขาพูดกันแล้ว" สุธีร์รีบแก้ตัว "มันไม่ใช่ความผิดฉันนะซัน ฉันเสนอไอเดียไปตามที่เขาอยากได้ทุกอย่าง พอฉันเสนออะไรไปก็ขอแก้งานตลอด"
"ฉันโทรไปคุยกับบริหารเขาแล้ว ขอโอกาสเขาแก้ตัวอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย"
"แล้วเขาโอเคไหม"
"โอเค"
"ค่อยยังชั่วหน่อย"
"แต่มันยังไม่จบแค่นี้"
"อะไรอีกล่ะ"
"ธีร์ ฉันว่าเธอไม่เหมาะกับงานนี้"
"หมายความว่าไง"
"เธอทุ่มเทไม่พอ สร้างสรรค์ไม่พอทีี่จะทำงานที่นี่"
สุธีร์หัวเราะขำๆ เพราะนึกว่าล้อเล่น "อย่าบอกนะว่าเธอจะไล่เราออก"
ซันไม่เล่นด้วย เธอมีสีหน้าเอาจริง
"ฉันไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากบอร์ดผู้บริหาร เขาขอให้เธอลาออก"

สุธีร์เริ่มหน้าเสีย
"ทำแบบนี้ไม่ได้"
"เธอเกือบทำให้บริษัทเสียหาย แล้วครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะธีร์ที่เป็นแบบนี้"
"ซัน เราก็เป็นเพื่อนกันนะ นี่เธอไม่คิดจะช่วยฉันเลยหรือไง"
"ฉันพยายามพูดแล้ว แต่บอสยืนยันให้เธอออก"
สุธีร์เริ่มโกรธจึงพูดเสียงดังอย่างระเบิดอารมณ์
"เธอคิดว่าไอ้ที่ขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้เนี่ย ตัวเองเจ๋งนักเหรอ จะบอกให้นะซัน เธอน่ะ ไม่ได้เก่งกล้าอะไรนักหนาหรอก เธอมีดีอยู่อย่างเดียวก็คือเกิดมาสวย ถ้าไม่สวยเธอก็ไม่มีทางขึ้นมาถึงจุดนี้ ไอ้พวกผู้บริหารที่มันโปรโมทเธอขึ้นมา ก็เพราะมันหวังจะได้แอ้มเธอทั้งนั้น"
ซันโกรธ "ไม่จริง! ทุกสิ่งที่ฉันได้มา ฉันแลกมันมาด้วยมันสมอง ฉันทำงานหนักมาตลอดหลายปีถึงมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ อย่าโทษคนอื่นเลยธีร์ ถ้าจะโทษก็โทษตัวเธอเองนั่นแหละ"
"เนี่ยเหรอเพื่อน? คนอย่างเธอไม่เคยเข้าใจคำๆนี้หรอกซัน กับวุธก็คนนึงแล้วที่โดนบีบจนต้องลาออก ได้...ฉันจะไป อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าไม่มีเพื่อน เธอจะไปได้สักกี่น้ำ"
พนักงานที่อยู่หน้าประตูต่างก็หยุดฟัง สุธีร์เปิดประตู ทุกคนวงแตก สุธีร์ปิดประตูห้องซันเสียงดังปัง ซันได้แต่ถอนใจอยู่ในห้องเพราะเสียดายความเป็นเพื่อน แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าตัวเองทำถูกแล้ว

อาร์ทนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เจนเข้ามาหาอาร์ทพร้อมถุงใส่เสื้อสูท เธอเอาถุงขึ้นวางบนโต๊ะ
"อ้ะ เอามาคืน" เจนบอก
"อะไร" อาร์ทถาม
"เสื้อสูท จำได้หรือเปล่า นี่ฉันก็ไม่คิดหรอกนะว่าโลกมันจะกลมจนต้องมาเจอกับนายอีก แต่ยังไงก็ขอบใจสำหรับเรื่องวันนั้น"
อาร์ทไม่ตอบอะไร
"นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะญาติดีกับนายนะ"
"ก็แล้วแต่คุณ"
เจนเห็นท่าทีกวนโมโหของอาร์ทแล้วก็หงุดหงิด เธอสะบัดหน้าเดินกลับโต๊ะทันที


อ้อมนั่งพิมพ์งานด้วยโน้ตบุ๊คอยู่ในร้าน จูดี้เอากาแฟมาเสิร์ฟให้
"ปั่นต้นฉบับเหรอคะ"
"ค่ะ พอดีช่วงนี้มัวแต่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น วันนี้ก็เลยต้องรีบปั่นให้เสร็จ"
"งั้นพี่จูดี้ไม่กวนละกัน"
จูดี้กำลังจะออกไป แต่สายตาพลันก็เห็น "คุณแอ๋ว" เพื่อนบ้านวัย 45 ที่กำลังตั้งท้องซึ่งอยู่ในคอนโดเดียวกันเข้ามาในร้าน จูดี้ตาโต
"น้องอ้อมคะ เห็นคุณแอ๋วที่อยู่ชั้น7ไหม นั่นน่ะค่ะ"
อ้อมมองตามที่จูดี้พยักเพยิด คุณแอ๋วเพิ่งนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง
"อายุ45แล้ว ยังท้องได้เลย"
"จริงด้วย" อ้อมเริ่มคล้อยตาม


อ้อมกับจูดี้จูงมือกันแล้วเข้ามานั่งกับคุณแอ๋วที่โต๊ะ
"คุณแอ๋ว กี่เดือนแล้วคะเนี่ย" จูดี้ถาม
"หกเดือนค่ะ" แอ๋วตอบ
"ยินดีด้วยนะคะ" อ้อมแสดงความยินดี "นี่อ้อมก็กำลังพยายามจะมีลูกอยู่เหมือนกันค่ะ คุณแอ๋วทำยังไงถึงท้องได้อ่ะคะ"
"อ๋อ... คือพี่...”
เสียงจิตสมรแทรกมาก่อนตัวโดยเรียกแอ๋วอย่างร่าเริงเกินเหตุ
"คุณแอ๋ว....”
จิตสมรปราดเข้ามานั่งร่วมวงด้วยโดยไม่ต้องเชิญ จูดี้เซ็ง
"ท้องใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะคะ เป็นไงบ้าง คลอดเมื่อไหร่" จิตสมรรีบโฆษณา "นี่น้องอ้อมรู้ไหมคะ ที่คุณแอ๋วท้องได้เนี่ยก็เพราะพี่เลยนะ"
"หมายความว่ายังไงคะ" อ้อมงง
"เอ่อ...ที่จริง....” แอ๋วจะพูด
จิตสมรสวนขึ้น "ก็จะอะไรซะอีกล่ะคะ คุณแอ๋วเนี่ย เป็นลูกค้าประจำพี่จิตหมอนเองค่ะ กินอาหารเสริมของพี่จิตสมรประจำ"
"จริงๆพี่ก็ซื้ออาหารเสริมจากคุณจิตสมรจริงนะคะ" แอ๋วพูด
"เห็นไหมคะ"
แอ๋วพูดต่อ "แต่อาหารเสริมที่ซื้อจากคุณจิตสมรเนี่ย ก่อนหน้านี้พี่กินอยู่เป็นปีก็ไม่มีผลอะไรเลย"
จิตสมรเริ่มหน้าเสีย จูดี้หัวเราะเยาะคิกคัก
"ที่พี่ท้องขึ้นมาได้เนี่ย เพราะพี่ไป.....”
จิตสมรรีบเบียดตัวเข้ามาแทรกกลางระหว่างอ้อมกับคุณแอ๋วแล้วก็พยายามขัดจังหวะสนทนาตลอดเวลา
"น้องอ้อมก็น่าจะซื้อไปลองดูสักสองสามขวด ช่วงนี้มีโปรโมชั่น ซื้อสามฟรีหนึ่งด้วยนะคะ"
จูดี้รำคาญ "โอ้ย!! นังหมอน คนเขาจะคุยกัน หล่อนก็แทรกอยู่ได้ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะรู้ซะทีว่าคุณแอ๋วไปทำอะไรมา" จูดี้ถามแอ๋ว "ตกลงว่าคุณแอ๋วไปทำอะไรคะ"
"พี่ไปฝังเข็มมาค่ะ"
จูดี้กับอ้อมพูดพร้อมกัน "ฝังเข็ม!”
"ต๊าย...ฝังเข็ม แหม ฟังดูโบร๊าณโบราณนะคะ" จิตสมรแขวะ
ไม่มีใครสนใจจิตสมรเลย
"สามครั้งเท่านั้นเอง ติดลูกเลย" แอ๋วบอก
อ้อมตาโตเพราะไม่อยากเชื่อ
"ก่อนหน้านี้พี่ก็ลองมาหลายวิธีแล้ว แต่ไม่เวิร์ค พี่รอลูกจนหมดหวังไปแล้วนะคะ จนกระทั่งได้มาพบวิธีนี้"
"ฟังดูมหัศจรรย์จริงๆ พอจะแนะนำหมอได้ไหมคะ" อ้อมถาม
"ได้ค่ะ พี่มีนามบัตรอยู่นะ เดี๋ยวหาให้"
อ้อม จูดี้กับคุณแอ๋วเมาท์กันเรื่องฝังเข็มกันต่อไปอย่างออกรส ทิ้งให้จิตสมรนั่งเก้ออยู่คนเดียว

อ้อมนอนอยู่บนเตียงในคลินิคของหมอฝังเข็ม มีเข็มหลายเล่มปักอยู่บนส่วนต่างๆ บนร่างกายของเธอ หมอกำลังจิ้มเข็มอีกเล่มอย่างเบามือลงบนช่วงท้องของอ้อม
"จริงๆแล้ว คุณยังไม่ถึงกับอยู่ในภาวะของผู้มีบุตรยากนะ แต่มาหาหมอแต่เนิ่นๆก็ดีแล้ว เป็นการเตรียมตัวล่วงหน้า เพราะการฝังเข็มแบบนี้มันเป็นการช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย จะช่วยให้ติดลูกง่ายขึ้น"
"ค่ะ"
"ตอนนี้คุณก็นอนพักผ่อนสักพักนึง เดี๋ยวหมอกลับมาเอาเข็มออก"
หมอเดินออกไปจากห้อง
อ้อมนอนเงียบๆ ตามลำพัง แต่สมองของเธอก็ยังครุ่นคิดอย่างไม่สงบ
"อืม...ทำแบบนี้แล้วมันจะท้องจริงไหมน้า"
อ้อมนอนนิ่งแต่เคาะนิ้วไปมาแบบไม่สงบ
"ถ้าท้องขึ้นมา หม่าม๊าคงจะดีใจ แต่อย่างที่พี่ศิพูดก็ถูก มีลูกแล้วจะกลายเป็นภาระ หรือเปล่า เอ... พรุ่งนี้ชวนทุกคนไปกินอาหารญี่ปุ่นดีกีว่า ไม่ได้กินมานานละ"
อ้อมแอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากใต้ผ้าคลุมแล้วกดส่งข้อความ

อ้อมนั่งอยู่ตรงข้ามกับหมอที่โต๊ะ
"วิธีนี้จะได้ผลจริงๆ ใช่ไหมคะหมอ" อ้อมถาม
"อันนี้หมอรับประกันไม่ได้นะ มันก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วยการฝังเข็มมันเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสเท่านั้น แต่การจะมีลูกได้ มันมีเงื่อนไขอีกหลายอย่าง ร่างกายต้องพร้อม จิตใจต้องปลอดโปร่ง"
"แต่จิตใจดิฉันก็ปลอดโปร่งสบายดีนะคะ ไม่มีปัญหาอะไร"
"ไม่มีปัญหาได้ยังไง ตอนหมอฝังเข็มให้ ร่างกายคุณก็ไม่ผ่อนคลาย พอหมอให้พักผ่อน คุณก็คิดโน่นคิดนี่ ในหัวสมองคุณมันมีแต่เรื่องวุ่นวายไปหมด บอกตรงๆนะฝังเข็มไปมันก็อาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร"
"แล้วนี่ฉันยังต้องมาอีกไหมคะ"
"ไปทำจิตใจให้ผ่อนคลายซะก่อนดีกว่า แล้วกลับมา" หมอแนะนำ
อ้อมมีสีหน้าสลดลง

วุธกำลังแต่งออฟฟิศอยู่คนเดียว สักพักใครบางคนก็มายืนอยู่ที่หน้าประตู วุธวางมือจากงานไปเพ่งมองก็เห็นว่าเป็นซันนั่นเอง วุธเปิดระตูให้ซันเข้ามา ซันเข้ามาแต่โดยดีแต่ยังไว้เชิงอยู่เพราะวันก่อนเธอเพิ่งโกรธวุธไป
"มีอะไรหรือเปล่ามาหาที่นี่" วุธถาม
"แค่อยากมาหาเพื่อนคุย" ซันบอก
"เป็นอะไรไป มีอะไรไม่สบายใจล่ะสิ" วุธถาม
"ก็ทำนองนั้น นี่นายทำอะไรอยู่"
"เคลียร์พื้นที่ กำลังจะทาสี เธอมาก็ดีแล้ว" วุธหยิบลูกกลิ้งมาส่งให้ซัน "มา มาช่วยซะเลย"
"ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาทำงานแบบนี้นะ"
"แต่ก็มาแล้วนี่"
วุธยื่นลูกกลิ้งไปตรงหน้าซันยิ้มๆ ทำให้ซันใจอ่อน

สุธีร์มาฟ้องแพทกับจ๋าที่อยู่ในร้านของจ๋าเรื่องที่โดนซันไล่ออก
"คิดดูสิ จบก็จบพร้อมกัน พอจบก็เข้าทำงานที่เดียวกัน วันนึงตัวเองใหญ่โตขึ้นมานึกอยากเตะส่งก็เตะ ฉันทำงานที่นั่นมาตั้งแต่เรียนจบ ช่วยนังซันมาก็เยอะ เป็นคนให้มันเหยียบหัวขึ้นไปเป็นผู้บริหารด้วยซ้ำ แต่ดูมันทำกับเพื่อนสิ "
"ซันทำแบบนี้ไม่ถูก ทำงานพลาดนิดเดียว ไม่เห็นต้องทำกับเพื่อนถึงขนาดนี้" แพทว่า
"ปกติซันเขาเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ผิดก็คงว่าไปตามผิด" จ๋าบอก
"แต่ความผิดฉันมันไม่ได้หนักหนาสาหัส แค่แก้งาน ใครๆเขาก็แก้กันแต่เรื่องของเรื่องก็คือ นังซันมันบ้าอำนาจ เขารู้กันทั้งออฟฟิศนี่แหะว่านังนี่เป็นยังไงไปทางไหนก็มีแต่รังสีอำมหิตแผ่ซ่านนน ขนาดวุธเองเองก็โดนมันเหยียบหัวขึ้นไปเหมือนกัน" สุธีร์รีบบอก
"นี่สุธีร์ ไม่ต้องเสียใจ ซันไล่เธอออกแต่ฉันยังอยู่ มาทำงานกับฉันก็ได้" แพทบอก
สุธีร์ดีใจ "จริงหรือแพท"
"ก็จริงน่ะสิ เธอทำได้อยู่แล้ว บริษัทเอเจนซี่เหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะคุยกับเจ้านายให้"
"ขอบใจมากแพท"
"เอาล่ะจ้ะ ในเมื่อมีทางออกแล้วก็เลิกแล้วต่อกันไปเถอะ"
แพทแอบสะใจที่มีคนเกลียดซันเหมือนเธอ

วุธกับซันช่วยกันทาสีผนังออฟฟิศไปพลางคุยกันไป
"สุธีร์เขาคงโกรธฉันมาก" ซันว่า
"แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดเธอนี่ เธอเองก็โดนนายสั่งมาอีกทีเหมือนกัน" วุธบอก
"ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ว่าการเป็นผู้บริหาร นอกจากจะดูแลลูกน้องแล้ว ยังต้องมีหน้าที่ไล่ลูกน้องออกด้วย"
"แต่คนเข้มแข็งอย่างเธอก็จัดการได้อยู่แล้ว"
ซันถอนใจเพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเข้มแข็งพอ
"ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองนะซัน ทำตามหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดก็พอ"
ซันค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย

ทีมพีอาร์กำลังประชุมกลุ่มเล็กๆกัน โดยมีปุ๊กกี้เป็นหัวหน้า
"เครื่องสำอางค์ the wisdom ถือว่าเป็นแบรนด์หน้าใหม่ของตลาด หน้าที่ของพวกเราทุกคนตอนนี้ก็คือการทำให้ชื่อของเดอะวิสดอม เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในแวดวงความงาม"
ทุกคนในแผนกซึ่งเป็นหญิงสาวทั้งหมด 5-6คน ฟังปุ๊กกี้อยู่
"ภารกิจใหญ่ครั้งแรกของพวกเราก็คือ การจัดงานเปิดตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในเครือของเรา ตามคำสั่งของคุณกรองทอง"
เจนหันไปถามเพื่อนข้างๆ "คุณกรองทองนี่ใครหรือ"
"แม่ของคุณจ๊อดไง เจ้าของบริษัท"
เจนทำหน้าอ๋อ
ทิชาถามขึ้น "แล้วงานนี่จะจัดเมื่อไหร่คะ พี่ปุ๊กกี้"
"ต้นเดือนหน้า แต่อย่าชะล่าใจ พวกเธอมีมากมายสารพัดสิ่งที่จะต้องทำ เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องเริ่มทำงานกันอย่างจริงจังได้แล้ว หาสถานที่ ทำรายชื่อแขกที่จะมาในงาน ส่งบัตรเชิญให้แขก โทรตามนักข่าว เขียนข่าวประชาสัมพันธ์ แขกที่เหมาะสมกับคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์เรามีใครบ้าง ไปหามา" ปุ๊กกี้บอก

ทิชายืนอยู่ที่โต๊ะเจนพร้อมด้วยเพื่อนพีอาร์อีก2คน
"พวกเราแบ่งงานกันแล้ว นี่งานเธอ ทำบัตรเชิญ ทำทั้งสองแบบนะ ทั้งที่ส่งทางอีเมล์กับเป็นการ์ดกระดาษด้วย นี่รายละเอียด"
ทิชาวางกระดาษรายละเอียดลงบนโต๊ะเจน
"แค่นั้นใช่ไหม" เจนถาม
"แล้วก็ต้องเขียนข่าวประชาสัมพันธ์งาน" ทิชาบอก
พีอาร์สาวอีกคนซึ่งสนิทกับทิชาวางกระดาษลงบนโต๊ะ
"โทรติดต่อโรงแรมกับห้างตามรายชื่อนี้ ดูว่าต้นเดือนมีที่ไหนว่างบ้าง แล้วว่างวันไหน"
"แล้วทำไมฉันต้องทำคนเดียวทั้งหมดนี่ด้วยล่ะ" เจนถาม
"ก็เพราะเธอคงทำอย่างอื่นไม่เป็น คอนเน็คชั่นก็ไม่มี ก็เหมาะกับงานพวกนี้แหละ ส่วนพวกฉันจะต้องโทรติดต่อเหล่าเซเลบบริตี้ กับบิวตี้เอดิเตอร์"
"ที่เธอไม่รู้จัก..." พีอาร์คนหนึ่งทำเสียงเย้ยหยัน
ทิชากับพีอาร์คนนั้นหัวเราะกันอย่างสะใจก่อนจะเดินจากไป เจนเบะปากใส่

เจนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน เธอพยายามออกแบบการ์ดแต่ก็ทำไม่เป็น เจนครุ่นคิดไปมาว่าจะแก้ปัญหายังไงและแล้วเจนก็เห็นอาร์ทที่กำลังนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเอง เจนคิดบางอย่างออกจึงเดินมาหาอาร์ทที่โต๊ะทำงาน
"นี่ นาย นายเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์ใช่ไหม" เจนถาม
"ทำไม"
เจนวางกระดาษลงบนโต๊ะของอาร์ท
"งั้นนี่ก็ต้องเป็นงานของนาย"
"ผมออกแบบแต่เวบไซต์กับงานใหญ่ๆ ไอ้เรื่องการ์ดพวกนี้มันงานของคุณ"
"แต่มันก็งานออกแบบเหมือนกัน" เจนบอก
"แต่มันไม่ใช่ธุระของผม"
อาร์ททำงานต่อไปโดยไม่สนใจเจนอีก เจนทำปากขมุบขมิบแล้วบ่นพึมพำ
"คนใจดำ"
"อยากให้ช่วยใช่ไหม" อาร์ทถาม
เจนพยักหน้า
"อยากให้คนช่วยต้องทำยังไงไม่รู้หรือ ต้องขอร้องดีๆ พูดจาหวานๆ เพราะๆ ทีเมื่อเช้ายังเห็นพูดจาฉอเลาะกับนายจ๊อดได้เลย"
"ฝันไปเถอะย่ะ"
เจนเดินกลับมาที่โต๊ะ แต่นั่งได้แค่ไม่กี่วินาทีเธอก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินมาหาอาร์ทอีก
"ก็ได้" เจนบอก
"ว่ามาสิ" อาร์ทบอก
"คุณอาร์ทคะ ช่วยออกแบบการ์ดเชิญให้เจนหน่อยได้ไหมคะ"
"หวานกว่านี้มีไหม"
"คุณอาร์ทขา คุณจะกรุณาช่วยออกแบบการ์ดเชิญให้เจนหน่อยได้ไหมคะ" เจนอ้อนสุดๆ "นะค๊า"
อาร์ททำเหมือนจะช่วย เขาหยิบกระดาษในมือเจนมามองแต่แล้วก็ส่งกลับใส่มือเจนซะงั้น
"ไม่ช่วย" อาร์ทบอก
เจนโกรธแทบคลั่งเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก
"ไอ้บ้า!”
เจนเดินสะบัดกลับมาที่โต๊ะตัวเอง อาร์ทยิ้มชอบใจ

วุธกับซันเดินคุยกันมาโดยเสื้อผ้าทั้งคู่เปรอะเปื้อนสีจากการทาผนังเล็กน้อย แต่ก็ดูมีความสุข
"มาที่นี่ทีไรก็อดนึกถึงสมัยก่อนไม่ได้" ซันบอก
"เธอเคยนึกอยากย้อนเวลากลับไปในอดีตหรือเปล่า" วุธถาม
"กลับไปทำอะไรล่ะ"
"ก็อาจจะ...กลับไปเพื่อแก้ไขเรื่องบางเรื่อง หรือทำเรื่องบางอย่างที่เราควรทำแต่ไม่เคยได้ทำ"
"ฉันเป็นพวกที่เดินมุ่งไปข้างหน้า ไม่ชอบเดินกลับหลัง นายก็รู้"
"เรารู้"
"วุธ เรื่องวันก่อน ที่ฉันว่านาย...คือฉัน...”
"ไม่เป็นไร เป็นใครรู้ว่าเราปฏิเสธงานสกินแคร์เจ้าใหญ่ ก็ต้องของขึ้นเป็นธรรมดา แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ เรามีลูกค้าแล้ว รายแรกเลย"
"จริงอ่ะ? ใคร? โพรดักส์อะไร?”
"บริษัทเล็กๆ ขายพวกผักปลอดสารพิษ เป็นเจ้าของสวนผักเอง ขายเอง"
"แล้วเขามีตังค์จ้างนายทำมาร์เก็ตติ้งเหรอ"
"ก็ไม่ค่อยมี แต่เรื่องราคามันไม่สำคัญ เราก็บอกเขาว่ามีงบเท่าไหร่ก็บอกมา ยังไงก็จะทำให้"
"นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่นายก็เป็นของนายแบบนี้ ฉันขี้เกียจด่าแล้ว"
วุธหัวเราะชอบใจ
"ยังไงก็สู้แล้วกัน มีอะไรจะให้ฉันช่วยก็บอก" ซันทิ้งท้าย
อ่านต่อตอนที่ 5

ภพรัก ตอนที่ 4
ภพรัก ตอนที่ 4
น้ำรินเดินออกมาจากริมหน้าต่าง ทิ้งตัวลงนั่งแล้วครุ่นคิดต่อ “ความผิดเหล่านั้นที่ก่อไว้ นอกจากเรื่องนกยูงเรายังเคยทำผิดเรื่องอื่นๆ อีกมั้ย?” พลันก็หวนคิดถึงภาพสร้อย P N “ฉันเคยมีสร้อยตัวอักษร P N ?” โทรศัพท์มือถือของภพธรที่คว่ำอยู่ เห็นรอยแกะสลักรูป P N ภพธรนั่งอ่านแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ พลางปรายตาเห็นอักษร P N บนโทรศัพท์มือถือ ทำให้คิดถึงน้ำริน เขาถอนหายใจยาววางปากกาในมือลงและเปิดลิ้นชักออกมา หยิบรูปน้ำรินขึ้นมาดูมองรูปด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะผูกพัน แต่ก็สับสนกับการกระทำของตัวเอง ภพธรนึกถึงภาพตัวเองขณะกำลังนั่งคุยอยู่กับธาราในบ้าน “สำหรับอา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคำว่า “ครอบครัว” หรอกนะธร”
กำลังโหลดความคิดเห็น