ภพรัก ตอนที่ 10
สงคราม ดารณี เหยี่ยว แนน นกน้อย กำลังประชุมเครียดกัน
“มีการทำผิดกฎหมายในเชนของร้านสปาหรูหลายแห่ง เราเข้าจับกุมและปิดไปหลายที่ แต่กลับยิ่งเพิ่มเป็นดอกเห็ด”
น้ำรินแอบซุ่มดูการประชุมอยู่เงียบๆ แต่เผลอเหลือบไปมองเหยี่ยวกับแนน แล้วก็อดเจ็บปวดใจไม่ได้ ดารณีเปิดภาพสปาแห่งหนึ่งบนจอโปรเจ็กเตอร์
“ทิพย์วารี สปาแอนด์บิวตี้ มีการขายบริการและยาเสพติด ทำกันเป็นเครือข่ายหลายสาขา”
สงครามรีบสั่งการ
“ผมต้องการให้สำนักงานของเราเข้าไปหาหลักฐาน ขยายผลการจับกุมโดยด่วนที่สุด”
ดารณีเปลี่ยนภาพหน้าจอเป็นรูปผู้หญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาดี
“นี่คือเจ้าของ ชื่อบุษบัน มีประวัติพัวพันกับพ่อค้ายาเสพติดและผู้มีอิทธิพลหลายคน”
น้ำรินมองรูปบุษบันที่หน้าจอ แล้วก็ตกตะลึง เหมือนกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อน ผียายปริกเดินเข้ามาในห้องประชุม เห็นน้ำรินยืนตะลึงค้างมองจอโปรเจ็กเตอร์ก็สะกิด
“หล่อน เป็นอะไร”
“ฉันรู้สึกว่า เรื่องนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับฉันแน่ ๆ”
น้ำรินมองรูปบนจอแล้วครุ่นคิด ทันใดนั้นภาพในอดีตปรากฎขึ้นในความคิดอีกครั้ง แต่ก็สับสนจนปะติดปะต่อไม่ได้
น้ำรินเห็นภาพตัวเองกำลังเซ็นเช็ค สั่งจ่ายบุษบัน เป็นเงินสามล้าน แล้วยื่นให้มือผู้หญิงอีกคนรับไป
ต่อด้วยภาพที่เธอกำลังทำสปาบำรุงผิว โดยมีบุษบันนั่งคุยอยู่ใกล้ๆ แล้วภาพก็ขาดหายวูบไปดื้อๆ
น้ำรินตกตะลึงกับภาพในความคิด
“ฉันเคยรู้จักผู้หญิงคนนั้น แปลว่าฉันเกี่ยวพันกับสปาผิดกฎหมายนั้นด้วยงั้นเหรอ”
ผียายปริกมองแล้วรีบบอกว่า “หล่อนต้องตามไปดูให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย”
ในห้องสปาระดับหรูวีไอพี มีอ่างจากุซซี่ไว้ขัดตัว ตกแต่งด้วยเทียนในถ้วยเล็กๆ ให้แสงสว่างน้อยๆ สร้างบรรยากาศการพักผ่อนที่กลางห้อง มีเตียงสปา 2 เตียง กั้นกลางด้วยฉากเรียบหรู
บุษบันนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงหนึ่ง เผยให้เห็นหลังเปลือย ร่างกายส่วนล่างคลุมด้วยผ้า มือของพนักงานกำลังวางก้อนหินแบนๆสำหรับทำสปาหินร้อนลงตามตำแหน่งต่างๆ บนหลัง
“สปาของเราขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่ง เพราะไอเดียของบอสที่จัดให้บริการความสุขครบวงจรกับลูกค้า”
ภพธรนอนคว่ำทำสปาหินร้อนอยู่อีกเตียง ที่มีฉากกันอยู่
“ก็แค่ให้ไอเดีย คุณต่างหากที่เอาไปต่อยอดจนสำเร็จ”
บุษบันยิ้มกว้าง “ขอบคุณค่ะบอส ถ้าไม่ได้บอส ที่นี่ก็คงเป็นแค่สปาธรรมดาๆ หาความโดดเด่นไม่ได้”
ภพธรหน้าเครียด
“แต่อย่าโดดเด่นมากจนสะดุดตา สายของผมบอกว่าชายสีกากีเริ่มจับตามองเราแล้ว เย็นนี้จะให้คนเอาตัวอย่าง “อโรม่า” ตัวใหม่มาส่ง ใช้งานเหมือนตัวเก่า แต่ให้ความสุขได้มากกว่าเดิมหลายเท่า”
มือพนักงานที่กำลังวางก้อนหินร้อนบนหลังบุษบันชะงัก ที่แท้เจ้าของมือนั้น ก็คือแนนนั่นเอง
บุษบันตื่นเต้น ถึงกับลืมตัวลุกขึ้นนั่ง ชนมือของแนนจนทำให้หินร้อนตกพื้น หินร้อนก้อนอื่นๆบนหลังก็ร่วงลงพื้นด้วย
“ลูกค้าต้องชอบแน่ๆเลยค่ะ แล้ว “อโรม่า” ตัวจริงจะมาเมื่อไหร่คะ”
“เร็วๆ นี้ ปูพรมแจกตัวอย่างให้ลูกค้าลองไปก่อน แล้วจะส่งข่าวมา”
ภพธรลุกขึ้นจากเตียง พนักงานหญิงสวมเสื้อคลุมให้ แนนก้มลงเก็บก้อนหินร้อน มองลอดฉากกั้นไปเห็นเท้าของภพธรกำลังสวมรองเท้าแตะ จึงแกล้งปัดก้อนหินอีกก้อนให้กระเด็นไปอีกฝั่งของฉาก แล้วทำทีจะไปเก็บที่ฝั่งนั้น เพราะอยากเห็นหน้าบอสของบุษบัน แต่ภพธรหันหลังให้แล้วเดินออกไปจากห้องสปาแล้ว ทำให้มองไม่เห็นหน้า
พอแนนจะตามไป บุษบันก็เดินมาขวางไว้
“เธอทำอะไร?”
บุษบันมองหน้าอย่างสงสัย แนนรีบหลบตาซ่อนพิรุธ
“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอ เด็กใหม่เหรอ”
“ค่ะ เพิ่งมาทำงานอาทิตย์ที่แล้ว”
“ชื่ออะไร”
แนนก้มหน้า “หงส์ค่ะ”
“ทำอะไรได้บ้างทำสปาคอร์สพิเศษได้รึเปล่า”
“ได้ทุกอย่างค่ะ ขอให้ได้เงิน หงส์ทำหมดค่ะ”
บุษบันพยักหน้า แล้วชี้นิ้วไปที่ผ้าแถบที่เกาะอก “ถอด”
แนนอึ้ง
“ไหนว่าได้หมด”
แนนทำหน้านิ่ง แล้วปลดผ้าแถบออก บุษบันมองไปทั่วตัวแนนอย่างพึงพอใจ
แนนเห็นหลังภพธรไวๆ ก็รีบหยิบมือถือแล้วเดินตาม แต่ก็คลาดกันอีก จึงรีบกดมือถือโทร. ออก
ดารณีพร้อมกองกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ ที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ ด้านบนดาดฟ้าตึกตรงข้ามสปา
รับโทรศัพท์แล้วหันไปส่งสัญญาณมือให้เหยี่ยวกับนกน้อย พร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่ง ที่สวมหูฟังอยู่
“กำลังจะมีสินค้าตัวใหม่เข้ามา กำลังตามหัวหน้าใหญ่ของมันค่ะ”
“ระวังตัวด้วย ทุกฝ่ายสแตนด์บายรอหงส์ขยับปีก”
“หงส์คิดถึงแม่จังเลย”
เหยี่ยวกับนกน้อยหันมามองหน้ากัน รับรู้ถึงสัญญาณผิดปกติทันที
ลูกน้องบุษบันเดินมาทางด้านหลังแนน แต่แนนรู้ตัว แต่ทำเป็นคุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง
“หงส์ต้องไปทำงานก่อนนะแม่”
ลูกน้องดึงโทรศัพท์จากมือแนน “รู้กฎของที่นี่ไม่ใช่เหรอ ว่าห้ามโทรศัพท์ตอนทำงาน”
แนนแกล้งทำหน้าสงสัย “ทำไมต้องห้าม ก็แค่โทรศัพท์”
“คราวก่อนมีพนักงานแอบถ่ายคลิปลูกค้าวีไอพีไปแบล็คเมล์ ไหนดูซิ ถ่ายอะไรไป”
ลูกน้องกดเช็ครูปถ่ายในมือถือ แนนรีบเอาตัวเข้าเบียดออดอ้อนก่อนที่ลูกน้องจะทันดูรูป
“คุยกับแม่นิดเดียวเองคืนโทรศัพท์ให้หงส์เถอะ”
“ทำผิดก็ต้องลงโทษ แล้วโทษก็หนักซะด้วย”
พูดพลางจ้องแนนตาเป็นมัน ก่อนจะผลักแนนเข้าไปในห้องใกล้ๆ
เหยี่ยวยังคงสวมหูฟัง หน้าตาเครียดด้วยความเป็นห่วงแนน
“ทำไงดีครับ หมวดแนนกำลังตกอยู่ในอันตราย”
นกน้อยกันมาถาม น้ำรินแอบซุ่มดูอยู่ไม่ไกล เหยี่ยวครุ่นคิด แล้วพูดอย่างมั่นใจ
“ผมเชื่อมั่นในตัวแนน เค้าเอาตัวรอดได้”
“ลืมไปว่าคนรักกันก็ต้องมั่นใจกันเนอะ”
น้ำรินฟังแล้วแอบรู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันที
ลูกน้องดันตัวแนนเข้าไปในห้อง แนนแกล้งทำหน้ายั่วยวน
“คืนโทรศัพท์ให้หงส์ก่อนสิคะ แล้วหงส์จะยอมให้ทำโทษ”
“กฎต้องเป็นกฎ”
แนนโอบรอบคอลูกน้อง แล้วเอานิ้วลากไปที่หน้าอก
“พี่ไม่คืน แล้วคืนนี้หงส์จะโทรหาพี่ยังไงล่ะคะ”
“ก็ไม่ต้องโทร มีอะไรก็คุยกันตอนนี้เลยดีกว่า”
พูดพลางโน้มหน้าลงมาหา แนนรีบชิ่งหลบ แต่ก็โดนล็อกตัวไว้ได่
แนนทำสีหน้าเซ็กซี่ ใช้สือไล้ไปตามใบหน้าลูกน้อง ยิ้มให้อย่างวาบหวาม
“จะทำโทษอะไรหงส์ ก็รีบทำสิคะ รออยู่”
ลูกน้องก้มลงเหมือนจะจูบ แนนใช้สันมือสับเข้าที่ต้นคอจนมันร่วงลงพื้นสลบไป แนนจับตัวมันลากเข้าไปเก็บในตู้เก็บของอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือคืนมาแล้วออกจากห้องไป
อ่านต่อหน้า 2
ภพรัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
แนนย่องมาที่หน้าห้อง เห็นบุษบันเปิดประตูออกมาสั่งลูกน้องคนสนิท ก็รีบหลบวูบไปที่ข้างเสาต้นหนึ่ง
“บอสให้คนเอาสินค้าอโรม่ามาส่งแล้ว”
บุษบันกับลูกน้องคนสนิทเดินไปทางด้านหลังสปา แนนรีบสะกดรอยตาม พร้อมๆ กดโทรศัพท์โทรออก
“สินค้ามาถึงแล้ว กำลังตามไปดูอยู่ค่ะ”
พนักงานอีกคนเดินมาเห็นแนน “ทำอะไร”
แนนรีบซ่อนโทรศัพท์ แล้วทำไก๋ ดูโน่นดูนี่
“เดินเล่น ที่นี่สวยดีเนอะ”
“แขกวีไอพีของเธอมาแล้ว ไปขึ้นห้อง อย่าให้แขกรอนาน”
พนักงานเดินนำออกไป แนนเครียดคิดหาทางเอาตัวรอด
เหยี่ยวดักฟังโทรศัพท์อยู่ สีหน้าสงสัย
“ขึ้นห้อง?”
นกน้อยรีบพูดปลอบ “ทำใจให้สบายน่าหมวด หมวดเชื่อมั่นว่าสุดที่เลิฟเอาตัวรอดแน่ๆ ไม่ใช่รึ”
“เมื่อกี้แนนบอกว่าสินค้าใหม่มาแล้ว?”
เหยี่ยวครุ่นคิด น้ำรินแอบมองเหยี่ยวอยู่ห่างๆ
แนนกำลังนวดให้เสี่ยชัช แขกวีไอพีร่างใหญ่บนเตียงนอน จู่ๆ เสี่ยก็พลิกตัว ดึงตัวเธอเข้ามากอด
แนนจำต้องโอนอ่อนผ่อนตาม แล้วเบี่ยงตัวออกนิดหนึ่ง
“ไม่อาบน้ำก่อนเหรอคะเสี่ย”
“อาบมาแล้วจากบ้าน”
พูดพลางซุกหน้าเข้าที่ข้างลำคอ แนนจะสับสันมือเข้าที่ข้างลำคอหวังให้สลบ แต่เสี่ยกลับคว้าข้อมือเธอไว้ได้ทัน
“เธอไม่ต้องนวดแล้ว ฉันนวดให้เธอเองดีกว่ารับรองเธอต้องติดใจฝีมือนวดของฉัน”
เสี่ยพลิกร่างแนนม้วนลงมานอนที่เตียง ตรึงแขนสองข้างของเธอไว้
“เสียดาย เฮียน่าจะเอาแส้กับกุญแจมือมาด้วย”
จากนั้นก็ซุกไซ้หน้าลงที่ซอกคอ แนนดิ้นสุดแรงแต่ไม่เป็นผล ทันใดนั้นเหยี่ยวก็โผล่เข้ามาในห้อง
ล็อกแขนเสี่ยไปด้านหลัง แล้วสับกุญแจมือทันที
เหยี่ยวกับแนนช่วยกันเอาผ้ามัดปากเสี่ยชัช
บุษบันตรวจเช็คยาเสพติดในรูปของอโรม่าในกระเป๋า แล้วหันมาพยักหน้าให้ลูกน้องปิดกระเป๋า
คนส่งของเดินออกไป บุษบันหันมาสั่งลูกน้อง
“เดี๋ยวไปดูเสี่ยชัชกับหงส์ด้วยนะ เผื่อเสี่ยชัชอยากได้อะไรเพิ่มเติม”
พูดพลางถือกระเป๋ายาเสพติดในมือ กำลังจะเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
เหยี่ยวกับแนนแง้มประตูห้อง เพื่อดูลาดเลาด้านนอกแล้วเดินออกไปที่ทางเดิน
“มันนัดส่งยากันที่ไหน”
“ด้านหลัง”
ลูกน้องของบุษบันเดินมาที่ห้องสปา แล้วเคาะประตู ได้ยินเสียงอื้ออ้า ปึงปังดังออกมาจากห้อง ก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นเสี่ยชัดถูกใส่กุญแจมือ มัดเท้าและปากด้วยผ้า ก็รีบช่วยแก้มัดให้ แล้วพูดกับวิทยุสื่อสาร
“เกิดเรื่องแล้ว”
เหยี่ยวพาแนนวิ่งไปตามทางเดิน ลูกน้องเป็นฝูงวิ่งมาทางด้านหน้า ทั้งคู่รีบวิ่งหลบไปอีกทาง แต่ลูกน้องอีกกลุ่มวิ่งตรงมาอีก เหยี่ยวกับแนน รีบเปิดประตูเข้าไปซ่อนในห้อง แล้วรีบล็อกประตู
“รอพวกมันไปก่อน เราค่อยออกไป”
ทันใดนั้น ไฟในห้องเปิดสว่าง บุษบันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานถือปืนพกขนาดเล็กอยู่ในมือ
“ฉันจะนั่งรอเป็นเพื่อน”
บุษบันดึงตัวแนนลุกขึ้น แล้วตบหน้าด้วยด้ามปืนจนปากแตก เลือดออกจากมุมปาก เหยี่ยวโกรธจัด มองบุษบันด้วยสายตาโกรธแค้น ทำท่าจะลุกขึ้น
“อ๊ะๆ อย่าขยับ ปืนฉันยิ่งไวๆอยู่ด้วย”
เหยี่ยวมองหน้าแนนอย่างเป็นห่วง แต่แนนส่งสายตาบอกเหยี่ยวว่าไม่เป็นไป พลันลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในห้อง
“คุณบุษ ตำรวจมา”
นกน้อยและตำรวจเข้าจับกุมตัวลูกน้องบุษบัน และคุมลูกค้าพาเด็กสาวออกมา ส่วนบุษบันกับลูกน้องก็พาเหยี่ยวกับแนนมาที่รถ เตรียมหนี
ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังมาจากข้างในตึก บุษบันและลูกน้องหยุดชะงัก เหยี่ยวอาศัยจังหวะหันไปเตะตวัดฟาดเข้าซอกคอลูกน้องคว่ำ จนปืนกระเด็นไป เหยี่ยวกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ แต่บุษบันหันมายิงใส่มือ ลูกกระสุนเฉียดไปเล็กน้อย
บุษบันลากแนนไปทางบริเวณตึกก่อสร้าง เหยี่ยวจะวิ่งตามไป แต่ลูกน้องกระโดดล็อกคอไว้ เหยี่ยวจัดการจนลูกน้องล้มไป แล้วรีบคว้าปืน วิ่งตามบุษบันและแนนไป
บุษบันลากตัวแนนขึ้นไปบนตึกก่อสร้างว่างๆ แนนดิ้นไม่หยุด
บุษบันก้าวพลาดสะดุดขั้นบันได แนนฉวยจังหวะศอกถองเข้าที่ท้องน้อย แล้ววิ่งหนีไปที่ดาดฟ้ากว้างโล่ง ที่มีปั้นจั่นพร้อมอุปกรณ์ก่อสร้างผูกติดไว้
บุษบันวิ่งตาม ส่องปืนไปทางแนนวิ่งหนีมาจนสุดดาดฟ้า ไม่มีทางถอยอีก
“ตายซะเถอะ”
น้ำรินก้าวเข้ามาในวิถีกระสุนปืน แล้วหันหน้ามามองบุษบันเต็มๆ เสียงปืนดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับภาพความทรงจำของเธอปรากฎขึ้นมา
น้ำรินเห็นภาพตัวเองกำลังส่งเช็คให้กับบุษบัน
“นี่จ้ะบุษ เงินทุนสำหรับลงทุนเปิดสปา ถือว่าเราเป็นหุ้นส่วนกัน ต่อไปถ้าทิพย์วารี สปา ขาดเหลืออะไรก็บอกเรามา เรายินดีช่วย”
บุษบันกอดน้ำรินเป็นการขอบคุณ
กระสุนแหวกอากาศพุ่งมาหาน้ำรินโดยมีแนนยืนอยู่ด้านหลัง เหยี่ยววิ่งตามขึ้นมาถึงดาดฟ้า น้ำรินหันไปเห็นเหยี่ยว จึงรีบหลบวูบออกไปอีกทางหนึ่ง แนนมองตัวเองอย่างงุนงงที่โดนยิงแบบเต็มๆ ตรงๆ แต่ไม่เป็นอะไร
“เหยี่ยว ระวัง”
บุษบันหันมายิงใส่ เหยี่ยวกลิ้งตัวหลบ กระสุนจากปากกระบอกปืนบุษบันพุ่งตรงเข้าไป โดนแผงวงจรของเครนจนไฟช็อต สลิงที่ผูกติดกับเครนรูดขาดผึงไปกระตุกอีกเส้นหนึ่ง เส้นสลิงที่ผูกอุปกรณ์ก่อสร้างกับเครนคลายออก อุปกรณ์ก่อสร้างหลุดร่วงลงมาทับตัวบุษบันทันที เหยี่ยวกับแนนมองภาพด้วยความตกใจ จนต้องเมินหน้าหนี
น้ำรินที่ยืนหลบอยู่มุมหนึ่งตาลุกวาวด้วยความตกใจ เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏตรงหน้า
พื้นรอบๆ เกิดเป็นรอยแยก มีแสงสีแดงฉายขึ้นมาวูบไหวเหมือนเปลวไฟ มือมากมายสีดำตะกายเข้าไปใต้อุปกรณ์ก่อสร้างแล้วกระชากวิญญาณของบุษบันลงไปในรอยแยก แล้วกลับกลายเป็นพื้นปกติเช่นเดิม
น้ำรินหลบซ่อนอยู่มุมหนึ่ง มองภาพวิญญาณของบุษบันถูกลากลงไปในนรกด้วยความระทึกขวัญ
เหยี่ยวกับแนนโผเข้ากอดกัน น้ำรินมองเห็นภาพคนทั้งสองกอดกันด้วยความสะเทือนใจสุดๆ
เหยี่ยวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.โดยที่อีกมือยังคงโอบแนนไว้
“ผู้ต้องหาเสียชีวิตอยู่บนตึก เจ้าหน้าที่ปลอดภัยดี”
น้ำรินแอบดูเหยี่ยวกับแนนอยู่ พร้อมทั้งสะกดความเจ็บปวดหัวใจที่เกิดขึ้นอย่างสุดกำลัง
ที่มือของน้ำ กำลูกกระสุนของบุษบันที่ยิงใส่แนนไว้ได้ เธอเป็นคนช่วยชีวิตแนนไว้
อ่านต่อหน้า 3
ภพรัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
เหยี่ยวล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา จากนั้นก็หลับตาลง น้ำรินวางกระสุนปืนในมือเหยี่ยว เขาคว้ามือเธอไว้โดยสัญชาตญาณ
และที่น่าแปลกคือครั้งนี้ เหยี่ยวสามารถจับมือน้ำรินไว้ได้อย่างมั่นคง
เหยี่ยวลืมตาขึ้น แล้วเห็นหน้าน้ำรินอยู่ตรงหน้า เธอพยายามดึงมือหนี แต่เหยี่ยวจับมือไว้แน่น พลางลุกขึ้นมองน้ำรินด้วยความดีใจ
“คุณกลับมาแล้ว ผมจับมือคุณได้ด้วย”
น้ำรินมองเหยี่ยวเศร้าๆ น้ำตาคลอ เหยี่ยวเอามือน้ำรินมาไว้แนบอก
“งอนอะไร บอกมาสิ”
“ฉันไม่ได้งอน”
“แล้วหายไปไหนมา ปล่อยให้ผมตามหาซะแทบแย่”
น้ำรินเสียงเศร้า “ฉันไม่ควรจะอยู่ที่นี่ ฉันไม่เหมาะสมที่จะอยู่ข้างๆ คุณ เพราะว่าฉันไม่ดีพอ ฉันเป็นคนชั่ว คุณไม่รู้หรอกว่าอดีตที่ผ่านมา ฉันทำเลวอะไรไว้บ้าง”
พูดพลางน้ำตาคลอ เหยี่ยวรวบตัวน้ำรินมากอด
“อดีตก็คืออดีต แต่คุณที่อยู่กับผมตรงนี้เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่คนเลวแน่นอน”
น้ำรินผลักเหยี่ยวออกห่าง แล้วมองหน้าเขาเหมือนพยายามจดจำเป็นครั้งสุดท้าย
“ลาก่อนนะคะเหยี่ยว”
เหยี่ยวดึงมือน้ำรินไว้แน่น
“ไม่ได้ คุณจะไปไหนไม่ได้ ผมสัญญาแล้วว่าผมจะหาร่างให้คุณ”
“มันไม่จำเป็นแล้วค่ะ จากกันวันนี้หรือวันไหน เราก็ต้องจากกันอยู่ดี”
มือน้ำรินค่อยๆ จางหายไปจากมือของเหยี่ยว เหลือเพียงกระสุนปืนบนมือเหยี่ยวเท่านั้น
เหยี่ยวรู้สึกตัวตื่น ที่แท้ทั้งหมดเป็นความฝัน พลางเอามือลูบหน้าแล้วล้มตัวนอนอีกครั้ง แต่พอเอามือสอดไปใต้หมอนขยับให้หนุนหัว ก็พบว่ามีอะไรอยู่ใต้หมอน จึงพลิกหมอนขึ้นดู แล้วพบว่ากระสุนวางอยู่
เหยี่ยวหยิบกระสุนขึ้นมาดูอย่างงุนงง พลันนึกถึงน้ำรินกับคำพูดในฝัน ก็ยิ่งรู้สึกใจหาย
น้ำรินนั่งเศร้าเหม่อมองเงาในน้ำ แต่ก็ว่างเปล่า ไม่เห็นเงาตัวเอง ผียายปริกนั่งข้าง ๆ แกล้งโยนหินก้อนเล็กลงน้ำเพื่อเบนความสนใจจากน้ำริน
“มนุษย์ชอบทุกข์เพราะรัก มากกว่ามองหาความสุขจากรัก”
น้ำรินนึกถึงเหยี่ยว ยิ่งเศร้า
“ทุกครั้งที่ความทรงจำกลับมา ฉันจะเห็นภาพตัวเองเคยทำผิด เคยเลวร้ายกับคนอื่น คนเลวอย่างฉันไม่คู่ควรกับเค้า”
“บุญและกรรมเป็นสิ่งที่ลบล้างกันไม่ได้ แต่มันอาจมาในเวลาเดียวกันได้ ทุกชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว”
“ขอบคุณที่พยายามเตือนสติ แต่ฉันยังไม่พร้อมจะเข้าใจ”
น้ำรินหันกลับไปมองผิวน้ำที่ไม่มีเงาตัวเองสะท้อน แววตาเศร้า ทรมานใจ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของยายนวล เหยี่ยววางกระสุนไว้กับตุ๊กตาหมีสีฟ้า รีบลุกไปเปิดประตู
“หนูแนนซื้อขนมมาฝาก ลงไปทานด้วยกันสิ”
“ผมอยากทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ ยายทานกับแนนเถอะครับ”
“เสียมารยาท งานอะไรก็ไม่สำคัญเท่าเวลาของครอบครัว ลงมากับยายเดี๋ยวนี้เลย”
ยายนวลดึงแขนเหยี่ยวออกจากห้องให้ลงไปหาแนนด้วยกัน
แนนหันไปเห็นเหยี่ยวนั่งเหม่อ แววตาเครียด ยายนวลรีบบอก
“อาการหนัก หายใจเข้าก็ “งาน” หายใจออกก็ “งาน” โรคนี้ต้องรักษาด้วยการ “แต่งงาน” ถึงจะหาย”
“ทำงานกับแต่งงานมันคนละเรื่องยาย”
“เอ็งมันชอบอ้อมค้อมเลี้ยวไปเลี้ยวมา ถ้าไม่กล้าขอหนูแนนแต่งงาน ยายจะขอให้เอง”
แนนอึ้ง เขิน ไม่ทันตั้งตัว เหยี่ยวจะบอกว่าไม่ได้รักแนน แต่ชะงัก เมื่อเห็นสายตาจดจ้องรอฟังของเธอ เหยี่ยวไม่กล้าปฏิเสธแนนตรง ๆ เพราะสงสาร จึงเปลี่ยนใจมาตักขนมกินเอา ๆ เพื่อตัดบทการสนทนาแนนลอบมอง แอบผิดหวังนิด ๆ ที่ไม่ได้ฟังคำตอบจากเหยี่ยว
เหยี่ยวกับแนนช่วยกันล้างจานในครัว จู่ๆ แนนก็ถามขึ้นมา
“จำตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้มั้ย ?”
แนนยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงอดีต ตอนที่สงครามพาเธอเข้ามาแนะนำตัวกับลูกน้องตำรวจ ทุกคนมอง
เธอ อย่างไม่ค่อยยอมรับที่ผู้หญิงมาทำงานด้วย
เหยี่ยวเห็นสายตาและท่าทางเหล่าตำรวจที่มีต่อแนน จึงเดินเข้าไปแนะนำตัวกับเธออย่างเป็นกันเอง แนนยิ้มประทับใจ
“วันแรกที่เราเข้าไปรายงานตัว เหยี่ยวเป็นคนเดียวที่ยอมรับเราร่วมทีมให้โอกาสผู้หญิงอย่างเราแสดงความสามารถ”
เหยี่ยวจำเหตุการณ์ในอดีตนั้นได้เป็นอย่างดี ขณะจูงจักรยานเดินคู่กับแนนคนละคัน บนถนนริมแม่น้ำสวย
“เราเชื่อว่าผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้ชาย แนนแสดงความสามารถให้เห็น ทำให้ตำรวจคนอื่นยอมรับ คดีเครือข่ายค้ายาที่สปาของบุษบัน แนนก็เอาตัวรอดได้อย่างไม่น่าเชื่อ”
คำพูดของเหยี่ยว ทำให้แนนฉุกคิดถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอถูกยิง
“วันนั้นเราถูกยิง วิถีกระสุนจากปืนของบุษบันพุ่งตรงมาหาเรา แต่เรากลับไม่เป็นอะไร”
“อาจมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแนนอยู่ก็ได้”
“เรียกว่า “คนดีผีคุ้ม” รึเปล่า ?”
เหยี่ยวนึกถึงน้ำรินขึ้นมาทันที
เหยี่ยวหยิบกระสุนที่วางอยู่กับตุ๊กตาหมีสีฟ้าขึ้นมาดูอีกครั้ง
“ปืนของบุษบันไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง เราส่งไปตรวจรอยนิ้วมือแฝง เผื่อจะเจอตัวคนร้ายอื่น”
เหยี่ยวมองกระสุนในมือ อย่างต้องการคำตอบ
“กระสุนชนิดเดียวกับปืนของบุษบัน ? หรือน้ำจะเข้าไปช่วยแนน ?”
จู่ๆ น้ำรินก็เห็นภาพในอดีตเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง
บุษบันกอดน้ำรินเป็นการขอบคุณ นับดาวเดินเข้ามาหาทั้งคู่
“อ้าว จะรักกันแค่สองคนเองเหรอ ขาดเราไปได้ยังไงจ๊ะ”
น้ำรินหน้านิ่ว พยายามนึกถึงหน้าของนับดาว
“ผู้หญิงคนนั้น ทุกครั้งที่ฉันทำความดี มันจะทำให้ความทรงจำของฉันกลับมา ฉันเห็นผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันอีกคน ถ้าฉันหาเค้าเจอ ฉันต้องรู้แน่ๆ ว่าตัวเองเป็นใคร แล้วฉันจะหาเค้าเจอได้ยังไง?”
ผียายปริกรีบบอก
“จิตเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างความคิดกับปัญญาญาณสื่อสารได้ แต่ไม่มีตัวตนแท้จริง”
น้ำรินนิ่งคิด “ฉันต้องใช้จิตตามหาผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย ? ถ้าฉันนั่งสมาธิฝึกจิตให้เข้มแข็ง ฉันก็จะกำหนดจิตให้ทำอะไรก็ได้ไปไหนก็ได้”
น้ำรินมั่นใจ คิดเองเออเอง แล้วรีบหลับตานั่งสมาธิทันที
ผียายปริกอ้าปากจะห้าม แต่ก็รีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ เหมือนคนสองอารมณ์ อยากบอก แต่พูดไม่ได้
ภพธรยืนจิบไวน์อยู่ตรงระเบียง ทอดสายตาเคร่งเครียดมองไปยังวิวสวยยามค่ำคืน นับดาวเดินเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง
“เครือข่ายสปาของบุษบันถูกสำนักงานสืบฯ บุกทลายอีกแล้ว”
ภพธรขยับตัวออกจากการอ้อมแขนของนับดาวอย่างหงุดหงิด
“ฝีมือไอ้สงคราม ให้คนตามสืบประวัติฉัน เทียวไปบ้านธาราทุกวันจนฉันขยับตัวทำอะไรไม่ได้ มันคือมารขัดขวางการแก้แค้น”
ภพธรกำแก้วไวน์แน่นด้วยความโกรธ นับดาวกุมมือภพธรอย่างนุ่มนวล ค่อย ๆ เอาแก้วไวน์ออกจากมือภพธรมาถือไว้เอง
“ผบ.สงครามเป็นเหมือนขาเทียมของนังธารา ถ้าไม่มีผู้การคนนี้ นังธาราก็จะเดินไม่ได้ตลอดชีวิต”
ภพธรสบตาแล้วยิ้มร้าย รู้ว่านับดาวคิดจะทำอะไร
ธารากดรีโมทรถเข็นเคลื่อนเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นโทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ จึงพูดขึ้นโดยไม่หันไปมองเพราะนึกว่าสงครามยังคงนั่งดูโทรทัศน์อยู่
“ฉันบอกว่าคุณไม่ต้องมา คุณยังมาที่นี่ทุกวัน ทำเหมือนเป็นยามของบ้านนี้ ฉันควรจะทำยังไงกับคุณดีคะสงคราม”
แต่พอหันไปมองก็ชะงัก เมื่อเห็นว่าสงครามนั่งหลับพิงโซฟาอยู่หน้าโทรทัศน์
ธาราเคลื่อนรถเข็นเข้าไปใกล้สงคราม กำลังจะปลุกไล่ให้ตื่น แต่จู่ ๆ ก็ไม่กล้าปลุก เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนเพลียเหนื่อยล้าของสงคราม พลางนึกถึงอดีตที่ผ่านมาไม่กี่วัน
ธาราเห็นภาพตัวเองเคลื่อนรถเข็นเข้ามาในห้องโถง แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นสงครามกำลังติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มุมหนึ่ง หันกล้องมาตามทางเดิน
“เพื่อความสบายใจ ขอให้ผมมั่นใจว่าคุณปลอดภัย”
แววตาธาราอ่อนลง เอาผ้าคลุมไหล่ของตัวเองมาห่มให้สงครามแทน
“ขอบคุณครับ”
ธาราตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นสงครามลืมตามายิ้มให้เธอ
“คุณยังเป็นธารา ผู้หญิงอ่อนโยนใจดีเสมอ”
“ฉันแค่ไม่อยากให้คุณหนาวตาย”
ธาราดึงผ้าคลุมไหล่คืนมาจากสงครามแล้วทำหน้าเชิด
“เหนื่อยมั้ย ? เหนื่อยที่ต้องทำเป็นเข้มแข็งตลอดเวลาบ้างมั้ย ?”
ธาราอึ้งไป เมื่อถูกสงครามพูดแทงใจดำ
“เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง คุณไม่จำเป็นต้องแบกโลกนี้ไว้คนเดียว”
สงครามสบตาธาราด้วยความอาทร ห่วงใย ธาราสับสน กดรีโมทรถเข็นจะเลี่ยงออกไป แต่สงครามคว้ารถเข็นเอาไว้ทัน
“ถ้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก ผมจะพาไป”
อ่านต่อหน้า 4
ภพรัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ธาราไม่ค่อยสบายใจที่สงครามเข็นรถเข็นพาเธอออกมา ราวกับถูกบังคับทางอ้อม แต่เมื่อธาราหันไปเห็นแสงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ก็ตะลึงจนลืมความหงุดหงิด สงครามย่อตัวลงข้างธารา แล้วพูดอย่างจริงใจ
“จิตที่มีความสุขจะดึงดูดแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาหา จิตนั้นอาจเป็นพลังดึงดูดให้ลูกสาวคุณกลับมา”
ธาราเริ่มมีความหวังขึ้นอีกครั้ง ก่อนมองสงครามด้วยความเกรงใจ
“คุณทำงานหนักแล้วยังต้องแบ่งเวลามาดูแลฉันอีก ขอบคุณนะคะ”
“ผมเต็มใจทำเพื่อคุณ ไม่มีคำว่ารบกวนสำหรับเรา ชีวิตคนไม่แน่นอนถ้าวันหนึ่งผมเป็นอะไรไปผมอยากให้คุณเข้มแข็งและมีความสุขเหมือนคืนนี้”
ธาราใจหายวาบ รีบเอามือป้องปากสงครามอย่างลืมตัว ทั้งคู่ต่างชะงัก มองหน้ากัน สงครามกุมมือเธอที่ป้องปากเขาไว้อย่างนิ่มนวล ธารารู้สึกตัว รีบถอนมือออกจากการเกาะกุม เมินหน้าหนีไปชมดาวบนท้องฟ้า เพื่อเลี่ยงสายตาสงคราม
สงครามยิ้มในหน้า ดีใจที่อย่างน้อยธาราก็ยังเป็นห่วงเขา
เหยี่ยวก้มลงกราบหลวงตาเคี้ยงด้วยความศรัทธา
“ หลวงตามีวิธีตามหาวิญญาณที่เราอยากเจอมั้ยครับ จู่ๆ เธอก็หายไป ผมมั่นใจว่าเธอกำลังตามหาร่างของตัวเองอยู่”
หลวงตาเคี้ยงส่ายหน้า “ยึดไว้ถือไว้ก็เป็นทุกข์ แค่ปล่อยวางก็พ้นทุกข์”
“ถ้าผมตายโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่รู้ว่าร่างของตัวเองอยู่ที่ไหน ผมคงต้องหาคำตอบให้ได้ ก่อนจะไปภพภูมิอื่นเหมือนกัน”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ กรรมคือการกระทำที่เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดคนที่มีกรรมร่วมกับเรามาเจอกัน เราหลีกเลี่ยงการพบเจอ หรือเรียกร้องอยากจะเจอคนๆ นั้นไม่ได้ ถ้ายังไม่ถึงเวลา”
เหยี่ยวพนมมือฟังคำสอนของหลวงตาเคี้ยง แล้วครุ่นคิดตาม
เหยี่ยวเดินมาตามทางเดินในวัด ครุ่นคิดถึงคำพูดของหลวงตาเคี้ยง
“ที่โยมรู้สึกคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนั้น อาจเป็นเพราะมีวาสนาต่อกัน ผูกพันเป็นสายใยเชื่อมโยงระหว่างจิตต่อจิต เมื่อข้ามภพชาติมาเจอกันใหม่ จึงรู้สึกคุ้นเคยกันอย่างน่าอัศจรรย์”
เหยี่ยวพึมพำกับตัวเอง “วาสนา ?”
ขณะที่น้ำรินก็นึกถึงคำพูดของผียายปริก
“หล่อนบังกระสุนให้หมวดเหยี่ยวไม่ได้ เพราะตอนนั้นจิตหล่อนเต็มไปด้วยความหวงแหนเป็นเจ้าของ เป็นรักที่ไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ที่หล่อนบังกระสุนให้หมวดแนนได้ เพราะหล่อนอยากเสียสละทำให้คนอื่นมีความสุข อานุภาพของรักบริสุทธิ์จึงทำให้หล่อนมีพลัง”
“รักบริสุทธิ์ ?”
เหยี่ยวเริ่มรู้สึกหมดหวังที่จะตามหาน้ำริน
“น้ำ เราจะมีวาสนาได้เจอกัน เมื่อถึงเวลาที่ถูกลิขิตไว้เท่านั้นเหรอ ?”
น้ำรินพยายามทบทวนสิ่งที่ผียายปริกพูด ด้วยความรู้สึกสับสน
“ฉันควบคุมจิตได้ เพราะฉันรักเหยี่ยวอย่างบริสุทธิ์ใจงั้นเหรอ ?”
เหยี่ยวกับน้ำรินถอนออกมาพร้อมกัน พอหันขวับมาเจอกัน ต่างคนต่างก็ตกใจ
น้ำรินนึกได้ก่อนว่ากำลังหลบหน้าเหยี่ยวอยู่ รีบวิ่งหนีทันที เหยี่ยววิ่งตัดหน้ามาขวางไว้ ท่าทางจริงจัง เอาเรื่อง น้ำรินจะเลี่ยงไปทางอื่น แต่เหยี่ยวกลับตีแขนตัวเองเพี้ยะ ๆ หลายที
“ทำบ้าอะไรของคุณ”
“เพื่อความมั่นใจว่าไม่ได้ฝัน ผมจะได้รั้งคุณไม่ให้หนีไปไหนอีก”
น้ำรินอึ้ง พูดไม่ออก สัมผัสได้ถึงความผูกพันและห่วงใยที่เหยี่ยวมีต่อเธอ แต่ยังทำใจแข็ง
“คุณมีหน้าที่ที่ต้องทำ ฉันก็ต้องตามหาร่างของฉัน”
“ผมจะช่วยคุณ”
“เอาเวลาว่างไปดูแลหมวดแนนแฟนคุณเถอะ”
“คุณขอร้องให้ผมช่วยแต่แรก ผมก็ต้องช่วยจนกว่าจะเจอร่างของคุณเพื่อให้คุณกลับเข้าร่างไปหาพี่ธรคนรัก”
ทั้งสองอึ้งมองกัน เจ็บปวดหัวใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายมีคนรักแล้ว เหยี่ยวไม่รู้จะหาใช้วิธีไหนรั้งน้ำรินไว้ จึงแสร้งออกอุบายด้วยการยกยายนวลมาอ้าง ว่ากำลังซึมเศร้าเพราะคิดถึงน้ำริน ยังไม่ทันพูดจบ น้ำรินก็เดินผละออกไปเลย เหยี่ยวงง เรียกตามแทบไม่ทัน
“ปล่อยให้คนแก่ซึมเศร้าอยู่บ้านคนเดียวได้ไง ใจร้ายที่สุด”
น้ำรินเดินลิ่ว รีบกลับไปหายายนวลอย่างร้อนใจ เป็นห่วง เหยี่ยวยิ้มดีใจที่หลอกน้ำรินสำเร็จ แล้วรีบตามไป
สงครามยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะฟังดารณีรายงาน
“สิบกว่าปีก่อน หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่านุติพ่อของภพธรฆ่าตัวตายเพราะปัญหาส่วนตัว แต่ดิฉันสืบทราบว่าบริษัทรินธาราเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทของนุติ ก่อนที่นุติจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพียงวันเดียว”
สงครามหันกลับมา สีหน้าเคร่งเครียดใช้ความคิด
“ธาราเป็นคนเด็ดขาดในการทำธุรกิจ ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเธอคำนึงถึงผลประโยชน์มากกว่าความเป็นเพื่อน”
ดารณีรายงานต่อ
“หลังนุติเสียชีวิต คุณธารารับอุปการะภพธรจนเรียนจบ ให้ภพธรช่วยบริหารงานบริษัท และยกลูกสาวให้แต่งงานด้วย”
“ถ้าคุณรู้ว่าพ่อฆ่าตัวตายเพราะถูกเพื่อนโกง คุณจะยังทำงานกับคนๆ นั้นด้วยความภักดี และอยากแต่งงานกับลูกสาวของเค้าไปตลอดชีวิตมั้ย ?”
สีหน้าดารณีบ่งบอกว่าคงทำไม่ได้ สงครามเคร่งขรึม วิเคราะห์ด้วยสัญชาตญาณ แต่ยังทำอะไรไม่ได้
น้ำรินก้าวเข้ามาในบ้านโดยมีเหยี่ยวตามมาติด ๆ แต่ในบ้านเงียบเชียบ เหมือนไม่มีคนอยู่ ครู่หนึ่งยายนวลก็ยกถาดใส่กับข้าวเดินออกมาจากครัวอย่างร่าเริง อารมณ์ดี
“กลับมาทันดินเนอร์พอดีเลยนะเจ้าเหยี่ยว หนูน้ำก็มาด้วยเหรอ หายไปไหนตั้งหลายวัน”
น้ำรินชำเลืองมองเหยี่ยว อึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง
“มาทานข้าวกันดีกว่า ยายหิ๊ว หิว เจ้าเหยี่ยวรีบตักข้าวสิ มัวรออะไร ?”
เหยี่ยวรีบเปิดหม้อหุงข้าวบนโต๊ะ ยายนวลหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอารมณ์ดี น้ำรินค้อนเหยี่ยวขวับ จับได้ว่าเขาโกหกเรื่องที่บอกว่ายายนวลซึมเศร้า
“มีแต่กับข้าวของโปรดเจ้าเหยี่ยว ไม่รู้หนูน้ำทานได้รึเปล่า พอหนูน้ำไม่อยู่ เจ้าเหยี่ยวก็ใส่บาตร กินกุ้งกับปลาเนี่ยทุกมื้อทุกวัน กินจนครีบจะขึ้นตัว หัวจะมีอุจาระอยู่แล้ว”
น้ำรินอมยิ้มดีใจ รู้ว่าเหยี่ยวกินกับข้าวที่เธอชอบเพราะคิดถึงเธอจริง ๆ
“คิดยังไงถึงพาหนูน้ำกลับมาที่บ้านอีก” ยายนวลคาดคั้นถามเหยี่ยวเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“ก็น้ำเคยพักอยู่กับเรา”
“ชีวิตเอ็งจะวุ่นวาย ถ้าหนูน้ำยังอยู่ที่นี่ ยายมั่นใจว่าหนูน้ำคือสาเหตุที่ทำให้เอ็งไม่ยอมขอหนู
แนนแต่งงาน”
เหยี่ยวนิ่งไป เพราะมันเป็นอย่างที่ยายนวลพูดจริง ๆ
“ผมกับแนนเป็นแค่เพื่อนกัน ตอนนี้ผมอยากทำงานมากกว่าคิดเรื่องแต่งงาน น้ำจะกลับไปหาคนรักและครอบครัวหลังจากปิดคดี เรื่องวุ่นวายก็จะไม่มีอีกแล้ว”
น้ำเสียงเหยี่ยวเศร้าลง ไม่อยากให้ถึงวันที่จากน้ำริน ยายนวลกลุ้มใจ รู้ว่าเหยี่ยวรักน้ำรินมากและยากจะตัดใจ
น้ำรินกำลังมองหาอะไรบางอย่างในห้องนอนเหยี่ยวแต่หาไม่เจอ
“หาไอ้นี่อยู่ใช่ปะ ?”
น้ำรินหันหลังกลับไป เหยี่ยวเอาตุ๊กตาหมีสีฟ้าที่ถือซ่อนไว้ด้านหลังออกมายื่นให้ น้ำรินมองตุ๊กตาหมีสีฟ้าด้วยความดีใจ ก่อนจะทำสมาธิ แล้วยื่นมือไปจับ
ทันทีที่น้ำรินจับตุ๊กตาหมีได้ เหยี่ยวก็ใช้มืออีกข้างมากุมมือเธอไว้
“ผมจับมือคุณได้”
จู่ๆ ตุ๊กตาก็หลุดจากมือน้ำรินลงกับพื้น ร่างน้ำรินกลายเป็นอากาศธาตุ
“จิตของฉัน ทำให้คุณสัมผัสฉันได้ แต่มันยังไม่มั่นคง”
“ถ้างั้น คุณคงอธิบายเรื่องนี้ได้”
เหยี่ยวเปิดลิ้นชัก หยิบกระสุนปืนในลิ้นชักมา น้ำรินลังเล ก่อนหันไปหาเหยี่ยวอย่างยอมรับความจริง
“ฉันช่วยหมวดแนนเอง”
เหยี่ยวตื่นเต้น “แสดงว่าคุณมีพลังมากพอที่จะขวางกระสุนให้แนนได้”
น้ำรินสบตาเหยี่ยว ไม่กล้าบอกว่าเพราะพลังแห่งรักบริสุทธิ์ที่เธอมีต่อเขา
“ฉันเป็นดวงจิต ไม่ใช่เทวดาจะได้มีอิทธิฤทธิ์”
“ผมจะพยายามเชื่อว่าคุณฟลุคช่วยแนนได้ แต่อย่าบอกนะว่าคุณบังเอิญเข้าไปในสปาของบุษบัน”
เหยี่ยวจ้องด้วยสายตาคาดคั้น น้ำรินอึกอัก แล้วจำใจตอบ
“ฉันแอบตามคุณกับหมวดแนนไปที่สปา เพราะฉันจำได้ว่าเคยรู้จักบุษบัน ความทรงจำในอดีตบอกว่าฉันเคยให้บุษบันยืมเงิน ฉันอาจจะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดนั่น”
เหยี่ยวหน้าเครียด “เป็นไปไม่ได้”
“แต่ทุกความทรงจำของฉันเกี่ยวข้องกับคนที่ทำผิดกฎหมายทั้งนั้น”
“ผมไม่เชื่อว่าคุณเป็นคนเลว เราจะพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยการหาร่างของคุณให้เจอ”
น้ำรินหวั่นใจ กลัวความจริงจะทำให้เธอรับตัวเองไม่ได้
อ่านต่อตอนที่ 11