xs
xsm
sm
md
lg

ภพรัก ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภพรัก ตอนที่ 9

น้ำรินเดินออกมาด้วยความหงุดหงิด น้อยใจ พลางครุ่นคิด

“ฉันจับสิ่งของได้หลายครั้ง แต่ทำไมฉันบังกระสุนให้เหยี่ยวไม่ได้”

“ทำไมจ่าไม่ถามผมก่อนว่าควรบอกเรื่องนี้กับยายมั้ย ?”
เหยี่ยวหันมาพูดตำหนินกน้อย เมื่อยายนวล พาปลาทู กับปูอัดมาเยี่ยมแนน
“ข้าเป็นห่วงว่าที่หลานสะใภ้ เอ็งมีปัญหาเหรอ ?”
แนนอมยิ้ม เมื่อยายนวลพูดอย่างเปิดเผย
“ไม่กล้ามีหรอก”
“แต่ข้ามี” ยายนวลพูดหน้าตาเฉย

“ยายมีเรื่องอะไรจะคุยกับผม”
เหยี่ยมถามยายนวลเมื่อแยกมาคุยกันตามลำพัง
“เรื่องของเอ็งกับหนูแนนจะเอายังไง ?”
น้ำรินกำลังจะกลับเข้าไปในตึก เมื่อได้ยินยายนวลพูดกับเหยี่ยว ก็หยุดแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
“ผมยังไม่คิดกับแนนเรื่องใช้ชีวิตร่วมกันเลย”
“หนูแนนเกือบตาย เพราะยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเอ็งมันพิสูจน์ได้ว่าหนูแนนรักเอ็งจริง”
น้ำรินเดินหันหลังออกไปอย่างเศร้า ๆ ไม่พูดอะไร แล้วมานั่งมองเหม่อออกไปยังทะเลกว้างเบื้องหน้า ผียายปริกเข้ามาหา
“หนีอะไรก็หนีได้ แต่ไม่มีใครหนีหัวใจตัวเองพ้น”
“ฉันไม่ได้หนี ฉันไม่ได้รักเค้า ฉันแค่เป็นห่วง”
“ความห่วงใยคือจุดเริ่มต้นของความรัก”
น้ำรินยืนยัน “บอกว่าไม่ได้รัก”
ผียายปริกตามไปยืนตรงสายตาน้ำริน พลางแนะนำด้วยความหวังดี
“หล่อนรักหมวดเหยี่ยว ก็รีบหาร่างตัวเองให้เจอ แล้วกลับเข้าร่างมาบอกเค้าสิ”
“ไม่มีประโยชน์ ตั้งแต่ความทรงจำเริ่มกลับมา ฉันรู้จักกับนักค้ายาเสพติดอย่างยอดชัด ฉันเป็นต้นเหตุทำให้นกยูงตายเพราะยาเสพติด ตัวจริงของฉันอาจเป็นเจ้าแม่แก๊งมาเฟียหรือเจ้าแม่ค้ายาเสพติด ที่สั่งฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมก็ได้”
“หล่อนกลัวจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหล่อนไม่ใช่คนดี ?”
“ตำรวจกับอาชญากรไม่มีทางลงเอยกันได้ ที่สำคัญเหยี่ยวกำลังจะแต่งงานกับหมวดแนน”

น้ำรินพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ

เหยี่ยวพยายามอธิบายกับยายนวลอย่างลำบากใจ ว่าระหว่างบุญคุณกับความรักนั้น เป็นคนละเรื่องกัน

ยายนวลฟังแล้วเริ่มเอะใจ
“พูดอย่างนี้เหมือนมีคนรักอยู่แล้ว ? หนูน้ำใช่มั้ย ?”
“เพ้อเจ้อน่ายาย
“ตำรวจกับพยานแอบรักกันไม่ดีแน่ เอ็งต้องแยกหน้าที่ออกจากเรื่องส่วนตัว ไม่อย่างนั้ผู้หญิงอย่างหนูน้ำจะเสียหาย”
เหยี่ยวครุ่นคิดแล้วนิ่งไป ส่วนยายนวลก็กลุ้มใจ เพราะรู้สึกได้ว่าเหยี่ยวรักน้ำรินเข้าแล้ว

ธาราชะงักด้วยความดีใจเมื่อรู้ข่าวจากสงคราม ว่าแนนฟื้นแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโทษว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ
“หมวดแนนทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างน่าชื่นชม คุณไม่ควรโทษตัวเอง กลัวมั้ย ?”
“ฉันไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวว่าจะตายโดยไม่ได้เห็นหน้าลูก ขอแค่เห็นว่าลูกปลอดภัย ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
“ตราบใดที่ผมยังอยู่ คุณจะต้องปลอดภัยและจะได้เจอกับลูกแน่นอน ผมรู้ว่าคุณต้องการเดินไปข้างหน้ามากกว่าถอยหลังไปเริ่มใหม่ ผมขอเป็นแค่คนข้าง ๆ คอยดูแลให้คุณเดินไปข้างหน้าอย่างปลอดภัยก็พอ”

ธาราเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะต้องการสกัดกลั้นน้ำตาแห่งความรู้สึกผิด ไม่ให้ไหลออกมาให้เขาเห็น แต่สงครามกลับเข้าใจไปว่าธาราเมินหน้าหนีเพราะไม่พอใจ

ยายนวลหยิบผลไม้ป้อนให้แนนอย่างเอาใจ พลางพูดต่อหน้าปลาทู กับปูอัดว่า

“ถ้าได้หนูแนนเป็นหลานสะใภ้ ยายทุ่มสินสอดไม่อั้น”
แนนอมยิ้มเขิน ๆ ก่อนนึกขึ้นได้ “เหยี่ยวไปไหนคะ ?”

ขณะเดียวกัน เหยี่ยวก็เดินอยู่บนหาดทรายริมทะเล พลางครุ่นคิดถึงพูดของยายนวล
“ถ้ารักหนูน้ำ ขอให้เลิกคิดได้เลย เพราะเมื่อไหร่ที่คดีจบ หนูน้ำก็ต้องกลับไปหาครอบครัวและคนรักของเค้า”
ส่วนน้ำริน ก็เดินครุ่นคิดอยู่บนหาดทรายริมทะเล พร้อมกับคิดถึงคำพุดของผียายปริก
“หล่อนแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดไม่ได้ อนาคตจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคืออยู่กับปัจจุบันด้วยสติปัญญา เหลือเวลาอีกแค่ 9 วันพระ ถ้ายังตามหาร่างไม่เจอ หล่อนก็จะกลับเข้าร่างไม่ได้อีกเลย”

เหยี่ยวหยุดเดิน สับสนกับความคิดของตัวเอง
“คนกับผีรักกันไม่ได้ คนรักผีที่มีคนรักแล้วก็ไม่ได้ ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้”
น้ำรินหยุดเดิน แล้วคิดอย่างมุ่งมั่น
“ฉันต้องหาร่างตัวเองให้เจอ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าฉันเป็นใครกันแน่ “

ภพธรขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านพักริมทะเล นกน้อยและตำรวจหลายนายจึงกรูเข้ามาขวาง จังหวะเดียวกับที่ดารณีเข็นรถเข็นให้ธาราออกมารับลมนอกบ้านพอดี
ธาราเห็นภพธรก็ตกใจ ภพธรหันไปเห็นธาราก็แสร้งทำทีเหมือนดีใจมาก ก่อนที่จะออกปากว่าเขาจ้างนักสืบเพื่อตามหาธารา และตามมาที่นี่ด้วยความเป็นห่วง
“อย่างน้อยให้ผมตามมาคอยดูแลคุณอาก็ยังดี”
“ผบ.สงครามดูแลอาดีอยู่แล้ว”
ภพธรรีบพูดเสี้ยม “ยังไงเค้าก็เป็นคนอื่น ไม่ใช่คนในครอบครัวของเรา อดีตระหว่างเค้ากับคุณอามันผ่านมานานแล้ว มั่นใจเหรอครับว่ามาถึงวันนี้ เค้าจะจริงใจกับคุณอา ไม่ได้ทำดีเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตัว”
สงครามเข้ามาพอดี ภพธรลุกขึ้นประจัญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดี ไม่ลักพาตัวคุณอามาซ่อนไว้แบบนี้หรอก”
สงครามยิ้มเยาะ “ธาราเต็มใจมากับผม มีคนอยากจะฆ่าธารา ใครจะรู้คนข้างตัวน่ากลัวที่สุด”
ภพธรจ้องหน้าสงครามแบบพร้อมจะมีเรื่อง ธาราตัดบทด้วยการกดรีโมท เข็นรถเข็นออกไปตามลำพัง
พลางใช้มือลูบเรือนนาฬิกาอย่างทะนุถนอม ด้วยความโหยหาลูก
“แม่คิดถึงน้ำเหลือเกิน”

น้ำตาธาราหยดลงบนนาฬิกาข้อมือ

น้ำรินรู้สึกแปลก ๆ ที่หน้าอกด้านซ้ายอย่างไม่รู้สาเหตุ จนต้องเอามือกุมไว้ เหยี่ยวเดินออกมาตาม เห็นท่าทางแปลกๆ ของเธอ ก็ถามด้วยความเป็นห่วง น้ำรินชำเลืองมอง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจนิดๆ

“จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกแน่นหน้าอกซ้าย ใจหายยังไงไม่รู้”
เหยี่ยวแกล้งพูดถึงแนน เพื่อแหย่ให้น้ำรินหึง แล้วก็รีบหันหลังเดินผละไป น้ำรินหึงจนลืมตัว รีบตามไปทันที

น้ำรินเดินตามมาเอาเรื่องเหยี่ยวอย่างไม่ยอมแพ้ แต่เขากลับแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แถมแกล้งยั่ว ด้วยการพูดถึงแนน จนน้ำรินหมั่นไส้ กระโดดขี่หลัง พลางทุบๆๆ ด้วยความหึง โมโห เหยี่ยวแกล้งสะบัดตัวสุดแรง ตั้งใจจะแกล้งให้เธอตกใจ แต่น้ำรินกลับเกาะไม่อยู่ กำลังจะตกจากหลัง แต่เหยี่ยวหมุนตัวไปรับเธฮไว้ในอ้อมกอดได้อย่างเฉียดฉิว สายตาทั้งสองประสานเป็นหนึ่งเดียว ราวกับตกอยู่ในภวังค์รัก
เหยี่ยวโน้มหน้าเข้าหาน้ำรินเหมือนคนละเมอ น้ำรินชะงัก ตื่นเต้น ที่ทั้งคู่สัมผัสกันได้ แต่แล้วจู่ๆ ร่าง
ของเธอก็หลุดจากมือเหยี่ยว ร่วงลงไปกองกับพื้น
“ทำไมเมื่อกี้เราสัมผัสตัวกันได้ แต่สักพักก็ทำไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เหยี่ยวกับน้ำรินสบตากัน แววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความสงสัยในสิ่งที่ไม่มีคำอธิบาย

สงครามมองภพธรเข็นรถเข็นพาธาราเดินเล่นอยู่บริเวณสวนหน้าบ้านอย่างไม่ค่อยไว้ใจ พลางรีบหันมาบอกดารณี

“สั่งสายสืบให้ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวนายภพธร ทั้งกลุ่มเพื่อนสนิทและธุรกิจส่วนตัว ผมไม่ค่อยไว้ใจ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รายงานผมด่วนที่สุด”
 
อ่านต่อหน้า 2

ภพรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)

ธาราเหลือบมองภพธรอย่างรู้ทัน

“ธรมีเรื่องอะไรจะคุยกับอา ?”
ภพธรชำเลืองมองตำรวจที่เฝ้าอยู่ตามจุดต่าง ๆ รอบบ้านพัก ก่อนที่จะเข็นรถพาธาราเลี่ยงไปทางอื่น
“นักสืบของผมเพิ่งส่งข่าวมา คนบงการทำร้ายคุณอาคือนายหน้าค้าที่ดินบนเกาะเสม็ด ที่เคยขอซื้อที่ดินจากบริษัทของเรา แต่เราไม่ยอมขาย ผมกำลังให้นักสืบรวบรวมหลักฐาน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพวกมัน”
ธาราตกใจ หน้าเครียด
“คุณอาไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณอาเด็ดขาดเพราะคุณอาคือผู้ให้ชีวิตใหม่กับผม ตั้งแต่วันที่พ่อเสีย คุณอาเมตตาเลี้ยงผม ให้ความรักความอบอุ่นเหมือนผมเป็นลูกแท้ ๆ ทำให้ผมไม่เคยรู้สึกว้าเหว่หรือโดดเดี่ยว”
ภพธรแสร้งตีหน้าเศร้า หวังเรียกคะแนนความเห็นใจจากธารา
“คุณอามีพระคุณกับผมมาก มากเกินกว่าที่ผมจะทดแทนบุญคุณได้หมด ผมโชคดีที่ได้รับความเมตตาจากคุณอา จนบางครั้งผมรู้สึกเหมือนได้อยู่กับแม่”
ธาราอึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าภพธรจะรู้สึกกับเธออย่างนั้น
“อาไม่มีลูกชาย แต่ก็รักธรเหมือนลูกจริง ๆ อาดีใจที่เห็นธรเติบโตและมีอนาคตที่ดี”
“แต่ผมกังวลใจ ไม่อยากให้แม่หลงเชื่อคำพูดคนอื่นมากเกินไป”
“ธรกำลังจะบอกอะไร ?”
ภพธรยิ้มร้าย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง และสายตาที่ห่วงใย
“ผมรู้ว่า ผบ.สงครามกับคุณอาเคยมีความรู้สึกที่ดีกันมาก่อน แต่เป็นไปได้เหรอครับที่ตำรวจวัยขนาดนี้ จะสนใจคนรักเก่าวัยเดียวกันมากกว่าเด็กสาว ถ้าไม่ใช่เพราะทรัพย์สินเงินทองของคุณอา อดีตที่เจ็บปวดอาจสร้างความแค้น ทำให้คนๆ หนึ่งเปลี่ยนไป จนคุณอาคิดไม่ถึงก็ได้ “
ธาราสับสน สองจิตสองใจว่าสมควรจะเชื่อภพธรดีหรือไม่ ?
“เมื่อคุณอาไว้ใจและเชื่อใจ อะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้”

ทันใดนั้นมือปืนคนหนึ่งปรากฏขึ้น พร้อมกับกระชากปืนมาทางธารา ภพธรหันขวับไปเห็นก็ตกใจ ก่อนจะ รีบคว้าตัวธาราหลบกระสุน พุ่งหลบไปหลังต้นไม้ใกล้ ๆ

ภพธรพยายามพาธาราหลบวิถีกระสุน จนตัวเองพลาดท่าถูกยิงที่หัวไหล่ซ้าย ธาราตกใจที่เห็นเลือดซึมออกมาจากหัวไหล่ซ้ายของเขา

สงครามที่ได้ยินเสียงปืน รีบนำลูกน้องตำรวจกรูเข้ามาล้อมกรอบมือปืนอย่างรวดเร็ว
มือปืนกราดยิงใส่สงครามและเหล่าตำรวจ ทุกคนกระโดดหลบ ก่อนจะยิงตอบโต้ จนมือปืนวิ่งหนีไปทางหนึ่ง สงครามถือปืนรีบตามไปจนทัน ก่อนจะยิงเข้าใส่มือปืนบาดเจ็บกองกับพื้น แล้วถูกตำรวจตามมาล็อกตัวไว้ได้

สงครามเข้ามาหาธาราด้วยความเป็นห่วง ธารารีบละล่ำละลักบอก ด้วยอาการตกใจ
“ฉันปลอดภัย แต่ธรถูกยิงค่ะ”
“แค่เฉี่ยวนิดหน่อยครับ ผมดีใจที่คุณอาปลอดภัย”
ธาราซึ้งใจในความช่วยเหลือของภพธร สงครามลอบมองสายตาภพธร อย่างไม่ไว้ใจ

นับดาวยิ้มอย่างสะใจขณะคุยโทรศัพท์

“มือปืนของแกทำงานดีมาก เดี๋ยวฉันจะโอนค่าจ้างติดคุกไปให้เมียมันเอง”

เหยี่ยวประคองยายนวลให้นอนในท่าสบาย แล้วจึงเดินไปห่มผ้าให้แนนด้วยความเป็นห่วง น้ำรินเฝ้ามองการกระทำของเหยี่ยวเงียบ ๆ สีหน้าน้อยใจ

“หมวดแนนหลับแล้ว เราต้องคุยกันเรื่องของฉันต่อแล้วล่ะ”
เหยี่ยวเดินนำออกจากห้อง น้ำรินเดินตามมา แล้วรีบบอก
“เราเสียเวลามามากแล้ว คุณต้องช่วยฉันตามหาร่างให้เจอแล้วล่ะ เวลาฉันคงเหลืออีกไม่มาก”
น้ำรินอยากรู้สาเหตุว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีจริงหรือเปล่า แต่เหยี่ยวเข้าใจว่าเธอคิดถึงคนรัก จึงพูดจาประชดออกไป น้ำรินน้อยใจ เลยประชดกลับ
“ฉันคิดถึงพี่ธร ฉันอยากกลับไปหาพี่ธรใจจะขาด รีบพาฉันไปตามหาร่างให้เจอซะทีสิ ฉันจะได้ออกไปจากชีวิตคุณซะ”
เหยี่ยวเจ็บในใจ “ผมไม่ว่าง คุณอยากไปไหนก็เชิญ”
น้ำรินน้อยใจและเสียใจมากวิ่งหนีไป แล้วร่างก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา
เหยี่ยวใจหายวูบ ในใจอยากจะรั้งไว้ แต่ปากหนักเพราะแรงทิฐิ

เหยี่ยวเดินเล่นเหงาๆ อยู่คนเดียว พร้อมๆ กับที่แอบกวาดตาคอยมองหาน้ำริน แต่ทำเป็นรักษาฟอร์ม ไม่ยอมเรียก พลางคิดอย่างสับสน ไม่เข้าใจตัวเอง

“ฉันรักน้ำรินจริงเหรอ ?”

เหยี่ยวเข็นรถเข็นนั่งให้แนนออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวน สายตาก็คอยกวาดมองหาน้ำริน ก่อนจะปรายตามองเห็นเธอเดินอยู่อีกทาง จากนั้นก็ตัดสินใจจะเดินตามออกไปด้วยความลืมตัว

แนนลุกจากรถเข็น จะเดินตาม แต่กลับสะดุดเซล้มฮวบลง แต่เหยี่ยวรวบตัวมากอดไว้ทัน แนนใจเต้นตึ้กตั้ก ขัดเขินจนหน้าแดง
เหยี่ยวประคองแนนกลับไปนั่งเก้าอี้รถเข็นที่อยู่ด้านหลังอย่างนุ่มนวล
“เราอยากหายเร็วๆ จะได้ไม่เป็นภาระเหยี่ยว”
แนนแกล้งพูดหยั่งเชิง
“อย่าคิดงั้นสิ มันเป็นหน้าที่เราที่ต้องดูแลแนนอยู่แล้ว”
-แนนยิ้มอย่างมีความสุข เหยี่ยวเข็นรถเข็นพาแนนเข้าตึก
น้ำรินยืนหลบอยู่หลังต้นไม้น้ำตาคลอ รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินอย่างบอกไม่ถูก



“หนูแนนรีบๆหายนะจ๊ะ จะได้เป็นเจ้าสาวเร็วๆ”
ยายนวลที่มาเยี่ยมแนนพูดล้อๆ ปลาทูและปูอัดหัวเราะชอบใจ แนนสบตากับเหยี่ยวแล้วเขิน น้ำรินที่แอบมองอยู่ที่ระเบียงปวดแปลบแสบลึกเข้าไปถึงหัวใจจนทนไม่ได้
เหยี่ยวเสมองออกไปที่ประตูระเบียง เห็นไหล่ของน้ำรินที่สั่นไหวตามแรงสะอื้น โผล่มาจากขอบประตู
แต่พอเดินออกไปดู กลับไม่มีใครอยู่ที่นั่น

เหยี่ยวเข้ามาที่ริมชายหาด กวาดตามองหา น้ำรินเดินเข้ามาเงียบๆ น้ำตาร่วงพรูเต็มสองแก้ม มองเหยี่ยวด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ แล้วสะอื้นไห้เบาๆ
เหยี่ยวได้ยินเสียงสะอื้น จึงหันหลังกลับไป ต่ไม่พบใคร เห็นเพียงข้อความเขียนไว้บนทรายว่า “ลาก่อน ลงชื่อ น้ำ”
“ลาก่อน หมายความว่าไง?”

เหยี่ยวพยายามมองหาน้ำรินแต่ไม่พบ น้ำรินแอบมองเหยี่ยวที่มุมๆ หนึ่ง น้ำตาคลอเบ้า
 
อ่านต่อหน้า 3

ภพรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)

ธารานั่งบนรถเข็นที่กำลังเลื่อนขึ้นไปบนรถตู้ สงครามรีบถามย้ำ

“คุณจะกลับไปกรุงเทพฯ จริงๆ เหรอ”
“ชีวิตฉัน ฉันขอเลือกเองเถอะค่ะ”
สงครามพูดอย่างเป็นห่วง “แต่ถ้าคุณกลับไป เท่ากับคุณเลือกที่จะเสี่ยงชีวิต”
“อยู่ที่ไหนก็ตาย ขนาดอยู่ที่นี่ ยังมีคนตามมาฆ่า ขอให้ฉันกลับไปรอลูกอยู่ที่บ้านเถอะค่ะ เพราะอย่างน้อยฉันยังมีภพธร ยอมรับความจริงสิคะ ภพธรเป็นคนในครอบครัวฉันมากกว่าคนนอกอย่างคุณ”
คำพูดของธาราบาดลึกเข้าไปที่หัวใจสงคราม พร้อมๆ กับที่ภพธรเดินเข้ามาพอดี
“รีบไปกันเถอะครับคุณอา ผมไม่อยากให้ค่ำกลางทาง”
ภพธรหันมามองหน้าสงคราม ทั้งสองจ้องหน้ากันเหมือนไม่ไว้ใจกัน
“ เพื่อความปลอดภัย ผมจะขับตามไปส่งคุณเอง”
สงครามพูดพลางรีบเดินไปที่รถตัวเอง ภพธรมองตาม แล้วหันไปขึ้นรถตัวเอง

เหยี่ยวหิ้วกระเป๋าเดินเข้าบ้านมา ก่อนที่จะมองซ้ายมองขวาหาน้ำรินไปทั่วแต่ก็ไม่พบ พอเจอหน้ายายนวล ก็รีบถาม
“ยาย ยายกลับมาก่อน เจอน้ำมั้ยครับ”
ยายนวลส่ายหน้า “ไม่เจอ ก็เค้าอยู่กับเอ็งตลอดไม่ใช่เหรอ”
“จู่ๆ หายไปไหนก็ไม่รู้ ผมนึกว่ากลับมาก่อน”
“ห่วงกันจริงจริ๊ง” ยายนวลพูดล้อๆ
“เค้าเป็นพยานปากสำคัญ ถ้าหายตัวไป ผมก็ต้องตามหาสิยาย”
ยายนวลหัวเราะอย่างรู้ทัน “ถึงยายมองไม่เห็นหน้าเอ็งตอนนี้ แต่ยายก็เห็นทะลุไปถึงหัวใจว่าเอ็งรู้สึกยังไง เชื่อยายเถอะ เอ็งกำลังเลือกรักผู้หญิงผิดคน”

“เวลาที่รักใครแล้ว เราเลือกจะรักหรือไม่รักได้เหรอครับยาย”

“คิดถึงใคร ก็กลับไปหาคนนั้นสิ” ผียายปริกเห็นน้ำรินนั่งเศร้า ก็เข้ามานั่งพูดปลอบใจข้างๆ

“ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร”
“แต่หมวดเหยี่ยวอาจจะอยากให้หล่อนกลับไปเป็นก้างชิ้นโตก็ได้นะ “
ผียายปริกมองน้ำริน แล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไม่มีทาง”
น้ำรินมองเมินไปทางอื่นอย่างถือทิฐิ ไม่เชื่อว่าเหยี่ยวจะอยากเจอเธอ

ภพธรเข็นธาราเข้ามาในโถงบ้าน แม่บ้านขนกระเป๋านำเข้าไปในบ้าน สงครามเดินตามเข้ามา ธาราหันไปบอกภพธรว่าขอเวลาคุยกับสงครามส่วนตัว ภพธรจึงเดินแยกเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง
“สงครามคะ ที่ผ่านมาฉันขอบคุณสำหรับทุกอย่าง แต่ต่อไป .เราควรจะห่างกันมากกว่านี้ ภพธรรู้เบาะแสคนคิดทำร้ายฉันแล้ว เค้าจะส่งข้อมูลให้ตำรวจจับตัวมาลงโทษ”
สงครามรีบพูด อย่างไม่ไว้ในภพธร
“ส่งข้อมูลพวกนั้นมาให้ผมโดยตรงเลย ผมจะจับคนที่ทำร้ายคุณมาลงโทษให้ได้”
“ดีค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องมีเหตุผลที่ต้องห่วงฉันอีกแล้ว เลิกยุ่งกับฉันซะทีเถอะค่ะ ชีวิตคุณยังหาผู้หญิงอื่นที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่มีพันธะ ปล่อยให้ฉันมีชีวิตของฉันไปเถอะ”
สงครามอึ้งกับคำพูดตัดรอนของธารา
“คุณไม่รู้จริงๆ รึว่าผมเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตคุณทำไม”
“ก็เพราะรู้น่ะสิ ฉันถึงไม่อยากให้คุณเสียเวลาเปล่า วันนี้ เวลานี้ เรื่องราวระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้แล้วค่ะ ฉันไม่มีวันคิดอะไรกับคุณมากกว่าความเป็นเพื่อน”
สงครามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณอาจจะหลอกความรู้สึกของตัวเองได้ แต่ผมทำไม่ได้ สำหรับคุณ ความรู้สึกของผมจะยังคงเดิมเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมจะมีคุณอยู่ในหัวใจเสมอ”

พูดจบสงครามก็หันหลังกลับเดินออกไป ธารามองตามเขาออกไปจนสุดสายตา

เหยี่ยวนั่งต่อจิ๊กซอว์เพื่อให้ใจสงบ แต่พอไม่มีตัวไหนที่ต่อได้พอดี ก็หงุดหงิด พลางโยนตัวจิ๊กซอว์ในมือลงกล่อง แต่จิ๊กซอว์ตัวนั้นกลับกระเด็นหายไป

เหยี่ยวก้มลงมองหาที่พื้นรอบๆ ก็ไม่เจอ พลางหลุดปากเรียกให้น้ำรินช่วยหาด้วยความเคยชิน
“น้ำ มาช่วยหาจิ๊กซอว์หน่อยซิ ผมสั่งให้คุณมาเดี๋ยวนี้”

ผียายปริกนั่งเท้าคาง มองน้ำรินอย่างสงสาร
“เค้าเรียกก็ไปหาเค้าสิ จะทรมานตัวเองไปเพื่อ”
น้ำรินส่ายหน้าเศร้าๆ “ฉันไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ใคร พอกันทีกับชีวิตส่วนเกิน”
พูดไปก็น้ำตาคลอไป ผียายปริกสงสารจับใจ
“จะทนทุกข์ทรมานหัวใจอยู่ทำไม ฉันว่าหล่อนไปหาเค้าเถอะ”
น้ำรินใจส่ายหน้า ตั้งใจจะไม่ยอมไม่ยอมใจอ่อนอีกแล้ว

เหยี่ยวโยนสร้อยลงไปที่ตัวตุ๊กตาที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเซ็งๆ
“ตามใจ ไม่มาก็ไม่ง้อ”
จากนั้นก็เดินออกไปจากห้อง แล้วที่สุดก็เปลี่ยนใจ กลับมาคว้าสร้อยไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อตามเดิม

น้ำรินยิ่งน้อยใจหนัก เมื่อเสียงของเหยี่ยวเงียบหายไป
“ปริก เสียงเรียกของหมวดเหยี่ยวหายไปแล้ว เค้าไม่ต้องการฉันแล้วใช่มั้ย ฉันเป็นส่วนเกินของชีวิตเค้าจริงๆ ใช่มั้ยปริก”

“หล่อนนี่มันยังไง เค้าเรียกก็ไม่ไป พอไม่เรียกก็น้อยใจ ใครว่าผู้หญิงเข้าใจยาก แต่ฉันว่าผีผู้หญิงที่มีความรัก เข้าใจยากที่สุด”

เหยี่ยวเอาจักรยานออกมา กำลังจะขี่ออกไปข้างนอก ยายนวลเดินมาจากหลังบ้าน คิดว่าเขาจะไปหาแนน

“ดีแล้ว หนูแนนรักเอ็งถึงขนาดเสียสละชีวิต เอ็งก็ต้องดูแลเค้าให้ดี อย่าทำให้เค้าผิดหวังเสียใจ ฝากไปเยี่ยมหนูแนนด้วยนะ บอกเค้าว่าพรุ่งนี้ยายจะไปหา”
เหยี่ยวรับคำอย่างอึดอัดใจ ก่อนจะขี่จักรยานออกไป

แนนรู้สึกผิดหวังที่เห็นนกน้อยถือช่อดอกไม้มาเยี่ยมเธอ แทนที่จะเป็นเหยี่ยว
“หมวดเหยี่ยวสั่งให้ผมมาดูแลหมวดครับ“
“แล้วหมวดเหยี่ยวไปไหนคะ”
แนนถามด้วยความสงสัย

เหยี่ยวขี่จักรยานผ่านประตูวัดเข้ามา พลางมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาน้ำริน จากนั้นก็ขี่ตรงเข้าไปยังศาลาวัดริมน้ำ พลางตะโกนเรียกเสียงดัง
น้ำรินกับผียายปริกชะงักหันไปทางเสียง
เหยี่ยวจอดจักรยาน กำลังเดินอยู่ตรงมาที่ศาลาริมน้ำที่ทั้งคู่นั่งอยู่ แต่สายตากลับมองหาไปทางอื่นอยู่
“เอาไงดีปริก ฉันไม่อยากเจอเค้าแล้ว”
ผียายปริกส่ายหน้า “ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เกี่ยวกับฉัน”
พูดจบก็หนีออกไปเลย น้ำรินถลาจะคว้าตัวแต่ไม่ทันแล้ว
เหยี่ยวเดินมาใกล้จะถึงแล้ว
“อย่าหลบอยู่เลย ออกมาเถอะ ผมรู้ว่าคุณอยู่แถวนี้แน่ๆ”

น้ำรินมองซ้ายมองขวาหาทางหลบ
 
อ่านต่อหน้า 4

ภพรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)

น้ำรินรีบเดินหนีไปอีกทางหนึ่ง เหยี่ยวเดินมามองหาตรงศาลาริมน้ำ เมื่อไม่เจอจึงเดินไปตามทางเดียวกับที่น้ำรินเดินหนีออกไป

น้ำรินวิ่งหนีเหยี่ยวมาหลบบริเวณต้นไม้แถวกุฏิพระ หมาที่อยู่แถวๆกุฏิพระหอนขึ้นมาทันที น้ำรินรีบโบกมือไล่
“ชู่วๆๆ ไปๆๆ หอนทำไม ฉันไม่ใช่ผี”
เหยี่ยวได้ยินหมาเห่าหอนผิดสังเกต ก็รีบเดินมาทางหน้ากุฏิ
หลวงตาเคี้ยง ที่กำลังนั่งคุยกับปลาทูและปูอัดพอได้ยินเสียงหมาหอนก็ใจไม่ค่อยดีขึ้นมาทันที
“โบราณบอกว่าเข้าป่าอย่าพูดถึงเสือ เข้าวัดดึกๆก็อย่าพูดถึงผอ สระอี มีเสียงเรียกก็อย่าขานรับ เพราะอาจจะไม่ใช่คน”
พลันเสียงเหยี่ยวตะโกนเรียกก็ดังขึ้นมา “หลวงตาเคี้ยง”
“หา ว่าไง”
หลวงตาเคี้ยงลืมตัวขานรับ พอนึกได้ก็สะดุ้งสุดตัว

น้ำรินเห็นเหยี่ยว ก็รีบมุดหลบหลังต้นไม้ หลวงตาเคี้ยงกับปลาทูกับปูอัดค่อยๆ โผล่หน้ากันออกมามองเหยี่ยว
“หลวงตาครับ ได้ยินเสียงหรือเห็นอะไรแปลกๆ แถวนี้มั้ยครับ”
“หมวดหมายถึงวิญญาณผู้หญิงคนนั้น?”
เหยี่ยวพยักหน้า “ใช่ครับ ผมรู้ว่าเค้าอยู่แถวๆ นี้”
หลวงตาเคี้ยง ปลาทู และปูอัดขวัญกระเจิง
“ข้ารู้แล้วว่าหมาหอนเพราะมันเห็น...”
ปลาทูกับปูอัดพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ผีหลอก”
น้ำรินวิ่งหนีไป หลวงตาเคี้ยงวิ่งกลับขึ้นกุฎิ แล้วรีบปิดประตู หน้าต่าง ปลาทูกับปูอัดวิ่งออกไป

เหยี่ยวยืนเกาหัวปลงๆ

น้ำรินวิ่งมาแถวบริเวณที่เก็บกระดูก มีทั้งบัวเก็บกระดูก และช่องใส่อัฐิตามกำแพง ในขณะที่เหยี่ยวเดินด้วยความคุ้นชินกับบรรยากาศในวัด

เหยี่ยวเดินเข้ามาใกล้ทุกที น้ำรินวิ่งต่อไป จนถึงห้องๆหนึ่งใต้ตึกที่มีประตูเหล็กปิดสนิท พลางมองไปทางข้างหลัง เห็นเหยี่ยวกำลังเดินมา จึงเดินทะลุประตูเข้าไปในห้องที่ปิดประตูนั้น ปรากฏว่าเป็นห้องเก็บศพ มีลิ้นชักเก็บศพเรียงเป็นแถว บรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก
น้ำรินยืนพิงประตูที่เข้ามา พลางมองในห้องอย่างสะพรึงสุดๆ เหยี่ยวเดินมาหยุดตรงหน้าห้อง
“แถวนี้ผีดุมากนะ กลางวันแสกๆยังแหวะอกควักไส้โชว์ เด็กๆเล่นบอลอยู่ดีๆลูกบอลกลายเป็นหัวคนเฉยเลย ถ้าเป็นวันโกนจะมีเปรตมาขอส่วนบุญแถวนี้เต็มไปหมด ร้องโหยหวน”
น้ำรินกลัวจนตัวสั่น น้ำตาจะไหล แต่ไม่ยอมออกไป ได้แต่พนมมือสวดมนต์
เสียงเหยี่ยวทุบประตูดังลั่น น้ำรินสะดุ้ง ตกใจ แทบจะกรี๊ดออกไป
“ไม่ต้องหลบเลย ผมรู้ว่าคุณแถวนี้ ผีขี้ขลาด มีอะไรก็มาคุยกัน ไม่ใช่งอนตะพืดตะพือ ไม่มีเหตุผล
ผีเอาแต่ใจ ผีไร้จรรยาบรรณ”
น้ำรินกำมือ เม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจเดินทะลุประตูออกมา แต่เหยี่ยวเดินไปแล้ว

ลมพัดอื้ออึง ใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วบริเวณศาลาวัด น้ำรินนั่งกอดตัวเองสีหน้าเศร้ากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผียายปริกลงนั่งข้างๆ
“ความรักกำลังเรียกหาหล่อน”
“ฉันไม่ไป ความรักโหดร้าย มันทำให้ฉันเจ็บ ทรมาน ถ้าตายได้อีก ฉันคงตายไปแล้ว”
“ความรักไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่คนที่ทำร้ายตัวเองไม่รู้จักจบสิ้น”
น้ำรินน้ำตาคลอ ผียายปริกได้แต่สงสาร

ดารณีเปิดไฟล์ในไอแพดส่งให้สงครามดู
“ข้อมูลของนายหน้าที่ดินเกาะเสม็ด ที่ภพธรระบุว่าเป็นตัวการลอบทำร้ายคุณธาราค่ะ”
“หายสาปสูญ?” สงครามขมวดคิ้ว
“ใช่ค่ะ ตำรวจท้องที่แจ้งว่าหายตัวไปประมาณสองสัปดาห์แล้ว”
“มีเบาะแสอะไรมากกว่านี้มั้ย”
ดารณีส่ายหน้า “คาดว่าหนีภัยอิทธิพลท้องถิ่น”

สงครามรีบสั่งการ “ตามเรื่องนี้ต่อไป”

แนนที่หายเป็นปกติแล้ว นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเหงาๆ คิดถึงเหยี่ยว เศร้าๆ
 
ยายนวล ปลาทู ปูอัด หอบหิ้วของเยี่ยมพะรุงพะรังเข้ามา เมื่อรู้ว่าเหยี่ยวยังไม่มา ยายนวลก็ชักสีหน้าไม่พอใจ พลอยทำให้แนนยิ่งรู้สึกน้อยใจมากขึ้น ยายนวลกุมมือแนนแล้วบีบอย่างให้กำลังใจ
“ชีวิตไอ้เหยี่ยวก็มีแต่หนูแนน หนูรักและหวังดีถึงขนาดสละชีวิตเพื่อมันได้ เพราะฉะนั้น หนูมาเป็นหลานยายเถอะนะ”
แนนน้ำตาคลอ กอดยายนวล ที่ลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู
“เรื่องเจ้าเหยี่ยว ยายจะจัดการให้เอง”
แนนดีใจ ซุกอกยายนวลน้ำตาไหล

เหยี่ยวนั่งมองรถไฟอยู่บนหลังคาตู้รถไฟที่จอดอยู่อย่างเหงาๆ ในใจเต็มไปด้วยความคิดถึงน้ำริน“เยอะ เธออยู่ไหนกันแน่”
เหยี่ยวเริ่มรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา กลัวว่าจะไม่ได้พบกับน้ำรินอีก
ทางด้านน้ำริน ก็นั่งมองแม่น้ำ พร้อมกับกอดตัวเองเหงาๆ พลางหันมาถามผียายปริกอย่างเศร้าๆ
“ถ้าฉันชดใช้และไม่สร้างกรรมใหม่ ฉันก็จะไม่ติดหนี้ใครแล้วใช่มั้ย”
ผียายปริกหัวเราะในลำคอ
“ถึงหล่อนไม่ก่อกรรมชั่วให้ต้องติดค้างใคร แต่หล่อนก็ยังมีหนี้อื่นที่ผูกพันไม่จบสิ้น”
“หนี้อะไรเหรอ”
“หนี้รัก ที่หล่อนต้องเลือก”
น้ำรินอึ้ง พร้อมครุ่นคิด
“ยังไงฉันก็ต้องเลือกคู่หมั้นของฉัน ป่านนี้เค้าคงตามหาฉันอยู่”
“หมวดเหยี่ยวก็ตามหาหล่อน”
น้ำรินส่ายหน้าเศร้าๆ “หาไปก็ไม่เจอ เพราะฉันจะไม่เจอเค้าอีก ในเมื่อตอนนี้ฉันไม่ต้องตัวติดกับหมวดเหยี่ยวแล้ว ยังไงก็ต้องหนีพ้นสิ”
พูดพลางก็คิดสงสัยขึ้นมา
“เออ แล้วทำไมฉันถึงไม่ต้องติดกับตาเก๊กแล้วล่ะ สร้อยเส้นนั้น มันทำให้ฉันไปไหนไม่ได้”
“คิดไปเองสร้อยนะ ไม่ใช่โซ่ จะได้มัดคนติดกันได้”
“งั้นอะไรทำให้ฉันกับเค้าต้องพบ ต้องเจอ ต้องตัวติดกันด้วย”

“หล่อนเคยได้ยินคำว่า “คู่แท้” มั้ย หล่อนไม่สงสัยเหรอว่าผู้ชายทั้งโลกมีกี่สิบล้านคน ทำไมตาเบื๊อกนี่ถึงเห็นหล่อนอยู่คนเดียว แล้วทำไมยายนวลถึงได้ยินแต่เสียงหล่อน”

ผียายปริกรัวเป็นชุด น้ำรินคิดตาม

“มันเป็นกรรมสัมพันธ์ เข้าใจ๊ เฮ้อ เหนื่อย พูดสาระนานๆ แล้วคอแห้ง ไปหาโอเลี้ยงข้างวัดกินดีกว่า”พูดพลางผียายปริกก็เดินไป ทิ้งให้น้ำรินคิดอยู่คนเดียว
“ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเองและก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเอง
ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมให้ถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นพอเพียงแล้วสำหรับตอบความรัก”
- คาลิล ยิบราน-

เหยี่ยวกำลังเปิดแฟ้มคดีอุบัติเหตุที่บึงน้ำอย่างสนใจ ก่อนจะหันไปถามตำรวจสาวด้วยสีหน้าสงสัย
“มีข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถตกน้ำเมื่อเดือนก่อนมั้ย”
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยค่ะ”
เหยี่ยวหน้าเครียด “ผมอยากตรวจสอบวงจรปิดอีกครั้ง”
“ดิฉันจะส่งไฟล์มาให้หมวดนะคะ แต่จำได้ว่าหมวดดูไปหมดแล้ว”
“ขอลองดูอีกที”
“ได้ค่ะ”
ตำรวจสาวเดินออกไป สวนกับแนนที่เดินเข้ามา
“เหยี่ยว ท่านสงครามเรียกประชุมด่วน”

น้ำรินกับผียายปริกเดินเข้ามาในสำนักงานสืบฯ เห็นเหยี่ยวกับแนนเดินมาด้วยกัน
“หมวดแนนออกจากโรงพยาบาลแล้ว แข็งแรงดีทั้งร่างกายและหัวใจ แต่ผีแถวนี้สิน่าสงสาร ร่างก็หาย หัวใจก็ไม่แข็งแรง”

ผียายปริกบ่นๆ พอหันมาอีกทีก็ไม่เจอน้ำริน
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น