รักต้องอุ้ม ตอนที่ 14
เวลาผ่านไป มิ้งค์กับพอลรีบเดินเข้ามาในซอยบ้าน
“คุณนะ สายตั้งสิบห้านาทีแล้วเนี่ย ป่านนี้เตี่ยหิวแย่แล้ว”
“ผมขอโทษ เตี่ยคุณคงไม่ฆ่าผมใช่ไหม”
“ไม่แน่ ถ้าเตี่ยโมโหหิว”
พอลชักหวั่นๆ มิ้งค์เห็นหลังพิธานที่เดินอยู่อีกซอยหนึ่งก็ชะงักมองเพราะรู้สึกคุ้นๆ แต่พอจะตั้งใจมอง พิธานก็เลี้ยวหายไปแล้ว
“มีอะไรเหรอคุณ” พอลถาม
“เหมือนเห็นคนรู้จัก....ไม่ใช่มั้ง รีบไปกันเถอะคุณ” มิ้งค์เร่ง
พอลกับมิ้งค์เดินเข้ามาด้วยอาการร่าเริงมาก ทั้งสองเจอม๊ายืนอยู่สีหน้าเครียดมาก
“กลับมาแล้วค่ะ”
“สวัสดีครับม๊า ผมเอาผลไม้มาฝากด้วยนะครับ” พอลบอก
ม๊าไม่พอใจพอล แต่ก็ไม่อยากให้มีเรื่อง “อาพอล ลื้อกลับไปเถอะ รีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
พอลกับมิ้งค์งงว่าเพราะอะไร
“ทำไมล่ะม๊า ก็ม๊าให้เรียกพอลมาเอง” มิ้งค์งง
ม๊ายังไม่ทันตอบ เตี่ยก็เดินออกมา มิ้งค์กับพอลยังงงอยู่ พอลตั้งสติใจดีสู้เสือก่อน เขายิ้มแล้วเอาผลไม้เข้าไปให้
“สวัสดีครับ ผมซื้อผลไม้มาให้ครับ”
เตี่ยไล่ “ออกไป”
พอลอึ้งแต่ยังพยายาม “ผมขอโทษครับที่มาสาย มัวแต่แวะซื้อผลไม้ให้เตี่ยกับม๊าน่ะครับ”
เตี่ยรับถุงผลไม้มาแล้วทุ่มทิ้งลงตรงหน้าพอล
“ฉันไม่ใช่เตี่ยของแก! ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“เตี่ยเป็นอะไรคะ” มิ้งค์ถาม
เตี่ยตะคอกมิ้งค์ “หุบปาก! เพราะลื้อมันใจง่ายถึงได้โดนมันหลอก ทำให้พวกมันดูถูกเราได้”
พอลงง “เตี่ยพูดเรื่องอะไรครับ”
“ลูกสาวอั๊วไม่ใช่ของเล่นที่จะให้ลื้อกินฟรี แล้วก็เอาเงินมาฟาดหัว ถึงพวกอั๊วจะจนก็มีศักดิ์ศรี”
พอลกับมิ้งค์ยิ่งงงไปกันใหญ่
“เตี่ยครับ ผมไม่....” พอลพยายามจะพูด
“ออกไปจากบ้านอั๊ว”
“เตี่ยใจเย็น ๆ นะ บอกมิ้งค์ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น” มิ้งค์ถาม
เตี่ยหันไปมองมิ้งค์ด้วยสายตาเจ็บปวดก่อนจะคว้าไม้ฟาดมิ้งค์
“ลูกไม่รักดี!”
พอลพยายามเข้ามากัน “อย่าตีมิ้งค์นะครับ”
เตี่ยยิ่งโดนห้ามยิ่งของขึ้น “มันเป็นลูกอั๊ว อั๊วจะตีมันให้ตายก็เรื่องของอั๊ว”
เตี่ยยิ่งตี พอลก็เข้ามาขวางทำให้โดนไม้ของเตี่ยฟาดแทนไปหลายที
“พอได้แล้ว พอ!” ม๊าบอก
เตี่ยที่โกรธจัดหยุดนิ่งหอบหายใจด้วยความเหนื่อยก่อนจะนั่งลง
ม๊าพูดกับพอล “ลื้ออยู่มิ้งค์จะเดือดร้อน กลับไป...”
พอลมองสายตาของเตี่ยที่มองมาด้วยความโกรธแค้นแล้วก็มองมิ้งค์
“กลับไปก่อนนะ” มิ้งค์บอก
พอลมองสถานการณ์ก็รู้แล้วว่าถ้าตัวเองอยู่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นจึงจำต้องกลับออกไป
เตี่ยสั่ง “ห้ามไปคบกับไอ้คนเลวแบบนี้อีก ไม่งั้นก็ออกจากบ้านไป!”
พอลยืนนิ่งเครียดเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
พอลนั่งเครียดริมสระว่ายน้ำที่คอนโดฯ เพราะไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น สิปาดันกับลันตากำลังจะเดินไปที่ลิฟท์ สิปาดันเหลือบไปเห็นพอลนั่งเครียดอยู่
“ลัน...”
สิปาดันเรียกให้ลันตามองพอลที่กำลังนั่งอยู่ ทั้งสองคนตัดสินใจเดินเข้าไปหาพอล
“คุณพอล” ลันตาเรียก
“คุณลัน...สิปา กลับมานานแล้วเหรอครับ” พอลถาม
“เพิ่งมาถึงเลยครับ ทำไมวันนี้คุณกลับเร็วล่ะครับ ทุกทีต้องดึกกว่านี้นี่ครับ”
“ตอนแรกต้องไปกินข้าวกับที่บ้านมิ้งค์น่ะครับ” พอลเครียด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ลันตาถาม
“เตี่ยมิ้งค์ไม่ให้ผมกับมิ้งค์คบกัน” พอลบอก
“อ้าว... ไหนว่ายอมอ่อนให้แล้วไงคะ”
พอลเครียด “ผมก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น”
มิ้งค์ดึงม๊าออกมาหน้าบ้าน
“ม๊า..เตี่ยเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้น”
จากที่หน้าเครียด ๆ ม๊าก็มองมิ้งค์แล้วร้องไห้ออกมา
มิ้งค์ยิ่งตกใจ “ม๊า..ม๊าร้องไห้ทำไม”
“อามิ้งค์ ลื้อกำลังโดนอาพอลหลอกนะ”
“ม๊ารู้ได้ยังไง ใครบอกม๊า...”
“อาเฮียของอีมาคุยกับเตี่ยลื้อ”
มิ้งค์ตกใจ “อาเฮีย?”
พอลยังนิ่งเครียด สิปาดันกับลันตานั่งอยู่เป็นเพื่อน เสียงมือถือพอลดังขึ้น พอลเห็นว่าเป็นมิ้งค์ที่โทรเข้ามา
พอลรีบกดรับ “เป็นยังไงบ้างมิ้งค์....” พอลชะงักฟัง “คุณพีทไปที่บ้านคุณเหรอ เขาไปทำไม?”
สิปาดันกับลันตาได้ยินชื่อพิธานก็ชะงักแล้วรอฟัง พอลฟังมิ้งค์เล่าแล้วสีหน้าของพอลก็โกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนมิ้งค์ก็ร้องไห้ไปเล่าไป
พอลพูดเสียงดังลั่น “มันโกหก!”
สิปาดันกับลันตาสะดุ้ง
พอลพูดต่อ “คุณรู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่พีทพูดมันไม่จริง ไม่ต้องร้องไห้ ...เชื่อใจผมนะมิ้งค์ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
พอลกดวางสายแล้วจะเดินไป
สิปาดันถาม “พอล คุณจะไปไหน”
พอลโกรธมาก “ผมจะไปฆ่ามัน”
พอลเดินออกไป สิปาดันกับลันตาตกใจที่ดูจะเป็นเรื่องใหญ่จึงจะเดินตาม
“แกรอที่นี่ เดี๋ยวฉันตามไปเอง” สิปาดันบอก
ลันตามองสิปาดันที่ทำท่าปรามจริงจังแล้วก็พยักหน้า สิปาดันเดินตามพอลออกไป ลันตามองตามด้วยความเป็นห่วง
พิธานนั่งดูทีวีสีหน้ายิ้มๆ อย่างมีความสุข วันไขประตูเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใส่กล่องอาหาร
“พี่เอากับข้าวกับผลไม้มาให้”
พิธานไม่ตอบ เขาเดินไปนั่งที่โซฟาโดยไม่ใส่ใจวันอีก วันมองแล้วเข้าใจได้ว่าพิธานจงใจทำเฉยชาไม่สนใจเธอ วันเดินไปเปิดตู้เย็นก่อนจะเอากล่องอาหารที่ทำใส่กล่องแช่แข็งกับกล่องผลไม้ที่ตัดแต่งเรียบร้อยมาใส่
“มีสปาเก็ตตี้ ลาซานย่าที่แกชอบ แล้วก็ส้มโอพี่แกะใส่กล่องให้แล้วนะ”
พิธานไม่ตอบทำเหมือนวันเป็นอากาศ วันถอนใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย เสียงกริ่งดังรัวถี่มาก วันรีบเดินไปดูเห็นเป็นพอล วันเปิดประตู
“พอล มาที่นี่ทำไม”
พอลไม่ตอบแต่มองไปที่พิธาน พอลเดินเข้าไปทันที
“พอล!”
สิปาดันเข้ามา วันมองอึ้งๆ
“สิปา นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
สิปาดันมองวันด้วยสีหน้าหนักใจ พอลตรงเข้าไปหาพิธานที่ลุกขึ้นยืนยิ้มกวนตีนรอรับอยู่แล้วว่าต้องมา
พอลแค้น “ถ้าเกลียดผมก็มาลงที่ผม อย่าไปยุ่งกับครอบครัวมิ้งค์”
“ฉันหวังดีนะ...ฉันไม่อยากให้คนดี ๆ ต้องมาเกลือกกลั้วกับสวะอย่างแก”
พอลโกรธ “เมื่อไหร่?....เมื่อไหร่คุณจะเลิกจองล้างจองผลาญผมสักที”
“เมื่อชีวิตของแก...พินาศ”
วันที่รับรู้เรื่องทั้งหมดเดินเข้ามาอย่างไม่พอใจ
“พีท! แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง แกไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
พิธานพูดเบาๆ “ผมไม่มีสิทธิ์...” แล้วพิธานก็พูดดังขึ้น “ผมไม่เคยมีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น ไม่มีสิทธิ์ได้รับความสนใจ ไม่มีความสำคัญ ทั้งที่ผมเป็นน้อง! น้องคนเดียวของพี่”
“เมื่อไหร่จะเลิกโทษคนอื่น! พี่รู้ว่าพี่ผิดที่ทำให้แกเสียใจ พี่กับพอลพยายามแก้ไข แต่เป็นแกที่ไม่เคยให้อภัย พีท...ถ้าแกไม่หัดมองคนอื่นในแง่ดีบ้าง แกจะไม่มีวันมีความสุข”
พิธานมองสิปาดันกับพอลด้วยความเจ็บแค้น
“พวกมันก็ต้องไม่มีความสุข!” พิธานมองพอลอย่างจงใจกวนประสาท “ฉันจะทำให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวแกไม่มีวันมีความสุข คนที่แกรักจะต้องเจ็บปวด”
พอลยิ่งโกรธจึงจะพุ่งเข้าใส่แต่วันเข้าไปดึงไว้
“สิปา!”
สิปาดันจำต้องเข้าไปดึงพอลไว้
พอลโกรธ “ถ้าแกทำร้ายมิ้งค์ ฉันฆ่าแกแน่”
“พอล...น้าขอ!....น้าขอร้องนะพอล”
พอลชะงักที่น้าวันขอร้อง ไม่อยากจะออกไปก็ต้องยอมออกตามแรงดึงของน้าวัน เหลือแค่สิปาดันกับพิธาน พิธานมองสิปาดันอย่างพร้อมจะมีเรื่อง
“แก....จะมีความสุขได้อีกไม่นาน”
จากหน้าสิปาดันนิ่งๆ กลายเป็นยิ้ม “ตามสบายครับพี่ อยากทำอะไรทำเลยครับ เพราะไอ้สิ่งที่พี่ทำ ทำให้ผมกล้าบอกรักลัน ทำให้ผมกับลันได้แต่งงานกัน เราสองคนมีความสุขมาก ผมอยากบอกพี่ว่า ผมมีวันนี้เพราะพี่ให้ขอบคุณจริง ๆ”
สิปาดันยิ้มกวนตีนกว่าแล้วเดินออกไป พิธานมองตามโคตรแค้น
พอลยังฮึดฮัดด้วยความโมโห วันขยับเข้ามามองด้วยความเห็นใจและรู้สึกผิด
“พอล น้าขอโทษนะที่พีททำเรื่องร้าย ๆ แบบนั้นกับมิ้งค์”
“เป็นความผิดของผมเอง ผิดที่ผมเกิดมา ผิดที่ทำให้คุณพีทเกลียด ถ้าไม่ใช่เพราะมีผมเข้ามาในครอบครัว เรียกร้องความสนใจจากน้าวัน คุณพีทคงไม่น้อยใจน้าวันจนเลือกที่จะหนีมาเมืองไทย”
“มันไม่ใช่ความผิดของพอล ตอนนั้นพอลยังเด็กนะ ต้องการการดูแล แต่พีทเขาโตแล้ว”
สิปาดันที่เดินตามเข้ามาชะงัก
“แต่เขาไม่คิดแบบนั้น เขาเกลียดผมและเขาจะไม่หยุดจนกว่าชีวิตผมจะพัง!”
วันอึ้งกับอารมณ์ของพอล พอลรู้สึกตัวว่าระบายอารมณ์แรงไป
พอลพยายามตั้งสติ “ผมขอโทษครับ ผมเครียดมากไปหน่อย”
พอลเดินหนีไป วันเครียด สิปาดันมองอย่างเห็นใจ
สิปาดันนั่งพิงไปกับโซฟากดมือถือเช็คอีเมล์ ลันตาเทน้ำผลไม้ให้สิปาดัน
“เหนื่อยไหม ขับรถทั้งวันแล้วยังต้องไปห้ามมวยคู่พิเศษอีก”
“แค่แกห่วงฉันก็หายเหนื่อยแล้ว”
ลันตายิ้มแล้วก็ลงนั่งข้าง ๆ พิงกับตัวสิปาดัน
“ไม่คิดเลยนะว่าพิธานจะเป็นไปได้ขนาดนี้” ลันตาบอก
“แกต้องระวังตัวไว้นะ ฉันไม่คิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ” สิปาดันบอก
“รู้แล้ว...แล้วแกมีบินอีกทีเมื่อไหร่”
“เขาส่งตารางมาแล้ว มีบินเย็นพรุ่งนี้”
“ไปไหน”
“ญี่ปุ่น คืนเดียว มะรืนก็กลับแล้ว”
“มะนาวจะไปด้วยไหม”
“ไม่รู้หรอกจนกว่าจะเข้าห้องบรีฟพรุ่งนี้ก่อนบิน แต่ทุกคนทุกหน้าที่ต้องเวียนมาเจอกัน เพราะเราต้อทำงานได้กับทุกคนทุกตำแหน่ง”
ลันตามีสีหน้าเครียดไปเล็กๆ สิปาดันเห็นลันตาหน้าเครียด
สิปาดันถาม “หึงเหรอ”
“ก็ควรไหมล่ะ”
“ฉันแต่งงานแล้วนะลัน”
สิปาดันจับมือซ้ายลันตาขึ้นมาแล้วเอามือซ้ายของตัวเองทาบไปบนหลังมือลันตาแล้วยกขึ้นมา
“แกเห็นไหมว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน” สิปาดันบอก
“ฉันเชื่อใจแกนะสิปา แต่ฉันไม่เชื่อใจคนอื่น ดูอย่างมิ้งค์กับพอลสิ สองคนนั้นก็รักกันดี ไม่ได้เจ้าชู้ ไม่เคยงี่เง่าต่อกัน ยังโดนคนนอกอย่างคุณพิธานเข้ามาป่วนซะวุ่นวายไปหมด แล้วเราล่ะสิปา..ทั้งคุณพิธาน ทั้งมะนาว ...ฉัน...”
“ขอให้แกเชื่อมั่นในตัวฉัน ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาแยกเราสองคนออกจากกันได้ ต่อให้อุปสรรคมันจะมากสักแค่ไหน ฉันก็จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความรักของเราไว้...ฉันสัญญา”
ลันตาไม่มั่นใจนักแต่ก็พยายามรับปาก “ฉันเชื่อมั่นในตัวแกนะ”
สิปาดันแบมือตรงหน้าลันตา ลันตายิ้มแล้ววางมือ
“จับมือกันไว้แน่นๆ เนอะ”
สิปาดันได้ที “แต่จับมืออย่างเดียวมันไม่แน่นพอนะ”
ลันตาอายจึงผลักหน้าสิปาดัน
“สัปดน!”
“ยอม!”
สิปาดันโผเข้ากอดจนลันตาล้มลงไปบนโซฟา ลันตาพยายามดิ้นสู้ สิปาดันจี้เอว ลันตาหัวเราะจนจะขาดใจ
เทียนส่องแสงแวววับอยู่บนโต๊ะในร้านอาหาร เก่งนั่งรอด้วยความตื่นเต้น
เสียงมะนาวดังขึ้น “เก่งคะ...”
เก่งหันไปมองเห็นมะนาวที่แต่งตัวสวย เซ็กซี่นิด ๆ เดินเข้ามา มะนาวยิ้มหว่านเสน่ห์เต็มที่
“ขอโทษนะคะที่มาช้า” มะนาวบอก
เก่งลุกขึ้นมาขยับเก้าอี้ให้มะนาวนั่ง
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมเซอร์ไพรส์มากนะที่นาวโทรมา”
“นาวเหงาน่ะค่ะ อยากมีเพื่อนทานข้าว”
“เหงา...ตั้งแต่สิปามันแต่งงานไปน่ะเหรอครับ”
มะนาวไม่สะทกสะท้าน “ค่ะ...แต่นาวไม่ชอบเสียเวลานาน ๆ กับ...อดีต...นาวชอบ...” มะนาวมองด้วยสายตาหว่านเสน่ห์ “ปัจจุบันที่มันท้าทาย...”
เก่งมองอย่างพอใจ
“ผมรับรองว่าคุณยังมีเรื่องที่อยากค้นหาอีกเยอะ”
“คุณจะมีเวลาเหรอคะ สิปาลาไปฮันนีมูน คุณคงจะยุ่งอีกนาน”
“ไม่ยุ่งแล้วครับ สิปามันลาหยุดถึงแค่วันนี้ พรุ่งนี้มันก็เริ่มบินไปญี่ปุ่นแล้ว ต่อไปผมคงจัดสรรเวลาได้มากขึ้น”
“ดีค่ะ...นาวเป็นคนใจร้อน”
เก่งยิ้มอย่างมั่นใจว่าจีบมะนาวติดแล้ว
มะนาวยิ้มพอใจที่ได้ข้อมูลสิปาดันจากเก่ง
สิปาดันกับลันตาที่อยู่ในชุดทำงานทั้งคู่เดินออกมาที่หน้าคอนโด
“ลุงวีระเรียกให้เข้าออฟฟิศก่อน แล้วค่อยไปสนามบินตอนบ่าย” สิปาดันบอก
“อืม...”
“แกต้องกินข้าวตรงเวลา อย่าทำแต่งาน แล้วก็ส่งข้อความรายงานตัวกับฉันทุกชั่วโมง โอเคไหม?”
“ทำไมต้องรายงานตัว”
“ฉันจะได้แน่ใจว่าแกไม่ได้อยู่กับพิธาน ฉันหวง..”
“แกต่างหากที่ต้องรายงานตัว เพราะฉันหึง...”
“ครับ คุณภรรยา”
“ฉันล้อเล่น ขืนมัวแต่รายงานตัวงานการไม่ต้องทำพอดี แล้วฉันก็ขี้เกียจระแวงด้วย รักกันแล้วไม่มีความสุขแบบนั้นอย่ารักเลยดีกว่า สบาย ๆ เหอะ เชื่อฉัน...”
“น่ารักแบบนี้สิ สุดยอดภรรยา...”
“เดี๋ยวตามดูใน IG แกก็ได้”
สิปาดันมองแบบคิดในใจว่าอ้าว...
ลันตาขำที่แกล้งสิปาดันได้ “ไปแล้วนะ สายแล้ว..”
ลันตาเปิดรถก้าวขึ้นไปนั่ง สิปาดันเห็นรองเท้าผ้าใบของลันตาเชือกผูกรองเท้าหลุด
“ลัน...”
ลันตาชะงักโดยท่านั่งยังค้างขาอีกข้างหนึ่งไว้กับพื้น ลันตามองสิปาดันว่ามีอะไร
สิปาดันเดินเข้ามาใกล้ “เชือกรองเท้าแกหลุด”
สิปาดันคุกเข่าลงจะผูกเชือกรองเท้า
“ไม่ต้องหรอกสิปา ฉันผูกเอง...”
“ฉันอยากดูแลแก”
ลันตาชะงักมองหน้าสิปาดัน
สิปาดันผูกไปพูดไป “แกรู้ไหม เชือกผูกรองเท้าก็เหมือนความรักของเรา..” สิปาดันยิ้ม “มันต้องผูกแน่นๆ แบบนี้” สิปาดันดึงแน่นมาก “เชือกจะได้ไม่หลุด แกจะได้ไม่ล้ม ฉันไม่อยากเห็นแกเจ็บ ไม่อยากให้แกร้องไห้...อยากให้แกมีแต่รอยยิ้มเวลาที่หันมามองฉัน”
ลันตายิ้ม สิปาดันหอมลันตา
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“สิปา...” ลันตาอ้อนนิด ๆ “กลับมาเร็ว ๆ นะ”
สิปาดันยิ้มชื่นใจ “จ้ะ”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันมีความสุข
ประตูถูกเปิด ภายในห้องนอนไม่มีของอะไรมากนักเป็นเหมือนห้องนอนรับแขกที่นานๆ จะเปิดใช้ที
มะนาวพาชัยภูมิที่ยังเข้าเฝือกนั่งลง เอื้องคำเดินตามเข้ามา
“แค่อาทิตย์เดียวพี่จะไปเอาห้าล้านมาจากไหน” ชัยภูมิว่า
“ถ้าไม่มีก็ให้มันเอาชีวิตของแกไป” เอื้องคำบอก
“ฉันเป็นน้องพี่นะ!”
“ถ้าฉันไม่เห็นว่าแกเป็นน้อง ฉันฆ่าแกไปแล้ว ไม่ปล่อยให้แกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับฉันอย่างทุกวันนี้หรอก! ตัวซวย”
ชัยภูมิร้อนรน “พี่นวลไง เดี๋ยวนี้เขารวยเป็นร้อยๆ ล้าน พี่ก็ไปเอาเงินจากพี่นวลมา”
มะนาวหน้าเสียเพราะรู้ว่าชัยภูมิเขี่ยเข้าประเด็นจี้ดในใจเอื้องคำ
“ถ้าลูกสาวของแกมันพลาด จับไอ้สิปาสำเร็จ ตอนนี้สมบัติของนังนวลมันก็ต้องเป็นของเรา มีหลานก็โง่ มีน้องก็ผลาญ พวกแกมันเกิดมาเป็นตัวถ่วงชีวิตฉันจริงๆ”
“พี่ต้องหาทางช่วยผม พี่ต้องช่วยผม”
“หุบปาก!”
ชัยภูมิคว้าแขนเอื้องคำ “ผมยังไม่อยากตาย พี่ต้องช่วยผม”
เอื้องคำโดนกดดันจากเสียงโหยหวนให้ช่วยของชัยภูมิ เอื้องคำสะบัดแขนออก
“แกมันหาเรื่องใส่ตัวเอง”
เอื้องคำเดินหนีไป มะนาวรีบตามออกไป ชัยภูมิยังแหกปากโวยวายให้เอื้องคำช่วย
เอื้องคำเดินออกมาด้วยความโมโหที่รู้ตัวว่ายังไงก็ทิ้งชัยภูมิไม่ได้แน่นอน มะนาวตามออกมา
“คุณป้า...ช่วยพ่อด้วยนะคะ นาวขอร้อง”
เอื้องคำชะงักแล้วหันมา
“นาวไม่อยากให้พ่อตาย คุณป้าสงสารคุณพ่อเถอะนะคะ”
“ต่อให้ฉันสงสารมันแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพ่อแกผลาญสมบัติที่ฉันมีหมดไปแล้ว”
“แต่เงินแค่ห้าล้าน”
“ฉันไม่มี...”
มะนาวอึ้ง
“ทางเดียวที่พ่อแกจะรอด แกต้องทำตามที่ฉันบอก ถ้าแกพลาดอีกก็เตรียมตัวกำพร้าได้เลย”
เอื้องคำเดินออกไป มะนาวเครียดเพราะคิดว่าจะพลาดไม่ได้
เสียงโทรศัพท์มือถือของนวลดัง นวลมองเห็นว่าเป็นเบอร์ของเอื้องคำ
“พี่เอื้องคำ”
นวลมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวอินทนนท์จะได้ยิน นวลขยับไปคุยที่ระเบียง
“สวัสดีค่ะพี่เอื้องคำ”
เอื้องคำคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีนิ่งเพราะเตรียมคำพูดไว้แล้ว
“เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะนวล”
นวลมีสีหน้าลำบากใจ
“พี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันต้องการเงินสิบล้าน”
นวลตกใจ “นวลไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกค่ะ นวลยก...”
เอื้องคำแทรก “เรื่องยกสมบัติให้ลูกหลาน มันก็เป็นแค่คำโกหกของเธอ ฉันรู้ว่าที่ดิน สวนปาล์มทั้งหมดยังเป็นชื่อของเธอ”
“พี่คะ นวลก็มีลูกหลาน อีกไม่นานก็ต้องมีเหลน ถ้านวลจะต้องยกสมบัติของครอบครัวที่ลูกนวลหามาด้วยความยากลำบาก นวลก็คงโง่เต็มทน”
“แต่เธอทนเห็นหลานสะใภ้เธอเจ็บปวดได้สินะ”
นวลชะงัก “พี่หมายความว่ายังไง”
“หมายความว่า ถ้ายอมจ่าย ครอบครัวของหลานชายเธอก็จะมีความสุขต่อไป แต่ถ้าไม่พวกมันสองคนจะต้องเจ็บปวดไปจนตาย”
“พี่ไม่มีทางทำแบบนั้นได้”
“เธอก็คอยดูแล้วกัน”
พูดจบเอื้องคำก็วางสาย นวลเครียดกับคำขู่ของเอื้องคำ
ลันตาเดินเข้ามาในห้องทำงานจนกระทั่งเจอกับแพทที่รออยู่
“ว่าไงจ้ะ เพื่อนจ๋า” แพทแซว
ลันตากำหมัดขู่ “ไอ้แพท”
“เลิกเขินได้แล้วน่า นี่”
แพทยื่นหนังสือดรีมฉบับที่เสร็จสมบูรณ์แล้วให้
“หนังสือเล่มแรกของบ.ก.ลันตา”
ลันตารับมาดูด้วยความปลื้มใจ
ลันตาตีมือกับแพท “เยส!”
“เสียดายนะที่ไอ้ญ่าไม่ได้อยู่ยินดีด้วย เมื่อวานฉันกับคุณกบไปเยี่ยมมันมา ถึงแกกับคุณนุจะไม่เอาเรื่อง แต่มันก็เป็นคดีอาญาอยู่ดี” แพทบอก
“แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นเพื่อนเรา”
“แน่นอน...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กีรติเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับคุณลัน ยินดีด้วยนะครับที่หนังสือลงแผงวันแรก”
“ขอบคุณค่ะ” ลันตาพูด
“ลันมันไม่ได้ทำหนังสือเล่มนี้คนเดียวนะ มันเป็นทีม” แพทบอก
“ผมรู้แต่ของคุณมันมีที่น่ายินดีกว่านะ” กีรติพูด
แพทมองว่าอะไร กีรติเอาหนังสือท่องเที่ยวไทยมาวางตรงหน้าแพท แพทเห็นก็แปลกใจมากที่เห็นชื่อ แพรภิมา ซึ่งเป็นชื่อตัวเองคู่กับกีรติ แพทหันมองกีรติด้วยความแปลกใจ
“ชื่อคุณไง ทำไม สะกดผิดเหรอ” กีรติถาม
“ฉันไม่คิดว่าจะมีชื่อฉันด้วย” แพทบอก
“ก็เราเป็นทีม ก็ควรจะมีชื่อขึ้นทั้งคู่สิ”
แพทปลื้ม
กีรติมองยิ้มๆ “ดีใจไหม”
“ดีใจสิ” แพทบอก
“ดีแล้ว ผมอยากให้คุณดีใจ”
แพทชะงักมองตากีรติ ลันตาเห็นอาการตาวิ้งๆ ของทั้งคู่แล้วก็กระแอมราวกับจะลากไส้ออกมา
“อะไรติดคอ ไอขนาดนั้นเดี๋ยวก็ไส้ไหลพอดี” แพทว่า
“ก็อยู่ ๆ ห้องนี้บรรยากาศมันมุ๊งมิ๊ง ฟุ้งฟิ้งขึ้นมาซะอย่างนั้น” ลันตาขยี้ตา “เอ๊ะ..ทำไมห้องเป็นสีชมพู”
แพทกับกีรติรู้ตัวว่าโดนแซว แพทจึงเปลี่ยนเรื่อง
“แกลองดูสิลัน ว่าฝีมือฉันใช้ได้ไหม”
ลันตายิ้มล้อ “เปลี่ยนเรื่อง กลบเกลื่อนเหรอ”
“แล้วนี่ทำไมมิ้งค์ยังไม่มาทำงานอีก” แพทถาม
“เออ..พูดถึงมิ้งค์ ไม่รู้เป็นไงมั่ง”
กีรติกับแพทมองลันตาว่าหมายถึงอะไร มิ้งค์เปิดประตูเข้ามา ทุกคนหันไปเห็นมิ้งค์เดินร้องไห้เข้ามา
ลันตาตกใจ “มิ้งค์!”
ลันตากับแพทเดินเข้าไปหามิ้งค์ในสภาพน้ำตาเปื้อนและอาการเศร้าโศกมาก
“พี่ลัน!”
มิ้งค์โผเข้ากอดลันตา
“เป็นขนาดนี้เลยเหรอ” ลันตาถาม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” แพทถาม
“มิ้งค์ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว” มิ้งค์ร้องไห้
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มิ้งค์ที่คุยกับเตี่ยตกใจลุกพรวดขึ้น
“มันเป็นความฝันของมิ้งค์ งานแรกของมิ้งค์ มิ้งค์จะไม่ยอมลาออกเด็ดขาด”
“อั๊วสั่งให้ออกก็ต้องออก! กลับมาช่วยงานที่บ้าน” เตี่ยว่า
“แล้วความรู้ที่มิ้งค์เรียนมาล่ะ เตี่ยจะให้มิ้งค์ทิ้งมันไปง่าย ๆ งั้นเหรอ”
“อั๊วให้โอกาสลื้อแล้ว แต่ลื้อก็มีแต่ทำเรื่องเสื่อมเสีย ให้อั๊วต้องอับอายขายหน้า”
“ทำไมเตี่ยถึงเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง ทั้งที่มิ้งค์พูดความจริง คุณพิธานเขาเกลียดพอล เขาใส่ร้ายพอล”
“ใครจะยอมเอาเงินหมื่นเงินแสนมายื่นให้คนอื่นง่ายๆ ถ้ามันไม่ใช่ความจริง! ลื้อเป็นเมียมันแล้วใช่ไหม”
“ไม่จริง! มิ้งค์ไม่เคยทำตัวง่ายแบบนั้น”
“อั๊วไม่เชื่อ!”
มิ้งค์มองเตี่ยด้วยความเสียใจ
“ไปลาออกซะ” เตี่ยว่า
“มิ้งค์ไม่ลาออก”
เตี่ยตบหน้ามิ้งค์จนหน้ามิ้งค์สะบัดไปตามแรงตบ
“พอแล้ว...ลื้อจะตีลูกให้ตายหรือไง” ม๊าว่า
“ถึงเตี่ยจะตีมิ้งค์ให้ตาย มิ้งค์ก็ไม่ลาออก เพราะมิ้งค์ไม่ได้ทำอะไรผิด” มิ้งค์บอก
เตี่ยกับมิ้งค์มองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ม๊าที่อยู่ตรงกลางได้แต่มองอย่างกลุ้มใจ
เหตุการณ์ปัจจุบัน ลันตาเปิดประตูห้องออกมา แพทเดินตาม กีรติกับมิ้งค์เดินตามออกมา กีรติเข้าไปขวาง
“พวกคุณจะไปไหน” กีรติถาม
“ไปลุยมันน่ะสิ มันทำน้องฉันร้องไห้ ฉันไม่ยอม” แพทบอก
“ใจเย็นๆ อย่าลืมนะครับว่าเขาเป็นเจ้านาย” กีรติว่า
“เป็นเจ้านายแล้วมันอภิสิทธิ์มาก ขนาดจะย่ำยีชีวิตคนอื่นยังไงก็ได้งั้นเหรอ ฉันจะกลัวเฉพาะความดีของคนค่ะ ไม่ใช่อำนาจบารมี” ลันตาโกรธ
“ผมรู้ว่าพวกคุณมืออาชีพ ไม่กลัวอดตาย แต่คุณควรจะนึกถึงคนอื่นๆ ด้วย”
“ทำไม คุณกลัวจะเดือดร้อนไปด้วยเหรอไง เพราะเขาเป็นเจ้านายสายตรงของคุณใช่ไหม กลัวตกงานหรือไง” แพทถาม
กีรติหน้าตึง “ถึงไม่มีสกาย ก็มีอีกหลายสำนักพิมพ์ที่อยากได้ผม”
“ถ้างั้นก็ถอยไป!” แพทไล่
“ไปเลย ถ้าอยากเห็นมิ้งค์หมดอนาคต” กีรติบอก
ทุกคนชะงัก
“พวกคุณใช้อารมณ์อาละวาดให้มันพังกันไปข้างก็ได้” กีรติพูดกับลันตา “คุณมีสิปา ฐานะครอบครัวโอเคทุกอย่าง” กีรติพูดกับแพท “ทุกวันนี้ คุณก็เลี้ยงแค่ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบครอบครัว แต่มิ้งค์ เพิ่งจบ ฝีมือก็ยังไม่มี ถ้าต้องตกงาน แล้วจะเอาเงินที่ไหนช่วยทางบ้าน”
กีรติพูดต่อ “เราก็เห็นๆ กันแล้ว ว่าคุณพิธานเขาไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ถ้าจะลุยผมไม่ห้าม แต่มันคุ้มเหรอครับ”
ลันตากับแพทมองมิ้งค์ที่ยืนอึ้ง
“แต่คุณพิธานกล้าทำเรื่องนี้แบบเปิดเผยด้วยตัวเอง เพราะเขารู้ว่าเราจะไม่กล้าประกาศไฝว้กับเขา ถ้าเรานิ่งเขาจะยิ่งไม่หยุด” แพทบอก
“ถ้าคุณวิ่งเข้าหาเขา เขาจะยิ่งไม่หยุดต่างหาก ก็คุณลันบอกว่าเขาอยากเห็นมิ้งค์เป็นทุกข์ เพราะทำไปแล้วมันได้ผลอย่างที่เขาต้องการ”
“มิ้งค์คิดว่ายังไง”
“มิ้งค์ยังอยากทำงานค่ะ อย่างน้อยให้มันมีโปรไฟล์ชัดเจนเวลาไปสมัครทำงานที่อื่นได้” มิ้งค์พูดกับแพท “มิ้งค์จะอดทนค่ะพี่แพท”
แพทอึดอัดจึงทำท่าฮึดฮัดมาก ลันตากอดมิ้งค์ด้วยความสงสาร ลันตาพามิ้งค์กลับเข้าไปในห้อง
แพทที่ใจเย็นลงหันมาหากีรติ กีรติที่หน้าตึงเดินหนีออกไป แพทมองตามพลางคิดในใจว่าเป็นเรื่องละ
สิปาดันเข้ามาในร้านหนังสือ เขาเดินดูตามแผงหนังสือก็เห็นหนังสือดรีมที่วางขาย สิปาดันหยิบหนังสือขึ้นมาแล้วถ่ายรูปหนังสือคู่กับตัวเองอัพขึ้น IG
เสียงไลน์มือถือลันตาดัง ลันตาเปิดดูไลน์ก็เห็นสิปาดันส่งข้อความว่า “อัพขึ้น IG โปรโมทหนังสือให้แล้วนะ” ลันตาเข้าไปดูใน IG สิปาดันซึ่งมีบรรยายใต้ภาพที่สิปาดันถ่ายคู่กับหนังสือ ว่า ผลงานภรรยาผมเองครับ ลันตามองแล้วกดไลค์ที่ภาพ
“อะไรเหรอคะพี่” มิ้งค์ถาม
ลันตาเอารูปให้ดู “ร้านหนังสือที่สุวรรณภูมิ หนังสือของเราเข้าตรงเวลานะต้องรอเช็คของสายอื่น ว่าตรงเวลาเหมือนกันไหม”
เสียงมือถือของลันตาดังขึ้น ลันตาเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ ก็คิดแล้วตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีค่ะ”
เสียงมะนาวดังจากปลายสาย “ขอสายสิปาหน่อยสิ”
ลันตาชะงัก “มะนาว?”
มะนาวคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
“สิปาอยู่กับเธอหรือเปล่า?” มะนาวถาม
ลันตาพยายามนิ่ง
“สิปาไม่อยู่ เขาไปบิน...”
“เหรอ...บังเอิญจังเลยนะ” มะนาวบอก
มะนาวกดวางสาย ลันตามองโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจและมีสีหน้าเครียด
“ว่าไงระริน..ฉันมาถึงแอร์พอร์ตแล้ว ขอบใจมากนะที่ยอมเปลี่ยนไฟล์ทกับฉัน” มะนาวพูดสายแล้วฟัง “รู้แล้วว่าเบี้ยเลี้ยงไฟล์ทนี้แพงกว่า ไม่ต้องห่วงนะ แล้วฉันจะโอนเงินส่วนที่เกินไปให้ สวัสดีจ้ะ”
มะนาวเดินเข้าไปที่ Gate แล้วรอสิปาดัน เธอเห็นสิปาดันกับเก่งเดินเข้ามา มะนาวยกมือถือขึ้นถ่ายเซลฟี่โดยเอาตัวเองเป็นโฟร์กราวน์ผ่านไปเห็นสิปาดันกับเก่งที่กำลังยืนคุยกันอยู่
เก่งพูดกับสิปาดัน
“กลับมาจากฮันนีมูน หน้าใสมากเลยนะ ชีวิตแต่งงานกับแฮปปี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“แนะนำเลย ถ้าเจอถูกใจรีบแต่งเลย มันมีความสุขมากจริงๆ” สิปาดันบอก
สิปาดันยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายตัวเองกับป้ายที่เห็นว่าเป็นสนามบิน
“ต้องเซลฟี่รายงานตัวด้วยเหรอวะ” เก่งถาม
สิปาดันยิ้มแล้วจะถ่าย เก่งขยับเข้ามาร่วมเฟรม
“เขาไม่ได้บังคับแต่ฉันอยากให้เขาสบายใจ” สิปาดันบอก
“เกลียมัวชัด ๆ” เก่งว่า
“ต้องมีเมียดีๆ แล้วจะเข้าใจ”
เก่งมองแบบเพื่อนเป็นเอามาก
มะนาวได้ยินก็มีสีหน้าแค้นมาก
“ฉันไปก่อนนะ” สิปาดันบอก
“nice flight”
“nice flight”
สิปาดันเดินออกไป มะนาวจะไปอีกทางแต่เก่งเห็นมะนาวเสียก่อน
“นาว” เก่งเรียก
มะนาวชะงักด้วยความเซ็งแต่ก็ต้องหันมายิ้มให้
“วันนี้บินไปไหนคะ” มะนาวถาม
“ยุโรปครับ กว่าจะเจอกันคงปลายอาทิตย์ ถ้ากลับมาแล้วผมโทรหานะ” เก่งบอก
“ค่ะ”
เก่งยืดมากเพราะมั่นใจว่ามะนาวชอบตัวเองจริงๆ
“แล้วนาวบินไฟล์ทไหนครับวันนี้” เก่งถาม
มะนาวเปลี่ยนเรื่องทันที “นาวต้องไปทำธุระก่อน แล้วพบกันนะคะ”
มะนาวเดินเลี่ยงจากเก่งไปทันที เก่งมองตามแบบเหวอเล็กน้อยแล้วก็เดินออกไปอีกทาง มะนาวเดินมาหยุดหามุมแล้วดู IG ของสิปาดันก็เห็นสิปาดันอัพรูปกับเก่งแล้วขึ้นสเตตัสว่า Nice flight มะนาวคิดแล้วจัดการอัพรูปเซลฟี่ของตัวเองขึ้นใน IG แล้วบรรยายว่า Nice flight มะนาวยิ้ม
กัปตันเดินนำสิปาดันกับโคไพรอทเข้ามาที่หน้าห้องบรีฟลูกเรือ กัปตันเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป
“เรียบร้อยไหมครับ” กัปตันถาม
“บรีฟลูกเรือเรียบร้อยแล้วค่ะ เส้นทางนี้กัปตันมีรายละเอียดเพิ่มเติมไหมคะ”
“โอเค”
กัปตันเดินเข้าไปในห้อง สิปาดันกับโคไพรอทอีกคนเดินตามเข้าไป สิปาดันชะงักที่เห็นมะนาวมะนาวดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้ม สิปาดันจำต้องยิ้มรับ มะนาวมองไปทางกัปตันอย่างเดียวไม่ได้สนใจสิปาดันอีกเลย
กัปตันพูด “สำหรับเที่ยวบินนี้...”
กัปตันบรีฟรายละเอียดในการบินครั้งนี้ ทุกคนตั้งใจฟัง สิปาดันมองอาการมะนาวที่ดูนิ่งๆ ไม่มีอาการตัดพ้อใด ๆ ให้สิปาดันลำบากใจ
ลันตากับแพทกำลังเดินอยู่ในร้านหนังสือ หนังสือดรีมที่อยู่บนแผงหนังสือมีคนสนใจหยิบดูตลอด
ลันตามองปกที่เป็นภาพสิปาดันแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดเข้าไปดู IG ของสิปาดันก็เห็นภาพสิปาดันกับเก่ง แล้วเห็นมี IG ที่ใช้ชื่อ Lemoned... พิมพ์คอมเม้นท์เป็นไอคอนหัวใจ ลันตารู้สึกสะดุดจึงเข้าไปที่ IG Lemonde ก็เห็นภาพของมะนาวที่เซลฟี่โดยเห็นสิปาดันกับเก่งอยู่ด้านหลัง ลันตานิ่งไป แพทเห็นลันตามองมือถือนิ่งๆ
“มีอะไรเหรอลัน” แพทถาม
“เปล่า...”
“เปล่าอะไร หน้าแกมันฟ้องว่ามี...มากด้วย” แพทดึงมือถือของลันตามาดู “ไอจีมะนาว ข้างหลังนั่นมันสิปา” แพทมองลันตาที่มีสีหน้าไม่สบายใจ “ทำไมแกต้องหน้าเสียขนาดนี้ด้วยคิดมากไปไหมไอ้ลัน คนนึงนักบิน อีกคนก็แอร์โฮสเตส ทำงานสายการบินเดียวกัน มันก็ต้องมีบังเอิญบ้างหรือเปล่าลัน...”
“ฉันไม่คิดว่าบังเอิญ...” ลันตาบอก
แพทมองว่าลันตาหมายความว่ายังไง
“แกจำที่มะนาวพูดในงานแต่งงานฉันได้ไหม” ลันตาถาม
เหตุการณ์ในงานแต่งงานของลันตากับสิปาดันย้อนกลับมา...
มะนาวพูด “สิปาเคยบอกเธอไหมว่าเขากับฉัน...ลึกซึ้งกันขนาดไหน”
ลันตานิ่งไป
มะนาวยิ้มเยาะ “ไม่เคยสินะ...ฉันกับสิปาทำงานอยู่ด้วยกัน ยังมีโอกาสมากมายที่เราจะได้อยู่ใกล้ชิดกันเหมือนที่ผ่านมา ปากของเขา แผงอก หรือแม้แต่...”
ลันตาหน้าเสีย
แพททนไม่ไหว “ทุเรศ...เรื่องแบบนี้ยังมีหน้าพูดอย่างภูมิใจอีกเหรอ”
มะนาวมองลันตาแบบจิกและโรคจิตมาก “ฉันพูดเพราะสงสารหรอกนะ...ถ้าจะมีเขาสวมบนหัว ฉันก็อยากให้เธอรู้ตัวว่ามี เต็มใจโง่ก็ยังดีกว่าโง่เพราะโดนหลอก จริงไหมลัน”
เหตุการณ์ปัจุบัน แพทมองหน้าลันตาที่ดูกังวล
“นาวตั้งใจให้ฉันเห็นภาพนี้ว่าเขากับสิปา...” ลันตาบอก
“ไอ้ลัน อย่ามโน...แกต้องเชื่อใจสิปานะเว้ย มันรักแก”
ลันตาไม่ตอบ แต่มีสีหน้ากังวลมาก แพทมองอย่างเป็นห่วง
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 14 (ต่อ)
วันยืนมองอยู่ที่ประตูครัวร้านของพอล ส่วนมิ้งค์นั่งอยู่มุมหนึ่งนิ่งๆ พอลทำเค้กมองมิ้งค์อย่างไม่สบายใจ วันเดินเข้ามาแล้วตรงไปหามิ้งค์
“มิ้งค์น้าขอโทษที่น้องชายน้าทำให้มิ้งค์ต้องเดือดร้อน” วันบอก
“เตี่ยเชื่อคำพูดของคุณพิธานแต่ไม่เชื่อมิ้งค์ มันก็ทำให้เห็นแล้วว่าต่อให้มิ้งค์ทำดีมากแค่ไหน ในสายตาของเตี่ย มิ้งค์ก็ไม่มีวันจะดีได้เลย”
“แต่คุณก็เป็นลูกที่ดี อย่างน้อยก็ไม่ตัดสินใจอะไรหุนหัน แบบพวกหนีปัญหา ไม่งั้นคุณคงหนีออกจากบ้านไปแล้ว” พอลบอก
“ฉันไม่ชอบหนีปัญหา เตี่ยก็เพิ่งจะอาการดีขึ้น ฉันไม่อยากปล่อยให้ม๊าต้องดูแลเตี่ยอยู่คนเดียว....บางครั้งฉันก็แค่อยากให้เตี่ยฟังฉันบ้าง เชื่อคำพูดของฉันมากกว่าคำพูดของคนอื่น”
มิ้งค์น้ำตาร่วงอย่างห้ามไม่ได้ พอลต้องโอบให้มิ้งค์เอียงหัวมาพิงตัวเขา มิ้งค์น้ำตาร่วงเงียบ ๆ พอลได้แต่ตบไหล่เบาๆ เพื่อปลอบใจ
“อดทนหน่อยนะ ผมจะหาทางเคลียร์เรื่องนี้ให้ได้ เชื่อผมนะ”
มิ้งค์ได้แต่นิ่ง วันรู้สึกลำบากใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลือเกิน
สิปาดันเดินเข้ามาหน้าลิฟท์แล้วก็ชะงักที่เห็นมะนาวหันมาพอดี สิปาดันชะงักแต่ก็ไม่เดินหนี เขาขยับเข้าไปยืนรอลิฟท์แล้วต่างคนก็ต่างเงียบกันไป สักพักมะนาวหันมาหาสิปาดัน
“ยินดีด้วยนะคะสิปา ในที่สุดคุณก็สมหวัง”
สิปาดันทำหน้าไม่ถูก
“ผมขอโทษนะนาว”
มะนาวยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมคะ”
สิปาดันแปลกใจที่มะนาวไม่เวิ่นเว้อเหมือนก่อน “ได้สิครับ”
“ขอบคุณค่ะ...สิปาคะ”
“ครับ?”
“ไม่ต้องคิดมากนะคะ ที่จริงคุณก็บอกนาวมาตลอด นาวเองที่ไม่ยอมรับความจริง บอกตัวเองว่ายังมีความหวังอยู่เสมอ แต่วันนี้นาวต้องยอมรับมันให้ได้ อีกไม่นาน นาวจะชินไปเอง”
มะนาวยิ้มอย่างน่าสงสาร ลิฟท์เปิด มะนาวเดินเข้าไปในลิฟท์ สิปาดันมองตามด้วยความเห็นใจ
เสียงมือถือสิปาดันดังขึ้น สิปาดันทำมือว่าให้มะนาวขึ้นไปก่อนเลย มะนาวกดลิฟท์จะปิด
สิปาดันกดรับ “ว่ายังไงลัน ผมมาถึงญี่ปุ่นแล้ว”
มะนาวที่อยู่ในลิฟท์มองด้วยสายตาร้ายกาจ
ลันตาเดินคุยมือถือเข้ามาในห้อง
“ฉันเพิ่งมาถึงห้อง เดี๋ยวว่าจะไปหาอะไรกิน..” ลันตาฟัง “จัดของในตู้เย็นเหรอ ได้ ๆ รีบพักนะ...”
ลันตาวางสายจะเดินไปเปิดตู้เย็น เธอเห็นกล่องอาหารที่สิปาดันเตรียมห่อบะหมี่กับกล่องใส่สลัดกับน้ำสลัดแยกไว้ให้พร้อมกับโพสอิทที่ติดเขียนว่า “บะหมี่หมูแดงที่แกชอบ ถ้าไม่อิ่มมีสลัดเจ้าอร่อยที่แกชอบด้วย/สิปา”
ลันตายิ้มปลื้มก่อนจะจัดการเอาบะหมี่มาเทแล้วอุ่นในไมโครเวฟ ระหว่างที่กำลังรอ ลันตาอดไม่ได้ที่จะเปิดไอจีของมะนาวก็เห็นเป็นภาพเตียงในห้องนอนของโรงแรมที่แสงสลัวนิด ๆ พร้อมคำบรรยาย “Tokyo คืนนี้ของเรา....”
ลันตารู้สึกจี้ดมากจึงนิ่งไปชั่วขณะว่าจะเอายังไงดี
ภาพในอดีตย้อนกลับมาในหัวลันตา ตอนที่สิปาดันบอกว่ารักใครไม่ได้อีกแล้ว ตอนที่ลันตาบอกว่าสิปาดันบอกให้เชื่อก็จะเชื่อ
ลันตาตัดสินใจวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้บนโต๊ะ พยายามทิ้งความระแวงแล้วหยิบของกินที่สิปาดันเตรียมไว้ให้มากิน
มิ้งค์เดินเข้ามาในบ้านก็เจอเตี่ยที่นั่งกินข้าวอยู่ เตี่ยเห็นมิ้งค์ก็วางตะเกียบดังปึ้ง!แล้วลุกเดินออกไปเลย
“ลื้อจะไปไหน ยังเจี๊ยะไม่หมดเลย” ม๊าถาม
“กินไม่ลง!” เตี่ยบอก
ม๊าเห็นมิ้งค์ยืนจ๋อยจึงเรียก
“มิ้งค์มากินข้าวมา”
ม๊าดึงมิ้งค์ให้มานั่ง
“ม๊า...มิ้งค์ไม่เคยทำตัวเลว ๆ ให้เตี่ยกับม๊าเสียใจจริง ๆนะ” มิ้งค์บอก
“ม๊าเชื่อมิ้งค์นะลูก เจี๊ยะปึ่งนะ”
ม๊าตักข้าวให้กับมิ้งค์
“เดี๋ยวม๊าตักน้ำแกงให้นะ”
ม๊าเดินเข้าไปในครัว มิ้งค์ใช้ตะเกียบคีบข้าวกินแบบน้ำตาร่วงจนแทบจะกินข้าวเคล้าน้ำตา
นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่ม มะนาวเปิดไอจีแล้วดูตรงหน้าฟีดข่าว
“แกอดใจไม่ฟอลโล่ฉันได้จริง ๆ เหรอลันตา” มะนาวมองด้วยสายตากร้าว “ดูสิแกจะอดทนได้นานแค่ไหน ลันตา!”
ลันตานอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงโดยพยายามจะนอนให้หลับแต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน ลันตาอดไม่ได้ที่จะเปิดเข้าไปดูไอจีของมะนาวก็เห็นภาพเตียงนอน
ภาพมะนาวตอนที่เคยมาพูดกับเธอย้อนกลับมาในหัวลันตา
“เชื่อใช่ไหม..ว่าเวลาที่เขาก้าวออกจากบ้าน เขาจะซื่อสัตย์ เวลาที่เขาบิน ไปไกลๆ...เขาจะยอมนอนคนเดียวบนเตียง”
ลันตาพลิกตัวมาแล้วมองไปทางมือถือด้วยความหวาดระแวง ลันตาจะหยิบมาโทรแต่ก็ต้องห้ามใจ
“ฉันต้องเชื่อสิปา....เชื่อ...”
ลันตาตัดใจวางโทรศัพท์แล้วพยายามข่มตาให้หลับอย่างลำบากยากเย็น
วันรุ่งขึ้น มิ้งค์ที่แต่งตัวเรียบร้อยคุยมือถือกับแพท
“มิ้งค์กำลังออกจะออกจากบ้านค่ะพี่ ทันเตรียมงานก่อนประชุมแน่นอนค่ะ”
ระหว่างที่มิ้งค์กำลังจะเดินออกจากบ้านก็ชนกับม่อเก๊าที่เดินสวนเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อนจนหลอดใส่ยาบ้าสองหลอดหล่นลงพื้น มิ้งค์ชะงักมองด้วยความสงสัยก่อนจะหยิบขึ้นมา มิ้งค์เห็นเม็ดยาที่อยู่ข้างในก็ตกใจ ม่อเก๊ายื่นมือมาเพื่อจะกระชากกลับ
“เฮีย! ทำไมเฮียทำแบบนี้” มิ้งค์ถาม
“เรื่องของอั๊ว ลื้อไม่เกี่ยว”
“แต่มันผิดกฎหมาย!”
ม่อเก๊าชี้หน้า “ปล่อย! ไม่งั้นลื้อเจ็บ”
มิ้งค์ยื้อหลอดใส่ยากับม่อเก๊า ทั้งสองยื้อกันยื้อไปมา ทันใดนั้นพอลก็เดินเข้ามา
“มิ้งค์....”
มิ้งค์ตกใจที่เห็นพอล “คุณ!”
ม่อเก๊ากระชากหลอดยาแล้ววิ่งไปหลังครัว
มิ้งค์ตกใจ “เฮีย!”
มิ้งค์จะตามม่อเก๊าแต่เสียงเตี่ยดังขึ้นก่อน “ออกไปจากบ้านอั๊ว!”
เตี่ยเดินลงมาด้วยท่าทางโมโหมาก ม๊ารีบตามลงมา
“เฮีย อย่า!” ม๊าห้าม
“ไปให้พ้นหน้าอั๊ว! ก่อนที่อั๊วจะฆ่าลื้อ!” เตี่ยว่า
พอลพยายามอธิบาย “เตี่ยฟังผมก่อนนะครับ พิธานไม่ใช่พี่ชายผม เขาตั้งใจมาใส่ร้ายผม ผมไม่เคยคบใคร ผมจริงใจกับมิ้งค์นะครับ”
“ลื้อคิดว่าพวกอั๊วโง่กันมากใช่ไหม ถึงอั๊วจะมีน้อยแต่อั๊วไม่เคยขายลูกกิน!”
“เตี่ยครับ”
“ไปให้พ้น!”
“ผมไม่ไปจนกว่าเตี่ยจะยอมฟังผม”
เตี่ยคว้าไม้กวาด มิ้งค์กับม๊าต้องเข้าช่วยกันดึงเตี่ยไว้สุดแรง
“อย่าคะเตี่ย”
“ปล่อยอั๊ว! ปล่อย!”
ตำรวจเดินเข้ามาสองนาย “ขอโทษครับ!”
ทุกคนชะงักที่เห็นตำรวจ
“คุณม่อเก๊าอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ” ตำรวจถาม
เตี่ยลืมเรื่องของพอลไปชั่วขณะ
“คุณตำรวจมีธุระอะไรกับลูกชายผม”
ตำรวจยังไม่ทันตอบก็มีเสียงดังตึงตังจากมาจากหลังครัว ตำรวจรู้ว่าม่อเก๊าจะหนีจึงรีบเข้าไป ทุกคนตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงโครมครามดังไม่นาน ตำรวจก็จับกุมตัวม่อเก๊าออกมา
“เตี่ย ม๊า ช่วยอั๊วด้วย!” ม่อเก๊าโวยวาย
เตี่ยร้อนใจ “คุณตำรวจจับลูกผมทำไม”
ตำรวจอีกคนเดินออกมาพร้อมกับหลอดใส่ยาเสพติด
“เราพบยาบ้าใส่ในหลอด จำนวน 12 เม็ดครับ”
ตำรวจอีกคนพูดกับเตี่ย “ผมขอจับนายม่อเก๊าข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองครับ”
ตำรวจพาตัวม่อเก๊าไป
“เตี่ย ม๊า! ช่วยผมด้วย”
“อาม่อเก๊า!” ม๊าตกใจ
เตี่ยเป็นลมล้มลงไป ทุกคนตกใจมาก
เตี่ยนอนอยู่บนเตียงพยาบาล พยาบาลเข็นพาเตี่ยเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พยาบาลปิดประตู พอล มิ้งค์ และม๊ารออยู่ด้านนอก
ม๊าเรียก "เฮีย...เฮีย!”
ม๊าร้องไห้อยู่กับมิ้งค์
"เตี่ยต้องปลอดภัย ม๊าใจเย็นๆ นะ"
มิ้งค์น้ำตาร่วงแต่ก็พยายามฝืนเข้มแข็ง พอลมองมิ้งค์ด้วยความเห็นใจ
แพทพยายามจะโทรติดต่อมิ้งค์ ลันตาที่เดินประกบมองแพทอย่างกระวนกระวาย
"มิ้งค์รับสายหรือยัง" ลันตาถาม
แพทส่ายหน้า
"แต่เมื่อชั่วโมงที่แล้ว มิ้งค์มันบอกว่าออกจากบ้านแล้วนะไม่น่าช้าแบบนี้นะ"
"ฉันอยากจะให้มิ้งค์เข้าประชุมด้วย" ลันตาบอก
"จะดันน้องงั้นสิ"
"คุยกับพี่นีแล้ว มันมีทาง...”
รัชนีเดินเข้ามา
"ลัน...พี่คุยกับคุณพิธานคร่าว ๆ แล้วนะเรื่องมิ้งค์ แล้วมิ้งค์ล่ะ" รัชนีถาม
"กำลังมาค่ะ ต้องมาทันแน่นอน" ลันตาบอก
"อืม...รีบตามเข้าไปนะ"
ลันตากับแพทเริ่มพล่านแล้วก็พยายามติดต่ออย่างกระวนกระวาย
"มิ้งค์มันไม่รับแบบนี้ มีเรื่องหรือเปล่าวะลัน" แพทเป็นห่วง
ลันตาคิด "คุณพอลน่าจะรู้"
ลันตากดโทรหาพอล
พอลรับสาย ลันตาพูด "คุณพอลคะ มิ้งค์อยู่กับคุณพอลหรือเปล่า" ลันตาฟัง "เตี่ยมิ้งค์น่ะเหรอคะ"
พอลคุยมือถือ โดยที่มิ้งค์กับม๊าอยู่ด้านหลัง
"ครับ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ผมว่าตอนนี้มิ้งค์คงไปทำงานไม่ไหว"
"ไม่เป็นไรค่ะ ลันจะจัดการเรื่องลางานของมิ้งค์ให้เอง" ลันตาพูดกับแพท "แพทไปบอกพี่นีเรื่องมิ้งค์ก่อน เดี๋ยวฉันตามเข้าไป"
แพทเดินเข้าไป
ลันตาคุยกับพอล "ฝากดูแลมิ้งค์ด้วยนะคะ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยรีบโทรมาเลยนะคะ"
ลันตาวางสายแล้วจะเข้าไปในห้อง เธอชะงักที่เห็นพิธานเดินเข้ามา ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่ง
พิธานเอ่ยถาม "มีความสุขดีใช่ไหม"
"ค่ะ แล้วคุณล่ะคะ มีความสุขไหมที่เฝ้าแต่คอยคิดแผนทำลายความสุขของคนอื่น"
"ก็สนุกดีนะ"
"คุณเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกเหรอ คุณไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอไง"
"แล้วที่ลันทำกับพี่ พี่ไม่เห็นว่าลันจะรู้สึกผิดสักนิด หนีงานหมั้น แต่งงานกับคนอื่นทั้งที่รู้ว่าพี่รักลัน"
"ถ้าคุณเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง ก็ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วค่ะ เพราะคุณคงแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรคือถูกหรือผิด ขอตัวนะคะ"
ลันตาเดินเข้าไปในห้องประชุม พิธานมองตามลันตาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดกับอาการไม่แยแสของลันตา
สิปาดันเข้ามาสั่งกาแฟกับพนักงานที่เคาเตอร์ร้านกาแฟในญี่ปุ่น
"อืม....”
เสียงมะนาวดังขึ้น "ฮอทลาเต้...ไอซ์อเมริกาโน่"
สิปาดันหันมาเห็นมะนาวยิ้มให้
สิปาดันแปลกใจ "นาว...”
"นาวสั่งถูกไหมคะ ฮอทลาเต้ที่สิปาชอบ" มะนาวเห็นสิปาดันมีสีหน้าอึดอัด "ถึงระหว่างเรามันจะไม่เหมือนเดิม แต่นาวก็ไม่ลืมนะคะว่าเพื่อนชอบดื่มอะไร"
สิปาดันยิ้ม "ขอบคุณนะ"
“940 เยน" พนักงานบอก
สิปาดันกับมะนาวหยิบเงินจะจ่าย สิปาดันจ่ายแบงค์พันเยนไป มะนาวจะจ่ายให้แต่สิปาดันไม่รับ
"ผมเลี้ยงต้อนรับเพื่อน" สิปาดันบอก
มะนาวยิ้มรับขอบคุณ
พนักงานวางกาแฟสองแก้วที่เคาเตอร์
"ฮอทลาเต้...ไอซ์อเมริกาโน่"
สิปาดันหยิบกาแฟทั้งสองแก้วเดินไปหามะนาวที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ มะนาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะปิดเสียงมือถือ
"อเมริกาโน่ครับ" สิปาดันบอก
"ขอบคุณค่ะ...สิปาเก็บชั่วโมงบินได้เท่าไหร่แล้วคะ?” มะนาวถาม
"ก็...”
สิปาดันเล่าให้ฟัง ในจังหวะที่สิปาดันเล่าโทรศัพท์มะนาวก็ถูกเปิดเป็นกล้องเอาไว้ มะนาวหาจังหวะถ่ายรูปมือของสิปาดันที่หยิบแก้วกาแฟดื่ม มะนาวกดอัพขึ้นไอจีแล้วก็ยิ้มด้วยความพอใจ
พิธานคุยกับทุกคนในที่ประชุม
"ฟีดแบคของดรีมฉบับแรกถือว่าดีมาก"
"มีคนอ่านที่โทรเข้ามาชื่นชม และเสนออาชีพที่อยากให้เราเจาะลึก ในส่วนของคอมเม้นต์ต่าง ๆ เราจะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้แต่ละคอลัมน์สมบูรณ์กว่านี้ค่ะ" ลันตาบอก
"ทางคุณกาญจนาขอคำตอบเรื่องแฟชั่น Lover Forever ดิฉันตัดสินใจจะให้ลันตามาช่วยคุมในระหว่างที่เรายังไม่มีบ.ก.คนใหม่" รัชนีบอก
"คุมทั้งลาเบลและดรีม มันจะโหลดไปไหมสำหรับลันตา" สุวิภาถาม
"แพทจะเป็นผู้ช่วยของลันในส่วนของดรีม แต่มีอีกตำแหน่งที่ลันคิดว่ามันโหลดเกินไปคือฝ่ายแฟชั่น ลันอยากจะสร้างคนในตำแหน่งหน้าที่นี้ขึ้นมา มากกว่าจะไปดึงตัวมืออาชีพที่มีปัญหาเรื่องคิวการทำงาน ถ้าคุณพิธานเห็นชอบ ลันก็พร้อมจะสร้างคนเพื่อรองรับงานของออฟฟิศ"
พิธานกับสุวิภามองลันตาว่าหมายถึงใคร ลันตายิ้ม
มิ้งค์กับม๊าเดินเข้ามาที่เตียงที่เตี่ยนอนพักอยู่ เตี่ยที่นอนบนเตียงค่อยๆ ขยับเพราะรู้สึกตัว เตี่ยลืมตาตื่นเห็นมิ้งค์กับม๊าแล้วก็มองไปเห็นพยาบาลที่ยืนอยู่
"โรงพยาบาล?”
"เตี่ยเป็นลมน่ะ แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะคะ" มิ้งค์บอก
"อาม่อเก๊าล่ะ" เตี่ยถาม
ม๊ากับมิ้งค์เงียบไป
"พาอั๊วกลับบ้าน อั๊วจะไปดูอาม่อเก๊า"
"ลื้อนอนอีกสักหน่อยดีไหม" ม๊าบอก
เตี่ยไม่ยอม "อั๊วจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้"
เตี่ยพยายามจะลุกทั้งที่ยังมึน ๆ ม๊ากับมิ้งค์มองอย่างระอาในความดื้อของเตี่ย
กีรติลงนั่งที่เก้าอี้
"ผมอยากเห็นหน้าคุณพิธานตอนที่คุณลันบอกจะดันมิ้งค์ให้เป็นเด็กสร้างจริง ๆ" กีรติว่า
"ฉันยังอึ้ง ๆ เลยตอนที่เขาโอเค แต่ที่อึ้งกว่าคือตอนที่บอกว่า Guest เล่มต่อไปคือคุณพอล ไอ้ลันพูดจบเขานิ่งไปสักพักแล้วบอกว่าโอเค มันแบบ...เหลือเชื่ออ่ะ" แพทบอก
"ผลประโยชน์ ต่อให้เกลียดยังไงแต่ถ้ามันจะทำให้เขาได้มากกว่าเสีย เขาก็มองข้ามความเกลียดนั้นได้ ลันคุยกับคุณอธิปแล้วนะคะว่าจะขอยืมตัวคุณกบมาช่วยดรีม งานหลัก ๆ ก็ช่วยแพทเขาน่ะค่ะ"
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เพชรเดินเข้ามา
"พี่นีให้พี่มารับบรีฟจากลันเรื่องแฟชั่น Love Forever” เพชรบอก
"ลันอยากให้พี่เพชรช่วยฝึกมิ้งค์น่ะค่ะ งานของทั้งสองเล่มจะได้ไม่ต้องไปโหลดที่พี่เพชรคนเดียว ฝึกของลัน หมายความว่า ใช้งานได้เต็มที่ เคี่ยวให้หนัก"
"ไม่มีปัญหา เรื่องคอนเซ็ปต์ล่ะ"
"คุณกาญจนาค่อนข้างให้ความสำคัญกับความหรูหรา เพราะเขาต้องการให้สินค้าเป็นระดับ ไฮเอนท์ ลันอยากให้ชุดเป็นแนวหรูมีกลิ่นอายของWedding เพราะ Lover Forever มันควรจะเป็นความรักที่พัฒนามาถึงจุดที่จะร่วมใช้ชีวิตคู่แล้ว ลันจะจัดการรีพอตทั้งหมดให้พี่นี พี่เพชรจัดการตามนี้ได้เลยค่ะ"
"โอเค"
เพชรเดินออกไป ลันตามองไปทางอีกมุมที่กีรติกับแพทกำลังคุยเรื่องงานกันอย่างจริงจัง ลันตาหลับตาเพื่อพัก เสียงมือถือลันตาดัง เธอเห็นว่าเป็นสิปาดันโทรเข้ามา ลันตากดรับ
ลันตายิ้มแล้วถาม "กลับมาหรือยัง"
สิปาดันยิ้มรับแล้วถามลันตา
"เมื่อคืนนอนหลับไหม"
"ก็ไม่ค่อย...” ลันตาตอบ
"คิดถึงฉันล่ะสิ"
ลันตาอยากจะบอกว่าคิดว่าแกอยู่กับมะนาวน่ะสิ แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงตอบ "อืม...”
สิปาดันยิ้ม "ค่ำ ๆ ก็ถึงบ้านแล้ว เตรียมมื้อใหญ่ไว้ให้ด้วยนะ"
"ได้..”
"คิดถึงแกมากนะ....อยากกอด" สิปาดันบอก
ลันตาอดที่จะยิ้มไม่ได้
เสียงมะนาวดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์ "สิปา!”
ลันตาชะงักที่ได้ยินเสียงมะนาว
สิปาดันหันมาก็เห็นมะนาวเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวลมาก
"สิปาเห็นผ้าเช็ดหน้านาวไหมคะ นาวไม่แน่ใจว่าลืมเอามาจากห้องหรือตอนที่เราดื่มกาแฟน่ะค่ะ"
"ผมไม่เห็นนะ"
"งั้นคงจะหายจริงๆ ผืนรักซะด้วย งั้นนาวไม่กวนแล้ว" มะนาวส่งขวดเครื่องดื่มให้ "ขอบคุณสำหรับเมื่อเช้าค่ะ"
สิปาดันแค่ยิ้มและรับไว้ มะนาวเดินออกไป
สิปาดันคุยกับลันตาต่อ "ลัน...”
ลันตายังนิ่งจนสิปาดันเรียกซ้ำถึงได้คุยต่อ
ลันตาตอบ "ว่าไง...”
"อีกเดี๋ยว ฉันจะขึ้นบินแล้ว อยากได้ขนมจากญี่ปุ่นไหม"
"แกก็ดูมาแล้วกัน"
"ได้...แล้วเจอกันนะ"
"จ้ะ" ลันตากดวางสาย
ลันตานิ่งไปครู่หนึ่ง
เสียงมะนาวดังขึ้นในหัวของลันตา "นาวไม่แน่ใจว่าลืมเอามาจากห้องหรือตอนที่เราดื่มกาแฟ"
ลันตาตัดสินใจเปิดโทรศัพท์เข้าไปที่ IG ของมะนาว ลันตาเปิดเจอภาพมือของสิปาดันที่สวมแหวนกำลังดื่มกาแฟ เธอจำได้ว่าเป็นมือของสิปาดันแน่นอน
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา เป็นตอนที่สิปาดันจับมือซ้ายลันตาขึ้นมาโดยทั้งคู่สวมแหวนแต่งงาน สิปาดันเอามือซ้ายของตัวเองทาบไปบนหลังมือลันตาแล้วยกขึ้นมา
"แกเห็นไหมว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ขอให้แกเชื่อมั่นในตัวฉัน ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาแยกเราสองคนออกจากกันได้ ต่อให้อุปสรรคมันจะมากสักแค่ไหน ฉันก็จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความรักของเราไว้...ฉันสัญญา" สิปาดันพูด
สิปาดันเอามือตัวเองที่สวมแหวนมาทาบกับมือของลันตา
เหตุการณ์ปัจจุบัน ลันตามองแหวนแต่งงานบนนิ้วตัวเอง
ลันตาบอกตัวเอง "เชื่อสิ...ฉันต้องเชื่อมั่นในตัวสิปา"
ลันตารู้สึกเครียด
มิ้งค์กับม๊าพาเตี่ยเดินมาที่หน้าบ้าน เตี่ยมีท่าทางหงุดหงิดมาก
"ทำไมต้องกลับมาที่บ้านก่อน อั๊วจะไปโรงพัก"
"ลื้อไม่ควรเหนื่อยมากนะเฮีย" ม๊าบอก
"อั๊วไม่เหนื่อย อั๊วจะไปดูลูกอั๊ว"
"เฮียไม่เป็นไรหรอกเตี่ย" มิ้งค์บอก
เตี่ยเสียงดังเพราะไม่พอใจ "ไม่เป็นไรได้ไง เฮียลื้อถูกตำรวจจับ คืนนี้อีต้องนอนในคุก อั๊วไม่ยอมให้อีนอนคุก อั๊วจะไปประกันตัวอาม่อเก๊าออกมา"
"ไม่ต้องหรอกเตี่ย" มิ้งค์บอก
เตี่ยปรี๊ดขึ้นมาทันที "ทำไมถึงไม่ต้อง!”
เสียงม่อเก๊าเรียก "เตี่ย!”
เตี่ยหันไปเห็นพอลพาม่อเก๊าเดินเข้ามา ม่อเก๊าเข้ามากอดเตี่ยด้วยความรู้สึกว่าเตี่ยเป็นที่พึ่ง
"อาม่อเก๊า ลื้อออกมาจากโรงพักได้ยังไง" เตี่ยถาม
"คุณพอลเอาเงินห้าหมื่นไปประกันตัวเฮียออกมา เฮียถูกแจ้งข้อหาเสพยา ไม่ใช่ครอบครองหรือจำหน่าย" มิ้งค์บอก
"ตอนนี้ก็รอไปขึ้นศาลน่ะครับ" พอลเสริม
"แล้วอีจะโดนโทษหนักไหม" เตี่ยถาม
"เท่าที่ผมลองค้นดูข้อมูล ตามความผิดคงต้องโดนจำคุกและปรับ แต่เวลาในการรับโทษก็ไม่นานนัก" พอลบอก
มิ้งค์มองเตี่ยที่มีสีหน้าเครียดมาก
เตี่ยเอนหลังอยู่ในบ้าน มิ้งค์เอาน้ำชาร้อนๆ มาให้เตี่ยแล้วเดินไปช่วยม๊าทำกุ้ยช่าย
"อามิ้งค์ วันนี้ลื้อจ่ายค่าหมอไปเท่าไหร่" เตี่ยถาม
มิ้งค์อึกอัก "ก็ไม่เท่าไหร่หรอกเตี่ย"
"เงินอาพอลอีกใช่ไหม" เตี่ยถาม
"เปล่านะเตี่ย มิ้งค์จ่ายด้วยเงินมิ้งค์เอง" มิ้งค์เห็นเตี่ยมองด้วยความสงสัย "เงินเดือนเดือนแรกของมิ้งค์" มิ้งค์ยิ้ม "ที่จริงมิ้งค์ตั้งใจจะเอาเงินก้อนนี้ให้เตี่ยกับม๊าเป็นค่าใช้จ่าย เอาไว้เดือนหน้า เงินเดือนออก มิ้งค์จะรีบเอาให้เลยนะ"
เตี่ยไม่ได้ยิ้มแต่ก็ปลื้มใจ "ไม่ต้องหรอก"
มิ้งค์ชะงักมองเตี่ยว่าอารมณ์ไหน
เตี่ยพูดต่อ "ลื้อเก็บไว้ใช้จ่ายเองเถอะ อั๊วกับม๊าลื้อยังทำงานไหว"
"อีกสองเดือนพอมิ้งค์ผ่านโปร มิ้งค์จะได้ขึ้นเงินเดือน อีกหน่อยเตี่ยกับม๊าก็ไม่ต้องทำงานหนักแบบนี้ มิ้งค์จะทำงานเลี้ยงเตี่ยกับม๊าเอง"
ม๊ามองมิ้งค์อย่างภาคภูมิใจ พอมองไปทางเตี่ยก็เห็นสายตาเตี่ยที่มองมิ้งค์เปลี่ยนไป เพราะดูมิ้งค์โตขึ้นไม่ใช่เด็กไม่เอาไหนอย่างที่คิดมาตลอด
"เลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนเถอะ" เตี่ยว่า
"มิ้งค์ทำได้จริงๆ นะเตี่ย เตี่ยรอดูได้เลย" มิ้งค์บอก
เตี่ยหันไปทำกุ้ยช่ายเหมือนจะไม่สนใจ แต่ความจริงก็ดีใจกับความคิดของลูกสาวมาก
ม่อเก๊าหงุดหงิดหัวเสียด้วยอาการอยากยาขณะที่เดินออกมาจากข้างใน
"ม๊า...ขอเงินหน่อย!” ม่อเก๊าพูด
"เฮียจะไปไหน!” มิ้งค์ถาม
"เรื่องของอั๊ว! ม๊า ขอเงิน"
"อย่าให้นะม๊า" มิ้งค์พูดกับม่อเก๊า "เฮียจะไปไหนไม่ได้ พรุ่งนี้เฮียต้องไปรายงานตัวที่ศาล"
ม่อเก๊าไม่สนใจจึงผลักมิ้งค์ "ถอยไป!”
มิ้งค์ไม่ยอมจึงดึงแขนม่อเก๊าไว้
"อยู่บ้านเถอะเฮีย ถ้าโดนจับอีกโทษจะหนักกว่าเดิมนะ"
ม่อเก๊าหงุดหงิดงุ่นง่านจึงพยายามสะบัดมิ้งค์ให้หลุด
"กูบอกให้ปล่อย!”
"มิ้งค์ไม่ให้เฮียออกไป!”
ม่อเก๊าโมโห "มึง!”
ม่อเก๊าจะตบมิ้งค์ มิ้งค์ตกใจ
ทันใดนั้นเตี่ยก็คว้าไม้กวาดตีมือม่อเก๊าที่จะตบมิ้งค์ทันที
ม่อเก๊าร้องลั่น "โอ้ย! เตี่ย"
"ถ้าลื้อตบน้อง อั๊วจะตีลื้อให้ตาย" เตี่ยว่า
"โว้ย!" ม่อเก๊าจะหันไปตีมิ้งค์ประชด
เตี่ยโกรธจึงฟาดไม่ยั้งจนม่อเก๊าต้องถอยหนีออกไปนอกบ้าน
ม่อเก๊าคิดว่าตัวเองยังเหนือกว่าเตี่ยเหมือนเคย "ถ้าเตี่ยไม่หยุด อั๊วจะไปไม่กลับมา"
"ไปเลย ลื้ออยากติดคุกก็ออกไปเลย ถ้าลื้อโดนจับอีก จะไม่มีใครช่วยลื้อ"
ม่อเก๊าโกรธมากจึงเดินออกไป เตี่ยมีอาการเซ มิ้งค์กับม๊ารีบเข้ามาประคอง
"เตี่ย"
มิ้งค์ประคองเตี่ยให้นั่งลง เตี่ยนิ่งเงียบน้ำตาคลอ มิ้งค์กับม๊ามองเตี่ยด้วยความสงสาร
พอลมองแพทด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
"ให้ผมเป็นGuest ไม่ดีมั้งครับ ผมว่าคุณพีทคงไม่ยอม" พอลบอก
"คุณพิธานอนุมัติแล้วค่ะ" แพทว่า
พอลมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
กีรติพูดต่อ "ผมยืนยันได้ครับ คอนเซ็ปท์ทุกอย่างผ่านหมดแล้ว เหลือแต่คุณตอบตกลงเท่านั้น"
"ถ้าคุณพอลตกลง มันจะเป็นผลดีมาก เพราะงานนี้จะต้องวางธีมของเล่มให้เหมาะกับเชฟเบเกอรี่ มันจะสนุกเวลาได้เปลี่ยนลุคของหนังสือไปตามธีมของGuest น่ะค่ะ โอเคนะคะ" แพทบอก
พอลยอมรับ "ก็ได้ครับ"
พอลหยิบถาดขนมเดินออกไปด้านนอก แพทหันมาเจอกีรติที่นั่งหน้านิ่งๆ บรรยากาศในห้องครัวเงียบไปชั่วขณะ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมกลับก่อนนะ" กีรติบอก
"เดี๋ยวสิคุณ" แพททัก
กีรติหันมาว่ามีอะไร
"เอ่อ...กินเค้กก่อนไหม แล้วค่อยกลับ" แพทชวน
"ผมไม่อยากกิน" กีรติจะเดินไป
แพทพูดออกมา "ฉันขอโทษ!”
กีรติแค่ชะงักแต่ไม่หันมา
"ฉันรู้ว่าฉันปากเสียที่คิดว่าคุณกลัวคุณพิธาน ฉันขอโทษ" แพทพูด
กีรตินิ่งจนแพทอึดอัดต้องเดินมาตรงหน้า
"คุณได้ยินหรือเปล่า ฉันบอกว่าฉันขอโทษ!”
"ได้ยิน....แล้วยังไง"
"ก็...หายโกรธได้หรือยัง"
"ผมจะหายโกรธก็ต่อเมื่อ คุณสัญญาว่าจะไม่ใช้แต่อารมณ์อีก"
"คุณว่าฉันไร้เหตุผลเหรอ"
"เจ้าอารมณ์ต่างหาก เอะอะก็ลุย มันดูไม่ใช้ความคิด ไม่มีสติ"
"คุณ! ...." แล้วแพทก็ได้สติ "จริงของคุณ"
"เอ้า...เข้าใจง่ายไปไหม"
"ไอ้ลันมันก็เตือนฉันบ่อยๆ แต่ไม่ค่อยฟัง" แพทบอก
"แล้วทำไมคราวนี้ยอมฟังผมล่ะ"
แพทอึ้ง กีรติมองยิ้มๆ แพททำหน้าไม่ถูก
"ก็คุณช่วยฉันตั้งหลายอย่าง" แพทเปลี่ยนเรื่อง "นี่ฉันยังไม่ได้ขอบคุณที่คุณใส่ชื่อฉันในคู่มือท่องเที่ยวเลย ขอบคุณนะ"
กีรติมองแพทพร้อมกับยิ้ม แพทโดนมองมากก็เขินจึงเปลี่ยนเรื่อง
"ฉันอยากกินกาแฟ เดี๋ยวไปสั่งก่อนนะ"
"หนีเก่งนะ สักวันจะไม่ให้หนี"
แพทชะงักแล้วยิ้มเขินๆ ก่อนจะรีบเดินออกไป กีรติมองตามยิ้มๆ
ลันตาเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงกับข้าวเพื่อเตรียมอาหารเย็นรอรับสิปาดัน เสียงมือถือลันตาดัง ลันตามองเห็นว่าสิปาดันโทรมาจึงรีบรับ
"ออกจากสนามบินหรือยัง" ลันตาถาม
สิปาดันเดินพลางคุยโทรศัพท์
"กำลังจะขึ้นรถแล้ว แกจะเอาอะไรไหม ฉันจะได้ซื้อเข้าไปทีเดียวเลย" สิปาดันถาม
"เอาตัวแกกลับมาเร็วๆ ก็พอ เพราะตอนนี้มีน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด แกงจืดฟักรอแกอยู่" ลันตาบอก
"ทำเองหรือซื้อ?”
"ระดับนี้ต้องทำเองอยู่แล้ว รีบกลับมาเลย"
สิปาดันยิ้ม "ไม่เกินครึ่งชั่วโมง"
สิปาดันกดวางสาย
ลันตายิ้มๆ แล้วกำลังจะหยิบของออกมาเตรียมทำ แต่เสียงมือถือลันตาก็ดังขึ้นอีก ลันตามองด้วยสีหน้าเครียด
ลันตาตัดสินใจกดรับ "เธอต้องการอะไร"
"ฉันส่งสามีคืนให้เธอแล้วนะ เป็นหนึ่งคืนในญี่ปุ่นที่เหนื่อยมาก แต่สิปาเขาก็ยังมีแรงเหลือสำหรับเธอนะ"
ลันตารู้สึกเจ็บแต่ก็พยายามตั้งสติ "ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์ช่วยแก้ขัดให้ เธอไม่คิดมากแบบนี้ฉันก็สบายใจ"
มะนาวโกรธแต่พยายามปรับอารมณ์ให้เร็วที่สุด "ดีจังที่เธอไม่ใช่คนขี้หวง ฉันกับสิปาจะได้สบายๆ ไม่อึดอัด ทำอะไรเปิดเผยได้มากกว่านี้"
"ก็เอาสิ ถ้าเธอคิดว่าสิปาจะยอมเล่นด้วย"
"คิดว่าฉันมโนไปเองใช่ไหม"
"ใช่... ทุกรูปกับทุกคำพูดของเธอ มันมีแค่เธอคนเดียวที่พูดเอง เออเอง ไม่มีสักครั้งที่เธอจะถ่ายคู่กับสิปา เพราะว่าสิปาไม่รู้ว่าเธอกำลังทำเรื่องเลวๆ ลับหลังเขาอยู่"
"คงมั่นใจสินะว่าสิปาจะซื่อสัตย์กับเธอจริง ๆ เอาแค่ง่ายๆ ถ้าสิปาบริสุทธิ์ใจเขาต้องเล่าให้เธอฟังว่าฉันกับเขาบินด้วยกัน แต่ถ้าไม่...คงรู้นะว่าทำไม"
มะนาววางสายก่อนที่ลันตาจะได้ตอบโต้ ลันตาคิดหนักกับคำพูดของมะนาว
มิ้งค์ ม๊า และเตี่ยกำลังเร่งมือทำขนม โมกลับเข้ามาในบ้าน โยนกระเป๋าแล้วจะออกไป
เตี่ยทัก "อาโม ลื้อจะไปไหน"
"เล่นเกม เดี๋ยวก็กลับแล้วเตี่ย" โมจะเดินออกไป
"ไม่ต้องไป มาช่วยกันห่อกุ้ยช่าย" เตี่ยสั่ง
"โมไม่เคยทำ ไม่ทำอ่ะ"
"ก็มาหัดจะได้ทำเป็น" เตี่ยบอก
"อะไรอ่ะเตี่ย มันไม่ใช่หน้าที่โมซะหน่อย" โมจะเดินออกไป
เตี่ยเสียงดัง "อั๊วสั่งให้ทำ"
เตี่ยเสียงดังจนทุกคนชะงัก โมมองอย่างแปลกใจ
"ต่อไปนี้ลื้อต้องช่วยงานม๊ากับเจ้ลื้อ ทั้งงานบ้าน ทำกุ้ยช่าย" เตี่ยบอก
"ก็เตี่ยบอกโมเอง งานแบบนี้พวกผู้หญิงต้องเป็นคนทำ โมไม่ทำ!”
เตี่ยตีโมจนโมสะดุ้ง
"ผู้หญิงสองคนนั้นน่ะเป็นม๊ากับอาเจ้ลื้อ ลื้อต้องช่วย" เตี่ยบอก
"ก็โมไม่อยากทำ!”
เตี่ยมองเหมือนจะถามว่าไม่อยากทำใช่ไหมแล้วก็คว้าไม้ตีโม โมร้องลั่นแล้วก็ต้องรีบไปนั่งช่วยทำ
"อยากมีเงินใช้ก็ต้องทำงาน จำไว้!” เตี่ยบอก
ม๊ากับมิ้งค์มองเตี่ยด้วยความแปลกใจ ทั้งสองมองเตี่ยที่คุมให้โมหัดห่อกุ้ยช่าย มิ้งค์ยิ้มนิด ๆ กับการที่เตี่ยไม่ลำเอียง พอลเข้ามาพร้อมกับถุงขนมที่ร้านและผลไม้
"สวัสดีครับ ผมเอาขนมกับผลไม้มาฝาก"
มิ้งค์มารับของจากพอล เตี่ยกับม๊ายิ้มๆ และดูเป็นมิตรกับพอลมากขึ้น ส่วนโมนั่งหน้าหงิกไม่สนใจพอลนัก
"พรุ่งนี้คุณม่อเก๊าต้องไปขึ้นศาลตอน 9 โมงนะครับ" พอลบอก
เตี่ย ม๊า และมิ้งค์มีสีหน้าเครียดจนพอลรู้สึกได้
พอลถามมิ้งค์ "มีอะไรหรือเปล่า"
"เฮียออกไปตั้งแต่สาย ๆ ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย" มิ้งค์บอก
"แล้วเขาจะกลับมาไหม" พอลเห็นมิ้งค์หน้าเสีย "ถ้าไม่ไปศาลพรุ่งนี้ ผมว่ามันจะไปกันใหญ่"
"เดี๋ยวอั๊วไปตามอีกลับมา" เตี่ยบอก
"ผมไปตามเองดีกว่าครับ เตี่ยไม่สบายอยู่" พอลถามมิ้งค์ "คุณรู้ไหมว่าตามได้ที่ไหน"
"ฉันพาไปเอง" มิ้งค์บอก
พอลกับมิ้งค์เดินออกไป เตี่ยกับม๊ามองตามอย่างไม่สบายใจ
สิปาดันเข้ามาในห้อง ลันตากำลังยืนอยู่ที่เตาเพื่อดูแกงจืด
"ลัน ฉันกลับมาแล้ว"
สิปาดันมองบนโต๊ะก็เห็นน้ำพริกกะปิ ผักสด กับปลาทูทอดที่เตรียมบนโต๊ะ
"น่ากินมาก แต่มันจะอร่อยไหม"
สิปาดันไม่ได้ยินการตอบโต้จากลันตาแถมเห็นลันตาเหม่อลอย
"ลัน...”
สิปาดันมองที่หม้อแกงจืดเดือดพล่าน
สิปาดันเรียกอีก "ลัน!”
ลันตาได้สติก็รีบปิดเตาแล้วหยิบผ้ามาเช็ดน้ำที่ล้น สิปาดันเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
"แกเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอ" สิปาดันถาม
"มันเพลียๆ นิดหน่อย มันนอนไม่หลับ" ลันตาบอก
"งั้นแกไปนั่งเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง"
"เดี๋ยวฉันตักข้าวนะ"
ลันตาเดินไปที่ตักข้าว สิปาดันมองตามอย่างสงสัยว่าลันตาเป็นอะไร
สิปาดันกับลันตานั่งที่โต๊ะอาหาร สิปาดันตักน้ำพริกมากิน เพียงคำแรกที่เข้าปากสิปาดันถึงกับชะงักไป
"แกทำน้ำปลาหกเหรอลัน"
ลันตามองสิปาดันแล้วตักน้ำพริกมาชิม
"อื้อหือ...ฉันพลาดไปหน่อย เดี๋ยวฉันทำให้ใหม่" ลันตาบอก
"ไม่เป็นไรกินแกงจืดกับปลาทูก็ได้ เดี๋ยวฉันแกะปลาทูให้"
สิปาดันแกะปลาทูให้กับลันตา ลันตามองสิปาดัน
เสียงมะนาวดังก้องในหัว "ถ้าสิปาบริสุทธิ์ใจเขาต้องเล่าให้เธอฟังว่าฉันกับเขาบินด้วยกัน แต่ถ้าไม่...คงรู้นะว่าทำไม"
ลันตาคิดแล้วทำเนียนถาม "แกบินไปญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้าง"
"อากาศดีนะ ตอนนี้ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี...สวยมาก ที่จริงถ้าแกลางานได้ ฉันอยากพาแกไปเที่ยวนะลัน ไปสักสี่ห้าวันกำลังดี แช่ออนเซ็นด้วย"
"แล้วเรื่องงานล่ะ"
"ก็ปกตินี่ สภาพอากาศดี ทุกอย่างก็ปกติ...ทำไมอยู่ๆ ก็ถาม...”
"ก็...คิดว่าจะมีเรื่องอื่นที่มันไม่ปกติ"
"อืม...มีเหมือนกันนะ"
ลันตามองว่าสิปาจะพูดอะไร
"ที่จริงฉันไม่อยากพูดให้แกฟัง เดี๋ยวแกจะไม่สบายใจ" สิปาดันบอก
"พูดมาเถอะ ฉันรับได้"
"ฉันไปทำงานคราวนี้ ไม่ค่อยมีสมาธิเพราะ....คิดถึงแก" สิปาดันยิ้มขำ
ลันตาหน้านิ่งมากเพราะผิดหวัง
"ซีเรียสทำไม ฉันล้อเล่น...”
ลันตายิ้มไม่ออก เธอมองสิปาดันด้วยความผิดหวัง
เอื้องคำหัวเราะสะใจ
"ดี!....นังลันตามันจะต้องทุรนทุราย ระแวงไอ้สิปา ถ้าเป็นอย่างที่คิด พวกมันก็จะไม่มีความสุขอีกเลย"
"แล้วถ้าลันตาอดทนได้มากกว่าที่เราคิดล่ะคะ" มะนาวถาม
เอื้องคำรีบบอก "ไม่มีทาง"
มะนาวแย้ง "แต่ตอนที่เป็นเพื่อน...สิปาจะทำอะไร นาวไม่เห็นว่าลันจะสนใจ ปล่อยซะด้วยซ้ำ"
"แต่ไม่ใช่ตอนที่เป็นเมียแล้วแน่นอน เพื่อนต่อให้รักกันแค่ไหนก็ชีวิตใครชีวิตมัน แต่การเป็นสามีภรรยา มันคือความรู้สึกที่เป็นเจ้าของกันและกันความหวง หึง ระแวง ผิดหวัง จะทำให้ชีวิตคู่ของพวกมันต้องพัง"
มะนาวมองเอื้องคำอย่างมีความหวังที่จะเห็นชีวิตคู่ของสิปาดันกับลันตาล่มสลาย
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 14 (ต่อ)
ลันตาที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วนั่งอ่านงานเขียนจากแท็ปเล็ตพลางมองไปยังห้องน้ำอย่างรอคอย สิปาดันอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแล้วขยับขึ้นมานั่งบนเตียง
"ยังทำงานต่ออีกเหรอ" สิปาดันถาม
"รับงานสองจ็อบก็หนักหน่อย แต่แพทก็มาช่วยแบ่งงานไปได้เยอะ สิปา...วันนี้ฉันเจอคุณพิธานด้วยนะ"
"แล้วมันยังตื้อแกไหม"
"ไม่แล้วล่ะ...”
"ถ้ามันมากวนใจแกบอกฉัน ฉันจะไปจัดการมัน"
ลันตาตอบสั้นๆ "อืม....”
ลันตามองสิปาดันว่าจะเล่าเรื่องมะนาวไหม สิปาดันไม่ได้คิดว่าเรื่องของมะนาวจะมีความสำคัญอะไรก็เลยไม่ได้นึกถึง
"ฉันเล่าเรื่องคุณพิธานก็อยากให้แกสบายใจว่าฉันไม่ได้ปิดบังแก" ลันตาพูด
"แกน่ารักที่สุดเลยลัน" สิปาดันหอมแล้วก็หยิบแท็ปเล็ตออกไป "ถึงเวลานอนแล้ว"
สิปาดันจับตัวลันตาให้ขยับลงนอน เขาปิดไฟแล้วนอนกอดลันตาด้วยความรัก ลันตายังลืมตาในความมืดก่อนจะเหลือบมองสิปาดันด้วยสายตาระแวงและไม่มั่นใจ
พอลกับมิ้งค์ตามหาม่อเก๊าในกลุ่มเด็กแว๊นซ์บ้าง ตามบ้านที่ดูเป็นแหล่งมั่วสุมบ้างแต่ก็ไม่เจอ พอลกับมิ้งค์ร้อนใจเพราะกลัวจะเกิดเรื่อง พอลกับมิ้งค์เดินผ่านซอยเปลี่ยวก็มีเสียงดังโวยวายมาจากในซอย
"เอาเงินกูคืนมา!”
พอลกับมิ้งค์หันไปเห็นกลุ่มเด็กผู้ชาย 3 คนกำลังรุมกระทืบม่อเก๊าอยู่
มิ้งค์ตกใจ "เฮีย!”
"คุณรออยู่นี่ ผมจัดการเอง"
พอลรีบวิ่งตาม เขาวิ่งเข้าไปในซอยพอเข้าไปในกลุ่มก็เกิดการตะลุมบอนกันเล็กน้อย มิ้งค์เห็นท่าไม่ดีตัดสินใจตะโกน
"ตำรวจคะ ทางนี้ค่ะ ทางนี้! ตำรวจมา!”
กลุ่มเด็กค้ายาตกใจจึงวิ่งหนีไปทางท้ายซอย มิ้งค์เข้าไปช่วยพอลประคองม่อเก๊าที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม
พอลประคองม่อเก๊าที่อยู่ในสภาพเจ็บช้ำเข้ามาในบ้าน ม๊าตกใจจึงรีบเข้าไปหา
"อาม่อเก๊า"
"มันไปโดนอะไรมา" เตี่ยถาม
"จี้เอาเงินครับ" พอลบอก
เตี่ยกับม๊ามองหน้าพอลที่มีรอยช้ำนิดหน่อยที่บริเวณมุมปาก
"ปากลื้อ...” เตี่ยสังเกตเห็น
"พลาดนิดหน่อยครับ" พอลบอก
"อามิ้งค์ ไปเอายามาทาให้อาพอลสิ" เตี่ยสั่ง
มิ้งค์รีบไปหยิบยามา เตี่ยกับม๊าทายาให้ม่อเก๊า ส่วนมิ้งค์ทายาให้พอล
เวลาผ่านไป มิ้งค์เดินออกมาส่งพอลที่หน้าบ้าน
"พรุ่งนี้ผมจะมาสักแปดโมง" พอลบอก
"หวังว่าเฮียจะไม่ก่อเรื่องอีก" มิ้งค์ว่า
"โดนไปหลายขนาน ลุกมายืนยังไม่ไหวเลยคุณ" พอลวางมือบนหัวมิ้งค์อย่างปลอบใจ "ไม่ต้องเครียด"
เสียงเตี่ยเรียก "อาพอล...”
พอลกับมิ้งค์หันไปเห็นเตี่ยที่เดินออกมา พอลรีบชักมือออกจากหัวของมิ้งค์
"ผม...ไม่ได้...”
เตี่ยพูด "ขอบใจนะ"
พอลกับมิ้งค์ชะงักมองเตี่ย เตี่ยยิ้มแล้วเดินกลับเข้าบ้าน
พอลพูดกับมิ้งค์ "เมื่อกี้เตี่ยคุณขอบใจผม?”
มิ้งค์ดึงแก้มพอลแรงๆ "คุณไม่ได้ฝัน"
"โอ้ย...ชอบความรุนแรงหรือเราน่ะ เอะอะก็ลงไม้ลงมือ" พอลว่า
มิ้งค์จับมือพอล "ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณมาก"
พอลยิ้ม
"ผมทำอะไรก็ได้ เพื่อให้คุณจับมือผมไว้แบบนี้ ยิ้มแบบนี้ตลอดไป...”
มิ้งค์เขิน พอลยิ้ม บรรยากาศโดยรอบอยู่ในช่วงเวลาแสนอบอุ่น
เช้าวันใหม่ แพทเดินมาตามทางเดินในสวนสาธารณะ ในมือของเธอถือขวดน้ำเปล่าขนาดกลางมาด้วย เสียงมือถือดัง แพทมองแล้วกดรับ
"ว่าไงสิปา"
สิปาดันเดินอยู่ในบ้านอย่างกระวนกระวาย
"แกอยู่กับลันหรือเปล่า ฉันตื่นมาแล้วไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับ ดูแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แกช่วยดูลันให้ทีว่าเขาเป็นอะไร ฉันเป็นห่วง"
"อืม"
แพทเดินมาจนเห็นลันตาที่กำลังออกกำลังอยู่กับเครื่องอย่างดุเดือด
แพทเรียก "ไอ้ลัน.....”
ลันตาหยุดออกกำลัง "น้ำล่ะ"
แพทโยนขวดน้ำให้ลันตา ลันตาเปิดดื่ม แพทมองลันตาด้วยความเป็นห่วง
"หนีสามีมาออกกำลัง ระบายความเครียดใช่ไหม ทำไม มะนาวมันทำอะไรอีก"
ลันตามีสีหน้าเครียด
พอลเดินนำออกมาจากบ้านพร้อมกับม่อเก๊าที่ยังเดินไม่ค่อยคล่องนักเพราะยังปวดเนื้อตัวจากการโดนรุมอัดเมื่อวาน มิ้งค์วิ่งตามออกมา
"ฉันไปด้วย"
"คุณไปทำงานเถอะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง" พอลบอก
"แต่ฉันว่ามันรบกวนคุณมากเกินไป"
"เดี๋ยวอั๊วจะไปกับอาพอลเอง" เตี่ยบอก
เตี่ยที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินออกมา ม๊าเดินตามออกมา
"ลื้อแน่ใจว่าไหวนะเฮีย"
"ไหวสิ"
"ม๊าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลเตี่ยกับคุณม่อเก๊าให้เอง" พอลพูดกับมิ้งค์ "คุณไปทำงานเถอะ ขาดงานบ่อยๆ มันไม่ดี"
เตี่ยเห็นมิ้งค์ยังลังเล "เชื่อที่อาพอลอีบอกเถอะน่า เตี่ยไปด้วยอีกคนก็พอแล้ว"
มิ้งค์จำใจ "ค่ะ" มิ้งค์พูดกับพอล "ผลเป็นยังไงโทรบอกด้วยนะ"
แพทมองลันตาอย่างไม่เห็นด้วยนัก
"ทำไมแกต้องลีลา อ้อมไปอ้อมมาว่ะ เล่าเรื่องพิธานเพื่อให้สิปาเล่าเรื่องมะนาว แค่แกถามว่ามะนาวไปบินด้วยไหมก็จบ" แพทบอก
"ฉันกลัวสิปาจะคิดว่าฉันจุกจิก ระแวง ฉันก็เลยไม่ถาม" ลันตาว่า
"กลัวสามีรำคาญว่างั้น แต่ตอนนี้ฉันว่าที่แกทำมันโคตรระแวงโลกเลยว่ะ กลัวทุกสิ่ง นอยด์ทุกอย่าง ไอ้ลัน แกมานั่งคิดเองเออเอง ปะติดปะต่อทำตัวเป็นนักสืบ นักวิเคราะห์ ถ้าเกิดว่าความจริงแล้วมะนาวมันโกหกทั้งหมดล่ะ จากเมียนี่เป็นหมาเลยนะแก"
"แต่รูปพวกนั้น"
"รูปน่ะจะตัดแต่งต่อเติมยังไงก็ได้ ถ้าถามฉัน ฉันเชื่อสิปา เพราะฉันเห็นความรักที่มันมีกับแกมาตลอด บอกเลยว่ามะนาวไม่ได้มีความหมาย"
"ฉันก็เคยเห็นเวลาที่สิปาไปยุ่งกับสาว ๆ"
"เฮ้อ...จะรักกันก็ยาก รักกันแล้วยังวุ่นวาย แบบนี้ฉันถึงไม่อยากมีแฟนแกต้องเลือกแล้วล่ะลันว่าจะเคลียร์ให้มันจบ หรือจะเก็บอมเป็นนางเอกระทมทุกข์อยู่แบบนี้"
ลันตาสับสนไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี
มิ้งค์พูดด้วยสีหน้าดีใจมาก
"ให้มิ้งค์ดูเรื่องดีลเสื้อผ้าทั้งหมดเหรอคะ"
"ใช่ เสื้อผ้าของทั้งสองเล่ม มิ้งค์ต้องเป็นคนจัดการติดต่อ รับและส่งคืนทั้งหมด" รัชนีบอก
"แต่มิ้งค์เป็นผู้ช่วยพี่ลัน"
"ลันเป็นคนเสนอให้โยกมิ้งค์มาทำเอง อยากทำแฟชั่นไม่ใช่เหรอ จะก้าวหน้าก็ให้มันตรงสายงานไปเลยดีกว่าไหม?”
มิ้งค์ตื่นเต้นกับคำพูดของรัชนี
รัชนีพูดต่อ "ถ้าผ่านงานเซ็ทแฟชั่นของคุณกาญจนา พี่จะบรรจุมิ้งค์เป็นพนักงานเต็มตัว รับเงินเดือนเต็มสักที"
มิ้งค์ดีใจ "ขอบคุณค่ะพี่นี"
"เพชรคงรอคุยงานกับมิ้งค์อยู่ เห็นว่าวันนี้ต้องไปรับชุดที่จะถ่ายเซ็ทแฟชั่นของคุณกาญจนา"
"ค่ะพี่"
"ทำงานให้ดี อย่าให้เสียโอกาส"
มิ้งค์ไหว้ขอบคุณแล้วรีบเดินออกไป พิธานยืนมองจากมุมหนึ่งด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
มาลัยกำลังเดินดูต้นไม้ที่ปลูกไว้ ส่วนอังก็รดน้ำต้นไม้ ลันตาเปิดประตูเข้ามา
"คุณพี่ขา ยัยลันมาค่ะ"
มาลัยกับอังเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ
"ยัยลัน...”
ลันตาเข้าไปกอดมาลัย
"ดีนะยังจำได้ว่ามีหัวหงอกรออยู่อีกสองคน หายหน้าไปเลยนะเรา"
"ก็ดีแล้วนี่คะคุณพี่" อังว่า
มาลัยมองว่าดียังไง
"ก็แสดงว่าชีวิตคู่ของหลานน่ะมีความสุขมากไงคะ ดีแล้วลูก"
อังลูบแขนลันตาด้วยความคิดถึง
ลันตาฟังคำพูดอังจบก็น้ำตาร่วง
มาลัยกับอังตกใจว่าลันตาเป็นอะไร
"ยัยลัน...แกร้องไห้ทำไม"
"คุณย่า....”
ลันตาร้องไห้แล้วสวมกอดย่ามาลัยเพราะต้องการที่พึ่งทางใจ มาลัยกับอังมองหน้ากันว่าเกิดอะไรขึ้น
เอื้องคำเดินออกมาหน้าบ้านมองเจ้าหนี้กับลูกน้องที่มาเพื่อข่มขู่
"ผมมาเตือนว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนด คุณนายคงไม่ลืม" เจ้าหนี้บอก
"เสียใจด้วยนะ แกมาทวงผิดคนแล้ว" เอื้องคำว่า
"หมายความว่ายังไง"
"ลูกหนี้ของแกมันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว"
"คุณนายคิดจะตุกติกงั้นเหรอ"
"ฉันไม่รู้ว่ามันหนีไปตอนไหน ตอนนี้คนที่จะรู้ว่ามันอยู่ไหนก็มีแต่หลานสาวฉันเท่านั้น"
"คิดว่าพูดแค่นี้ก็จะจบเรื่องงั้นเหรอ"
"ยังหรอก ที่แกต้องรู้คือฉันไม่มีเงินให้แก แล้วก็ไม่รู้ว่าลูกหนี้แกมันอยู่ที่ไหน"
เอื้องคำมองเจ้าหนี้นิ่งแบบยืนยันตามนั้น เจ้าหนี้อึ้งๆ แต่ก็ยังไม่ยอม เจ้าหนี้รู้ว่าพูดกับเอื้องคำไปก็เท่านั้นจึงเดินออกไป เอื้องคำยิ้มร้าย
สิปาดันพยายามโทรติดต่อลันตาแต่ลันตาไม่ยอมรับสาย สิปาดันเริ่มเครียด เขาจะเดินออกไป แต่มะนาวกลับเดินเข้ามาขวางไว้
"นาว...มีอะไรหรือเปล่า"
มะนาวมีท่าทางร้อนใจ "นาวมีเรื่องให้สิปาช่วยน่ะคะ"
สิปาดันสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไร
มะนาวมีสีหน้าเครียดมาก สิปาดันมองอึ้งๆ
"หนี้พนัน..ห้าล้านเหรอ"
"พ่อติดการพนัน แล้วก็มักจะก่อหนี้จนต้องเดือดร้อนป้าเอื้องคำบ่อย ๆ" มะนาวบอก
"แล้วเงินที่ได้ไปจากย่านวลล่ะ...อย่าบอกนะว่า"
"ไม่เหลือแล้วค่ะ ทุกครั้งที่ได้เงินมาจะต้องหมดไปกับหนี้การพนันของพ่อ ทุกวันนี้ เงินค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด นาวเป็นคนรับผิดชอบ ครั้งนี้พวกเจ้าหนี้บ่อนจะเอาถึงตาย นาวเป็นห่วงพ่อ...สิปาให้นาวกู้เงินได้ไหมคะนาวจะพยายามหาเงินมาใช้หนี้ให้เร็วที่สุด นาวสัญญา"
สิปาดันไม่แน่ใจในสิ่งที่มะนาวพูดนัก
"เรื่องนี้ผมต้องปรึกษาพ่อกับย่านวลก่อน"
"ได้ค่ะ ตอนนี้สิปาเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยชีวิตพ่อได้"
สิปาดันมีสีหน้าลำบากใจ
มะนาวเดินนำสิปาดันออกมาจากร้านกาแฟ
"นาวต้องรบกวนสิปาด้วยนะคะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเดดไลน์แล้ว"
เจ้าหนี้กับลูกน้องเดินเข้ามา มะนาวชะงัก สิปาดันก็พลอยชะงักไปด้วย
"พ่อของเธออยู่ไหน" เจ้าหนี้ถาม
"ฉันไม่รู้" มะนาวตอบ
"คิดว่าฉันตามพ่อเธอไม่เจอแล้วจะจบ? งั้นฉันกับเธอคงต้องคุยกันแบบตัวต่อตัว"
ลูกน้องจะเข้ามาจับตัวมะนาว แต่สิปาดันเข้ามาขวาง
"อย่ายุ่งกับผู้หญิง!” สิปาดันบอก
"ไม่ใช่เรื่องของแกอย่าแส่!”
ลูกน้องจะเดินเข้าไปหาสิปาดันที่ยืนกันระหว่างมะนาวกับเจ้าหนี้แล้วก็จะเข้าไปเล่นงาน ทันใดนั้นตำรวจสองนายก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา
"คุณตำรวจ!” มะนาวส่งเสียงเรียก
พวกเจ้าหนี้ชะงัก ตำรวจมองมาด้วยความสงสัย
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ"
"ทักคนผิดน่ะครับ" เจ้าหนี้บอก
เจ้าหนี้กับลูกน้องมองแบบฝากไว้ก่อนแล้วทั้งหมดก็พากันออกไป
"ขอบคุณนะคะสิปา"
"พวกเจ้าหนี้ใช่ไหม" สิปาดันถาม
มะนาวพยักหน้ารับคำ สิปาดันมองตามพวกเจ้าหนี้อย่างไม่สบายใจก่อนจะมองมะนาวด้วยความเห็นใจ
มาลัยเปิดดูภาพในไอจีของมะนาว อังมองลันตาที่ดูหน้าหมองๆ ด้วยความเห็นใจ
"ผู้หญิงพวกนี้มันร้ายจริงๆ คิดเอาแต่ได้" อังว่า "บาปกรรมที่สุด ผู้ชายก็แย่ ไม่พูดไม่บอกแบบนี้มันต้องไม่บริสุทธิ์ใจจริงๆ นะคะคุณพี่"
"แม่อัง!” มาลัยปราม
"น้องเจ็บแทนหลานนี่คะ"
มาลัยถามลันตา "แล้วแกจะทำยังไงต่อ"
"ลันไม่รู้จริง ๆค่ะคุณย่า ลัน" ลันตาน้ำตาร่วง
"ย่าถามหน่อยนะ ว่าลันเชื่อใคระหว่างมือที่สามกับสามีตัวเอง"
"ลันเชื่อใจสิปา แต่เขาน่าจะพูดถ้าเขาบริสุทธิ์ใจ" ลันตาบอก
"ลันไม่ได้เชื่อสามีอย่างที่ปากลันพูด เพราะตอนนี้ที่ลันพูดด้วยอารมณ์น้อยใจ เสียใจ เป็นผลมาจากคำพูดของมะนาวทั้งนั้น สิปายังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเลย"
"ลันไม่กล้าถามค่ะ ลัน...”
"ลันถามได้นะลูก แต่ต้องมั่นใจว่าถามโดยไม่ใช้อารมณ์เป็นตัวนำ ถ้าลันถามเพราะอยากรู้ความจริง ถามเพราะเชื่อในตัวคนของเรา ลันจะเป็นคนมีเหตุผลในสายตาสามี แต่ถ้าลันถามด้วยอารมณ์ ทุกคำถามของลันจะกลายเป็นไฟที่ผลาญความรู้สึกดีๆ ที่สิปามีต่อลันทันที คุณทวดเคยสอนย่าว่าจะให้ครอบครัวสงบสุขต้อง ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า" มาลัยสอน
"ยังไงคะย่า"
"เรื่องขัดแย้งในบ้านอย่าไปพูดให้คนนอกบ้านฟัง มันจะเป็นการประจาน ส่วนเรื่องจากภายนอกถ้าเราไม่แน่ใจแต่รู้ว่าพูดแล้วจะทำให้ครอบครัวแตกแยกก็ควรจะปล่อยมันผ่านไป เพื่อให้ครอบครัวสงบสุข"
"แต่มันก็เป็นไปได้นี่คะย่า สิปาเคยเจ้าชู้ มะนาวเองก็เป็นแฟนเก่า"
"ระแวง คิดซ้ำ ๆ แต่เรื่องอดีต ถ้าลันไม่มองปัจจุบัน แล้วจะเดินหน้าไปอนาคตได้ยังไง ย่าไม่ได้ให้ลันเชื่อคำพูดของใครแม้แต่สิปา แต่ขอให้ดูการกระทำจริง ๆ จากตัวสิปา ไม่ใช่สิ่งที่ลันฟังหรือคิดเอาเอง เข้าใจไหม"
"เข้าใจค่ะ ลันจะพยายามไม่ใช้อารมณ์ค่ะ" ลันตารับทั้งที่ไม่แน่ใจนัก
มาลัยกับอังมองลันตาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าลันตาจะทำได้ เพราะทั้งสองเห็นสีหน้าลันตายังเครียดไม่ผ่อนคลายลงเลย
พนักงานส่งชุดเดรสสั้นหรูที่อยู่ในแพ็คให้กับมิ้งค์
"รบกวนเซ็นรับเสื้อด้วยนะคะ" พนักงานพูด
"ที่คุณเพชรดีลไว้มันเป็นอีกแบบนี่คะ" มิ้งค์บอก
"ทางคุณเพชรเพิ่งโทรมาขอเปลี่ยนแบบน่ะค่ะ"
มิ้งค์อ่านก่อนเซ็นด้วยอาการตกใจนิดๆ "ชุดนี้เจ็ดหมื่น...”
มิ้งค์มองชุดอย่างหวั่นๆ ที่ต้องดูแลรักษาของแพงแบบนี้
มิ้งค์เดินคุยมือถือออกมาจากร้าน
"รับชุดมาแล้วค่ะพี่ เกร็งเลย ชุดแพงมาก เดี๋ยวมิ้งค์นั่งแท็กซี่ไปเลยค่ะ อยู่ในมือมิ้งค์นานๆ แล้วหวาดเสียว"
มิ้งค์เดินมาที่ริมถนนเพื่อจะรอเรียกรถแท็กซี่ เสียงมือถือดังขึ้น มิ้งค์เห็นว่าพอลโทรมาก็รีบรับสาย
"เป็นยังไงบ้างคุณ"
พอลคุยมือถือ ม๊ากับเตี่ยนั่งมองม่อเก๊าที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยความรู้สึกโล่งใจประมาณหนึ่ง
"เฮียคุณโดนตัดสินแค่เรื่องเสพยา เพราะไม่เคยทำความผิดมาก่อน ก็ต้องเข้ารับการบำบัดแล้วก็รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ ถ้าความประพฤติดีกลับตัวได้ก็คงไม่มีปัญหา" พอลเล่า
มิ้งค์ดีใจ "หมายความว่าไม่ติดคุกใช่ไหม"
"อืม...”
“ขอบคุณมากนะคุณ" มิ้งค์จะร้องไห้
"นี่ร้องไห้อยู่หรือเปล่าเนี่ย" พอลถาม
"นิดหน่อย ก็มันดีใจนี่ ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงแย่ ฉันขอบคุณจริงๆ นะ"
"หยุดร้องเลยเตี้ย ฮึบเดี๋ยวนี้ ฮึบ ผมไม่ชอบให้คุณร้องไห้เข้าใจไหม"
มิ้งค์ยิ้ม
จังหวะที่มิ้งค์กำลังปาดน้ำตา จู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์แล่นมาแล้วคว้าชุดในมือมิ้งค์ไปทำให้มิ้งค์ที่ไม่ระวังตัวล้มลง
มิ้งค์ร้อง "โอ้ย!”
มิ้งค์ตั้งสติได้ก็เห็นว่าชุดถูกมอเตอร์ไซค์ที่กระชากไปแล้ว
"เอาชุดฉันคืนมา! ช่วยด้วยค่ะ"
มิ้งค์รีบวิ่งตามไป
"เอาชุดคืนมา!”
พอลตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
"มิ้งค์เป็นอะไร มิ้งค์!”
มาลัยเลื่อนสละลอยแก้วไปตรงหน้าลันตา
"กินซะ ของเย็นจะได้ช่วยให้ใจมันเย็นบ้าง"
ลันตามองแบบขอบคุณแล้วตักกิน อังเอาแคนตาลูปที่ปอกให้อย่างดีเข้ามา
"แคนตาลูปหวานๆ จ้ะ"
"ขอบคุณนะคะ"
"อย่ามาทำหน้าวิญญาณล่องลอยแบบนี้ ย่าไม่ชอบ อุปสรรค์มีไว้ฝ่าฟัน ปัญหามีไว้แก้ไข เข้าใจไหม" มาลัยถาม
"ค่ะย่า..”
เสียงมือถือลันตาดัง ลันตากดรับสาย
"ว่าไงมิ้งค์" ลันตาตกใจ "ร้องไห้ทำไมมิ้งค์ ใจเย็น ๆ บอกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วตอนนี้มิ้งค์อยู่ไหน" ลันตาฟัง "พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้"
อังกับมาลัยมองว่าเกิดอะไรขึ้น
ชุดที่วางอยู่บนโต๊ะเลอะโคลนและขาดจนไม่สามารถใช้งานได้ มิ้งค์ยืนนิ่ง พิธาน รัชนี และเพชรมองอย่างอึ้งๆ สักพักลันตาก็เปิดประตูเข้ามา
"ขอโทษค่ะที่มาช้า" ลันตาเดินเข้าไปหามิ้งค์ "มิ้งค์เป็นไง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"นิดหน่อยค่ะ พี่ลัน...ชุดมัน...”
"ชุดนี้ราคาเท่าไหร่?” พิธานถาม
"เจ็ดหมื่นค่ะ" เพชรตอบ
"แจ้งกับทางร้านหรือยัง" พิธานถามต่อ
"ยังค่ะ" รัชนีตอบ "ฉันอยากให้เราแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนจะแจ้งกับทางห้องเสื้อ"
"มันก็มีทางเดียว...ชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางห้องเสื้อที่เรายืมมา"
"ถ้างั้นดิฉันจะให้ทางบัญชีดำเนินการ"
"เดี๋ยว! ไม่ใช่บริษัทที่เป็นคนชดใช้"
ทุกคนมองพิธานว่าหมายความว่ายังไง
"ผมหมายถึงใครทำเสียหาย คนนั้นต้องชดใช้"
มิ้งค์หน้าเสีย
สิปาดันขับรถเข้ามาส่งมะนาว เขาเปิดประตูให้มะนาวลงมาจากรถ จังหวะที่มะนาวก้าวลงมาเธอจงใจเอาหน้าไปชนกับสิปาดันเหมือนไม่ตั้งใจ แต่มะนาวก็จงใจเอาปากไปชนกับเสื้อของสิปาดันเบาๆ ทำให้เป็นรอยลิปสติก
"ขอบคุณนะคะสิปาที่ช่วยนาว" มะนาวพูด
"เรื่องหนี้สินของคุณพ่อนาว ผมจะลองปรึกษาคุณย่ากับพ่อดู" สิปาดันบอก
"สิปาคะ เรื่องนี้ขอให้เรารู้กันแค่ภายในได้ไหมคะ นาวอายที่จะให้ใครรู้ว่าบ้านนาวมีหนี้สิน" มะนาวว่า
"แต่ผมคงต้องบอกลันนะ"
"ได้ค่ะ"
"ผมไปก่อนนะ"
สิปาดันขับรถออกไป มะนาวมองตามพลางยิ้มร้าย
มะนาวเดินเข้ามาเจอเอื้องคำที่กำลังยืนรออยู่ เอื้องคำเห็นสภาพมะนาวที่ไม่มีบาดแผลใด ๆ
"สิปามันคงช่วยแกไว้สินะ" เอื้องคำว่า
"ค่ะ ทำไมคุณป้าถึงทำแบบนี้ ถ้าพวกมันฉุดนาวไปจริงๆ" มะนาวบอก
"มันก็เป็นคราวซวยของแก"
"นาวเป็นหลานคุณป้านะคะ"
"หรือแกไม่อยากเห็นพวกมันหย่ากัน ไม่อยากเห็นคนที่มันแย่งของรักของแกร้องไห้เจ็บปวดทรมานเหมือนที่แกเป็นหรือไง"
มะนาวอึ้งไปเพราะเธอก็อยากให้เป็นแบบนั้น
"เชื่อฉัน แล้วเราจะได้ทั้งเงิน ได้ทั้งความสะใจ"
"อะไรก็ได้ที่จะทำให้ลันตาเจ็บปวด นาวยอมทำทุกอย่าง"
เอื้องคำมองมะนาวพลางยิ้มชักจูงมะนาวให้ทำตามได้สำเร็จ
อินทนนท์คุยโทรศัพท์กับสิปาดัน โดยนวลที่อยู่ข้างๆ ฟังอย่างสนใจ
"เป็นหนี้ตั้งห้าล้าน" อินทนนท์ตกใจ "เล่นพนันเนี่ยนะ พี่ภูมินี่มันล้างผลาญจริงๆ เมื่อก่อนไม่เอาไหน เดี๋ยวนี้แย่ยิ่งกว่า"
สิปาดันเดินออกมาหน้ามินิมาร์ท
"วันนี้ถ้าผมไม่อยู่ด้วย นาวคงโดนฉุดไปแล้ว" สิปาดันพูดโทรศัพท์
"ลูกว่าเป็นลูกเล่นของป้าเอื้องคำหรือเปล่า" อินทนนท์ถาม
"ผมว่าไม่นะครับพ่อ ดูพวกนั้นตั้งใจจะตามหาลุงภูมิจริง ๆ"
นวลไม่สบายใจจึงดึงโทรศัพท์จากอินทนนท์ไปคุย
"สิปาอย่าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นเลยนะลูก"
"แต่ยังไงนาวเขาก็เป็นญาติ เป็นเพื่อนผม ถ้าเขาเดือดร้อนผมคงอยู่เฉยไม่ได้หรอกครับย่า เราก็พอมีถ้าช่วยเขาได้ก็ควรจะช่วยนะครับ" สิปาดันบอก
นวลมีสีหน้าเครียด อินทนนท์ดึงเอาโทรศัพท์ไป
"ขอพ่อคิดดูก่อนนะ ที่ผ่านมาป้าเอื้องคำสร้างเรื่องกับเราไว้ไม่น้อย พ่อไม่อยากให้เขาได้เงินจากเราจนเคยชิน ถ้าพี่ภูมติดการพนันจริงเราก็ต้องยิ่งระวังเรื่องการให้เงิน คนเล่นการพนันถ้ารอดง่ายๆ ก็คงจะไม่ยอมเลิกเล่นแน่"
สิปาดันเครียด
มิ้งค์ร้องไห้ ลันตา พอล และแพทมองด้วยความสงสาร
"พอแล้วมิ้งค์ ร้องไห้มาทั้งวันแล้วนะ"
"พี่นีเพิ่งบอกกว่าจะให้บรรจุ ดันเกิดเรื่อง แล้วยังค่าชุดอีก ตั้งเจ็ดหมื่น มิ้งค์จะเอาเงินที่ไหนไปชดใช้เขา" มิ้งค์ร้องไห้
"ไอ้มอเตอร์ไซค์นั่นมันก็บ้า กระเป๋าสะพายไม่กระชาก ดันกระชากชุดไปแทน อยากแต่งหญิงหรือไงวะ" แพทเดือด
"ตอนมิ้งค์ตามไปเจอชุดมันถูกฉีก ถูกขยี้กับโคลนสกปรกหมดเลย"
"ทำยังกับมีความแค้นกัน นี่คุณไปหักอกหนุ่มวินไหนหรือเปล่า เขาถึงตามมาแก้แค้น" พอลแซว
"ไม่ตลก!" มิ้งค์ร้องอีก
พอลเซ็ง
"เลิกร้องเถอะนะ นะ"
"ถ้าเตี่ยรู้ เตี่ยคงจะเสียใจ เรื่องเฮียยังไม่ทันจะจบ มาเจอเรื่องนี้อีก" มิ้งค์ว่า
"เอาเงินผมไปก่อนก็ได้ ผมมี" พอลบอก
"แต่คุณเพิ่งจ่ายค่าประกันตัวของเฮียไปตั้งห้าหมื่น" มิ้งค์บอก
"ไม่ต้องคิดมาก แฟนคุณฐานะดีมากนะ ไม่รู้ล่ะสิ"
"ขอบคุณ....ขอโทษ"
"เอ้า...ร้องหนักเข้าไปอีก"
มิ้งค์ยิ่งร้องหนักด้วยความซาบซึ้งที่มีพอล
ลันตากับแพทมองด้วยความสงสาร
"ทำไมมันซวยซ้ำซ้อนนักว้า..มิ้งค์เอ๊ย!”
กีรติซื้อของออกมาจากร้านสะดวกซื้อ แล้วก็ชะงักที่เห็นอธิปยื่นหงุดหงิดอยู่แถวหน้าตู้เอทีเอ็ม
"พี่อธิป....”
"กบ....รู้ไหมแถวนี้มีตู้เอทีเอ็มของไทยพาณิชย์ไหม" อธิปถาม
"มีตรงมุมถนนโน่นน่ะครับ"
"จะทุ่มนึงแล้วด้วย ไม่ทันแน่"
"ไม่ทันอะไรเหรอครับ"
"คุณพิธานฝากให้พี่โอนเงินก่อนหนึ่งทุ่ม" อธิปพูด เพราะบัตรกับตู้ถ้าเป็นคนละธนาคารจะกดโอนเงินไม่ได้ "กบมีบัตรของตู้ธนาคารตู้นี้ไหม"
"มีครับ ผมโอนให้ก็ได้นะครับ"
กีรติจัดการเสียบบัตรจะกดโอน
อธิปส่งกระดาษโน้ต เป็นเลขที่บัญชี ธนาคาร ชื่อนายเกียรติ จำนวนเงิน 5,000 บาท กับเบอร์โทรศัพท์ กีรติจัดการกดๆ ก่อนจะหันมาส่งสลิปเอทีเอ็มให้
"เรียบร้อยแล้วครับ"
อธิปฉีกสลิปทิ้งตรงหน้ากีรติ
กีรติงง "ไม่เอาไปให้คุณพิธานเหรอครับ"
"คุณพิธานสั่งว่าเสร็จงานก็ฉีกทิ้งได้เลย เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวผมต้องไปรับลูก ไปก่อนนะ"
กีรติมองตามอธิป แล้วมองกระดาษที่ถูกฉีกทิ้งด้วยความสงสัย
กระดาษกับใบสลิปที่ถูกต่อเรียบร้อยวางอยู่บนโต๊ะ ทุกคนมองอย่างวิเคราะห์
"มันก็เป็นปกติหรือเปล่า ใช้งานเรียบร้อยแล้วก็ทิ้ง" แพทว่า
"แต่มันเป็นการฝากกันโอนนะ เขาน่าจะอยากได้หลักฐาน แต่ถ้าสั่งให้ทำลายทิ้งทันที" กีรติบอก
"ก็เพราะไม่อยากให้มันเป็นหลักฐาน ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่" ลันตาว่า
พอลสงสัยแล้วตัดสินใจหยิบมือถือโทรไปตามเบอร์ที่จดไว้
"สวัสดีครับ ผมโทรมาจากคุณพิธานนะครับ"
พอลเปิดสปีคเกกอร์โฟน
เสียงคนขี่มอเตอร์ไซค์พูด "ผมได้รับเงินเรียบร้อยแล้วครับ"
"เอ่อ.....เรื่องงานที่ให้ทำ คุณพิธานว่ามันเสียหายกว่าที่สั่งไว้" พอลพูด
"ก็ที่สั่งคือให้มันเลอะ ขาด ผมก็ทำตามที่สั่งแล้ว ก่อนโอนเงินเจ้านายคุณก็โอเค"
"แต่...”
คนขี่มอเตอร์ไซค์พูด "งานผมเสร็จแล้ว ที่เหลือผมไม่รับรู้"
คนขี่มอเตอร์ไซค์วางสายไปเลย ทุกคนอึ้ง
"เป๊ะ...” พอลบอก
"เขาไม่ยอมเลิกจริงๆ เหรอเนี่ย" ลันตาว่า
"ไม่จบง่ายๆ หรอกแก มิ้งค์คงต้องเจออีกยาว" แพทบอก
พอลมองมิ้งค์ที่หน้าเสียด้วยสายตาเป็นห่วง
ลันตาเปิดประตูเข้ามาในห้องเห็นของที่ซื้อมาวางอยู่ที่โต๊ะ แต่กลับไม่เห็นสิปาดัน
"สิปา...”
ลันตาเดินเข้าไปในห้องนอน
ลันตาเข้ามาในห้องเห็นเสื้อผ้าของสิปาดันที่ถอดไว้บนเตียงกับกางเกงในที่ถูกถอดไขว้เป็นเลขแปด
ลันตาอมยิ้มนิด ๆ
"สิปาเอ๊ย...ไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ"
ลันตาจะหยิบไปเก็บใส่ตะกร้าให้ แต่ก็ต้องชะงักที่เห็นว่าบนเสื้อสิปาดันมีรอยลิปสติกติดอยู่ ลันตากำมือแน่นอย่างเจ็บปวด สิปาดันออกมาจากห้องน้ำโดยใส่ชุดอยู่บ้านสบาย ๆ
"ลัน...คิดถึงจัง"
สิปาดันกอดลันตา ลันตาสะบัดออกอย่างลืมตัว
"อย่า!”
ลันตาหันมาเห็นสิปาดันเหวอก็รู้สึกตัว
"ฉันเพิ่งเข้ามามันเหม็น เดี๋ยวอาบน้ำก่อน" ลันตาบอก
"ไม่เห็นเหม็นเลย" สิปาดันยังพยายามจะนัวเนีย
"สิปา...แกได้เจอกับมะนาวบ้างไหม"
"ก็มีบ้างคนทำงานออฟฟิศเดียวกัน..." สิปาดันเห็นลันตานิ่งไป "อย่าคิดมากนะฉันไม่ได้คิดอะไรกับนาวเลย"
"แกอย่าไปยุ่งกับมะนาวได้ไหม ไม่ต้องติดต่อกัน"
สิปาดันลำบากใจ "ยังไงเขาก็เป็นญาติคนนึงของฉันเหมือนกัน จะไม่ทักกันเลยมันก็คงไม่ดี...จริงไหม"
ลันตาผิดหวัง "ก็จริงของแก"
"อย่าพูดเรื่องซีเรียสเลย แกไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันเตรียมข้าวเย็นให้ มีของโปรดของแกด้วยนะ"
ลันตาพยายามฝืนยิ้มบอกว่าแป๊บเดียว แล้วก็โยนเสื้อสิปาดันลงตะกร้าโดยพยายามสงบจิตใจอย่างมาก
ลันตามองตัวเองในกระจก
เสียงมาลัยดังในหัว "ย่าถามหน่อยนะ ว่าลันเชื่อใครระหว่างมือที่สามกับสามีตัวเอง"
เสียงลันตาตอบ "ลันเชื่อใจสิปา"
ลันตามองตัวเองในกระจก
"ฉันเชื่อสิปา...” ลันตาพูด
เสียงของมะนาวที่พูดว่าแน่ใจเหรอว่าเขาจะนอนบนเตียงคนเดียว คำพูดของมะนาวที่พูดว่าถ้าเขาบริสุทธิ์ใจเขาต้องบอกเธอว่าเจอฉันดังในหัวลันตา
เสียงลันตาพูด "แกอย่าไปยุ่งกับมะนาวได้ไหม ไม่ต้องติดต่อกัน"
เสียงสิปาดันพูดด้วยความลำบากใจ "ยังไงเขาก็เป็นญาติคนนึงของฉันเหมือนกัน จะไม่ทักกันเลยมันก็คงไม่ดี...จริงไหม"
ลันตาห้ามตัวเองไม่ได้จึงร้องไห้ออกมา ลันตาเดินไปเปิดฝักบัวเพื่อกลบเสียงร้องไห้เพราะความอัดอั้นใจของเธอ
พอลกับมิ้งค์เดินเข้ามาเจอเตี่ย ม๊า ม่อเก๊า และโมที่ไม่ได้ถูกตามใจเหมือนเดิมโดยทุกคนต่างก็ต้องทำขนมกุ้ยช่าย
"ม๊า โมเหนื่อย" โมบ่น
"ดีจะได้รู้ว่าเงินมันหาลำบากแค่ไหน ทำไป!” เตี่ยว่า
"มิ้งค์ช่วยนะม๊า"
มิ้งค์ช่วยลงมือทำ
"อาพอล ขออั๊วคุยด้วยหน่อย" เตี่ยบอก
พอลมองหน้ามิ้งค์แล้วเดินตามเตี่ยออกไป
พอลเดินตามเตี่ยออกมา เตี่ยหันกลับมา พอลเกร็งนิดหน่อยที่เห็นว่าบรรยากาศจริงจัง
"อั๊วขอบใจลื้อมาก ที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง เรื่องเงินประกันตัว อั๊วจะรีบหามาคืนให้ลื้อ"
"แล้วแต่เตี่ยสะดวกครับ ผมไม่ได้รีบใช้เงินตอนนี้" พอลบอก
"ลื้อกับอามิ้งค์คบกันถึงขั้นไหนแล้ว"
"ก็เพื่อน...เพื่อนสนิทน่ะครับ ผมกับมิ้งค์เราไม่เคยทำอะไรที่มันเกินเลย แล้วผมก็อยากให้วันแต่งงานเป็นวันสำคัญของเรา"
"คุณแน่ใจเหรอว่าจะคบกับอามิ้งค์ ฐานะของคุณกับครอบครัวเราต่างกันมาก มิ้งค์จะไม่เป็นตัวถ่วงของคุณหรือไง"
"มีเรื่องนึงที่ผมต้องบอกให้เตี่ยทราบ เรื่องชาติกำเนิดของผม"
เตี่ยมองว่าหมายความว่ายังไง พอลมองอย่างพร้อมที่จะบอกโดยไม่อาย
ลันตาจะออกจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องยืนเรียกสติสูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วเดินออกมา
"หิวๆ ๆ ๆ" ลันตาบ่น
สิปาดันเอาบะหมี่มาวางให้
"พร้อมเสิร์ฟแล้ว.....น้ำซุปด้วย คล่องคอ....กินเลย เดี๋ยวฉันเทน้ำให้"
ลันตาลงนั่ง สิปาดันเอาน้ำมาให้แล้วนั่งกินข้าวด้วยกัน สิปาดันอารณ์ดีมีความสุข ลันตายิ้มแต่ในใจของเธอกลับสับสนเหลือเกิน
พอลมองเตี่ยที่นิ่งไป
"แสดงว่าที่ลื้อมีอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่สมบัติเดิม" เตี่ยถาม
"ครับ" พอลยอมรับ
เตี่ยพอใจ "ลูกผู้ชายมันต้องแบบนี้ ต้องมีต้องสร้างด้วยสองมือ ไม่ต้องขอใครกิน ไม่เอาเปรียบใครง..แล้วลื้อจะดูแลลูกสาวอั๊วได้ไหม"
"ได้ครับ ผมจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีเท่าที่ผมจะทำไหว" พอลบอก
"ลื้อไม่ต้องดูแลอั๊ว อั๊วกับม๊ายังดูแลตัวเองได้ แค่ลื้ออย่าทำให้ลูกสาวอั๊วต้องเสียใจก็พอ"
พอลดีใจมาก "ผมสัญญาว่าจะดูแลมิ้งค์อย่างดีที่สุด"
มิ้งค์กับม๊ายืนแอบฟังอยู่ มิ้งค์หันยิ้มกับม๊าด้วยความดีใจ
เตี่ยถามต่อ "แล้วเรื่องอาเฮียของลื้อล่ะ ลื้อจะจัดการยังไง จะปล่อยให้อีมาวุ่นวายกับอามิ้งค์แบบนี้ไม่ได้นะ"
"ผมจะต้องจัดการเคลียร์เรื่องนี้ให้เร็วที่สุดครับ"
พอลมีสีหน้ามุ่งมั่นว่าจะไม่หนีปัญหาอีกต่อไป
พิธานกำลังจะออกไปทำงาน วันเปิดประตูเข้ามา
"ทำไมแกต้องไปทำร้ายมิ้งค์แบบนั้นด้วย" วันถาม
"พี่พูดเรื่องอะไร" พิธานถามกลับ
"แกต้องให้พี่ทำยังไง แกถึงจะเลิกยุ่งกับเรื่องของพอลกับมิ้งค์สักที ต้องให้พี่ตายก่อนไหม แกถึงจะหยุด"
"พี่ประเมินตัวเองสูงเกินไป ชีวิตพี่มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ต่อให้พี่ตายตรงหน้าผม ผมยังไม่สนเลย"
"พีท!”
"ผมรำคาญ เลิกยุ่งกับผมสักที"
วันเดินออกไปด้วยความเสียใจ พิธานเหมือนจะไม่แยแส แต่พอวันเดินออกไปเขาก็รู้สึกไม่ดีกับคำพูดตัวเอง
วันเดินออกมาเจอพอลที่ยืนอยู่
"น้าพยายามแล้ว แต่...”
"ไม่เป็นไรครับ ผมจะคุยกับเขาเอง"
พอลเดินเข้าไปในห้อง วันมองตามอย่างไม่สบายใจนัก
พิธานได้ยินเสียงประตูก็พูดออกมา
"ผมไม่อยากฟัง..." พิธานชะงักที่เห็นพอลเดินเข้ามา "แกมาทำไม"
พอลวางเช็คเงินสดเจ็ดหมื่นบาทลงบนโต๊ะ "เช็คเงินสดเจ็ดหมื่น"
"สวะอย่างแกมีเงินเยอะเหมือนกันนี่"
"ผมรู้ว่าคุณเป็นคนเก่ง แต่ไม่คิดว่าจะถนัดเรื่องเล่นสกปรก รังแกผู้หญิงด้วย"
"ฉันจะเลิกก็ต่อเมื่อคนที่แกรักทิ้งแก"
พอลอึ้งกับคำขู่ของพิธาน
"สำหรับเช็คใบนี้" พิธานพูด
พิธานฉีกเช็คทิ้ง พอลมองว่าหมายความว่ายังไง
"ฉันไม่ได้ต้องการเงิน สิ่งที่ฉันต้องการ...คือความเจ็บปวดของแก"
พอลอึ้งกับความอาฆาตของพิธาน พิธานมองด้วยสายตาร้ายกาจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 14 (ต่อ)
เอกสารถูกยื่นมาตรงหน้ามิ้งค์ มิ้งค์อ่านเอกสารแล้วก็อึ้งๆ
"ออฟฟิศจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางห้องเสื้อ แต่เธอต้องทำงานชดใช้ให้กับออฟฟิศโดยไม่ได้รับเงินเดือนหนึ่งปี" สุวิภาบอก
มิ้งค์ยิ่งอึ้ง
"แต่ถ้าคิดจากเงินเดือนมิ้งค์ตอนนี้ อย่างมากมันก็แค่แปดเดือนไม่ใช่เหรอคะ" มิ้งค์แย้ง
สุวิภามองอย่างเบื่อหน่าย "เธอจะไม่เซ็นก็ได้นะ แต่ต้องเอาเงินมาชดใช้ค่าเสียหายภายในวันพรุ่งนี้"
มิ้งค์ลังเล
"ว่ายังไงล่ะ จะเซ็นหรือไม่เซ็น" สุวิภาถาม
"ขอมิ้งค์คุยกับพี่นีหรือว่าพี่ลันก่อนได้ไหมคะ"
"ฉันเป็นเจ้านายของสองคนนั้น ไม่ว่าจะคุยกับใคร ฉันกับคุณพิธานคือคนที่จะอนุมัติเรื่องนี้ เธอจะเซ็นหรือไม่เซ็น"
มิ้งค์จับปากกา สุวิภามองนิ่งๆ แต่ความจริงลุ้นมาก มิ้งค์กำลังจะลงมือเซ็น ลันตาเปิดประตูเข้ามาตะโกนลั่น
"อย่าเซ็นนะมิ้งค์!”
มิ้งค์ชะงัก สุวิภาหัวเสียมาก
"ใครใช้ให้เธอเข้ามา" สุวิภาถาม
"นีเองค่ะ" รัชนีบอก
รัชนีเดินเข้ามา
"มันเรื่องอะไรของเธอ" สุวิภาถาม
"มิ้งค์เป็นลูกน้องของนี ถ้าลูกน้องไม่ได้รับความยุติธรรม นีก็ต้องปกป้องตามหน้าที่"
"ด้วยสามัญสำนึก ลันคิดว่าสัญญาที่เอาเปรียบแบบนั้น มันไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ" ลันตาบอก
"เธอสองคนลืมไปใช่ไหม ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร"
"ไม่ลืมค่ะ แต่คุณสุคงจะลืมเรื่องความถูกต้องในฐานะที่เป็นผู้บริหารที่ควรจะมีพรหมวิหาร 4 กับลูกน้อง รู้จักไหมคะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไม่ใช่คอยแต่จะแสวงหาผลประโยชน์จากลูกน้องในทางที่ไม่ถูกไม่ควร"
"อย่ามากล่าวหาฉันนะ ฉันไม่เคยหาผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น" สุวิภาว่า
"หลอกให้ลันจัดงานหมั้นแลกกับหุ้นที่คุณพิธานเสนอให้ แล้วยังบีบให้มิ้งค์เซ็นสัญญาทาส คราวนี้ได้เพิ่มอีกกี่เปอร์เซ็นต์ล่ะคะ" ลันตาถาม
"มากไปแล้วนะ อยากตกงานใช่ไหม" สุวิภาว่า
"ไล่ลันออกเลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าลันออก ทีมของลันก็ออกยกทีมเหมือนกัน !” ลันตาบอก
"เธอขู่ฉันเหรอ"
"เป็นความจริงค่ะ ไม่ใช่คำขู่ ถ้าคุณสุยังเห็นภาพไม่ชัด ก็ลองนึกดูนะคะ ว่าถ้าไม่มีลันตากับทีม แฟชั่นของคุณกาญนา ดรีมเล่มต่อไปก็จะไม่มีคนทำ" รัชนีเห็นสุวิภาง้างปากจะเถียงก็พูดต่อ "จะหาคนอื่นมาเสียบก็ได้ค่ะ แต่คุณสุต้องหาเองนะคะ เพราะนีกับอนุชิตพร้อมกับทีมการตลาดก็จะไม่อยู่เหมือนกัน"
ลันตากับมิ้งค์มองรัชนีอึ้ง ๆ
สุวิภายังพยายามจะแย้ง "เด็กคนนี้ทำให้บริษัทเสียหาย แล้วจะปล่อยให้ลอยนวลหรือไง"
รัชนีวางเช็คเงินสดของพอลลงตรงหน้า "นี่ค่ะ เงินเจ็ดหมื่น"
ทุกคนมองสุวิภา
"งั้นก็จบเรื่องนี้" สุวิภาบอก
รัชนีกับลันตาพามิ้งค์เดินออกไป
สุวิภามองตามด้วยความโกรธแล้วก็ยกมือถือโทรหาพิธาน
"คุณพิธาน ไม่สำเร็จนะคะ"
สุวิภาเครียด
ลันตาพามิ้งค์เดินเข้ามาหาพอล แพท และกีรติที่รออยู่
"คุณ!” มิ้งค์ตกใจ
"ผมเอาเงินไปให้คุณพีท แต่เขาไม่รับ ผมเลยคิดว่าเขาต้องเอาเงินมาบีบคุณแน่" พอลบอก
"โชคดีที่ทางฝ่ายบุคคลมาถามพี่นีว่าเห็นเอกสารที่จะให้มิ้งค์เซ็นหรือยัง เราก็เลยยั้งเรื่องนี้ทันก่อนคุณจะโทรมา" ลันตาพูด
"อาฆาตกันแบบนี้ คงต้องมีอีกสารพัดวิธีเล่นงานกัน" แพทว่า
"เขาแค้นผม เลยทำให้มิ้งค์ต้องลำบาก" พอลบอก
"ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง มิ้งค์ทนได้"
"นี่จะไม่มีใครจัดการกับคุณพิธานได้เลยหรือไง น้าวันเป็นพี่แท้ๆ เขาก็ไม่ฟัง มันต้องมีฮีโร่สักคนสิ"
กีรติคิด "มีสิครับ คนที่เคยจัดการคุณพิธานได้อยู่หมัด"
ทุกคนมองว่าใคร
"คุณย่ามหาประลัยไงครับ" กีรติบอก
ทุกคนนึกออกทันทีว่าจริงด้วย
พอลกับมิ้งค์เดินเข้ามาพร้อมกับถุงของฝาก มาลัยกับอังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"สวัสดีครับคุณย่า คุณป้า" พอลยกมือไหว้
มิ้งค์อ้อน "สวัสดีค่ะคุณย่า คุณป้า มิ้งค์เอาพีชเชื่อมมาฝากด้วยนะคะ"
"ไม่ต้องมาติดสินบนย่า โดนกันมาอ่วมเลยสิ หน้าตาซมซานมาเชียว" มาลัยว่า
"หนักหนาเหมือนกันครับ ผมอยู่กับปัญหานี้มาเป็นสิบปี ตัวผมคนเดียว ผมทนได้ แต่มิ้งค์ต้องมาเดือดร้อนด้วย ผมว่าเขาพาลเกินไป ผมอยากจะจบเรื่องนี้สักที"
"ยัยลันเล่าให้ฟังหมดแล้ว ตาพิธานนี่ต้องโดนคนจริงอย่างคุณพี่นะคะ ถึงจะเอาอยู่" อังบอก
"ครั้งนี้ย่าคงเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้ ครั้งที่แล้วมันเกี่ยวกับยัยลัน ที่สำคัญ ต้นเหตุของปัญหาต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง จะได้ไม่ต้องติดค้างให้จองเวรกันต่ออีก"
"แต่เขาไม่ฟังผม ไม่เกรงใจน้าวัน" พอลบอก
"แล้วเธอฟังเขาหรือเปล่าล่ะ ว่าเขาต้องการอะไร" มาลัยบอก
"ฟัง? คุณพิธานน่ะเหรอครับ"
"บางครั้งปัญหาแก้ได้ด้วยการฟังอีกฝ่ายอย่างตั้งใจนะ"
พอลมองมาลัยแล้วคิดตามที่มาลัยพูด
"เข้าใจไหม?”
พอลคิด "ผมคิดว่าผมเข้าใจนะครับ"
มิ้งค์กับอังมองพอลกับมาลัยว่าพูดถึงเรื่องอะไรกัน มาลัยยิ้มพอใจที่พอลเข้าใจในสิ่งที่เธอบอก
วันนั่งอยู่ตามลำพังในครัว
เธอนึกถึงตอนที่พิธานพูดกับเธอ
"พี่ประเมินตัวเองสูงเกินไป ชีวิตพี่มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ต่อให้พี่ตายตรงหน้าผม ผมยังไม่สนเลย"
วันร้องไห้กับคำพูดของพิธาน พอลเดินเข้ามายืนมองวันที่นั่งร้องไห้ด้วยความสงสาร แล้วพอลก็ตัดสินใจ
วันกำลังนั่งกินข้าวในครัวเงียบๆ พอลเดินเข้ามา
"น้าครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษา" พอลบอก
พอลเอาไอแพดมาเปิดให้วันดูก็เห็นว่าเป็นรูปตึกแถวในถนนสายหนึ่ง
"อะไรเหรอพอล" วันถาม
"โลเกชั่นร้านใหม่ครับ อันนี้แถวนิมมานเหมินทร์ ผมลองถามราคาตึกแถวนั้นดูก็น่าสนใจ" พอลบอก
"พอลจะย้ายร้านเหรอ? แต่พอลบอกน้าว่าจะปักหลักที่ร้านนี้ ไม่ไปไหนอีกแล้วนะ"
พอลเศร้า "ผมเคยคิดแบบนั้นครับ แต่ผมเบื่อเรื่องคุณพีท อยากจะย้ายไปให้ไกล ๆ ว่าจะพามิ้งค์ไปด้วย"
"แต่มิ้งค์เขาก็มีงานอยู่ที่นี่" วันบอก
"สักวัน..คุณพีทก็คงบีบให้มิ้งค์ออก ผมว่าจะให้มิ้งค์มาช่วยผม หุ้นกันที่ร้านใหม่ ก็ร่วมกันทำ ร่วมกันเก็บ"
วันรู้สึกผิด "แล้วพอลจะย้ายเมื่อไหร่"
"ก็ต้องขายร้านนี้ให้ได้ก่อน เพราะเงินเก็บทั้งหมดของผมก็มาลงกับร้านนี้หมดแล้ว"
"แล้วถ้าไม่ขายร้านนี้ล่ะ น้าอยากเก็บไว้ ที่เชียงใหม่ก็ให้เป็นสาขาสองพอลต้องใช้เงินเท่าไหร่"
"ค่าเซ้งตึก ตกแต่ง อุปกรณ์ก็ต้องมีเจ็ดล้านน่ะครับ"
วันคิด
"น้าพอมี ถ้าพอลจะเอาไปก่อน"
พอลปฏิเสธทันที "ไม่ครับน้า ผมเกรงใจ"
"ไม่เป็นไรแล้วค่อยใช้คืนน้าก็ได้ น้าไม่อยากให้พอลขายร้านนี้ น้ารู้ว่าพอลก็รักร้านนี้มาก"
"ถ้าอย่างนั้น...ทำสัญญากู้ยืมดีไหมครับ"
"ไม่จำเป็น พอลเป็นหลานน้า น้าเชื่อใจพอล"
"แต่...”
"พอล...ครั้งนี้น้าขอให้เชื่อน้า....”
พอลตัดสินใจ "ครับ.." พอลยิ้ม "ขอบคุณครับที่น้าเชื่อในตัวผม"
วันยิ้มอย่างเชื่อใจ
สิปาดันกินข้าวกับมะนาวเสร็จเรียบร้อย
"ขอบคุณนะสิปา ที่มากินข้าวเป็นเพื่อนนาว"
สิปาดันมองไปรอบๆ "นาวแน่ใจนะว่ามีคนตาม เท่าที่ผมสังเกตก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ"
มะนาวมองไปรอบๆ อย่างจับสังเกต "แต่เมื่อเช้ามีคนตามนาวตั้งแต่ออกจากบ้านจนมาถึงหน้าออฟฟิศ"
"คุณลุงติดต่อมาบ้างไหม"
มะนาวส่ายหน้า "นาวอาจจะต้องกลายเป็นคนชดใช้ให้พวกมัน"
"ผมกับพ่อกำลังหาวิธีที่จะช่วย ช่วงนี้นาวก็ระวังตัวด้วย ถ้ามีอะไรก็บอกผม"
มะนาววางมือลงบนมือสิปาดัน
"ขอบคุณค่ะ"
สิปาดันวางมือทับบนมือมะนาวอีกทีเพื่อปลอบใจแบบเพื่อน ใครคนหนึ่งแอบถ่ายภาพของทั้งคู่อยู่
ลันตามีอาการปวดท้องเพราะเครียด เธอหยิบยาลดกรดขึ้นมากิน ลันตามีหน้าตาทรมาน เสียงมือถือของลันตาดัง เธอมองแล้วกดรับ
เสียงมะนาวพูดจากปลายสาย "เธอเห็นหรือยังลัน"
"ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เลิกวุ่นวายกับฉันสักที" ลันตาว่า
"ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าเธอโง่ ฉันก็อยากให้เธอรู้ตัว คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกละคร ปราบผู้ชายเจ้าชู้ได้งั้นสิ ถึงคิดว่าจะเปลี่ยนนิสัยของสิปาดันได้...โลกสวยนะ"
มะนาววางสาย ลันตาเครียดก่อนจะหยิบมือถือมาเปิดไอจีดูภาพที่เพื่อนของมะนาวถ่ายลงไอจีแล้วแท็กมาหามะนาวเป็นภาพมะนาวกับสิปาดันจับมือกัน
เสียงสิปาดันดังในหัวมะนาว "ฉันไม่มีวันรักใครได้อีกแล้ว"
ลันตาเครียดจนปวดท้องมาก เธอทรมานจนปัดของบนโต๊ะล้ม แพทกับกีรติเข้ามาเห็นตกใจมาก
"ไอ้ลัน!” แพทตกใจ
ลันตาที่อยู่บนเตียงมีสีหน้าผ่อนคลายแต่ยังไม่สบายนัก แพทกับกีรติเดินเข้ามา
"เครียดลงกระเพาะ คุณลันต้องดูแลเรื่องสุขภาพแล้วนะครับ" กีรติบอก
"แกเครียดเรื่องอะไร" แพทถาม
ลันตาเงียบแต่ไม่ตอบอะไร
"เรื่องยัยมะนาวใช่ไหม" แพทถาม
ลันตาน้ำตาคลอ แพทเห็นลันตาเสียใจก็โมโหแล้วเดินออกไป กีรติรีบตามไป
แพทเดินปึงปังจะไปแต่กีรติตามมาคว้าแขนไว้
"คุณจะไปไหน"
"จะไปถามไอ้สิปาว่ามันจะเอายังไง" แพทบอก
"มันเป็นเรื่องสามีภรรยา เขาต้องคุยกัน เราเป็นคนนอก"
"งั้นสามีมันก็ควรต้องรู้ว่าภรรยามันเป็นทุกข์แค่ไหน คุณไม่รู้สึกอะไรหรือไงเห็นไอ้ลันมันร้องไห้อย่างนั้น"
กีรติพูดเสียงเรียบๆ "สิปากับคุณลันเป็นเพื่อนผมเหมือนกัน คุณคงคิดว่าผมไม่เคยนึกถึงคนอื่นเลยใช่ไหม"
"เอ่อ...ฉันลืมตัว...ขอโทษ"
"ขอโทษครั้งแรก ผมเชื่อว่ารู้สึกผิดจริง ขอโทษครั้งที่สอง สาม สี่กับความผิดเดิม ๆ มันไม่ได้รู้สึกแต่เป็นแค่คำพูดพล่อยๆ เอาตัวรอด"
"เตือนด้วยคำพูดดีๆ ไม่เชือดเฉือน ทำเป็นไหม" แพทบอก
"เป็น....แต่คุณจะไม่จำแล้วก็ทำผิดซ้ำอีกน่ะสิ"
"ฉันก็แค่อยากช่วยเพื่อน" แพทบอก
"อยากช่วยก็ต้องใช้เหตุผลไม่ใช่อารมณ์ คุณไปโวยวายสิปามันก็ไม่ฟังหรอก"
"ถ้าเราไม่พูดแล้วจะให้ใครบอกล่ะ"
กีรติยิ้มอย่างมีคนที่คาดไว้ในใจแล้ว
อินทนนท์กับนวลมาถึงกรุงเทพฯ และกำลังจะเรียกแท็กซี่ อินทนนท์คุยโทรศัพท์กับแพทไปด้วย
"แบบนี้มันสงครามประสาทชัด ๆ ตอนนี้ลุงกับย่าลงมากรุงเทพฯ...ว่าจะมาเยี่ยมสิปามันหน่อย ฝากแพทพาหนูลันกลับคอนโดด้วยนะ เรื่องเจ้าสิปาเดี๋ยวลุงจัดการให้เอง" อินทนนท์วางสาย
"แล้วนนท์จะจัดการยังไง" นวลถาม
อินทนนท์คิด
สิปาดันเปิดประตูรถให้มะนาว มะนาวก้าวขึ้นรถ
"ขอบคุณค่ะ"
เสียงมือถือสิปาดันดัง สิปาดันรับโทรศัพท์
"สวัสดีครับพ่อ วันนี้ผมไม่มีบินครับ ผมอยู่ที่ออฟฟิศครับกำลังจะกลับบ้าน"
อินทนนท์เดินเข้ามาทั้งที่ยังคุยมือถืออยู่
"แกจะกลับบ้านทั้งที่มีมะนาวติดรถไปด้วยอย่างนั้นเหรอ"
สิปาดันชะงักว่าอินทนนท์รู้ได้ยังไง เขามองไปรอบๆ จนเห็นอินทนนท์กับนวลที่ยืนมองอยู่
"พ่อ...ย่าลงมากรุงเทพฯทำไมไม่บอกล่ะครับ ผมจะได้ไปรับ" สิปาดันบอก
อินทนนท์พูดแบบหาเรื่องมาก "แกทำอะไรอยู่ รู้ตัวหรือเปล่าสิปา"
สิปาดันชะงักกับเสียงเครียด ๆ ของอินทนนท์ เขาเห็นสายตาของอินทนนท์มองไปที่มะนาว
"ผมแค่ไปส่งนาวเพื่อความปลอดภัยจากพวกทวงหนี้เท่านั้นเองครับ" สิปาดันอธิบาย
"แกห่วงคนนอกบ้าน แล้วคนในบ้านอย่างหนูลัน แกสนใจบ้างไหม"
"ลัน? ลันเป็นอะไรเหรอครับ"
มะนาวนั่งมองสิปาดันคุยกับอินทนนท์และนวล มะนาวกังวลจึงตัดสินใจลงจากรถ
"แล้วตอนนี้ลันอยู่ไหนครับพ่อ" สิปาดันถาม
"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณย่า" มะนาวยกมือไหว้
"นาว ผมไปส่งนาวไม่ได้แล้วนะ ผมต้องรีบไปหาลัน ลันไม่สบาย"
"ลันไม่สบายเหรอคะ งั้นนาวขอไปเยี่ยมด้วยได้ไหมคะ" มะนาวถาม
นวลกับอินทนน์มองมะนาวที่ตีหน้าซื่อมาก อินทนนท์กำลังจะง้างปากพูดแต่ช้ากว่านวล
นวลโกรธแทนสะใภ้มาก "หนูแค่ช่วยดูแลตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระของสามีคนอื่นก็พอจ้ะ"
มะนาวถึงกับอึ้ง สิปาดันเหวอกับคำพูดของนวล
"สิปา จะไปกันได้หรือยัง" นวลถาม
"ครับ ย่า"
สิปาดันรีบเปิดประตูให้นวลขึ้นรถ จังหวะที่สิปาดันวุ่นๆ อยู่กับนวล อินทนนท์ก็หันมาหามะนาว
"อ้อ...ที่หนูต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ ผู้หญิงมีค่า...ผู้ชายจะวิ่งไล่จับ ไอ้ที่หนูกำลังทำน่ะ มันตรงกันข้าม"
มะนาวหน้าชา อินทนนท์ขึ้นรถ
สิปาดันหันมาหามะนาว "นาว กลับบ้านดีๆ นะครับ"
นวลเร่งจากในรถ "สิปา...เร็วเข้า!”
"ครับย่า!”
สิปารีบขึ้นรถขับออกไป มะนาวมองตามด้วยความแค้นมาก เธอมองด้วยสายตาไม่ยอมแพ้
ลันตานอนพักอยู่บนเตียงพลางคุยโทรศัพท์กับแพท
"แพท ฉันโอเค...อยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง"
เสียงประตูเปิด
สิปาดันเรียก "ลัน!”
ลันตาพูดโทรศัพท์ "สิปากลับมาแล้ว ฝากงานด้วยนะ"
สิปาดันรีบเดินเข้ามาหา
"ลัน!..แกไม่สบายทำไมไม่โทรบอกฉัน"
"แค่โรคกระเพาะเอง นิดหน่อย"
"นิดหน่อยก็ต้องบอกฉันสิ ฉันบอกแล้วว่าฉันจะดูแลแก"
อินทนนท์กับนวลเดินเข้ามา
"แกนอนเตียงเดียวกันทุกคืน อยู่บ้านเดียวกันแทบทุกวัน เมียไม่สบายแต่แกไม่รู้เรื่อง แกกล้าพูดว่าจะดูแลเมียเหรอสิปา" อินทนนท์ว่า
สิปาดันอึ้งๆ เพราะพูดไม่ออก
"ฉันขอโทษนะลัน ที่ฉันดูแลแกไม่ดี"
"ฉันไม่เป็นไร"ลันตาบอก
สิปาดันมองอย่างเป็นกังวล "ลัน..ฉันไม่เคยคิดจะกลับไปหามะนาวนะ"
"แกไปญี่ปุ่นไฟล์ทเดียวกับมะนาวแต่แกไม่ยอมบอกฉัน"
"ที่ไม่บอกเพราะฉันไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ"
"แล้วตอนนี้...”
"ฉันแค่ช่วยนาวเพราะเขากำลังเดือดร้อน มีบ่อนที่ตามทวงหนี้ จะทำร้ายเขา ถ้าเป็นแก ฉันก็เชื่อว่าแกต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือมะนาวเหมือนกัน"
"สิปา...ฉัน"
"ลัน...ขอให้แกไว้ใจฉัน ถ้าช่วยจบเรื่องหนี้สินครั้งนี้ให้นาวได้ ฉันจะไม่สนใจเรื่องของมะนาวอีก"
ลันตาพูดไม่ออก
นวลขัดขึ้น "สิปา...ย่าว่า...”
"ที่ผมช่วยเพราะนาวเป็นเพื่อน" สิปาดันพูด "เป็นญาติของเรา ผมสัญญาว่าจบเรื่องนี้แล้วผมจะไม่ติดต่อกับมะนาวอีก"
นวลกับอินทนนท์อึ้งกับคำพูดของสิปาดัน อินทนนท์ดึงนวลออกมาหน้าห้อง
"สิปามันใจอ่อนเหมือนแม่ไม่มีผิด" อินทนนท์ว่า
นวลมองสิปาดันกับลันตาด้วยสีหน้าเครียด
ชัยภูมิมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นนักเลงที่มาดักเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้าน เอื้องคำเดินเข้ามา
ชัยภูมิโวยวาย "พี่เห็นไหม พวกมันมาดักเฝ้าผมที่หน้าบ้าน"
เอื้องคำถามกลับ "แล้วยังไง"
"ถ้าพวกมันบุกเข้ามาฆ่าผมล่ะจะทำยังไง เงินล่ะพี่ เงินที่จะใช้หนี้มันอยู่ไหน"
"ถ้ากลัวตาย แกก็ไม่ควรก่อเรื่อง"
"พูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร พี่ต้องหาเงินมาช่วยผม" ชัยภูมิคิดแล้วก็พล่าน "บ้านหลังนี้ไง พี่เอาไปรีไฟแนนซ์เอามาจ่ายก่อนครึ่งนึงก็ยังดี"
"บ้านหลังนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ฉันมี ฉันยอมให้แกตายดีกว่าเสียมันไป!”
ชัยภูมิทิ้งไม้เท้าคว้าต้นแขนเอื้องคำเขย่าอย่างลืมตัว "พี่ต้องช่วยผม ผมจะไม่ยอมตาย ไม่ยอม!”
เอื้องคำโกรธจึงผลักชัยภูมิแล้วเอาไม้เท้าฟาดชัยภูมิดังผัวะ ๆๆ ชัยภูมิยกมือป้องกันตัวเองด้วยความเจ็บ
เอื้องคำหยุดด้วยอาการเหนื่อยหอบ "ถ้าแกไม่เลิกบ้า ฉันจะฆ่าแกให้ตายเดี๋ยวนี้!”
ชัยภูมิหวาดกลัวอย่างหมดสภาพ เขาไม่เคยกล้ารุนแรงกับเอื้องคำ "พี่ต้องช่วยผมนะ พี่เอื้องคำ ผมไม่อยากตาย"
เอื้องคำมองสภาพของชัยภูมิด้วยความเครียดและกดดันแต่ก็พยายามนิ่งเก็บอาการ มะนาวเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์บ้านไร้สาย
"คุณป้าค่ะ ย่านวลโทรมาค่ะ"
เอื้องคำยิ้มพอใจ "ฝีมือแกไม่เลวนี่"
มะนาวไม่ได้ปลาบปลื้ม เธอแค่นิ่งๆ รับคำชมของเอื้องคำ มะนาวมองไปทางชัยภูมิตกใจที่เห็นสภาพชัยภูมิ "พ่อ!”
มะนาวมองชัยภูมิที่มีรอยช้ำ แล้วก็หันมองเอื้องคำว่าเกิดอะไรขึ้น เอื้องคำไม่สนใจแล้วเดินออกไปเลย
"นาว นาวต้องช่วยพ่อนะ พ่อไม่อยากตาย"
มะนาวมีสีหน้าเครียดเพราะหนักใจ
นวลรออย่างกระวนกระวาย เอื้องคำเดินเข้ามา
"คงเป็นธุระด่วนสินะ ถึงต้องเรียกพี่ออกมา"
"นวลไม่คิดเลยว่าพี่จะใจร้าย ทำกับลูกหลานของนวลได้ขนาดนี้"
"ถ้าจะเรียกฉันมาฟังเธอรำพึงรำพันล่ะก็...ฉันไม่ว่างหรอกนะ"
"นวลมาเรื่องเงินห้าล้านที่พี่ต้องการค่ะ มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นวลจะจ่ายให้พี่"
"เธอพูดเหมือนลืมเรื่องที่เธอทำกับฉัน"
"ไม่ลืมค่ะ แต่ที่นวลชดเชยให้พี่มาจนถึงตอนนี้..มันอาจจะมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ เลือด...ร่างกายมันอาจจะสร้างได้ตลอดเวลา แต่ถ้ามีปลิงเกาะไม่ปล่อย สักวันน้องคงแห้งตายเพราะความไม่รู้จักพอ"
"ปากคมขนาดนี้ นังมาลัยมันคงเสี้ยมมาล่ะสิ"
"ไม่มีใครเสี้ยมหรอกค่ะ...ที่นวลพูดเป็นผลมาจากการกระทำของคุณพี่ล้วน ๆ ห้าล้านของนวลจะจ่ายถ้าคุณพี่ให้คำมั่น"
เอื้องคำยิ้ม "หลานสาวของฉันจะไม่ยุ่งกับหลานชายของเธออีก ทันทีที่ฉันได้เงินหกล้าน"
"นวลให้ได้แค่ห้าล้าน!”
"ก็เลือกเอา....ระหว่างเงินกับความสุขของหลานเธอ"
เอื้องคำที่เป็นต่อมองด้วยท่าทีกวนประสาทมาก นวลอึ้งรู้คำตอบดีว่าเลือกความสุขของสิปาดันกับลันตา เอื้องคำยิ้มอย่างพอใจ
เช้าวันใหม่ แพทเดินเข้ามาในห้องทำงานก็เห็นลันตานอนฟุบอยู่ที่โต๊ะ
"ไอ้ลัน! แกเป็นอะไร" แพทเขย่าลันตาให้รู้สึกตัว "ไอ้ลัน!”
"โอ้ย! ฉันจะเป็นตอนแกเขย่านี่ล่ะ ฉันแค่เสียดท้อง"
ลันตาคว้ายามากิน "โอย...”
"ถ้าแกไม่เลิกเครียด โรคนี้ไม่มีวันหาย หนักแน่นสิวะลัน"
ลันตาอึดอัด "ฉันก็ไม่ชอบนะเว้ยที่เป็นแบบนี้ ฉันเกลียดตัวเองที่ต้องคอยระแวงสิปา อยากจะเชื่อใจแต่มันก็อดฟุ้งไม่ได้ทุกครั้งที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน"
แพทรู้สึกสงสาร "แล้วความสุขมันอยู่ตรงไหนวะลัน"
ลันตาร้องไห้ด้วยความอัดอั้น
"ฉันไม่รู้ ฉันพยายามจะเชื่อในสิ่งที่สิปาพูด แต่ภาพที่ฉันเห็นในไอจีพวกนั้นมันฟ้องว่าสิปาอยู่กับมะนาว สิปาปิดบังฉัน แล้วยังไอ้รอยลิปสติกบ้าๆ นั่นอีก ฉันอยากจะถามแต่ฉันกลัวว่าจะตัวเองจะกลายเป็นพวกเวิ่นเว้อ ฉันเบื่อ"
แพทสงสารลันตามาก
"วันนี้สิปาบินไหม" แพทถาม
"ไม่มี สิปาเข้าออฟฟิศ" ลันตาบอก
"แกคิดว่าสิปาจะอยู่กับมะนาวไหม"
"ฉันไม่รู้....”
แพทตัดสินใจดึงแขนลันตาให้ลุกขึ้น
"งั้นไป” แพทบอก
"ไปไหน" ลันตางง
"ก็ไปดูให้เห็นกับตาเลยว่าไอ้สิปามันนอกใจแกหรือเปล่า"
แพทลากลันตาออกไป
นวลมองเอื้องคำที่นั่งประจันหน้าอย่างลังเล
"คุณพี่มีอะไรที่จะเป็นหลักประกันว่าจะทำตามข้อตกลง"
เอื้องคำพูดง่ายๆ “...ไม่มี"
นวลอึ้ง
"ฉันไม่มีเวลารอนาน ถ้าไม่ตกลงก็รอดูใบหย่าของหลาน ๆ แกได้เลย"
นวลหยิบสมุดเช็คออกมาก่อนจะมองเอื้องคำแล้วจัดการลงตัวเลขและเซ็นชื่อ เอื้องคำยิ้มสะใจ
มะนาวเดินกลับเข้ามาในออฟฟิศพร้อมสิปาดัน มะนาวมองไปรอบๆ ด้วยอาการหวาดระแวง
สิปาดันสังเกตเห็น "เมื่อเช้าพวกมันตามนาวมาหรือเปล่า"
"มันตามมาจนถึงออฟฟิศแล้วมันก็หายไป วันนี้ครบกำหนดที่ต้องจ่าย...ถ้าคุณป้ายังไม่จ่ายเงินให้พวกมัน...คงต้องเป็นนาวที่ต้องชดใช้"
"ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรนาวแน่"
มะนาวมองสิปาดันด้วยความรัก มะนาวเห็นลันตากับแพทเดินเข้ามา มะนาวตัดสินใจโผเข้ากอดสิปาดัน ลันตากับแพทเดินเข้ามาเห็นมะนาวกำลังกอดสิปาดัน
"นาวขอโทษนะคะ แต่นาวยังรักคุณ นาวไม่เคยลืมคุณได้เลย สิปา"
สิปาดันสงสารมะนาวแต่ไม่คิดจะตอบรับ เขาจับไหล่มะนาวเพื่อจะดันตัวออก ลันตาเจ็บปวดจึงจะเดินไป
แพทคว้ามือลันตา "ไอ้ลัน จะไปไหน"
สิปาดันมองไปเห็นลันตาที่ถูกแพทยื้อไว้ สิปาดันดันตัวมะนาวออก ลันตาสะบัดตัวจนหลุดจากแพทแล้ววิ่งหนีไป แพทวิ่งตาม
"ไอ้ลัน!” แพทเรียก
สิปาดันตกใจ "ลัน!”
สิปาดันรีบวิ่งตาม มะนาวก็วิ่งตาม
ลันตาวิ่งข้ามถนนสี่เลนไปอีกฝั่ง แพทวิ่งไปดึงตัวไว้
"ไอ้ลัน แกจะหนีปัญหาไม่ได้นะ" แพทว่า
ลันตาชะงัก สิปาดันวิ่งตามมา
"ลัน! ฟังฉันก่อน"
ยังไม่ทันที่ลันตากับสิปาดันจะได้พูดอะไรเสียงมะนาวก็ดังขึ้น
"ปล่อยฉันนะ ปล่อย!”
สิปาดัน ลันตา และแพทหันไปมองก็เห็นลูกน้องเจ้าหนี้กำลังเข้ามาฉุดมะนาว
สิปาดันตกใจ "นาว!”
สิปาดันรีบวิ่งกลับไปช่วยมะนาวจากการฉุดกระชากของลูกน้องเจ้าหนี้ ลูกน้องเจ้าหนี้รุมเล่นงานสิปาดันไม่ยั้ง จังหวะที่สิปาดันกำลังวุ่นอยู่กับลูกน้องเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็เดินออกมาพร้อมกับไม้หน้าสามแล้วรอจังหวะ สิปาดันโดนถีบเซไปทางเจ้าหนี้ที่รออยู่
มะนาวตะโกน "สิปา ระวัง!”
เจ้าหนี้เงื้อไม้จะตีสิปาดัน มะนาวพุ่งเข้ามาเอาตัวบังสิปาดันไว้ทำให้ไม้กระแทกเข้าที่หัวมะนาวเต็ม ๆ สิปาดัน ลันตา และแพทช็อคกับภาพที่เห็น
สิปาดันตกใจสุดขีด "นาว!”
ตำรวจเดินเข้ามา
ลูกน้องเจ้าหนี้เห็นก็ตะโกน "ตำรวจ!”
ทั้งเจ้าหนี้และลูกน้องต่างรีบเผ่นออกไปทันที สิปาดันเข้าไปดูมะนาวที่นอนแน่นิ่งไป ลันตากับแพทยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เอื้องคำกับย่านวลเดินออกมา เอื้องคำมีสีหน้าพึงพอใจมาก
"นวลหวังว่าคุณพี่จะทำตามคำพูด"
"มะนาวจะไม่ตามตื้อหลานชายเธออีกแน่" เอื้องคำยิ้มร้าย "ไม่ต้องห่วง....”
เสียงมือถือย่านวลดังขึ้น
"สิปา...ว่าไงลูก จะขอเบอร์ป้าเอื้องคำ?”
เอื้องคำยิ้มๆ
นวลแปลกใจ "สิปามีอะไรเหรอลูก" นวลตกใจ "มะนาวอยู่โรงพยาบาล"
เอื้องคำกับนวลเดินมาที่หน้าห้องฉุกเฉินจนเจอสิปาดัน ลันตา และแพทที่กำลังรอผลอยู่หน้าห้อง
เอื้องคำพุ่งตรงเข้ามา "หลานฉันอยู่ไหน!”
"ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินครับ" สิปาดันบอก
"สิปา...มันเกิดอะไรขึ้น" นวลถาม
สิปาดันเครียด "นาวช่วยผมไม่ให้โดนทำร้าย แต่เขา...”
"เพราะแกอีกแล้วเหรอ!” เอื้องคำว่า "แกนี่มันเลวจริงๆ หลอกให้หลานฉันรักแล้วก็ทิ้งแล้วนี่ยังต้องมาเจ็บตัวเพราะแกอีก"
"คุณป้าคะ มันเป็นอุบัติเหตุ" ลันตาบอก
"หุบปาก!" เอื้องคำมองลันตา "แกก็ตัวดี แย่งผู้ชาย ทำร้ายหลานฉันหน้าด้าน ๆ"
"คุณป้าด่าให้มันถูกเรื่องนะคะ หลานคุณป้าโดนทำร้ายไม่ได้ฆ่าตัวตาย รวมทุกอย่างด่าทุกเรื่อง สมองสั่งการไม่ทันระวังจะช็อคตามไปอีกคนนะคะ"
"นังลันตา!”
ก่อนที่การปะทะจะยืดเยื้อ ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก หมอเดินออกมา ทุกคนรีบเข้าไปหาหมอ
เอื้องคำปรี่เข้าไปถามทันที "หลานสาวฉันอาการเป็นยังไงบ้าง"
"ปลอดภัยแล้วครับ คนไข้มีแผลและรอยช้ำตรงต้นคอจากการกระแทก บาดแผลภายนอกตอนนี้ไม่น่ากังวล เราต้องรอดูอาการอีกทีหลังจากคนไข้ฟื้นครับ"
ทุกคนมีสีหน้าโล่งใจนิด ๆ
"ฉันต้องการเยี่ยมหลานฉันเดี๋ยวนี้!” เอื้องคำขึ้นเสียง
มะนาวยังนอนสลบไสลไม่ได้สติ เอื้องคำเข้ามานั่งข้าง ๆ นิ่งๆ แต่ท่าทางห่วงใยมาก สิปาดันยืนอยู่อีกด้าน ทุกคนมองออกว่าสิปาดันก็ห่วงใยมะนาวมากเพราะรู้สึกผิดที่มะนาวต้องเจ็บเพราะช่วยเขา อินทนนท์เข้ามาในห้อง
"ดึกแล้ว แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะครับ" อินทนนท์บอก
"แล้วหลานฉันล่ะ พวกแกคิดจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยใช่ไหม"
"เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ทางผมจะรับผิดชอบทั้งหมด"
"เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าพวกแกใช้เงินจัดการทุกอย่างแล้วจะทิ้งทุกอย่างให้เป็นภาระของฉันหรอกนะ"
"คืนนี้ผมจ้างนางพยาบาลพิเศษให้มาดูแลมะนาวแล้วครับ"
เอื้องคำพูดเหยียด "นี่สินะ น้ำใจพวกแก!”
สิปาดันพูดแทรก "ผมจะอยู่เฝ้ามะนาวเองครับ"
"แกมีงานต้องทำนะ"
"นาวต้องเจ็บเพราะผม อย่างน้อยผมอยากให้นาวตื่นมาแล้วอุ่นใจที่มีเพื่อน"
"แต่พ่อว่า...”
"ลันจะอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนสิปาเองค่ะ" ลันตาบอก
"หนูลัน...” นวลเป็นห่วง
"คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ นาวช่วยสิปาไว้ เราก็ควรที่จะดูแลเขา"
แพทพูดเบาๆ กับลันตา "แกไหวเหรอลัน"
ลันตาได้แต่ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร นวลกับอินทนนท์มองสิปาดันแล้วก็มองหน้ากันเองด้วยความเครียดว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้
อินทนนนท์เดินออกมาอย่างหัวเสีย นวลกับแพทเดินตามออกมาด้วยสีหน้าเครียด
"ทำไมมันจะต้องมีเรื่องพัวพันกันวุ่นวายขนาดนี้"
"วุ่นวายซ้ำซ้อน เจ้ากรรมนายเวรหรือไงเนี่ยสิปามันยิ่งอันลิมิตเรื่องมนุษยธรรม ความรับผิดชอบอยู่ด้วยหนูเป็นไอ้ลันก็พูดไม่ออก เจ็บหนักใส่กันซะขนาดนี้" แพทบอก
"เจ้าประคุณ...ขอให้หนูมะนาวอย่าเป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย ย่ากลัวหนูลันจะทนกับเรื่องนี้ไม่ไหว"
ทุกคนรู้สึกเป็นห่วงลันตาเหลือเกิน
มะนาวยังนอนหลับนิ่ง สิปาดันที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้าห่วงใย ลันตาเข้ามาข้างๆ มองอาการของสิปาดันที่ดูห่วงใยมะนาวอย่างรู้สึกหวั่นไหว
"สิปา...แกไปนอนพักบ้างเถอะ เครียดมาทั้งวันแล้ว" ลันตาบอก
สิปาดันเอนไปพิงกับตัวลันตาที่ยืนอยู่ "ภาพที่มะนาวโดนตีมันยังติดตาฉันอยู่เลย ถ้านาวต้องเป็นอะไรเพราะฉัน...”
"แกก็ได้ยินที่หมอบอกว่านาวปลอดภัยแล้ว ที่เหลือเราแค่รอให้เขาฟื้นขึ้นมา แกอย่าคิดมากเลยนะ"
"ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น" สิปาดันบอก
สิปาดันมองมะนาวที่นอนหลับด้วยความรู้สึกกังวล
เช็คเขียนตัวเลขเจ็ดล้านจากวันยื่นให้พอล พอลมองอย่างลังเล
"น้าวัน...ผมรู้ว่าเงินก้อนนี้คือทั้งหมดที่น้ามี น้าแน่ใจเหรอครับว่าจะให้ผมยืม"
"น้ายังมีอีกนิดหน่อย แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนที่จะต้องใช้เงิน ถ้าเงินก้อนนี้มันจะช่วยให้พอลได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ น้ายินดีจ้ะ"
"ขอบคุณมากนะครับ...”
"น้าจะออกไปซื้อของเข้าร้านนะ พอลจะเอาอะไรเพิ่มไหม"
"ไม่ครับ รีบกลับมานะครับ"
"โอเค...”
วันเดินออกไป
พอลถ่ายรูปเช็คให้เห็นจำนวนเงินกับลายเซ็นแล้วกดส่งรูปให้กับพิธาน
ข้อความถูกส่งเข้ามือถือของพิธาน พิธานเปิดดูเป็นภาพเช็คลายเซ็นของวัน พิธานร้อนใจมากจึงกดโทรศัพท์หาพอลทันที
พิธานถามทันทีที่พอลรับสาย "แกคิดจะทำอะไร!”
พอลคุยโทรศัพท์สีหน้ากวนตีนมาก
"ก็ทำเหมือนกับที่คุณทำกับมิ้งค์ แบบที่คุณชอบพูดบ่อย ๆ....ผมไม่มีความสุข คุณก็ต้องไม่มี ผมจะทำให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณไม่มีวันมีความสุข คนที่คุณรักจะต้องเจ็บปวด"
"ไอ้พอล พี่วันไม่เกี่ยว!”
"จริง...แต่ผมไม่ถือ.....ทำคุณไม่ได้ก็ทำกับพี่สาวคุณสิ"
"ทำไมพี่วันถึงให้เงินแก"
"ผมแค่บอกว่าคุณก่อกวนผมกับมิ้งค์ จะย้ายร้านหนีคุณ น้าวันก็ให้ยืมเงินเจ็ดล้านแบบง่ายๆ...แล้วถ้าผมไม่คืนเงินก้อนนี้"
"ไอ้พอล ไอ้เนรคุณ! ห้ามแกเอาเงินของพี่ฉันไป"
"เช็คเงินสดอยู่ในมือผม คุณจะทำอะไรได้...เวลาได้ยินเสียงคุณทุรนทุรายมันสะใจจริง ๆ"
"ฉันจะฆ่าแก"
พอลฟังพิธานพูดจบก็วางสายทันที
"ไอ้พอล! ไอ้พอล!”
พิธานวางสายแล้วก็แทบพุ่งออกไปจากคอนโด
พอลวางสายก่อนจะหันมาหามิ้งค์ที่มีสีหน้าไม่สบายใจ
"เราทำแบบนี้มันจะดีเหรอคะ"
พอลไม่แคร์ "มันยังน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับที่เขาทำกับเรา"
"แล้วน้าวันล่ะ"
พอลหนักใจแต่ก็ไม่มีคำตอบ
อ่านต่อตอนที่ 15