xs
xsm
sm
md
lg

นางกลางไฟ ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางกลางไฟ ตอนที่ 21

ภายในห้องรับแขกบ้านธวัช วาทินกับสายป่านก้มกราบเท้าสุนทรีย์ ซึ่งนั่งบนโซฟาและมองทั้งคู่อย่างเอ็นดู

"แม่คะ ป่านขอโทษค่ะที่ทำให้แม่ต้องเสียใจ ป่านผิดเองที่อวดดี คิดอะไรตื้นๆ จนเกือบจะทำผิดพลาดซ้ำสอง ถ้าป่านเชื่อฟังสิ่งที่แม่สอนซักนิด เรื่องทั้งหมดมันคงไม่บานปลายใหญ่โตขนาดนี้ แม่ยกโทษให้ป่านด้วยนะคะ"
สายป่านน้ำตาไหลด้วยความเสียใจขยับเข้ามากอดเอวสุนทรีย์ไว้
สุนทรีย์กอดลูกตอบ
"ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่อยากเห็นลูกต้องทุกข์ใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แม่เข้าใจความรักของเธอทั้ง 2 คน และไม่ได้คิดจะกีดกัน เพียงแต่แม่อยากให้เธอแน่ใจว่ามันคือความรักจริงๆ"
"ผมรักสายป่านจริงๆครับคุณป้า และต้องกราบขอขมาคุณป้าด้วยที่ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเรามันเกินเลยไป แต่ผมสัญญาครับว่าต่อจากนี้ไป ผมจะดูแลป่านกับลูกให้ดีที่สุด และจะให้คุณพ่อคุณแม่มาจัดการให้ถูกต้องตามประเพณีครับ"
วาทินกุมมือสายป่านไว้ ทั้งคู่หันมายิ้มให้กัน

มุมหนึ่งของห้องรับแขก ตะวันฉายอุ้มลูก กล้วยนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคู่มองวาทินกับสายป่านอย่างซึ้งพลอยน้ำตาคลอไปด้วย
"แม่ให้อภัยเรา 2 คนด้วยนะคะ"
วาทินกับสายป่านยื่นมาลัยดอกมะลิช่อสวยให้เป็นการขอขมา สุนทรีย์รับไว้แล้วยิ้มเอ็นดู
"จ้ะ แม่ให้อภัยเราทั้งคู่แม่ขอให้พวกเธอมีสติ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา เป็นผู้ใหญ่สมกับที่กำลังจะเป็นพ่อแม่คนนะจ๊ะ"
ทั้งคู่กราบเท้า สายป่านลุกขึ้นมากอดแม่
"ขอบคุณนะคะแม่ ป่านรักแม่ที่สุดในโลกเลยค่ะ"
"แม่ก็รักป่านจ้ะ"
"ขอบคุณคุณป้ามากครับที่ให้โอกาสและให้อภัยผม ขอบคุณคุณด้วยนะตะวันที่ช่วยพูดจนผมคิดได้ ไม่อย่างนั้นผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต"
ตะวันฉายอุ้มสายฟ้าเข้ามาหา
"ชั้นก็ดีใจกับคุณและน้องป่านด้วยค่ะ แล้วก็ดีใจกับคุณป้าด้วยนะคะที่จะได้มีหลานเพิ่มมาอีกคน"ตะวันฉายพูดกับลูก "สายฟ้าจะมีน้องแล้วนะครับ"
ตะวันฉายส่งสายฟ้าให้วาทิน
"อ้ะ คุณก็ต้องหัดอุ้มหลานให้ชินรู้ไหม พอป่านคลอดเมื่อไหร่ รับรองว่าคุณจะช่วย
ป่านเลี้ยงลูกได้คล่องเลยล่ะ"
วาทินรับสายฟ้ามาอุ้ม ท่าทางกลัว ตะวันกับทุกคนหัวเราะมีความสุข สายป่านยิ้มขำ เหลือบมองตะวันฉายแล้วนึกเสียใจที่ทำไม่ดีกับตะวันไว้มาก

ภายในห้องรับแขก บ้านดวงสุดา ดำรง วัลลภา ดวงสุดาหน้าตื่นตกใจ โพล่งพร้อมกัน
"ป่านท้อง!"
วาทินยิ้มรับหน้าระรื่น
"ใช่ครับ แล้วผมก็จะขอป่านแต่งงานด้วย"
ทุกคนกอดวาทินด้วยความดีใจ
"พี่ดีใจด้วยนะทิน ต่อไปเป็นพ่อคนแล้วก็เลิกทำตัวเพลย์บอย ดูแลสายป่านให้ดีล่ะ"
วัลลภาน้ำตาคลอ
"นี่ชั้นกำลังจะเป็นย่าแล้วหรอเนี่ย"
"ผมก็จะเป็นปู่แล้วสิ ในที่สุดแกก็มีครอบครัวซักที แล้วรู้หรือยังว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว"
วัลลภาตีแขนดำรง
"คุณนี่ก็ หนูป่านเพิ่งจะท้องเอง ต้องไปลุ้นตอน 4 เดือนโน่นแหละค่ะ ว่าเราจะได้หลานชายหรือหลานสาว"
"เดี๋ยวผมจะให้ซินแสช่วยดูฤกษ์คลอดกับตั้งชื่อให้หลานดีไหมคุณ"
วาทินอดขำไม่ได้ที่พ่อกับแม่เห่อหลานเต็มที่
"เฮ้อ โล่งอกไปทีที่แกรอดจากนังตะวันไปได้ เอ๊…แต่ก็ไม่แน่นะ ยังไงแกก็รู้จักหักห้ามใจตัวเองไว้บ้างก็ดี เพราะถึงแกจะแต่งงานมีเมียแล้ว ถ้านังนั่นมันอยากได้ …ก็คงไม่สน"
ดวงสุดายิ่งคิดยิ่งแค้น วาทินพูดขัด
"พี่ดา ผมว่าพี่อคติกับตะวันไปหน่อยหรือเปล่า ผมไม่เห็นเขาจะคิดแย่งคุณวัชไปจากพี่เลย แล้วคุณวัชเองก็รักตะวัน…ไม่ใช่พี่"
ดวงสุดาโมโหคว้าหมอนปาใส่
"ไอ้ทิน! นี่แกเข้าข้างมันหรอ ไหนแกบอกว่ารักยัยป่านแล้วกำลังจะมีลูกด้วยกันไง ทำไมถึงไปหลงมันอีก"
"ผมไม่ได้หลง ผมแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง"
"ไอ้ทิน"
ดวงสุดาจะเข้าไปตีวาทิน วัลลภากับดำรงรีบห้ามไว้
"หยุดนะยัยดา ที่ตาทินพูดมันก็ถูก ในเมื่อผู้ชายเขาไม่รัก แกจะไปตามยื้อเขาอีกทำไม แกยังสาวยังสวยหาผัวใหม่ก็สิ้นเรื่อง"
"คุณพ่อ! น้าวัลดูคุณพ่อสิคะ หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วยังจะยุลูกให้ยกสามีให้มันอีก"
วัลลภามองปรามดำรง โอบดวงสุดาเข้าข้างเต็มที่
"คุณคะ สามีทั้งคนจะยกให้คนอื่นง่ายๆได้ยังไง เป็นชั้น ชั้นก็ไม่ยอมหรอกค่ะ"
วัลลภามองค้อน ดำรงหน้าเจื่อนกลัวเรื่องจะเข้าตัว
"ก็มันจริงไหมล่ะ ชั้นเห็นวันๆยัยดาเอาแต่ตามหึงหวงกลัวใครจะแย่งผัวมันไป แล้วเมื่อไหร่แกจะมีความสุขกับเขาซักที"
"ก็ไม่ใช่เพราะนังตะวันหรอคะ ที่ทำให้ชีวิตดากับทุกคนในบ้านเราต้องวุ่นวายแบบนี้ คุณพ่อจะให้ดาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าดาไม่มีความสุข มันจะต้องทุกข์ยิ่งกว่า คอยดูก็แล้วกัน"
ดวงสุดาสะบัดลุกหนีไป ดำรงมองตามเหนื่อยใจ
"คุณเองก็เหมือนกัน เอาแต่ให้ท้ายลูกจนมันเสียนิสัย แล้วต่อไปก็เลิกระแวงผมได้แล้ว ผมน่ะถอดเขี้ยวเล็บทิ้งไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว เรา 2 คนมาเตรียมตัวเลี้ยงหลานกันดีกว่า หรือว่า จะมีเองอีกซักคนดีจ๊ะ"
"บ้า…คุณเนี่ยพูดอะไรก็ไม่รู้ แก่ปูนนี้แล้ว"
วาทินมองทั้งคู่หยอกล้อกันแล้วอดยิ้มดีใจไปด้วยไม่ได้

ธวัชกับนิคมเดินตรวจงานอยู่ในโครงการคอนโดฯ หัวหน้าคนงานเดินคู่ช่วยอธิบาย
หัวหน้าคนงานบอก
"ผมว่าภายในเดือนนี้ทางเราก็น่าจะเก็บงานเสร็จครับ"
"ถ้าอย่างนั้นทีมผมจะได้เตรียมเข้ามาเริ่มงานตกแต่งภายใน" ธวัชบอก
"ทางคุณคิดว่าเก็บงานทันไหมครับ" นิคมถาม
"ทันแน่นอนครับไม่ต้องห่วง"
หัวหน้าคนงานนำธวัชกับนิคมเดินสำรวจในโครงการ
ในเพิงพักคนงาน คนงาน1 ฝากลูกวัยกำลังคลานไว้กับคนงาน 2 แล้วลงจากเพิงไป
คนงาน1บอก
"พ่อ ฝากดูลูกแป๊บนึงนะ ชั้นจะไปซื้อของหน่อย"
คนงาน2 คาบบุหรี่อ่านหนังสือพิมพ์ไม่ได้สนใจ รับคำไม่มองหน้า "อื้อ"
ลูกคลานเล่นกับพื้น เห็นคนงาน 3 วิ่งเข้ามาเรียก
"พี่ๆ ช่วยไปดูท่อน้ำทิ้งหน่อยสิ ไม่รู้ชั้นต่อเข้าผิดทางหรือเปล่า"
คนงาน2หงุดหงิดรำคาญ
"ฮื้ย คนจะอ่านหนังสือพิมพ์กวนใจอยู่ได้ ไอ้แดงคลานเล่นอยู่แถวนี้นะ เดี๋ยวพ่อมา"
แดงนั่งเล่นของเล่นไม่รู้เรื่อง คนงาน 2 โยนขี้บุหรี่ทิ้งแบบมักง่าย ยกลูกกรงไม้เตี้ยๆที่ทำไว้แทนประตูกันลูกไว้ แล้วเดินตามคนงาน3 ไป ขี้บุหรี่ทิ้งหล่นบนหนังสือพิมพ์ เริ่มลุกเป็นควันลามไหม้ที่นอน ลูก ไฟวิ่งไต่ขึ้นยังโครงไม้ไหม้ทั้งห้องอย่างรวดเร็ว แดงตกใจเริ่มร้องไห้จ้า
หัวหน้าคนงานพาธวัชกับนิคมเดินสำรวจผ่านมา เสียงแดงร้องไห้ดังแว่ว นิคมหันไปเห็นควันโขมงไฟ กำลังลุกไหม้เพิงคนงาน
นิคมร้องหน้าตื่น
"เฮ้ย ไฟไหม้"
ธวัชบอก
"นั่นมันเสียงเด็กนี่"
ธวัชกับนิคมรีบวิ่งเข้าไป หัวหน้าคนงานร้องห้ามทั้งคู่ไม่ทัน
"คุณธวัช…คุณนิคม" หัวหน้ารีบวอร์ขอกำลังมาช่วย "ตอนนี้เพิงคนงานไฟไหม้ มาช่วย
กันดับไฟเร็ว แล้วรีบแจ้งดับเพลิงด่วนเลย"
หัวหน้าคนงานรีบตามทั้งคู่ไปแล้วตักน้ำสาด เห็นไฟยังโหมลาม
นิคมกับธวัชช่วยกันถีบลูกกรงเข้าไป ทั้งคู่มองหา เห็นแดงนั่งร้องไห้อยู่มุมนึงของห้อง
ธวัชรีบเข้าไปอุ้มไว้ นิคมใช้ผ้าห่มพยายามตบไฟให้ดับ
"ไอ้วัชแกเอาเด็กออกไปก่อน"
ธวัชหาผ้าคลุมแดงไว้กันสำลักควันแล้วรีบอุ้มวิ่งฝ่าออกไป ไฟยังโหมลุก นิคมไม่ทันระวัง ตู้เสื้อผ้าด้านหลังทรุดเอนล้มใส่ทับแขน
"เฮ้ยย! นิคมพยายามดึงแต่ไม่ออก "โอ๊ย…ไอ้วัช…ช่วยชั้นด้วย"
คนงานฮือฮาเข้ามาช่วยหัวหน้าคนงานดับไฟ ธวัชอุ้มแดงวิ่งออกมา ทุกคนเฮดีใจ
"คุณธวัชเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"ผมไม่เป็นไร"
คนงาน1กับคนงาน 2 หน้าตื่นวิ่งเข้ามารับแดงจากธวัช
คนงาน 1ร้องไห้ตกใจ กอดลูกไว้แน่น
"ไอ้แดงลูกแม่"
คนงาน 2เข้ามากอดลูกเมีย
"ขอบคุณมากนะครับคุณ"
"ไม่เป็นไรครับ"
หัวหน้าคนงานยืนสั่งการให้ลูกน้องฉีดน้ำดับไฟ ธวัชหันมองหานิคม
"แล้ว…นิคมล่ะครับ"
" อ้าว คุณนิคมเข้าไปพร้อมคุณแล้วไม่ได้ออกมาด้วยกันหรอครับ"
ธวัชหน้าตื่น
"ไอ้คม"
ธวัชไม่ฟังเสียงรีบหันวิ่งกลับเข้าไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน หัวหน้าคนงานรีบร้องห้ามไว้
"คุณธวัช! อย่าเข้าไปครับ มันอันตราย พวกเราเข้าไปช่วยกันหน่อยเร็ว!"
ธวัชวิ่งกลับเข้ามาในเพิง โครงไม้เริ่มพังหล่นลงมาเป็นลูกไฟ ธวัชเบี่ยงตัวหลบแล้วมองหาและตะโกนเรียกนิคม
" ไอ้คม ไอ้คม แกอยู่ไหน"
นิคมถูกตู้ทับแขนอยู่ด้านในของเพิง เห็นธวัชแล้วรีบตะโกนเรียก
"ไอ้วัช ชั้นอยู่ทางนี้"
ธวัชหันมาเห็น รีบลุยเข้ามาช่วยยกตู้ขึ้น นิคมรีบกลิ้งตัวออกมา ธวัชช่วยประคอง
"ไหวหรือเปล่าวะคม อดทนหน่อยนะเว้ย"
ธวัชพยุงนิคมหลบลูกไฟที่หล่นลงมาตลอดทาง
คานไม้เริ่มโอนเอนแล้วร่วงลงมาหา ทั้งคู่ร้องพุ่งหลบไปคนละทางได้อย่างหวุดหวิด
ธวัชล้มศรีษะกระแทกกับเสาไม้อย่างแรง เขากุมหัว
"โอ๊ย"
ภาพความสัมพันธ์ระหว่างธวัช ตะวันและดวงสุดาไหลกระแทกเข้ามาในความคิดของธวัช อย่างเร็วรัว ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน แล้วจบที่หน้าตะวันฉายยิ้มให้
"ตะวัน"
หัวหน้าคนงานกับคนงานลุยเข้ามาช่วย เขาได้ยินเสียงนิคมเรียกแว่วอยู่ไกลๆ
"ไอ้วัช…ไอ้วัช"

ธวัชเบลอ แล้วสลบไป ศรีษะเลือดไหลเป็นทาง
 
อ่านต่อหน้า 2

นางกลางไฟ ตอนที่ 21 (ต่อ)

ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาล ธวัชสะลึมสะลือฟื้น ภาพเบลอแล้วค่อยๆปรับเป็นชัด

ในห้องพิเศษ ตะวันฉายมองยิ้มให้นิคมอย่างเป็นห่วง
"คุณเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากไหม"

ธวัชรู้สึกตัว เอื้อมมือออกไปหา ละเมอชื่อเบาๆ
"ตะวัน"

ตะวันฉายยิ้มให้ ขยับเข้ามาช่วยประคอง

ธวัชจับมือใครบางคนไว้แน่น
"ตะวัน"

ตะวันช่วยประคองนิคมขึ้นนั่งพิงเตียง ที่แขนนิคมเข้าเฝือกอ่อน
"ขอบคุณมากครับ เจ็บแขนนิดหน่อยน่ะ เห็นหมอบอกว่าให้ใส่เฝือกอ่อนไว้ชั่วคราว พอหายเคล็ดก็เอาออกได้แล้วล่ะครับ"
"โล่งอกไปทีค่ะ ชั้นตกใจหมดเลยที่รู้ว่าคุณวัช…กับคุณคมเกิดอุบัติเหตุ"
" ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่รายนั้นสิถึงกับสลบไปเลย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง"

ตะวันเหลือบมองไปทางห้องพักธวัชอดนึกห่วงขึ้นมาไม่ได้
ดวงสุดาจับมือธวัชไว้แล้วยิ้มดีใจ วัลลภาที่เข้ามามุงมองอย่างโล่งใจ
"คุณฟื้นแล้วหรอคะ ชั้นเป็นห่วงคุณแทบแย่แน่ะ"
ธวัชชะงัก มองอย่างผิดหวัง
"ดา…แล้วตะวันล่ะ"
ดวงสุดาชักสีหน้า
"คุณถามถึงมันทำไมคะ ป่านนี้นังตะวันมันก็คงรีบแจ้นมาเฝ้าคุณนิคมแล้วมั้งค่ะ"
"เฝ้านิคม โอ๊ย!...นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
ธวัชขยับจะนั่ง ดวงสุดาช่วยขยับหมอนให้ธวัชเอนตัวพิง วัลลภาช่วยอธิบาย
"ก็เธอกับนิคมไปตรวจงานที่ Site แล้วเพิงคนงานเกิดไฟไหม้ แล้วก็ดันทำตัวเป็นฮีโร่เข้าไปช่วยลูกคนงานที่ติดอยู่ในนั้นกัน จนต้องมานอนเจ็บด้วยกันทั้งคู่เนี่ย"
"ดีนะคะที่วัชแค่หัวแตก ถ้าคุณเป็นอะไรไปมากกว่านี้ละก็ ชั้นคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ"
ดวงสุดาเข้าไปกอด ธวัชไม่สนใจเอาแต่มองหาตะวัน
"แล้วตะวันล่ะ ตะวันหายไปไหน ผมอยากเจอตะวัน"
ดวงสุดาผละออก วัลลภามองนึกเอะใจ
วัลลภากระซิบ
"ยัยดา อย่าบอกนะว่า ความจำของตาวัชกลับคืนมาน่ะ"
"ผมถามว่าตะวันอยู่ไหน"
ดวงสุดากับวัลลภาร้อนรน ดวงสุดาตัดสินใจแต่งเรื่องคิดจะรั้งไว้
"เขาก็ไปอยู่กับคุณนิคม แฟนใหม่ของเขาน่ะสิคะ"
"ผมไม่เชื่อ ผมจะไปหาตะวัน"
ธวัชพยายามจะลุกจากเตียง ดวงสุดากับวัลลภาช่วยกันรั้งไว้
"ว้าย! วัชคะคุณไปไม่ได้นะ คุณยังไม่หายดีเลย พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ"
ธวัชสะบัดหนี
"ไม่ ผมจะไปหาเมียผม โอ๊ย"
ฝ่ายนิคมยุให้ตะวันฉายแวะไปหาธวัช
"คุณตะวันไม่คิดจะไปดูมันหน่อยหรอครับ"
"ที่จริง…ก็อยากไปอยู่หรอกค่ะ แต่เขาคงไม่อยากเห็นหน้าชั้นหรอก แล้วเขาก็มีคุณดาคอยดูแลอยู่ทั้งคน"
นิคมคะยั้นคะยอ
"ไปเถอะครับ คุณ 2 คนรักกันไม่ใช่หรอ จะทิฐิใส่กันทำไม เกิดคุณดูใจมันไม่ทันจะมาเสียใจทีหลังนะ "
ตะวันยิ้มขำ
"แค่หัวแตกไม่ถึงกับตายหรอกค่ะ เอาไว้ค่อยหาโอกาสไปเยี่ยมเขาก็แล้วกัน ว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรแน่นะคะ"
"สบายมากครับ คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก"
"งั้นชั้นขอตัวกลับไปดูลูกก่อนนะคะ"
ตะวันหยิบกระเป๋าเดินออกไป นิคมมองตาม ถอนใจอดสงสารตะวันไม่ได้

ตะวันเปิดประตูออกมา เหลือบมองไปทางห้องธวัชที่อยู่ถัดไป ลังเลแต่ตัดใจหันเดินไป

ธวัชยังดึงดันพยุงตัวเปิดประตูออกมา เห็นตะวันเพิ่งเดินเลี้ยวไป
"ตะวัน" ธวัชเซ มีอาการปวดหัว "โอ๊ย…ตะวัน"
ดวงสุดากับวัลลภารีบช่วยกันดึงไว้
"คุณวัช คุณยังไม่หายดีเลยจะลุกขึ้นมาทำไมคะ"
"คุณพยาบาลคะ ช่วยด้วยค่ะ" วัลลภาเรียก
ธวัชยังพยายามเรียกหาตะวัน พยาบาลรีบเข้ามาช่วยจับไว้
"คุณคะ คุณไปไม่ได้นะคะ คุณยังไม่หายดีเลย"
ธวัชโวยวายลั่น สุนทรีย์กับสายป่านเดินเลี้ยวเข้ามาเห็นพอดี
"ปล่อยผม ผมจะไปหาเมียผม…ปล่อย!"
"ตาวัช เป็นอะไรไปน่ะลูก"
ธวัชยังโวยวายไม่ยอม ทุกคนเข้ามาช่วยกันจับไว้ หมอกับพยาบาลวิ่งเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือ
"จับคนไข้ไว้"
พยาบาลช่วยกันล็อกตัวธวัชไว้ หมอฉีดยาใส่ที่ต้นแขน ธวัชเริ่มสงบลงแล้วนิ่งไป
"คุณวัชคะ คุณหมอคะสามีชั้นเป็นอะไรไปคะ"
"คนไข้อาจจะมีอาการสับสน ผมให้ยานอนหลับไปแล้ว ถ้าได้พักผ่อนอาจจะดีขึ้น ยังไงเดี๋ยวผมขอเชิญญาติคนไข้ที่ห้องด้วยนะครับ "
พยาบาลช่วยกันพยุงธวัชเข้าห้อง สุนทรีย์กับสายป่านมองธวัชอย่างเป็นห่วงแล้วตามหมอไป
ดวงสุดากับวัลลภาหันมองหน้ากันกลัวเรื่องธวัชฟื้นความจำจะแดง จำต้องตามหมอไป

สุนทรีย์รีบซักหมอด้วยความเป็นห่วงธวัช
"คุณหมอคะ อาการลูกชายชั้นเป็นยังไงบ้างคะ"
"อาการภายนอกของคนไข้มีแค่แผลศรีษะแตกเล็กน้อยเท่านั้นครับ ตอนนี้ผมให้รอดูอาการ ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ เพียงแต่…"
"แต่อะไรคะหมอ"
"ประวัติของคนไข้เคยถูกกระทบกระเทือนสมองมาหลายครั้ง จนทำให้ความจำของเขาอาจไม่ปะติดปะต่อ"
ดวงสุดาได้โอกาสปั้นเรื่อง
"ที่เขาคุ้มคลั่งเมื่อกี๊นี้ก็เป็นอาการข้างเคียงด้วยใช่ไหมคะ"
"อย่างที่ผมบอกครับว่าต้องรอดูอาการ คนไข้อาจจะกำลังสับสน คงต้องใช้ยารักษาควบคู่ไปด้วย"
"แล้วความจำของพี่วัชจะกลับคืนมาไหมคะ" สายป่านถาม
"ตอบยากครับ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะกลับคืนมาทั้งหมด หรือจำได้แค่เพียงบางคนหรือบางเรื่อง คงต้องใช้เวลาฟื้นตัวครับ แต่หมอขอให้พยายามเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้คนไข้กระทบกระเทือนจิตใจ เพราะอาจเป็นไปได้เช่นกันที่จะทำให้ความทรงจำของคนไข้หายไปทั้งหมด"
ทุกคนถึงกับเครียดหนัก

ธวัชหลับสนิทบนเตียง ดวงสุดากับวัลลภานั่งปรึกษากันอย่างเครียด
"น้าวัล คุณวัชเขาต้องจำเรื่องทั้งหมดได้แล้วแน่ๆเลย"
"ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่ะยัยดา ตาวัชอาจจะแค่เพ้อก็ได้"
"น้าจะให้ดาใจเย็นได้ยังไง ไม่เห็นหรอว่าเขาเอาแต่เรียกหานังตะวันน่ะ"
"แล้วเราจะยื้อตาวัชไว้ได้ซักกี่วัน ขนาดดาแต่งเรื่องว่ามันเป็นแฟนกับนิคม ตาวัชยังไม่เชื่อเลย หรือว่า…"
วัลลภาคิดจะถอย ดวงสุดาเดารู้ไม่ยอม เสียงแข็งขึ้นมาทันที
"ไม่ค่ะ ดาไม่มีวันปล่อยคุณวัชไปเด็ดขาด คนอย่างดาไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอกค่ะ"
วาทินเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา วัลลภากำลังหงุดหงิดหาที่ลงได้พอดี
"อ้าวตาทิน แกหายไปไหนมาเนี่ย รู้ไหมว่าที่บ้านเกิดอะไรขึ้น พ่อแกก็เหมือนกัน ไป
ต่างประเทศเมื่อไหร่จะกลับก็ไม่รู้ เฮ้อ ชั้นจะพึ่งใครได้ซักคนไหมนี่ย"
"อ้าว มาถึงก็ใส่ไม่ยั้งเลยนะครับคุณแม่ ผมไปทำงานเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด พอรู้
เรื่องจากป่านก็รีบแวะมาเนี่ยครับ แล้วนี่คุณวัชเป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่ดา"
"แค่หัวแตกน่ะ แต่ความจำดันฟื้นกลับมาเนี่ยสิ"
"หา! งั้นคุณวัชก็จำตะวันได้แล้วสิ แล้วพี่ดาจะทำยังไงล่ะครับ"
"ชั้นก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อเขี่ยนังตะวันออกไปจากชีวิตให้ได้น่ะสิ ทิน แกต้องบอกป่านให้อยู่ข้างพี่นะ ให้เขาช่วยพูดกับคุณวัชไม่ให้กลับไปอยู่กับนังตะวัน"
"ถ้าคุณวัชว่าง่ายอย่างนั้นก็ดีสิครับ แต่เรื่องความรักมันห้ามกันได้ด้วยหรอพี่ดา"
"แหม จู่ๆก็เกิดเชื่อเรื่องความรักขึ้นมาซะอย่างงั้น ไม่รู้แหละ ยังไงแกก็ต้องช่วยชั้น ชั้นเป็นพี่แกนะ"
"อย่างนี้มันพาลกันนี่นา ไม่เอาละผมกลับก่อนดีกว่า คุณแม่จะกลับด้วยกันเลยไหมครับ"
"ก็ดีเหมือนกัน ดาล่ะกลับด้วยกันไหมลูก ตาวัชก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก จ้างพยาบาลพิเศษเฝ้าเอาก็ได้"
"ไม่ค่ะ ดาจะอยู่เฝ้าวัชเอง น้าวัลกลับเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงดา"
ดวงสุดาทำพูดประชด วัลลภาไม่รู้ตัวหยิบกระเป๋าลุกตามวาทิน
"งั้นน้ากลับก่อนนะจ๊ะ ไปตาทิน"
ดวงสุดาหน้างอหงุดหงิดที่โดนทิ้งอยู่คนเดียว
"ได้ เราอยู่คนเดียวก็ได้ คอยดูนะวัช ชั้นจะเฝ้าคุณไม่ให้คลาดสายตาเลย"
ธวัชขยับตัว ดวงสุดาห่วงรีบเข้าไปหา ธวัชเผลอละเมอชื่อตะวันออกมาโดยไม่รู้ตัว
"ตะวัน"
ดวงสุดาชะงักอึ้ง แอบตัดพ้อ
"ทำไมคุณถึงเอาแต่คิดถึงมัน ในใจคุณ…ไม่มีชั้นอยู่บ้างเลยหรอธวัช"

ดวงสุดากุมมือธวัชไว้แนบแก้ม น้ำตาไหลทั้งเจ็บทั้งกลัวธวัชจะหลุดมือไป
 
อ่านต่อหน้า 3

นางกลางไฟ ตอนที่ 21 (ต่อ)

วันใหม่ พยาบาลถอดเฝือกอ่อนให้นิคม ตะวันฉายเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาพอดี

"เรียบร้อยค่ะ คุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เลยนะคะ"
"ขอบคุณมากครับ"
พยาบาลเดินสวนออกไป ตะวันฉายยิ้มดีใจ
"คุณกลับได้แล้วใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวตะวันช่วยเก็บของให้ เราจะได้กลับบ้านด้วยกัน"
"ไม่เป็นไรครับ ผมเก็บเรียบร้อยแล้ว ขอเปลี่ยนชุดแป๊บนึงนะครับ อ้อ แต่ผมอยาก
แวะไปเยี่ยมไอ้วัชมันหน่อย คุณตะวันไปด้วยกันนะครับ"
"แต่ว่า"
"ไปเถอะครับ ไอ้วัชมันยังเจ็บอยู่คงไม่มีฤทธิ์เท่าไหร่ ผมรู้ว่าลึกๆแล้วมันยังรักคุณ
อยู่ ถ้ามันเห็นคุณไปเยี่ยมมันคงจะดีใจ"
ตะวันนึกลังเลชั่งใจ
นิคมเคาะประตูเปิดเดินนำตะวันเข้ามา สายป่านกับสุนทรีย์กำลังจะเปิดออกไป
"อ้าว พี่คม…คุณตะวัน"
"คมหายดีแล้วหรอ ป้ากับยัยป่านกำลังจะไปเยี่ยมอยู่พอดี"
"ครับ หมอให้กลับบ้านได้แล้ว ไอ้วัชเป็นยังไงบ้างครับ"
"ตาวัชกินยาแล้วก็หลับไปได้ซักพักแล้วล่ะจ้ะ"
ธวัชนอนหลับบนเตียง ตะวันฉายมองอย่างคิดถึง
"ตะวันขอเข้าไปดูคุณวัชหน่อยนะคะ"
ตะวันฉายเข้าไปจับมือธวัชมากอดไว้ด้วยความรัก สุนทรีย์กับสายป่านพูดไม่ออก
สายป่านมองตะวันฉายแล้วนึกกังวล
"เอ่อ...แต่หมอสั่งห้ามไว้ไม่ให้"
สายป่านพูดไม่ทันขาดคำ ดวงสุดากับวัลลภาเปิดเข้ามาในห้อง ดวงสุดาเห็นตะวันแล้วชะงัก
ธวัชสะลึมสะลือตื่นพอดี ดวงสุดากับวัลลภาหน้าตื่นรีบเข้าไปหาธวัช
"คุณตื่นแล้วหรอคะ"
ธวัชยังเบลอได้ยินเสียงดวงสุดาแล้วโวยไล่ตะเพิด ไม่รู้ตัวว่าตะวันฉายจับมืออยู่ ธวัชสะบัดมือออก
"ไม่ต้องมายุ่งกับผม…ออกไป"
ตะวันอึ้งตกใจ ทุกคนรีบเข้ามาช่วยจับธวัชไว้
"คุณธวัช"
"ใจเย็นๆนะตาวัช สงบสติอารมณ์ไว้ก่อนลูก"
ธวัชปวดหัว กุมหัวไว้
"โอย"
ดวงสุดาได้ทีทำโวยกลบเกลื่อนใส่
"หมอสั่งไว้ไม่ว่าห้ามคุณวัชกระทบกระเทือนจิตใจ เธอรีบออกไปได้แล้ว ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ…รู้ไว้ด้วย เห็นแก่คุณวัชเถอะ ชั้นขอร้อง เลิกยุ่งกับเขาซะที" ดวงสุดาทำทีบีบน้ำตา
ดวงสุดารีบกดเรียกพยาบาลแล้วกอดธวัชไว้ ธวัชยังโวยวายไล่
สุนทรีย์กันตะวันห่างออกมา นิคมมองตกใจคิดไม่ถึง
"ตะวัน กลับไปก่อนเถอะ คุณหมอสั่งไว้อย่างนั้นจริงๆ"
ตะวันฉายยิ่งอึ้งช็อก นิคมมองอย่างเห็นใจ บอกสุนทรีย์ด้วยความรู้สึกผิด
"คุณป้าครับ ผมขอโทษ เป็นความผิดของผมเองที่ชวนคุณตะวันมาเยี่ยมไอ้วัช ผมไม่คิดว่าจะทำให้ธวัชเป็นถึงขนาดนี้"
ธวัชยังเบลอเห็นหน้าดวงสุดาแล้วตวาดไล่
"อย่ามายุ่งกับผม เลิกมารยาสร้างเรื่องหลอกผมซักที ผมไม่เชื่อคุณอีกแล้ว ออกไป
…ผมบอกให้ออกไป โอ๊ย"
ดวงสุดารู้ว่าธวัชไล่ตัวเองยิ่งเจ็บแต่พยายามเก็บอาการไว้
ดวงสุดาน้ำตาไหล
"คุณวัช"
วัลลภาเห็นดวงสุดาแล้วยิ่งสงสาร ช่วยพูดไล่ตะวัน
"ยังไม่ออกไปอีก ตั้งแต่ตาวัชฟื้นก็โวยวายไล่เธอตลอดเวลา ถ้าไม่อยากเห็นตาวัชทรมานละก็ รีบกลับไปได้แล้ว"
พยาบาลรีบเข้ามาแล้วฉีดยา ธวัชนิ่งสงบลง
ตะวันฉายอึ้งค้างน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ หันเดินออกจากห้องไป
ดวงสุดากับวัลลภาถอนใจโล่งอก นิคมเดินตามตะวันออกไป สุนทรีย์ สายป่านมองธวัชหลับอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง
"ไม่รู้เวรกรรมอะไรนักหนา ตาวัชถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆไม่สิ้นสุดซักที"

ในห้องรับแขก บ้านนิคม ตะวันนั่งซึมคิดถึงธวัช กล้วยนั่งเล่นกับสายฟ้าอยู่ในสวน มะปรางเอื้อมมาแตะไหล่ ตะวันฉายโผกอดเพื่อนไว้
"มะปราง"
ตะวันปล่อยโฮเสียใจ มะปรางลูบหลังปลอบ แต่แอบยิ้มสมน้ำหน้าอย่างสะใจ

ตะวันฉายนั่งเล่นริมสระน้ำกลางสวนสวย สีหน้าดูสดชื่นขึ้น มะปรางยื่นแก้วน้ำให้ แล้วนั่งลงข้างๆ
"สบายใจขึ้นหรือยัง"
"อืม ได้มาสูดอากาศดีๆแบบนี้ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะเลย ขอบใจแกมากนะ"
มะปรางได้โอกาสทำทีพูดเตือนสติแต่แอบยุ
"ตะวัน ชั้นว่าแกอย่าเก็บทุกเรื่องมาทุกข์ใจเลย แกต้องรู้จักปล่อยวางบ้าง บางอย่างถ้ามันไม่ใช่ของเรา…ถึงจะพยายามแค่ไหน…แกก็ไม่มีวันได้มันมาหรอก"
ตะวันหันมองมะปรางเป็นเชิงถาม
"นี่แกกำลังจะบอกให้ชั้นปล่อยวางเรื่องคุณวัชงั้นหรอ"
มะปรางเห็นตะวันฉายขึงขังขึ้นมา ก็รีบออกตัว
"ชั้นเห็นแกทุกข์มามากแล้วก็เลยเป็นห่วงน่ะ เพราะแกเป็นเพื่อนรักหรอกนะชั้นถึงกล้าพูด"
ตะวันฉายไม่ติดใจ พูดอย่างมั่นใจ
"แต่ชั้นจะรอคุณวัชคนเดิมกลับมา ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ ชั้นก็จะรอ"
มะปรางหาทางกล่อม
"แล้ว…ถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ แกยังจะรออยู่อีกหรอ แกอาจจะคิดว่านี่เป็นบททดสอบความรักของแกก็ได้ แต่ถ้ามันเป็นสัญญาณบอกให้แก…เลิกหวังล่ะ"
ตะวันชะงักเริ่มคิดตาม มะปรางได้ทีรีบพูดต่อ
"แกอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นไม่ใช่หรอ แล้วทำไมไม่เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครซักคนที่รักแกจริงๆ สายฟ้าจะได้ไม่ต้องกำพร้าพ่อแบบนี้ ชั้นว่าบางเรื่องแกก็ฝืนชะตาลิขิตไม่ได้หรอกนะ นอกจากยอมรับมันซะ"
ตะวันฉายเหม่อไปข้างหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างเจ็บปวด
"หรือว่า ชั้นกับคุณวัช เราจะไม่มีวันได้กลับมารักกันอีกตลอดไป"
มะปรางแอบยิ้มสะใจที่เห็นชีวิตรักของตะวันกำลังพังทลายลง

เย็นต่อเนื่องมา มะปรางเดินเลือกชุดในร้านแล้วหยิบไม่ยั้งมาวางสุมเป็นกอง ส่งบัตรเครดิตแบบวางมาดให้พนักงานคิดเงิน
พนักงานรับมา แต่รูดการ์ดไม่ผ่านแล้วยื่นส่งบัตรคืน
"ขอโทษด้วยค่ะคุณผู้หญิง บัตรเครดิตวงเงินเต็มไม่สามารถใช้ได้ค่ะ"
มะปรางหน้าเจื่อนรีบหยิบบัตรอีกใบส่งให้
"อ้ะ งั้นลองใบนี้"
พนักงานหยิบไปรูดแต่ไม่ผ่าน แล้วส่งคืน
"ใบนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้ค่ะ"
พนักงานแอบเหล่มองเย้ย มะปรางหน้าเสีย
มะปรางเดินสะบัดอารมณ์เสียออกจากร้าน หันมองรอบตัวกลัวใครจะได้ยินคุยโทรศัพท์
" อะไร…หนี้เก่ายังไงชั้นก็ต้องจ่ายอยู่แล้วล่ะน่า แต่ตอนนี้ขอเพิ่มวงเงินซัก2-3 แสนก่อนได้ไหมนี่คุณพูดเป็นอยู่คำเดียวรึไงว่าให้จ่ายยอดค้างชำระน่ะ"
มะปรางหงุดหงิดกดตัดสาย เสียงโทร.เข้าดัง มะปรางไม่ทันดูเบอร์โทรศัพท์แล้วกดรับ
"ฮัลโหล…กำลังพูดสายอยู่ค่ะ… รู้แล้วน่า โอ๊ย แค่รูดบัตรไปไม่เท่าไหร่ ตามทวงอยู่นั่นแหละ พวกแกถูกโปรแกรมให้พูดแต่คำว่ายอดค้างชำระๆรึไง"
มะปรางกดวาง เสียงโทร.เข้าดังอีกที มะปรางมองลังเลแล้วตัดสินใจกดรับ
"ขณะนี้ท่านมียอดค้างชำระ…"
มะปรางตกใจอึ้งที่ได้ยินยอดหนี้ที่ค้าง
"…กรุณาชำระในวันรุ่งขึ้น มิฉะนั้นทาง ธนาคารต้องขออภัยที่ต้องระงับบัตรเครดิตของท่านเป็นการชั่วคราว"
มะปรางรีบกดวางยืนอึ้ง แล้วรีบกดโทร.หาดำรง
"คุณดำรง…รับสิ…ไอ้แก่ นี่แกกล้าปิดเครื่องใส่ชั้นหรอ"
มะปรางยืนหงุดหงิด กลุ้มคิดอะไรไม่ออก

ภายในห้องพิเศษ ธวัชรู้สึกตัวฟื้น ดวงสุดารีบเข้ามาหา
"เป็นยังไงบ้างคะคุณวัช"
หมอเปิดประตูเข้ามา พยาบาลเดินตามหลังเข้ามา
"เป็นยังไงบ้างครับ ยังปวดศีรษะอยู่หรือเปล่าครับ"
หมอเปิดดูแผลแล้วปิดตามเดิม
"นิดหน่อยครับ"
"แผลที่ศีรษะคุณก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนอาการปวดศีรษะคงต้องทานยาต่อเนื่องซักพัก ญาติก็สามารถเล่าเรื่องหรือพาไปสถานที่ที่คุ้นเคยช่วยฟื้นความจำของคนไข้อีกทางก็ได้นะครับ"
"ขอบคุณมากครับหมอ ได้ยินหมอพูดแบบนี้แล้ว ผมยิ่งอยากกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวเร็วๆ แล้วผมจะกลับได้เมื่อไหร่ครับ" ธวัชพูดประชดดวงสุดา
ดวงสุดารีบขัด
"แต่คุณยังไม่หายดีเลย จริงไหมคะคุณหมอ"
"จากที่ตรวจอาการถือว่าคนไข้ฟื้นตัวได้เร็วครับ ถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้ก็กลับได้เลย ผมขอตัว
ก่อนนะครับ"
หมอกับพยาบาลเดินออกไป ดวงสุดาหน้าจ๋อย พยายามคิดหาทางยื้อธวัชไว้ ทำเปลี่ยนเรื่อง
"หิวรึยังคะวัช ดาทำซุปมาให้คุณด้วยนะ ทานหน่อยนะคะ"
ดวงสุดารีบเปิดโถซุปจะป้อนเอาใจ ธวัชเบือนหน้าหนี
"คุณดา ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ผมจะกลับไปอยู่กับตะวัน"
ดวงสุดาชะงัก ทำใจเย็น
"คุณวัชคะ นัง…เอ่อ…ตะวันน่ะเขาย้ายไปอยู่บ้านคุณนิคมตั้งนานแล้ว คุณจะไปแยกเขาออกจากกันทำไม"
"ผมบอกแล้วไงว่า ผมไม่เชื่อว่าตะวันกับนิคมจะมีอะไรกัน ผมจะให้ตะวันย้ายกลับมาบ้านแม่"
"คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเถอะค่ะ แต่ตอนนี้ชั้นเป็นห่วงคุณมากกว่า บ้านแม่คุณน่ะมีแต่ผู้หญิงกับคนแก่ คุณเองก็ยังไม่หายดี เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะเป็นภาระทุกคนเปล่าๆ ให้ดาช่วยดูแลคุณจนกว่าจะหายได้ไหมคะ บ้านดาน่ะมีทั้งคนใช้คนรถสะดวกสบาย มีอะไรฉุกเฉินก็จะได้มาโรงพยาบาลได้ทัน"
"แต่ผมหายดีแล้ว"
ธวัชขยับตัวยังปวดหัว แต่พยายามเก็บอาการไว้
"คุณน่ะเอาแต่คิดถึงเขา แล้วเขาล่ะสนใจคุณซักนิดไหม ขนาดคุณป่วยหนักขนาด
นี้ เขายังไม่เคยโผล่มาเยี่ยมคุณซักครั้งเลย เนี่ยหรอคะคนที่รักกัน ชั้นว่าเขาคงหมดรักคุณไปนานแล้ว ไม่อย่างงั้นคงไม่ย้ายไปอยู่กับคุณนิคมหรอกค่ะ"
ธวัชจะเถียงแต่ปวดหัวขึ้นมา
"โอ๊ย"
ดวงสุดารีบเข้าไปประคอง
"คุณวัช! เห็นไหมคะว่าคุณยังไม่หายดี พักผ่อนก่อนเถอะชั้นขอร้อง…ให้ชั้นดูแลคุณจนกว่าจะหายเถอะนะคะ แล้วหลังจากนั้นคุณจะทำอะไรชั้นจะตามใจทุกอย่าง เชื่อดาซักครั้งเถอะนะคะวัช"

ธวัชยอมอ่อนลงนอนพัก ดวงสุดาห่มผ้าให้นึกเจ็บใจ
 
อ่านต่อหน้า 4

นางกลางไฟ ตอนที่ 21 (ต่อ)

ดวงสุดาประคองธวัชเข้ามานั่งที่เตียงในห้องนอน

"เป็นยังไงบ้างคะคุณวัช"
"ผมค่อยยังชั่วแล้วครับ เอ่อ…ดาผมอยากไปหา"
ดวงสุดาเดารู้รีบพูดดักคอเปลี่ยนเรื่อง
"คุณหิวหรือยังคะ เดี๋ยวดาลงไปทำข้าวต้มปลามาให้นะคะ"
ดวงสุดารีบเลี่ยงจะเดินออก ธวัชเรียกไว้แล้วปวดหัวแปล๊บขึ้นมาอย่างแรง
"เดี๋ยวก่อนดา ผม…โอ๊ย"
ดวงสุดารีบเข้ามาหา
"คุณวัชเป็นอะไรไปคะ"
ธวัชกุมศีรษะ
"ผมปวดหัว"
"งั้นรีบทานยาก่อนนะคะ"
ดวงสุดารีบหยิบยารินน้ำใส่แก้วส่งให้ ธวัชกินยา
ดวงสุดามองอย่างเป็นห่วง
"คงเป็นอาการข้างเคียงอย่างที่คุณหมอบอก แต่ถ้ากินยาต่อเนื่องอาการปวดหัวก็จะหายไปเองค่ะ แต่ที่สำคัญคุณต้องเลิกคิดเรื่องไร้สาระ แล้วพักผ่อนให้มากๆรู้ไหมคะ"
ดวงสุดาช่วยขยับหมอนให้แล้วหอมแก้มจะหันออก ธวัชฝืนยิ้มอย่างลำบากใจแล้วดึงมือดวงสุดาไว้
ธวัชตัดสินใจคุย
"เดี๋ยวก่อนดา ผมอยากกลับไปอยู่กับลูกเมียของผม"
ดวงสุดาชะงัก
"ไม่นะคะ วัชเกลียดมันไม่ใช่เหรอ"
"เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร คุณเป็นคนล้างสมองผม คอยยุแยงเป่าหูให้ผมเกลียดตะวัน แต่ตอนนี้ไอ้งั่งความจำเสื่อมคนนั้นได้ตายไปแล้ว ผมรู้แล้วว่าผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์มารยาน่ะไม่ใช่ตะวันหรอก แต่เป็นคุณต่างหาก"
ดวงสุดาตกใจอึ้ง
"ไม่จริง!"
"ยอมรับซะเถอะดา ต่อให้คุณพยายามแค่ไหนก็แยกผมกับตะวันไม่ได้ ผมต้องการหย่าให้เร็วที่สุด"
ดวงสุดาช็อกสมองมึนตื้อแทบทรุดหมดแรง โผกอดธวัชเอาไว้แน่น
"ไม่นะคะ ดาไม่หย่า ดารักคุณ ดาขาดคุณไม่ได้ ได้ยินไหมคะว่าดารักคุณ"
ธวัชแกะมือดวงสุดาออก
"คุณอย่าทำแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์หรอก"
ดวงสุดาโวยวายไม่ยอม
"ทำไมคุณถึงพูดง่ายๆแบบนี้ เมื่อวันก่อนเรายังมีความสุขด้วยกันอยู่เลย คุณยังบอกว่าจะรักดา เราจะไม่มีวันพรากจากกัน คุณจำได้ไหมคะ "
"ดา! เพราะว่าผมหลอกตัวเองว่ารักคุณ ทั้งๆที่ในใจผมมีแต่ตะวันเพียงคนเดียว"
ดวงสุดาอึ้งกับคำตัดรอนของธวัช
"ไม่จริง คุณพูดออกมาเพราะคุณกำลังสับสน เอาไว้ให้คุณหายดีแล้วเราค่อยคุยกันใหม่นะคะ คุณพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ"
ดวงสุดาจะเดินออก
"ไม่ดา! ผมปกติดีทุกอย่าง คุณอย่าพยายามอีกเลย เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่ได้รักคุณ ผมรักตะวัน"
ดวงสุดาเจ็บ น้ำตาไหล
"ทำไม…ทำไมคุณถึงรักฉันไม่ได้"
"ดา…ผมไม่ได้รักคุณมาตั้งแต่ต้น แล้วผมก็บังคับใจตัวเองให้รักคุณไม่ได้ ยิ่งคุณยื้อต่อไปเท่าไหร่ คุณเองนั่นแหละที่จะยิ่งเจ็บ เราหย่ากันเถอะดวงสุดา"
ดวงสุดาเจ็บแสนเจ็บ จับมือธวัช พยายามอ้อนวอนทั้งน้ำตา
"วัชคะ…ชั้นขอร้อง คุณไม่ต้องรักชั้นก็ได้ ขอเพียงแค่ชั้นได้อยู่ใกล้ๆคุณ ได้ดูแลคุณก็ ชั้นสัญญาค่ะว่าเมื่อไหร่ที่คุณหาย ชั้นจะเซ็นใบหย่าให้คุณทันที นะคะวัช ชั้นขอร้อง เห็นแก่ผู้หญิงคนนึงที่รักคุณอย่างหมดหัวใจด้วยเถอะค่ะ"
ดวงสุดากอดธวัชแน่นปล่อยโฮ ธวัชถึงกับอึ้งด้วยความสงสาร ใจอ่อนกอดปลอบดวงสุดาไว้
"ก็ได้ แต่ถ้าผมหายดีเมื่อไหร่ คุณต้องหย่ากับผมทันทีเข้าใจไหม"
ดวงสุดารีบรับคำ ยิ้มทั้งน้ำตา
"ค่ะวัช ชั้นสัญญา"
ดวงสุดากอดธวัชอย่างกลัวจะหลุดมือไป ธวัชสีหน้าอึดอัดลำบากใจ

เวลาต่อมา ดวงสุดาพูดอาฆาตอย่างเจ็บแค้น
"ชั้นจะทำให้คุณรู้ว่า คุณคิดผิดที่ปฏิเสธฉัน และอย่าหวังว่าคุณจะได้อยู่กับนังตะวันอย่างมีความสุขเลย…ฝันไปเถอะ"

วัลลภารู้เรื่องทั้งหมด ตกใจช็อก
"หา! ตาวัชขอหย่า"
ดวงสุดาพยักหน้ารับ น้ำตาไหลพราก
"ค่ะ นังตะวัน มันทำลายชีวิตดา ถ้าไม่มีมันซักคน ยังไงวัชก็ต้องกลับมารักดาอยู่ดี ดาจะทำยังไงดีคะน้าวัล วัชเขาบอกว่าถ้าหายดีเมื่อไหร่ เขาจะกลับไปอยู่กับมัน ถึงตอนนั้นเขาต้องบังคับให้ดาหย่ากับเขาแน่ๆ ดาไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ดาเกลียดมัน เพราะมันคนเดียวถึงทำให้ชีวิตดาต้องเป็นแบบนี้…ดาจะฆ่ามัน"
ดวงสุดาปล่อยโฮ วัลลภากอดปลอบ
วัลลภารีบห้าม หันมองระวังรอบตัว
"ว้าย…ไม่เอาลูก เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะเป็นเรื่อง น้าว่าไม่ต้องถึงกับฆ่าแกงกันหรอก เอาไว้ให้ผู้หวังดีส่งข่าวมาแล้วเราค่อยหาทางเล่นงานมันให้เลิกยุ่งกับตาวัชก็พอ"
"ผู้หวังดี…จริงด้วย เราไม่เห็นต้องลงมือเองเลย จ้างผู้หวังดีให้จัดการ
มันออกไปจากชีวิตของวัชตลอดไปก็พอ"
ดวงสุดายิ้มเหี้ยม
"เดี๋ยวยัยดา น้าไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น เอาแค่สั่งสอนมันก็พอลูก"
วัลลภาพยายามห้ามกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่ ดวงสุดาไม่สนใจฟัง รีบกดข้อความส่ง sms ถึงผู้หวังดีทันที

เสียง SMS ดัง มะปรางเข้ามาหยิบมือถือขึ้นดู ยิ้มกระหยิ่ม แล้วพิมพ์ตอบกลับว่า “ตกลง แล้วเจอกันตามนัด”
"ถึงจะไถเงินจากกระเป๋าแกมาไม่ได้ แต่สุดท้ายเงินแกก็หล่นมาใส่ ให้ชั้นใช้อยู่ดี"
มะปรางหยิบสลิปบัตรเครดิตโยนทิ้งถังขยะไปทั้งปึก แล้วหัวเราะอย่างสะใจ

ภายในร้านอาหาร สองน้าหลานนั่งรอผู้หวังดี ดวงสุดามองนาฬิกาข้อมือ
"ใกล้เวลานัดแล้ว ทำไมป่านนี้ผู้หวังดียังไม่โผล่หัวมาอีกเนี่ย ยัยป่านก็เหมือนกัน"
"ใจเย็นๆน่ายัยดา ยังไม่ถึงเวลานัดเลย เดี๋ยวก็คงมานั่นแหละ"
สายป่านเดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ทั้งคู่
"สวัสดีค่ะคุณป้า พี่ดา"
"อ้าว ป่านมาพอดี แพ้ท้องเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยังจ๊ะ"
"ค่อยยังชั่วแล้วค่ะคุณป้า"
"แหม ต่อไปเลิกเรียกว่าคุณป้าได้แล้วนะ เรียกว่าคุณแม่ดีกว่าจ้ะ"
สายป่านยิ้มรับ
"ค่ะ คุณแม่"
วัลลภากอดชื่นใจ ดวงสุดาดีใจด้วยอย่างจริงใจ
"พี่ดีใจด้วยนะจ๊ะ บ้านเราน่ะเห่อกันใหญ่ที่จู่ๆก็ได้ทั้งสะใภ้แล้วก็หลานคนแรก โดยเฉพาะน้าวัลกับคุณพ่อ"
"แหม ก็น้าได้เป็นย่าคนทั้งทีมันก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา ป่านต้องบำรุงให้มากๆรู้ไหม เวลาคลอดลูกจะได้แข็งแรง"
"ค่ะ ว่าแต่…คุณป้ากับพี่ดานัดป่านมามีอะไรหรือเปล่าคะ"
มือถือของดวงสุดามีเสียงเตือนข้อความเข้าดัง ดวงสุดารีบเปิดดูแล้วยิ้มดีใจ
"ผู้หวังดีใกล้จะถึงแล้วค่ะ"
"ผู้หวังดีหรอคะ"
"ใช่ พี่นัดเจอกับผู้หวังดีที่นี่ คราวนี้นังตะวันมันเสร็จแน่"
สายป่านลำบากใจ
"นี่พี่ดายังคิดจะเล่นงานคุณตะวันอยู่อีกหรอคะ"
"ก็ใช่น่ะสิ ถ้าขืนมันยังมาวุ่นวายกับคุณวัช พี่ก็คงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต"
"แต่ป่านว่าคุณตะวันเขาก็ไม่ได้ยุ่งกับพี่วัชหรือโต้ตอบอะไรพี่ดาเลยนี่คะ พี่ดาก็น่าจะต่างคนต่างอยู่"
"ก็นั่นน่ะสิ แม่ยังคิดอยู่ว่าดึงผู้หวังดีเข้ามาแบบนี้ ถ้าเกิดมันตลบหลังเราขึ้นมาจะทำยังไง"
"น้าวัล พูดแบบนี้จะให้ดาล้มเลิกแผนกลางคันอย่างนั้นหรอ"
"แต่ที่คุณแม่พูดก็ถูกนะคะ เพราะถ้าพี่วัชรู้ความจริงเข้า พี่วัชคงไม่ให้อภัยพี่ดาแน่ๆ"
ดวงสุดาโมโหที่โดนขัดใจ
"นี่ป่านเข้าข้างนังตะวันหรอ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพียงแต่ป่านคิดว่าพี่ดาทำแบบนี้แล้วพี่วัชจะกลับมาหรอคะ แล้วพี่ดาเองจะมีความสุขจริงๆหรอ ป่านขอโทษนะคะถ้าทำให้ พี่ไม่พอใจ แต่ป่านไม่ขอยุ่งกับเรื่องนี้ดีกว่า ป่านขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีประชุมตอนบ่ายน่ะค่ะ"
สายป่านยกมือไหว้แล้วลุกออกจากร้านไป ดวงสุดามองตาม
"เอ๊ะ ยัยป่านนี่ยังไง จู่ๆก็เข้าข้างมันขึ้นมาซะอย่างนั้น อ๋อ…หรือว่าพอสามีเลิกยุ่งกับนังตะวันก็เลยลอยตัว ปล่อยให้ดาจัดการเอาเองตามลำพัง เหมือนน้าวัลใช่ไหม"
"อ้าว แล้วทำไมมาลงกับน้าล่ะ"
ดวงสุดาพาลหงุดหงิดใส่วัลลภาไปด้วย วัลลภาทำยกกาแฟจิบถอนใจ

สายป่านเดินออกมาจากร้าน เหลือบเห็นมะปรางเดินเข้าไปในร้าน เข้าไปนั่งที่โต๊ะของดวงสุดากับวัลลภา โดยหันหลังให้สายป่าน
"นั่นมัน"
เสียงโทรศัพท์ดัง สายป่านเห็นเบอร์แล้วรีบกดรับ
"ฮัลโหล สายป่านพูดค่ะ…ป่านกำลังไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ"

สายป่านรีบเดินไป
 
อ่านต่อตอนที่ 22
กำลังโหลดความคิดเห็น