xs
xsm
sm
md
lg

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทรายสีเพลิง ตอนที่ 7

ดวงตาจะเดินไปหาศรุตาที่บ้านใหญ่ แต่เสาวณีย์เดินมาขวางหน้าไว้

“เมื่อเธอหอบลูกออกไปจากที่นี่แล้ว ก็ไปให้มันพ้นสิ จะกลับมาทำไม หรือว่าผัวฝรั่งมันไม่ได้ ยกอะไรให้อย่างที่ลูกเธออวดรวย ถึงซมซานกลับมาเอาสมบัติที่นี่”
ดวงตาถอนใจเพราะไม่อยากโต้เถียง
“พอเถอะคุณเสาวณีย์ การที่คุณพยายามฟาดฟันฉันกับลูกอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์หรอก ทางเดียวที่คุณจะหยุดทรายได้ แค่คุณยอมรับผิด ถึงหัวใจทรายจะเต็มไปด้วยความแค้น แต่ถ้าคุณยอมรับผิด
ขออโหสิกับสิ่งที่ผ่านมา ฉันเชื่อว่าทรายก็ยังมีคำว่าอภัยให้คุณได้”
เสาวณีย์ยิ้มเยาะ แล้วตวาดใส่ดวงตาทันที
“หยุด ทำไมฉันต้องขอโทษ ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างถูกต้อง เธอกับลูกมันไม่เจียมเอง ทะเยอทะยาน อยากได้สิ่งที่เกินเอื้อม ก็สมควรโดนเหยียบแล้ว”
“ในอดีตฉันรู้ว่าฉันผิด ฉันก็พยายามแก้ไข แต่คุณ…”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ผิด”
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ เอาเถอะฉันก็ช่วยเท่าที่ฉันทำได้”

ศกชูแก้วเครื่องดื่มแสดงความยินดี
“ขอต้อนรับกลับบ้านของเรานะลูก”
ศรวณีย์กอดศรุตาแน่น “ขอให้พี่ทรายอยู่กับศรนานๆนะคะ”
ดวงตาเดินเข้ามาพอดี
“ทรายคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกจ้ะลูกศร”
ศรุตานิ่งเพราะรู้เรื่องดวงตาจะขายบ้านจากดอนแล้ว เสาวณีย์เดินตามเข้ามา ได้ยินที่ดวงตาพูด ก็มองอย่างสงสัย
ศกเองก็ประหลาดใจไม่น้อย “หมายความว่ายังไงน่ะดวงตา”
ศรุตารีบพูดแทรก “แม่พูดถูกค่ะ ทรายคงอยู่ไม่นาน เพราะทรายจะยกบ้านริมน้ำให้ลูกศร”
ดวงตาชะงักหันไปมองลูกสาวอย่างคาดไม่ถึง
เสาวณีย์มองศรุตาอย่างระแวง !!

“ทรายต้องการจะทำอะไร ?”
ดวงตาถามลูกสาวเมื่อมาอยู่ด้วยกันตามลำพังที่บ้านริมน้ำ ศรุตาถอนใจ ทำหน้าเหนื่อยปลงๆ
“ทรายแค่คิดว่าแม่พูดถูก ทรายฟาดฟันกับเขาก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทราย เหนือกว่าเขาแค้นเขาไป ก็มีแต่ในใจทรายเองที่ร้อน”
ดวงตามองลูกสาวอย่างไม่อยากเชื่อ
“ทำไมอยู่ๆทรายถึงคิดอย่างนี้ ทั้งๆที่ผ่านมา แม่พยายามขอแต่ทรายไม่เคยให้”
“ความดีของน้องไงคะ ลูกศรเป็นคนดี ยิ่งอยู่ด้วย ทรายก็รู้สึกว่าทราย ทำร้ายน้องไม่ได้”
ดวงตามองป้าทิศว่าจะเชื่อได้ไหม ?
“ถ้าคุณทรายคิดอย่างนั้นจริงๆ ป้าก็ดีใจ เพราะคุณลูกศรรักคุณทรายนะคะ”
หญิงสาวนึกรังเกียจคำว่า “คุณลูกศรรักคุณทราย” แต่แกล้งทำหน้าซึ้งใจ
“ค่ะ ทรายรู้ ทรายถึงต้องตอบแทนความรักด้วยการยกบ้านที่แม่เคยอยู่ ให้ลูกศรไงคะ อย่าขาย บ้านนี้เลยนะคะแม่”
“ทรายจะยกบ้านหลังนี้ให้ลูกศรก็ได้ งั้นก็รีบไปจัดการโอนบ้านให้เรียบร้อย แล้วกลับอเมริกา กับแม่เลย”
ศรุตาแอบยิ้มสะใจ “แต่ทรายอยากอยู่ร่วมงานแต่งของน้องก่อน ทรายอยากยกบ้านหลังนี้ให้
วันแต่งงานของศร”
“ก็ได้ แม่จะอยู่ด้วย”
ดวงตาพุดจบ เป็นจังหวะเดียวกับที่มือถือดังขึ้น
“ฮัลโหลค่ะดอน อะไรนะคะ”
ศรุตามองมารดาที่คุยมือถือด้วยแววตาร้าย

ศรุตากับกับดวงตาเดินออกมาจากเคาน์เตอร์หลังจาก check out ห้องพักเสร็จเรียบร้อย
“Daddy ทรายนี่จริงๆเลย แม่ไม่อยู่ แอบไปกินอาหารฟาสฟู๊ด อาหารมันๆแน่ๆ ถึงได้คอลเรส -เตอรอลขึ้นจนหน้ามืดอย่างนั้น”
ศรุตาซ่อนยิ้มอย่างสมใจไว้
“แม่เดินทางดีๆนะคะ กลับไปถึงอย่าดุ Daddy มาก แค่นี้ Daddy ก็กลัวแม่จะแย่อยู่แล้ว”
“แต่แม่ก็อยากอยู่กับทรายนะลูก เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเกิดทราย”
หญิงสาวยิ้ม
“แม่กลับไปเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าทรายจะเหงา ทรายเชื่อว่า พรุ่งนี้ต้องมีคนจัดงานเลี้ยงให้ทราย แน่”

“วันเกิดนังทราย ก็เป็นวันที่เสาว์แต่งงาน”
เสาวนีย์คุยมือถือกับมารดาด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ
“เสียดายนะ ที่นังดวงตามันกลับอเมริกาก่อน”

“ไม่มีนังดวงตาสิคะยิ่งดี เสาว์จะได้ทำให้นังทรายยิ่งได้รู้ว่าวันพรุ่งนี้ เป็นวันที่ไม่มีใครเอามัน”

ดวงตากอดและหอมลูกสาว แล้วเดินไปขึ้นรถโรงแรมเพื่อไปสนามบิน หญิงสาวมองตามรถ ที่ แล่นออกไปแล้วยิ้มสมใจ

เสียงมือถือของหญิงสาวดังขึ้น
“แม่กลับอเมริกาแล้วใช่ไหมแซนดี้ ?”
“กลับแล้วค่ะ I Thank you very very much นะคะ ที่ยอมช่วยโกหกแม่”
ดอนคุยมือถือ พลางถอนใจ
“Daddy ไม่อยากทำแบบนี้ แต่เป็นเพราะแซนดี้ขอขวัญวันเกิดเป็นบ้านหลังนั้น มันสำคัญอะไร นักหนาเหรอแซนดี้”
“แซนดี้ให้แม่ขายไม่ได้ เพราะบ้านเล็กนี้ เป็นบ้านที่ย่ายก ให้แม่เพื่อย้ำว่าความจำว่าแม่อยู่ใน ฐานะอะไร ถ้าบ้านจะตกอยู่ในมือของคนอื่น ต้องเป็นคนที่จะมีฐานะเดียวกับแม่”
แววตาของหญิงสาวแข็งกร้าว !!

ดวงตายืนคุยกับบุรีอยู่ที่หน้าบ้าน
“อาขอโทษที่รบกวนบี แต่น้าไม่เชื่อว่าทรายจะเปลี่ยนความคิดไปจริงๆ ฝากบีดูแลน้องแทนน้าด้วย
โดยเฉพาะพรุ่งนี้เป็นวันเกิดทราย ถ้าบีว่างไปอวยพรน้องหน่อยนะ”
บุรีชะงัก ไม่กล้ารับปาก

ศกพูดกับศรวณีย์ว่าจะจัดงานวันเกิดให้ศรุตาที่บ้าน แต่เสาวนีย์ไม่เห็นด้วย พลางแกล้งบอกให้ไปจัดที่ร้านอาหารแทน
“คุณแม่พูดจริงๆเหรอคะ ?” ศรวณีย์ยิ้มกว้าง
“จริงสิ ก็เขาดีกับเราเหลือเกิน เราก็ต้องตอบแทนเขาบ้าง เดี๋ยวแม่จัดการทุกอย่างให้เอง ศรอย่า เพิ่งไปบอกพี่เขานะ”
ครู่หนึ่งป้าทิศก็เข้ามาบอกว่ามีคนมาหาศรุตา
“แต่คุณทรายไม่อยู่ เขาเลยบอกว่าเขาพบคุณศรก็ได้ค่ะ”

ศรวณีย์เดินออกมาเห็นฌานยืนอยู่หน้าบ้าน ก็ยิ้มดีใจ
“ขอโทษทีนะลูกศรที่พี่ให้ป้าเขาไปตาม พอดีพี่เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก ทรายไม่อยู่ พี่เลยไม่รู้จะบอกว่า หาใคร”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ทรายไปส่งคุณป้ากลับอเมริกา เดี๋ยวก็คงมา”
ศรุตาเดินเข้ามาเห็นฌานกับศรวณีย์ยืนคุยกันอยู่ ก็ยิ้มอย่างมีแผน จากนั้นก็เดินเกมหลอกล่อจนฌานออกปากชวนสองคนพี่น้องไปทานอาหารที่คอนโด
แต่พอมาถึงคอนโดของฌาน รอยยิ้มสมใจของศรุตาก็หุบลง เมื่อเห็นบุรีนั่งรออยู่ ยิ่งฌานออกปากชวนบุรีขึ้นไปทานอาหารด้วยกัน ศรุตาก็ยิ่งขัดใจ

ฌานเปิดประตู เดินนำศรุตา ศรวณีย์ เข้ามาในห้อง โดยมีบุรีเดินรั้งท้าย
“ไม่มาตั้งนาน ห้องโล่งไม่เปลี่ยนเลยนะฌาน”
ศรุตาจงใจพูดเพื่อโยงเข้าประเด็น
“ก็ผมไม่ค่อยได้อยู่นี่ เดี๋ยวก็ไปดูงานที่โน้นที ที่นี่ที ไม่รู้จะซื้อของเข้ามาไว้ทำไม”
“อย่างนี้ต้องหาคนมาอยู่ด้วย บ้านมันถึงจะเรียกว่าบ้าน”
“ก็คุณไงจ้ะ”
ศรวณีย์เหลือบมองท่าทีสนิทสนมของทั้งคู่อย่างประดักประเดิกใจ ขณะที่บุรีมองอย่างพยายามเก็บงำความรู้สึกเจ็บปร่า
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้น ไม่อย่างนั้นใครๆก็จะมาว่าฉันไม่ดูแลเพื่อนที่แสนดีอย่างคุณ”
ศรุตาจงใจเน้นคำว่า “เพื่อนที่แสนดี” พลางลอบมองอาการของน้องสาวแล้วแอบยิ้ม พร้อมพยักเพยิดให้หญิงสาวเข้าไปช่วยฌานเตรียมอาหารในครัว

ฌานหันมาหยิบของในตู้เย็นแล้วหมุนตัวกลับมาจะไปที่เตา บังเอิญชนกับศรวณีย์ ที่ยืนเงอะงะๆ อยู่ด้านหลัง จนเกือบจะล้ม ชายหนุ่มจึงรีบดึงมือเธอไว้
อีกคราหนึ่งศรวณีย์เผลอทำหม้อหล่นตกพื้นดัง แล้วจึงก้มลงไปเก็บ จังหวะเดียวกับที่ฌาน จะก้มลงไปเก็บเหมือนกัน จมูกของเขากระทบกับหน้าผากของเธอจังๆ
“พี่ฌานเป็นอะไรรึเปล่าคะ ?”
“ ไม่เป็นไรจ้ะ”
ฌานเดินไปเตรียมผักมุมหนึ่ง ส่วนหญิงสาวเอามือแตะหน้าผาก นึกถึงภาพที่ หน้าผากตัวเอง โดนจมูกฌาน แล้วรีบปัดความคิดออกไป
ศรุตาแอบมองท่าทีของศรวณีย์ด้วยสายตาสะใจ

บุรีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ลอบมองอาการของศรุตาอย่างครุ่นคิด

ศรุตาเปิดลิ้นชักเจอภาพวาดซึ่งเป็นภาพลักษณะการปาดป้ายพู่กัน ด้วยสีน้ำละมุนกับลายเส้น ตวัดอย่างเฉียบขาดของดินสอ

“นี่มันรูปที่ทรายเคยวาดให้ฌานนี่ คุณเอามาที่นี่ด้วยเหรอฌาน ?”
ฌานโผล่หน้ามาจากในครัว มองภาพที่หญิงสาวถาม
“อ่า ใช่ ว่าจะเอามาใส่กรอบติดในห้อง ไว้ดูเวลาคิดถึงคุณ”
พูดแล้วก็กลับเข้าไปในครัวต่อ
บุรีมองฌานกับศรุตานิ่งๆ พยาพยามเก็บความรู้สึกเจ็บไว้ในหัวใจ แล้วมองภาพในมือของหญิงสาว
“วาดสวยดีนะครับ”
“ขอบคุณ ฉันถนัดเรื่องสีน้ำกับดรออิ้งอยู่แล้ว เขียนเล่นอยู่บ่อยๆ”
ศรุตาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ จากนั้นก็หยิบภาพที่เคยวาดด้วยสีน้ำมันขึ้นมาดู เป็นภาพ เหมือนของต้นไม้ในเขตร้อน การจัดสีและองค์ประกอบของภาพก่อให้เกิดความรู้สึกเพ้อฝันดูล่องลอยเหนือโลก ด้วย แสงสีมุกนุ่มนวลเป็นฉากหลัง และมีสีสดแจ่มใสที่ขัดแย้งตัดกันอย่างรุนแรงทั่วภาพ
“มีคนบอกว่าเราอ่านนิสัยคนได้จากการวาดภาพ”
บุรีมองภาพในมือแล้วพูดขึ้นมา
“งั้นลองอ่านฉันจากรูปนี้สิ”
“ภาพมีพื้นหลังที่ใช้สีนุ่มนวล แต่ถูกตัดด้วยสีสดไปทั่ว มันสะท้อนถึงจิตใจที่สับสน ดิ้นรน ซุกซ่อน ความคับแค้น กดดันไว้ภายใต้ความสดใสร่าเริง ถ้าเป็นคนก็คงไม่รู้ว่าภายนอกที่ดูสดใส มันใช่ตัวจริงของคนๆนี้
รึเปล่า?”
บุรีมองจ้องอย่างจงใจให้หญิงสาวรู้ว่ากำลังพูดถึงเธอ หญิงสาวสบตากลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ถ้าไม่รู้ ก็อย่าใช้แค่การวิเคราะห์จากภายนอกตัดสินจนกว่าจะรู้จักตัวตนของเขา”
“งั้นบอกหน่อยสิ คุณเอาเวลาที่ไหนวาดรูปนี้ อาทิตย์ก่อน ผมเห็นคุณยังวุ่นวายกับผู้คนอยู่เลย”
ศรุตารู้ว่าโดนเหน็บ ก็ตอกกลับไปนิ่มๆ
“ฉันก็หาเวลาจนได้แหละ คนเราก็ต้องปลีกตัวมาทำอะไรที่ตัวเองพอใจ เพื่อให้ชีวิตมีความสุข ดีกว่าทำตัวเป็นหุ่นยนต์ ที่จะยืนตรงคงที่ ไม่มีนอกลู่นอกทาง เอาความเป็นคนดีเป็นโปรแกรมบังคับตัวเอง”
บุรีถอนหายใจ พลางเดินหนีมาที่ระเบียง เพราะไม่อยากชวนทะเลาะ แต่มีหรือที่ศรุตาจะยอมรามือ
“นี่ฉันกำลังหัดวาดลายไทยด้วยนะ ฉันว่าลายไทยนี้ ดูเหมือนเข้ายาก แต่จริงๆมันเริ่มง่าย เพราะ มันมีลักษณะแบบแผนตายตัว ถ้าจับทางได้ ฉันเชื่อว่าฉันเปลี่ยนพวกลายไทยเดิมๆ ให้ออกนอกกรอบได้”
หญิงสาวพูดโดยแฝงความนัยว่าคนอย่างเธอสามารถจัดการบุรีได้ไม่ยาก ถ้าจะทำ และบุรีก็รู้ความนัยนั้น
“คุณนี่ เป็นคนไม่รีรอที่จะประกาศความสามารถตัวเองเลยนะ”
“ฉันพูดตามที่ฉันคิดและมั่นใจ ในเมื่อเรามีสิบอยู่ในมือ ทำไมต้องวางลงแค่ห้าหรือหกด้วย”
บุรีถอนใจอย่างระอา
“คุณคงจากเมืองไทย จากสังคมไทยไปนานจนลืมเรื่องการถ่อมตัว และคงไม่เคยได้ยินกลอนบทนี้ ..อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก ..สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชัก เชือดฟัน ให้บรรลัย”
ศรุตามองบุรีด้วยแววตาตัดพ้อ
“เหมือนที่คุณคิดอยากจะทำกับฉันเต็มทีใช่ไหมคะ เชือดพันให้บรรลัย”
บุรีมองทรายด้วยสายตารู้สึกผิด
ฌานกับศรวณีย์ที่ลำเลียงอาหารออกมาจากในครัวมองอาการหมางเมินของทั้งคู่อย่างสงสัย
จนเมื่ออยู่กันพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร ฌานก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้
“เอ่อ ทำไมบรรยากาศเหมือนผมนั่งกินสปาเกตตี้กลางสนามรบเลย”
ศรุตาปรายตามองบุรี แล้วพูดเหน็บเบาๆ
“ฌานคงต้องถามคนอื่น ทรายไม่กล้าพูดอะไร คนอย่างทราย แค่กระดิกตัวก็ผิดแล้ว”
บุรีตักผักสลัดให้ศรวณีย์ พลางปรายตามองศรุตากลับไป
“ลูกศรไม่ว่าใช่ไหม ที่พี่ตักผักขมๆให้ทานแทนที่จะของอร่อยอย่างอื่นให้”
“เอ่อ ไม่ว่าค่ะ ก็ผักมันมีประโยชน์นี่คะ”
“พี่ก็ถามไว้ เพราะบางคนพี่ให้ของมีประโยชน์ แต่พอมันขม เขาก็หาว่าพี่คิดไม่ดีกับเขา”
ศรุตาไม่ยอมแพ้ ตักมะเขือเทศให้น้องสาวบ้าง
“กินพร้อมกับมะเขือเทศสิจ๊ะ ของมีประโยชน์ไม่จำเป็นต้องขมเพียวๆ ผสมรสชาติหวาน หอมบ้าง ก็ได้”
ฌานมองทั้งคู่ที่พูดจากระทบกันไปมา แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
“เมื่อกี้ผมมองเส้นทางแม่น้ำที่ติดบ้านทราย มันทะลุมาแม่น้ำติดกับคอนโดผมได้นะ ผมมีเรือขับ ในแม่น้ำนี่นะ ถ้าผมไปหาทรายทางน้ำ ประหยัดเวลาไปเยอะเลย เอาอย่างนี้ไหม ผมมีเรือ 2 ลำ เดี๋ยวผมทิ้งเรือไว้ บ้านทราย 1 ลำ เผื่อทรายหรือลูกศรจะขับมาเที่ยวที่นี่”
ศรวณีย์รีบออกตัวว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น พลางเล่าว่าตอนเด็กๆ เคยจมน้ำมาก่อน แม่จึงสั่งห้ามลงน้ำอีก
ศรุตาจำเหตุการณ์ที่ศรวณีย์ตกน้ำได้ไม่เคยลืม
“เพราะอย่างนั้น ศรยิ่งควรหัดว่ายน้ำ เผื่อจะตกน้ำอีก”
ศรวณีย์มองศรุตาว่าโกรธอะไรเรื่องตกน้ำในอดีตรึเปล่า แต่พี่สาวยิ้มให้ เหมือนไม่คิดอะไร
“ศรไม่รู้จะไปหัดที่ไหนคะ ถ้าที่สระว่ายน้ำที่บ้าน คุณแม่คงไม่ยอม”
“แต่พี่ว่า พี่มีที่ให้สอนหัดว่ายน้ำนะ”
ศรุตายิ้มร้าย

ฌานเดินนำทุกคนขึ้นมาที่สระว่ายน้ำ ซึ่งศรุตาออกปากว่าจะใช้ที่นี่สอนศรวณีย์หัดว่ายน้ำ แต่จู่ๆ บุรีก็แย้งขึ้นมา
“แต่ศรต้องคอยเตรียมงานแต่งงานไม่ใช่เหรอ ?”
ศรวณีย์ถึงกับชะงัก ฌานเอง ก็เริ่มรู้สึกใจหวิวๆ แปลกๆ แต่นิ่งไว้ ศรุตามองบุรีอย่างไม่พอใจ ที่ย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าฌาน

ครู่หนึ่งฌานก็เดินนำศรุตา ศรวณีย์ บุรีมาที่เรือของตัวเองที่จอดตรงท่าเรือ ศรวณีย์มองแม่น้ำ อย่างหวั่นๆ ฌานเห็นอาการ ก็รู้สึกเป็นห่วง
“แน่ใจนะทรายว่าจะให้ผมขับเรือไปส่ง ดูท่าทางลูกศรไม่ค่อยดีเลย”
“จำไว้นะศร คนเราจะชนะความกลัวได้ คือการต้องสู้กับความกลัว ศรมีพี่อยู่ ไม่ต้องกลัวนะ”
หญิงสาวอึกอัก “ลองดูก็ได้ค่ะ”
ฌานหันมาชวนบุรี แต่ศรุตารีบพูดกันท่า
“ศรกลัวน้ำแบบนี้ เราอย่าไปกันเยอะเลยฌาน”
พูดจบก็เดินปึงปังไปท่าเรือ ฌานยิ้มขำกับอารมณ์เหวี่ยงของเธอ ก่อนจะเดินตามไป

ศรวณีย์มองไปทางท่าเรืออย่างกลัวๆ
 
อ่านต่อหน้า 2

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 7 (ต่อ)

ฌานคอยจับมือพยุงตัวให้ศรุตาก้าวลงเรือ พอศรวณีย์กำลังจะก้าวเท้าลงตาม ศรุตาก็แกล้งขยับตัวทำให้เรือโคลงเคลง จนน้องสาวกือบเสียหลักจะล้ม ดีที่ฌานคว้าเอวไว้ได้

ศรุตา รีบพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ศรเป็นอะไรรึเปล่า? แม่น้ำนี่มีเรือไป-มาตลอดน้ำมันไม่นิ่ง ศรให้ฌานอุ้มลงเรือมาเถอะ”
ฌานหันมาบอกกับหญิงสาวด้วยท่าทีสุภาพ “พี่ขอโทษนะ”
จากนั้นก็ช้อนตัวอุ้มศรวณีย์ขึ้นมา ด้วยความที่หญิงสาวกลัวตกจึงเผลอเอาแขนคล้องคอฌาน อย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มสบตาใสซื่อด้วยความรู้สึกขำ กึ่งเอ็นดู
ศรุตามองฌานกับศรวณีย์ด้วยสายตายิ้มๆ บุรีมองอย่างอย่างครุ่นนคิดกับทีท่าของศรุตา

พัชระยืนมองหาศรุตาอยู่ที่บ้าน เพราะเห็นหญิงสาวนิ่งไป ไม่ดิ้นรนตามอย่างที่เขาคาดหวัง จึงหาทางยั่วหญิงสาวต่อ เมื่อเห็นเป้าหมายเดินนำฌานกับศรวณีย์เข้ามา จึงไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปโอบเอวศรวณีย์ไว้
“อ้าว พี่พัช มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ?”
หญิงสาวแอบเบี่ยงตัวออก เพราะรู้สึกไม่อยากให้ฌานเห็น ศรุตามองมองท่าทางพัชระออกว่า จงใจใช้น้องสาวยั่วตัวเอง
“อีกสองอาทิตย์ เราก็จะแต่งงานกันแล้ว อะไรที่ยังค้างคา ต้องรีบทำให้เสร็จ”
พัชระสบตากับศรุตายิ้มๆ ฌานมองอาการพัชระอย่างจับสังเกต จนเมื่อพัชระกับศรวณีย์เดินผละออกไป จึงหันมาถามศรุตาตรงๆ
“ถึงเวลาที่ผมจะรู้ได้รึยัง ว่าคุณกับพัชระมันยังไง ?”

ฌานนั่งลงมองศรุตา พลางถอนใจพร้อมส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงสาวกำลังทำ
“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น คงจะอาละวาดไปแล้วที่รู้ว่าแฟนตัวเองไปยั่วผู้ชายคนอื่น”
“แล้วทำไมคุณไม่อาละวาด”
“ก็เพราะคุณบอกว่าคุณยั่วพัชระเพื่อพิสูจน์ว่าเขาดีพอสำหรับน้องคุณรึเปล่าน่ะสิ” ฌานพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“นั่นแปลว่าคุณเชื่อที่ฉันบอก”
“ทราย คุณก็รู้ ต่อให้คุณชี้แมวแล้วบอกว่ามังกร ผมก็พร้อมจะเชื่อคุณ”
ศรุตาเดินเข้าไปนั่งที่เท้าแขนโซฟาข้างๆ แล้วกอดประจบฌาน
“คุณก็เห็น ว่าลูกศรหัวอ่อนขนาดไหน ส่วนพัชระถึงจะดูนิ่มๆ แต่ก็ร้ายใช่ย่อย ฉันห่วงน้องค่ะ ฉันไม่อยากให้ลูกศรต้องเจอผู้ชายลังเล เหมือนที่พ่อเคยทำกับแม่ฉัน”
ฌานจับมือปลอบใจหญิงสาวอย่างเข้าใจปมในหัวใจของเธอ
“ฉันไม่อยากให้พัชระแต่งงานกับลูกศร”
ฌานชะงัก ทั้งที่ลึกๆ ตัวเองก็เรียกร้องแบบนั้น
“เราจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง”
“นั่นน่ะสิ ในเมื่อผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องทำอีกอย่างนึง”

“ผมว่าวิธีนั้นของคุณไม่เวิร์กหรอกทราย”
ฌานหันมาบอกศรุตาขณะที่เดินออกมาจากบ้านด้วยกัน
“ทำไมจะไม่เวิร์ก เมื่อกี้คุณก็เห็นว่าลูกศรแทบไม่มีตัวตนในสายตาพัชระ เพราะพัชระคิดว่า ลูกศรเป็นของตาย พัชระอิจฉาคุณ ถ้าพัชระเห็นว่าคุณใกล้ชิดลูกศร สันดานหวงก้างก็คงพลุ่งพล่าน ขอร้องนะฌาน คุณไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ใกล้ชิดลูกศร ลูกศรเป็นคนอ่อนแอ แกโดนกระทำคุณไม่สงสารแกเหรอคะ ?”
ศรุตาใช้จุดอ่อนของศรวณีย์มากล่อมฌาน

ศรุตาเดินยิ้มสมใจที่ฌานรับปากจะช่วยตามที่เธอขอแล้ว จังหวะเดียวกับที่พัชระเดินเข้ามา
“ผมคิดว่าคุณจะเลิกยุ่งกับพี่ฌานแล้วซะอีก ?”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น”
พัชระยักไหล่เหมือนไม่แคร์ “ ก็แล้วแต่คุณ .ถ้าคุณเลือกพี่ฌาน ผมก็แค่แต่งงานกับลูกศร ถึงผม ไม่ได้หลงใหลลูกศรเท่าคุณ แต่อย่างน้อยลูกศรก็มีส่วนดีที่คุณไม่มี”
เป็นอีกครั้งที่ศรุตาเจ็บจี๊ดขึ้นมา เมื่อถูกนำมาเปรียบกับศรวณีย์
“แต่ถ้าคุณไม่อยากเสียผม เลิกกับพี่ฌาณเพื่อพิสูจน์ว่าคุณต้องการผม”
พูดจบก็เดินออกไปด้วยความมั่นใจ ศรุตามองตามพลางคิดต่อว่าจะจัดการพัชระอย่างไร

เสาวณีย์เดินออกจากบ้านใหญ่ เห็นพัชระเดินมาจากบ้านริมน้ำ ก็ตัดสินใจเดินไปเข้าไปหาศรุตา เพื่อทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้กับคุณหญิงเพกา
“มีอะไรคะคุณอา ถึงมาหาทรายที่นี่ได้”
เสาวณีย์แกล้งทำเป็นพูดดี
“ฉันอยากจะมาถามว่าพรุ่งนี้เธอว่างรึเปล่า ? พวกฉันจะจัดงานวันเกิดให้เธอ”
ศรุตามองเสาวณีย์อย่างไม่อยากเชื่อ “จัดงานวันเกิดให้ทราย ?”
“ ใช่ เสียดายที่แม่เธอไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงสนุกกว่านี้ แล้วอย่าลืมไปนะ”
เสาวณีย์เดินยิ้มเยาะออกไป ศรุตามองตาม แล้วรำพึงกับตัวเอง
“คิดว่าทรายจะลืมสินะว่าวันเกิดของทรายมันเป็นวันสำคัญอะไรของคุณอา”
จากนั้นก็รีบหยิบมือถือกดโทรหาฌาน

“ฌาน ฉันรู้แล้วว่าพรุ่งนี้จะจัดงานวันเกิดที่ไหน ชวนบุรีไปด้วยนะ”

ที่ร้านอาหาร ติดแม่น้ำ บรรยากาศสวย

ศรวณีย์ พัชระ ศกจะเข้าร้านอาหาร แต่เสาวณ๊ย์ยืนขวางยังไม่ให้เข้า บอกว่ารอศรุตามาก่อน พอหญิงสาวมาถึง เสาวณีย์ก็แอบยิ้มเยาะ คิดถึงแผนที่รอจะจัดการเธอด้วยความสะใจ
เสาวณีย์หันมายิ้มให้ศรุตา
“งั้นเราอย่ามัวแต่เสียเวลา เข้าไปดูเซอร์ไพร์สกันดีกว่า”
เสาวณีย์เดินนำศกกับศรวณีย์เข้าไปในร้าน พัชระที่เดินรั้งท้ายกับศรุตาหันมามองหญิงสาว
“ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ที่จะได้รวมงานวันเกิดของว่าที่พี่ภรรยาครั้งแรก”
พัชระมองศรุตาด้วยความมั่นใจว่าตัวเองเหนือกว่า หญิงสาวมองพัชระและทุกคนด้วยแววตาร้าย...ลึก

เสาวณีย์เดินนำทุกคนเข้ามาในงาน ศก ศรวณีย์ พัชระมองการคตกแต่งภายในห้องจัดงาน ก็ถึงกับชะงัก
“ศรว่าอย่าให้พี่ทรายเข้ามาเลยค่ะ”
แต่ไม่ทัน เพราะศรุตาเข้ามาแล้ว พลางมองเข้าไปในห้องจัดงาน แล้วสีหน้าเจื่อนลง
ที่ผนังด้านหนึ่งมีการประดับตัวอักษรอย่างสวยงามว่า
“สุขสันต์ครบรอบวันแต่งงาน 26 ปี”
พัชระมองศรุตาที่แกล้งทำหน้าเศร้าอย่างเป็นห่วงความรู้สึก ศกหันไปจ้องหน้าเสาวณีย์ด้วยความ ไม่พอใจ
“อะไรของคุณเนี่ยคุณเสาว์ ไหนคุณบอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้ทรายไง”
“ก็บังเอิญวันเกิดของทราย มันตรงกับวันที่เราแต่งงาน ฉันก็เลยจัดพร้อมกันทรายไม่ว่าใช่ไหมจ้ะ”
เสาวณียืปั้นเสียงหวาน ศรุตาก็ปั้นหน้าเศร้า
“ค่ะ”
“เห็นไหมคะ ? ทรายไม่ว่าอะไร งั้นเราอย่ามัวแต่ยืนกันอยู่เลยไปนั่งกันเถอะค่ะ”
เสาวณีย์ดันศกกับลูกศรและพัชระให้เดินไปนั่งที่โต๊ะ แล้วหันมามองศรุตาที่ยืนนิ่งอย่างนึกกระหยิ่ม
“อย่าเพิ่งน้ำตาร่วงก่อนล่ะ ฉันยังเซอร์ไพร์สเธอไม่หมด “

เสาวนีย์ยกแก้วจะชนแก้วกับศก
“สำหรับวันเวลาของเราที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง 26 ปีค่ะ”
พลางหยิบกล่องของขวัญเล็กๆ ยื่นให้สามี “ของขวัญครบรอบของเราค่ะ”
“เอ่อ แต่ผมไม่ได้เตรียมอะไรให้คุณนะ มัวแต่เตรียมของขวัญให้ทราย”
ศกหยิบของขวัญให้ศรุตา
“สุขสันต์วันเกิดนะลูก”
หญิงสาวมองของขวัญ แล้วมองเสาวณีย์ ก่อนที่จะพูดเสียงเศร้า
“คุณพ่อให้อาเสาว์ก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณอาเสาว์น้อยใจ”
“ไม่เป็นไร ทรายเก็บไว้เถอะ เพราะทรายไม่เคยได้อะไรจากพ่อเลย ส่วนของอา คุณศกให้อามา ตลอด ไม่ว่าจะให้เกียรติยกย่องอาเป็นที่หนึ่ง ให้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ให้ออกสังคมว่าอาเป็นผู้หญิง คนเดียวที่คุณศกอยากให้เคียงข้างเชิดหน้าชูตา และที่สำคัญคุณศกทำให้อารู้ว่าอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีความ สำคัญอะไรกับคุณศกเลย เท่านี้ใครต่อใครก็อิจฉาอาจะแย่แล้ว”
ศกหันมามองศรุตาอย่างเป็นห่วงความรู้สึก
“ทรายขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
เสาวณีย์มองตามอย่างสะใจ

ศรุตายืนกอดอกมองเงาตัวเองในกระจกเพื่อรออย่างรู้ทันว่าอีกประเดี๋ยวเสาวณีย์ต้องตามมา และก็เป็นอย่างที่คาด
“ว่าไงจ้ะศรุตาคนเก่ง ยอมรับความจริงเธอไม่ได้ จนต้องลุกหนีออกมาเลยเหรอ ? ฉันจะทำให้ เธอ รู้ว่าเธอไม่มีวันชนะฉันกับลูกสาวฉันได้ ไม่ว่าตอนนี้เธอจะคิดว่าเธอดีกว่าฉันขนาดไหน แต่ยังมีสิ่งนึงที่เธอกับแม่ เธอไม่มีทางมี คือความเป็นที่หนึ่ง”
เสาวณีย์หยิบนิตยสารที่ศรุตาขึ้นปกออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนลงพื้นตรงเท้าหญิงสาวพอดี
“ต่อให้เธอพยายามจะป่าวประกาศบอกใครต่อใครว่าแม่เธอมาก่อน แต่ฉันเคยสอนเธอแล้วไงว่า พ่อเธอจะเลือกใคร มันไม่เกี่ยวว่าใครมาก่อนหรือมาหลังหรอก แต่มันอยู่ที่ว่าใครมีค่ากว่ากัน เสียดายที่แม่เธอไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงจะสอนให้เธอเข้าใจได้ดี แต่ไม่เป็นไร ในฐานะที่เธอเป็นลูกเลี้ยงฉัน ฉันจะสอนบทเรียนนี้แทนแม่
เธอเอง”
เสาวณีย์ยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป ศรุตามองตามด้วยสีหน้านิ่ง

ศรุตาเดินมาจากห้องน้ำ ขณะเดียวกับที่ฌานกับบุรีเดินเข้ามา หญิงสาวรีบเดินไปหา แล้วกอดเขาเหมือนเด็กอ้อนต่อหน้าบุรี
“มาได้จังหวะพอดี ทรายกำลังต้องการใครสักคน”
ฌานกับบุรีเห็นสีหน้าศรุตาดูเศร้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เป็นอะไรรึเปล่าทราย ?”
หญิงสาวแกล้งยิ้มเศร้าๆ
“แค่ผิดหวัง แต่ช่างเถอะ ยังไงเรื่องจริง มันก็ต้องติดตัวเราไปจนตายอยู่แล้ว”

พัชระเอียงหน้ามากระซิบกับศรวณีย์เบาๆ
“ทรายเกิดวันเดียวกับที่พ่อกับแม่ศรแต่งงานเหรอ”

“ค่ะ”

พัชระรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่เสาวณีย์ทำ

“แปลว่าแม่ศรจงใจจัดงานซ้อนเพื่อย้ำเตือนทราย พี่ว่าแม่ศร ทำเกินไปหน่อยนะ เดี๋ยวพี่มา”
พูดพลางจะลุกขึ้น แต่เห็นศุรตาเดินเข้ามาพร้อมฌานและบุรีก่อน
หญิงสาวมองพัชระ แล้วจงใจเมิน หันไปพูดกับฌาน
“นี่คือคุณพ่อทรายค่ะ”
ฌานกับบุรียกมือไหว้ศก ศรวณีย์เห็นฌานก็ยิ้มดีใจ ขณะเดียวกันก็ รู้สึกอึดอัดนิดๆ ที่อยู่กับพัชระ ต่อหน้าฌาน
“ทรายชวนเพื่อนมาฉลองวันเกิดด้วย คุณพ่อไม่ว่าใช่ไหมคะ ?”
เสาวณีย์ ที่เดินเข้ามาพร้อมคุณแพร พี่โป่งและช่างภาพ รีบพูดสวนทันที
“ไม่ว่าหรอกจ้ะ มากันเยอะๆสิดี จะได้มาช่วยดูว่าพัชระกับลูกศรถ่ายภาพคู่แบบไหนสวยพอจะ เอาไปลงนิตยสาร”
ศรวณีย์กับพัชระชะงัก ชายหนุ่มรึงดึงแขนมารดาเลี่ยงออกมา แล้วถามตรงๆ
“นี่มันอะไรกันครับคุณแม่”
คุณแพรมองไปทางเสาวณีย์ แล้วย้อนเล่าถึงตอนที่เสาวณีย์มาขอร้องให้เอารูปพัชระกับศรวณีย์ขึ้นปก
“คุณเสาว์เล่นเอาโฆษณารายใหญ่ของหนังสือแม่มาขู่ แม่ต้องรักษาชีวิตพนักงานเป็นพันกว่า ชีวิตไว้”
“แต่แบบนี้เท่ากับประกาศผูกมัดผม”
คุณแพรถอนหายใจ
“ก็ดีแล้วไง จะได้ยิ่งบีบผู้หญิงของพัช รีบวิ่งตามพัช”
พัชระมองหน้าเศร้าๆ ของศรุตาแล้วอดสงสารไม่ได้
“บางที สิ่งที่ผมคิดว่าผมรู้จักทราย อาจจะไม่จริงก็ได้ครับ”

พี่โป่งจัดท่าให้พัชระกับศรวณีย์นั่งคู่กันเพื่อถ่ายรูปคู่ โดยมีศกกับเสาวณีย์และคุณแพรนั่งขนาบ เป็นครอบครัวใหญ่
ศรวณีย์แอบเหลือบมองฌาน แต่ไม่กล้าสบตา บุรีมองอักษรที่ประดับบนเวที แล้วคิดถึงคำพูด ของดวงตา
“วันเกิดทรายทุกปี น้าต้องคอยอยู่กับทราย น้าไม่เคยปล่อยให้ทรายอยู่คนเดียว เพราะมันเป็น วันที่ทำให้ทรายเจ็บที่สุด”
“หมายความว่ายังไงครับ ?”
“วันที่ทรายคลอด เป็นวันที่คุณศกทิ้งอากับทรายไปแต่งงานกับคุณเสาว์ ถึงทรายจะดูแข็ง แต่ทรายก็เหมือนคนอื่นที่มีจุดอ่อน อาไม่รู้ว่าคุณเสาว์คิดจะทำอะไรรึเปล่า”
บุรีรู้สึกสงสารศรุตาด้วยความสงสารและเห็นใจ
เสาวณีย์เดินเข้ามาหาหญิงสาว แล้วขยี้ความรู้สึกซ้ำ
“ทรายเข้าไปถ่ายรูปกับพัชระ ลูกศรสิ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“ถ่ายเถอะ ถือเป็นเกียรติกับครอบครัวของน้อง สังคมจะได้รู้ลำดับใครเป็นใคร”
บุรีมองเสาวณีย์อย่างรู้ทันว่าจงใจพูดกระทบกระเทียบ ศรุตานิ่งคิด แล้วลุกขึ้นอย่างว่าง่าย
“ก็ได้ค่ะ”
“พี่ทรายมายืนตรงนี้สิคะ”
ศรวณีย์ดึงมือศรุตาให้อยู่ระหว่างตัวเองกับพัชระ แต่เสาวณีย์รีบค้าน
“อาว่าทรายยืนตรงนั้นไม่ดี ทรายมายืนข้างๆ ลูกศรดีกว่า เขาจะได้รู้ว่า ทรายเป็นแค่ญาติ ฝ่ายเจ้าสาว”
ศรุตาแกล้งทำหน้าเศร้า แล้วจงใจเดินเบียดไปชนพัชระ ที่ถึงกับชะงักเมื่อแอบเห็นน้ำตาของหญิงสาวคลอ
ศรุตาไปยืนข้างศรวณีย์ให้ช่างภาพถ่ายรูป แล้วรีบเดินออกไป พัชระมองตามไปทันที

ศรุตาเดินออกมาพร้อมกับยกมือปาดน้ำตา พอเห็นพัชระเดินเข้ามา ก็รีบเดินหนี
“ทรายอย่าหนีผม”
ศรุตาก้มหน้านิ่ง เพราะไม่อยากให้พัชระเห็นน้ำตา
“คุณกลับไปหาเจ้าสาวของคุณสิ อย่ามาทำแบบนี คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่า ชีวิตฉันต้องเจอผู้ชาย แบบไหน เกิดมาพ่อก็ทิ้งแม่ เจอผู้ชายคนอื่นก็หวังแค่แต่จะเอาตัวฉัน แต่ตอนฉันเห็นคุณ ผู้ชายที่แววตาแสนซื่อ ฉันเคยหวังว่าถ้าคุณรักฉัน คุณคงพร้อมจะมีฉันคนเดียว แต่ฉันก็คิดผิด”
“ทราย คุณบอกผมสิ ว่าคุณต้องการอะไร คุณอยากให้ผมทำยังไง”
ศรุตาน้ำตาคลอ
“ไม่ต้องทำอะไรหรอกพัชระ แค่คุณรู้ไว้ว่ายังไงฉันก็ไม่เลิกกับฌาน เพราะฌานแสดงให้ฉันเห็น ว่าเขากล้าที่จะมีฉันคนเดียว แม้ว่าฉันอาจจะรู้สึกดีกับคุณมากกว่าฌาน แต่ถ้าคุณมีลูกศร ฉันก็ขอตัดใจ”
ศรุตาเดินออกไปทันที พัชระมองตามอย่างสับสนว่าตัวเองควรทำยังไงดี
พอคล้อยหลังพัชระ แววตาโศก ก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มร้ายทันที“ขอบคุณนะคะคุณอาเสาว์ ที่การพยายามทำลายทรายของคุณอา มันกลับทำให้ทรายเกิดอีกครั้ง”

ฌานเดินออกจากร้านกับบุรี พร้อมกับคุยมือถือกับศรุตาไปด้วย
“ คุณกลับไปแล้วเหรอ ? ไม่เป็นไร ผมเข้าใจว่าคุณอึดอัด ถ้าอยากให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนบอกผม นะ ผมรักคุณนะ”
พอฌานวางสาย บุรีก็หันมาถามทันที
“เขาโอเคใช่ไหม ?”
“ฟังจากเสียง ไม่น่าโอเค ฉันก็พอจะรู้ว่าทราย ไม่ถูกกับแม่เลี้ยง แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำกับทราย ขนาดนี้ ตอนอยู่อเมริกา ทรายไม่ชอบให้ฉันจัดงานวันเกิดให้ ฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไม ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ฉัน ห่วงเขาว่ะ”
“เอาเถอะ ถ้าเขาไม่ไหว เดี๋ยวเขาก็โทรหาแกเอง”
บุรีเองก็ห่วงศรุตาไม่น้อยไปกว่าฌาน

บุรีมองต้นจำปี ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงศรุตา และในที่สุดก็ตัดสินใจ กดมือถือโทรหาเธอ แต่แล้วก็กลับเปลี่ยนใจรีบตัดสายทิ้ง
ศรุตาเดินมาหยิบมือถือจะเข้าห้องนอน แล้วเห็น Miss Call ของบุรี ก็ยิ้มสมใจ แล้วรีบโทร. กลับทันที
“คุณโทรหาฉัน ?”
บุรีชะงัก แล้วรีบแก้ตัว “ขอโทษ ผมโทรผิด”
“อ้อ เหรอคะ งั้นฉันวางสายล่ะ”
ปากว่าจะวาง แต่กลับอ้อยอิ่งรอ
“เดี๋ยว ทราย สุขสันต์วันเกิดนะ แค่นี้นะครับ”
บุรีกดวางสายแล้วถอนใจ รู้สึกขัดใจที่สุดท้ายก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้ใจอ่อนกับเธอไม่ได้
“ขอบคุณนะศร ที่ทำให้พี่รู้ว่าการเป็นคนน่าสงสาร มันทำให้อะไรง่ายขึ้นเยอะ”

ศรุตายิ้มอย่างสะใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 7 (ต่อ)

ขณะที่ศกกำลังเดินดูต้นไม้อยู่ ศรุตาก็เดินเข้ามายืนข้างหลัง พลางมองบิดาด้วยสายตายิ้มๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหา แล้วเปลี่ยนจากสีหน้ายิ้มเป็นหมองลง

“อ้าว ทราย ตื่นแต่เช้าเลยลูก”
“ทรายตื่นมาจัดกระเป๋าน่ะค่ะ”
เสาวณีย์เดินจากในบ้าน เห็นทั้งคู่ยืนคุยกัน ก็แอบฟัง
“ทรายคงอยู่ที่นี่ไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ”
เสาวณีย์ยิ้มสมใจ ที่แผนตัวเองสำเร็จ

ศรวณีย์เดินเข้าไปกอดมารดา เสาวณีย์กอดและหอมลูกสาวอย่างอารมณ์ดี
“วันนี้คุณแม่อารมณ์ดีจังนะคะ”
“ก็งานเมื่อคืน ทำให้แม่มีความสุขนี่ลูก”
หญิงสาวชะงักคิดถึงเหตุการณ์ที่เสาวณีย์จงใจทำร้ายความรู้สึกศรุตา
“มันทำให้แม่เห็นว่าอานุภาพความรักของแม่ที่มีให้กับคุณพ่อและลูก ช่วยขับไล่สิ่งเลวร้ายออกไป จากครอบครัวเราได้จริงๆ”
ทันใดนั้นศรุตาเดินเข้ามา พลางออกปากชวนศรวณีย์ไปดูชุดเพื่อนเจ้าสาว เสาวณีย์ชะงัก หันขวับมามองศรุตา
“นี่เธอจะอยู่ถึงแต่งศรเหรอ ?”
ศรุตาตอบหน้าซื่อ “ค่ะคุณอา”

ศรุตาเดินออกจากบ้านอย่างสบายใจ เสาวณีย์เดินตามออกมา
“ฉันคิดว่างานเมื่อคืนจะย้ำให้เธอรู้แล้วซะอีกว่าที่นี่ไม่มีพื้นที่สำหรับเธอ ไม่มีใครต้องการเธอ”
ศรุตานึกถึงสีหน้าพัชระเมื่อคืนแล้วพูดยิ้มๆ กับเสาวณีย์
“แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีใครต้องการทราย” พลางยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ เหมือนจงใจหยามมารดาเลี้ยง ”สิ่งที่คุณอาไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะคะ”
พูดจบ แล้วจะเดินไป แต่เสาวณีย์รีบดึงแขนไว้
“เธอหมายความว่ายังไง ?”
ศรุตาแกล้งจับแขนตัวเองที่โดนเสาวณีย์จับด้วยความเจ็บ และทำสีหน้าจะร้องไห้
“คุณอาอย่าทำแบบนี้สิคะ ทรายเจ็บมากนะคะ”
เสาวณีย์มองหญิงสาวที่ตีหน้าเจ็บ แต่แววตายิ้มแล้วฉุกคิด
“ไอ้ท่าทางโศกเศร้าของเธอเมื่อคืน เธอตอแหลเพื่อใช้เรียกร้องความสงสารใช่ไหม?” ศกเดินเข้ามาหาเห็นเสาวณีย์บีบแขนศรตาอยู่ จึงรีบตะโกนถาม เสาวณีย์ปล่อยแขน แล้วหันมาตอบ
“ฉันเห็นทรายจะล้มน่ะค่ะ”
ศรุตาตีหน้าใสซื่อให้ศกเห็น
“ใช่ค่ะพ่อ” พลางเอียงหน้าไปกระซิบเสาวณีย์ “อย่าเรียกว่าตอแหลเลยค่ะ เรียกว่าเราใช้วิธีเดียว
กันดีกว่า”

เมื่อเสาวณีย์รู้ว่าศกเป็นคนชวนให้ศรุตาอยู่ร่วมงานแต่งงานของศรวณีย์ก็โวยวาย แต่กลับโดนศกตอกกลับ
“ก็เพราะสิ่งที่คุณทำเมื่อคืนนี้ไง คุณอย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ว่าคุณจงใจจัดงานครบรอบแต่งงาน เพื่อ ทำร้ายใจทราย”
“ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อลูกคุณดันเกิดวันเดียวกับวันแต่งงานเรา”
“งั้นต่อไปก็จัดเฉพาะงานวันเกิดของทราย”
“มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอคุณศก” เสาวณีย์เริ่มฉุน
“น้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่ทรายช่วยเรา คุณก็เห็นว่าเขาให้ทั้งสร้อยกับลูกศร ให้ทั้งบ้านเล็กริมน้ำ ตอนในงาน คุณก็พูดเองนี่ว่าทรายไม่เคยได้อะไรจากเรา ต่อไปนี้เราต้องให้ทรายเท่าที่เราจะทำได้”
พูดจบศกก็เดินออกไป เสาวณีย์มองตาม แล้วแทบอยากจะกรี๊ด

ศรุตายืนกอดอกมองไปทางบ้านใหญ่ เห็นเสาวณีย์โวยวายศรวณีย์ที่จะเอาอาหารมาให้เธอที่บ้านริมน้ำแต่ลูกสาวไม่ฟังเสียง ด้วยสีหน้าสะใจ
“เริ่มรู้สึกแล้วสิ ว่าการไม่มีใครเห็นหัว มันเป็นยังไง อย่าเพิ่งน้ำตาร่วงก่อนล่ะ ฉันยังเซอร์ไพร์สคุณ ไม่หมด”

จากนั้นเสาวณีย์ก็มาระบายความคับแค้นกับคุณหญิงเพกาที่บ้าน
“ตอนนี้ทุกคนไม่เห็นหัวเสาว์แล้ว เสาว์ยังจะใจเย็นได้อยู่เหรอคะคุณแม่ ? “
คุณหญิงเพกาถอนใจ
“แม่เข้าใจ แต่ที่แม่บอกเสาว์ให้ใจเย็น เพราะแม่อยากให้เสาว์มีสติ เพราะแค่คนในบ้านหลงนังทราย มันยังไม่ใช่เรื่องใหญ่”
เสาวณีย์หงุดหงิด “ยังจะมีเรื่องอะไรใหญ่กว่านี้อีกเหรอคะ”
“คนนอกบ้านไง”

พัชระยืนคิดถึงคำพูดของศรุตาเมื่อคืน
“คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าชีวิตฉันต้องเจอผู้ชายแบบไหน เกิดมาพ่อก็ทิ้งแม่ เจอผู้ชายคนอื่น ก็หวังแค่แต่ จะเอาตัวฉัน แต่ตอนฉันเห็นคุณ ผู้ชายที่แววตาแสนซื่อ ฉันเคยหวังว่าถ้าคุณรักฉัน คุณคงพร้อมจะมีฉันคนเดียว แต่ ฉันก็คิดผิด”
“ทราย คุณบอกผมสิ ว่าคุณต้องการอะไร คุณอยากให้ผมทำยังไง”
“ ไม่ต้องทำอะไรหรอกพัชระ แค่คุณรู้ไว้ว่า ยังไงฉันก็ไม่เลิกกับฌาน เพราะฌานแสดงให้ฉันเห็นว่า เขากล้าที่จะมีฉันคนเดียว แม้ว่าฉันอาจจะรู้สึกดีกับคุณมากกว่าฌาน แต่ถ้าคุณมีลูกศร ฉันก็ขอตัดใจ”
ชายหนุ่มคิดอย่างสับสนว่าตัวเองจะเอายังไงต่อ จังหวะนั้นเองคุณแพรเดินออกมา
“ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอพัช แม่บอกแล้วไงว่าวันนี้ต้องไปดูโรงแรมที่จะจัดงานกับศร”
พัชระมองไปทางสนามหญ้าแล้วถอนใจ
“ตัดใจเถอะพัช เมื่อคืนพัชก็เห็นแล้วนี่ว่าหนูทรายควงมากับแฟน เขาไม่มองพัชเลย”
“บางที อะไรๆมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นนะครับ”
คุณแพรมองพัชระ
“ไม่ว่าพัชจะรู้อะไรมา มันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะงานแต่งของพัชกับลูกศร มันไปไกลเกินจะหยุดแล้ว”
“ ผมก็ไม่ได้คิดจะหยุดนี่ครับ แค่อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง”

คุณแพรมอง พลางคิดว่าพัชระหมายถึงอะไ รที่จะเปลี่ยนแปลง ?

พัชะเดินเลี่ยงมาคุยมือถือกับอลัน ที่โทร.ทางไกลมาหา

“ผมจะโทรมาเรื่องโครงการของไอ้ชาร์ลส์ ผมมีงานให้คุณทำ”

นอร์แมนนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุม อลันนั่งถัดมา ต่อด้วยทีมงานของอลัน
“นี่คือทีมงานของแกที่จะสวมแทนทีมงานของชาร์ลส์ใช่ไหมอลัน”
อลันรับคำ “ใช่ครับ แล้วผมก็หาคนที่จะคอยประสานแอบเปลี่ยนสเป๊กแบบก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ครับ”
“ทำให้มันดีนะอลัน สเป๊กตึกสามสิบชั้นกับตึกห้าสิบชั้นมันต่างกัน ถ้าพลาดไป แกนั่นแหละจะเจ็บ มากกว่าชาร์ลส์”
อลันยิ้มอย่างมั่นใจ “ระดับผม ไม่มีทางพลาดหรอกครับลุง ว่าแต่ลุงจะให้ผมเข้าไปดูโครงการแทน ไอ้ชาร์ลส์เมื่อไหร่ครับ”
“รอให้ความสุขของมันสุกงอมก่อน ยิ่งงอมเท่าไร ยิ่งเจ็บดี”
อลันยิ้มอย่างสะใจ ด้วยความหมายมาดว่าครั้งนี้ฌานเสร็จแน่ !

ฌาน บุรี ติ่งนั่งคุยกันเรื่องที่จะให้ติ่งมาช่วยงานด้วย บุรีย้ำว่า
“เอาเป็นว่าเก็บเรื่องโครงการนี้เป็นความลับ ถ้าคนที่ออฟฟิศถาม ก็บอกว่าฌานให้คนอื่นทำ”

“แล้วพัชระล่ะ? มันจะไม่สงสัยใช่ไหม ที่ฉันไม่เอาแกมาช่วยงาน ทั้งๆที่ทุกงานของฉัน ก็อยู่ในมือแก”
ฌานถามบุรีเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“ไม่มีเวลาให้สงสัยหรอก ฉันสั่งกี้ส่งงานเป็นกองให้พัชรับผิดชอบแหละ”
ฌานมองบุรีอย่างชื่นชม “ไม่น่าเชื่อว่าคนซื่อๆ เอ้ย ! ตรงๆอย่างคุณบุรี จะทำอะไรเจ้าเล่ห์เป็นกับเขา”
“เขาไม่เรียกว่าเจ้าเล่ห์เว้ย เรียกว่าทำอะไรมีแผนการ”
ฌานหัวเราะขำ “ฉันลืมไปว่าคนข้างฉันมีแต่คนฉลาด ไม่ว่าเพื่อนหรือแฟน”
บุรีได้ยินคำว่า “แฟน” ก็คิดถึงศรุตา “ เมื่อคืนทรายโทรหาแกรึเปล่า ?”
“ไม่เลย ฉันโทรไปเขาก็ไม่รับ คงไปแล้ว วันนี้ว่าจะโทรหาอีกที”
พอดีกับที่มือถือดัง ฌานมองหน้าจอ เห็นชื่อของ “ทราย” ก็ยิ้ม
“ว่ายังไงจ้ะทราย ผมกำลังพูดถึงคุณอยู่เชียว ผมมาคุยงานกับบุรีจ้ะ คุณมีอะไรเหรอ ?”
“ฉันอยากรู้ว่าคุณอยู่คอนโดรึเปล่า ? ฉันจะพาลูกศรไปว่ายน้ำไง” ศรุตาตอบมาทางปลายสาย
“อ้อ ! ผมลืมไปเลย เดี๋ยวผมกลับไปนะ”
“โอเคค่ะฌาน”

ศรุตาจูงมือศรวณีย์จะเดินไปที่ท่าน้ำ หญิงสาวผู้น้องอิดออด
“แต่พี่ทรายคะ ศรไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมานะคะ”
“เดี๋ยวไปซื้อใหม่ก็ได้ เพราะพี่เชื่อว่า ชุดที่ศรมี พี่คงไม่ปลื้ม”
“งั้นเดี๋ยวศรไปบอกคุณแม่ก่อนนะคะว่าไปข้างนอกกับพี่ทราย”
ศรุตาหยุดเดิน แล้วหันมาพูดกับน้องสาวหน้าเศร้า
“ศรคิดว่าไปขอแม่ แล้วแม่ศรจะให้ไปกับพี่เหรอ ? หรือเมื่อคืนศรไม่เห็นว่าแม่ศรเกลียดพี่ขนาดไหน”
“พี่ทรายอย่าคิดมากเลยนะคะ คุณแม่ไม่ได้เกลียดพี่ทราย คุณแม่แค่...”
ศรวณีย์พูดไม่ออก เพราะรู้เต็มอกว่าเสาวณีย์คิดยังไง
“เอาเถอะค่ะ ไม่ว่าคุณแม่จะคิดยังไง ขอให้พี่รู้ว่าศรอยู่ข้างพี่เสมอ”
ศรุตาแอบยิ้มสะใจ
“ขอบใจนะศร.เพราะศรดีอย่างนี้ พี่ถึงไม่อยากให้ศรมีปัญหากับคุณอา เอาอย่างนี้ ต่อไปถ้าศร ไปกับพี่ ไม่ต้องไปบอกแม่ ให้แม่ศรคิดว่าศรมาอยู่กับพี่ที่บ้านเล็ก โอเคมะ ?”
ศรวณีย์ ยิ้มรับ “ค่ะพี่ทราย”
“งั้นรีบไป ก่อนไปว่ายน้ำ เรามีภารกิจอื่นต้องทำ”
“ภารกิจอะไรคะ ?”

ศรุตาพาศรวณีย์เข้ามาจับจ่ายซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วจงใจพูดถึงฌานว่าเป็น “หนุ่มโสด”
ศรวณีย์เหลือบมองพี่สาว
“พี่ทรายไม่ได้คบกับพี่ฌานเหรอคะ ?”
ศรุตาหัวเราะเสียงดัง “ศรเอาอะไรมาพูด พี่กับฌานเป็นเพื่อนกันจ้า”
“ศรเห็นพี่ทรายกับพี่ฌานสนิทกัน”
“หมายถึงพี่กับฌานถึงเนื้อถึงตัวใช่ไหม โธ่ ศร นี่มันสมัยไหนแล้ว เพื่อนกันเขาก็กอดคอกันได้ ที่ อเมริกานี่จูบกันได้ด้วยซ้ำ จูบกันแบบเพื่อนไง พี่กับฌานรู้จักกันมา 5-6ปีแล้ว ยิ่งเป็นคนไทยที่อยู่เมืองนอกเหมือนกัน ยิ่งสนิทกันเร็วใหญ่ อีกอย่างฌานน่าสงสาร เห็นเป็นผู้ชายสนุกสนานแบบนั้น แต่จริงๆเป็นคนขี้เหงานะ ถึงพี่ไม่มีพ่อ
แต่พี่ยังมีแม่ แต่ฌานสิ เขาไม่มีใคร แม้แต่แม่”
-ศรุตาพุดพลางปรายตามองศรวณีย์แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“พอพ่อฌานเขาเสีย แม่ฌานไปแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจสิงคโปร์ แล้วเอาฌานไปอยู่ด้วยเพราะ พ่อเลี้ยงอยากได้ลูกชาย พ่อเลี้ยงสั่งอะไร แม่ฌานก็จะสั่งให้ฌานทำแบบนั้นเพื่อเอาใจ ฌานก็ยอมทำเพื่อความสุข ของแม่ เพิ่งจะมาขัดกันเรื่องบ้านของพ่อฌานนี่แหละ ก็อย่างที่ศรเห็นในงานเลี้ยงนั่นแหละ พ่อเลี้ยงจะให้ฌานทุบ
แต่ฌานกลับจะเก็บไว้”
ศรวณีย์นึกถึงที่ฌานเคยพูดที่มูลนิธิเด็ก ว่าจะเลือกอะไรระหว่างความทรงจำในอดีตกับ เงิน? พลางคิดได้ว่าอาจเป็นเพราะคำแนะนำของเธอ ทำให้ฌานแข็งข้อกับนอร์แมน“ตอนนี้ฌานเลยยิ่งเหมือนตัวคนเดียว ถ้าศรรู้สึกเกรงใจที่เราไปหัดว่ายน้ำที่คอนโดฌาน ศรก็ช่วยทำ บ้านฌานให้เป็นบ้านตอบแทนฌานสิ”
ศรวณีย์มองพี่สาว แล้วก้มหน้า ไม่ให้ศรุตาเห็นแววตากังวลว่า ศรุตามองท่าทางน้องสาว แล้วคิดว่า แผนที่ตัวเองทำให้ศรวณีย์สงสารและอยากดูแลฌานสำเร็จ

ศรุตาเคาะประตูห้องฌาน แต่คนที่เดินมาเปิดกลับเป็นบุรี
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้ อย่าบอกนะว่าเอาไส้อั่วมาฝากฌานอีก”

บุรียิ้ขำกับคำเหน็บแหนมของศรุตา

บุรีกับศรวณีย์ถือถุงของมาวางบนโต๊ะ ส่วนศรุตายืนคุยมือถือกับฌาน

“ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณต้องคุยงานต่อ”
“พอดีป๋าเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้ แต่ผมให้บุรีไปเปิดห้องให้คุณแล้วนี่จ้ะ เดี๋ยวสักพักผมกลับไปนะ”
ฌานตอบกลับมาทางปลายสาย
ศรุตากดวางสายแล้วมองไปทางบุรีที่ช่วยศรวณีย์เอาของออกจากถุงอย่างขัดใจ
“ฉันไม่ได้ไล่นะ แค่จะบอกว่าฉันกับน้องเข้าห้องมาได้แล้ว คุณจะไปไหนก็ไปได้”
แต่บุรีกลับยืนยันว่าเขาจะอยู่ต่อ
“ตามใจ ไปศร เปลี่ยนชุดไปว่ายน้ำกันดีกว่า”
พูดจบก็จูงมือศรวณีย์พร้อมหิ้วถุงชุดว่ายน้ำใหม่เดินผ่านบุรีไป

บุรีกำลังเอาของใส่ตู้เย็นและใส่ตู้เก็บของในครัว ศรวณีย์ใส่ชุดคลุม เดินออกมาจากห้องด้วยท่าทาง เขินๆ อายๆ
บุรีหันไปมองศรุตา แล้วชะงัก เมื่อเห็นหญิงสาวสวมชุดคลุมตัวสั้นเหนือเข่า สาบเสื้อไม่ได้พาดทับ ปกปิดถึงคออย่างศรวณีย์ แต่พาดทับหลวมๆ ทำให้เห็นชุดว่ายน้ำทูพีทที่สวมอยู่ด้านใน ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าไปทาง อื่น เหมือนเก็บอาการตกใจของตัวเองไว้
ศรุตาเห็นอาการบุรีแล้วแอบยิ้ม พลางแกล้งเดินไปยืนตรงหน้า แล้วก้มลงหยิบของ จนทำให้เกือบ เห็นหน้าอก บุรีรีบถอยหลังหนีทันที
“ไปด้วยกันไหมคะ ?” ศรุตาแกล้งหันมาถามบุรี
“ไม่ครับ”
ศรุตากับศรวณีย์เดินออกจากประตู หญิงสาวปรายตามองบุรีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

ศรุตามองศรวณีย์ด้วยสายตาเซ็งๆ
“ถ้าศรจะใส่อย่างนี้ พี่ว่าเล่นน้ำคลองข้างบ้านพี่ก็ได้นะ เสียแรงอุตส่าห์ซื้อชุดใหม่ กะให้ศรเซ็กซี่ เตะตาหนุ่มๆ จำไว้นะศร รูปร่างผู้หญิง คือเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายอย่างนึง ขนาดหลอมแท่งหินให้ละลายเป็นขี้ผึ้งได้เลยล่ะ ถ้าศรไม่เชื่อ เดี๋ยวพี่จะทำให้ดู”

บุรีนั่งดูแบบแปลนของคอนโดฌานอย่างไม่มีสมาธิ เพราะคิดถึงภาพที่ศรุตาจงใจแกล้งยั่วตัวเอง พลันมือถือก็ดัง บุรีมองที่หน้าจอ เห็นเป็นชื่อ ”ทราย” ก็ถอนใจ
“ฮัลโหล คุณลืมครีมกันแดดเหรอ ?”

บุรีถือขวดครีมกันแดดเข้ามา พลางมองหาศรุตา ขณะที่ศรวณีย์กำลังเกาะขอบสระหัดตีขาลอยตัว
“ศร ทรายล่ะ ?”
“พี่ทรายไปเอาของที่รถค่ะ ฝากบอกให้พี่บุรีรอแป๊บนึง”
บุรีรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมต้องรอ รู้สึกระแวงว่าหญิงสาวจะทำอะไรแผลงๆ อีก จากนั้นก็รีบวางขวด ครีมกันแดดไว้ที่โต๊ะ แล้วตั้งใจจะเดินขึ้นห้องไปเลย จังหวะนั้นศรุตา ก็เอามือถือและชุดคลุมวางบนโต๊ะข้างๆ ขวด ครีมกันแดด บุรีมองเสื้อคลุมที่างข้างๆมือตัวเองอย่างชะงัก แล้วมองไปทางหญิงสาวที่ใส่ชุดว่ายน้ำอวดรูปร่างเซ็กซี่ “ขอบคุณนะคะที่เอาครีมลงมาให้”
บุรีรีบหันหน้ามามอง “ไม่เป็นไร ผมไปล่ะ”
ศรุตารีบเอาตัวยืนขวาง “อย่าเพิ่งไปสิ ช่วยนั่งเฝ้าของให้หน่อย”
พูดจบก็รีบเดินไปที่สระว่ายน้ำ แล้วแอบยิ้มขำ
บุรีรู้ว่าศรุตาจงใจปั่นหัวตัวเองให้หลงเสน่ห์ พลางเอื้อมมือไปหยิบเก้าอี้มาวางหันหลังเข้าสระ หญิงสาวเห็นบุรีนั่งหันหลังให้ จึงแกล้งว่ายน้ำไปกลางสระที่เป็นส่วนลึก แล้วแกล้งจมน้ำ
“ช่วยด้วย”
ศรวณีย์ร้องด้วยความตกใจ “พี่ทราย พี่บุรีคะ พี่ทรายจะจมน้ำค่ะ”
บุรีรีบหันมามอง แอบแปลกใจว่าทำไมศรุตาถึงจมน้ำ ทั้งๆที่ว่ายน้ำเป็น แต่แล้วก็รีบกระโดดน้ำ ลงไปช่วยพาหญิงสาวมาที่ริมสระ
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ฉันเจ็บขา ช่วยพาฉันไปที่เก้าอี้หน่อยได้ไหม ?”
บุรีโอบเอวพยุงให้ลุกขึ้น แต่ศรุตาแกล้งเจ็บขายืนไม่ไหว บุรีจึงตัดสินใจอุ้ม หญิงสาวเอาแขนโอบคอ บุรี ใบหน้าทั้งคู่อยู่ใกล้กันแค่คืบ
บุรีมองศรุตาที่มองตัวเองด้วยสายตายิ้มๆ แล้วก็ชะงักคิดว่าตัวเองโดนหลอกแน่ๆ บุรีพาเธอไปถึงเก้าอี้นอนที่ริมสระ แล้วจงใจปล่อยร่างเธอตกบนเก้าอี้อย่างแรง
“ขอโทษ มือผมลื่น”
ศรุตามองบุรีอย่างรู้ทัน เขามองเธอหน้านิ่ง แต่แววตายิ้มๆ
ฌานเข้ามาเห็นบุรีตัวเปียก “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?”

ฌานอุ้มศรุตา เข้ามาในห้อง โดยมีบุรี ศรวณีย์เดินตามเข้ามา
ศรวณีย์มองฌานที่ดูเป็นห่วงศรุตาด้วงยความรู้สึกหวั่นๆในหัวใจ พอฌานออกปากว่าจะไปซื้อยาทาแก้ปวด ศรุตาก็รีบให้ศรวณีย์ตามไปด้วย
“ให้ศรไปด้วยสิ ฉันกลัวคุณจะซื้อยาทาแก้ขี้กลากมานวดเท้าฉัน”
จากนั้นก็หันมาบอกบุรี
“ส่วนคุณ อยู่กับฉันสองคน คุณคงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่กับใครก็ได้ ผมเอาตัวรอดได้เสมอ”

ศรุตามองบุรีอย่างไม่ยอมแพ้
 
อ่านต่อหน้า 4

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 7 (ต่อ)

ศรุตาเปลี่ยนเสิ้อยู่ในห้องน้ำ แต่จงใจเปิดเสื้อตัวเอง แล้วปัดผมที่ลู่เปียกอยู่ให้ดูเซ็กซี่ พลางแอบเปิด ประตูมอง เห็นบุรีนั่งอยู่ที่โซฟา

“อยู่เป็นจระเข้ขวางคลองอยู่ได้ ดูสิ เจอแบบนี้ ยังจะกล้าอยู่ต่ออีกไหม”
จากนั้นก็แกล้งเปิดประตูแล้วล้มลงกับพื้น บุรีหันมามอง แล้วค่อยๆ ลุกเดินมาดู อย่างรู้ทัน
“เลิกเล่นได้แล้ว ผมรู้นะว่าคุณแกล้ง”
“ฉันยอมรับว่าตอนแรกฉันแกล้ง แต่พอโดนคุณโยนลงบนเก้าอี้ ฉันเจ็บจริงพยุงฉันขึ้นไปหน่อยสิ”
บุรีมองศรุตานิ่งๆ
“รออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมไปเอาเก้าอี้มาให้คุณนั่ง ถ้าขาเจ็บจริง ยิ่งเดินมันก็ยิ่งเจ็บ”
บุรีเดินไปเอาเก้าอี้มาให้ แต่กลับสะดุดขาเก้าอี้ล้ม ศรุตาตกใจรีบลุกขึ้นมาดู
“คุณเป็นยังไงบ้าง ?”
บุรีมองศรุตาด้วยสายตายิ้มๆ อย่างคนชนะ “ขาไม่เจ็บแล้วเหรอ ?”
หญิงสาวชะงัก รู้สึกเสียหน้าที่เสียท่า
“ผมชนะคุณ 2 ยกแล้วนะเนี่ย เอ๊ สงสัยผมจะยังไม่เคยบอกคุณ ว่าคุณกับผมฝีมือคนละชั้น”
ศรุตาโมโห ลุกขึ้นยืนแล้วจงใจเดินเหยียบขาบุรี แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ผู้หญิงอ่อยขนาดนี้ยังไม่สนใจ เป็นเกย์รึเปล่าเนี่ย”

ศรวณีย์ที่เดินมาซื้อยากับฌาน มองท่าทีที่ดูเป็นห่วงศรุตา ด้วยความรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อซื้อยาเสร็จ ฌานก็ชวนให้เธอเข้าไปช่วยเลือกซื้อต้นไม้

บุรีช่วยฌานกับศรวณีย์ทำอาหารในครัว ครู่หนึ่งฌานก็เอาจานขนมมาให้ ศรุตารีบไล่ให้เขาเข้าไปช่วยศรวณีย์
“บุรีอยู่ช่วยแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
ศรุตามองบุรีที่หัวเราะกับศรวณีย์ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้
“ถามจริงๆนะฌาน คุณเบี่ยงเบนทางเพศรึเปล่า”
ฌานที่กำลังดื่มกาแฟแล้วแทบสำลัก
“ถามอะไรเนี่ยทราย ?”
ศรวณีย์ปรายตามองไปทางบุรี
“ก็ดูสิ เดี๋ยวนี้คุณไปไหนมาไหน ก็มี....ติดตัวตลอด”
“ก็ช่วงนี้ผมต้องทำโปรเจ็กต์กับบุรี ตัวก็ต้องติดกันเป็นธรรมดา”
“แล้วจะมีวันห่างกันบ้างไหม ฉันอยากอยู่กับคุณลำพังเหมือนกัน”
ศรุตาแกล้งอ้าง ฌานยิ้มกว้าง
“มีสิ ถ้าบุรีมีงานต้องทำ เขาก็ต้องไปทำ”
หญิงสาวครุ่นคิดว่าจะหาทางดึงบุรีห่างจากฌานยังไง ?
พลันมือถือของศรวณีย์ก็ดัง หญิงสาวดรับ ครู่หนึ่งก็วางสาย แล้วเดินมาหาศรุตา
“พี่ทรายคะ พี่พัชโทรมาถามว่าพี่ทรายว่างไหม จะชวนไปดูโรงแรมที่จะจัดงานแต่งด้วยกันน่ะค่ะ”ฌานได้ยินว่าพัชระชวนศรุตาไปดูโรงแรมด้วย ก็ชะงัก บุรีมองหญิงสาวว่าจะไปไหม
ศรุตามองอาการของบุรีแล้วคิดแผนที่จะดึงเขาออกจากฌาน

พัชระเห็นศรวณีย์เดินเข้ามาในโรงแรมคนเดียว ก็ชักสีหน้าหงุดหงิด แต่ครู่หนึ่งศรุตาก็เดินเข้ามา พร้อมกับบุรี
“ฉันชวนบุรีมาช่วยดูด้วย คุณคงไม่ว่าใช่ไหม ?”
พัชระถึงกับชะงัก

ระหว่างที่เดินชมห้องโรงแรม พัชระก็เอาแต่ถามความชอบของศรุตา โดยไม่สนใจศรวณีย์ จนบุรีเริ่มเอะใจ ศรุตาเองก็สงสัยในท่าทางมีลับลมคมในของพัชระ แต่พยายามนิ่งไว้ก่อน
“คุณควรถามลูกศรนะ”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าลูกศรต้องการอะไร ผมเลยถามคุณ เผื่อคุณอยากได้อะไรที่แตกต่าง”
บุรีรีบหันมาบอก
“งานแต่งเป็นงานของคนสองคน คนอื่นพูดยังไง ไม่สำคัญเท่าคนของเราหรอกพัช”
พัชระยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใช่ครับ พี่บุรีพูดถูก”
จากนั้นก็หันไปพูดกับทีมงาน “เดี๋ยวคุณเอารายการอาหารในงาน ให้ทรายดูด้วยนะครับ”ศรุตามองพัชระ พลางคิดว่ากำลังคิดจะทำอะไร

บุรีมองอย่างประเมินท่าทีของพัชระกับศรุตา

ศรุตาเดินออกมาจากห้อง บุรีเดินตามมาอย่างที่หญิงสาวคิด

“ผมไม่รู้ว่าคุณกับพัชระคิดจะทำอะไรกันอยู่ แต่อย่างน้อยก็คิดถึงความรู้สึกของลูกศรบ้าง”
ศรุตาแกล้งตีหน้าเศร้า“
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ฉันถึงได้ชวนคุณมา คุณจะได้เห็นอีกทฤษฎีว่า การที่ผู้ชาย เข้าหาผู้หญิง ไม่ใช่เพราะผู้หญิงอ่อยเสมอไป แต่เป็นเพราะผู้ชายร่านเองก็มี ถ้าคุณเป็นคนยุติธรรม ฉันก็อยากได้ ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ คุณจำตอนที่คุณวิเคราะห์ลายเส้นวาดรูปฉันได้ไหม ?”
บุรีมองศรุตา อย่างจะอ่านความคิดของหญิงสาว
“ฉันอยากให้คุณรู้ว่าสิ่งที่คุณเห็น มันไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด”
“คุณพยายามจะบอกอะไรผม ?”
“ฉันไม่เคยคิดแย่งใคร แต่แค่พูด คุณก็คงไม่เชื่อ ฉันเลยอยากทำให้คุณรู้จักฉันดีพอ ก่อนที่ฉันจะ กลับอเมริกา”
บุรีมองศรุตา แล้วนิ่งคิด

พอศรุตาเดินกลับเข้ามาในห้อง พัชระก็รีบเดินเข้ามาหา
“คุณยังไม่บอกผมเลยว่าคุณชอบงานแต่งแบบไหน ?”
ศรุตามองพัชระอย่างสงสัย “คุณจะมาถามฉันทำไม คุณตัดสินใจแต่งงานกับลูกศร คุณก็ถาม เจ้าสาวคุณสิ”
พูดจบก็จะเดินเลี่ยงไป แต่พัชระรีบจับมือไว้
“จำไว้นะทราย ผมกำลังทำทุกอย่างเพื่อเรา”
“คุณคิดจะทำอะไร ?”
พัชระยิ้มเจ้าเล่ห์ ทีมงานมองพัชระจับมือศรุตา ก็รีบหยิบมือถือโทรหาเสาวณีย์

เสาวณีย์วางมือถือกระแทกลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจ
“เห็นไหม? แม่พูดไม่ผิด คนนอกบ้านหลงกลนังทรายน่ะเรื่องใหญ่กว่า”
คุณหญิงเพกาเดือดดาลแทน
“คุณศกนะคุณศก เห็นแก่แค่เศษเงินที่มันโยนมาให้ จนมองไม่ออกเลยว่ามีมีดอยู่ข้างตัวลูกศร”
ครู่หนึ่งเพื่อนไฮโซของเสาวรีย์ก็เข้ามาทัก พลางออกปากว่าจะขอลูกสาวไปถ่ายแบบ เสาวณีย์ยิ้มดีใจ เพราะคิดว่าหมายถึงศรวณีย์
“จี๊ดไม่ได้หมายถึงหนูลูกศร จี๊ดหมายถึงหนูทราย”
พลางเอานิตยสารที่ศรุตาขึ้นหน้าปกมาโชว์ เสาวณีย์ถึงกับชะงัก

แต่คุณหญิงเพกากลับมองว่ายิ่งศรุตายิ่งดัง ก็ยิ่งเป็นโอกาสที่ดี
“ถึงมันจะพยายามสร้างภาพให้แม่มันดูดี แต่ใครๆก็รู้ว่าเถือกเถาเหล่ากอของแม่มันเป็นมายังไง โบราณท่าน ว่าไว้ ..ดูนางให้ดูที่แม่ แม่เคยไล่จับผู้ชายมา ลูกมันก็คงไม่ต่างกัน ในเมื่อมันเล่นละครให้มันดังได้ เราก็ เล่นละครให้มันดับได้เหมือนกัน”

“ใช่ครับ ทรายบอกว่าจะกลับอเมริกาจริงๆ”
บุรีเล่าให้ดวงตาฟังทางมือถือ แต่ดวงตายังอดกังวลไม่ได้
“อาว่าคลื่นทะเลมันสงบเกินไปนะบี”

“ผมก็คิดเหมือนกันครับ ผมกำลังดูทิศทางลม ว่าพายุทราย จะก่อตัวขึ้นที่ไหน”

ขณะเดียวกันพัชระ ก็กำลังยืนคุยมือถือกับศรวณีย์

“ศร พี่มีเรื่องจะให้ศรช่วยบอกพ่อแม่ของศรหน่อย”
“อะไรเหรอคะ ?” ศรวณีย์ย้อนถาม

“พัชระจะให้พี่ตกแต่งเรือนหอให้เหรอ ?”
ศรุตาถามย้ำเมื่อได้ฟังความจากศรวณีย์
“ใช่ค่ะพี่ทราย ศรเองก็อยากให้พี่ทรายตกแต่งเหมือนกัน”
“แม่ศรจะยอมเหรอ ?”

“ฉันไม่มีปัญหาค่ะ”
เสาวณีย์ตอบหน้านิ่ง ไม่มีท่าทีหงุดหงิดโวยวาย จนศกแปลกใจ
“คุณพูดจริงเหรอ ?”
“จริงสิคะ ที่คุณพูดกับฉันก็ถูก ฐานะการเงินเราไม่ค่อยมั่นคง ทรายช่วยอะไรได้ ฉันก็ควรรับไว้”
ศกยิ้มดีใจ “ชอบคุณมากนะคุณเสาว์ ที่เข้าใจผม”
“ยังไง คุณให้พัชระมาช่วยทรายตกแต่งบ้านด้วยก็ดีนะคะ เขาสายอาชีพเดียวกัน น่าจะพูดเข้าใจกัน มากกว่าศร”
“คุณพูดก็ถูก งั้นเดี๋ยวผมจะบอกกับทราย”
เสาวณีย์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มปกปิดรอยยิ้มสะใจเมื่อคิดถึงแผนการของตัวเอง

ทางด้านศรุตาก็บอกกับศรวณีย์ว่าเธอยินดีจะช่วย แต่ขอผู้ช่วย
“ใครเหรอคะ ?”

บุรีที่กำลังดื่มกาแฟ พลางคุยมือถือกับศรุตาไปด้วย ก็ถึงกับสำลัก
“อะไรนะ? คุณจะให้ผมช่วยตกแต่งเรือนหอของพัชระกับคุณเหรอ ?”
“ใช่ คุณคงไม่อยากให้ฉันทำกับพัชระสองคนหรอกใช่ไหม ?”

ศรุตาเดินนำศรวณีย์มาที่ท่าเรือคอนโดฌาน พลางคุยมือถือกับบุรีไปด้วย
“เช้านี้ฉันนัดพัชระไว้ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ แล้วเจอกันที่นั่นนะคะ”
จากนั้นก็กดวางสายแล้วยิ้มให้น้องสาว
“วันนี้บรรยากาศที่คอนโดฌานปลอดโปร่งดีนะศร วันนี้เราคงหัดว่ายน้ำกันสนุก”

จากนั้นทั้งคู่ก็เข้ามาที่ห้องของฌาน ขณะที่ศรวณีย์เข้าไปจัดเตรียมอาหารในครัว ศรุตาก็รีบพุดเข้าประเด็น
“วันนี้ฉันฝากคุณสอนลูกศรว่ายน้ำด้วยนะ ฉันจะไปดูเฟอร์นิเจอร์แต่งเรือนหอให้ลูกศร”
“ให้ผมเนี่ยนะสอนศรว่ายน้ำ”
ฌานรู้สึกอึดอัดเพราะรู้ดีว่าการสอนว่ายน้ำต้องถึงเนื้อถึงตัว
“แหม ทำอย่างกับคุณไม่เคยสอนผู้หญิงว่ายน้ำมาก่อนอย่างนั้นแหละ ฝากด้วยนะ”

ศรุตาหยิบกระเป๋า เตรียมจะออกจากห้อง พร้อมๆ กับที่ฌานรีบพูดดัดคอ
“ผมว่าแผนคุณมันไม่จำเป็นหรอกทราย”
ศรุตาหันขวับมามองฌาน
“คุณก็เห็นแล้วว่ายังไงศรกับพัชระต้องแต่งงานกัน ไม่ว่าพัชระจะหึงศรหรือไม่ก็ตาม”
“แต่งงานอย่างของตาย กับแต่งงานเพราะเห็นค่า มันต่างกันนะฌาน”
ฌานชะงัก ศรุตารีบตีหน้าว่าเข้าใจ
“เอาเถอะ ฉันเข้าใจ ตอนนี้คุณก็เครียดเรื่องงานพออยู่แล้ว เดี๋ยวฉันพาศรไปที่อื่นก็ได้”
พูดพลางก็แกล้งจะเดินไป แต่กลับถูกฌานคว้ามือไว้ ศรุตาแอบยิ้ม
ทันใดนั้นสียงเคาะประตูห้องก็ดัง ฌานเดินไปเปิดประตู เห็นติ่งยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
-“สวัสดีฮ่ะพี่ฌาน”
“เดี๋ยวผมต้องเช็คแบบงาน งั้นผมให้ติ่งหัดศรว่ายน้ำแล้วกันนะทราย”
ศรุตานิ่ง แววตาไม่พอใจ

พัชระยืนรอศรุตาอย่างใจจดใจจ่อ พอเห็นบุรีเดินเข้ามา ก็นึกแปลกใจ
“ทรายให้พี่มาช่วยตกแต่งเรือนหอของพัชกับศร”
พัชระชะงัก บุรีมองนาฬิกา
“เขาทำอะไรอยู่ ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก”

ฌานนั่งดูงานที่โต๊ะริมสระ พลางเหลือบมองติ่ง ที่กำลังสอนศรวณีย์ว่ายน้ำอยู่ในสระ ศรุตาแอบมอง อยู่อีกมุมหนึ่ง
“แต่งงานเหรอฌาน ? ฉันไม่ยอมให้มีวันนั้นเด็ดขาด”
จากนั้นก็หยิบมือถือกดโทรหาฌาน
“ฌาน คุณอยู่ไหนคะ ฉันว่าฉันทำต่างหูพลอยหล่นในห้องคุณเมื่อวานแน่เลย คุณช่วยดูให้หน่อย ได้ไหม”
“ได้สิจ้ะ เดี๋ยวผมโทรกลับนะ”
ฌานวางสายแล้วลุกขึ้น ศรุตารีบเดินหลบ

ศรุตาเดินออกมาจากมุมหนึ่ง แอบมองฌานที่เดินขึ้นลิฟท์ไป แล้วเดินไปหาพนักงานคอนโดที่ ประจำอยู่ที่ล็อบบี้
“ คุณคะ ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ?”

พนักงานโรงแรมเดินเข้ามาหาติ่ง
“คุณครับ มีคนแจ้งว่ารถของคุณโดนกรีดรถน่ะครับ”
ติ่งร้องโวยวายอย่างตกใจ
“น้องลูกศรขึ้นมานั่งขอบสระก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ไปดูราชรถของพี่แป๊บนึง”
ติ่งรีบพยุงศรวณีย์ให้ขึ้นไปนั่งที่ขอบสระ แล้วรีบวิ่งออกไปดูรถกับพนักงานคอนโด
ศรวณีย์ยันตัวเองจะลุกขึ้นเพื่อไปนั่งที่เก้าอี้ริมสระ ศรุตายืนอยู่ด้านหลัง แล้วผลักหญิงสาวตกลงไปในสระว่ายน้ำ แล้วรีบวิ่งหนีไป ไม่ให้น้องสาวเห็นตัวเอง
ศรวณีย์โผล่พรวดขึ้นน้ำมาด้วยความตกใจ และตะเกียกตะกายพยายามเรียกคนช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ”

ศรุตามองร่างที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในน้ำ ด้วยสีหน้านิ่ง เหมือนไม่คิดจะช่วย
 
อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น