xs
xsm
sm
md
lg

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 9

เรียวเดินนำนันณภัสกับลิลลี่เข้ามาในร้านอาหารจีน ลิลลี่มองบรรยากาศและการตกแต่งแล้วรู้สึกถึงรสนิยมของเรียว

“นายชอบกินอาหารจีนหรือ”
“ครับ มันทำให้ผมนึกถึงตอนเด็กๆ”
เรียวเหลือบมองนันณภัส นันณภัสมองรอบๆ ร้านอย่างพอใจ เรียวพามาที่โต๊ะหนึ่งแล้วเชิญทุกคน
“เชิญครับ”
“เด็กๆ นายทำอะไรหรือ”
“ผมอยู่โรงงิ้วครับ ฝึกงิ้วฝึกการต่อสู้ จากนั้นอาฮวดก็ไปเจอผม”
นันณภัสรู้สึกว่าเรียวเป็นคนที่น่าศึกษา
“ชีวิตนายนี่ก็โลดโผนเหมือนกันนะ สั่งอาหารเถอะ”
เรียวรับหน้าที่จดอาหารลงในเมนูที่ทำเป็นกระดาษโน้ต ลิลลี่นึกขึ้นได้จึงถามนันณภัส
“เป็นไงเจ๊ ติดต่อนายพรานไทของเจ๊ได้หรือยัง”
นันณภัสหน้าสลดลง เรียวหยุดเขียนแล้วมองนันณภัส
“ยังเลย หายเงียบไปเลย”
“ผมว่าวันหนึ่งต้องได้เจอกันครับ”
“ไม่ต้องมาปลอบใจฉันหรอกนายเรียว”
“ผมพูดจริงๆ ครับ แต่ถ้านายคนนั้นรู้ความจริงว่าคุณเป็นใคร คุณพัดจะทำยังไง” นันณภัสอึ้งคิดไม่ออกเพราะไปหลอกเขาไว้ “ผมไปสั่งอาหารก่อนนะครับ”
เรียวลุกถือรายการออกไปสั่งอาหาร ลิลลี่เห็นด้วยกับเรียว
“นั่นสิเจ๊พัด ถ้าเขารู้ว่าเจ๊พัดโกหกเขา เจ๊พัดจะทำยังไง นายคนนี้ท่าทางจริงจังด้วย”
“ไม่รู้สิ”
นันณภัสไม่รู้จริงๆ เธอเริ่มคิด

ทางด้านปลายฟ้า เธอรู้สึกดีขึ้นที่แป้งมาเยี่ยมทั้งคู่พูดคุยกันจนกระทั่งปลายฟ้าหิว
“เออ ชักหิวแล้วสิ”
“สั่งของโรงแรมกินสิ” แป้งแนะนำ ปลายฟ้าหน้าเบ้
“ไม่ล่ะ ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยว นะ ช่วยไปซื้อก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อเปื่อยให้หน่อยสิ นะแป้งนะ ฉันอยากกินจริงๆ”
ปลายฟ้าอ้อน
“ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปซื้อให้” แป้งทำท่าจะลุกออกไป พีทเปิดประตูเข้ามาพอดี ปลายฟ้าหน้าเบ้แต่ไปไหนไม่ได้ต้องอยู่บนเตียง “แหม คุณพีทมาพอดีเลย ฝากอยู่เป็นเพื่อนยายฟ้าแป๊บนึงนะคะ แป้งไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้เจ้าหญิงเขาก่อนเดี๋ยวมานะคะ”
แป้งยิ้มหวานให้พีท พีททำท่าคลื่นไส้
“ไม่เป็นไรหรอกแป้ง ฉันไม่หิวแล้ว เดี๋ยวฉันสั่งของที่โรงแรมกินก็ได้” ปลายฟ้าบอกเพราะไม่อยากอยู่กับพีทตามลำพัง
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ ฝากด้วยนะคะคุณพีท เดี๋ยวแป้งมา แป๊บเดียวเองค่ะ”
“ไปนานๆ ก็ได้ครับ”
แป้งยิ้มหวานก่อนจะเดินออกไป พีทมองปลายฟ้าแล้วยิ้มอย่างพอใจ ปลายฟ้าสะบัดหน้าหนี

เมื่อทานอาหารเสร็จนันณภัสก็มาคุยเรื่องงานกับวิศวกรที่สถานที่ก่อสร้างคอมเพล็กซ์ นันณภัสยืนดูที่ที่กำลังจะทำการก่อสร้างคอมเพล็กซ์กับวิศวกร
“ตกลงเรื่องของแบบผ่านทางเทศบาลแล้วนะให้ เริ่มโปรเจ็คได้เลย” นันณภัสสั่งงานวิศวกร
“ครับ”
วิศวกรเดินไปดูสถานที่ต่อ นันณภัสเดินกลับมาที่ลิลลี่
“ร้อนจังเลย เสร็จหรือยังเจ๊พัด”
“เสร็จแล้ว ทำงานก็ต้องเหนื่อยอย่างนี้แหละ ไม่เหมือนเธอดูสิเล่นแต่เกม”
นันณภัสไม่เห็นรายละเอียดในจอไอแพดของลิลลี่จึงนึกว่าลิลลี่เล่นเกม
“เกมที่ไหน ลิลลี่กำลังสั่งให้โรงงานที่จีนผลิตของพวกกิ๊ฟช๊อปที่ลิลลี่ออกแบบไว้ซะหน่อย” นันณภัสแทบไม่เชื่อหู
“นี่ลิลลี่เอาจริงหรือ”
“เรื่องอื่นลิลลี่อาจจะไม่เก่ง แต่เรื่องพวกนี้ลิลลี่ก็หนึ่งไม่เป็นรองใครนะ”
“แล้วลิลลี่ทำเอกสารยังไง รู้ภาษาจีนหรือ”
“เพื่อนของลิลลี่เขาเป็นเจ้าของบริษัททัวร์เมืองจีน เรื่องนี้เขาช่วยลิลลี่ได้อยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องมีพนักงานที่เข้าใจภาษาจีนน่ะสิ คือพี่อยากได้เลขาที่เข้าใจภาษาจีนสักคนน่ะ พอจะหาได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว ไปกันเถอะร้อนจะตายอยู่แล้ว”

ทั้งหมดเดินกลับมาที่รถ

ปลายฟ้ายังคงนอนอ่านหนังสือแล้วหันไปทางหน้าต่าง ไม่มองหน้าพีท พีทเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะรับแขกด้านในแล้วทำลายความเงียบ

“นี่คุณ ไม่หันมาทางนี้บ้างระวังอัมพฤกษ์จะกินนะ”
ปลายฟ้าพูดกลับมาโดยไม่หันหน้า
“มันเรื่องของฉัน”
พีทลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าปลายฟ้า ปลายฟ้าหันกลับมาอีกข้าง
“งั้นผมไปหาคุณเองก็ได้”
“เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับฉันซะทีนะ”
“ไม่มีกำหนด”
ปลายฟ้าทำหน้าหงิกฉุนเฉียว พีทรู้สึกน้อยใจ
“ทำไมหรือ ผมมันน่าเกลียดน่าขยะแขยงนักหรือคุณถึงได้รังเกียจขนาดนี้”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ แล้วไปให้ห่างชีวิตฉันได้แล้ว”
“ใช่ซี้ ใครจะไปเหมือนหัวหน้าคุณล่ะ ละเมอเพ้อหาเขาทุกวัน”
“มันเรื่องของฉัน นายไม่รู้จักหัวหน้าฉันก็ไม่ต้องมาพูด”
พีทรู้แก่ใจว่าเป็นไทแต่อยากรู้ความรู้สึกจริงๆ ที่ปลายฟ้ามีต่อไท
“แล้วหัวหน้าคุณเป็นคนยังไงล่ะ”
“เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ไม่ข่มเหงคนอื่นเหมือนนาย และเขาดูแลปกป้องฉันเสมอ”
พีทรู้สึกปวดใจที่ไทดีกว่าเขาในสายตาของปลายฟ้า จึงคิดอยากเอาชนะ
“อ้าว ดูแลปกป้อง แล้วเขาไปไหนล่ะ ไม่เห็นมาเยี่ยม มาดูแลคุณเลย”
ประโยคนี้ทำให้น้ำตาปลายฟ้าเอ่อขึ้นมา เธอหลบมาอีกข้างแล้วพูดเบาๆ
“เขาอาจจะยังไม่รู้ก็ได้” พีทรู้สึกอิจฉาไท แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ แป้งก็เปิดประตูเข้ามา
“มาแล้วค่า ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ แป้งซื้อมาเผื่อคุณพีทด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่หิว ขอตัวนะครับ”
แป้งมองตามพีทงงๆ ปลายฟ้าหันหน้ามองออกไปข้างนอก แอบเช็ดน้ำตา ในใจคิดถึงไท

เบ็ตตี้นั่งอยู่ที่ผับ โอตี่เดินเข้ามา แล้วโยนรูปถ่ายของลูกสาวมนัส ลงบนโต๊ะ เบ็ตตี้เงยหน้ามองโอตี่และรูปถ่ายอย่างสงสัยแล้วถามติดตลก
“ญาติคุณหรือ”
“ใช่มั้ง” โอตี่นั่งลง
“จะให้ทำอะไร”
“ลูกสาวนายมนัส โนนพิมาย อดีตนายกเทศมนตรีปากช่องเมื่อ 15 ปีที่ แล้วแด๊ดของฉันสงสัยว่าเธออาจจะเก็บอะไรเอาไว้บางอย่างที่สามารถทำให้แด๊ดสิ้นอิสรภาพไปตลอดชีวิตได้”
เบ็ตตี้หยิบรูปขึ้นมาดูแล้วพินิจดู มันเป็นรูปถ่ายสมัย 10 กว่าปีที่แล้วเป็นเด็กนักเรียนถักผมเปีย
“อย่าบอกนะว่ารูปนี่ถ่ายเมื่อ...”
“10 กว่า ปีที่แล้ว”
เบ็ตตี้ยิ้มเยาะ
“ให้ไปลอบสังหารประธานาธิบดียังง่ายกว่ามั้ง นายจะบ้าหรือ ถ่ายมาตั้ง นานแล้วไม่รู้ตอนนี้รูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปยังไงก็ไม่รู้”
“สสารไม่มีวันสูญหาย แด๊ดเก็บนายมนัสไปแล้วแต่ลูกสาวยังอยู่”
“บ้าไปแล้ว นายนี่มันสติแตกจริงๆ มีข้อมูลแค่นี้เอง”
“ก็ทำไงได้ มันจำเป็นนี่ คนอย่างเบ็ตตี้แค่นี้ก็น่าจะแกะรอยได้น้า”
เบ็ตตี้พินิจดูรูปถ่ายแล้วคาดเดา
“เสนอราคามา”

เบ็ตตี้รับงานนี้ เธอยิ้มมุมปากแววตามั่นใจ โอตี่ยิ้มรับสีหน้าพอใจ

ปลายฟ้านั่งอ่านหนังสือภาษาจีนอยู่บนเตียง

“ยาหลังอาหาร กินซะ” แป้งบอก
“ขอบใจ”
แป้งเก็บจานไปล้าง สักครู่แป้งเดินออกมา แล้วเห็นว่าปลายฟ้ากำลังอ่านหนังสือฝึกพูดภาษาจีน
“แกอ่านอะไรน่ะ ภาษาจีน”
“อืม อยากทบทวนสักหน่อยเผื่อว่าอาจจะได้ใช้”
“ทางบริษัททัวร์ที่แกไปสมัคร เขาเรียกแกแล้วหรือ”
“ยังหรอก ก็แค่เตรียมเอาไว้ บางทีการไปที่ไกลๆ สักพักมันอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“เรื่องหัวหน้าแกหรือ”
“มันหลายเรื่องน่ะ”
“ฉันขอไปงีบก่อนนะ เมื่อคืนชั้นทำงานเลิกดึก แล้วแกล่ะมานั่งตากลมอย่างนี้เดี๋ยวจะมีโรคแทรกนะ ชั้นไปล่ะนะ”
“ฉันฝากดูวันสอบด้วยนะ”
แป้งรับรู้แล้วเดินออกไป ปลายฟ้าอ่านหนังสือต่อในใจตั้งใจจะหนีพีทไปและบางทีอาจจะเจอไทแบบครั้งที่แล้วๆ มาก็ได้
ขณะนั้นพีทกำลังระบายความโกรธด้วยการต่อยกระสอบทรายในฟิตเนสของคอนโด เขาต่อยอย่างหนักแน่นและรุนแรงอยากให้กระสอบทรายเป็นไท

เย็นวันเดียวกันนั้นบุ๊นนั่งจิบน้ำชามองทะเลอย่างเย็นใจ อาฮวดเดินนำไทเข้ามา
“ดื่มน้ำชาด้วยกันสิ”
ไทชะงักในใจไม่กล้าเทียบเจ้านาย เขามองหน้าอาฮวดอย่างมีเชิง อาฮวดพยักหน้า ไทนั่งลง
“ตามสบายนะ เธอเคยมาที่นี่แล้วไม่ใช่หรือ” ไทนึกถึงวันที่รถเขาเสียแล้วมาขอความช่วยเหลือกับหนูเอม
“น้องสาวเธอสบายดีนะ”
“ครับสบายดีครับ”
“ตั้งแต่วันนั้นเรายังไม่ได้เจอกันเลยสิ มาเจอกันอีกทีก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ยังไงก็ถือโอกาสขอบใจเธอมากที่ช่วยฉันเอาไว้”
“ไม่เป็นไรครับ แต่ท่านก็ตอบแทนผมอย่างเทียบเป็นราคาไม่ได้เหมือนกัน” บุ๊นหัวเราะเบาๆ
“ไม่หรอก ไม่มีอะไรแพงกว่าชีวิตของฉันหรอก ไท” บุ๊นเน้นคำว่าไท ไทรับฟังนิ่งๆ “ช่วงนี้ตาพีทเป็นยังไงบ้าง เห็นว่าเย็นลง และก็เข้ากันได้นี่”
ไทรู้สึกอึดอัดที่อยู่ต่อหน้าบุ๊น
“ท่านมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
“ฮวดยังไม่ได้บอกรึ”
บุ๊นมองไปที่อาฮวด อาฮวดนิ่ง
“ก็บอกคร่าวๆ ครับ”
“ฉันรู้ว่านายฝีมือดี แต่ไม่รู้ว่าเคยผ่านอะไรมาบ้าง”
“แบบในตำรา หรือนอกระบบล่ะครับ”
บุ๊นพอใจเขาเข้าใจความหมายของไทแล้วพอใจ
“ฉันต้องการความสมัครใจ”
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าผมกำลังใช้หนี้ท่านอยู่” บุ๊นหัวเราะอย่างพอใจ
“ฉันอยากให้นายไปคุ้มครองคนๆ หนึ่ง”
“ใครครับ”
“ฮวดจะบอกรายละเอียดกับนายเอง”

พีทยังคงระบายความโกรธด้วยการต่อยกระสอบทรายในฟิตเนสของคอนโด เขาต่อยอย่างหนักแน่นและรุนแรงจนเริ่มเหนื่อย โจเดินเข้ามาท่าทางมีธุระ
“จะขึ้นชิงแชมป์หรือไง”
พีทหยุดหอบ และเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อหยิบน้ำดื่ม
“เปล่า แต่หมั่นไส้คน”
“ทำไม แม่นั่นหักอกแกแล้วหรือ” โจหัวเราะ
-พีทไม่อยากพูดถึงจึงเปลี่ยนเรื่อง
“แกมีอะไร ถึงได้ถ่อมาถึงนี่ ฉันอยากจะพักผ่อนแล้ว”
“ก็ถ้าแกรับโทรศัพท์ซะบ้างฉันคงไม่ถ่อมาหรอก”
พีทยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดูจึงเห็นว่ามี Miss Call เข้ามา 10 กว่าสาย
“เออ จริงด้วย แกมีอะไรก็ว่ามา”
“ตั้งแต่ท่าเรือแกมีเรื่องตำรวจมาป้วนเปี้ยนตลอดเวลาเลย สงสัยคงต้องงดสั่งของสักพักล่ะมั้ง”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น นิ่งๆ สักพัก ฉันรำคาญไอ้ผู้กองฉัตรนั่นจะตายอยู่แล้ว เออ งั้นช่วงนี้แกว่าง ฉันอยากให้แกดูไอ้โอตี่มันหน่อย”
“มีอะไรหรือ”
“ฉันรู้สึกว่าสินค้าที่มันสั่งมามันแปลกๆ ว่ะ”
“แปลกตรงไหนวะแค่เครื่องในวัว”
“เออน่า หัดทำตามคำสั่งบ้างได้ไหม”
“แบบนี้เขาเรียกว่าขอร้องโว้ย”

พีทพยักหน้ายอมรับ

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 9 (ต่อ)

อาฮวดเดินมาส่งไทที่หน้าบ้าน ไทกำลังจะเดินไปที่รถ

“พรุ่งนี้เจอกัน”
“ครับ แล้วเรื่องคุณพีท”
“ฉันจัดการเอง”
ห่างออกไปไม่มากเรียวจอดรถให้นันณภัสลงแล้วขับเลยไป นันณภัสเดินมาจะเข้าบ้านแล้วมองเห็นไทข้างหลังแต่ไกล เธอรู้สึกคุ้นๆ ว่าจะใช่ไทหรือเปล่า
ไทกำลังจะเดินไปที่รถ แต่รู้สึกได้ว่ามีคนมองอยู่จึงหันกลับมา ไทกับนันณภัสหันหน้ามามองกันแบบไม่ได้นัดต่างฝ่ายต่างตะลึง
“ไท”
“คุณ พัด”
เรียวเดินเข้ามาพอดีเขาหยุดอยู่ห่างออกไปเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนจ้องกัน อาฮวดเข้ามาทำลายความเงียบ
“ไท นี่คุณพัดลูกสาวท่านประธาน พี่สาวคุณพีท”
ไทถึงกับอึ้ง นันณภัสเองก็อึ้ง สีหน้าไม่ดี
“ยินดีครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
ไทบอกอย่างนอบน้อมแล้วเดินไปขึ้นรถขับออกไป นันณภัสพยายามจะเรียกไว้แต่เรียวช่วยตัดบทเกรงว่านันณภัสจะเสียเกียรติ
“คุณพัดครับ เข้าบ้านเถอะครับ”
นันณภัสพยักหน้ารับสีหน้าเศร้าแล้วเดินไป เรียวยืนมองตามอยู่ข้างอาฮวด

ไทขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนนสีหน้านิ่งในใจคิดอย่างไร้จุดหมาย
“มีคนบอกว่าถ้าเรามีความพยายามจุดหมายก็จะใกล้เข้ามา แต่สำหรับผมจะพยายามแค่ไหน จุดหมายกลับห่างออกไปเรื่อยๆ ราวกับว่ามันไม่มีตัวตน เหมือนคนที่ผมกำลังจะใกล้ชิด แต่มันกลับห่างออกไปอย่างไม่มีวันมาเจอกันได้อีก”
อีกด้านหนึ่งนันณภัสนั่งหน้าสลดมองหนังสือนกอยู่ในห้องในใจคิดถึงไท

วันต่อมา รถของบุ๊นแล่นมาจอดที่หน้าบริษัท อาฮวดเปิดประตูให้บุ๊นเดินเข้าบริษัท ไทเดินมาจากด้านข้างด้วยชุดสูทชั้นดีแล้วนอบน้อม
“ท่านประธาน คุณฮวด”
บุ๊นยิ้มส่งสายตาให้ไทตามไป ทั้งสามคนเดินไปตามทางอย่างองอาจ

ส่วนที่โรงแรม นาฬิกาที่หัวเตียงเลขบอกเวลา 8.30 น. ขณะนั้นแป้งนอนหลับสนิทอยู่ที่ห้องรับแขก เสียงโทรศัพท์ของแป้งดังขึ้น แป้งรับสายเสียงงัวเงีย
“ฮัลโหล ยังไม่ตื่น ฉันชื่อแป้ง ไม่ได้ชื่อปลายฟ้า แค่นี้นะคนจะนอน”
แป้งวางสายแล้วหลับต่อ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง แป้งรำคาญไม่ยอมรับ ปลายฟ้าเดินออกมาจากห้องน้ำ “แป้ง ไม่รับสายหรือ”
“เขาบอกว่าจะพูดกับแก” แป้งบอกแล้วรับต่อ ปลายฟ้าจึงรับสายแทน
“อ้าว สวัสดีค่ะ ค่ะ ปลายฟ้าค่ะ จากบริษัททัวร์หรือคะ ค่ะ ว่างเลยค่ะ ได้ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ สวัสดีค่ะ”
ปลายฟ้ามีท่าทางดีใจเพราะบริษัททัวร์โทรมาตามไปทำงานด่วน ปลายฟ้าจึงรีบปลุกแป้ง “แป้งตื่นได้แล้ว ได้เวลารับใช้ชาติแล้ว”
แป้งลุกขึ้นมางัวเงีย
“รัสเซียบุกแล้วหรือ”

อีกด้านหนึ่งที่คอนโดพีท พีทตื่นนอนขึ้นมาด้วยท่างสบายใจ เขาบิดขี้เกียจพร้อมกับหันไปมองนาฬิกา
“เฮ้อ สบายจัง กี่โมงแล้วนี่” ที่นาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลา 08:30 น. พีทยิ้มกริ่ม “อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ได้เวลาเยี่ยมพอดี แหมไม่มีนายไทคอยตามกวนค่อยยังชั่วหน่อย”

พีทเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายใจเฉิบ

ไทยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของบุ๊น บุ๊นยืนอยู่ใกล้หน้าต่างมองออกไปข้างนอก อาฮวดยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ทั้งหมดสนทนากันมาระยะหนึ่งแล้วบุ๊นหันมาหาไท

“พอไหวไหมงานนี้”
“ก็ไม่มีอะไรยากนี่ครับ”
บุ๊นมองแววตาที่มั่นใจของไท
“อย่าเพิ่งประมาทไป เอาล่ะเสร็จธุระแล้วนายไปทำงานของนายได้แล้ว”
ไทรับคำแล้วเดินออกมาจากห้องอย่างนอบน้อม อาฮวดมองตามไปแล้วถามบุ๊น
“ท่านประธานแน่ใจหรือครับ”
“ถ้ามันออกมาก็แสดงว่าฉันคิดถูกว่าเป็นมันจริงๆ ส่งเรียวไปช่วยด้วยนะ”

ไทเดินออกมาตามทางเดินแล้วมาพบกับนันณภัสที่เดินมากับเรียวพอดี ไทชะงักแล้วทักทายตามมรรยาทอย่างนอบน้อม
“คุณพัด”
นันณภัสรีบเดินมาหาไท
“ไท เอ่อ นาย”
เรียวมองไทและนันณภัสอย่างสนใจและระวัง
“ขอตัวนะครับ ผมต้องรีบไปทำงาน”
“เอ่อ ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“เห็นจะไม่เหมาะสมครับ คุณพัด”
ไทปฏิเสธอย่างนุ่มนวลและเจียมตัว เรียวได้ยินการสนทนาตลอด เขามองไทด้วยสายตาขอร้องแบบลูกผู้ชาย
ไทตัดสินใจพยักหน้ารับ นันณภัสยิ้มออกมา

ไทเดินเข้ามาอีกมุมของบริษัท่แล้วหันหน้ามาถามนันณภัสด้วยความนอบน้อม
“คุณพัดมีธุระอะไรหรือครับ”
นันณภัสรู้สึกอึดอัดเพราะความสนิทสนมมันไม่เหมือนเดิม
“มันไม่เป็นทางการไปหน่อยหรือ”
“มันควรจะเป็นแบบนี้ครับเพราะคุณเป็นลูกสาวท่านประธาน นายจ้างผม” ไทมีความรู้สึกน้อยใจปนโกรธนิดๆ
“ฉันขอโทษ ที่ไม่ได้บอกความจริงกับนาย แต่ เราก็ยังคบหากันได้ไม่ใช่หรือ”
“ได้ครับ แต่มันคงเป็นแบบเจ้านายลูกจ้าง ผมคงทำให้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้”
“นายนี่ใจแข็งจริงๆ” นันณภัสตัดพ้อ
“ผมจำเป็นครับ เพราะผมไม่อยากเสียใจไปมากกว่านี้ คุณก็ควรจะคิดแบบเดียวกันนะ ผมขอตัวนะครับ คุณพัด”
ไทเดินจากไปอย่างนิ่งและใจเย็น นันณภัสมองตามไทเดินออกไปสีหน้าเศร้าน้ำตาไหลบางๆ

ที่ร้านกาแฟ แป้งนั่งดื่มเครื่องดื่มคุยกับปลายฟ้า
“แกออกมาแบบนี้คุณพีทเขาจะว่ายังไงนะ น่าจะอยู่ขอบคุณเขาก่อน”
“ไม่ล่ะ แบบนี้น่ะดีแล้ว แต่แกไม่ต้องกลัวฉันไม่ไร้มรรยาทแบบนั้นหรอก แล้วห้ามบอกนายนั่นเด็ดขาดว่าฉันไปไหน ทำอะไร เข้าใจไหม ขืนปากรั่วอีกละก็ฉันเลิกคบแกจริงๆ ด้วย”
“รู้แล้วน่า แล้วแกจะไปนานไหม” แป้งรับปากจริงจัง
“ก็คงเป็นเดือนมั้ง”
“อย่างนั้นคงต้องคืนบ้านพักแล้วล่ะ เพราะอีกไม่เท่าไหร่ก็จะสอบแล้ว ฉันว่าจะไปสิงที่หอรุ่นน้องเตรียมสอบสักอาทิตย์ ถ้าสอบได้ก็คงกลับบ้านไปอยู่กับแม่ ถ้าไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน”
ปลายฟ้าถอนหายใจนึกถึงวันสอบและเรื่องในวันข้างหน้า
“นั่นสิเนอะ ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเที่ยวนี้จะสอบได้หรือเปล่า ไม่ค่อยได้ซ้อมเลย”
“ต้องได้สิ เราต้องไปออสเตรียด้วยกัน”
ทั้งคู่ให้กำลังใจซึ่งกันละกันแล้วชนแก้วดื่ม

พีทอารมณ์ดีถือดอกไม้ช่อใหญ่เดินมาถึงหน้าห้องพักปลายฟ้า พนักงานทำความสะอาดเดินออกมา พีทถาม
“คุณปลายฟ้าล่ะครับ”
“กลับบ้านไปแล้วค่ะ เธอทิ้งโน้ตไว้ให้คุณด้วยนะคะ”
พีทยืนงง แล้วรับจดหมายจากพนักงานทำความสะอาด

พีทหน้าเศร้าขณะนั่งอ่านจดหมายที่ปลายฟ้าเขียนทิ้งเอาไว้ให้
“ฉันต้องขอโทษนายที่เสียมรรยาทออกมาโดยไม่บอกนาย แต่ฉันคิดว่าฉันควรจะทำแบบนี้ ตอนนี้นายคงจะโกรธและอยากเอาชนะฉันสินะ แต่ฉันขอบอกไว้เลยว่าถ้านายอยากเอาชนะฉัน นายควรเอาชนะตัวเองให้ได้ก่อน และเมื่อนั้นนายก็จะสามารถชนะใครก็ได้ตามที่นายต้องการ ขอบคุณสำหรับค่ายา...ลาก่อน”
“ปลายฟ้า”

พีทนิ่งเหม่อแต่แทนที่จะขยำจดหมายทิ้งเขากลับพับมันช้าๆ แล้วใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้

รถของบริษัททัวร์ วิ่งมาตามถนนภายในรถมีลูกทัวร์ชาวจีนนอนหลับพิงไหล่ปลายฟ้า ปลายฟ้านั่งเอาศีรษะพิงหน้าต่างเหม่อมองออกไปข้างนอก ที่มือปลายฟ้ามีสายเชลโล่ที่ไทซื้อให้

“เราจะได้เจอกันอีกไหมนะ หัวหน้า”

ขณะนั้นไทค์กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ ตามถนน
“มีคนบอกว่าถ้าเรามีความพยายาม จุดหมายก็จะใกล้เข้ามา แต่สำหรับผมจะพยายามแค่ไหน จุดหมายกลับห่างออกไปเรื่อยๆ ราวกับว่ามันไม่มีตัวตน แต่ถึงอย่างไรผมคงไม่ปฏิเสธที่จะวิ่งไปหามันอีกครั้ง”
ไทขี่รถไปตามถนนพร้อมกับสัมภาระของตัวเอง

รถของบุ๊นแล่นมาจอดที่หน้าบ้านพักตากอากาศ บุ๊น ไท อาฮวดลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านทิ้งคนขับรถเอาไว้
บุ๊นเดินมาหาคนป่วย ไทกับอาฮวดยืนรออยู่ข้างนอก พยาบาลออกไปอย่างนอบน้อม
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง” คนป่วยพูดไม่ได้ลืมตามองบุ๊นแล้วพยักหน้ายิ้ม “ดูดีขึ้นเยอะเลยนี่ มนัส”
มนัสยังคงยิ้มและพยักหน้า

พอออกจากบ้านพักตากอากาศบุ๊นก็เข้าบริษัท ไทกับอาฮวดเดินประกบบุ๊นมาตามทางจนถึงหน้าบริษัท มีรถมาเทียบทั้งหมดกำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง พอดีกับพีทเดินเข้ามาแล้วหยุด บุ๊นมองพีทอย่างเอ็นดู
“มาหา พัดหรือ”
“ครับ” พีทหันไปมองไท ไทมีท่าทางนอบน้อม ในใจพีทยังโกรธไทเรื่องปลายฟ้า “ผมขอตัวนะครับ”
พีทจากไป ไทเปิดประตูให้บุ๊นขึ้นรถ จากนั้นก็วิ่งอ้อมไปนั่งข้างหน้าให้อาฮวดนั่งหลังกับบุ๊น รถวิ่งออกไป

พีทเดินผ่านห้องฝ่ายบุคคล เขาเห็นผู้หญิงรอสัมภาษณ์ที่หน้าห้อง 3-4 คน แต่ไม่ได้สนใจแล้วเดินผ่านไปที่ห้องของนันณภัส
ที่ห้องฝ่ายบุคคลขณะนั้นปลายฟ้ากำลังนั่งสัมภาษณ์งานอยู่
“ขอโทษนะที่ต้องดึงตัวคุณมาจากบริษัททัวร์ ผมว่าคุณต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะไปทำงานทัวร์หรือทำที่นี่ แต่ว่าที่นี่เป็นแค่ชั่วคราวนะ ถ้าเลขาคนเก่าครบกำหนดลาคลอดแล้วเขาก็จะกลับมาทำเหมือนเดิม โอเคไหม”
ผู้จัดการปิดแฟ้มแล้วมองหน้าปลายฟ้าอย่างอารมณ์ดี
“ตกลงทำที่นี่ค่ะ”
“อืม ดีมาก งั้นผมจะพาไปรู้จักท่านรองประธานเจ้านายโดยตรงของคุณ”
ปลายฟ้ายิ้มรับ

ขณะนั้นนันณภัสอยู่ที่ห้องทำงานกำลังนั่งดูภาพถ่ายที่เคยถ่ายกับไทที่เรือเมื่อครั้งแรกที่พบกัน พีทเดินมาหยุดที่หน้าห้องนันภัส พีทมองโต๊ะเลขาที่ว่างเปล่าก่อนจะเคาะประตูห้องนันณภัส เสียงเคาะประตูดังขึ้น นันณภัสรีบเก็บรูปไว้ในหนังสือแล้วอนุญาต
“เข้ามา”
ประตูเปิดออกพีทเดินเข้ามา พีทแต่งตัวเรียบร้อยแบบทำงานออฟฟิศ นันณภัสมองอย่างแปลกใจ
“สวัสดีเจ๊”ง
“อ้าว พีท มีอะไรหรือ แหม ดูแต่งตัวเข้าสิ นึกว่าเป็นพนักงานออฟฟิศ”
พีทยิ้มแล้วนั่งตรงหน้านันณภัส
“ก็ กำลังจะพยายามเป็นอยู่ งานเต็มโต๊ะเลย เลขาคนเก่งไปไหนแล้วล่ะ”
“ลาคลอดไปแล้ว กำลังหาคนใหม่อยู่ คงกำลังเรียกตัว สัมภาษณ์อยู่มั้ง เอ ดูท่าทางอยากทำงานแล้วสิเราน่ะ”
พีทพยักหน้ารับ “ความรักทำให้คนตาสว่างได้เหมือนกันนะ”
“เจ๊รู้ได้ยังไง”
“ประสบการณ์มั้ง เมื่อไหร่พี่จะได้เห็นน้องสาวผู้โชคดีคนนี้นะ”
พีทหน้าสลดลงแล้วพูดความจริง
“เธอไปแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก”
“อ้าว นี่ตกลงจะดราม่า หรือแฮปปี้เอนดิ้งเนี่ย”
พีทยิ้ม เมื่อนึกถึงคำพูดของปลายฟ้าที่เขียนจดหมายฝากเอาไว้
“ไม่รู้สิ เรื่องมันเพิ่งเริ่มต้น แต่ผมเชื่อว่าเธอจะกลับมา เอ่อ มีใครว่างพอที่จะค้นเอกสารย้อนหลังของท่าเรือให้ผมได้บ้างไหม”

บุ๊นเดินออกมาจากบ้านตากอากาศ อาฮวดและไทรออยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนขึ้นรถบุ๊นพูดขึ้นมากับอาฮวด
“ฮวด อาการมนัสเขาดีขึ้นมาก เตรียมเรื่องที่เคยรับปากกับเขาให้พร้อมด้วยนะ”
“ครับ”

อาฮวดรับรู้ ไททำหน้าที่ขับรถให้บุ๊นเหมือนเดิม รถขับออกไปแล้ว ห่างออกไปมีรถสายสืบลูกน้องของมังกรซุ่มดูอยู่

ติดตาม "ดุจตะวันดั่งภูผา" ตอนที่ 9 (ต่อ) เวลา 17.00 น.

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 9 (จบตอน)

ผู้จัดการพาปลายฟ้ามาที่หน้าห้องนันณภัส แล้วเคาะประตู

“เข้ามาได้”
เสียงนันณภัสดังออกมา ประตูเปิดออกผู้จัดการพาปลายฟ้าเข้ามา ขณะนั้นนันณภัสกำลังก้มหน้าดูเอกสารอยู่
“เลขาคนใหม่ครับ”
นันณภัสเงยหน้าขึ้นมอง ปลายฟ้าเห็นนันณัสเต็มตา
“คุณ”
นันณภัสจ้องหน้าปลายฟ้า
“ช่วยอธิบายงานให้เขาด้วย”
“ได้ครับ”
ปลายฟ้ากับผู้จัดการออกไป นันณภัสมีสีหน้าสงสัย

ผู้จัดการเอาแฟ้มตั้งใหญ่มาวางลงบนโต๊ะทำงานของปลายฟ้า
“นี่แฟ้มงานทั้งหมด ค่อยๆ ศึกษาไปก็แล้วกันนะ ไม่เข้าใจอะไรก็ถามคุณพัดได้ ท่านใจดี ผมไปก่อนนะ”
ผู้จัดการเดินจากไป ปลายฟ้าก้มหน้าก้มตาทำงาน นันณภัสเดินออกมาจากห้องแล้วมาหาปลายฟ้า
“โลกกลมจริงๆ เธอไม่ได้ทำงานที่สวนสัตว์แล้วหรือ”
“ไม่แล้วค่ะ”
นันณภัสไม่รู้ว่าปลายฟ้าเจอไทแล้วหรือยัง
“แล้วนี่เจอหัวหน้าของเธอหรือยัง”
“ไม่ได้เจอเลยค่ะ หัวหน้าหายออกไปจากสวนสัตว์เฉยๆ ไม่บอกลาอะไรแล้วก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย” นันณภัสรู้สึกงงและคิดว่าปลายฟ้าคงไม่รู้ว่าไททำงานที่นี่ “ถ้าคุณจะติดต่อหัวหน้าล่ะก็ คงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
นันณภัสทำเฉยตัดสินใจไม่บอกปลายฟ้าเรื่องไท
“เธอรู้เรื่องสวัสดิการของเราแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ มีบ้านพักให้ด้วย ขอบคุณนะคะ”
“ฉันจะไปข้างนอก คงไม่กลับมาแล้ว ใครโทรมาช่วยจัดการนัดให้ด้วยนะ”
“ค่ะ”
นันณภัสเดินจากไป ปลายฟ้ามองตามแล้วทำงานต่อ

ขณะนั้นมังกรนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่มุมสบายของบ้าน โดยมีอาเพียวอยู่ไม่ห่างนัก โอตี่เดินเข้ามาแล้วทรุดนั่งอย่างเซ็งๆ
“นี่แด๊ด ลูกสาวนายมนัสของแด๊ดนี่มีตัวตนจริงหรือเปล่าเนี่ย”
“มีสิ เขาเป็นเพื่อนเล่นของหนูพัดลูกสาวพี่ใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมหรือ”
“หาไม่เจอ”
มังกรหัวเราะเบาๆ
“อะไร หาไม่เจอก็สรุปว่าไม่มี บ้าหรือเปล่า”
“อ้าว พูดอย่างนี้มาต่อยกันเลยดีกว่ามา มา” โอตี่ลุกขึ้นไปยืนตรงที่ว่างแล้วทำท่าชกลม “มา ลุกมาเลย”
มังกรและอาเพียวส่ายหน้ากับความประสาทของมัน พอดีเสียงโทรศัพท์ของมังกรดังขึ้น มังกรรับสาย
“ว่าไง อืม ตามต่อไป อืม”
มังกรวางสาย โอตี่ถามด้วยความอยากรู้
“มีอะไรหรือแด๊ด”
“เปล่า แค่รายงานว่าพี่ใหญ่ไปบ้านพักตากอากาศ”
โอตี่ทำหน้าสงสัย
“ที่นั่นมีอะไร”
“จะมีอะไร ก็มีบ้านไง จะสงสัยอะไร เขาไปดูบ้านพักตากอากาศของเขามันแปลกตรงไหน”
โอตี่นิ่งและคิดอะไรบางอย่าง
“นี่แด๊ด ไอว่านะ เรายังมีจุดอ่อนอยู่ รู้หรือเปล่า”
“จุดอ่อนอะไร”
ก็เราไม่ค่อยจะรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของลุงบุ๊นมากเท่าไหร่เลย อย่างดีก็แค่แอบมอง เราต้องรู้ให้มันลึกกว่านี้สิ”
มังกรคิดต่ทและเห็นว่าจริงตามที่โอตี่บอก
“มันก็จริง แต่เราจะทำยังไงล่ะ”
ขณะนั้นลิลลี่ขับรถเข้ามาพอดี โอตี่เหลือบเห็นลิลลี่เดินเข้าบ้านไป โอตี่จึงเสนอความคิด

“ลิลลี่เคยคบหาอยู่กับนายพีทไม่ใช่หรือ”

“โอย นั่นมันนานมาแล้ว เขาเลิกกันตั้งแต่แกไปเมืองนอกใหม่ๆ โน่น”

“แด๊ดรู้จักถ่านไฟเก่าไหม”
“แกคิดจะทำอะไร ถ่านมันเก่าจนไม่รู้จะจุดติดหรือเปล่า ไม่มีทางหรอก”
“แด๊ดลืมไปแล้วหรือว่ายายลิลลี่น่ะใจอ่อนจะตาย”
มังกรคติดตามโอตี่

เย็นวันเดียวกันนั้น บุ๊นเดินคุยกับอาฮวดออกมาจากห้องลับ
“ช่วงนี้เพิ่มระดับความปลอดภัยขึ้นหน่อยนะ”
“ครับ ผมจะหาลูกน้องเก่าๆ มาเพิ่ม”
บุ๊นพอใจอาฮวดเดินจากไป นันณภัสเดินเข้ามาหาบุ๊น
“คุณพ่อ”
“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะ”
“อยากพักผ่อนค่ะ เป็นยังไงคะคนคุ้มกันคนใหม่”
บุ๊นสงสัยว่าทำไมนันณภัสถึงถามเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ไม่เคยสนใจ
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงสนใจคนคุ้มกันขึ้นมา พ่อให้เขามาช่วยงานน่ะ ท่าทางเขาไว้ใจได้”
“ทำไมเราต้องใช้คนคุ้มกันมากขึ้น มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าหรอก แค่ระวังน่ะ ไม่มีอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันดีกว่า ตาพีทเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“เห็นตอนนี้เงียบๆ ไป คงยุ่งกับงานมั้งคะ”
บุ๊นรับรู้ สองพ่อลูกเดินไปด้วยกันอย่างอบอุ่น

สำนักงานที่ท่าเรือ พีทนั่งเซ็งมองออกไปนอกหน้าต่าง ในใจคิดถึงจดหมายที่ปลายฟ้าเขียนทิ้งเอาไว้ โจนั่งอยู่ข้างๆ กำลังสรุปรายงานค่าใช้จ่ายประจำเดือนแล้วส่งให้พีท
“นี่ สรุปรายรับประจำเดือนนี้”
พีทรับไปอ่านสักครู่ ท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“อะไรวะ ทั้งเดือนกำไรแค่ 3-4 แสน ตาย อย่างนี้เหนื่อยตาย ป๊าฉันรู้คงหัวเราะฉันจนความดันขึ้นแน่”
“แกจะมาบ่นอะไร อย่างเราได้แค่นี้มันก็บุญโขแล้ว แกจะไปเอาอย่างไอ้โอตี่ได้ยังไง กิจการอย่างมันเสี่ยงก็จริง แต่เดือนๆ มันฟันเป็นสิบๆ ล้าน” พีทฉุกคิด
“นั่นสิ ไอ้โอตี่นี่ มันไม่เลวเหมือนกัน”
“แกคงไม่คิด...”
“ฉันไม่ทำอะไรบ้าๆ อย่างนั้นหรอกน่า”
ในใจพีทรู้สึกอิจฉาโอตี่เหมือนกัน

มังกรนั่งหน้าเครียดอยู่ที่เทอเรสหน้าบ้าน ลิลลี่เดินผ่านมาแล้วเข้ามาคุยด้วย
“ป๊ามานั่งทำอะไรตรงนี้ ไม่ไปทานข้าวหรือ”
“ป๊ากินไม่ลง”
มังกรทำหน้าเข้มและซีเรียส ลิลลี่เห็นแล้วนึกเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นหรือป๊า”
“ก็เรื่องธุรกิจของตระกูลเรานั่นแหละ ระยะหลังมานี่ กิจการเราขาดทุนมาตลอด ก็หวังงานสร้างคอมเพล็กซ์ของหนู พัดเขานี่แหละ จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้เริ่ม เงินที่กู้มาดอกเบี้ยตอนนี้เกือบเท่าตัวแล้ว ขืนเป็นแบบนี้เราล้มละลายแน่” ลิลลี่ตกใจ
“ตายจริง ลิลลี่ไม่ยักรู้เรื่องนี้เลย”
“พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นกังวลน่ะ”
“แล้วเรื่องนี้เฮียโอว่ายังไงบ้าง”
“โอตี่พยายามติดต่องานและหาเงินกู้ก้อนใหม่มาเปิดดอกเบี้ยเก่าก่อนน่ะสิ”
“ทำอย่างนั้นมันแค่ลูบหน้าปะจมูกแค่ชั่วคราวเท่านั้นเองนะป๊า”
“แล้วจะให้ป๊าทำยังไง มันต้องทำอย่างนี้ไปก่อน ถึงมันจะไม่เหลืออะไรก็ต้องยอม” ลิลลี่นึกถึงบุ๊น
“จริงสิ ทำไมป๊าไม่ไปขอร้องลุงบุ๊นให้ช่วยล่ะ เป็นหนี้พี่น้องกันมันยังดีกว่าไม่ใช่หรือ”
“ป๊าละอายน่ะ ลุงบุ๊นช่วยป๊ามาตั้งแต่เด็กที่มีมาทุกวันนี้ก็เพราะลุงบุ๊นทั้งนั้น ถ้าเขารู้ว่าป๊าทำสิ่งที่เขาอุตส่าห์สร้างให้เจ๊ง ป๊าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ลิลลี่เข้าใจแล้วพยายามช่วย
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
“ที่จริงตอนนั้นป๊านึกว่าลูกจะแต่งงานกับนายพีทไปแล้ว แต่ลูกก็...”
“ลูกทนคนอย่างนายพีทไม่ไหวหรอกป๊า”
“ช่างมันเถอะ ป๊าเข้าใจ อะไรมันจะเกิดก็ต้องปล่อยมันไป”

มังกรถอนหายใจแล้วทำหน้าเศร้า ลิลลี่สงสารพ่อ น้ำตาเอ่อแล้วตัดสินใจ

“ถ้าสิ่งที่พ่อบอกจะช่วยธุรกิจของตระกูลเราไว้ได้ ลูกก็ยินดีค่ะ”

“อะไรนะ”
มังกรทำเป็นแปลกใจ
“ลูกจะยอมกลับไปคบกับนายพีทอีกครั้งค่ะ”
ลิลลี่บอกเสียงจริงจัง มังกรลอบยิ้มแววตาเจ้าเล่ห์

คืนนั้นหลังจากอาบน้ำเสร็จไทนอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ขณะนั้นปลายฟ้าเพิ่งกลับถึงห้องพัก ปลายฟ้าไขกุญแจเปิดไฟจึงเห็นว่าเป็นห้องพักที่ดีมากปลายฟ้าทิ้งตัวลงบนเตียง

“ต้องแบบนี้สิ เฮ้อ สบายจัง ไปอาบน้ำดีกว่า”
ปลายฟ้าลุกไปห้องน้ำ
ที่ห้องไท ไทรู้สึกเบื่อจึงออกมายืนรับลมด้านหน้า เห็นห้องของปลายฟ้าปิดประตู ปลายฟ้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จรู้สึกสบายตัวแล้วมายืนรับลมที่ระเบียง ในใจคิดถึงไทและอนาคตข้างหน้าเป็นจังหวะที่ไทเข้าบ้านไปพอดี ปลายฟ้ายืนมองท้องฟ้าสักครู่แล้วเข้าห้องปิดประตู
ปลายฟ้ากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง ไทเปลี่ยนชุดจะเข้านอน เขาหยิบเอาหนังสือ The Moral To The Sun ขึ้นมาอ่านหน้าที่พับเอาไว้ในใจรู้สึกหนักใจในหน้าที่ จังหวะหนึ่งก็คิดถึงปลายฟ้า
ปลายฟ้านอนอยู่บนเตียง เธอนอนไม่หลับจึงหยิบเอาสายเชลโล่ที่ไทเคยให้ขึ้นมาดูเพื่อนึกถึงไท ทำให้มีกำลังใจขึ้น

“หัวหน้าไปอยู่ไหนนะ” ปลายฟ้าพลิกตัวนอน แล้วหลับตาที่หัวนอนมีซองใส่สายเชลโล่วางอยู่ “ฝันดีนะหัวหน้า”
กำลังโหลดความคิดเห็น