รักต้องอุ้ม ตอนที่ 5
กีรติพยายามเต็มที่ที่จะหมุนพวงมาลัยเพื่อประคองรถไว้ไม่ให้พุ่งลงข้างทาง ลันตาหัวโขกกับกระจกดังโป้ก แพทพยายามก้มแล้วยึดตัวเบาะไว้ รถหมุนที่ไหล่ทางจนจะหล่นจากถนน แล้วรถก็หยุดตรงขอบทางได้อย่างเฉียดฉิว เมื่อรถหยุดทุกคนก็ตั้งสติ
“คุณลัน แพท! เป็นยังไงบ้างครับ” กีรติถาม
“ฉันโอเค ไอ้ลัน..” แพทเรียก
“หัวโขกนิดหน่อย...คุณกบล่ะคะ” ลันตาถาม
“ผมไม่เป็นไร” กีรติบอก
กีรติลงจากรถ แพทกับลันตาตามลงมามองสภาพรถที่กระจกหน้าแตกทั้งบาน
“สภาพนี้ คงขับต่อไม่ได้แล้วล่ะครับ” กีรติบอก
ลันตามีสีหน้าผิดหวัง “เราคงต้องกลับบ้าน”
“แค่กระจกแตกถึงกับถอดใจเลยเหรอครับ เรื่องแค่นี้เอง”
“เรื่องแค่นี้?” ลันตางง
“อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟันนะครับ” กีรติบอก
แพทกับลันตามองว่ากีรติมีแผนอะไรต่อ
บนโต๊ะห้องประชุมมีหนังสือคู่มือเดินทางของออฟฟิศเปิดค้างอยู่ ในหนังสือมีประโยคที่โดนไฮไลท์ไว้เป็นช่วง ๆ อธิปหมุนเก้าอี้กลับมา
“กบ....ได้รับรถหรือยัง” อธิปถาม
รถคันใหม่สำหรับเดินทางต่อเปิดไฟคู่กระพริบอยู่ริมถนน กีรติรับกุญแจมาจากพนักงานที่อธิปสั่งให้เอารถมาเปลี่ยนให้กีรติ กีรติรับกุญแจแล้วหันมาคุยโทรศัพท์กับอธิปต่อ
“กุญแจอยู่ในกำมือผมแล้วครับพี่ ว่าแต่...ซ่อมฟรี ไม่เกี่ยวกับเงินเดือนใช่ไหมครับ” กีรติถาม
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าผลงานน่าพอใจไหม” อธิปยิ้ม “เดี๋ยวพี่จะให้เขาลากเข้าไปที่อู่ จัดการซ่อมให้เลย”
กีรติยิ้ม “ครับพี่”
กีรติกดวางสายหันมาทางลันตากับแพทที่มองพนักงานซึ่งกำลังย้ายของจากรถคันเก่ามาที่รถคันใหม่ พนักงานปิดท้ายรถแล้วเดินมาหากีรติ
“เรียบร้อยแล้วนะครับ” พนักงานบอก
“ขอบคุณมาก”
พนักงานเดินออกไปดูรถของกีรติ
“ออฟฟิศคุณดูแลพนักงานดีนะคะ” ลันตาชม
กีรติยิ้ม “มันก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่าย เราทำงานดี เขาก็ดูแล คนทำงานรู้สึกว่าเจ้านายเห็นค่า ก็ทำงานเต็มที่ พี่อธิปดูเข้มงวดก็จริง แต่เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้งานเดินหน้า”
“แต่ถ้าจะได้สิทธิพิเศษขนาดนี้ ฉันว่าต้องเป็นน้องรักด้วยนะ ไม่งั้นไม่ได้ขนาดนี้หรอก” แพทบอก
กีรติมองอย่างตำหนิ “คุณกำลังดูถูกพี่อธิปกับผม”
“ออฟฟิศไหนๆ ฉันก็เห็นเป็นแบบนี้ถ้าไม่สนิท ไม่มีสิทธิพิเศษหรอก” แพทบอก
“มันไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่มันคือการดูแลพนักงานในบริษัท ทุกคนจะได้การดูแลที่ดี ถ้าทำผลงานที่ดี” กีรติพูด
“คุณคงเป็นพนักงานที่ดีมากสินะ” แพทว่า
“ผมรู้แต่ว่าต้องทำงานในหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เพราะ“งานที่ดีจะปกป้องตัวเราเอง”
แพทไม่เห็นด้วย “ฉันไม่เคยจะเห็นไอ้ทฤษฎีของคุณมันจะมีอยู่จริง”
“ประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณมันคงไม่ดีนัก คุณอาจเจอออฟฟิศที่ไม่ดีนัก หรือไม่ก็...ลองมองต่างมุมนะครับ ออฟฟิศที่คุณเคยอยู่ไม่ดี หรือว่างานคุณยังไม่ดีพอที่จะปกป้องตัวคุณเอง”
“นี่คุณ!”
ลันตาเห็นท่าไม่ดีจึงขัดขึ้น
“หมดเวลา! ...รีบเดินทางต่อไหมคะ เดี๋ยวจะเสียแพลนทำงานกันนะ แพท...ไปเหอะ ขึ้นรถ”
ลันตาจัดการโอบแพทเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอขึ้นรถ
ลันตาหันมายิ้มกับกีรติ “ไปกันต่อเถอะค่ะ”
กีรติยิ้มรับ “ครับ...”
ลันตาให้แพทขึ้นไปนั่งด้านหลัง ลันตาขึ้นมานั่งที่นั่งข้างๆ คนขับ กีรติขึ้นประจำที่นั่งคนขับ กีรติขับรถออกไป ชัยกับยุทธจอดรถคอยซุ่มดูมองรถของกีรติที่ขับผ่านไป
ธัญญาเรศที่ถือโทรศัพท์มือถือแนบหูอยู่ค่อย ๆ ลดมือลงด้วยสีหน้าโกรธจัด ธัญญาเรศกวาดโคมไฟและของที่อยู่ในห้องรับแขกอย่างหัวเสีย
“ดื้อด้าน!”
ธัญญาเรศคิดว่าจะต้องขัดขวางลันตาให้ได้
มิ้งค์เดินเข้ามาในห้อง เธอชะงักที่เห็นพอลนั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ตาหนูที่นอนหลับอยู่บนเบาะ มิ้งค์วางกระเป๋าแล้วเดินมาดูตาหนูที่นอนหลับอยู่ที่เบาะแล้วนั่งมองพอลที่หลับด้วยความสนใจ ขณะที่กำลังมองเพลินๆ พอลก็พูดทั้งที่ยังหลับตา
“เธอมาสายนะหนูน้อย...”
มิ้งค์ตกใจ “คุณไม่ได้หลับเหรอ”
พอลลืมตาบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วหันมาคุยกับมิ้งค์
“คุณเปิดประตูดังขนาดนั้น..นี่ดีนะที่ตัวเล็กไม่ตื่น” พอลว่า
“ฉันต้องเคลียร์งานให้พี่ญ่า เสร็จปุ๊บก็รีบมา..ยังไม่ได้...”
เสียงท้องมิ้งค์ร้องดัง มิ้งค์ชะงัก
“เชื่อแล้วว่าเธอรีบจริง ๆ รับช่วงต่อเลยนะ”
พอลยิ้มแล้วเดินออกไปทันที
มิ้งค์มองตาม “เอ้า...ไปดื้อ ๆ อย่างนี้เลย”
มิ้งค์มองตามอย่างงงๆ ว่าอะไรวะ
พอลคุยมือถือเดินออกมาจากห้องตัวเอง ในมือของเขามีกล่องพิซซ่าถาดกลางกับกล่องไก่ทอด พอลตรงมาที่ประตูห้องสิปาดัน
“คุณลันฝากตัวเล็กไว้ให้ผมกับมิ้งค์ช่วยดูครับ คุณสิปาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ...สวัสดีครับ” พอลพูด
พอลเปิดประตูห้องสิปาดันก็ได้ยินเสียงมิ้งค์คุยโทรศัพท์จากด้านนอกระเบียง
“พี่กับพี่แพทบาดเจ็บหรือเปล่าคะ...” มิ้งค์ฟังแล้วโล่งใจ “มิ้งค์เคลียร์งานเสร็จก็รีบมาเลยค่ะพี่ ค่ะ....ไม่ต้องห่วงตัวเล็กนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะพี่”
มิ้งค์เดินกลับเข้ามาก็ชะงักที่เห็นพอล
“กลับมาทำไมล่ะคุณ”
“ผมมีเรื่องให้คุณช่วย” พอลบอก
พอลวางกล่องพิซซ่ากับไก่ทอดบนโต๊ะ มิ้งค์มองแบบไม่เข้าใจ
“ผมไปซื้อพิซซ่ามา พอดีเจอโปรโมชั่น ถาดใหญ่แถมไก่ทอด แต่ผมว่าปริมาณของมันกับกระเพาะผู้ชายไซส์เอ็มอย่างผม ไม่น่าจะพอดีกัน” พอลบอก
“ก็ทำไมไม่ซื้อถาดกลางล่ะ”
“ก็ผมอยากกินไก่ทอด” พอลเห็นมิ้งค์กำลังจะง้างปากเถียงจึงแทรก “ฟรี..”
มิ้งค์ยืนมองคล้ายจะถามว่าแล้วยังไง พอลนั่งแล้วจัดการเปิดกินเลย
“ช่วยผมกินหน่อยสิคุณ”
มิ้งค์นั่งแล้วกินทันที พอลมองอึ้งๆ
“ไม่มีฟอร์มหน่อยเหรอ แบบฉันไม่หิว” พอลเหวอ
“แต่ฉันหิว...” มิ้งค์กินไม่หยุด
มิ้งค์ซัดของกินส่วนของเธอไม่หยุดยั้งและไม่รักษาอาการเลย พอลมองแบบขำ ๆ และชอบใจ เสียงตาหนูร้องไห้โยเยดังขึ้น มิ้งค์จะไปดูแต่พอลยกมือห้ามไว้
“กินไปเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ไม่เป็นไร...ฉัน”
“อย่าดื้อน่ะหนูน้อย จัดการธุระของคุณให้เรียบร้อย”
“ฉันไม่ใช่หนูน้อยนะ!”
“คนที่โตแล้วเขาต้องพูดครั้งเดียวรู้เรื่อง” พอลเห็นมิ้งค์จะอ้าปากก็พูดอีก “เอาเวลาเถียงไปทำสิ่งที่ควรทำดีกว่าไหม?”
มิ้งค์อึ้งๆ แล้วก็ยอมเดินกลับไปนั่ง
“ว่าง่ายๆ จะได้โตเร็วๆ” พอลบอก
มิ้งค์อยากจะเถียงแต่ก็เปลี่ยนใจหันกลับไปกิน พอลมองยิ้ม ๆ แล้วลุกไปดูแลตาหนู มิ้งค์นั่งกินไปก็แอบมองพอลไปเป็นระยะด้วยความสนใจ
รถที่กีรติขับแล่นไปบนถนนยามค่ำคืน กีรติขับรถ ลันตานั่งหลับ กีรติขยับผ้าห่มที่เลื่อนลงขึ้นห่มลันตาให้เรียบร้อยแล้วก็เหลือบมองลันตายิ้มๆ กีรติมองกระจกมองหลังก็เห็นแพทมองการกระทำของกีรติอย่างไม่ชอบใจนัก กีรติยิ้มอย่างไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงของแพท แพทเมินมองออกไปนอกหน้าต่างทำเป็นไม่สนใจกีรติ
มิ้งค์นอนหลับบนโซฟา มือของเธอยังถือขวดนมที่คาปากตาหนูซึ่งหลับอยู่ในเปล ทีวีเปิดทิ้งไว้ ไฟในห้องก็ยังเปิดสว่าง ประตูห้องเปิดเข้ามา พอลก้าวเข้ามามองสภาพภายในห้องแล้วส่ายหน้านิด ๆ อย่างคาดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ พอลขยับไปยืนมองมิ้งค์แล้วมองตาหนูที่นอนหลับ
“ปล่อยเด็กให้เลี้ยงเด็ก” พอลยิ้มขำ
พอลหยิบขวดนมออกแล้วเดินไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้กับมิ้งค์ก่อนจะห่มผ้าให้ตาหนูอย่างเบามือ พอลยิ้มนิด ๆ แล้วจัดการปิดทีวี มิ้งค์งัวเงียแล้วก็รู้สึกตัว
“คุณ...”
พอลยิ้ม “บอนนา นอตเต” พอลพูดราตรีสวัสดิ์เป็นภาษาอิตาลี
พอลเดินไปปิดไฟก่อนจะเดินออกไปจากห้อง จากที่งัวเงียมิ้งค์ขยับมองตาหนูก็เห็นว่ายังหลับอยู่ เลยขยับผ้าห่มกระชับตัวด้วยสีหน้ายิ้มนิด ๆ เพราะประทับใจในความน่ารักของพอลแล้วจึงหลับต่อ
รถที่กีรติขับแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านกาแฟ กีรติดับเครื่องรถ แพทที่ไม่ได้หลับขยับตัวมองไปรอบๆ แล้วจัดการหยิบกระเป๋ากล้องขึ้นมาเปิดแล้วหยิบกล้องขึ้นมาตรวจเช็คเตรียมทำงาน ลันตาที่หลับขยับตัวตื่น
กีรติยิ้ม “หลับสบายไหมครับ”
“ขอโทษนะคะ...ฉันควรจะนั่งเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอเก็บข้อมูลที่นี่ก่อนนะครับ”
กีรติหยิบกล้องของตนเอง ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลที่สามารถอัพรูปขึ้นเฟซบุ๊คได้เลยไม่ใช่กล้องจัดเต็มแบบแพท
“คุณลันจะลงไปเดินเล่นไหมครับ ร้านกาแฟที่นี่วิวสวย มีของขายน่ารักเยอะนะครับ” กีรติบอก
ทั้งสามคนลงมาจากรถ
กีรติพูดกับลันตา “ขอเวลาสักครึ่งชั่วโมงนะครับ” กีรติพูดกับแพท “สำหรับที่นี่เป็นร้านแวะพักข้างทาง คอนเซ็ปท์ของที่นี่คือความอบอุ่นแรกในการเดินทาง”
กีรติจะแยกไปทำงาน
“เดี๋ยวสิคุณ!” แพทเรียก กีรติหันมา “คุณจะไม่ชี้จุดเหรอว่าอยากได้ตรงไหนบ้าง”
“ก่อนมาที่นี่...คุณพรีเซ้นท์ว่าคุณเป็นมืออาชีพ..ถ้าต้องให้ผมบอกทุกเรื่องจะนับว่าเป็นมืออาชีพไหม?”
แพทของขึ้นแต่ยังไม่ทันตอบโต้ กีรติก็แยกออกไปทำงานอย่างไม่ต่อความใด ๆอีก
“แบบนี้ถึงจะทำงานสมน้ำสมเนื้อกับแกนะแพท”
แพทหันมาเอาเรื่อง “แบบนี้นี่มันแบบไหน”
“ก็แบบที่ทำให้จอมเถียง ขวางโลกอย่างแกเล่นงานเขาไม่ได้ไง”
แพทมองอย่างระแวง “อย่าบอกนะว่าแกปลื้มตานี่เข้าแล้ว”
“ปลื้ม?” ลันตาขำ “ฉันแค่ชื่นชมที่เขาแก้ปัญหาได้เก่งดี ไม่งั้นฉันคงไม่ได้มาสืบเรื่องตัวเล็กแน่ๆ ฉันยังเข็ดกับเรื่องอนุชิตไม่หาย ไม่คิดจะสปาร์คกับใครง่าย ๆ หรอกน่า ไปทำงานได้แล้วไป”
แพทแค่พยักหน้ารับรู้แล้วก็แยกไปทำงาน ลันตาเดินดูบรรยากาศไปรอบ ๆ ภาพลันตาแต่ละมุมสวยๆ ถูกบันทึกโดยกล้องถ่ายรูป ลันตารู้สึกว่าตัวเองถูกแอบถ่ายรูปพอมองตามไปก็เห็นว่ากีรติเป็นคนถ่ายรูปเธอ กีรติยิ้มขยับเข้ามาโชว์รูปลันตาให้ดู
“คุณกบ ถ่ายรูปสวยจังเลยค่ะ” ลันตาชม
“ผมจะอัพรูปขึ้นเฟซแล้วแท็คไปให้ เฟซคุณลันชื่ออะไรครับ” กีรติถาม ลันตากดให้ “ผมรับแอดแล้วแท็กไปแล้วนะครับ เช็กดูได้ครับ”
ลันตายิ้มๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดเข้าเฟซบุ๊คตัวเอง
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 5 (ต่อ)
สิปาดันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไปรเวทลากกระเป๋าเดินทางเพื่อจะไปเช็คอินที่สายการบิน เสียงเตือนข้อความจากเฟซบุ๊คดัง สิปาดันหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูก็เห็นแจ้งเตือนว่ากีรติอัพรูปขึ้นเฟซ สิปาดันเลื่อนดูรูปเห็นภาพลันตาสวยๆ สิปาดันเห็นก็จิ้มไปตรงจุดเช็คอิน
กีรติกำลังจดเก็บข้อมูลรอบๆ และคุยกับพนักงานมุมหนึ่ง ส่วนแพทกำลังถ่ายรูปเก็บบรรยากาศในร้าน ลันตาเข้ามาตรงมุมที่มีตุ๊กตาที่จัดเป็นมุมขายของ โดยมีตุ๊กตาแกะกับตุ๊กตาน่ารักๆ วางตกแต่งเก๋ ๆ ลันตายืนมองคิด ๆ แล้วหันไปทางกีรติ
“คุณกบคะ...”
กีรติเดินมาหาว่ามีอะไร
“คุณกบช่วยเลือกตุ๊กตาให้ลันทีสิคะ แบบที่คุณกบเห็นว่ามันน่ารักเหมาะกับผู้ชายน่ะค่ะ” ลันตาว่า
กีรติยิ้มแล้วมองก่อนจะเลือกออกมาหนึ่งตัว “ตัวนี้ล่ะครับ ไม่คิกขุเกิน”
ลันตารับมาแล้วเอาไปจ่ายเงิน ลันตายื่นให้กีรติถือไว้
“ถือให้แป๊บนึงนะคะ”
กีรติถืออย่างงงๆ ว่าลันตาจะทำอะไร แพทที่ถ่ายรูปเห็นสิ่งที่ลันตาทำก็เดินเข้ามา ลันตาเปิดกระเป๋าหยิบม้วนริบบิ้นผ้าสีแดงแบบที่ใช้ทำโบว์ผูกผมกับกรรไกรเล็ก ๆ แบบพกพาขึ้นมา ลันตาผูกโบว์ที่คอตุ๊กตาแล้วตัดปลายโบว์ออก
ลันตายิ้มแล้วจับตุ๊กตาเหมือนส่งมอบ “สุขสันต์วันเกิดค่ะคุณกบ”
“วันนี้วันเกิดคุณเหรอ” แพทถาม
“คุณลันรู้ได้ยังไง....อ้อ...เฟซบุ๊คใช่ไหมครับ” กีรติถาม
“ค่ะ..”
“ถ้างั้น” แพทจับที่ตุ๊กตา “ฉันขอร่วมบุญในของขวัญชิ้นนี้ด้วยนะ สัพเพ..สัตตา”
“ไอ้แพท...” ลันตาพูดจริงจัง “อย่าเล่นแบบนี้ในวันเกิด”
“ฉันล้อเล่นน่า”
“มีความสุขมาก ๆ นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“ฉันจะไปซื้อกาแฟ ใครเอาอะไรบ้างคะ”
“อเมริกาโน่” กีรติพูด
“ลาเต้” แพทสั่ง
ลันตาออกไปสั่งกาแฟ
แพทมองกีรติที่มองตามลันตาไปอย่างปลาบปลื้ม “มีความสุขมาก ๆ นะคุณ”
กีรติหันมายิ้ม “ผมขอเป็นสมหวังในทุกเรื่องแทนได้ไหม”
แพทรู้ว่ากีรติพูดเรื่องลันตา “มันก็เป็นเรื่องของวาสนานะ คนไม่ใช่กับคนที่ใช่ มันต่างกัน”
กีรติยิ้ม “ขอบคุณที่แนะนำ”
แพทมองงงๆ
“ก็คุณกำลังแนะนำให้ผมทำตัวเป็นที่คนที่ใช่ จะได้สมหวังไง”
แพทมองคล้ายจะว่าไอ้ดื้อด้านแล้วก็เลี่ยงเดินตามลันตาไป กีรติยิ้มแล้วมองที่ตุ๊กตาด้วยความรู้สึกชอบมาก
ลันตาถือถ้วยกาแฟมานั่งที่โต๊ะด้านหน้าที่มองออกไปก็เห็นวิวสวน ลานจอดรถและถนน แพทถือกล้องตามเข้ามาเก็บภาพบรรยากาศ
“ลัน...แกโทรบอกสิปาหรือยัง เช้าป่านนี้มันกลับมาแล้วมั้ง เดี๋ยวมันเป็นห่วง” แพทถาม
“มันไม่ห่วงหรอกน่า ถ้ากลับมารู้ว่าฉันหายตัว คงนัดปาร์ตี้สาวๆ ที่คอนโดฯ แล้วมั้ง” ลันตาว่า
“แกประเมินมันต่ำไปป่ะ”
“อย่างสิปาน่ะ เพื่อนไม่สำคัญเท่าสาวอกคัพซีหรอกน่า ฉันไม่อยากกวนมันด้วย แพท..เดี๋ยวถึงเชียงใหม่แล้วฉันจะแยกไป...”
“ได้...”
“ยังพูดไม่จบเลย..”
“แกไม่ได้มาเชียงใหม่ตั้งนาน ต้องหาเรื่องระลึกความหลังตามประสาคนแก่อยู่แล้ว”
“ไอ้นี่...”
แพทมองขำ ๆ แล้วก็หันไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ แพทมองในเลนส์กล้องซึ่งจับภาพชัยที่ยืนอยู่ที่รถที่จอดอยู่ด้านนอก แพทมองแล้วก็รู้สึกสะดุด แพทนึกถึงตอนที่เห็นชัยยืนอยู่ข้างทางก่อนจะถูกปาหิน
แพทตัดสินใจถ่ายรูปของชัยไว้ ชัยเห็นว่าแพทเล็งกล้องมาทางตัวเองก็รีบขึ้นรถแล้วขับหนีไป แพทรู้สึกสงสัยมาก
ธัญญาเรศนั่งทำงาน มิ้งค์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าหวั่น ๆ
“พี่ญ่าเรียกมิ้งค์มาพบเรื่องอะไรเหรอคะ” มิ้งค์ถาม
“มิ้งค์มีอะไรหรือเปล่า ไม่พอใจเรื่องอะไรถึงหลบหน้าพี่”
มิ้งค์ยิ้มกลบเกลื่อน “ช่วงนี้จะฝึกงานจบแล้วก็ยุ่งๆ กับเรื่องเรียนน่ะค่ะ มิ้งค์เครียด ๆ ถ้าทำให้พี่ญ่าเข้าใจผิด มิ้งค์ขอโทษนะคะ”
“แล้วพี่ลันเป็นยังไงบ้าง” ธัญญาเรศหลอกถามเรื่องโดนปาหินโดยพยายามให้มิ้งค์หลุดเล่ามาเอง
“ก็สบายดีนี่คะ”
“ปกติดี?”
“ค่ะ ทำไมพี่ญ่าถึงคิดว่าพี่ลันจะไม่ปกติล่ะคะ”
ธัญญาเรศเห็นสายตาที่มิ้งค์มองด้วยความสงสัย “ก็...เก็บเด็กมาเลี้ยงทั้งคน ชีวิตมันจะเป็นปกติได้ยังไงจริงไหม?”
“ค่ะ”
“แล้วตกลงพี่ลันเขาโอเคไหม”
“มิ้งค์ไม่รู้หรอกค่ะ มิ้งค์เป็นแค่รุ่นน้องไม่อยากไปซอกแซกชีวิตพี่ลันมาก ทำไมพี่ญ่าไม่ถามพี่ลันล่ะค่ะ พี่ญ่าเป็นเพื่อนน่าจะถามง่ายกว่ามิ้งค์นะคะ”
ธัญญาเรศอึ้งไปนิดๆ กับคำย้อน
“มิ้งค์ขอไปทำงานต่อนะคะ” มิ้งค์จะลุกไป
“ทำไมมิ้งค์ถึงรักพี่ลันนัก”
มิ้งค์ไม่เข้าใจว่าธัญญาเรศต้องการอะไร แต่ก็ตอบตามความรู้สึกจริงๆ “พี่ลันดีกับมิ้งค์ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่นี่ คอยช่วยเหลือแนะนำเป็นเหมือนพี่สาวน่ะค่ะ”
“น่าอิจฉาจัง...”
มิ้งค์มองธัญญาเรศว่าหมายความว่ายังไง
“เอาเป็นว่าพี่เป็นห่วงมิ้งค์นะ ถ้ามิ้งค์มีอะไรไม่สบายใจ บอกพี่ได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไปทำงานเถอะ ไป”
ธัญญาเรศมองตามแล้วยิ้มเยาะนิด ๆ เธอมองรูปตัวเองถ่ายกับแพทและลันตาบนโต๊ะ
“ใครๆ ก็รักแก...ทำไม?”
ธัญญาเรศคว่ำรูปลงกับโต๊ะดังปังแล้วก็เก็บรูปลงลิ้นชักอย่างไม่ใยดี ธัญญาเรศคิดแล้วเอามือถือมากดโทรออก
“พวกมันไปถึงไหนแล้ว”
ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยวถูกเจ้าของร้านเอามาจัดวางอยู่บนโต๊ะ
กีรติยิ้ม “ขอบคุณมากนะครับ”
เจ้าของร้านยิ้มรับแล้วเปิดพัดลมมาทางกีรติกับแพท
“วันนี้ร้อนหน่อยนะคะ”
เจ้าของร้านเดินแยกไปรับลูกค้า
แพทขยับตัวจาน เครื่องเคียง และเครื่องปรุง เธอจัดการถ่ายภาพด้วยความตั้งใจ แพทขยับจับถ้วยใส่พริกคั่ว จัดพริกวางโรยลงบนตัวจาน
“สีของพริกมันทำให้อาหารดูน่าทานขึ้นนะคุณว่าไปไหม?” แพทถาม
แพทขยับหามุม พอผมแพทโดนลมก็ป่ายปะแถวตาจนเธอรำคาญ แพทเอามือปาดผมออกอย่างไม่ทันระวัง
“โอ้ย!”
แพทแสบตามากเพราะมือจับพริกแล้วมาโดนตาตัวเอง
แพทโวย “โอ้ย..แสบ"
พอลกำลังมองพี่มล พนักงานที่ช่วยป้อนนมให้ตาหนู มิ้งค์รีบวิ่งเข้ามาแล้วยืนหอบ
มิ้งค์หอบ “ฉันมีเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วต้องรีบกลับไปที่ออฟฟิศ”
“ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องมา พี่มลเขาดูแลให้ได้ พี่เขาลูกสอง เรื่องเลี้ยงเด็กเขาโปรกว่าคุณเยอะ”
“ฉันไม่ชอบเอาเปรียบใคร” มิ้งค์ว่า
มิ้งค์เข้าไปนั่งข้างๆ พี่มลพลางเล่นกับตาหนู พอลมองแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินจากไป พอลวางจานแซนวิชกับน้ำชาวางที่โต๊ะข้างๆ ที่มิ้งค์นั่ง มิ้งค์หันมามองพอลว่าเอามาทำไม
“วิ่งลิ้นห้อยมาแบบนี้ยังไม่ได้กินอะไรมาหรอก จริงไหม...”
มิ้งค์มองแซนวิชแบบจดจ้องมาก
“ติ อาโมแซนวิช” พอลบอก “เป็นแซนวิชแตงกวาทาด้วยน้ำสลัดสูตรพิเศษผมเพิ่งลองทำ...ว่าจะเอาลงเมนู แต่ยังหาหนูทดลองไม่ได้”
“หน้าตาดีแต่รสชาติ...” มิ้งค์หยิบมากิน “น้ำสลัดของคุณหอมใบสะระแหน่นะ”
“ฉุนเหรอ...”
“ไม่...สดชื่นดี อร่อย” มิ้งค์กินใหญ่เลย
พอลยิ้ม มิ้งค์รู้สึกตัวว่าเผลอ
“ทานกับชาสิ” พอลแนะนำ
มิ้งค์ดื่มชาตาม “หอมมากเลย” มิ้งค์กินไปยิ้มไป “มีความสุข”
มิ้งค์เห็นพอลมองมายิ้ม ๆ แล้วก็ทำหน้าไม่ถูกจึงเลี่ยงมองนาฬิกา
“อุ้ย...ฉันต้องรีบไปแล้ว เจอกันตอนเย็น”
“ที่คอนโดเลย สักพักผมจะพาตัวเล็กกลับแล้ว”
“โอเค...ไปละ”
มิ้งค์คว้าแซนวิชที่เหลือไปด้วยแล้วรีบออกไปก่อนจะนึกได้จึงวิ่งกลับมา พอลมองว่ามีอะไร
“รสชาติมันโอเคมาก ฉันรับประกัน” มิ้งค์พูดกับตาหนู “ไปนะตัวเล็ก”
“แล้วนี่คุณลันโทรมาบ้างหรือเปล่า เขาขึ้นดอยกันไปหรือยัง” พอลสงสัย
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 5 (ต่อ)
ลันตาหันมาทำหน้าหงิกใส่สิปาดัน
“ฉันไม่ให้แกไปไหนทั้งนั้น!...ถ้าจะไปต้องมีฉันไปด้วย” สิปาดันบอก
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”
“ทำไม...ไอ้กบกับแพทไปได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้ฉันไป”
ลันตาเสียงอ่อนเพราะรู้ว่าสิปาดันกำลังจะงอน “ปกติฉันเห็นแกบินแทบทุกวันก็เหนื่อยจะแย่ จะเอาเวลาไหนมาช่วยฉัน”
“ฉันลางานแล้ว”
“แต่...”
“ฉันจะไป จบไหม!”
ลันตาเห็นว่าสิปาดันไม่ยอมแน่ “ก็ตามใจ แล้วแกจะมาโทษว่าฉันกับตัวเล็กทำชีวิตแกวุ่นวายไม่ได้นะ”
“เออ...”
เด็กม. 5พูดขึ้น “พี่ครับ...เห็นลูกบอลลอยมาแถวนี้ไหม...” เด็กคนนั้นชะงักที่เห็นสิปาดันกับลันตา เขามีสีหน้าตื่นเต้นมาก “เฮ้ย! พี่...”
ลันตาตกใจที่จู่ ๆ เด็กม.5 ก็จ้องเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น
เด็กม.5คนนั้นหันไปตะโกนบอกเพื่อน ๆ ที่สนามบอล “เฮ้ย! พวกเรา พี่สิปากับพี่ลันตามา”
เด็กที่เหลือที่สนามวิ่งกรูกันมาดูตื่นเต้นมากจนลันตาตกใจ
“พี่ลันตาตัวจริงเหรอคะเนี่ย น่ารักมากเลย” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งตื่นเต้น
“น่ารักโคตร ๆ อ่ะพี่” เด็กชายอีกคนชม
ลันตายิ้มรับ
“พวกพี่เป็นไอดอลพวกผมเลยนะ ผมอยากจะคว้าแชมป์ประเทศเหมือนที่พวกพี่เคยทำได้บ้าง แต่คงได้แค่ฝัน”
“ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง” สิปาดันบอก
“แล้วถ้ามันไปไม่ถึงล่ะพี่”
“ก็ให้มันรู้ว่าลองแล้วแต่มันไปไม่ถึง อย่างน้อยก็ได้ทำแล้ว แพ้ชนะมันไม่สำคัญเท่ากับเราได้ลองลงมือทำแล้ว” สิปาดันบอก
“ถ้าไม่ลงมือทำแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าฝันมันจะเป็นจริงหรือเปล่า ที่จริงพี่อยากเป็นนักบอลหญิงนะ ถ้าพี่มีคนครบ พี่สิปาไม่ได้เกิดหรอก” ลันตาว่า
สิปาดันหมั่นไส้ “ใช่..ลูกเตะพี่ลันสุดยอดมาก ใครเห็นก็ต้องอึ้ง”
“หนูอยากเห็นพี่เตะให้ชมหน่อยสิคะ นะคะพี่” เด็กหญิงคะยั้นคะยอ
ลันตามองสิปาดันด้วยสายตาดุ “สิปา...”
สิปาดันยิ้ม “น้อง ๆ เขาอยากเห็น ก็ให้เขาดูเป็นขวัญตา จริงไหม”
น้องๆ รับคำกันเซ็งแซ่ ลันตาทำสีหน้าลำบากใจแล้วก็จำต้องรับลูกบอลมาวางก่อนจะสูดลมหายใจเรียกกำลังใจ แล้วตัดสินใจเตะชู้ตแบบเต็มแรง ทุกคนเฝ้าดูลูกบอลที่วิ่งไปที่โกลแต่กลับแฉลบออกแล้วพุ่งไปที่หน้าต่างห้องพักอาจารย์จนแตกดังเพล้ง ทุกคนสะดุ้งตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ
ครูชาญยุทธตะโกนออกมา “ฝีมือใคร!”
กลุ่มนักเรียนวงแตกจะวิ่งหนี
ครูชาญยุทธตะโกน “หยุดนะ!”
ทุกคนชะงัก
ครูชาญยุทธ ในชุดพละเดินถือบอลออกมาพร้อมกับไม้เรียวยาว เขาเดินตรงมาที่กลุ่มนักเรียนที่ชะงัก
“บอกมาว่าฝีมือใคร ไม่งั้นโดนทุกคน”
“ผมเองครับ” สิปาดันรับ
ครูชาญยุทธเห็นสิปาดันกับลันตาก็แปลกใจมาก
เด็ก ๆ กำลังวิ่งเล่นเตะฟุตบอล โดยสิปาดันที่ร่วมเล่นด้วยคลายเสื้อให้อยู่ในลุคสบายมากขึ้น สิปาดันเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว ลันตาตะโกนเชียร์เย้วๆ อยู่ข้างสนาม
“สิปาสู้ๆ อย่าแพ้เด็กนะแก ประตูอยู่โน่น วิ่งเร็ว...วิ่ง”
“คุณย่าสบายดีไหม” ครูชาญยุทธถาม
“สบายดีค่ะ”
“ฝากบอกท่านด้วยว่าเด็ก ๆ ที่ท่านเคยให้ทุนหลายๆ คน ถามถึงท่านด้วยความเคารพเสมอ รวมทั้งครูด้วย” ครูชาญยุทธบอก
“ย่าจะต้องดีใจมากแน่ๆ ค่ะ ย่าพูดเสมออยากให้เด็ก ๆ ที่บ้านเกิดมีอนาคตที่ดี” ลันตาบอก
ทันใดนั้นสิปาดันซัลโวเข้าประตูอย่างสวยงาม ลันตาที่หันไปเห็นกรี๊ดลั่นด้วยความดีใจ สิปาดันวิ่งเข้ามาหาลันตาแล้วก็อุ้มตัวลันตาขึ้นมาด้วยความเคยชิน ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจกันไม่ทันสังเกตว่าทุกคนกำลังมองมา
“นี่แข่งกับรุ่นน้อง ไม่ใช่ทีมชาติ ดีใจเกินไปหรือเปล่า” ครูชาญยุทธว่า
สิปาดันกับลันตาได้สติ สิปาดันวางลันตาลงด้วยสีหน้าเก้อเขิน
“ลืมตัวน่ะครับ กลับมาที่นี่เหมือนได้กลับไปตอนเด็ก ๆ”
ลันตายิ้ม สิปาดันเหงื่อตก
“ล้างหน้าหน่อยสิปา” ลันตาบอก
ลันตาขอขวดน้ำเปล่าจากน้องที่นั่งดูแล้วเทล้างหน้าให้สิปาดัน สิปาดันยื่นหน้าให้อย่างเชื่อฟังมาก เด็ก ๆ ส่งเสียงเฮ ทำเสียงฮิ้ววล้อเลียน ลันตามองงงๆ ว่าฮิ้วอะไรกัน แต่สิปาดันยิ้มปลื้มอย่างมีความสุข
ลันตากับสิปาดันไหว้ลาครูชาญยุทธแล้วเดินไปที่ประตูโรงเรียน กีรติกับแพทเดินเข้ามา
“คุณลันครับ! ทานกลางวันหรือยังครับ” กีรติถาม
“ฉันเดินหัวโด่อยู่นี่ คิดจะทักสักคำไหมวะ” สิปาดันว่า
กีรติทักทันที “สิปา!” แล้วกีรติก็หันไปหาลันตา “ไปกันเถอะครับ คุณลันคงหิวแล้ว”
สิปาดันมองแบบไอ้นี่วอนโดนเตะ
“คุณกบจะไปที่ไหนต่อคะ” ลันตาถาม
“วันนี้ก็เหลือที่ดอยสุเทพกับถนนนิมมานครับ” กีรติบอก
“งั้นก็รีบไปจะได้มีเวลา”
สิปาดันมองหน้าลันตา ลันตายิ้มแล้วพยักหน้าเพราะรู้ว่าสิปาดันหมายถึงว่าจะได้ไปแวะบ้านเด็กกำพร้าด้วย
กีรติกับแพทเดินเข้ามาเก็บข้อมูล ถ่ายรูปมุมต่างๆ สิปาดันกับลันตาตามเข้ามา จังหวะที่เดินผ่านมุมขายดอกไม้ก็ได้ยินหญิงสองคนยืนคุยกับแม่ค้าร้านขายดอกไม้
“แม่ค้าคะ ถ้าเราไหว้ครูบากับแฟนแล้วจะเลิกกันจริงเหรอคะ”
“เขาเรียกว่าไหว้วัดดวง” แม่ค้าบอก “ถ้าหนูกับแฟนไม่ใช่เนื้อคู่ ไม่นานก็จะเลิกกัน แต่ถ้าไหว้พร้อมกับคนที่เราแอบชอบ ต่างคนต่างคิดดีทำดีต่อกันจะได้แต่งงานกันนะ”
“ไว้แกชวนพี่หนุ่มมาไหว้สิจะได้สมหวัง” หญิงอีกคนหัวเราะคิกคักชอบใจมาก
สิปาดันชะงักมองตามลันตาที่กำลังเดินไปหากีรติกับแพทด้วยสีหน้าใช้ความคิด
กีรติถือดอกไม้สำหรับไหว้ครูบาในมือสองช่อ ส่วนแพทกำลังเช็คแสงของกล้อง
“คุณลันครับ” กีรติชวนโดยไม่ได้อิงความเชื่ออะไร “ผมซื้อดอกไม้มาให้แล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ลันตายิ้มแล้วจะรับดอกไม้
ทันใดนั้นสิปาดันก็ยื่นธูป เทียนและดอกไม้มาตรงหน้าลันตาจนลันตากับกีรติชะงักไปทั้งคู่
“ของแก ไอ้ลัน”สิปาดันยิ้มกับกีรติ “ของแกเอาให้แพทไปสิ แพทยังไม่มีใช่ไหม”
แพทงงๆ แต่ก็ตอบรับ “เออ มาฉันไหว้เอง”
“ไปจุดธูปไหว้ท่านกัน” สิปาดันชวน
สิปาดันไม่รอให้ลันตาตอบ เขาดึงมือเธอไปทันที กีรติมองตามงงๆ ว่าอะไรของมัน แพทมองตามลันตากับสิปาดันแล้วก็ยิ้ม ๆ ทั้งสองนั่งไหว้ครูบาศรีวิชัย กีรติจะลงนั่งอีกข้างของลันตาแต่สิปาดันเห็นก็ไม่ยอม
“ไอ้กบ! เขาไม่ให้ไหว้สามคน” สิปาดันว่า
“อะไรวะ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีข้อแม้ด้วยเหรอ” กีรติงง
“เออ...รอไหว้พร้อมไอ้แพทดิ”
“ถือมากไปเปล่าแก ไหว้พระนะ” ลันตาท้วง
“เฮ้ย...ฉันถือ ไปก่อนแก เชื่อดิ...ไหว้ทีละคู่”
แพทมองท่าทีสิปาดันแล้วก็เริ่มเข้าใจ
“บ้านสิปาเขาถือน่ะคุณ ไหว้เป็นเลขคี่ไม่ดี คุณรอไหว้พร้อมฉันแล้วกัน” แพทบอก
กีรติงงๆ แต่ก็ยอมลุกขึ้น สิปาดันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ
ลันตามองงงๆ “ยิ้มอะไรวะ ไหว้พระสิ”
สิปาดันต้องรีบเออออก่อนจะหันมาอธิษฐาน ลันตาตั้งใจไหว้ สิปาดันเหลือบมองทางลันตาด้วยสายตาที่หลงรักก่อนจะหันมาทางครูบาศรีวิชัย
“ขอให้ผมสมหวังในทุกสิ่งที่ตั้งใจ...”
ทั้งคู่ไหว้พระ แพทถ่ายรูปทั้งคู่ที่ไหว้พระด้วยกันหลายมุม สิปาดันกับลันตาปักธูปและเทียนคู่กัน แพทลงมานั่งแทนที่สิปาดันแล้วจะไหว้
แพทพูดกับกีรติ “มาไหว้สิคุณ”
กีรติลงมานั่งตรงจุดที่ลันตานั่งไหว้เมื่อกี้ ทั้งคู่นั่งไหว้พระ ก่อนจะปักเทียน ปักธูป จังหวะที่ลมพัด ขี้ธูปร้อน ๆ หล่นใส่มือแพทเล็กน้อย
แพทร้อง “โอ้ย!”
แพทสะบัดมือ กีรติตกใจจึงจับมือแพทขึ้นมาดู
“ร้อนนิดหน่อยไม่เป็นไรใช่ไหมคุณ”
แพทมองหน้ากีรติด้วยอาการอึ้งๆ เพราะเริ่มประทับใจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่เป็นไร” แพทดึงมือออก “เดี๋ยวฉันจะถ่ายอนุสาวรีย์ครูบาหลายๆ มุม”
“เผื่อให้เลือกหลายรูปหน่อย เอาตรงป้ายชื่อท่านกับประวัติด้วยนะครับ”
แพทขยับไปถ่ายรูป กีรติถ่ายด้วยกล้องตัวเองบางส่วนแล้วจดข้อมูลจากประวัติ
แพทถ่ายรูปเสร็จก็หันมา “เรียบร้อย”
“กราบลาท่านแล้วขึ้นไปไหว้พระธาตุเถอะครับ” กีรติชวน
ทั้งสี่คนจะกราบลา แต่ลันตาเสียงดังขึ้นมาก่อน
“แพท! ดูเทียนสิ...”
ทุกคนหันมองที่วางเทียนตามเสียงของลันตา เห็นว่าเทียนคู่ของสิปาดันกับลันตาเอียงเข้าหากัน“แปลกดีเนอะ..เอียงหากันเป็นคู่เลย” แพทว่า
แพทถ่ายรูปเทียน สิปาดันมองเทียนด้วยความดีใจ แพทกับลันตากราบลาแล้วลุกไป สิปาดันมองแล้วรีบยกมือไหว้ด้วยความดีใจโดยคิดว่าท่านให้พรเขาแล้วแน่นอน
สิปาดันกับลันตาเดินเวียนขวาไหว้พระธาตุ กีรติกับแพทก็เดินเวียนแต่กีรติกับสิปาดันจับจ้องที่ลันตาตลอดเวลา แพทถ่ายรูปสถานที่ และแอบถ่ายรูปทุกคนรวมทั้งกีรติเก็บไว้เป็นระยะๆ
รถของสิปาดันเข้ามาจอดที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า รถกีรติแล่นตามเข้ามาจอด สิปาดันกับลันตาลงมาจากรถ กีรติกับแพทก็ก้าวลงมาจากรถ
กีรติงง “สถานรับเลี้ยงเด็ก?”
ลันตาทำหน้าเซ็งๆ
“เสียดายฉันไม่ได้เตรียมของมา” ลันตาเซ็ง
“ฉันจัดการให้แล้ว” สิปาดันบอก
ลันตามองว่าเขาหมายความว่ายังไง
ขนมกับของเล่นวางอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด ลันตาหันมามองสิปาดัน
“ฉันให้เหนือเอาขนมกับของเล่นมาส่ง ย่านวลกับพ่อสมทบมาด้วยเลยเยอะมาก” สิปาดันบอก
ลันตายิ้ม “ขอบใจนะสิปา”
“พันสอง...” สิปาดันบอก ลันตาทำหน้าเหวอ “ทำบุญทำทานต้องทำด้วยเงินตัวเอง...ฉันลงบัญชีไว้ก่อน รวมยอดเป็นก้อนใหญ่แล้วค่อยจ่ายคืน”
ลันตากำลังจะด่า สิปาดันผลักหัวลันตาเป็นเชิงว่าให้พอเลย กีรติที่สงสัยขยับเข้ามาถามสิปาดัน
“ทำไมถึงต้องแวะมาที่นี่ ทำบุญวันเกิดแกเหรอ”
ลันตาได้ยินก็ตอบแทน “ฉันเกิดที่นี่ค่ะ”
ลันตา สิปาดัน และแพทช่วยกันแจกขนมให้เด็ก ๆ ที่มาเข้าแถวรับของ
“ฉันถูกทิ้งไว้ที่นี่ตั้งแต่ไม่กี่เดือน แล้วคุณย่ามาลัยก็รับฉันไปอุปการะค่ะ” ลันตาเล่า
“ผม..” กีรติคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันเลิกรันทดกับชีวิตตัวเองไปนานแล้ว แล้วฉันก็ดีใจที่ฉันได้เป็นลันตาแบบนี้ ดีใจที่ได้เจอคุณย่า เจอสิปา แพท และเพื่อน ๆ น้องๆ ทุกคน เลือกใหม่ได้ ฉันก็ขอเป็นลันตาคนนี้เหมือนเดิมค่ะ” ลันตาบอก
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 5 (ต่อ)
เด็กน้อยคนหนึ่งพยายามจะแย่งกล่องของขวัญจากเด็กอีกคน ทั้งสองส่งเสียงร้องไม่ยอมกัน ทุกคนหันไปมอง ครูฝ้าย เจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงวัย 40 ปีเดินเข้ามาแล้วพูด
“น้องฟ้า นี่ของขวัญวันเกิดของเพื่อนนะคะ คืนเพื่อนไปนะคะ”
“วันนี้วันเกิดฟ้า ของขวัญเป็นของฟ้า”
ฟ้าไม่ยอมจึงดึงยกใหญ่จนตีกับเพื่อน ครูฝ้ายพยายามจะปรามแต่ไม่เป็นผล ลันตามองแล้วหยิบตุ๊กตาผู้หญิงที่เอามาแจกขึ้นมาแล้วเอาริบบิ้นผ้าสีแดงของตัวเองมาผูกเป็นโบว์ก่อนจะเข้าไปหาฟ้า
“ของขวัญของน้องฟ้าอยู่นี่” ลันตาบอก
ฟ้าหันมามองลันตามองกล่องตุ๊กตาที่ถูกผูกด้วยโบว์สีแดง
“ไม่ใช่ของขวัญ” ฟ้าว่า
“มีโบว์สีแดงผูกอยู่ต้องใช่ของขวัญสิจ๊ะ กล่องของเพื่อนก็มีโบว์เห็นไหม” ลันตาบอก
ฟ้ามองเปรียบเทียบแล้วก็เริ่มลังเลว่าจริง
ลันตากระซิบกับฟ้า “อันนี้โบว์สีแดงสวย เหมาะกับน้องฟ้ามากนะคะ”
ฟ้ายิ้ม “ของขวัญของน้องฟ้า” ฟ้าปล่อยมือจากกล่องของเพื่อนมากอดกล่องที่ลันตาทันที
“สุขสันต์วันเกิดนะคะ” ลันตาพูด
“ขอบคุณค่ะ”
พวกเด็ก ๆ เห็นฟ้าได้ก็เข้ามาร้องขอบ้าง
“ทีละคนนะคะ พี่จะทำของขวัญให้นะ”
ลันตานั่งตัดริบบิ้นแล้วผูกที่กล่องตุ๊กตากับของเล่นให้น้อง ๆ ที่ต่างก็รับไปด้วยความดีใจ กีรติหันมาหาสิปาดัน
“ทำไมคุณลันต้องพกริบบิ้นสีแดงไว้กับตัวด้วยวะสิปา”
สิปาดันมองไปทางลันตาด้วยสายตาอ่อนโยน
ลันตาผูกโบว์เรียบร้อยส่งของให้เด็ก ๆ กีรติเข้ามานั่งข้างๆ ลันตา
“ผมชอบวิธีคิดของคุณย่ามาลัยนะครับ น่ารักดี” กีรติบอก
“วันที่ย่าเจอฉัน มีริบบิ้นสีแดงผูกโบว์รัดผ้าอ้อมไว้กับตัวฉันไม่ให้หลุด...โบว์สีแดงแทนความหมายว่าของขวัญที่มีค่า ย่าบอกว่าฉันคือของขวัญของย่า ย่าสอนวิธีคิดบวกให้กับฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นปมด้อย เพราะฉันมีคนที่รักฉันเป็นของขวัญค่ะ ฉันมีความสุขที่ได้เป็นผู้ให้และได้รับของขวัญเหล่านั้น” ลันตาบอก
ลันตาเอาริบบิ้นผูกกับของแล้วส่งให้เด็ก เด็กยิ้มอย่างดีใจมาก ลันตายิ้ม
“ถ้าการได้รับมันทำให้คนรับมีความสุขขนาดนี้ ฉันก็อยากให้ทุกคนที่ฉันเจอมีความสุขเหมือนกัน”
ลันตาเอาริบบิ้นผูกกับดอกไม้ที่แห้งในแจกัน
“แม้แต่ดอกไม้แห้งๆ มันก็เป็นของขวัญที่งดงามได้ หามุมที่สวยงามของมันให้เจอเท่านั้นเอง”
กีรติมองรอยยิ้มของลันตาอย่างรู้สึกถูกใจเธอมากขึ้น
สิปาดันกับลันตาเดินเข้ามาที่หน้าร้านกาแฟ
“ไอ้กบมันคงทำงานอีกสักพัก” สิปาดันบอก
“งั้นจัดกาแฟเข้ม ๆ สักแก้วดีกว่า กว่าจะไปถึงบ้านแกอีก...เพลีย ๆ ง่วง ๆ แล้วแดดแบบนี้ฉันร่วงก่อนเจอย่านวลแน่ แกเอาอะไรไหม”
“อเมริกาโน่”
ลันตาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟ
ลันตาจ่ายเงินให้กับพนักงาน พนักงานส่งบิลให้ ลันตาเดินไปรอตรงปลายเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นจุดรับกาแฟ ระหว่างที่รอ ลันตาก็มองออกไปด้านนอกแล้วก็ชะงักที่เห็นด้านหลังของมะนาวที่กำลังเดินไปหา ลันตามองอย่างรู้สึกคุ้นๆ
สิปาดันกำลังนั่งเพลิน ๆ
เสียงมะนาวก็ดังขึ้น “สิปา...”
สิปาดันหันมาชะงักชั่วขณะแล้วลุกขึ้นทันทีด้วยความแปลกใจ
“มะนาว....”
มะนาวถอดแว่นกันแดดแล้วยิ้มให้สิปาดันแบบสวย ๆ
สิปาดันทำหน้าไม่ถูกเพราะยังรู้สึกผิดกับการที่ต้องเลิกกับมะนาวอยู่เสมอ “ไม่เจอกันนานเลยนะ”
มะนาวพูดยิ้มๆ แบบไม่ติดใจเจ็บแค้นใด ๆ “ตั้งแต่วันที่เราเลิกกัน ตอนนั้นก็ปีสามเทอมสอง นานจริง ๆ ด้วย”
สิปาดันยิ่งทำหน้าไม่ถูก “นาวสวยขึ้นนะ”
“ก็ตามการงานน่ะ แต่บางเรื่องนาวก็เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน...”
สิปาดันยิ่งอึกอักเพราะตอบไม่ถูกที่มะนาวแสดงชัดเจนว่าไม่เคยตัดใจจากเขา ลันตาเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟแล้วก็ชะงักที่เห็นว่าเป็นมะนาว
“มะนาว?”
มะนาวชะงักที่เห็นลันตาแต่เธอก็ยิ้มรับอย่างเป็นมิตร “ลันตา...ไม่เจอกันตั้งนาน”
มะนาวมองลันตากับสิปาดันอย่างประมวลผลรวดเร็ว
“สองคนยังสนิทกันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยเนอะ เอ๊ะ...หรือว่าตกลงเป็นแฟนกันแล้ว”
สิปาดันยังไม่ทันปฏิเสธ ลันตาก็รีบออกตัวอย่างรวดเร็วจนสิปาดันชะงักไป
“ไม่มีทาง! เพื่อนกันตลอดไป จริงไหมสิปา...”
สิปาดันพูดไม่ออก เขาได้แต่ทำหน้าอือออตาม
“อ้าว...” มะนาวพูดกับสิปาดัน “ยังเป็นเพื่อนกันอยู่อีกเหรอ สิปา?”
ลันตาฉุนขาดเพราะรู้สึกว่ามะนาวไม่ชอบหน้าตัวเองตั้งแต่สมัยเรียน เธอเข้าใจว่ามะนาวหวงสิปาดันไม่อยากให้มีเพื่อน
มะนาวเห็นลันตาชักสีหน้า “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ นาวแค่เห็นสองคนสนิทกันมานาน ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นแฟนกันแล้ว”
ลันตาค่อยผ่อนลง “เป็นแฟน เลิกกันก็เป็นแค่คนอื่น แต่เป็นเพื่อน มันยั่งยืนไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
สิปาดันตอบรับ “เออ...ใช่..”
มะนาวยิ้มอย่างโล่งใจ “ก็จริงนะ ลันกับสิปาเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้ว...เรื่องเก่าๆ มันจบไปแล้ว แต่เราก็เริ่มเรื่องใหม่กันได้ใช่ไหม...สิปา...”
ลันตากับสิปาดันยืนอึ้งกับคำพูดของมะนาวในบรรยากาศที่อึดอัดมาก
“ฉันไปเดินเล่นดีกว่า สองคนจะได้คุยกัน” ลันตาว่า
“ไปเลยดีกว่าลัน ไอ้กบกับแพทคงทำงานเสร็จแล้วล่ะ แล้วค่อยเจอกันนะ” สิปาดันบอก
มะนาวแค่ยิ้มรับ สิปาดันพาลันตาเดินออกไป
มะนาวมองตามสายตาเคียดแค้น “เราต้องได้เจอกันแน่”
อ่านต่อตอนที่ 6