ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 12
ดารารายตามเข้ามา พลางแกล้งพูดลองใจ
“ ไปค้างสามวันสองคืนที่รีสอร์ทเก่าของเราที่ระยอง เป็นอย่างไรบ้าง พอจะปรับปรุงขยับขยายอะไรได้บ้างไหม”
จันทรกานต์นิ่งคิดไปครู่
“ยังไม่มีความเห็นน่ะครับแม่ รอให้ผมลงรายละเอียดมากกว่านี้ดีกว่าดีกว่านะครับ”
“เร็วๆ นะลูก เพราะแม่อยากให้รีสอร์ทที่นี่เป็นของขวัญวันแต่งงานของลูกจ๊ะ”
จันทรกานต์เลิกคิ้ว “แต่งงานกับใครครับแม่”
คุณชายจันทรตามเข้ามายืนฟังด้วย ดารารายรีบบอกว่าแต่งกับแพ็ท และนัดแพ็ทมาทานข้าวกลางวันด้วยกันเรียบร้อยแล้ว จันทรกานต์ส่ายหน้า
“บอกตรง ๆ นะครับแม่ แพ็ทน่ะ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมอยากคบด้วยเลย แม้แต่เรื่องธุรกิจ”
ดารารายจ้องหน้าลูกชายอย่างเอาเรื่อง
“ทำไม ลูกเชื่อข่าวลือบ้าๆ นั่นเหรอ ที่ว่าเขาชอบแย่งสามีชาวบ้าน หรือมีรสนิยมพิลึกพิลั่นอะไรนั่น”
จันทรกานต์ถอนหายใจ
“มันมากกว่านั้นอีกครับ เอาเป็นว่าสำหรับผู้หญิงคนนี้ผมปฏิเสธโดยสิ้นเชิง”
ดารารายทนไม่ไหว ย้อนกลับไปเต็มๆ
“แล้วก็หันไปหาของราคาถูก ต่ำๆ อย่างแม่เลขาฯ ตลาดสดงั้นเหรอ”
“ครับ ดาริกามีคุณค่ามากมายสำหรับผม และถ้าผมจะแต่งงาน ผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะแต่งด้วยคือ
ดาริกาครับ เลิกบังคับผมเสียทีครับแม่ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่อยู่ให้แม่บังคับผมอีกเลย”
พุดจบ จันทรกานต์ก็คว้ากระเป๋าเอกสาร เดินออกจากห้องไป ดารารายรีบเดินตามออกมา พร้อมด้วยคุณชายจันทร
“ผมเตือนคุณเรื่องแพ็ทแล้วนะ ยังจะบังคับลูกอีกเหรอ”
ดารารายหันกลับมาจ้องหน้าสามี
“ค่ะ จะบังคับไปเรื่อย ตราบใดที่ลูกเรายังคบค้ากับแม่เลขาฯ ชั้นต่ำคนนี้”
“ทำไมคุณอคติกับดาริกานัก” คุณชายจันทรย้อนถาม
“คุณคงยังไม่รู้พื้นเพแม่นี่กับครอบครัวหรอกนะ แม่นี่ทำให้ลูกเราเปลี่ยนไปมากและเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายด้วย”
“อะไรบ้าง”
ดารารายพูดเสียงเข้ม
“ก็เห็นอยู่นี่ไงละคะ ทำตัวไม่อยู่ในกรอบ และที่เลวร้ายที่สุด โกหกปั้นน้ำเป็นตั; โกหกหน้าตาย อย่างเมื่อกี้ฉันรู้นะคะว่าลูกไม่ได้ไปรีสอร์ทระยอง บางทีเรื่องการโกหกหน้าตาย อาจจะไม่ใช่แค่คุณจันทร์ แต่อาจจะแพร่ไปยังคนรอบๆ ข้างเหมือนไวรัส ฉันเกลียดนักพวกไม่ซื่อสัตย์ โดยเฉพาะกับคนที่เราไว้วางใจที่สุด”
พูดจบดาราราย ก็สะบัดหน้าออกไปทันที คุณชายจันทรถึงกับอึ้ง มั่นใจว่าดารารายต้องรู้เห็นอะไรมาแน่นอน
จักรพัฒน์ที่หน้าตาสดใส และกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน ก่อนที่จะเปิดลิ้นชักจะหยิบเอกสารออกมา แล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นกล่องแหวนแต่งงานของพิชญา พลางหยิบมาเปิดออก แหวนเพชรยังคงส่องประกายแวววับ
ดาริกาถือกล่องอาหารมาหน้าห้องจักรพัฒน์ เห็นประตูเปิดอยู่ เมื่อมองเข้าไป ก็เห็นจักรพัฒน์ถือแหวนอยู่ในมือ ดาริกาเคาะประตู จักรพัฒน์วางแหวนบนโต๊ะ
ดาริกาเดินเข้ามา พิชญาเข้ามาแอบฟังหน้าประตู ได้ยินจักรพัฒน์พูดขอบคุณดาริกาก็หมั่นไส้
“ต้องไปขอบคุณคุณจันทร์เองค่ะ และนี่ ฉันทำมาให้ทาน อาหารสุขภาพค่ะ ดีกับหัวใจและหลอดเลือด แถมอร่อยด้วยนะคะ”
จักรพัฒน์เปิดกล่องออกดู
“ถ้าชอบ จะทำมาให้ทานอีก เดี๋ยวเที่ยงเราทานด้วยกันนะคะ ฉันทำมาเผื่อให้ทั้งคุณจันทร์ ทั้งคุณ
วิวิทธิ์เลย”
จักรพัฒน์ยิ้มรับ ดาริกาจะออกจากห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหันกลับมาถาม
“อย่าหาว่าสอดรู้สอดเห็นเลยนะคะ นั่นแหวนของคุณพิชญาใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ผมกะว่าจะเอามาคืนเขาน่ะ เขาถอดคืนให้ผมตอนที่เขาย้ายออกจากบ้าน”
ดาริกาพยักหนเ พลางจะหันออกจากห้อง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อพบว่าพิชญายืนอยู่แล้ว
“ไม่ต้องคืนหรอกค่ะคุณจักร มันแหวนของคุณ เมื่อเราเลิกรากันแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ฉันต้องมาเห็นอะไรที่เกี่ยวกับคุณอีก”
ดาริการีบชิงขอตัว แต่พิชญารีบเรียกไว้
“เดี๋ยวซิ เธอเอาอะไรมาให้คุณจักรทาน”
พิชญามาเปิดกล่องออกดู
“ยี้ อาหารสุขภาพหรืออาหารขยะกันแน่”
พูดจบก็โยนกล่องอาหารลงถังขยะ จักรพัฒน์ลุกขึ้นทันที
“ทำไมทำอย่างนี้”
พิชญายิ้มเหยียด
“ไหนๆ ทิ้งแล้ว ก็ควรจะทิ้งแหวนวงนี้เสียด้วย”
พิชญาโยนแหวนลงถังขยะตามไป
“จะมากไปแล้วนะ”
จักรพัฒน์จับข้อมือของพิชญาไว้ ดาริกามองพิชญาอย่างงุนงงสงสัย
“ปล่อยฉัน”
จักรพัฒน์ปล่อยพิชญา แล้วก้มลงเก็บกล่องอาหารขึ้นมา
“นี่คือสิ่งมีค่า เพราะดาริกาทำมาให้ด้วยใจ ผมพร้อมจะเก็บจากถังขยะ เพื่อจะทานในมื้อกลางวัน ส่วนไอ้แหวนวงนี้ คนใส่ไม่มีใจให้มาแต่ต้นแล้ว มันไร้ค่ายิ่งกว่าขยะ ผมไม่เก็บหรอกครับ”
พิชญามองจักรพัฒน์อย่างแค้นใจ พลางจ้องหน้าดาริกาก่อนจะออกไป จักรพัฒน์ส่ายหน้าเอือมระอา ดาริกาเดินมาที่กล่องขยะแล้วเก็บแหวนขึ้นมา จักรพัฒน์รีบบอกให้ทิ้งไว้ แต่ดาริกาไม่ยอม
“เอาอย่างนี้ฉันเก็บไว้เองค่ะ ไม่ใช่เพราะฉันอยากได้หรอกนะคะ”
“แล้วเก็บไปเพื่ออะไร” จักรพัฒน์ย้อนถาม
“เอาเถอะค่ะ แล้วฉันจะบอกคุณทีหลัง”
ดาริกาเก็บแหวนแล้วออกจากห้องไป จักรพัฒน์มองตามอย่างสงสัย
จันทรกานต์กำลังประชุมงานโปรโมทสินค้าพื้นบ้าน อยู่กับทีมของวรางค์และอาร์ตี้ โดยมีดาริกาและ วิวิทธิ์คอยช่วย เพชรกับยุพานั่งหน้าเครียดอยู่ในกลุ่มผู้บริหาร
ดาริกาฟังรายละเอียดงานแล้วก็รีบบอกว่านึกถึงงานวัด จันทรกานต์พูดต่อว่าจะยกงานวัดมาไว้ในห้าง ผู้บริหารคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นเพชร กับยุพาที่คัดค้าน
อ้างว่าจะทำให้ภาพพจน์ของห้างเสียหาย และยังเป็นการขาดรายได้อีกด้วย
จันทรกานต์รีบโต้กลับ
“งานจัดแค่เสาร์อาทิตย์ ห้างเราไม่มีวันขาดทุนหรอกครับ เราได้กำไรมามากพอแล้ว และเราก็ควรจะคืนกำไรให้กับสังคมบ้าง ผมเสนอให้เป็นจุดขายของงานด้วยซ้ำ ทุกๆ ร้อยบาทที่ทุกคนมาจับจ่ายจะหักหนึ่งบาทให้เป็นกองทุนสำหรับบ้านคนชราและเด็กจรจัด งานนี้ผมยืนยันครับว่าเรามีแต่จะได้กำไร”
ทุกคนเห็นด้วย ดาริกามองจันทรกานต์ด้วยความชื่นขม เพชรและยุพามองหน้ากันอย่างขัดใจ
เมื่อออกจากห้องประชุม เพชรกับยุพา ที่ยังหงุดหงิดไม่หาย ก็ร่วมกันวางแผนร้าย
“อุ๊ย ไม่ยากนี่คะ เราก็เข้าแทรกแซงลับๆ เริ่มตั้งแต่บริษัทยายวรางค์ สร้างหลักฐานให้แม่นี่เป็นตัวโกงตัวแม่ จะได้ถอนยวงกันไปทั้งหมด”
ยุพาเสนอไอเดีย เพชรรีบยุให้รีบดำเนินการทันที
“ถ้าล้มไอ้คุณหนูพระจันทร์นี่ได้ ตำแหน่งผมก็กลับคืนมา”
จันทรกานต์ กับดาริกา กำลังทานอาหารสุขภาพร่วมกับวิวิทธิ์ อิงฟ้า วรางค์ อาร์ตี้ พร้อมด้วยจักรพัฒน์ ทุกคนร่วมแสดงความยินดี ที่รู้ว่าวรางค์กับอาร์ตี้จะแต่งงานกัน
“พี่ตี้ พี่วรางค์ ยินดีด้วยจริง ๆ ค่ะ”
ดาริกากอดวรางค์แน่น
“ในที่สุดรักแท้ก็พิสูจน์ตัวเองนะครับ”
วิวิทธิ์พูดแบบเขินๆ ตามประสาคนที่กำลังมีความรัก จันทรกานต์กระเซ้าว่าเมื่อไหร่จะถึงคิววิวิทธิ์แต่งงานบ้าง วิวิทธิ์เลยย้อนกลับว่าน่าจะเป็นจันทรกานต์กับดาริกาแต่งก่อนมากกว่า เพราะก้าวหน้าถึงขนาดทาบทามกับผู้ใหญ่แล้ว
วรางค์กับอาร์ตี้ฮือฮา จักรพัฒน์รีบถาม
“จริงเหรอจันทร์ พี่ไม่รู้เลยนะ แล้วทางคุณดาวว่ายังไงครับ”
ดาริกายิ้มเขิน “แหม ก็แล้วแต่ทางคุณจันทร์น่ะค่ะ”
“งั้น ผมขอดื่มให้กับความรักของเราทุกคนครับ”
จันทรกานต์ได้ยินจักรพัฒน์พูด ก็อดข้องใจไม่ได้
“เดี๋ยวครับ พี่จักร พี่พูดเหมือนจะไม่มีความรักครั้งใหม่แล้วอย่างนั้น”
จักรพัฒน์หน้าเศร้า
“บางครั้งที่เรารักใครสักคนหมดใจ มันก็ไม่เหลือทุนที่จะเริ่มต้นใหม่อีกแล้ว”
ทุกคนฟังแล้วก็ถึงกับนิ่งไป พิชญานั่งอยู่เพียงลำพังอีกโต๊ะ ก็นิ่งไปเช่นกัน
จักรพัฒน์ ฝืนยิ้ม
“แต่ความรักก็ยังดำรงอยู่และมีค่าเสมอ ขอดื่มให้ความรักของทุกคนครับ”
พิชญาน้ำตารื้น จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกออกไป ดาริกามองเห็นเข้าพอดี รีบขอตัวลุกตามไป
พิชญาเข้ามาในห้องน้ำ มองหน้าตัวเองในกระจก น้ำตาไหลพราก แต่พอเห็นดาริกาเดินเข้ามา ก็รีบเช็ดหน้า พลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พร้อมปรับสีหน้าเป็นปรกติ แล้วแกล้งพูดเหน็บยินดีกับข่าวการแต่งงานของดาริกากับจันทรกานต์
“ไม่คิดจะแย่งแล้วเหรอคะ”
“คุณจันทร์ไม่มีค่าสำหรับฉันแล้ว ยิ่งไปเกลือกกลั้วกับคนอย่างเธอ อย่างฉันน่ะจะหาที่ดี วิเศษกว่าคุณจันทร์นับสิบนับร้อยฉันก็หาได้”
พิชญาเชิดหน้า แต่กลับถูกดาริกาพูดย้อน
“เชื่อค่ะ ถ้าเป็นแค่คู่ควง แต่ไม่เชื่อนะคะถ้าหมายถึงความรัก”
พิชญาหน้าเจื่อนไป แล้วสะบัดหน้าเดินออกไป ดาริกาอมยิ้ม
“สมมติฐานของเราน่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ”
ข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ที่สนามหน้าบ้านของวิวิทธิ์ ฝ่ายเจ้าของบ้านนั่งคุยอยู่กับ อิงฟ้าที่หน้าบ้าน เด็กทั้งสามวิ่งมาหา วิวิทธิ์อุ้มดอกไม้ อิงฟ้ากอดข้าวตอกกับข้าวตูไว้
ที่หน้าบ้าน มีรถตู้ปิดกระจกทึบจอดซุ่มอยู่นอกรั้ว ศักดิ์สิทธิ์ ชายวัยกลางคน หน้าตาเหี้ยมกำลังส่องกล้องดูอยู่ ส่วนดำรงดูอีกกล้องอยู่ข้าง ๆ สุดหล่อและเนซุ่มอยู่ข้างรถ
ที่แท้ดำรงวางแผนให้ศักดิ์สิทธิ์พาเด็กทั้งสามหนีจากบ้านเด็กดีไปอยู่เซฟเฮาส์ ศักดิ์สิทธิ์มองเห็นท่าทีของวิวิทธิ์และอิงฟ้า ที่ดูจะรักเด็กทั้งสามคนมาก ก็ตาวาว คิดเลยไปถึงการเรียกค่าไถ่
“ดี เอาล่ะ ข้ารับข้อเสนอของแกไอ้ดำ จัดการพามันสามคนมาไว้ที่เซฟเฮาส์ได้เลย คนของข้าพร้อมดูแล เฮ้ย แล้วเงินห้าแสนน่ะ มันจ่ายจริงนะ”
ดำรงพยักหน้า “จริงซิครับพี่”
ศักดิ์สิทธิ์ยกกล้องขึ้นส่องต่อ ดำรงท่าทางหงอ สุดหล่อและเนหงอยิ่งกว่า
อ่านต่อหน้า 2
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 12 (ต่อ)
พิชญาและ ดาราราย อยู่ในชุดออกกำลัง เดินเข้ามาในยิมด้วยกัน
“อาต้องออกกำลังบ้างแล้วละ หมู่นี้มีแต่เรื่องเครียด”
“ดีค่ะคุณอา เครียดกับงานมากๆ ไม่ดีนะคะ”
ดารารายถอนหายใจ
“ไม่ใช่เรื่องงานน่ะซีหนู มันเรื่อง เฮ้อ”
พนักงานนำกุญแจล็อกเกอร์มาให้ ทั้งสองจะเข้าไปที่ล็อกเกอร์รูม แต่หางตากลับมองเห็นดาริกาและจักรพัฒน์กำลังวิ่งอยู่ที่ลู่วิ่ง หัวเราะต่อกระซิกกันด้วยท่าทีสนิทสนม
ดารารายกับพิชญาเขม้นมองอย่างแปลกใจ
“ยัยดาริกาทำตัวสนิทกับคุณจักรเหลือเกิน ทั้งทำอาหารสุขภาพมาให้ทาน ทั้งชวนเข้ายิม ชวนทานกลางวัน”
ดารารายรีบหันมาถาม
“คุณจันทร์รู้เรื่องไหม”
“ทราบค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม คุณจันทร์ปล่อยให้มายุ่งกับสามีคนอื่น”
ดารารายมอง พิชญาอย่างแปลกใจ
“ชาย่า หนูยังนับว่านายจักรเป็นสามีหนูอยู่อีกเหรอ”
“เปล่าค่ะ หนูหมายถึงอดีตสามีน่ะ หลายครั้งแล้วนะคะที่แม่นี่มาให้ท่าคุณจักร ทำเหมือนจะรวบทั้งคุณจักรทั้งคุณจันทร์”
พิชญาพูดใส่ไฟหน้าตาเฉย
“ช่วยทำให้น้าแน่ใจหน่อยซิว่าแม่นี่กำลังคิดจะรวบหัวรวบหาง ทั้งพี่ทั้งน้อง”
“ได้ค่ะคุณอา”
พิชญาและดารารายแยกไปเข้าห้องล็อกเกอร์
จักรพัฒน์หันมาถามดาริกา เพราะยังข้องใจไม่หาย
“บอกผมได้รึยังครับว่าคุณเก็บแหวนของชาย่าไปทำไม”
“ฉันอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างค่ะ รอให้ฉันแน่ใจก่อนนะคะ”
ดาริกายิ้มอย่างมีแผน
สุดหล่อรับสายจากปุ๊ แล้วก็โวยวายเสียงดัง
“อะไรนะ เฮ้ย พี่พูดอย่างงี้ได้ไง อยู่ดีๆ จะมาเลิกกลางคันได้ไง ผมลงทุนไปเยอะแล้วนะพี่”
“มันช่วยไม่ได้จริงๆ โว้ย”
ดำรง ศักดิ์สิทธิ์ และเน ที่นั่งอยู่ด้วย หันมามองหน้ากัน
อีกฝั่งหนึ่งคุณหญิงอรชรกำลังบ่นว่าเป้าอยู่ในห้อง
“ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องผิดกฎหมายฉันไม่ทำ อะไร นี่จะพาเด็กหนี ก็เท่ากับลักพาตัวเด็กนั่นแหละ ไปติดต่อแก๊งโจรที่ไหนเนี่ย”
“ก็คุณท่านไม่เห็นด้วย แล้วห้ามพวกฉันไปยุ่งกับพวกแกเด็ดขาด เขาว่าพวกแกน่ะแก๊งลักพาเด็กแน่ ๆ”
ปุ๊ตอบมาทางปลายสาย
“พูดเกินไป ยัยคุณนายพี่ก็พูดเกินไป พวกผมน่ะสุจริตชน พนันไม่ยุ่ง มุ่งแต่สร้างชาติ”
“เฮ้ย เอาเป็นว่าจบเรื่องเท่านี้ละกัน”
ปุ๊ตัดบท แล้ววางสายทันที
ปุ๊เดินมาสมทบกับคุณหญิง ที่กำลังด่าเป้าอยู่
“อะไร เรียกเงินเป็นแสนเป็นล้าน แล้วจะพาเด็กหนีออกมา นั่นก็ผิดกฎหมายแล้ว ตำรวจสืบสาวราวเรื่องมาถึงฉัน ได้งามหน้า แทนที่จะได้ไปร้อยไหมที่เกาหลี ต้องไปนั่งร้อยหวายอยู่ในคุกหญิง”
“พวกแกห้ามไปยุ่งกับพวกมันเด็ดขาดเลยนะ” ป้าแมวช่วยย้ำ
ศักดิ์สิทธิ์ตบโต๊ะเสียงดัง พร้อมยืนยันว่าไม่ยอมล้มเลิกแผน ดำรง สุดหล่อและเนสะดุ้งเฮือก
“ข้าจะสานต่อ ในเมื่อข้าเสียเงิน เสียเวลาไปแล้ว ข้าต้องถอนทุนคืน นังครูมันรักเด็กมาก อยากได้เด็กเป็นลูก ข้าก็จะจับตัวเด็กไปเลย”
สุดหล่อส่ายหน้า “ไม่ดีล่ะมั้งลุง มันจะไปกันใหญ่นะ”
ดำรงเห็นด้วย “พี่ทำเองละกันนะ พวกผมไม่ขอร่วมวงด้วย”
ศักดิ์สิทธิ์ตบโต๊ะอีก
“เอ็งสามคนไม่ร่วมวงด้วยแล้วข้าจะหาแมวที่ไหนมาร่วมล่ะวะ พวกเอ็งจะไม่ร่วมก็ได้นะ แต่ข้าไม่รับประกันนะว่าอายุพวกเอ็งจะสั้นก่อนวัยอันควรรึเปล่า”
ดำรง สุดหล่อ เน หน้าซีด ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะสะใจ เหมือนคนโรคจิต
ดาริกาเดินออกจากห้องน้ำมาที่ส่วนล็อกเกอร์ มองเลยไปเห็นพิชญา ที่เปลี่ยนเป็นชุดกีฬาแล้ว ยืนอยู่หน้ากระจก
ดาริกายิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเปิดล็อกเกอร์แล้วหยิบแหวนของพิชญามาใส่ แล้วทำทีเดินไปสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกข้างๆ กัน พิชญาพูดแขวะดาริกาเรื่องที่ทำตัวสนิทสนมกับจักรพัฒน์อย่างออกนอกหน้า
“คุณจันทร์เป็นคนมอบหมายให้ฉันดูแลคุณจักรเองนะคะ แรงหึงของคุณทำให้คิดไปเองว่าฉันจีบคุณจักร”
ดาริกาตอบนิ่งๆ พิชญาเบ้ปาก
“ฉันไม่ได้หึง ไม่ต้องมาใช้คำนี้ ฉันกับคุณจักรจบกันไปแล้ว”
ดาริกายกมือขึ้นเสยผมมองกระจก จงใจโชว์แหวนแต่งงานที่สวมอยู่ แต่พิชญายังไม่ทันสังเกตเสียที
“อ้อ ขอเตือนนะ คุณจักรรสนิยมเขาดี เขาจิบแต่ไวน์หรือแชมเปญ เขาคงไม่ลงต่ำมาเสพน้ำกระแช่
อย่างเธอ”
พิชญาจะออกไป ดาริกาเห็นว่าผิดแผนรีบพูดขึ้น
“ไม่รู้ซิคะ น้ำกระแช่มันคงซูซ่า เลือดฉีดพล่านดีนัก ไม่งั้นคุณจักรเขาคงไม่ยอมยกแหวนวงนี้ “ของคุณ” ให้กับฉันหรอก”
ดาริกาชูแหวน แล้วทำนิ้วรัว พิชญาหันมามอง แล้วกระชากนิ้วดาริกามาดู แล้วก็เกิดการโต้เถียงยื้อแย่งกัน ดารารายก้าวเข้ามาทันที
“อะไรกันน่ะ ชาย่า ดาริกา มีอะไรกัน”
ทั้งสองผละจากกัน ดาริกาหน้าเจื่อน รีบซ่อนมือ
“ที่นี่ห้างแกรนด์นะดาริกา ไม่ใช่ตลาดนัดข้างถนน จะได้มากรี๊ดกร๊าดกันแบบนี้”
ดาริกา ก้มหน้าน้อยใจ แต่ไม่วายเหน็บ
“ทราบค่ะ เอ แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่วัน ตลาดนัดข้างถนนจะมาจัดที่ห้างแกรนด์แล้วนะคะ ตอนนั้นหนูคงกรี๊ดกร๊าดได้ตามสะดวกคงไม่ว่ากัน”
ดาริกาไหว้ลาแล้วแยกไป พิชญากับดารารายมองตาม
“มันไม่เคยลดราวาศอกกับอาเลยนะ ยัยคนนี้”
“มันไม่เกรงกลัวอะไรแล้วค่ะ นี่มันก็หน้าด้านแย่งแหวนแต่งงานของหนูไปใส่แล้ว เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น”
“อาถ่ายไว้ได้หมดแล้วล่ะ หลักฐานชั้นดี”
ดารารายโชว์ภาพจากมือถือให้ดู พิชญายิ้มสะใจ
ดาริกาออกมาพร้อมจักรพัฒน์ที่ยังอยู่ในชุดกีฬา พลางชูนิ้วนางที่ยังใส่แหวน และเล่าเหตุการณ์ให้
จักรพัฒน์ฟัง
“ชาย่าขอแหวนคืนงั้นเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ ก็เขาทิ้งแล้ว”
ดาริกาอมยิ้ม
“คุณจักร คุณไม่เข้าใจผู้หญิงเลยนะคะ ปากกับใจไม่ตรงกันหรอกค่ะ ฉันสังเกตมาหลายหนแล้ว ทั้งสายตา ทั้งท่าทีของเธอที่มองคุณมันเปลี่ยนไป ที่เธอเข้ามาอาละวาดใส่ฉันเพราะเธอหึงคุณน่ะซิ แสดงว่าเธอยังรักคุณอยู่ค่ะ”
จักรพัฒน์อึ้ง งง ไม่อยากเชื่อ
“ยิ่งฉันหลอกเธอว่าคุณยอมให้ฉันใส่แหวนวงนี้ เธอยิ่งหึงคุณใหญ่ หลังจากที่เธอตัดใจจากคุณจันทร์แล้ว เธอก็คงได้คิดแล้วละค่ะว่าคุณคือคนที่รักเธอมากที่สุด”
“คุณแน่ใจนะ” จักรพัฒน์ถามย้ำ
“อยู่ที่คุณแล้วละค่ะว่าจะรับเธอกลับมารึเปล่า”
จักรพัฒน์บอกว่าอยากได้ข้อพิสูจน์ที่ชัดกว่านี้ ดาริการีบคิดแผนต่อทันที แล้วก็กระซิบกระซาบหัวเราะกัน จนจันทรกานต์ที่เดินมาเห็น ถึงกับต้องออกปากถามอย่างแปลกใจ ดาริกาปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แล้วทั้งคู่ก็รีบเดินแยกไป
จันทรกานต์มองเห็นแหวนในมือดาริกา ก็ยิ่งงง ว่าเป็นแหวนของใคร?
พิชญาเดินออกมาจากห้องแอโรบิค เจอกับจักรพัฒน์ที่กำลังเล่นเวทกับจันทรกานต์อยู่ ในสภาพที่เหงื่อท่วมร่างทั้งคู่ พลางมองจักรพัฒน์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป พร้อมกับนึกเปรียบเทียบทั้งคู่ แล้วพบว่าไม่มีใครด้อยกว่าใคร
จักรพัฒน์ยังสง่างาม ดูดีกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ ใบหน้ายิ้มแย้มอบอุ่นอย่างที่เคย พิชญาเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
ขึ้นมาทันที
จักรพัฒน์ลุกขึ้นมาพักแล้วก็เห็นพิชญาพอดี พลางมองรูปร่าง ในชุดรัดรูปเซ็กซี่อย่างตะลึง พิชญาเดินเข้ามา
“ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะ คุณจักร ขอคุยส่วนตัวค่ะ “
พูดแล้วก็เดินแยกไป จักรพัฒน์เดินตาม จันทรกานต์มองตามอย่างประหลาดใจ
จันทรกานต์เดินออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงคุยของจักรพัฒน์และพิชญาในมุมปลอดคน พิชญาต่อว่าเรื่องที่จักรพัฒน์เอาแหวนไปให้ดาริกาใส่
“ดาริกาเขาเสียดายนี่ครับ ราคาไม่ใช่น้อย เขาเลยขอ คุณจะมาสนใจอะไรล่ะครับ คุณบอกเองว่ามันไม่มีค่าอะไรแล้ว”
“ใช่ มันสมควรที่จะถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ ไม่ใช่เอาไปให้ยายบ้านั่น แถมยังเอามาใส่เย้ยฉันอีก”
จันทรกานต์ยิ่งงง
“ฉันรู้นะว่าคุณอยากจะมีอะไรกับมัน”
จักรพัฒน์รีบโวยวาย
“บ้าแล้วชาย่า ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ดาริกาเป็นแฟนคุณจันทร์นะ”
“งั้นก็แสดงว่าแม่นั่นกำลังให้ท่าคุณ จะจับคุณ”
จันทรกานต์ได้ฟัง ก็ถึงกับอึ้ง จักรพัฒน์พูดต่อ
“เรื่องนี้ผมไม่รู้หรอก แต่ที่รู้ คงเพราะเดี๋ยวนี้ผมหล่อขึ้น เสน่ห์แรงกว่าเก่าละมั้ง ไม่ใช่แค่ดาริกาหรอกนะที่มาจีบ มีสาวๆ มาจีบผมตั้งหลายคน”
จันทรกานต์เดินผละออกมา ด้วยสีหน้าว้าวุ่น ความคิดสับสน ไปหมด
จักรพัฒน์มองพิชญาอย่างสำรวจท่าที แล้วเริ่มเชื่อในสิ่งที่ดาริกาพูด
“ชาย่า ที่ยังหวงแหวนอยู่นี่ คงไม่ใช่แค่แหวน แต่คุณยังหวงผมอยู่ใช่ไหม”
พิชญาสะอึก แล้วรีบโวยวายกลบเกลื่อน
“อย่าเข้าข้างตัวเองค่ะ ฉันจบกับคุณแล้ว รีบเอาแหวนมาจากแม่นั่น เอามาคืนฉัน ฉันจะโยนทิ้งลงแม่น้ำให้คุณดู”
พิชญาจะผละออกไป แต่จักรพัฒน์รีบดึงกลับมา
“ก่อนทิ้งลงแม่น้ำ ให้ผมได้สวมแหวนให้คุณอีกครั้งได้ไหม”
พิชญาใจเต้นระทึก จักรพัฒน์รวบร่างเข้ามากอด
“ชาย่า วันนี้คุณสวยเหลือเกิน ผมอดใจไม่ไหวแล้วล่ะ”
จักรพัฒน์จูบไรผม ที่กลิ่นหอมกรุ่น
“คิดถึงคุณเหลือเกิน คิดถึงคุณทุกวันที่คุณจากผมไป ไม่มีใครมีความหมายสำหรับผมหรอก เพราะใจผมยังมีแต่คุณ”
“ปล่อยค่ะ” พิชญาเสียงอ่อนลง หน้าแดงระเรื่อ “ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไงในเมื่อคุณให้แหวนยายดาริกาไปใส่แบบนั้น”
“โธ่ บอกแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขา”
“พิสูจน์มาก่อน นัดยัยดาริกามา ขอแหวนคืน แล้วพูดต่อหน้าฉันและแม่นั่นว่าคุณไม่ได้พิศวาสอะไรมันเลยสักนิดฉันถึงจะเชื่อ”
จักรพัฒน์ยิ้ม “จริงนะ นัดมาเลยครับ เมื่อไหร่ ที่ไหน”
พิชญาค้อนแล้วผละออกไป จักรพัฒน์มองตาม สีหน้าแช่มชื่นขึ้นอย่างมีความหวัง
อ่านต่อหน้า 3
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 12 (ต่อ)
จันทรกานต์นิ่งงัน มองไปที่ไอแพ็ดที่วางอยู่ตรงหน้า เห็นภาพที่พิชญากับดาริกากำลังแย่งแหวนกันในล็อคเกอร์รูม ดารารายนั่งอยู่ตรงข้าม
“นี่เหรอครับที่แม่เรียกผมกลับมาที่วัง เพื่อให้มาดูคลิปนี้”
ดารารายจ้องหน้าลูกชายอย่างจับสังเกต
“อย่าบอกนะว่าลูกไม่รู้สึกรู้สมอะไร มันเห็นอยู่ชัดๆ ว่ายัยดาริกา กำลังจะจับจักรพัฒน์ มันหลอกลูก
อยู่นะ”
จันทรกานต์ยืนยันว่าดาริกาไม่ใช่คนแบบนั้น พลางบอกว่าจะไปถามดาริกากับจักรพัฒน์ให้รู้เรื่อง
“อย่าเพิ่งไปถามอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าพูดความจริงหรอก รอดูเหตุการณ์จริงดีกว่าไหม”
“เหตุการณ์จริงอะไรครับ” จันทรกานต์ย้อนถาม
“ชาย่าให้จักรพัฒน์นัดดาริกาขอแหวนคืน และลูกควรจะได้ดูให้เห็นธาตุแท้แม่นั่นกับตา”
จันทรกานต์นิ่งงันไป
ที่ลานจัดแสดงสินค้าพื้นเมือง มีซุ้มอาหารเรียงราย สินค้าโอท็อปตั้งอยู่ด้านหนึ่ง ผู้คนเข้ามาเดินชมงานมากมาย
บนเวทีกำลังมีการจัดรายการสนุกสนาน พิธีกรกำลังเชิญคนในงานขึ้นมาแข่งขันกัน
จันทรกานต์กับดาริกาเดินชมงานด้วยกัน ดาริกาท่าทางสดชื่น แต่จันทรกานต์ดูขรึมๆ ไป ดาริกาเห็นจันทรกานต์หน้าเครียดเลยหันมาถาม
“แล้วเครียดเรื่องอะไรล่ะเจ้าค่ะ บอกบ่าวได้ไหม”
จันทรกานต์หันมามองหน้าดาริกา อยากจะถามเรื่องที่เห็นคลิปเมื่อวาน แต่ก็ไม่ถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เอาเป็นว่าผมหายเครียดแล้ว”
จันทรกานต์หันมายิ้มหวาน ดึงดาริกามาแนบร่าง
“แหม หวานกลางห้างเลยนะครับ”
จันทรกานต์กับดาริกา รีบผละจากกัน หันกลับมามอง ก็เห็นเพชรและยุพายืนอยู่
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับนาย งานดูจะประสบความสำเร็จอย่างดี”
เพชรพูดเหน็บ แต่จันทรกานต์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ขอบคุณครับ มีอะไรแนะนำบ้างไหมครับ”
“มีครับ แต่เป็นคำเตือนด้วยความหวังดี นี่ถือเป็นอีกโปรเจ็กต์ที่ไม่ทำรายได้ให้บริษัท แถมยังผลาญงบประมาณมหาศาล ระวังหน่อยนะครับ ผลงานปีนี้ถ้าไม่ถึงเป้า อาจมีการพิจารณากันก่อนที่คุณจะนั่งเก้าอี้ครบสองปี เก้าอี้ร้อนๆ น่ะนั่งไม่สบายหรอกนะครับ”
จันทรกานต์โต้กลับแบบนิ่มๆ
“ผมไม่ห่วงเรื่องเก้าอี้ร้อน แต่ห่วงเรื่องโดนเลื่อยขาเก้าอี้เสียมากกว่า”
เพชรหน้าเจื่อน จันทรกานต์ยิ้มเย็นๆ แล้วพาดาริกาแยกไป
จันทรกานต์พาดาริกามาที่ซุ้มเครื่องประดับ ดาริกาหยิบสร้อยเป็นรูปพระจันทร์และดาวขึ้นมา จันทรกานต์รับมาแล้วลองสวมรอบคอดาริกา
“สวยจริง ๆ ด้วยพระจันทร์กับหมู่ดาว งั้นผมซื้อให้คุณนะ”
ดาริการีบตอบตกลง
“แน่ะ ไม่ลังเลเลย”
“ก็มันไม่แพงนี่คะ ถ้าคุณซื้อของแพงๆ ซิ ฉันไม่กล้ารับหรอก”
จันทรกานต์มองดาริกา แล้วแกล้งพูดหยั่งเชิง
“แล้วถ้าผมซื้อเพชร อย่างแหวนเพชรราคาเป็นแสนให้คุณ จะรับไหม”
ดาริกาส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ ไม่กล้ารับ ของแพง ๆ ไม่เหมาะกับฉันหรอก ฉันเลือกอีกสองสามเส้นนะคะทูนหัวของบ่าว”
จันทรกานต์คลายความกังวล มั่นใจว่าดาริกาต้องมีเหตุลผล ในการเอาแหวนของพิชญามาใส่ พลันมือถือก็ดังขึ้น จันทรกานต์เห็นเบอร์แล้วรีบแยกห่างออกมคุยห่างๆ
“ ครับ คุณพ่ออยู่ที่ไหน ในงานนี้เหรอ ได้ ผมจะไปพบเดี๋ยวนี้”
จันทรกานต์ย้อนมาบอกดาริกา ก่อนจะรีบแยกไป ดาริกาเลือกเครื่องประดับต่อ แล้วก็ได้ยินเสียงดังจากเบื้องหลัง
“ดาริกา”
เมื่อหันมา ก็เห็นดารารายยืนยิ้มอย่างเย็นชา
ดารารายพาดาริกาเดินลัดเลาะมาทางร้านรวงต่างๆ พลางบอกว่าจะพาไปหาจันทรกานต์ ดาริกาย้อนกลับมาจันทรกานต์เพิ่งแยกไปเมื่อครู่นี้เอง
“ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่”
ดารารายพาดาริกามาที่ซุ้มร้านอาหาร แล้วชี้ให้ดาริกาดูที่โต๊ะ ที่จันทรกานต์กำลังนั่งคุยกับดำรง
“เธอรู้ใช่ไหมว่าพ่อเธอมาหาคุณจันทร์ทำไม”
ดาริกาส่ายหน้า “หนูไม่ทราบค่ะ”
“อย่ามาโกหก เธอกับพ่อร่วมมือกันข่มขู่รีดเงินจากคุณจันทร์”
ดาริกาเสียงสั่น “ไม่จริง หนูไม่รู้เรื่องด้วย แล้วพ่อคงไม่ทำอย่างนั้น”
ดาริกามองไป เห็น ดำรงกำลังไหว้จันทรกานต์อย่างนอบน้อม
“คุณท่านรู้ได้ยังไงคะว่าพ่อมาขอเงินคุณจันทร์”
ดารารายยิ้มหยัน
“ฉันให้นักสืบตามพ่อเธอตลอดตั้งแต่มารีดไถเงินคุณจันทร์ครั้งแรกที่ตลาดบ้านเธอ ตอนที่เธอหลอกคุณจันทร์ไปค้างอ้างแรมกับเธอที่บ้านป่าช้านั่นไง”
“ทำไมคุณจันทร์ไม่บอกเรื่องนี้ให้หนูรู้”
“ฉันเลี้ยงลูกมาดีละมัง เป็นสุภาพบุรุษเกินไป” ดารารายตอกใส่หน้า
“ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปห้ามพ่อเดี๋ยวนี้”
ดาริกาจะเข้าไปที่โต๊ะ แต่ดารารายยึดไว้
ดาริกาจะเข้าไปที่โต๊ะ แต่ดารารายยึดไว้
“ไม่ต้อง ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ ลูกชายฉันเขารักเธอหลงเธอจนพร้อมจะประเคนทุกอย่างให้เธอกับพ่ออยู่แล้ว”
เมื่อดาริกาบอกว่าจะเข้าไปคุยให้รู้เรื่องว่าพ่อมารีดเงินจริงรึเปล่า ดารารายก็รีบบอกว่าเธอมีหลักฐาน จากนั้นก็เปิดคลิปจากไอแพ็ด ตอนที่ดำรงกำลังรีดเงินจันทรกานต์ในร้านกาแฟที่ตลาดให้ดู ดาริกามองภาพนั้นนิ่งด้วยอาการชาไปทั้งตัว น้ำตาไหลมาเป็นสาย ดารารายมองอย่างหยามหยัน ว่าดาริกาแกล้งตีบทเป็นคนแสนดี
ดาริกาเบือนหน้าหนี รีบเช็ดน้ำตา แล้วยกมือไหว้ขอโทษดาราราย
“พ่อเธอข่มขู่มาถึงฉัน ถึงคุณชายจันทรเชียวนะ เห็นไหมดาริกา พ่อเธอน่ะคืออันธพาล หรือโจรเราดี ๆ นี่เอง แล้วอย่างนี้เธอคิดว่าเธอเหมาะสมจะเข้ามาเป็นสะใภ้ทัศนัยอย่างนั้นหรือ เอาล่ะ ฉันจะยอมเชื่อว่าเธอไม่ได้รู้เห็นกับพ่อเธอด้วย แต่ถ้าเป็นแบบนี้ แต่งงานกันไป พ่อเธอก็จะยิ่งรีดไถทัศนัยไม่มีวันจบสิ้น นี่ถึงขั้นจะเข้ามาขอหุ้นในแกรนด์ด้วยซ้ำ เธอคิดว่า คุณจันทร์ที่ทุ่มเทความรักให้เธอขนาดนี้ เขาควรจะได้รับการตอบแทนแบบนี้หรือ”
ดาริกาน้ำตานองหน้า
“หนูจะไปพูดกับพ่อ ไม่ให้มายุ่งกับทัศนัยอีก แล้วห้ามไม่ให้ คุณจันทร์ยอมจ่ายพ่ออีกแล้ว”
“พูดง่ายนะ ประวัติพ่อเธอโชกโชน ฉันสืบมาหมดแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าพ่อเธอจะจบเรื่องง่ายๆ แล้วเรื่องอื้อฉาวแบบนี้มันแพรไปเร็วยิ่งกว่าเชื้อโรค คนในตระกูลทัศนัยจะแปดเปื้อนก็เพราะคนอย่างเธอและพ่อ”
“แล้วคุณจะให้หนูทำยังไง ในเมื่อเรารักกัน หนูรักคุณจันทร์”
ดารารายมองจ้องดาริกา
“เธอนี่ เล่นละครเก่งมาก โกหกหน้าด้านๆ ฉันจับโกหกเธอได้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน อย่านึกนะที่เธอปลอมเป็นพยาบาลวันนั้นจะตบตาฉันได้ รักคุณจันทร์เหรอ งั้นลองดูอีกคลิปก็แล้วกัน ดูซิว่าเธอจะแก้ตัวว่าอย่างไร”
ดารารายเปิดคลิปให้ดู ดาริกางุนงงไปหมด
จันทรกานต์แยกมาสีหน้าลำบากใจ ดำรงยิ้มกริ่ม
“เยี่ยม ได้มาอีกสามแสน แหมคุยธุรกิจกับมหาเศรษฐีนี่มันง่ายดีจริง ๆ “
มือถือดำรงดังขึ้น “ว่าไงวะ ไอ้หล่อ”
รถตู้คันเดิมจอดซุ่มอยู่นอกรั้วบ้านวิวิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์กำลังส่องกล้องดู เนทำหน้าอึดอัดอยู่ข้างๆ ส่วน
สุดหล่อแยกห่างออกมาคุยมือถือห่างๆ แล้วเล่าให้ดำรงฟังว่าศักดิ์ศักดิ์บังคับให้ตามเด็ก ๆ มาที่บ้านวิวิทธิ์ เพื่อลักพาตัว
ดำรงรีบพูดเอาตัวรอด
“งั้นพวกแกทำกันไปเองก็แล้วกัน ฉันไม่ยุ่งด้วย เดี๋ยวฉันกลับไปหาเมียที่โรงสี ขาดการติดต่อกันเท่านี้”
ศักดิ์สิทธิ์เดินมาข้างหลัง แล้วกระชากมือถือจากมือสุดหล่อ ก่อนจะตะคอกไปทางปลายสาย
“คืนนี้ไปเจอข้าที่เซฟเฮาส์ ที่ระยอง ข้าจะพาตัวเด็กไปไว้ที่นั่น”
“พี่ศักดิ์ ทำไมรีบร้อนนัก ไม่รอไปอีกหน่อย”
ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มเหี้ยม
“ข้ามันคนใจร้อน คืนนี้ถ้าแกไม่ไปตามนัด อีนังเมียโรงสีของแกมัน อาจจะกลายสภาพเป็น...”
ดำรงกลัวลนลาน “โธ่ พี่ศักดิ์ อย่าทำอะไรเมียผมเลยนะ”
“ฟังให้จบ ข้าจะบอกว่าเมียเอ็งอาจจะกลายสภาพเป็นแม่ม่ายผัวตาย”
ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะสะใจ ดำรงหน้าซีด
ดาริกานิ่งงันกับภาพที่ถูกบันทึกไว้ ในช่วงที่กำลังโต้เถียงกับพิชญาเรื่องแหวน
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ คือหนูกำลังจะช่วย...”
ดาริกาพูดได้แค่นั้น เพราะเห็นสีหน้าของดารารายแล้วก็มั่นใจว่าต่อให้พูดอะไร ก็ไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด
“ไม่พูดต่อล่ะ หรือจะหาข้ออ้างอีกว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับจักรพัฒน์ เธอรักคุณจันทร์คนเดียว เธอมันลวงโลกพอๆ กับพ่อเธอ หรืออาจจะครอบครัวเธอทั้งหมด “
ดารารายพูดอย่างโกรธจัด ดาริกาหมดแรงจะงตอบโต้
“ ก็อย่างที่ฉันขอร้องเธออยู่ทุกครั้ง ลาออกไปเสีย ออกไปจากชีวิตคุณจันทร์อย่างถาวรไม่มีวันหวนกลับมาอีก”
ดาริกาพยักหน้า น้ำตาไหลเป็นทาง
“ได้ค่ะ หนูจะลาออกวันนี้พรุ่งนี้เลย”
พร้อมย้ำว่าจะย้ายออกจากคอนโด แล้วจะหนีไปให้ไกลที่สุดจนจันทรกานต์ตามตัวไม่เจอ แต่ดารารายกลับแย้งว่าถ้าทำแบบนั้น จันทรกานต์จะสงสัย ทางที่ดีที่สุดก็คือต้องทำให้จันทรกานต์หมดรักในตัวเธอเสียเอง“เธอต้องทำให้เขาเกลียดเธอถึงที่สุด จนถึงขั้นเอ่ยปากไล่เธอออกไปจากชีวิตเขา นั่นแหละเขาจะไม่มีวันตามเธอไปไหนอีกเลย สงสัยใช่ไหมว่าจะทำยังไง ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมแผนไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว”
ดาริกาพยักหน้าอย่างยอมจำนน
ทางด้านสุดหล่อ กับเน ก็หลอกล่อพาข้าวตุ ข้าวตอก ดอกไม้ ขึ้นมาในรถตู้ ก่อนจะขับออกไปจากหน้าบ้านวิวิทธิ์
เด็กทั้งสามเมื่อรู้ตัวก็ตกใจ ร้องเสียงดัง พลางถามว่าจะจับไปไหน ศักดิ์สิทธิ์โผล่จากที่นั่งหลัง รีบตอบด้วยเสียงเหี้ยม
“ไปอยู่บ้านข้าไงวะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
ทั้งสามตกใจช็อก ตกใจ ทันใดนั้น ดอกไม้หวีดออกมาสุดเสียง ข้าวตอก ข้าวตู ร้องตาม
ทางด้านวิวิทธิ์ได้ยินเสียงรถแล่นออกไป และเสียงกรีดของเด็กแว่ว ๆ มา พอมองไปรอบ ๆ สนาม กลับไม่เห็นเด็กทั้งสาม จึงรีบวิ่งมาที่รั้วบ้าน เห็นรถเลี้ยวออกถนนไปไกลแล้ว อิงฟ้าได้ยินวิ่งออกมาสมทบ แล้วช่วยกันตามหา
อิงฟ้าเริ่มกลัว พลางก็เหลือบไปเห็นลูกบอล ที่เด็กทั้งสามเล่นตกอยู่ เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็ถึงกับมือสั่น ตาเบิกโพลง
“คุณ วิวิทธิ์”
วิวิทธิ์วิ่งกลับมา อิงฟ้าน้ำตาไหล ส่งลูกบอลให้วิวิทธิ์อ่าน
“เด็กอยู่กับข้า แจ้ง ตร.เด็กตาย”
“พวกมันเป็นใคร”
อิงฟ้าส่ายหน้าน้ำตานอง “ไม่ทราบค่ะ”
อิงฟ้าหน้ามืด จะเป็นลม วิวิทธิ์รีบเข้าประคอง แล้วพากลับเข้าบ้าน
อ่านต่อหน้า 4
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 12 (ต่อ)
อิงฟ้ายังร้องไห้ไม่หยุด โดยมีวิวิทธิ์คอยปลอบ ครูตุ้ยมองตัวอักษรขู่ในลูกบอลอย่างหนักใจ
“ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าแก๊งลักเด็กที่ไหนมันจะมาลักเด็กสามคนนี่ ผมว่าน่าจะเป็นคนใกล้ตัวพวกคุณนะ”
“ทำไมคะ” อิงฟาย้อนถาม
“พอคุณสองคนตกลงว่าจะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ก็เกิดลักพาเด็กขึ้นมาเลย”
วิวิทธิ์เห็นด้วย “นั่นซิ แล้วใครล่ะครับ คนใกล้ตัวที่รู้เรื่องของเรา”
ครูตุ้ยรีบบอก
“ผมเองก็ไม่ได้บอกใครนะ แล้วนี่ จะไม่แจ้งตำรวจจริงเหรอครับ”
“มันขู่ขนาดนี้ ไม่กล้าแจ้งหรอกค่ะ โอย ปวดหัวไปหมดแล้ว ครูคะ คืนนี้ฉันไปนอนที่มูลนิธินะคะ เผื่อได้ข่าวเด็ก ๆ “
แต่ครูตุ้ยท้วงว่าให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่า วิวิทธิ์เห็นด้วย แล้วก็โอบกอดอิงฟ้าไว้
วิวิทธิ์ประคองอิงฟ้าเข้ามาในโถงบ้านวรรณรัตน์ ปุ๋มและแป้งเข้ามาขวางไว้ และไล่ให้วิวิทธิ์กลับ แต่
อิงฟ้ากลับยืนยันให้อยู่ พลางกอดวิวิทธิ์แน่น
คุณหญิงอรชร และป้าแมว เดินลงบันไดมา เห็นทั้งคู่ยืนกอดกันก็โวยวายลั่นทันที
“นายปลาจวด กล้าดียังไงเข้ามาเหยียบบ้านฉันอีกแล้ว แถมยังมากอดลูกสาวฉันอีก”
“คุณหญิงครับ คุณอิงฟ้าไม่สบายครับ”
ป้าแมวรีบปราดเข้าไปเอามืออังหน้าผาก
“เป็นอะไรคะคุณหนู ว้ายตัวร้อนจี๋เลยค่ะ”
“ทำอะไรลูกสาวฉัน ถึงไม่สบายขนาดนี้ คงให้ไปขุดดินฟันหญ้าอยู่ที่บ้านนายใช่ไหม”
ป้าแมวรีบเสริม
“แน่ ๆ เลยค่ะ เหมือนอย่างรูปที่ถ่ายมา แต่งเป็นครอบครัวบ้านไร่บ้านนา คุณหนูแต่งเป็นนางลำยองเชียว ไอ้เด็กเหลือขอสามตัวนั่นด้วย”
วิวิทธิ์รับไม่ได้ รีบพูดดตัดบทขอตัวจะกลับ อิงฟ้ามองหน้าแม่และป้าแมว
“เดี๋ยวค่ะ ป้าแมวไปเห็นที่ไหนว่าหนูแต่งเป็นลำยอง บ้านนอกบ้านนา”
ปุ๋มถึงกับสะดุ้ง ป้าแมวรีบบอก
“ก็เห็นในมือถือคุณหนูน่ะซิคะ”
พูดจบก็ตะครุบปากตัวเอง ปุ๋มกับแป้งหลบตา วิวิทธิ์กับอิงฟ้าหันมามองหน้ากัน คุณหญิงอรชรจึงพูดเรื่องที่รู้มาว่าอิงฟ้าจะรับเด็กสามคนมาเป็นลูกบุญธรรม
“คิดได้นะ ปรึกษาแม่สักคำไหมว่าแม่จะรับเจ้านี่เป็นลูกเขยได้ไหม จะรับเจ้าเด็กมาเป็นหลานได้ไหม”
อิงฟ้ามองหน้าวิวิทธิ์ แล้วร้องไห้โฮ วิวิทธิ์โผเข้ากอดอิงฟ้า ทุกคนเป็นงง
“อะไรกัน ทำไมต้องร้องไห้ นี่ อย่ามากอดลูกสาวฉันนะ”
“คุณหญิงครับ ฟังก่อนครับ มีใครรู้เรื่องที่เราจะรับเด็กมาอุปการะอีกไหม”
“ถามทำไม” คุณหญิงอรชรย้อนถาม
“แม่คะ เมื่อเย็นข้าวตอก ดอกไม้ ข้าวตู โดนลักพาตัวไปค่ะ”
คุณหญิงอรชร กับป้าแมวตกใจ วิวิทธิ์พูดต่อ
“น่าจะเป็นการเรียกค่าไถ่น่ะครับ”
“ไงคะแม่ นอกจากแม่แล้วมีใครรู้เรื่องอุปการะเด็กอีกบ้าง เราต้องตามหาแก๊งลักเด็กให้ได้ค่ะ ไม่งั้นมันฆ่าเด็กแน่ ๆ”
คุณหญิงอรชรมองหน้าป้าแมวแล้วทำท่าจะเป็นลม ปุ๋มกับแป้ง ต้องรีบเข้าประคอง ก่อนจะพาไปพักในห้องนั่งเล่น ป้าแมวรีบตามไป อิงฟ้าและวิวิทธิ์มองหน้ากัน แล้วรีบตามไปที่ห้องนั่งเล่น
ดาริกาทานอาหารค่ำกับจันทรกานต์ที่คอนโดตามปรกติ จันทรกานต์เห็นดาริกาเอาแต่เหม่อลอย หน้าตาซีดเซียว ก็ถามด้วยความเป็นห่วง ดาริกาปฏิเสธว่าไม่มีอะไร พลางขอตัวไปโทรศัพท์ ก่อนจะลุกเดินมาที่แถวหน้าห้องน้ำ แอบชำเลืองมองว่าจันทรกานต์น่าจะได้ยิน แล้วก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะทำเสียงให้ดูสดชื่น ระริกระรี้ ผิดกับเมื่อกี้
“คุณจักรเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง วันนี้เหนื่อยไหม”
จันทรกานต์ได้ยินแว่ว ๆ ก็ลุกมาแอบฟัง ดาริกาทำยิ้มแย้ม
“คิดถึงน่ะค่ะ”
จักรพัฒน์ ที่อยู่ทางปลายสายทำหน้างง ก่อนจะรีบบอกดาริกาว่าพิชญาขอนัดให้ดาริกาคืนแหวนให้ พร้อมยืนยันว่าจักรพัฒน์ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ จึงจะยกโทษให้
ดาริกาทำเป็นอิดออด
“เหรอคะ ว่าแล้ว แต่แหม ต้องคืนแหวนด้วยเหรอ ไม่อยากคืนเลย”
จันทรกานต์แอบฟังฟังอย่างงุนงง จักรพัฒน์ก็งงเหมือนกัน
“อ้าว ยังไงคุณดาว เกิดอยากได้ขึ้นมาจริง ๆ เหรอครับ”
“ก็ของที่คุณให้ดาว มันมีค่าทางใจ ดาวอยากได้ทั้งนั้นแหละ”
“คุณดาว เมารึเปล่าเนี่ย”
ดาริกาแกล้งรับมุก “นิดหน่อยค่ะ นัดมาเลยค่ะที่ไหน เมื่อไหร่”
“ครับ พรุ่งนี้นะ ที่ร้าน...”
“ค่ะ ร้านริมน้ำ บรรยากาศโรแมนติกนะคะ”
ดาริกาแกล้งหัวเราะรื่น ขณะที่น้ำตาอาบแก้ม ก่อนที่จะพูดกระซิบ ไม่ให้จันทรกานต์ได้ยิน
“เอาอย่างนี้นะคะคุณจักร เราต้องตีบทแตกกันทั้งคู่เลย”
จันทรกานต์พิงร่างกับผนัง ไม่อยากคิดเลยว่าดาริกาจะหลอกลวงเขา
ป้าแมวออกจากห้องนอนคุณหญิงอรชร ก็มาเจอเข้ากับวิวิทธิ์ที่อยู่ในชุดคนงานชายในบ้าน
“ท่านคงไม่ว่านะครับที่ผมมาค้างที่นี่”
ป้าแมวหน้าเครียด
“ท่านสั่งเองให้คุณค้างที่นี่ค่ะ เพราะวันนี้นายปุ๊ นายเป้า นายปิ๋ม ไปต่างจังหวัดกันหมดเลย ไม่มีผู้ชายอยู่ในบ้าน คุณอยู่ป้องกันพวกเราน่ะดีแล้ว”
“ป้าครับ แล้วนายปุ๊ นายเป้า ไปติดต่อแก๊งที่ตลาด จำได้ไหมว่าเป็นแก๊งไหน” วิวิทธิ์ถามอย่างร้อนใจ
“ไม่ทราบเลยค่ะ พยายามติดต่อก็ไม่มีสัญญาณมือถือ ป้ารู้แค่ว่ามันเรียกเงินตั้งสี่ห้าแสน น่ากลัวจริง ๆ ป้าขอตัวก่อนนะคะ คุณก็ไปนอนได้แล้ว อย่าลืมนะคะ อยู่เรือนคนใช้”
ป้าแมวเดินแยกไป วิวิทธิ์ถอนใจ
วิวิทธิ์เดินออกมาจากตึกใหญ่จะตรงไปเรือนคนใช้ ผ่านศาลา เห็นอิงฟ้านั่งหนาวสั่นอยู่ ก็รีบวิ่งเข้ามา อิงฟ้าไม่สบายใจเรื่องที่ป้าแมวจัดให้วิวิทธิ์นอนที่เรือนคนใช้
“ห่วงตัวเองเถอะครับ มานั่งอยู่ตรงนี้จะไม่สบายกันไปใหญ่”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะถ้าฉันอยู่กับคุณ”
วิวิทธิ์สบตาอิงฟ้า แล้วพูดอย่างมั่นใจ
“คุณฟ้า อย่าห่วงเลย เด็กทั้งสามคนจะต้องปลอดภัย ผมสัญญา”
จากนั้นก็กอดอิงฟ้าไว้แนบแน่น
เช้าวันรุ่งขึ้น ดาริกาในสภาพหน้าซีดเซียว ขอบตาคล้ำ เพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน กำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า พลางพูดมือถือไปด้วย
“ค่ะ พี่ตาล ดาวอยู่ที่ห้องพี่ตาลไม่ได้แล้วล่ะค่ะ มีธุระด่วนน่ะ ต้นไม้ดอกไม้พี่ตาล ดาวฝากแม่บ้านให้เขาดูแลให้ก็แล้วกันนะคะ หวัดดี”
ดาริกาวางสาย เช็ดน้ำตา แล้วก็มองไปที่สร้อยคอที่จันทรกานต์ซื้อให้ ก่อนจะหย่อนใส่กระเป๋าถือตัวเอง พร้อมๆ กับเสียงกดกริ่งห้องดังขึ้น
จันทรกานต์ที่แต่งตัวเตรียมไปทำงาน ยืนกดกริ่งประตูอยู่ครู่ใหญ่ เห็นไม่มีเสียงตอบรับ ก็รีบกดมือถือ
ดาริกา ที่อยู่ในห้อง รีบปิดเสียงมือถือทันที ก่อนที่จะค่อยๆ ทรุดลงนั่งที่พื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ
วิวิทธิ์นอนขดตัวอยู่บนเก้าอี้ที่ศาลาริมน้ำ พอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นอิงฟ้านอนอยู่บนโซฟายาวข้างๆ ผ้าห่มตกอยู่ที่พื้น
วิวิทธิ์ลุกขึ้นหยิบผ้าห่มมาคลุมเท้า และเลื่อนมาคลุมไหล่ อิงฟ้าจับแขนของวิวิทธิ์มากอด วิวิทธิ์ยิ้มแล้วลงนั่งที่พื้นข้างๆ พร้อมกับแนบหน้าใกล้กับอิงฟ้า
พิชญาแต่งตัวสวยงาม นั่งอยู่ตรงข้ามจักรพัฒน์ ที่ร้านอาหารริมน้ำ ซึ่งเป็นร้านที่ทั้งคู่ตอบตกลงที่จะแต่งงานกัน ครู่หนึ่งดาริกาก็เดินเข้ามา พิชญากดกล้องมือถือที่ซ่อนไว้แนบเนียนที่โต๊ะบันทึกภาพดาริกาทันที
ดาริกาแกล้งเล่นละครตบตา ด้วยการทำสีหน้าปั้นปึ่ง เมื่อเห็นพิชญานั่งอยู่ด้วย
“อะไรกันคะคุณจักร นัดดาวว่าจะขอแหวนคืน ทำไมต้องนัดเมียเก่ามาด้วย”
ที่โต๊ะอีกมุมของร้าน จันทรกานต์กับดารารายนั่งดูคลิปอยู่ด้วยกัน จันทรกานต์หน้าเครียด
“มาทำอะไรไม่ทราบคุณอดีตเมีย” ดาริกาเชิดหน้าใส่พิชญา
“แหวนนั่นมันของฉัน ฉันมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอคืนแหวนอย่างเดียว ไม่ใช่ถวายแหวนกันด้วย”
“เฮ้อ เบื่อจังเลยพวกเมียหวงก้าง เลิกกับผัวแล้วยังอ้างความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอยู่นั่นแหละ”
จักรพัฒน์พยายามรอมชอม
“คุณดาว อย่ามีเรื่องกันเลย คืนแหวนมาเถอะครับ แล้วช่วยยืนยันด้วยว่าคุณกับผมไม่ได้มีอะไรกันมากกว่าความเป็นเพื่อน”
จันทรกานต์มองเหตุการณ์ผ่านมือถือ แล้วก็ขมวดคิ้วงุนงง ดารารายแอบยิ้ม
“คุณจักร นี่แสดงว่าที่ดาวทำเพื่อคุณมาตลอด คุณไม่เห็นค่าของดาวเลยเหรอคะ”
“คุณดาว ผมขอบคุณที่คุณปราถนาดีกับผม แต่ผมเคยบอกแล้วว่าเราเป็นได้แค่เพื่อนกัน ผมไม่เคยคิดกับคุณเกินไปกว่านั้น”
ดาริกาแกล้งทำหน้าเศร้า
“ใช่ คุณเคยพูด แต่ฉันก็ยังหวังว่าสักวันคุณจะเห็นฉันมีค่ามากกว่าเป็นแค่คู่ควงของคุณจันทร์”
จันทรกานต์ถึงกับอึ้งไป
“คุณมีคุณจันทร์อยู่แล้วนะครับ”
ดาริกาบีบน้ำตา
“พอมาใกล้ชิดกับคุณ ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันไม่ได้รักเขา เขาสูงส่งเกินไปสำหรับฉัน แต่คุณคือคนที่ฉันสัมผัสได้ รู้สึกได้ ฉันไม่รู้สึกต้อยต่ำเมื่ออยู่กับทัศนัยอย่างคุณ”
จันทรกานต์อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ดารารายยิ้มสะใจ
“ค่ะ ฉันมันหลงผิดไปเอง”
ดาริกาเช็ดน้ำตา ถอดแหวนออก จากนั้นก็คว้ามือของจักรพัฒน์ขึ้น แล้ววางแหวนไว้ที่มือ
“งั้นก็ลาก่อน คุณโชคดีมากนะคุณพิชญา ที่คุณมีสามีอย่างคุณจักร”
ดาริกาจะสะบัดไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหันมาแล้ววิ่งเข้ามากอดจักรพัฒน์ ที่ยืนตะลึง ที่เห็นดาริกาเล่น
ตีบทแตก
“ขอฉันได้กอดคุณบ้าง ขอบคุณค่ะ ลาก่อน”
ดาริการีบผละออกมาทันที จักรพัฒน์นิ่งงัน จันทรกานต์พิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง ทุกอย่างราวกับล่มสลายลงตรงหน้า
พิชญายิ้มอย่างจริงใจ
“แต่เป็นครั้งแรกนะ ที่ฉันเชื่อยัยดาริกา ฉันโชคดีที่ได้สามีอย่างคุณไง”
จักรพัฒน์ยิ้มให้
“ขอแหวนฉันเถอะค่ะ”
จักรพัฒน์ส่งแหวนให้
“ไม่ซิ สวมให้ฉันซิคะ”
จักรพัฒน์ยิ้มกว้าง บรรจงหยิบมือของพิชญาแล้วสวมแหวนให้อย่างทนุถนอม พลางกุมมือพิชญาไว้ แล้วก็ยิ้มให้กัน รับรู้กันว่าพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันทั้งคู่ โลกทั้งใบสว่างไสวขึ้นมาทันตา
อ่านต่อตอนที่ 13