ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 11
กระเป๋าเป้ส่วนตัวของจันทรกานต์วางอยู่บนแคร่ ดาริกามองเจ้าของกระเป๋า ที่กำลังเตะกระสอบทรายอย่างตะลึงงัน
“มาได้ยังไงเนี่ย”
จันทรกานต์ไหว้กุสุมา พร้อมยักคิ้วให้ดาริกา
“คุณจันทร์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” กุสุมาเอ่ยทัก
“เมื่อกี้นี้เองละครับ”
ตาทศรีบบอก
“มาถึงก็อยากซ้อมมวยเลย ตาก็เลยจัดให้เต็มๆ นี่แค่วอร์ม เดี๋ยวจะต่อด้วยท่าแม่ไม้มวยไทย
15 ท่า”
“จะมาค้างเหรอคะ”
กุสุมาหันมาถาม จันทรกานต์พยักหน้า “ใช่ครับ”
ดาริกาเหวอ พลางมองหน้าจันทรกานต์อย่างเอาเรื่อง รีบดึงจันทรกานต์แยกมาแถวริมน้ำ แล้วก็เปิดฉากต่อว่าทันที
“ฉันไม่ได้อนุญาตให้คุณมา แต่คุณก็ยังมา แล้วยังมีหน้ามาขอค้างอีกร้ายจริงๆ พอเสร็จธุระก็กลับได้แล้ว”
จันทรกานต์ทำหน้าทะเล้น
“ดีครับ กว่าจะเสร็จธุระก็สามวันแน่ะ งั้นผมเอากระเป๋าขึ้นไปจัดเสื้อผ้าบนบ้านเลยนะ”
“พูดไม่รู้เรื่อง ก็บอกไม่ให้ค้าง แล้วธุระอะไรของคุณที่นี่ตั้งสามวัน”
“ผมกำลังมารีเสิร์ชหาข้อมูลแถวนี้ไปใช้กับห้างแกรนด์ของผม ผมต้องการเรียนรู้ชีวิตลูกค้าชนชั้นกลาง โดยใช้คุณเป็นตัวอย่างนะ ให้ผมค้างสองสามคืนเอง รับรองจะติดใจ”
จันทรกานต์เดินกลับไปคว้ากระเป๋าสะพาย
“คุณตา ดาริกาให้ผมค้างได้ตามสะดวกแล้วครับ”
กุสุมาหน้าเหรอ “จะดีเหรอคะ บ้านเราบ้านนอก อยู่ลำบากหน่อยนะ”
“ไม่ลำบากสำหรับผมเลย อากาศที่นี่ก็สดชื่นมาก”
จันทรกานต์ยิ้มระรื่นให้ดาริกา แล้วเดินขึ้นบ้านหน้าตาเฉย
ดาริกาตามขึ้นมา ก็เห็นจันทรกานต์กำลังเปิดกระเป๋า หยิบมือถือขึ้นมาบันทึก
“นี่ผมยังศึกษาวิถีไทยชาวบ้านด้วยนะ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ผมจะตื่นเช้าตักบาตรที่วัดกับตาทศ คุณจะไปร่วมด้วยก็ได้นะ จะทำบุญเลี้ยงพระเพล ถวายผ้าไตร กลางคืนเห็นว่ามีงาน..”.
ดาริการีบโบกมือห้าม
“พอ นึกถึงสวัสดิภาพฉันบ้างไหม ถ้าคุณแม่ท่านรู้ว่าลูกชายท่านมาค้างบ้านสัปเหร่อหลังป่าช้า ท่านคงเป็นลมตาย อ้อ ก่อนตายคงฆ่าฉันก่อน”
“ปล่อยท่านเถอะครับ ท่านจะต้องรู้เสียทีว่ายิ่งท่านบังคับผมมากเท่าไหร่ ผมก็จะดิ้นให้หลุดมากขึ้นเท่านั้น”
จันทรกานต์พูดอย่างจริงจัง
“อดทนอีกหน่อยนะครับ เหลือเวลาไม่ถึงปี ให้ผมพิสูจน์ตัวเองให้ได้เรื่องงานของผม วันนั้นผมจะขอต่อหน้าท่าน”
“ขออะไรคะ” ดาริกาย้อนถาม
“ขอแต่งงานกับคุณ แล้วจะบอกด้วยว่าที่ผมประสบความสำเร็จครั้งนี้ เป็นเพราะคุณทั้งนั้น”
ดาริกาถอนหายใจ
“ท่านจะเชื่อเหรอคะ”
“ต้องเชื่อซิครับ เพราะชีวิตนี้ผมไม่รักใครและแต่งงานกับใครเด็ดขาด นอกจากคุณ”
จันทรกานต์ดึงดาริกามากอดไว้แนบแน่น กุสุมากับตาทศแอบดูอยู่ที่บันได หัวเราะกันคิกคัก
กุสุมากับดาริกากำลังผัดกับข้าวอย่างเมามัน คนในร้านแน่นทุกโต๊ะ ส่วนที่เต๊นท์ของสุดสวาทไม่มีลูกค้าเหมือนเดิม
ตาทศกำลังล้างจานอยู่อีกด้านหนึ่ง ส่วนจันทรกานต์ใส่กางเกงม่อฮ่อม เสื้อยืดธรรมดา ก็ช่วยล้างน้ำเปล่าแล้วลำเลียงจานชามมาให้กุสุมา
ดาริกามองค้อน แล้วแกล้งใช้ให้เสิร์ฟอาหาร กุสุมาเอียงหน้ามากระซิบ
“ไปใช้เขา มันจะดีเหรอลูก ลูกนายห้างนะ”
ดาริกาอมยิ้ม
“ก็อยากมาอยู่บ้านเราเอง ก็ต้องทำงานแลกข้าวแลกน้ำ”
สาวๆ เห็นจันทรกานต์หล่อ ก็แซวกันใหญ่ จันทรกานต์ยกข้าวไปเสิร์ฟตามโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว ดาริกา กุสุมา ตาทศ มองอย่างทึ่ง
“ดาว แกแน่ใจนะว่า คุณจันทร์เขาไม่เคยเสิร์ฟในร้านอาหารมาก่อน”
กุสุมาอดสงสัยไม่ได้
“คุณหนูแบบนั้น จะทำไปได้ยังไงละแม่ แต่ทำไมคล่องจัง”
สุดสวาท สุดที่รัก มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเซ็งๆ พลางก็เดินคู่กันมาหาเรื่องถึงในเต๊นท์
“ไงวะ นังดาววันนี้เอาผัวใหม่มาอวดเหรอ ดีนะ อยู่ในโอวาท มาถึงก็ช่วยเสิร์ฟในร้านเลย”
สุดสวาทเปิดฉาก สุดที่รักรีบเสริม
“แล้วผัวเก่า นายห้างพันล้านล่ะ เอาเขาไปทิ้งไว้ที่ไหนแล้ว”
“อุ๊ย นังที่รัก พูดน่าเกลียด นังดาวมันจะไปทิ้งผัวพันล้านได้ยังไง มีแต่ผัวพันล้านเขาทิ้งมัน นี่คงมาแนวหนังบู๊ลิ้ม ฟันแล้วทิ้งไงมึง”
แต่พอเห็นหน้าจันทรกานต์ชัดๆ สุดสวาทกับสุดที่รัก ก็เขม้นมองตาค้าง
“เดี๋ยว แกอย่าบอกนะว่านั่นคือ หม่อมหลวงจัน จัน กาน นายห้างคนนั้นน่ะ”
ดาริกายิ้มขำ “ก็คนนั้นละจ๊ะ มีคนเดียว ไม่มีผัวใหม่ที่ไหน”
สุดสวาทจ้องหน้าดาริกา
“ทำเสน่ห์แน่ๆ นายหม่อมเขาถึงยอมมาเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำให้แกแบบนี้”
ตาทศรีบพยักหน้ารับ แล้วพูดหน้าตาเฉย
“ใช่ นังดาวมันทำเสน่ห์ แกไปลองทำดูบ้างซีวะ แค่จุดธูปดอกเดียว ไหว้พระ ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา คิดดี ทำดีนั่นแหละเสน่ห์ที่นังดาวมันใช้ล่ะ”
สุดสวาทค้อนขวับ
“อุ๊ย ไม่ต้องมาเทศนาหรอกตาทศ กะอีแค่สัปเหร่อปลดระวาง เหม็นขี้ฟัน”
พูดจบก็คว้ามือลูกสาวกลับไปที่ร้าน ตาทศ กุสุมา ดาริกาหัวเราะไล่หลัง
สุดสวาท กับสุดที่รักกลับมาที่ร้าน แต่ยังไม่วายหันไปมองทางจันทรกานต์
“แม่ หนูอิจฉามัน ทนไม่ไหวแล้ว ใครจะเชื่อ หล่อรวยเป็นพันล้าน แต่กลับมาเสิร์ฟข้าวแกงง่อยๆ ของอีดาว”
ยิ่งได้ฟังว่าจันทรกานต์มาค้างที่บ้านตาทศด้วย สุดที่รักก็ยิ่งเต้น
“แม่ มันค้างบ้านนังดาวด้วย มันประกาศความเป็นผัวเมียกันแล้ว นังดาวมันเหนือกว่าหนูตรงไหน ความสวย ความอวบ ชาติตระกูล ฐานะ การศึกษา รักธรรมชาติ รักเด็ก”
สุดสวาทมองอย่างปลง “พอเถอะมึง แม่นึกอะไรออกแล้ว เอาเบอร์พ่อมา เบอร์พ่อมัน ไอ้ดำรงน่ะ”
สุดที่รักรีบหยิบมือถือมาดูเบอร์ของดำรงส่งให้แม่
อาร์ตี้หน้าตาสดชื่น ยืนอยู่ท่ามกลางสมาชิกออฟฟิศ ทั้งวรางค์ ป๊อบ บ๊วย อาร์ท จัสติน และคนอื่นๆ ทุกคนปรบมือต้อนรับเกียวกราว
อาร์ตี้ยิ้มปลื้ม
“พี่กลับมาคราวนี้ พี่เห็นน้ำใจของทุกคน ที่ยังรัก ห่วงใย และแคร์พี่ ทั้ง ๆ พี่ทำลายตัวเองด้วยน้ำเมาขนาดนั้น ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง ๆ และขอพวกเราทุกคนอย่างหนึ่ง ถ้าพี่กลับไปดื่มอีก พี่อนุญาตให้พวกแกกระทืบพี่ได้คนละหนึ่งที”
ทุกคนขานรับกันฮือฮา อาร์ตี้หันมายิ้มให้วรางค์
“ขอบคุณพี่วรางค์ ที่พาผมหลุดจากวงจรอุบาทว์มาได้เป็นครั้งที่สอง สัญญาครับว่าจะไม่มีครั้งที่สาม หรือครั้งไหนๆ อีกแล้ว”
“พี่เชื่อว่าเธอทำได้”
อาร์ตี้มองวรางค์ตาซึ้ง
“และเพื่อเป็นการขอบคุณพี่วรางค์และน้องๆ ทุกคน ผมขอเสนอผลงานออกแบบชิ้นใหม่ล่าสุด”
พูดพลางหยิบการ์ดแต่งงานออกจากซอง เป็นงานดีไซน์สวยหรู ชื่อของวรางค์และอาร์ตี้คู่กัน วรางค์รับมาด้วยความปลาบปลื้ม ทุกคนเข้ามามุงดูแล้วก็ปลื้มใจตาม ทันใดนั้น
“ดูอะไรกันอยู่เหรอคะ”
ทุกคนหันไปมอง ก็เห็นแพ็ทยืนเชิดหน้า วางท่าราวเจ้าแม่ โดยมีนางถือกระเป๋าตามมาเหมือนคนใช้ วรางค์รีบเก็บการ์ดซ่อนไว้ข้างหลังทันที
“อ้าว อาร์ตี้ กลับมาทำงานให้คุณวรางค์แล้วเหรอคะ น้อยใจจัง จะบอกกันสักคำก็ไม่มี คุณวรางค์ก็ด้วย ทำไมไม่บอกละคะว่าคุณพร้อมจะถ่ายทำโฆษณากาแฟ “ภูตะวัน” ของฉันแล้ว”
วรางค์รีบหันไปบอกให้คนอื่นกลับไปทำงาน
“นี่ละค่ะที่ดิฉันลำบากใจมากค่ะคุณขา เลยยังไม่ได้ติดต่อไป เชิญที่ห้องก่อนดีกว่าค่ะ”
แพ็ทรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “พูดตรงนี้แหละค่ะ เวลาฉันไม่มาก”
วรางค์อึกอัก อาร์ตี้เลยพูดแทน
“คือ เราขอยุติโปรเจ็กต์กาแฟภูตะวันน่ะครับเราตัดสินใจแล้วว่าบริษัทเราคงตอบสนองความต้องการของคุณแพ็ทไม่ได้ โดยเฉพาะที่ให้ผมรับบทพระเอก”
แพ็ทตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่พยายามระงับอารมณ์ พลางมองกราดไปทั่วบริษัท ทุกคนที่แอบฟังอยู่ พากันหลบตา
“เดี๋ยวนะคะ ขอทำใจกับสิ่งที่ได้ยินสักนิด คุณจะคืนโปรเจ็กต์ให้ฉัน เรื่องยาวแล้วละ ขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อยเถอะ”
วรางค์พยักหน้า“ค่ะ คุณขา ไปคุยที่ห้องวรางค์เลยค่ะ”
แพ็ทหันกลับมายิ้มหยันใส่วรางค์
“ไม่ใช่คุณ ฉันขอคุยกับอาร์ตี้ส่วนตัว ที่ห้องประชุม ไรท์นาว”
แพ็ทหน้าเชิ่ดเข้าห้องประชุมไป บ๊วย อาร์ท จัสติน กรูกันมารวมกลุ่ม
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเอง”
อาร์ตี้ตามเข้าไปในห้องประชุม วรางค์ใจคอไม่ดี
จันทรกานต์ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่แปลงผักสวนครัวหลังบ้านตาทศ ดาริกาเดินหน้าบานลงมาจากเรือน
“นี่คุณ แม่ดีใจใหญ่เลยวันนี้กับข้าวขายหมดเกลี้ยง ทำรายได้มากที่สุดเท่าที่เคยขายมา”
จันทรกานต์ยิ้มแป้น
“งั้นต้องจ้างผมมาเชียร์แขกแบบนี้แล้วล่ะครับ”
“ขายเก่งอย่างนี้ พรุ่งนี้ไปเป็นพ่อค้ากับฉันหน่อยไหม”
จันทรกานต์รีบถาม “ที่ไหนครับ”
“ตลาดไง ฉันจะเอาสมุนไพรของคุณตาไปขาย ไปกับฉันนะ”
จันทรกานต์พยักหน้าหงึก
“ไปอยู่แล้วครับ เพราะอยากไปสำรวจตลาดอยู่แล้ว”
“ค่ะ รดน้ำเสร็จแล้วเดี๋ยวไปให้ข้าวไอ้ด่างเกยชัย กับนังเหมียววิเชียรมาศ แล้วไปทิ้งขยะ แยกขยะแห้ง เปียกด้วยนะ เพราะขยะบางอย่างฉันไว้ทำปุ๋ย สุดท้ายเตรียมตัว....”
“ทานข้าวเย็น”
ดาริกาส่ายหน้า“เปล่า เรือนค่ะ เสร็จมาช่วยทำกับข้าว”
“ใช้ผมอย่างกะลูกทาสเลยเนอะ”
พลันมือถือดาริกาก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณฟ้า ตอนนี้พี่กลับมาบ้านค่ะ อย่าบอกใครนะ ตาหม่อมหลวงจันทรกานต์มาค้างบ้านพี่ด้วย ตอนนี้กำลังใช้งานเป็นลูกทาสอยู่ค่ะ”
ดาริกาหัวเราะร่วน จันทรกานต์อมยิ้ม
วรางค์เลียบๆ เคียง ๆ มาแอบฟัง พลางมองเข้าไปในห้องประชุม เห็นแพ็ทเครียดใส่อาร์ตี้
“ทำไมคุณทำกับแพ็ทอย่างนี้อาร์ตี้”
อาร์ตี้จ้องหน้าแพ็ทเขม็ง
“พูดตรงๆ นะครับ ผมว่าเจตนาคุณมันไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งผมรับไม่ได้”
“หมายถึงที่แพ็ทพาคุณไปคอนโดวันนั้นเหรอคะ”
วรางคิ์อึ้ง เป็นสิ่งที่อาร์ตี้ไม่เคยบอกเธอ
“ใช่ครับ วันนั้นแหละที่ทำให้ผมแน่ใจว่าเจตนาคุณไม่บริสุทธ์ใจ”
แพ็ทยิ้มเหยียด
“คุณแน่ใจหลังจากที่คุณใช้เวลาอยู่บนเตียงฉันทั้งคืน”
“อย่าพูดแบบนี้ซีครับ คืนนั้นผมเมา แล้วคุณก็ลากผมไปค้างกับคุณเอง”
วรางค์นิ่งงัน
“พอเถอะครับ เราจบกันเท่านี้ แล้วค่าเสียหาย ทางเรายินดีชดใช้ให้เชิญครับ”
อาร์ตี้ผายมือ แพ็ทกลับโผเข้ากอด
“แพ็ทรักคุณนะคะอาร์ตี้ เรื่องความรักน่ะ ไม่มีอะไรชดใช้ได้หรอกค่ะ”
วรางค์ทนดูไม่ได้ รีบผละออกมา จึงไม่ทันได้ยินประโยคต่อมา
“อย่าทำอย่างนี้ครับ ผมขอตัว”
อาร์ตี้ผลักแพ็ทออก แล้วรีบออกมาจากห้อง แพ็ทเช็ดน้ำตา แล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มขบขัน
อ่านต่อหน้า 2
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 11 (ต่อ)
อาร์ตี้ออกมานอกห้อง ไม่กล้าสู้ตาวรงาค์ที่ยืนอยู่กับกลุ่มบ๊วย
“ผมขอตัวก่อน”
อาร์ตี้เดินออกไป วรางค์อึ้ง แพ็ทออกมาจากห้องประชุม แกล้งทำสีหน้ากล้ำกลืนความเจ็บปวด และยิ้มอย่างขมขื่นเต็มที วรางค์มองแล้วก็ขมขื่นตาม
แพ็ทหันมาเห็นป๊อบกับนางดูการ์ดแต่งงาน แล้วหัวเราะระรื่น ก็รีบเดินเข้ามาหา แล้วดึงการ์ดแต่งงานมาดู
“อ้าว คุณวรางค์ การ์ดแต่งงานนี่คะ ระบุเวลา สถานที่เรียบร้อยแล้วด้วย”
“ค่ะ ยังไม่แจกการ์ดนะคะ เพราะยังไม่สมบูรณ์”
“ยังไงก็ต้องเชิญแพ็ท” แพ็ทเดินเข้ามาหาวรางค์ แล้วยิ้มร้าย “เพราะแพ็ทมีของขวัญชิ้นพิเศษสุดจะมอบให้คุณและอาร์ตี้”
วรางค์นิ่งงัน นางหน้าเจื่อนเต็มที
แพ็ทเดินนำนางออกจากบริษัทวรางค์ แล้วก็รีบกดมือถือ
“บ้าจริง ทำไมคุณจันทร์ไม่รับสายฉัน ต้องแกล้งหลบหน้าฉันแน่ ๆ”
นางรีบบอก
“ค่ะ คงหลบหน้าแหละ คราวนี้หนีไปนอกเมืองเลย”
“ไปไหน แกรู้อะไรมา”
“ก็ พี่ๆ เขาแชร์รูปให้กันน่ะค่ะ มีรูปพี่ชายจันทร์กับพี่ดาวด้วย”
นางหยิบมือถือ เปิดรูปให้ดู เป็นภาพจันทรกานต์และดาริกากำลังรดน้ำสวนครัว ภาพจันทรกานต์เสิร์ฟอาหารอยู่ในร้าน ภาพจันทรกานต์โอบกอดกุสุมาและตาทศ โดยมีดาริกายืนซบอยู่ข้าง ๆ
เมื่อรู้ที่มาว่าจันทรกานต์อยู่ที่บ้านของตาทศ แพ็ทก็รีบสั่งให้นางแชร์รูปส่งมาให้ แล้วก็ยิ้มอย่างมีแผน
คุณหญิงอรชร กำลังพูดสายกับนักสืบ ที่แจ้งข้อมูลมาว่าพ่อแม่ของข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ หายสาปสูญไปหมดแล้ว ขณะเดียวกันอิงฟ้า ก็แต่งตัวสวยเดินเข้ามาในห้อง
“แม่คะ ฟ้าจะออกไปทำงานแล้วนะคะ พี่ปุ๊ พี่เป้า ไม่ต้องตามนะ”
คุณหญิงอรชรรีบถามทันที
“ทำไม ห้ามปุ๊ เป้า ทำไม”
“ไปเกะกะที่บริษัทพี่วรางค์น่ะซิคะ บางวันก็ไปแข่งงัดข้อกับยามที่นั่นเสียงลั่นเลยคนที่นั่นเขารำคาญจะแย่แล้ว”
“ก็ได้ คืนนี้กลับมาทานข้าวกับแม่นะ”
“ค่ะ มื้อดึกนะคะ สักห้าทุ่ม”
พูดจบ อิงฟ้าก็เดินออกไป คุณหญิงรชรรีบหันมาทางปุ๋มทันที
“ยายปุ๋ม ที่ให้ทำตัวเป็นนักสืบ ได้ความอะไรบ้างไหม”
“สดๆ ร้อน ๆ เมื่อกีนี้เลยค่ะ”
ปุ๋มเล่าย้อนตอนที่แอบฟังอิงฟ้า ที่คุยมือถืออยู่ในห้อง แล้วก็หัวเราะร่วน
“ใช้งานคุณจันทร์แบบลูกทาสเลยเหรอคะ พี่ดาวน่ะชอบแกล้งพี่ชายเรื่อยเลย เขาว่าแกล้งมากก็รักมาก พรุ่งนี้จะไปขายของตลาดน้ำ อุ๊ย อยู่ใกล้ๆ มูลนิธิด้วย งั้นฟ้าขอไปเที่ยวด้วยนะคะ จะพาเด็กไป แน่นอนอยู่แล้ว คุณพ่อวิวิทธิ์ต้องไปด้วยอยู่แล้ว”
คุณหญิงอรชรตาโต
“นัดหมายกันไปเที่ยวตลาดน้ำบ้านยายดาริกา เอ๊ะ ยังไงกัน แล้วคุณจันทร์ชอบยัยดาริกาเหรอ”
ป้าแมวรีบออกความเห็น
“สี่คนนี่ มีอะไรลึกลับซับซ้อนกันใหญ่แล้วล่ะค่ะ”
คุณหญิงอรชรรีบสั่งการให้ปุ๊กับเป้าไปสืบ แล้วรายงานสดกลับมา
ดารารายมือสั่นมองรูปในมือถือ ต่อหน้าแพ็ท ที่นั่งทำหน้าเศร้า
“อะไรกันเนี่ย ไปทำตัวสนิทสนมกับคนพวกนี้ ทำเหมือนเป็นครอบครัวตัวเองอย่างนั้น”
“คุณจันทร์ไปค้างที่นี่ด้วยนะคะ”
ดารารายตกใจ
“ค้างบ้านสัปเหร่อ ในป่าช้าน่ะนะ”
“ใช่ค่ะ น้าดาวคะ แพ็ทคงไม่สานต่อเรื่องธุรกิจกับคุณจันทร์แล้วละค่ะ รวมทั้งเรื่องที่คุณน้าจะให้แพ็ท....เอ่อ.”
ดารารายรีบโบกมือห้าม
“อย่าเพิ่งปฏิเสธหนูแพ็ท งานนี้น้าไม่ยอมง่าย ๆ หรอก พรุ่งนี้หนูว่างไหม ไปกับน้าหน่อย งานนี้ต้องลงทุนกันหน่อย และน้าจะรื้อฟื้นอาชีพเดิมของน้าด้วย”
“อะไรคะ”
“ตากล้องเอาท์ดอร์มืออาชีพไงจ๊ะ”
ดารารายเปิดลิ้นชัก หยิบกล้องถ่ายรูปราคาแพง ที่มีอุปกรณ์ครบครันออกมา แพ็ทอมยิ้ม
จันทรกานต์กับดาริกาอยู่ในชุดนอน กำลังช่วยกันกางมุ้งขนาดสามสี่คนนอน ที่ระเบียงเรือน
“ตกลง ผมนอนตรงนี้เหรอ ไม่ให้ผมไปนอนในห้องล่ะ”
“ไม่มีห้องเหลือแล้วค่ะ คุณนอนตรงนี้แหละ เย็นสบายดี”
จันทรกานต์เดินมาที่กระดานดำที่เขียนตัวเลขไว้ แล้วก็พูดยินดีกับดาริกาที่เงินสะสมใกล้จะซื้อที่ดินตรงนี้ได้แล้ว
“พอซื้อที่ดินแล้วจะทำอะไรต่อล่ะครับ”
“เริ่มด้วยให้ตากับแม่เลิกทำงาน ให้ท่านพักผ่อนเสียที เห็นตากับแม่สบายกาย สบายใจฉันก็มีความสุข”
จันทรกานต์มองดาริกาย่างชื่นชม
“คุณทำทุกอย่างให้กับคนที่คุณรัก”
“อะไรจะมีค่าเท่ากับเห็นคนที่เรารักมีความสุขละคะ”
“ใช่ครับ แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาของคนรักอย่างผมเสียที”
จันทรกานต์ส่งตาเยิ้มให้ ดาริกามองมาแล้วรีบหลบตา
ลมจากแม่น้ำพัดกรูเกรียว จันทรกานต์นอนกระสับกระส่ายอยู่ในมุ้ง รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาใกล้ และเสียงหัวเราะแหบ ๆ พลางเหลือบไปมองที่ฝาโลงอีกครั้ง แล้วรู้สึกเหมือนมีควันลอยอยู่หน้ากระดาน
จันทรกานต์ตาเหลือก รีบออกจากมุ้งวิ่งไปหน้าห้องดาริกา แล้วเคาะประตูห้องรัว ดาริกางัวเงียมาเปิดประตู
“ผมว่าผมโดนผีหลอก”
ไฟในห้องกลางสว่างขึ้น ตาทศและ กุสุมาออกมาจากห้องอีกด้าน
“มีอะไรคะ”
ดาริการีบหันมาบอกแม่ “คุณจันทร์โดนผีหลอกน่ะแม่”
“มีเสียงคนเดินจริง ๆ ครับ แล้วหัวเราะด้วย นี่ไงครับ เสียงนี่แหละ”
ตาทศ กุสุมา ดาริกาหัวเราะพร้อมกัน
“คุณจันทร์คะ เสียงลูกไม้ใบไม้มันหล่นมาบนหลังคาน่ะค่ะ ค้างคาวมันมากินชมพู่”
“แล้วเสียงหัวเราะละครับ”
ตาทศยิ้มขำ “เสียงตุ๊กแกน่ะครับมันร้องหาคู่ ฟังซิ”
“กลัวฝาโลงเลยคิดฟุ้งไปใหญ่น่ะค่ะ” กุสุมาหันมาบอกจันทรกานต์
“มานี่ซิครับ”
ตาทศเดินนำไปที่ฝาโลง ทุกคนตามไป
“จุดธูปขอขมาเจ้ากรรมนายเวรเสีย จิตใจจะสงบขึ้น”
ดาริกา กุสุมา จุดธูปส่งให้จันทรกานต์ และถือไว้คนละดอก
จันทรกานต์มองฝาโลงนิ่ง เกิดสติ เข้าใจชีวิตมากขึ้น ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป และเกิดความมุ่งมั่นบางอย่าง
ดาริกายิ้มให้จันทรกานต์ ที่ยิ้มตอบกลับมา
“ดีครับ ไม่กลัวผีอีกแล้ว รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย แต่ว่าก็ยังอยากนอนในห้องอยู่ดี นอนคนเดียวที่โล่ง ๆ แบบนี้ผมไม่คุ้น มันเหงาๆ น่ะครับ”
“เหรอคะ งั้นแม่ให้ดาวมันมานอนเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”
กุสุมาพูดหน้าตาเฉย ดาริกากับจันทรกานต์หน้าเหวอ ตาทศนั่งอมยิ้ม
จันทรกานต์นอนยิ้มหันมามองทางดาริกา ที่ยิ้มตอบ
“หลับให้สบายนะคะคุณจันทร์”
“เช่นกันครับ”
ดาริกาหลับตาแล้วหันมากอดคนที่นอนข้างๆ ที่แท้ในมุ้งขนาดนอนได้ 4 คน ตาทศและกุสุมานอนอยู่ตรงกลาง ตาทศนอนติดจันทรกานต์ ส่วนกุสุมานอนข้างดาริกาที่กอดแม่ไว้แน่น
ยามเช้าที่อากาศบริสุทธิ์สดชื่ หมอกลอยระเรื่อเหนือแม่น้ำ น้ำค้างเกาะพราวที่ดอกไม้ ใบไม้
จันทรกานต์ในชุดม่อฮ่อม กำลังคัดสมุนไพรในกระถางลำเลียงใส่รถเข็นที่บันไดบ้าน ตาทศและกุสุมากำลังให้อาหารไก่และรดน้ำต้นไม้อยู่กลางลาน
ดาริกาเดินมาจากด้านหลังบ้าน
“รถมาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะได้ลำเลียงต้นไม้ขึ้นรถเลย”
จู่ๆ ดาริกามองไปก็เห็นดำรงดินเข้ามาหน้าลานบ้าน จันทรกานต์มองตาม ตาทศและกุสุมาเลิกกิจกรรมทั้งหมด
“สวัสดีพ่อ สวัสดีจ๊ะกุสุมา เมียรัก”
ตาทศตาขวาง
“ไอ้ดำ เอ็งมารบกวนบ้านข้าอีกทำไม”
กุสุมาส่ายหน้าเซ็ง
“รู้ๆ อยู่น่ะพ่อ พออีกามันคาบข่าวไปบอกเรื่องคุณจันทร์ รีบแล่นมาเชียวนะ”
ดำรงมองจ้องมาที่จันทรกานต์
“คุณจันทร์ นั่นคุณจันทร์ลูกห้างแกรนด์น่ะเหรอ โอ้โฮ หล่อเหลาอย่างที่นังสุดที่รักมันปลื้มจริง ๆ”
ดำรงทำท่าจะเข้าไปหา ตาทศเอาไม้กระบวยรดน้ำขวางไว้ ดำรงอ้างว่าจะมาเยี่ยมลูกสาว ดาริการีบพูดตัดบทให้ตาทศอนุญาตให้ดำรงเข้ามา
ดำรงเดินไปหาลูกสาว ดาริกายกมือไหว้
“สวัสดีลูกพ่อ จะไม่แนะนำเพื่อนให้พ่อรู้จักหน่อยเหรอ”
ดาริกานิ่งเงียบ จันทรกานต์อึกอัก แต่ก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณพ่อ ผม...”
ดำรงรีบพูดต่อโดยไม่ต้องให้ใครแนะนำ
“หม่อมหลวงจันทรกานต์ ทัศนัย ลูกชายหม่อมราชวงศ์จันทร ทัศนัยรู้จักดีครับ รู้จักดี บ้านเล็ก ๆ ของผมขอต้อนรับนะครับ”
พูดจบก็หัวเราะ แล้วก็ตบไหล่ จับไม้จับมือจันทรกานต์ ราวกับสนิทกันมานาน
ดำรงมองตัวเลขหกแสนกว่าบาทบนกระดานอย่างทึ่ง พลางออกตัวว่าที่มาเพราะอยากเห็นหน้าจันทรกานต์ เผื่อจะสามารถช่วยเหลืออะไรกันได้บ้าง
ตาทศเหล่มองอย่างขัดใจ
“หน้าอย่างเอ็งจะไปช่วยเหลืออะไรคุณจันทร์เขาได้วะ”
“พ่ออย่าดูถูกฉันให้มากนัก ฉันก็นับว่าเป็นเศรษฐีคนนึง ตอนนี้ผมมีทั้งโรงสีและที่ดินเป็นร้อย ๆ ไร่เชียวนะ มูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน”
“ของเมียพี่ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ” กุสุมาเหน็บเข้าให้
“ของเมียก็เหมือนของผัวนั่นแหละ คุณจันทร์ครับ ที่มาวันนี้ก็อยากจะยืนยันกับทางคุณจันทร์และครอบครัวว่า ทางฝ่ายผมเราก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก มีฐานะ มีเกียรติสูงส่งไม่แพ้ตระกูลของคุณ เพราะฉะนั้นเรื่องของดาว ผมก็ควรได้รับรู้ความเป็นไปด้วย ไม่ใช่ถูกมองข้ามอย่างที่เป็นอยู่นี่ ต่อไปนี้ก็อยากให้คุณติดต่อผมเป็นการส่วนตัว เราอาจจะนัดพูดคุยดื่มกันบ้าง หรือไม่ก็อาจจะเชิญผมไปพบคุณชายจันทรพ่อของคุณจันทร์ที่วังทัศนัยเลย”
ตาทศทนไม่ไหว ลุกออกไปทันที จันทรกานต์รู้สึกอึดอัด ดาริกานิ่งงัน น้ำตาเริ่มซึมด้วยความคับแค้นใจ กุสุมารู้สึกอับอายแทนลูกสาว
ดาริกายืนซึมอยู่ริมน้ำ ครู่หนึ่งจันทรกานต์ก็เดินเข้ามา ดาริกามองจันทรกานต์อย่างเจียมตัว เพราะอับอายที่ดำรงพูดเหมือนตั้งใจจะรีดไถจันทรกานต์แบบนั้น พูดไปดาริกาก็สะอื้นไป
จันทรกานต์มองหน้าดาริกาแล้วพูดอย่างจริงใจ
“ดาริกา อย่าพูดแบบนี้ นี่ไม่ใช่ปัญหา และถึงเป็นปัญหา นึกเหรอว่าผมจะจัดการไม่ได้ พวกรีดไถน่ะ พ่อผมเคยจัดการอยู่หมัดมาหลายรายแล้ว”
“หมายความว่า คุณไม่รังเกียจครอบครัวฉัน”
จันทรกานต์ยิ้มอบอุ่น แล้วกอดดาริกาไว้
“ครอบครัวคุณ เป็นครอบครัวที่น่ารักที่สุด อบอุ่นที่สุด เท่าที่ผมเคยพบมา ไม่รู้หรอกหรือ ผมมีความสุขแค่ไหนที่ได้มาพักที่นี่ อยู่กับคุณ อยู่กับคุณแม่ คุณตา บ้านที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใยที่คนในครอบครัวมีให้กันแบบนี้ มันอบอุ่นที่สุดแล้ว”
ดาริกายิ่งสะอื้น จันทรกานต์คลายกอด หันดาริกาให้มองมาตรง ๆ
“ขอบคุณค่ะ ที่ไม่รังเกียจความเป็นฉัน”
“จำไว้นะดาริกา คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผม”
พูดจบก็ดึงดาริกามากอดอีกครั้ง
อ่านต่อหน้า 3
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 11 (ต่อ)
บรรยากาศในตลาดน้ำ มีคนมาจับจ่ายซื้อของกันแน่นขนัด ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติ มีทั้งร้านอาหารริมคลอง ซุ้มขายผลไม้ และสินค้าพื้นเมือง ให้เลือกซื้อหากันตลอดเส้นทาง
จันทรกานต์และดาริกาได้พื้นที่เล็ก ๆ สำหรับขายกระถางสมุนไพร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร้านขายต้นไม้ร้านใหญ่ ทั้งสองกำลังช่วยกันจัดวางกระถางให้เป็นที่เป็นทาง
อาเฮียเขียวเจ้าของร้านมาเลือกดูสมุนไพร ดาริกาออกปากให้เฮียเลือกตามที่ต้องการ แลกกับที่ให้พื้นที่สำหรับขายของ
จันทรกานต์มองอย่างทึ่ง
“ใช้วิธีแลกสินค้า ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่เลวแฮะ จะจำไปใช้บ้าง”
ดาริกา ยิ้มกว้าง
“คนรู้จักกันทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันโตมาที่นี่ รู้จักแม่ค้า พ่อค้าทุกคนในตลาด เวลาตลาดจะวาย ก็ลดแลกแจกแถมกันให้วุ่น”
ระหว่างนั้นก็มีเสียงดังมาจากเบื้องหลัง
“พี่ชาย คุณดาว”
ทั้งสองหันมา ก็เห็นอิงฟ้า กับวิวิทธิ์ จูงข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ ที่มองบรรยากาศรอบตัวอย่าง
ตื่นตาตื่นใจ
“สวัสดีค่ะ น้องฟ้า คุณวิวิทธิ์ เจ้าสามตัว เป็นไงบ้าง ตัวโตขึ้นเยอะเลย”
วิวิทธิ์หันมาบอกให้เด็กๆ สวัสดีจันทรกานต์กับดาริกา จันทรกานต์อุ้มดอกไม้ขึ้นมา แล้วหอมแก้มเบาๆ
“คุณจันทร์ วันนี้กลายเป็นพ่อค้าเต็มตัวเลยเหรอครับ”
วิวิทธิ์หันมาแซวจันทรกานต์
“ใช่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายได้รึเปล่านะ”
อิงฟ้ามองกระถางตรงหน้า “นี่สมุนไพรทั้งนั้นเลยเหรอคะ”
“ไม้มงคลก็มีค่ะ บ้านฉันเพาะชำไว้ขาย หารายได้อีกทางนึง”
“น่าซื้อไปปลูกที่บ้านเรานะคะ พ่อวิวิทธิ์”
วิวิทธิ์พยักหน้า “ครับ คุณแม่อิงฟ้า”
จันทรกานต์กับดาริกาหกันมามองหน้ากัน ทั้งอึ้ง ทั้งแปลกใจ ที่ได้ยินทั้งสองเรียกกันอย่างสนิทสนมขนาดนี้
อีกด้านหนึ่งปุ๊และเป้า ก็ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ที่สุดหล่อกับเนขี่มาส่ง ปุ๊พยักเพยิดให้เป้าดูที่ร้าน ที่ทุกคนอยู่กันครบทีม
“พี่รู้จักไอ้หม่อมหลวงหน้าตี๋กับนังดาวมันด้วยเหรอ”
สุดหล่อหันมาถามปุ๊
“รู้ซิ รู้จักดีเลย อ้าว พูดอย่างนี้เหมือนพวกนายก็รู้จักเหมือนกัน”
เนรีบตอบ
“ก็คนวัดขวัญด้วยกัน ผมเคยไฟว์กับไอ้สองตัวนี่มาแล้ว สลบคาตีนพวกผมเลย”
ปุ๊และเป้ามองหน้ากันไม่อยากเชื่อ สุดหล่อรีบพูดต่อ
“นังดาวน่ะ เรียนชั้นเดียวโรงเรียนเดียวกับผม มันเคยจีบผมแต่ผมไม่เล่นด้วย”
“ถามจริง พี่ตามไอ้บ้านเด็กดีนี่มาทำไม”
“อยากรู้ไปทำไมวะ” ปุ๊ย้อนถาม
“เผื่อช่วยเหลือพี่ ๆ ได้ไง เพราะผมคนพื้นที่ รถถังฝั่งเมืองนนท์ อีกอย่างเห็นก้ามพี่ขนาดนี้ แต่งตัว พูดจาแบบนี้ ผมรู้เลยว่าพวกพี่เจ๋ง ทั้งหมัดทั้งมวยทั้งกล้วยทั้งเหล็ก”
ปุ๊กับเป้ามองหน้ากัน แล้วหัวเราะร่าภูมิใจ สุดหล่อและเนหัวเราะตาม
อีกมุมหนึ่งดารารายยืนอยู่กับแพ็ท ทั้งสองใส่แว่นสีชาขนาดใหญ่อำพรางใบหน้า ใส่ชุดหรูกลืนไปกลุ่มนักท่องเที่ยว ดารารายถือกล้องมีเลนส์ขนาดใหญ่ในมือ กำลังเดินตรงไปที่ร้านของดาริกา
ข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ เต้นระบำเรียกแขกอยู่หน้าร้าน มีป้ายแขวน คำว่า “อุดหนุน” - “ต้นไม้” - “หนูหน่อย” ห้อยคอคนละป้าย จันทรกานต์ ดาริกา วิวิทธิ์ และอิงฟ้าช่วยกันปรบมือเข้าจังหวะ บรรดานักท่องเที่ยวที่มามุงดู ต่างก็ปรบมือ หัวเราะชอบใจ
“ตายแล้ว ให้เด็กมาขอทานค่ะ”
แพ็ทมองแล้วเบ้ปากใส่
จันทรกานต์ ดาริกา วิวิทธิ์เลยออกมาเต้นตามเด็ก ๆ ยักย้ายส่ายสะโพก ส่ายก้น
“น้าดาวคะ พี่ชายเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ โอ๊ย ทนดูไม่ได้ค่ะ”
ดารารายรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเป็นคลิป
ดาริกาหน้าระรื่นเข้ามาหาจันทรกานต์ พลางจุ๊บแก้มหนึ่งที ก่อนจะแยกไปขายของต่อ จันทรกานต์ยิ้มปลื้ม เอามือลูบแก้มตัวเอง
ดารารายค่อยๆ ลดกล้องลง หน้าซีดเผือด แต่พยายามควบคุมอารมณ์ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นเบื้องหลัง
“อีดาว”
ดารารายตกใจ รีบหันขวับไปมอง ก็เห็นดำรงยืนจ้องหน้าถมึงทึงอยู่ ก่อนที่จะดินเลยผ่านไป
ยืนข้างหน้า
“อีดาว แกมาขายอยู่ตรงนี้นี่เอง ไอ้หม่อมหลวงจันทร์ วันนี้แกเสร็จข้าแน่”
ดารารายและแพ็ทลดแว่นลงมองหน้าดำรงอย่างประหลาดใจ
ดำรงแยกไปด้วยท่าทางนักเลงเต็มที่ ดารารายรีบหยิบกล้องมาถ่ายไว้ทันที ก่อนที่จะถูกแพ็ทพาลัดเลาะออกไปอีกทาง
ดำรงเข้ามาในร้านกาแฟ เห็นสุดหล่อและเน กำลังคุยกับปุ๊ และป้า จึงค่อยๆ ทำเนียนๆ มานั่งใกล้ ๆ แอบฟัง โดยที่ไม่มีใครสังเกต
ปุ๊กับเป้าวางแผนให้สุดหล่อกับเน จัดการหาทางทำให้เด็กสามคนออกไปจากบ้านเด็กดี
“แล้วจะทำยังไงให้เด็กมันหนีไปเองล่ะ”
ปุ๊หันมาถามอย่างเอาจริงเอาจัง สุดหล่อกับเนมองหน้ากัน
“ธ่อ เรื่องกล้วยๆ ไอ้เด็กพวกนี้กล่อมนิดกล่อมหน่อย มันก็หนีออกมาแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงพี่ ผมของจริงไม่เฟดเฟ่ พวกเราจะหาพ่อแม่ให้มันเองไง เด็กมันหน้าตาน่ารัก หาพ่อแม่บุญธรรมไม่ยากหรอกพี่”
“ตกลงไหมพี่ ถ้าตกลงเราจะได้มาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายกันเลย ตัวตัว”
ดำรงตาลุก
จันทรกานต์กับวิวิทธิ์ ช่วยกันขายต้นไม้อย่างแข็งขัน ส่วนดาริกากับอิงฟ้าช่วยขายอยู่อีกมุม ครู่เดียวต้นไม้ก็ขายไปได้เกือบครึ่งร้าน
“คุณจันทร์ครับ มาฝึกขายในตลาดอย่างนี้ จะไปปรับใช้ในห้างเรายังไงล่ะครับ”
วิวิทธิ์หันมาถามจันทรกานต์
“ทฤษฏีพื้นฐานไม่ต่างกันหรอก คุณภาพสินค้าต้องดีพอ ต้องสร้างจุดขายให้สินค้าเตะตาคนซื้อที่สุด มีบริการในการขาย และสำคัญที่สุด ต้องจริงใจ ห้ามดูถูกคนซื้อเด็ดขาด”
ดาริกกับอิงฟ้า เดินเข้ามาสมทบ
“เด็ก ๆ มาช่วยขายแบบนี้ ฉันคงรับเงินไว้เองไม่ได้หรอกค่ะ เอาเป็นว่ารายได้ทั้งหมดยกให้บ้านเด็กดีก็แล้วกัน”
“ไม่ได้ พี่ดาวก็ขาดทุนหมดซีคะ” อิงฟ้าไม่เห็นด้วย
“ไม่เป็นไรหรอก ทำบุญน่ะถือว่าได้กำไรค่ะ”
“ขอบคุณพี่ดาวมากค่ะ เด็ก ๆ ขอบคุณพี่ดาวเร็ว”
ข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ พูดพร้อมกัน “ขอบคุณครับ / ค่ะ”
ปุ๊กับเป้าออกมาจากร้าน สุดหล่อและเนตามมาส่ง พอ 2 คนนั้นเดินคล้อยไป เนก็หันมาถามสุดหล่อทันที โดยไม่ทันสังเกตว่าดำรงมายืนฟังอยู่เบื้องหลัง
“พี่หล่อ แล้วถ้าพาตัวไอ้เด็กนั่นมาได้ จะไปหาพ่อแม่ให้มันที่ไหนล่ะ”
“ไปยากอะไร จับส่งชายแดน เข้าโรงงานนรก ได้เงินอีกต่อนึง”
สุดหล่อกับเนหัวเราะสะใจ ดำรงหัวเราะตาม แล้วเข้ามาโอบไหล่ไว้ ทั้งคู่ตกใจ รีบกระโดดหนี
“ลุงดำ มาจากไหนเนี่ย”
ดำรงหัวเราะ
“มาแอบฟังอยู่นานแล้วโว้ย พวกแกนี่มันหัวหมอจริงๆ ถึงขั้นจะหากินกับเด็ก”
สุดหล่อรีบบอก
“ลุง อย่าพูดไปนะ มันไม่ดีกับเยาวชน ผมรับผิดชอบสังคมคับ”
“ไม่พูด ถ้าแกให้ฉันร่วมธุรกิจด้วย”
สุดหล่องง เพราะเห็นว่าดำรงก็รวยแล้ว ดำรงรีบบอกว่าเป็นเงินของเมียทั้งนั้น ส่วนตัวเองได้รับเงินเป็นรายวันเท่านั้น
“ถ้าแกให้ฉันร่วมหุ้นด้วย ฉันมีแหล่งทำเงินให้แกอีกแหล่งด้วยนะโว้ย”
สุดหล่อกับเนมองหน้ากันอย่างสนใจ
ดารารายนั่งอยู่ลานกว้างหน้าร้าน กำลังแอบถ่ายคลิปอิริยาบท ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันของจันทรกานต์ และดาริกา กับคู่ของวิวิทธิ์ และอิงฟ้า ยิ่งถ่ายก็ยิ่งข้องใจ จนต้องหันมาถามแพ็ท
“น้าไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจมานานแล้ว คุณจันทร์กับอิงฟ้าเคยบอกว่ารักกันและพร้อมจะแต่งงานกัน แล้วพอแผนแต่งล้ม คุณจันทร์ก็กลับไปหายัยดาริกาอีกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วที่เห็นนี่น้ายิ่งงงเข้าไปใหญ่ ท่าทีของวิวิทธิ์กับอิงฟ้า เหมือนเป็นแฟนกันอย่างนั้น ดูซิ”
แพ็ทยิ้มขำ แล้วรีบบอกแบบใส่ไข่ผสม
“น้าดาวคะ คุณวิวิทธิ์กับอิงฟ้าเป็นแฟนกันค่ะ และเป็นแฟนกันมานานก่อนที่คุณน้าจะประกาศหมั้นคุณจันทร์กับยายฟ้าด้วยซ้ำ สายสืบหนูเชื่อถือได้ แล้วที่เห็นกับตา ที่บ้านภูตะวัน คุณวิวิทธิ์กับยายฟ้าสวีทหวานกันตลอด เคยหายกันเข้าไปในทุ่งหญ้าออกมาเหงื่อโทรม เศษหญ้าเศษฟางติดเต็มตัว ยายฟ้าดูสดชื่น คุณวิวิทธิ์ดูขาดเกลือแร่”
ดาราราย ทำท่าเหมือนจะเป็นลม
“ตายแล้ว โอย เดี๋ยว น้างงไปหมดแล้ว แต่ที่หนูเคยเล่าที่บ้านภูตะวัน ยายดาริกาไปให้ท่านายวิวิทธิ์จนคุณจันทร์หึงไม่ใช่เหรอ ตกลงมันยังไงกัน ใครรักใคร ใครจีบใคร”
แพ็ทงงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะ รีบจัดระบบความคิดใหม่
“น้าดาวคะ ที่ยัยดาริกาไปทำให้คุณจันทร์หึง หรือที่คุณจันทร์กับยายฟ้ามาบอกว่ารักกัน อยากแต่งงานกัน ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกค่ะ คุณจันทร์ รักยายดาริกา ยายฟ้ารักคุณวิวิทธิ์ค่ะ แสดงละครกันเป็นทีม เป็นขั้นเป็นตอน จับไม่ได้ไล่ไม่ทันเชียวละ
แล้วยังมีอีกเรื่องนะคะ ที่พวกเขาช่วยกันกุเรื่องขึ้นมาหลอกน้าดาวและป้าหญิงอรชร เป็นการกุเรื่องที่แนบเนียนที่สุด”
“เรื่องอะไร” ดารารายร้อนใจ
แพ็ทกำลังจะเล่า แต่บังเอิญเหลือบเห็นจันทรกานต์เดินออกมาจากร้านพอดี ทั้งคู่รีบใส่แว่นดำหลบหน้า จนจันทรกานต์เดินเลยไป พร้อมกับที่ดำรงเดินตามไปในระยะประชิด
ดารารายกับแพ็ทตามไปทันที
จันทรกานต์เดินมาตามทางเดินในตลาด จะไปเข้าห้องน้ำ ดำรงรีบปราดเข้ามาทัก พลางบอกให้จันทรกานต์ไปเข้าห้องน้ำที่ร้านโกฮับ เพราะมีเรื่องจะต้องคุยกัน จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไป ดารารายและแพ็ทมองตามอย่างสงสัย ที่เห็นจันทรกานต์รู้จักกับดำรง
อ่านต่อหน้า 4
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 11 (ต่อ)
ที่ร้านกาแฟโกฮับ ดารารายและแพ็ทเลือกนั่งเยื้องๆ กับโต๊ะของจันทรกานต์กับดำรง ดารารายวางกล้องไว้บนกระเป๋าหันหน้าไปทางคนทั้งสอง จากนั้นก็เปิดเครื่องบันทึกเสียงด้วย พร้อมกับเสียบหูฟัง แล้วยื่นหูฟังอีกข้างหนึ่งให้ แพ็ทฟัง
“มีอะไรก็ว่ามาเลยครับ”
จันทรกานต์เข้าประเด็น ดำรงนิ่งไป แกล้งทำหน้าเสียใจสุดซึ้ง
“ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่พ่อที่ดีเท่าไหร่ ผมไม่ได้เลี้ยงไอ้ดาวมัน”
ดารารายตาโต “พ่อยัยดาริกา”
ดำรงเล่นละครต่อ
“แต่คุณคงไม่รู้ความจริง ไม่ใช่ผมทิ้งลูก แต่กุสุมา มันโกรธเกลียดผมที่ผมพามันไปอดมื้อกินมื้อ โธ่ เงินเดือนจ่าตำรวจจะสักเท่าไหร่กันครับ ผมเองก็มือสะอาดไม่เคยฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะอย่างนี้เมียมันถึงทิ้ง แกล้งไม่ให้ผมพบลูก อุ้มท้องพาลูกหนีมาอยู่กับตาทศ ผมอยากมารับลูกคืนใจจะขาดแต่มันก็ไม่ยอม”
จันทรกานต์จ้องหน้าดำรงอย่างรู้ทัน
“แต่เท่าที่ผมรู้ คุณพ่อไม่เคยมาหาดาริกาเลยนี่ครับ เงินทองไม่เคยส่งเสีย”
“ไม่จริงครับ ผมส่งเงินมาให้เกือบทุกเดือน แต่กุสุมาไม่เคยบอกความจริงลูก ทำให้ลูกเข้าใจผิด เกลียดผมมาจนโต”
จันทรกานต์ถอนหายใจ “เข้าประเด็นดีกว่าครับ คุณพ่อต้องการอะไร”
ดำรงรีบบอกว่าต้องการความแน่ใจว่าจันทรกานต์รักดาริกาจริง พร้อมทั้งออกปากขอเงินเป็นค่าเลี้ยงดู สามแสนในเบื้องต้น
ดารารายหันมามองแพ็ทอย่างตกตะลึง
ดำรงรีบบอกเบอร์บัญชีเพื่อให้จันทรกานต์โอนเงินให้ พร้อมย้ำว่าขอให้เป็นความลับที่รู้กันแค่สองคน
“ผมเข้าใจ หมดธุระแล้ว ผมขอตัว”
จันทร์กานต์พูดพลางจะลุกขึ้น ดำรงรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ ตอนนี้เมียให้เงินติดตัวอยู่แค่ห้าสิบบาท ขอเงินสดสักหน่อยได้ไหมครับ”
จันทรกานต์มองหน้าดำรง แล้วหยิบแบงค์พันจำนวนหนึ่งส่งให้ ดำรงรับมานับอย่างดีใจ
“มันไถเงินคุณจันทร์” ดารารายหน้าเครียด
“โอย เลวทั้งพ่อทั้งลูก ยัยดาริกาต้องวางแผนให้พ่อมารีดเงินพี่ชายแน่ ๆ เลยค่ะ”
สุดหล่อและเน เดินเข้ามาร่วมโต๊ะกับดำรง ที่ออกปากว่าจันทรกานต์เป็นแหล่งขุมทรัพย์ชั้นดี เมื่อสุดหล่อย้อนถามว่า แล้วถ้าต่อไปจันทรกานต์ไม่ให้เงินแล้วจะทำอย่างไร ดำรงรีบบอกว่าจะเอาเรื่องให้ถึงพ่อถึงแม่เลย
“ไม่ให้ ก็ขู่มันว่าไอ้หม่อมมันล่วงเกินนังดาวมันแล้ว ถ้าไม่อยากถูกแฉออกโซเชียล ก็ต้องจ่าย”
ดารารายได้ยินก็ถึงกับสะดุ้ง
“ถ้าแต่งกันไป ข้าจะขอหุ้นห้างแกรนด์สักจิ๊ด เปอร์เซ็นต์สองเปอร์เซนต์ เท่านี้ก็หลายล้านแล้วโว้ย พูดอย่างนี้ อยากให้ข้าร่วมทีมเอ็งเรื่องไอ้เด็กสามตัวนั่นอยู่ไหม ข้าน่ะ มีเซฟเฮาส์ลับไว้ต้อนรับเด็ก ๆ ของเอ็งโดยเฉพาะเลยนะโว้ย”
สุดหล่อกับเน รีบตกลงรับดำรงเข้าร่วมทีมทันที ดารารายทนอยู่ไม่ไหว เก็บข้าวของออกจากร้านทันที แพ็ทรีบตามออกไปด้วย
ดารารายออกมาจากร้าน ด้วยอาการเดินเซ ผะอืดผะอม จนแพ็ทต้องเข้าประคอง
“ไม่นึกเลย ลูกน้าจะเข้ามาอยู่ในวงจรไอ้พวกมหาโจร นี่มันคิดจะปล้นทัศนัยเลยเหรอ” แพ็ทรีบใส่ไฟต่อ“ทำไม คุณจันทร์ถึงยอมมามั่วสุมอยู่กับพวกมันก็ไม่ทราบ”
“นี่แหละที่น้าเจ็บปวดที่สุด ทำไมลูกน้าถึงเห็นผิดเป็นชอบได้ถึงขนาดนี้”
แพ็ทแอบยิ้ม พลางประคองดารารายออกไป
จันทรกานต์ ดาริกา กุสุมา ตาทศ นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย อาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ มีทั้งน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ผักลวกราดกะทิ ผักสด แกงเผ็ดปลาน้ำจืด และแกงจืด
จันทรกานต์ถึงกับออกปากว่าอร่อยสู้กับร้านอาหารหรูๆ ได้สบายๆ พลางขอเติมข้าว แล้วทานต่ออย่างเอร็ดอร่อย กุสุมากับตาทศมองอย่างเอ็นดู
“เออ เกือบลืม คืนนี้ตากลับดึกหน่อย เพราะจะไปช่วยงานที่วัด วัดเขามีงานเวียนเทียน”
จันทรกานต์ตาโต “เวียนเทียนเหรอครับ งั้นผมไปด้วย”
พูดพลางหันมามองดาริกายิ้มๆ ตาทศกับกุสุมาหันมายิ้มให้กัน
ดารารายกลับมานอนหน้าซีดเซียวบนโซฟาในห้องทำงาน แพ็ทเข้ามาปรนนิบัติเอาใจ
“ขอบใจจ๊ะ หนูแพ็ท หนูยังเล่าค้างอยู่ เรื่องที่ทั้งสี่คนกุเรื่องขึ้นหลอกน้า หลอกพี่หญิงมันอะไรกัน”
“น้าดาวฟังแล้วต้องทำใจนะคะ อย่าตกใจหรือเสียใจเกินเหตุ เรื่องคุณจันทร์เป็นหมันค่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ”
ดารารายนิ่งไป มือสั่นใจเต้น หน้าซีดลง
“ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นค่ะ มีการเปลี่ยนขวดเก็บ เอ่อ อสุจิในวันนั้น”
“เปลี่ยน เปลี่ยนกับใคร”
“รายละเอียดแพ็ทไม่ทราบค่ะ รู้แต่ว่ามีการเปลี่ยนค่ะ”
ดารารายตกใจ แล้วย้อนนึกถึงตอนที่วิวิทธิ์แนะนำให้รู้จักกับเกริกที่หน้าห้องตรวจเชื้อ
“หรือเพื่อนของวิวิทธิ์คนนั้น วันนั้นมีเพื่อนนายวิวิทธิ์ ท่าทางเกย์ๆ มาตรวจด้วย ทุกคนมีท่าทีแปลก ๆ รวมทั้งคุณชาย”
ดารารายน้ำตารื้น
“ถ้าเป็นความจริง น้าจะไม่ให้อภัยทุกคนเด็ดขาด น้าไม่นึกว่คุณจันทร์จะโกหกน้าได้ถึงขนาดนี้”
แพ็ทรีบหย่อนระเบิดลูกใหญ่
“อย่าไปโทษคุณจันทร์เลยค่ะ เพราะเท่าที่ทราบมาคนที่คิดแผนนี้ขึ้น คือยัยดาริกาค่ะ”
พลางบอกว่าดาริกาปลอมตัวเป็นนางพยาบาลที่ดูแลจันทรกานต์ในวันนั้น จากนั้นก็สารภาพว่าสายสืบของเธอคือนาง ที่ไปสนิทกับทีมงานคุณวรางค์
ดารารายน้ำตาไหล ยิ่งคิดยิ่งแค้น
“น้าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว น้าต้องจัดการกับยัยคนนี้ขั้นเด็ดขาด”
แพ็ทยิ้มพอใจ
รอบอุโบสถประดับประดาไฟงดงาม ผู้คนนุ่งชุดขาวมาเวียนเทียนกันแน่นวัด ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานองค์ใหญ่ ที่งามสง่า ควันธูปเทียนลอยคละคลุ้ง ดูศักดิ์สิทธิ์
จันทรกานต์กับดาริกาในชุดขาว เดินเคียงคู่กันตามหมู่คณะ ตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
จากนั้นก็เข้าไปฟังพระสวดด้านในโบสถ์ ก่อนจะก้มลงกราบพระและพระประธาน ที่มองนิ่งราวให้พรหนุ่มสาวทั้งคู่
ดาริกายืนรออยู่หน้าบ้าน เตรียมเดินทางกลับ แต่รออยู่นานจันทรกานต์ยังไม่ลงมา เมื่อเดินขึ้นบ้านไปตาม ก็เห็นจันทรกานต์กำลังนั่งคุยกับตาทศและกุสุมาท่าทางเครียด
จันทรกานต์ก้มลงกราบ กุสุมาน้ำตารื้น ลูบศีรษะของจันทรกานต์ด้วยความเอ็นดู ส่วนตาทศก็ให้ศีลให้พร ดาริกาพอจะรู้แล้วว่าทั้งหมดกำลังเจรจาเรื่องอะไร
ดาริกามารอหน้าบ้าน ครู่หนึ่งกุสุมาก็ตามลงมา น้ำตายังเต็มตา
“แม่ คุณจันทร์คุยอะไรน่ะ ทำไมแม่ต้องร้องไห้”
กุสุมาปาดน้ำตา “คุณจันทร์เขามาขอลูกกับแม่กับตา เขามาพูดทาบทามหนูไว้ก่อน แล้ววันหลังถึงจะให้ผู้ใหญ่มาเจรจาเป็นทางการอีกที”
“แม่ตกลงเหรอคะ” ดาริการีบถาม
“ถึงต้องมาถามเรานี่ไง เราน่ะพร้อมจะเป็นเจ้าสาวของเขารึเปล่า”
ดาริกาถอนหายใจ “มีปัญหาแค่คุณแม่เขาเท่านั้นแหละค่ะ”
“แม่พูดเรื่องนี้แล้วนะ คุณจันทร์บอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง เขาจะทำให้แม่เขายอมรับในตัวเราให้ได้ อ้าว ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“แม่เขาทั้งอคติ ทั้งเผด็จการ หนูไม่แน่ใจหรอกค่ะว่า คุณจันทร์จะจัดการได้”
ขณะนั้นจันทรกานต์ก็ลงบันไดมาพอดี ดาริการีบทำหน้าเป็นปรกติ แล้วก็เดินเคียงกันไป ตาทศตามลงมาสมทบกุสุมา
“มันก็สมกันดีนะ”
“จ้ะ แต่ไม่รู้ว่าดวงจะสมพงษ์กันรึเปล่าน่ะซิพ่อ”
ตาทศมองกุสุมาอย่างสงสัย
ดาริกายืนจิบกาแฟอยู่ที่ระเบียง ที่คอนโดของจันทรกานต์ มองพระจันทร์ลอยเด่นอยู่ มีดาวระยิบอยู่พร่าพราย จันทรกานต์เดินออกมา แล้วโอบกอดดาริกาจากด้านหลัง
“บอกได้หรือยังคะ ไปอ้อนอะไรกับแม่กับตา”
จันทรกานต์ยิ้มอย่างมีความสุข
\“น่าจะรู้แล้วนี่ครับ ไปอ้อนขอลูกสาวเขา”
“แล้ว ตากับแม่เขายอมเหรอคะ”
จันทรกานต์รีบบอกว่าคราวแรกไม่ยอม แต่ก็ใช้ลูกตื๊อ ลูกอ้อนสารพัด จนทั้ง 2 คนใจอ่อน พลางย้อนถามว่าดาริกาใจอ่อน ยอมรับเป็นเจ้าสาวให้เขาหรือยัง
“ยังค่ะ ฉันจะเข้าไปเป็นสะใภ้ทัศนัยได้ยังไง ในเมื่อคุณแม่คุณรังเกียจฉันถึงขนาดนี้”
ดาริกาหน้าเศร้า แต่จันทรกานต์ยืนยัน
“ท่านจะยอมรับในตัวคุณเอง ผมจะพาคุณออกมาจากร่มเงาของท่าน ผมเคยสัญญากับคุณลืมแล้วเหรอ ผมจะปกป้องคุณเอง ไม่ให้ใครมาทำร้ายหรือรังแกคุณได้”
“แต่นั่นมันคือสัญญาที่คุณว่าจ้างฉันมาเป็นเลขาฯ” ดาริกาแกล้งย้อนกลับ
“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มันคือสัญญาที่จะให้คุณมาใช้ชีวิตร่วมกับผม มันคือสัญญาเดียวกัน ร้องไห้ทำไม คนเก่งของผม”
ดาริกาน้ำตารื้น
“ฉันไม่ได้เก่ง ไม่ได้สามารถไปทุกเรื่องหรอก บางเรื่องฉันก็อ่อนแอต้องการที่พึ่งพิงเหมือนกัน ดูแลฉัน ปกป้องฉันนะคะ คุณจันทร์”
จันทรกานต์ดึงดาริกามากอดไว้แนบอก
“สัญญาครับ พระจันทร์จะดูแลดาราน้อยๆ ดวงนี้เอง”
คุณชายจันทรนั่งทานแซนด์วิช พลางจิบกาแฟอยู่ที่ห้องโถงในวังทัศนัย พร้อมมองพฤติกรรมของจันทรกานต์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างทึ่งๆ
“ครับ ผมได้คติในการใช้ชีวิตเยอะมากจากการไปบ้านคุณตาทศคราวนี้ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตกับธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบพอเพียง สำคัญสุดเรื่องชีวิตกับธรรมะครับ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าธรรมะมันอยู่กับเราตลอดเวลา เมื่อก่อนผมคิดว่ามันไกลตัวผมเหลือเกิน”
คุณชายจันทรยิ้ม
“หลานสาวคงได้รับมาจากตาเต็มๆ ถึงได้เป็นคนพิเศษ ถูกตาต้องใจลูกขนาดนี้”
ดารารายเดินมาหน้าห้อง เห็นพ่อ-ลูกกำลังคุยกันอยู่ ก็แอบยืนฟัง
“งานนี้ผมได้พบคุณพ่อดาริกาด้วยนะครับ ก็มาแนวรีดไถเงินท่าเดียว ผมว่าถ้าเกินกว่าเหตุ ก็คงต้องจัดการกันหน่อยละครับ เพราะถ้าไม่รีดจากผมก็คงไปรีดจากดาริกาแน่ ๆ”
ดารารายนิ่งฟัง แล้วยิ่งมั่นใจว่าคุณชายจันทรรู้เห็นทุกเรื่อง และร่วมกับจันทรกานต์ปกปิดและโกหกเธอ
“อ้อ เรื่องสำคัญที่สุดครับ ผมได้ทาบทามขอลูกสาวกับทางผู้ใหญ่เขาแล้ว”
“แนะ ไปค้างสามวันสองคืน ได้เรื่องขนาดนี้ แน่ใจแล้วนะลูก”
ดารารายได้ยินก็ถึงกับอึ้งไป
“ผมแค่เกริ่นๆ น่ะครับ แล้วทางผู้ใหญ่จะมาสู่ขอเป็นอีกที ต้องเป็นหน้าที่พ่อแล้วนะครับ พ่อต้องช่วยผมนะ “
คุณชายจันทรถอนหายใจ “พ่อน่ะไม่มีปัญหา มีแต่แม่เขานั่นแหละ”
ดารารายเข้ามาในห้องทันที
“พูดถึงฉันอยู่รึเปล่าคะ”
พ่อลูกหน้าเจื่อนไปทันที
“มาตามน่ะค่ะ ไม่เห็นลงไปทานข้าวเช้าสักที เอ๊ะ ทานอะไรเนี่ย”
จันทรกานต์รีบบอก “ผมรีบน่ะครับ เลยทานบนห้องเลย เดี๋ยวจะสาย”
“แซนด์วิช? ทั้งๆ ที่อาหารเช้าจัดเต็มอยู่ที่ห้องอาหารนะลูก”
“เปลี่ยนบ้างก็ดีครับแม่”
พูดพลางจันทรกานต์ก็ลุกขึ้น แล้วคว้าแจ็กเก็ตเดินกลับเข้าไปใส่ในห้องนอน ดารารายโวยวายหาว่าคุณชายจันทรยอมให้จันทรกานต์ทำตัวไม่มีระเบียบ จากนั้นก็เดินตามเข้าไปในส่วนห้องนอนจันทรกานต์ทันที คุณชายจันทรรีบตามเข้าไปด้วย
อ่านต่อตอนที่ 12