รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)
โคจิกางแผนที่ชี้แต่ละจุดให้ทาเคชิ ริว และลูกน้องโอะนิซึกะดู ขณะวางแผนประชุมร่วมกัน ทาเคชิขบกรามแน่นจนนูนเป็นสัน พยายามระงับอารมณ์เดือดพล่านในอกที่ห่วงใยแพรวดาวกับลูก กลับมาสนใจการประชุม
“คลังสินค้ารถไฟมีโกดังสามหลังติดกัน รอบนอกมีรั้วกั้น มีประตูเข้าออกสองทาง เราต้องแบ่งกำลังบุกไปทั้งสองประตู” ทาเคชิแนะ
“โกดังหลังที่สามอยู่ด้านในลึกสุด พวกซะโต้ต้องขังโอคุซังไว้ที่นั่นแน่” ริวมั่นใจ
“เราจะลุยเข้าไปทั้งสามโกดังเพื่อช่วยเซโกะกับลูกของฉันออกมาให้ได้” ทาเคชิสั่งเสียงเฉียบ
ในห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษ บ้านโอะนิซึกะ...คัตสึ ยกถาดใส่ถ้วยสาเกยื่นให้ทาเคชิกับริว ทั้งสองหยิบถ้วยสาเกขึ้นมาแล้วหันไปทางป้ายบรรพบุรุษ ทาเคชิประกาศออกมา เสียงดัง
“คืนนี้โอะนิซึกะจะกวาดล้างมิซาว่ากับซะโต้ให้สิ้นซาก เพื่อปกป้องเมืองจากอันธพาลชั่วให้หมดไปจากแผ่นดิน ขอให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษช่วยคุ้มครองพวกเราด้วย”
ทาเคชิกับริวยกถ้วยสาเกขึ้นดื่ม ทาโร่ โคจิ และลูกน้องโอะนิซึกะก้มคำนับป้ายบรรพบุรุษ ทุกคนเงยหน้าขึ้น สายตาฮึกเหิม พร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้
คลังสินค้ารถไฟยามค่ำคืน...รถตู้หลายคันของซะโต้แล่นเข้ามาจอด บริเวณคลังสินค้ารถไฟ ที่มีโบกี้บรรทุกสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์จอดอยู่มากมาย แพรวดาวถูกพาตัวลงมาจากรถตู้คันหนึ่ง โดยที่เธอได้แต่แน่นิ่ง อย่างคนหมดกำลังใจ เคนอิจิกำชับกับลูกน้องให้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย สีหน้าเคร่งเครียด ดุดันมาก
ร่างแพรวดาวถูกมัดติดกับลังสินค้าจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ เธอกวาดสายตามองรอบตัวเห็นลูกน้องซะโต้หลายคนทำงานอย่างเร่งรีบ จนสายตาชะงัก เมื่อเห็นเคนอิจิเดินนำริกิเข้ามายืนค้ำร่างเธอ
“โอะนิซึกะโซเรียวจะต้องตามมาช่วยผู้หญิงของมัน” เคนอิจิบอกอย่างมั่นใจ
“ฉันรอเวลาที่จะเห็นไอ้ทาเคชิตายแทบไม่ไหวแล้ว”
แพรวดาวหวาดผวา ทั้งกลัวและเป็นห่วงทาเคชิ อ้อนวอนเสียงแหบพร่า
“ได้โปรด...อย่าทำอะไรทาเคชิ”
เคนอิจิยิ้มเหี้ยม
“ไม่ต้องห่วง...ฉันไม่ปล่อยให้มันตายทิ้งเธอไปคนเดียวหรอก เธอจะได้กอดมันไปไหว้บรรพบุรุษในนรกแน่”
เคนอิจิหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ริกิยิ้มร้าย สายตาอำมหิต โหดเหี้ยมมาก
“คนดีจะต้องปลอดภัย...ทาเคชิจะต้องไม่เป็นอะไร...”
แพรวดาวพึมพำเบา ๆ อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ทาเคชิแคล้วคลาดจากแผนการร้ายนี้ด้วยใจที่หวาดหวั่น
ขบวนรถของโอะนิซึกะแล่นทะยานผ่านถนนเปลี่ยว มุ่งหน้าไปยังคลังสินค้ารถไฟ ภายในรถ ทุกคนต่างนั่งเคร่ง เงียบมาก
“ใกล้ถึงคลังสินค้ารถไฟแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย” ริวสั่ง
ทาเคชิสำรวจดาบคู่กายในมือ พยายามข่มอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม เป็นห่วงแพรวดาว ริวเห็นท่าทางทาเคชิ จึงแตะไหล่บีบแน่น อย่างให้กำลังใจกัน ทาเคชิสบตาริว แล้วหันมองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
เคนอิจิเดินตรวจความเรียบร้อยหน้าคลังสินค้ารถไฟ มองฝ่าความมืดออกไป เขาเห็นแสงไฟจากรถยนต์สว่างวาบเข้ามา เคนอิจิตกใจ กระชากดาบออกมาจากฝัก เมื่อเห็นรถตู้หลายคันของโอะนิซึกะพุ่งทะยานชนประตูรั้วเข้ามาจอด
“พวกมันมาแล้ว”
เหล่าลูกน้องซะโต้กรูเข้าไปล้อมรถโอะนิซึกะไว้ รอคำสั่ง ทาโร่ โคจิ ก้าวลงมาจากรถพร้อมลูกน้องโอะนิซึกะ เคนอิจิยิ้มหยัน
“ไม่นึกว่าโอะนิซึกะโซเรียวจะส่งสุนัขรับใช้มาแทน”
โคจิจ้องหน้า
“แค่สุนัขจรจัดอย่างพวกแก ไม่ต้องถึงมือโซเรียวหรอก”
“พวกเราจะตีสุนัขอย่างแกให้ตายคามือ” ทาโร่มองเย้ย
ทาโร่ โคจิ ลูกน้องโอะนิซึกะกระชับดาบในมือ เตรียมพร้อมต่อสู้ เคนอิจิเงื้อดาบวิ่งเข้าหาทาโร่
“ย้าก...”
ทาโร่คำรามเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งสองกลุ่มต่างวิ่งเข้าปะทะกัน
ภายในโกดัง แพรวดาวตาตื่นทั้งที่ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากข้างนอก
“ทาเคชิมาช่วยฉันแล้ว...”
แพรวดาวดีใจระคนเป็นกังวล ห่วงทาเคชิ
ทาเคชิ คัตสึ เซกิ พาลูกน้องโอะนิซึกะอ้อมจากด้านหลัง บุกมาถึงหน้าโกดังอีกด้านหนึ่ง ริกิ จูโร่ และลูกน้องมิซาว่า กรูกันออกมาขัดขวาง เพราะรอคอยอยู่นานแล้ว ริกิยิ้มเหี้ยม
“ในที่สุด ก็ถึงวันชำระแค้น”
ทาเคชิตวาด
“ปล่อยเซโกะออกไป เธอไม่เกี่ยว”
“ใช้ฝีมือ...ข้ามศพฉันไปหาผู้หญิงของแกสิ”
ริกิคำรามลั่น ก่อนจะยกดาบขึ้นเหนือศีรษะวิ่งเข้าหาทาเคชิที่เตรียมพร้อมเช่นกัน ลูกน้องโอะนิซึกะโห่ร้องเสียงดัง และวิ่งกรูเข้าไปหาศัตรูพร้อมทาเคชิ เสียงดาบกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ริกิตวัดดาบกระหน่ำตีเข้าใส่ทาเคชิด้วยความแค้น ทาเคชิตั้งรับได้ ตีดาบโต้ตอบอย่างดุเดือด ทาเคชิหมุนตัว ตวัดตีดาบเข้าใส่แต่ริกิหลบทัน พร้อมตั้งท่าดาบตีกลับบ้าง
จูโร่อาศัยจังหวะที่ทุกคนวุ่นวาย ทาเคชิกับริกิสู้กัน แอบซัดมีดดาบสั้นเข้าใส่ทาเคชิจากด้านหลังเพื่อช่วยริกิ ทาเคชิรู้ตัว ไวมาก หมุนตัวตวัดขาเตะดาบสั้นจนกระเด็นไปปักอยู่บนพื้น เกือบตรงเท้าริกิพอดี ริกิชะงักเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นจ้องทาเคชิเขม็ง
“มิซาว่าเก่งเรื่องลอบกัดเสมอ” ทาเคชิแดกดัน
ริกิแววตาร้ายกาจ เหี้ยมโหดจ้องมองทาเคชิด้วยความเกลียดชัง
“ไอ้ทาเคชิ ฉันจะฆ่าแก…แก้แค้นให้ซาโตชิ”
ริกิเงื้อดาบเข้าฟาดฟันอย่างหนักหน่วงและรุนแรง หมายปลิดชีวิตทาเคชิ
ริวและลูกน้องโอะนิซึกะ ซุ่มรอเวลา อยู่ที่มุมซ่อนหลังด้านหลังคลังสินค้ารถไฟ หันขวับเมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องต่อสู้กัน ดังมาจากด้านหน้า ท่าทางริวไม่สบายใจ อยากตามเข้าไป ริวเตือนลูกน้อง
“โซเรียวให้พวกเรารอสัญญาณเรียกกำลังเสริม”
ลูกน้องร้อนใจ
“แต่ความปลอดภัยของโซเรียวสำคัญที่สุด”
ริวเสียงเข้ม
“ทำตามคำสั่งของโซเรียว”
ลูกน้องซะโต้ 3 คน เดินตรวจความเรียบร้อยผ่านมา หันขวับไปเห็นพวกริวซุ่มอยู่
“พวกโอะนิซึกะซุ่มอยู่ตรงนี้”
ลูกน้องซะโต้ ผิวปากส่งสัญญาณเตือนพรรคพวก ริวและลูกน้องเบี่ยงตัวออกมา ตวัดดาบเข้าเล่นงานลูกน้องซะโต้ทั้งสามคน จนทั้งสามเสียท่า ล้มแน่นิ่งไป
“พวกมันรู้ตัว ไม่ต้องรอแล้ว...” ริวตัดสินใจสั่งลูกน้อง “เข้าไปช่วยโซเรียวกับโอคุซังออกมาให้ได้”
ริวกระชับดาบมั่น นำเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะตามเข้าไปช่วยพวกทาเคชิอย่างฮึกเหิม
ทาเคชิพุ่งเข้าหาริกิ ยกดาบขึ้นสูงแล้วฟันใส่สุดแรง ริกิตั้งตัวทัน ยกดาบขึ้นรับ ข้อมือสั่นสะเทือนจากความแรงของดาบที่ปะทะกัน ทาเคชิพยายามกดดาบลง ริกิออกแรงต้านไว้ ดันกันไปมา จนริกิแล้วผลักทาเคชิกระเด็นออกไป ทาเคชิบุกเข้าจู่โจมอีกครั้ง แต่รีบร้อนเกินไป ริกิได้จังหวะจึงตวัดดาบเข้าที่ชายโครงของทาเคชิจนเสื้อขาดเป็นทางเลือดซึมออกมา คัตสึ เซกิ หันขวับมาเห็น ตกใจ
“โซเรียว” เซกิโฑล่งออกมา
ริกิกระหยิ่มยิ้ม สาสมใจ ทาเคชิกัดฟันบุกเข้าจู่โจมอย่างเอาเป็นเอาตาย ฟาดฟันริกิจนถอยร่นไม่เป็นกระบวน ปลายดาบทาเคชิกรีดลงบนเสื้อด้านหน้าของริกิเป็นทางจนเห็นเลือดซึมออกมาเช่นกัน ริกิเซเสียหลักเล็กน้อย แต่ก็ตั้งหลักกลับมาได้เร็ว
“สายเลือดโอะนิซึกะทุกคนจะปกป้องแผ่นดินนี้ ให้พ้นจากเงื้อมืออันธพาลชั่ว”
“ปกป้องแผ่นดินจนตัวตายเหมือนพ่อและบรรพบุรุษแกน่ะเหรอ ฮึๆ รักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ได้แล้วกัน”
ริกิโบกมือให้สัญญาณ จูโร่และเหล่าลูกน้องมิซาว่าต่างพากันกรูเข้ามารุมล้อมเล่นงานทาเคชิ คัตสึ เซกิตะลึง
“ลูกน้องโอะนิซึกะ”
“ฆ่าพวกมันให้หมด”
ริกิสั่งลูกน้อง ก่อนถอยหลังวิ่งหลบเข้าไปในโกดัง ทาเคชิพยายามจะแหวกวงล้อมลูกน้องมิซาว่า หมายจะตามริกิเข้าไปในโกดังให้ได้
ทาโร่พุ่งเข้าไปกระโดดเตะ เคนอิจิ โดนเตะเซไปเล็กน้อย แต่กลับตัวเร็วตวัดขาเตะทาโร่บ้าง
ทั้งสองพุ่งเข้าหากัน เงื้อดาบฟาดฟันกันอย่างดุเดือด...โคจิหมุนตัว ควงดาบเล่นงานยามะ โคเฮ จนกระเด็นไปคนละทาง
“ย้าก...”
ลูกน้องมิซาว่าจำนวนหนึ่งพุ่งเข้ารุมเล่นงานโคจิทันที โคจิวาดดาบเข้าจัดการลูกน้องมิซาว่าทีละคนอย่างไม่หวาดหวั่น ทาโร่ควงดาบเข้าใส่เคนอิจิอย่างไม่หยุดยั้ง ยามะ โคเฮ เห็นท่าไม่ดี รีบพุ่งเข้ามาช่วยเคนอิจิต่อสู้กับทาโร่ ยามะกระซิบเตือนเคนอิจิ
“ได้เวลาแล้วครับนาย”
เคนอิจิพยักหน้ารับรู้ ก่อนผิวปากส่งสัญญาณบอกลูกน้องซะโต้ให้ถอยร่นตามตนเองไป
“ตามไปจัดการพวกซะโต้ให้ได้”
โคจิ พาลูกน้องโอะนิซึกะรุกไล่ตามเล่นงานพวกซะโต้ไป ทาโร่เฉลียวใจนิดหนึ่ง เลี่ยงไปอีกทางโดยที่โคจิไม่ทันสังเกตเห็น
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)
ลานหน้าโกดังสินค้า...โคจิ พาลูกน้องโอะนิซึกะส่วนหนึ่งเข้ามาสมทบพวกทาเคชิที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของลูกน้องมิซาว่าและลูกน้องซะโต้
“คุ้มครองโซเรียว”
โคจิตะโกนสั่ง ลูกน้องโอะนิซึกะจึงกระจายกำลังกันต่อสู้กับลูกน้องมิซาว่าและลูกน้องซะโต้ โคจิเห็นเคนอิจิวิ่งหายเข้าไปในโกดัง ละล้าละลังเมื่อเห็นทาเคชิมีบาดแผล
“โซเรียวเป็นยังไงบ้าง”
“ลุงริกิกับเคนอิจิหนีเข้าไปในโกดังหลังแรก เซโกะต้องอยู่ในนั้นแน่ ผมจะไปช่วยเธอออกมา”
“แต่มันอันตราย รอคุณริวพากำลังเสริมมาก่อนดีกว่า”
“ถ้าโอะนิซึกะโซเรียวปกป้องผู้หญิงของตัวเองไม่ได้ ก็ไม่สมควรดูแลเมืองนี้เช่นกัน”
ทาเคชิแกว่งดาบฟันฟันศัตรูอย่างไม่สนใจบาดแผลตัวเอง มุ่งมั่นจะเข้าไปช่วยแพรวดาว โคจิ คัตสึ เซกิเป็นห่วงทาเคชิ จึงพุ่งตามไป คอยคุ้มกันให้ทาเคชิบุกเข้าไปถึงหน้าโกดัง ทาเคชิถีบประตูโกดังที่ถูกปิดไว้อย่างร้อนใจ พยายามจะพังประตูเข้าไปให้ได้
“เปิดประตู เปิดเดี๋ยวนี้”
แพรวดาวหันขวับด้วยความดีใจ เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกพังเข้ามา
“ทาเคชิ”
ริกิ เคนอิจิ และเหล่าลูกน้องก้าวเข้าประตูมา ยิ้มเหี้ยมโหดมองร่างที่อิดโรยของแพรวดาว
“คิดว่าสามีสุดที่รักเข้ามาช่วยเหรอจ้ะคนสวย โอ๋ ๆ ขอให้มันช่วยตัวเองให้รอดก่อนนะ” เคนอิจิเย้ยหยัน
แพรวดาวใจหายวาบ เป็นห่วงทาเคชิ
ทาเคชิ โคจิ คัตสึ เซกิ และลูกน้องจำนวนหนึ่งเข้ามาถึงภายในโกดังที่มีลังสินค้ามากมายวางเรียงรายอยู่ โคจิหันมองรอบกาย รู้สึกไม่ชอบมาพากล
“ไม่มีคนของมิซาว่าหรือซะโต้สักคน”
ทันใดนั้น ประตูด้านหลังก็ถูกปิด ไฟถูกจุดขึ้น...เพียงพริบตาเดียว ไฟก็ลุกท่วมโกดังขนาดใหญ่ ทาเคชิและทุกคนหันขวับ ตกใจมาก
“กับดัก”
ด้านหลังโกดัง แพรวดาวร้องไห้ตกใจ มองเห็นไฟกำลังลุกโหมมอดไหม้ภายในโกดัง เธอพยายามดิ้นรนทั้งที่ไม่มีเรี่ยวแรง จะเข้าไปช่วยทาเคชิ แต่ถูกยามะกับโคเฮจับตัวไว้
“เปิดประตูให้ทาเคชิ อย่าทำอะไรเขา...ฉันขอร้อง”
“ร้องเพลงจัดงานศพให้สามีเก่าได้เลยจ้ะทูนหัว ฮ่า ๆ ” เคนอิจิหัวเราะสะใจ
ริกิ สะใจ ไม่สนใจคำขอร้องของแพรวดาว
“โอะนิซึกะรักเกียรติและศักดิ์ศรีมาก คงจะตายอย่างภาคภูมิใจ”
แพรวดาวร้องไห้โฮ
“ทาเคชิ...ทาเคชิ...”
ทาเคชิ โคจิ ลูกน้องโอะนิซึกะ กำลังวุ่นกับการช่วยกันดับไฟ คัตสึ เซกิ วิ่งหน้าตาตื่นมารายงานหลังจากสำรวจจนทั่ว คัตสึรีบบอก
“มีระเบิดอยู่ในลังสินค้าเต็มไปหมดเลยครับ”
โคจิเจ็บแค้นใจ
“พวกมันตั้งใจเผาเราทั้งเป็น”
ทาเคชิเครียด คิดหาทาง ก่อนตะโกนสั่งลูกน้อง
“สังเกตดินปืนที่โรยบนพื้น แล้วตัดเส้นทางจุดชนวนระเบิดของมัน คนที่เหลือคอยช่วยกันดับไฟและหาทางออกให้เร็วที่สุด”
ทุกคนรับคำแล้วรีบแยกย้ายกันจัดการตามคำสั่ง ควันไฟเริ่มคละคลุ้งอัดแน่นภายในโกดัง จนพวกทาเคชิเริ่มสำลัก หายใจไม่ออก เซกิบอกอย่างร้อนรน
“ไฟลามไปทั่วแล้วครับ”
ทาเคชิสำลักไป พูดไป
“ก้มตัวให้ต่ำไว้ พยายามอย่าสูดควันเข้าไป”
“ทางออกถูกล็อกจากข้างนอก เราไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้” โคจิหน้าเครียด
ทาเคชิ โคจิ และลูกน้องโอะนิซึกะหันมองกัน สีหน้าสิ้นหวัง หมดหนทาง บึ้ม...เสียงระเบิดลูกเล็ก ดังมาจากด้านข้างโกดัง ทาเคชิและทุกคนถูกแรงอัดกระแทกจนเสียหลักไปคนละทาง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ ร่างใครหลายคนกำลังวิ่งฝ่ากลุ่มควันหนาคลุ้งเข้ามา พวกทาเคชิขยับตัว เตรียมพร้อมต่อสู้
ทาเคชิเห็นริวพาลูกน้องโอะนิซึกะอีกจำนวนหนึ่งฝ่ากลุ่มควันเข้ามาช่วย ทาเคชิดีใจ
“ริว...”
“ฉันพังผนังข้างโกดังเข้ามา ทาเคชิ...นายบาดเจ็บ”
ริวตกใจเมื่อเห็นบาดแผลของทาเคชิที่ยันร่างที่บาดเจ็บลุกขึ้น ไม่สนใจบาดแผลที่มีเลือดไหลซึมตลอดเวลา
“เซโกะยังอยู่ที่นี่ หาผู้หญิงของฉันให้เจอ”
ริกิ เคนอิจิ และเหล่าลูกน้องพาตัวแพรวดาวอุ้มพาดบ่าหนีพวกทาเคชิมาตามทางรถไฟ ทาโร่ก้าวเข้ามายืนขวางพวกริกิกับเคนอิจิ อย่างไม่เกรงกลัว
“ปล่อยตัวโอคุซังเดี๋ยวนี้”
พวกริกิ เคนอิจิ ต่างพากันชะงัก ริกิอึ้ง
“ทาโร่”
เคนอิจิยิ้มหยัน
“องครักษ์พิทักษ์นายหญิง มาคนเดียว...ก็ต้องตายคนเดียว”
เคนอิจิและเหล่าลูกน้องพากันหัวเราะเยาะทาโร่ ทันใดนั้นเสียงทาเคชิดังขึ้น
“อย่าเพิ่งชะล่าใจ”
ทาเคชิกับริว ก้าวออกมายืนอย่างองอาจ โคจิ คัตสึ เซกิ และเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะปรากฏตัวเบื้องหลังทาเคชิ เตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ ทาเคชิเห็นแพรวดาว ขยับตัวจะเข้าไปหา แต่เคนอิจิรีบกระชากตัวแพรวดาวมา ยกดาบขึ้นจ่อลำคอแพรวดาวเพื่อขู่ แพรวดาวกระซิบผ่านลำคอที่แห้งผาก ไร้เรี่ยวแรง เมื่อเห็นเลือดที่บาดแผลของทาเคชิ
“ทาเคชิ...”
“ถ้าไม่อยากให้เมียของแกตายตามลูกไป หยุดอยู่ตรงนั้น” เคนอิจิขู่
ทาเคชิกวาดสายตาไปทั่วร่างแพรวดาว ตกใจที่เห็นคราบเลือดจำนวนมากเปรอะเปื้อน
“ลูก...แกทำร้ายลูกฉัน”
ทาโร่ ริว โคจิ คัตสึ เซกิ และเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะตกใจ และสงสารแพรวดาวมาก ทารึ่มำอย่างสงสาร
“โอคุซัง...”
แพรวดาวร้องไห้อย่างหมดอาลัย เจ็บช้ำทั้งใจและกาย หัวใจทาเคชิปวดแปลบ ที่เห็นภรรยาถูกรังแก และต้องสูญเสียลูกไปทั้งที่ยังไม่ได้เห็นหน้า เขาเงยหน้าจ้องเคนอิจิกับริกิเขม็ง สายตาคลั่งแค้นมาก
“ไอ้พวกชั่ว รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้”
“แกควรจะโทษตัวเอง ที่ดูแลผู้หญิงของตัวเองไม่ได้” เคนอิจิสวน
“รู้รึยังว่าความสูญเสียมันเจ็บปวดยังไง” ริกิมองหยัน
ริวจ้องหน้า
“คนทรยศหักหลังพี่น้องร่วมสาบาน คนชั่วช้าต่อบ้านเมืองอย่างพวกแกตายไปก็ไม่สมควรมีแม้แต่ดินกลบหน้า”
“ไอ้ริว ฉันจะฆ่าแก”
ริกิคำรามด้วยความโกรธ ขณะเงื้อดาบพุ่งเข้าจู่โจม ริวยกดาบพุ่งเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว โคจิโบกมือให้สัญญาณ ลูกน้องโอะนิซึกะต่างลุกฮือเข้าห้ำหั่นกับลูกน้องมิซาว่า เคนอิจิสบโอกาสที่ทุกคนกำลังต่อสู้กันอย่างชุลมุน รีบกระชากข้อมือแพรวดาวหนีไปด้านหลัง
“ทาเคชิ...” แพรวดาวตะโกนเรียกทาเคชิ น้ำเสียงเจือสะอื้น
“เซโกะ”
ทาเคชิเป็นห่วงแพรวดาวแทบขาดใจ จัดการลูกน้องซะโต้ที่พุ่งเข้ามาขวาง เพื่อจะรีบไปช่วยแพรวดาว ทาโร่พยายามฝ่าวงล้อม ตามทาเคชิไปเช่นกัน
ทาเคชิวิ่งตามเข้ามาในโกดังหลังสุดท้าย มองไปทั่วทั้งโกดัง พยายามหาแพรวดาว
ทาเคชิเดินลับมุมโกดังด้านหนึ่ง หันไปเห็นร่างแพรวดาวถูกมัดติดกับถังดินปืนที่มีสายชนวนเชื่อมต่อไว้ โดยที่ปลายสายชนวนอยู่ในมือเคนอิจิ
“ถังดินปืนต่อชนวนระเบิด”
เคนอิจิยิ้มหยัน
“ทำไมคนดีมันคิดช้ากว่าคนเลวทุกที”
“ไอ้เคนอิจิ...ปล่อยเซโกะเดี๋ยวนี้”
เคนอิจิกระหยิ่มยิ้มอย่างเหนือกว่า มืออีกข้างตั้งใจชูไฟแช็กให้ทาเคชิเห็น ทาเคชิตกใจมาก
แพรวดาวตื่นกลัวสุดขีด...ทาโร่แอบย่องเงียบมาทางด้านหลังพวกเคนอิจิ คอยหาจังหวะเข้าจัดการโดยที่พวกเคนอิจิไม่รู้ตัว
ริวประดาบกับริกิอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดจู่โจมริกิด้วยความคับแค้นที่รอวันสะสาง
“ดาบนี้เพื่อพ่อกับแม่ของฉัน”
ริกิถูกดาบริวกรีดโดนที่แขนจนเลือดซิบ ริกิเริ่มหน้าถอดสี เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของริว
“ดาบนี้เพื่อลุงอิจิโร่และครอบครัวโอะนิซึกะ”
ริวตวัดดาบเข้าใส่ริกิอย่างไม่นับ แต่ละครั้ง เฉียบขาดรุนแรง
“อ๊าก”
ริกิร้องลั่นทรุดคุกเข่าลงกับพื้น เลือดไหลนอง จูโร่และลูกน้องมิซาว่าพยายามจะเข้ามาช่วยริกิ แต่ถูกโคจิและคัตสึ เซกิคอยสกัดไว้ ริกิมองริว
“ถ้าแกฆ่าฉัน จิตใจแกก็ต่ำช้าไม่ต่างจากฉัน”
“ต่างกันมาก...เพราะดาบนี้ เพื่อความสงบสุขของคนทั้งแผ่นดิน”
ริวเงื้อดาบฟาดเข้าใส่กลางแสกหน้า ริกิหงายหลังไปกองกับพื้น เลือดไหลนองนอนแน่นิ่ง ดวงตายังคงลืมเบิกโพลงตายตาไม่หลับ จูโร่ และเหล่าลูกน้องมิซาว่าเห็นริกิตายไปต่อหน้าต่อตา ถึงกับพากันขวัญเสีย จูโร่ร้องลั่น
“มิซาว่าโซเรียว”
โคจิตวัดดาบแทงจูโร่จนล้มทั้งยืน ลูกน้องโอะนิซึกะจัดการลูกน้องมิซาว่าและลูกน้องซะโต้อย่างดุเดือด ริวหันไปถามโคจิ
“ทาเคชิอยู่ไหน”
เคนอิจิจุดไฟแช็ก พรึ่บ ทาเคชิกลอกสายตามองทาโร่ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังพวกเคนอิจิแวบหนึ่ง ก่อนหันมาพูดถ่วงเวลา
“คิดว่าเผาพวกฉัน แล้วแกจะหนีรอดไปได้เหรอ”
“ฮึ ๆ ข้อดีของคนเลวอย่างฉัน คือทำอะไรโดยไม่ต้องคิด”
ทาโร่ย่องเข้ามาทางด้านหลังเคนอิจิ สะดุดกับลังสินค้าบริเวณนั้นจนเสียงดัง เคนอิจิ ยามะ โคเฮ หันขวับไปเห็น ยามะตะโกน
“ไอ้ทาโร่”
ทาโร่ไม่รอช้าพุ่งเข้าใส่ยามะ โคเฮ ตะลุมบอนกัน ทาเคชิพุ่งตรงเข้าต่อสู้กับเคนอิจิไฟแช็กกระเด็นหลุดจากมือเคนอิจิ ตกลงบนลังไม้ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี แพรวดาวตกใจเมื่อเห็นไฟกำลังลามใกล้สายชนวน จึงร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว
“ทาเคชิ ช่วยด้วย”
ทาเคชิหันไปเห็น ตกใจ
“เซโกะ”
แพรวดาวเห็นสายชนวนไหม้ไฟ กำลังลามเลียจนใกล้มาถึงตัวเธออย่างรวดเร็ว แพรวดาวกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว รู้ว่าไม่มีทางหนีรอด
“ทาเคชิ”
ทาโร่พยายามจะเข้าไปช่วยแพรวดาว แต่ถูกยามะ โคเฮ ขวางทางไว้ ทันใดนั้นทาเคชิถีบเคนอิจิจนเสียหลัก พุ่งตรงเข้าไปหาแพรวดาว เงื้อดาบตัดฉับไปยังเชือกที่มัดตัวแพรวดาวอยู่ สายชนวนไหม้ไฟลามไปจนถึงถังดินปืน
“แย่แล้ว”
ทาโร่รู้ว่าไม่ทันแล้ว ตัดสินใจคว้าร่างแพรวดาวมากอดไว้กับอก แล้วพลิกตัวกระโจนออกไปให้ไกลที่สุด เคนอิจิตะโกนลั่น
“ระเบิด”
เคนอิจิ ยามะ โคเฮ กระโดดหลบไปทางหนึ่ง ทาเคชิรีบหมอบหลบลงอีกทางถังดินปืนระเบิด...ตูม เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เปลวไฟลุกโหมเผาคลังสินค้าในบริเวณนั้นทันที
ริวกับลูกน้องโอะนิซึกะ กำลังเล่นงานมิซาว่ากับซะโต้จนเหลือจำนวนน้อยลง ทุกคนหันขวับ เมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง โคจิชี้ไป
“เสียงระเบิดดังมาจากโกดังหลังสุดท้าย”
“ทาเคชิอยู่ที่นั่น” ริวมั่นใจ
ทาเคชิผงกหัวขึ้นมองหาแพรวดาว ท่ามกลางกลุ่มควันและเศษซากกระจัดกระจายตามพื้น
เขา เห็นโกดังทั่วทั้งบริเวณติดไฟเต็มไปหมด
“เซโกะ เซโกะ”
ทาเคชิตะโกนสุดเสียง คิดว่าแพรวดาวเสียชีวิตแล้ว พอหันไปเห็นเคนอิจิกระเสือกกระสนผลักร่าง ยามะกับโคเฮ ที่นอนแน่นิ่งออกจากตัว จึงคว้าดาบ พุ่งเข้าหาเคนอิจิด้วยความแค้น
“ไอ้เคนอิจิ”
เคนอิจิคว้าดาบตัวเองขึ้นมารับแต่ถูกทาเคชิตวัดดาบตี จนดาบกระเด็นหลุดมือ
“ฉันจะสู้เพื่อคนรัก สู้เพื่อหน้าที่ สู้เพื่อแผ่นดิน”
เคนอิจิพยายามจะลุกขึ้น แต่ถูกทาเคชิเล่นงานตีที่ขาและแขนทั้งสองข้างล้มคว่ำไปทันที
“หน้าที่ของนักรบซามูไรคือตายอย่างมีเกียรติ”
“อันธพาลชั่วอย่างพวกแก ไม่รู้จักเกียรติที่แท้จริง”
ทาเคชิสีหน้าดุดัน เงื้อดาบจ้วงแทงเข้าไปในแผ่นท้องของเคนอิจิจนสุดเล่ม
“อ๊าก...”
ทาเคชิยืนนิ่งจ้องมองเคนอิจิที่ตาค้างเพราะโดนดาบแทงแผ่นท้องโดยไม่ทันตั้งตัว
“ฉันอภัยให้กับความแค้นที่เรามีต่อกันได้ แต่ฉันไม่มีวันอภัยให้คนชั่วที่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ และคิดทำลายแผ่นดินนี้”
ทาเคชิยืนอยู่อย่างทรนง ขณะที่เคนอิจิค่อย ๆ ทรุดล้มลงกองกับพื้น
อีกมุมในโกดัง...ทาเคชิฝ่าเปลวไฟในกองเพลิงที่ยังลุกโชติช่วงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เข้าไปรื้อซากที่ถูกระเบิดเพื่อค้นหาตัวแพรวดาว
“เซโกะ...เซโกะ”
“ทา...เค...ชิ...”
เสียงแหบพร่าและไอสำลักควันของแพรวดาวดังขึ้น ทาเคชิหันไปเห็นร่างทาโร่นอนกอดแพรวดาวไว้เพื่อปกป้องเธอจากแรงระเบิด ทาโร่ค่อย ๆ ขยับตัวเปิดทางให้ทาเคชิเข้ามาประคองกอดร่างแพรวดาว โดยที่ตัวเองนอนบาดเจ็บมองแพรวดาวด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้าง ๆ ทาเคชิพยายามลูบหน้าแพรวดาวด้วยความห่วงใย พบว่าศีรษะของเธอได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหล เขาตกใจมาก
“เลือด”
แพรวดาวลืมตาปรือ คลี่ยิ้มให้ทาเคชิอย่างยากเย็น
“ผมมาช่วยคุณแล้ว...คิมิสุดที่รักของผม”
แพรวดาวสะอื้น น้ำตาไหลพราก ร่างกายชาหนึบจนแทบไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
“ฉันขอโทษ...ฉัน...รักษาลูก ของเรา ไว้ไม่ได้...”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
“ไม่เป็นไร...ฉันไม่เป็นอะไร”
“อดทนไว้นะเซโกะ...คุณทิ้งผมไปไม่ได้...คุณต้องอยู่เพื่อรักผม เป็นแสงดาวนำทางให้ชีวิตผม”
แพรวดาวลูบหน้าทาเคชิเบา ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม พยายามฝืนยิ้มอย่างยากเย็น
“ฉันดีใจ...ที่แสงดาวดวงเล็ก ๆ อย่างฉัน เคยนำทางให้นักรบแห่งตะวัน อย่างคุณ”
ทาเคชิเบือนหน้าหนี ไม่อยากฟัง น้ำตารินไหลด้วยความเศร้าสลด เสียใจ แพรวดาวเสียงอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
“ฉันได้รับเกียรติเป็นคิมิที่รักของคุณ แค่นี้...ฉันก็รู้สึกมีค่าที่สุด”
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)
ร่างแพรวดาวเริ่มสั่นสะท้าน ทาเคชิตกใจ รีบกอดแพรวดาวไว้แน่น เสียงสั่นเครือ หัวใจจะแตกสลายไปพร้อมกับแพรวดาว
“คุณจะต้องไม่เป็นอะไร คิมิที่รัก...ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป...ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว”
ทาเคชิตะโกนลั่น เมื่อดวงตาของแพรวดาวเริ่มหรี่ลง พร้อมลมหายใจที่ขาดเป็นห้วง ๆ ทาโร่ยันตัวลุกขึ้น อึ้ง ใจหายวาบ เมื่อเห็นยอดหญิงในดวงใจกำลังจะเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา
“โอคุซัง...อย่าหลับตา”
ทาเคชิช็อก สับสน เขย่าร่างแพรวดาว หวังให้สติเธอคืนมาอีกครั้ง ร่ำร้องด้วยหัวใจที่แทบแหลกสลาย
“ผมจะไปอยู่เมืองไทยกับคุณ เราจะทำไร่องุ่นในหุบเขา อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข คุณต้องมีชีวิตเพื่อแก่เฒ่าไปกับผมได้ยินไหม ตื่นขึ้นมานะคิมิที่รัก...” เขาตะโกนสุดเสียง “ผมสั่งให้คุณตื่น ตื่น”
ทันใดนั้น ร่างของแพรวาวก็สะดุ้งเฮือก...สูดลมหายใจเข้าออกลึกเต็มปอด ราวกับรับรู้เสียงของทาเคชิอย่างปาฏิหาริย์
“คิมิที่รัก...คุณได้ยินผม คุณได้ยินเสียงหัวใจของเรา”
ทาเคชิกับทาโร่ดีใจสุดขีด เมื่อเห็นว่าแพรวดาวยังมีลมหายใจ แม้จะไม่รู้สึกตัว
“โอคุซังแค่หมดสติไปเท่านั้น รีบพาไปโรงพยาบาลเถอะครับโซเรียว”
ทาเคชิช้อนร่างแพรวดาวขึ้น เพื่อจะรีบพาไปโรงพยาบาล ร่างทะมึนของใครคนหนึ่ง พุ่งตรงฝ่าเปลวไฟเข้ามาหาทาเคชิอย่างรวดเร็วร่าง เคนอิจิยกดาบขึ้นและเปล่งเสียงคำราม ด้วยแรงฮึดเฮือกสุดท้าย ยืนอยู่บนลังระเบิดขนาดใหญ่ พร้อมที่จะจุดระเบิดได้ทุกเมื่อ
“ไอ้ทาเคชิ”
ทาเคชิกับทาโร่ หันขวับไปเห็น ตกใจมาก
หน้าโกดังหลังสุดท้าย...ริวกับโคจิ นำลูกน้องโอะนิซึกะวิ่งมาถึงหน้าโกดังหลังสุดท้ายที่กำลังถูกไฟเผาไหม้ลุกลามไปทั่ว โคจิชี้ไป
“โซเรียวต้องอยู่ในโกดังหลังสุดท้ายแน่”
ริวหันไปสั่งสมุน
“ช่วยกันดับไฟ เร็ว”
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะแยกย้ายกัน จู่ ๆ โกดังหลังสุดท้ายก็ระเบิดต่อหน้าต่อตาทุกคน บึ้ม ริวและทุกคนกระโดดหลบด้วยความตกใจ ช็อกมาก เห็นโกดังถูกไฟเผาไหม้ลุกโชน โคจิตะลึง
“โซเรียว”
“ไม่นะ...ไม่...”
ริวแทบคลั่งจะวิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปช่วยทาเคชิกับแพรวดาวออกมา แต่บังเกิดเสียงระเบิดติดต่อกันอีกหลายครั้ง บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...โคจิตั้งสติได้ รีบสั่งให้คัตสึกับเซกิ จับตัวริวไว้
“จับตัวคุณริวไว้ อย่าให้เข้าไป”
“ปล่อย ฉันจะไปช่วยทาเคชิกับโอคุซัง...ปล่อยฉัน” ริวดิ้นรน
“โซเรียวสละชีวิตเพื่อเมืองนี้ ถ้าคุณริวเป็นอะไรไป โอะนิซึกะก็ไร้ผู้นำ”
โคจิตะโกนเตือนสติริว ด้วยความเสียใจเช่นกัน ริวหยุดครุ่นคิด น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นอย่างทดท้อ เมื่อไม่เห็นวี่แววทาเคชิจะหนีรอดออกมาได้
“ทาเคชิ...แกทิ้งฉัน แกมันเห็นแก่ตัว ไอ้คนเห็นแก่ตัว”
ริวทุบกำปั้นลงพื้นด้วยความเสียใจ สิ้นหวัง โคจิคุกเข่าลงข้างตัวริว เศร้าไม่ต่างจากเขา แต่ไม่ฟูมฟาย แสงเพลิงยังคงแดงฉาน เจิดจ้า ท่ามกลางความโกลาหลของลูกน้องโอะนิซึกะที่ช่วยกันดับไฟ
ริวกับโคจิ นั่งคุกเข่าหน้าโกดังสินค้า รู้สึกถึงความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...แพรวดาวนั่งเหม่อลอย เศร้าเสียใจแต่นิ่งมาก เธอนึงถึง้หตุการณ์ที่เธอคุยกับริวก่อนหน้านี้
“ผมเจอโอคุซังหมดสติอยู่หลังโกดังราวปาฏิหาริย์ แต่เด็กในท้อง...” ริวเสียงเศร้า เหมือนคนจุกอก พูดไม่ออก
แพรวดาวเสียงแหบพร่าเศร้ามาก
“ทาเคชิอยู่ไหนคะ...เขาเป็นยังไงบ้าง”
ริวเงียบไป ไม่ตอบ จนเสียงของแพรวดาวเร่งเร้าถาม ด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมไม่ตอบฉัน เกิดอะไรขึ้นกับทาเคชิ”
โลงศพทาเคชิ...มีรูปทาเคชิตั้งอยู่หน้าโลงศพอย่างเด่นชัด แพรวดาวจ้องมองรูปทาเคชิหน้าโลงศพ ตะลึง อึ้ง...มือข้างหนึ่งลูบที่ท้องตัวเอง น้ำตารินไหล เจ็บปวดหัวใจ ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียลูกและทาเคชิไปในเวลาเดียวกัน
มายูมิกับมิโยะโกะนั่งอยู่เป็นเพื่อนแพรวดาวด้วยความเป็นห่วงและเห็นใจ บรรยากาศงานศพของทาเคชิ ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ แขกเหรื่อทยอยกันมาในงานมากมาย คัตสึกับเซกิ คอยช่วยนำแขกไปนั่ง ริว โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ชำเลืองมองแพรวดาวด้วยความสงสาร คาซูมะถอนใจ
“โอคุซังนั่งซึมอยู่ตรงนั้นทั้งวัน ข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน”
มาซาโตะมองเป็นห่วง
“เธอรักโซเรียวมาก คงทำใจไม่ได้”
คาซูมะกับมาซาโตะหันมาเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของโคจิ นึกได้ รีบปลอบ
“พวกเราเสียใจกับการจากไปของทาโร่ด้วยนะท่านโคจิ”
มาซาโตะปลอบอีกคน
“ถึงร่างของทาโร่จะถูกระเบิดจนแหลกสลายไปหมด แต่เขาก็ได้รับเกียรติจากการเสียสละครั้งนี้”
โคจิก้มศีรษะนิดหนึ่งเพื่อขอบคุณคาซูมะกับมาซาโตะ ทั้งที่ลึก ๆ ในใจนั้นเจ็บปวดมาก...อีกมุม โอะซะมุ ฮิโระ อาเบะ และตำรวจลูกน้อง เดินทางมาร่วมงานศพ ริวจึงตรงเข้ามาต้อนรับ โอะซะมุก้มศีรษะให้ริว
“โคโนทะบิโนะโกะฝุโค โอคุยาหมิ โมชิอาเงมัสสุ...โปรดรับการแสดงความเสียใจจากผมด้วย”
“ขอบคุณครับ”
ริวโค้งตัวขอบคุณโอะซะมุ ใบหน้าเศร้า พยายามข่มความเศร้าของตัวเอง โอะซะมุหันมองแพรวดาวที่นั่งอยู่หน้าโลงศพทาเคชิ ซึ่งประดับด้วยดอกไม้สวยงามมากมาย รู้สึกเห็นใจแพรวดาวมาก
“ทาเคชิสละชีวิตปกป้องเมืองนี้จากกลุ่มคนชั่ว ผมขอแสดงความเคารพต่อสายเลือดโอะนิซึกะผู้กล้าหาญอีกครั้งด้วยหัวใจ”
โอะซะมุก้มศีรษะให้ริวอย่างจริงใจ ริวก้มศีรษะรับ
“คนดีไม่มีวันตาย...ความดีของทาเคชิจะยังอยู่ในใจทุกคนตลอดไป”
โอะซะมุสบตาริว สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมคนในตระกูลโอะนิซึกะ
ในพิธีศพทาเคชิ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด แพรวดาวใบหน้าซีดเซียวเพราะยังตกอยู่ในความเศร้า มองรูปทาเคชิสายตาเลื่อนลอย
“เซโกะ...”
แพรวดาวชะงัก เมื่อได้ยินเสียงทาเคชิแว่วมา น้ำตาคลอเบ้าคิดว่าเป็นวิญญาณของเขา
“หลับให้สบายนะคะทาเคชิ...ดูแลลูกของเราแทนฉันด้วย”
แพรวดาวร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวดใจ เพราะไม่เหลืออะไรแล้ว มือใครคนหนึ่งเข้ามาประคองแพรวดาว เธอชะงักก้มมองมือใครคนนั้นด้วยความตะลึง ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองแล้วต้องตกใจ เมื่อพบว่าคนที่มาประคองมือของเธอคือทาเคชิ
“ทาเคชิ”
“หยุดร้องไห้เถอะครับ”
แพรวตกตะลึงมาก ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
“อะนะตะที่รัก...คุณยังไม่ตาย...หัวใจฉันนำทางคุณกลับมา”
แพรวดาวโผเข้ากอดทาเคชิด้วยความคิดถึงและโหยหาอย่างที่สุด
“คุณสัญญาจะไปอยู่กับฉันที่เมืองไทย เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะคะทาเคชิ”
แพรวดาวกอดทาเคชิแน่นขึ้น ราวกับกลัวว่าเขาจะจากเธอไปอีก ริวถูกแพรวดาวสวมกอดด้วยความดีใจ เพราะเข้าใจว่าเขาคือทาเคชิ ริวอึ้ง อาการเศร้าเสียใจของแพรวดาวบีบคั้นหัวใจเขาอย่างแรง
“โซเรียวตายแล้ว ทำใจซะเถอะนะครับ”
มายูมิ มิโยะโกะ อายะโกะ ฟุมิโกะ มาซาโกะน้ำตาไหลพราก เศร้าที่เห็นแพรวดาวในสภาพยอมรับความจริงไม่ได้ขนาดหนัก มายูมิเรียกเบาๆ
“พี่เซโกะ...”
แขกทุกคนในงานต่างสงสารแพรวดาว ถึงกับเมินหน้าทนดูไม่ได้ แพรวดาวยังคงกอดริวแน่น สะอื้นไห้อย่างคนดีใจและขวัญเสีย ยิ่งทำให้บรรยากาศในพิธีศพโศกเศร้าและหดหู่เป็นอย่างมาก
สวนหลังบ้านโอะนิซึกะ...ริวหนีมายืนอยู่ในสวนคนเดียว สีหน้าเครียด กดดันและหดหู่มาก หลังจากเห็นความทุกข์ทรมานใจของแพรวดาว มายูมิเดินมาหาริว
“แขกกลับกันหมดแล้ว ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะคะ”
ริวพยายามสกัดกลั้นอารมณ์เศร้า ข่มความรู้สึกเจ็บปวด ไม่อยากอ่อนแอต่อหน้ามายูมิ
“โอคุซังเป็นยังไงบ้าง”
“พี่มิโยะโกะให้พี่เซโกะทานยาคลายเครียดที่คุณหมอจัดไว้ให้...ป่านนี้คงจะหลับไปแล้ว”
มายูมิมองริวด้วยความเป็นห่วง สองจิตสองใจก่อนเอ่ยปาก
“ฉันเป็นห่วงคุณนะคะริว”
“ถ้าคนที่นอนอยู่ในโลงคือผม คุณจะรู้สึกยังไง”
จู่ ๆ ริวก็หันมาถาม มายูมิอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ทันตั้งตัว
“อย่าพูดเป็นลางอย่างนี้สิคะ”
“ทุกชีวิตหนีไม่พ้นความตาย แต่ผมอยากรู้ว่าถ้าผมตาย...”
มายูมิรีบเอามือปิดปากริวทันที
“คุณตายไม่ได้...เพราะฉันจะเสียใจไม่ต่างจากพี่เซโกะ”
ริวสบตามายูมิ อึ้ง...รับรู้ความรู้สึกที่มายูมิมีต่อเขาผ่านสายตาที่ฉายแววห่วงใยนั้น ทั้งสองสบตากันและกัน ต่างคนต่างรักกัน แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากเผยความในใจตรง ๆ จู่ ๆ ริวก็หลบสายตามายูมิ สับสนกับความรู้สึกตัวเองตอนนี้ ทำให้มายูมิเข้าใจว่าเขาเครียดและเสียใจเรื่องทาเคชิ
“พี่เซโกะและโอะนิซึกะทุกคนต้องการคุณ...เข้มแข็งนะคะ ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ”
“ขอบคุณครับ”
ริวยิ้มนิด ๆ ขอบคุณมายูมิ ทั้งที่แววตารู้สึกว้าวุ่น ไม่เข้าใจตัวเอง
หลายวันต่อมา...แพรวดาวเก็บเสื้อผ้า ของใช้ ใส่กระเป๋าเดินทางด้วยสีหน้าอมทุกข์ หมองเศร้ามาก อายะโกะ ฟุมิโกะคอยช่วยเก็บของ เศร้าเสียใจ ไม่อยากให้แพรวดาวจากไป
“โอคุซังจะทิ้งพวกเรากลับเมืองไทยจริงเหรอคะ” ฟุมิโกะถามเสียงเศร้า
อายะโกะพยายามท้วง
“น่าจะอยู่รักษาตัวให้แข็งแรงกว่านี้ก่อน”
“ฉันอยากลืมทุกอย่างที่นี่”
แพรวดาวพยายามข่มความเจ็บปวด กลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหลทั้งที่หัวใจแหลกสลาย ชอกช้ำเกินเยียวยา อายะโกะกับฟุมิโกะ เข้าใจ จึงไม่กล้าเซ้าซี้อีก คัตสึเลื่อนประตูเปิดออก แล้วก้มศีรษะเคารพแพรวดาว
“คุณริวเชิญโอคุซังไปพบครับ”
แพรวดาวพยักหน้ารับรู้ ราวกับหุ่นยนต์ ไม่แปลกใจสงสัยว่าเรื่องอะไร
โถงบ้านโอะนิซึกะ...ริวเลื่อนซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับแพรวดาว ต่อหน้าโคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ที่นั่งเป็นพยาน
“ทาเคชิแอบทำพินัยกรรมกับคุณอามาซาโตะ เขาต้องการยกสมบัติทั้งหมดของเขาให้กับโอคุซัง”
แพรวดาวเงยหน้ามองริว ตกใจ อึกอักที่จะรับ
“ฉันยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับทาเคชิเลยนะคะ”
มาซาโตะพูดขึ้น
“ข้อนั้นผมรู้ดี ผมเป็นคนที่เซ็นเป็นพยานในพินัยกรรมฉบับนั้น”
แพรวดาวมองมาซาโตะ คาซูมะ โคจิ นึกเอะใจว่าทั้งสามคงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ริวมองแพรวดาว
“อีกไม่กี่เดือนโอคุซังก็จะเรียนจบ พวกเรายินดีดูแลโอคุซังต่อไป”
“ถ้าไม่มีหัวใจ เราจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง หัวใจของฉัน...ตายไปพร้อมกับทาเคชิแล้ว”
แพรวดาวน้ำตาร่วง ลุกออกไปเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ ริวมองตามยิ่งสงสาร
“ความรักทำร้ายชีวิตคน ๆ หนึ่งได้ขนาดนี้เชียวเหรอ”
โคจิถอนใจ
“ความรักเหมือนดาบสองคม คมหนึ่งนั้นหอมหวาน อีกคมหนึ่งเจ็บปวด”
ริวครุ่นคิดตามโคจิ จนย้อนนึกไปถึงคำพูดของมายูมิก่อนหน้านี้
“ทุกชีวิตหนีไม่พ้นความตาย แต่ผมอยากรู้ว่าถ้าผมตาย...”
มายูมิรีบเอามือปิดปากริวทันที
“คุณตายไม่ได้...เพราะฉันจะเสียใจไม่ต่างจากพี่เซโกะ”
ริวหน้าเครียดขึ้น กำลังตัดสินใจบางอย่าง
วันใหม่...บนเครื่องบินที่กลับเมืองไทย แพรวดาวนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตาเหม่อมองไปที่ริมหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อย ยังคงตัดใจจากทาเคชิไม่ได้ เธอหันมามองที่ที่นั่งด้านข้างตัวเองที่ว่างเปล่า น้ำตาไหลรินคิดถึงทาเคชิ
“ทาเคชิ...คุณเคยบอกว่าจะกลับเมืองไทยด้วยกัน ฉันคิดถึงคุณ”
แพรวดาวพิงพนักที่พัก หลับตาเหมือนต้องการจะทำใจให้ยอมรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอค่อยๆ เปิดตาขึ้นมอง เห็นภาพทาเคชินั่งอยู่ที่ด้านข้างตัวเอง กำลังยิ้มให้เธอเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้อย่างแนบแน่น แพรวดาวชะงักไปนิดหนึ่งแต่แล้วภาพทาเคชิก็เลือนหายไป...มันเป็นแค่ความฝันที่เธออยากให้เขากลับมาเมืองไทยด้วยกัน แพรวดาวร้องไห้น้ำตาไหล เต็มไปด้วยความเศร้าภายในจิตใจที่ยังทำใจไม่ได้
ริวยืนอยู่ในสวนหน้าบ้านทากาฮาชิ...มายูมิเข้ามาด้วยความดีใจ
“ทำไมไม่เข้าไปรอในบ้านล่ะค่ะ”
“เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว”
ริวหันมาใบหน้าเรียบ นิ่งมาก มายูมินึกแปลกใจ
“ฉันนึกว่าคุณจะมารับฉันออกไปไหน หรือมีธุระด่วน”
“เรื่องของเรา...” ริวชะงักนิดหนึ่ง ลำบากใจที่จะพูด
“คะ”
“ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างเปลี่ยนไป เราต่างมีหน้าที่ต้องทำให้สำเร็จ คุณต้องเตรียมตัวเพื่อสอบเรียนแพทย์อย่างที่ฝัน ส่วนผมต้องรับหน้าที่เป็นผู้นำของบ้านโอะนิซึกะต่อจากทาเคชิ”
“ฉันมั่นใจว่าคุณจะเป็นโซเรียวที่มีความสามารถ ฉันพร้อมจะเป็นกำลังใจเคียงข้างคุณ”
“แต่ผมต้องการทุ่มเททุกอย่างให้กับหน้าที่ที่สำคัญ...ผู้นำของโอะนิซึกะ”
มายูมิหรี่ตามองริว เริ่มเอะใจว่าริวต้องการจะบอกอะไรเธอกันแน่
“ไม่มีใครรู้อนาคต...แต่ถ้าคุณเจอใครที่พร้อมจะดูแลคุณได้เต็มที่ ผมอยากให้คุณลองเปิดใจ”
มายูมิอึ้ง
“หมายความว่ายังไง”
“ชีวิตและหัวใจของผม...มอบให้กับโอะนิซึกะหมดแล้ว”
ริวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา มายูมิอึ้ง เสียใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยิน
“คุณมาหาฉัน เพื่อจะบอกแค่เรื่องนี้เหรอ”
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)
ริวพยักหน้ารับ นิ่งมาก มายูมิโกรธเงื้อมือจะตบแล้วจู่ ๆ ก็ชะงัก เปลี่ยนใจ
“หน้าที่และเกียรติของคุณยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะแตะต้อง ขอบคุณที่พยายามรักษาสัญญาของผู้ใหญ่ ฉันจะรีบส่งข่าวให้คุณทราบทันทีที่เจอหัวใจตัวเอง เราจะได้หลุดพ้นจากพันธะจอมปลอมนี่เสียที”
มายูมิกระชากสร้อยที่ริวเคยให้ ชูขึ้นช้าๆ แล้วทิ้งลงต่อหน้าเขา มายูมิหมุนตัวเข้าบ้านทั้งน้ำตาด้วยความเสียใจ ริวก้มเก็บสร้อยขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด เขาเจ็บปวดมาก แต่ได้เลือกแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป...ริวขึ้นรับตำแหน่งโซเรียวแห่งบ้านโอะนิซึกะ ท่ามกลางความเคารพของโคจิ และเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะทุกคน
มายูมิคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบที่กองอยู่เต็มโต๊ะจู่ ๆ ก็น้ำตาไหล เธอปาดน้ำตามุ่งมั่นอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
ริวคอยสั่งงานอยู่ที่คลังสินค้า หน้าตาเคร่งเครียดมาก งานวุ่นตลอดเวลา
มายูมิอยู่ในห้องสอบพร้อมกับนักเรียนคนอื่น ท่าทางเธอเอาจริงเอาจัง ตั้งใจทำข้อสอบมาก
หลายเดือนต่อมา...หน้ามหาวิทยาลัยแพทย์ มายูมิกับเพื่อนต่างพากันดีใจ หลังจากรู้ผลสอบ
“พวกเราสอบติดแพทย์กันทุกคน ดีจัง...เวลาเรียนจะได้ไม่เหงา” เพื่อนบอกอย่างดีใจ
เพื่อนหันมาชื่นชมมายูมิ
“มายูมิเก่งมาก ทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่งของคณะ”
มายูมิยิ้มๆ
“วันนี้พวกเราจะไปฉลองที่ไหนดี”
สองเพื่อนสาว พยายามช่วยกันคิด ขโมยคนหนึ่ง เดินปะปนมากับกลุ่มนักศึกษา จู่ ๆ ก็กระชากกระเป๋าถือของเพื่อนมายูมิวิ่งหนีไป
“ว้าย...กระเป๋าฉัน”
“หยุดนะ”
มายูมิวิ่งไล่ตามโจรวิ่งราวกระเป๋าไป ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนสาว และคนบริเวณนั้น
“ฉันบอกให้หยุด”
ชายคนหนึ่ง ปราดเข้ามาขวางโจรขโมยกระเป๋า เขาคือ ยูจิ นักเรียนนายร้อยตำรวจจบใหม่ โจรยกขาถีบแต่ยูจิไม่เสียหลัก หมุนตัวแล้วตวัดขาเตะโจรจนเซไปทางหนึ่ง กระเป๋าหลุดมือกระเด็นไปอีกทาง มายูมิวิ่งมาเก็บกระเป๋าให้เพื่อน ยูจิพุ่งเข้าแลกหมัดกับโจรอย่างดุเดือด สักพักโจรกระชากมีดที่ซ่อนอยู่ออกมาตวัดโดนมือยูจิจนเป็นแผล เลือดซึมออกมาเล็กน้อย มายูมิตกใจ
“ระวังค่ะ”
ยูจิกกระโดดตัวลอย เตะเข้าที่ข้อมือของโจรเต็มแรง มีดหลุดจากมือ ยูจิหมุนตัวเตะเสยเข้าที่ปลายคางโจรอย่างสวยงาม โจรหมุนตัวลอยเคว้งหลับกลางอากาศ ล้มคว่ำไปอีกทาง มายูมิรีบเข้าไปหาประคองมือที่บาดเจ็บของยูจิขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“คุณบาดเจ็บ...”
ยูจิเงยหน้าขึ้นมามองมายูมิ อึ้ง ตะลึง รู้สึกถูกใจมายูมิตั้งแต่แรกเห็น
ในห้องพยาบาล...ยูจิได้รับการทำแผลจากพยาบาล โดยมายูมิยืนดูอย่างใกล้ชิด พยาบาลตัดเทปพันแผลเสร็จ
“คงต้องหมั่นล้างแผลบ่อยๆ นะคะ”
“ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล”
พยาบาลยิ้มรับคำ เก็บอุปกรณ์ทำแผลเดินออกไป มายูมิมองหน้าเขา
“คุณต้องได้รับบาดเจ็บเพราะเข้ามาช่วยฉันแท้ๆ ต้องขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ...แผลแค่นี้มันไกลหัวใจ” ยูจิยิ้มอย่างเป็นมิตร “คุณเรียนหมออยู่ที่นี่เหรอ”
“ฉันเพิ่งสอบเข้าได้น่ะค่ะ”
“คุณ....”
มายูมิก้มหัว
“มายูมิ ทากาฮาชิ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ยูจิก้มหัวเช่นกัน
“ยูจิ โคบายาชิ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยแววตาที่เป็นมิตร
หลายเดือนผ่านไป..ไร่องุ่นของแพรวดาวอยู่ในหุบเขาที่สวยงามของจังหวัดทางภาคเหนือในประเทศไทย...แพรวดาว พ่อ แม่ ยืนมองคนงานกำลังหักร้างถางพง เพื่อเตรียมปลูกองุ่น บนเนื้อที่กว้างไกลสุดสายตา กลางหุบเขา
“ทำไร่องุ่นมันหนักมาก แน่ใจว่าจะไหวหรือลูก” แม่ถามอย่างเป็นห่วง
แพรวดาวยิ้ม
“หนูอยากทำฝันของทาเคชิให้เป็นจริงค่ะ”
พ่อปลอบ
“ฝันร้ายผ่านไปแล้ว...เก็บความทรงจำในอดีตไว้เตือนสติตัวเอง แต่เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันอย่างรู้คุณค่านะลูก”
“ขอบพระคุณพ่อกับแม่ที่เข้าใจหนูนะคะ”
แพรวดาวเข้าไปกอดพ่อกับแม่ รู้สึกอบอุ่นที่มีที่พึ่งทางใจ น้องชายของเธอวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอก
“คนที่พี่แพรวดาวนัดสัมภาษณ์งานมาถึงแล้วครับ”
พ่อหันไปถาม
“ใช่คนที่บอกว่าอบรมเรื่องปลูกองุ่นและบ่มไวน์มากจากอเมริกาหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะคุณพ่อ...เดี๋ยวหนูมานะคะ”
แพรวดาวรีบขอตัวเลี่ยงออกไป
แพรวดาวเดินมาถึง เห็นชายร่างสูงสวมหมวกปิดมาเกือบครึ่งหน้า ยืนหันหลังมองทัศนียภาพที่สวยงามอยู่
“คุณตะวันใช่ไหมคะ”
“ขอโทษที่มาก่อนเวลา...ผมทนคิดถึงคุณไม่ไหว”
แพรวดาวประหลาดใจกับน้ำเสียงที่อบอุ่นคุ้นเคย ตะวันหันกลับมา กุมมือเธอเบา ๆ แพรวดาวก้มมองมือนั้น นึกโกรธที่ชายแปลกหน้าไร้มารยาท แต่ก็รู้สึกหัวใจไหววูบผิดปกติ
“คิมิที่รักของผม”
แพรวดาวเงยหน้าขึ้นมองตะวันใกล้ ๆ ตะลึงงันด้วยความช็อก
“ทาเคชิ คุณยังไม่ตาย...”
แพรวดาวลูบมือไปตามใบหน้าและตัวของเขา ชายหนุ่มจับมือของเธอมาวางตรงหัวใจของเขา
“หัวใจของผมเต้นทุกวินาทีเพื่อคุณ หัวใจของคุณนำทางผมมาที่นี่”
ทาเคชิคลี่ยิ้ม สายตาบ่งบอกว่าคิดถึงหญิงคนรักมากเกินบรรยาย
“ทาเคชิ...”
แพรวดาวปล่อยโฮ โผเข้ากอดทาเคชิด้วยความดีใจ ซบใบหน้าบนแผ่นอกของเขาด้วยความรักท่วมท้น ทาเคชิประทับริมฝีปากของเขาที่หน้าผากของเธอ ไล่เรื่อยลงมายังแก้มนวล ด้วยความคิดถึงแทบขาดใจเช่นกัน สักพัก แพรวดาวนึกขึ้นได้
“คุณยังไม่ตาย แล้วร่างในงานศพคุณเป็นใคร”
ทาเคชิ นึกย้อนถึงอดีตในคืนวันนั้น
โกดังคลังสินค้าในอดีต...เคนอิจิ พุ่งตรงฝ่าเปลวไฟเงื้อดาบเข้ามาหาทาเคชิ
“ไอ้ทาเคชิ”
ทาเคชิ ทาโร่ หันขวับไปเห็น ตกใจมาก
"โซเรียว"
ทาโร่ออกแรงฮึดเฮือกสุดท้าย โผลุกขึ้นเอาตัวบังดาบที่เคนอิจิฟาดลงมา จนร่างทาโร่ทรุดร่วงลงกับพื้น ทาเคชิอาศัยจังหวะนั้น คว้าดาบของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง แทงออกไปเสียบทะลุท้องเคนอิจิ และบิดข้อมือสุดแรง เคนอิจิสะดุ้งเฮือก ตาเหลือก เลือดสด ๆ ไหลออกมุมปาก ล้มลงขาดใจในทันที
ทาเคชิประคองกอดแพรวดาวที่ยังสลบไม่ได้สติ เขาหันไปมองทาโร่ที่อาการปางตาย เป็นห่วงทาโร่ที่พยายามพลิกตัวอย่างยากลำบาก
“อดทนไว้นะทาโร่...ฉันพานายกับเซโกะออกไปจากที่นี่”
ทาโร่ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเห็นแพรวดาวปลอดภัยอยู่ในอ้อมกอดทาเคชิ เขากระซิบเสียงแหบพร่า
“ได้โปรดดูแลโอคุซัง แล้วให้ผมตายแทนโซเรียว”
เสียงของทาโร่เริ่มขาดเป็นห้วง ๆ ใกล้สิ้นใจ
“โซเรียวจะมีความสุขกับโอคุซังที่เมืองไทย อย่าทำให้เธอเสียน้ำตาอีกเลย ผมขอร้อง...”
ทาเคชิมองเห็นความรักที่ฉายในแววตาทาโร่ เป็นรักที่เต็มไปด้วยความเสียสละ แม้ทาโร่จะไม่พูดออกมา และเมื่อเขาก้มลงเห็นใบหน้าซีดเซียวของแพรวดาว ที่ต้องเจ็บตัวเพราะเขา ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปกับเธอ
“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เซโกะมีความสุข...ฉันสัญญา”
ทาโร่ยิ้มจาง ๆ จวนเจียนสิ้นใจ พยายามถอดแหวนประจำตระกูลที่นิ้วเขาออก แต่ถอดเท่าไรก็ถอดไม่ออก ไฟรอบตัวเริ่มโหมขึ้น ทาเคชิวางตัวแพรวดาวลงแล้วถอดเสื้อโค้ทของเขาสวมลงไปบนร่างทาโร่พร้อมกับวางดาบประจำตระกูลของเขาไว้ในมือทาโร่ เป็นเครื่องยืนยันทำให้คนคิดว่าเป็นศพทาเคชิ
“ทาโร่...ฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณของนาย ได้โปรดยอมรับการแสดงความขอบคุณจากฉันด้วย”
ทาเคชิก้มศีรษะให้ทาโร่ด้วยความนับถือในน้ำใจ ทาโร่ยิ้มให้และมองแพรวดาวเสมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย
“ลาก่อนครับ...โอคุซัง”
ทาโร่จ้องมองหน้าแพรวดาว แล้วดวงตาค่อยๆ ปิดลงไปพร้อมกับชีวิตที่จบสิ้นลงแล้ว...
โคจิยืนมองแหวนประจำตระกูลที่เคยมอบให้ทาโร่ด้วยความคิดถึง ก่อนสวมไว้ที่นิ้วของตัวเอง...เดินไปยังแปลงดาวเรืองที่เหลือเพียงหญ้าปกคลุมดินอย่างตัดสินใจ คว้าจอบที่วางอยู่ใกล้แปลงดินขึ้นมาขุด ตั้งใจฟื้นแปลงดาวเรืองกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง….ในที่สุด...แปลงดาวเรือง เริ่มแตกยอด เขายิ้มอย่างดีใจ
ปัจจุบัน...แพรวดาวตกใจมากเมื่อรู้ความจริง
“แสดงว่าคุณอาโคจิรู้มาตลอดว่าร่างที่โดนไฟคลอก จนจำหน้าไม่ได้นั้นคือคุณทาโร่”
“อาโคจิรู้ตั้งแต่เห็นแหวนประจำตระกูลบนนิ้วของศพนั้นแล้ว”
“มิน่า...ในงานศพ ฉันเห็นอาโคจิแอบก้มหน้าเศร้าอยู่ข้างโลงศพของคุณ”
“คุณอาโคจิคงเคารพคุณมากนะคะ ถึงไม่ปริปากบอกใครเลย”
“ความเคารพเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ความรักและความเสียสละของพ่อที่มีต่อลูก มันยิ่งใหญ่จนประเมินค่าไม่ได้”
ทาเคชิบอกอย่างเศร้าๆ
แปลงดาวเรือง ในไร่องุ่นแพรวดาว...ดาวเรืองออกดอกบานสะพรั่ง เหลืองอร่ามเจิดจ้า...ทาเคชิประคองกอดแพรวดาวมองแปลงดอกดาวเรืองที่ออกดอกสวยงามตรงหน้าอย่างสุขใจ
“ฉันตั้งใจปลูกดอกดาวเรืองทั้งหมดนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและความเสียสละที่ทาโร่มีให้กับเรา”
“ทาโร่คือคนที่ให้ชีวิตใหม่กับผม”
“คุณทาโร่ให้ความรักกับฉัน...และคืนคนที่ฉันรัก กลับมาหาฉัน”
“คุณรู้ไหม ว่าทำไมผมถึงใช้ชื่อไทยว่า ตะวัน”
แพรวดาวหันมองทาเคชิ รอฟังคำตอบ
“กลอนที่ผมเขียนให้คุณ ผมเรียกตัวเองว่านักรบแห่งตะวัน และคุณก็เป็นดวงดาว ตะวันกับดวงดาวอยู่บนฟ้าด้วยกัน ถ้าไม่มีตะวัน...ก็จะไม่มีดวงดาวเปล่งแสงสว่างในเวลากลางคืน”
แพรวดาวน้ำตาคลอ
“คุณคือดวงตะวันของฉันจริง ๆ ค่ะ”
“คุณก็คือแสงดาว...ที่คอยนำทางนักรบแห่งตะวัน”
“ความรักเป็นสิ่งมีค่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เรากำลังจะเสียมันไป...เราโชคดีที่ได้รับความรักกลับมา”
“ผมสัญญาว่าจะรักษาความรักของเราไว้ ให้สมกับที่ทาโร่ยอมเสียสละความรักให้กับเรา”
ทาเคชิโอบกอดแพรวดาว แนบใบหน้าที่แก้มนวลของเธออย่างอบอุ่น แพรวดาวซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของทาเคชิอย่างมีความสุขที่สุด
4 ปีผ่านไป...ริวเดินตามโคจิและพวกนักท่องเที่ยวที่เดินชมไร่องุ่น หน้าตาริวบ่งบอกว่าเบื่อหน่ายมาก
“กว่าจะหาวันหยุดได้ แทนที่จะพาไปแช่น้ำพุร้อน นอนสบาย ๆกลับพามาทัวร์ชะโงกที่เมืองไทย เดินจนเมื่อยไปหมดแล้ว”
โคจินิ่งๆ มีเลศนัย ขณะนำริวเดินผ่านหน้าบ้านพักของเจ้าของไร่องุ่น ริวและโคจิ เห็นทาเคชิกำลังอุ้มลูกชายคนเล็กวัยขวบเศษไว้ในอ้อมกอด หัวเราะมองลูกชายวัยสามขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกสุนัขอย่างสนุกสนาน
“ได้เวลาทานข้าวกันแล้วค่ะ คุณพ่อ คุณลูก...”
แพรวดาวเดินออกมาตามทาเคชิกับลูก ริวยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น จะส่งเสียงเรียกและก้าวตามทาเคชิแต่โคจิรีบจับไหล่ของริวเอาไว้
“เมื่อเขาต้องการชีวิตแบบนี้...เราก็ควรปล่อยเขาไป”
“ทาเคชิยังไม่ตาย” เสียงริวตะกุกตะกัก ตื่นเต้นดีใจ “เขาน่าจะบอกผมว่าเขายังไม่ตาย”
“ทาโร่ยอมสละชีวิต...เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาคือคุณทาเคชิ ท่านโอะซะมุช่วยประสานงานกับหน่วยราชการลับ ส่งตัวคุณทาเคชิไปอเมริกา เพราะถ้ามีคนรู้ว่าโอะนิซึกะโซเรียวยังไม่ตาย โอคุซังก็จะไม่ปลอดภัย”
“อาโคจิพาผมมาที่นี่ เพื่อให้เห็นกับตาว่าทาเคชิปลอดภัย”
โคจิพยักหน้ารับคำ ริวละล้าละลัง อยากเข้าไปหาทาเคชิด้วยความดีใจ แต่สุดท้ายก็ถอนใจยอมรับ
“ทาเคชิเลือกเส้นทางชีวิตของเขาแล้ว”
ริวกับโคจิหมุนตัวกลับ ตัดสินใจปล่อยให้ทาเคชิใช้ชีวิตในแบบที่เขาต้องการ
ทาเคชิ เหลียวหลังมามองเห็นหลังริวกับโคจิกำลังเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไป เขารำพึงกับตัวเอง
“ริว”
จู่ ๆ ริวก็ชะงัก หันหลังกลับมาราวกับได้ยินเสียงในความคิดของใครกำลังเรียกเขา ริวกับทาเคชิประสานสายตากันในระยะไกล แววตาทั้งคู่ถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยระหว่างสายเลือดของพี่น้อง ริวยิ้มและโค้งตัวต่ำ...นิ่งและเนิ่นนาน ให้ ทาเคชิโค้งตัวตอบ นิ่งและเนิ่นนานเช่นกัน ขอบตาแดงร้อนผ่าว คิดถึงริวเช่นกัน ทาเคชิมองตามริวกับโคจิหมุนตัวเดินกลับไปสมทบกับกลุ่มนักท่องเที่ยว ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เมื่อได้เจอญาติที่เป็นเหมือนเพื่อนรักอีกครั้ง
วันใหม่...ห้องทำงานใหญ่ของสำนักงานแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น...ยามาโมโต้นั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะทำงาน ลูกน้องเดินเข้ามาเอาแฟ้มสีดำที่มีสัญลักษณ์ของซะโต้กับมาซาว่า วางลงบนโต๊ะ ยามาโมโต้เอามีดดาบสั้นขึ้นมา กรีดลงบนสัญลักษณ์ของทั้งสองกลุ่มช้า ๆ เยือกเย็นมาก
“มิซาว่ากับซะโต้โดนล้มล้างหมดแล้ว...แต่มันยังไม่จบแค่นี้หรอก”
น้ำเสียงยามาโมโต้ดูร้ายนิ่ง โหดเหี้ยมมาก
“ฉันจะโค่นสายเลือดนักรบซามุไรอย่างโอะนิซึกะให้สิ้นไปทั้งตระกูล จะไม่มีใครขวางเราได้อีกแล้ว อีกไม่นาน...เราจะยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองนี้”
ยามาโมโต้ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ รอเวลาจัดการกับตระกูลโอะนิซึกะ
จบบริบูรณ์
โปรดติดตาม “รอยฝันตะวันเดือด” เร็วๆ นี้