พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 7 ตอน กลัวผี
ภายนอก บ้านศิริสวัสดิ์ เวลากลางดึกของวันใหม่ เสียงหมาหอน แล้วตามด้วยเสียงร้องหวีดของหญิงสาวดังลั่นบ้าน
ประภาวิ่งออกมาจากห้อง เสียงร้องดังมาจากห้องของลัดดา ต้นห้องคนใหม่ที่นอนอยู่ห้องติดๆกัน เจ้าคุณปัจจนึกวิ่งมาจากห้องนอนของตัวเอง ในมือถือไม้ตะพด
"อะไรกัน"
"เสียงลัดดาค่ะ คุณพ่อ"
ปัจจนึกและประภาวิ่งเข้าไปในห้องลัดดา
ลัดดากำลังยืนตัวสั่นอยู่ในห้อง เธอเป็นแม่ม่ายผัวทิ้ง อายุประมาณสามสิบกว่าหน้าตาจิ้มลิ้ม
"ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยด้วย"
"อะไรกันหรือ ลัดดา"
"ผ..ผีค่ะ ใต้เท้า"
ประภากลัวทันทีตามวิสัยพนักงานบริษัทตาขาว
" ผี … เหรอ"
ปัจจนึกบอก
"เหลวไหล"
"ใช่ค่ะ ลัดดาเห็นจริงๆ มันยืนอยู่ตรงหน้าต่างนี่ค่ะ" ลัดดาชี้ไปที่หน้าต่างห้องตรงระเบียง "เห็นชัดเจนเลยค่ะ คุณภา"
"หน้า...หน้าตามันเป็นยังไง"
ปีศาจหน้าตาตามคำบรรยายปรากฏขึ้นที่หน้าต่าง
" รูปร่างมันขาวโพลน นัยน์ตาโบ๋ แก้มบุ๋ม มีฟันสองสามซี่ แล้วก็..."
"อะไรหรือ"
ลัดดาไหว้เจ้าคุณ
"ประทานโทษเจ้าค่ะ"
"ศีรษะล้านเลี่ยนเลยเจ้าค่ะ"
แสงจันทร์ส่องให้เห็นหัวล้านของปีศาจ
ประภาส่งเสียงร้องแบบหวาดๆ เอามือปิดปาก
"หัวล้านด้วยหรือ"
"เจ้าค่ะ"
ปัจจนึกเดินไปมา คิด
"หรือว่านี่จะเป็น..." เจ้าคุณถอนใจ "แต่ว่ามันก็นานแล้วที่ท่านไม่ได้มาที่นี่อีก"
ประภากระโดดกอดลัดดากลม
"คร..ใครคะคุณพ่อ"
"เจ้าคุณกำแหงรณรงค์ ... เจ้าคุณพ่อของพ่อเอง ท่านสิ้นไปกว่าสามสิบปีแล้ว เมื่อก่อนท่านเคยมาปรากฏตัวบ่อยๆ แต่ท่านหายไปเป็นสิบปีแล้ว"
ระหว่างพูด เจ้าคุณเดินไปช้าๆที่ระเบียงหลัง
" ทำไมปีศาจของท่านจึงเพิ่งมาปรากฏร่างตอนนี้ น่าแปลกใจ"
ปัจจนึกมายืนตำแหน่งเดียวกับปีศาจเลย ประภากับลัดดาถึงกับเหวอ
ภายใน ร้านกาแฟโบราณ สองวันต่อมาแม่สงวนสาวใช้อีแร๊ดแจ๊ดแจ๋คนเก่าของประภากำลังถือถาดกาแฟมาเสิร์ฟให้ประภา ประไพ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ในร้านมีตี๋หนุ่มชงกาแฟอยู่
"แม่ลัดดานี่ต้นห้องคนใหม่ของพี่ภาหรือคะ"
สงวนเอากาแฟมาเสิร์ฟ
"ค่ะ แม่ลัดดามาแทนสงวนไงคะคุณไพ แม่ลัดดานี่เป็นแม่ม่ายผัวทิ้งค่ะ"
"แล้วทำไมจู่ๆสงวนถึงออกมาทำงานร้านกาแฟนี่ละ"
"ไม่ได้ทำงานที่นี่หรอกค่ะ แต่ว่ามามีผัวที่นี่"
ประไพสะดุ้ง
"เมื่อก่อนไอ้ตี๋เจ้าของร้านน่ะมันชอบทวงเงินค่าโอเลี้ยง ค่ายากาแร็ตสงวนจังเลย สงวนรำคาญค่ะ คุณไพเลยจัดการให้มันเป็นผัวซะ จะได้หมดหนี้สินกัน"
สงวนเดินออกไป
"ทำยังไงดีละน้องไพ"
"ไปนอนที่บ้านน้องแล้วกันสักสองสามวัน"
"ไม่ได้ คุณพ่อไม่ยอม บอกว่า เจ้าคุณปู่รู้แล้วจะเสียใจว่าลูกหลานรังเกียจ ตอนนี้คนที่บ้านทุกคนกลัวกันจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว"
ประภาจับสร้อยพระที่คอเห็นว่ามีพระร้อยเป็นพวง
"โอย ไม่อยากให้กลางคืนมาถึงเลยน้องไพ .. พี่กลัวใจจะขาดอยู่แล้ว"
"พี่ภาทำใจดีๆไว้ นึกถึงพระอรหันต์ไว้ค่ะ"
ประภาสะดุ้ง
"พี่ยังไม่ตายนะน้องไพ"
ประไพหัวเราะแหะๆ
" เดี๋ยวน้องจะลองไปปรึกษากรดูนะพี่ภา ว่าจะทำยังไงดี"
"คุณกรอยู่ไหนจ๊ะ"
"เห็นว่านัดกับเสี่ยกิมหงวนและคุณพลไว้ค่ะ"
ภายนอก หน้าตึกห้างพัชราภรณ์ ผู้หญิงจำนวนหนึ่งนั่งรออยู่ตามบันไดบ้าง หน้าตึกบ้าง นิกรและกิมหงวนเดินผ่านไปแล้วมองแบบสงสัย
"เฮ่ย ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นเลยว่ะ หรือว่าพลมันจะตั้งฮาเร็มขึ้นอีกที่นี่" กิมหงวนว่า
พลกำลังนั่งดูใบสมัครสาวๆอยู่
"ไม่ได้ตั้งฮาเร็มเว้ย... เค้ามาสมัครเลขานุการิณีคนใหม่ของกันเอง แทนมารศรีที่ออกไปเลี้ยงลูกแล้ว กันนัดให้แกสองคนมาจะได้ช่วยกันคัดเลือกไง"
นิกรกับกิมหงวนรู้สึกพอใจในหน้าที่นี้ พลเรียกเจ้าแห้วเข้ามา
"อ้าว แล้วแกมาทำอะไรที่นี่ไอ้แห้ว" นิกรถาม
"รับประทานคุณพลให้ผมมารับใช้ระหว่างที่หาเลขายังไม่ได้ครับ"
"ไปนำผู้หญิงที่มาสมัครงานเข้ามาทีละคนนะ"
"ขอรับ"
ทันใดนั้น เสียงวิ้ดว้ายก็ดังขึ้น ผู้หญิงประมาณสิบคนคนกรูกันเข้ามาในห้อง ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวจะให้พลรับตน
"รับดิชั้นนะคะ ดิชั้นคุณสมบัติพร้อมค่ะ ดิชั้นจบชั้นแปดค่ะ ดิชั้นทำได้ทุกอย่างค่ะ พิมพ์ดีดได้ บวกเลขได้"
นิกรตกใจรีบกระโดดไปยืนบนโต๊ะ กิมหงวนหลบไปในซอกตู้
"เข้ามาไม่ได้ เข้ามาไม่ได้ครับ" แห้วบอก
"หยุด! ทุกคนหยุด" พลเบรก
ทุกคนหยุดพูด
"เข้ามาทีละคน ออกไป ออกไปก่อน เหลือแค่คนเดียวพอ"
ทุกคนเจ๊ยวจ๊าวใหม่ "ดิชั้นค่ะ ดิชั้นก่อน ขอก่อนค่ะ"
"โอ๊ย! ทีละคน เอาคนนี้ก่อน"
พลชี้ไปที่หญิงคนหนึ่ง ใส่เสื้อกระโปรงชุดสีชมพูแปร๊ด ทาปากแดงแจ๊ด
"ท่านอื่นรับประทานออกไปเลยครับ" แห้วบอก
คนอื่นค้อนแล้วเดินออกไป พลไปนั่งที่เก้าอี้ นิกรลงจากโต๊ะไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ กิมหงวนเดินไปนั่งด้วย
ผู้หญิงคนนั้นหรือสุดสวาทยิ้มให้อย่างหวานเจี๊ยบ
"เธอชื่ออะไรจ๊ะ นั่งก่อนสิ" พลถาม
"สุดสวาทค่ะ ดิชั้นสำเร็จมัธยมแปด"
"พิมพ์ดีดชวเลขเป็นมั้ยจ๊ะ"
"โอ๊ย ถนัดเลยค่ะ ดิชั้นทำได้ ทุกอย่างที่ผู้ชายทำได้ค่ะ ตั้งแต่กพิมพ์ดีด ช็อตแฮนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส อบิสซีเนีย ได้ทั้งนั้น"
กิมหงวนยิ้มถาม
"แน่เหรอ"
"แน่ค่ะ"
"งั้นเธอช่วยไปเอาขวดเปล่าที่อยู่บนโต๊ะนั่นมาฉี่ใส่อย่าให้เลอะให้ดูหน่อยสิจ๊ะ"
"ว้าย พูดอะไรก็ไม่รู้ คุณน่ะ"
กิมหงวนหัวเราะ
"ชั้นพูดเล่นสนุกๆจ้ะ อย่าถือสาเลยนะ"
"ค่ะ"
"เอาละ เธอออกไปได้แล้ว ชั้นต้องเรียกผู้สมัครงานมาคุยทุกคนก่อน แล้วจะแจ้งให้ทราบพร้อมกันว่า ใครจะได้เป็นเลขานุการิณีของชั้น"
สุดสวาทออกไป
หน้าห้องตามขั้นบันไดมีผู้สมัครยืนต่อแถวยาวลงไปชั้นล่าง
สุดสวาทเดินออกมาจากห้อง เสียงจ็อกแจ๊กของสาวๆดังขึ้นอีก "ขอชั้นก่อน ตาชั้นแล้ว"
"เชิญไปรอห้องด้านล่างครับ ตามลำดับครับๆ ท่านต่อไป" แห้วบอก
จรัสศรีสาวสวยแต่งตัวสวยงาม ท่าทางมั่นใจเหมือนดาราฮอลลีวู้ด เดินไปในห้อง
พลและนิกรเงยหน้าขึ้นมอง จรัสศรีนวยนาดเข้ามา ย่อตัวไหว้ ส่งสายตาปิ๊งๆให้ นิกรหัวใจจะวาย
"ดิชั้น นางสาวจรัสศรีค่ะ"
"เธอจบชั้นอะไรจ๊ะ ท่าทางคงจะสำเร็จชั้นแปดพิมพ์ดีดบวกเลขเก่งและพูดภาษาต่างประเทศได้ด้วยแน่นอน เอาเป็นอันว่า พล แกรับแม่จรัสศรีไว้เถอะ ตกลงนะให้เงินเดือนเดือนละร้อยบาท"
พลสะดุ้ง
"แกรับไว้เองเถอะ"
"หยวนๆวะ ดูท่าทางมีความรู้สูงฎ นิกรบอก
"ดิชั้นจบมัธยมสามค่ะ" จรัสศรีพูดพลางทำท่าทางกระดี๊กระด๊าใส่นิกร
"อุ๊ย ความรู้สูงมาก ดีกว่ามัธยมแปดอีก" นิกรบอก
"นี่แก ชั้นต้องการคนจบชั้นแปด ..เสียใจนะจ๊ะ จรัสศรี ความรู้เธอน้อยไปนิด เราไม่มีเก้าอี้จะให้เธอนั่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ ดิชั้นนั่งบนตักคุณก็ได้"
สามเกลอสะดุ้ง
"คงไม่ได้ละจ้ะ ผู้จัดการคนนี้เค้ามีเมียแล้ว" กิมหงวนบอก
"เป็นรัยไปละคะ งั้นดิชั้นนั่งนี่ก็ได้"
จรัสศรีเดินไปนั่งบนโต๊ะ เห็นเป็ตติโค๊ตสีชมพูแจ๊ดแล่บออกมา เธอเอื้อมหยิบบุหรี่จากกล่องที่วางไว้ จุดสูบพ่นควันปุ๋ย
สามคนตาค้าง
"เอ้อ เชิญเธอกลับบ้านได้จ้ะ" พลบอก
จรัสศรีกิริยาเปลี่ยนทันที
"อ๋อ ไม่ต้องไล่หรอก ตกลงไม่รับ! รู้งี้ไม่มาให้เสียเวลา เชอะ"
จรัสศรีกระโดดลงมาจากโต๊ะ เดินกระแทกออกไป
"เมื่อกี้แกเห็นเป๊ดติโค๊ตแล่บหรือเปล่าวะ" กิมหงวนบอก
"เห็น สีชมพูแจ๊ดเชียว" นิกรบอก
สองคนหัวเราะกันคิกคัก
"เฮ้ย เงียบ คนต่อไปมาแล้ว" พลว่า
นิกรและกิมหงวนหยุดหัวเราะและมองไป
ประตูเปิดออก สาวร่างอ้วนมาก เดินตุ้มตุ้ยกระมิดกระเมี้ยนเข้ามา
"เอ้อ นั่งซีจ๊ะ" นิกรบอก
กิมหงวนถาม
"ชื่ออะไรจ๊ะ"
"วีนัสค่ะ "
สามคนพยายามกลั้นหัวเราะไว้ แต่ไม่ไหวเลยปล่อยก๊ากออกมา
กิมหงวนพยายามกลบเกลื่อน
" วีนัส วีนัส เพราะอะไรอย่างนี้"
"คุณเห็นดิชั้นเป็นการ์ตูนหรือคะ"
"เปล่าจ้ะ คือ ที่เราหัวเราะก็เพราะชื่อเธอมาคล้องกับคุณแม่ชั้นเข้าน่ะ" พลบอก
"อ้อ หรือคะ นึกว่าพวกคุณหัวเราะความสมบูรณ์ของดิชั้นอีก" วีนัสยิ้มออก
"เปล่าเลยจ้ะ เปล่าเลย เธอจบชั้นอะไรจ๊ะ" พลถาม
"ชั้นแปดค่ะ"
"ขอโทษ เธอมีเรือนหรือยัง" กิมหงวนบอก
"มีแล้วค่ะ ปลูกเมื่อปีกลายนี้เอง เป็นเรือนปั้นหยา"
"ไม่ใช่ ชั้นหมายความถึง เธอน่ะ มีสามีหรือยัง" กิมหงวนว่า
"ผัวน่ะเหรอค่ะ มีแล้วค่ะ ลูกห้าคน แต่รับรอง ผัวไม่กล้ามายุ่มย่ามค่ะ ถ้ามาดิชั้นจะกระทืบให้แบนค่ะ"
สามคนสะดุ้ง
"ดิชั้นทำได้ค่ะ เชื่อมั้ยคะ"
"ช..เชื่อจ้ะ แต่ว่า เอ้อ จริงๆเราต้องการเลขานุการิณีที่เป็นโสด แต่ว่า.. เอ้อ เอางี้ เราขอตรึกตรองก่อน ขอเชิญรอข้างนอกนะจ๊ะ"
"ค่ะ"
วีนัสค่อยๆเดินเปิดประตูออกไป
"ขืนรับไว้ห้างกันคงทรุดแน่ๆ" พลว่า
ประตูเปิดออก กิมฮวยเข้ามา หล่อนใส่ชุดกี่เพ้าสีเหลืองอร่าม ทาปากแดง ใส่ส้นสูง
"อีชั้งมาสมัครงางเลียขาค่ะคุณ"
"เลขาจ้ะ" พลบอก
"ค่ะ เลียขา อีชั้งทำทุกอย่างได้นะคะ หุงข้าวก็ไล่ กวากบ้างถูเรืองไล่ กางคืงปงนิบักพักวีนวกไล่ค่ะ"
กิมหงวนสะดุ้ง
"นี่เธอเข้าใจผิดหรือเปล่าจ๊ะ เพื่อนชั้นเค้ารับเลขานะ ไม่ใช่จาโบ๊"
"อ้าว ไม่ใช่เมียเหรอคะ ก็เห็งประกาศบอกว่า รับเลขานุกาง"
"เลขานุการคือผู้ช่วยทำงาน"
"ช่วยทำงางก็เมียไงคะ"
"ไม่ใช่ ...โธ่ เลขานุการก็คือลูกจ้าง"
"จ้างไว้ทำเมียหรือคะ"
พลกลืนน้ำลายเอื๊อก
"เอาเป็นอันว่า ชั้นรับเธอไม่ได้ก็แล้วกันนะ เข้าใจนะ"
"เข้าใจค่ะ"
กิมฮวยระทดระทวยซับน้ำตาออกไปจากห้อง ทุกคนมอง
"เลียขาไม่ใช่จาโบ๊ เลียขาไม่ใช่จาโบ๊"
อ่านต่อหน้า 2
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 7 ตอน กลัวผี (ต่อ)
ภายในห้องทำงานพล ห้างพัชราภรณ์ ทั้งสามสหายกำลังนั่งพิจารณาผู้สมัครคนใหม่ด้วยความชื่นชม
คลอ กนิษฐนันท์ สวมกระโปรงสีฟ้าเสื้อชั้นนอกสีเรียบง่ายคอปกแขนแค่ข้อศอก ใส่นาฬิกาเรือนเดียว ไม่มีเครื่องประดับใดๆทั้งสิ้น
"ดิชั้นชื่อ คลอ กนิษฐนันท์ ค่ะ"
กิมหงวนถามย้ำ
"ชื่อ คลอหรือจ๊ะ"
"ค่ะ"
"ชื่อเธอคล้องกับชั้นเปี๊ยบเลยเชียว ฮิๆ"
"คล้องยังไงวะ" พลถาม
"คล้องซีเพื่อน คลอ กิมหงวน กิมหงวน คลอ คลอ กิมหงวน"
นิกรถองกิมหงวนดังพลั่กด้วยความหมั่นไส้
"เธอจบชั้นอะไรจ๊ะ" พลถาม
"โสดค่ะ จบแค่มัธยมเจ็ด แต่พิมพ์ดีดภาษาไทยอังกฤษได้บ้างค่ะ คิดว่าถ้ามีโอกาสฉลองพระเดชพระคุณก็จะพยายามหาความชำนาญให้ดีขึ้นค่ะ"
พลพอใจมาก
"ชั้นพอใจเธอมากเชียว ไหน บอกชั้นสิจ๊ะ เธอต้องการเงินเดือนเท่าไร"
"ดิชั้นไม่เคยนึกเรื่องเงินค่ะ แล้วแต่จะกรุณา"
พลยิ้มแป้น
"ตกลงจ้ะ ชั้นยินดีรับเธอไว้เป็นเลขา"
คลอปลื้มใจมาก น้ำตาคลอ
"ดิชั้นดีใจเหลือเกินค่ะ การที่มากราบเท้าของานที่นี่ก็เพราะลำบากยากจนเหลือที่จะกล่าวค่ะ"
สามเกลอตาแดงๆ จะร้องไห้ตาม
"ถ้ามันไม่รับ ไปอยู่ที่ห้างของชั้นก็ได้จ้ะ ชั้นมันอาภัพ มีเลขานุการิณีหน้าตาไม่เห็นสวยเหมือนเธอเลย" กิมหงวนบอก
"ไม่ต้องเลย ชั้นรับแล้ว เอาเถอะ คลอจ๋า เป็นอันว่าชั้นให้เงินเดือนเธอเดือนละ"
นิกรโพล่ง
"สองร้อยบาท"
"เฮ่ย นั่นมันอัตราเงินเดือนชั้น ...ชั้นให้สี่สิบบาท" พลบอก
คลอยกมือไหว้
"ขอบพระคุณค่ะ คุณแม่กับน้องๆคงดีใจมากที่พวกเราจะรอดจากความอดตายในครั้งนี้"
"เอ้อ ความจริงสี่สิบบาทอาจน้อยไป ชั้นให้ห้าสิบบาทแล้วกัน" พลบอก
"เป็นพระคุณอย่างยิ่งค่ะ ใต้เท้า"
พลเขิน เอานิ้วชี้อมในปาก
"น้องเธอมีกี่คนจ๊ะ"
"สามคนค่ะ"
"ตั้งสามคนเลย งั้นให้หกสิบบาทแล้วกัน"
"ท่านผู้จัดการเมตตากรุณาสมเป็นเจ้าคนนายคนจริงๆค่ะ"
"แปดสิบบาท แม่คลอ ชั้นให้แปดสิบบาท เธอ เอ้อ กลับได้แล้วจ้ะ ก่อนที่ชั้นจะยกห้างพัชราภรณ์ให้เธอ"
คลอยกมือไหว้
"ในโลกนี้คงไม่มีใครดีเท่าใต้เท้าแล้วค่ะ"
พลลุกขึ้น หยิบเสื้อนอก
"เดี๋ยวก่อน ชั้นไปส่งเธอเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะ บ้านดิชั้นอยู่ตรงนี้เอง"
คลอหันมายิ้มหวานและออกไป สามเกลอต่างทำตาเชื่อม
ภายใน ห้องโถงด้านหน้า บ้านศิริสวัสดิ์ เวลาเย็นต่อเนื่อง ลัดดา พิศ เพ็ญ นายผ่อง นายคง และประภา กำลังซุบซิบกันเรื่องผี ทุกคนกลัวมาก พระยาปัจจนึกเดินออกมาจากห้องรับแขก
"มีอะไรกันหรือ"
ประภาบอก
"เมื่อคืนนายผ่องเค้าเห็น...อีกแล้วค่ะคุณพ่อ"
"เห็นอะไรเหรอ"
"ผ..ผีขอรับ" นายผ่องบอก
"ประมาณห้าทุ่มน่ะค่ะ นายผ่องร้อนเลยเดินออกมาจากเรือนจะออกมาตากลมหน่อย" ประภาบอก
ย้อนคิดไปในคืนก่อนหน้า นายผ่องใส่กางเกงขาก๊วย เสื้อไม่ใส่ พาดผ้าขาวม้า เดินออกมาจากเรือน
พิศบอกเล่าเรื่อง
"พอดี ด..ได้ยินเสียงหมาหอน....โหยหวน นายผ่องมองไปที่บนระเบียงตึกชั้นสอง ห..เห็นผีท่านเจ้าคุณกำแหงเจ้าค่ะ"
ผีเจ้าคุณกำแหงมองลงมาจากระเบียง ชี้หน้านายผ่อง
เจ้าคุณกำแหงกล่าวเสียงก้องๆ ดังหลอนๆ
"เท่าที่มาให้เห็นนี้ไม่ใช่หลอก แค่มาดูแลทุกข์สุขเท่านั้น ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เป็นต้นไป ห้ามนอนรวมกันหลายๆคน ให้ต่างคนต่างนอน ใครขัดขืนจะหลอกให้ตายเลย"
นายผ่องร้องลั่นแล้ววิ่งหนีไป
"ส..เสียงนั้นดิชั้นก็ได้ยินเจ้าค่ะ แม่ครัวแกก็ได้ยิน ขนาดหูตึงนะเจ้าคะ" พิศรายงาน
"จะทำยังไงดีเจ้าคะ ใต้เท้า" ลัดดาถาม
"เอาเถอะ ให้ไปบอกกับทุกคนว่า ทุกคนอย่าหวาดกลัว ท่านแค่มาพิทักษ์ดูแลปกป้องพวกเราเท่านั้นเอง และที่สำคัญให้ปฎิบัติตามคำสั่งท่านเจ้าคุณพ่อของชั้นด้วย เข้าใจมั้ย"
ทุกคนบอก
"เข้าใจค่ะ / ครับ"
เสียงรถและเสียงบีบแตรดังลั่น
"เสียงแตรรถแบบนี้ ต้องเป็นคุณนิกรแน่ๆ"
ประภาวิ่งไปดู
" คุณพ่อขา น้องไพ กับคุณกรและคุณพลมาแล้วค่ะ คุณพ่อ"
ปัจจนึกไม่ค่อยพอใจ
"แล้วมันจะมาทำไมกันเยอะแยะ"
เจ้าคุณปัจจนึกกำลังคุยกับพลนิกรอยู่ ข้างๆตัวพลกับนิกรมีกระเป๋าอยู่ด้วย
"เราจะมาจับไอ้ผีระยำครับ คุณพ่อ" นิกรบอก
"หยุด แกจะมาด่าว่าล่วงเกินไม่ได้ เพราะ ผีน่ะคือเจ้าคุณกำแหงพ่อของพ่อเอง แกจะต้องเคารพท่าน"
นิกรหัวเราะ
"คุณพ่อเชื่อด้วยหรือ"
"เชื่อสิวะ ... ก็ชั้นเห็นด้วยตาตัวเอง"
"แต่เราสองคนไม่เชื่อหรอกครับว่าจะเป็นเจ้าคุณปู่ น่าจะเป็นขโมยหรือโจรมากกว่า มันมาหลอกให้กลัวจะได้มาปล้นง่ายๆ"
"ก็ตามใจ ... ในกระเป๋าแกมีอะไร"
"เครื่องมือปราบผีครับ" พลพูดพลางเปิดกระเป๋า " นี่ สนับมือไว้ต่อยผี นี่ไฟฉายไว้ส่องผี แล้วก็นี่" พลหยิบพระพวงเบ้อเร่ออกมา "พระเครื่องรางกันผีครับ"
ปัจจนึกยิ้มๆ
"ว่าคงไม่ได้ผลหรอกนะ แกเอานี่ไว้ด้วยเถอะ"
ปัจจนึกเปิดลิ้นชักส่งปืนให้สองกระบอก สองคนมองหน้ากัน
เวลากลางคืน บรรยากาศน่ากลัวมากๆ เสียงลมพัดแรง
ประภาประไพนั่งกอดกันบนเก้าอี้รับแขก ลัดดา พิศ เพ็ญ นั่งกอดกันอยู่ข้างล่าง
ประไพเสียงสั่นถาม "พ.พี่ภา เสียงอะไร"
"...สสส เสียงลม"
"ม...มันน่ากลัว"
เสียงเหมือนคนร้องโหยหวน
ห้าคนในวงนั้นต่างร้อง "ว้าย"
เสียงลมพายุ... ประภาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง
เพลง "ค่ำแล้ว" (คำร้อง - ทำนอง สมาน เมธากุล)
ประภา "ค่ำแล้ว ยินเสียงแว่วตามลมพา ดั่งผีพราย ลำพองมา มองสุดตามืดไป"
ประไพเดินตามไป
ประไพ "หวาดหวิว แนวไม้พลิ้ว แล รำไร ดูคล้ายคนเดินไกลๆ พาหัวใจให้พรั่นกลัว"
ทุกคน "มืดมน ทั่วทุกตำบล หันไปทั่ว หนใดไม่พ้นมืดมัว เหลียวมองแห่งไหนน่ากลัว พัดมาแต่ตัวแลเหลียว"
ลัดดา "มืดจริง ดั่งเขาทิ้งไว้แดเดียว มองหนใดให้เปล่าเปลี่ยว ใจเสียวกลัวไม่กล้าเลย"
เสียงหริ่งแบบน่ากลัวๆ
ประภา "หริ่งร้อง ยินเสียงร้องตามลมเชย ใยไม่เพราะเหมือนดั่งเคย โอ้หริ่งเอยเป็นไฉน"
ประไพ "มืดแล้ว ยินเสียงแว่วมาไกลๆ ใจระรัวกลัวโพยภัย พง ผีไพร กู่หากัน"
ทุกคนร้อง "ว้าย"
ลัดดา "เยือกเย็น น้ำค้างกระเซ็นหนาวจนสั่น นึกใบให้กลัวโรยผ่าน หรือใครมาร้องเรียกฉัน คิดไปยิ่งพลันหวั่นไหว"
ทุกคน "โอ้เอ๋ย ลมพัดเชยไม่ชื่นใจ ดูมืดมัวสลัวไป ใจนึกกลัวไม่สิ้นเอย"
เสียงหมาหอน ไฟดับพรึ่บ ทุกคนร้องว้าย
เวลาเดียวกัน ภายในห้องที่จัดให้พลนอน นิกรกระโดดขึ้นตักพล
"เหวอ"
พลผลักโครม นิกรไปกองอยู่บนพื้น
"ปัดโธ่ ไอ้เรายิ่งใจไม่ดี ลุกขึ้นมาเร็ว ...เอาปืนมา"
นิกรครางเบาๆ
เสียงฝนตกหนัก ฟ้าแล่บ ทันใดนั้นเองเสียงผีเจ้าคุณกำแหงก็หัวเราะดังขึ้นในความมืด
"แกได้ยินอะไรมั้ย" นิกรถาม
"ด...ได้ยิน"
พลส่องไฟไปทั่วห้อง แต่ไม่เห็นอะไรเลย
ผีหัวเราะบอก
"ใครมันมาลองดีกะกู กูจะหักคอมัน"
พล นิกรต่างร้อง "เหวอ"
"กลัวแล้วขอรับ อย่ามาหักคอเลย" พลบอก
"นะโมตัสสะ ภควะโต กาเมสุมิจฉาจารา" นิกรสวดมนต์
"กูจะฆ่ามึง!"
สองคนร้อง "เหวอ"
พลนิกรวิ่งออกไปจากห้อง
ฟ้าแล่บแปลบๆ ทั้งสองคนวิ่งไปตามทางเดิน พลถือไฟฉายและทั้งสองคนต่างถือปืน
"คุณพ่อช่วยด้วย"
บริเวณห้องรับแขกด้านล่าง สองพี่น้องต่างกอดกันแน่น
ประไพเรียก "กร กร"
เสียงฟ้าร้องฝนตกหนักมาก
พล นิกรวิ่งไปคิดชีวิต
"คุณอา/คุณพ่อ ช่วยด้วยๆ"
“ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ ไอ้พล ไอ้ชาติหมา ไอ้กร ไอ้หน้าหมี”
“เหวอ”
พล นิกรเปิดประตูห้องทำงานเจ้าคุณเข้าไป ร่างของปีศาจเจ้าคุณกำแหงยืนจังก้าอยู่
“เหวอ”
“ฮ่ะๆๆ”
“อย่า..เข้ามานะ พ..พ่อยิงจริงๆ”
ปีศาจหัวเราะแล้วเดินเข้ามาหา พลยิงปืนปังปังไปสองนัด เจ้าปีศาจเอามือรับลูกปืนไว้ แล้วปากลับมาที่พล ลูกกระสุนตกที่พื้น
“เหวอ...”
สองคนผมตั้งชัน ถอยหลังแล้ววิ่งหนีออกไป ร้องโวยวาย ส่วนผีรีบวิ่งไปด้านหลังห้องทะลุออกไปทางระเบียง ซึ่งเป็นประตูหลังห้องเจ้าคุณ แล้วเปิดประตูวิ่งเข้าไป
พล นิกรเคาะประตู ส่งเสียงเรียก
ในห้องนอนเจ้าคุณ เจ้าผีเข้ามาแล้วถอดหน้ากาก ถอดผ้าขาวที่คลุมอยู่ แล้วขว้างไปที่ใต้เตียง ที่แท้ผีหัวล้านคือเจ้าคุณปัจจนึกนี่เอง
เสียงเคาะประตูดัง ปัจจนึกแกล้งทำงัวเงีย
“ใคร ใครเรียก”
เจ้าคุณไปสับสะพานไฟขึ้น ไฟสว่าง เจ้าคุณหัวเราะฮิๆแบบไม่มีเสียงแล้วเดินไปเปิดประตู
สองคนยืนอยู่หน้าประตู
ปัจจนึกทำไก๋
“อะไรกันรึ”
“ผี...ผี เจ้าคุณปู่หลอกครับคุณพ่อ”
“ผม ผมเอาปืนยิงไปสองนัด แต่มันเอ๊ยท่านกลับรับไว้และยังโยนกลับมาอีก”
“ฮ้า จริงเหรอ ทำไมอาไม่ได้ยินอะไรเลย”
“ฝนตกหนักนี่ครับ” พลบอก
“จริงสิ...ว่าแต่ว่าแกยิงเจ้าคุณพ่อ...ถือเป็นการดูหมิ่นท่านมาก”
“ผมผิดไปแล้วครับเจ้าคุณปู่ ต่อไปจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”
พลนิกรทรุดตัวลงนั่งไหว้ปะลกๆ ประภา ประไพและลัดดาวิ่งมาตามทางเดิน
“เมื่อกี้มีอะไรคะ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย” ประไพถาม
“ไม่มีอะไรจ้ะ กรกับพลแค่ตกใจเสียงฟ้าผ่านิดหน่อย” นิกรบอก
“แต่ดิชั้นได้ยินเหมือนเสียงเจ้าคุณปู่เลยค่ะ “ ประภาบอก
“ใช่ค่ะ คล้ายๆท่านเรียกคุณสองคนว่า ไอ้พลชาติหมากับไอ้กรหน้าหมี”
สองคนสะดุ้ง
“หูคงฝาดมังครับ เสียงฟ้าร้องหรือเปล่า” พลว่า
“เจ้าสองคนไปนอนได้แล้ว เจ้าคุณปู่สั่งไว้ไม่ให้ออกจากห้องหลังสามทุ่ม จะขัดคำสั่งหรือ”
“ม..ไม่ค่ะ “ ประภาบอก
ประไพจูงมือนิกร
“ไปเร็ว...คุณพล มาอยู่เป็นเพื่อนเราด้วยค่ะ “
สี่คนรีบไป
“แม่ลัดดา ไปเข้าห้องหล่อนสิจ๊ะ”
“ค่ะ ใต้เท้า”
นาฬิกาบอกเวลา 22.00น เจ้าคุณเดินเข้ามา เห็นปลอกกระสุนตกอยู่ที่พื้น เจ้าคุณปัจจนึกเข้ามาหยิบขึ้นมาและหัวเราะฮิๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน
อ่านต่อหน้า 3
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 7 ตอน กลัวผี (ต่อ)
ประภากำลังยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน เจ้าคุณนั่งอยู่
“หนูชวนน้องไพมาอยู่เป็นเพื่อนคืนนี้นะคะคุณพ่อ น้องไพบบอกจะชวนคุณพลกับคุณกรมาปราบผีด้วย”
ปัจจนึกประชด
“ไม่ชวนแม่นันทามาด้วยละ”
“ชวนแล้วคุณนันกลัวผีค่ะ ไม่กล้ามาหรอก”
“ฮึ ไอ้สองตัวนั่นมาก็ไม่ช่วยหรอก” เจาคุณหัวเราะแบบลึกลับ
“เอ๊ะคุณพ่อนี่...ไม่สงสารหนูบ้างเลย กลัวจะตายอยู่แล้ว ..หนูไปเตรียมห้องให้คุณพลก่อนค่ะ”
ประภาเดินออกไป
“ชะชะ ไอ้หน่มลูกคางใส คิดจะมาปราบพ่อเหรอ เดี๋ยวจะโดนดี”
ปัจจนึกเดินไปหยิบปืนมาสองประบอก เอาลูกกระสุนจริงออก แล้วหยิบลูกกระสุนปลอมขึ้นมาใส่แทน
เจ้าคุณหน้ายิ้มกริ่ม ผิวปากอารมณ์ดี เดินไปที่ชั้นวางของ หยิบไมโครโฟนที่ซ่อนไว้ออกมา เปิดเสียง
แล้วจ่อปากไปที่ไมโครโฟน ทำเสียงหมาหอน แล้วแกล้งร้องครวญครางทำเสียงโหยหวน
เสียงโหยหวนของผีปลอมดังขึ้น ไฟเปิดสว่าง ประภา ประไพนอนกอดกันบนเตียง ที่เก้าอี้โซฟา พลและนิกรนั่งหลับอยู่ พลสะดุ้งลืมตาขึ้น ค่อยๆชันตัวขึ้น ฟังเสียงที่เงียบไปแล้ว พอไฟดับวูบ เหลือแต่แสงจันทร์ พลกลัวจนต้องเอามือจับหัวใจว่ายังเต้นอยู่หรือเปล่า
ทันใดนั้นพลได้ยินเสียง ฮือๆ จากนอกระเบียงใกล้เข้ามา
เจ้าคุณปัจจนึกในชุดผี เดินมาตามระเบียง ก่อนก้าวเท้าเปล่าลงย่ำลงไปบนน้ำ ซึ่งเป็นน้ำฝนที่เจิ่งนองอยู่ที่พื้น แล้วครางเสียง " ฮือๆ"
พลลืมตาโพลง ฟังเสียงครางที่กำลังใกล้เข้ามา ทันใดนั้นเขาก็เห็นประตูค่อยๆแง้มออก ปีศาจหัวล้านเดินเข้ามา
"โอ๊ย... ผีหลอก"
ประภา ประไพและนิกรมองไปที่ปีศาจ แล้วร้อง"อ๊าก"
พลและนิกรกระโดดพรวดขึ้นเตียง เตียงหักโครม ทุกคน "อ๊ากก"
ปีศาจส่ายหัวด้วยความสมเพชแล้วรีบออกไปทางประตูหน้า
ทั้งสี่คนหลับหูหลับตากอดกัน ประไพกอดพล ประภากอดนิกร
"เจ้าคุณปู่..เจ้าคุณปู่"
ไฟเปิดขึ้น ทั้งสี่คนลืมตามองแล้วสะดุ้งรีบลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
"ไปหรือยังคะ"
"ไปแล้วครับ"
"โธ่เตียงหักหมดเลย แล้วจะนอนกันไงเนี่ย" ประภาบอก
"นอนมันอย่างนี้ละพี่ภา"
ประไพล้มตัวลงนอนต่อ ประภานอนด้วย ทั้งสองเอาผ้าคลุมโปง พลกำลังจะล้มตัวลงนอนพื้นเหมือนเดิม แต่แล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
พลกระซิบ
"กร... "
"อะไรวะ"
"ดูนั่นสิ"
ทั้งสองคนเห็นพื้นเป็นรอยเท้าเปียกน้ำ เดินไปทางประตูหน้าห้อง ทั้งสองมองหน้ากัน
พลและนิกรค่อยๆตามรอยเท้าผีเป็นทางไปหยุดอยู่หน้าห้องลัดดา
"นี่มันห้องแม่ลัดดานี่ผีอะไรวะมาอยู่ที่ห้องนี่" นิกรบอก
"ชักยังไงๆซะแล้วโว้ย"
พลจับมือจับประตู
"ลงกลอน แต่หน้าต่างหลังคงเปิดเป็นแน่"
พลและนิกรค่อยๆย่องเดินมาตามระเบียง หยุดหน้าห้องและแง้มหน้าต่างออก แล้วก็สะดุ้งทั้งคู่
เจ้าคุณปัจจนึกและลัดดานั่งอยู่บนเตียง มุ้งสี่เสาแหวกอยู่ เจ้าคุณมีหน้ากากผีและผ้าห่มขาววางอยู่บนเตียง ลัดดาอยู่ในชุดผ้าซิ่นสีชมพูแก่เสื้อแพรสีชมพูอ่อนแขนกุดดูแล้วโป๊นิดหน่อย ลัดดากำลังหลอกหล่อวัวแก่ทอดกายอยู่ในวงแขนเจ้าคุณ
"แม่ทูนหัวของพี่ ลัดดาจ๋าเธอก็เหมือนดอกไม้งามในสวน ชั้นน่ะเหมือนแมลงหัวล้านที่อยากจะบินมาดอมดมดอกไม้ มาให้ชั้นหอมสักห้าสิบหกสิบทีเท่ากับอายุชั้นเถอะนะ จูจุ๊บ"
ลัดดาสะลัดสะบิ้ง
"ระวังเถอะค่ะ คุณภา คุณไพรู้ว่าท่านปลอมเป็นผีเพื่อนอนกับดิชั้นคงถอนหงอกท่านแน่"
"มันไม่ใช่แม่ชั้นนี่ แล้วอีกอย่างจ้างชั้นก็ไม่มีผมให้มันถอน ฮิๆๆ"
พล นิกรมองด้วยความครึกครื้นเหมือนดูหนังสด ขยับตัวไปตามจังหวะตะลุง
เพลง "แมลงแฝงดอกไม้" (คำร้อง ศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ , ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
ปัจจนึก "บินเอ๋ย บินมา บินมาจากฟ้าสู่ดิน หอมชวยรวยริ่นแมลงว่อนบินเฝ้าตอมมาลี"
ลัดดา "บุปผาอำไพแย้มบานสดใสหลากสี หลงเริงยินดีถึงคราวจะมีคู่ชื่นไว้ชม"
ปัจจนึก "แม่เอยสวยผ่อง"
ลัดดา "ไม่ปองนิยม"
ปัจจนึก "พี่วอนขอชม"
ลัดดา "ไม่งามสมค่า"
ปัจจนึก "โอ้แมลงหลงเจ้าบุปผามุ่งเพียงมาลาสูงค่าในใจ"
ลัดดา "มะเอ๋ยแมลงบินมาแสวงดอกไม้ หลงเพียงใหม่ๆ แล้วบินจากไปให้ดอกไม้ตรม"
สองคนหัวเราะกันกิ๊กกั๊ก
"ท่านน่ะข่มเหงดิชั้น ใครเค้าไปรักใคร่ท่าน" ลัดดาบอก
"ไม่รักแล้วทำไมยอมเป็นเมียละจ๊ะ"
"ดิชั้นเป็นคนกตัญญูค่ะ แล้วอีกอย่าง ถึงท่านไม่เลี้ยงดิชั้นก็มีผัวใหม่ได้ง่ายๆ ไม่เห็นสึกหรอตรงไหนเลย"
"ถึงชั้นหัวล้านกบาลใสแต่ชั้นก็รักเธอนะจ๊ะ"
ลัดดาโน้มคอเจ้าคุณมาจูบหัวล้านดังฟอด
พลนิกรทำหน้าเหย
"ว้า เหม็นเขียวตายห่าเลย ให้กันจูบร้อยทีก็ไม่เอา"
ภายในห้อง
"คิดแล้วสมน้ำหน้าไอ้พลนิกรจริงๆ ฮิๆๆๆ มันเชื่อซะสนิทเลย โง่ระยำอะไรอย่างนี้"
พลและนิกรสะดุ้ง พลรีบส่งสัญญาณให้ นิกรเดินตามมา
"ทนไม่ไหวแล้วเว้ย แค้น" พลบอก
สองคนเดินไป
เวลาเดียวกัน นวลลออกับกิมหงวนนอนอยู่บนเตียง อาเสี่ยนอนกรนเคี้ยวปากจั้บๆ โทรศัพท์ข้างเตียงดังขึ้น นวลลออสะดุ้งตื่น ดูนาฬิกาหัวเตียง เห็นเป็นเวลา 23.15 น.
" บ้านไทยเทียมค่ะ อ้อ คุณพล มีธุระด่วนมากหรือคะ เป็นความเป็นความตายเลย ... ค่ะ ค่ะ อยู่ค่ะ เฮียนอนกรนเคี้ยวปากจั้บๆอยู่นี่ละคะ... ทำไมทำได้พร้อมกัน ทำสลับกันค่ะ" นวลลออหัวเราะ " ค่ะ น่าเกลียดมากเชียวค่ะ ฮิๆๆๆ เดี๋ยวปลุกให้ค่ะ"
นวลลออชกท้องอาเสี่ยดังตุ้บ กิมหงวนสะดุ้งตื่น
"โอ๊ย อะไรกันจ๊ะนวล เฮียกำลังฝันดีเชียว"
"เฮีย ตื่นได้แล้ว คุณพลบอกมีธุระด่วน"
"ธุระด่วน! บอกมันว่า เรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเฮีย"
กิมหงวนหลับต่อ นวลลออกระชากคอขึ้นมา
"ไม่ได้ อะไรเพื่อนเดือดร้อน โทร.มาขอความช่วยเหลือกลางดึก ยังจะนอนต่อ เดี๋ยวปั๊ด เอ้า พูดกับเค้าสิ"
นวลลออส่งโทรศัพท์ให้
"ว่าไงวะไอ้ตี๋ ธุระด่วนอะไรนักหนา" กิมหงวนฟัง แล้วทำหน้าขรึม "ได้ ได้ จะเอาอะไรนะ" เสี่ยสะดุ้งบอก "อือม์ มี ซื้อมาจากงานภูเขาทองคราวที่แล้ว เดี๋ยวเอาไปให้"
กิมหงวนวางหู รีบกระโดดลุกขึ้น
"เฮียต้องไปเดี๋ยวนี้นวล"
"ไปไหนคะ"
"บ้านเจ้าคุณปัจจนึก ถนนรองเมือง มีเรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าเฮียไม่ไปทุกอย่างจะพังพินาศหมด"
"เฮียสำคัญขนาดนั้นเลยหรือคะ"
"จ้ะ อ้ายสองคนเสียงมันจะร้องไห้อยู่แล้ว เฮียไปละ ต้องเอาของสำคัญมากไปให้มันจ้ะ"
กิมหงวนรีบออกไป
นวลลออเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
"ของสำคัญมาก ซื้อจากงานวภูเขาทอง?"
นิกรและพลกำลังรอและมองกิมหงวนอยู่
"เอามาหรือเปล่า"
"นี่ไง"
กิมหงวนเปิดกระเป๋าออกหยิบของส่งให้ พลเปิดออก หยิบหัวล้านและหน้ากากผีงานวัดสามสี่อันออกมา
สามคนหัวเราะกันร่าเริง
"เจ็บใจนักมาหลอกกันได้ ผ้าปูที่นอนละเอามาหรือเปล่า"
กิมหงวนหยิบผ้าปู
"เจ้าคุณกำแหงรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงวะ"
"น้องไพบอกว่าท่านหัวล้าน สูงใหญ่ พูดเสียงห้าวๆดุมาก เวลาพูดทำมือยุกยิกๆ"
" แล้วเจ้าคุณอาละ ชื่อตัวท่านว่าอะไร"
"ชื่อ อู๊ด"
"ชื่ออู๊ด ฮ่ะๆๆตายห่า ชื่อดีๆมีถมไปดันไปตั้งชื่ออู๊ด"
"ไอ้หงวน แกตัวสูง รูปรางเหมือนเจ้าคุณกำแหง แกจะต้องช่วยกัน"
"ให้แสดงเป็นผีเหรอ ได้ๆ" กิมหงวนทำท่าผี ยกมือยื่นไปข้างหน้า " อ๊อ แอ๊ อ๊อ แอ๊"
"ไม่ใช่ แกต้องให้กันขี่คอ แล้วกันจะแสดงเป็นผีเอง"
กิมหงวนทำคอย่นหลับตาปี๋ บ่นกะปอดกะแปด
"เนี่ยเหรอวะงานสำคัญที่แกว่า ฮึ หนูไม่ยอมอ่ะ"
เสียงยามเคาะเกราะตีสาม
เจ้าคุณเปิดประตูห้องลัดดาโผล่ออกมาดูซ้ายดูขวา แล้วผลุบออกมา ลัดดาโผล่หน้ามาบ๊ายบาย เจ้าคุณส่งจูบให้ ลัดดาหัวเราะกิ๊กแล้วปิดประตูห้อง เจ้าคุณเดินอย่างสบายใจ ไปตามระเบียงที่จะเลี้ยวไปห้องทำงาน หยุดที่กลางระเบียงแล้วเปิดหน้าต่าง ชมวิว จุดซิการ์สูบ
บริเวณซอกทางเข้าห้องทำงานเจ้าคุณ นิกรโผล่หัวออกมามองก่อนหลบกลับไป
"มาแล้วเว้ย เร็ว"
กิมหงวนรีบนั่งยองๆ พลขึ้นขี่คอ นิกรเอาผ้าปูที่นอนคลุมให้ พลใส่หน้ากาก
"หนักเว้ย" กิมกงวนบอก
เจ้าคุณสูบซิการ์อยู่ ผีเดินโย่งเย่งมาหาเจ้าคุณ
พลคราง
"ฮือๆๆ"
เจ้าคุณสะดุ้งหันไปมอง ผีทำท่าทางมือยุกยิกแบบเจ้าคุณกำแหง
"เจ้าอู๊ด"
ปัจจนึกตาเหลือกโพลง
"ค....คุณ..คุณพ่อ"
"ใช่"
เจ้าคุณรีบก้มลงกราบปะลกๆ กิมหงวนกระทืบเท้า ทำให้พลต้องแสดงประกอบด้วยการยกมือชี้หน้า กิมหงวนกระทืบอีกห้าหน พลยกมือตามจนโมโห
" พอแล้วเว้ย"
"อ..อะไรหรือครับคุณพ่อ"
" เจ้าอู๊ด แกทำเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล เลวมาก"
"ผมทำอะไรครับ"
"หนอยแน่ แกทำเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมาก อายุปูนนี้แล้วยังเอาสาวใช้เป็นเมีย ลูกเต้าและคนในบ้านรู้มันจะหาว่าข้าไม่สอนเจ้า" ผีทำมือยุกยิก
ปัจจนึกก้มกราบ
"คุณพ่อครับ..กรุณายกโทษให้ผมเถอะครับ ท..ทีหลังผมจะไม่เต๊าะสาวใช้แล้วครับ"
ผีพยักหน้า ทำมือเกายุกยิกๆ
"ถ้าไม่สงสารหลานสาวข้าว่าจะกำพร้า ข้าจะแหกอกออกมาให้เจ้าตกใจตายทีเดียว ...เฮ้ย อย่าเกาตีน จั๊กจี้"
ภายในผ้า กิมหงวนเกาเท้าพล
"ผ...ผมเปล่านะครับ" ปัจจนึกบอก
"ข้าไม่ได้ว่าเจ้า ข้าว่าไอ้ผีห่าที่มากับข้า"
"ม...มีคนมาด้วยหรือครับ"
"ฮือ ฮือ เออ ข้านี่ละ เพื่อนรักกับเจ้าคุณกำแหง มาด้วยกัน ... หิวเว้ย"
"หิวเหรอครับ ผ...ผมมีผลไม้ มีขนมปังกรอบและก็วิสกี้ครับ"
"ดีๆ เจ้าจงเอาไปเซ่นข้าในห้องเก็บกระดูก"
"ค...ครับ"
"แต่ก่อนอื่นข้าจะต้องลงโทษเจ้าทื่ทำให้วงศ์ตระกูลเสียหาย"
"ย...ยังไงครับ"
"ยืนขึ้น ยกขาขึ้นข้างหนึ่ง"
ปัจจนึกทำตาม
"อีกข้างหนึ่งด้วย" กิมหงวนบอก
เจ้าคุณสะดุ้ง
"ล..แล้วจะยืนได้ยังไงละครับ"
"จริงด้วย งั้นยกข้างเดียวพอ ยกมือขึ้น กำหมัด เขกกบาลตัวเองห้าที"
"แต่ว่า..."
ผีคำราม
"อย่าเถียง"
กิมหงวนคำรามด้วย
"กลัวแล้วคร้าบ"
"กลัวก็เขก"
เจ้าคุณยกมือเขกหัวตัวเอง
"ดีมาก คราวนี้เจ้าจงไปเตรียมของเซ่นไหว้ในห้องเก็บกระดูกข้า เดี๋ยวนี้"
"ครับคุณพ่อ"
เจ้าคุณรีบวิ่งไป หันกลับมา
ผีร้อง "แฮ่"
เจ้าคุณเผ่นแน่บ
อ่านต่อหน้า 4
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 7 ตอน กลัวผี (ต่อ)
ภายในห้องเก็บกระดูก ในบรรยากาศวังเวง มีโต๊ะวางพานดอกไม้ กระถางธูปจุดอยู่ ด้านหลังโต๊ะวางที่ใส่กระดูกบรรพบุรุษ
เจ้าคุณค่อยๆเปิดประตูเดินขาสั่นเข้ามา ในมือถือถาดผลไม้ ขนมปังกรอบและวิสกี้ หลังจากเอาวางไว้ กราบแล้วค่อยๆถอยออกไป
เสียงผีสามตัวคราง
"แฮ่"
"เหวอเออ"
ปัจจนึกเผ่นออกไป
พล นิกร กิมหงวนโผล่ออกมา หัวเราะดังลั่น นิกรรีบตรงไปหาขวดเหล้า ยกขึ้นซด
"ไปเว้ย จะเช้าแล้ว ไปหลอกคนใช้หลังบ้านกัน เอาเหล้าไปด้วย"
พิศ สาวใช้นุ่งกระโจมอก ถือขันน้ำใส่ยาสีฟันซองแปรงสีฟันจะไปห้องน้ำ เสียงผีครางฮือๆ พิศหันมามอง เห็นผีสามตัวใส่หน้ากากคนละอัน ห่มผ้าขาวเหมือนกัน
"แอร๊ย ... ผี! ช่วยด้วย ผีหลอก" พิศล้มหงายหลังสลบไป
กิมหงวนตกใจ
"ตายหรือเปล่า"
นิกรก้มลงไปดูแล้วบอก
"ไม่ตาย แค่สลบ"
"งั้นไปหาที่กินเหล้ากันวะ"
ผีรีบวิ่งปุเลงๆไป ซดเหล้าไป หัวเราะกันลั่น
เวลาจวนเช้า ผีสามตัวเดินกอดคอกันถือขวดเหล้ามา ต่างเปิดหน้ากากออกที่บริเวณสวน
" แหม สบายจริงเว้ย ไม่มีเมียอยู่ด้วยเนี่ย ฮ่ะๆๆๆ" กิมหงวนพูดพลางกินเหล้า
"จริงวะ กันไม่น่าแต่งงานเลย " คิดผิดแท้ๆ" พลว่าแล้วซดเหล้าตาม
"เฮ้อ กันก็ว่าอย่างนั้นละ มีเมียผิดคิดจนเมียตาย เฮ้อ อยู่คนเดียวดีๆไม่ชอบ ดันเสือกมีเมีย"
เพลง "สบาย สบาย" (คำร้อง ธาตรี ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
พล "เรานี้อยู่คนเดียวก็สบาย "
นิกร กิมหงวน "เรานี้อยู่ที่ใดก็สบาย"
พล "ตราบที่ไหนมีน้ำมีฟ้า พร้อมดวงจันทราและดวงตะวัน"
นิกร "อยากจรไปทิศใดไม่หวั่น ที่อาศัย"
กิมหงวน "ตราบที่ไหนมีนกบนฟ้า น้ำยังมีปลาล้วนพามั่นใจ"
พล "ป่ามีพงชัฏสัตว์มีไพร แล้วไยจะตรม"
นิกร "เรานี้อยู่คนเดียวช่างสบาย"
กิมหงวน พล "เรานี้อยู่คนเดียวเที่ยวสบาย"
นิกร "ตราบชีวิตเรานี้ยังคงและไม่พะวงอะไร ๆ"
กิมหงวน "จักกินนอนฉันใดก็ได้ ไม่กังวล"
พล "อยู่ที่ไหนก็เหมือนสวรรค์แม้นใจสุขสันต์สำ¬คัญที่ตน"
นิกร "ด้วยชีวิตแข็งแกร่งอดทน มิจนแก่ใจ"
กิมหงวน "เรานี้ไม่มีเมียก็สบาย"
พล นิกร "เรานี้นอนคนเดียวก็สบาย"
กิมหงวน "เพื่อนเรานี้มีทุกแห่งหน ถึงไม่มีคนมาเป็นเพื่อนตาย"
พล "ก็ยังมีสายลมไม่หน่าย ลูบกายใจ"
นิกร "โน่นดอกไม้ก็ยิ้มกับเราพฤกษ์ไพรโขดเขารักเ¬ราทั่วไป"
กิมหงวน "เพื่อนก็ทุยนั้นนั่นยังไง มิตรในไร่นา"
พล "เรานี้อยู่บนดอยก็สบาย"
นิกร กิมหงวน "เรานี้อยู่ทะเลก็สบาย"
ทั้งสามคนเล้มตัวลงนอน หัวชนกัน
พล "อยู่ที่ใหนไม่ทุกข์ไม่ร้อนเพราะกินและนอน¬ไปตามอุรา"
นิกร "อยู่คนเดียวนี้เพลินดีกว่า อย่าสงสัย"
กิมหงวน "ไผ่เสียดสีดังเสียงดนตรี นกการ่ารี้ร้องเพล¬งชื่นใจ"
พล "เรื่องเดือดร้อนมิได้กวนใคร หัวใจสบาย"
นิกร "เรานี้มีตีนเดินก็สบาย"
กิมหงวน "เรานี้มีเพียงทุยขี่สบาย"
พล "เรามิมีแฟนควงก็สบาย"
นิกร "เรามิต้องอบนวดก็สบาย"
นิกรปิดหน้ากากผีลงมา
กิมหงวน "เรามิมีพ่อตาก็สบาย"
กิมหงวนปิดหน้ากากผีลงมา
พล "เรามิมีแม่ยายยิ่งสบาย"
พลปิดหน้ากากผีลงมา
ทั้งสามคน "สบาย" แล้วหลับไป
เสียงนกการ้อง เมื่อตอนเช้ามืด คนใช้กำลังทำงานบ้านจับกลุ่มคุยกัน ประภา ประไพเดินลงมาจากชั้นบน
"มีอะไรกัน"
"แม่พิศถูกผีหลอกเมื่อเช้าค่ะ ยังนอนซมอยู่เลยค่ะ หัวจะโกร๋นหรือเปล่าไม่รู้"
"เจ้าคุณปู่เหรอ" ประไพถาม
"เค้าบอกไม่ใช่ค่ะ ผีมาด้วยกันถึงสามตัว" เพ็ญว่า
"หา จริงหรือ" ลัดดาว่า
"มันคงตามเจ้าคุณปู่มาแน่ๆเลยน้องไพ โอยพี่จะบ้า" ประภาบอก
ประไพเป็นห่วง
"ว่าแต่ว่า ใครเห็นคุณพลกับคุณนิกรบ้าง"
ทุกคนต่างบอกว่าไม่เห็น
"หรือว่า โดนผีหลอกแล้วหนีกลับบ้านไปแล้ว" ประภาว่า
เสียงรถเข้ามา
"เอ๊ะ รถใครมา"
ประภา ประไพเดินไปดู
"พี่นันมาค่ะ คุณนวลลออเมียเสี่ยกิมหงวนก็มาด้วย"
สี่สาวทักทายกันอยู่หน้าตึก
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คุณนัน สบายดีนะคะ" ประภาถาม
"สบายดีค่ะ"
"เป็นยังไงมายังไงคะ คุณนวลถึงมากับพี่นันด้วย" ประไพถาม
"ดิชั้นโทร.ไปหาคุณนันค่ะ ถามว่าเมื่อคืนเป็นยังไงกันบ้าง คุณพลกับคุณนิกรมีธุระด่วนอะไร พอทราบว่าคุณนันจะมาที่นี่ก็เลยมาตามเฮียกลับด้วย" นวลลออว่า
ประภา ประไพ ต่างงง
"อะไรนะคะคุณนวล คุณหงวนมาที่นี่เหรอคะ" ประไพถาม
"ค่ะ มาเมื่อคืนนี้ไงคะ" นวลลออว่า
นันทากอดเอวประไพ
"แล้วนี่พลกับกรอยู่ไหนละน้องไพ ยังไม่ตื่นเหรอ"
"ตื่นแล้วค่ะ พี่นัน แต่หายไป"
"หายไป"
ทันใดนั้นเสียงร้องกรี๊ดดังมา แล้วพิศสาวใช้ที่โดนหลอกเมื่อเช้าก็วิ่งเข้ามา
"ผี ผี"
สาวใช้และคนงานทีทำงานอยู่ต่างวิ่งมา
"ที่ไหน"
พิศหน้าซีดปากสั่น
"ทางโน้นค่ะ ...มันนอนอยู่ทั้งสามตัวเลย"
ประภาพึมพำ
"อิติปิโสภควา"
"ผีอะไรนอนกลางวันคะ ไปดูกันเถอะค่ะ" นวลลออว่า
นวลลออคว้าแขนประภา
"จะดีหรือคะ"
"ดีค่ะ ..ไปเร็ว"
นวลลออลากประภาไป นันทาและประไพ พร้อมด้วยสาวใช้และคนงานตามไปด้วย ที่ชั้นบนตึก เจ้าคุณปัจจนึกโผล่ออกมา
"อะไรกันน่ะ"
ลัดดาตอบขึ้นไป
"ผีค่ะท่าน ผี"
ลัดดาวิ่งไป
สี่สาววิ่งนำหน้าหมู่คนงานเข้ามา เห็นผีสามตัวนอนเมามายอยู่
"เรามิมีนันทาก็สบาย" พลยังเมาร้องเป็นเพลงอยู่
"เรามิมีประไพก็สบาย"
"นวลละออตายไปก็สบาย"
สามสาวต่าง "ฮึ่ม"
นวลลออปราดเข้าไปกระชากเสื้อกิมหงวน แล้วกระชากหน้ากากออก
"ว่าอะไรนะ"
ประไพและนันทากระชากหน้ากากพลกับนิกรออกเช่นกัน
"เหวอ"
คนงานฮือฮา
นันทาชกท้องเต็มแรง
"ทำไมเหลวไหลอย่างนี้ หา"
"โอ๊ย กลัวแล้วจ้า" พลบอก
นวลลออปล่อยหมัดเข้าที่คางเสี่ยกิมหงวนเต็มรัก
"หนอย ธุระสำคัญ"
นันทาตุ๊ยท้องพลต่อไป
"หนอย เป็นคนไม่ชอบชอบเป็นผี"
"โอย เจ็บ เจ็บ"
"อย่ามาทำอะไรเพื่อนเค้านะ" นิกรบอก
"แกอย่ามาเสือกไอ้หน้าหมี"
"ชั้นจะเสือกพี่นันจะทำไม"
ประไพตบฉาด
"อ๋อย"
เจ้าคุณปัจจนึกวิ่งโร่ถือตะพดมา หน้าตาถมึงทึง ท่านรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร
"พวกมึง...พวกมึงแกล้งหลอกกู"
สามคนรีบคุกเข่ากราบ
"อ้อ นี่ทำผีหลอกเจ้าคุณอาด้วยเหรอหา เฮียหงวน"
"เฮียผิดไปแล้วจ้า" กิมหงวนบอก
"บอกมาเดี๋ยวนี้ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น" นันทาถาม
สามคนมองหน้ากัน แล้วมองหน้าเจ้าคุณ เจ้าคุณเลิกลั่ก พยายามขยิบตา พลทำไม่สนใจ
"บอกก็ได้จ้ะ นัน ความจริงก็คือ เมื่อคืนนี้..." พลบอก
ปัจจนึกรีบขัด
"ไม่มีอะไรหรอกหลานสาว อย่าซักถามมากนักเลย ไอ้สามตัวมันก็แค่รับอาสาอาจับผี แล้วในที่สุดก็ปลอมเป็นผีเอง ก็แค่นั้น"
"ใช่เมื่อไรละครับ คุณอาก็เล่ารวบรัดไป ความจริงก็คือ ก่อนที่ผมจะแกล้งเป็นผีน่ะ..."
"โอย ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรเลย"
"เรื่องมันมีอยู่ว่า"
"บอกว่าให้หยุด!" ปัจจนึกหันไปพูดกับสาวใช้
"นี่พวกแกน่ะ รู้ความจริงว่าไม่มีผีแล้วก็ไปทำงานกันได้แล้ว มาจ้องหาอะไร ฮึ"
สาวใช้คนงานรีบหลบไป
"ไม่มีอะไรแน่หรือคะคุณพ่อ" ประไพถาม
"ไม่มีจริงๆจ้ะให้ดิ้นตาย .. ไปขึ้นตึกกันเถอะ ไป แดดร้อนแล้ว"
ปัจจนึกรีบลากประภา ประไพไป
สามเกลอมองตาม แหกปากหัวเราะ นวลลออและนันทาตบหลังกิมหงวนและพลดังพลั่ก
"โอ๊ย"
นิกรเห็นเข้าก็ดีใจที่เมียตัวเองไม่อยู่แล้วจึงแหกปากหัวเราะดังลั่น นันทาปราดตบบ้องหูน้องปั้ก
"อ๋อย"
อ่านต่อตอนที่ 8 ตอน สามเกลอผจญภัย