xs
xsm
sm
md
lg

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 4 ตอน หวงลูกสาว 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 4 ตอน หวงลูกสาว 2

บ้าน พัชราภรณ์ ในห้องนั่งเล่น ในห้องยังมีข้าวของที่ปลอมตัววางระเกะอยู่ ได้แก่ผ้าแถบ ผ้าโจงเก่าๆ นอกจากนั้นยังมีกะลามะพร้าวอ่อนอยู่สองสามอัน
 
แห้วกำลังเก็บของในห้องอยู่ แต่เมื่อหยิบผ้าแถบขึ้นมาดูก็หัวเราะดังลั่นคนเดียว เมื่อนึกถึงพลและนิกรเมื่อเวลาเช้ามืด

แห้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ คืนก่อนหน้า ในห้องนี้ แห้วล็อคกลอนประตู ด้านหน้าห้อง
เสียงนิกรบอก
“แกลงกลอนดีๆนะ อย่าให้ใครเข้ามาได้”
“รับประทานแน่นหนาขอรับ”
นิกรกำลังซ้อมปลอมตัวอยู่ทีโต๊ะทำงานพล นิกรใส่วิกผมหงอกประปราย นิกรกาลังติดหนวด นิกรใส่กางเกงดา
ย้อมมะเกลือ กับเสื้อกล้าม
“แล้วหนวดนี่มันจะไม่หลุดหรือครับ” แห้วถาม
“รับรองเว้ย หนวดอันนี้เค้าสั่งมาพิเศษสำหรับเล่นละคร ดึงแรงๆยังไม่หลุดเลย เป็นไงพล กันปลอมตัวแบบนี้สนิทมั้ย”
ขณะนั้น พลกำลังขยับหน้าอกที่ทำจากกะลามะพร้าวอ่อนอยู่ ท่อนล่างนุ่งผ้าโจงกระเบนสีดำ
“เออ ไม่เลวเว้ย เหมือนออกมาจากคุก”
“รับประทาน แล้วยกทรงคุณพลจะไม่หลุดออกมาหรือครับ”
พลขยับ
“ชั้นมัดเชือกแน่นแล้ว ไหนละไอ้แห้ว ผ้าแถบกับเสื้อนอกของชั้น”
“นี่ครับ”
แห้วเดินไปเอาผ้ามาให้ พลลองนุ่งผ้าแถบ
“ไปเอามาจากไหนวะ” นิกรถาม
“ให้ไอ้แห้วไปขโมยแม่ครัวมาให้กันเลือกว่าจะเอาตัวไหน”
นิกรส่งวิกให้
“เอ้า ใส่สิ”
พลใส่วิกที่ผมหงอกประปราย แล้วถาม
“เป็นไง”
นิกรและแห้วหัวเราะลั่น

“แกเหมือนผู้หญิงเอามากทีเดียว”
“รับประทานใบหน้าจุ๋มจิ๋ม ยังกะนางสาวสยาม”
นิกรหยิบกล่องเครื่องสำอางออกมา
“เอ้านี่ กันไปขอซื้อมาจากคณะละคร เดี๋ยวเราหัดแต่งหน้าแก่อีกหน่อยก็น่าจะตบตาท่านเจ้าคุณได้แล้ว”
“ อย่าให้หนวดแกหลุดออกมาแล้วกัน โดนท่านเจ้าคุณเตะแน่”
“รับรองไม่หลุด ไหนแกซ้อมทำท่าผู้หญิงสิ”
พลทำท่าเดินชดช้อยไปมา แล้วหันไปหานิกร
“คุณนิกรขา อยากจูบดิชั้นมั้ยคะ”
นิกรกับแห้วหัวเราะลั่น แห้วลงไปนั่งยองๆที่พื้นกุมท้องเพราะความขำ
“ไอ้เบื๊อก จูบแกจูบหมาดีกว่า” นิกรบอก
แห้วที่เห็นขนหน้าแข้งพล
“รับประทาน คุณพลยังไม่ได้โกนขนหน้าแข้งเลยขอรับ”
“เออ เว้ย ลืมไป โกนแต่ขนจั๊กกะแร้” พลชูแขนขึ้น “จะดูมั้ย”
“ไม่ต้องเว้ย”

เช้าต่อเนื่องมา พล นิกรในชุดปลอมตัว มือถือกระเป๋า ยืนอยู่หน้าบ้านศิริสวัสดิ์ สาวใช้อีกคนที่ไม่ใช่สงวนกำลังเปิดประตูให้ พล นิกรเข้ามา
“คุณน้ามาหาใครคะ”
พลและนิกรนั่งยองๆไหว้ สาวใช้รีบไหว้ตอบ
นิกรในสำเนียงแบบชาวบ้านชนบท
“ผมจะมากราบเท้าท่านเจ้าคุณคะร้าบ”
เสียงหมาเห่ากรรโชกมาจากในบ้าน สองคนสะดุ้ง
“หมามันจะกัดหรือเปล่าหนู” พลถาม
“หมาเห่ามันไม่กัดหรอกค่ะคุณน้า”
“ถูกแล้วครับ แต่ถ้าหยุดเห่ามันคงกัดแน่ๆ”
“ เค้าผูกโซ่ไว้แล้วค่ะ อย่ากลัวเลย น้าตามชั้นมาแล้วกัน”
สองคนตามสาวใช้ไป

ประภาและประไพกำลังช่วยกันทำหรีดดอกไม้สดอยู่ เพราะเจ้าคุณจะไปงานศพเย็นนี้ สองคนใส่ผ้าซิ่นและเสื้อลูกไม้แบบอยู่กับบ้าน
ประไพกระวนกระวายแล้วเห็นพล นิกรไกลๆจึงยืนขึ้นและมองลงไป พลางหัวเราะกิ๊ก หันไปเรียกประภา
“พี่ภา เร็ว คุณกำแหงกับคุณประชามาแล้ว”
ประภารีบเดินมาแอบดู สองคนหัวเราะกัน
“คุณกำแหงแต่งผู้หญิงแล้วเหมือนมาก เอวบางร่างน้อย” ประไพบอก
ประภากังวล
“คุณพ่อจะเชื่อมั้ยนี่ หากรู้เข้าละ แย่แน่ๆ”
“โอ๊ย ไม่มีทางหรอก คุณพ่อน่ะเซ่อจะตาย เราลงไปดูกันมั้ยพี่ภา”
“ไม่เอาละ พี่ไม่กล้า เดี๋ยวขืนหัวเราะออกมา ความก็แตกกันพอดีสิ”
“จริงด้วยค่ะ” ประไพหัวเราะ

ภายในห้องรับแขก เจ้าคุณปัจจนึกพินาศแต่งกายด้วยกางเกงแพรจีน เสื้อกุยเฮงอยู่กับบ้าน นั่งอยู่บนโซฟา มีสาวใช้นั่งอยู่ห่างๆ พอเห็นเจ้าคุณ พลและนิกรรีบคลานเข้ามาหมอบกราบแสดงความเคารพ
ปัจจนึกก้มศีรษะมันแผล็บแทนการไหว้ตอบ
“แกคือใคร”
“ เกล้ากระผมชื่อก้อนขอรับ นี่แม่พันภรรยาผม”
“แกมีธุระอะไรกับชั้นรึ ดูท่าทางแกคล้ายเพิ่งลงมาจากต่างจังหวัด”
“ขอรับ กระผมเพิ่งมาถึงบางกอกเมื่อเข้านี้เอง”
“ อ้อ ท่าจะมาเรือเมล์ แกมาจากจังหวัดไหนละ นายก้อน”
“มาจากปากน้ำโพขอรับ เกล้ากระผมผัวเมียเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร เวลานี้การงานก็ไม่มีทำ การที่เกล้ากระผมลงมาหาใต้เท้าก็เพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่า ใต้เท้ามีใจเมตตากรุณาต่อผู้น้อย ได้โปรดให้เกล้ากระผมกับเมียได้อยู่ที่นี่ด้วยเถอะขอรับ”
เจ้าคุณปัจจนึกยิ้ม
“แกรู้จักชื่อชั้นหรือนายก้อน”
“รู้จักขอรับ ใต้เท้าชื่อพระยาพินาศปัจจนึก”
“เฮ่ย พินาศปัจจนึกก็หนีข้าศึกสิวะ ข้าชื่อปัจจนึกพินาศ”
“ ขอรับๆ คือ กระผมเคยเป็นคนสวนของผู้บังคับกองพันทหารที่ปากน้าโพขอรับ พอท่านถูกย้าย ท่านเลยปลดคนใช้ออกหมด กระผมได้ยินชื่อใต้เท้าจากเจ้านายเก่าคนนี้ละขอรับ”
“อ้อ หลวงยุทธศาสตร์ชำนาญละซี “
นิกรโกหกไปเรื่อย
“หลวงยุทธศาสตร์ชำนาญถูกแล้ว ขอรับ”
“แกก็เลยจะมาฝากเนื้อฝากตัวอยู่กับชั้น”

“ ขอรับ กระผมไม่ต้องการเงินดาวน์เงินเดือนเลย แค่ขอมีข้าวให้กิน มีที่อยู่ก็พอแล้ว”

เจ้าคุณเดินนำ พล นิกร และพิศ สาวใช้มาในสวน

“แกมีความสามารถในการบำรุงต้นไม้แน่หรือ”
“ขอรับ ทำมาแต่หนุ่มๆ”
พระยาปัจจนึก พยักหน้ารับ เดินไป สามคนเดินตาม

เจ้าคุณนั่งที่กาเซโบในสวน สามคนนั่งพื้น พิศพัดให้เจ้านาย
“แกอายุเท่าไร นายก้อน”
“สี่สิบห้าขอรับ”

“เอางี้ ชั้นนยินดีรับแกกับเมียไว้ แล้วให้แกเป็นคนดูแลสวนของชั้นแทนคนเก่าที่ออกไป”

นิกรยิ้มแทบปริ ก้มลงกราบเท้า พลรีบคลานกระโดกกระเดกเข้ามาข้างๆ ประนมมือกราบแทบเท้า แล้ว ยื่นมือมาบีบนวด
“ส่วนอิฉันก็พอจะนวดพระเดชพระคุณได้บ้างเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณแอบยิ้ม
“เฮ่ย ไม่ต้อง ชั้นขี้จั๊กกะจี้ ไม่ชอบนวด”

พลยิ้มแห้ง
“เท่าที่ท่านกรุณาชุบเลี้ยงคราวนี้ อิฉันกับผัวจะไม่ลืมพระเดขพระคุณเลยเจ้าค่ะ จริงๆนะเจ้าคะ อิฉันตั้งใจว่าถ้ามากราบเท้าท่านไม่สำเร็จ จะให้พี่ก้อนไปสมัครแผนกขนส่งอุจจาระของกรมโยธาเทศบาลเจ้าค่ะ”
ปัจจนึกมอง
“ท่าทางของเมียแกน่าจะเป็นกระเทยมากกว่าผู้หญิงนะ”
สองคนสะดุ้ง นิกรรีบกลบเกลื่อน
“ โอ๊ย เต็มที่ขอรับ มันไม่มีมารยาทเลย”
พลค้อนขวับ
“อย่ามาว่าแม่นา เดี๋ยวแม่เตะชัก”
เจ้าคุณและสาวใช้สะดุ้ง
“หา! แกนี่เอาการแฮะ ท่าตาก้อนคงกลัวหงอละซี”
“กลัวสิขอรับ มันเคยเตะผมบ่อยๆ พ่อนังพันมันเป็นครูมวยอยู่โคราชนะขอรับ”
“ดีแล้ว ชั้นพอใจมาก นังพัน ชั้นจะให้แกเป็นคนคอยระวังลูกสาวชั้น ป้องกันไม่ให้หนุ่มๆมาลามปาม”
“ไว้พนักงานอิฉันเถอะเจ้าค่ะ พะแผ่ซีคะ อิฉันกล้าอินชัวร์รัน ถ้าอ้ายหนุ่มคางใสคนไหนกล้า อิฉันจะกระชากคอเอาเข่าตีหน้ามันให้ดิ้นปั้ดๆเชียวค่ะ หนุ่มๆเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เล่นนะเจ้าคะ แต่งตัวโก้เก๋เป็นฝรั่งมังค่า แต่ไม่มีอัฐติดกระเป๋าเลยก็มีเยอะเจ้าค่ะ”

เพลงสงครามเพศ (คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
พล “นึกถึงผู้ชายฉันล่ะละอายแก่ใจหนักหนา”
นิกร “เบา! เดี๋ยวเขาจะว่าหญิงน่ะนินทาผู้ชาย”
พล “จะว่าก็ว่า...”
นิกร “อย่าดีกว่า”
พล “แหยละซีท่า...ชั่วช้าน่าอาย เรื่องผู้ชายสันดานชั่วร้ายบัดสี”
ปัจจนึก “ฉันเห็นบางคนมักเอารถยนตร์ขับวนเรื่อยไป”
พล “รถของเขาเมื่อไหร่ ขอยืมใครๆน่ะซี (เจ้าคะ)”
นิกร “จริงๆรึเธอ”
พล “จริงซิเธอ”
ปัจจนึก “มิน่าเล่าเออปั้นเจ๋อเต็มที่”
พล “นั่นน่ะซี ฉันว่าไม่ดีสักสิ่ง”
ปัจจนึก “บางคนอวดรวย”
พล “นั่นตัวซวยแม้นใครไปฉวยเอามา”
ปัจจนึก “ บางคนอวดกล้า”
พล “ไม่คณาน้ำตาผู้หญิง”
ปัจจนึก “ งั้นดีอะไร”
พล “เสียเรื่อยไปฉันไม่แอบอิง”
ปัจจนึก “แอ็คกระมัง แอ็คกับผู้หญิงก็ดีแต่หยิ่งกรีดกราย”
พล “สมบัติผู้ดีหายากเต็มที ก็ดีแต่เมา”
ปัจจนึก “เย็นเช้ากินแต่เหล้า ฉันเห็นแต่เมาหมดอาย”
พล “พอเย็นก็เฮ”
ปัจจนึก “ค่ำก็เซ”
พล “ สันดานก็เก”
ปัจจนึก “ปัดเป๋เมามาย”
ปัจจนึก พล “เรื่องผู้ชายสันดานชั่วร้ายเราเบื่อ”

“อุ๊ย ชาติผู้ชายก็ดีแต่ปลิ้นปล้อนผู้หญิง จริงมั้ยเจ้าคะ” พลว่า
เจ้าคุณโปรดปรานนังพันทันที
“จริง... ดีมากนังพัน แกพูดถูกใจชั้นทุกอย่าง เอาเป็นอันว่าชั้นรับแก ตาก้อน ให้เงินเดือนเดือนสิบแปดบาท ส่วนนังเมีย ชั้นให้เดือนละสิบบาทไม่ต้องทำอะไร คอยติดสอยห้อยตามลูกสาวชั้นอย่างเดียว อย่าให้ผู้ชายมันเข้ามาใกล้ พอใจมั้ย”
ทั้งสองคนก้มลงกราบ
“เป็นพระเดชพระคุณขอรับ” นิกรบอก

บริเวณระเบียง ประภาและประไพกำลังทำหรีดอยู่ สงวนช่วยอยู่ด้วย ทั้งสองคนท่าทางตื่นเต้น
“ป่านนี้ คุณกำแหงคุณประชาจะเป็นยังไงบ้างนะ”
“โอ๊ย คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่งั้นคงได้ยินเสียงหัวคุณสองคนแตกดังโพละแล้ว” สงวนว่า
สองคนสะดุ้ง
“สงวนน่ะ พูดอะไรไม่รู้ น่ากลัวเชียว” ประภาว่า
พิศเดินเข้ามา พอเห็นประภากับประไพก็ยอบตัวลง
“พี่สงวน ท่านเจ้าคุณรับคนสวนใหม่ ท่านบอกให้พี่สงวนช่วยไปเปิดเรือนคนสวนจ้ะ”
สงวนรีบลุกขึ้น
“เป็นไงบ้างละพิศ คนสวนคนใหม่”
“โอ๊ยตาย บ้านนอกเหลือเกินค่ะคุณภา เมียแกก็ท่าทางพิกล ท่านเจ้าคุณยังว่าเหมือนกระเทย”
ทั้งสามคนสะดุ้ง
ประไพกระซิบ
“บอกคุณสองคนว่าตอนเย็นพอคุณพ่อไปแล้ว ชั้นสองคนจะไปรอในสวนนะ”

“ค่ะ”
 
อ่านต่อหน้า 2

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 4 ตอน หวงลูกสาว 2 (ต่อ)

พิศและสงวนพานิกรและพลเข้ามาในห้องคนใช้ สภาพในห้องมีแคร่นอนสาหรับสองคนบนแคร่มีเสื่อมีหมอนมุ้งวางอยู่ ข้างฝาห้องมีกระจกเล็กๆติดอยู่ มีชั้นหวายเก่าๆวางอยู่ ในชั้นมีกระดานชนวน มีกล่องแป้งดินสอพอง

“นี่ละจ้ะ น้า ห้องที่จะพัก น้ามีของมาแค่นี้หรือ” สงวนถาม
“ครับ มีมาเท่านี้เองครับ “ นิกรบอก
พลบอกกับพิศ
“ขอบใจมากนะหนู อุตส่าห์ พามาส่งถึงที่ ทำงานหนักปวดเมื่อยตัวจะให้น้าช่วยนวดก็บอกนะ”
พลยื่นมือไปนวดพิศ สงวนเอามือฟาดดังเพียะ พลสะดุ้งปล่อยมือ
“อุ๊ยว้าย มาฟาดน้าทำไมจ๊ะ”
“นังพิศมันไม่เมื่อยขนาดนั้นหรอก น้า”
พิศยิ้ม
“แต่ว่าก็ขอบใจมากจ้ะน้าพัน .... งั้นเดี๋ยวชั้นไปดูท่านเจ้าคุณก่อนนะ พี่สงวน”
“เออ ไปเถอะ”

พิศออกไป พอลับหลังเท่านั้น สามคนระเบิดหัวเราะออกมา
สงวนรู้ตัวรีบจุ๊ปากห้าม
“อย่าหัวเราะดังสิคะ คุณกำแหง ...แหม ดิชั้นดูคุณแล้ว นึกว่าเป็นผู้หญิงจริงๆซะอีกน่ะ คุณปลอมตัวแนบเนียนเหลือเกิน”
“ไม่เห็นชมชั้นบ้างเลย” นิกรว่า
สงวนค้อนขวับ
“ดิชั้นไม่อยากพูดกับคุณ คราวที่แล้วคุณมาหลอกลูกไม้งูกับดิชั้น ระวังเถอะ ผัวดิชั้นมาดิชั้นจะฟ้อง”
“หา นี่เธอมี เอ้อ ผ.สระอัวแล้วเหรอ”
“ก็มีแล้วนะซี ล.สระอู้กก็มีค่ะ”
สองคนสะดุ้ง
“นี่ คุณสองคนน่ะ ต้องระวังตัวให้มากๆเทียวนะคะ”
“แน่นอนทีเดียว ชั้นน่ะใจคอไม่ดีเลย รู้สึกท่านดุยิ่งกว่าเสือ” สงวนบอก
“ความจริงท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีใจเมตตามาก แต่ท่านเป็นโรคเกลียดผู้ชายหนุ่มๆค่ะ หากท่านจับได้ละก็ จะต้องเกิดการรัดประหารขึ้นแน่นอน”
“อะไรจ๊ะ รัดประหาร” พลถาม
“โธ่ คุณโง่ยิ่งกว่าควายอีก รัดประหารก็คือการที่เจ้าคุณท่านสั่งให้พวกคนใช้รัดคอคุณแล้วเอาปืนยิงประหารเสียน่ะซีคะ”
สองคนหน้าซีดเผือด
“ดิชั้นไปละค่ะ ป่านนี้คุณภาคุณไพบ่นแย่แล้ว”
“เอ้อ ว่าแต่ว่า คุณภาคุณไพอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่บนตึกค่ะ กำลังช่วยกันทำหรีดดอกไม้สดให้ท่านเจ้าคุณ... เพราะเย็นนี้ท่านเจ้าคุณจะไปงานศพเพื่อนท่านคนหนึ่งค่ะ”

เย็นนั้น เจ้าคุณเดินออกมา ในชุดผ้าม่วง เสื้อราชปะแตน แขนทุกข์ มีประภาประไพตามมา พิศถือหรีดดอกไม้ มีป้ายเขียนว่า “พลโทพระยาปัจจนึกพินาศ”
เจ้าคุณและพิศเดินออกไป ประภาประไพยืนส่งพ่ออยู่ที่หน้าโถง เจ้าคุณไปแล้ว สองคนมองหน้ากัน ท่าทางตื่นเต้นดีใจที่เจ้าคุณพ่อไปเสียได้
“พอท่านเจ้าคุณไปแล้ว เย็นๆคุณทั้งสองคนจึงจะลงมาเจอคุณได้ที่ในสวนค่ะ”

ประภากับประไพใส่ชุดเดิม นิกรและพลเปลี่ยนเป็นกางเกงแพรและเสื้อแขนสั้น สองสาวเดินมา มองหาพลนิกร

เพลง นกเขาไพร (คำร้อง สมศักดิ์ เทพานนท์ คำร้อง เอื้อ สุนทรสนาน)
เสียงพลนิกรทำเป็นเสียงนกเขา จู้ฮุกกรูๆ

ประภา - ประไพ “เสียง ๆ ใครนั่นกู่เรียกฉันหรือใครกัน ยู่ฮู้ฮู..ยู่อู้ฮู”
พล - นิกร โผล่ออกมา “เสียงรักเรียกอยู่บอกให้รู้ว่าพี่เอง.ยู้ฮู.ยู้ฮู”
ประภา - ประไพ “ฟัง.ฟังดูน่าเบื่อนัก อะไรก็เรื่องรัก รักๆไม่เอ็นดู”
พล - นิกร “ โถตัวพี่จนไร้คู่ปากป้องร้องกู่ เพราะคู่ไม่มี”
ประภา ประไพเขินเสเดินไปอีกทาง ตรงต้นไผ่
ประภา - ประไพ “เสียงเสียงกอไผ่ถูกลมไหวคล้ายเสียงซอ อ้ออี๊ออ.อ้ออี๊ออ”
พล - นิกรไปดักโผล่หลังกอไผ่ “ เสียงๆใจพี่นี่แหละหนอ ดังกว่าซอ อี๊.อี..อี๊.อี”
ประภา - ประไพ “ เสียง.ซอ.ดัง.ฟัง.ไกล แต่ใจไฉนมี”
พล - นิกร “เสียงๆทรวงอกเสียดใจสี ฟังให้ดีเสียงอู้.อู้อี้อู”
เสียงนกเขาจริงๆขัน
ประภา - ประไพ “นกๆเขานั่นแน่ะมันขันขันคูๆ จู้ฮุกกรู.จู้ฮุกกรู”
พล - นิกร “เหมือนเสียงใจพี่ที่ครวญคูจู้ฮุกกุ๊ก.จู้ฮุกกรู.จู้ฮุกกรู”
ประภา - ประไพ “ ฟัง.ฟังไปไม่แน่นอนมีคำที่หลอกหลอนบางตอนที่ใจคู”
พล - นิกร “หัวใจพี่ปองน้องอยู่คร่ำครวญหวนกู่.ขันคูไม่วาย”
ประภา - ประไพ “รักแล้วกลัวป่นหม่นใจหมองร้องโอยโอย. โอยโอ๊ยโอ้ย.โอยโอ๊ยโอ้ย”
พล - นิกร “รักนี้ยิ่งใหญ่ใช่ขโมย ใจอย่าโอย จะโอ๊ยทำไม จะโอ๊ยทำไม”
ประภา - ประไพ “นก.เขา.ไพร.ตัวเปรียวอยู่เดียวเถอะนะชาย”
พล - นิกร “นกเขาใจเปลี่ยวอยู่เดียวดายจนแก่ตายก็ไร้คู่.จู้ฮุกกรู”

สองคนไปนั่งที่น้ำพุ ประไพถามนิกร
“แล้วตกลงคุณสองคนยังต้องไปทำงานต่างจังหวัดอีกมั้ยคะ”
“ก็ต้องไปครับ เพราะคงจะปลอมตัวอยู่ได้อีกไม่นาน”
“เราก็จะไม่ได้เจอกันอีกสิคะ “ ประภาบอก
“นั่นก็อาจจะดีที่สุดครับ เพราะพวกผมเป็นเพียงคนจนไร้ญาติขาดวาสนา เปรียบดังกระต่ายตัวน้อย ถ้าขืนชะเง้อมองดูดวงจันทร์ก็มีแต่จะต้องตรอมใจ” นิกรบอก
“แต่บางครั้งดวงจันทร์ก็อาจจะลอยคล้อยต่ำลงมาให้กระต่ายได้ชื่นชมก็ได้ค่ะ” ประไพบอก
“แต่ก่อนที่ดวงจันทร์จะคล้อยมา ดวงอาทิตย์ลูกแดงแจ๋ก็อาจจะรู้ก่อนแล้วปล่อยแสงมาแผดเผา จนกระต่ายขนไหม้โกร๋นก็เป็นได้ “ พลว่า

“ดวงอาทิตย์ลูกแดงแจ๋ คุณหมายถึง ว้าย คุณพ่อหรือคะ” ประภาว่า
“ครับ”
“คุณกำแหงน่ะช่างว่า แต่ก็จริงค่ะ หัวคุณพ่อล้านเลี่ยนแดงแจ๋เหมือนดวงอาทิตย์จริงๆ” ประไพว่า
“น้องไพอ่ะ”

สี่คนหัวเราะกัน เสียงนกเขาขัน อีกครั้ง

ประภา - ประไพ “นกๆเขานั่นแน่ะมันขันขันคูๆ จู้ฮุกกรู.จู้ฮุกกรู”

พล - นิกร “เหมือนเสียงใจพี่ที่ครวญคูจู้ฮุกกุ๊ก.จู้ฮุกกรู.จู้ฮุกกรู”
ประภา - ประไพ “ฟัง.ฟังไปไม่แน่นอนมีคำที่หลอกหลอนบางตอนที่ใจคู”
พล - นิกร “หัวใจพี่ปองรักอยู่คร่ำครวญหวนกู่.ขันคูไม่วาย”
ประภา - ประไพ “รักแล้วกลัวป่นหม่นใจหมองร้องโอยโอย. โอยโอ๊ยโอ้ย.โอยโอ๊ยโอ้ย”
พล - นิกร “รักน้องยิ่งใหญ่ใช่ขโมย ใจอย่าโอย จะโอ๊ยทำไม จะโอ๊ยทำไม”
ประภา - ประไพ “นก.เขา.ไพร.ตัวเปรียวอยู่เดียวเถอะนะชาย”
พล - นิกร “นกเขาใจเปลี่ยวอยู่เดียวดายจนแก่ตายก็ไร้คู่.จู้ฮุกกรู”

นันทากำลังเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านพัชราภรณ์ พลอย สาวใช้ เดินมารับกระป๋าไป
“คุณอาล่ะจ๊ะ”
“ข้างบนค่ะ”
“ งั้นเดี๋ยวชั้นขึ้นไปเอง”

นันทาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ผ่านห้องนั่งเล่นของพล เห็นแห้วอยู่ในห้องนั่งเล่นของพล แถมนั่งเต๊ะ ทำท่าอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่ แต่อ่านกลับหัว
“ ตะแล็บแก็ป กะปิตัน เปิ๊ดสะก๊าด มองสิเออ หมาดา”
นันทาเดินเข้ามามองอยู่ครู่หนึ่ง ก็เรียก
“ไอ้แห้ว”
แห้วสะดุ้งสุดตัว ทรุดลงไปนั่งที่พื้น ยกมือไหว้
“รับประทานคุณนันทาทำไมมาเงียบๆ ผมหัวใจจะวาย”
“นี่แกพยายามทาตัวเหมือนเจ้านายหรือ”
“เปล่าขอรับให้เหากินหัวซี่”
“หนอย เดาะอ่านหนังสือฝรั่ง อ่านก็กลับหัวย่ะ”
แห้วยิ้มแห้งๆ
“คุณพลไม่อยู่ครับ”

“ รู้แล้ว”
“แล้วคุณนันมาทำไมครับ”
“ชั้นก็มาหาคุณอาสิ เดินผ่านห้องนี้ก็เลยแวะเข้ามาดูหน่อย”
นันทาผ่านไปเห็นเสื้อผู้หญิงสองสามตัวที่พลเอามาใช้ปลอมตัว พับวางอยู่ก็สะดุ้งรีบเข้าไปหยิบดู
“นี่อะไร”
“สส..เสื้อครับ”
“ เสื้อใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะไอ้แห้ว”
“เสื้อแม่ครัวครับ”
“เสื้อแม่ครัว! อย่าบอกนะว่าพลมีอะไรกับแม่ครัว”
“ รับประทานแม่ครัวอายุจะเจ็ดสิบแล้วคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”
“ชั้นจะไว้ใจได้ยังไง”
“โธ่ คุณนันทาครับ แม่ครัวหัวขาวโพลน ฟันหลอไม่เหลือซักซี่ หน้าอกห้อยโตงเตง รับประทาน คุณพลจะรับประทานลงหรือครับ”
“ก็จริง แล้วเสื้อมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“คือ..พอดีเมื่อเช้านี้ผมกาลังจะเดินขึ้นมาจากเรือนคนใช้มาบนตึกนี่ เห็นเสื้อสองสามตัวนี้ปลิว
ลมมาติดต้นไม้อยู่แถวสวนก็เลยติดมือมาครับ เดี๋ยวจะเอากลับไปคืนแม่ครัวแก”
นันทาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เอาเสื้อมาพินิจดู เห็นรอยแดง
“แล้วนี่รอยอะไร ลิปสติกนี่”
“โธ่ ไม่ใช่ขอรับ นั่นมันรอยน้ำหมากของยายแม่ครัวต่างหาก”
นันทาเห็นด้วย
“อย่าโกหกนะแก”
“สาบานให้ตายโหงตายห่าให้เจ้าหักคอให้...”
“ไม่ต้องสาบาน แกก็เหมือนพลและนายกรน้องชายของชั้นนั่นละ ตอหลดตอแหลสาบานได้เป็น
น้ำไหลไฟดับ เอาเป็นอันว่าถ้าแกโกหกหรือช่วยเจ้านายปิดบังความลับอะไรไว้ล่ะก็ ชั้นจะไปฟ้องคุณอาให้เอาเลือดหัวแกออก เข้าใจมั้ย”
แห้วยิ้มแห้งๆ
“เข้าใจครับ”

ภายในห้องทำงานเจ้าคุณปัจจนึก เจ้าคุณกำลังนั่งต่อวงจรวิทยุอยู่ในห้องทางาน ห้องนี้มีเครื่องรับวิทยุสื่อสารอยู่หลายเครื่อง ท่านเป็นทหารช่างมาก่อนจึงสนใจด้านวิทยาศาสตร์เครื่องรับ วิทยุและเครื่องกระจายเสียงสมัยใหม่มาก เจ้าคุณมีแผงวงจรวิทยุที่ต่อเองและไปจ้างนายช่างต่อให้
พลและนิกรเคาะประตู
“เข้ามาสิ”
พล นิกรเปิดประตูคลานเข้ามา เจ้าคุณปิดวิทยุ สองคนทรุดตัวลงนั่งที่พื้น พลดูวิทยุอย่างสนใจ
“ใต้เท้าให้กระผมกับนังพันมาใช่มั้ยครับ”
“ใช่”
“ท่านเจ้าขา ไม่ทราบเครื่องอะไรเยอะแยะเจ้าคะ” พลถาม
“เครื่องรับวิทยุสื่อสาร ชั้นทำงานทหารช่างมาก่อน ทำไม แกสนใจหรือนางพัน”
“เปล่าเจ้าค่ะ แค่สอดรู้สอดเห็น”
“นังคนนี้เต็มที เร่อร่าไม่มีใครเกิน” นิกรบอก
"เป็นอย่างไรบ้าง นายก้อน นางพัน อยู่ที่นี่ สุขสบายดีมั้ย"
นิกรกราบ
"เกล้ากระผมและภรรยารู้สึกร่มเย็นเป็นสุขเหลือเกินขอรับ เพราะบารมีใต้เท้าแท้ๆ"
"ชั้นเรียกแกมานี่ อยากจะถามอะไรสักอย่าง"
" เอ้อ อะไรหรือครับ"
"แกชอบชะนีมั้ย"
สองคนสะดุ้ง
"มีอะไรหรือเจ้าคะใต้เท้า"
"ชั้นมีชะนีจะมอบให้แกเป็นคนเลี้ยงสักตัว"
"ได้ขอรับ ใต้เท้าท่าจะชอบชะนี"
"ชอบกะผีอะไรได้ ไอ้ผู้ชายเปรตสองคนมันให้ลูกสาวชั้น เรื่องมันก็จะเต๊าะลูกสาวชั้นนั่นละ แต่ว่าชั้นคอยกันท่าไว้ ให้ตายสิแก ถ้าไอ้หน้าหมาสองตัวนั่นทะลึ่งเข้ามาในบ้านชั้นเมื่อไรละก็"
เจ้าคุณเปิดลิ้นชักหยิบปืนกระสุน 9 มม.ออกมา
"เป็นโดนกระสุนเก้ามม.ทีเดียว ทะลึ่งอย่างบรม"
พลและนิกรจ้องปืนหน้าถอดสีเหงื่อเม็ดโตเต็มหน้า
เสียงเคาะประตู พิศเข้ามา อุ้มชะนีมาด้วย ชะนีส่งเสียงโวยวาย
"เอาชะนีมาแล้วเจ้าค่ะ ว้าย อีชะนีเปรต อย่ามากัดชั้นสิ อุ๊ย ขอประทานโทษเจ้าค่ะ"
ชะนีเห็นนิกรก็จำได้ ยิ้ม ส่งเสียงชอบใจ และโผเข้าหา เจ้าคุณปัจจนึกมองอย่างประหลาดใจ
"เออ ไอ้ชะนีนี่มันดูถูกชะตากับแกนะนายก้อน ปรกติมันไม่ค่อยชอบให้ใครอุ้มเลย แปลกจริง"

ชะนีซบนิกร เจ้าคุณมองเขม้น
 
อ่านต่อหน้า 3

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 4 ตอน หวงลูกสาว 2 (ต่อ)

ท่ามกลางบรรยากาศในสวน บ้านศิริสวัสดิ์ในเย็นวันใหม่ แม่สงวนเดินถือชามกับข้าวมีฝาปิดมาหานายก้อนแม่พันในสวน พล กับ นิกรในชุดนายก้อนแม่พัน ถางหญ้าและเล็มกิ่งต้นไม้อยู่

"นี่เราโกหกคุณพ่อว่าจะมาลพบุรีแค่สองสามวัน"
"ใช่"
"กันว่าเราน่าจะอยู่ต่อสักห้าวัน"
"ไม่ไหวแล้วเว้ย แค่นี้ก็คิดถึงนันทาจะตายอยู่แล้ว" พลบอก
สงวนได้ยินเข้าพอดี จึงขมวดคิ้ว และฟังต่อ
"เอาน่า ให้คุณไพรับรักกันก่อน แล้วเราค่อยกลับ" นิกรบอก
"นี่ถ้าไม่เป็นเพราะเห็นแก่แกละก็ กันไม่ยอมมาเสี่ยงอันตรายมาบ้าแบบนี้เด็ดขาด"
"เอาน่า กันรักคุณไพจะแย่อยู่แล้ว ว่าแต่แกน่ะไม่เปลี่ยนใจไปรักคุณภาแน่เหรอ"
"ไม่มีทาง กันมีคนที่กันรักและรักกันอยู่แล้ว"
สงวนเดินเข้ามา
"คุณคะ คุณภาคุณไพให้ดิชั้นเอาอาหารเย็นมาให้ค่ะ"
"โอ๊ย มาพอดีกำลังหิวทีเดียว ไปเว้ย กำแหงไปกินที่เรือนกัน"
พลและนิกรเดินไป สงวนมองตามแบบนึกสงสัยในเจตนาของพล

ในเวลากลางคืน สงวนกำลังเล่าให้ประภาฟังเรื่องพล
"จริงหรือ สงวน"
"จริงค่ะ ดิชั้นได้ยินกับสองหูเลยว่าคุณกำแหงบอกว่ามีคนรักแล้ว"
ประภาหน้าซีด
"ดิชั้นทนไม่ได้ เลยไปถามเจ้าตัวเลยค่ะ"

ในเรือนคนสวน เวลาเย็น ก่อนหน้านี้ สงวนเผชิญหน้ากับพลอยู่
"คุณกำแหงคะ ดิชั้นถามคุณจริงๆเถอะ เท่าที่คุณยอมเสี่ยงอันตรายเข้ามาอยู่ที่นี่น่ะ เป็นเพราะ
คุณรักคุณภาใช่มั้ย"
"เรื่องนั้นชั้นขอปฎิเสธ"
"คุณไม่รักคุณภา นี่คุณพูดเล่นหรือพูดจริง"
"ก็พูดจริงน่ะซีสงวน"
สงวนเท้าสะเอว
"คุณกาแหง ทำไมไม่รักคุณภา"
"ก็เพราะชั้นมีคนรักอยู่แล้วนะซี"
"หา จริงหรือคะ"

"จริงจ้ะ ที่ชั้นมาอยู่ที่นี่ก็เพราะประชา นั่นเค้ารักคุณไพจริงๆ"
"ถ้าเช่นนั้นคุณก็เป็นผู้ชายลวงโลกอย่างร้ายกาจ คุณนะคุณ รู้มั้ยคุณภาปลื้มอกปลื้มใจมาก เธอ
คิดว่าคุณน่ะรักเธอ"
พลถึงกับหน้าซีด
"จริงหรือ"
"ค่ะ ผู้ชายละเป็นอย่างนี้ เจ้าชู้นัก แหม ดิชั้นอยากจะตบหน้าคุณอีกสักที"
พลหน้าจ๋อย
ประภาหน้าซีด เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
"ขอบใจสงวนมากเลยที่มาบอกให้ชั้นรู้"
"ค่ะ รู้ไว้แล้วจะได้ไม่หลงกลคนเจ้าชู้"
"ไปเถอะจ้ะ สงวน"
สงวนออกไป ประภาคิดถึงภาพเก่าๆ แล้วค่อยๆลุกขึ้น

เพลงคุณเจ้าขา(คำร้อง-ทำนอง ไสล ไกรเลิศ)

ประภา "คุณ เจ้า ขา รักแล้วคุณมา เปลี่ยนใจ คุณ เมินหมางไป รักคุณลืม เยื่อ ใย ทิ้งไปไม่เหลียวมอง"

ประภาเดินขึ้นบันได มาด้วยท่าทางเศร้าๆ "คุณ เจ้า ขา รัก หรือคุณมา แกล้งลอง ชม พอ สม ปอง รักคุณลอง จืดจาง ร้างไปไม่ประวิง รัก คุณมาก่อ พอนึกเบื่อจะทิ้ง ไม่รักจริงคุณรักลองเล่น รัก กว่าจะเห็น คุณ รักลอง ชมเล่น แกล้งทาให้ช้า ระทม"

ประภาเดินระเบียงทางไปน้องนอน "คุณ เจ้า ขา รัก หรือคุณมา แกล้งชม ยาม คุณ นิยม รักคุณชม อิ่มใจ
ทิ้งไป ไม่เมตตา"

ประไพดินสวนมา มือถือไฟฉาย กำลังจะไปสวนตามที่นัดกับ นิกรไว้
"พี่ภา ไปกันหรือยัง"
"ไปไหน"
"อ้าว ก็ไปหาคุณกำแหงคุณประชาที่ในสวนน่ะซี"
"ไม่ไปละ น้องไพไปเถอะ"
"ทำไมละพี่ภา"
"เค้ามีคนรักอยู่แล้ว"

"จริงหรือ พี่รู้ได้ยังไง"
"สงวนไปถามคุณกำแหงมาให้พี่"
"แล้วคุณประชาละ"
"คุณประชาเค้ารักน้องไพจริง"
ประไพดีใจ
"จริงหรือคะ"
"ใช่ น้องไพไปเถอะ พี่ไม่ลงไปอีกแล้วละ"
ประภาพยักหน้าให้ ประไพเดินไป ประภามองตาม

ประภายืนอยู่ที่ระเบียง "รัก คุณมา ก่อ พอนึกเบื่อจะทิ้ง ไม่ รักจริง คุณรักลองเล่น รัก กว่าจะเห็น คุณ รักลอง ชมเล่น แกล้งทำให้ช้า ระทม คุณ เจ้า ขา รัก หรือคุณมา แกล้งชม ยาม คุณ นิ ยม รักคุณชม อิ่มใจ ทิ้งไป ไม่ เมตตา"

วันใหม่ ในห้องโถงด้านหน้า ท่านเจ้าคุณกำลังเดินไปมา พลางคิดถึงเรื่องลูกชะนีกับนายก้อน แล้วพึมพำเบาๆ
"ชะนี"

ประภานั่งซึมเซา อยู่คนเดียว เอาผ้าเช็ดหน้าป้ายน้าตาด้วยความแค้น

ในห้องคนสวน พลแต่งกายนางพันนอนหลับกรนเสียงสนั่นอยู่บนแคร่

นิกรถือฝักบัวรดน้ำ ข้างๆเป็นประไพที่อุ้มชะนีอยู่ ทั้งสองท่าทางมีความสุข
"สายแล้ว ไพต้องขึ้นตึกแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อสงสัย"
"คืนนี้เจอกันนะครับ"
"ค่ะ"
ประไพอุ้มลูกชะนีไป นิกรมองตามแล้วเก็บเครื่องมือทำสวนลุกขึ้นเดินกลับไปยังเรือนคนสวน

พลนอนกรนอยู่ ผ้าแถบหลุดลุ่ย นิกรเดินถือฝักบัวผิวปากเข้ามาท่าทางครึกครื้นก่อนพรวดพราดเขย่าตัวพล
"พล เร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ลุกขึ้น เร็ว"
พลสะดุ้งโหยง
"หา อะไรวะกร"
พลรีบเอาผ้าคาดนมให้เรียบร้อย
"เจ้าคุณรู้แล้วว่าเราปลอมตัวมา"
พลกระโดดลุกขึ้น ลากกระเป๋าเดินทางออกมา
"หนีเร็ว กร ออกทางประตูหลังบ้าน เร็วสิ"

นิกรหัวเราะลั่น พลปล่อยกระเป๋าร่วงลงพื้น ทำหน้าตาขึงขึงปรี่เข้ามาหานิกร ยกเท้าเตะป้าบเข้าให้
ฝ่ายนิกรปิดอย่างว่องไว โถมทะลวงกระแทกหน้าพลด้วยศอก
"อุ๊ย ไอ้บ้านี่เล่นเจ็บๆ" พลบอก
พลถลุงนิกรเข้าให้บ้าง ทั้งหมดผลัดกันรุกผลัดกันรับ นิกรแม้จะอ่อนเชิงมวยกว่าแต่ก็สู้ย่างทรหด
นิกรร้องทำนองมวย "ตี๊ตาตีต่าตาตาต๊า เข้ามาซีวะ"
"ข้าต้องน็อคเอ๊าท์เอ็งให้ได้"

เจ้าคุณปัจจนึกกำลังจะมาหานายก้อนนางพัน เพราะสงสัยอยู่ในใจตะหงิดๆเรื่องชะนี เลยอยากจะมาสืบดูความเป็นอยู่ของสองคนนี้ เจ้าคุณได้ยินเสียงคนต่อยตีกัน
ภายในห้อง
"หนอยแน่ะ อีนี่สู้ผัวมึง พ่อจะเอาซี่โครงอีพันเหน็บฝาให้ได้" นิกรบอก
"ชะชะ ไอ้แก่ มึงนอกใจกู เผลอแผล็บเดียวเกี้ยวสาวใช้เจ้าคุณ มา วันนี้มึงกะกูต้องตายกันไป
ข้างนึง"
พลยกเท้าเตะก้นนิกรดังป้าบ

เจ้าคุณตกใจวิ่งมาที่ห้อง นึกว่าผัวเมียตีกัน ภายในห้องพลยกนิกรทุ่มด้วยท่ายูโด
"มึงกล้าหือกะกูใช้มั้ย ไอ้ก้อน"
บริเวณหน้าต่างในห้องคนสวน เจ้าคุณโผล่หน้ามาดู ตกตะลึง ตาลืมโพลง
"เฮ้ย เลิกกัน!"
สายไปเสียแล้ว พลทุ่มนิกรลงกับพื้นกลางห้อง
"โอย"
เจ้าคุณผละจากหน้าต่างวิ่งอ้อมจะเข้าไปในห้อง ภายในห้อง ผ้าแถบพลหลุดพอดี เขารีบหยิบมาพันทันเวลา ก่อนเจ้าคุณโผล่เข้ามาพอดี
"อะไรกันวะ ตาก้อน ทำไมถึงกับต้องตบตีกัน"
เจ้าคุณหอบแฮ่ก ตามองพลอย่างไม่เชื่อสายตา
นิกรหน้ายู่ยี่ เอามือคลำสะโพก
"มันด่าผมครับ ผมตบมัน มันเลยเตะผมเสียเกือบตาย โอย เห็นทีจะเลี้ยงเอาไว้ไม่ได้"
"หน่อยแน่เลี้ยงไม่ได้ ลองทิ้งแม่หน่อยเถอะน่า แม่ไม่เอาเลือดล้างตีนก็อย่าเรียกว่าลูกคน ชะชะ
พอมีเงินเดือนเข้าทำจองหอง"
ปัจจนึกทำตาปริบๆ
"นังพัน แกเป็นอะไรกับตาก้อน"

พลกระชดกระช้อย
"ก็เป็นเมียน่ะซีเจ้าคะ"
"อ้อ ข้านึกว่าเป็นแม่เสียอีก ใจคอแกน่ะจะฆ่าผัวเชียวเหรอ"
"แหม ใต้เท้าละก็เข้าข้างมัน ทีเวลามันกระทืบดิฉันจนกระบังเคลื่อน ใต้เท้าไม่เห็นนี่จ้าคะ"
"ก็ข้าเห็นแกจับมันทุ่มนี่หว่า อย่าดุให้มันมาก นังพัน ผู้หญิงข่มผัวน่ะไม่มีใครสรรเสริญหรอก"
"ไม่มีใครสรรเสริญ ดิชั้นสรรเสริญตัวเองก็ได้ค่ะ"
"ชะชะ อย่ามาค้อนนะมึง เดี๋ยวพ่อเตะเปรี้ยงให้ ที่นี่เป็นบ้านของข้า จะมาทุบตีกันไม่ได้ เข้าใจมั้ยตาก้อน"
นิกรยกมือไหว้
"กระผมเข้าใจครับ แต่นางพันมันอาจไม่เข้าใจ"
" แกต้องเข้าใจนังพัน แกน่ะชั้นว่าน่าจะเกิดเป็นผู้ชายมากกว่า เรี่ยวแรงยังกะวัวกะควาย สำคัญมากแกเป็นผู้หญิงคนแรกที่จับผัวทุ่มราวกับยกหมอนฟาด"
"ก็อิฉันกรากกรำทางานหนักมานี่เจ้าคะ เรี่ยวแรงเลยมากราวกับวัวกับควายน่ะเจ้าค่ะ"
ปัจจนึกมองพันแบบสงสัยมาก

พลและนิกรในชุดกางเกงสากล เสื้อเชิ้ต หิ้วเสื้อนอกย่องออกมาจากบ้านศิริสวัสดิ์ เมื่อตอนพลบค่ำ
"กี่โมงแล้ว" พลถาม
"หกโมงครึ่ง" นิกรบอก
"แกแน่ใจนะว่า ไม่มีคนแล้ว"
"ไม่มีเว้ย พลบค่ำคนใช้ก็เข้านอนไปหมดแล้ว ไปกันเหอะ กันทนไม่ไหวแล้ว ไปหาข้าวเย็นกินกัน
ที่แฮปปี้ฮอลล์ เลิกเป็นไอ้ก้อนอีพันสักสองสามชั่วโมง"

เจ้าคุณปัจจนึกเดินกลับไปกลับมาที่หน้าห้อง หน้าตายังเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนเปิดห้องเข้าห้องไปนั่งบนโต๊ะทำงาน คิด แล้วก็มองเครื่องวิทยุสื่อสารของตัวเอง

เวลาต่อมา รถสามล้อมาส่ง พล นิกรใส่สูทเรียบร้อย แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในแฮปปี้ฮอลล์

ขณะที่เจ้าคุณปัจจนึก เดินมายังทางเดินบ้านคนสวน มองซ้ายมองขวา ในมือถือกล่องใส่อุปกรณ์บางอย่าง เจ้าคุณเดินเข้ามาในห้อง สำรวจของต่างๆ แต่ไม่เห็นมีอะไรผิดปรกติ ข้างฝาห้องมีเล็กๆกระจกติดอยู่ มีแคร่นอนสำหรับสองคน มีผ้าขาวม้าปูนอน ในห้องมีกระดานชนวน หวี แป้งดินสอพอง ชั้นหวายเก่าๆมีเสื้อผ้าของนายก้อน นังพันวางอยู่

เจ้าคุณย่องไปดูที่หน้าต่าง เห็นไม่มีใครก็รีบหยิบกล่องเครื่องมือวางบนแคร่ และเปิดออกมา หยิบไมโครโฟนสายลับขนาดเล็กซ่อนไว้หลังกระจก แล้วเสียบสาย ต่อออกไปด้านนอกหน้าต่าง ดึงสายไมโครโฟนลากขึ้นมาบนบันได
 
อ่านต่อหน้า 4

พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 4 ตอน หวงลูกสาว 2 (ต่อ)

เวลาต่อมา นาฬิกาบนโต๊ะบอกเวลา 21.00 น. เจ้าคุณทดสอบเครื่องรับวิทยุ เปรียบเทียบตารางฝรั่งอยู่ด้วยหน้าตาพอใจมาก

ทันใดนั้นมีเสียงแกรกกรากเหมือนคนเดินดังมาจากเครื่องรับวิทยุ ท่านเจ้าคุณรีบเร่งเสียงฟัง มีเสียงเมาๆของพล นิกรร้องเพลงลอดเข้ามา
"ไปด้วยกันมาด้วยกันเลือดสุพรรณเอ๋ย... เลือดสุพรรณเข้าประจันอย่าได้พรั่นเลย"
เจ้าคุณยิ้ม พลเปลี่ยนเป็นเพลงฝรั่ง
" I’ve got you under my skin. I’ve got you deep in the heart of me"
เจ้าคุณสะดุ้งเฮือก จ้องเครื่องรับวิทยุตาโพลง

ภายในห้องคนสวน พลถอดเสื้อนอกออกแล้วเหลือแต่เสื้อยืดตัวใน กำลังใส่กางเกงแพร นิกรถอดเนคไทออก แต่ใส่เสื้อตัวเดิม
"กันน่ะกลัวท่านเจ้าคุณจับได้เหลือเกิน จริงๆนะ กร วันนี้ดูท่านสงสัยเรามาก ไม่ใคร่เชื่อว่าเราเป็นผู้หญิงเลย" พลว่า
เจ้าคุณพอได้ยินความนั้นก็ตาเถลือกถลนทันที

นิกรมายืนที่กระจก หยิบหวีที่เสียบข้างฝามาหวีพลางบอก
"แกมันกลัวไม่เข้าเรื่อง... เจ้าคุณน่ะโง่จะตายห่า"
เจ้าคุณยืนขึ้นกำมือแน่น
"เราแอบตีกินอย่างนี้ใครจะรู้ กลางวันยอมทำงานให้ กลางคืนพลอดรักกับประไพ นี่อีกเดี๋ยวก็
แอบลงมาหากันอีกหรอก"
ใบหน้าเจ้าคุณตอนนี้ดุร้ายอย่างที่สุด
"พูดถึงท่านเจ้าคุณ มองเหมือนขุนช้างนิ หัวล้านมันแปลบ จะหาผมเส้นเดียวก็ทำยายาก กัน
อยากเขกหัวดูสักโป๊กจังเลย"
สองคนหัวเราะลั่น เจ้าคุณตัวสั่นเทิ้ม
"กันตั้งชื่อให้ท่านใหม่ พระยาอัตคัตเกศาดีมั้ย พล"
สองคนจบมือกระทืบเท้า ฮาป่า
พลช่วยเสริม
" ดูเหมือนหัวล้านท่านจะมีกลิ่นเหม็นเขียวด้วยนา เฮ่อ คนอย่างเจ้าคุณเกิดมามีกรรมหัวหูไม่
สมประกอบ หน้าตามองคล้ายสิงโตกวางตุ้ง"
ทั้งสองหัวร่อลั่นลงไปชักดิ้นชักงอ

" ถ้ากันหัวเหม่งอย่างนี้ ตายซะดีกว่า เหม็นเขียวแย่เลย" นิกรบอก
สองคนฮาลั่น

เสียงฮาของทั้งคู่ลอดออกมาจากวิทยุ เจ้าคุณทนไม่ไหว ปิดสวิทช์ทันที แค้นจนร่างสั่นเทิ้ม
ปัจจนึกกำหมัดแน่นเอามือทุบโต๊ะโครมใหญ่
"หน่อยแน่ มึงว่ากู มึงปรักปรำว่า หัวกูเหม็นเขียว ตาย! มึงต้องตาย!" ว่าแล้วก็เอาเท้าเตะโต๊ะเต็มแรง "โอ๊ย เจ็บ"
เจ้าคุณเดินไปคว้าไม้ตะพดเลี่ยมเงินมาแล้ววิ่งออกไปจากห้อง

เจ้าคุณวิ่งไป ตะโกนลงบันไดไป
"นังพิศ"
พิศโผล่มาจากด้านล่าง
"อะไรเจ้าคะ"
ข้างบนสงวนและประภาวิ่งมาแอบดู
เจ้าคุณสั่งพิศ
"ไปตามไอ้คงไอ้ผ่องมา แล้วก็ไปขอแรงขุนสุรากับนายโชติที่เช่าบ้านข้ามาด้วย บอกว่าให้มาเร็วที่สุด มาช่วยข้าจับแมวขโมย"
"เจ้าค่ะ"

พิศรีบวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน เจ้าคุณออกไปหลังบ้าน
สงวนและประภาตกใจมาก แต่พอเดาถูก
"คุณพ่อจับได้แล้วแน่เลย"
"คงงั้นละค่ะ" สงวนว่า

ภายในห้องคนสวน พลนั่งอยู่บนพื้นคนเดียว กำลังใช้ดินสอพอง เสก็ตช์รูปเจ้าคุณบนกระดานชนวน หารู้ไม่ว่ามัจจุราชกำลังย่องมาอยู่ข้างหลัง ตามมาด้วยคนใช้ที่รอด้านหลังคือ นายคง นายผ่อง และขุนสุราบาลกับนายโชติคนเช่าบ้าน
พลดูรูปที่ตัวเองวาดแล้วหัวเราะ พูดกับรูป
"โธ่เอ๊ย เกิดมาหัวล้านแท้ๆเชียวนะใต้เท้า หัวล้านแล้วยังไม่เจียมตัว ยังจะหวงลูกสาวอีก มันน่าเอาขี้หมาละเลงหัวเหลือเกิน"
เจ้าคุณขบกรามแน่น บอกกับบริวาร
"จับไอ้เหี้ยนี่มัดไว้ก่อน"
พลสะดุ้งเฮือก รู้สึกเย็นวาบทั้งตัว หันมาเห็นท่านเจ้าคุณ หัวใจแทบจะหยุดทำงาน แต่ด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอด จึงแกล้งทำเป็นลมสลบหงายหลังตึง

" มันเป็นลมไปแล้วครับท่าน" ขุนสุราบาลว่า
ปัจจนึกเสียงกร้าว
"ฮึ ไอ้คงไอ้ผ่อง ช่วยแก้มันให้ฟื้น และลากคอมันไปรอที่ห้องโถงหน้าบ้าน คอยควบคุมตัวมันไว้ ท่านขุนสุรากับนายโชติตามชั้นมา"
สามคนผลุนผลันออกมา

นิกรกับประไพกาลังนั่งพลอดรักกันอยู่ ประไพนุ่งซิ่นใส่เสื้ออยู่กับบ้าน
"ประชาขา แน่ใจหรือว่า ประชาจะรักไพเสมอไป"
นิกรก้มลงจูบประไพ
เจ้าคุณและคณะเคลื่อนตัวเข้ามาในความมืด
"ยอดรัก ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้แล้วที่พี่จะรักเท่าเทียมน้องประไพของพี่ จริงๆนะจ๊ะ เพราะรักไพพี่ถึงยอมปลอมแปลงตัวมาอยู่ในบ้าน ซึ่งหมิ่นเหม่ต่ออันตรายมาก"
ประไพเงยหน้ามองไปเห็นคนกับไม้ตะพดอันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา
"ประชาขา! คุณพ่อ คุณพ่อมาค่ะ"
นิกรพรวดพราดลุกขึ้น "หา"
ประไพคว้ามือเอาไว้
"อย่าหนีเลยค่ะ เราต้องตายด้วยกันนะคะ ประชา"
"มันไม่ตายนะซี น้อง ปล่อย! พี่หัวจะแตก"
เจ้าคุณชูตะพดเข้ามาถึงแล้ว นิกรเผ่นไปยืนบนม้านั่ง ยกมือขึ้นการ์ด เจ้าคุณคำรามลั่น
"ไอ้ผี! มึงต้มกู เร็วท่านขุนสุรา นายโชติจับมันไว้"
ท่านขุนสุราบาลกับนายโชติรีบจับสองคนนั่นทันที
"อย่าหนีนะเว้ย อย่าหนี"ขุนสุราบาลว่า
"ขืนหนี เอ็งตาย" โชติบอก
นิกรคิดจะสู้แต่ในที่สุดก็กลัวจะกลายเป็นคดีอาชญากรรมไป เลยยอมให้จับโดยดี
ปัจจนึกหัวเราะลั่น เอามือเคาะหน้าผากนิกร
"ในที่สุดไอ้แมวขโมยก็ติดกับข้า ยังไง คนหัวล้านปัญญาแหลมนะแก ชั้นจะต้องเฆี่ยนแกด้วยแส้หางม้าสักคนละยี่สิบที"
"น้อยไปกระมังขอรับท่าน สักสี่สิบทีเถอะ มันจะได้หลาบจำ"ขุนสุราบาลว่า
โชติเสริม
" แล้วก็ต้องเอาเกลือละลายน้ำราดลงไปบนแผลสดๆอีกที มันจะได้เข็ดขอรับ"
"ดีๆ ไป"
นิกรหน้าซีดถูกลากไป ประไพจะร้องไห้ ตามไปห่างๆ
"คุณพ่อ"
"ไม่ต้องพูด ขึ้นตึกไปอยู่ในห้องนอนเดี๋ยวนี้"
"ค่ะ"

ประไพรีบวิ่งจู๊ดไป

ประไพวิ่งขึ้นบันไดไป เห็น ประภาและสงวนกำลังผลุบโผล่แอบมองจากทางระเบียงชั้นบน

"พี่ภา"
ประภาจุ๊ปาก แล้วดึงประไพให้หลบซ่อนลงและแอบดูการเคลื่อนไหวจากห้องข้างล่างเห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง แต่ได้ยินเสียงพูด

ภายในห้องโถง พลนั่งอยู่บนพื้น นายผ่อง นายคง คุมตัวไว้ เจ้าคุณและพวกพานิกรเข้ามา โดยอ้อมหลังตึกมาทางโถงหน้าบ้าน
"นั่งลง"
นิกรนั่งข้างๆพล
"ไอ้คง ไปเอา แส้ม้ามา"
"อย่าลืมน้ำเกลือขอรับท่าน" โชติบอก
"ให้นังพิศละลายน้ำเกลือมาด้วย"
คงวิ่งออกไป เจ้าคุณหันมามองหน้าสองคนแบบพินิจพิจารณา
ปัจจนึกเค้นหัวเราะ
"ไอ้หนุ่มลูกคางใส เฮอะๆ แกมันก็ไอ้ลิงสองตัวที่เคยเต๊าะลูกสาวชั้นเมื่อวันงานบุปผชาตินั่นเอง มิน่าละ ชะนีมันถึงโผไปเกาะแก นึกแล้วเชียว"
พล นิกรหน้าจ๋อย
"ความผิดของแกมีสามกระทง นั่นคือ หนึ่งบุกรุกบ้านชั้น สองนินทาว่าชั้นหัวล้านเหม็นเขียว อยากเขกกบาลชั้น และ แก ไอ้ลูกหมาตัวนี้ พูดว่าจะเอาขี้หมาละเลงหัวชั้น" เจ้าคุณพูดพลางเอาไม้ตะพดชึ้หน้าพล
"จะเอาขี้หมาละเลงหัวท่าน! มันบังอาจมากขอรับ" ขุนสุราบาลบอก
"ไม่ต้องปรานี เฆี่ยนมันให้หลังขาดเลยขอรับ" โชติว่า
"มึง! ต้องโดนดี"
นายคงกลับเข้ามาพร้อมแส้ม้า นางพิศตามมาพร้อมขันใส่น้ำเกลือ
"แส้ม้าและน้าเกลือมาแล้วขอรับ" ขุนสุราบาลบอก

พระยาปัจจนึกเอาแส้ม้ามาถือ แล้วฟาดไปข้างๆพลและนิกร สองคนสะดุ้ง จะร้องไห้
นิกรตาแดงทำตาปริบๆ
"ใต้เท้า กรุณายกโทษให้ผมสักครั้งเถอะขอรับ พวกผมผิดไปแล้ว"
"พวกแกเป็นใคร บอกความจริงมาก่อนที่ชั้นจะเฆี่ยนแก หากเป็นลูกผู้ดีมีสกุล เผื่อชั้นจะเฆี่ยน
พวกแกน้อยลงสักสิบครั้ง"
พล นิกรยิ้มออกมาได้ พูดพร้อมกัน "เราเป็นลูกผู้ดีแท้ๆเชียวขอรับ"
"เห่าทีละคน อย่าเห่าพร้อมๆกัน"
"กระผมชื่อจริงว่าพล พัชราภรณ์ บุตรชายและทายาทของเจ้าคุณและคุณหญิงประสิทธิ์นิติศาสตร์ขอรับ คุณพ่อผมรวยมากเชียวครับ มีเงินเป็นปี๊บๆ"
ประภาประไพแอบฟังอยู่ก็ตกใจ
ปัจจนึกไม่เชื่อ
"เฮอะ แกล่ะ"
"กระผมนิกร การุณวงศ์ คุณพ่อผมพระยาวิจิตรบรรณาการ"
"โกหก! ชั้นไม่เชื่อว่าเจ้าคุณวิจิตรจะมีลูกเป็นลิงทโมนอย่างนี้"
"จริงๆขอรับ สาบาน"
เจ้าคุณเอามือไขว้หลัง เดินวนเวียน ไม่อยากเชื่อเรื่องนี้เลย แต่ดูๆไปจากผิวพรรณหน้าตาก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ว่าเอ๊ะ ! หรือว่ามันจะโกหก
ประภาประไพแอบมองอยู่

"แกต้องพิสูจน์ตัวเอง ถ้าโกหก ชั้นจะเฆี่ยนแกทันที"
"หากไม่เชื่อกระผม ใต้เท้าจะโทรศัพท์ไปถามคุณพ่อก็ได้" นิกรบอก
เจ้าคุณยกมือเกาศีรษะอันล้านเลี่ยนแล้วตรึกตรองดูสักครู่
"เอาอย่างนี้แล้วกัน ชั้นจะพาแกสองคนไปบ้านเจ้าคุณวิจิตรเดี๋ยวนี้"
"ก็ดีสิครับ เพราะว่า ..เอ้อ .. พล พัชราภรณ์นี่ก็เป็นหลานคุณพ่อเหมือนกัน"
"เดี๋ยวก่อน ชั้นต้องการให้แกไปในสภาพของนายก้อนนางพัน แกมาหาชั้นแบบไหนก็ต้องไปแบบ
นั้น"
นิกรลืมตาโพลง
"แต่ว่า"
"ไม่ได้ขอรับ คุณลุงเห็นเข้าลมจับแน่ๆ"พลว่า
"หรือจะโดนแส้ม้า ...ไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้ ไอ้คงไอ้ ช่วยพามันไปที่ห้องมันหน่อย"
นายคง นายผ่องลากสองคนให้ลุกขึ้นออกไปทางโถงหน้า

" เดี๋ยวผมสองคนช่วยตามไปดูครับ สองคนนี้ท่าทางมันเจ้าเล่ห์นัก" ขุนสุราบาลบอก

นายคง นายผ่องเดินจับแขนนิกรและพล ออกมาจากหน้าบ้าน ขุนสุรา นายโชติคุมด้านหลัง
ที่ระเบียงชั้นบน ประภาประไพวิ่งมาโผล่หน้ามาแอบดู
พล นิกร สองคนมองหน้ากันเป็นสัญญาณ
"หนีเว้ย" พลร้องขึ้น
สองคนสะบัดแขนออก คงกับผ่องก้นจ้าเบ้า ทั้งคู่ร้องลั่น
ขุนสุราบาลบอก
"มันหนีขอรับใต้เท้า"
พล นิกรมองหน้ากัน
"เฮ่ย เร็ว" พลบอก
เจ้าคุณโผล่ออกมาจากโถงหน้าบ้าน พลนิกรวิ่งหนีไป เจ้าคุณวิ่งตามไปตามระเบียงชั้นล่าง
"เฮ่ย กลับมาก่อนเว้ย อย่าหนี ๆ กลับมาซีเว้ย เดี๋ยวข้ายกลูกสาวให้"
พล นิกรวิ่งหน้าตั้ง เจ้าคุณอยู่ที่ระเบียง ที่ถนนมีขุนสุรา นายโชติ ไอ้คง ไอ้ผ่องอยู่ หน้าประตูตึกด้านล่าง พิศ วิ่ง
ออกมาเกาะประตู บนตึกมีประภา ประไพอยู่
พล นิกรต่างร้องตอบเจ้าคุณ " ไม่เชื่อ!"

ประไพกระโดดเชียร์ "หนีเร็วค่ะ วู้ๆ ไชโย้!"
 
อ่านต่อตอนต่อไป ทุกวัน อังคารและพุธ
กำลังโหลดความคิดเห็น