พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 8
เช้าวันใหม่ที่คาเฟ่ภายในฟิตเนตแห่งหนึ่ง แท่นตกใจกับสิ่งที่อเนกบอก
“อาทิตย์จะไปสู่ขอมัทนี”
แท่นกับโทนี่พูดออกมาพร้อมกัน
“มันเพิ่งโทรมา ฝากบอกพวกแกด้วย ตอนนี้มันกำลังจะพาแม่ไปบ้านมัทนี” อเนกบอก
“แก๊งเราไม่มีใครเหลือแล้ว” แท่นกับโทนี่พูดพร้อมกัน
“ใจเย็นก่อน จำได้มั้ยว่าอาทิตย์มันบอกว่าถึงแต่งงานแล้วมันก็จะทำตัวเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง” โมกข์บอก
“เหรออ แล้วงานวันเกิดมันที่ยกเลิกไปล่ะ” แท่นประชด “เนี่ยนะ ไม่เปลี่ยนเลยยย”
“คนที่แต่งงานแล้วมันก็เปลี่ยนไปทั้งนั้น แกดูอาจารย์ใหญ่ข้างๆ แกสิ ดูหนังสือที่มันอ่าน” โทนี่หยิบหนังสือมา “คู่มือคุณพ่อมือใหม่”
อเนกดึงหนังสือคืนมา
“ก็คนกำลังจะเป็นพ่อนี่หว่า”
“แกด้วยไอ้โมกข์ พอเที่ยงปุ๊บก็ต้องกลับไปกินข้าวเที่ยงกับเมีย แก๊งเราไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว” แท่นบอก โทนี่พนมมือไหว้
“เทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตในฟิตเนตนี้ ช่วยดลบันดาลให้เกิดเหตุอาเพศ หรืออุปสรรคอะไรก็ได้ไปขัดขวางอาทิตย์กับมัทนี อย่าให้สองคนนี้ได้ลงเอยกันเลยเถอะ เพี่ยงๆ”
“ขอให้มัทนีปฏิเสธ ขอให้งานสู่ขอล่ม เพี่ยงๆ”
แท่นกับโทนี่อธิษฐานจริงจัง
ที่บ้านมัทนี มัทนีเดินเข้ามา ลิ้นจี่กับอาทิตย์นั่งอยู่ต่อหน้าจำเนียรและหาญ
“มัท แม่ดีใจจริงๆ ที่ลูกตกลงกับพ่ออาทิตย์ได้” จำเนียรบอกอย่างดีใจ
“ตกลง ตกลงอะไรคะ” มัทนีย้อนถาม หาญฉุน แต่ยั้งปากไว้ตามมารยาท
“ก็เรื่องแต่งงานน่ะสิ ลูกไปรับปากจะแต่งงานกับเขาได้ แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่รู้มั่งเลย”
“เดี๋ยวนะ มัทไปบอกว่าจะแต่งงานด้วยตอนไหน”
“อ้าว”
“อ้าว”
“อ้าว”
หาญ จำเนียร ลิ้นจี่ร้องออกมา
“ก็คุณประกาศต่อหน้าแฟนๆ ผม ว่าจะแต่งงานกับผมไง ตอนนี้ผมเลยสเตตัสโสด คุณต้องรับผิดชอบ” อาทิตย์บอก
“แล้วอาทิตย์ก็เลยรบเร้าให้ป้ามาสู่ขอหนูเป็นกิจจะลักษณะ ให้ถูกต้องตามธรรมเนียม” ลิ้นจี่บอก
“ผมรู้ว่ามันกะทันหัน แต่อนาคต ไม่มีใครรู้ ผมก็ไม่รู้ คุณก็ไม่รู้ ไม่แน่ เราอาจจะเป็นสวรรค์ของกันและกัน หรือเป็นนรกยิ่งกว่านรกก็ได้ ก็ลองเสี่ยงดู ลุ้นดี” อาทิตย์บอก
“ตกลงมันยังไงมัท ลูกรับปากกับเขาแล้วหรือว่ายัง เอาตามจริงเลยนะ ไม่ต้องปิดบัง” หาญถาม
“จริงด้วย เพราะถ้าหนูไม่เต็มใจ ป้าจะกลับไปจัดการลูกชายป้าเอง”
“ว่ายังไงมัท ตกลงว่าโอเคหรือไม่โอเค”
มัทนีลังเล ชั่งใจ จ้องหน้าอาทิตย์ ตัดสินใจ
“สงสัยจะไม่กล้า ป๊อดว่ะ” อาทิตย์บอกทำให้มัทนีนึกฉุน
“ไม่แต่ง ก็กลัวสิคะ! โอเค มัทจะแต่ง ให้มันรู้ไปว่าใครกันแน่ที่ป๊อด”
อาทิตย์เดินออกมาจากในบ้าน
“เดี๋ยว นี่ นาย นายกะมัทเล่นล้อกัน อำกันขำๆ ใช่ไหม”
หาญตามมา แยกอาทิตย์มาคุยกันสองคน
“อ้าว พี่หาญ เอ๊ย คุณพ่อคร้าบ เรื่องแบบนี้ ใครเขาอำกัน”
“แก กะยัยมัท รักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อ่อ เอาจริงๆ เลยนะครับ มัทนีเค้าคงไม่รักผมหรอก แต่เขาคงกำลังงงๆ”
“อ้าว”
“ส่วนผม ผมว่าตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยรู้สึกยังไงกับผู้หญิงคนไหนเหมือนมัทนะครับ”
“รู้สึกยังไง”
“รู้สึกว่า น่าจะอยู่กะเค้าได้ไปเรื่อยๆ แบบว่าผมไม่เคยรู้สึกเบื่อมัทนีเลยครับ ให้อยู่ด้วยนานๆ ก็น่าจะสนุกดี น่าจะดีกว่าผู้หญิงทุกคนที่แม่ผมอยากให้ผมแต่งงานด้วย”
“หา แค่เนี้ยนะ”
“แล้วเวลาที่เค้ามีอะไรที่ทุกข์ใจ ผมก็อยากจะไปในทันใด จะไปยืนข้างๆ เธอ อ่า ไม่ใช่ละ คือผมอยากไปช่วยแก้ไขให้ อยากดูแล” หาญอึ้ง
“นี่ ไม่ได้ตลกใช่ไหม”
“หน้าผม เหมือนตลกไหมล่ะครับ”
“ไม่ ดูซีเรียส”
“ซีเรียส จริงจังเลยนะครับ ฟังนะครับ อันนี้เกี่ยวกะพี่หาญเลย คือขนาดเค้ามีพ่อเป็นพี่หาญ ซึ่งผมควรจะเผ่นให้ไกล จริงไหมครับ แต่ผมทำไมยังไม่วิ่งหนี ผมก็งงตัวเอง ผมเลยคิดว่ามันอาจจะเป็นความรักก็ได้”
“นี่ไงๆๆ เรื่องที่ชั้นจะต้องคุยกับนายให้เข้าใจก่อนที่นายจะมาเป็นลูกเขยชั้น เรื่องความลับระหว่างเรา เรื่องพี่หาญของชั้น มันจะต้องเป็นความลับตลอดไป ห้ามเผยแพร่ให้ใครรู้เด็ดขาด”
“ผมมีจรรณยาบรรณพอครับ ไม่ต้องห่วง”
“ในฐานะที่ครอบครัวนายทำยาตำรับโบราณ แล้วชั้นก็เป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดี นายก็ต้องส่งยามาบำรุงชั้นเท่าที่ชั้นต้องการ ห้ามลืม ห้ามขาด ไม่อย่างนั้นชั้นจะถือว่านายไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอจะเป็นลูกเขยชั้น”
“ผมจะส่งยาว่านให้คุณพ่อเท่าที่ต้องการเลยครับ”
“และสุดท้าย ถ้านายทำให้มัทนีเสียใจ ตาย”
อาทิตย์พยักหน้า แล้วยกมือรอแบบกิฟว์มีไฟว์ หาญงงๆ ทีแรก
แล้วเอามือกาง5นิ้ว มาแปะกันแล้วกอดแบบเอาไหล่ชนกัน แบบเด็กฮิบฮอบ
วันต่อมาที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่กับจำเนียรกำลังจัดของว่าง น้ำชา กาแฟ แจกเสิร์ฟไปให้กัน
“ดีนะคะ การประชุมกันเพื่อวางแผนการแต่งงานร่วมกันของสองครอบครัว ดิฉันช้อบ ชอบ” จำเนียรบอกอย่างพอใจ
“นั่นสิคะ อบอุ่นดีจัง” ลิ้นจี่เห็นด้วย
“แปลกพิลึก นี่เราจะกลายเป็นพ่อตา-แม่ยายกันแล้วจริงๆ เหรอ ดูแก่ๆ พิกล แต่ไม่เป็นไร ผมปลงได้” หาญบอก
“เราจะแก่ไปด้วยกันค่ะ” จำเนียรบอก
“ชั้นอยากให้ลูกๆ ของเราทั้งสอง ได้แก่ไปด้วยกัน อย่างมีความสุขเหมือนคุณสองคนจังค่ะ”
อาทิตย์เดินออกมาในชุดสูททักซิโด้
“นี่ครับ ผมมีแล้ว นี่ไง ชุดแต่งงาน ไม่ต้องตัดใหม่หรอก เปลือง”
มัทนีใส่ชุดไทยเดินออกมาจากมุมหนึ่งเป็นชุดของสปา
“มัทเอาชุดของพนักงานสปาของคุณป้ามาดัดแปลงเอาได้ค่ะ ชุดสวยอยู่แล้วแค่ใส่เครื่องประดับดีๆ ก็เริ่ดแล้ว”
“อ้าว”
อาทิตย์กับมัทนีร้องออกมาพร้อมกัน
ลิ้นจี่กับจำเนียรพลอยแปลกใจไปด้วย
“หนูมัท ตลกเกินไปละ ลูกสะใภ้คุณนายลิ้นจี่ต้องตัดชุดราตรีให้เริ่ดกว่านางเอกหนังฮอลลีวู้ดเดินพรมแดงนะจ๊ะ เราต้องแต่งโอ๊ตกูทัวค์กันจ้ะ”
“โอ๊ตเอิ๊ดอะไร ไม่ต้องหรอกค่ะ แต่แม่มีผ้าไทยล้านนา งามมาก ชุดเจ้าหญิงเจ้านางแม่ก็สะสมไว้เยอะ พ่ออาทิตย์ก็ด้วย คิดไว้แล้ว ให้แต่งชุดแบบเจ้าล้านนา เจ้าหลวงเท่ๆ มีผ้าโพกหัว” จำเนียรบอก
“หา ผมไม่โพกหัวนะครับ” อาทิตย์รีบบอก
“ไม่โพกก็ไม่โพก งั้นเอาเป็นราชปะแตน นุ่งโจงกระเบน ส่วนยัยมัท ใส่ชุดสมัยร.6 แม่มีผ้าซิ่นครึ่งแข้งสีทอง เราคนไทย ต้องจัดงานแบบไทยแท้ๆ”
“ผมก็ต้องใส่ชุดจูงกะเบนเหรอครับ โหย ไม่ดีหรอกครับ แล้วต้องมานั่งพนมมือให้แขกรดน้ำสังข์อีก มันเมื่อยมากนะครับ” อาทิตย์แย้ง มัทนีขัด
“เมื่อยก็ต้องทน มันเป็นสิริมงคลกับบ่าวสาว”
“แหม คุณจำเนียร ถ้าแต่งแบบไทย ทุกอย่างก็จะซ้ำซากจำเจ เดินตามประเพณีเดิมๆ ที่ใครๆ ก็ทำมา มันน่าเบื่อไปนะคะ ฉันว่าเราน่าจะให้มันแปลกใหม่สร้างสรรค์หน่อยนะคะ” ลิ้นจี่บอก
“ใช่ครับ เราจ้างเวดดิ้งออแกไนซ์เซอร์มาออกแบบงานเถอะครับ ให้เขาช่วยคิดธีมของงาน อาจจะเป็นธีมแฟนซี แขกที่มางานก็จะได้สนุกกับการเลือกชุดมางานด้วย ทุกคนจะได้สนุกเหมือนกันหมด”
“จะจัดงานแต่งหรือจะปาร์ตี้เลี้ยงรุ่น อยากสนุกก็ไปสนุกงานอื่น ไม่ใช่งานแต่งงานลูกสาวชั้น เพราะงานนี้บ่าวสาวเท่านั้นที่ควรจะสนุก” หาญบอก
“แล้วของชำร่วยล่ะคะ”
มัทนีถามขึ้นมา
“เอาแบบอาร์ตๆ มีไอเดียแปลกใหม่” ลิ้นจี่บอก
“เอาแบบไทย” จำเนียรแย้ง
“ของชำร่วยยังจะแบบไทยอีกเหรอครับ” อาทิตย์ขัด
“ไม่ใช่แค่ของชำร่วย ทุกๆ อย่างต้องแบบไทยทั้งหมด ไม่ต้องมาสร้างสรรค์ บรรพบุรุษคิดมาให้อย่างดีที่สุดแล้ว”
“เผด็จการคลั่งชาติมาก” อาทิตย์บอก มัทนีหันมามองหน้า
“คุณว่าอะไรนะ”
“งานแต่งนี้ผมก็แต่งด้วย มันก็ควรจะครึ่งนึงเป็นไอเดียผมสิ ผมไม่อยากแต่งแบบไทย”
“แต่ถ้าเราจะแต่งงานกัน ก็ต้องเป็นเหมือนคนๆ เดียวกัน คุณต้องยอมชั้นสิ”
“ทำไมผมต้องยอม”
“เพราะชั้นเป็นผู้หญิง คุณเป็นผู้ชาย คุณก็ต้องยอมให้ชั้นสิ”
“หมายความว่าต่อๆ ไปผมก็ต้องยอมตลอดงั้นเหรอ”
“ใช่”
“ไม่แฟร์”
“งั้นก็เชิญไปฟ้องศาลเลยไป”
มัทนีเดินหนีออกไป
“นี่คุณ อย่ามาวอล์คเอ้าท์นะ กลับมา”
อาทิตย์ก็ฉุนๆ
“โอเคๆ เราจะพบกันครึ่งทาง แต่เราจะไม่เอาชุดเก่า ไม่ต้องเอาของที่มีแล้ว เราจะไปร้านเว้ดดิ้งดีๆ กัน” ลิ้นจี่รีบบอก
“ก็ได้ๆ แต่ชั้นเลือกร้านนะคะ” จำเนียรบอก
ลิ้นจี่ จำเนียร หาญ ต่างอึ้งๆ
อาทิตย์กำลังนอนให้พนักงานสปาวัยป้านวดหน้าอยู่
“ตั้งแต่วันนี้ไปคุณอาทิตย์ต้องมาทำสปาทุกวันนะคะ พอถึงวันแต่งงานจะได้หล่อหน้าใสถ่ายรูปออกมาแล้วก็สวย หน้าตามีออร่า ชวนคุณมัทนีมาทำด้วยก็ดีนะคะ”
“มันก็วันๆ นึงจะหล่อจะสวยไปทำไมครับ”
“อย่าคิดอย่างนั้น มันคือการให้เกียรติกันและกัน เราดูแลตัวเองให้ดูดีที่สุด เพื่อให้ญาติๆ ของอีกฝ่ายหญิงเห็นแล้วเอาไปพูดชื่นชมได้ว่าเจ้าสาวมีแฟนหล่อน่าอิจฉา แต่งงานแล้ว เราจะคิดแค่ตัวเอง ไม่ได้แล้วนะคะ ต้องคิดเพื่อคู่ชีวิตด้วย”
“คู่ชีวิต”
“ใช่ค่ะ คู่ของชีวิต ที่จะอยู่กับเราไปจนแก่เฒ่า ชั่วฟ้าดินสลาย”
“ชั่วฟ้าดินสลาย” อาทิตย์ยืนอึ้งๆ เหวอๆ ครุ่นคิดถึงชีวิตต่อไปในอนาคตนับจากนี้ “ต้องชั่วฟ้าดินสลายเลยเหรอ แบบ เหมือนผูกแขนไว้ด้วยกัน ตัวติดกัน แบบในหนัง”
พนักงานหัวเราะ
“โรแมนติกดีนะคะ คุณอาทิตย์กับคุณมัทนี เป็นฝาแฝดอินจันเลยฮะๆ”
อาทิตย์อึ้ง หน้าเครียด
วันต่อมาที่เวดดิ้งสตูดิโอ จำเนียรกำลังดูชุดของพวกแม่บ่าว-สาวกับมัทนี
“แม่ใส่สีชมพูดีไหม แม่กะคุณนายลิ้นจี้ใส่ชมพูเข้ม กับพวกเพื่อนๆ เจ้าสาวให้เป็นชมพูอ่อน ส่วนหนู สีชมพูแซลม่อน ทั้งงานก็จะเป็นสีชมพูเฉดต่างๆ”
ลิ้นจี่เดินเข้ามาพอดี ยิ้มแย้ม
“เราให้ยัยมัทใส่สีขาว ขาวเหมือนไข่มุก แล้วเราแม่บ่าว-สาว ใส่สีเข้มๆ ไม่เก๋กว่าหรือคะ แบบฝรั่งๆ หน่อย แม่เจ้าบ่าว แม่เจ้าสาวใส่สีน้ำเงิน จะได้ดูผอมๆ หน่อย”
มัทนีไหว้ลิ้นจี่ แล้วมองหาอาทิตย์ ลิ้นจี่ก็มองหาเช่นกัน
“นายอาทิตย์ล่ะคะ เค้าไม่ได้มาพร้อมกะหนูมัทนีเหรอ” ลิ้นจี่ถามอย่างแปลกใจ
“อ้าว อิฉันก็นึกว่าจะมากันสองคนแม่ลูก” จำเนียรบอก
“เปล่าค่ะ หายไปแต่เช้าเลย นึกว่าไปหาคู่รักซะอีก”
“ยัยมัท อาทิตย์เขาบอกว่าจะมากี่โมงนะจ๊ะ พวกเรานัดกันว่า 11โมงเช้า ไม่ใช่เหรอ เสร็จแล้วจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน”
“ค่ะ ก็เห็นบอกว่า 11โมงเจอกัน” ลิ้นจี่ดูนาฬิกา
“เอ นี่ฉันก็มาเลทแล้วนะ 11โมงครึ่งแล้ว แล้วเขาเอารถมอเตอร์ไซค์ออกมาด้วย ไม่น่าจะเจอรถติดนี่นา”
“ไม่ใช่ไปมุดท้ายรถบรรทุกแล้วนะ ว้าย” จำเนียรเอามือปิดปาก แล้วพนมมือรอบๆ “ว้ายๆๆ ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ ปากนะปาก” จำเนียรตีปากตนไปมา
“ว้า น่าเป็นห่วงเหมือนกันนะคะ บางทีมันก็ชอบแว้นกะเค้าเหมือนกัน”
ลิ้นจี่หยิบโทรศัพท์มากด รอฟัง ทุกคนมองลุ้นๆ สักพักลิ้นจี่กดปิดการติดต่อ
“ไม่รับ หนูมัทแน่ะ ลองโทรดีกว่า แม่โทรมันอาจจะรำคาญ เลยทำเฉย”
มัทนีอึ้ง ไม่อยากโทรจึงอิดเอื้อน
“คือ หนูไม่อยากให้เค้าคิดว่า หนูไปจิกเค้าอ่าค่ะ”
“มา งั้นแม่โทรเอง แม่ไม่ได้จิกนะ แต่มันเป็นห่วง เผื่อมีอุบัติเหตุ หรือมีเหตุสุดวิสัย ธุระด่วนอะไร”
“ถ้ามีปัญหาอะไรพวกนั้น เค้าก็น่าจะเป็นคนโทรมาบอกเราเองนะคะ แม่ไม่ต้องโทรหรอกค่ะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรา...”
“ฮื้อ จะเป็นไรไป แม่โทร เค้าไม่หาว่าแม่ตามตื๊อเค้าหรอก ผู้ใหญ่ โทรหาเด็กด้วยความห่วงใย มันเรื่องธรรมดา”
จำเนียรโทรออกแล้วชะงัก เอาโทรศัพท์ลงจากหู ขมวดคิ้ว “ไม่มีสัญญาณ หรือว่าปิดเครื่องไปแล้ว”
“อะไรของเค้านะ ไม่เป็นไรๆ เค้ามาช้า เราก็ดูๆ กันไปก่อน ใครมาช้า ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ จริงไหม ถ้าไม่ชอบก็ช่วยไม่ได้ มา เรามาดูกันก่อนดีกว่า”
ทั้งสามดูชุดแต่งงานลิ้นจี่ จำเนียร ลองชุดมาประกวดกัน มัทนีทำร่าเริงลองชุด ลองรองเท้า แต่ไม่วายชะเง้อรออาทิตย์
ทั้งสามกินน้ำที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟจนหมดแก้ว นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงครึ่ง มัทนีนั่งเหนื่อย ในชุดวิวาห์ฟูฟ่องลิ้นจี่เครียดที่ลูกชายยังมาไม่ถึงสักที
สามคนเปลี่ยนมาใส่ชุดเดิม นั่งรออาทิตย์ด้วยสีหน้าขรึมๆ นาฬิกาบอกเวลาบ่าย มัทนีกดโทรศัพท์หาอาทิตย์แต่ติดต่อไม่ได้
อเนกอยู่ที่โรงงาน กำลังพูดโทรศัพท์กับลิ้นจี่
“ไม่เลยครับ คุณแม่ อาทิตย์ไม่ได้โทรมาเลยครับ ครับๆ ไม่ทราบจริงๆ ครับ”
โมกข์เดินอยู่ในบริเวณโรงแรม คุยโทรศัพท์กับลิ้นจี่
“ผมโทรไป ก็ไม่มีสัญญาณเหมือนกันครับแม่ ถ้ามันติดต่อมา ผมจะรีบบอกเลยครับ”
ที่ห้องอัด สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปกำลังฟิตติ้งชุดสั้นเสมอหู ขณะที่แท่นเดินพูดโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่ง
“มันไม่ได้คุยอะไรกับผมเลยครับ ไม่เห็นว่ามันจะมีท่าทางว่ามีปัญหาอะไรกับใครเลยนะครับ ก็ดูมันลั้นลาดีออก”
ขณะนั้นโทนี่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กำลังเล่นเฟซบุ๊ค มือหนึ่งกดไลค์สาวๆ สนุกสนาน อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์คุยกับลิ้นจี่
“อาทิตย์มันจะหายไปไหนได้ครับแม่ แม่ต้องรอให้ครบ 48 ชั่วโมงก่อนนะครับ อย่าเพิ่งแจ้งความ มันอาจเผลอหลับไปตามอ่าง เอ๊ย ห้อง ที่โรงแรมไหน เอ๊ย ไม่ช่าย ผมล้อเล่นฮะ อาจจะหลับอยู่ตาม ตามออฟฟิศที่มันไปติดต่อธุรกิจอะไรเงี้ยอ่าค้าบ”
ลิ้นจี่อยู่ที่บ้านมัทนีลดโทรศัพท์ลง แล้วมองหน้าจำเนียรที่ยืนขรึมมุมหนึ่ง มัทนียืนทำเหมือนไม่สนใจ แต่จริงๆ หน้าตาเยือกเย็น ใจคอปั่นป่วนอยู่มุมหนึ่ง
วันใหม่ที่ออฟฟิศมัทนี มัทนีนั่งพิมพ์งานหน้าขรึม แล้วหมดอารมณ์ นั่งกอดอกนิ่ง ชฎาเดินถือแก้วกาแฟที่ชงมาเผื่อ นั่งลงข้างๆ
“นายอาทิตย์โทรมารึยัง”
“ยังเลยพี่”
“กี่วันแล้วนะ”
“เกิน 48 ชั่วโมงแล้ว พี่ชฎา 3 วันแล้ว”
“สงสัยว่าเค้าจะเป็นโรคจิต แบบในหนังเรื่องนั้นแน่ๆ”
“เรื่องไหน”
“ที่พระเอกมันเป็นโรคกลัวการผูกพันธุ์ พอมันรักใครซักพัก พอความรักชักจริงจัง ลึกซึ้ง มันก็กลัว กลัวตัวเองจะรักใครแล้วสูญเสียความเป็นตัวเองไป มันก็ตกใจ แล้วก็วิ่งหนี”
พี่ที่ทำงานอีกคนมายืนฟังสักพัก ออกความเห็นบ้าง
“มีจริงๆนะ โรคแบบนี้ มันเป็นโรคจิต แบบบางคนก็ไม่ได้มีครอบครัวที่แย่ๆ เลยนะ พ่อแม่ก็ดี รักกันหวานชื่น มันเลยกลัว กลัวว่าตัวมันจะไม่สามารถสร้างครอบครัวดีๆ แบบของพ่อแม่ได้ พอถึงวันแต่งงาน นางเอกก็จะใส่ชุดแต่งงาน วิ่งหนีเจ้าบ่าวไปซึ่งๆ หน้า”
“จริงสิ คนอย่างนายอาทิตย์ เค้าอาจจะมีปัญหาทางจิตแนวๆ นี้ก็ได้นะ” มัทนีบอก เพื่อนๆ มอง ห่วงใย
วันต่อมาที่บ้านอาทิตย์ ทั้งหมดวางซองการ์ดสีนวลลงเป็นตั้ง
“จะแจกจริงๆ เหรอ” หาญถาม
“ค่ะ เราต้องแจก ให้มันรู้ไปว่าถ้าเราแจกการ์ดแล้ว นายอาทิตย์จะกล้าเบี้ยว” ลิ้นจี่บอกหน้ากร้าว
“แล้วถ้าเค้ากล้าล่ะ ลูกสาวผมไม่หน้าแตกเหรอ”
“ถ้าอาทิตย์ทำแบบนั้น เค้าจะไม่สูญเสียแค่เจ้าสาว แต่เค้าจะเสียแม่คนนี้ด้วย รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ควรจะเป็นของเค้า ชั้นจะยกให้มูลนิธิทั้งหมด”
“คุณจะบีบให้เค้ายอมแต่งงานกะยัยมัท เพราะเห็นแกสมบัติของคุณน่ะเหรอ ไม่เอานะ ชั้นจะไม่ยอมให้ลูกชั้นแต่งงานกะคนที่ไม่รักลูกของชั้นเด็ดขาด” จำเนียรบอก
“ทำไมอาทิตย์จะไม่รักหนูมัทนี ชั้นเป็นแม่มัน ชั้นก็ต้องรู้สิว่ามันรักหรือไม่รักใคร แต่มันเป็นบ้า อาจจะช็อกตัวเองไปชั่วขณะ”
“ช็อก ช็อกยังไงกัน” หาญถามอย่างสงสัย
“ช็อก ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความรักที่แท้จริงเกิดขึ้นแล้วละ”
“ยังไงคะ”
“อาทิตย์เป็นแกนนำเพื่อนฝูงตั้งกลุ่มหนุ่มโสดโฉดๆ มีปณิธานว่าจะไม่แต่งงาน จนกว่าจะใช้ชีวิตจนพอใจซะก่อน แต่ตอนนี้มันเกิดมีความรักขึ้น และมันโดนจับให้แต่งงานกะหญิงคนนั้นทันที มันเลยตั้งรับไม่ถูก”
“ถ้าเค้าไม่ได้เป็นแบบคุณลิ้นจี่คิดล่ะ”
“ชั้นถึงต้องขอเดิมพัน แค่หมดตัวนี่ไงล่ะคะ แจกการ์ดไป ถ้ามันเบี้ยว แปลว่าฉันผิด คิดผิด สำคัญผิด ชั้นจะได้รู้ แล้วก็ยอมแพ้มันซะที”
“แล้วครอบครัวอิฉันต้องมาเสี่ยงไปกะคุณลิ้นจี้ด้วยเนี่ยนะ”
วันใหม่ที่สระว่ายน้ำบนดาดฟ้ากลางกรุง อาทิตย์อยู่บนสปริงบอร์ดอันสูง ใส่กางเกงว่ายน้ำแบบพวกเด็กเล่นเซิร์ฟ เล่นบอร์ด ไม่ใช่แนวเซ็กซี่ เห็นตัวเขาสูงอยู่เหนือหมู่ตึกรามมากมาย แล้วในที่สุดก็ทิ้งดิ่งลง ดูเหมือนโดดตึก ที่จริงโดดลงสระน้ำบนดาดฟ้า
อาทิตย์ดำไปในน้ำแล้วมุ่งไปสู่ปลายสระ แล้วโผล่มาหายใจ แล้วพอลูบน้ำจากหน้าทั้งหมดออกแล้วก็ผงะ อ้าปากค้าง เพราะที่ขอบสระ เพื่อนๆ ยืนเรียงกันพร้อมหน้า
“เอาใหม่ซิ แกวิ่งหนี ไม่อยากแต่งงาน เพราะอะไรนะ พูดเหตุผลมาให้ชัดๆ อีกทีซิ”
อเนกถามหลังจากอาทิตย์ขึ้นจากน้ำแล้ว
“จะถามทำไมวะ พวกเราก็มีอุดมคติของกลุ่มอยู่แล้วไง ว่าเราจะอยู่เป็นโสดไปให้นานที่สุด ตราบใดที่เรายังรักสนุก ไม่ผูกพัน ซึ่งนี่แหละคือการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม คือตราบใดที่ถ้าเรายังไม่อยากหยุด เราก็ไม่ควรจะไปสร้างความทุกข์ให้กับใครทั้งนั้น ฉันเคยบอกแล้วว่าจะหยุดเมื่ออายุอย่างน้อยก็ราว 40 แล้วนี่ก็ตั้งอีกนาน เพราะฉะนั้น ฉันก็ทำในสิ่งที่เป็นแนวทางของกลุ่มเรา ไม่เหมือนนายหรอกที่ทรยศไปก่อนเพื่อน” อาทิตย์บอก
“อ้าว”
โมกข์ชูการ์ดแต่งงานขึ้นมา
“เอาล่ะ นายจะอ้างอุดมการณ์ของพวกเรา ชั้นก็ไม่เถียง แต่เวลานี้การ์ดใบนี้มันร่อนไปทั่วแล้ว ทั้งแขกเด็ก ผู้ใหญ่ ในกรุงเทพ และต่างจังหวัด แล้วคนที่ได้รับ เค้าก็คงจะมาร่วมงานกัน เพราะรักบุคคลทุกคน ที่มีชื่ออยู่ในการ์ดนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวลูกๆ หรือพ่อแม่”
“เย้ย” อาทิตย์ผวา รับการ์ดมาเปิดดู ร้อนใจ แล้วอึ้ง “อะไรวะ ทำไม ต้องเป็นแม่ชั้นแน่ๆ ที่กล้าทำอะไรไม่ปรึกษา”
“แปลว่าอะไร พอเกิดสิ่งนี้ขึ้นมาแล้วแกโทษแม่เหรอ แล้วทำไมแกไม่เผชิญหน้าแล้วพูดกะทุกคนให้มันจบเรื่อง ว่าแกไม่เอา ไม่ต้องการ ไม่แต่ง ไม่รัก ถ้าแกคุยกะเค้าให้มันเคลียร์ แม่นายก็คงไม่ทำ”
“เฮ่ย พวกนายก็รู้ ว่าเรื่องบางเรื่องการเผชิญหน้าแล้วพูดกันตรงๆ ผู้หญิงเขาก็ไม่เข้าใจ เขาก็จะตีความไปอีกอย่าง ที่ทำให้เราดูเลวมากขึ้น เราก็ต้องแสดงออก โดยการหายตัว หรือเงียบ ให้เขาคิดกันได้เองว่าเราไม่เอาด้วย”
“ที่พูดนี่ แมนมากเลยนะ ไอ้วัวเอ๊ย เสียใจว่าอุตส่าห์นับถือว่ามันคือผู้นำกลุ่ม เจอมันทำตัวแบบนี้เข้าไป ผิดหวังสุดๆ ต่อไปนี้ ชั้นไม่ฟอลโล่อินสตาแกรมแกล่ะ ฉันไปฟอโล่วน้องใบเตย อาร์สยามดีกว่า แมนกว่าแกเยอะ” โทนี่บอก
“แกไม่รักยัยมัท แกทำไมไม่พูดตรงๆ” อเนกถาม
“ใครบอกว่าชั้นไม่รัก”
“ฮะ”
ทุกคนมองหน้าอาทิตย์
“เพราะรักไงล่ะ ฉันถึงไม่อยากแต่งงานกะเค้า”
“ไม่เข้าใจ”
“เพราะเค้าเป็นคนดี เป็นคนรักเพื่อนมนุษย์ โลกสวย ขนาดแฟนเค้าเลวเค้ายังเห็นว่ามันดี ยอมให้มันเอาเปรียบอยู่ได้ตั้งนาน แล้วจะมาอยู่กะคนเลวๆ แล้วโลกไม่สวยอย่างชั้น รอดเหรอ”
“ถ้าคนเรารักกัน แล้วทำไมจะไม่รอด” แท่นบอก
“เค้าไม่ได้รับชั้นหรอก เอาเป็นว่าชั้นขอภาวนา ขออย่าให้คนอย่างเค้ามารักฉันดีกว่า ชั้นมันคนเลว ชั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ชั้นไม่อยากให้เค้าเสียใจ”
ทุกคนอึ้ง
อ่านต่อหน้า 2
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ที่ออฟฟิศมัทนี เอกชเยศร์วางหนังสือพิมพ์รายวันลงตรงหน้าชฎา
“ไม่มีใครส่งการ์ดให้ผม”
“แล้วเค้าจะส่งให้คุณไปทำป๊ะอะไรล่ะคะ คุณเป็นคนทิ้งยัยมัท คุณขอเลิกกะเค้า” ชฎาบอก
“มัทบอกคุณอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่”
“ถึงจะยังงั้นก็เถอะ แต่นี่มันคืออะไร พอผมบอกเลิกปุ๊บเขาก็แต่งงานปั๊บ แบบนี้มันหักหลังกันชัดๆ”
“อ้าว เลิกแล้วแต่ง มันผิดตรงไหนล่ะ”
“ผิดสิ ผมมาคำนวณเวลาแล้ว ยังกับว่าผมบอกเลิกปั๊บก็มีไอ้นี่มันรอคิวปั๊บ”
“คุณก็ไม่ควรประมาทนี่นะ สวยๆ อย่างมัทนี เขาก็ต้องมีคนรอรับบัตรคิวอยู่แล้ว”
“สวยเหรอ ความสวยไม่คงดี แต่ความดีน่ะคงทน จะให้ผมต้องยอมเค้าทุกเรื่อง เพราะความสวยแค่นี้เหรอ มันไม่ใช่อ่า”
“เอก บ้านเธอคงไม่มีกระจกนะ”
“เธอ หมายความว่าชั้นไม่ดูเงาตัวเองงั้นเหรอ ชั้นเป็นคนไม่สนเรื่องหน้าตาภายนอก ใช่ซี้ ไอ้อาทิตย์รูปร่างหน้าตามันดีกว่า ชั้นยอมรับ แต่เรื่องของจิตใจล่ะ”
“เออ จริงของเธอ หน้าตาเขาใช้ส่องกระจก แต่จิตใจน่ะเขาต้องใช้กะโหลก ชั้นเพิ่งเข้าใจสุภาษิตโบราณเดี๋ยวนี้เอง”
“สุภาษิตอะไร” เอกชเยศร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา ชั้นเพิ่งได้คิดเดี๋ยวนี้เองล่ะ ว่าโบราณอาจจะไม่ได้หมายถึงกะโหลกกะลามะพร้าวก็ได้ แต่หมายถึงกะโหลกคนเรานี่แหละ ตักน้ำใส่กะโหลกแล้วชะโงกดูเงา มันคือเงาขององค์รวมทั้งหมดคิดทันไหมเนี่ย เอกชเยศร์ ต้องคิดได้สิ เธอมันฉลาดออกนี่เนอะ”
เอกชเยศร์อึ้ง
อีกด้านหนึ่งที่บ้านมัทนี มัทนีนั่งมองดูนรีที่จัดวางข้าวของต่างๆ ให้อย่างมึนงง
“เล็บ ทาสีขาวมุกนี่แหละปลอดภัยที่สุด ถึงเราจะไปทำถลอกปอกเปิกยังไงก็ไม่ค่อยเห็น แต่มัทก็ควรจะอยู่สงบๆ อย่ามีกิจกรรมมากเกินไป ในวันที่ทาเล็บนะจ๊ะ” มัทนีมองอึ้งๆ เล่นกับท่วมทุ่งไปพลาง นรีจัดวางเครื่องประดับต่อไป “อันนี้ คุณลิ้นจี่ให้พี่เอามาให้มัทเลือก ชุดเครื่องประดับ นี่คือมุกทั้งหลาย หรือเพชรทั้งหลาย มัทเก็บไว้เลย แล้ววันจริง คุณลิ้นจี่จะมาเคลียร์อีกที มัทชี้ได้ตามใจมัทเลยนะจ๊ะ แล้วนี่ชุดเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวทั้งตัว คุณลิ้นจี่ย้ำมากว่าให้มัทเริ่มใช้เลยตั้งแต่วันนี้ วันแต่งงานมัทจะงามพร้อมจากเส้นผมจรดปลายเล็บเท้า”
“มัทอยากจะพบคุณลิ้นจี่ แต่หลายๆ วันนี้ ท่านบอกว่าไม่ว่างเลย มัทจะไปหาท่านก็บอกว่าไม่ต้อง”
“คุณลิ้นจี่ท่านเตรียมงานแต่งงานงานของมัทอยู่ไงจ๊ะ เรื่องของชำร่วย ท่านเน้นมากๆ ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ของเธอ เอายาชักมดลูก กับยาโด่ไมรู้ล้มมาจัดเป็นชุดอย่างสวยงาม”
“หา จริงหรอ แต่มันฟังดูน่ากลัวไปไหม”
นรีหัวเราะ
“นั่นสิ พี่ก็ว่างั้น ฟังแล้วมันแซ่บๆ ไงไม่รุ แต่มันเป็นยาที่มีประโยชน์สำหรับคน 2 เพศ ในทุกวัยเลยนะ แล้วงานจะจัดที่บ้านท่าน ท่านเลยไม่ยอมพลาด เรื่องต้นไม้ บริเวณ ภายนอก ภายใน ท่านลงขอเต็มจ้ะ”
“แล้ว ท่านแน่ใจเหรอ ว่าจะมีงานน่ะ”
“ท่านแน่ใจสิ เพราะท่านรู้ว่า อาทิตย์ ไม่มีวันไม่รับผิดชอบ”
“นี่ เขาจะมาแต่งงานกับฉัน เพราะความรับผิดชอบงั้นเหรอ”
“แค่ความรับผิดชอบก็ให้มันมีก่อนเหอะ มัท อุ้ย ขอโทษ” มัทนีอึ้ง ซีดไป “มัท มัทอย่าคิดแบบนางเอกนิยาย ว่าต้องพูดคำว่าความรักออกมาก่อนสิ นอกนั้น ทุกอย่างก็โอเคหมด ใช่ คำว่ารักนั่นก็สำคัญ แต่คำว่ารักเฉยๆ คนเขาก็พูดกันง่ายๆ รักแล้วเผ่นก็มี รักแล้วเอาเปรียบก็มี อย่างเช่นนายเอกชเยศร์ก็คงพูดคำว่ารักตลอดเวลา แต่การกระทำมันคืออะไรก็ไม่รู้ จริงไหม” มัทนีนิ่ง “เพราะฉะนั้น ถ้าคนจากไอ้ผู้ชายแก๊งอุบาทว์แก๊งนี้เนี่ย ทำตัวให้เราเชื่อได้ว่าเขามีความรับผิดชอบ พี่ก็ว่าเท่มาแล้ว”
“อะไรนะคะ นี่มัทต้องลดสเป๊กตัวเอง มาพอใจให้ได้กับแค่เรื่องความรับผิดชอบเนี่ยนะ”
“ผู้ชายแบบนายอาทิตย์ ที่มี ‘ตั้ง’ ความรับผิดชอบ ถ้ามัทยังคิดว่าต่ำเกินไปสำหรับสเป๊กมัท แล้วมัทคิดว่าใครที่ดีพอล่ะจ๊ะ”
“มัทไม่ได้วางสเป๊กไว้สูงส่งมากหรอกค่ะ พี่นรี มัทขอแค่คนที่มีความรักเดียวใจเดียว แบบคุณพ่อของมัท มัทก็พอแล้วค่ะ” มัทนีบอกท่าทางจริงจังจนนรีอึ้ง
คืนก่อนวันแต่งงาน พระจันทร์เต็มดวงขึ้นกลางหมู่ตึกในกรุเทพ ที่ดาดฟ้า ริมสระ อาทิตย์นอนบนเก้าอี้ยาว ตาเหม่อลอยไกล มือถือเครื่องดื่มน้ำเย็นใสในแก้วกระบอกทรงสูง ดวงตาของอาทิตย์ดูสับสน
ที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่กำลังดูดอกไม้ที่พนักงานกำลังจัดดอกไม้ด้วยการยกกระถาง ทำซุ้มที่ข้างสนาม อีกด้านหนึ่ง อเนก โมกข์ แท่น โทนี่กำลังช่วยกันแขวนโคมสีชมพูไปตามต้นไม้ ลิ้นจี่มองพวกหนุ่มแล้วเดินเข้าไปหา
“นี่ ถามจริง”
สี่หนุ่มพูดพร้อมกัน
“ตอบตง”
“พวกเธอคิดว่าลูกชายชั้นมันจะมาแต่งงานไหม” ทุกคนมองหน้ากัน “อ่ะ ถ้าพวกเธอคิดว่ามันจะไม่มา พวกเธอมาช่วยชั้นจัดสถานที่แบบนี้ทำไม”
“เพราะ เราเชื่อว่าอาทิตย์ไม่เคยตัดสินใจผิดฮะ” อเนกบอก
“พวกเธอรู้ใช่ไหม ว่ามันอยู่ไหน” ทุกคนอึ้ง มองกันไปมา “พวกเธอรู้ แต่ไม่อยากจะบอกชั้น”
“ไม่มีประโยชน์ครับ ที่คุณแม่จะเอาโซ่ไปล่ามมันกลับมา เพราะถ้าการแต่งงานของมันเริ่มแบบนั้น แล้วอนาคต มันจะเป็นยังไงล่ะฮะ” โมกข์บอก
“ใช่ อาทิตย์เป็นแบบนั้น ถ้ามันมาเอง มันก็จะไม่จากไปไหนอีกเลย” ลิ้นจี่บอกอย่างคนที่รู้จักนิสัยลูกชายดี
“มันคือเพื่อน ที่เรามั่นใจเสมอครับ แม่ ว่าอาทิตย์ไม่เคยทิ้งเพื่อน”
“แปลว่า มันจะไม่ทิ้งแม่ ใช่ไหม”
“เราเชื่อมั่นในอาทิตย์ครับ” โทนี่บอก ลิ้นจี่อึ้ง
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านมัทนี เหน่ง โหน่ง กำลังช่วยกันนวดจำเนียรที่นอนคว่ำอยู่
จำเนียรดูกลุ้มๆ คิ้วขมวด ถอนใจเฮือกๆ
หาญเดินจงกรมจริงๆ ไปมา แล้วหยุดนิ่ง แล้วพยายามจะตัดความวุ่นวายใจ แต่ก็ทำไม่ได้ หันไปมองลูก
มัทนีนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง มัทนีนั่งมองดูรองเท้าส้นสูงสองคู่ สีขาวคู่หนึ่งสำหรับชุดกลางวัน อีกคู่หนึ่งสำหรับชุดกลางคืน นั่งมองแล้วอึ้งๆ เหน่งโหน่งสบตากัน
“เอ่อ ถ้าคุณอาทิตย์เบี้ยวขันหมากล่ะคะ เราจะมีมาตรการจัดการไหมคะ”
“จุ๊ๆ เงียบ”
“ถ้าเค้าทำอย่างนั้นกะยัยมัท มันตาย” จำเนียรบอก
ทันใดนั้นโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ทุกคนสะดุ้ง จำเนียรลืมตัวพุ่งลุกมารับสุดๆ จนโหน่งเหน่งกระเด็น
“ฮัลโหล คุณลิ้นจี่ ว่าไงคะ”
มัทนีชะงัก หันมอง วางรองเท้าลงช้าๆ หาญที่เอียงหูฟังตลอด เดินข้ามลานมามุงด้วยแบบห้ามไม่ได้
ส่วนลิ้นจี่ก็มีเพื่อนๆ ของอาทิตย์ห้อมล้อม
“จะโทรมาบอกว่านายอาทิตย์มาเตรียมตัวแล้วค่ะ เขาพร้อมที่จะเข้าพิธีมากๆ แล้วก็รักหนูมัทนีมากๆ ที่หายไปเพราะเขาตื่นเต้นมากๆ เลยแอบไปเข้าคอร์สเจ้าบ่าวมาค่ะ”
“คอร์สเจ้าบ่าว อะไรคะ”
พวกมัทนีทุกคนงงงัน
“อ๋อ ก็ไปทำหน้า ทำตัว ฟิตเชป ทำผมทำเล็บ อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ”
“อะไรนะคะ”
ลิ้นจี่สบตาเพื่อนๆทุกคนของอาทิตย์ เหมือนคนตันสินใจ ทุ่มการพนันชนิดหมดหน้าตัก
“เพราะฉะนั้น คุณจำเนียรไม่ต้องห่วงนะคะ นอนหลับให้สบาย พรุ่งเช้าจะได้ตื่นมาสวยๆ แล้วมาที่นี่ มาแต่งตัวกันที่นี่นะคะ พ่ออาทิตย์น่ะ ดิฉันไล่ไปนอนแล้วค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะประสาทเสีย ค่ะ ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” ลิ้นจี่วางหูลง พวกเพื่อนอาทิตย์สบตากัน “อาทิตย์ไม่ทิ้งเพื่อน และจะไม่ทิ้งแม่ รวมทั้ง ผู้หญิงที่เขารักด้วย จริงไหม”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วพยักหน้าจริงจัง
จำเนียรยิ้มแก้มปริ หันมากอดมัทนี กอดหาญ
“โล่งอกไปที สบายใจได้แล้วนะลูก ตาอาทิตย์แค่ตื่นเต้น เลยแอบไปทำหน้าทำ ตัวเข้าคอร์สเจ้าบ่าวนั่นเอง”
“คอร์สเจ้าบ่าว นายอาทิตย์เนี่ยนะ ไปทำหน้าทำตัว” หาญทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ
“อ้าว สมัยนี้ ผู้ชายเขาไม่ได้หล่อธรรมชาติเหมือนคุณนี่คะ เค้าเป็นพวกเมโทร่ ต้องรักสวยรักงามกันหน่อย จะแต่งงานทั้งที”
“งั้น ตอนนี้มันคงเปิดโทรศัพท์แล้วใช่ไหม งั้น ชั้นอยากจะคุยกะมันหน่อย”
“ว้ายๆ อย่าโทรค่ะ อย่าโทร ตอนนี้คุณนายลิ้นจี่จับให้นอนไปแล้ว เราก็ควรนอนนะลูก นอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาหน้าเด้งๆ ไง ไป ปะ ทุกคน รีบเข้านอนๆๆ”
มัทนีแอบข้องใจ ไม่พูดอะไร จำเนียรรีบอุ้มท่วมทุ่ง จูงหาญขึ้นบ้านไป
เช้าวันใหม่ที่บ้านลิ้นจี่ซึ่งถูกตกแต่งเป็นสถานที่จัดงานแต่ง ประดับประดาด้วยดอกไม้
มุมสำหรับพิธีการมีตั้งโต๊ะสำหรับรดน้ำสังข์ให้บ่าวสาวทางด้านหนึ่ง ใกล้ๆ กันมีจอโปรเจคเตอร์กำลังฉายภาพบรรยากาศภายในงานสดๆ ไปด้วย อีกด้านมีมุมอาหารเครื่องดื่มจัดเรียงสวยงาม บรรยากาศโดยรวมดูเป็นไทยร่วมสมัย แขกมาร่วมงานประปรายแล้ว ทีมกล้องทั้งภาพนิ่งและวีดีโอถ่ายกันไปตลอด
ที่หน้างาน จำเนียร หาญ ลิ้นจี่กำลังยืนต้อนรับแขกที่โต๊ะหน้างาน มีโต๊ะของชำร่วยเป็นยาว่านชักมดลูกห่ออย่างดีสวยงาม ลิ้นจี่คอยชะเง้อ พะวงว่าอาทิตย์จะมาหรือไม่ แต่พอจำเนียรกับหาญหันมาจ้องเป็นเชิงถามว่าอาทิตย์อยู่ไหน ลิ้นจี่ได้แต่ฉีกยิ้มให้กำลังใจจำเนียรและหาญเป็นระยะๆ
นรีที่ท้องโตนิดๆ เดินออกมา โดยมีอเนกตามประคอง
“ก้าวช้าๆ ระวังเท้าพลิกนะคะ”
“คุณป้าคะ ยัยมัทแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนะคะ ตอนนี้ก็เหลือแต่เจ้าบ่าว ไม่ทราบว่าออกมาหรือยังคะ” นรีถามหาอาทิตย์
“คุณบอกว่าเมื่อคืนพ่ออาทิตย์กลับมานอนที่บ้านแล้วไม่ใช่เหรอ” จำเนียรถามลิ้นจี่
“แล้วไม่ทราบว่าที่ลูกเขยผมอยู่ไหนครับ” หาญถาม ลิ้นจี่พยายามมั่นใจ ทำท่าชิวๆ
“เดี๋ยวก็ลงมาค่ะ เขาตื่นเต้นอยากจะแต่งจะตาย ตอนนี้กำลังซิทอัพอยู่ในห้องนอน”
“ซิทอัพ” ทุกคนพูดพร้อมกัน ลิ้นจี่หัวเราะคิกคัก
“รับแขกให้สบายใจเถอะค่ะ เอ่อ เดี๋ยวดิฉันมานะคะ”
ลิ้นจี่เริ่มรู้ตัวว่าแถไม่รอดแล้ว จึงตัดบท เดินแยกเข้าไปด้านในเลย จำเนียร หาญ นรีมองหน้ากันงงๆ
ภายในบ้าน กลุ่มเกิร์ลกรุ๊ปสาวสวยเซ็กซี่ 5 คนเดินฉับๆ เรียงหน้ากระดานเข้ามาหยุดยืนโพสต์ แท่น โทนี่ โมกข์กำลังมองสาวๆ ปากค้าง
“นี่คือไม้ตายสุดท้ายของชั้นที่จะใช้ยื้อชะตาชีวิตของแก๊งชายโฉดเรา” แท่นบอก
“ตกลง เราสนับสนุนให้มันแต่งงาน หรือไม่สนับสนุนวะ” โทนี่ถามขึ้นมา
“ตามหลักความถูกต้อง ที่มันควรกตัญญูต่อแม่ และความเป็นสุภาพบุรุษ ที่จะไม่ฉีกหน้าหนูมัทนี มันก็ควรแต่ง แต่ลึกๆ ในใจ ชั้นไม่เข้าใจ อาทิตย์จะทิ้งน้องๆ ขายาวพวกนี้ไปได้ยังไง” แท่นบอก
“โห ใจเดียวกันเลยว่ะ” โมกข์แปะมือกะแท่น
“แต่ยังไง คืนนี้พวกเราก็จะสูญเสียหัวหน้าแก๊ง ให้กับเจ้าสาวของมันไปแล้ว เราควรทำใจสิ” โทนี่น้ำตาคลอ
“ไม่ได้ ชั้นจะสู้จนวินาทีสุดท้าย ถ้าอาทิตย์เห็นน้องๆ พวกนี้เดินยั่วกิเลสในงานแล้วมันยังยืนยันที่จะแต่งงาน ชั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว ฝากด้วยนะเด็กๆ แยกย้ายได้”
พวกเกิร์ลกรุ๊ปแยกออก เผยให้เห็นว่าลิ้นจี่เดินแหวกมาจากด้านหลังพวกสาวๆ แท่น โทนี่ โมกข์จ๊าก กลับหลังหัน คิดหนี
“ใครหนี ชั้นจะเขวี้ยงด้วยว่านชักมดลูก” พวกหนุ่มๆ หยุดกึก “อาทิตย์อยู่ที่ไหน”
“ไม่ทราบครับ” สามหนุ่มตอบพร้อมกัน
“มันมีติดต่อพวกเธอมาบ้างมั้ย”
“ไม่มีครับ”
สามหนุ่มตอบเป็นเสียงเดียวกัน ลิ้นจี่เครียด คิดหาทาง
นรีกลับเข้ามาในห้องเก็บตัวเจ้าสาว
“เขาไม่มาใช่มั้ยคะพี่นรี” มัทนีถาม นรีอึ้ง ตอบไม่ถูก “เขาเผ่นหนีมัทไปแล้วใช่มั้ยคะ”
“ใครหนี หนีอะไร พี่ตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า” ชฎารีบถาม
“นี่ยังไม่ถึงเวลาฤกษ์เลยนะมัท คุณป้าลิ้นจี่บอกว่าเขาตื่นเต้นมาก แต่งตัวยังไม่เสร็จ เปลี่ยนชุดหลายชุด” นรีบอก
“คุณนายลิ้นจี่จะหลอกตัวเองไปจนถึงวินาทีสุดท้ายเหรอ” มัทนีตัดบทนรี แล้วเดินไปนั่งเครียดหน้ากระจก “มัทรู้จักสันดานผู้ชายพวกนี้ดี โดยเฉพาะนายคนนี้ มัทน่าจะรู้แต่แรก มัทไม่น่าโง่ให้เขาหลอกเลย”
มัทนีเครียด จ้องหน้าตัวเอง คิดว่าจะทำยังไงดี
อีกมุมหนึ่งของงาน นิสิตการแสดงกำลังซ้อมคิวเพื่อเปิดตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งหมดแต่งตัวประมาณเทวดานางฟ้าที่มาดลใจให้เกิดความรัก มีดนตรีประกอบที่เร่งเร้าจนถึงจังหวะเปิดตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว ระหว่างนั้นมีเสียงปุยฝ้ายกับตู้ดังมา
“ได้มงคลฤกษ์แล้ว ขอเชิญทุกท่านพบกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวของเราได้เลยค่า”
กลุ่มนิสิตเทวดานางฟ้าแหวกออก เพื่อเปิดตัวคู่บ่าวสาวให้เดินเข้ามาตรงกลาง แต่คนที่เดินออกมาก็คือ ปุยฝ้าย และ ตู้ ทั้งสองคนเล่นบทเป็นเจ้าสาว แอคติ้งจัดเต็มมาก
“สวัสดีครับ สวัสดีครับ”
ปุยฝ้ายหันมาจ้องตู้ เท้าเอว
“ชั้นครับแล้ว เธอต้องค่ะสิ”
“ชั้นแมนกว่า ชั้นก็ต้องครับ เธอนั่นแหละต้องค่ะ อาจารย์ปุยฝ้าย”
“แมนกว่า” ปุยฝ้ายมองตู้หัวจรดเท้า “อะไรไม่ทราบที่เธอแมนกว่าชั้นนังตู้”
ปุยฝ้ายกับตู้ทำท่าจะเถียงกัน แต่แล้วนรีร้องห้ามดังเข้ามาก่อน
“แมนทั้งคู่แหละค่ะ อาจารย์ปุยฝ้าย อาจารย์ตู้ แค่ซ้อมคิว ไม่ต้องอินมากก็ได้ค่ะ นิสิตอยู่เต็มเลยนะคะ”
“อุ๊บส์ เอาล่ะนิสิต ที่ซ้อมเมื่อกี้ดีมากนะ ไปๆๆ ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
พวกนิสิตแยกย้ายไปเตรียมตัว
“นี่เพื่อนอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ที่บอกว่าจะมาเป็นพิธีกรให้น่ะเหรอครับ” อเนกถามนรี
“ใช่ค่ะ อาจารย์ปุยฝ้ายกับอาจารย์ตู้ สอนประจำอยู่ภาควิชาศิลปะการแสดงค่ะ ขอบใจนะ มาเป็นพิธีกรให้แล้วยังนำเด็กๆ มาทำการแสดงให้ด้วย”
“นี่ถ้าไม่รักกันจริง ไม่ทำให้หรอ...ก...นะ”
ปุยฝ้ายพูดไม่ทันจบก็หันหน้าขวับไปมองตามชายหนุ่มรูปงามที่เดินผ่านหน้าไป
“แหม รักเพื่อนมากก” ตู้ลากเสียงยาว
“บร้า”
“ปุยฝ้ายยยย ไปซ้อมสคริปต์พิธีกรได้แล้ว”
ตู้ลากปุยฝ้ายไป
“เพื่อนคุณแสดงเก่งดีนะครับ เล่นเหมือนเป็นแต๋วจริงๆ เลย”
นรีกับอเนกขำๆ กับเพื่อนสองคนนี้
แท่นเดินมาตามทางไปทางห้องน้ำ
ระหว่างเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ มีคู่หนุ่มหล่อสาวสวยเดินควงกันสวนผ่านไป แท่นก็เหลียวไปมอง ได้แต่อิจฉา
“ทำเป็นควงกัน ฮึ”
แท่นหันกลับจะเดินต่อ ตู้เปิดประตูออกมาจากในส้วม ก้มหน้ากดมือถืออยู่ ต่างคนต่างไม่ได้มอง เลยชนเข้ากับตู้อย่างจัง โครม!
ตู้ร้องว้ายแล้วเซๆ แท่นมือไวตามสัญชาติญาณรีบคว้าดึงตัวตู้เอาไว้ ดึงมาใกล้ชิด ทั้งคู่สบตากัน ตู้ตะลึง
แท่นก็ตะลึง สงสัยว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ตู้ผละออก
“ขอโทษครับ”
“มะ ไม่เป็นไร ครับ”
ทั้งตู้และแท่นอึกอักๆ ปุยฝ้ายเข้ามาตาม
“นังตู้ เข้าส้วมอิ่มหรือยัง วันนี้จะได้ซ้อมสคริปต์มั้ย”
“อิ่มแล้ว ไปๆ”
ตู้รีบตัดใจเดินแยกไปกับปุยฝ้ายทันที แท่นมองตาม
“ผู้ชายเหรอวะ กึ๋ยย”
แขกทยอยกันเข้ามาที่หน้าพื้นที่จัดงานพิธี จำเนียรกับหาญไล่เบี้ยลิ้นจี่ที่หน้าพื้นที่จัดงานพิธี
“จะได้เวลาแล้ว ไหนล่ะครับเจ้าบ่าว”
“หวังว่าคุณจะไม่ได้หลอกพวกเรา เอาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเรามาเชือดนิ่มๆ ต่อหน้าแขกสนิทมิตรสหายของดิฉันหรอกนะคะ”
ลิ้นจี่หน้าเสีย พูดอะไรไม่ออก ปุยฝ้ายกับตู้เดินออกมาพูดไมค์เป็นพิธีกร
“สวัสดีครับ ดิฉันชื่อปุยฝ้ายครับ”
“ส่วนผมชื่อตู้ เรียกง่ายๆ สั้นๆ ว่าตู้ก็ได้ครับ”
“แล้วมันสั้นกว่าตรงไหน”
พิธีกรเล่นมุขกันไป
“ชื่อตู้เหรอ อื้มม” แท่นบอก
“ใช่ เป็นเพื่อนอาจารย์ของนรี ตลกดีนะสองคนนี้” อเนกบอก แท่นยิ้มเฝื่อนๆ
นรีกับชฎาพามัทนีเดินออกมา
“เขายังไม่มาแล้วจะให้มัทออกมาทำไม” มัทนีถาม
“แขกผู้ใหญ่หลายท่านเริ่มบ่นหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว ออกไปรับหน้าแขกก่อนนะ”
“แล้วมัทจะตอบเขายังไงว่าเจ้าบ่าวยังแต่งตัวไม่เสร็จ มันติดขนตาอยู่รึไง ไม่ มัทจะไม่ออกไป มัทจะไม่ยอมให้มีภาพเฝ้าชะเง้อรอผู้ชายของมัทเกิดขึ้นเด็ดขาด”
มัทนีเดินกลับเข้าไป
“มัท”
“เดี๋ยวพี่ไปดูแลมัทเองค่ะ คุณนรีไปช่วยคุณแม่น้องมัทรับแขกดีกว่า”
ชฎาตามมัทนีไป นรีเซ็ง กลุ้ม
บริเวณงานพิธี ทีมงานส่งกระดาษให้ปุยฝ้าย เขียนว่า “เจ้าบ่าวยังไม่มา ถ่วงเวลาไว้ก่อน” ปุยฝ้ายตะลึง แล้วรีบส่งกระดาษต่อให้ตู้
“เจ้าบ่าวยังไม่มา ถ่วงเวลาไปก่อน”
ปุยฝ้ายกับตู้มองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี
“กำลังรอพบเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ใช่มั้ยครับ แต่ก่อนอื่นวันนี้เรามีศิลปินฝึกหัดจากค่ายเพลงชื่อดังมาด้วย รู้สึกว่าน้องๆ จะเตรียมเพลงมาอวยพรให้บ่าวสาวโดยเฉพาะด้วย” ปุยฝ้ายบอก
แท่นที่ยืนฟังอยู่ อึ้ง ไม่รู้เรื่องรีบไปข้างเวที
“งั้นเราไปพบกับน้องๆ กันเลย ขอเสียงปรบมือด้วยครับ” ตู้บอก แท่นรีบมาห้าม
“เฮ้ย ไม่ได้ๆๆ เด็กๆ ยังออกงานไม่ได้ ลุคนี้ไม่ใช่ลุคที่เราอยากโปรโมท”
“เราต้องถ่วงเวลารอเจ้าบ่าว ช่วยเราหน่อยนะครับ” ตู้บอกแววตาขอร้องมาก แท่นงงๆ ใจอ่อนซะงั้น
“เออ ก็ ก็ได้ ยอมเพื่อ เพื่อเพื่อน แต่เพลงเดียวนะ”
พวกสาวๆ ตื่นเต้น
“ขอบคุณนะครับ”
แท่นทำหน้าไม่ถูก ทำปั้นปึงๆ เดินไป
บริเวณงานพิธี ดนตรีขึ้น สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปเริ่มเต้นเพลง“ยังโสด” โทนี่ โมกข์งง
“เนี่ยนะ เพลงที่เตรียมมาเพื่ออวยพรบ่าวสาวโดยเฉพาะ”
“อื้มม ไม่เกี่ยวแต่เนื้อหาก็ดีนะ”
อีกด้านหนึ่งที่ห้องเก็บตัวเจ้าสาว มัทนีกลับเข้ามาในห้องเก็บตัว เริ่มดึงเครื่องประดับบางอย่างออก วาง ตึง ตึง ตึง
“มัท จะทำอะไร” ฃฎารีบถาม
“มันหนีได้ มัทก็หนีได้ ใครแจกการ์ดคนนั้นรับเละไปก็แล้วกัน”
“มัท เราเป็นผู้หญิงที่มีสติปัญญา เราจะทำตัวงี่เง่าแบบผู้ชายไม่ได้”
“พี่ชฎา มัทเข้าใจละ นายอาทิตย์เคยด่าว่ามัทมีความสุขที่ได้เห็นคนรักกันมีปัญหา นี่เขาก็คงจะแกล้งมัทคืนเขาจะทำให้สังคมเห็นว่าเจ้าหน้าที่มูลนิธิของเรามันไม่น่าเชื่อถือ อยากแต่งงานกะเพลย์บอย แล้วโดนทิ้งให้เป็นม่ายขันหมากแน่ๆ เลยล่ะ”
“มัท เราต้องหาทาง เรียกค่าเสียหาย เอาให้ครอบครัวนายอาทิตย์เจ๊งหมดตัวไปเลย”
“นายอาทิตย์ นายเล่นอย่างนี้กะชั้นเหรอ ได้”
มัทนีหวั่นๆ ใจ แต่แล้วก็มั่นใจขึ้นมา
บริเวณงาน สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปยังเต้นอยู่ จำเนียรมึนๆ
“นี่ชั้นต้องมาดูโชว์พรรค์นี้ในงานแต่งลูกสาวน่ะเหรอ เราคงจะซาบซึ้งกันไปจนวันตายเลยนะคะคุณหาญ”
แต่หาญจ้องสาวๆ ตะลึงเคลิ้ม “คุณหาญ”
หาญสะดุ้ง รู้สึกตัว
“ใช่ๆๆ อนิจจา วะตะ สังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงแท้หนอ ที่เด้งดึ๋งๆ นั้นแท้จริงแล้วคือซิลิโคน เอ๊ย ซากศพ อื้มม”
ลิ้นจี่แอบเครียดอยู่อีกมุมหนึ่ง
ลิ้นจี่เดินแยกออกมาที่ด้านหน้างาน เครียด ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว จึงตัดสินใจพนมมืออธิษฐานต่อดวงวิญญาณของคนรัก
“คุณพี่ คุณพี่ช่วยด้วย ชั้นไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ชั้นคิดผิดเหรอที่มั่นใจในตัวมัน พาลูกชายตัวแสบของคุณพี่กลับบ้านที ช่วยทำให้มันมีความรับผิดชอบซักครึ่งของพ่อมันด้วยเถอะ ช่วยด้วยนะคะ”
ลิ้นจี่เครียดอับจนหนทาง จะหันเดินไป แต่ต้องชะงัก เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ผู้หญิงคนนั้นคือพลอย พลอยทักทายลิ้นจี่อย่างรู้จักกัน
“สวัสดีค่ะคุณแม่ของอาทิตย์”
ลิ้นจี่คุ้นๆ หน้า
“เธอ”
อ่านต่อหน้า 3
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ที่ห้องเก็บตัวเจ้าสาว มัทนีเดินแยกมาที่หน้าต่าง
“ขอมัทคิดก่อน คิดๆๆ ปัญหามา ปัญญามี เราต้องใช้สติ”
“เคสของมัทก็คล้ายๆ กับเคสผู้หญิงถูกข่มขืนแล้วไม่กล้าไปแจ้งความเพราะกลัวอายนั่นแหละ” ชฎาบอก
“มัทไม่ควรอายใช่ไหม มัทต้องหาทางพลิกเกม ทำให้นายอาทิตย์ต้องเป็นฝ่ายอายสิ”
“ใช่ เราต้องจัดการพวกทำร้ายผู้หญิง ไม่ว่าในทางกาย วาจา หรือทางใจให้สิ้นซาก”
“ได้ มัทจะเสียสละตัวเอง เพื่อทำสิ่งนี้ แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำไงเลย” มัทมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็เอะใจ “นั่น” มัทนีเห็นพลอยแต่งตัวสวยสง่าดุจนางหงส์ กำลังยืนอยู่กับลิ้นจี่ที่ด้านหนึ่ง “ผู้หญิงคนนั้น”
บริเวณงานพิธี การแสดงจากเกิร์ลกรุ๊ปจบ ปุยฝ้ายกับตู้กลับขึ้นมา ตู้ขึ้นมาอย่างร่าเริงกลบเกลื่อนปัญหามากๆ
“เอาล่ะครับๆ” ตู้หันมองปุยฝ้ายเสียงอ่อย “เอายังไงดีครับ”
“อาทิตย์มันจะเอาอย่างนี้จริงๆ เหรอ” อเนกถามเพื่อน
“ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ชัดไปเลยว่าคนกลุ่มเรา วายป่วงไม่ว่า ขอให้ข้าเป็นโสด” โทนี่บอก
“เรามาป่วนงานให้ล้มไปเลยดีไหม” แท่นบอก
“เฮ้ย จะดีเหรอ” โมกข์ขัด
“แกควรจะเห็นแก่หน้าแม่มัน และหน้าเจ้าสาวกับครอบครัวและญาติๆ บ้างสิ” อเนกบอก โทนี่ไม่สน นำม็อบ
“อยากเห็นเจ้าบ่าวคร้าบ ว่าหล่อแค่ไหน ทำไมเก็บตัวซะเงียบจังเลย”
“อยากเห็นเจ้าสาวด้วย อยากเห็นๆ จริงไหมครับ ทุกคน” แท่นรับมุก
“พวกเรา รอนานแล้วนะครับ จริงมั้ย ทุกคนขอเสียงหน่อย”
“เจ้าบ่าวๆๆ”
“เจ้าสาวๆๆ”
สองพิธีกรหน้าซีด ปุยฝ้ายรีบแก้สถานการณ์
“ได้เวลาพบกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วครับ แต่ก่อนอื่น ดิฉันขออนุญาตเชิญคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาอวยพรสักนิดนึงครับ”
แต่จำเนียรกับหาญต่างชิ่งหนี เดินแยกไปคนละทาง ไม่ให้ความร่วมมือ พิธีกรหน้าแตก ต้องแก้สถานการณ์ไป
“คุณพ่อคุณแม่คงจะเขิน งั้น เชิญคุณปุยฝ้ายอวยพรแทนก็แล้วกันครับ” ตู้บอก
“หือ”
ตู้พยักเพยิดให้ปุยฝ้ายรับมุกไป ปุยฝ้ายฉีกยิ้ม รับมุกประชดๆ
“รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับสิทธิอวยพรแทนคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว เอ่อ...”
นรีเดินเข้ามาหาอเนก
“อเนก ผู้หญิงคนนั้น ใช่คนที่อาทิตย์ควงมางานแต่งของเราหรือเปล่าคะ”
อเนกหันมอง แล้วจำได้
“คุณพลอย มาได้ไง ตายๆๆ ผมขอตัวเดี๋ยวนะครับ”
“เดี๋ยว มีอะไร”
แต่อเนกรีบวิ่งแยกไป นรีเรียกไม่ทัน ได้แต่เซ็ง อเนกเข้าไปหาพวกแท่นอีกด้าน
“เฮ้ยๆๆ พวกแกดูนั่น”
อเนกจับหัวเพื่อนๆ ให้หันไปทางทิศที่ลิ้นจี่กับพลอยยืนอยู่ ทุกคนตาโตตกใจเรียงกันไป
ด้านนอกงาน ลิ้นจี่กำลังซักพลอยเรื่องอาทิตย์
“อาทิตย์ควงไปงานแต่งงานอเนกกับนรี ใช่ ชั้นจำได้ แล้วนี่ เธอมาทำไม นี่งานแต่งงานของอาทิตย์กับคนรักตัวจริง”
“พลอยทราบค่ะ เลยอยากมาอวยพรนิดหน่อย”
“จะมาอวยพรอะไร ให้มันรู้จักกาลเทศะบ้างนะ”
พวกแท่นรีบวิ่งเข้ามา
“คุณแม่ครับๆ คุณพลอยเป็นเพื่อนของอาทิตย์ เพื่อนแบบเพื่อนจริงๆ เหมือนพวกเรานี่แหละครับ” อเนกบอก
“รับรองได้ว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แน่ครับ” โทนี่ช่วยยืนยัน
“คุณพลอย พวกเราก็นึกว่าคุณไม่ว่าง มาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” อเนกหันมาถามพลอย
“ทีแรกก็ไม่ว่างค่ะ แต่เมื่อเช้าอาทิตย์โทรมาคุยด้วย ชั้นก็เลยต้องรีบเคลียร์ธุระ แล้วรีบมาหาเขาที่นี่” พลอยบอก
“อะไรนะ ชั้นโทรตามมันทั้งวันทั้งคืน แต่มันกลับโทรไปหาเธอเนี่ยนะ มีธุระอะไรกัน” ลิ้นจี่บอกเสียงไม่พอใจ
ที่ห้องเก็บตัวเจ้าสาว มัทนีผละออกจากการมองที่หน้าต่าง หันมาพูดให้ชฎาฟัง
“เพราะอาทิตย์กับผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา เขาสองคนสนิทสนมมีความผูกพันลึกซึ้งต่อกัน ผู้หญิงคนนี้ต่างหาก คนรักตัวจริงของอาทิตย์”
“คนรักตัวจริง”
“มัท มัทเคยเจอผู้หญิงคนนั้น และเคยเห็นเวลาที่เขาสองคนอยู่ด้วยกัน”
แต่อยู่ๆ จำเนียรกับหาญก็เดินเข้ามามองด้วย
“ผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ”
มัทนีกับชฎาอึ้ง
“คุณแม่”
จำเนียรกับหาญเข้าไปมองที่หน้าต่าง แล้วจำเนียรก็หันมาหามัทนี
“แม่นั่นคงตั้งใจจะมาป่วนงานสินะ”
มัทนีคิดๆ ดีดนิ้ว
“ว้าว มัทนึกได้แล้ว ดีๆๆ ให้เจ๊เค้าอาละวาดให้งานพังไปเลย”
“หา ยังไงนะ มัท พี่ตามไม่ทัน” ชฎาทำหน้าแปลกใจ
“ก็ถ้างานพัง เรื่องมันก็จะพลิกเป็นว่ามัทปฏิเสธเจ้าบ่าวเพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมพ่อไก่แจ้น่ะสิ แล้วมัทก็จะได้พ้นคำครหา ว่าเป็นม่ายขันหมาก” มัทนีบอก
“แปลว่า นายอาทิตย์ มันไม่ได้แอบอยู่บนห้องนอน ยังแต่งตัวไม่เสร็จจริงๆ ใช่ไหม” หาญถาม
“อะไรนะ คุณนายลิ้นจี่โหกเราเหรอ ไปเอาเรื่องกันเถอะค่ะ” จำเนียรบอก
“หยุดค่ะ พ่อคะ แม่คะ แผนของหนู คือ เราต้องไปยั่วยุให้ผู้หญิงคนนั้นอาละวาดหนักๆ ให้งานพินาศไปเลย”
“ได้ ลูกรอที่นี่ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะทำหน้าที่ปกป้องลูกเอง”
จำเนียรกับหาญออกไป
“เธอรอนี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปช่วยกำกับการแสดงพ่อกับแม่เธอให้”
ชฎารีบวิ่งตามออกไป มัทนีนิ่ง แค้น เสียใจ กลับยิ่งเครียด
ด้านนอกงาน ลิ้นจี่ยังคงซักพลอยให้รู้คำตอบ ระหว่างนั้นยังมีเสียงปุยฝ้ายพล่ามอวยพรไปเรื่อยๆๆ
“ไม่ว่าจะมีเหตุเภทภัยอะไร ก็ขอให้ตั้งสติ ให้คิดเสียว่าเรื่องร้ายๆ เหมือนน้ำท่วมใหญ่ มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขอให้เราอดทนไว้ เหมือนประโยคของนักปราชญ์ผู้หนึ่งว่าไว้ว่า... “มันแน่นอก ก็ยกออก ให้แบกเอาไว้ นานไปเดี๋ยวใจถลอก”..”ปัญหาไหนหนักเกินไป ก็วางซะ อย่าไปยึดถือเอาไว้ มันจะทำให้ถลอกไปถึงหัวใจ แล้วจะสมานคืนดีกันได้ยาก”
“อาทิตย์โทรไปปรึกษาเธอเรื่องอะไร” ลิ้นจี่ถามพลอย
“เขาไม่ให้บอกใคร”
“แต่ชั้นเป็นแม่ ที่กำลังโมโหมากด้วย เธอต้องบอกชั้น”
พวกเพื่อนๆ อาทิตย์ช่วยกันตัดบท
“คุณป้าครับ อย่าเพิ่งไปซักอะไรให้ขุ่นข้องหมองใจในงานมงคลเลยนะครับ มันจะเป็นพรไม่ดีต่อบ่าวสาวนะครับ”
“เซฟและพอสอารมณ์ไว้ก่อนนะครับ ค่อยมาคอนทินิวหลังเสร็จงานยังไม่สายนะครับ”
พวกเพื่อนๆ อาทิตย์ รีบกันตัวพลอยเชิญเข้าไปในงาน แต่จำเนียรกับหาญเดินออกมาขวาง
“เอ่อ คุณพลอยครับ นี่คุณจำเนียรกับคุณหาญ คุณแม่กับคุณพ่อของคุณมัทนี เจ้าสาวของอาทิตย์น่ะครับ” แท่นแนะนำ พลอยไหว้ตามมารยาท
“เธอต้องการอะไร ถึงกล้าบุกมางานแต่งงานของผู้ชายที่เขาไม่เลือกเธอ” จำเนียรถามอย่างเอาเรื่อง พลอยไม่โกรธ เพราะชินแล้ว แต่เหนื่อยใจนิดหน่อย
“รู้สึกว่าใครๆ ก็จะเข้าใจความสัมพันธ์ของดิฉันกับอาทิตย์เป็นเรื่องชู้สาวหมดเลยนะคะ”
“ก็เธอออกจะ แน่น ขนาดนี้ จะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้เหรอ” หาญบอก
“แล้วนั่นอะไร”
จำเนียรบุ้ยไปที่ห่อของขวัญเล็กๆ ที่พลอยถือมาด้วย
“ของขวัญวันแต่งงานสำหรับอาทิตย์กับคนรักของเขาค่ะ”
“มันคืออะไร เอามาให้ชั้นดู” จำเนียรระแวง แต่พลอยหวงไว้มาก
“ให้ไม่ได้ค่ะ ดิฉันจะต้องให้อาทิตย์กับมือตัวเองเท่านั้น”
“ชั้นเป็นแม่เจ้าสาว ชั้นมีสิทธิที่จะเซ็นเซอร์ของขวัญทุกชิ้นก่อนถึงมือลูกสาวชั้น เอามา ถ้าเธอไม่ให้ ชั้นจะถือว่าเธอมีเจตนาไม่บริสุทธิ์”
“คิดว่าดิฉันจะเอาน้ำกรดมาอวยพรเพื่อนรักงั้นเหรอคะ”
“แล้วมันใช่มั้ยล่ะ” ลิ้นจี่กับจำเนียรถามพร้อมกัน
ทันใดหาญบุกเข้าจะแย่งของขวัญนั้นมาเลย แต่พลอยยื้อไว้ ไม่ยอมให้เอาไป พวกแท่นพยายามจะเข้าไปช่วยห้าม เหตุการณ์เริ่มวุ่นวาย ชฎาตามออกมา
“ตายแล้ว อย่าใช้ความรุนแรงในสังคมค่ะ ตบเลยค่ะๆ”
“เธอไม่ต้องยุ่ง”
ในที่สุด หาญแย่งห่อของขวัญมาได้
“ได้มาแล้วๆ”
“เปิดเลย”
อยู่ๆ เสียงอาทิตย์ดังขึ้นมา
“ลองเปิดสิครับ”
อาทิตย์เดินเข้ามา ดุ หล่อโคตรๆ
“อาทิตย์ นี่ลูกไปทำอะไรมา” ลิ้นจี่รีบถาม อาทิตย์ทำมือเบรกให้แม่อย่าเพิ่งถาม
“สนใจแค่ว่าตอนนี้ผมมาอยู่ที่นี่และพร้อมเข้าพิธีแล้วก็พอนะครับแม่ ขอคืนด้วยครับ” อาทิตย์หันไปบอกหาญ
“ชั้นต้องเปิดดูเพื่อความสบายใจ” หาญบอก อาทิตย์จึงหันไปพูดกับจำเนียร
“คุณแม่เคยฟังนิทานเรื่องตาลุงธรรมะกับสาวโคโยตี้มั้ยครับ”
หาญสะดุ้ง รีบยัดของขวัญคืนให้อาทิตย์แต่โดยดี
“อ่ะ อยู่ๆ ดีๆ ก็แว่บคำสอนของพลวงพ่อได้ ของของใครของใครก็ห่วง ของใครใครก็ต้องหวง ห่วงใยรักใคร่ถนอม”
อาทิตย์เอาของขวัญมาคืนพลอย
“ผมขอโทษด้วยนะครับที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของผมเสียมารยาทกับพี่ เชิญครับ เข้าไปร่วมงานแต่งของผมกัน”
อาทิตย์พาพลอยเข้าไป ทุกคนยืนอึ้ง
“อาทิตย์กลับมาแล้ว งั้นงานแต่งก็เริ่มได้แล้วสิ”
“งั้นชฎาไปตามเจ้าสาวเลยนะคะ” ชฎารีบไป
“ไปๆๆ เรารีบเข้าไปร่วมงานกันเร็วๆ มาช้ายังดีกว่าไม่มานะคะคุณจำเนียร คุณหาญ ไปๆ”
ทุกคนกลับเข้าไป
“ห่อเหี่ยวว่ะ เศร้าว่าอาทิตย์จะทิ้งเราไปแล้ว” แท่นพูดกับโทนี่และโมกข์
“แต่มันดูดี กว่าทุกทีที่เจอนะเว้ย” โทนี่บอก
“หรือมันจะคิดตกแล้ว” โมกข์บอก
สามหนุ่มกอดกันเศร้า
“มันไปสบายแล้วล่ะ มีแต่พวกเราแหละ ที่ยังต้องต่อสู้ต่อไป สู้เค้าเว้ย หนุ่มโสด ไฟติ้ง”
บริเวณงานพิธี ปุยฝ้ายยังแถไม่หยุด
“อีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวคือต้องมีไอด้อล เช่น ถ้าเรายึดคาราบาวเป็นไอด้อล เวลาเกิดปัญหาเราก็จะคิดว่า... “แม่สายยามเย็น เห็นแสงรำไร อาทิตย์จะลับโลกไป พระจันทร์จะโผล่ขึ้นมา”..”ขนาดดวงอาทิตย์ยังต้องลับโลกหลีกทางให้พระจันทร์ เราก็ควรจะหลีกทางให้สามีหรือภรรยาเราขึ้นมาเจิดจรัสบ้าง แต่ถ้าไอด้อลของเราเป็น...”
อาทิตย์เดินประคองพาพลอยเข้ามาในงาน ตู้ดีใจมาก”
“นั่น นั่นๆ เจ้าบ่าวมาแล้ว เจ้าบ่าวมาแล้ว”
“ฮ้า ชั้นรอดตายแล้ว”
ตู้กับปุยฝ้ายโดดกอดกันดีใจมากๆ ที่เห็นอาทิตย์ อเนกเข้ามาหานรี
“อาทิตย์มาแล้วครับที่รัก”
พวกทีมกล้องรีบไปจับภาพอาทิตย์ ภาพฉายขึ้นโปรเจคเตอร์บนเวทีทันที อาทิตย์ส่งให้พลอยยืนด้านหนึ่งในบริเวณงาน
“ขอบคุณนะครับที่มา”
“ต้องมาสิ เธอก็รู้ว่าพี่รอวันนี้มาตลอด วันที่เธอเปิดประตูให้ตัวเองมีความรักกับเค้าซะที”
“ผมไม่ได้ปิดประตูขนาดนั้น ก็แค่ไม่อยากทำให้ใครเสียใจ ผมเคยเห็นมาแล้วสองคน แม่ แล้วก็พี่ คนที่มีความสมหวังในความรักที่สุด มีชีวิตสมรสที่มีความสุขที่สุด แต่กลับมีชีวิตสมรสที่สั้นเกินไป ผมไม่อยากเห็นใครต้องช้ำใจเพราะความรักอีก”
“เธอก็เลยไม่ทุ่มเทความรักใครให้เต็มร้อย แต่เลือกที่จะแบ่งสันปันส่วน เฉลี่ยความรักให้คนนั้นนิดคนนี้หน่อย เหมือนการลงทุนน่ะเหรอ มันใช่วิธีที่ถูกแล้วจริงๆ เหรอ?”
“ผมกลัว”
“เธอจริงจังกับความรักก็ดีแล้ว แต่อย่าให้ความจริงจังนั้นกลายเป็นความกลัว จนทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอไม่มีความสุขเลย”
“ผมกลัวจริงๆ นะ พี่พลอย”
“อาทิตย์ แค่เธอมีความรักที่ดี เธอก็จะรู้สึกว่าชีวิตนี้ สมบูรณ์ เพียงพอแล้ว เธอจะรู้สึกว่าเธอยืนได้เต็มเท้า หายใจได้เต็มปอด ทำอะไรได้เต็มที่ จะไม่มีสักวินาทีเดียวที่เธอรู้สึกเคว้งคว้างอีกเลย ต่อให้เวลานั้นจะแสนสั้น แม้ภายหลังเหลือตัวเราอยู่เพียงลำพังก็ตาม แต่ความรักก็จะอยู่กับเราตลอดไป”
“ผม หวังว่าสักวันผมคงจะเข้าใจความหมายนั้น”
พลอยยื่นของขวัญให้
“พี่ขออวยพรให้เธอสองคนรักกัน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย”
“ตราบชั่วฟ้าดินสลาย เหรอครับ”
พลอยให้กำลังใจ อาทิตย์ยิ้มรับ ตู้ทำหน้าที่พิธีกร
“ช่างเป็นคำอวยพรที่ซาบซึ้งมาก”
อาทิตย์หันมาที่บริเวณพิธี ที่โต๊ะสำหรับรดน้ำสังข์ แน่วแน่
“ผมพร้อมจะแต่งงานแล้วครับ”
“สมแล้วที่เป็นลูกของแม่และพ่อ มันต้องยังงี้”
“เจ้าสาวของผมอยู่ที่ไหนครับ”
แต่แล้วชฎาวิ่งหน้าตื่นออกมา
“แย่แล้วค่ะ แย่แล้ว”
ทุกคนตกใจ
ที่ห้องเก็บตัวเจ้าสาว อาทิตย์ ลิ้นจี่ จำเนียร หาญ นรี ชฎามาที่ห้องแต่งตัว แต่ไม่พบมัทนีแล้ว ข้าวของทุกอย่างอยู่ครบ
“ชฎาเข้ามาตาม แต่ก็ไม่พบยัยมัทแล้ว ในห้องน้ำก็ไม่มี ห้องข้างๆ แถวนี้ก็ไม่มี”
“หรือว่ายัยมัทจะหนีไปแล้ว” นรีบอก
จำเนียร หาญ ลิ้นจี่ตกใจ
“มัทนีคิดจะหนีผมเหรอ”
บริเวณพื้นที่จัดงาน มัทนีวิ่งฝ่าแขกจำนวนหนึ่ง ออกไปจากประตูบ้าน อาทิตย์เดินกึ่งวิ่งออกมาที่หน้างาน มองเคว้งคว้างหา จะรีบออกไปตามมัทนี โทนี่ โมกข์ แท่นรีบเข้ามาถาม
“อาทิตย์ๆ จะไปไหนวะ”
พวกแขกที่เห็นมัทนีวิ่งออกไปวิ่งมารุมล้อมเอาใจช่วยอาทิตย์
“เจ้าสาวไปทางนั้นครับ ค่ะ ออกไปแล้ว นั่นๆๆ วิ่งออกไปทางนั้นค่ะ”
“ชั้นจะไปเอาตัวเจ้าสาวกลับมาแต่งงาน”
อาทิตย์วิ่งออกไปเลย ปุยฝ้ายรีบเข้ามาสั่งตากล้องวีดีโอ
“เอ้า เฉยทำไม ตามไปถ่ายสิ ไปๆ”
“งานนี้ต้องมีอะไรสุโค่ยแน่ ทุกคนห้ามกระพริบตา”
“อาทิตย์สู้ๆ เจ้าบ่าวสู้ๆ”
“เจ้าบ่าวสู้ๆ”
ทุกคนลุ้นดูทางจอโปรเจคเตอร์
อาทิตย์วิ่งออกมาที่ถนนด้านนอก มีทีมกล้องวิ่งตามมาติดๆ อาทิตย์รีบวิ่งไปตามทางที่มัทนีน่าจะวิ่งไป แล้วอาทิตย์ก็เห็นมัทนีอยู่ไกลออกไป กำลังยืนพักเหนื่อย
“คุณมัทนี”
มัทนีตกใจที่ถูกตามมาทัน รีบจ้ำหนีต่อไป
ในบริเวณงาน ภาพในจอเป็นภาพมัทนี ทุกคนในงานลุ้นมาก
“เจอเจ้าสาวแล้วค่ะ”
“เจ้าบ่าวสู้ๆๆ”
ลิ้นจี่และแขกต่างๆเชียร์ลุ้น ให้ไปตามตัวเจ้าสาวให้ทัน
มัทนีวิ่งหนีมา พอดีมีวัยรุ่น 2 คนจอดจักรยานฟิกเกียร์จับกลุ่มคุยกันอยู่แถวนั้น มัทนีตัดสินใจไปคว้าจักรยานมาเลยคันหนึ่ง
“พี่เป็นลูกสาวคุณจำเนียร ขอยืนก่อนแล้วจะเอามาคืนนะ”
มัทนีโดดขึ้นจักรยานปั่นออกไป วัยรุ่นจะตามรถ แต่ไม่ทัน
“หยุดนะมัทนี” อาทิตย์วิ่งมาไม่ทัน คิดจะไปเอาจักรยานของวัยรุ่นอีกคันที่เหลือ แต่วัยรุ่นอีกคนรู้ทัน รีบคว้าและกอดจักรยานของตัวเองเอาไว้แน่นหนึบ “ขอยืมก่อน แป๊บนึง พี่จะไปตามเมีย เขาหนีพี่ไปไกลแล้ว”
“ไม่ๆๆ”
“พี่อยากมีเมีย สงสารกันบ้างเด้ จะเอาอะไรบอกมา เอาเงินมั้ยไอ้น้อง พี่ขอเถอะ ถ้าเอ็งช่วยพี่ แล้วพี่จะช่วยหาเมียให้เอ็งด้วย”
“แจ่มมั้ย”
“แจ่มสุดๆ”
“งั้นเอาไปตามเมียพี่เลย”
อาทิตย์รีบคว้าฉวยจักรยานมาทันที พวกวัยรุ่นเชียร์อาทิตย์ พวกช่างกล้องเลิ่กลั่ก จะตามไปยังไงดีเนี่ย
มัทนีปั่นจักรยานหนี อาทิตย์ปั่นไล่
“คุณหนีผมไม่พ้นหรอกมัทนี”
“อย่ามายุ่งกับชั้น” อาทิตย์ขี่รถมาจอดปาดหน้า มัทนีหักหลบแต่เสียหลัก แถกๆ ไป จนเกือบจะคว่ำแต่ทรงตัวไว้ได้ “นายจะแกล้งชั้นหรือไง”
“จอดคุยดีๆ ก็จบเรื่อง”
มัทนีทิ้งจักรยานเดินหนี
“ชั้นไม่คุย ไม่แต่ง ทุกสิ่งทุกอย่างยกเลิก”
“อ้าว ทำยังงี้มันก็ไม่มีความรับผิดชอบสิ”
“ชั้นเหรอ ชั้นจะแต่งกับคนอย่างนายไปได้ยังไง ในเมื่อชั้นไม่เคยมั่นใจอะไรในตัวนายได้เลยสักอย่าง เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายเดี๋ยวก็หายหัว ชั้นไล่ตามนายตลอดไปไม่ไหว ชั้นจะไม่แต่งงานกับนาย”
“แต่ผมอยากแต่งงานกับคุณนะ”
“เหรออ ที่นายหายหัวไป มันแปลว่าอยากแต่งงาน”
“ผมก็หายไปทำใจของผมบ้าง คุณสับสน ผมก็สับสน เรื่องแต่งงานมันอยู่นอกเหนือความคิดผมมาก ผมไม่เคยอยากแต่งงาน เพราะผมกลัว กลัวว่าถ้าผมจะทำได้ไม่ดี แล้วทุกอย่างจะพังลงก็เพราะผม แล้วมันจะทำให้คนที่ผมรักเสียใจ”
“งี่เง่า”
“แล้วถึงความรักของเราจะดี หรือชีวิตแต่งงานของเราจะดี แต่ถ้าอยู่ๆ ผมตายแบบพ่อ หรือตายแบบสามีพี่พลอย ผมกลัว กลัวว่าคุณ จะเสียใจแค่ไหน”
“อะไรนะ”
มัทนีตกใจเมื่อรู้เหตุผลของอาทิตย์
“แล้วคุณก็เป็นคนที่ผมไม่อยากจะรักเลย แต่ผมก็ดันรักคุณ รักได้ไงก็ไม่รู้ ผมรักคุณแล้ว แต่เอาวะ ผมตัดสินใจละ เพราะฉะนั้นคุณกรุณามาเสี่ยงกับผมเถอะมัทนี” มัทนีอึ้ง ไม่คาดคิดว่าอาทิตย์จะจริงใจได้ขนาดนี้ “กลับไปแต่งงานกับผมเถอะนะ”
มัทนียังอึ้งๆ พอดีพวกกลุ่มช่างภาพวิ่งตามเข้ามา รีบมาถ่ายๆ มัทนีเห็นเข้าเลยคิดแกล้งอาทิตย์ ทำเชิ่ดหน้าใส่
“คิดว่าง้อแค่นี้แล้วชั้นจะให้อภัยเหรอ”
“แล้วต้องเอาไง”
“คุกเข่าสิ นั่งลงไป เว้าวอนชั้น”
อาทิตย์งงว่ามาไม้ไหน แต่พอหันไปเห็นพวกช่างกล้องเข้ามา อาทิตย์เลยเข้าใจว่าทำไมมัทนีถึงสั่งให้คุกเข่าอาทิตย์จะลุกยืน
“อ๋อ นี่คุณกะ...”
“อย่าลุก นายต้องแสดงความมุ่งมั่นที่จะแต่งงานกับชั้น ต่อหน้าสักขีพยานทุกคน ไม่อย่างนั้นชั้นไม่แต่งงานกับนาย”
ในบริเวณพิธี แขกในงานทั้งหมดต่างลุ้น พวกแก๊งเพื่อนอาทิตย์ไม่อยากให้ยอม ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างเชียร์ให้อาทิตย์ยอมคุกเข่า
“อย่ายอม อย่ายอม”
“ยอม ยอม”
พวกกล้องขยับมาตรงหน้าอาทิตย์ และสุดท้ายอาทิตย์ก็ยอม
“โอเค” อาทิตน์นั่งคุกเข่าเว้าวอน “มัทนีกลับไปแต่งงา...น”
“พนมมือด้วย”
“อะไรนะ”
“เป็นการเชิดชูวัฒนธรรมไทย จะพนมไม่พนม” อาทิตย์แค้น กัดฟัน ในที่สุด ยอมพนมมือ “ดีมาก เดี๋ยว พี่กล้องคะ ช่วยซูมที่มือที่พนม และตัดรับหน้าเขาให้ชัดๆ ด้วย เอ้า พูดใหม่ แล้วสัญญามาว่านายจะรักและเทิดทูนแต่ชั้นคนเดียวตลอดไป”
“นี่คุณ”
“ไม่งั้นชั้นไม่แต่ง”
กล้องซูมอยู่ตรงหน้าอาทิตย์ อาทิตย์จำยอม แบบประชดนิดๆ
“มัทนี สุดที่รัก ยอดดวงใจ ช่วยกลับไปแต่งงานกับผมด้วยเถอะ ผมคลั่งคุณจะตายห่...อยู่แล้ว ผมสัญญาว่าจะรักและเทิดทูนคุณคนเดียว ผมขอบูชาคุณยิ่งกว่าเทพเจ้า”
“บอกรักชั้นด้วย ดังๆ”
“ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุ๊ณณ จะแต่งงานกับผมได้ยัง” มัทนียิ้ม “พอใจแล้วใช่มั้ย” อาทิตย์ถือวิสาสะอุ้มมัทนีขึ้นมาทันที “แล้วผมจะเอาคืนในห้องหอ”
อาทิตย์อุ้มไปเลย มัทนีตกใจ
อ่านต่อหน้า 4
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
พวกแขกที่อยู่ในงานเฮลั่น ปรบมือ โยนผ้ากันอย่างสุดเหวี่ยงหลังจากที่ลุ้นมานาน
ปุยฝ้ายกับตู้ที่ลุ้นตลอดถึงกับโผกอดกันด้วยความดีใจ แท่น โทนี่ โมกข์เศร้าใจ กอดกันครวญคราง ลิ้นจี่กับจำเนียรดีใจมาก
“เห็นมั้ยคะว่าเขาสองคนรักกัน ลูกของเรารักกันจริงๆ”
จำเนียรจับมือดีใจกับลิ้นจี่
“เราทำสำเร็จแล้วค่ะ”
ลิ้นจี่กับจำเนียรก็กอดกัน
“แหม่ ก่อนหน้านี้ยังเขม่นกันอยู่เลย”
อเนกวิ่งเข้ามาตะโกนบอก
“กลับมาแล้ว”
อาทิตย์อุ้มมัทนีเดินกลับเข้ามาในงาน ราวกับฮีโร่ที่ไปช่วยนางเอกจากสงคราม แขกตบมือโห่ร้องยินดีตลอดเส้นทางเดิน พวกกลุ่มนิสิตนักแสดงออกมาวาดลีลาที่ซ้อมมา
“และแล้วอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงก็ผ่านพ้นไป ความรักของเขาทั้งคู่จึงผลิบาน สุดท้าย เขาทั้งสองก็ครองรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
ปุยฝ้ายปลื้มปริ่ม น้ำตาซึม
อาทิตย์วางมัทนีลงที่บริเวณแท่นพิธี จับมือมัทนีมากุม เคียงคู่กัน มองตากันหวานซึ้ง ทั้งสองไปนั่งลงที่โต๊ะสำหรับรดน้ำสังข์ ให้คนเอามงคลมาสวมศีรษะเชื่อมกันเอาไว้
อาทิตย์กับมัทนีมองมงคล ทั้งตื่นเต้น ทั้งไม่แน่ใจ แต่ก็ยิ้มให้กัน
คืนนั้นที่บ้านจำเนียร อาทิตย์ประคองมัทนีเข้ามาในห้องหอ จำเนียร หาญ ลิ้นจี่ตามเข้ามาส่งตัว
“มัท มาๆ” จำเนียรตื้นตัน อยากกอดลูก มองหน้าลูกชื่นใจ เอ็นดูเหมือนเด็กน้อย “ลูกน้อยของแม่ แม่ดีใจมากลูกรู้มั้ยว่า แม่คิดมาตลอดว่าการที่แม่แรงออกสื่อวางตัวเป็นเมียหลวงนักปฏิวัติจะทำให้ลูกติดเชื้อต่อต้านผู้ชายจากแม่ไป แม่นึกว่าลูกจะไม่ยอมรักใคร ถ้าไม่ใช่พ่อพระแบบคุณพ่อแล้วซะอีก”
“แม่คะ มัทมีวันนี้ได้เพราะแม่นะคะ ขอบคุณนะคะ”
มัทนีกอดกับจำเนียร
“อาทิตย์ ต่อไปนี้ลูกไม่ใช่หนุ่มโสดตัวคนเดียวอีกแล้วนะ จะทำอะไร คิดให้รอบคอบ ลูกเป็นคนดีก็ไม่ต้องอายที่จะทำตัวเป็นคนดีกับหนูมัท เข้าใจมั้ย” ลิ้นจี่บอก
“ป้าก็เชื่อนะว่าอาทิตย์เป็นคนดี ถึงจะไม่ได้ประเสริฐมากเท่าคุณหาญ” จำเนียรบอกแล้วหันไปทางมัทนี “แต่แม่ก็เชื่อว่าเขาจะทำให้ลูกมีความสุขได้ จริงมั้ยพ่ออาทิตย์”
“ครับ ถ้าคุณพ่อหาญทำให้คุณแม่จำเนียรมีความสุขได้ ผมก็เชื่อว่าผมทำได้ครับ”
“ขอบคุณนะๆ”
จำเนียรโผกอดอาทิตย์ แต่หาญเขม่นๆ อาทิตย์
“คุณจำเนียร ทำไม ทำไมคุณพูดอะไรอย่างนั้น” หาญดึงจำเนียรแยกมา พูดเสียงเบา “ทำไมไม่คาดโทษ ขู่มันเอาไว้ก่อน มันจะได้ทะนุถนอมลูกสาวเรา”
“คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะดูแลคุณมัทให้ดี จะไม่หนีเที่ยว พวกผับโคโยต้งโคโยตี้ ที่ชอบเอาสาวๆ มาแต่งชุดคาวเกิร์ลอะไร ผมก็จะเลิกให้หมด เชื่อผมนะครับคุณพ่อ”
หาญไม่กล้าหือ
“แหม ลูกเขยคนนี้เป็นคนดีดี๊ดีจริงๆ”
“งั้นเราก็ไปกันเถอะค่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้คุยกันส่วนตัวๆ”
หาญถลึงตา ไม่อยากออกไป
“เดี๋ยวๆๆ ทำไมเราต้องรีบออกไปด้วย ผมว่าเราน่าจะอยู่ต่ออีก”
“คุณหาญ ไปค่ะ”
จำเนียรคว้ามือหาญ ลากออกไป หาญโวยไม่อยากออกไป
“อาทิตย์ พ่อขอให้พรแก กาเมสุมิฉาจารา เวระมณี”
พวกผู้ใหญ่ออกไปหมด มัทนีโล่งอก แต่แล้วก็หันมาเจอะสายตาของอาทิตย์ ที่จ้องอย่างกะล่อนดูเจ้าเล่ห์
ในห้องหอ มัทนีนั่งอยู่โซฟาอีกมุม ห่างเตียง อาทิตย์อยู่ที่เตียง มัทนีเหล่อาทิตย์อย่างระแวง
“จะนั่งจ้องหน้าผมอีกนานมั้ย”
“ใครจ้องนายไม่ทราบ”
อยู่ๆ อาทิตย์ลุกยืน
“มาหาอะไรหนุกๆ ทำกันเถอะ” มัทนีตกใจ
“นายจะทำอะไร อย่ามาคิดทะลึ่งกับชั้น”
“เอ้า ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องแล้ว เหลือก็แค่ทำอะไรอย่างที่สามีภรรยาทำกันเท่านั้นเอง”
อาทิตย์เดินเข้าหา มัทนีถอยหนี
“ชั้น ชั้นยังไม่พร้อม”
“แต่ผมอยาก”
“อยากอะไร ถอยออกไปเลยนะ”
“มัท ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ขอผมเปิดมันออกมาดูหน่อยเถอะ ว่าข้างนอกสุกใสข้างในจะต๊ะติ๊งโหน่งหรือเปล่า”
“อย่าเข้ามา”
อาทิตย์เดินกดดันเข้าไป มัทนีถอยหนีจนหลังติดโต๊ะจะผลักอาทิตย์ออก แต่อาทิตย์คว้าสองมือมัทนีเอาไว้ จับให้อยู่นิ่งๆ
“ผมรับรองว่ามันจะต้องสนุกแน่” อาทิตย์ค่อยๆ โน้มตัวเข้าหา มัทนีหลับตาปี๋ แต่แล้วอาทิตย์กลับเอื้อมมือหยิบกล่องของขวัญจากโต๊ะที่วางอยู่ตรงนั้นมาถือ “มาเปิดกล่องของขวัญกันเถอะ” มัทนีลืมตา งง “ผมอยากเปิดดูของขวัญจะแย่แล้ว รับรองว่าต้องสนุกแน่ๆ คุณคิดอะไรของคุณ ทะลึ่งนะเนี่ย”
มัทนีหน้าแตก รู้ว่าอาทิตย์แกล้ง อาทิตย์แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆ ที่เป็นแผนแกล้งอยู่แล้ว
ที่ห้องจำเนียร หาญเปิดทีวีดู แต่ไม่มีเสียง จำเนียรเดินกลับมาจากด้านนอก
“คุณลิ้นจี่กลับไปเรียบร้อยแล้ว” จำเนียรนั่งลงข้างๆ มองทีวีแล้วแปลกใจว่าทำไมเปิดเสียงเบามาก “เปิดเสียงหน่อยสิคะจะฟังข่าว”
“แค่นี้แหละ”
จำเนียรเห็นว่าหาญไม่ได้มองจอทีวี แต่เงี่ยหูฟังเสียงจากห้องหออยู่
“คุณไม่ได้ดูทีวีนี่ ฟังอะไรอยู่”
“ก็ฟังเสียง จากห้องนอนลูก”
“ทะลึ่ง นี่คุณคิดจะฟังเสียงอะไร”
“ไม่ใช่ๆ ผมแค่จะฟังดูว่าพอลับหลังเราแล้ว นายอาทิตย์จะทำดีกับลูกเราจริงๆ มั้ย ผมจะได้สบา...ย...ใจ”
แต่แล้วหาญก็ชะงัก เพราะภาพในทีวีกำลังเป็นการรายงานข่าว ภาพในข่าวคือน้องนกกำลังคลั่งโดดเข้าใส่รถเก๋งของผู้ชายที่กำลังจะออกจากบ้าน ท่าทางน้องนกคลั่ง เสียใจ อกหัก แค้นที่ถูกแฟนหนุ่มหลอกว่ายังโสด แต่กลับมีเมียแล้ว โดยมีเมียหลวงของผู้ชายยืนชี้หน้าด่าอยู่
หาญจำได้ว่าเป็นน้องนกแน่ ถึงกับลุกพรวด เผลอตัว
“น้องนก”
“อะไร นกอะไร?” จำเนียรถามอย่างแปลกใจ หาญรีบเปิดเสียงเพิ่ม “คุณจะเปิดเสียงดังทำไม”
“ชู่ว์”
ภาพในข่าว ตัดซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่วจบที่ภาพน้องนกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ใส่กุญแจมือ เสียงพิธีกรหญิงรายงาน
“คบมาปีกว่า แต่ฝ่ายหญิงเพิ่งจะทราบว่าฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว ก็เลยบุกไปทุบรถถึงหน้าบ้านฝ่ายชาย”
“ตอนนี้นางสาวชนกพรได้ถูกตำรวจจับกุมตัวไว้แล้ว ข้อหาบุกรุกและทำลายทรัพย์สินผู้อื่น คงต้องไปสบสติอารมณ์ที่โรงพัก รอให้ญาติเอาหลักทรัพย์มาค้ำประกัน”
ภาพในข่าว จบที่น้องนกอยู่ที่โรงพัก
“ดี นอนคุกให้เข็ด เป็นเมียน้อยเขาแล้วยังไปอาละวาดบ้านเขาอีก” จำเนียรบอก
“คุณจำเนียร! ถ้าไม่รู้จักตัวน้องเขาจริงๆ คุณก็อย่าไปว่าเค้าเสียๆ หายๆ อย่างนั้น” หาญตำหนิอย่างไม่พอใจ
“นี่คุณปกป้องผู้หญิงในข่าวเหรอ”
“เอ่อ เปล่า ผมปกป้องคุณ คนล้ม เราไม่ควรไปเหยียบซ้ำ มันจะกลายเป็นบาปติดตัวคุณไปนะ เอ่อ ผม ผมขอตัวไปหาหลวงพ่อนะ”
“ไม่ วันมงคลของลูก เราต้องอยู่ที่บ้านเพื่อเป็นพระในบ้านอวยพรให้ลูกมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นมีความสุขเหมือนเราสองคน ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
จำเนียรบอกเสียงเด็ดขาด ชัดเจน หาญอึกอัก ห่วงน้องนกด้วย จะทำยังไงดี
ที่ห้องหอ อาทิตย์เปิดห่อของขวัญ มัทนีกำลังเปิดกล่องของขวัญอีกอันออก พบว่าเป็นแพ็คเกจท่องเที่ยว
“ว้าว เพื่อนคุณแม่ให้ห้องพักในรีสอร์ทที่ภูเก็ต ห้องฮันนีมูนสวีทซะด้วย” มัทนีหยิบโน้ตมาอ่าน “ขอให้หลานมัทมีความสุข และหวังว่าของขวัญชิ้นนี่จะช่วยให้หนูมัทมีทายาทให้คุณแม่อุ้มเร็วๆ นะ”
มัทนีหน้าเจื่อนไป
“ไปพรุ่งนี้เลยดีมั้ย” อาทิตย์แซว มัทนีหันมาจ้องตาโตใส่
อาทิตย์เลี่ยงไปเปิดของขวัญต่อ แล้วก็หยิบห่อของขวัญของพลอยขึ้นมา
“ของใคร”
“ของ พี่พลอย”
มัทนีอยากรู้ขึ้นมาทันที
“อ่ออ งั้นก็แกะเลยสิ ชั้นอยากรู้ว่าเขาจะให้อะไรกับคุณ”
อาทิตย์เปิดของขวัญออก พบว่าข้างในเป็นแหวนรูปหัวใจ อาทิตย์หยิบขึ้นมาดู แล้วก็พบว่ามันคือแหวนเนื้อคู่ ที่ทำเป็นรูปหัวใจแล้วสามารถแยกออกจากกันเป็นสองวงได้ อาทิตย์แยกแหวนเป็นสองวงให้มัทนีเห็น
“พี่พลอยอยากให้เราสองคนอยู่คู่กันแล้วเป็นหัวใจที่ครบสมบูรณ์เหมือนแหวนสองวงนี้”
“ไม่ใช่ เขาอกหักที่คุณมาแต่งงานกับชั้น ก็เลยให้แหวนนี้เพื่อสาปแช่งเราว่าจะต้องแตกหัก ไปไม่รอด ต้องแยกจากกันเหมือนแหวนวงนี้”
“ทำไมต้องคิดอะไรดาร์กๆ ร้ายๆ ตลอดเลย”
“ชั้นวิเคราะห์จากหลักฐานและข้อมูลที่ชั้นเห็น”
อาทิตย์พยายามอธิบาย
“พี่พลอยไม่ได้รักผม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ที่เราสนิทกันเพราะผมเคยช่วยพี่พลอย...” มัทนีรีบตัดบท
“พอ ไม่ต้องมาเล่าประวัติรักของพวกคุณ ชั้นไม่อยากฟัง”
“ต้องฟัง คุณจะได้เลิกเข้าใจผมผิดๆ ซะที ผมกับพี่พลอย เรารู้จักกันตอน...”
มัทนีอุดหู แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้ อาทิตย์ที่กำลังจะเล่า เลยต้องหยุด เท้าเอวแบบเริ่มเซ็ง จะเอายังไง
“จะเอายังไง จะฟังไม่ฟัง”
“ไม่ฟัง”
“จะไม่ฟังใช่มั้ย ได้”
อาทิตย์หงุดหงิด จะเดินออกไปจากห้อง
“จะไปไหน”
“ผมจะไปนอนข้างนอก”
หาญผลักดันจำเนียรกลับเข้ามาในห้องนอน
“อะไรกันคุณหาญ เบาๆ จะรีบเข้านอนอะไรกันคะ นี่เพิ่งจะหัวค่ำเอง อ้ะ หรือว่า แหม พักนี้เซี้ยวใหญ่นะ”
“คุณจำเนียรจ๋า คนเราต้องนอนแต่หัวค่ำ สุขภาพจะได้ดี สดใส เปล่งปลั่ง”
“แข็งแรง คริๆ” จำเนียรโน้มคอดึงหาญล้มไปบนเตียงนอน “ถ้าคุณอยากให้ชั้นนอนด้วยขนาดนั้น ชั้นก็ยอม”
หาญตกใจ
“เฮ้ยๆ ไม่ใช่อย่างนี้ๆ” หาญผละเด้งออกมา “คือวันนี้เป็นวันมงคลของลูก เราก็ควรจะรักษาศีล และเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตคู่ยัยมัท”
“คุณไปเอาเคล็ดนี้มาจากไหน ไม่เคยได้ยิน”
“หลวงพ่อบอกมา นอนหัวค่ำตื่นเช้าชีวิตคู่สดใส นอนดึกตื่นสาย ชีวิตคู่เลวร้ายบัดซบ”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ถ้าหลวงพ่อนกท่านบอกก็ต้องทำตามคำท่าน” จำเนียรล้มตัวนอนทันที “คุณก็มานอนด้วยกันสิ”
“แต่”
“คุณก็เป็นพ่อยัยมัทนะ”
หาญจำใจต้องลงไปนอนด้วย
“หลับสิ”
“ชั้นนอนไม่หลับ”
จำเนียรจ้องตาแป๋ว หาญเลยเอามือมาปิดตาจำเนียรเหมือนปิดตาคนตาย
“ขอให้นอนหลับไปดี เอ๊ย ฝันดีนะ”
อาทิตย์โผล่หน้ามาแอบๆ มองดูที่ชั้นล่างว่าหาญกับจำเนียรยังอยู่หรือเปล่า แต่ไม่พบ เลยเดินออกมา นอนทิ้งตัวแผ่อย่างเซ็งที่โซฟา
“การแต่งงานมันดีอย่างนี้นี่เอง เฮ้อ”
แต่พอลืมตาอีกที อาทิตย์ก็สะดุ้งเพราะมัทนียืนผงาดอยู่ อาทิตย์สะดุ้งขึ้นมานั่ง มัทนียิ้ม
“มาง้อหรา”
“เอาของของนายคืนไป”
มัทนียัดกล่องของขวัญของพลอยให้ แล้วสะบัดหน้าเดินกลับเข้าไป อาทิตย์เซ็ง
ที่ห้องนอนจำเนียร จำเนียรนอนหลับกอดหาญอยู่ หาญนอนลืมตาแป๋ว แล้วค่อยๆ แกะมือจำเนียรออก จะลุกไป
“คุณจะไปไหน” จำเนียรถาม หาญสะดุ้ง
“เฮ้ย นี่คุณยังไม่หลับอีกเหรอ”
“ชั้นนอนไม่หลับ มันผิดเวลา”
“คุณต้องนอน หลวงพ่อบอก ต้องนอนให้หลับก่อน” หาญดูเวลา “สามทุ่ม ถ้าเลยเวลานี้หลวงพ่อนกจะเป็นห่วง”
จำเนียรมองเวลา แล้วตกใจ
“ายแล้ว อีกห้านาทีเอง”
“นอนนะๆๆ” หาญรีบจัดแจงห่มผ้าให้
“กล่อมชั้นหน่อยสิคะ”
“หา”
“เหมือนสมัยก่อนที่เราจะมียัยมัท นะคะ”
หาญจำใจต้องกล่อม
“กลางวันฉันเหงา กลางคืนฉันโหยหา คิดถึงทุกเวลา ห้านาที เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างสิ มีใครบ้างเป็นห่วงเป็นใย”
จำเนียรหลับตายิ้มพริ้ม หาญทำหน้าอยากตาย
ที่โซฟารับแขกชั้นล่าง อาทิตย์นอนไม่หลับ ลืมตา คิด
“คืนแรกก็นอนโซฟา ถ้ามีใครถาม จะตอบว่ายังไงดี”
ขณะนั้นมัทนีนอนลืมตาโพลงอยู่ที่ห้องนอนเช่นกัน ทั้งสองคนต่างก็ครุ่นคิดไม่จบไม่สิ้น
“ใช่ บอกว่า นายอาทิตย์นอนกรนเสียงดังยังกับสิบล้อก็เลยต้องออกไปนอนนอกห้องดีกว่า” มัทนีปิ๊งไอเดียบอกตัวเอง
“ไม่ เรื่องอะไรเราต้องยอมเป็นฝ่ายเสีย อืม บอกว่ายัยมัทนอนตด เหม็นจนเราต้องออกมานอกห้องดีกว่า” อาทิตย์บอกตัวเองเหมือนกัน
“หรือจะบอกว่าเรากรน แล้วนายอาทิตย์เสียสละ”
“เราตดเองก็ได้วะ เลยต้องออกมานอกห้อง”
“นอนเถอะ”
“นอนๆ”
แต่แล้วอาทิตย์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่องออกมา อาทิตย์เงี่ยหูฟัง เอะใจว่าใคร ค่อยๆ ชะโงกหน้าผ่านโซฟามองดูพบเงาตะคุ่มๆ ของหาญที่เดินออกมา อาทิตย์รีบฟุบนิ่งไปกับโซฟา กลัวหาญจับได้
หาญแต่งตัวด้วยชุดเก่ง ถือถุงที่ใส่ชุดเดิมของตัวเองออกมาด้วย หาญลับๆ ล่อๆ มองนาฬิกาแขวน เกือบเที่ยงคืนแล้ว หาญเซ็งๆ แล้วรีบเดินออกจากบ้านไป อาทิตย์แปลกใจ
หาญเดินออกมาด้านนอก คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“โถๆๆ ทำไมตำรวจไทยใจร้ายจับนกจ๋าได้ อดทนหน่อยนะคะ หานนี้กำลังจะไปหาเดี๋ยวนี้”
หาญวางสายกำลังจะออกพ้นประตูบ้านไป แต่อาทิตย์โผล่มาซะก่อน อาทิตย์ยิ้มหึๆ อย่างรู้ทัน
“จะไปไหนครับคุณพ่อ”
“เฮ้ย” หาญตกใจ รีบอุดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียง ระวังกลัวคนได้ยิน “นาย ออกมาทำไม ทำไมไม่อยู่ในห้อง”
“นั่นน่ะสิครับ ทำไมไม่อยู่ในห้อง” อาทิตย์มองชุดที่หาญใส่ “โอ๊ะ ชุดนั้น ผมเคยใส่ ชุดออกรบใช่มั้ยครับ”
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของชั้น”
“จะดีเหรอครับ”
หาญกำลังจะไป ถึงกับชะงัก เบรกเอี๊ยด หันมาจ้องหน้าอาทิตย์
“นายต้องการอะไร”
“หือ?”
“นายกำลังจะแบล็คเมล์ชั้น งั้นก็บอกมาเลยว่าต้องการอะไร”
“แหม ทีแรกผมก็ไม่คิด แต่พอคุณพ่อพูดปุ๊บ ผมคิดเลย จะแลกเปลี่ยนด้วยอะไรดีล่ะ เงินทองก็ไม่อยากได้”
“เร็วๆ ได้มั้ย ชั้นรีบ”
“อย่ากดดันสิครับ”
อาทิตย์แกล้งถ่วงเวลา หาญร้อนใจ
ขณะนั้นมัทนีนอนพลิกไปมาอยู่บนเตียง นอนไม่หลับ เลยลุกจากที่นอนเดินไปสูดอากาศที่ระเบียง
แต่แล้วมัทนีก็ชะงัก แปลกใจเมื่อเห็นหาญยืนคุยอยู่กับอาทิตย์
“นายอาทิตย์กับใคร” มัทนีเพ่งมอง ไม่คุ้นกับชุด “นั่น นั่นพ่อนี่ ทำไมใส่ชุดยังงั้น คุยอะไรกัน?” แล้วมัทนีก็ตาโต นึกได้ว่าอาทิตย์อาจฟ้องพ่อเรื่องที่ตนไล่ออกจากห้อง “ฮ้า! หรือว่านายอาทิตย์ฟ้องพ่อ”
มัทนีรีบออกจากห้องไปทันที
ที่สนามหน้าบ้าน หาญร้อนรน ดูเวลา รอไม่ได้แล้ว
“คิดออกแล้วค่อยบอกล่ะกัน ชั้นต้องไปแล้ว”
อาทิตย์รีบดึงตัวไว้
“คิดได้แล้วครับๆๆ เอ่อ เอ๊ะ อ๋อออ อื้มม ไม่อ่ะ เออใช่ ฮึ่ยย”
“เฮ้ย นี่แกอยากไฝว้ท์กับชั้นใช่มั้ยห๊า” หาญเผลอเสียงดัง รีบอุดปาก ชี้หน้าอาทิตย์อาฆาต “ถือว่าชั้นติดแกอย่างนึงแล้วกัน”
หาญรีบวิ่งออกไป อาทิตย์เยาะๆ
“เฮอะ นี่ไง ความจริงของชีวิตคู่”
อาทิตย์กำลังจะกลับเข้าบ้าน พอดีกับมัทนีเดินจ้ำสวนออกมา พยายามมองว่าพ่อหายไปไหนแล้ว อาทิตย์อึ้ง สยองๆ มัทนีไล่จี้ เอาเรื่อง
“นายกับพ่อทำอะไรกัน แล้วพ่อไปไหนแล้ว”
มัทนีจะตามหาญไป อาทิตย์รีบขวางไว้
“เดี๋ยวๆ”
“อะไร” มัทนีชี้หน้า จับผิดอาทิตย์ “นายฟ้องอะไรพ่อชั้นใช่มั้ย”
“ฟ้องอะไร ไม่ได้ฟ้อง”
“แล้วนายคุยอะไรกับพ่อชั้น แล้วพ่อไปไหน บอกมา”
อาทิตย์บ่ายเบี่ยงคำตอบ
“นี่คุณดึกดื่นป่านนี้แล้วจะเสียงดังทำไม พ่อคุณจะไปไหน ก็ช่างพ่อคุณเถอะ ไปนอนไป” มัทนีไม่ยอมไปตามคาดคั้นอาทิตย์
“ชั้นถามว่าพ่อชั้นไปไหน”
“ไป วัด”
“ไปวัดตอนเที่ยงคืน”
“พ่อคุณสนิทกับพระมากไม่ใช่เหรอ หลวงพ่อก็คงจะมีกิจด่วนอะไรสักอย่างล่ะมั้ง”
มัทนีไม่เชื่ออาทิตย์
“งั้นชั้นจะตามไปดูที่วัด”
มัทนีวิ่งไปในบ้าน อาทิตย์ตาม
“เฮ้ย”
มัทนีวิ่งมาหยิบกุญแจ คลุมแจ็คเก็ตทับชุดนอน แล้วจะไปที่รถคิดจะไปตามหาญ แต่อาทิตย์มายืนขวางประตู
“คุณจะไปทำไม”
“ชั้นจะไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าพ่อไปวัดจริงหรือมีคนโกหก”
“แล้วไง ไปเห็นแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา”
“ชั้นก็จะได้รู้ว่านายโกหก หรือพ่อโกหก”
“รู้แล้วได้อะไร”
“ก็ได้รู้ว่ามีคนโกหก คบไม่ได้ และชั้นก็มั่นใจพันเปอร์เซ็นต์ว่าต้องเป็นนาย”
“อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น”
“เพราะชั้นรู้จักพ่อดี ชั้นเห็นชุดที่พ่อใส่ มันไม่ใช่ชุดของพ่อ ต้องมีใครหลอกให้พ่อใส่ชุดนั้นไปทำตัวเฉิ่มๆเหลวไหลๆ ที่ไหนมากกว่า”
อาทิตย์อึ้ง ที่มัทนีระแวงตนมาก
“โอเคๆ ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะพาคุณไปเอง แต่ถ้าความจริงที่ได้เห็น มันไม่เหมือนภาพฝันที่คุณคิดไว้ อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน”
มัทนียิ่งสงสัย แน่วแน่ มุ่งมั่นจะรู้ให้ได้ อาทิตย์เชิญไปขึ้นรถ
กลางดึกคืนนั้นที่อพาร์ตเม้นต์น้องนก หาญเปิดประตูห้องของน้องนกเข้ามา เชื้อเชิญเอาใจพาน้องนกเข้ามาในห้องพบว่าทีวียังคงเปิดอยู่ เป็นละครโทรทัศน์ แต่ไม่มีคนดู
“อ้าว น้องนกลืมปิดทีวีเหรอคะ” น้องนกงงๆ จำไม่ได้เหมือนกัน “เปลืองค่าไฟแย่ แต่ไม่เป็นไร หานนี้เคลียร์ให้ได้ ขอแค่บอกมา”
น้องนกมองรอบๆ ห้อง
“เอ่อ นกว่าหานนี้กลับไปก่อนเถอะ”
“แหมๆๆ อย่าใจร้ายนักสิ หานนี้อุตส่าห์เอาเงินไปช่วยประกันน้องนกออกมานะคะ พอหมดประโยชน์ก็เฉดหัวเค้าส่งเลยหรา”
“นกพูดจริงๆ นะคะ กลับไปเถอะค่ะ” น้องนกพยายามดันให้หาญออกไป
“ก็ได้ แต่ก่อนกลับ ขอหานนี้แช่วับให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ”
หาญฉวยโอกาสดึงน้องนกมากอด แล้วขโมยหอม น้องนกดีดดิ้น บ่ายหน้าหลบ แต่หาญจะหอมให้ได้ จะไม่ให้โอกาสที่รอมานานนี้ หลุดลอยไปเด็ดขาด
“ปล่อยคะๆๆ”
แล้วอยู่ๆ มีเสียงปิดประตูกระแทกดัง ปัง! หาญกับน้องนกชะงัก
ที่หน้าห้อง แฟนหนุ่มคนเดียวกับตอนที่เป็นข่าว ใส่เสื้อกล้ามและกางเกงในบ็อกเซอร์ ยืนอยู่ด้วยความโกรธมากที่เห็นน้องนกถูกหาญกอดและหอม
“เฮ้ย แ .แกมันคนที่ทำให้น้องนกถูกตำรวจจับ แกเข้ามาได้ไง” หาญถาม
“แกคิดจะทำอะไรเมียชั้น ไอ้แก่”
“ยังกล้าใช้คำว่าเมียกับน้องนกอีกเหรอ ไอ้สถุล นี่ คิดจะเข้ามาดักทำร้ายน้องนกอีกใช่มั้ย น้องนกไม่ต้องกลัว” หาญรีบปกป้องน้องนก
“พอ ออกไปจากห้องนกได้แล้ว” น้องนกบอก
“ชัดมั้ย” หาญถามแฟนน้องนก
“หานนี้นั่นแหละ นี่พี่เสือ ผัวนก”
“อ้าว”
แฟนน้องนกเข้ามากระชากคอหาญ
“ชัดมั้ย ถ้ายังไม่ชัด จะช่วยตอกย้ำให้”
แฟนน้องนกชกหาญเต็มๆ เปรี้ยง!
ขณะนั้นมัทนีนั่งร้อนใจอยู่ในรถอาทิตย์ ในรถอาทิตย์เปิดเพลง ทำไมถึงทำกับฉันได้
“นี่ไม่ใช่ทางไปวัด พ่อไปไหน” มัทนีถาม
“รอดูเอาเองเถอะ”
“อีกนานมั้ยว่าจะถึง”
“จะถึงแล้ว”
“ทำไมนายไม่บอกชั้นมาเลยว่าพ่อไปไหน ไปทำอะไร ทำมีลับลมคมนัยอย่างนี้ ชั้นอยากรู้อกจะแตกตายอยู่แล้ว”
“อย่าพูดโอเว่อร์ มีให้แตกด้วยเหรอ”
“นี่”
อาทิตย์ขำๆ ขับรถต่อไป มัทนีทำหน้างอน เขม่น
ที่หน้าอพาร์ตเม้นต์น้องนก เปรี้ยง! หาญถูกชกถลาไปซบผนัง ไถลครูดลงไปนั่งจุ้มปุ๊กพิงเสาไฟข้างถนนหน้าอพาร์ตเม้นต์ หาญหน้าช้ำ ตาบวมเพราะถูกต่อยมาแล้วหลายที แฟนน้องนกสะบัดมือสะใจแล้วหยิบมือถือขึ้นมา
“นก ไปนั่งกับมัน ชั้นจะถ่ายรูปมันกับแกไว้”
“แก แกจะทำอะไร” หาญพยายามจะลุก ไม่อยากโดนถ่ายคลิป
“หานนี้ นกขอโทษ นกถูกบังคับ”
น้องนกกดหาญให้นั่งลงไปตามเดิม แล้วน้องนกก็คร่อมหาญ โพสต์ท่าแบบเกินร้อย แต่แฟนน้องนกยังไม่ทันถ่ายอะไร อยู่ๆ มีคนมาแย่งมือถือไปจากมือ
คนๆ นั้นคือ น้ำผึ้ง สาวสวยหวาน แต่งตัวชุดพนักงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่พอได้มือถือมาก็รีบกดลบรูปทันที
“เฮ้ย เอามือถือมา” แฟนน้องนกเข้ามากระชาก น้ำผึ้งคืนมือถือไป
“ลุงไม่ต้องห่วง มันยังไม่ได้ถ่ายอะไร พวกคุณอย่าเข้ามา ชั้นแจ้งตำรวจแล้ว กำลังมา” น้ำผึ้งบอกแล้วตะโกน “ช่วยด้วยค่ะ มีคนร้ายค่ะ ช่วยด้วยๆ”
แฟนน้องนกกับน้องนกกลัว รีบถอยกลับเข้าไป ชี้หน้าอาฆาตๆ หาญโล่งอก
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะลุง”
อ่านต่อตอนที่ 9