เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 10
รถมอเตอร์ไซค์ของเชนจอดอยู่ข้างทาง ท่ามกลางบรรยากาศทุ่งหญ้าสวยงาม เนื้อทองพยายาม จะเดินลัดทุ่งหญ้ากลับอย่างรีบๆ เชนรีบเดินตาม
“เดี๋ยวสิเนื้อทอง หยุดคุยกันก่อน”
เนื้อทองสะบัดมือที่เชนพยายามจะจับ
“เธอไม่ควรทำอย่างนี้นะเชน ถ้ามีใครมาเห็นเราอยู่กันสองคน ปัญหาจะตามมาอีกเท่าไหร่ คิดบ้างมั้ยเชน”
“ทำไมจะต้องมีปัญหาด้วย” เชนย้อนถาม “ในเมื่อเรายังเป็นเพื่อนกัน เพื่อนมาเจอเพื่อน มาคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน ไม่เห็นจะมีอะไรผิด ฉันเป็นห่วงเธอนะเนื้อทอง ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไง เธอยังมีความสุขดีเหมือน เมื่อครั้งที่เรา…”
เชนยังพูดไม่ทันจบ เนื้อทองก็รีบพูดขัดขึ้นมา
“ถ้าจะคุยกันอย่างเพื่อน เธอก็ไม่ควรพูดเรื่องเก่าๆของเราอีก ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่คุยกับเธอ”
“ก็ได้ งั้นเธอสบายดีมั้ย ไอ้ชาติมันดูแลเธอดีรึเปล่า ถ้ามันทำอะไรให้เธอไม่สบายใจ เธอบอกฉันได้นะ อย่างน้อยก็ปรึกษาฉันบ้างก็ยังดี อย่าทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน เวลาเดินสวนกันในหมู่บ้าน”
เนื้อทองพยักหน้า
“ฉันสบายดีเชน. ชาติเขาก็ดูแลฉันดีตามหน้าที่ของสามี”
พูดพลางแกะมือเชนที่กุมมือเธออยู่ออก ทำให้เชนเห็นว่าที่ท้องแขนของเธอ มีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำ เชนสงสัยเลยจับบิดดู
เนื้อทองรีบสะบัดแขน และหันหลังให้หลบตาเชนที่พยายามจับผิด
ขณะที่วัลภามาซื้อของสด โดยมีเพลิงตามมาช่วยหิ้วของ
“นี่ถ้าแม่รู้ว่าฉันได้มาร้องเพลงคู่กับพี่เพลิงล่ะก็ แม่ต้องตื่นเต้นแน่ๆ เพราะอะไรรู้มั้ยจ้ะพี่เพลิง
เพราะแม่เคยบอกว่าพี่เพลิงเป็นนักร้องที่มีพรสวรรค์ ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นซะก่อน ป่านนี้พี่คงดังทะลุฟ้าเมืองไทย ไปแล้ว”
เพลิงนิ่งไป วัลภาเลยชะงัก
“ฉันขอโทษจ้ะพี่เพลิง ฉันลืมไปว่าไม่ควรพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เคยติดอยู่กับอดีตจนทำให้ชีวิตพี่ไม่ได้รับโอกาส ตอนนี้พี่ก้าวข้ามมันไปได้แล้ว โอกาสดีๆ กับคนดีๆ เลยรอพี่อยู่”
วัลภายิ้มดีใจ
“น่าอิจฉาพี่เพลิงจัง ได้แต่งงานอยู่กับคนที่ตัวเองรัก ได้ดูแลกัน”
“จะอิจฉาพี่ทำไม พี่ว่าวัลภากับเชนก็ดูรักกันดีนี่ เห็นที่เขามองพี่เวลาร้องเพลงกับวัลภาแล้ว พี่ บอกได้เลยว่าเขาหวงวัลภามาก”
“พี่เพลิงไม่รู้อะไร หมอนั่นก็แค่..”
วัลภายังพูดไม่ทันจบ น้ำค้าง พร้อมกับสาวรำวง ก็แถเข้ามาหาเรื่อง
“ว้าย…อกอีน้ำค้างจะแตก นี่พวกแกเห็นเหมือนอย่างที่ฉันเห็นมั้ย หญิงโฉดชายชั่ว ควงกัน กระหนุงกระหนิงไม่อายฟ้าอายดิน”
วัลภาเบ้ปากใส่น้ำค้าง“ถ้าเห็นแค่นี้แล้วคิดเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนั้นล่ะก็ ฉันว่าไม่ใช่ลมจากปากหล่อนหรอกที่พ่น ออกมา แต่เป็นลมจากตูดหล่อนต่างหาก เพราะสมองหล่อนมันกลวงคิดแต่เรื่องต่ำๆ ของต่ำๆก็เลยพ่นออกมา แทน”
น้ำค้างเนื้อเต้นง้างมือจะเอาเรื่อง แต่เพลิงปราดเข้ามาขวาง พลางพาวัลภาเดินออกไป น้ำค้างแค้นจัดอยากเล่นงานงวัลภาหนักๆ พลันเหลือบไปเห็นแผงขายอุปกรณ์การเกษตร มีขวดน้ำยาฆ่าแมลง รูปกะโหลกไขว้ มองพลาง ก็ยิ้มร้าย
เนื้อทองน้ำตาซึมๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไรเอาแต่หลบไม่กล้าซบหน้าเชน
“ฝีมือของไอ้ชาติใช่มั้ย มันทำร้ายเธอใช่มั้ยเนื้อทอง”
เนื้อทองส่ายหน้า
“เปล่า เขาไม่ได้ทำ”
“เธอไม่ต้องโกหก เป็นฝีมือมันนั่นแหละที่ข่มเหงทำกับเธอเหมือนไม่ใช่เมีย ไอ้ชาติ ไอ้สารเลว มึงทำกับผู้หญิงที่มึงพรากเอาไปจากกูแบบนี้ไม่ได้ กูไม่ให้อภัย”
เชนโกรธขบกรามจนขึ้นสันแล้วจะรีบออกไป แต่เนื้อทองรั้งเชนเอาไว้น้ำตาคอลเบ้า
“เธอหมดสิทธิ์มายุ่งกับชีวิตฉันไปแล้วนะเชน แล้วก็อย่าเอาคำว่าเพื่อนมาอ้าง เพราะเพื่อนคนนี้ ขอสั่งเธอด้วยว่า อย่ามายุ่งกับฉัน เพราะเธอควรเคารพการตัดสินใจของฉัน ในเมื่อฉันเลือกชีวิตของฉันแบบนี้ ส่วนเธอก็เลือกชีวิตของเธอกับวัลภาไปแล้ว เธอควรให้เกียรติเมียเธอ เป็นห่วงเมีย อย่ามายุ่งกับ ผู้หญิงที่เป็นเมีย ของคนอื่นอีก ไปซะเชน กลับไปหาวัลภา ไปสิ”
เนื้อทองขึ้นเสียง เชนไปไม่ยอมไป แต่กลับดึงเนื้อทองมากอดเอาไว้แน่น นั่นยิ่งทำให้เนื้อทอง น้ำตาไหล อาบแก้ม เผลอใจอ่อนวูบหนึ่ง ก่อนจะผลักเชนออกจากตัวอย่างแรง
“อย่ามาทำสันดานผู้ชายเลวๆ แบบนี้กับฉัน เพราะถ้าวัลภารู้ว่าผัวตัวเองไปกอดผู้หญิงอื่น วัลภาจะเสียใจมากแค่ไหน กลับไปคิดดูนะเชน”
เนื้อทองพูดพร้อมน้ำตาไหลอาบแล้ววิ่งออกไป
หลังจากแยกกับเพลิงแล้ว วัลภาก็หยุดดูแผงขายเครื่องประดับของที่ข้างทาง ระหว่างนั้น น้ำค้าง กับสมุนโผล่หน้าออกมาจากเพิงข้างหลัง
“นังนั่นมันดูถูกฉันมาหลายครั้งแล้วนะ ฉันต้องสั่งสอนให้มันรู้จักกลัวฉันซะบ้าง”
“เอาเป็นว่า พวกฉันไม่รู้ไม่เห็นด้วยแล้วกันนะ แกจะทำอะไรก็เรื่องของแกคนเดียว”
พวกสาวรำวง รีบถอยออกไป น้ำค้างเปิดขวดยาฆ่าแมลงรูปกะโหลกไขว้ ที่กลิ่นฉุนจนแสบจมูก จากนั้นก็เดินปรี่เข้าไปหาวัลภาอย่างน่ากลัว
ขณะที่วัลภาเอาต่างหูพลาสติกมาแนบที่หู แล้วยกกระจกบนแผงขึ้นมาเล็ง พลันสายตาเห็นจาก ในกระจกว่าน้ำค้างกำลังปรี่เข้ามา จะสาดยาฆ่าแมลงใส่ วัลภาหันขวับแล้วเอี้ยวตัวหลบ น้ำยาจากขวด ยาฆ่า แมลงสาดลงไปที่แผงขายของจนเกิดควันจากปฏิกิริยาเคมี ชนิดที่ว่าถ้าโดนหน้าคงเละแน่ วัลภาถึงกับอึ้ง
“โชคดีไม่ได้มีครั้งเดียวหรอกนังวัลภา”
น้ำค้างจะสาดยาฆ่าแมลงที่เหลือในขวดใส่หน้าวัลภาอีก แต่คราวนี้วัลภาเข้าไปยื้อยุดจับมือ น้ำค้างเอาไว้ สองสาวยื้อยุดกันไปมาก่อนจะล้มลงไปทั้งคู่ ขวดน้ำยาฆ่าแมลงกระเด็นหลุดจากมือน้ำค้าง กลิ้งไป ไหลออกจนหมดขวด น้ำค้างเจ็บใจเลยเปิดศึกคร่อมตบกับวัลภาแลกกันไปมาอย่างดุเดือด ระหว่างนั้นไอ้ตุ่น เข้ามาเห็นพอดี
ขณะที่ชาติกำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยของหมู่บ้านตามหน้าที่ผู้รักษากฏหมายของ ผาปืนแตก ไอ้ตุ่นจะเข้ามารายงาน ว่าวัลภาตบกับน้ำค้าง จากนั้นก็พากันวิ่งไปดู
“จะไม่ห้ามเลยเหรอลูกพี่”
ชาติส่ายหน้า “เดี๋ยว ปล่อยไปก่อน ให้หมดแรงแล้วค่อยห้าม”
จนเมื่อวัลภาเป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นคร่อมน้ำค้างแล้วตบไป 2-3 ฉาด ชาติก็หันมาบอกไอ้ตุ่น
“ไปห้ามพวกมันได้แล้วไอ้ตุ่น”
ไอ้ตุ่นรับคำรีบเข้าไปห้ามแยกวัลภาออกจากน้ำค้าง น้ำค้างปรี่จะเข้าไปตบวัลภาอีก แต่ชาติเข้าไป จับมือไว้ พลางจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ต่อหน้าต่อตาผู้รักษากฏหมายของผาปืนแตก ยังจะกล้าทำผิดอีกเหรอ น้ำค้าง”
น้ำค้าง ที่ถูกจับขังอยู่ในห้องขัง เกาะลูกกรง ร้องโวยวาย ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
“ยังกล้าพูดอีกเหรอว่าไม่ได้ทำอะไร เธอจะเอายาฆ่าแมลงมาสาดหน้าฉัน ตั้งใจจะทำให้ฉันเสียโฉม”
วัลภาพูดพลางมองน้ำค้างเขม็ง
“ใครบอกว่าฉันจะสาดใส่หน้าเธอ ฉันจะเอามาเททิ้งต่างหาก แต่หน้าเธอมาอยู่ใกล้ๆมัน ก็เลย เฉียดไปเกือบโดน มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่ความตั้งใจ หล่อนมีเรื่องกับฉัน ทำร้ายร่างกายฉันเห็นๆ แต่ฉันกลับ เป็นคนเดียวที่ต้องถูกจับโยนเข้ามาในนี้ แบบนี้มันสองมาตรฐานชัดๆ”
“งั้นก็ออกมาเลย มาตัดสินกันให้จบ ปล่อยมันออกมาไม่ต้องไปจับมันขังไว้หรอก”
วัลภาหันมาบอกชาติ
“ไม่ใช่หน้าที่เธอ กลับไปได้แล้ว ไอ้ตุ่น มาพาวัลภาออกไป”
เมื่อตุ่นพาวัลภาออกไป น้ำค้างก็หันมาโวยวายใส่ชาติ แต่ชาติกลับมองน้ำค้างแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ จนน้ำค้างเริ่มไม่ไว้ใจ
“อยากให้ปล่อยเหรอ ก็ได้”
น้ำค้างถูกชาติพาเข้ามาในโกดังร้างแห่งหนึ่งตามลำพังสองต่อสอง
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
น้ำค้างมองชาติอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่เห็นมีอะไรต้องคุย ถ้าฉันทำผิด นังวัลภาก็ต้องทำผิดด้วยเหมือนกัน ทำไมไม่เอามันมาคุยด้วย ต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
ชาติจ้องหน้าน้ำค้าง
“ฉันอยากได้คนที่ไว้ใจได้ ไปรู้ ไปเห็นอะไรในบ้านของพวกไอ้เชนมาก็เอามารายงานให้ฉันฟัง อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีตรงไหนที่ตกหล่น”
น้ำค้างถึงกับชะงัก
“จะให้ฉันเป็นสายสืบให้งั้นเหรอ
ชาติมองหน้าอกของน้ำค้าง“งานแบบนี้มันเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ดูทำอะไรไม่ค่อยเป็นอย่างเธอนะ”
น้ำค้างเอามือปิดหน้าอกทันที
“ถึงฉันจะเกลียดขี้หน้านังวัลภามันเข้าไส้ แต่ฉันก็ไม่เคยคิดหักหลังทำร้ายพี่เชนของฉัน”
ชาติยิ้มเหยียดๆ
“เธอนี่มันโง่จริงๆ ยังไงไอ้เชนมันก็ไม่มีใจให้เธอหรอก พยามยามไปก็ไร้ประโยชน์”
“ถึงไม่ได้หมดทั้งหัวใจ แต่แค่เศษเสี้ยวเดียวฉันก็ยอม”
น้ำค้างจะรีบลุกออก แต่เจอเชนกระชากตัวกลับมากดลงกับโต๊ะ พลางกดหน้าลงบนตัวน้ำค้าง แล้วซุกไซร้อย่างหื่นกระหาย
“เลว ไอ้สารเลว”
น้ำค้าง ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตะโกนด่าอย่างเจ็บแค้น ชาติปราดเข้าไปจิกผม พลางกระตุกอย่างแรง “ลองเรียกฉันแบบนั้นอีกทีสิ”
น้ำค้างตัวสั่นงันงก
“ไม่แล้ว.ฉันไม่เรียกแกแบบนั้นอีกแล้ว”
ชาติยิ้มเหี้ยม
“เพราะต่อไปนี้..เธอจะต้องเรียกฉันว่า เจ้านายคะ เรียก”
น้ำค้างน้ำตาเล็ด “จะ เจ้านายคะ”
ชาติหัวเราะชอบใจ
วัลภานั่งให้เอื้อมเดือนช่วยทำซับแผลที่มุมปากที่มีเรื่องกับน้ำค้างมา เอื้อมเดือนมองวัลภาแล้วก็ถอนใจ
“ความจริงน้ำค้างไม่น่าทำแบบนี้เลย ถ้ากลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ตัวเองก็ต้องมีความผิดคดี ทำร้ายร่างกาย”
“ของแบบนี้ต้องโทษผู้ชายค่ะ ที่เป็นสาเหตุให้ผู้หญิงต้องหันหน้ามาเป็นศัตรูกัน จะฆ่ากันตาย เพราะผู้ชายคนเดียว”
วัลภาพูดด้วยอารมณ์ขึ้น ในขณะที่เอื้อมเดือนเห็นเชนเข้ามา พลางพยายามจะบอกให้รู้ตัว แต่ วัลภากลับพูดไม่หยุด
“โดยเฉพาะผัวตัวดีของวัลภานี่แหละ แทนที่จะไล่ตะเพิดตัวปัญหาไปให้พ้น แต่ยังเลี้ยงเอาไว้ ดูเล่น คิดว่าวัลภาไม่รู้เหรอว่าสันดานน่ะแอบคิดอะไรอยู่”
“วัลภาจ๊ะ คือ”
เอื้อมเดือนพยายามจะห้าม แต่ เชนจุ๊ปากเป็นเชิงให้เอื้อมเดือนปล่อยให้วัลภาระบายออกมา
“สมภารจะเลี้ยงไก่วัดไว้ทำไมล่ะคะ ถ้าไม่คิดจะแอบกินไก่ในวัดของตัวเอง ยิ่งไก่พันธุ์เนื้อนมไข่ แบบนั้น แอบเลี้ยงไว้แล้วค่อยแอบไปจับมาย่างกินไม่ให้ใครรู้ มันยิ่งสนุก ยิ่งตื่นเต้น นี่แหละค่ะสันดานผู้ชาย อย่างนายเชน”
“นินทาผัวจบยัง”
เชนพูดขัดขึ้นมา แต่วัลภายังไม่รู้ตัว
“ยังไม่จบ เรื่องนินทาผัวสันดานเสียเนี่ย เล่าสามวันสิบวันก็ไม่…”
วัลภาชะงัก ค่อยๆหันไปเห็นเชนยืนจ้องอยู่
เชนจับแขนวัลภาพาเดินมา แล้วโต้เถียงกันมาตามทาง จนเอื้อมเดือนต้องรีบปราม
“เอาล่ะๆ ฉันว่าพวกเธอสองคนใจเย็นๆกันก่อนเถอะ ผัวเมียกันมีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆจา กันดีกว่า”
ทั้งสองคนพูดเสียงดังพร้อมกันอย่างไม่ตั้งใจ “ไม่”
เอื้อมเดือนตกใจ
“เอ่อ ก็ได้จ้ะ ถ้าพวกเธอไม่อยากฟังคำแนะนำของฉันก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยเกรงใจคนไข้ที่นี่ หน่อยได้มั้ย”
“ผมต้องขอโทษครับคุณหมอ และต้องขอบคุณคุณหมอมากที่ช่วยดูแลเมียผม ผมจะพาวัลภา กลับไปคุยที่บ้านเอง ไม่รบกวนคุณหมอแล้ว”
เชนดึงวัลภาพาออกไป เอื้อมเดือนมองตาม ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
จ่าลูกน้องของผู้กองสมาน วิ่งสวนกับทหารที่เดินออกจากเต็นท์ เมื่อเข้าไปข้างใน ก็เจอผู้กอง สมาน ที่แม้จะได้รับการรักษาจากแพทย์ทหารแล้ว แต่สภาพก็ยังดูดูน่าเวทนา ที่ดวงตาข้างหนึ่งมีผ้าปิด เอาไว้ ส่วนตามตัวก็มีแต่บาดแผล ใบหน้าอิดโรย
จ่าลูกน้องเข้าไปยืนมองข้างๆเตียงด้วยความเป็นห่วง แพทย์ทหารที่ดูแลอาการ เข้ามาตบบ่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ่า ตอนนี้ผู้กองสมานอาการปลอดภัยแล้ว”
“แล้วทำไมสภาพของผู้กองถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ”
แพทย์มองผู้กองสมานด้วยความสงสาร
“เท่าที่หมอตรวจดู ตลอดเวลาที่ผู้กองถูกคุมตัวไว้ พวกมันจับเขาทรมาน ทำให้ต้องเสียดวงตา ไปข้างหนึ่ง คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ๆ กว่าร่างกายจะกลับมาฟื้นได้”
“ฟื้นคืนมาแล้วจะเป็นเหมือนเดิมมั้ยครับ” จ่ารีบถามต่อ
“จะให้เป็นเหมือนเดิมคงยากเต็มทีนะจ่า เพราะถ้าเป็นคนปกติทั่วไป ผมบอกได้เลยว่าคงมีชีวิต รอดมาถึงวันนี้ไม่ได้แน่”
จ่าพยักหน้า
“ผู้กองเขาเป็นคนใจแข็งครับ เขาอดทนได้ทุกอย่าง เพราะเขามีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ”
“ระหว่างนี้จ่าก็ช่วยดูแลเขาไปด้วยแล้วกัน อยู่ที่นี่จ่าก็เหมือนญาติคนเดียวของเขา”
เมื่อแพทย์เดินออกไป จ่าก็เข้าไปนั่งข้างๆเตียงสนาม พลางแตะแขนผู้กองสมานด้วยความ เป็น ห่วง
“คนที่ค่ายนี้ ฝากให้ผมมาชื่นชมผู้กองด้วยนะครับ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจที่เข้มแข็งของผู้กอง หนีเอาชีวิตรอดพร้อมมาบอกพิกัดค่ายของไอ้ลายเสือ ค่ายของพวกมัน ก็คงไม่ถูกตีแตก”
ขบวนรถจี๊ปทหารของลายเสือวิ่งมาตามทางในป่า 3 คัน คันแรกเป็นรถที่ลายเสือ พร้อมด้วย ฟ้าลั่นที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกผู้กองสมานแทงเมื่อคืนก่อน
พลันเสียงระเบิดตูม ก็ไล่หลังดังเข้ามาพร้อมกับเสียงเอ็ม16 ที่กราดยิงจากกลุ่มกองทัพทหารไทย ที่ไล่หลังมาจนทัน
ขบวนรถของลายเสือต้องจอดเอี๊ยดที่กลางทาง ลายเสือและพวกลูกน้องทุกคนต้องเปิดฉากยิงใส่
ระหว่างนั้นมีระเบิดลงมาใกล้ๆ รถของลูกน้องลายเสือคันหลังสุดโดนไปเต็มๆลูกน้องลายเสือตายไปอีกหลายคน
ลายเสือหน้าเครียดหันไปยิงใส่พวกทหารไทยแล้วหันมาที่ฟ้าลั่นซึ่งยังมีอาการบาดเจ็บ ด้วยความแค้นใจ
“โธ่เว้ย ถอยไปตั้งหลักก่อน ข้าตั้งตัวได้อีกเมื่อไหร่ล่ะก็ แผ่นดินของพวกมันจะต้องลุกเป็นไฟ”
“ตกลงพวกไอ้ลายเสือหนีรอดไปได้เหรอ”
จ่าลูกน้องผู้กองสมาน ถามย้ำกับทหาร
“ครับจ่า พวกเราไล่ล่ากดดันมันจนเกือบจะเล่นงานมันยกพวกได้อยู่แล้ว แต่พวกมันคงวางแผน เรื่องการหนีเอาไว้ พอเราไล่ตามมันไปมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“งั้นอย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ เราต้องไล่ล่ามันต่อ”
จ่าได้ยินเสียงก็หันไป เห็นผู้กองสมานพยุงตัวเองในสภาพผ้าพันแผลเต็มตัวออกมา
“อย่าให้คนชั่วลอยนวล เราต้องไล่ล่ามันจนกว่ามันจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่”
พูดพลาง ผู้กองสมาน ก็เซจะล้ม เพราะเรี่ยวแรงไม่เหลือ จ่ารีบเข้าไปประคอง
จ่าประคองพาผู้กองสมานกลับมาที่เตียงสนาม
“หมอบอกว่าอาการผู้กองยังไม่ดีเท่าไหร่ ควรจะนอนพักให้ร่างกายฟื้นก่อนนะครับ
“แต่เราจะปล่อยให้พวกมันหนีรอดไม่ได้ ผมจะตามล่ามัน”
ผู้กองสมานเสียงแผ่ว แต่แววตาฉายความมุ่งมั่น
“สภาพผู้กองตอนนี้ไม่มีใครให้ผู้กองจับปืนอีกแน่นอนครับ เชื่อผมเถอะนะครับ ให้เป็นหน้าที่ ของพวกเรา ต่อให้ต้องพลิกป่าทั้งผืนตามล่า พวกเราก็จะทำ”
ผู้กองสมานจะลุกขึ้นอีกแต่เพราะร่างกายยังบาดเจ็บจนลุกอีกแทบไม่ไหวเลยต้องยอม
“ฉันยังตายไม่ได้หรอก ฉันยังมีน้องสาวที่ต้องดูแล ฉันทิ้งน้องเอาไว้ไม่ได้”
“นั่นสิครับ” จ่าลูกน้องนึกขึ้นได้ “ผมก็มัวแต่ห่วงผู้กองกับตามเรื่องพวกมัน จนลืมแจ้งข่าวเรื่อง ผู้กองให้คุณหมอทราบ”
“ทำไมต้องแจ้งข่าว” ผู้กองสมานย้อนถาม
“ก็ตอนที่พวกเราหาผู้กองไม่เจอ ผมนึกว่าผู้กองจะเสียชีวิตไปแล้วเลยแจ้งให้คุณหมอทราบ ไปอย่างนั้นครับ แต่เดี๋ยวผมจะรีบแจ้งกลับไปใหม่ ถ้าคุณหมอรู้เธอต้องดีใจแน่เลยครับ”
ผู้กองสมานพยักหน้ารับแล้วนอนลงบนเตียง อย่างรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ทางด้านเชนก็ลากแขนวัลภาพาเข้ามาที่ลานหน้าเรือนหอ ขณะที่วัลภายังโวยวายไม่หยุด
“มาว่าฉันเป็นตัวหาเรื่องให้นายปวดหัวเหรอ ถ้าคิดได้เท่านี้ต่อไปก็อย่ามาเรียกฉันว่าเมียอีก ไอ้บ้า”
วัลภาสะบัดเชนแรงๆ แล้วผลักอกเชนจนเซ
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังกับนายมากไปกว่านี้ ฉันมีเรื่องมา แทนที่นายจะปกป้องฉันจากผู้หญิงอื่น แต่นายกลับเอาแต่ว่าฉัน โทษแต่ฉัน นี่น่ะเหรอ.คนที่อยู่ด้วยกันมีความห่วงใยต่อกันเขาทำกัน”
เชนถอนหายใจ
“ฉันอกแล้วไงว่าเรื่องน้ำค้าง ฉันจะจัดการให้”
“งั้นก็รีบไปจัดการสิ ไปแสดงให้เห็นว่าการที่ฉันมาอยู่กับนายที่นี่ ฉันสามารถฝากชีวิตไว้กับนาย ได้ ไม่ใช่ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันพึ่งอะไรผู้ชายที่ฉันต้องเรียกเขาว่าผัวไม่ได้เลย”
วัลภาขึ้นเสียงใส่ด้วยความน้อยใจ
ขณะที่ชาติกลับบ้านอย่างสบายอารมณ์
“เบาตัวจริงๆเลยโว้ย เนื้อทอง.เอาน้ำเย็นๆมาให้ฉันกินหน่อยสิ เนื้อทอง”
เมื่อเนื้อทองยกถาดน้ำมาให้ ชาติรับน้ำมากินอย่างกระหาย ก่อนจะมองเนื้อทอง แล้วดึงมานั่งตัก
เนื้อทองตกใจ
“ผัวไปทำงานมาเหนื่อยๆ ก็อยาหกกลับมากอดเมียบ้าง ทำไมต้องมีปัญหา”
“แต่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่เลยนะชาติ”
ชาติยิ้มเยาะ
“นี่มันบ้านฉัน ฉันจะทำอะไรเมียมันจะมีปัญหาตรงไหน”
เนื้อทองรีบแกะมือชาติออก
“แต่ฉันอายพวกลูกน้องในบ้าน มันจะมองฉันยังไง ฉันต้องกลับไปทำงาน แล้ว มีงานค้าง อยู่ ในครัว”
คล้อยหลังเนื้อทองเดินเข้าไป ไอ้ตุ่นก็รีบเข้ามารายงาน
“ลูกพี่ครับ มีเรื่องมากระซิบครับ”
เนื้อทองกำลังทำกับข้าวอยู่กับคนใช้ ระหว่างนั้นชาติปรี่เข้ามาโวยวายกวาดข้าวของบนโต๊ะ กระจายอย่างฉุนเฉียว
“ออกไป ออกไปให้หมด”
พวกคนใช้ตกใจรีบวิ่งออกไปกันหมด
“เป็นอะไรของเธอน่ะชาติ”
“ยังมีหน้ามาถามอีก วันนี้เธอหายหัวไปไหนมา”
เนื้อทองหน้าซีด “ฉันไปตลาดมาไง”
“เนื้อทอง ที่นี่ผาปืนแตกนะ ทุกตรอกทุกถนนของที่นี่ มันเป็นหูเป็นตาให้ฉันหมด เธอหายไปไหน กับไอ้เชนมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“เปล่า ฉันไม่ได้ไปไหน”
ชาติปรี่เข้าไปตบหน้าเนื้อทองจนล้มคะมำ พลางข้าไปบีบแขนกระชากขึ้นมา
“เธอเห็นฉันเป็นไอ้โง่เหรอ พอฉันเผลอก็คิดจะสวมเขาให้ฉัน มันเป็นแฟนเก่าเธอ เจอหน้ากัน สองต่อสอตามลำพัง แล้วจะให้ฉันเชื่อว่าแค่คุยกัน”
ชาติปรายตามองไปที่หม้อต้มน้ำซึ่งกำลังเดือดปุดๆ ด้วยแววตาครุ่นคิด
เนื้อทองกลัวจนตัวสั่น
“อย่านะชาติ อย่าทำฉันเลย ฉันขอร้อง ฉันสาบาน ฉันไม่ได้มีอะไรกับเชนจริงๆ เธอเคียดแค้นเชน เธอไม่ได้รักฉัน เธอแค่ต้องการแย่งฉันมาจากเชน”
ชาติหน้าเหี้ยม แววตาดุดัน
“ใครว่าฉันไม่ได้รักเธอ ฉันรักเธอจนไม่อยากให้ไอ้เชนมายุ่งกับเมียของฉันต่างหาก แต่เพราะเธอ ทำให้ฉันกลายเป็นไอ้โง่ เธอก็ต้องได้รับบทเรียน“
ชาติขับแขนเนื้อทองเอาไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งก็จับด้ามหม้อต้มน้ำเดือดๆขึ้นมา พลางจ้อง เนื้อทองตาเขม็ง ก่อนที่จะสาดน้ำร้อนใส่ทันที เนื้อทองกรีดร้อง พลางทรุดลงกับพื้นน้ำตานองหน้า แต่ชาติไม่ได้สาดน้ำเดือดใส่เธอ กลับสาดมันไปที่ข้างฝาแทน
“เธอเป็นเมียฉัน ฉันทำให้เธอเสียโฉมไม่ได้หรอก แต่เธอก็ต้องจำไว้ด้วย ว่าถ้ามีครั้งหน้าอีก ฉันทำจริงแน่ ส่วนไอ้เชนมันก็ต้องได้รับบทเรียนเหมือนกัน”
ชาติเดินออกไป เนื้อทองทรุดลงกอดเข่าน้ำตานองหน้าร้องไห้เสียใจอย่างน่าเวทนา
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 10 (ต่อ)
“ฉันไปจัดการเรื่องน้ำค้างให้เธอแล้วนะ”
เชนมาบอกข่าวกับวัลภาที่ห้องนอน แต่วัลภากลับทำทีเป็นไม่สนใจ
“มันก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องมาบอก”
“แต่ฉันหาน้ำค้างไม่เจอ ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ ไปหาที่อื่นๆ ก็ไม่เจอ”
“งั้นก็หมายความว่า ยัยนั่นยังไม่โดนไล่ออกจากวง”
วัลภาถามย้ำ
“เอาเป็นว่าถ้าเจอฉันจะจัดการให้ แต่ถ้าจะไล่ออกจากวงอย่างที่เธอต้องการ ฉันคงต้องรอถาม ความเห็นพ่อ เพราะอย่างน้อยพ่อก็เป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนในวงให้ความเคารพ”
วัลภาเบ้หน้า
“แต่ฉันไม่เคยเห็นยัยน้ำค้างให้ความเคารพใครในวง แม้แต่พ่อ”
“ฉันรู้ แต่น้ำค้างเป็นเด็กที่โตมากับวง เพราะพ่อสงสารที่แม่น้ำค้างตายตั้งแต่เกิด ก็เลยเอามา เลี้ยง ให้หัดร้องเพลงบ้าง รำวงบ้าง เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กก็เลยเหมือนลูกเหมือนหลานคนนึง”
วัลภาถึงกับอึ้ง เพราะไม่รู้มาก่อนว่าน้ำค้างมีชีวิตที่น่าสงสาร
“งั้นก็ให้แล้วแต่พ่อก็แล้วกัน ถือซะว่าวันนี้ฉันมันดวงซวยเอง”
“ไม่เอาน่า” พูดพลางเข้าไปดึงวัลภามาใกล้ๆ “อย่างน้อยก็เป็นวันที่ฉันได้รู้ว่า เธอก็หวงฉัน ไม่ยอม ให้ผู้หญิงอื่นมายุ่งกับฉันเหมือนกัน”
เชนดึงวัลภามาซบอก วัลภาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักเชนออกไปอีก
“อย่ามาขี้ตู่นะ ฉันแค่ป้องกันตัว ไม่ได้หวงนายจากผู้หญิงอื่นซะหน่อย คิดเองเออเอง”
เชนมองวัลภาแล้วอมยิ้มชอบใจ ระหว่างนั้นเสียงชาติก็ดังขึ้นจากนอกบ้าน
“ไอ้เชน ไอ้เชน”
เชนกับวัลภาลงมาจากเรือน ก็เจอชาติกับไอ้ตุ่นและลูกน้องอีกคนเข้ามายืนสีหน้าเอาเรื่องอยู่
“อะไรของแกวะไอ้ชาติ มาตะโกนโหวกเหวกหนวกหูคนอื่นเขาอยู่ได้”
ชาติมองจ้องเชน แววตาโกรธแค้น“ไม่อยากให้ข้าตะโกนเรียกแก งั้นให้เอาลูกปืนลั่นเปรี้ยงใส่กบาลแกแทนมั้ยไอ้เชน”
เชนตกใจ เพราะไม่ได้พกปืนออกมาด้วย วัลภารีบเข้าไปขวาง
“นี่มันเรื่องอะไรกันพี่ชาติ อยู่ๆเอาลูกน้องเอาปืนมาชี้หน้าผัวฉันแบบนี้”
“ลองถามผัวแกดูแล้วกันวัลภา ว่าวันนี้มันไปทำอะไรกับเมียฉันมา”
“เมียพี่ชาติ เนื้อทองน่ะเหรอ”
วัลภาถึงกับชะงัก พลางหันไปมองเชน ที่ยืนหน้านิ่ง
“ฉันเจอวัลภาที่หมู่บ้าน เห็นกำลังกลับบ้านคนเดียวเลยช่วยอาสาพาไปส่ง ก็แค่นั้น วัลภา ฉันมีเธอเป็นเมีย ชาวบ้านเขาก็รู้กันทั่ว ส่วนเนื้อทองก็เป็นเมียไอ้ชาติไปแล้ว คนอย่างฉันไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมแน่ แต่ถ้าเป็นไอ้ชาติล่ะก็ ไม่แน่ เพราะมันทำจนชินติดเป็นสันดานไปแล้ว”
“แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วโยนให้คนอื่นหรอกไอ้เชน คนทั้งหมู่บ้านเขารู้ กันทั่วว่า แกกับเนื้อทองเคยเป็นอะไรกัน แต่แกก็ยังไปยุ่งกับเนื้อทอง พากันไปไหนต่อไหนสองต่อสอง ถ้าไม่ใช่เพราะแก อยากหยามหน้าข้า แล้วแกจะทำไปเพื่ออะไร”
เชนส่ายหัวอย่างระอา
“ตอนนี้ฉันกับเนื้อทองเหลือแค่ความเป็นเพื่อน ฉันเป็นห่วงเพื่อนเพราะแกทำร้ายเนื้อทอง แกทำ กับผู้หญิงดีๆแบบนั้นได้ยังไง”
เชนพูดพลางจะปรี่เข้าไปมีเรื่อง วัลภารีบห้ามไว้
“พอได้แล้วเชน หยุด พี่ชาติ ฉันว่าพี่กลับบ้านไปเถอะ ผัวฉันกับเนื้อทองไม่ได้มีอะไรกัน อย่างที่ พี่คิด แล้วเขาก็ไม่ได้อยากหาเรื่องหยามหน้าพี่ด้วย”
“แกเชื่อมันเหรอวัลภา”
ชาติย้อนถาม
“เขาเป็นผัวฉัน ฉันอยู่กินกับเขา ฉันก็ต้องไว้เนื้อเชื่อใจเขา พี่กลับไปเถอะ กลับไปดูแล เนื้อทอง บ้าง เนื้อทองเป็นคนดี ที่ชาตินี้พี่จะหาจากไหนไม่ได้อีก เข้าบ้านเถอะเชน”
วัลภาดึงเชนให้เข้าไปในบ้าน ชาติจ้องเขม็ง “มาถึงที่แล้วจะปล่อยให้มันด่าใส่เราแค่นี้เองเหรอพี่ชาติ” ไอ้ตุ่นยุส่ง
“ใครบอก มันทำให้ข้าไม่พอใจ มันต้องได้รับบทเรียนที่สาสมกว่านี้เยอะ”
ชาติยิ้มน่ากลัว
บรรยากาศกลางป่าในเวลาโพล้เพล้ ไอ้เชิดกับพวกลูกน้องกำลังตั้งเต๊นท์สำหรับพักค้างแรม กันที่นี่คืนนี้ ขณะที่กำนันปราบเอาแต่นั่งมองก้อนหินที่มีสายแร่ทองคำปนอยู่ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“นายครับ”
กำนันปราบชะงักชักปืนหันขวับไปเล็งเชิดทันที
“ข้าสั่งไว้ว่าไง ถ้าข้าไม่เรียกไม่ต้องเข้ามา”
พูดพลางลดปืนลง ไอ้เชิดมองไปที่ก้อนหินสายแร่ทองคำในมือปราบ
“นายไม่ต้องห่วงเรื่องความลับที่เรามาสำรวจหาแหล่งแร่ทองคำจะรั่วไหลหรอกครับ เพราะทุกคน ที่ผมใช้ให้มันมาช่วยกันสำรวจ พวกมันไว้ใจได้หมด”
“นี่เป็นเรื่องสำคัญนะไอ้เชิด ถ้าข้าเจอขุมทองนี่เมื่อไหร่ล่ะก็ สองเท้าของข้าไม่ว่าจะเหยียบไป ที่ไหนบนผืนแผ่นดินไทย ที่นั่นมันก็จะเป็นของข้าทันที ไม่ใช่แค่ผาปืนแตกอย่างเดียวอีกต่อไป”
กำนันปราบยิ้มร้ายอย่างพอใจ กับอนาคตอันยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกัน ลำดวนกำลังเดินตามหลังพรานที่นำทางเข้ามาในป่า เพื่อตามหากำนันปราบ แต่ก็ยังไม่เจอร่องรอย
“เท่าที่ผมแกะรอยตามมาตลอดเนี่ย ผัวคุณนายคงไม่อยากให้ใครตามเลยกลบร่องรอยไป ตลอดทาง”
ลำดวนชะงัก
“นี่ถึงขนาดกลบร่องรอยไม่อยากให้ใครตามเลยเหรอ ถ้าฉันตามไปเจอว่าซุกผู้หญิงไว้จริงๆล่ะก็ ฉันอาวะลาดป่าแตกแน่”
เชนตามเข้ามาเคลียร์กับวัลภา ที่อารมณ์ยังกรุ่นๆ ที่ใต้ถุนเรือน“ฉันกับเนื้อทองแค่เจอกันแล้วก็คุยกันเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น”
“งั้นเล่ามาให้หมดสิว่าเจอกันยังไง แล้วคุยอะไรกัน บอกมาให้ละเอียดเลย ฉันจะได้รู้ว่าที่ฉันไป ออกหน้าปกป้องนายเพื่อไม่ให้พี่ชาติยิงกบาลนาย ฉันไม่ได้โกหกเขา เล่ามาสิเชน”
“ฉันไปที่ร้านกาแฟแล้วเจอเนื้อทองกลับจากตลาดคนเดียว ฉันก็เลยอาสาไปส่งบ้าน”
“ถ้าแค่ไปส่งบ้านแล้วทำไมถึงต้องมีคนไปฟ้องพี่ชาติด้วย บอกมาให้หมดนะเชน”
วัลภาจ้องหน้าคาดคั้น
“ฉันแวะระหว่างทางด้วย”
“แวะระหว่างทาง ? แวะทำอะไร”
“แวะคุยกัน”
วัลภามองหน้าเชนอย่างขัดใจ
“ เชน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงตอแหลเก่ง นายอย่าทำให้ฉันต้องตอแหลเพื่อปกป้องผู้ชายอย่างนาย”
เชนถอนหายใจ
“ก็ได้ ฉันแค่อยากจะคุยกับเนื้อทองเพราะเป็นห่วง แล้วฉันก็เห็นว่าเนื้อทองมีร่องรอยถูกไอ้ชาติ ทำร้าย ฉันสงสารเนื้อทองมาก ฉันพยายามเสนอตัวช่วยเธอให้พ้นจากไอ้ชาติ แต่เธอปฏิเสธ ฉันไม่รู้จะปลอบใจ เนื้อทองยังไง ฉันก็เลยทำแบบนี้ไง”
เชนปรี่เข้าไปดึงวัลภามากอดแบบเดียวกับที่กอดเนื้อทอง วัลภาอึ้ง พลางผลักเชนอย่างแรง
“ไอ้บ้าเชน ผู้หญิงเขามีผัวแล้ว ส่วนนายก็มีเมียหัวโด่อยู่ทั้งคน แต่นายยังไปกอดเมียคนอื่นอีก ฉันน่าจะปล่อยให้พี่ชาติยิงบาลนายจริงๆ ไอ้ทุเรศ”
วัลภาโกรธจนน้ำตาคลอ
วัลภาเข้าในห้อง พลางปิดประตูเสียงดัง เชนตามมาเคาะประตูเรียก
“วัลภา เธอจะโกรธฉันทำไม เธอก็รู้ว่าฉันกับเนื้อทองเคยเป็นอะไรกัน แล้วเธอกับฉันก็ไม่ได้เป็นผัว เป็นเมียกันจริงๆ”
วัลภาที่นิ่งอยู่ในห้องกำหมัดแน่น ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วนในหัวใจ เพราะไม่รู้จะตอบตัวเอง ได้ยังไงเหมือนกัน ว่าทำไมต้องโมโหเชนมากขนาดนี้ด้วย
เชนเคาะประตูเรียกอีก คราวนี้วัลภาเดินมาเปิดประตูมาประจัญหน้า เชนถึงกับชะงัก “ฉันอยากคุยกันให้รู้เรื่อง”
วัลภาส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ก็แค่อยู่กินกันหลอกๆ ก็ไม่ได้อยากอยู่ตั้งทีแรก แต่โดนผู้ชายเลวๆ หลอก ให้ต้องมาอยู่”
เชนหน้าจ๋อย “โธ่วัลภา อย่าพูดแบบนี้สิ”
“หลบไป คืนนี้ฉันจะไปนอนที่อื่น”
“จะไปนอนที่ไหน” เชนถามอย่างเป็นห่วง
“ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ต้องอยู่ใกล้นาย ไอ้บ้าเชน”
วัลภาดันไหล่เชนให้หลบ แต่เชนจับมือเธอบีบแน่น
“ไม่ ฉันไม่ให้เธอไปไหน อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะวัลภา ถ้า เธอไปนอนที่อื่นแล้วคนอื่น รู้เข้า มันจะไม่ดี เอาเป็นว่า คืนนี้ฉันจะไปนอนที่บ้านพ่อเอ เอาไว้เธอใจเย็นๆเมื่อไหร่ แล้วเราค่อยมาคุยกันนะ”
เชนยิ้มให้ แต่กลับโดนวัลภากระแทกประตูใส่หน้า
เชนเดินมาหยุดที่ข้างๆ กองฟาง ที่อยู่ไม่ห่างจากตัวบ้าน พลางคิดถึงที่วัลภาออกตัวปกป้องเขาจากชาติ แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเอง ก่อนจะหันซ้ายหันขวา พอเห็นท่อนไม้เหมาะมืออยู่ใกล้ตัวก็คว้าขึ้นมา
“ไอ้ไง่เอ้ย ปากเสียไม่เข้าเรื่อง สมควรโดนเมียด่าแล้ว”
พลางใช้ท่อนไม้ ตีหัวตัวเอง
ขณะที่ไอ้ตุ่นกับลูกน้องชาติ ก็โผล่หน้ามาจากพุ่มไม้ที่รกๆ ข้างๆ เรือนหอ โดยไม่รู้ว่าเชนไม่อยู่ที่นี่
จากนั้นมันก็จุดไฟให้ติดกับคบเพลิง ไฟลุกพรึ่บ พวกมันยิ้มร้ายชั่วโฉดก่อนจะแยกย้ายกัน
วัลภายืนเหม่อกอดอกอยู่ริมหน้าต่าง แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น ลูกน้องชาติ โผล่ออกมายิงใส่เพื่อไล่ เธอให้หลบเข้าไปในห้อง วัลภากระโจนหลบ ด้วยความตกใจ พลางรีบไปที่ประตู แต่พบว่าประตูเปิดไม่ได้ เพราะ ติดล็อกจากข้างนอก
ไอ้ตุ่นนั่นเอง ที่เป็นคนล็อกประตูไม่ให้คนข้างในออกมา แล้วโยนคบเพลิงลงไปบนกองฟาง ที่เตรียมไว้สุมไฟที่หน้าเรือนหอ ไฟลุกพรึ่บ ควันโขมง
วัลภาตั้งท่าจะถอยไปที่หน้าต่าง แต่ก็ถูกลูกน้องชาติที่ดักอยู่ก็คอยยิงขู่ไม่ให้ออกมา ทำให้เธอติด อยู่ ในห้อง ควันไฟเริ่มลอยเข้ามา
ขณะเดียวกัย เชนที่นอนอยู่ที่กองฟางได้ยินเสียงปืนดังมาไกลๆ จากเรือนหอตัวเองก็ตกใจ
“วัลภา”
เชนวิ่งเข้ามาถึงเรือนหอ เห็นไฟกำลังไหม้สุมกองฟางที่หน้าเรือนหอ ส่งให้ควันฟุ้งกระจายเข้าไปด้านใน พลางจะรีบขึ้นไปช่วยวัลภา แต่เจอไอ้ตุ่นกับลูกน้องชาติที่แอบซุ่มอยู่ยิงใส่เชนกระโจนหลบลูกปืนไปอย่างเฉียดฉิว แล้วโผเข้าไปที่ใต้ถุนเรือน ล้วงเอาปืนสั้นที่ซ่อนไว้ใน ข้องดักปลาที่แขวนอยู่กับเสาเรือนออกมายิงตอบโต้ใส่ จนพวกมันวิ่งหนีกระเจิง ขณะที่ไอ้ตุ่นโดนเชนยิงได้รับ บาดเจ็บที่แขน รีบวิ่งตามพวกลูกน้องไปอย่างไม่คิดชีวิต
เชนไล่พวกมันไปจนแน่ใจแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปบนเรือนทันทีด้วยความเป็นห่วงวัลภา
เชนกระแทกประตูเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยควันไฟที่คลุ้งไปทั่ว ส่วนวัลภานอนหมดสติอยู่ที่พื้น
เชนเขย่าตัววัลภาแต่เธอไม่รู้สึกตัว เชนจึงอุ้มเธอขึ้นแล้วรีบพาออกจากห้องทันที
ลำดวนเดินตามหลังพรานป่าที่ถือตะเกียงนำทาง ท่ามกลางบรรยากาศวังเวงกลางป่าทึบ ผสานเสียงนกแสกร้องดังจนน่ากลัว
“ฉันว่าแกกำลังพาฉันเดินวนหลงอยู่ในป่านะ” ลำดวนโวยวายด้วยความหงุดหงิด
“ผมไม่ได้พาคุณนายเดินวน แต่ผมกำลังหาที่ที่ปลอดภัยสำหรับค้างคืน ในเมื่อมันมืดแบบนี้ ยังไงคุณนาย ก็ต้องนอนแถวนี้กับผม แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยตามต่อ”
“นอนกับแก” ลำดวนตวาดลั่น “นี่แกวางแผนคิดชั่วๆ กับฉันมาตลอดเลยใช่มั้ย”
พูดพลางปรี่เข้าไปตบนายพราน จนหน้าหัน นายพรานหันกลับมาจ้องหน้าด้วยความโมโห
“เหลืออดแล้วนะเว้ย คำก็จิกหัวด่า สองคำก็จิกหัวใช้ เศษเงินของพวกคนเมืองอย่างแก ข้าไม่ อยากได้แล้ว”
พรานเริ่มเดินเข้าใกล้ ลำดวนผงะถอย พลางคว้าท่อนไม้ขึ้นจากพื้นแล้วฟาดใส่ แต่นายพรานรับไว้ได้ทัน ก่อนจะกระชากออกจากมือลำดวนแล้วโยนทิ้ง จากนั้นก็ชกเข้าที่ท้อง ลำดวนจุกตัวงอ พลางมองลำดวน แล้วยิ้มร้าย
ขณะที่ไอ้เชิดกำลังรินเหล้าจากขวดดีบุกแกะลายสวยๆ เพื่อเอาใจนาย จู่ๆ กำนันปราบ ก็ยกมือ ให้ลูกน้องทุกคนเงียบเสียง
“ข้าว่าแถวนี้ไม่น่าไว้ใจ ไม่ได้มีแค่พวกเรา พวกเอ็งเอาอาวุธไปให้พร้อม เจอใครที่น่าสงสัยก็ ยิงได้เลย ไม่ต้องถาม”
ไอ้เชิดรับคำพลางหันไปพยักหน้ากับพรรคพวก แล้วพกปืนออกไปสำรวจ
ทางด้านลำดวน ที่จุกจนแทบจะหมดแรง พยายามคลานหนีพรานป่า ที่หมายจะจะข่มขืน มันทั้งปลุกปล้ำ ทั้งดึงทึ้งเสื้อผ้าจนฉีกขาด ลำดวนฮึดสู้สุดแรงเกิด ด้วยการข่วนหน้ามันจนเป็นรอย ก่อนจะยกเท้าถีบเข้า ไปที่กล่องดวงใจ จนมันจุกตัวงอ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างทุลักทุเล
ลำดวนวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีเข้าไปในป่าลึก ท่ามกลางดงต้นไม้ที่ขึ้นรกครึ้มและความมืด ที่มอง ไปทางไหนก็เหมือนๆ กันหมด
ลำดวนวิ่งจนมาหยุดเหนื่อย แล้วมองไปรอบๆไม่รู้จะไปทางไหน จนเห็นว่าตรงหน้าคือปากถ้ำ แห่งหนึ่ง จึงรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำ หวังว่าในนั้นจะปลอดภัย
นายพรานถือปืนลูกซอง วิ่งตามมา พลางนกวาดตามองหา ทันใดนั้นเสียงปืน ก็ดังขึ้น.กระสุนพุ่งเข้ากลางหลังอย่างแม่นยำ นายพรานหันปืนไปจะต่อสู้ แต่กลับโดนห่ากระสุนจากปืนของ ไอ้เชิดกับพวกลูกน้อง ยิงจนตายคาที่
กำนันปราบเดินตามลูกน้องเข้ามาดูศพ
“พวกพรานชาวบ้านครับนาย สงสัยจะเข้ามาวางเหยื่อล่อสัตว์”
กำนันปราบมองศพอย่างสมเพช
“ดวงแกมันถึงฆาตเองเว้ย จัดการศพมันให้เรียบร้อย แล้วจัดเวรยามตรวจดูรอบๆที่ตั้งเต๊นท์ด้วย เผื่อจะมีพวกมันอยู่แถวนี้อีก”
สั่งเสร็จก็เดินออกไป ไอ้เชิดหันมาที่ศพแล้วนึกสมน้ำหน้าพวกดวงถึงฆาต
ลำดวนเดินกระเซอะกระเซิงเหยียบแอ่งน้ำที่เจิงนองในถ้ำที่ค่อนข้างมืด พลางเริ่มอ่อน ระโหย โรยแรงเดินเซตุปัดตุเป๋ และเมื่อเดินเดินต่อไปอีกแค่ไม่กี่ก้าว ก็เจอกับองค์พระพุทธรูปศิลาแลงที่ประดิษฐาน อยู่ตรงผนังถ้ำ
ลำดวนเผลอตกใจร้องเสียงดัง ก่อนจะเป็นลมแน่นิ่งหมดสติลงบนพื้นที่เจิงนองไปด้วยน้ำตรงหน้าองค์พระในลักษณะคว่ำหน้าลง เสื้อผ้าที่ หลุดลุ่ยของลำดวน เผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่า ซึ่งมีรอยสักรูปผีเสื้อราตรีประทับอยู่ เหมือนกับที่วัลภาถูก ประทับตราไว้
หลวงพ่อสินกำลังนั่งสมาธิปฏิบัติ รายล้อมด้วยเทียนไขที่จุดให้ความสว่าง ครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา ด้วยลางสังหรณ์บางอย่างที่ทำให้รู้สึกใจคอไม่ดี ระหว่างนั้นเพลิงเข้ามา
“ขอโทษด้วยครับหลวงพ่อ ผมไม่รู้ว่าหลวงพ่อยังอยู่ในโบสถ์ เดินผ่านมาเห็นไฟสว่าง”
“ข้ามานั่งปฏิบัติสมาธิ”
“งั้นผมคงมารบกวนหลวงพ่อ ขอโทษด้วยครับ”
หลวงพ่อสินส่ายหน้า
“ไม่ใช่เอ็งหรอกที่มารบกวนสมาธิของข้า ไอ้เพลิง พรุ่งนี้เอ็งต้องไปซ้อมร้องเพลงที่บ้าน ครู ประสิทธิ์รึเปล่า”
“ไปครับหลวงพ่อ”
“งั้นข้าฝากให้เอ็งไปบอกครูประสิทธิ์ด้วยว่า ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาหาข้าที่วัดด้วย ข้ามีเรื่อง อยากจะคุยด้วยซักหน่อย”
เพลิงพยักหน้ารับคำ ขณะที่หลวงพ่อสินหันไปมององค์พระประธาน ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
วัลภาค่อยๆ รู้สึกตัวลุกขึ้นมาพบว่าตัวเองมานอนอยู่บนแคร่ ที่อู่ร้างก็แปลกใจ “น้าแสน นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก็เมื่อคืนนี้ฉันนึกว่าฉันจะไม่รอดอยู่ที่บ้านแล้วซะอีก”
วัลภาหันมาถามแสน ที่นั่งดูแลอยู่ข้างๆ
“ถามได้ ก็ถ้าไอ้เชนไม่ไปพาเอ็งออกมา ป่านนี้เอ็งคงกลายเป็นสาวน้อยรมควันตายอยู่ ในบ้าน แล้ว มันพาเอ็งมาหลบอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะที่นี่ปลอดภัยสุด มันกลัวว่าพวกนั้นจะตามเล่นงาน เลย นั่งเฝ้า ดูแลเอ็งทั้งคืน พอเช้ามันถึงเพิ่งไปบอกน้าให้มาช่วยดูแล นี่แหละ เอ้า เช็ดหน้าเช็ดตาซะ”
พูดพลางบิดผ้าชุบน้ำจากอ่างน้ำแล้วยื่นให้วัลภา
“แล้วตอนนี้เชนอยู่ไหนจ้ะน้า”
แสนชะงักสีหน้าอึกอัก วัลภารีบเข้าไปบีบแขนเขย่าตัว แล้วคาดคั้นถาม
“น้า เชนอยู่ไหน”
อีกมุมหนึ่งของอู่ เชนขนเอาอาวุธทั้งมีดพก ปืนสั้น เครื่องกระสุนออกมาวางเรียงเต็มโต๊ะ พลางบรรจุกระสุนใส่ปืน จากนั้นก็ยกกระเป๋าที่ใส่อาวุธทุกอย่างสะพายไหล่ เตรียมจะออกไปลุยเต็มที่ แต่วัลภารีบ เข้ามาห้ามไว้ก่อน เชนถึงกับตกใจ ขณะที่แสนออกตัว
“ข้าว่าเอ็งสองคนค่อยๆคุยกัน ผัวเมียกันปรึกษากันดีที่สุด แต่ไม่ว่าพวกเอ็งจะตกลงกันยังไง พวกข้าก็พร้อมว่าตาม”
พูดพลางตบบ่าเชนกับวัลภา แล้วเดินออกไป เชนกับวัลภา หันมามองหน้ากัน
เชนจะเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ แต่วัลภาตามไปขวาง
“นายจะไม่ยอมฟังฉันเลยใช่มั้ยเชน”
แต่เชนไม่ยอมฟังเสียง
“หลบไปวัลภา คนอย่างไอ้ชาติ ถ้าปล่อยให้มันทำแบบนี้ได้บ่อยๆ ต่อไปมันจะได้ใจ”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยให้มันทำแบบนี้แล้วไม่สนใจซะหน่อย”
เชนมองจ้องหน้าวัลภา
“งั้นเธอก็อย่ามาขวางฉัน”
“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องขวาง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย ผลที่ตามมาจะยุ่งยากมากแค่ ไหน จอมโจรไอ้เสือที่นายสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโต้พวกมันจะเป็นยังไง”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก มันต่างหากที่ต้องเป็นเพราะมันทำให้เธอเกือบตาย ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอเจ็บ ฉันใจหาย กลัวจะไม่ได้อยู่กับเธออีกแล้วนะวัลภา”
เชนสบตากับวัลภา ทั้งคู่มองตากันไปมา หัวใจเต้นตึกตัก วัลภาเดินเข้าไปใกล้ “นายกลัวจริงๆเหรอเชน”
เชนเริ่มอึกอัก ไม่กล้าแสดงความรู้สึกในใจออกไป
“ก็ผัวเมียอยู่กินด้วยกัน ถ้าเป็นอะไรไป มันก็ใจหายกันทั้งนั้นแหละ ไม่เชื่อก็ไปถามน้าแสน กับ น้าน้อยดูก็ได้”
เชนเบี่ยงประเด็น จนวัลภารู้สึกไม่พอใจ
“นั่นสินะ มันก็แค่คนเห็นหน้ากันอยู่ทุกวันแค่นั้นแหละ แต่ถ้านายอยากจะแก้แค้นเอาคืนพวกนั้น ฉันว่านายควรให้เป็นหน้าที่ของจอมโจรไอ้เสือกับนางสิงห์ดีกว่า ฉันจะได้เอาคืนด้วยตัวฉันเองด้วย เราตกลงกันแล้วนะว่าภารกิจของเรา คือทำลายพวกมันช้าๆ ให้พวกมันรู้ถึงความน่ากลัวของ ไอ้เสือกับนางสิงห์ ไม่ใช่การต่อสู้ของไอ้เชนกับพวกมัน ที่ต้องมาคอยระวังว่าคนรอบข้างจะโดนแก้แค้นเมื่อไหร่”
เชนนิ่งแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“แต่จนป่านนี้ เธอก็ยังไม่มีโอกาสล้วงข้อมูลเรื่องโรงงานเฮโรอีนของพวกมันเลยนะวัลภา”
“ตอนนี้แม่กับกำนันไม่อยู่ ฉันพานายเข้าไปถึงตัวไม่ได้ แต่ฉันคิดว่าฉันมีทางอื่นที่น่าจะช่วยให้เรา ได้ข้อมูล”
วัลภายิ้มมุมปาก เมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ เชนมองด้วยความอยากรู้
ครูประสิทธิ์ทำสีหน้าแปลกใจเมื่อรู้สาเหตุที่หลวงพ่อตามให้เขามาพบ
“จริงเหรอครับ หลวงพ่อเห็นภาพที่นั่นอีกแล้ว”
“มันเกิดขึ้นเหมือนครั้งแรกที่เอ็งกับข้าไปค้นพบที่นั่น เอ็งยังจำได้มั้ยประสิทธิ์”
ครูประสิทธิ์พยักหน้า “จำได้ดีสิครับหลวงพ่อ ทุกวันนี้ผมก็ยังจำที่นั่นได้ติดตา”
“เอ็งไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ใครฟังนะ”
ครูประสิทธิ์พนมมือ
“ผมสาบานด้วยชีวิตของผมกับหลวงพ่อไว้แล้ว ความลับที่ผมกับหลวงพ่อไปเจอมาด้วยกัน จะ ไม่มีวันหลุดออกจากปากผมเด็ดขาด”
แต่สีหน้าหลวงพ่อกลับดูเป็นกังวล
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ถ้ารู้ว่าที่นั่นมันมีอะไร สิบกว่าปีที่แล้ว ข้าจะไม่ชวนเอ็งให้ไปค้นพบที่นั่น เด็ดขาด”
หลวงพ่อสินย้อนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ขณะที่ปักกลดอยู่ในป่าธุดงค์ เพื่อศึกษาพระธรรม ครูประสิทธิ์เอาอาหารมาถวาย พลางนิมนต์ให้หลวงพ่อไปเป็นเจ้าอาวาสวัดผาปืนแตก
“วัดผาปืนแตกของหมู่บ้านผม ขาดเจ้าอาวาสดูแลมาหลายปีแล้ว กี่องค์ต่อกี่องค์ที่มาจำวัด ก็อยู่ไม่ได้กันสักองค์ เพราะก็อย่างที่เล่ามาตลอดนั่นแหละครับ บ้านป่าเมืองเถื่อน อิทธิพลก็เถื่อน แม้แต่พระแต่เจ้า ก็ทนอยู่ไม่ได้”
“แล้วทำไมเอ็งถึงคิดว่าข้าจะทนอยู่ได้ล่ะ”
หลวงพ่อสินย้อนถาม
“หลวงพ่อเป็นพระนักปฏิบัติ ใจก็นักเลงพอๆกันกับคนที่นี่ ถ้ายังเป็นที่พึ่งพิงให้ชาวบ้านไม่ได้ ก็คง ต้องปล่อยให้ผาปืนแตกเป็นเมืองนรกแล้วล่ะครับ”
หลวงพ่อสินพยักหน้า
“เอาล่ะๆ ข้าเองก็ออกธุดงค์จนได้รู้ได้เห็นหมดแล้ว ก็อยากจะจำวัดให้เป็นที่เป็นทางเหมือนกัน ว่าแต่ก่อนจะตามเอ็งเข้าไปในหมู่บ้าน ข้ามีเรื่องอยากถามเอ็งหน่อย”
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ครูประสิทธื์พาหลวงพ่อสินเข้ามาหยุดตรงปากถ้ำ
“ใช่ที่นี่รึเปล่าครับ ตามที่หลวงพ่อเห็นตอนนั่งทำสมาธิ”
หลวงพ่อสินพิจารณาดูปากถ้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้า
“น่าจะใช่นะ เอ็งรู้จักที่นี่มั้ย”
“ผมว่าหลวงพ่อถามถูกคนแล้วล่ะครับ ทั้งหมู่บ้านผาปืนแตก มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละ ครับที่ รู้จักที่นี่ เพราะป่าแถวนี้มันอยู่เกือบติดชายแดนครับ สมัยก่อนมีการรบราฆ่าฟันกันแถวนี้บ่อยๆ รบกันมาตั้งแต่ สมัยใช้หอกใช้ธนู จนมาเปลี่ยนเป็นปืนผาหน้าไม้ คนเฒ่าคนแก่ที่อพยพมาตั้งรกรากในผาปืนแตก เล่ากันต่อๆ มาว่า มันคือที่ๆวิญญาณคนตายสิงสู่ เลยไม่มีใครอยากเข้ามาหรอกครับ”
“แล้วทำไมเอ็งถึงมาล่ะ” ครูประสิทธิ์ย้อนถาม
“สมัยหนุ่มๆผมมันคึกคะนองครับ ทะเลาะกับพ่อเรื่องทำวงดนตรี ก็เลยหนีเข้ามาในป่า หวัง ประชดไม่กลับบ้านสักอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่ดันหลงป่าซะเองจนมาเจอที่นี่เข้า”
“แล้วข้างในถ้ำล่ะ” หลวงพ่อสินถามต่อ
“ผมไม่เคยเข้าไปหรอกครับ เพราะถึงจะคึกคะนองยังไง ก็ยังไม่อยากเอาชีวิตเข้าไปทิ้งในนั้น ว่ากันว่ามันเป็นอีกโลกนึง เหมือนปากทางไปสู่นรกที่เข้าไปแล้วไม่ได้ออกมา”
ครูประสิทธิ์เล่ายังไม่ทันจบ หลวงพ่อสินก็เดินเข้าไปในถ้ำแล้ว
ครูประสิทธิ์รีบตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วง แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นหลวงพ่อสินเดินเข้าไ ป หยุดนิ่ง ที่หน้าองค์พระพุทธรูปในถ้ำที่สร้างจากศิลาแลง น่าเคารพศรัทธา
“ที่นี่ไม่ใช่ปากทางเข้านรกอย่างที่ร่ำลือกันหรอก”
ครูประสิทธิ์เข้าไปคุกเข่าไหว้พระพุทธรูป
“งดงามมากเลยครับหลวงพ่อ”
“บรรพบุรุษของบ้านผาปืนแตกที่อพยพมาตั้งรกร้างที่นี่ในช่วงนั้น คงใช้ที่นี่เป็นที่หลบภัย ในช่วง ที่มีการสู้รบ”
ครูประสิทธิ์มองอย่างแปลกใจ
“งั้นก็น่าแปลกนะครับ สถานที่ๆมีพระพุทธรูปน่าเคารพกราบไหว้แบบนี้ แต่กลับปล่อยให้ร่ำลือ จนน่ากลัว แล้วก็ถูกลืมไปจากประวัติศาสตร์กันหมด”
“ข้าว่าคงมีสาเหตุ”
หลวงพ่อพูดแล้วก็เดินไปที่หน้าองค์พระพุทธรูป ก่อนจะหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้นขึ้นมา พิจารณา ครูประสิทธิ์รับก้อนหินจากหลวงพ่อมาดู แล้วชะงักไป เมื่อเห็นความระยิบระยับของแร่ทองคำ ที่แทรก อยู่ในก้อนหิน
“ทองคำนี่ครับหลวงพ่อ”
“ใช่ แร่ทองคำบริสุทธิ์ที่นี่คือเหมืองทองขุมทรัพย์มหาศาลของหมู่บ้านผาปืนแตก งั้นข้ารู้แล้วว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงร่ำลือแบบนั้น”
“มันจะเป็นความลับกับผมไปจนวันตายครับ แต่ว่าแล้วภาพที่หลวงพ่อเห็นจนทำให้ดูเป็นกังวล คืออะไรเหรอครับ”
ครูประสิทธิ์ถามต่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ทางด้านลำดวนซึ่งหมดสติอยู่หน้าองค์พระศิลาแลงในถ้ำทอง ก็ค่อยๆรู้สึกตัวขึ้น พลางคว้าเสื้อผ้า ที่หลุดลุ่ยขึ้นปกคลุมร่างกาย ขณะที่ในใจรู้สึกตื่นตระหนกตกใจกลัว การเห็นพระพุทธรูปศิลาแลงโบราณทำให้คนบาปหนาอย่างเธอตกใจจนผงะ พลางรีบวิ่งออกจากถ้ำไปอย่างร้อนรน
“ภาพที่ข้าเห็น ข้าเห็นผีเสื้อสีดำตัวใหญ่บินอยู่ในถ้ำ และที่พื้นตรงหน้าองค์พระศิลาแลง ก็มีแต่ศพ คนตายนอนเกลื่อน ทองคำในถ้ำก็ไม่ใช่สีทองแต่เป็นสีเลือด”
หลวงพ่อสินตอบคำถามของครูประสิทธิ์ ในจังหวะเดียวกับที่ลำดวนวิ่งออกไปจากถ้ำ
ครูประสิทธิ์หน้าเครียด ขณะที่หลวงพ่อพูดต่อ
“ข้าเองก็รู้สึกไม่ค่อยดี กลัวจะมีคนไปเจอที่นั่นเข้า แล้วมันจะนำพาให้เกิดหายนะขึ้นกับคนที่นี่ เหมือนอย่างในภาพที่ข้าเห็น”
ทันใดนั้น เสียงบาตรตกพื้นดังขึ้นจากหน้าโบสถ์ หลวงพ่อกับประสิทธิ์สะดุ้งโหยง หันไปเห็น ไอ้ยอดเป็นคนทำบาตรตกเสียงดัง ครูประสิทธิ์รีบบอกให้ยอดเอาบาตรไปล้างใหม่ พลางหันมาคุยกับหลวงพ่อสินต่อ
“ผมว่าเราอย่าเพิ่งกังวลกันไปเลยดีกว่าครับ ที่นั่นไม่ใช่ที่ๆจะเข้าไปกันง่ายๆ ถ้าไม่รู้จักทาง ก็มีแต่ จะพลัดหลงอย่างเดียว”
“ข้าก็คิดอย่างนั้นแหละ และก็ขอให้ภาพที่ข้าเห็นมันเป็นความเข้าใจผิด”
ลำดวนเดินต่อไปอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็ล้มลง ระหว่างนั้นเชิดกับลูกน้องปราบถือปืนเดินเข้ามา เห็นลำดวนที่นอนอยู่ที่พื้น ลุกน้องตกใจไม่ทันสังเกตว่าเป็นใคร รู้แต่ได้รับคำสั่งให้ยิงแล้วยกปืนขึ้นเล็ง
“เจอแล้วครับพี่เชิด”
ลูกน้องแตะไกเตรียมยิง แต่กำนันปราบรีบเข้ามาร้องห้าม พลางรีบตรงไปจับพลิกตัวขึ้นมา พอเห็นเป็นลำดวนก็ตกใจ
เอื้อมเดือนนั่งอยู่ที่ลานซ้อมร้องเพลง ที่บ้านครูประสิทธิ์ พลางรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ ครู่หนึ่ง เพลิงก็ค่อยๆเดินก้าวเข้ามาในชุดเดียวกับเอลวิส เพลสลี่ แต่งจอนยาวสวมแว่นดำอันโต พลางทำเสียงทุ้มต่ำ เป็นจังหวะร็อก แล้วเต้นเขย่าขาในสไตล์ร็อก แอนด์โรล เอื้อมเดือนอมยิ้มกลั้นขำ แล้วดูเพลิงร้องเพลง ทั้งเขย่า ทั้งโยกมันสุดๆ
เพลิงเข้าไปจับมือเอื้อมเดือนให้ออกมาร็อกแอนด์โรลด้วยกัน ตอนแรกเอื้อมเดือนปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน
เอื้อมเดือนชูมือขึ้นแล้วดีดนิ้วตามจังหวะ 1..2..3 จากนั้นก็ใส่สเต็ปเต้น ร็อกแอนด์โรลสุดฤทธิ์ ทั้งโยกสะโพก ถกกระโปรงพลิ้วไปมา ทำเอาเพลิงที่ยืนดูอยู่ถึงกับอึ้ง
“ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยครับ หรือว่าเมื่อกี้นี้ผีอะไรเข้าสิงคุณหมอ”
เอื้อมเดือนทุบแขนเพลิงอย่างงอนๆเข้าไปหลายๆที
“สมัยฉันเรียนหนังสือ ฉันก็เปรี้ยวเหมือนกันนะ แต่ต้องแอบๆ เพราะพี่ชายฉันเขาไม่ชอบ”
“ผมเป็นพี่สมานผมก็ไม่ชอบเหมือนกันครับ สวยเก่งครบเครื่องแบบนี้ หวง ใครก็ห้ามมาแตะ เพราะผมรักของผมคนเดียว”
เพลิงยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเข้าไปดึงเอื้อมเดือนมากอดมาหอม ระหว่างนั้นยอดกับน้อยที่ไป ขนเครื่อง ดนตรีกับอุปกรณ์จัดแสดงออกมาเห็นเข้า ก็ตะโกนแซวอย่างสนุกปาก
“ทะลึ่งแล้วไอ้ยอด เกรงใจคุณหมอมั่ง อุปกรณ์จัดแสดงเตรียมเสร็จรึยัง”
“ข้ากับน้าน้อยเตรียมเสร็จตั้งนานแล้ว เหลือแต่เอ็งนี่แหละ”
เพลิงหันไปที่เอื้อมเดือน
“งั้นผมพร้อมช่วยงานคุณหมอแล้วครับ”
“ฉันไม่เห็นด้วยกับแผนการแบบนี้”
เชนบอกกับวัลภา ขณะที่ทั้งคู่อยู่ในคราบไอ้เสือกับนางสิงห์
“นายก็ไม่เห็นด้วยกับทุกอย่างที่ฉันคิดนั่นแหละ นี่แหละคือโอกาสที่นายอยากจะปกป้อง คนที่นายบอกว่าเป็นห่วงเขามากที่สุด แล้วที่สำคัญ นายกับฉันจะได้รู้ด้วยว่าเนื้อทองอยู่ฝ่ายไหนกันแน่”
เมื่อเห็นเชนยังนิ่ง วัลภาก็ยื่นคำขาด
“งั้นถ้านายไม่ลงมือ ฉันก็จะลงมือเอง นายไม่ต้องตามไป”
วัลภาจะเดินออกไป เชนคว้ามือวัลภาไว้
“ครั้งนี้ฉันจะเชื่อเธอ เป็นไงเป็นกัน”
ขณะที่ไอ้ตุ่นร้องโอดโอย เพราะเจ็บแผลที่โดนเชนยิงถากๆไปตั้งแต่เมื่อคืน
“อย่าสำออยหน่อยเลย” ชาติเริ่มรำคาญ “ข้าให้เอ็งไปสั่งสอนไอ้เชน แต่เอ็งกลับไม่รู้จักดูให้ดี ดันไปเล่นงานวัลภาคนเดียว”
“โธ่พี่ชาติ ถึงจะไม่ได้สั่งสอนไอ้เชนตรงๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้มันแสบๆ คันๆ ได้เหมือนกันนะครับ ท่าทางตอนมันเห็นวัลภาเกือบตาย ผมว่ามันคงดิ้นพราดๆเอาเรื่องอยู่”
ไอ้ตุ่นแก้ตัว ระหว่างนั้นชาติก็หันไปเห็นเนื้อทองกำลังจะออกจากบ้านพร้อมตระกร้าจ่ายของ
“จะออกไปไหนอีกเนื้อทอง”
เนื้อทองชะงัก “ฉันจะไปตลาด เธอไม่ต้องกลัวฉันไปหาเชนหรอก มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้น ขึ้นอีก”
ชาติจ้องหน้าเนื้อทองอย่างจับผิด
“แต่ฉันไม่ไว้ใจเธอ แล้วก็ไม่ไว้ใจไอ้เชนด้วย เพราะถ้ามันยังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง ฉันจะบุกไป เผาบ้านมัน ไม่ใช่แค่รมควันบ้านมันให้ตกใจเล่นแบบเมื่อคืน”
เนื้อทองไม่พอใจจะเดินออกไป ชาติตามไปคว้าข้อมือเอาไว้
“ก็ได้ ถ้าเธออยู่ในบ้านแล้วอึดอัดนัก ฉันจะออกไปกับเธอเอง เผื่อเจอไอ้เชนข้างนอก ฉันจะทำให้ มันเห็นว่า เมียฉันมันห้ามแตะ”
พูดจบ ก็กระชากมือพาเนื้อทองออกไปด้วยกัน
ชาติขับรถจี๊ปพาเนื้อทองวิ่งมาตามทาง ผ่านหน้าเชนในคราบของจอมโจรไอ้เสือ ที่จอด มอเตอร์ไซค์มาซุ่มรออยู่
หลังรถจี๊ปวิ่งผ่านหน้าไป ไอ้เสือเชนก็บิดมอเตอร์ไซค์ออกมาไล่ล่าตามหลังรถจี๊ป แล้วชักปืนยิงใส่
ชาติมองผ่านกระจกเห็นไอ้เสือไล่ยิงรถตัวเอง ก็พยายามยิงตอบโต้ แต่สุดท้ายกลับเสียหลัก ทำให้ต้องหัก พวงมาลัยออกข้างทางแล้วไปจอดนิ่ง
ชาติรีบลงจากรถแล้วยิงใส่ไอ้เสือที่ยังตามมา พลางหันไปสั่งเนื้อทอง
“หลบไปก่อนเนื้อทอง”
เนื้อทองตกใจวิ่งหนีเสียงปืนเข้ามาหลบที่โรงเลื่อยในอาการตื่นตกใจ ระหว่างนั้นวัลภาในคราบ ของนางสิงห์วัลภาก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกปืนจ่อไปที่เธอ เนื้อทองหันมาเห็นก็ตกใจ
ที่หน้าสุขศาลา ติ๋มกับน้อย และยอด กำลังช่วยกันตะโกนเรียกให้ชาวบ้านเข้ามาดูการแสดง ซึ่ง จัดขึ้นแบบเล็กๆ เวทียกสูงนิดๆ ประดับประดาด้วยผ้าแพรและลูกโป่ง
ครู่หนึ่งชาวบ้านทั้งลูกเด็กเล็กแดงพากันเข้าไปจับจองที่นั่งที่เวที ท่ามกลางภาพบรรยากาศ ที่ดูสนุกสนาน
เพลิงกับเอื้อมเดือน ที่อยู่ข้างเวที เห็นชาวบ้านมานั่งรอดูกันเต็ม ก็ยิ้มภูมิใจ
“แผนเรียกชาวบ้านให้เข้ามาเรียนรู้เรื่องสุขอนามัยของคุณหมอท่าทางจะได้ผลนะครับ”
“จะได้ผลรึเปล่าก็อยู่ที่เธอด้วยนะเพลิง ถ้าเธอทำให้พวกชาวบ้านเขาสนุก เขามีความสุข การให้ ความรู้กับพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว”
“จะเวทีเล็กเวทีใหญ่ไอ้เพลิงไม่เกี่ยง เพราะดนตรีมันอยู่ในสายเลือดของผม แค่ทำให้ชาวบ้าน ได้มีรอยยิ้ม ทำให้คุณหมอมีความสุข สิบนิ้วของไอ้เพลิง พญาไฟก็พร้อมรับใช้ครับ”
เพลิงพนมมือสิบนิ้วแล้วส่ายหัวก้มลงกราบ เอื้อมเดือนยิ้มขำ ครู่หนึ่งยอดก็เดินเข้ามา
“ไอ้เพลิง ได้เวลาแล้ว”
บรรยากาศการแสดงเริ่มต้นขึ้น ยอดที่รับหน้าที่พิธีกรจำเป็น รีบขึ้นเวทีแนะนำตัวนักร้องอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านผาปืนแตกที่รักทุกท่าน วันนี้วงดนตรีพราวฟ้ามีความภาคภูมิใจ แนะนำนักร้องคนใหม่ ขวัญใจคุณหมอ..เอ้ย..ขวัญใจชาวบ้านผาปืนแตก ทุกคน เสียงของเขาจะทำให้พี่น้อง ทุกคนหลงรักหรือเปล่า ขอให้พี่น้องเป็นคนตัดสิน ขอแนะนำให้รู้จักกับเพลิง พญาไฟ”
เพลิงแต่งชุดเอลวิสขึ้นมา นักดนตรีเล่นเพลงเปิดตัวเป็นท่อนอินโทรเพลงเอลวิส ก่อนที่จะเปลี่ยน ทำนองมาเล่นเพลงลูกทุ่งจังหวะสนุกสนาน
เพลิงทั้งร้อง ทั้งเต้นสนุกอย่างเต็มที่ ทำเอาพวกชาวบ้านคึกคัก และลุกขึ้นเต้นไปด้วย
ทางดานผู้กองสมาน ที่ร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นมาบ้าง แต่ยังคงมีผ้าปิดตาไว้ข้างหนึ่ง กำลังลองยิงปืนดู แต่เพราะร่างกายที่ถูกซ้อมถูกทรมานมานานทำให้มือของเขาสั่น พลางพยายามจะควบคุมกล้ามเนื้อ มือให้มั่นคงเพื่อจะยิงปืนอีกครั้ง แต่เขาควบคุมมันไม่ได้อย่างใจ จนรู้สึกหงุดหงิด “พอเถอะครับผู้กอง” จ่าลูกน้องเข้ามาเห็น ก็ร้องห้าม ”สภาพตอนนี้ถึงหมอจะบอกว่า ผู้กอง ฟื้นตัวเร็วมาก แต่ผลจากการที่โดนพวกมันเล่นงานไป ยังไงผู้กองก็คงไม่เหมือนเดิม”
“แต่ผมต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ยังมีพวกชั่วๆเลวๆอีกเยอะที่ผมต้องตามไปลากคอ มันอีก”
แววตาของผู้กองสมานมุ่งมั่น
“ผมว่าผู้กองอย่าพยายามฝืนเลยครับ ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผู้กองเป็นคนหัวใจสู้ ยังไงก็ต้องกลับมาลุยได้อีกเหมือนเดิมแน่”
ผู้กองสมานถอนหายใจ
“ผมไม่ได้ต้องการแค่สู้เพื่อตัวผมเองเท่านั้นนะจ่า แต่ผมไม่อยากกลับไปในสภาพนี้ให้น้องสาวผม เวทนาสงสาร เพราะหน้าที่ของผมคือดูแลเดือนไม่ใช่ให้เดือนมาดูแลผม”
“ครับผมเข้าใจ ผู้กองรักและหวงน้องสาวมาตลอด” พูดพลางก็นึกขึ้นได้ “ผมส่งโทรเลขด่วนไป ให้คุณหมอที่ผาปืนแตกแล้วนะครับ คิดว่าน่าจะถึงที่นั่นแล้ว ถ้าคุณหมอรู้ว่าผู้กองยังมีชีวิตอยู่ ผมว่าคุณหมอต้อง รีบทิ้งงานที่ผาปืนแตก แล้วกลับไปรอพบกับผู้กองที่กรุงเทพฯแน่นอนเลยครับ”
ผู้กองสมานยิ้มรับ
“ฉันก็อยากเจอน้องสาวฉันใจจะขาด ถ้าเธอจะทิ้งงานที่นั่นแล้วกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ กับฉัน เจ็บตัวครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้ม”
ยอดเดินหนีติ๋ม ที่ทำท่าก้อร่อก้อติก มาที่หน้าสุขศาลา บังเอิญชนเข้ากับบุรุษไปรษณีย์ ที่เพิ่ง เดินเข้ามา จนจดหมายในมือหล่นกระจายเต็มพื้น พลางรีบช่วยบุรุษไปรษณีย์เก็บจดหมายขึ้นจากพื้น รวมเป็น ปึกให้
“นี่โทรเลขด่วนของคุณหมอ ผมฝากให้คุณเอาไปให้คุณหมอได้มั้ย”
ยอดรับโทรเลขจากบุรุษไปรษณีย์ ก่อนจะดูที่ซองโทรเลขซึ่งจ่าหน้าถึง เอื้อมเดือน แสงธรรม แต่พอพลิกมาดูชื่อผู้ส่ง ยอดก็ชะงักเพราะเป็นชื่อของ สมาน แสงธรรม
“โทรเลขจากพี่ชายคุณหมอ ?”
ยอดรีบถือซองโทรเลขแอบมาหลบอ่านที่ด้านหลังสุขศาลา พออ่านเสร็จก็หน้าเสีย “ชิบหายแล้วไอ้เพลิง ผู้กองยังไม่ตาย นี่ถ้าคุณหมอรู้เข้า เขาได้ทิ้งเอ็งกลับไปหาพี่ชายแน่ แล้วถ้าไอ้ผู้กองรู้ว่าเอ็งได้เสียกับคุณหมอแล้วล่ะก็ ตายๆแน่ไอ้เพลิง”
ยอดหน้าเครียด พลางรีบฉีกโทรเลขเป็นชิ้นๆ ระหว่างนั้นเสียงเพลิงดังเข้ามา
“เฮ้ย หลบมาทำอะไรแถวนี้วะไอ้ยอด”
ยอดที่กลัวเพลิงเห็นโทรเลข เลยเอากลืนลงคอ จนพูดไม่ออก
“เป็นอะไรของเอ็งวะ อะไรติดคอ”
เพลิงหันรีหันขวางเห็นกระติกน้ำอยู่ใกล้ๆเลยเอามารินน้ำให้ยอดกิน จนยอดกลืนกระดาษ โทรเลขลงคอจนหมด
“สันดานชอบแอบฉกของเอ็ง เลยเกือบทำให้เอ็งติดคอตาย มันน่าปล่อยให้โดนกรรมลงโทษ”
เพลิงสมน้ำหน้าเพื่อน เพราะนึกว่ายอดมาแอบกินอะไรมูมมาม“เอ็งไม่ต้องซ้ำเติมข้า เดี๋ยวข้าตามไปช่วยงาน ไปสิวะ เดี๋ยวตามไป”
เพลิงเดินกลับทางเดิม ยอดมองตามเพื่อนสีหน้าหนักใจ
“ขอโทษด้วยนะครับคุณหมอ ผมไม่อยากเห็นอนาคตของเพื่อนผมต้องกลับไปโดนผู้กองไล่ล่า อย่างไม่เป็นธรรมอีก”
รถจี๊ปของลายเสือจอดอยู่ในป่า มีทหารที่เหลือรอดจากการถูกตีค่ายแตกกลุ่มหนึ่ง เฝ้าอยู่ พร้อม อาวุธครบมือ
ลายเสือเดินไปเดินมาท่าทางหงุดหงิด ระหว่างนั้นไอ้คมก็เข้ามารายงาน “ผมติดต่อไปทุกเครือข่ายที่เคยร่วมมือ เคยค้าขายกับเรา แต่ว่า”
ลายเสือกระชากคอเสื้อไอ้คม
“แต่ว่าอะไร อย่าบอกนะว่าไม่มีใครยอมให้ข้ายืมกำลังคนของพวกมันมาแก้แค้นให้ข้าเลยสักคน”
ไอ้คมพยักหน้า
“ครับนาย แถมผมยังได้ข่าวมาอีกว่า ไร่ฝิ่นของเราโดนพวกทหารไทยมันเผาเรียบ แม้แต่ ไร่ที่ซ่อน เอาไว้มิดชิดที่สุด พวกมันก็สืบจนรู้”
ฟ้าลั่น ที่เดินเข้ามาสมทบ พูดแทรกขึ้นมา “งั้นก็หมายความว่า เราไม่มีที่ให้หนีไปตั้งหลักเพื่อแก้แค้นได้อีกแล้วเหรอพ่อ”
“ไอ้ฟ้าลั่น พ่อสั่งให้เอ็งพักอยู่เฉยๆไง ตอนนี้อาการเอ็งยังไม่น่าไว้ใจนะ”
ฟ้าลั่นหน้าเครียด
“แต่จะให้ฉันอยู่เฉยอีกนานเท่าไหร่ล่ะพ่อ จะรอให้พวกมันมาตามล่าฉันเหรอ”
“ข้ากำลังคิดหาทางอยู่เว้ย ไอ้ก้าน พาฟ้าลั่นกลับไปพัก”
ไอ้ก้านรับคำ พลางจะพยุงพาฟ้าลั่นกลับไป แต่อยู่ๆฟ้าลั่นก็ทรุดฮวบลงไป
ไอ้ก้านกับไอ้คมช่วยกันพยุงฟ้าลั่น ที่อาการไม่ค่อยน่าไว้ใจเข้ามานอนพักที่ใต้ต้นไม้ “ท่าทางแผลจะติดเชื้อนะครับนาย สภาพแบบนี้ถ้าไม่รีบหาหมอมารักษา ผมว่าคุณฟ้าลั่น ไม่รอด แน่”
ไอ้คมพูดด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ไอ้ก้านออกความคิด
“ย้อนกลับไปพาคุณฟ้าลั่นข้ามฝั่งไปให้หมอรักษามั้ยครับนาย”
ลายเสือกระชากคอเสื้อไอ้ก้าน พลางตะคอกใส่
“ย้อนกลับไปให้พวกมันลากคอเข้าคุกเหรอไง หา ไอ้โง่”
พลางหันไปมองฟ้าลั่นที่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บ แล้วตัดสินใจ“พวกเอ็งออกไปก่อน ข้าจะอยู่กับลูกข้าเอง”
ไอ้ก้านกับไอ้คมมองหน้ากันอย่างแปลกใจ แต่ก็ยอมทำตาม ทิ้งให้ลายเสืออยู่กับฟ้าลั่นตามลำพัง
ลายเสือมองลูกชายที่กำลังอาการน่าเป็นห่วงอย่างครุ่นคิดก่อนจะชักปืนออกมาจากเอว
ลายเสือจ่อปืนไปที่ฟ้าลั่นซึ่งนอนตาปรือมองภาพพ่อจ่อปืนมาไม่ชัด
“พ่อ พ่อจะทำอะไรฉัน”
ยเสือมองฟ้าลั่นอย่างหนักใจ
“ฟ้าลั่น ข้าไม่อยากทำอย่างนี้ ยังไงเอ็งก็ลูกชายข้า แต่ถ้าปล่อยเอ็งไว้ในสภาพนี้ ทั้งเอ็งทั้งข้า คงจะไม่มีทางได้แก้แค้นพวกมัน”
ลายเสือนิ้วแตะไกเตรียมจะยิง ฟ้าลั่นพยายามจะขยับตัวแต่ไปไหนไกลไม่ได้
ระหว่างนั้นไอ้คมกับไอ้ก้าน ก็รีบวิ่งกลับเข้ามาด้านใน พร้อมกับเสียงปืนดัง มันทั้งคู่ถึงกับชะงักกึก แท้จริงแล้วลายเสือยิงปืนขึ้นฟ้า ไม่ได้ยิงฟ้าลั่นทิ้งอย่างที่ตั้งใจ ก่อนจะหันมาที่ลูกน้อง
“ยังไงมันก็เป็นลูกพยัคฆ์ ถ้ามันจะตายมันก็ต้องตายอย่างชาติพยัคฆ์ไม่ใช่ตายอย่างหมา ข้างถนน ไอ้คม เอ็งเอามอร์ฟีนคอยฉีดให้ฟ้าลั่นทนเจ็บไปก่อน มีเท่าไหร่ใช้ให้หมด จนกว่าข้าจะพาลูกชายข้าไปถึง ผาปืนแตก”
ไอ้คมรับคำ แล้วเดินออกไป ขณะที่ไอ้ก้านสงสัย
“ผาปืนแตก ที่ไหนเหรอครับนาย ทำไมเราต้องพาคุณฟ้าลั่นไปที่นั่นด้วย”
ลายเสือไม่ตอบ แต่กลับยิ้มร้าย แววตาดูน่ากลัว
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ชาติกับไอ้เสือเชน ต่างก็สาดกระสุนใส่กันไม่ยั้ ง แต่ก็โดนแต่ต้นไม้ จนเมื่อวิ่งไล่ล่ากันมาตามทาง เรื่อยจนมาหยุดที่สุดทางซึ่งไม่มีต้นไม้ขวางอยู่ ทั้งคู่ต่างก็ยกปืนจ่อ และลั่นไกใส่พร้อมๆ กัน แต่ทว่า กระสุน หมดทั้งคู่
ไอ้เสือเชนจ้องหน้าชาติเขม็ง ก่อนที่จะค่อยๆ เหน็บปืนเขี้ยวพยัคฆ์ข้างเอวแล้วชูมือขึ้นตั้งการ์ด เป็นเชิงชวนให้ต่อสู้ด้วยมือเปล่า ชาติพยักหน้า พร้อมเหน็บปืนคืนที่เอว แต่ไม่ได้ยกกำปั้นขึ้นมาสู้มือเปล่า กลับเล่นขี้โกง ด้วยการชักมีดพกออกมาควงพร้อมยิ้มร้าย
“สันดานขี้โกง มันต้องโดนสั่งสอน”
ชาติไม่ฟังเสียง รีบปรี่เข้าไปไล่ฟันใส่ไม่หยุด ไอ้เสือเชนฉากถอยหลบอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะ สวนกลับไปตอบโต้ด้วยเชิงมวย และที่สุดก็กระโดดหมุนตัว ตวัดปลายเท้าเข้ากลางอก จนชาติกระเด็นไปกระแทก ต้นไม้จุกเจ็บลงไปกับพื้น
ชาติร้องเจ็บใจแล้วลุกขึ้นมาจะสู้ต่อ แต่ไอ้เสือเชน กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เนื้อทองถูกนางสิงห์ใช้ปืนจี้ให้เดินเข้ามาในโรงเลื่อย พลางพยายามถอดแหวนทองที่นิ้วออก เพราะคิดว่านางสิงห์วัลภาจะปล้นทรพย์ ระหว่างนั้นไอ้เสือเชน ก็เดินเข้ามาสมทบ เป็นจังหวะที่เธอถอดแหวนทอง ออกจากนิ้ว แล้วโยนไปที่พื้นตกลงตรงเท้าพอดี ไอ้เสือเชนก้มลงไปหยิบแหวนทองขึ้นมา ขณะที่เนื้อทองน้ำตาไหล คุกเข่าพนมมือขอร้อง
“อย่าฆ่าฉันเลยนะ ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้ ฉันขอร้องล่ะ”
“เรื่องสำคัญที่เธอต้องทำคืออะไรเหรอเนื้อทอง” ไอ้เสือเชนย้อนถาม
“ฉันบอกไม่ได้ แต่มันคือสิ่งเดียวในชีวิตที่ฉันต้องทำให้ได้ มันจะเป็นการปลดปล่อยให้ฉันพ้นจาก ความรู้สึกผิด ฉันขอร้องนะ ไอ้เสือ นางสิงห์ ไว้ชีวิตฉันเถอะ”
นางสิงห์เดินเข้ามายืนคู่กับไอ้เสือแล้วมองเนื้อทองด้วยสายตาเวทนาสงสาร
“พวกเราไม่ฆ่าเธอหรอกเนื้อทอง เราแค่มีเรื่องอยากให้เธอช่วย”
วัลภาพูดพร้อมกับดึงผ้าคาดหน้าออกเผยใบหน้าที่แท้จริง เนื้อทองถึงกับอึ้ง
“วัลภา นี่เธอคือนางสิงห์เหรอ”
“ใช่ ฉันคือจอมโจรนางสิงห์ ส่วนจอมโจรไอ้เสือก็คือ”
วัลภาหันไปมอง เชนจึงดึงผ้าคาดหน้าออก
“เชน”
วัลภาประคองเนื้อทองให้มานั่งอีกมุมหนึ่งของโรงเลื่อย
ฉันต้องขอโทษด้วยนะเนื้อทอง ฉันไม่อยากทำให้เธอต้องตกใจ แต่ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะไม่ ต้องการให้ชาติ รู้ว่าฉันกับเชนได้คุยเรื่องสำคัญกับเธอ”
เชนเข้ามายื่นแหวนทองคืนให้
“แหวนทองของเธอวงนี้ ฉันจำได้ว่าเธอต้องทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด กว่าจะหาเงินมาซื้อ ของมีค่าให้รางวัลตัวเองได้”
เนื้อทองนิ่งมองเชน น้ำตาคลอๆ เชนจับมือเนื้อทองขึ้นมา แล้ววางแหวนคืนให้บนฝ่ามือของเธอ
“ที่ฉันต้องมาเป็นแบบนี้ เพราะมันคือทางเดียวที่ฉันจะใช้ตอบโต้เล่นงาน สั่งสอนให้พวกมันรู้ว่า ทุกชีวิตในผาปืนแตก ไม่ได้อยู่ใต้ฝ่าเท้าพวกมันไปซะหมด มันควรถึงเวลาที่จะต้องมีใครสักคนลุกขึ้นมาเป็นคู่ปรับ และพร้อมสู้จนกว่าจะทำให้ผาปืนแตกกลายเป็นสวรรค์มากกว่านรกบนดิน”
เมื่อเชนพูดจบ วัลภาก็พูดขึ้นมาบ้าง
“ที่ฉันเห็นด้วยกับเชน เพราะฉันอยากปลดปล่อยแม่ของฉันจากกำนันปราบ เธออยู่ในบ้านนั้น เธอก็คงรู้ดีว่าพวกมันเลวขนาดไหน”
เนื้อทองพยักหน้ารับ
“ฉันนับถือหัวใจกล้าต่อสู้ไม่ยอมแพ้ของเธอจริงๆเลยวัลภา แบบนี้สิเธอถึงเหมาะกับเชนที่สุด”
เชนกับวัลภาชะงักมองหน้ากัน เนื้อทองเห็นท่าทาง และแววตาก็รู้สึกได้ว่าทั้งคู่ มีบางอย่างในใจ แต่ไม่แสดงออก
วัลภารีบเปลี่ยนเรื่อง
“เนื้อทองจ๊ะ ฉันว่าเรามาคุยกันเรื่องธุระสำคัญที่ฉันกับเชนอยากขอร้องให้เธอช่วยเหลือดีกว่า ก่อนที่ชาติจะเริ่มสงสัยว่าเธอหายไปไหน”
ชาติเดินกลับเข้ามาทองหาเนื้อทอง ที่รถที่จอดอยู่ข้างถนน แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ขณะที่เนื้อทอง เมื่อรู้ความต้องการของวัลภากับเชน ก็ตกใจ
“เธออยากให้ฉันสืบเรื่องโรงงานบรรจุเฮโรอีนของพวกนั้นเหรอ”
เชนพยักหน้า “ใช่แล้วเนื้อทอง ฉันได้ข้อมูลมาเกี่ยวกับโรงงานลับที่พวกนั้นใช้เป็นที่บรรจุ เฮโรอีนเพื่อส่งขาย แต่ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”
วัลภาช่วยเสริม
“วิธีการต่อสู้ของพวกเราคือการตัดแขนตัดขาธุรกิจของพวกมัน ทำให้มันรู้ว่ามันจะต้องอยู่อย่าง ลำบาก และเป็นการช่วยเหลือคนที่ต้องกลายเป็นทาสของพวกมันด้วย”
เนื้อทองถอนหายใจ พลางบอกว่าตัวเธอเองก็ไม่เคยได้ยินกำนันปราบกับชาติพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ที่มันไม่พูดเพราะมันระวังเรื่องนี้มาก ฉันคิดว่าถ้าจัดการทำลายโรงงานนี้ได้ ก็เท่ากับตัด เส้นเลือดใหญ่ของพวกมันได้เลย”
เชนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เนื้อทอง เธอเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดพวกนั้นมากที่สุด ฉันกับเชนถึงตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือ จากเธอ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่า ถ้าบอกความจริงเรื่องนี้ให้เธอรู้แล้ว เธอจะเลือกอยู่ฝั่งไหน”
เนื้อทองมองหน้าวัลภา
“วัลภาจ๊ะ ที่ฉันขอร้องไม่ให้ไอ้เสือกับนางสิงห์ฆ่าฉัน เพราะว่าฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ได้ ก่อนตายน่ะ เธออยากรู้มั้ยว่าอะไร”
วัลภาพยักหน้า เนื้อทองลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วพูดด้วยแววตามุ่งมั่น “ฉันสาบานกับตัวเองไว้ ว่าฉันจะพยายามอดทน ยอมให้ชาติข่มเหงทำร้ายฉันให้ได้ เพราะเมื่อถึง วันนึง วันที่โอกาสของฉันมาถึง ฉันจะเป็นคนลงมือฆ่าเขาด้วยตัวฉันเอง”
เชนได้ฟังแล้วถึงกับตกใจ
“ผมกับพวกไปหาทางนั้นมาไม่เจอเลยครับพี่ชาติ”
ไอ้ตุ่นกลับมารายงานชาติ หลังจากที่แยกย้ายกันไปตามหาเนื้อทอง
“ไม่เจอไม่ได้ พวกแกต้องไปตามหาเมียข้าให้เจอ”
ชาติกรามแน่น ด้วยความเจ็บใจ
“ไอ้เสือถ้าเอ็งทำร้ายเมียข้าล่ะก็”
“ฉันไม่ให้เธอทำแบบนั้นเด็ดขาดนะเนื้อทอง ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอ มือจะต้องไม่เปื้อนเลือด”
เชนเตือนสติเนื้อทองด้วยความเป็นห่วง แต่เนื้อทองยืนยัน
“เธอห้ามฉันไม่ได้หรอกเชน มันคือความตั้งใจที่ฉันสาบานกับตัวเองไว้”
เชนมองหน้าเนื้อทอง
“แต่ฉันจะเป็นคนลงมือเอง มันจะต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่มันทำไว้กับเธอ”
“เธอไม่ใช่ฉันนะเชน เธอไม่รู้หรอกว่าฉันต้องเจ็บมากแค่ไหน แล้วอีกอย่าง เธอมีวัลภาเป็นคู่ชีวิต อยู่แล้ว อนาคตของเธอสำคัญกว่าฉัน”
เนื้อทองไม่สนใจคำทักท้วงของเชน พลางเดินเข้าไปจับมือวัลภามาบีบแน่นให้สัญญา
“ฉันตกลงจ้ะวัลภา ฉันจะพยายามสืบเรื่องที่เธอต้องการรู้ให้ได้ รวมทั้งต่อๆไปด้วย ถ้าไอ้สือกับ นางสิงห์ อยากให้ฉันช่วยอะไร ฉันจะช่วยอย่างเต็มที่”
ลูกน้องของชาติ ที่แยกย้ายกันตามหาเนื้อทองตะโกนลั่นด้วยความดีใจ รีบวิ่งออกมาร้องเรียก
“เจอแล้ว เจอแล้ว”
ชาติได้ยินเสียง ก็รีบปรี่เข้ามา เห็นเนื้อทองนั่งกลัวตัวสั่นน้ำตาคลอเบ้า พอเจอชาติก็รีบโผเข้าไป “ชาติ ช่วยฉันด้วย ฉันกลัว”
ชาติกอดเนื้อทองปลอบใจแน่น
ยอดเดินถือไหเหล้า เดินเข้ามาเรียกเพลิงที่หน้ากระท่อม แต่เพลิงที่ได้ยินเสียงเรียกก่อน แกล้งพาเอื้อมเดือนไปหลบ
“ไอ้เพลิง ไอ้เพลิงเว้ย หายไปไหนวะ มันก็ไม่ได้ไปไหนนี่หว่า ยังเห็นอยู่หลัดๆ ว่าจะชวนก๊งกัน ซะหน่อย ฉลองที่เอ็งร้องเพลงถูกใจชาวบ้าน ดันหายหัวไปซะนี่”
ยอดถอนใจเซ็งแล้วจะเดินออกไป แต่เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงจาม ขณะที่เพลิงรีบบอกให้เอื้อมเดือน ที่เป็นคนจาม เบาเสียงลง
“ชู่ววว์เบาๆ สิครับคุณหมอเวลาไอ้ยอดชวนผมก๊งเหล้ากับมัน ยันสว่างไม่ได้อยู่กับคุณหมอแน่ๆ”
ยอดที่อยู่ข้างนอกบ้าน พอจะเดาได้ เลยยิ้มอย่างเข้าใจ แล้วเดินออกไป เพลิงค่อยๆโผล่ออกมา จากบ้านพัก มองตามยอดที่เดินไปแล้ว จากนั้นก็หันมายิ้มให้เอื้อมเดือนอย่างมีความสุขพลางมองกล่องของขวัญ เล็กๆ ในมือ ที่เอื้อมเดือนเพิ่งมอบให้แทนคำขอบคุณ
เพลิงแกะห่อของขวัญแล้วเปิดออกมาเป็นสร้อยคอที่เป็นล็อกเก็ตเงิน พอเปิดออกมา ก็เห็นภาพ ถ่ายของเอื้อมเดือนส่งยิ้มสวยงามให้ เพลิงยิ้มอย่างชอบใจ
ยอดเดินคุยกับเอื้อมเดือนมาตามทางเดิน
“เมื่อเช้านี้ผมเจอมันที่วัด ผมเห็นมันใส่สร้อยล็อกเก็ตที่คุณหมอซื้อให้ ผมบอกแล้วว่า มัน ต้องชอบ”
เอื้อมเดือนยิ้มดีใจ“งั้นฉันก็ต้องขอบใจยอดมานะที่ช่วยแนะนำให้ฉันหาซื้อของขวัญที่ทำให้เพลิงเขาชอบ แต่ว่า มันจะไม่ทำให้เพลิงเขารู้สึกคิดถึงเรื่องของคนรักเก่าของเขาเหรอ”
“คุณหมออย่ากังวลไปเลยครับ จนถึงวันนี้ผมบอกได้เลยว่า คุณหมอมอบชีวิตใหม่ให้ไอ้เพลิง ไปแล้ว อดีตที่เจ็บปวดของมันได้ถูกฝังเอาไว้ไม่มีวันรื้อฟื้นขึ้นมาอีกแน่”
ระหว่างนั้นยอดเห็นบุรุษไปรษณีย์คนเดิมเดินเข้ามา ก็เป็นกังวลขึ้นมาทันที “เป็นอะไรไปเหรอยอด”
“เปล่าครับ ผมไม่รบกวนคุณหมอแล้วดีกว่า เชิญคุณหมอไปตรวจคนไข้เถอะครับ”
ยอดเปิดทางให้เอื้อมเดือนเดินเข้าไปข้างใน แล้วพยายามใช้ตัวบัง ไม่ให้เอื้อมเดือนเห็นบุรุษ ไปรษณีย์
ผู้กองสมาน ที่อาการเกือบเป็นปกติ ยกเว้นที่ตายังคงมีผ้าคาดปิดดวงตาที่บอดเอาไว้ เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับจ่าลูกน้อง ที่ทำหน้าครุ่นคิด จนผู้กองสมานสงสัย
“เป็นอะไรไปน่ะจ่า”
“ผมกำลังสงสัยน่ะครับ ว่าทำไมคุณหมอถึงยังไม่ตอบกลับโทรเลขมาซะที”
ผู้กองสมานพยักหน้า
“นั่นสิ ถ้าเดือนรู้ข่าวว่าฉันรอดตายมาได้ ป่านนี้เดือนก็น่าจะส่งข่าวมา หรือไม่ก็ต้องมารอพบฉันที่นี่แล้ว “
“ผมว่า คุณหมออาจจะกำลังรีบเดินทางมา เลยไม่ได้ตอบโทรเลข”
“ก็เป็นไปได้ ถ้าเดือนกลับมาเมื่อไหร่ คราวนี้ฉันจะสั่งห้ามไม่ให้กลับไปทำงานที่หมู่บ้านไกลปืน เที่ยงแบบนั้นอีก ผาปืนแตก แค่ชื่อฟังดูก็ไม่น่าอยู่แล้ว”
“ใช่ครับ งั้นผมไม่รบกวนผู้กองแล้วดีกว่า ขอตัวนะครับ”
จ่ายกมือไหว้ผู้กองแล้วเดินเลี่ยงออกมา แต่หยุดที่ประตูแล้วหันกลับมามองด้วยใบหน้าเคร่ง เครียด หนักใจกับบางเรื่องที่พยายามปกปิดผู้กองอยู่
ผู้กองสมานเป่าฝุ่นที่จับหนาเตอะออกแล้วใช้ไม้ปัดฝุ่นทำความสะอาด ก่อนจะหยิบภาพถ่าย ของตัวเองกับน้องสาวขึ้นมามอง ระหว่างนั้นวิทยุกำลังรายงานสถานการณ์ของตำรวจ ที่ประกาศขอกำลังเสริม เพราะกำลังมีเหตุคนร้ายหนีการจับกุมแล้วยิงเจ้าหน้าที่ตายไป 2 ศพ ผู้กองสมานรีบคว้าวิทยุขึ้นมา แล้วนิ่ว หน้าครุ่นคิด
จากนั้นผู้กองสมานก็ออกมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้าน และตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการ ต่อสู้ออกมา ขณะที่คนร้ายจะยิงใส่ตัวประกัน ผู้กองสมาน ก็กระโจนออกมาจากที่หลบ พลางยิงใส่มือมันทันที
ปืนในมือคนร้ายกระเด็น จากนั้นผู้กองสมาน ก็เดินเข้าไปจ่อปืนให้มันยอม
“แกหนีไม่รอดแล้ว ยอมแพ้ได้แล้ว”
“ข้าไม่ยอมให้จับง่ายๆหรอกเว้ย ข้าต้องเอาเงินกลับไปหาลูกข้า”
คนร้ายล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ผู้กองสมานคิดว่ามันกำลังจะล้วงปืน เลยลั่นไกใส่ทันที กระสุน เจาะเข้ากลางอก จนคนร้ายแน่นิ่งตายคาที่ ระหว่างนั้นจ่ากับตำรวจคนอื่นๆพากันเข้ามา
ผู้กองสมานเข้าไปที่ร่างของมันซึ่งมือยังซุกอยู่ในอกเสื้อ พลางจ่อปืนอย่างระวัง แล้วดึงมือมัน ออกมา ในมือของมันไม่มีปืน มีแค่เพียงรูปถ่ายของมันกับเด็กชาย ซึ่งน่าจะเป็นลูกชายของมัน
ผู้กองสมานเห็นเข้าก็ชะงักอึ้งไป
“จริงเหรอจ๊ะพี่เพลิง ชาวบ้านถึงกับเรียกร้องอยากให้พี่เพลิงขึ้นแสดงอีกเหรอ”
วัลภาพลอยตื่นเต้นไปด้วย เมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเพลิง กับน้อย
น้อยหน้าบาน
“ก็ใช่สิจ๊ะวัลภา นี่แค่ลองเปิดตัวงานเล็กๆนะ แต่ก็ยังปากต่อปาก สะพัดไปทั้งหมู่บ้านว่า วงเรามี สุดยอดนักร้องเสียงเขย่าเขาพระสุเมรุมาแจ้งเกิดแล้ว”
เพลิงยิ้มเขิน
“พี่น้อยก็ขายผมเกินไป ถึงจะเคยมีประสบการณ์แต่ก็ยังหน้าใหม่สำหรับคนที่นี่”
“ข้าไม่ได้มาโม้ให้เอ็งตัวลอยซะหน่อย ครูกับไอ้เชนก็รู้แล้ว เมื่อกี๊ข้าเห็นนั่งจดคิวงานที่ติดต่อกัน เข้ามาเพียบเลย เพราะฝีมือเอ็งล้วนๆ”
“งั้นพนันกันได้เลยว่าพี่เพลิงจะต้องกลับมาดังอีกแน่นอน” วัลภาพูดด้วยความยินดี “ขอบใจนะวัลภาที่กำลังใจพี่ มีงานมีเงินเข้ามา พี่จะได้ทำความฝันของพี่…”
“งั้นไม่ต้องรอแล้วล่ะจ้ะพี่เพลิง อนาคตพี่สดใสเห็นๆ รีบๆไปขอคุณหมอแต่งงานเลย”
วัลภารีบยุ น้อยพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าเห็นด้วยนะไอ้เพลิง ของแบบนี้อย่ารอเลย รีบชิงแต่งซะก่อน เผื่อคุณหมอเจอคนที่หล่อกว่า เอ็ง คุณหมอเขาจะเปลี่ยนใจ”
จากนั้นเพลิงก็ขอลาซ้อม พลางดึงน้อยมาหอมแก้ม ทำเอาน้อยเขินหน้าแดง แต่พอจะจะดึง วัลภาเข้ามากอด เสียงเชนเข้ามาขัดจังหวะ
“หยุดเลยพี่บึ้ก จะดีใจอะไรนักหนา นั่นมันเมียฉัน”
“พี่ขอโทษทีไอ้น้องชาย พี่ชายดีใจ ก็ต้องกอดน้องสาวให้ชื่นใจหน่อย”
เพลิงดึงวัลภามากอดแล้วหอมแก้มฟอดหนึ่งโดยไม่สนใจ
วัลภานั่งอยู่ตามลำพัง พลางคิดถึงวันก่อนที่เนื้อทองกระซิบบอกบางอย่างกับเธอ
“เพราะรู้จักเชนมาทั้งชีวิตและเฝ้าดูพวกเธอมาตลอด ฉันถึงกล้าเอาชีวิตมาเดิมพันด้วย และมั่นใจ ว่าเชนรักเธอนะวัลภา รักมากว่าที่เขารักฉันด้วย เขาถึงอยากเปลี่ยนนรกในผาปืนแตก เพื่อให้เป็นสวรรค์สำหรับ เธอ”
ขณะที่เนื้อทองยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างในห้องนอน พลางสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จนกระทั่งชาติ เปิดประตูเข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง หายตกใจกลัวรึยังเนื้อทอง”
เนื้อทองนิ่งไปครู่ก่อนจะปรี่เข้าไปสวมกอดชาติ
“ฉันยังไม่หายตกใจเลยชาติ พวกมันน่ากลัวมาก ยิ่งนึกถึงฉันยิ่งกลัว”
“เป็นเมียไอ้ชาติ กลัวพวกมันได้ แต่อย่ากลัวนาน เพราะจนถึงตอนนี้แล้ว เธอต้องเล่ามาซะทีว่า มันทำอะไรเธอบ้าง เวลาฉันไปตามล่าตัวมันเจอ ฉันจะได้เล่นงานมันให้สาสม”
“ฉันโดนนางสิงห์มันจับตัวไป มันพยายามจะปล้นฉัน แต่ฉันมีแค่แหวนทองวงเดียวติดตัว ฉันเลยออกอุบายว่าจะให้มัน พอมันเผลอ ฉันก็พยายามหนีเอาตัวรอด ระหว่างที่ฉันหนีนางสิงห์ ไอ้เสือก็โผล่มา ฉันคิดว่า ฉันคงไม่รอดแน่ แต่ฉันได้ยินเสียงของเธอกับพวก ฉันเลยวิ่งหนีไม่คิดชีวิต จนมาเจอเธอ”
ชาติทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เนื้อทองจึงแกล้งบีบน้ำตาน้อยใจ “ที่ถามแบบนั้นไม่ใช่เพราะอยากเห็นเธอถูกมันทำร้ายหรอก แค่อยากหาวิธีเอาคืนมันให้สะใจ ด้วยการไปประกาศให้พวกชาวบ้านรู้ถึงความน่ากลัวของมัน ถ้ามันตบหน้าเธอ พวกชาวบ้านก็จะรับรู้ว่า มัน พยายามใช้มีดกรีดหน้าให้เธอเสียโฉมเพื่อแก้แค้นฉัน เป็นอันว่าตามนี้นะ ถ้าเจอชาวบ้านถามก็ให้พูดไปอย่างที่ฉันบอก แล้วดูสิว่าพวกที่อยากเข้าข้างโจรอย่างมันจะทำยังไง”
พูดจบชาติก็เดินหัวเราะชอบใจออกไป เนื้อทองคิดไม่ถึงว่าชาติจะเลวได้ขนาดนี้
ชาติเดินออกมาที่ระเบียง ระหว่างนั้นเจอปราบกลับมาจากเดินทางเข้าป่า
“อ้าวพ่อ ทำไมกลับมาเร็วล่ะ นึกว่าจะเข้าไปเป็นอาทิตย์ซะอีก หรือว่าพ่อสำรวจเจอแหล่งแร่ ทองคำแล้ว”
กำนันปราบส่ายหน้า อย่างหงุดหงิด
“ถ้าเจอก็ดีสิวะ แทบจะพลิกทั้งป่าค้น แต่ก็ไม่ได้ร่องรอยอะไรสักอย่าง แต่พอจะได้ร่องรอยขึ้นมา ก็ดัน”
พูดพร้อมกับปรายตามองไปที่ลำดวนซึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับไอ้เชิดและพวกลูกน้อง “พี่กำนัน ฉันขอโทษ ฉันพยายามจะช่วยพี่แล้วจริงๆ แต่”
แต่กำนันปราบไม่ฟังเสียง รีบเดินผละไป ลำดวนกำลังจะตามเข้าไป แต่โดนชาติคว้าแขนไว้ก่อน
“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นในป่า”
เมื่อเห็นลำดวนยังนิ่ง ชาติก็เลยหันไปถามไอ้เชิด
ภาพเหตุการณ์ในป่าย้อนกลับมาอีกครั้ง ตอนที่ลำดวน ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว โผเข้ากอดกำนันปราบ ขณะที่กำนันปราบยังไม่หายหงุดหงิด
“แล้วเธอตามฉันเข้ามาในนี้ทำไม รู้มั้ยว่าเกือบโดนลูกน้องฉันยิง”
“ก็เพราะพี่นั่นแหละ มีความลับกับฉัน ฉันก็เลยนึกว่า”
ลำดวนไม่กล้าพูดต่อ กำนันปราบจับแขนวัลภามาบีบ
“พอได้แล้วลำดวน หยุดมาพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระซะที ฉันมาที่นี่เพราะมี รื่องสำคัญต้องทำ”
ลำดวนมองค้อน
“ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะพี่ถึงต้องปิดเป็นความลับขนาดนี้ ฉันเป็นเมียพี่นะ พี่จะบอกฉันไม่ได้ เลยเหรอ”
กำนันปราบปล่อยมือจากลำดวน แล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไป แล้วพยักหน้าให้ไอ้เชิด หยิบเอาเสื้อผ้าขาดวิ่นของลำดวน ที่พวกมันเก็บเอาไว้มาให้ลำดวน
“เสื้อของฉันนี่จ๊ะ”
กำนันปราบพยักหน้า
“ใช่ ตอนชั้นเจอเธอหมดสติ ฉันพบร่องรอยบางอย่างบนเสื้อเธอ ดูซะ”
กำนันปราบยื่นให้ดูคราบเปรอะบนเสื้อที่เป็นคราบสีทองเปรอะอยู่เต็มเสื้อไปหมด
“มันไม่ใช่แค่เหมือนสีทองหรอกลำดวน แต่มันคือทองคำ แร่ทองคำบริสุทธิ์ที่ฉันต้องดั้นด้นเข้ามา สำรวจ หาถึงกลางป่ากลางเขานี่”
ลำดวนตกใจ “ ทองคำ !?”
จบตอนที่ 10