ในสังคมปัจจุบันของคนไทยต่างประสบปัญหาของความเครียดและความวิตกกังวลมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้าวของที่แพงขึ้น การจราจรที่ติดขัดมากบนท้องถนน หรือปัญหารายได้ที่ไม่พอกับรายจ่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีความเครียด และอาจส่งผลไปถึงลูกด้วย สิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดในการมีความเครียด คือ การมีความกังวลใจว่าเมื่อไหร่ความเครียดนั้นจะหมดไปเสียที คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้เด็กๆสามารถเรียนรู้การกำจัดหรืออยู่เหนือความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพได้ 2 วิธี คือ การสงบอารมณ์ และการแก้ที่ต้นตอปัญหา เมื่อเด็กมีปัญหากังวลใจจะสังเกตเห็นได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และหากคุณพ่อคุณแม่ช่วยเด็กๆ ในการควบคุมความวิตกกังวลได้ เด็กๆ จะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นด้วยตามมา 5 ข้อที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่จะจัดการกับความเครียดในเด็กที่ผู้ปกครองสามารถทำได้
1. การหายใจกับลูก สิ่งหนึ่งที่จะควบคุมความวิตกกังวลได้ คือ การหายใจอย่างช้าๆ และลึกๆ สอนให้ลูกฝึกการหายใจโดยจินตนาการว่าอากาศกำลังสัมผัสที่จมูก ค่อยๆผ่านกระบังลมและเข้าไปถึงสะดึอ คุณพ่อคุณแม่สามารถค้นหาข้อมูลการฝึกหายใจได้จาก ยูทูปหรือตามแอ๊พต่างๆ ลองค่อยๆฝึกกับลูก หายใจลึกๆ ให้เข้าผ่านปอด ผ่านกระบังลมและเข้าไปถึงสะดือ ท้องป่องออก หายใจออกให้ท้องค่อยๆแฟบลง หรืออาจใช้วิธีผ่อนคลายโดยการเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆแล้วค่อยๆคลายออกที่ละส่วน
2. ช่วยเด็กๆ ให้กำจัดมด ในภาษาอังกฤษใช้ว่า ANTS (Automatic Negative Thoughts) การกำจัดความคิดทางลบ วิธีหนึ่งที่ทำคือให้เด็กๆ วาดรูปมด เพื่อจะเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานในเวลาเดียวกัน หลังจากนั้นพูดคุยกับเด็กๆ ถึงเรื่องความวิตกกังวล เขียนความคิดทางลบข้างๆ มด เด็กบางคนอาจเขียนว่า ฉันทำอะไรไม่เข้าท่าสักอย่าง ฉันเป็นไอ้ขี้แพ้ ไม่ได้เรื่องเพราะทุกคนว่าฉันว่าฉันเป็นแบบนั้น ให้เด็กเปลี่ยนคำพูดทางลบเป็นความคิดทางบวก เช่น เปลี่ยนความคิดหรือคำพูดเป็น ถ้าฉันฝึกและพยายามทำมากขึ้น ฉันจะทำได้ดีขึ้น หรือเปลี่ยนความคิดเป็น ถ้าฉันแม้ว่าฉันทำไม่ได้คราวนี้ แต่คราวหน้าเมื่อฉันเรีนนรู้จากความผิดพลาด ฉันก็จะทำได้ดีขึ้นคราวหน้า เป็นต้น นั่นจะทำให้ความเครียดและความวิตกกังวลของลูกลดลงได้
3. ใช้กลยุทธ์ที่เปิดเผย เช่น หากเด็กที่เกิดความเครียด จนมีอาการหายใจติดขัดในขณะที่เกิดความเครียด เราสามารถใช้วิธีหนึ่งที่ทำได้คือให้เด็กนั่งตักคุณพ่อหรือคุณแม่และกลั้นหายใจ เพื่อเด็กจะเรียนรู้ว่าเราสามารถควบคุมอาการที่เกิดขึ้นทางร่างกายได้ โดยไม่ต้องเครียด หรือตกใจ การใช้การเผชิญหน้าดีกว่าการหลีกเลี่ยงปัญหา คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยให้ความรัก ความมั่นใจ และเสริมแรงให้เด็กๆเผชิญหน้า และต่อสู้กับความกลัว คุณพ่อคุณแม่เป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ดีสำหรับลูก
4. แนะแนวทางที่เด็กจะสงบโดยการใช้จินตนาการโดยใช้สายตา ช่วยให้เด็กนึกถึงภาพสถานที่ผ่อนสบาย สงบ และให้สัมผัสถึงการผ่อนสบายที่ค่อยๆ แผ่เข้าทั่วร่าง ห่รือให้จินตนาการถึงกล่องใหญ่ และเป็นกล่องที่ปลอดภัยที่จะใส่ความวิตกกังวลลงไป เพื่อที่เด็กจะไม่วนอยู่ในความคิดและไปทำอย่างอื่นได้
5. เสริมกำลังใจเด็กๆให้เขียนสิ่งที่ตื่นเต้นและสนุกในวันนี้ หลังจากกลับจากโรงเรียน เพื่อข่วยพัฒนาความคิดทางบวก และลดความวิตกกังวลลง อาจทำเป็นแฟ้มสะสมสิ่งที่ประสบผลสำเร็จ
ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่สามารถช่วยลูกให้คลายเครียดได้ แค่หากเป็นกรณีที่รุนแรงมากอาจต้องขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ การให้กำลังใจ ความรักในครอบครัวถือเป็นยาวิเศษที่ช่วยบำบัดความเครียดและความวิตกกังวลอีกทั้งเป็นที่กำบังได้ดีสำหรับลูก เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.psychologytoday.com/blog/liking-the-child-you-love/201402/five-anxiety-lowering-strategies-children
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
1. การหายใจกับลูก สิ่งหนึ่งที่จะควบคุมความวิตกกังวลได้ คือ การหายใจอย่างช้าๆ และลึกๆ สอนให้ลูกฝึกการหายใจโดยจินตนาการว่าอากาศกำลังสัมผัสที่จมูก ค่อยๆผ่านกระบังลมและเข้าไปถึงสะดึอ คุณพ่อคุณแม่สามารถค้นหาข้อมูลการฝึกหายใจได้จาก ยูทูปหรือตามแอ๊พต่างๆ ลองค่อยๆฝึกกับลูก หายใจลึกๆ ให้เข้าผ่านปอด ผ่านกระบังลมและเข้าไปถึงสะดือ ท้องป่องออก หายใจออกให้ท้องค่อยๆแฟบลง หรืออาจใช้วิธีผ่อนคลายโดยการเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆแล้วค่อยๆคลายออกที่ละส่วน
2. ช่วยเด็กๆ ให้กำจัดมด ในภาษาอังกฤษใช้ว่า ANTS (Automatic Negative Thoughts) การกำจัดความคิดทางลบ วิธีหนึ่งที่ทำคือให้เด็กๆ วาดรูปมด เพื่อจะเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานในเวลาเดียวกัน หลังจากนั้นพูดคุยกับเด็กๆ ถึงเรื่องความวิตกกังวล เขียนความคิดทางลบข้างๆ มด เด็กบางคนอาจเขียนว่า ฉันทำอะไรไม่เข้าท่าสักอย่าง ฉันเป็นไอ้ขี้แพ้ ไม่ได้เรื่องเพราะทุกคนว่าฉันว่าฉันเป็นแบบนั้น ให้เด็กเปลี่ยนคำพูดทางลบเป็นความคิดทางบวก เช่น เปลี่ยนความคิดหรือคำพูดเป็น ถ้าฉันฝึกและพยายามทำมากขึ้น ฉันจะทำได้ดีขึ้น หรือเปลี่ยนความคิดเป็น ถ้าฉันแม้ว่าฉันทำไม่ได้คราวนี้ แต่คราวหน้าเมื่อฉันเรีนนรู้จากความผิดพลาด ฉันก็จะทำได้ดีขึ้นคราวหน้า เป็นต้น นั่นจะทำให้ความเครียดและความวิตกกังวลของลูกลดลงได้
3. ใช้กลยุทธ์ที่เปิดเผย เช่น หากเด็กที่เกิดความเครียด จนมีอาการหายใจติดขัดในขณะที่เกิดความเครียด เราสามารถใช้วิธีหนึ่งที่ทำได้คือให้เด็กนั่งตักคุณพ่อหรือคุณแม่และกลั้นหายใจ เพื่อเด็กจะเรียนรู้ว่าเราสามารถควบคุมอาการที่เกิดขึ้นทางร่างกายได้ โดยไม่ต้องเครียด หรือตกใจ การใช้การเผชิญหน้าดีกว่าการหลีกเลี่ยงปัญหา คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยให้ความรัก ความมั่นใจ และเสริมแรงให้เด็กๆเผชิญหน้า และต่อสู้กับความกลัว คุณพ่อคุณแม่เป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ดีสำหรับลูก
4. แนะแนวทางที่เด็กจะสงบโดยการใช้จินตนาการโดยใช้สายตา ช่วยให้เด็กนึกถึงภาพสถานที่ผ่อนสบาย สงบ และให้สัมผัสถึงการผ่อนสบายที่ค่อยๆ แผ่เข้าทั่วร่าง ห่รือให้จินตนาการถึงกล่องใหญ่ และเป็นกล่องที่ปลอดภัยที่จะใส่ความวิตกกังวลลงไป เพื่อที่เด็กจะไม่วนอยู่ในความคิดและไปทำอย่างอื่นได้
5. เสริมกำลังใจเด็กๆให้เขียนสิ่งที่ตื่นเต้นและสนุกในวันนี้ หลังจากกลับจากโรงเรียน เพื่อข่วยพัฒนาความคิดทางบวก และลดความวิตกกังวลลง อาจทำเป็นแฟ้มสะสมสิ่งที่ประสบผลสำเร็จ
ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่สามารถช่วยลูกให้คลายเครียดได้ แค่หากเป็นกรณีที่รุนแรงมากอาจต้องขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ การให้กำลังใจ ความรักในครอบครัวถือเป็นยาวิเศษที่ช่วยบำบัดความเครียดและความวิตกกังวลอีกทั้งเป็นที่กำบังได้ดีสำหรับลูก เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.psychologytoday.com/blog/liking-the-child-you-love/201402/five-anxiety-lowering-strategies-children
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
