xs
xsm
sm
md
lg

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 3

ในรถของบ้านทากาฮาชิ...มิยูกิสะกิดเรียกมายูมิที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถ
“พี่มายูมิ...ทำไมไม่ตอบคุณพ่อ”
มายูมิรู้สึกตัว หันไปหาฮิโระหน้าตาเหรอหรา
“ลูกคิดว่าริวเป็นไง” ฮิโระถามเรียบๆ
“ก็...ดีค่ะ”
มายูมิจำใจตอบเพื่อเอาใจฮิโระ ทั้งที่ลึก ๆ ยังเคืองเรื่องที่ริวทำเหมือนรังเกียจเธอในตอนแรกอยู่ไม่หาย ฮิโระยิ้ม
“ริวเป็นหลานรักของคุณอิจิโร่ ฉลาดและเก่งไม่แพ้ทาเคชิกับไดสุเกะ พ่อสบายใจมากที่มายูมิจะได้คู่ครองอนาคตไกลอย่างริว”
“หนูเห็นพี่ริวแอบมองพี่มายูมิด้วย สงสัยจะหลงเสน่ห์พี่สาวเข้าแล้ว” เมกุมิเย้าแหย่
ฮิโระกับทามาโกะยิ้มดีใจ มายูมิเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ยังนึกโกรธริวไม่หาย

ทาเคชิขับรถไปหันมาบ่นริวเมื่อรู้เรื่องมายูมิ
“เป็นฉันก็โกรธว่ะ”
“ก็ฉันไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร”
“คราวนี้รู้แล้ว ยังอยากล้มเลิกการหมั้นอีกมั้ย”
“ฉันยอมหมั้นเพื่อศักดิ์ศรีของตระกูล” ริวปากแข็ง
ทาเคชิชำเลืองมองริว ยิ้มรู้ทัน
“ทำพูดเป็นพระเอก ฉันว่าแกหลงรักมายูมิเข้าแล้ว”
“ไอ้บ้า...ฉันไม่ใช่หนุ่มเพ้อรักอย่างแกนะเว้ย”
“เราโตมาด้วยกัน ทำไมฉันจะไม่รู้ใจญาติเพื่อนรักอย่างแก”
ริวเสเปลี่ยนเรื่อง
“เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ทำยังไงสองสาวมีเรื่องกันได้”
ทาเคชิชะงักไปนิดหนึ่ง กังวลเมื่อนึกถึงไอโกะอาละวาดแพรวดาว
“เซโกะเดินไปชนไอโกะโดยบังเอิญ”
“ขนาดไม่ได้ตั้งใจยังโดนจัดเต็ม ถ้าไอโกะรู้เรื่องแกกับเซโกะละก็...”
ริวหวาดเสียว ไม่อยากจะคิดถึง

บ้านมิซาว่า...ไอโกะอาละวาดขว้างปาข้าวของในบ้าน จนจูโร่กับเหล่าลูกน้องต้องคอยหลบคอยเก็บกันจ้าละหวั่น ริกิไม่รู้จะห้ามยังไง จึงปล่อยให้ลูกสาวสุดที่รักระบายอารมณ์เต็มที่
“ไอโกะไม่ยอม ไม่ยอม”
“เลิกทำตัวน่ารำคาญสักทีเถอะ” ซาโตชิสุดจะทน
“อ๊าย...”
ไอโกะกรีดเสียงดังและขว้างปาข้าวของหนักขึ้น จนเหล่าลูกน้องต้องรีบปิดหู หลบกันกระเจิง ริกิหันไปดุซาโตชิ
“ถ้าแกปลอบน้องไม่เป็น ก็อยู่เงียบ ๆ”
ซาโตชิหงุดหงิดที่ริกิเข้าข้างไอโกะ แต่ก็ยอมสงบปาก ริกิปรี่เข้าไปประคองปลอบลูกสาวหลังจากที่ไอโกะกรี๊ดจนหอบ
“ไม่เอาน่า...นางฟ้าของพ่อ จะอารมณ์เสียให้หน้าหมองทำไม”
“ทาเคชิไม่แคร์ไอโกะเลย”
“ถ้าถูกผู้หญิงแสดงอำนาจต่อหน้าลูกน้องตัวเอง พ่อก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
ไอโกะชะงัก คิดตามคำพูดริกิ
“โอะนิซึกะคือสายเลือดซามูไรที่เข้มแข็ง ซามูไรจะไม่ยอมก้มหัวให้คนที่อ่อนแอกว่า ลูกต้องเรียนรู้กฎข้อนี้ ถ้าจะเป็นนายหญิงของโอะนิซึกะ เราต้องรู้จักบริหารเสน่ห์เพื่ออยู่เหนือนักรบอย่างทาเคชิ”
ท่าทีของไอโกะเริ่มอ่อนลง แต่ยังคงหงุดหงิดไม่หาย
“หนูอยากแต่งงานกับทาเคชิเร็ว ๆ”
“แต่ลูกยังเรียนไม่จบ”
“เรียนมาก็ไม่ได้ใช้”
ซาโตชิขัดขึ้น
“ตำแหน่งโอคะมิซังจะต้องเพียบพร้อมทั้งมารยาทและการศึกษา ยังไงเธอก็ต้องเรียนต่อ...รึเธออยากขายหน้าบ้านโอะนิซึกะ”
ไอโกะฮึดฮัดไม่อยากเรียน แต่ก็จำนนต่อเหตุผลของซาโตชิ
“หนูจะยอมเพื่อทาเคชิเท่านั้น”

ซาโตชิมองไอโกะ เครียด ไม่สบายใจ

ไอโกะนั่งอยู่บนเตียง หยิบหนังสือเรียนหลายเล่มที่กองอยู่บนที่นอนขึ้นมาเปิดอ่านผ่าน ๆอย่างกล้ำกลืนฝืนใจ สุดท้ายก็วางหนังสือทั้งหมดลง ถอนใจแรงอย่างหงุดหงิด ซาโตชิผลักประตูที่แง้มอยู่ เดินเข้ามาหาในห้อง เขาเป็นห่วงน้อง แต่มีฟอร์ม
“ถ้าฝืนใจ ก็ไม่ต้องทำดีกว่า”
“ไม่เกี่ยวกับพี่”
ไอโกะค้อนเข้าใจว่าพี่ชายตามเข้ามาหาเรื่อง
“อะไร ทำให้เธอคิดฝากชีวิตไว้กับทาเคชิ”
ไอโกะนิ่งไปเพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ซาโตชิรู้ทัน
“เพราะศักดิ์ศรีและหน้าตาของทาเคชิ ทำให้ผู้หญิงคิดว่า ความหลง คือ ความรัก”
“ฉันรักทาเคชิ เราจะแต่งงานกัน”
ซาโตชิจ้องหน้า
“แล้วทาเคชิรักเธอมั้ย”
“ไม่สำคัญ ยังไงเค้าก็เป็นของฉัน”
“การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะผูกชีวิตไว้กับคนที่ไม่ได้รักเราทำไม”
“เลิกพูดสักทีเถอะ ฉันรู้ว่าพี่ซาโตชิอิจฉาทาเคชิมาตลอด เพราะพี่ทนเห็นทาเคชิเก่งและดีกว่าพี่ไม่ได้”
ซาโตชิฉุนกึก
“ฉันแค่หวังดีกับน้อง”
“ฉันไม่ต้องการ ออกไปนะ”
ไอโกะเริ่มโวยวายเสียงดัง ซาโตชิเดินออกไปจากห้องอย่างหงุดหงิด

ในสวนหลังบ้านมิซาว่า...ซาโตชิใช้ดาบไม้ฟาดฟันซุ้มต้นไผ่ราวกับต้องการระบายความอึดอัดใจ โดยมีจูโร่เฝ้ามองเจ้านายอยู่เงียบ ๆ ซาโตชิตวัดดาบไม้ฟันต้นไผ่หักโค่นลงมา จูโร่กลืนน้ำลายฝืดคอ มองซาโตชิที่ยืนหอบ สีหน้าและแววตาดุกร้าว
“ทาเคชิ โอะนิซึกะ...แกหลอกน้องฉัน”
ซาโตชิกระแทกดาบไม้ลงกับพื้น สีหน้าชิงชังทาเคชิมาก

บนถนนเปลี่ยว ขบวนรถของกลุ่มโอะนิซึกะกำลังวิ่งมา โดยเรียงลำดับคือ รถตู้ของโคจิและทาโร่นำขบวน รถเก๋งของอิจิโร่ ไดสุเกะ ฮิเดโกะ คุมิโกะ รถของทาเคชิกับริวขับมาเอง และปิดท้ายด้วยรถของมาซาโตะกับคาซูมะกับลูกน้องแล่นตามกันมา...ในรถทาเคชิ ริวชำเลืองมองทาเคชิ ก่อนพูดขึ้น
“มายูมิบอกให้ฉันยกเลิกงานหมั้น”
“งอน”
“เค้าจะมางอนฉันเรื่องอะไร”
ทาเคชิปรายตามองริว ราวกับให้ทบทวนให้ดี ริวนึกได้ เสียงอ่อย
“โอเค...ฉันรู้ว่าปากฉันไม่ดีเอง”
“คำพูดเป็นนายเรา เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูด”
“อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันไปง้อมายูมิ”
“ไม่งั้นก็ไปบอกให้พ่อฉันยกเลิกงานหมั้น”
ริวชะงัก พูดไม่ออก ทาเคชิอมยิ้ม ขำอย่างรู้ทัน
“ยินดีต้อนรับ ริว โอะนิซึกะ สู่โลกของความรัก”
“เชิญแกบ้าไปคนเดียวเถอะ”
ริวทำหน้าเหรอหรา ไม่รู้ไม่ชี้ ยิ่งทำให้ทาเคชิอดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นไม่ได้
“สนุกมากรึไง หนอย...อย่าให้ถึงทีฉันมั่งนะเว้ย”
ทาเคชิหัวเราะร่า ยิ่งทำให้ริวหมั่นไส้ บรึ้ม! เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว รถอิจิโร่ถูกระเบิดจนไฟลุกท่วมขึ้นในทันที ต่อหน้าต่อตาริวและทาเคชิ...ทาเคชิขับรถอยู่ ช็อกและตกใจมาก
“พ่อ”
“ระวัง”
ริวหันไปเห็นรถทาเคชิกำลังพุ่งเข้าไปใกล้รถอิจิโร่ เขาตั้งสติได้ รีบคว้าพวงมาลัยรถ หักหลบเข้าข้างทางอย่างรวดเร็วรถทาเคชิหลบไม่พ้น พุ่งเข้าเสยท้ายรถอิจิโร่ เต็ม ๆ ทาเคชิหน้าฟาดเข้ากับพวงมาลัยอย่างแรง
“ทาเคชิ” ริวตกใจ
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ใกล้กับประตูฝั่งทาเคชิ...ตูม ทาเคชิตาปิดลง ทุกอย่างดับวูบมืดสนิท

โคจิกระชากประตูรถฝั่งทาเคชิที่กระจกแตกเพราะแรงระเบิด แล้วรีบดึงร่างหมดสติของทาเคชิออกมาจากรถ ด้วยความตกใจ
“นายน้อย”
โคจิพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกสติให้ทาเคชิฟื้น...ร่างทาเคชินอนอยู่บนถนน สะดุ้งเฮือก โคจิใจเสีย
“แย่แล้ว”

คัตสึกับเซกิประคองตัวริวที่บาดเจ็บออกมาจากรถ ริวไม่สลบหันมองทาเคชิหน้าเครียดและเป็นห่วงมาก

วันใหม่ ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย...แพรวดาวตกใจมาก จนทำหนังสือหลุดมือตกลงพื้นเสียงดัง เมื่อรู้เรื่องจากมิโยะโกะ
“โอะนิซึกะถูกวางระเบิด”
บรรณารักษ์และนักศึกษาในห้องสมุด ต่างหันมองแพรวดาวเป็นตาเดียว มิโยะโกะรีบเก็บหนังสือขึ้นมา แล้วก้มศีรษะขอโทษทุกคนแทนแพรวดาว ก่อนดึงแพรวดาวที่หน้าตาช็อค ตกใจ มาคุยอีกมุมเพื่อเลี่ยงสายตาคน
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”
แพรวดาวอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง มิโยะโกะเข้าใจ
“แต่ถ้าฉันเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองอย่างเซโกะ ก็คงตกใจที่ได้ยินแต่ข่าวเข่นฆ่ากันทุกวัน”
“แล้วทาเคชิ...” แพรวดาวชะงัก นึกขึ้นได้ “สมาชิกบ้านโอะนิซึกะปลอดภัยมั้ย”
แพรวดาวจ้องมิโยะโกะอย่างรอคำตอบ เพราะเป็นห่วงทาเคชิ

ในห้องพักฟื้นผู้ป่วย...ทาเคชินอนอยู่บนเตียงในสภาพร่างกายเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เขาเริ่มรู้สึกตัวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และกระพริบตาติดกันหลายครั้ง พยายามปรับสายตาเข้ากับแสงสว่างรอบกาย โคจิดีใจ
“นายน้อยฟื้นแล้ว”
ริว โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ตรงเข้ามาหาทาเคชิที่เตียงด้วยความเป็นห่วง ทาเคชิชำเลืองมองเห็นริวมีผ้าสีขาวคล้องแขนใส่เฝือกผูกอยู่ที่คอ ริวถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“นอนกินบ้านกินเมืองจริง ๆ”
ทาเคชิกวาดสายตามองไปรอบห้อง นึกขึ้นได้ เขาถามเสียงแผ่ว
“พ่อเป็นไงบ้าง”
ริวเปลี่ยนเรื่อง
“หิวมั้ย ป้าอายะโกะทำซุปเต้าหู้มาให้แกทุกวันเลย”
ทาเคชิจ้องหน้า
“พ่อฉันอยู่ไหน”
ริวชะงัก พูดไม่ออก ทาเคชิเห็นสีหน้าริว เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ คาดคั้นเสียงดัง
“ฉันถามว่าพ่ออยู่ไหน”

ริวประคองทาเคชิเข้ามาในห้องดับจิตร่างของคนสี่คนนอนอยู่บนเตียงเรียงกัน ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว ทาเคชิเริ่มหวั่นใจ สะบัดตัวจากริว ฝืนเรี่ยวแรงตรงไปยังเตียงแรกค่อย ๆ ดึงผ้าสีขาวที่คลุมร่างออก เผยให้เห็นคุมิโกะนอนนิ่ง เสียชีวิตแล้ว ทาเคชิใจหายเสียงแผ่ว
“พี่คุมิโกะ”
ทาเคชิอึ้งไปสักพัก ก่อนดึงผ้าคลุมร่างที่นอนอยู่เตียงข้าง ๆ คุมิโกะออก เผยให้เห็นร่างไดสุเกะนอนนิ่ง เสียชีวิตเช่นกัน ทาเคชิอึ้ง
“พี่ไดสุเกะ”
ทาเคชิมองทั้งสองคน แววตาเขาเต็มไปด้วยความเครียด ภาพแห่งความทรงจำหวลกลับเข้ามา...
สวนหลังบ้านโอะนิซึกะในอดีต...คุมิโกะยกน้ำชากับของว่าง ออกมาให้ทาเคชิที่นั่งหงุดหงิดอยู่ตรงสวนหลังบ้าน
“เห็นไม่เข้าไปทานของว่าง พี่เลยจัดออกมาให้”
“ผมไม่อยากเจอพ่อ”
“โซเรียวทำทุกอย่างเพราะรักลูกทุกคน เข้าใจท่านหน่อยนะจ๊ะ”
คุมิโกะยิ้มให้ทาเคชิอย่างอ่อนโยน รักเหมือนน้องชาย ไดสุเกะเดินเข้ามา
“แอบมาอ้อนอะไรเมียฉัน”
“ไม่ได้แอบ อ้อนเห็น ๆ เลยล่ะ”
ทาเคชิเริ่มยิ้มได้น้อยๆ จับมือคุมิโกะขึ้นมาแนบแก้ม ยิ้มให้คุมิโกะ รู้สึกเหมือนน้องชายอ้อนพี่สาว
“เฮ้ย...ปล่อยเลยไอ้น้องตัวแสบ ปล่อย ๆ”
ไดสุเกะตรงเข้ามาแกะมือทาเคชิออกจากคุมิโกะ ทาเคชิไม่ยอมปล่อย ไดสุเกะจึงตีมือทาเคชิให้ปล่อย คุมิโกะหัวเราะขำ อารมณ์พี่น้องแกล้งกัน ดูอบอุ่น

ในห้องดับจิตปัจจุบัน...ทาเคชิมองร่างคุมิโกะกับไดสุเกะ อึ้ง เครียด สับสนมาก ริวมองทาเคชิ เศร้า และกดดันเช่นกัน ทาเคชิเปิดผ้าคลุมร่างที่นอนอยู่เตียงข้างไดสุเกะ ช็อคจนพูดไม่ออก ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“แม่”

โถงบ้านโอะนิซึกะยามค่ำคืนในอดีต...ฮิเดโกะกำลังคร่ำเคร่งกับการเย็บเสื้อให้ทาเคชิ จู่ ๆ รู้สึกล้าตา จึงต้องหยุดพัก ทาเคชิเดินมาเห็นพอดี จึงเข้ามาห้าม
“แอบมาเย็บเสื้อให้ผมอีกแล้ว ใช้ให้เด็กในบ้านทำก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
“ผมไม่อยากให้แม่เหนื่อย”
“ได้ทำอะไรให้ลูกด้วยตัวเอง ถึงจะเหนื่อยแต่มันก็มีความสุข”
ฮิเดโกะยิ้มให้ทาเคชิอย่างอบอุ่น
“ขอบคุณครับแม่”

ทาเคชิสวมกอดแม่ด้วยความดีใจ

ในห้องดับจิตปัจจุบัน...ทาเคชิกอดร่างที่ไร้วิญญาณของฮิเดโกะ น้ำตาของลูกผู้ชายไหลริน
“แม่...”
ริวยืนนิ่งมองทาเคชิกอดฮิเดโกะ ร้องไห้เสียใจไปด้วย ทาเคชิชำเลืองมองร่างที่นอนอยู่ข้างฮิเดโกะ สองจิตสองใจที่จะเปิดผ้าคลุมสุดท้าย เขาก็ตัดสินใจยื่นมือไปเปิดผ้าคลุมร่างที่สี่ ข้างฮิเดโกะ ทาเคชิตะลึงสุดขีด ช็อคมาก
“พ่อ”
ร่างอิจิโร่นอนนิ่ง เสียชีวิต

สนามเด็กเล่นในอดีต...ทาเคชิวัย10 ขวบกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ร่มไม้ เด็กชายเกเร 2 คนแกล้งคว้าหนังสือไปจากมือของเขา ทาเคชิลุกขึ้น พูดดีๆ
“ขอหนังสือฉันคืน”
เด็กชายทั้งสองช่วยกันฉีกหนังสือทาเคชิ หัวเราะเยาะสนุกสนาน อีกมุม ลูกน้องกลุ่มโอะนิซึกะหันมาเห็นทาเคชิโดนแกล้ง จึงจะเข้ามาช่วย แต่ถูกอิจิโร่ยกมือห้าม ทาเคชิจ้องเด็กชายทั้งสองด้วยความไม่พอใจ เด็กชายคนหนึ่งผลักทาเคชิ
“อยากมีเรื่องเหรอ”
ทาเคชิเซเล็กน้อย ก่อนก้มลงเก็บเศษหนังสือที่ถูกฉีก ไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเด็กชายทั้งสอง อิจิโร่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความไม่พอใจ

โรงซ้อมเคนโด้บ้านโอะนิซึกะในอดีต... อิจิโร่ตวัดดาบไม้ไล่ตี ทาเคชิวัย10ขวบอย่างคล่องแคล่ว เสียงดุดัน
“รุกเข้ามา ตรงเข้ามาเล่นงานคู่ต่อสู้”
“ผมทำไม่ได้”
ทาเคชิถอยร่น ไม่ยอมตอบโต้ อิจิโร่ตีจนดาบไม้ของทาเคชิหลุดมือ ทาเคชิร้องลั่นทรุดลงกับพื้น เจ็บข้อมือมาก
“เส้นทางของนักรบ...อ่อนแอคือตาย”
“ผมไม่อยากสู้กับใคร ผมทำไม่ได้”
ทาเคชิร้องไห้ อิจิโร่ยิ่งเครียด ไม่พอใจ

ห้องเก็บป้ายบรรพบุรุษในอดีต...อิจิโร่ก้มศีรษะทำความเคารพดาบประจำตระกูลที่วางอยู่หน้าป้ายบรรพบุรุษ ทาเคชิ วัย10 ขวบ ทำความเคารพตาม อิจิโร่ถือดาบ หันมาหา
“ดาบประจำตระกูลคือเครื่องหมายเกียรติยศของบรรพบุรุษ”
ทาเคชิมองดาบในมืออิจิโร่อย่างไม่เข้าใจ
“หัวใจของผู้ครอบครองดาบ จะต้องแข็งแกร่งเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงจะเอาชนะศัตรูได้”
อิจิโร่ค่อย ๆ วางดาบลงบนมือลูกชาย ทาเคชิมองดาบในมืออย่างหวั่นกลัว
“รวบรวมความกล้า ลบล้างความกลัวในจิตใจ สายเลือดโอะนิซึกะทุกคนจะต้องเข้มแข็ง เราอ่อนโยนได้...แต่ต้องไม่อ่อนแอ”
อิจิโร่หน้าเคร่งขรึม ดุดัน

ในห้องดับจิตปัจจุบัน...ทาเคชิร้องไห้เสียใจเข้าไปกอดร่างไร้วิญญาณของอิจิโร่ ประตูห้องดับจิตเปิดออก โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ตามเข้ามาดูทาเคชิด้วยความเป็นห่วง
“พวกมันฆ่าโซเรียวและทุกคน รวมทั้งเด็กในท้องคุณหนูคูมิโกะ” โคจิบอกอย่างสลดใจ
ริวกำมือแน่นจนสั่น หลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ ทาเคชิน้ำตาไหล ยังงุนงงและสับสนกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น
“ไม่จริง ทุกคนยังไม่ตาย”
ทาเคชิหันขวับมองทุกคนอย่างไม่อยากเชื่อ แต่สายตาหม่นเศร้าของทุกคนเป็นเครื่องยืนยันความสูญเสียคนในครอบครัวของทาเคชิได้เป็นอย่างดี ทาเคชิพึมพำ
“ฉันไม่เชื่อ”
“ฉันก็ไม่อยากเชื่อ แต่เราต้องยอมรับความจริง” ริวปลอบ
ทาเคชิหันขวับ ตรงไปกระชากคอเสื้อริวเขย่า คาดคั้น
“แกแกล้งฉัน...แกหลอกอำฉันใช่มั้ยริว เลิกเล่นได้แล้ว”
“คุณลุงตายแล้วทาเคชิ ทุกคนตายหมดแล้ว”
ริวตะโกนใส่หน้าทาเคชิด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและเสียใจ ทาเคชิชะงัก อึ้ง ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ ทั้งช็อกและเสียใจมาก
“อาเชื่อว่าท่านโซเรียวยังอยู่...” โคจิพูดเสียงนิ่ง
ทาเคชิหันมองโคจิ หน้าเคร่งขรึมแฝงความเครียดและความเศร้า โคจิพูดต่อ
“โซเรียวยังคุ้มครองพวกเราตลอดเวลา ท่านกำลังรอดูความเข้มแข็งของนายน้อย”
ทาเคชิเสียงแผ่ว เจ็บปวด
“ผมเป็นแค่คนขี้ขลาด”
คาซูมะแทรกขึ้น
“ซามุไรไม่ได้เป็นจากการยกย่อง แต่มันอยู่ในสายเลือด...สายเลือดของนักรบที่ยิ่งใหญ่”
ทาเคชิเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น ไม่อยากฟัง มาซาโตะมองทาเคชิ ก่อนจะพูดน้ำเสียงหนักแน่น
“พวกเราทุกคนรู้สึกสูญเสียไม่ต่างจากนายน้อย แต่เราต้องเข้มแข็งเพื่อรักษาสิ่งที่โซเรียวทุกรุ่นสืบทอดมา”
ริวเสริม
“ฉันก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าแก...แต่แกต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคุณลุงและทุกคน ตราบใดที่คนร้ายยังอยู่ วิญญาณของคุณลุงจะไม่สงบสุข เมืองนี้ก็จะลุกเป็นไฟ”
ทาเคชิเศร้า เสียใจ โวยวายอย่างขาดสติ
“ไม่จริง...พ่อกับแม่ฉันยังไม่ตาย พี่ไดสุเกะยังอยู่ พี่คุมิโกะก็ยังอยู่...ไม่”
ทาเคชิพยายามยันกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล คุ้มคลั่ง ริวจะเข้าไปประคองตัวแต่ทาเคชิผลักให้ห่างจากตัว ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใคร
“ไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
โคจิเตือนสติ
“นายน้อยต้องเข้มแข็งและตั้งสติให้ดี”
ทาเคชิทุบเตียงอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาแห่งความสิ้นหวังหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ร่ำร้องด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เกินกว่าที่ใครจะเยียวยาได้
“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น...ออกไปให้หมด ออกไป๊”
จู่ ๆ ทาเคชิก็ช็อค ทรุดลงไปนอนกับพื้น หมดสติ ริวตกใจ
“ทาเคชิ”

ทุกคนตกใจมาก ริวปราดเข้าไปประคองเพื่อนรักด้วยแววตาเป็นห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 3 (ต่อ)

พยาบาลกับหมอวิ่งประกบเตียงเข็นทาเคชิมายังห้องฉุกเฉิน ริววิ่งตามเตียงเข็นมา สีหน้าเครียดและเป็นห่วงมาก
“ทาเคชิ...ได้ยินฉันมั้ย แกต้องไม่เป็นอะไรนะ”
ทาเคชิ นอนไม่ได้สติ ท่าทางอ่อนแอบอบช้ำมาก โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ เดินตามมาติด ๆ เป็นห่วงทาเคชิเช่นกัน รถเข็นทาเคชิผลุบเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ริวจะวิ่งตามเข้าไป แต่โดนพยาบาลขวางไว้
“ญาติคนเจ็บ กรุณารอข้างนอกค่ะ”
ริวมองตามเข้าไปด้วยความเป็นห่วง เครียดมาก
“ทาเคชิ...”
โคจิเข้ามาแตะไหล่ริวเบา ๆ ราวกับปลอบใจ

ริวเดินเหมือนคนเลื่อนลอย มาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ หน้าตาเต็มไปด้วยความอัดอั้นและทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้...”
ริวทรุดลงคุกเข่ากับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยแววตาเจ็บปวด สับสน ไม่เข้าใจ
“ศักดิ์ศรีและเกียรติยศของโอะนิซึกะ ต้องแลกมาด้วยเลือดและชีวิตใช่มั้ย แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเราต้องสูญเสียทุกคนที่รักไปจนหมด...”
ริวน้ำตาร่วงรู้สึกถึงชีวิตที่สูญเสียและเจ็บปวดเกินกว่าจะบรรยายได้ โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ยืนมองริวด้วยความเป็นห่วง คาซูมะจะเข้าไปปลอบ แต่ถูกโคจิรั้งไว้
“ปล่อยให้เค้าทบทวนทุกอย่างด้วยตัวเองเถอะ”
ทั้งสามยืนมองริวอยู่เงียบ ๆ ดูอาการของริวด้วยความเป็นห่วง ทุกคนรู้สึกเศร้าและเสียใจในการจากไปของอิจิโร่และครอบครัวเช่นกัน

ห้องทำงานเคนอิจิในไนต์คลับยามค่ำคืน...เคนอิจิโยนเงินปึกหนึ่งให้โกะโร่กับซูจิที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ทั้งสองรีบหยิบเงินขึ้นมานับ ตาโตด้วยความตื่นเต้น
“คืนนี้แกสองคนดื่มกินในคลับฉันตามสบาย ฉันเลี้ยง”
ซูจิยิ้มกว้าง
“ขอบคุณมากครับคุณเคนอิจิ”
โกะโร่กับซูจิก้มศีรษะเคารพเคนอิจิ แล้วรีบพากันออกไปด้วยความดีใจ โคเฮกับยามะมองตามทั้งสองไปอย่างหมั่นไส้ ชินอิจิสังเกตเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของเคนอิจิ นึกแปลกใจ
“นายไม่ดีใจที่อิจิโร่ถูกกำจัดไปแล้ว”
“โอะนิซึกะยังเหลือลูกชายคนเล็กกับหลานชาย ฉันควรจะวางใจงั้นเหรอ”
“ส่งคนไปเก็บมันดีมั้ยครับ” โคเฮถาม
เคนอิจิโบกมือไม่เห็นด้วย ก่อนหมุนเก้าอี้หันไปมองผังเมืองด้านหลัง
“ซะโต้ของพวกเรายังไม่ใหญ่พอ ฉันยังไม่อยากแสดงตัวมาก”
ทาเคชิลุกขึ้น มองผังเมือง ครุ่นคิดถึงแผนการที่สำคัญกว่านั้น
“ตอนนี้พวกโอะนิซึกะยังวุ่นวาย เราต้องเร่งขนยาเข้ามาในช่วงนี้ สะสมเม็ดเงินให้มากที่สุด...เพื่อคิดทำการใหญ่เร็วๆ นี้”
เคนอิจิแววตาเหี้ยม วางแผนการ

ค่ำนั้น แพรวดาวปิดหนังสือที่กำลังอ่าน ท่าทางสับสนและไม่มีสมาธิ เธอเอากระดาษกลอนของทาเคชิที่สอดไว้ในหนังสืออีกเล่มออกมาอ่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“คืนเดือนแรมแซมดาวเพียงพราวพร่าง
หนึ่งกระจ่างกลางใจให้ใฝ่ฝัน
บนทางรักนักรบแห่งตะวัน
สว่างจันทร์ส่องใจในคืนเพ็ญ…”
แพรวดาวลังเล

วันใหม่...แพรวดาวเข้ามาในโรงพยาบาลเดินเลี้ยวมากวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังตัว ทาโร่ คัตสึ เซกิ เดินเลี้ยวมาจากอีกทาง แพรวดาวหันขวับไปเห็น รีบหลบเข้ามุมด้านหนึ่ง ทาโร่กำชับ คัตสึกับเซกิ
“หมอเพิ่งให้ยานอนหลับนายน้อย ดูแลอย่าให้คนนอกเข้าออกห้องนั้น”
คัตสึรับคำ
“ทราบแล้วครับ”
ทาโร่ คัตสึ เซกิ เดินเลี้ยวหายไปอีกทาง แพรวดาวได้ยินทั้งสามคุยกัน คิดหาทางเข้าไปเยี่ยมทาเคชิ

ประตูห้องพักฟื้นทาเคชิเปิดออก เท้าใครบางคนก้าวมาในห้อง ก่อนปิดประตูแล้วเดินตรงมายังเตียงคนไข้ แพรวดาวในชุดนางพยาบาล เอาผ้าปิดปากออก มองทาเคชินอนหลับอยู่บนเตียง อึ้งและไม่คาดคิด
“ทาเคชิ...คุณบาดเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ”
แพรวดาวเอามือลูบแขนเขาด้วยความสงสาร ขอบตาแดง ๆ เหมือนจะร้องไห้ ทาเคชิสะลึมสะลือ

“เซโกะ...”

แพรวดาวตกใจ รีบชักมือกลับ ทาเคชิ สะลึมสะลือตื่นขึ้น เห็นภาพแพรวดาวพร่ามัว จนเริ่มชัดเจน เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นมองเหมือนคนกำลังเบลอยา ใช้มือสัมผัสหน้าแพรวดาวอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ผมเห็นคุณ ผมกำลังฝัน”
แพรวดาวยิ้มเศร้า
“ค่ะ ฉันเป็นเพียงความฝันของคุณ”
“คุณคือฝันดี...นางฟ้าที่มาต่อลมหายใจให้ผม”
ทาเคชิกุมมือแพรวดาว สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอัศจรรย์ใจ
“แค่สัมผัสคุณในฝัน ใจผมก็อบอุ่น เซโกะ...ผมคิดถึงคุณ ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว”
ทาเคชิน้ำตาไหล ด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานใจมาก แพรวดาวถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ โผกอดเขาด้วยความสงสาร
“เข้มแข็งนะคะทาเคชิ ฉันจะเป็นฝันดีของคุณ...อยู่เคียงข้างคุณในความฝัน”
“แค่มีเซโกะ...ผมก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว”
ทาเคชิกอดแพรวดาวแนบแน่น เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์ยา เข้าใจว่าตัวเองกำลังฝัน แพรวดาวอึ้ง ร้องไห้ ไม่คิดว่าเขาจะผูกพันกับเธอมากขนาดนี้

ทางเดินหน้าห้องพักฟื้น...ไอโกะเดินนำลูกน้องที่ถือกระเช้าผลไม้และของเยี่ยมมากมายมาให้ทาเคชิ ทาโร่ คัตสึ เซกิ ก้าวเข้ามาขวางประตู จนไอโกะชะงัก
“ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร”
“คุณไอโกะ มิซาว่า ลูกสาวคนเล็กของคุณริกิ มิซาว่า น้องสาวคุณซาโตชิ” คัตสึพูดนิ่งๆ
“ฉันเป็นคู่รักของทาเคชิ”
ไอโกะถลึงตาดุจ้องคัตสึด้วยความไม่พอใจ ทาโร่พูดขึ้น
“นายน้อยกำลังพักผ่อนอยู่ครับ”
“มากี่ทีก็บอกว่าพักผ่อน วันนี้ฉันไม่ยอมแน่”
แพรวดาวประคองทาเคชิให้นอนหนุนหมอนอย่างนิ่มนวล ยิ้มมองทาเคชินอนหลับด้วยความเอ็นดู ทันใดนั้นเสียง ไอโกะกับทาโร่ดังเข้ามา
“ฉันจะเข้าไปหาทาเคชิ”
“เข้าไม่ได้จริง ๆ ครับคุณไอโกะ”
แพรวดาวชะงักนิดหนึ่ง หันขวับมองไปที่ประตูด้วยความตกใจ...นอกห้องไอโกะผลักทาโร่ คัตสึ เซกิ ออกจากประตู
“ออกไปนะ”
ไอโกะปรี่ไปคว้าลูกบิดประตูได้...แพรวดาวหันรีหันขวางหาทางหนี ตัดสินใจวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ ไอโกะเปิดประตูและปราดเข้ามาในห้อง เห็นทาเคชินอนหลับอยู่ ทาโร่ คัตสึ เซกิ ตามเข้ามา ไม่อยากให้ไอโกะรบกวนทาเคชิ
“นายน้อยหลับเพราะฤทธิ์ยา อีกนานกว่าจะรู้สึกตัว” ทาโร่พยายามบอก
ไอโกะค้อนทาโร่ กำลังจะเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ก็ชะงัก ทั้งสามคน หันมองกัน งง ๆ ไอโกะได้กลิ่น
“น้ำหอมผู้หญิง”
แพรวดาวยืนหลบอยู่หลังประตูห้องน้ำ สะดุ้งตกใจ เซกิรีบบอก
“ของนางพยาบาลมั้งครับ”
ไอโกะไม่พอใจ
“ฉันอยากเจอนางพยาบาลคนนั้น”
“คงกำลังดูแลคนไข้คนอื่นอยู่” คัตสึบอก
แพรวดาวพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด ยืนเกร็งจนเสียหลักไปโดนประตู เบา ๆ เสียงประตูห้องน้ำขยับ ไอโกะหันขวับ จ้องเขม็งเดินตรงมายังประตูห้องน้ำช้า ๆ ด้วยความสงสัย แพรวดาวได้ยินเสียงฝีเท้าของไอโกะใกล้เข้ามา เริ่มหวั่นวิตก มือไอโกะกำลังเอื้อมไปเปิดประตู ทันใดนั้นเสียงโคจิดังขึ้น
“คุณหนูไอโกะ”
ไอโกะหันไปเห็นโคจิเดินเข้ามา ก้มศีรษะอย่างนอบน้อม
“หมดเวลาเยี่ยมแล้วครับ”
“กล้าดียังไงมาสั่งฉัน”
“คุณหมออยากให้นายน้อยพักผ่อนเต็มที่ ไม่อยากให้ใครรบกวน”
“ฉันคือว่าที่คู่หมั้นของทาเคชิ นายของพวกแก”
โคจิก้มศีรษะให้ไอโกะอย่างเคารพ ทาโร่ คัตสึ เซกิ มองไอโกะอย่างไม่ชอบใจ
“ถ้าฉันเป็นโอคะมิซังของบ้านโอะนิซึกะเมื่อไหร่ ฉันจะไล่พวกแกออก”
ไอโกะสะบัดเชิด เดินออกไป โคจิหันมาสั่ง
“อารักขานายน้อยให้ดี อย่าให้ใครเข้ามา”
“ครับ” ทาโร่รับคำ

โคจิชำเลืองมองไปยังห้องน้ำ ราวกับรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในนั้น แพรวดาวยืนเงียบอยู่ในห้องน้ำ โล่งใจที่รอดตัว

โถงบ้านริกิ...เสียงกรี๊ดลั่นบ้านของไอโกะ พร้อมเสียงขว้างปาข้าวของโครมครามดังสนั่น ริกิเห็นซาโตชินั่งอยู่ จึงเข้ามาถามด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ทาเคชิฟื้นแล้วเหรอ”
“ยัง แต่ลูกน้องก็คงแสบพอกัน”
ริกิเริ่มจะคาดเดาเหตุการณ์ได้
“โชคดีที่ทาเคชิปลอดภัย”
“ห่วงว่าที่ลูกเขยเกินไปมั้ยครับพ่อ”
ริกิเดินเลี่ยงไป ไม่ตอบซาโตชิ

ริกินั่งอยู่ในห้องทำงานมองรูปถ่ายในกรอบรูปบนโต๊ะ ที่เป็นรูปของเขากับอิจิโร่กอดคอถ่ายรูปกันอย่างสนิทสนม เป็นเพื่อนรักกันสมัยหนุ่ม จู่ ๆ ริกิก็เอากรอบรูปนั้นโยนทิ้งถังขยะ อย่างไม่แยแส

ห้องพักฟื้นทาเคชิวันใหม่...ริว เดินนำโคจิและพวกเข้ามาในห้อง ทุกคนตกใจที่เห็นเตียงคนไข้ว่างเปล่า ไร้เงาทาเคชิ
“นายน้อยหายไป” คาซูมะตกใจ
“ค้นให้ทั่วโรงพยาบาล” โคจิสั่งทาโร่
“ไม่ต้อง”
ทาเคชิเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาแล้ว ริวอึ้ง
“ทาเคชิ...”
ริวและทุกคนตื่นเต้นตกใจ ที่เห็นทาเคชิลุกขึ้นมาเดินได้ แม้จะยังมีบาดแผลอยู่บ้าง ทาเคชิถามโคจิ ไม่สนใจสายตาตกใจของทุกคน
“ตำรวจได้ตัวคนวางระเบิดรึยัง”

บ้านโอะนิซึกะ...ประตูหน้าเปิดโล่ง เพื่อตั้งโลงศพของอิจิโร่ ไดสุเกะ ฮิเดโกะ คุมิโกะ เรียงกัน ประดับด้วยดอกไม้สีขาว ทาเคชิก้าวเข้ามาด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบ และร่ำไห้อยู่ภายใน คุกเข่าลงเบื้องหน้าโลงศพของอิจิโร่ และก้มศีรษะลงกับพื้น นิ่ง น้ำตาไหลริน ริวคุกเข่าเคียงข้างทาเคชิ และก้มศีรษะทำความเคารพศพทั้งสี่
“ขอให้วิญญาณทุกดวงรอ...ผมจะลากตัวคนร้ายเอามาลงโทษด้วยตัวเอง”
ทาเคชิประกาศก้อง ขอบตาแดงก่ำ ความคั่งแค้นสุมแน่นอก
“ผมจะช่วยทาเคชิดูแลโอะนิซึกะ ลากตัวคนชั่วมาลงโทษให้ได้”
ทาเคชิกับริวก้มลงเคารพศพอีกครั้ง โคจิ ทาโร่ คาซูมะ มาซาโตะ คัตสึ เซกิ ก้มศีรษะอย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นการตอบรับคำสาบานของทาเคชิกับริว

ทาเคชิเข้ามาในห้องนอนของเขา เปิดลิ้นชักมองดาวกระดาษหลายดวงที่พับเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งให้แพรวดาว เขาหยิบดาวสีชมพูดวงหนึ่งขึ้นมาดู นึกถึงแพรวดาว ริวเดินเข้ามานั่งข้างๆ มองดาวกระดาษในมือทาเคชิ
“คิดถึงนางในฝัน”
“ฉันรู้สึกเหมือนเซโกะอยู่กับฉันตลอดเวลา แค่ได้กอดเธอในฝันก็ทำให้ฉันมีเรี่ยวแรงอย่างแปลกประหลาด”
ทาเคชิชูดาวกระดาษในมือ จ้องตรงมองไปที่ดาวกระดาษนั้น
“ขอบคุณเซโกะ...ขอบคุณที่ทำให้ผมเข้มแข็งอีกครั้ง”
ทาเคชิมองดาวกระดาษในมือ รู้สึกอุ่นใจ

เย็นนั้น พิธีศพในบ้านโอะนิซึกะ มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความไว้อาลัยในงานมากมาย ทาเคชิกับริวสวมชุดสูท ผูกเนกไทสีดำ นั่งคุกเข่าอยู่ข้างโลงศพด้วยจิตใจที่หดหู่และเศร้ามาก โคจิ ทาโร่ คัตสึ เซกิ คอยพาแขกไปเคารพศพด้วยการพนมมือไหว้ศพ ก่อนใช้มือขวาหยิบผงกำยานโรยใส่โถธูปหน้าแท่นศพเป็นวงกลมสามรอบ จากนั้นก็คลานเข่าเข้าไปเคารพศพ แล้วคลานเข่ามาคำนับทาเคชิกับริว ทาเคชิโค้งคำนับแขกที่มาแสดงความเสียใจ โดยไม่มองหน้าใคร ไม่สนใจใคร เสียงริกิดังขึ้น
“โคโนทะบิโนะโกะฝุโค โอคุยาหมิ โมชิอาเงมัสสุ...ได้โปรดรับการแสดงความเสียใจด้วย”
ทาเคชิเงยหน้าขึ้น เห็น ริกิ ไอโกะ ซาโตชิ และลูกน้องกลุ่มมิซาว่า เข้ามาแสดงความเสียใจทาเคชิตอบเรียบนิ่ง
“ขอบคุณครับ”
“ทาเคชิซังหายดีรึยังคะ ยังเจ็บแผลตรงไหนอีกรึเปล่า”
ไอโกะคว้าแขนทาเคชิมาจับไว้ด้วยความเป็นห่วง ทาเคชิค่อย ๆ เลื่อนแขนตัวเองออกจากการจับกุม ริกิรีบดึงตัวไอโกะออกไป เพราะไม่อยากให้เสียมารยาทในพิธีศพ ไอโกะมองทาเคชิตาละห้อย
ฮิโระ ทามาโกะ มายูมิ เมกุมิ และมิยูกิ เข้ามาเคารพศพ มายูมิแอบมองริวที่นั่งก้มหน้าเศร้าอยู่ด้วยความเห็นใจ ก่อนตามครอบครัวไปหาที่นั่งในงาน ทาโร่ขยับเข้ามากระซิบบอกทาเคชิ
“ท่านโอะซะมุ ผู้บัญชาการตำรวจมาครับ”

ทาเคชิกับริวเงยหน้าขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน โอะซะมุ มากิ และ ฮิโระ อาเบะ เข้ามาประจันหน้าทาเคชิกับริว

ในห้องรับแขก...โอะซะมุหันมารับปากกับทาเคชิและริวที่นั่งเงียบ ท่าทางขรึม
“เรากำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อหาตัวคนร้ายมาลงโทษ”
“โอะนิซึกะ เราจัดการเองได้” โคจิพูดขึ้น
“โอะนิซึกะเป็นตระกูลนักรบที่ช่วยเหลือทางการดูแลชาวบ้านก็จริงอยู่ แต่พวกคุณไม่มีสิทธิสืบสวนเรื่องคดีอาชญากรรมแบบนี้ มันผิดกฎหมาย”
“กฎหมายคุ้มครองใครได้บ้าง ขนาดนักรบอย่างโอะนิซึกะยังไม่ปลอดภัยแล้วชาวบ้านจะเป็นยังไง” ริวแทรกขึ้น
โอะซะมุไม่พอใจ
“เราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”
ทาเคชิพูดขึ้นบ้าง
“เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องทำตามกฎหมาย แต่บางครั้ง...กฎหมายเพียงอย่าง
เดียวก็จัดการความเลวร้ายไม่ได้”
โอะซะมุชะงักหันไปมอง ทาเคชิกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกและขรึมขลัง
“ผมคิดว่า...เราควรร่วมมือกันสืบหาตัวคนร้าย ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด...เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย”
โอะซะมุหันมองทาเคชิ รู้สึกทึ่งในความคิด และท่าทางสุขุม ริกิแทรกขึ้น
“โอะนิซึกะมีเรื่องกับซะโต้เท่านั้น เป็นฝีมือเคนอิจิแน่”
โคจิหันไปหาโอซะมุ
“ถ้ามีรายละเอียดมากกว่านี้ เราจะรีบแจ้งท่านโอะซะมุทันที”
“จับตัวพวกมันมาให้ได้ ฉันจะไม่ยอมให้คนชั่วที่ฆ่าเพื่อนรักฉันลอยนวล เด็ดขาด”
ริกิพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว โกรธมาก

ในพิธีศพ...ทาเคชิกับริวกลับมาคำนับขอบคุณแขก เหมือนหุ่นที่ไร้ชีวิตและจิตใจ แพรวดาวตามมาซาโกะเข้ามาเคารพศพ ก่อนไปคำนับทาเคชิ
“เสียใจด้วยนะคะ”
ทาเคชิเงยหน้าขึ้นมาเห็นแพรวดาว ตื่นเต้นดีใจมาก
“เซโกะ”
ริวกระแอมขึ้นเบา ๆ ทาเคชิจึงรู้สึกตัว
“ขอบคุณมากครับ”

ทาเคชิรีบโค้งคำนับขอบคุณครอบครัวมาซาโกะ ก่อนลอบมองแพรวดาวเดินจากไปด้วยความเสียดาย ริวกระแอมเตือนอีกครั้ง แล้วส่งสายตาไปทางไอโกะ ราวกับให้ระวังตัว ทาเคชิกลัวไอโกะเห็น จึงจำใจละสายตาจากแพรวดาว ไอโกะไม่ทันมองมาทางแพรวดาว หันมาอีกครั้งก็เห็นเพียงทาเคชิยืนอยู่หน้าศพกับริวเท่านั้น

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 3 (ต่อ)

มุมลับตาคนบริเวณพิธีศพ...ทาโร่เข้ามาถามทาเคชิด้วยความแปลกใจ
“ให้คนไปตามผมเหรอครับ”
“ฉันมีงานให้ทำ”
ทาโร่สงสัยว่างานอะไรสงสัย

ลูกน้องกลุ่มโอะนิซึกะต่างช่วยกันยกน้ำชามาเสิร์ฟให้แขกที่มาร่วมงานศพ
“ของคุณเซโกะครับ”
ทาโร่ยกชาถ้วยหนึ่งมาให้ แพรวดาวก้มศีรษะขอบคุณก่อนรับถ้วยชาจากทาโร่ แพรวดาวกำลังจะยกชาขึ้นจิบ ชะงัก เมื่อเห็นเศษกระดาษซ่อนอยู่ใต้จาน มีข้อความภาษาญี่ปุ่นเขียนว่า
“สวนหลังบ้าน อีก 15 นาที”
แพรวดาวหันไปทางทาโร่ แต่เขาเดินหายไปแล้ว เธอมองกระดาษข้อความอย่างชั่งใจ

ในสวนหลังบ้าน...แพรวดาวเดินผ่านเงามืดของต้นซากุระเข้ามาในสวน จนชะงัก เมื่อเห็นทาเคชิก้าวออกมาจากหลังต้นซากุระ
“ขอบคุณที่มา”
“ฉันไม่แน่ใจว่าควรจะมามั้ย”
แพรวดาวบอกทาเคชิ อย่างรู้สึกผิด
“ฉันไม่สมควรมาพบคุณ...แต่ฉันคิดว่าคุณคงอยากพูดกับใครสักคน”
“เซโกะ”
ทาเคชิจ้องหน้าแพรวดาวพลางเอามือทั้งสองข้างแตะที่ไหล่ของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความซาบซึ้ง
“คุณเป็นคนเดียวในโลกที่ผมต้องการที่สุด”
ทาเคชิรั้งแพรวดาวมาไว้แนบอก ซบหน้าลงบนเรือนผมของเธอ น้ำตาซึมเมื่อได้กอดผู้หญิงในดวงใจ
“ผมอยากได้ยินเสียงคุณ อยากกอดคุณ...ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้ผมมีกำลังใจ”
แพรวดาวยืนทื่อด้วยความตกใจ ทาเคชิดึงตัวเข้ามากอด เธอจะยกมือขึ้นผลักแผ่นอกเขา แต่กลับชะงักค้างไว้แค่นั้นเพราะรู้สึกสงสาร ก่อนวางลงบนแผ่นหลังของเขาแทน

ในบ้านโอะนิซึกะ...ไอโกะตวาดคัตสึกับเซกิด้วยความหงุดหงิด
“ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องสักอย่าง น่ารำคาญที่สุด”
ทาโร่เดินผ่านมาพอดี ไอโกะจึงรีบปรี่เข้าไปขวาง
“เห็นทาเคชิมั้ย”
ทาโร่ชะงักนิดหนึ่ง ตอบไอโกะอย่างไม่เต็มปากนัก
“ขึ้นไปทำธุระส่วนตัวบนห้องครับ อีกสักพักคงลงมา”
“โกหก ฉันเพิ่งลงมาจากห้องทาเคชิ ทำไมไม่สวนกัน”
“ไม่ทราบครับ”
“คนบ้านนี้เป็นอะไร ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่ได้เรื่อง”
ไอโกะเดินกระแทกเท้าตึง ๆ ออกไปอย่างอารมณ์เสีย

ในสวนหลังบ้าน...แพรวดาวถามขึ้น เมื่อเห็นทาเคชิเริ่มคลายอ้อมกอดจากเธอ เปลี่ยนเป็นจับมือ
“ไม่น่าเกิดเรื่องร้ายกับครอบครัวคุณเลย”
“ผมจะล่าตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้”
“ป้ามาซาโกะบอกว่าคุณจะต้องเป็นโซเรียว ฉันอยากให้คุณระวังตัวให้ดี”
แพรวดาวพูดด้วยความเป็นห่วง ก่อนนึกขึ้นได้
“ฉันควรจะกลับไปที่งาน เดี๋ยวป้ามาซาโกะจะตามตัว”
ทาเคชิพยักหน้าเศร้า เมื่อต้องกล่าวคำลา
“ขอบคุณที่มาตามคำขอร้องของผม...ถึงคุณจะมีคนรักอยู่ที่เมืองไทย แต่ผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้”
แพรวดาวหลบสายตาทาเคชิ ทั้งรู้สึกผิดระคนตื้นตันในคำสารภาพของเขา
“คุณก็มีคู่หมั้นแล้ว เราไม่ควรพบกันอีก”
“ผมไม่เคยรักไอโกะ ทั้งหมดเป็นความต้องการของผู้ใหญ่”
“คุณจะเป็นโซเรียวที่ดี และแข็งแกร่งเหมือนพ่อของคุณ”
แพรวดาวยิ้มบาง ๆ ให้ราวกับถ่ายทอดกำลังใจผ่านรอยยิ้มนั้น
“ลาก่อนค่ะ”
แพรวดาวดึงมือออกจากการเกาะกุมของทาเคชิ
“เซโกะ”
ทาเคชิดึงตัวแพรวดาวเข้ามากอดอีกครั้ง อย่างแนบแน่น เหมือนกลัวเธอหลุดมือไป

“อ้อมกอดอบอุ่นนี้...คุณไม่ใช่ฝัน...คุณคือตัวจริง คุณคือคนที่ทำให้ผมลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง”

แพรวดาวน้ำตาซึม ด้วยความอาลัย ขณะเดียวกันนั้นเสียงไอโกะดังขึ้น
“ทาเคชิ”
ทาเคชิกับแพรวดาวตื่นจากภวังค์ เขาประทับจูบที่หน้าผากของเธออีกครั้ง
“ผมจะไม่มีวันลืมรักแรกของผม...ชั่วชีวิต”
แพรวดาวประสานสายตากับทาเคชิ น้ำตาไหลริน ทาเคชิหมุนตัวออกไปจากเงามืดหลังต้นซากุระ ตอบไอโกะเสียงห้วน
“มีอะไร”
“คุณพ่ออยากคุยกับคุณค่ะ”
ทาเคชิมองแพรวดาวที่ยืนหลบอยู่ด้านหนึ่งด้วยสายตาเศร้าสร้อย ก่อนก้าวออกไปหาไอโกะ...แพรวดาวยืนหลบอยู่ตรงมุมมืดหลังต้นซากุระ มองทาเคชิเดินจากไปพร้อมไอโกะด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ แต่ไอโกะไม่เห็นแพรวดาว

ในห้องรับแขก บ้านโอะนิซึกะ...ทาเคชิ ริวและโคจินั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน มองหน้าริกิอย่างแปลกใจที่จู่ๆ เรียกคุยด่วนในงานศพ ริกิ ซาโตชิ และไอโกะนั่งอยู่อีกฝั่ง ทั้งหมดมองหน้ากันนิ่งๆแต่ยังไม่ยอมพูดอะไร อายะโกะและฟูมิโกะเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับทุกคนแล้วคำนับขอตัวออกจากห้องไป ทาเคชิถามขึ้น
“มีเรื่องอะไรครับ...ทำไมถึงเรียกพวกเรามาคุยด่วนแบบนี้”
“เป็นเรื่องเร่งด่วนของโอะนิซึกะ รอไม่ได้...โอะนิซึกะต้องมีการจัดระเบียบการทำงานหลังโซเรียวตาย” ริกิบอก
ทาเคชิกับริวหันมามองหน้ากันอย่างรู้สึกไม่ชอบมาพากล แล้วหันไปมองริกิ
“เราสองคนกลับไปเรียนต่อให้จบ กิจการทุกอย่างของโอะนิซึกะลุงจะช่วยดูแลให้เอง”
ทาเคชิและริวเหลือบมองโคจิที่นั่งนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ ซาโตชิและไอโกะแอบยิ้มร้าย ริกิเห็นทาเคชิยังเงียบอยู่ก็ยิ้มได้ใจ
“ซาโตชิจะเข้าไปดูแลบริษัทชิปปิ้งที่ท่าเรือ ส่วนบริษัทเหมาก่อสร้างลุงจะดูแลเอง พวกงานเอกสารก็เหมือนกัน” ริกิหันไปสั่งโคจิ “บอกมาซาโตะให้จัดการเรื่องเซ็นเอกสารด้วย ฉันจะเป็นคนเซ็นเอกสารทุกอย่างเพียงคนเดียว จะได้ไม่รบกวนเวลาเรียนของทาเคชิ”
ทาเคชิอึ้งไปกับท่าทีของริกิ ริวชักสีหน้าไม่พอใจ แต่โคจิแอบแตะแขนริวเพื่อให้ควบคุมอารมณ์ ทาเคชิพูดขึ้นนิ่งๆ
“อย่าลำบากเลยครับ โอะนิซึกะของเรายิ่งใหญ่ได้ทุกวันนี้เพราะยืนอยู่บนขาของตัวเอง ถ้าให้คนของมิซาว่ามาดูแล...จะเรียกโอะนิซึกะได้ยังไง”
พวกมิซาว่าอึ้ง ซาโตชิโมโหเผลอตัวชี้หน้าทาเคชิ
“แต่แกยังต้องเรียน จะทำสองอย่างพร้อมกันได้ยังไง”
ทาเคชิจ้องตาซาโตชิอย่างเด็ดเดี่ยว
“ถ้าผมดูแลโอะนิซึกะไม่ได้...ก็อย่าเรียกผมว่าโซเรียว”
ริกิอึ้งนิ่งไป ซาโตชิชักสีหน้าไม่พอใจ ทาเคชิและริวจ้องหน้าริกิที่ยังมีสีหน้าไม่พอใจอยู่ ริกิสะกดอารมณ์...สีหน้านิ่งปรบมือให้ทาเคชิช้าๆ แววตาและสีหน้ายังนิ่งเรียบไม่แสดงอาการใดๆ
“มันต้องให้ได้อย่างนี้สิไอ้หลานชาย”
ทาเคชิ ริวและโคจิอึ้งแล้วเหลือบมองหน้ากันอย่างแปลกใจในท่าทีของริกิ
“อิจิโร่คงตายตาหลับที่มีลูกชายใจเด็ดแบบนี้...ลุงจะเอาใจช่วยอีกแรง”
ไอโกะเห็นจังหวะก็รีบชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆริกิ
“ถ้าทาเคชิจะไม่เรียนแล้ว ผ่านช่วงไว้ทุกข์เราก็แต่งงานกันได้เลยสิคะ”
ซาโตชิมองหน้าน้องสาว
“อย่าบอกนะว่าเธอจะเลิกเรียนด้วยอีกคน”
“เรื่องเรียนไม่สำคัญเท่ากับการเป็นโอะคะมิซัง ไอโกะพร้อมจะดูแลอยู่เคียงข้างทาเคชิแล้ว”
ริวมองไอโกะแล้วส่ายหน้าเอือมๆ
“ไอโกะ...นายหญิงของโอะนิซึกะไม่ใช่จะเป็นกันได้ง่ายๆ ต่อให้แต่งงานไปแล้ว แต่ถ้าคุณสมบัติไม่เพียงพอ ก็ไม่มีวันได้รับตำแหน่งเป็นโอะคะมิซัง”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
ไอโกะหันไปเอาเรื่อง ง้างมือจะลุกไปตีริว แต่ริกิรั้งตัวไว้
“ใจเย็นๆ ไอโกะ”
“แต่มันว่าหนู...ฉันแต่งงานเมื่อไหร่ แกเจอดีแน่”
ทาเคชิเหลืออดระเบิดอารมณ์เสียงดัง เด็ดขาดและทรงพลัง
“งานศพยังผ่านไปไม่ทันข้ามวัน คิดเรื่องแต่งงานแล้วเหรอ”
ไอโกะอึ้งเหวอไปที่โดนทาเคชิขึ้นเสียงดัง ผิดกับบุคลิกปกติของเขา ริวเสริม
“มารยาทพื้นฐานก็ไม่ผ่านแล้ว”
ซาโตชิโกรธมากลุกขึ้นชี้หน้าริวทันที
“อย่ามาว่าน้องสาวฉัน พวกแกไม่มีมารยาท พูดเรื่องแต่งงานทีไรก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง ทั้งๆ ที่รับปากไว้แล้ว...โซเรียวต้องรักษาคำพูดของตัวเอง”
ริวยิ่งโมโหจะเข้าไปเอาเรื่องซาโตชิ แต่ทาเคชิห้ามไว้แล้วลุกขึ้นจ้องหน้าซาโตชิ
“ผมไม่เคยผิดคำพูด แต่วันนี้ผมจะไม่คุยงานมงคล”

ทาเคชิหนจ้าตาเอาจริง จ้องไปที่หน้าซาโตชิที่จ้องตอบแบบไม่ยอมกัน

ในบ้านมิซาว่า ไอโกะกรี๊ดไปแล้วทุบซาโตชิรัว
“ไหนบอกจะบังคับให้ทาเคชิแต่งงานกับฉัน แล้วทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมๆ”
“โอ๊ย...พี่ไม่ได้บอกว่าจะคุยกับทาเคชิให้ซะหน่อย ไปทุบคนนั้นซิ”
ไอโกะหันไปทางพ่อ ริกิจ้องด้วยสายตาดุ ไอโกะชะงักไป
“ต้องให้พวกมันชี้หน้าด่าตรงๆ ว่าพวกเราไม่มีมารยาทรึไง ลูกถึงจะคิดได้”
ไอโกะน้อยใจที่ทำอะไรไม่ได้ หันกลับไปนั่งกอดอกสีหน้าไม่พอใจ ซาโตชิเจ็บใจ
“ทาเคชิมันกล้าหักหน้าพ่อ พ่อเป็นถึงโซเรียวของมิซาว่าแต่คำพูดแต่ละประโยคไม่ไว้หน้ากันเลย”
“ปล่อยไปก่อน เมื่อถึงเวลามันจะต้องชดใช้ความผิด...ที่กล้าหักหน้าโซเรียวของมิซาว่า”
ไอโกะสวนขึ้นทันที
“ห้ามพ่อทำร้ายทาเคชินะคะ”
ริกิหงุดหงิด
“หยุดได้แล้วไอโกะ เอาเวลาไปคิดดีกว่า...ควรทำตัวยังไงถึงจะเอาชนะใจทาเคชิได้ขึ้นเป็นโอะคามิซัง เพราะแบบที่ลูกเป็นอยู่...มันใช้ไม่ได้”
ไอโกะไม่พอใจ แต่ทำอะไรมากไม่ได้ ริกิมองไอโกะแล้วส่ายหน้ากลุ้มใจ

มหาวิทยาลัยเนโรเช้าวันใหม่...แพรวดาวและมิโยะโกะอยู่ในห้องสมุดเดินหาหนังสือตามชั้น
“มิซาว่าน่ะเหรอคิดจะล้มโอะนิซึกะ ท่าทางไอโกะรักทาเคชิจะตาย” แพรวดาวน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“ความรักหญิงสาวจะสู้ความรักในสายเลือดได้ยังไง ชาวเมืองรู้กันทั่วว่ามิซาว่าอยากเป็นใหญ่เหนือโอะนิซึกะ”
แพรวดาวเดินเลยมาที่ชั้นหนังสือแถวถัดมา มองหาหนังสือบนชั้น มิโยะโกะหันไปมองหาหนังสือที่อีกชั้นนึงสองสาวหันหลังให้กัน
“เสียดายนะที่ทาเคชิต้องแต่งงานกับยายไอโกะพ่นพิษ ทาเคชิกำลังจะขึ้นเป็นโซเรียว ควรจะมีผู้หญิงที่ดีและเหมาะสมอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่คนแบบไอโกะ”
“แล้วแบบไหนถึงจะเหมาะสมล่ะ” แพรวดาวถามลอยๆ
มิโยะโกะนิ่งไปคิด ๆ แล้วหันมามองแพรวดาวที่กำลังเอียงศีรษะอ่านชื่อบนสันปกหนังสือ แล้วดึงหนังสือออกมาจากชั้น อีกด้านหนึ่งของชั้นหนังสือ ผ่านช่องหนังสือที่เปิดออก...ทาเคชิกำลังมองแพรวดาวที่ยังเอียงศีรษะอยู่ แพรวดาวและทาเคชิสบตากันอึ้งๆ
“ทาเคชิ...”
ทาเคชิรีบใช้นิ้วจุ๊ปากให้แพรวดาวเงียบ
“เธอว่าอะไรนะ”
มิโยะโกะเดินเข้ามาหาแพรวดาวแล้วมองไปทางทาเคชิ แต่ทาเคชิหลบทัน มิโยะโกะหันหลังพิงชั้นหนังสือแล้วคุยกับแพรวดาวต่อ
“ผู้หญิงที่เหมาะกับทาเคชิเหรอ...”
แพรวดาวเหลือบมองมิโยะโกะแล้วเหลือบมองทาเคชิ อึ้งๆ เหวอๆ เขินที่ทาเคชิได้ยินเรื่องที่คุยกันอยู่ มิโยะโกะนิ่งไปคิดๆ
“ฉันว่า...แบบเธอนี่แหละเซโกะ ที่เหมาะสมกับทาเคชิ”
แพรวดาวอึ้งช็อคไป ทาเคชิอมยิ้มมิโยะโกะพูดต่อ
“สวย ฉลาด ขยัน อดทน มีน้ำใจ มีเหตุผล แบบนี้แหละเหมาะสมที่สุด”
ทาเคชิมองแพรวดาวแล้วยิ้ม แพรวดาวทั้งเหวอทั้งอาย ไม่กล้าสบตาเขา มิโยะโกะหยิบหนังสือจากชั้นตรงหน้าแล้วเดินออกไป
“ฉันได้ครบแล้วนะ”
แพรวดาวเห็นมิโยะโกะออกไป หันกลับมามองทาเคชิ แต่เขาไม่อยู่แล้ว แพรวดาวถอนหายใจโล่งอกแล้วหมุนตัวจะเดินไป แต่เจอทาเคชิยืนยิ้มให้อยู่ ทั้งสองคนสบตากัน
“เพื่อนคุณพูดถูก”
“เรื่องอะไรคะ”
“คุณคือผู้หญิงที่เหมาะสม...สวย ฉลาด มีน้ำใจ”
แพรวดาวยิ่งเขินเลยเบือนหน้าหลบสายตาทาเคชิไป
“มีผู้หญิงคนอื่นที่ดีกว่าฉันอีกเยอะค่ะ”
“ต่อให้ดีกว่านี้อีกร้อยเท่าก็ไม่มีความหมาย...”
ทาเคชิค่อยเชยคางแพรวดาวขึ้น จ้องมองแพรวดาวอย่างจริงใจ
“เพราะเขาไม่ใช่คุณ เซโกะ...คุณคือคนที่ผมอยากให้อยู่เคียงข้าง”
แพรวดาวสบตากับทาเคชิอึ้งๆ หวั่นไหวไปกับคำพูดของเขา ทาเคชิค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หมายจะจุมพิตแต่แพรวดาวยิ่งเขินเลยเบือนหน้าหนี ทาเคชิชะงักไปแล้วผละออก

“ผมแค่จะมาบอกว่า...ต่อไปคุณคงไม่เจอผมที่มหาวิทยาลัยอีกแล้ว ผมคงคิดถึงที่นี่...และคนที่นี่” เขามองเธอด้วยแววตาเศร้า

แพรวดาวสลดไปนิดหนึ่งเช่นกัน
“ขอโทษ ผมชอบลืมไปว่ามีคนรอคุณอยู่ที่เมืองไทย”
“เรื่องนั้น ฉัน...ฉัน...”
แพรวดาวพูดไม่ออกว่าโกหกเรื่องแฟน
“เอ้อ...ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
แพรวดาวรีบก้มเก็บหนังสือแล้วเดินออกไปทันที ทาเคชิมองตามไปแล้วเศร้าๆ...แพรวดาวรู้สึกสับสนที่ได้เจอทาเคชิ เธอตัดสินใจหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง ทั้งสองคนสบตากัน เธอยิ้มให้เขาแล้วค่อยๆหันกลับไป ทาเคชิยิ้มมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของแพรวดาว
“แค่ได้เห็นรอยยิ้มของคุณ ผมก็พอใจแล้วเซโกะ”

วันใหม่...ทาเคชิกับริวกำลังเดินคุยงานบริเวณคลังสินค้าเก่าทรุดโทรมกับโคจิ มาซาโตะ และ คาซูมะอย่างเครียดๆ ห่างออกมามี ทาโร่ เซกิ และ คัตซึ คอยดูแลความปลอดภัยให้ห่างๆ
“ถ้าเรายกเลิก...ไม่ซื้อที่นี่เพื่อทำคลังสินค้าแห่งใหม่ของโอะนิซึกะ คนที่เสียผลประโยชน์ที่สุดคือมิซาว่า” โคจิบอก
ทาเคชิมองไปรอบๆ บริเวณ ไม่ค่อยพอใจนัก
“โอะนิซึกะควรมีทางเลือก...ยังมีที่ดินผืนอื่นที่เหมาะสมมากกว่า”
“เรื่องนี้โซเรียวเคยเจรจากับท่านริกิครั้งหนึ่งก่อนตาย แต่ตกลงกันไม่ได้ครับ” คาซูมะออกความเห็น
ริวแทรกขึ้น
“บางทีมิซาว่าอาจจะมีประโยชน์อื่นแอบแฝง”
มาซาโตะเห็นด้วย
“เป็นไปได้ ระยะหลังๆ มิซาว่ามีปัญหาเรื่องการเงิน”
ทาเคชิมองไปรอบๆ แล้วตัดสินใจ
“แจ้งมิซาว่า...โอะนิซึกะขอเลื่อนการซื้อที่ดินผืนนี้ เราจะทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง”
“แต่ถ้าทำแบบนั้นท่านริกิอาจจะไม่พอใจ” โคจิแย้ง
ริวนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนหันไปตัดสินใจ
“บอกว่าโอะนิซึกะยังไม่พร้อมจะทำสัญญาฉบับใหม่กับใครทั้งนั้น ขอให้รอจนกว่าการแต่งตั้งโซเรียวคนใหม่จะเสร็จสิ้น เราจะนัดประชุมกับมิซาว่าอีกครั้ง”
โคจิยิ้มพอใจที่ทั้งทาเคชิและริวทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

บริเวณที่จอดรถคลังสินค้า...ทั้งหมดเดินมาขึ้นรถตู้ ทาโร่มองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวดระวัง รถตู้แล่นออกไป ทางด้านหนึ่งอันธพาลกลุ่มหนึ่งยืนมองท่าทางเอาเรื่อง...รถตู้ของทาเคชิขับไปตามทางถนนถนนเปลี่ยวชานเมืองผ่านแยกแห่งหนึ่งออกไป ทันใดนั้นมอเตอร์ไซค์ 5 คันขับพุ่งมาจากคนละทางแล้วขับตามรถตู้ทาเคชิไป...
ทาเคชิและริวได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามาใกล้เลยหันไปมอง มอเตอร์ไซค์ 2 คันขับมาประกบข้างรถทั้งสองข้าง อีก 3 คันขับตามหลัง ทาเคชิและริวเห็นคนขับมอเตอร์ไซค์เล็งปืนมาที่รถก็ตกใจ
“ทุกคนระวัง”
คนขับมอเตอร์ไซค์เล็งปืนไปที่รถ กดปลายกระบอกปืนลงเล็งที่ยางรถยนต์ ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น รถตู้ของทาเคชิเสียหลักถลาไปเกือบตกถนน คนขับรถพยายามประคองรถไปตามทาง ทาเคชิมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นโรงงานร้าง
“ขับไปทางนั้น”
คนขับรถขับรถลงข้างทาง ตรงไปทางโรงงานร้าง ริวเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วหันมาหาทุกคน
“แยกกันคนละทาง...ทาโร่ คุ้มกันอาโคจิด้วย”
ทาเคชิมองไปเห็นว่ารถตู้กำลังจะถึงที่หน้าทางเข้าโรงงาน
“ตรงนี้แหละ”
คนขับหักพวงมาลัยเลี้ยวรถทันที เพื่อให้ประตูรถตู้ขนานกับทางเข้าโรงงาน ทาเคชิและริวกระโดดลงจากรถตู้ไป พอตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งเข้าไปในโรงงานทันที
ทาเคชิและริวเข้ามาในโรงงานร้างแล้วหันหลังชนกัน มองสำรวจไปรอบๆ ทั้งสองนึกถึงคำสอนของอิจิโร่ที่เคยสอนไว้
“ในยามคับขัน...เราต้องรู้จักใช้สิ่งของรอบตัวให้เป็นประโยชน์”
ทาเคชิและริว มองปราดไปรอบๆ โรงงานร้าง เห็นอุปกรณ์เครื่องจักรเก่ามากมาย ทั้งโซ่ขนาดใหญ่ ฟันเฟือง แม่แรงเก่า ทาเคชินึกถึงคำสอนของอิจิโร่
“ของเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้เราเอาชีวิตรอด”
ทาคชิหันไปมองกระจก เห็นเงาสะท้อนจากกระจกหน้าต่างเห็นผู้ชาย 2 คนวิ่งหลบไปทางหนึ่ง ทาเคชิชี้จุดให้ริวเห็น ริวพยักหน้าคิดถึงคำสอนของอิจิโร่เช่นกัน

“สังเกตทุกอย่างที่อยู่บริเวณนั้น มีคนกี่คน มีจุดสนใจอะไรเป็นพิเศษ มีทางหนีกี่ทาง ทางไหนคือทางปลอดภัยที่สุด”

รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนที่ 3 (ต่อ)

ริวมองไปอีกทาง เห็นเงาคนสองคนที่กำลังเดินมาแล้วอยู่ ๆ ก็หยุดเดิน ริวกระซิบ
“ทางนี้อีกสอง”
ทันใดนั้นชายชุดดำสวมหมวกอำพรางใบหน้า 4 คนเดินมาล้อมไว้ ทาเคชิกับริวนึกถึงคำสอนของอิจิโร่
“เผชิญหน้ากับศัตรูเมื่อไม่มีทางเลือก...ใช้สิ่งของรอบตัวให้เป็นประโยชน์ โดยใช้เวลาต่อสู้ให้สั้นที่สุด”
ทาเคชิและริวหันหลังชนกัน เตรียมพร้อมต่อสู้
“4 คน 4นาที...แล้วเราจะออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย” ริวกระซิบ
“ฉันให้ 3”
ขาดคำทาเคชิก็พุ่งตัวเข้าไปจัดการชายชุดดำตรงหน้าทันที ริวเข้าไปจัดการกับชายชุดดำตรงหน้าตัวเองเช่นกัน ทาเคชิและริวต่อสู้กับชายชุดดำด้วยมือเปล่าอย่างคล่องแคล่ว โดยใช้อุปกรณ์เครื่องจักรเก่ามากมาย ทั้งโซ่ขนาดใหญ่ ฟันเฟือง แม่แรงเก่า ที่วางเกลื่อนกลาดอยู่ให้เป็นประโยชน์ ในที่สุด...ชายชุดดำทั้ง 4 คนพลาดท่าให้ทาเคชิและริว จนล้มไปกองอยู่กับพื้น ริวพอใจกับผลงาน
“เราปลอดภัย”
“ในเวลา 3 นาที”
เสียงปืนดังขึ้นจากด้านนอกหลายนัด ทั้งคู่ตกใจ
“อาโคจิ”
ทาเคชิกับริวรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังลั่นไปทั่ว ทาเคชิและริวหันไปมองงงๆ โคจิ คัตสึ เซกิ และ ทาโร่ ยืนปรบมือให้ทั้งสองคนอยู่ โคจิยิมภูมิใจ
“ยินดีด้วย...นายน้อยสอบผ่านบททดสอบสำคัญของพวกเราพร้อมจะรับตำแหน่งโซเรียวโดยภาคภูมิ...”
ริวและทาเคชิอึ้ง ทั้งหมดปรบมือให้ ทาเคชิกับริวยิ้มแล้วกอดไหล่กันอย่างภูมิใจ

วันใหม่...แพรวดาวอยู่ในร้านผลไม้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ลงพาดหัวข่าว “คลื่นลูกใหม่ โอะนิซึกะ” มีรูปถ่ายทาเคชิและริวปรากฏบนภาพข่าว
“คลื่นลูกใหม่โอะนิซึกะ...” แพรวดาวอ่าน
มิโยะโกะพูดขึ้น
“พ่อฉันบอกว่าสองคนนี้เก่งมาก เรียนรู้งานของโอะนิซึกะได้ในเวลาไม่นาน แถมยังเป็นที่รักและเคารพของทุกคนด้วย”
“เป็นถึงโซเรียว ทุกคนก็ต้องเคารพสิ”
“ไม่เสมอไป แต่โอะซึกะโซเรียวทุกรุ่น เป็นที่รักและเคารพของชาวเมืองมาตลอด”
มิโยะโกะหยิบหนังสือพิมพ์มาจากแพรวดาวแล้วเปิดให้ดูข่าวอื่น ๆ ของทาเคชิกับริว
“โดยเฉพาะสองคนนี้...ทาเคชิมีเสน่ห์ที่จิตใจ ส่วนริวมีเสน่ห์ที่คำพูด”

ริวเดินคุยกับทาเคชิบริเวณคลังสินค้าของโอะนิซึกะ
“ อย่าคิดว่าวันนี้แกจะรอดมือฉันไปได้นะทาเคชิ”
ริวกระชากกุญแจรถออกมาจากมือทาเคชิ ล้วงกระเป๋าสตางค์ของทาเคชิออกมาจากเสื้อคลุม ทาเคชิงงๆ
“พูดเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่แกชอบแว่บแอบหนีไปหาสาวไง คลังสินค้าของเรายิ่งใกล้ร้านผลไม้ของหวานใจแกด้วย...ไว้ใจไม่ได้”
ริวโยนกุญแจรถให้คัตสึ แล้วโยนกระเป๋าสตางค์ให้เซกิไปเก็บ ริวบอกกับทั้งสองคน
“ถ้าทาเคชิได้ของคืนไป แกสองคนตาย”
คัตสึกับเซกิรับคำ
“ครับนาย”
คัตสึและเซกิรีบแยกย้ายไปคนละทาง ทาเคชิเซ็ง
“ไอ้ริว”
ริวยักไหล่กวน ๆ ไม่สนใจ ทาเคชิพุ่งเข้าไปล็อคคอริวโกรธ ๆ ทันใดนั้นเสียงลังสินค้าล้มครืนลงมาพร้อมกับเสียงผู้หญิงร้องลั่น
“อ๊าย...”

ผู้หญิงวัยกลางคนยืนกรี๊ดอยู่ ทาเคชิและริววิ่งเข้ามาอย่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
ลุงยามะยืนอึ้งๆ อยู่ใกล้ลังที่ตกลงมาแตกกระจายห่างจากจุดที่หญิงคนนั้นยืนไม่มากนัก ข้างกันมีรถโฟล์คลิฟที่ใช้ยกพาเรทในคลังสินค้าจอดอยู่ด้วย ลุงยามะที่ใส่ชุดคนงานทั้งชุด เห็นทาเคชิและริวก็ยิ่งกลัว

“ผมผิดเองครับ ผมยกลังมาวางไม่ดี ผมขอโทษจริงๆ ครับ”

ยามะรีบโค้งตัวต่ำอย่างรู้สึกผิด หญิงคนนั้นท่าทางสะอื้นไห้ด้วยความตกใจสุดๆ
“ฉันมาตรวจสินค้า...แต่ต้องเกือบตาย ใครจะรับผิดชอบ ไหนจะข้าวของที่เสียหายอีกล่ะ”
“ต้องขอโทษแทนคนของผมด้วย ผมยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ ท่าคุณจะตกใจมาก...ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”
ริวส่งผ้าเช็ดหน้าให้ผู้หญิงเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมาเพราะความตกใจ
“ไปนั่งพักตรงโน้นก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลประจำคลังสินค้ามาดูอาการให้”
หญิงคนนั้นอึกอัก
“เอ้อ...ฉัน ฉันไม่เป็นไร”
“ตรวจดูซะหน่อยดีกว่าครับ”
ริวมองผู้หญิงด้วยแววตาอบอุ่น หญิงคนนั้นพยักหน้าเดินตามริวออกไป ริวหันไปพยักหน้าให้ทาเคชิ แล้วเดินพาหญิงคนนั้นหลุดออกไป ทาเคชิหันกลับมาหาลุงยามะที่ยืนก้มหน้ากลัวๆ อยู่
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน...”
ทาเคชิเดินนำไป ลุงยามะมองตามอย่างกลัวๆ

ห้องทำงาน ในคลังสินค้าโอนิซึกะ ทาเคชิลงนั่งที่เก้าอี้ ลุงยามะรีบคุกเข่าลงแล้วโค้งตัวก้มศีรษะขอโทษทาเคชิ
“ผมขอโทษครับนาย จะลงโทษผมยังไงก็ได้”
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ไม่ได้ครับ ผมทำผิด ต้องได้รับโทษ ค่าเสียหายกับค่าทำขวัญผู้หญิงคนนั้นหักจากค่าแรงของผมได้เลย ถ้าไม่พอผมยอมทำงานให้นายฟรีๆ”
“ทำงานก็ต้องได้ค่าตอบแทนสิ จะมาทำให้ฟรีๆ ได้ยังไง...”
ลุงยามะชะงักชำเลืองมองทาเคชิ
“ส่วนเรื่องวันนี้...มันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก”
ลุงยามะเงยหน้ามองทาเคชิอึ้งๆ
“ถือเป็นบทเรียนก็แล้วกัน ทางที่ดี...ลุงควรหาคนมาดูแลลูกสาวที่ป่วยได้แล้วนะ ไม่อย่างนั้นลุงก็อาจจะทำงานผิดพลาดอีก”
“นายรู้”
“ลุงเป็นแบบนี้เพราะไม่ได้พักผ่อน กลางวันทำงานหนักเพราะต้องหาเงินไปรักษาลูกสาว กลับบ้านยังต้องดูแลรักษาพยาบาลลูกอีก ลุงเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักร...ต้องพักผ่อนบ้าง”
“นายรู้เรื่องผมได้ยังไงครับ”
“ลุงเป็นพนักงานดีเด่น ทำงานอุทิศเวลาให้คลังสินค้าโอะนิซึกะมาหลายสิบปี เป็นเหมือนคนในครอบครัว ผมจะละเลยเรื่องราวของคนในครอบครัวได้ยังไง”
“ครอบครัว” ลุงยามะอึ้งหนัก
“สำหรับโอะนิซึกะ...พนักงานทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรเปรียบเหมือนคนในครอบครัว เย็นนี้ผมจะสั่งฝ่ายการเงินให้เพิ่มเงินสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลูกสาวลุง แต่ลุงต้องรับปากว่าจะเอาไปจ้างคนมาดูแลลูกสาวด้วยนะ”
ลุงยามะมองทาเคชิอย่างตื้นตันแล้วโค้งตัวก้มศีรษะให้ทาเคชิอีก
“โซเรียว...เป็นเกียรติของผมจริงๆ ที่ได้รับใช้นายท่าน”
“อย่าเพิ่งเรียกผมแบบนั้น ยังไม่มีพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเลย”
“จากนี้ไป...ชีวิตของผมขอมอบให้นายท่าน จะให้ไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนจะให้ทำอะไร ผมยินดีทำเพื่อนาย”
ทาเคชิมองลุงยามะแล้วยิ้มอบอุ่น ก้าวเข้ามาประคองให้ลุกขึ้นจากคุกเข่า
“ลุกขึ้นเถอะลุง ไปทำงานต่อได้แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ลุงยามะก้มหัวให้ทาเคชิอย่างเคารพด้วยความจริงใจ ขยับจะเดินออกไป ทาเคชิชะงักนิดหนึ่งเหมือนนึกอะไรได้ เรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนลุง”
ลุงยามะหันมา เหมือนถามว่าต้องการอะไร ทาเคชิยิ้ม
“เมื่อกี้ลุงบอกจะทำทุกอย่างให้ฉัน ลุงกล้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ รึเปล่า”
ลุงยามะเงยหน้ามองทาเคชิงงๆ

ริวเดินเดินเข้ามาในบริเวณคลังสินค้า รีบเข้ามาหาคัตสึและเซกิ
“ทาเคชิยังอยู่รึเปล่า แอบหนีออกไปรึยัง”
คัตสึและเซกิชี้ไปทางห้องประชุม ริวชะโงกไปมอง เห็นด้านหลังเหมือนทาเคชิกำลังนั่งหันหลังอยู่ที่เก้าอี้ในห้องประชุม
“คุยกับลุงยามะไม่เสร็จอีกเหรอ” ริวดูนาฬิกาข้อมือ “ใกล้เวลาเลิกงานแล้วนะ”
ริวมองออกไปทางหน้าคลังสินค้า เห็นลุงยามะในชุดคนงาน ใส่หมวกมีปีกรอบตัวใบเก่าๆ กำลังปั่นจักรยานออกไป ริวตะโกน
“ลุง...กลับบ้านแล้วเหรอ”
ลุงที่หันหลังให้ ไม่หันมาตอบริว เพียงแค่ยกมือขึ้นเป็นการตอบรับ แล้วปั่นจักรยานออกไป ริวมองตามแล้วส่ายหน้าขำๆ หันไปมองทาเคชิ เห็นกำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน ริวกับมาคุยกับคัตสึและเซกิ
“ก่อนออกจากบ้านเจ้านายพวกแกกินยาผิดขวดรึเปล่า ทำไมวันนี้ขยันผิดปกติ”

ริวหันไปมองทาเคชิยิ้มๆ อย่างชื่นชมเพื่อน โดยไม่รู้ว่าทาเคชิใส่หมวกและชุดคนงานของลุงยามะกำลังยิ้มอารมณ์ดี ปั่นจักรยานออกไป

เย็นนั้น แพรวดาวนั่งจัดผลไม้ที่หน้าร้านอยู่ มิโยะโกะนั่งอ่านนิตยสารอยู่ใกล้ๆ
“เซโกะ...เล่มนี้ก็ลงสัมภาษณ์โอะนิซึกะ”
แพรวดาวคิดว่าเป็นทาเคชิรีบหันไปมองทันที ภาพนิตยสารที่มิโยะโกะพลิกมาให้ดู เป็นภาพริวในชุดกิโมโนชายแบบกึ่งทางการ แพรวดาวชะงักไปที่คนในรูปไม่ใช่ทาเคชิแล้วค่อยๆ หุบยิ้ม
“หล่อเนอะ” มิโยะโกะชม
แพรวดาวพยักหน้าเออออไป มิโยะโกะพลิกนิตยสารกลับมาอ่านต่อ แพรวดาวแอบมองมิโยะโกะพลิกหน้านิตยสารเพื่อจะดูว่ามีรูปทาเคชิ มิโยะโกะเงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดี
“อ้าว อยากดูก็ไม่บอก...เอาไปเลย”
“เปล่า ไม่ได้อยากดูสักหน่อย”
แพรวดาวเห็นลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งใส่หมวกปิดหน้าและใส่ชุดคนงานเข้ามาที่ร้านก็ไปต้อนรับ
“รับผลไม้อะไรดีคะ”
ลูกค้าผู้ชายไม่ตอบแพรวดาว ทำเป็นหันไปเลือกผลไม้เองอีกทางหนึ่ง มิโยะโกะลุกเข้ามาหาแพรวดาว
“งั้นฉันกลับละ ถ้าว่างเธอน่าจะอ่านนิตยสารเล่มนี้นะ คนเขียนเขาใช้สำนวนกับคำแสลงเยอะดี เธอจะได้ฝึกภาษาไปด้วยในตัว” มิโยะโกะยิ้มๆ กระเซ้า “และที่สำคัญฉันเช็คแล้ว...ฉบับนี้รูปสองพี่น้องโอะนิซึกะหล่อที่สุด”
แพรวดาวกำลังหยิบผลไม้ใส่ถุงให้ลูกค้า ชะงักไปแล้วหันไปหามิโยะโกะทันที
“มีรูปทาเคชิด้วยเหรอ”
แพรวดาวเผลอตัวหยิบนิตยสารจากมิโยะโกะมาดูทันที มิโยะโกะมองท่าทีของแพรวดาวก็ขำ
“แหม...พอมีรูปทาเคชิก็สนใจเชียวนะ”
แพรวดาวชะงักไปแล้วยิ้มเขินๆ ให้มิโยะโกะ
“ฉันเห็นว่าเขาหล่อดี”
“แค่หล่อดีที่ไหน หล่อมากต่างหาก...สรุปเธอปิ๊งทาเคชิใช่มั้ย เราจะได้ไม่แย่งกัน...”
แพรวดาวเขินๆ ไม่ตอบอะไร มิโยะโกะกำลังจะเดินออกไป แล้วหันมานึกได้
“เรื่องงานแต่งแบบชินโตที่เธออยากไป ฉันขอพ่อให้แล้วนะเตรียมตัวไปเลือกกิโมโนกันได้เลย ฉันกลับละ...”
มิโยะโกะโบกมือลาให้แพรวดาวแล้วออกจากร้านไป แพรวดาวยิ้มเขินๆ หันไปทางลูกค้าผู้ชายที่กำลังส่งผลไม้ที่เลือกใส่ตะกร้าให้เธอ แพรวดาวรับตะกร้ามา
“รับอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ”
“ผมขอซื้อองุ่น 4 ลูกสิครับ...”
แพรวดาวมองหน้าลูกค้าอึ้งๆ ทาเคชิเปิดหมวกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เห็นใบหน้า เขายิ้มให้เธอ แพรวดาวทั้งอึ้งทั้งเขินเลยพลาดทำผลไม้ในมือหล่นลงพื้น
“ฉันขอโทษค่ะ”
แพรวดาวรีบก้มลงเก็บผลไม้ที่พื้น ทาเคชิถอดหมวกออกแล้วก้มลงตามไปช่วยเก็บ
“เดี๋ยวฉันเลือกผลไม้ให้ใหม่นะคะ ที่ตกแล้วอย่าเอาไปเลย”
มือของแพรวดาวและทาเคชิเอื้อมไปหยิบผลไม้ลูกเดียวกันพอดี มือของทาเคชิจับมือแพรวดาวอยู่ ทั้งสองคนมองหน้ากันอึ้งๆ
“เซโกะ ผมคิดถึงคุณ...”
ทั้งสองคนจับมือมองหน้ากันด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง

ริวประตูห้องประชุมเข้ามาหาทาเคชิ เห็นลุงยามะที่ใส่ชุดทาเคชินั่งหันหลังให้ ทำเหมือนกำลังทำงานยุ่ง
“เฮ้ย...วันนี้แกขยันเกินไปรึเปล่า พอเหอะ ไปหาอาหารทะเลกินกันดีกว่า ฉันหิวแล้ว”
ลุงยามะนั่งนิ่งไม่สนใจที่ริวพูด ยามะจ๋อยๆ ตัวสั่นเล็กๆ กลัวความผิด
“ฟังที่ฉันพูดรึเปล่าเนี่ย ทาเคชิ...”
ริวเดินเข้าไปหมุนเก้าอี้ทำงานกลับมามองหน้า แล้วอึ้งช็อคไป ลุงยามะใส่ชุดและหมวกของทาเคชิแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ริวอยู่ ริวนึกรู้ทันทีโมโห
“จนได้นะทาเคชิ”

แพรวดาวเดินไปเลือกผลไม้ให้ทาเคชิใหม่ ทาเคชิเดินตาม
“แพร์ แอปเปิ้ล เมล่อน แล้วก็องุ่น อย่างละกี่โลคะ”
ทาเคชิเข้าไปถือตะกร้าที่ใส่ผลไม้ให้แพรวดาว
“ต้องซื้อกี่กิโล...ผมถึงจะได้อยู่ใกล้คุณแบบนี้ไปนานๆ”
ทาเคชิมองหน้า แพรวดาวยิ่งเขินไม่กล้าสบตาเขา ทันใดนั้นเสียงป้าเรดังขึ้น
“หนูเซโกะจ้ะ”
ทาเคชิและแพรวดาวสะดุ้งตกใจ ทาเคชิรีบใส่หมวกอำพรางหน้าตัวเอง แพรวดาวไปรับลูกค้า ป้าเร หญิงวัย 50 ปี ยืนมองแพรวดาวและทาเคชิด้วยแววตาเป็นประกาย
“พ่อหนุ่มนี่เป็นใคร แฟนหนูเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ...ไม่ใช่แฟน”
“อย่ามาหลอกคนแก่เลย วัยรุ่นสมัยนี้ชอบทำปากแข็ง บอกไม่ใช่แฟนเห็นแต่งกันไปหลายคู่แล้ว...จริงมั้ยจ้ะพ่อหนุ่ม”
ทาเคชิยิ้มขำๆ มองแพรวดาว
“ใช่ครับ”
แพรวดาวยิ่งอึ้งเหวอไป หันไปจ้องหน้าเขาอึ้งๆ ทาเคชิได้แต่ยิ้มตอบ
“คุณป้าคะ...เขาไม่ใช่แฟนหนูจริงๆ นะคะ”
“โอเค...ป้าเข้าใจ เขาไม่ใช่แฟนหนู แต่หนูใช่แฟนเขา...ตายแล้ว...ความรักวัยรุ่นสมัยนี้มันช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆ”
ป้าเรยิ้มๆ เดินไปเลือกดูผลไม้อีกทาง แพรวดาวหันไปจ้องหน้าทาเคชิเคือง ๆเธอกระซิบ
“คุณไปพูดแบบนั้นได้ยังไง”
ทาเคชิกระซิบตอบ
“ก็ผมไม่อยากเถียงผู้ใหญ่”
แพรวดาวอึ้งไปกับเหตุผลของเขา ป้าเรชะโงกหน้าเข้ามาแทรกกลางทาเคชิและแพรวดาว
“ฮะแอ้มๆ เลือกของเสร็จแล้วจ้ะ”
แพรวดาวรับผลไม้จากป้าเรมาคิดเงินแล้วนึกบางอย่างได้
“คุณป้าคะ ส้มที่สั่งไว้จะรับกลับไปด้วยเลยมั้ยคะ”
“ส้มตั้งหลายลูก ป้าจะขนไปยังไงหมดล่ะ” ป้าเรเหลือบมองทาเคชิ “ป้ามันคนโสด...ไม่มีคนรักช่วยถือของด้วยสิ”
“ผมไปส่งให้มั้ยครับ”
“ตกลง” ป้าเรยิ้ม

แพรวดาวหันขวับไปมองทาเคชิทันที ทาเคชิที่ใส่หมวกอมยิ้ม

ถนนในเมืองยามเย็นใกล้ค่ำ...ทาเคชิปั่นจักรยานไปตามทาง แพรวดาวนั่งซ้อนท้าย วางถุงผลไม้ไว้บนตัก ทั้งสองคนกำลังขี่จักรยานตามจักรยานป้าเร เพื่อเอาผลไม้ไปส่งให้ที่บ้าน แพรวดาวนั่งเกร็งทรงตัวไม่ให้เอนเอียงเพราะไม่กล้าจับตัวเขา ทาเคชิปั่นจักรยานมาเจอลูกระนาดบนถนนแล้วชะลอความเร็วไม่ทัน
“ว๊าย”
แพรวดาวเสียหลักเซจะล้ม ทาเคชิรีบคว้ามือมากอดที่เอวของตัวเอง
“เกาะไว้...เดี๋ยวตก”
ทาเคชิยังไม่ยอมปล่อยมือ แพรวดาวยิ่งเขินก้มหน้าอายๆ
“ผมจะปล่อยมือจากคุณ แต่คุณห้ามปล่อยมือจากผม”
ทาเคชิค่อยๆ ปล่อยมือจากแพรวดาว แต่ยังลังเลอยู่เพราะกลัวเธอปล่อยมือจากตัวเอง แพรวดาวนิ่งไม่ปล่อยมือจากเอวเขา ทาเคชิอมยิ้มมีความสุขขี่จักรยานให้แพรวดาวนั่งซ้อนท้ายไปตอนเย็นใกล้ค่ำ ทั้งสองมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า มีความสุขทั้งสองคน

ทั้งสองคนยังคงซ้อนจักรยานกันท่ามกลางบรรยากาศอันงดงาม แพรวดาวยังก้มหน้าเขินๆ อยู่ ทันใดนั้นทาเคชิก็เบรคจักรยานกะทันหัน แพรวดาวเสียหลักถลาเข้าไปกอดเขาเต็มตัว ทาเคชิและแพรวดาวทั้งอึ้งทั้งเขิน แพรวดาวได้สติรีบผละจากเขาทันที ทาเคชิลงจอดจักรยานที่ริมถนน แพรวดาวเดินตามมา
“คุณจอดรถทำไมคะ”
“จักรยานคุณป้าคนนั้นหายไปไหนแล้ว”
แพรวดาวและทาเคชิหันไปมองรอบๆ เพื่อหารถจักรยานของป้าเร ทั้งสองคนหันกันไปคนละทาง แพรวดาวชะเง้อมองไปตามทางแยกของถนน แล้วเผลอเดินถอยหลังไปใกล้เขา ทาเคชิก็เดินถอยหลังมาใกล้เธอเช่นกัน
“ฉันว่า...บ้านคุณป้าน่าจะเลี้ยวซ้ายที่แยกเมื่อกี้นะคะ”
แพรวดาวเดินถอยหลังมา...ชนทาเคชิพอดี ทั้งสองคนตกใจรีบหันกลับมาใบหน้าอยู่ใกล้กัน จนจมูกเฉียดกัน ทาเคชิและแพรวดาวสบตากันอย่างรู้สึกหวั่นไหว เธอหลบสายตาเขา จะผละออกแต่เขาไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ
“เซโกะ...”
ทาเคชิค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น แพรวดาวทั้งสับสนทั้งหวั่นไหวค่อยๆ หลับตาลง พร้อมๆ กับทาเคชิที่หักห้ามใจ…เปลี่ยนไปจูบหน้าผากเธอแทน ป้าเรจอดจักรยานแอบมองอยู่ที่มุมๆ หนึ่งแล้วหัวเราะชอบใจ สองคนยืนกุมมือมองหน้ากัน ตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน

ค่ำคืนนั้น ท้องฟ้ามีแสงดาวระยิบระยับ แพรวดาวกำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง บนโต๊ะมีนิตยสารที่มีรูปของทาเคชิกางอยู่ เธอหยิบขวดโหลที่ใส่ดาวกระดาษแทบจะเต็มขวด และจดหมายที่ทาเคชิเคยให้เธอขึ้นมาดู
“ฉันจะมีโอกาสได้ถามคุณมั้ย...ว่าดาวพวกนี้เป็นของคุณรึเปล่า”
แพรวดาวมองดาวกระดาษภายในขวด คิดถึงทาเคชิ

ทาเคชิจ้องมองดาวกระดาษในมือที่เพิ่งพับเสร็จด้วยสายตามีความหมาย
“แพรวดาว...คุณคือแสงสว่างเดียว ในเส้นทางที่มืดมิดของคนอย่างผม”

ทาเคชิเปิดลิ้นชักเพื่อจะเก็บดาวกระดาษ ในลิ้นชักเต็มไปด้วยดาวกระดาษ ทาเคชิคิดถึงแพรวดาวแววตาหมองเศร้าเมื่อนึกถึงความเป็นไปไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น