รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 10
พีทกำลังพยายามโทรศัพท์หาพอล
เสียงตอบรับจากโทรศัพท์อัตโนมัติ “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกกรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...Sorry there is no acknowledgement from your requested number,please try again later”
พีทร้อนใจมาก พีทหันไปหาป้าภาที่นั่งปอกผลไม้อยู่ใกล้ๆ
“ปิดเครื่องทั้งคู่เลยครับป้า” พีทนึกได้ “ป้าครับ...ป้าช่วยแวะไปดูที่บ้านหน่อยได้มั้ยครับว่าพอลปลอดภัยดีรึเปล่า”
“ไปได้ยังไงล่ะพีท..ป้ามุสาหนูลูกจันว่าป้าไปแสวงบุญที่อินเดีย..อีกเดือนนึงถึงจะกลับ”
ป้าภามองดูพีทด้วยความเป็นห่วง พีทกระวนกระวาย
ป้าภาปลอบ “พีท..ป้าว่าหนูคิดมากไปนะลูก..กะอีแค่กรอบรูปโดนลมพัดตกลงไปแตก ไม่ได้แปลว่าจะต้องเกิดเรื่องร้ายกับคนในรูปเหมือนละครที่หนูเคยเล่นหรอกลูก”
พีทยังคงเครียด เขาเดินกระสับกระส่ายเพราะสัญชาติญาณฝาแฝดกำลังทำงาน
พอลนอนห่มผ้าหลับสนิทอยู่บนโซฟาที่บ้านพีท โทรศัพท์มือถือถูกปิดเครื่องวางไว้ใกล้ๆ
อุ่นเรือนกำลังคุยกับอาร์ตอยู่ที่ออฟฟิศ
“อ๋อ..จุ้มเค้าลาพักร้อนอาทิตย์นึงน่ะ เห็นว่าโทรบอกพี่ลูกจันแล้ว”
อาร์ตอึ้งกับข่าวใหม่
“อาร์ตมีงานด่วนเหรอ” อุ่นเรือนถาม
อาร์ตอึกอัก
“เอ่อ..อือๆ” อาร์ตพยักหน้า
“งั้นก็โทรไปสิ”
อาร์ตเครียด
ณ ออฟฟิศเซเลบ
เสียงตอบรับจากโทรศัพท์ดัง “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกกรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...Sorry there is no acknowledgement from your requested number,please try again later”
อาร์ตกดโทรศัพท์อีกครั้งด้วยความเครียด
เสียงตอบรับจากโทรศัพท์เหมือนเดิม “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกกรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...Sorry there is no acknowledgement from your requested number,please try again later”
อาร์ตดูกระวนกระวายกระสับกระส่ายและกระเสือกกระสนกดโทรศัพท์หาจุ้มจิ้มต่อไป
พีทยังนั่งกระวนกระวายอยู่บนวีลแชร์ เขาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์กรอบรูปแตก
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ลมแรงพัดวูบมา รูปถ่ายของพอลที่วางอยู่บนโต๊ะถูกแรงลมพัดตกลงมาบนพื้นจนกรอบรูปแตก
เลือดจากนิ้วพีทหยดใส่รูปของพอล รูปพอลเปื้อนเลือดเป็นดวงๆ ดูน่าสยดสยองมาก
พีททนไม่ไหวจึงเข็นวีลแชร์ไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตมีฮู้ดพร้อมแว่นดำมาสวม พีทประคองร่างลุกขึ้นจากวีลแชร์ หยิบไม้เท้า แล้วเดินออกไปจากห้องอย่างร้อนใจ
พอลกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนั่งเล่น เขารู้สึกตัวว่าปวดฉี่ พอลลุกจากโซฟาเดินไปเข้าห้องน้ำ ทันทีที่พอลก้าวเท้าออกไปจากห้องก็เป็นเวลาเดียวกับที่พีทก้าวเข้ามาในห้อง พีทเดินโขยกเขยกมาพร้อมไม้เท้า พีทค่อยๆเอาฮู้ดลง ถอดแว่นดำใส่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตแล้วยืนเหลียวซ้ายแลขวาอยู่กลางห้อง
เสียงลูกจันดังขึ้น “พี๊ท”
พีทสะดุ้งก้มลงมองขาที่หักและไม้เท้าในมือ พีทเลิ่กลั่กว่าจะทำยังไงดี
ลูกจันเดินเข้ามาในห้องแล้วถาม
“หิวมั้ยพีท”
ลูกจันเห็นพีทกำลังนอนอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าห่มคลุมขาเอาไว้ ไม้เท้าถูกพีทซ่อนเอาไว้ใต้โซฟา พีทมองลูกจันด้วยสายตาคิดถึง
“ลูกจัน...คิดถึงจัง..ขอกอดหน่อยสิ”
ลูกจันมองพีทอย่างเอ็นดู
“ป่วยแล้วอ้อนนะยะ”
ลูกจันเดินเข้าไปกอดพีท ทั้งคู่กอดกันอย่างเพื่อนสาวที่รักกันมาก
“ฉันรักแกนะ” พีทบอก
“ฉันก็รักแก” ลูกจันบอก
ลูกจันผละออกจากพีทแล้วก็นึกได้
“เอ๊ะ...แกไม่ไอแล้วเหรอ?”
พีทเหวอแต่ด้วยความเป็นดารามืออาชีพเลยรับมุกทันที พีทไอค่อกแค่ก
“แค่กๆๆ..ยังไออยู่..แค่กๆๆ”
ลูกจันมองหน้าพีทงงๆ
“อ้าว...แล้วแกไม่ใส่มาสค์แล้วเหรอ...ไหนแกบอกซีเรียสมาก..เราสองคนต้องใส่ตลอดเวลาไง”
พีทเหวออีกครั้งแต่ก็แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
“เอ่อ...ก็..เพิ่งแกะน่ะ...คือแบบ..”
พีทเหลือบมองบนโต๊ะก็เห็นมาสค์วางอยู่เป็นกระตั๊ก
“คือ...จะเปลี่ยนอันใหม่น่ะ” พีทรีบหยิบมาสค์มาใส่ “นี่ไง..ใส่แล้ว”
ลูกจันมองความลุกลี้ลุกลนของพีทอย่างงงๆ
“เออๆ...แล้วแกหิวรึยังล่ะ”
พอลฉี่เสร็จและกำลังจะเดินเข้ามาในห้องก็เห็นลูกจันกำลังนั่งอยู่กับพีท พอลสะดุ้งแล้วรีบแอบมุมเสา พีทหันมาเห็นพอลก็ตกใจกลัวความลับแตก พีทส่งซิกไม่ให้พอลเข้ามา ลูกจันมองอาการแปลกๆของพีทด้วยความประหลาดใจ
“แกเป็นไรรึเปล่าพีท”
พีทสะดุ้งแล้วรีบดึงสายตากลับมาหาลูกจัน
“ปละเปล่า”
“ตกลงแกหิวรึยัง”
“เอ่อ..หะหะหิว”
“อือ...งั้นรอแป๊บนะ..ฉันจะไปอุ่นโจ๊กให้..แกจะได้กินยาหลังอาหารเลย”
พีทยิ้มแหยๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ลูกจัน ลูกจันเดินเข้าครัวไปอุ่นโจ๊ก
พีทกับพอลชะเง้อมองกัน พีทส่งซิกบอกพอลว่าให้รออยู่ในที่ซ่อนเดี๋ยวจะไปหาเอง พีทขยับตัวจะลงจากโซฟา
เสียงลูกจันดัง “เสร็จแล้ว”
พีทสะดุ้งแล้วรีบหดขาไปซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มเหมือนเดิม ลูกจันเดินถือชามโจ๊กเข้ามา
“ทำไมเร็วจัง” พีทถาม
“อ๊าว...ก็แค่เอาเข้าเวฟ..จะให้นานขนาดไหนยะ”
ลูกจันก้มลงมองชามโจ๊ก
“อือ..แต่ฉันว่ามันร้อนไปหน่อยนะ...เดี๋ยววางรอให้เย็นลงอีกนิดดีกว่า..พอฉันอาบน้ำเสร็จค่อยกินพร้อมกันเนอะ”
พีทพยักหน้า ลูกจันขยับจะเดินขึ้นไปข้างบน พอลทำท่าจะไอ พีทรีบส่งเสียงไอทับ
“แค่กๆๆๆ”
ลูกจันหันกลับมามองพีทด้วยความเป็นห่วง
“ไหวมั้ยแก”
“ไหวๆ...แกรีบไปเถอะ”
ลูกจันพยักหน้าแล้วหมุนตัวจะเดินขึ้นบันได เธอเห็นแขนเสื้อพอลแว๊บๆ ลูกจันขมวดคิ้วแล้วเดินพุ่งไปทางที่พอลแอบอยู่ พอลพยายามบีบตัวให้ลีบที่สุด เหงื่อของเขาแตกซิ่กด้วยความตื่นเต้น ลูกจันเดินใกล้ที่ซ่อนพอลเข้าไปทุกที พีทก็ตื่นเต้นไม่แพ้พอล ลูกจันเดินใกล้เข้าไปอีก พอลสวดมนต์อยู่ในใจคิดในใจว่าไม่รอดแน่ อีกนิดเดียวก็จะเห็นพอลแระ
พีทตะโกนเรียก “ลูกจัน!”
ลูกจันหันไปมองพีทงงๆ
“คือ...ฉันจะบอกว่า..ฉันรักแกนะ”
ลูกจันยิ้มขำๆพีท “เออ..รู้แล้ว..ฉันก็รักแก”
ลูกจันหันมาคุยกับพีททำให้ลืมวัตถุประสงค์ของการเดินมาทางพอล เธอหันไปถามพีท
“เอ๊ะ...ตะกี้ฉันจะทำอะไรนะแก”
พีทพูดหน้าตาย “เปล่านี่..แกบอกแกจะไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวกับฉันไง เร็วๆสิ ฉันหิวแล้ว”
ลูกจันลืมสิ่งที่กำลังจะทำซะดื้อๆ
“อ๋อเหรอ..เคๆ..แป๊บเดียวนะแก”
ลูกจันเดินขึ้นไปบนห้อง พีทกับพอลสบตากันแล้วถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน
พอลกับพีทนั่งคุยกันที่โซฟา พอลหลบตาพีทแล้วฝืนโกหกเพราะไม่อยากให้พีทเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรมากหรอก..แค่หวัดน่ะ” พอลไอ
พีทมองพอลอย่างห่วงใย
“ไอเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?...แน่ใจนะว่าเป็นแค่หวัด...รีบไปหาหมอดีกว่าพอล”
“อื้อ..รู้แล้ว...แล้วนี่นายมายังไงคนเดียว” พอลถาม
“นั่งแท็กซี่มา”
“แล้วป้าภาล่ะ”
“ป้าภาไปตลาด..ฉันเป็นห่วงนาย รอไม่ไหว..เลยมาคนเดียว”
พอลมองพีทอย่างซึ้งใจในความรักของคู่แฝด
“ขอบใจนะพีท..ไม่ต้องห่วงเราหรอก เราดูตัวเองได้”
“เราสิต้องขอบใจนาย...ขอบใจนะพอล”
พีทน้ำตาคลอ ฝาแฝดสบตากันอย่างเข้าใจในความรักความผูกพันที่มีต่อกัน พีทและพอลทำท่าจะโผเข้ากอดกัน แต่เสียงลูกจันดังแทรกมาพอดี “มาแล้วว”
ทั้งสองสะดุ้งสุดตัวมองหน้ากัน
ลูกจันเดินเข้ามาในห้อง ลูกจันเห็นพอลมานั่งแทนที่พีทแล้ว
“หิวยัง?” ลูกจันถาม
“ยัง”
ลูกจันจ้องไปที่เสื้อพอล
“เอ๊ะ...ตะกี้แกใส่เสื้อตัวนี้เหรอ?”
พอลหน้ามีพิรุธแต่ปากแข็ง
“กะก็ใช่สิ”
ลูกจันทำหน้างงๆ
“อือ...ฉันว่าหมู่นี้ฉันคงทำงานหนักไปนะแก..มันงงๆแปลกๆไงไม่รุ...” ลูกจันสะบัดหัวไล่ความงง “เดี๋ยวฉันไปเอาข้าวมากินกับแกตรงนี้นะ”
ลูกจันตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่บังเอิญมือปัดไปโดนหนังสือบนโต๊ะหล่นลงพื้น หนังสือที่หล่นบนพื้นอยู่ในตำแหน่งที่ถ้าก้มลงหยิบจะเห็นไม้เท้าที่ซ่อนอยู่ใต้โซฟาทันที ลูกจันจะก้มลงหยิบหนังสือ
พอลรีบบอก “อย่า!!!”
ลูกจันชะงักแล้วหันมามองพอล
“คือ...เอ่อ..ฉันลืมกินยาก่อนอาหารน่ะ..เอ่อ..ยาอยู่บนห้อง”
ลูกจันค้อนขวับ
“ก็บอกสิยะ..ร้องซะตกใจ..เดี๋ยวไปเอาให้นะ”
ลูกจันเดินออกไป พอลเหลือบไปมองทางพีทที่ซ่อนอยู่ ทั้งคู่ถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน
ณัฐนั่งกินอาหารอยู่กับอิงอร สักพักณัฐก็วางช้อนกะทันหันแล้วทำหน้าเครียด อิงอรมองหน้าณัฐด้วยความสงสัย
“พี่ณัฐเป็นอะไรคะ”
ณัฐถอนหายใจแบบแอ็คติ้งใหญ่มาก
“กลุ้มใจค่ะ..จะวันเกิดคุณแม่อยู่แล้ว พี่ยังไม่มีของขวัญให้เลย”
“คุณแม่พี่ณัฐชอบอะไรล่ะคะ”
ณัฐแอบยิ้มมุมปากเพราะเข้าแผนเป๊ะ
ณัฐแอ๊บหน้าแบ๊วต่อ “ก็..เห็นชอบอยู่อย่างเดียวน่ะค่ะ..กระเป๋าแอร์เมส”
อิงอรยิ้ม “งั้นอรจัดการให้เองค่ะ”
“อย่าเลยค่ะอร พี่เกรงใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ณัฐแกล้งทำอ้ำอึ้งและทำหน้าตาลำบากใจ
“นะคะพี่ณัฐ...คิดซะว่าเป็นของขวัญจากว่าที่ลูกสะใภ้..นะคะ..นะคะ”
ณัฐยังทำหน้าไม่อยากได้เลย
อิงอรถามต่อ “คุณแม่ชอบกระเป๋าสีอะไรคะ”
ณัฐตอบไวเกิน “ชมพูค่ะ!”
“แล้วคุณแม่อยากได้รุ่นไหนคะ”
ณัฐรีบหยิบโทรศัพท์มาอย่างไวเตรียมเปิดเว็บแอร์เมส
“เดี๋ยวพี่เข้าเว็บให้ค่ะ”
ณัฐรีบจิ้มรุ่นกระเป๋าให้อิงอรดู
พอลนั่งส่องพระอย่างขะมักเขม้น ลูกจันเดินเข้ามาหยุดยืนมองพอลด้วยความแปลกใจ
“ทำอะไรน่ะ”
พอลยังก้มหน้าส่องพระต่อ “ส่องพระ”
ลูกจันงง
“เอ่อ..ดูเป็นกิจกรรมผู้ชายมากนะ”
พอลเริ่มรู้สึกตัวว่าแมนไปจึงพยายามแก้ตัว
“ก็..ไม่มีอะไรทำอ่ะ..เลยเอาพระของป้าภามานั่งดู”
ลูกจันพยักหน้ารับรู้ พอลก้มหน้าส่องต่อ ลูกจันนั่งมองพอลนิ่งแล้วน้ำตาของเธอก็ค่อยๆไหล พอลเงยมองลูกจันแล้วก็ตกใจที่เห็นลูกจันร้องไห้
“ลูกจัน..เป็นอะไรรึเปล่า”
ลูกจันส่ายหัวแล้วยิ้มทั้งน้ำตา
“เปล่า...ฉันแค่..ดีใจที่มีแกในชีวิต”
พอลยิ้มอ่อนโยน
ลูกจันพูดทั้งที่น้ำตายังไหลอยู่ “พีท..ฉันต้องต่อสู้กับงานหนักมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่ฉันก็ไม่เคยกลัว เพราะฉันรู้ว่าวันไหนที่ฉันล้ม..ฉันก็จะยังมียาย แม่ ป้าภา และก็แกอยู่ข้างๆฉัน.....แต่ถ้าแก...แก...” ลูกจันจะพูดว่าแต่ถ้าแกจากไปแต่ก็พูดไม่ออกจึงได้แต่สะอื้น
พอลเอื้อมมือไปกุมมือลูกจันเพื่อปลอบใจ
“ลูกจัน..มะเร็งเค้ายังรักษาหายได้เลย นี่แค่วัณโรคเอง..หมอก็บอกแล้วไงว่ารักษาได้”
ลูกจันปาดน้ำตาแล้วจ้องหน้าพอลนิ่ง
“พีท..แกสัญญากับฉันได้มั้ยว่าแกจะไม่ตายก่อนฉัน”
พอลหัวเราะเบาๆ
“ใครจะรู้ล่ะลูกจันว่าเราจะตายเมื่อไหร่..ฉันจะสัญญาได้ยังไง”
ลูกจันทำหน้าเอาแต่ใจ
“ไม่รู้ล่ะ..แกต้องสัญญา..ฉันทนไม่ได้หรอกที่ต้องเห็นแกตายก่อน...ฉันต้องเศร้ามากแน่ๆ”
พอลงงกับตรรกะของลูกจัน
“อ้าว..แล้วไม่คิดเหรอว่าถ้าแกตายก่อน..ฉันก็เศร้าเหมือนกัน”
ลูกจันชักอารมณ์เสีย
“ไม่รู้แหละ..ฉันเศร้ากว่าแก..เพราะฉะนั้นฉันต้องตายก่อนแก..เร็วๆสิ..สัญญาเดี๋ยวนี้ว่าแกจะตายทีหลังฉัน”
พอลพูดอย่างเสียไม่ได้ “อือๆ..สัญญา”
ลูกจันยิ้มออก น้ำตาของเธอแห้งพอดี
“เฮ้อ..สบายใจแระ”
พอลมองลูกจันอย่างเอ็นดูในความเป็นเด็กน้อยของเธอ
อาร์ตยืนเหม่อมองอะไรบางอย่างอยู่ท่ามกลางความมืด เขาเห็นบ้านจุ้มจิ้มปิดเงียบ ไฟในบ้านดับสนิทดูก็รู้ว่าไม่มีคนอยู่ อาร์ตเศร้า
พอลเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยที่ยังไออยู่เล็กน้อย ลูกจันหันมาเห็นพอลก็เรียก
“พีท..มานี่เร้ว”
พอลเดินไปหาลูกจัน
“เมื่อเช้าฉันไปตลาด เลยซื้อของมาฝากแกด้วย”
ลูกจันหยิบถุงใส่หนังสือพระปึกใหญ่ส่งให้พอล พอลรับหนังสือพระมาดูด้วยแววตาเป็นประกายเพราะดีใจมาก ลูกจันสังเกตอาการของพอลด้วยความแปลกใจ
“ได้หนังสือพระเนี่ยต้องปลื้มปริ่มขนาดนี้เลย???...พูดจริงๆนะ ฉันว่าแกชักคล้ายผู้ชายเข้าไปทุกวันแล้วนะพีท”
พอลพยายามแก้ตัว
“ก็..ก็ฉันป่วยอ่ะ..ก็อยากได้พระเป็นที่พึ่งทางใจ”
พอลรีบเปิดหนังสือพระอ่านอย่างกระตือรือล้นเกิน
ลูกจันค้อนด้วยความหมั่นไส้ “เว่อร์!”
ณัฐกำลังคุยโทรศัพท์กับสาโรจน์
“ครับ..ผมกำลังพยายามอยู่ครับพี่...” ณัฐฟัง “คนอย่างลูกจันใช้เงินซื้อไม่ได้หรอกครับ..แต่ผมรับรองว่าอีกไม่นาน พี่ต้องได้ลูกจันมาทำงานด้วยแน่ๆ”
ณัฐยิ้มเจ้าเล่ห์
อุ่นเรือนนั่งกินข้าวอยู่กับกอล์ฟ
“งานของอุ่นน่าสนุกดีนะคะ..ดูคนละโลกกับงานวิศวกรของกอล์ฟเลย”
อุ่นเรือนยิ้มอายๆ
“เล่าเรื่องหนังสืออุ่นให้กอล์ฟฟังบ้างสิคะ” กอล์ฟบอก
อุ่นเรือนดีใจที่ผู้ชายสนใจงานที่ตัวเองทำ เธอรีบเล่าเรื่องราวของเซเลบให้กอล์ฟฟัง
“ก็เป็นหนังสือแฟชั่นค่ะ..จริงๆในตลาดก็มีหนังสือแบบนี้หลายเล่มนะคะ แต่โชคดีที่เซเลบมีพี่ลูกจันเป็นบก. พี่ลูกจันเก่งเลยทำให้เซเลบยอดขายสูงทุกเล่ม........” อุ่นเรือนเล่าไปเรื่อยๆ..ถึงเรื่องราวในออฟฟิศ วิธีการทำงาน ฯลฯ กอล์ฟนั่งฟังอุ่นเรือนอย่างตั้งใจด้วยแววตามี"อะไรบางอย่าง"ซ่อนอยู่
ภาพจากจอคอมพิวเตอร์เป็นหน้าเว็บไซต์พันทิปซึ่งมีคนเอาคอลัมน์ซุบซิบจากหนังสือพิมพ์มาโพสต์
พีทอ่าน “ไฮไซณัฐ บก.สุดหล่อโชว์แมนอีกแล้ว..ล่าสุดเพิ่งเสี่ยงชีวิตไปบู๊กับอันธพาลกว่า30คน เพื่อช่วยคุณยายอายุเกือบร้อยจนรอดจากการถูกข่มขืนหวุดหวิด...เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น แถมยังจิตใจงามแบบนี้ ท่านรัฐมนตรีคงใจอ่อนยกลูกสาวให้เร็วๆนี้แน่”
พีทส่ายหัวกับสิ่งที่อ่านเพราะรู้ว่าเป็นข่าวพีอาร์ตัวเองของณัฐ พีทคิดถึงสิ่งที่ณัฐทำกับตัวเองแล้วความเจ็บปวดก็กลับมาอีกครั้ง พีทน้ำตาคลอ
พอลกับลูกจันนั่งกันอยู่คนละมุม พอลเพลิดเพลินอยู่กับหนังสือพระ ส่วนลูกจันเพลิดเพลินกับพันทิป ลูกจันนั่งอ่านกระทู้เรื่องณัฐช่วยคนแก่แล้วก็หัวเราะ พอลมองลูกจันอย่างกลัวๆ ว่าเป็นอะไรอีก
“หัวเราะอะไรอ่ะ” พอลถาม
ลูกจันหันมาถามพอล
“แกว่าฉันดูเหมือนคนแก่อายุเกือบร้อยป่ะ?”
“บ้า!”
“เออ..ฉันก็ว่าบ้า..ฮ่าๆๆ”
พอลมองลูกจันงงๆ
อาร์ตเดินหน้าเศร้าเข้ามาในออฟฟิศ เขาเหลียวมองไปรอบๆตัวอย่างเหงาๆ อาร์ตเห็นจุ้มจิ้มนั่งอยู่ที่เก้าอี้
ก็ดีใจมาก อาร์ตรีบก้าวเท้าเข้าไปหาจุ้มจิ้มพร้อมส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจ
“จุ้ม” ผู้หญิงที่อาร์ตเห็นเป็นจุ้มจิ้มหันกลับมากลายเป็นปีโป้
อาร์ตจ๋อยที่ตัวเองตาฝาดขนาดนั้น
ปีโป้งง “อาร์ตเรียกพี่เหรอ?”
“ขอโทษครับ...ผมดูผิด..นึกว่าจุ้ม”
อาร์ตเดินซึมๆจากไป ปีโป้ก้มลงสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองแล้วรำพึงงงๆ
“เหมือนกันตรงไหนวะ?”
สารคดีสัตว์ฉายในทีวี พอลและลูกจันนั่งดูด้วยกัน
ลูกจันมีสีหน้ามีความสุข “น่ารักดีเนอะ..เราน่าจะดูสารคดีแบบนี้ตั้งนานแล้ว สบายใจดี”
พอลยิ้มๆ ดีใจที่ลูกจันเริ่มใส่ใจธรรมชาติ
ลูกจันสงสัย “เอ๊ะ...แต่ทำไมอยู่ๆแกถึงสนใจเรื่องป่าเรื่องสัตว์ขึ้นมากะทันหัน?”
พอลกำลังคิดเหตุผลที่จะอ้าง
“หยุด...ไม่ต้องตอบ..ฉันขอใช้สมองอันปราดเปรื่องของฉันคิดเอง...อือ” ลูกจันทำท่าคิด แล้วก็คิดออกจึงเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้นโอเว่อร์ “ต๊าย...อย่าบอกนะยะว่าช่องจะรีเมคสุภาพบุรุษจุฑาเทพ แล้วแกจะได้เล่นเป็นคุณชายรัชชานนท์??....กรี๊ด..เริ่ด!!”
ลูกจันคิดเอง เออเองอยู่คนเดียว พอลยิ้มแหยๆ
ลูกจันจับหน้าพอลหันกลับไปทางทีวี “เอ้า..ดูเลยๆ..ดูเยอะๆจะได้อินๆ”
สารคดีกำลังพูดถึงชีวิตสัตว์
เสียงบรรยายจากสารคดี “สัตว์ป่าจะไวต่อกลิ่นมาก...ถ้าได้กลิ่นแปลกปลอม สัตว์ป่าจะหวาดกลัวจนไม่ยอมออกหากิน ซึ่งส่งผลให้ระบบนิเวศของป่าต้องเสียไป”
ลูกจันสะดุดใจกับคำบรรยายในทีวี “เอ๊ะ...”
ลูกจันคิด เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่พอลเคยต่อว่าลูกจันตอนเจอกันครั้งแรกในป่า
“ผมยอมสกปรกเพราะต้องการใกล้ชิดธรรมชาติ..ดีกว่าคนสะอาดที่มาป่ามาเขาแต่ใส่น้ำหอมกลิ่นหึ่งจนทำลายระบบนิเวศของป่า” พอลว่า
“แค่ใส่น้ำหอมเนี่ยนะ ทำลายระบบนิเวศของป่า กล่าวหากันเกินไปแล้ว”
“สัตว์ป่าพอผิดกลิ่นก็กลัว ไม่ออกหากินตามปกติ...พอไม่ออกหากิน ระบบความเป็นอยู่ในป่าก็ผิดเพี้ยน”
ลูกจันรำพึงกับตัวเองเบาๆ “เป๊ะเลย!”
พอลหันมามองหน้าลูกจัน “อะไรเป๊ะ??”
“ก็ที่ในสารคดีเค้าบอกเมื่อตะกี้น่ะสิ....เหมือนกับที่นายตัวเหม็นพูดกับฉันตอนอยู่ในป่าเป๊ะเลย”
พอลเหล่มองลูกจันเพราะมั่นใจว่าลูกจันต้องด่านายตัวเหม็นต่อแน่ๆ
ลูกจันพูดต่อ “งั้นตอนนั้นฉันคงผิดจริงๆสินะ”
พอลหันขวับมามองลูกจันอย่างแปลกใจ “หือ?”
ลูกจันทำหน้าสำนึกผิด “ฉันรู้สึกผิดจัง..ตอนนั้นฉันด่าเค้าไปเยอะด้วย..เค้าคงโกรธน่าดู”
พอลยิ้มหล่อ “เค้าหายโกรธนานแล้วล่ะ”
ลูกจันหันขวับมามองพอล “แกรู้ได้ไง”
พอลอึกอัก “ก็..ก็เรื่องมันตั้งนานมาแล้ว..ใครจะโกรธยาวขนาดนั้น”
ลูกจันยังทำหน้ารู้สึกผิดอยู่
“อือ..แต่ฉันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี” ลูกจันคิดได้ “เออ..พีท..เอาไว้เราไปทำบุญให้เค้ากันมั้ย?”
พอลหน้าเหวอ “เอ่อ...เค้ายังไม่ตายมั้ย?”
ลูกจันยังคงพูดจริงจัง
“ใครจะรู้ล่ะ ..อยู่ในป่าในดงขนาดนั้น ป่านนี้เสือคาบไปกินซะแล้วก็ไม่รู้...” ลูกจันคิดแล้วเครียด “ไม่ได้แระ..ฉันต้องรีบทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เค้า..จะได้ไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันต่อไป”
พอลเบื่อหน่ายความฟุ้งซ่านของลูกจัน
เช้าตรู่ เสียงไก่ขัน “เอ๊กอีเอ๊กเอ้ก” ดัง
พอลเดินลงบันไดเข้ามาในครัว เขาเดินไปทำน้ำผึ้งมะนาวให้ตัวเอง ขณะที่พอลกำลังผสมน้ำผึ้งมะนาวอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาเฉยๆ พอลทำท่าบรึ๋ยแล้วก็งงๆ แต่ก็ทำน้ำผึ้งมะนาวต่อ ความเย็นซ่าจับใจกลับมาอีกครั้ง พอลทำท่าบรึ๋ยอีกหน
พอลรำพึง “ทำไมอยู่ๆมันเย็นวาบๆวะ..รึไข้ขึ้น”
พอลเอามืออังหน้าผากตัวเอง
พอลพูดกับตัวเอง “ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า”
พอลส่ายหัวไม่เข้าใจอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วเขาก็หันหลังกลับ ลูกจันเดินเข้าบ้านมาพร้อมถาด ลูกจันเอาถาดวางที่โต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบมาสค์มาใส่ตามกฏ
“ไปไหนมาแต่เช้า” พอลถาม
“ไปตักบาตร” ลูกจันตอบ
พอลงง “ตักบาตร?”
ลูกจันหันมายิ้มสดใสให้พอล
“อือ..ก็ตักบาตรขอพรพระให้แกหายเร็วๆไง”
พอลยิ้มอย่างซาบซึ้งใจในความห่วงใยของลูกจัน
ลูกจันพูดต่อ “แล้วก็ตักให้วิญญาณของนายตัวเหม็นในป่าด้วย”
พอลหุบยิ้มทันที
“วิญญาณ?” พอลพูดเสียงชักเหวี่ยง “ดูพยายามจะให้เค้าตายจังเลยนะ!”
“บ้า...ใครจะไปคิดแบบนั้นเล่า”
พอลมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
ลูกจันหันมาพูดกับพอลอย่างจริงจัง “แต่ความเป็นไปได้มันมีสูงนะแก!”
พอลเซ็ง
ห้องนอนของณัฐยามเช้า เสียงมือถือของณัฐดัง “กริ๊งง”
ณัฐหงุดหงิด โทรศัพท์มือถือยังดังต่อเนื่อง ณัฐหยิบมือถือขึ้นมาดูอย่างอารมณ์เสีย ณัฐเห็นหน้าจอขึ้นชื่ออิงอร เขารีบข่มอารมณ์รับโทรศัพท์เสียงหวาน
“Morningค่ะอร...พี่กำลังคิดถึงอรอยู่พอดี” ณัฐฟัง “ทำเล็บ” ณัฐหงุดหงิด..แต่พยายามปรับเสียงให้นุ่มนวล “นี่มันเพิ่ง 9 โมงเช้าเองนะคะ” ณัฐฟังด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “ก็ได้ค่ะ..เดี๋ยวพี่จะไปรับนะคะ”
ณัฐวางหูโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายแล้วก็ลุกลงไปจากเตียง นายแบบคนสุดท้ายนอนเปลือยกายหลับสนิทอยู่ข้างๆ
ลูกจันกับพอลกำลังช่วยกันปล่อยปลาหมอและเต่า ปลาหมอและเต่าค่อยๆหายไปในแม่น้ำ ลูกจันกับพอลยืนมองอย่างอิ่มบุญ
ลูกจันหันมาทางพอล “มีทั้งปลาหมอ มีทั้งเต่า..แกต้องหายป่วย..และก็อายุยืนหมื่นๆปีแน่ๆ”
พอลยิ้มเอ็นดูลูกจัน ลูกจันทรุดตัวลงนั่งเตรียมกรวดน้ำ
ลูกจันเรียกพอล “มากรวดน้ำก่อนเร็ว”
พอลช่วยกรวดน้ำกับลูกจัน
ลูกจันหลับตาอธิษฐานอย่างตั้งใจมาก “บุญกุศลนี้ ข้าพเจ้าขอให้กลายเป็นพรส่งถึงผู้ที่อยู่ข้างๆข้าพเจ้า..ขอให้เค้าหายจากอาการป่วยทั้งหลาย”
พอลมีอาการบรึ๋ยขึ้นมาอีกแล้ว
ลูกจันยังหลับตาอธิษฐานต่อ “และข้าพเจ้าขออุทิศบุญนี้แก่วิญญาณของนายตัวเหม็นที่เจอในป่าด้วยเทอญ”
พอลบรึ๋ยยอีกทีที่ได้รับบุญเบิ้ลแบบไม่อยากได้
ลูกจันอธิษฐานแล้วก็ลืมตามาคุยกับพอล
“เป็นไงแก...รู้สึกอิ่มบุญมั้ย?”
พอลยิ้มแหยๆ
“อิ่มจนจุกเลยล่ะ!!”
ลูกจันกับพอลกำลังนั่งอยู่บนเสื่อปิคนิคในสวนสาธารณะ ลูกจันสูดอากาศเข้าปอดอย่างสดชื่น
ลูกจันพูดกับพอล “สดชื่นเนอะ”
พอลพยักหน้า
“หมอบอกว่าผู้ป่วยวัณโรคควรอยู่ในที่ๆมีอากาศบริสุทธิ์มากๆ...แล้วฉันจะพาแกมาตากอากาศบริสุทธิ์บ่อยๆนะ”
พอลมองลูกจันด้วยความซึ้งใจ
“ขอบใจนะลูกจัน”
“ตอนเย็นหมอนัดไปเอกซเรย์ปอดอีกที..วันนี้เราอยู่ที่นี่ทั้งวันเลยดีกว่านะ”
พอลพยักหน้ายิ้มๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
เวลาผ่านไป พอลและลูกจันใช้เวลาร่วมกันในการทำกิจกรรมคนละอย่างอยู่ข้างๆกัน ลูกจันและพอลกินอาหารเที่ยงด้วยกัน ลูกจันนั่งวาดรูป ส่วนพอลก็ถ่ายรูปอยู่ใกล้ๆ ลูกจันนอนอ่านหนังสือแฟชั่นชั้นสูงของเมืองนอก ส่วนพอลนอนอ่านหนังสือพระ เวลาผ่านไป พอลและลูกจันนอนหลับอยู่คู่กันโดยต่างก็มีหนังสือแฟชั่นและหนังสือพระวางทับอยู่บนอก
ปีโป้นั่งอยู่ท่ามกลางกองหนังสือแฟชั่นรอบตัว
ปีโป้บ่น “โอ๊ย...จะถ่ายปกใหม่แล้ว..ยังหาไอเดียแฟชั่นไม่ได้เลย” ปีโป้หยิบหนังสือมาเปิดดูทีละเล่ม “อันนี้ก็อปไปแล้ว...อันนี้ก็เพิ่งก็อปไป..โอ๊ยย...ยังไงดีเนี่ย”
มินตรามองวิธีการทำงานของปีโป้ด้วยความสมเพช
“ลูกจันยังไม่กลับมาทำงานอีกเหรอ”
ปีโป้ทำสีหน้าไม่พอใจ
“ยัง!!...ตอนนี้ใครมีงานอะไร ต้องเมล์ส่งนางจ้า..เฮอะ..ทำงานสบายยังกะเจ้าหญิง”
มินตรากระตุกมุมปาก
“หึ..ใจเย็นๆ..อีกไม่นานเจ้าหญิงก็จะตกบัลลังก์แล้ว”
“แหม..อยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆจัง”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วแข่งกันหัวเราะแบบนางร้าย
ที่โรงพยาบาล หมอทำหน้าเครียดแล้วพูดอะไรบางอย่างกับพอลและลูกจัน ลูกจันเบิกตากว้างแล้วถลาเข้าไปเขย่าแขนหมอ พอลตะลึง หมอยกฟิล์มเอกซเรย์ขึ้นมาอธิบายพอลกับลูกจันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ลูกจันน้ำตาไหลพราก พอลยืนนิ่งงันคล้ายคนปลงตก
น้ำตาของลูกจันยังไหลเป็นสาย เธอสะอื้นฮักๆ พอลมองลูกจันด้วยความห่วงใย
พอลพูดเสียงอ่อนโยน “ลูกจัน”
ลูกจันยังสะอึกสะอื้น “ฮือๆๆ”
พอลเรียกซ้ำ “ลูกจัน”
“ฮือๆๆ”
พอลทำตาปริบๆ “ลูกจัน”
ลูกจันยังไม่หยุดร้อง “ฮือๆๆๆ”
พอลงงมาก
“เอ่อ...เดี๋ยวนะลูกจัน..ฉันเข้าใจถูกรึเปล่า..คือหมอบอกว่า...”
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หมอพูดกับทั้งสองคนว่า
“ไม่ได้เป็นวัณโรคครับ”
พอลทวนคำพูดหมอ “แค่ปอดชื้นนิดหน่อย”
หมอพูดต่อ “เลยมีอาการไอ”
ลูกจันยังร้องไปพูดไป “ก็ใช่ไง”
พอลยิ่งงงหนักกว่าเดิม
“อ้าว...แล้วแกร้องไห้ทำไมอ่ะ..ตั้งแต่โรงพยาบาลมาจนถึงบ้าน..แกยังไม่หยุดร้องเลยเนี่ย”
ลูกจันมองหน้าพอลแล้วน้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด
“ก็ฉันดีใจนี่..แกไม่รู้หรอกว่าตอนแกป่วยฉันทรมานใจแค่ไหน” ลูกจันจับแขนพอลลูบเบาๆ “ดีใจจังที่แกไม่เป็นไร”
ลูกจันสะอื้นฮักๆ เหมือนเด็ก พอลมองลูกจันด้วยความสงสาร พอลอ้าแขนจะกอดลูกจัน ลูกจันโผเข้าหาพอล แต่แล้วพอลก็ยกมือห้ามกะทันหัน “เดี๋ยว!!”
ลูกจันชะงักมองพอลอย่างไม่เข้าใจ พอลถอดมาสค์ของตัวเองออกแล้วเอื้อมมือมาถอดมาสค์ของลูกจัน พอลส่งยิ้มอบอุ่นให้ลูกจันก่อนจะดึงตัวลูกจันเข้ามากอด
“แบบนี้ดีกว่าเยอะเลยเนอะ” พอลบอก
ลูกจันพยักหน้าทั้งน้ำตา ทั้งคู่กอดกันด้วยความรัก
ที่ทะเลยามเช้า จุ้มจิ้มเดินเลียบชายหาดอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย จุ้มจิ้มคิดถึงอดีตที่ทะเลกับอาร์ต เธอนึกถึงตอนที่ติดเกาะแล้วอาร์ตมาช่วย นึกถึงตอนที่จุ้มจิ้มแกล้งผลักอาร์ตล้มลงในทะเลแล้วหัวเราะสะใจ จุ้มจิ้มน้ำตาไหล
จุ้มจิ้มกำลังจะเดินกลับบ้านพัก เธอเพ่งมองไปข้างหน้าก็เห็นนันทากำลังเดินมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง จุ้มจิ้มเดินเข้าไปหา
“เอากระเป๋ามาทำไมจ๊ะแม่” จุ้มจิ้มถาม
“กลับบ้านเถอะลูก” นันทาบอก
จุ้มจิ้มมองนันทาด้วยความสงสัย
“ทำไมล่ะจ๊ะ..เราเพิ่งมาได้ 3วันเองนะแม่..จุ้มอยากพาแม่มาพักผ่อนหลายๆวัน”
นันทามองจุ้มจิ้มอย่างแม่ที่เข้าใจลูกดี
“พาแม่มาพัก..รึว่าหนีใครบางคน?”
จุ้มจิ้มหลบตาแม่แล้วก็หน้าเศร้าขึ้นมาทันที
“จุ้ม..คนเราต้องยอมรับความจริง..ถึงแม้ว่าบางครั้งความจริงจะทำให้เราเจ็บปวด แต่เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้..การหนีปัญหาไม่ช่วยอะไรนะลูก”
จุ้มจิ้มน้ำตาไหลพราก นันทาดึงตัวจุ้มจิ้มเข้าไปกอด
“ถึงยังไงหนูก็ยังมีแม่ที่รักหนูนะลูก”
จุ้มจิ้มสะอื้นอยู่กับอกของนันทา ท่ามกลางเสียงคลื่นที่ราวกับกำลังส่งกำลังใจมาถึงจุ้มจิ้มว่าสู้ๆ
ที่จอคอมพิวเตอร์มีภาพวิวสวยๆในกรุงเทพ พอลกำลังเมล์รูปเหล่านั้นไปให้ลูกค้าดู
อุ่นเรือนกำลังปัดมาสคาราอย่างตั้งใจ อุ่นเรือนเห็นเท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมอง
อุ่นเรือนดีใจ “พี่ลูกจัน”
ลูกจันกำลังยืนสำรวจการเปลี่ยนแปลงของอุ่นเรือนอย่างไม่สบายใจ
“มีงานอะไรให้พี่เซ็น..เอาเข้าไปในห้องเลย”
พูดจบลูกจันก็เดินเข้าห้องไป
ลูกจันกำลังคร่ำเคร่งกับการเซ็นเอกสาร เวลาผ่านไป แฟ้มเอกสารกองสูงขึ้นเรื่อยๆ ลูกจันเซ็นเอกสารต่อ
ปากกาที่กำลังเซ็นหมึกหมด ลูกจันหยิบปากกาแท่งใหม่ขึ้นมาเซ็นต่อ เวลาผ่านไปลูกจันก็พักหลับตานวดหัวคิ้ว
ลูกจันเซ็นต่อ อุ่นเรือนเอาน้ำมาให้ ลูกจันจิบน้ำแล้วก็เซ็นต่อ ลูกจันปิดแฟ้มสุดท้าย
ลูกจันถอนหายใจ “เฮ้อ...พี่คงไม่กล้าลางานอีกนานเลย”
อุ่นเรือนขำแล้วหอบแฟ้มเตรียมออกจากห้อง
ลูกจันเรียก “แอนนี่”
อุ่นเรือนหันกลับมาหาลูกจัน “คะ”
ลูกจันพูดนิ่งๆ “ว่างๆพาแฟนมาให้พี่รู้จักบ้างสิ”
อุ่นเรือนยิ้มอายๆ “ค่ะพี่ลูกจัน”
อุ่นเรือนเดินออกไป ลูกจันมองตามอุ่นเรือนไปด้วยสายตาเป็นห่วง
พอลคุยโทรศัพท์กับมินตรา
“นะคะพีท..ให้เกียรติมาขึ้นปกหนังสือของมินหน่อยนะคะ”
พอลลำบากใจ “เอ่อ..ปกทีนคลับมันน่าจะเป็นวัยรุ่นรึเปล่าครับ..ผมอายุเลยวัยทีนไปนานแล้ว”
“อุ๊ย..ตอนนี้สาวๆเค้านิยมผู้ชายโตกว่าค่ะ..อย่างพีทเนี่ย ผู้ชายในฝันของสาวๆวัยทีนเลยค่ะ”
พอลอ้าง “เอ่อ...งั้นก็ลองคุยกับลูกจันดูสิครับ..ลูกจันเค้าดูเรื่องคิวงานให้ผมอยู่”
มินตราทำหน้าไม่พอใจแต่ยังเฟคเสียงหวาน
“แหม...มินกับลูกจันทำหนังสือกันคนละเล่ม..แล้วจะให้มาคุยขอนายแบบกัน..มินว่ามันจะไม่ค่อยสะดวกใจกันน่ะค่ะ...ถ้ายังไงมินรบกวนพีทช่วยคุยกับลูกจันให้หน่อยได้มั้ยคะ”
พอลรับปากแบบเกรงใจ “ก็ได้ครับ”
ลูกจันทำหน้านางร้าย
“ไม่ได้!!! แกถ่ายให้เซเลบเล่มเดียวพอ”
พอลยิ้มก่อนตอบ “โอเค”
ลูกจันมองหน้าพอลงงๆ
“ทำไมโอเคง่ายจัง”
“ก็ฉันไม่อยากถ่ายอยู่แล้ว..แต่ไม่รู้จะบอกคุณมินยังไงดีตอนนี้ฉันก็อ้างกับคุณมินได้แล้วว่าแกไม่ให้คิว..จบ!”
ลูกจันค้อน “หนอย..เจ้าเล่ห์นะยะ”
พอลเผลอก้มลงบีบจมูกของลูกจันด้วยความเอ็นดู
“เจ้าเล่ห์เหมือนใครน้า?” พอลว่า
พอลกับลูกจันสบตากันนิ่ง ต่างคนต่างอึ้งไปชั่วครู่ แล้วทั้งคู่ก็ชักเขินกันเอง
ลูกจันพยายามแก้เขิน “เอ่อ..เดี๋ยว..เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนนะ”
พอลพยักหน้าเขินๆ
“อือ..แล้วรีบลงมากินข้าวล่ะ”
ลูกจันพยักหน้าโดยไม่สบตาพอล “อือ”
ลูกจันรีบเดินออกไปพร้อมความรู้สึกแปลกๆ พอลมองตามลูกจันแล้วยิ้มตาเป็นประกายอย่างมีความสุข
ลูกจันยืนตาเป็นประกาย
“เย้...ของโปรด”
ลูกจันเห็นเตาหมูกะทะวางอยู่พร้อมหมูและผัก
“เลี้ยงฉลองที่ฉันหายป่วยไง...แล้วก็” พอลแอบค้อน “เลี้ยงขอบใจแกที่ช่วยกรวดน้ำให้ฉันด้วย”
ลูกจันยิ้มแป้นโดยไม่ได้รู้เลยว่าเค้าประชด!
พอลคีบหมูให้ลูกจัน ลูกจันยิ้มให้พอล
“พีท”
พอลเตรียมยิ้มรอรับคำขอบคุณ
ลูกจันพูดต่อ “พอก่อนมั้ย?”
ลูกจันพยักหน้าไปให้พอลมองที่จานตรงหน้า พอลเห็นหมูที่ปิ้งแล้วกองอยู่เป็นภูเขา พอลสะดุ้งเบาๆ เพราะคีบเพลินไปหน่อย พอลหัวเราะแหะๆ แก้เขิน ลูกจันมองพอลขำๆ
ลูกจันคีบหมูใส่ในจานพอล “เอ้า...แบ่งกัน”
พอลยิ้มให้ลูกจัน
เวลาผ่านไป ลูกจันกินหมูกะทะอย่างมีความสุข
ลูกจันนั่งทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
อุ่นเรือนเดินเข้าด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ลูกจันมองท่าทางของอุ่นเรือนด้วยความแปลกใจ “มีอะไรแอนนี่”
“คือ..คุณณัฐมาขอพบพี่ลูกจันค่ะ”
อุ่นเรือนทำหน้าเตรียมฟังเสียงลูกจันเหวี่ยง ลูกจันทำหน้านิ่งๆ
“เชิญเค้าเข้ามา”
อุ่นเรือนแปลกใจมาก
ณัฐยื่นดอกไม้ให้ลูกจัน ณัฐยิ้มหวานให้ลูกจัน ในขณะที่ลูกจันยิ้มน้อยๆรับดอกไม้มาวางบนโต๊ะ
“ขอบคุณ...ที่จริงไม่ต้องส่งมาทุกวันก็ได้นะดอกไม้เนี่ย”
ณัฐมองตาลูกจันอย่างมีความหมาย “พี่อยากให้ลูกจันมานานแล้วค่ะ ชดเชยกับเวลาที่ผ่านมา”
ลูกจันยิ้มขื่นๆที่มุมปาก
“บางอย่างมันชดเชยกันไม่ได้หรอกค่ะ” ลูกจันว่า
“แต่เริ่มต้นใหม่ได้...” ณัฐเอื้อมมือไปจับมือลูกจัน “ใช่มั้ยคะ?”
ลูกจันนิ่ง เธอก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกณัฐกุมไว้ ลูกจันค่อยๆขยับออกจากมือณัฐอย่างนุ่มนวล ณัฐสังเกตอาการไม่กระโตกกระตากของลูกจันอย่างย่ามใจ เขาคิดว่ามีความหวัง
ณัฐแกล้งดูนาฬิกา “จะเที่ยงแล้ว..ไปทานข้าวกันนะคะ..วันก่อนลูกจันเพิ่งเลี้ยงพี่ไป..วันนี้พี่ขอเลี้ยงลูกจันบ้างนะคะ”
ลูกจันมองหน้าณัฐนิ่ง ณัฐมองลูกจันอย่างลุ้นคำตอบ
อุ่นเรือนนั่งคุยอยู่กับแซนดี้และอาร์ต ทุกคนเห็นลูกจันเดินมาพร้อมณัฐด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
ลูกจันพูดกับอุ่นเรือน “แอนนี่..พี่ไปทานข้าวนะ..อาจจะกลับเข้ามาช้าหน่อย..ถ้ามีอะไรด่วนโทรเข้ามือถือพี่แล้วกัน”
“ค่ะ”
ลูกจันกับณัฐเดินออกไป อุ่นเรือนทำหน้างงแล้วหันไปทางแซนดี้
“ยังไงน่ะ?”
แซนดี้งงเหมือนกัน
แซนดี้ตอบอุ่นเรือน “ไม่รู้สิ”
แซนดี้หันไปถามอาร์ตต่อ “ยังไงเหรอ?”
อาร์ตก็งงจึงหันไปตอบแซนดี้ “จะรู้มั้ย”
ทั้ง3คน..งงกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
พอลเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกจันอย่างร่าเริง
“เซอร์ไพรส์”
พอลเห็นห้องลูกจันว่างเปล่า “อ้าว!”
พอลยืนหมุนเหลียวหาลูกจันอยู่กลางห้อง อุ่นเรือนเปิดประตูเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“สวัสดีค่ะพี่พีท..มาหาพี่ลูกจันเหรอคะ”
“ครับ”
“พี่ลูกจันไม่อยู่ค่ะ..ออกไปทานข้าวกับคุณณัฐ”
พอลอึ้งกับคำพูดของอุ่นเรือน
อาร์ตที่ยังหน้าเศร้า แซนดี้ และอุ่นเรือนกำลังจะเดินไปทานข้าวเที่ยง จุ้มจิ้มกำลังเดินมาด้วยใบหน้าเศร้าไม่แพ้อาร์ต อาร์ตดีใจที่เห็นจุ้มจิ้ม เขาพยายามจะหาทางสบตา แต่จุ้มจิ้มไม่ยอมสบตาด้วย
“จุ้ม..ทำไมกลับมาทำงานเร็วล่ะ..ไหนบอกว่าจะพักอาทิตย์นึงไง” อุ่นเรือนว่า
จุ้มจิ้มหันคุยกับอุ่นเรือนพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ “เราห่วงงานน่ะแอนนี่...เกรงใจพี่ลูกจันด้วย..เลยรีบกลับ”
“งั้นเดี๋ยวเราจะเอาตัวอย่างเสื้อผ้าถ่ายแบบเล่มหน้าไปให้จุ้มดูนะ..เผื่อจุ้มจะได้ไอเดียว่าจะจัดแสงประมาณไหน” แซนดี้บอก
จุ้มจิ้มหันมาพยักหน้าให้แซนดี้พร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ เหมือนเดิม “ได้ดิ”
อาร์ตหาจังหวะจะคุยกับจุ้มจิ้มบ้าง “เอ่อ...จุ้ม..ไปกินข้าวด้วยกันนะ”
จุ้มจิ้มหันไปมองสบตาอาร์ตนิ่งๆ แบบไม่มีความโกรธในแววตามีแต่ความว่างเปล่าจนน่าใจหายและไม่มีรอยยิ้ม
จุ้มจิ้มพูดเสียงเย็นชา “ไม่เป็นไร ฉันกินมาแล้ว...ขอบใจ”
จุ้มจิ้มเดินจากไป อาร์ตจ๋อยสนิท
พอลนั่งรอลูกจันอยู่ในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย พอลหันไปเห็นดอกไม้แจกันใหญ่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมการ์ดที่แนบเอาไว้ พอลเหล่มองการ์ดก็เห็นหน้าซองลงชื่อว่าจากณัฐ พอลค้อนดอกไม้อย่างหมั่นไส้
พอลหงุดหงิด “จะส่งมาทำไมหนักหนาวะ”
พอลทนหมั่นไส้ดอกไม้ไม่ไหวจึงเอื้อมมือไปดันแจกันดอกไม้ให้ออกไปไกลๆสายตา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น อุ่นเรือนเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“พี่ลูกจันยังไม่กลับมาเหรอคะ” อุ่นเรือนถาม
“ยังครับ”
“พี่พีทคงหิวแย่..จะรับอะไรรองท้องหน่อยมั้ยคะ..เดี๋ยวอุ่น..เอ๊ยยยย..แอนนี่ไปจัดการให้”
“ไม่เป็นไรครับแอนนี่..พี่ยังไม่หิว”
“งั้นอุ่น..เอ๊ยยยย..แอนนี่ไปทำงานก่อนนะคะ”
“ครับ..ตามสบาย ไม่ต้องห่วงพี่นะ”
อุ่นเรือนหันหลังกำลังจะเดินออกนอกห้อง พอลบังเอิญเหวี่ยงหางตากลับมาเห็นแจกันดอกไม้ของณัฐพอดี เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์ ความร้ายกาจเข้ามาสิงสู่จิตใจของพอล
“เดี๋ยว..แอนนี่”
แอนนี่หันกลับมาหาพอล
“เอ่อ..พี่รบกวนขอน้ำร้อนให้พี่ซักแก้วได้มั้ยครับ” พอลทำหน้าสะใจ “เอาแบบร้อนจี๋ๆเลยนะ”
อุ่นเรือนทำหน้างงๆ ว่าพอลจะเอาน้ำร้อนจี๋ไปทำไม พอลนึกได้ว่าเผลอพูดเยอะไปจึงพยายามเกลี่ยให้เนียนๆ
“เอ่อ..คือ..พี่ไม่ค่อยสบาย..อยากจิบอะไรร้อนๆน่ะ”
อุ่นเรือนยิ้มซื่อ “อ๋อ..ค่ะ”
อุ่นเรือนรีบเดินออกไปเอาน้ำร้อนจี๋มาให้พอล พอลยืนยิ้มอย่างวายร้าย
แก้วน้ำร้อนจัดควันฉุยอยู่ในมือพอล พอลยืนถือแก้วน้ำร้อนยืนอยู่หน้าแจกันดอกไม้ของณัฐ พอลมองแจกันดอกไม้พร้อมทำหน้าชั่วร้ายเหมือนตัวร้าย
พอลหัวเราะแบบผู้ร้ายยุคก่อน “วะฮะฮะฮะฮะฮ่า”
พอลยืนเล่นใหญ่อยู่หน้าแจกันดอกไม้
ลูกจันเห็นดอกไม้ของณัฐพร้อมใจกันเหี่ยวทั้งแจกัน ข้างแจกันมีแก้วน้ำร้อนของพอลว่างเปล่า ลูกจันกำลังยืนจ้องแจกันดอกไม้อย่างสงสัย
“ทำไมมันเหี่ยวเร๊วววเร็ว”
พอลสะใจแต่แกล้งตอบด้วยเสียงและหน้าแบ๊วๆ
“อากาศร้อนมั้ง”
ลูกจันกระชับเสื้อชั้นนอกที่ใส่อยู่แล้วทำท่าหนาว
“แอร์แรงขนาดนี้เนี่ยนะ?”
พอลได้ทีก็เสี้ยมเลย
“ไม่งั้นก็...ของไม่ค่อยดีรึเปล่า??..ดอกไม้ใกล้หมดอายุแล้วม้าง”
ลูกจันเบะหน้าแล้วผลักแจกันออกจากตัว พอลแอบยิ้มที่แผนสำเร็จ ลูกจันหันมาคุยกับพอลต่อ
“แล้วแกมานานรึยังเนี่ย?”
พอลทำหน้าล่อกแล่กเพราะกลัวลูกจันรู้ความจริงว่ามารออยู่เกือบ4ชั่วโมงแล้วเดี๋ยวจะเสียฟอร์ม
“ม้าย..ไม่ๆ.ไม่นาน..เพิ่งมาเมื่อตะกี้อ่ะ”
อุ่นเรือนเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้องพอดี
อุ่นเรือนพูดกับลูกจัน “อ้าว..พี่ลูกจันมาแล้วเหรอคะ..พี่พีทมานั่งรอพี่ลูกจันอยู่เกือบ4ชั่วโมงแน่ะค่ะ”
พอลสะดุ้งกับการเข้ามาได้จังหวะเหลือเกินของอุ่นเรือน ลูกจันหันไปมองพอล พอลยิ้มแหยๆให้ลูกจัน
พอลพยายามรักษาฟอร์ม “ก็..ก็ไม่ได้จะรออะไร..พอดีไม่รู้จะไปไหน..เลยนั่งเล่นไปเรื่อยๆอ่ะ”
ลูกจันพยักหน้ายิ้มๆ อย่างรู้ทัน อุ่นเรือนเดินออกไปจากห้อง
“ทำไมไม่โทรบอกล่ะ..ฉันจะได้รีบกลับ” ลูกจันนึกได้ “เออ..งี้แกก็ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงสิ..หิวมะ?”
พอลตอบทันทีอย่างแมนๆ “ไม่หิว!!”
ทันใดนั้นท้องพอลก็ร้อง“ครืดด...คราด..โครก”
พอลหน้าเสียที่ท้องไม่ไว้หน้ากันมั่งเลย ลูกจันขำปนเอ็นดู
“พีท..ฉันว่าแกเป็นคนโกหกไม่ขึ้นนะ..อย่าเอาดีทางนี้ดีกว่า”
พอลเขินที่ถูกจับได้
ตกกลางคืน อาร์ตยืนนิ่งมองตรงไปที่ห้องจุ้มจิ้ม อาร์ตเห็นห้องจุ้มเปิดไฟอยู่ อาร์ตเศร้าราวกับกำลังพยายามส่งกระแสจิตไปถึงจุ้มจิ้ม
จุ้มจิ้มเห็นอาร์ตยืนมองตรงมาทางนี้ผ่านทางหน้าต่างห้อง จุ้มจิ้มเศร้ามาก
เสียงนันทาเรียก “จุ้ม”
จุ้มจิ้มหันกลับไปเห็นนันทากำลังมองมาด้วยแววตาห่วงใย จุ้มจิ้มน้ำตาคลอแล้วเดินไปกอดนันทา
“คนเราหนีอะไรก็หนีได้..แต่หนีหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกนะจุ้ม” นันทาบอก
จุ้มจิ้มน้ำตาไหลพราก
อาร์ตเครียด นันทายืนคุยกับอาร์ตหน้าบ้าน
“กลับไปก่อนเถอะอาร์ต..มันดึกแล้ว” นันทาบอก
“แต่ผม....”
นันทาพูดแทรก “ใจเย็นๆนะอาร์ต..เรื่องบางเรื่องมันต้องใช้เวลา...ให้เวลาจุ้มอีกซักหน่อย...จุ้มพร้อมเมื่อไหร่ก็เค้าก็คงคุยกับอาร์ตเอง”
อาร์ตหน้าเศร้า น้ำตาซึม “ครับ” อาร์ตยกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”
นันทายิ้มให้อาร์ตอย่างให้กำลังใจแล้วเดินกลับเข้าบ้าน อาร์ตหันมองไปทางห้องนอนจุ้มจิ้มอีกครั้ง อาร์ตตัดสินใจขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ท เขาเหลียวมามองห้องนอนจุ้มจิ้มอีกครั้งก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์หายไปในความมืดมิดยามราตรีด้วยหัวใจที่มืดมน
จุ้มจิ้มยืนมองอาร์ตขี่มอเตอร์ไซค์จากไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย จุ้มจิ้มทรุดตัวลงร้องไห้อย่างหนัก
ณัฐกำลังนอนหลับสนิท ณัฐรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับบนอก เขาลืมตามองก็เห็นกล่องกระเป๋าแอร์เมสวางอยู่บนอก ณัฐเบิ่งตากว้างด้วยความดีใจ ณัฐหันไปข้างๆ ก็เห็นอิงอรนั่งยิ้มอยู่ในชุดคลุมวาบหวิว
“ขอบคุณมากนะคะอร...อรน่ารักที่สุดเลย” ณัฐชม
อิงอรมองอาการดีใจของณัฐด้วยความปลื้ม
“อรน่ารักแบบนี้..พี่ต้องขอบคุณอรให้"เต็มที่"ซะแล้วสิ”
ณัฐส่งสายตาวาบหวิวให้อิงอรพร้อมทำท่าจะคว้าอิงอรเข้ามากอด อิงอรเอามือดันณัฐไว้
“ใจเย็นๆสิคะพี่ณัฐ...เดี๋ยวพี่ณัฐได้ขอบคุณอร"เต็มที่"แน่ๆค่ะ...แต่ตอนนี้พี่ณัฐรีบเปิดกล่องดูก่อนสิคะว่ากระเป๋าสวยมั้ย?”
ณัฐพยักหน้า ณัฐค่อยๆเปิดกล่องแอร์เมสอย่างทะนุถนอม
ลูกจันหยิบกระเป๋าแอร์เมสสีชมพูสวยออกจากกล่อง ลูกจันยิ้มมุมปากเหมือนสะใจอะไรบางอย่าง
ลูกจันพูดเสียงนิ่งๆ “สวยดี”
ณัฐยิ้มปลื้มแล้วรีบเอาความดีความชอบทันที
“กว่าจะได้สีนี้ ไซส์นี้..พี่ก็วิ่งหาจนเหนื่อยเลยค่ะ” ณัฐจ้องตาลูกจันตาหวานหยดย้อย “แต่เพื่อลูกจัน..เหนื่อยแค่ไหน ลำบากยังไง..พี่ก็เต็มใจค่ะ”
ลูกจันจ้องลึกเข้าในตาณัฐพร้อมยิ้มหวานจนน่าขนลุก
“งั้นก็เตรียมตัวดีๆนะคะ..คุณคงต้องทั้งเหนื่อย ทั้งลำบาก..อีกเยอะเชียวล่ะ!” ลูกจันว่า
ณัฐยังส่งยิ้มให้ลูกจันอย่างมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
วิมาดาส่งแผ่นซีดีให้ลูกจัน
“นี่เป็นแผนการตลาดของเซเลบและหนังสืออื่นๆในเครือสำหรับการขายโฆษณาไตรมาสหน้า..ฉันให้เธอเอาไปศึกษาดูก่อน..เผื่อเธอมีไอเดียอะไรเพิ่มเติม...แล้วฝากเธอเอาไปแจกจ่ายบก.หนังสือเล่มอื่นๆด้วยนะ..อาทิตย์หน้าเราจะได้ประชุมกัน”
ลูกจันยิ้มรับคำวิมาดา “ได้ค่ะ”
ลูกจันลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกจากห้อง
“ลูกจัน”
ลูกจันตอบรับ “คะ?”
วิมาดาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ระวังให้ดีนะ..ห้ามข้อมูลหลุดเด็ดขาด!”
อุ่นเรือนพูด
“รับรองค่ะ..แอนนี่จะดูแลเท่าชีวิตเลยค่ะ”
อุ่นเรือนถือซีดีที่ลูกจันเพิ่งยื่นให้
“วันนี้พี่มีธุระต้องรีบกลับ...พรุ่งนี้แอนนี่ค่อยปรินท์เอกสารมาให้พี่อ่านนะ...แล้วฝากส่งให้บก.เล่มอื่นๆด้วย” ลูกจันบอก
“ค่ะพี่ลูกจัน”
อุ่นเรือนทำหน้ามุ่งมั่นกับการรักษาข้อมูลยิ่งชีพ
อุ่นเรือนเดินมาที่โต๊ะพร้อมกอดซีดีลับไว้แนบอก อุ่นเรือนเอาซีดีใส่ในลิ้นชักโต๊ะแล้วล็อคอย่างแน่นหนา
แซนดี้กับจุ้มจิ้มกำลังนั่งเปิดหนังสือดาราฮิฮะกันอยู่ตามประสาสาวๆ
“ถ้าเราทำผมทรงนี้เราจะดูเหมือนญาญ่ามั้ย” แซนดี้ถาม
จุ้มจิ้มยิ้มเกรงใจ “เอ่อ..ก็..คงคล้ายๆนะ”
อาร์ตเดินมาแล้วมองมาทางจุ้มจิ้ม
อาร์ตสูดลมหายใจเข้าปอดเพราะต้องการเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง เขาเดินเข้าไปหาแซนดี้และจุ้มจิ้ม แซนดี้หันมาเห็นอาร์ตก็ดีใจ “อาร์ต..จะไปไหนน่ะ”
อาร์ตหันไปคุยกับแซนดี้แต่ตาแอบมองจุ้มจิ้ม
“คิดงานไม่ออกน่ะ..เลยกะจะมานั่งชิลล์ซักพัก” อาร์ตบอก
“งั้นนั่งด้วยกันก็ได้..เรากับจุ้มก็มานั่งเมาท์คลายเครียดเหมือนกัน”
จุ้มจิ้มหันไปคุยกับแซนดี้โดยไม่มองหน้าอาร์ตเลย “งั้นเราไปก่อนนะ”
“อ้าว...ไหนบอกจะนั่งคุยกันไง” แซนดี้งง
“เพิ่งนึกได้ว่ายังมีงานค้างน่ะ...ไปนะ”
จุ้มจิ้มลุกเดินออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะชายตามองอาร์ต อาร์ตจ๋อยอีกแล้ว
ลูกจันกำลังคุยโทรศัพท์กับณัฐ
“ยังไม่ได้ใช้เลยค่ะ” ลูกจันยิ้มเยือกเย็น “ฉันจะเก็บไว้ใช้"ในโอกาสพิเศษ"
ณัฐยิ้มปลื้ม
“ค่อยยังชั่วหน่อย..พี่คิดว่าลูกจันไม่ใช้เพราะไม่ชอบซะอีก”
ลูกจันยิ้มมุมปาก
“ชอบสิคะ...นี่เป็นของขวัญชิ้นที่ฉันชอบที่สุดเลยล่ะ”
ณัฐมือณัฐเอื้อมไปกุมมืออิงอร
“คุณแม่พี่บอกว่า..เป็นของขวัญชิ้นที่คุณแม่ชอบที่สุดเลย...ขอบคุณนะคะอร”
อิงอรยิ้มปลื้ม
อุ่นเรือนกำลังเอาแผ่นซีดีใส่ไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ เธอตั้งท่าจะปรินท์ ทันใดนั้นเสียงมือถืออุ่นเรือนก็ดัง อุ่นเรือนหันมองโทรศัพท์ เห็นหน้าจอขึ้นชื่อ"กอล์ฟ" อุ่นเรือนยิ้มหน้าบานก่อนจะรีบรับสาย
“สวัสดีค่ะ” อุ่นเรือนฟัง “กำลังจะปรินท์เอกสารให้พี่ลูกจันค่ะ..” อุ่นเรือนฟัง “งานด่วนค่ะ..เพราะต้องใช้ประชุมบริษัทอาทิตย์หน้า” อุ่นเรือนฟัง “ไม่ได้หรอกค่ะ..มันเป็นเอกสารลับ..อุ่นต้องปรินท์เองค่ะ..เดี๋ยวข้อมูลหลุด” อุ่นเรือนฟัง “จะไปต่างจังหวัดพรุ่งนี้?” อุ่นเรือนทำหน้าลำบากใจ “งั้นก็ได้ค่ะ..เดี๋ยวอุ่นเอาไปปรินท์ที่บ้านคืนนี้ก็ได้ค่ะ.. ค่ะ..เจอกันค่ะ”
อุ่นเรือนวางหูโทรศัพท์แล้วปิดคอมพิวเตอร์ อุ่นเรือนหยิบแผ่นซีดีออกจากเครื่องแล้วเอาแผ่นซีดีใส่กล่องก่อนจะหย่อนลงในกระเป๋าเอกสาร อุ่นเรือนถือกระเป๋าเอกสารใบนั้นเดินออกไป
พอลกับลูกจันนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆกัน สักพักลูกจันก็มีอาการตาขวากระตุก
“อุ๊ย!!”
พอลหันมองลูกจัน “เป็นอะไรลูกจัน”
ลูกจันเอามือจับตาขวาที่ยังกระตุกอยู่
“เขม่นตาอ่ะ” ลูกจันรำพึง “ขวาร้าย ซ้ายดี” ลูกจันตกใจโอเว่อร์ “ว๊ายยยย..ฉันเขม่นตาขวาอ่ะพีท...ต้องมีเรื่องร้ายอะไรซักอย่างกับฉันแน่ๆ”
พอลส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะไม่เชื่อในสิ่งนี้!!
พอลหันมาพูดความในใจเบาๆ “หน้าตากับความเชื่อไม่ได้ไปด้วยกันเลย”
พอลพยายามปลอบใจลูกจันด้วยหลักทางการแพทย์
“ตากระตุกเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบประสาท..แกอาจจะเครียดกับงานมากเกินไป..ไม่เกี่ยวกับเรื่องร้ายอะไรซักหน่อย”
ลูกจันไม่ได้สนใจข้อมูลทางการแพทย์ของพอลเลย เธอยังคงจับตาขวาที่เขม่นยิกๆอย่างไม่สบายใจ
ลูกจันรำพึง “ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆเลย!”
อุ่นเรือนเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วมองหากอล์ฟ เธอเห็นกอล์ฟโบกมือให้ อุ่นเรือนเดินไปหากอล์ฟที่โต๊ที่มีเทียนจุดไว้อย่างโรแมนติค
อุ่นเรือนยิ้มหวาน “ขอโทษนะคะที่ให้รอนาน..รถติดมากเลยค่ะ”
กอล์ฟยิ้มหวานตอบ “กอล์ฟสิครับต้องขอโทษที่ทำให้อุ่นทิ้งงานมาทานข้าวด้วย...แต่กอล์ฟคิดถึงอุ่นจนทนไม่ไหวจริงๆ”
กอล์ฟทำตาเยิ้มใส่อุ่นเรือน อุ่นเรือนเขินม้วนต้วน
“อุ่นคงหิวแย่..ไปล้างไม้ล้างมือก่อนเถอะ..เดี๋ยวกอล์ฟสั่งอาหารรอกลับมาจะได้ทานเลย”
อุ่นเรือนพยักหน้ารับอย่างมีความสุข “ค่ะ”
อุ่นเรือนลุกเดินออกไปโดยทิ้งกระเป๋าเอกสารไว้ที่โต๊ะ
ลูกจันเดินลงบันไดมาในชุดพร้อมออกไปทำงาน เธอกำลังจะย่างเท้าออกจากบ้าน เสียงจิ้งจกตัวหนึ่งร้องทักขึ้นมาเบาๆ “จุ๊ๆๆ”
ลูกจันเงยหน้าขึ้นมองเหนือประตูก็เห็นจิ้งจกตัวหนึ่งกำลังจ้องตาแป๋วมาที่เธอ ลูกจันประสานสายตากับจิ้งจกอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมารำพึงปลอบใจตัวเอง
“จิ้งจกมันก็ร้องไปถามธรรมชาติไม่ได้ทักเทิกอะไรหรอก ลางล้งลางร้ายอะไร๊...ไม่มี๊”
ลูกจันพยายามทำหน้าไม่แคร์เสียงทักจากจิ้งจก เธอก้าวเท้าเตรียมออกจากบ้านอีกครั้ง ทันใดนั้นเสียงจิ้งจกร้องดังระงมจากเหนือประตู
จุ๊ๆๆๆๆ”
ลูกจันสะดุ้งรีบเงยหน้ามองไปเหนือประตูอีกครั้งก็เห็นกองทัพจิ้งจกออกันอยู่พร้อมส่งเสียงร้องพร้อมเพรียงกันราวกับประชาชนกำลังเป่านกหวีดต่อต้านรัฐบาลชั่ว ลูกจันหน้าซีด กลืนน้ำลายเอื๊อก
บก.ทั้ง4..รวมถึงมินตราและลูกจันกำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด วิมาดาที่ในมือมีเอกสารการตลาดยืนต่อหน้าทุกคนด้วยสีหน้าโกรธจัด
“แผนการตลาดหมือนของเราทุกอย่าง...แต่เสนอลูกค้าก่อนเรา..แถมตัดราคาเราอีก15%...ไม่มีวันที่บริษัทนายสาโรจน์จะใจตรงกับเราคิดแผนการตลาดได้เหมือนกันขนาดนี้”
วิมาดามองหน้าบก.ทุกคน
“บอกฉันหน่อยซิ....เอกสารลับระดับที่รู้กันเฉพาะบก.มันหลุดไปถึงมือคู่แข่งได้ยังไง”
บก.ทุกคนมองหน้ากัน
“บอสคะ..ดิฉันยังไม่ได้รับเอกสารแผนการตลาดไตรมาสหน้าเลยนะคะแล้วดิฉันจะทำมันหลุดไปถึงคู่แข่งได้ยังไงคะ” บก. คนหนึ่งพูด
บก. 2,3,4 และมินตราพูดพร้อมกัน
“ใช่ค่ะ..พวกเราก็ยังไม่ได้เอกสารเหมือนกันค่ะ”
วิมาดาอึ้งก่อนจะหันขวับมาทางลูกจัน
“ลูกจัน...เธอมีคำตอบให้ฉันมั้ย?”
ลูกจันเครียดมาก มินตรามีแผนขึ้นมาทันที
ลูกจันกำลังนั่งฟังเสียงฝ่ายบุคคลพูดผ่านสปีคเกอร์โฟน
“แอนนี่ขอลาป่วย 3 วันค่ะคุณลูกจัน”
“โอเค..ขอบใจมาก..แค่นี้แหละ”
ลูกจันกดปิดสปีคเกอร์โฟนด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเครียด
อุ่นเรือนกำลังฟังเสียงตอบรับอัตโนมัติจากเครื่องของกอล์ฟ
“กรุณาฝากข้อความเสียงไว้หลังสัญญาณ.....ปิ๊บบบ..”
อุ่นเรือนพูดเสียงร้อนใจมาก “กอล์ฟคะ...ช่วยโทรกลับอุ่นด่วนเลยนะคะ”
อุ่นเรือนวางหูด้วยสีหน้ากังวลพลางครุ่นคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ร้านอาหารเมื่อคืน
เหตุการณ์ในอดีต อุ่นเรือนเดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากกลับมาจากล้างมือแต่เธอพบว่าโต๊ะว่างเปล่าไร้เงากอล์ฟ อุ่นเรือนเดินไปที่นั่งแล้วก็ชะงักที่เห็นกระเป๋าใส่เอกสารเปิดอ้าไว้ อุ่นเรือนตกใจจึงรีบเปิดดูแล้วพบว่าซีดีหายไปแล้ว อุ่นเรือนรีบหยิบโทรศัพท์มาโทรหากอล์ฟ
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก....”
อุ่นเรือนหน้าเครียด บ๋อยเดินผ่านมา
“ขอโทษนะคะ...เห็นผู้ชายที่นั่งโต๊ะนี้มั้ยคะ”
“อ๋อ...ออกไปแล้วครับ” บ๋อยตอบ
อุ่นเรือนหน้าซีด “ไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ก็พอคุณผู้หญิงลุกไปห้องน้ำได้แป๊บนึง..คุณผู้ชายก็ลุกออกไปเลยครับ”
อุ่นเรือนหน้าเสียแล้วพูดกับบ๋อยเพื่อหวังปลอบใจตัวเอง
“คงไปทำธุระแถวนี้...เดี๋ยวคงกลับ”
บ๋อยมองอุ่นเรือนด้วยความสงสาร “ครับ”
บ๋อยเดินออกไป อุ่นเรือนนั่งรอกอล์ฟที่โต๊ะด้วยสีหน้ากังวลมากเพราะสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง เวลาผ่านไป พนักงานกำลังเตรียมปิดร้าน อุ่นเรือนยังนั่งรอกอล์ฟอยู่ที่โต๊ะ เทียนบนโต๊ะละลายเกือบหมดแล้ว อุ่นเรือนน้ำตาคลอ
รูปถ่ายลูกจันที่ถ่ายคู่กับอุ่นเรือนวางไว้ที่มุมหนึ่งในห้องอุ่นเรือน อุ่นเรือนกำลังมองมาที่รูป
อุ่นเรือนรำพึง “อุ่นขอโทษค่ะพี่ลูกจัน”
อุ่นเรือนร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างรู้สึกผิด
วิมาดากำลังเปิดสมุดบันทึกรักของลูกจันทีละหน้า วิมาดาขมวดคิ้วกับข้อมูลที่เพิ่งได้เห็น มินตรากับปีโป้นั่งสังเกตอาการของวิมาดา วิมาดาเงยหน้าจากสมุดบันทึกแล้วพูดหน้านิ่งๆอย่างคนที่ไม่ยอมให้ใครเสี้ยมได้ง่ายๆ
“ก็แค่เรื่องส่วนตัวในอดีต”
มินตรากับปีโป้มองหน้ากันอย่างไม่พอใจที่การเสี้ยมไม่ได้ผล
“แล้วถ้ามันส่งผลมาถึงปัจจุบันล่ะคะ?” มินตราเสี้ยมต่อ
มินตราหันไปส่งสัญญาณกับปีโป้ “ปีโป้!”
ปีโป้พยักหน้ารับสัญญาณแล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปยื่นให้วิมาดา วิมาดายื่นมือไปรับโทรศัพท์ปีโป้มาดู
เธอเห็นรูปลูกจันเดินนำณัฐเข้าไปในห้องทำงานด้วยท่าทางใกล้ชิด
วิมาดาหน้าเครียด มินตราที่แอบสังเกตสีหน้าวิมาดาขยี้ต่อทันที
“ยังไม่หมดนะคะบอส”
มินตรายื่นรูปในโทรศัพท์ตัวเองให้วิมาดาดู วิมาดาเห็นกล่องแอร์เมสแนบการ์ดที่เขียนไว้ว่า"ของขวัญเล็กๆน้อยๆค่ะ...หวังว่าคงถูกใจนะคะ...จาก ณัฐ"
วิมาดาอึ้ง ปีโป้กับมินตราแอบยิ้มให้กันด้วยความมั่นใจว่าแผนสำเร็จแล้ว
ปีโป้ขยี้อีกรอบ “กระเป๋าราคาขนาดนั้น...ต้องทำความดีอะไร"แลก"มาก็ไม่รู้นะคะ..ทางคุณณัฐถึงได้ส่งมาให้เป็นของขวัญ”
วิมาดาเครียดและมีแววตาหวาดระแวง
ลูกจันยุ่งอยู่กับการพยายามโทรหาอุ่นเรือนแต่ก็ติดต่อไม่ได้ พอลแอบสังเกตอาการของลูกจันก็เห็นลูกจันดูเครียด พอลเดินมาหยุดใกล้ๆลูกจัน
“มีอะไรรึเปล่าลูกจัน”
ลูกจันเงยหน้ามองพอลด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ฉันกำลังสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างน่ะพีท...แต่ขอให้ฉันคิดผิดเถอะ”
พอลมองลูกจันอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
“ฉันเป็นคนเชื่อใจคนยากแกก็รู้...นอกจากแกแล้วก็มีอยู่อีกไม่กี่คนหรอกที่ฉันเชื่อใจ ไว้ใจ....ถ้าวันหนึ่งฉันถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง...ฉันคงเสียใจมาก!!”
พอลอึ้งและจุกกับสิ่งที่ลูกจันพูดถึงอุ่นเรือนแต่ก็โดนพอลเต็มๆ เพราะตอนนี้พอลเองก็กำลังทรยศต่อความไว้ใจของลูกจันอยู่เหมือนกัน
ในห้องทำงานวิมาดาบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ลูกจันนั่งเผชิญหน้ากับวิมาดา
วิมาดาพูดเสียงเย็นชา “เธอคงมีคำตอบมาให้ฉันแล้วใช่มั้ย..ว่าตกลงแผนการตลาดของเรามันหลุดไปถึงคู่แข่งได้ยังไง”
ลูกจันสบตาวิมาดาแล้วกัดริมฝีปากตัวเองนิ่งโดยไม่มีคำตอบ วิมาดาโกรธ เธอหยิบสมุดบันทึกรักและรูปณัฐกับลูกจันที่ห้องทำงานกับรูปกล่องแอร์เมสและการ์ดที่อัดขยายมาแล้วมาวางลงตรงหน้าลูกจัน
“งั้นของพวกนี้ล่ะ...เธอมีคำตอบมั้ย?”
ลูกจันมองของทุกอย่างบนโต๊ะด้วยความตกใจแล้วก็เปลี่ยนเป็นโกรธเพราะพอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนเอามาให้วิมาดา ลูกจันสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างพยายามรักษาอารมณ์
ลูกจันพูดเสียงนิ่งๆ “จันไม่มีคำตอบค่ะ”
วิมาดามองลูกจันอย่างผิดหวัง
“งั้นฉันจะให้เธอพักงานจนกว่าจะมีคำตอบ...ระหว่างนี้จะให้มินตราขึ้นมาดูแลงานแทน”
ลูกจันมีดวงตาสลดวูบด้วยความเสียใจ “ค่ะ”
ลูกจันน้ำตาคลอ เธอกัดฟันอุ้มกล่องใส่ข้อมูลเดินออกจากห้องไป วิมาดาทรุดตัวลงนั่งเพราะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ณัฐกำลังคุยโทรศัพท์กับสาโรจน์
“โดนสั่งพักงานก็ไม่ต่างกับโดนไล่ออก...ผมว่าตอนนี้แหละครับเป็นโอกาสที่เราควรจะรีบไปช้อนลูกจันให้มาทำงานกับเราแทน” ณัฐฟัง “ไม่ต้องห่วงครับพี่สาโรจน์....ผมเตรียมวิธีจัดการกับลูกจันไว้เรียบร้อยแล้ว”
ณัฐยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะมั่นใจในแผนชั่วของตัวเอง
ณัฐแกล้งทำเป็นตกใจมาก
“พักงานเลยเหรอคะ?”
ลูกจันพยักหน้ารับอย่างเศร้าๆ ณัฐแอ๊บหน้ารู้สึกผิด
“พี่ขอโทษนะคะ...ที่ทำให้ลูกจันเดือดร้อน”
ลูกจันยิ้มมุมปาก “ทำไมต้องขอโทษล่ะ..เจ้านายคุณทำ..ไม่ใช่คุณทำนี่คะ”
ณัฐอึกอัก “ก็...นั่นแหละค่ะ..ถึงคุณสาโรจน์เป็นคนทำ..แต่พี่ในฐานะบก.หนังสือในเครือก็รู้สึกผิดไปด้วย”
ลูกจันก้มลงดื่มน้ำเพื่อซ่อนแววตาอะไรบางอย่าง!”
“ลูกจันคะ...พวกนายจ้างก็เหมือนกันหมดทุกคน..เห็นลูกจ้างอย่างเราเป็นแค่หมาล่าเนื้อ..วันไหนเราหมดเขี้ยวเล็บ ไม่มีประโยชน์กับเค้า..เค้าก็พร้อมจะกำจัดเรา”
ลูกจันมองหน้าณัฐ รอฟังว่าณัฐจะมาไม้ไหน
“ทำไมเราสองคนไม่มาร่วมมือกัน..เป็นเจ้าของกิจการด้วยกันล่ะคะ..จะได้ไม่ต้องเป็นหมาล่าเนื้อให้ใครเค้าหลอกใช้ฟรีๆอีก”
ลูกจันยิ้มมุมปาก
“ฉันจะไว้ใจคนที่เคยทำร้ายฉันแบบคุณได้ยังไง?”
ณัฐยิ้มหน้าซื่อ เขาหยิบเอาเอกสารข้อมูลหนังสือหัวใหม่ของสาโรจน์ออกมาพร้อมเลื่อนไปวางไว้ตรงหน้าลูกจัน
“นี่เป็นข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับแผนการทำหนังสือหัวใหม่ที่คุณสาโรจน์เตรียมทำออกไปขายทั่วโลก...ข้อมูลพวกนี้เป็นความลับสุดยอด..แต่พี่รู้เพราะคุณสาโรจน์กำลังขอร้องให้พี่ช่วยขึ้นเป็นบก.ให้....พี่คงทนทำงานกับคนที่ทำร้ายลูกจันไม่ได้หรอกค่ะ” ณัฐมองตาลูกจันด้วยสีหน้าแน่วแน่ “พี่จะลาออกจากไลม์...แล้วเรามาหุ้นกันทำหนังสือหัวใหม่เล่มนี้ด้วยกันดีมั้ยคะ”
ลูกจันมองณัฐด้วยแววตาว่างเปล่า
“ข้อมูลลับขนาดนี้...คุณเอามาให้ฉันทำไม” ลูกจันถาม
“เพราะพี่อยากทำให้ลูกจันเห็นในความจริงใจที่พี่มีต่อลูกจัน...อยากให้ลูกจันเชื่อใจพี่..และพี่หวังว่าซักวันหนึ่งลูกจันจะกลับมาเรียกพี่ว่าพี่ณัฐ..แทนคำว่าคุณณัฐที่กำลังเรียกอยู่”
ลูกจันมีดวงตาเป็นประกายสมใจอะไรบางอย่าง
พอลมีสีหน้าเป็นกังวล
“พักงาน?”
ลูกจันพยักหน้า
“อือ”
“แล้วทำไมไม่อธิบายความจริงกับคุณวิมาดาไปล่ะ?”
ลูกจันยิ้มเพลียๆ “อธิบายยังไงล่ะ...จนป่านนี้ฉันยังไม่รู้เหตุผลจริงๆเลยว่าทำไมแอนนี่ถึงทำแบบนั้น”
“งั้นก็พยายามโทรหาแอนนี่ให้ได้สิ..จะได้ถามดูว่าแอนนี่มีเหตุผลอะไร”
ลูกจันส่ายหน้าอย่างคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
“ไม่จำเป็นหรอกพีท....คนอย่างฉัน...ถ้าสูญเสียความเชื่อใจใครไปแล้ว คนๆนั้นก็จะไม่มีตัวตนสำหรับฉันอีกต่อไป”
พอลมองความใจเด็ดของลูกจันอย่างหวั่นใจเพราะกลัวว่าสักวันหนึ่ง ตัวเองจะต้องกลายเป็น"คนไม่มีตัวตน"สำหรับลูกจันไป
ณัฐกำลังนั่งดื่มชิลล์ๆ โทรศัพท์ณัฐดังขึ้น ณัฐเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นหน้าจอขึ้นชื่ออร ณัฐทำหน้าเบื่อหน่ายโดยไม่ยอมรับสาย เสียงโทรศัพท์ดังจนขาดไปหลายครั้งแต่ก็ดังขึ้นมาใหม่อีกหลายครั้ง ณัฐทำหน้าเบื่อถึงขีดสุดจึงหยิบโทรศัพท์มารับสาย
ณัฐพูดเสียงนิ่งๆ “ฮัลโหล”
อิงอรอารมณ์ไม่ดีเพราะณัฐไม่ยอมรับสายซะที
“ทำอะไรอยู่คะ..กว่าจะรับสายได้..อรรอตั้งนาน”
ณัฐพูดเสียงแข็งๆ “ทำงานอยู่ค่ะ...อรมีอะไรด่วนรึเปล่าคะ”
อิงอรรู้สึกแปลกใจในน้ำเสียงของณัฐ
“ไม่มีค่ะ...แค่คิดถึง..อยากชวนพี่ณัฐไปหาอะไรดื่มด้วยกัน”
ณัฐรีบตัดบท
“พี่ไม่ว่างค่ะอร...เอาไว้เสร็จงานค่อยคุยกันนะคะ...บายค่ะ”
ณัฐวางหูไปอย่างรีบร้อนแล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มมาจิบต่อ
ณัฐรำพึงไปถึงอิงอร “เสียใจด้วยนะคะอร...พี่คงต้องรีบเคลียร์ตัวเองเอาไว้ให้คนที่เค้าพร้อมกว่าอรแล้วล่ะค่ะ”
ณัฐหัวเราะเบาๆ มองเห็นเส้นทางเดินที่โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบของตัวเอง
ต๋อยเบิกตาโตอย่างตกใจ
“บก.ใหม่?”
ทุกคนในห้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อุ่นเรือนก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร
“ใช่...ต่อไปนี้มินตราจะมาเป็นบก.ใหม่ของเซเลบแทนลูกจัน”
ทุกคนในห้องเครียด
“ขอทราบเหตุผลได้มั้ยคะบอส” ต๋อยว่า
“เอาเป็นว่า..ลูกจันทำความผิดร้ายแรงจนโดนพักงาน..รายละเอียดทุกคนไม่จำเป็นต้องรู้” วิมาดาพูดกับมินตรา “มินตรา เดี๋ยวเธอคุยรายละเอียดเรื่องงานกับทุกคนต่อเลย”
มินตราหันไปรับคำวิมาดาอย่างสงบเสงี่ยม “ค่ะบอส”
วิมาดาเดินออกไปจากห้อง
มินตราที่สีหน้าเปลี่ยนจากสงบเสงี่ยมเป็นยะโสเดินไปนั่งเก้าอี้ลูกจันด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเหมือนองค์เจ้านายลงทันที ปีโป้รีบก้าวเท้าไปยืนอยู่ข้างๆมินตราทำตัวเป็นคนสนิทนายในบัดดล ทุกคนในห้องอึ้ง อุ่นเรือนกดดันมาก
ทุกคนนั่งรวมตัวกันอยู่ด้วยสีหน้าเครียด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ..มีใครรู้มั้ย”
พูดจบต๋อยก็มองหน้าแต่ละคน
“แซนดี้ว่าไง” ต๋อยถาม
แซนดี้ส่ายหัว
“แซนดี้ไม่รู้เรื่องเลยค่ะพี่ต๋อย..ยังช็อคอยู่เลยเนี่ย”
ต๋อยมองมาทางอาร์ตกับจุ้มจิ้ม
“อาร์ตกับจุ้มล่ะ”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มลืมตัวจึงหันมามองหน้ากัน จุ้มจิ้มรู้สึกตัวก็รีบเมินหน้าไปจากอาร์ต
“จุ้มก็ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
อาร์ตเศร้าเพราะถูกจุ้มจิ้มเมินใส่ “ผมก็ไม่รู้เรื่องเลยพี่”
ต๋อยหันไปทางอุ่นเรือนที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่
“แอนนี่ล่ะ..ใกล้ชิดที่สุด...รู้มั้ยทำไมคุณลูกจันถูกพักงาน”
อุ่นเรือนสะดุ้งสุดตัวและหน้าตามีพิรุธแต่ก็ปฏิเสธปากคอสั่น
“มะมะไม่รู้ค่ะ...ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ....อุ่นไม่เกี่ยวนะคะ”
ทุกคนมองอุ่นเรือนงงๆ
“เอาล่ะๆ...ใจเย็นๆแอนนี่...ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น..ไม่มีใครบอกว่าแอนนี่เกี่ยวซักหน่อย” ต๋อยรำพึงกับตัวเอง “เฮ้ออ....โทรไปหาก็ปิดเครื่อง...ป่านนี้คุณลูกจันจะเป็นไงมั่งก็ไม่รู้”
ทุกคนมีสีหน้าห่วงลูกจัน อุ่นเรือนรู้สึกผิดจนน้ำตาคลอ
เสียงหัวเราะของมินตราและปีโป้ดังอยู่ในห้องลูกจัน มินตรากับปีโป้ยังทำหน้าภาคภูมิใจในชัยชนะ
“ในที่สุดก็หมดเวลาของลูกจัน” มินตราว่า
“ฮื่อ...แต่ฉันยังเสียดายอยู่นะที่อดเอาข้อมูลไปให้นักข่าว” ปีโป้บอก
“ก็บอสบอกแล้วไงว่าไม่อยากเสียชื่อที่โดนคนใกล้ตัวหักหลัง” มินตรายักไหล่ “หึ..ช่างเถอะ...แค่นี้ก็สะใจแล้ว...คุ้มกับที่ต้องเหนื่อยไปหาข้อมูลซะไกล...ฮ่าๆๆ”
ปีโป้เหลือบตามองมินตราอย่างมีแผน
“เธอน่ะคุ้มสิ..แต่ฉันน่ะไม่ค่อยคุ้มเล้ย...รถที่พังอ่ะต้องจ่ายค่าซ่อมตั้งหลายตังค์แน่ะ” ปีโป้ว่า
มินตราเหลือบตามองปีโป้อย่างรู้ทัน
ปีโป้ประจบ “มิน...ถ้ายังไงเธอช่วยขึ้นเงินเดือนให้ฉันหน่อยสิ..จะได้เอาไปจ่ายค่าซ่อมรถ...นะๆๆ”
มินตราบิดปากดูถูกปีโป้
มินตราทำเสียงวางท่าเป็นเจ้านาย “ก็ต้องดูการทำงานของเธอก่อนนะปีโป้..ไอ้ประเภทไปก็อปชาวบ้านมาอย่างเดียวนี่..พอซะทีนะ”
ปีโป้อึ้งกับความเปลี่ยนไปเร็วเกินของมินตรา
“ออกไปได้แล้ว...ฉันจะทำงาน” มินตราว่า
ปีโป้หมุนตัวออกไปอย่างงงๆ
มินตราเรียกไว้ “เดี๋ยว!”
ปีโป้หันมามองมินตราแบบยังไม่หายงง มินตรามองปีโป้ด้วยแววตาห่างเหิน
“ตอนนี้ฉันกลายมาเป็นเจ้านายเธอแล้ว...เธอจะเรียกฉันว่ามินเหมือนเดิมเนี่ย..มันคงไม่เหมาะสม.. ต่อไปเรียกฉันว่า"คุณมิน"จะดีกว่า”
ปีโป้หายงงแต่เปลี่ยนเป็นแค้นแทน
ปีโป้กัดฟันประชด “ค่ะ...คุณมิน!!”
ปีโป้เดินออกจากห้องไปอย่างแค้นใจ มินตรากอดอกสูดกลิ่นอายแห่งชัยชนะอย่างชื่นใจ
ลูกจันนั่งเหม่ออย่างเหงาๆ พอลยื่นแก้วน้ำส้มให้ลูกจัน ลูกจันยิ้มเศร้าๆให้พอลพร้อมรับแก้วน้ำส้ม
“ขอบใจจ้ะ”
พอลทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆลูกจัน เขาไม่เอ่ยปากถามแต่มีแววตาห่วงใย
“เป็นห่วงเซเลบน่ะ...ใกล้ต้องถ่ายปกใหม่แล้ว..ไม่รู้จะเป็นไงมั่ง”
พอลยิ้มอบอุ่น “ไม่โทรไปถามข่าวดูล่ะ”
ลูกจันนิ่งก่อนส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่ดีกว่า...ฉันออกมาแล้ว...ทุกคนก็ต้องอยู่ให้ได้โดยไม่มีฉัน”
พอลยื่นมือไปบีบมือลูกจันเบาๆอย่างให้กำลังใจ ลูกจันพยายามเข้มแข็งแต่ยังเศร้า เธอเอนตัวพิงไหล่พอล
ทุกคนกำลังนั่งประชุมเตรียมคอนเส็ปต์เล่มใหม่ มินตราหน้าเครียดเพราะยังคิดคอนเส็ปต์ไม่ออก
“ตกลงเล่มใหม่คุณมินจะใช้คอนเส็ปต์อะไรคะ”
มินตราเงียบ
ปีโป้พูดเสียงประชด “แบบเสื้อผ้า"คุณมิน"เลือกไว้รึยังคะ”
มินตรายังเงียบ
อาร์ตถามต่อ “แล้ว...อาร์ตเวิร์คจะให้....”
มินตรารีบสวนออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“สรุปเป็นว่าไปดูปักษ์หลังเดือนมีนาคมปีที่แล้ว...แล้วใช้คอนเส็ปต์ตามนั้นเลย”
ทุกคนมองหน้ากันงงๆ
“อ้าว...ก็ซ้ำสิคะ” ต๋อยว่า
มินตราหันมาจิกตาไม่พอใจใส่ต๋อย
“โอ๊ย....มันตั้งปีนึงมาแล้ว...ใครจะไปจำได้...ก็ประยุกต์ไปนิดๆ หน่อยๆให้มันไม่เหมือนเดิมก็พอ”
ต๋อยมีท่าทางไม่พอใจแต่รับคำ “ค่ะ”
มินตราพูดต่อ “อ้อ...แล้วถ่ายปกพรุ่งนี้ก็ช่วยๆกันดูไปก่อนก็แล้วกัน...ฉันต้องไปงานเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่..คงไม่ว่างแวะไปคุมงานนะ”
ทุกคนมองหน้ากันเพราะงงกับการทำงานของมินตรา มินตรามองท่าทางของทุกคนด้วยความหงุดหงิด
“อ้าว...มานั่งมองหน้ากันทำไมล่ะ...แยกย้ายกันไปได้แล้ว..ฉันจะทำงานต่อ”
ทุกคนทะยอยเดินออกไปจากห้อง มินตราหยิบตลับแป้งมาแต่งหน้าเพิ่ม
พอลแอบมองลูกจันอยู่มุมหนึ่ง เขาเห็นลูกจันนั่งเศร้า พอลสงสารลูกจันมาก
อาร์ตกำลังโทรคุยกับอุ่นเรือน
“เรายังไม่ได้เรฟเฟอเรนซ์เลยว่าเล่มหน้าปกจะประมาณไหน...ถ้ายังไงแอนนี่ช่วยบอกให้จุ้มเอาเรฟเฟอเรนซ์มาให้เราดูหน่อยนะ”
อาร์ตวางหูพร้อมกับอมยิ้มกระหยิ่มกับแผนเอางานบังหน้าของตัวเอง เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา อาร์ตรีบหันไปด้วยความดีใจ “จุ้......”
อาร์ตเห็นแซนดี้ถือเรฟเฟอเรนซ์มาแทนจุ้มจิ้ม
“จุ้มเค้าติดงานด่วนอยู่อ่ะอาร์ต..เลยฝากเราเอาเรฟเฟอเรนซ์มาให้แทน”
อาร์ตหน้าจ๋อยที่ผิดแผน
พอลกำลังโทรคุยกับลูกจัน
“กองถ่ายเค้าโทรมาเช็คคิวเดือนหน้าน่ะ”
ลูกจันกำลังช็อปปิ้งไปพูดไป
“สมุดคิวอยู่ข้างเตียง...แกไปเปิดดูเองได้เลยพีท”
พอลรับคำยิ้มๆ “โอเค”
พอลวางหูโทรศัพท์
พอลหมุนลูกบิดประตูห้องนอนลูกจันเข้ามาแล้วเดินมายืนอยู่ในห้อง
พอลรำพึง “สมุดคิวอยู่ข้างเตียง”
พอลเดินไปที่เตียงลูกจัน เขามองไปที่หัวนอนข้างเตียงก็เห็นกล่องอดีตรักของลูกจันวางอยู่ พอลเอื้อมมือไปหยิบกล่องนั้นอย่างไม่รู้ตัว เขาเปิดกล่องหยิบสมุดบันทึกอดีตรักของลูกจันออกมา
“เจอแล้ว”
พอลรีบเปิดสมุดบันทึกรักที่คิดว่าเป็นสมุดคิวออกอ่าน เขาเห็นบันทึกหน้าแรกก็อึ้งที่ไม่ใช่สมุดคิว พอลลังเลว่าจะอ่านต่อดีมั้ย เขาตัดสินใจเสียมารยาทด้วยการอ่านต่อ
พอลอ่านไปขมวดคิ้วไปเพราะรับรู้ได้ถึงความรักและทุ่มเทที่ลูกจันมีให้แฟนเก่า เขาเปิดถึงหน้าสุดท้ายที่เป็นรูปคู่ณัฐกับลูกจัน พอลตะลึง
“คุณณัฐกับลูกจัน” พอลคิดถึงความเจ้าคิดเจ้าแค้นที่ลูกจันมีต่อณัฐ “มิน่าล่ะ!”
พอลเพิ่งหันไปเห็นว่าในกล่องมีรูปที่ถูกอัดวางไว้อีกสองสามใบจึงหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นรูปณัฐกับลูกจันที่หน้าห้องทำงานลูกจัน และรูปกระเป๋าแอร์เมสพร้อมการ์ดของณัฐ พอลถอนหายใจคิดถึงวันที่ลูกจันเคยบอก
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา
ลูกจันถามพอล “...ทุกวันนี้ฉันยังลืมไม่ได้..ฉันยังใจสั่น..ฉันยังเจ็บเวลาต้องเจอหน้ากัน..ฉันยังรักเค้าใช่มั้ยพีท?”
“ถ้าเรื่องเก่าๆ..กับคนเก่าๆมันทำให้เจ็บ..ก็ลืมมันไปซะสิลูกจัน” พอลปลอบ
“ถ้ามันลืมได้ง่ายๆก็ดีสิ” ลูกจันว่า
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต พอลก็เศร้ากว่าเดิม
พอลรำพึง “คุณยังรักเค้าอยู่สินะลูกจัน”
ความเจ็บปวดอัดแน่นในแววตาของลูกผู้ชายชื่อพอล
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
พอลเดินลงมาข้างล่างก็เห็นลูกจันแต่งตัวสวยกำลังจะออกไปข้างนอก พอลพยายามเก็บอาการเศร้า
“จะไปไหนน่ะ” พอลถาม
ลูกจันหันมามองพอลพร้อมยิ้มกว้าง “ฉันมีนัด”
พอลมองลูกจันอย่างเศร้าๆ
“คงเป็นนัดสำคัญสินะ...แต่งตัวขนาดนี้” พอลว่า
ลูกจันยิ้มและมีแววตามุ่งมั่น
“ใช่...สำคัญมาก...เป็นนัดที่ฉันรอมาสิบกว่าปี”
พอลมีแววตาวูบไหวเพราะมั่นใจว่าลูกจันมีนัดกับณัฐ
พอลฝืนอวยพร “ขอให้มีความสุขนะ”
ลูกจันยิ้มรับคำอวยพร
“ขอบใจนะพีท...ฉันมั่นใจว่าคืนนี้ฉันมีความสุขแน่ๆ”
ลูกจันอ้าแขนออกพร้อมกอดพอลด้วยความรัก พอลกอดตอบด้วยความเศร้า
บรรยากาศแสนโรแมนติคของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ณัฐชนแก้วกับลูกจัน
ณัฐพูด “เพื่อความสุขค่ะ”
ลูกจันยิ้มน้อยๆ ก่อนจะจิบไวน์เบาๆ ณัฐมองลูกจันด้วยความชื่นชม
“คืนนี้ลูกจันสวยมากเลยค่ะ”
ลูกจันยิ้มมุมปาก
“คงไม่เท่าคุณอิงอรมั้งคะ”
ณัฐรีบเอาใจลูกจันต่อ
“ใครบอกคะ...ลูกจันน่ะสวยสง่ากว่าอรเยอะเลยค่ะ”
“ชมผู้หญิงอื่นว่าสวยกว่าแฟนตัวเอง...มันจะดีเหรอคะ”
ณัฐหัวเราะเบาๆราวกับลูกจันพูดเรื่องไร้สาระ
“พี่นึกแล้วเชียวว่าลูกจันต้องเข้าใจผิด...อรกับพี่เป็นแค่พี่น้องกันธรรมดาค่ะ”
ลูกจันเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อคำพูดณัฐ
“คือ..ที่จริงพี่ก็ไม่อยากพูดนะคะ..กลัวว่าผู้หญิงเค้าจะเสียหาย..แต่เพื่อไม่ให้ลูกจันเข้าใจพี่ผิด..พี่คงต้องพูดความจริงซะที”
ลูกจันมองณัฐนิ่งอย่างรอฟัง
ณัฐตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ “อรเค้ามีอาการป่วยทางจิตน่ะค่ะ...คือ..ถ้าเค้าอยากได้อะไรแล้วไม่ได้เค้าจะคลุ้มคลั่งทำร้ายตัวเอง...แล้วบังเอิญว่าเค้ามาหลงรักพี่...แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเลยซักนิดเดียว..คุณพ่อคุณแม่อรเค้าก็กลัวว่าอรจะเสียใจจนทำร้ายตัวเอง...เลยมาขอร้องให้พี่แกล้งคบกับอร...พี่เห็นแก่หัวอกของคนเป็นพ่อแม่ก็เลยรับปากช่วยไป...แต่ไม่เคยมีใจให้อรเลย” ณัฐเอื้อมมือไปจับมือลูกจัน “เพราะหัวใจพี่เป็นของลูกจันคนเดียวมาตลอด”
ณัฐทำหน้าซึ้งอย่างพระเอกใส่ลูกจัน ลูกจันมองนิ่งไปในดวงตาณัฐพร้อมยิ้มเย็น
พอลผุดลุกผุดนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก แล้วพอลก็เดินไปมาเหมือนเสือติดจั่น
เวลาผ่านไป พอลชะเง้อมองไปหน้าบ้านเป็นระยะ เขาหึงจนเหงื่อแตกซิ่กและชักร้อน พอลปรับแอร์ไปที่10องศาฯ เพื่อดับความร้อนใจ
พอลยังกระวนกระวายรอลูกจันอยู่ในห้องรับแขก รถลูกจันแล่นกลับมา พอลสะดุ้งแล้วรีบเดินกลับไปที่บันได แต่ไม่ทันแล้วเพราะลูกจันเดินเข้ามาอย่างไว
“รอฉันอยู่เหรอพีท”
พอลรีบหันหลังกลับมาทำท่าหมือนกำลังจะลงบันได
“ปะปะปล่าว...ฉันหิวน้ำ..จะลงมาหาน้ำกิน”
ลูกจันหันไปดูอุณหภูมิห้อง10 องศา
“เหรอ????....ลงมากินน้ำต้องเปิดแอร์ขนาดนี้เลยเหรอ”
พอลจ๋อยที่ถูกจับได้ ลูกจันหัวเราะพอลอย่างเอ็นดู
“เป็นห่วงฉันก็บอกมาเห๊อะ..ทำเป็นปากแข็งไปได้..ฮ่าๆๆ”
พอลมองลูกจันอย่างพาลๆ
“ดูอารมณ์ดีจังเลยนะ”
ลูกจันยังไม่รู้ว่าพอลหึง “ช่าย...คืนนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลย” ลูกจันหาว “ง่วงแระ...ไปนอนก่อนล่ะ...กู้ดไนท์เพื่อนรัก”
ลูกจันหอมแก้มพอลฟอดใหญ่ก่อนเดินขึ้นบันไดไป พอลมองตามลูกจันอย่างเศร้าๆ แบบหมาเหงาเลยทีเดียว
ณัฐนั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
ก่อนที่ณัฐและลูกจันจะกลับ ณัฐเซ็นเครดิตการ์ดส่งให้บ๋อย บ๋อยเดินออกไป
“ขอบคุณนะคะ..คืนนี้ฉันมีความสุขมาก!” ลูกจันบอก
ณัฐยิ้มโปรยเสน่ห์
“แล้วคำตอบที่พี่ขอลูกจันไปล่ะคะ”
ลูกจันยิ้มเยือกเย็น
“ใจเย็นๆสิคะ...ฉันยังรอคุณมาตั้งสิบกว่าปี..กว่าจะถึงคืนนี้..คุณก็ต้องรอบ้าง...แต่รับรองว่าอีกไม่นานคุณได้รับคำตอบแน่”
ลูกจันยิ้มหวานเยิ้มให้ณัฐ
ณัฐยิ้มเหยียดๆ
“เฮอะ...ผู้หญิง...แค่นี้ก็เรียบร้อย!”
ณัฐกระดกเครื่องดื่มลงคอพร้อมหัวเราะอย่างอหังการ
“ฮ่าๆๆๆๆ”
เช้าวันใหม่ ลูกจันค่อยๆลืมตาตื่น
เสียงไลน์จากพอลดังตริ๊งง ลูกจันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นไลน์ที่พอลส่งมา
“ออกไปธุระ...คงกลับดึก..ไม่ต้องรอกินข้าว”
ลูกจันรีบโทรกลับไปหาพอล
เสียงเครื่องตอบอัตโนมัติดัง “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....”
ลูกจันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ไปไหนเนี่ย”
ลูกจันเดินลงมานั่งที่ห้องรับแขกแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นบ้านว่างเปล่าไม่มีพอล ลูกจันเศร้าๆ เหงาๆ แปลกๆ
พอลนั่งปล่อยอารมณ์ในสวนรถไฟที่เดิมที่เคยมาปิคนิคกับลูกจัน
ภาพความสุขในวันที่มาปิคนิคกับลูกจันย้อนกลับมา
พอลอมยิ้มมีความสุขอยู่คนเดียว แล้วก็คิดไปถึงคำพูดของลูกจัน
“...ทุกวันนี้ฉันยังลืมไม่ได้..ฉันยังใจสั่น..ฉันยังเจ็บเวลาต้องเจอหน้ากัน..ฉันยังรักเค้าใช่มั้ยพีท?”
“ถ้าเรื่องเก่าๆ..กับคนเก่าๆมันทำให้เจ็บ..ก็ลืมมันไปซะสิลูกจัน” พอลบอก
“ถ้ามันลืมได้ง่ายๆก็ดีสิ”
เมื่อนึกถึงคำพูดของลูกจัน พอลก็ชักเศร้า พอลคิดถึงคำพูดของลูกจันเมื่อคืน
ลูกจันพูด “.....คืนนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลย....”
พอลเศร้ามาก
อาร์ตอยู่ในลิฟท์ ไฟสัญญาณจอดที่ชั้น3 อาร์ตก้มอ่านเอกสารไม่สนใจ ประตูลิฟท์เปิด จุ้มจิ้มเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาในลิฟท์มายืนอยู่ข้างๆอาร์ต
จุ้มจิ้มกับอาร์ต ต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเองโดยยังไม่รู้ตัวว่ากำลังยืนใกล้กัน อาร์ตทำเอกสารตก
จุ้มจิ้มก้มลงช่วยเก็บ
“ขอบคุณครับ”
จุ้มจิ้มชะงักเงยหน้าขึ้นมอง อาร์ตก็กำลังชะงักมองมาเหมือนกัน อาร์ตอ้าปากจะพูดกับจุ้มจิ้ม
“เอ่อ...จุ้ม....”
จุ้มจิ้มรีบกดลิฟท์ให้ประตูเปิดออก แล้วเดินออกจากลิฟท์ไปอย่างไม่ไยดี อาร์ตยืนคอตกอยู่ในลิฟท์
พอลกำลังคุยโทรศัพท์กับอาร์ต
“คืนนี้เหรอ?...ได้สิพี่กำลังเบื่ออยู่พอดี...เจอกันที่ไหน” พอลฟัง “โอเค”
พอลวางหูโทรศัพท์
ณ ร้านเหล้าแสงสลัว อาร์ตที่กำลังได้ที่รำพันความในใจให้พอลฟังอย่างต่อเนื่อง
“ผมไม่เข้าจาย..ผมผิดอารายเพ่...แล้วทำมายเค้าไม่บอกผมว่าผมทำอารายผิด...ทำมายผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนขนาดเน้”
พอลนั่งรับฟังอาร์ตพร้อมพยักหน้าเบาๆอย่างเห็นอกเห็นใจด้วยมาดสุขุมนุ่มลึก
ลูกจันกำลังชะเง้อไปทางประตูบ้าน
“ทำไมยังไม่กลับอีกเนี่ย”
ลูกจันทนกระวนกระวายไม่ไหวจึงหยิบโทรศัพท์กดหาพอลทันที
เสียงตอบอัตโนมัติดังอีก “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้..”
ลูกจันมีสีหน้ากังวล
“ปิดเครื่องทำไม?” ลูกจันคิด “หรือว่า...” ลูกจันคิดมาก “รึพีทจะเป็นอะไรไป...ไม่นะพีท”
ลูกจันรีบวิ่งขึ้นบันได
ลูกจันกำลังนั่งไหว้พระที่ห้องพระ
“ขอให้สิ่งทั้งสิทธิ์ทั้งหลายช่วยปกป้องคุ้มครองพีทให้ปลอดภัยด้วยนะเจ้าคะ”
ลูกจันก้มลงกราบพระ
พอลที่เมาจนมาดสุขุมไม่เหลือ เขากำลังเป็นฝ่ายระบายความในใจให้อาร์ตฟังบ้าง
“เข้าใจป่ะอาร์ต...ความจริงเนี่ย...การอยู่เป็นโสดมันมีความสุขที่สุดแล้ว...อิสระที่สุด...สบายที่สุดด...ไม่ต้องมีครายมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช”
พอลหยิบเหล้ามาจิบแก้คอแห้งอีก1อึก
“แต่...แต่การที่มีใครอยู่ด้วยมานก็อบอุ่นดี...คือแบบ..ยังไงอ่ะ...มานคงเป็นความผูกพันนะ..รู้ตัวอีกที...ก็ขาดเค้าไม่ได้ซะแล้ว....แต่เค้าดันม่ายลืมคนก่าวว...ทั้งที่คนก่าววเคยทำเค้าเจ็บ...ก็ยังจะกลับไปหาเค้าอีก...กลับปายทามมาย...พี่ไม่เข้าจาย...อาร์ตเข้าใจป่ะว่าพี่ไม่เข้าจายย...อาร์ต....อาร์ต...”
อาร์ตฟุบหลับคาโต๊ะไปนานแล้ว
พอลที่เมาหนักพล่ามคนเดียว “น่านไง...เงียบ...ตอบไม่ได้ดิ...ม่ายเข้าใจผู้หญิงเหมือนกานช่ายป่ะ” พอลถอนใจ “เฮ้ออ...หัวจายของผู้หญิงเนี่ย..มันยากเกินระดับสติปัญญาลูกผู้ชายอย่างเราเจงเจงง”
พอลกระดกเหล้าอีกกรึ๊บก่อนจะหลับพับตามอาร์ตไป
ลูกจันกำลังชงกาแฟ พอลเดินเข้าบ้านมาในสภาพโทรมมาก ลูกจันที่หน้าเหวี่ยงรีบเดินไปหาพอล
“หายไปไหนมายะ...ฉันรอแกทั้งคืนเลยรู้มั้ย”
พอลหลบตาลูกจัน “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ”
ลูกจันมองพอลด้วยความน้อยใจ
“ไม่รอได้ยังไง...แกหายไปไหนก็ไม่รู้..โทรไปก็ปิดเครื่อง...ฉันเป็นห่วง.กลัวแกเป็นอะไรไปนี่”
ลูกจันน้ำตาร่วงผล็อย พอลมองลูกจันอย่างรู้สึกผิด เขาเช็ดน้ำตาให้ลูกจัน
“ขอโทษนะ...ไม่ต้องร้อง..ฉันกลับมาแล้วไง”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
พอลพยักหน้ามองลูกจันด้วยสายตาอ่อนโยน
“แกก็รู้นี่ว่าแกเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุด”
พอลชะงักแล้วเอามือออกจากหน้าของลูกจันทันทีเพราะสะเทือนใจมากกับคำว่า"เพื่อน"
พอลกำลังคุยโทรศัพท์กับพีท
พอลพูดเสียงเศร้าๆ “นายใกล้ถอดเฝือกรึยัง...เราอยากกลับเมืองนอกแล้ว”
พีทงง
“อ้าว...ไหนวันก่อนนายบอกว่านายไม่รีบไง”
พอลทำหน้าเอาแต่ใจ
“ก็ตอนนี้รีบแล้วอ่ะ...เราอยากกลับเป็นตัวเองเร็วๆ”
พีทปลอบใจพอล
“ใจเย็นๆ...อาทิตย์หน้าหมอนัดผ่าเฝือกเราแล้ว...อีกแป๊บเดียวนะพอล”
พอลวางหูโทรศัพท์
พอลรำพึงเศร้าๆ “ผมทนเป็นแค่เพื่อนของคุณไม่ได้จริงๆ..ลูกจัน”
ณัฐกำลังนั่งทำงาน อิงอรวางกล่องแอร์เมสบนโต๊ะ ณัฐเงยหน้ามองก็เห็นอิงอรยืนมองด้วยสายตาเย็นชา
ณัฐรีบฉีกยิ้มหวานประจบ
“กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลยค่ะอร” ณัฐมองกล่องแอร์เมส “ซื้อกระเป๋าใบใหม่มาฝากคุณแม่พี่อีกแล้วเหรอคะ” ณัฐเปิดกล่อง “เอ๊ะ...สีเหมือนใบที่แล้วเลย” ณัฐหยิบมาดู “รุ่นเดียวกับใบที่แล้วด้วย”
ณัฐมองกระเป๋าอย่างงงๆ
อิงอรพูดเสียงเย็น “ก็มันใบเดียวกันนี่คะ”
ณัฐยิ่งงงใหญ่
“อ้าว.....แล้ว....”
อิงอรพูดสวนขึ้นมา “มีคนเค้าฝากมาคืนค่ะ....อันนี้ด้วย...”
อิงอรเปิดถุงที่ถือมาเทลงตรงหน้าณัฐ เป็นการ์ดที่ณัฐส่งไปให้ลูกจันพร้อมดอกไม้ที่ร่วงพรูลงมา ณัฐหน้าเสีย
ณัฐพูดตะกุกตะกัก “อรคะ...คือ..ใจเย็นนะคะอร..พี่อธิบายได้ค่ะ”
อิงอรมองหน้าณัฐนิ่ง
“คือ..พี่สาโรจน์เค้าอยากได้ลูกจันมาทำงานด้วย..ถ้าพี่ชวนลูกจันมาได้..พี่สาโรจน์จะมีรางวัลให้พี่..พี่เลยต้องแกล้งทำดีกับลูกจันน่ะค่ะ”
อิงอรหยิบกระเป๋าแอร์เมสขึ้นมาชู
“แล้วกระเป๋าที่หลอกให้อรซื้อล่ะคะ” อิงอรถาม
ณัฐเริ่มมั่นใจขึ้นจึงปลิ้นปล้อนคล่องขึ้น “มันก็เป็นแค่การลงทุนเท่านั้นค่ะอร...ถ้าลูกจันยอมมาทำงานด้วยเมื่อไหร่..พี่ก็ตั้งใจว่าจะซื้อใบใหม่ที่แพงกว่าคืนอรอยู่แล้ว”
อิงอรยิ้มเหี้ยม “แล้วอันนี้ล่ะคะ...จะอธิบายว่าไงดี”
อิงอรเปิดคลิปเสียงณัฐที่ลูกจันส่งมาให้
เสียงณัฐดังขึ้น “ลูกจันน่ะสวยสง่ากว่าอรเยอะเลยค่ะ”
“ชมผู้หญิงอื่นว่าสวยกว่าแฟนตัวเอง...มันจะดีเหรอคะ”
ณัฐหัวเราะเบาๆราวกับลูกจันพูดเรื่องไร้สาระ
“พี่นึกแล้วเชียวว่าลูกจันต้องเข้าใจผิด...อรกับพี่เป็นแค่พี่น้องกันธรรมดาค่ะ”
ณัฐพูดต่อ
“คือ..ที่จริงพี่ก็ไม่อยากพูดนะคะ..กลัวว่าผู้หญิงเค้าจะเสียหาย..แต่เพื่อไม่ให้ลูกจันเข้าใจพี่ผิด..พี่คงต้องพูดความจริงซะที”
ลูกจันมองณัฐนิ่งอย่างรอฟัง
ณัฐตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ “อรเค้ามีอาการป่วยทางจิตน่ะค่ะ...คือ..ถ้าเค้าอยากได้อะไรแล้วไม่ได้เค้าจะคลุ้มคลั่งทำร้ายตัวเอง...แล้วบังเอิญว่าเค้ามาหลงรักพี่...แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเลยซักนิดเดียว..คุณพ่อคุณแมอรเค้าก็กลัวว่าอรจะเสียใจจนทำร้ายตัวเอง...เลยมาขอร้องให้พี่แกล้งคบกับอร...พี่เห็นแก่หัวอกของคนเป็นพ่อแม่ก็เลยรับปากช่วยไป...แต่ไม่เคยมีใจให้อรเลย” ณัฐเอื้อมมือไปจับมือลูกจัน “เพราะหัวใจพี่เป็นของลูกจันคนเดียวมาตลอด”
เมื่อได้ยินคลิปเสียง ณัฐก็หน้าถอดสีเพราะแก้ตัวไม่ออก
อิงอรกดโทรศัพท์ไปเรียกบอดี้การ์ด “เข้ามา”
บอดี้การ์ดหน้าโหด 3 คนเดินเข้ามาในห้อง ณัฐถอยหลังกรูด บอดี้การ์ด 2คนจับแขนณัฐไว้ ส่วนอีกคนยืนคุมเชิง อิงอรค่อยก้าวเท้าไปหาณัฐด้วยสีหน้าแค้นมาก
อิงอรจ้องหน้าณัฐ “คุณนี่มันน่าขยะแขยงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”
อิงอรเงื้อมือตบหน้าณัฐซ้ายขวาอย่างแรงแล้วก็เบะปากใส่ณัฐอย่างดูถูก อิงอรเดินออกไปจากห้อง ณัฐส่งเสียงเรียกอิงอร
“อร..อรคะ..ฟังพี่ก่อน”
ณัฐหน้าเสียที่เห็นว่าอิงอรไม่ใจอ่อน ณัฐสบตาบอดี้การ์ดก็เห็นแต่ละคนเตรียมกำหมัด ณัฐหน้าเสียกว่าเดิม
ที่หน้าห้อง เมย์ เลขาสาวกำลังยืนตัวสั่นฟังเสียงณัฐที่ดังโหยหวนมาจากในห้อง
“โอ๊ยย” เสียงณัฐร้อง ตามด้วยเสียงกระทืบพลั่กๆ..ตุ๊บตั๊บ
ณัฐนั่งหน้าเยินเพราะถูกซ้อม ลูกจันนั่งมองณัฐด้วยความสมเพช
“พอพี่บอกอรว่าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับอร...เค้าก็ให้คนของเค้าซ้อมพี่จนเกือบตาย...แต่พี่ก็พยายามสู้เต็มที่เพื่อจะรักษาชีวิตมาบอกให้ลูกจันรู้ว่าพี่รักลูกจันคนเดียวจริงๆ”
ลูกจันทำหน้าผะอืดผะอม
“อื้อหือ...นึกว่ากำลังดูลิเก” ลูกจันยิ้มเยาะ “ขอโทษนะคุณณัฐที่ฉันเชื่อคุณไม่ลงจริงๆ..เพราะคุณอิงอรเพิ่งโทรมาขอบคุณฉันเมื่อตะกี้นี้เอง..ที่ช่วยทำให้เค้าตาสว่าง”
ณัฐหน้าเสีย
ลูกจันเย้ย “เสียดายที่คุณเลือกทำงานผิด...ที่จริงถ้าคุณหันไปเอาดีทางการแสดง..คุณน่าจะทำได้ดีกว่าเป็นบก.หนังสือนะ....อ้อ..แต่อย่าเขียนบทเองล่ะ...เพราะบทคุณน่ะมันมุกซ้ำแล้ว...เชยมาก”
ณัฐยังพยายามปากแข็ง
“ลูกจันพูดเรื่องอะไรคะ..พี่งงไปหมดแล้ว”
“ไม่ต้องงงค่ะ...เดี๋ยวฉันจะค่อยๆอธิบายให้คุณหายงงเอง”
ลูกจันมองหน้าณัฐอย่างเป็นต่อ
“บ้านฉันมีคนงานอาศัยอยู่หลายครอบครัว...มีอยู่ครอบครัวนึงแม่ชื่อมะลิ.ลูกสาวชื่อใบเตย...ส่วนลูกชายชื่อ...ใบตาล”
ณัฐพยายามคิดตามคำพูดของลูกจันแล้วก็นึกขึ้นได้จึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ไอ้ตาล?”
ลูกจันยิ้มสะใจ
เหตุการณ์นอดีต ลูกจันกำลังฟังเรื่องแผนการของณัฐจากใบตาล
“มันวางแผนไว้แบบนี้...พี่ลูกจันจะให้ผมทำไงสั่งมาได้เลยพี่” ใบตาลถาม
ลูกจันยิ้มเหี้ยม
“ก็ช่วยทำตามแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วกันใบตาล”
ใบตาลทำหน้างง
ณ ร้านกาแฟหรู ลูกจันยืนอยู่หน้าเคาเตอร์
ลูกจันสั่ง “ลาเต้ร้อนค่ะ”
พนักงานขานออเดอร์ลูกจัน
“ลาเต้ร้อน1แก้ว....100 บาทค่ะ”
ลูกจันเปิดกระเป๋าหยิบเงินขึ้นมา ทันใดนั้นมีมือปริศนาแย่งส่งเงินให้พนักงานก่อน ลูกจันแอบยิ้มมุมปากที่เหยื่อมาแล้ว พนักงานรับเงินไป ลูกจันหันไปมองเจ้าของมือปริศนาก็เห็นณัฐยืนยิ้มอย่างเป็นมิตรอยู่ตรงหน้า
ลูกจันมองณัฐนิ่งแต่เม้มปากแน่น พนักงานส่งกาแฟให้ลูกจัน
“ลาเต้ได้แล้วค่ะ”
ลูกจันรับกาแฟจากพนักงานแล้วหันกลับมาทางณัฐ ณัฐยืนยิ้มรอคำขอบคุณจากลูกจัน ลูกจันมองตรงไปที่ณัฐด้วยสายตาเย็นชาแล้ววางเงินไปตรงหน้าณัฐ
ณัฐจ๋อย ลูกจันเดินออกจากร้าน ณัฐมองตามลูกจันอย่างครุ่นคิด ลูกจันเหลือบตามองว่าณัฐจะเดินตามมาหรือยัง
ลูกจันเดินมาที่รถ เธอกดรีโมทแล้วเอื้อมไปเปิดประตูรถ ลูกจันเหลือบตามองไปที่เอวเพราะรู้แล้วว่ามีปืนจี้อยู่ ลูกจันยิ้มที่เป็นไปตามแผน ลูกจันแกล้งสะดุ้งเฮือก
ลูกจันกลั้นหายใจ เหงื่อไหลซึมจากไรผม เธอกลืนน้ำลายเอื๊อกและมีแววตาตื่นกลัว ลูกจันค่อยๆเหลือบตาลงมองบริเวณบั้นเอวของตัวเอง ก็เห็นว่าที่เอวมีปืนจ่ออยู่ ลูกจันหน้าเสียกว่าเดิม โจรคนหนึ่งใช้ปืนจี้ ส่วนโจรอีกคนยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ
ลูกจันพูดเสียงสั่นด้วยความกลัวโดยไม่กล้าหันไปทางโจร “เงินอยู่ในกระเป๋า..เอาไปสิ”
“ใครบอกว่าพวกเราอยากได้เงิน”
ลูกจันงงจนลืมกลัว “อ้าว..ไม่อยากได้เงินแล้วมาจี้ฉันทำไม?”
“ก็ได้ข่าวว่าเกลียดผู้ชายมาก...เลยอยากจะมาช่วยกันทำให้เธอรักผู้ชายขึ้นไง”
โจรทั้งสองประสานเสียงหัวเราะกันตามแบบอย่างของตัวร้ายสมัยโบราณ
“ฮ่าๆๆ”
ลูกจันแอบหันมาบ่น
“เล่นได้โบราณมาก”
ลูกจันแกล้งเบิกตากว้างทำตกใจเว่อร์
“ห๊า...ฉันจะโดนข่มขืนเหรอเนี่ย”
“เข้าไป!!”
โจรพยายามดันตัวลูกจันเข้าไปในรถ ในขณะที่ลูกจันก็ขัดขืนอย่างเต็มที่
“ว๊ายย...อย่านะ...ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
เสียงณัฐดังขึ้น “หยุด!!”
ลูกจันแอบเหยียดริมฝีปากยิ้มเย้ย
โจรทั้งสองและลูกจันหันขวับไปทางเสียงก็เห็นณัฐยืนอยู่อย่างเท่มาก
“ปล่อยลูกจันเดี๋ยวนี้”
โจรทั้งสองหันไปมองหน้ากันแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างยียวน
“เฮ้ย...ไอ้หนุ่ม..หมูเค้าจะหามอย่าเอาคานเข้ามาสอดดีกว่า”
ณัฐไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบวิ่งเข้าใส่โจรคนแรกทันที โจรหยุดจี้ลูกจันชั่วคราวแล้วหันกลับมาเล็งปืนไปทางณัฐ ณัฐต่อยโจรจนปืนหลุดจากมือ โจรคนนั้นต่อยณัฐกลับแต่ณัฐก็เบี่ยงตัวหลบได้อย่างสวยงามพร้อมเหวี่ยงหมัดสวนโดนโจรจนเซล้มไป
โจรคนนี้ดูหวาดกลัวเว่อร์ เขารีบหันไปเรียกโจรอีกคน
“หนีเถอะ..มันเก่งว่ะ”
ณัฐยืนเก๊กหน้าเก่งตามคำชมของโจร
โจรอีกคนซึ่งก็คือใบตาลหันไปมองทางลูกจัน ลูกจันขยิบตาส่งซิกให้ใบตาล ใบตาลพยักหน้ารับ โจรคนที่สองไม่ฟังลูกพี่ เขารีบพุ่งเข้าไปต่อยณัฐอีก3-4หมัดจนณัฐล้มลง ณัฐปัดป้องหมัดพร้อมมองหน้าโจรแบบงงๆ โจรคนแรกยืนตะลึงแล้วรีบวิ่งเข้าไปลากโจรอีกคนออกจากร่างณัฐ
“เฮ้ย....พอแล้ว”
โจรทั้งสองขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับหนีไป ลูกจันแกล้งยืนอกสั่นขวัญแขวนมองตามโจรไป
ลูกจันหันมามองปืนของโจรที่ตกอยู่ ลูกจันเดินเข้าไปหยิบปืน ลูกจันค่อยๆลั่นไกปืนก็เห็นเปลวไฟโผล่มาทางปลายกระบอกปืนเพราะมันคือไฟแช็ค ลูกจันเบะปากอย่างดูถูก
ลูกจันหันมาทางณัฐ เธอเห็นณัฐกำลังนอนโอดโอยอยู่บนพื้น ลูกจันแอบทำหน้าสะใจ ลูกจันแกล้งทำเป็นรีบเข้าไปประคองณัฐ
ลูกจันทำสีหน้าห่วงใย “เป็นไงบ้าง”
ณัฐกำลังจุกแต่ฝืนเก๊กหน้าหล่อตอบกลับมาอย่างพระเอก
“ไม่เป็นไรค่ะ...ลูกจันปลอดภัยดีใช่มั้ยคะ”
ลูกจันพยักหน้าพร้อมยิ้มน้อยๆอย่างขอบคุณ ณัฐมองรอยยิ้มของลูกจันด้วยแววตามีเลศนัย ขณะที่แววตาลูกจันมีเลศนัยกว่าณัฐซะอีก
ณัฐมองลูกจันอย่างเสียหน้ามาก
ณัฐว่า “คุณหลอกผม”
ลูกจันยักไหล่ไม่แคร์
“อ้าว...แล้วคุณไม่ได้หลอกฉันรึไง”
ณัฐโกรธ
“ที่ผ่านมาน่ะหลอก...แต่ตอนนี้คงต้องเอาจริงแล้ว”
ณัฐย่างสามขุมเข้าหาลูกจัน สีหน้าน่ากลัวมาก ลูกจันถอยกรูด
“จะทำอะไรฉันน่ะ..อย่านะ”
ลูกจันมองไปรอบๆก็เห็นมีดปอกผลไม้วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง ลูกจันรีบพุ่งตัวไปหยิบมีดมาถือไว้ ณัฐชะงัก ลูกจันได้ทีก็เดินถือมีดเข้าหาณัฐ
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้...ก่อนที่ฉันจะแทงคุณ...ฉันคงมีสิทธิป้องกันตัวเองจากคนที่บุกรุกบ้านฉันนะ..ว่ามั้ย?”
ณัฐกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บใจที่เสียทีลูกจัน
ลูกจันตวาด “ออกไป๊”
ณัฐหันหลังเดินกลับไปที่ประตู ลูกจันเดินตามมาแบบไม่ทันระวังตัว ส่วนณัฐก็หันกลับมากะทันหัน ณัฐบิดข้อมือลูกจันจนมีดหลุดจากมือ
ลูกจันร้องลั่น “โอ๊ยย”
ณัฐทำหน้าโหด “เก่งนักเหรอลูกจัน”
ณัฐพุ่งเข้ามาปลุกปล้ำลูกจัน ลูกจันดิ้นรนเต็มที่แต่สู้แรงณัฐไม่ได้ ลูกจันร้องไห้ด้วยความกลัว
“ช่วยด้วยย”
ณัฐมีแววตาแค้นผสมหื่น ณัฐกำลังจะกระชากเสื้อของลูกจัน แต่ทันใดนั้นหมัดของใครคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใส่หน้าณัฐจนณัฐกระเด็นออกจากตัวลูกจัน ณัฐหันไปมองเจ้าของหมัดด้วยความโมโห เขาเห็นพอลกำลังยืนกำหมัดอยู่อย่างโกรธจัด
ณัฐแปลกใจในความหมัดหนักของคนที่เขาคิดว่าเป็นพีท “พีท?”
ลูกจันรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาพอล พอลโอบตัวลูกจันไว้อย่างหวงแหน พอลจ้องหน้าณัฐราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
อ่านต่อตอนที่ 11