คมพยาบาท ตอนที่ 19 อวสาน
ประวิทย์วิ่งมา เห็นเป็นเปียทรุดตัวอยู่ที่พื้น กอดตัวเองแน่นร้องไห้แบบคนเสียขวัญ อาศัยอ้อมแขนของตัวเองเป็นที่พักพิง ประวิทย์วิ่งมาหา
“คุณหนู” ประวิทย์จับเปียให้หันมา “คุณหนูเป็นอะไรครับ”
เปียกลัว สับสน
“ไม่มีคนรักเปียเลย ไม่มีคนรักเปียเลย”
“ผมไงครับคุณหนู...ผมไง ผมรักคุณหนู”
เปียเหมือนจะได้สติหันมามอง ประวิทย์มองเปียสงสาร
“อย่าร้องไห้นะครับ...ผมจะเช็ดน้ำตาให้คุณหนูเอง”
ประวิทย์ค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ เปียมองประวิทย์สายตาห่างเหิน ประวิทย์เสียใจบอกเสียงแผ่ว
“ถึงคุณหนูจะไม่อยากให้ผมเป็นคนเช็ดน้ำตาให้ก็ตาม”
เปียน้ำตาหยดแหมะลงมา และประวิทย์ก็เป็นคนเช็ดน้ำตาให้ เปียทนไมไหว ซบหน้าลงกับอกของเขาร้องไห้ เหมือนหาที่พักพิงไม่ได้จริงๆ
เลอสรรอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เคาะประตูห้องน้อย
“น้าเย็น...หลับรึยังครับ”
เย็นที่เฝ้าน้อยอยู่น้ำตาคลอด้วยทุกข์ใจตอบออกมา
“ยังค่ะ”
เลอสรรเปิดประตูเข้ามา เห็นน้อยหลับ
“น้อยหลับแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ...กินยาที่คุณเลอสรรเอามาให้ก็หลับเลย”
เย็นมองน้อย ยิ่งมองก็ยิ่งน้ำตาไหลออกมา เลอสรรมองสงสาร เห็นใจ แกล้งหลอกถาม
“น้อยปลอดภัยแล้ว น้าเย็น...ร้องไห้ทำไมครับ”
เย็นอึ้ง พูดไม่ออก ทุกข์เหลือเกิน
“น้า...น้าเป็นคนทำให้น้อยเกือบตาย...แล้วน้า...น้าก็ยัง...”
เย็นเอาแต่ร้องไห้ เลอสรรยิ่งอยากรู้
“ทำไมครับน้าเย็น”
“ทำลายชีวิตของ...ของ...”
เย็นพูดไม่ออก ร้องไห้เสียใจมาก
ประวิทย์เดินมาส่ง เปียเมินไม่มองหน้าเขา
“ขอบใจมากที่มาส่ง”
“ผมรู้คุณหนูไม่สบายใจ”
เปียตาขวางเป็นวัวสันหลังหวะ ตะคอก
“ฉันไม่สบายใจเรื่องอะไร”
“ก็ที่คุณหนูรู้สึกไงครับ ว่าไม่มีใคร...แต่ที่มากกว่านั้น” ประวิทย์มองเปียอ่อนโยนอยากให้สำนึก “คนทำผิดทุกคน ไม่มีใครยินดีกับการทำผิดของตัวเองหรอก”
“หมายความว่ายังไง” เปียใจเต้นรัว
“ผมไม่รู้ว่าคุณหนูทำอะไรมา...แต่ที่รู้ คือคุณหนูทุกข์ใจ คุณหนูโชคดีมากนะครับ ที่เกิดมามีทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณหนูควรใช้โอกาสนี้สร้างบุญ สร้างกุศล ไม่ใช่สร้างทุกข์ให้ตัวเอง”
เปียเดินกลับเข้ามาในห้องล็อกประตู ดวงหน้าของเธออมทุกข์ขณะที่น้ำตาไหล
“ฉันไม่ได้สร้างทุกข์ให้ตัวเอง ทุกคนต่างหากสร้างทุกข์ให้กับฉัน”
เปียร้องไห้อัดอั้น ไม่เห็นความผิดตัวเองเลย
เช้าวันใหม่...เย็นประคองน้อยออกมาจากห้อง แต่สีหน้าท่าทางของเย็นดูแย่มากกว่าน้อย
มาก ท่าทางของเย็นดูทุกข์ใจตรอมใจ ดวงตาทุกข์หนัก เหม่อลอย จนน้อยต้องเรียก
“น้าเย็นคะ...”
เย็นหันมาดวงหน้าเศร้าและทุกข์มาก น้อยปลอบ
“อย่าคิดมากนะคะ”
“ไม่ได้หรอก น้าอ้อนวอนให้น้อยมาเที่ยวไม่พอ น้อยยังอ้อนวอนขอร้องให้น้อยยกโทษ คืนดีให้เปียอีก แล้ว...แล้วสิ่งที่เปียทำ...” เย็นทั้งทุกข์ทั้งแค้น
“เอาเป็นว่า...ต่อไป น้อยจะใจแข็งไม่ยุ่งเกี่ยวกับเปียทุกอย่างค่ะ”
เย็นเศร้าสลด
“มันคงต้องเป็นอย่างนั้น แต่...น้อยรู้มั้ย หัวอกของน้ามันเจ็บปวดทุกข์ทรมานแค่ไหน ที่ต้องมาเห็น คนที่โตมาด้วยกัน รักกัน ต้องมาเข่นฆ่ากันเอง...เพราะน้า...น้าคนเดียว”
“งั้นน้าเย็นก็บอกน้อยมาสิคะ...สาเหตุมาจากอะไร น้อยจะได้ช่วยน้าเย็นแก้ปัญหาได้” น้อยดวงตาอ้อนวอน “นะคะน้าเย็น”
“มันใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะน้อย ใกล้ถึงเวลาที่ทุกอย่างจะต้องจบลงแล้ว”
เปียเดินออกมาได้ยินพอดี มองเย็นเขม็ง
“ใกล้ถึงเวลาอะไร...จะมีใครตายหรือน้าเย็น”
เย็นเจ็บปวดสะท้อนใจบอก
“ไม่แกก็น้า นี่แหละเปีย”
น้อยเดินมาขวางเย็นปกป้อง
“น้อยไม่ยอมให้น้าเย็นตายค่ะ และน้อยก็จะไม่ยอมตายด้วย” น้อยจ้องเปีย บอกเข้มแข็ง “คนที่ตาย จะต้องเป็นคนที่ทำผิด”
เปียมองน้อยเกลียดชัง แต่อีกใจก็สั่น น้อยลุกขึ้นมาสู้ ลูกเต่าวิ่งมา
“คุณๆเรียกให้ไปกินข้าวค่ะ”
บรรยากาศของแม่น้ำสวยงาม น้อยประคองเย็น ด้านหลังมีเปียเดินหน้าหงิกตามมา หลังสุดคือลูกเต่า ด้านในประวิทย์จัดเตรียมอาหารเช้ากับวณีที่หน้าซึมๆ อุทัยหันไปมอง
“อ้าว แทนที่เย็นจะประคองน้อย ทำไมน้อยถึงได้เป็นฝ่ายประคองเย็น”
“น้าเย็นไม่สบายค่ะ”
“ไม่ดีขึ้นเลยเหรอเย็น” วณีมองเย็นเป็นห่วง
“ดูเหมือนจะแย่ลงกว่าเดิมด้วย หน้าเธอเหมือนคนอมทุกข์เลยรู้มั้ยเย็น” อุทัยแทรกขึ้น
“น้าเย็น...ก็ทุกข์อย่างนี้มาตลอดชีวิตแล้วล่ะค่ะ” น้อยมองอุทัย “ตั้งแต่...”
อีกครั้งที่เปียรู้สึกตัวเองไม่มีคนสนใจ ยิ่งไม่มีคนสนใจ เปียก็เผลอแสดงอาการก้าวร้าวเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะประจบอุทัย วณี
“น้อยจะหมายถึงตั้งแต่คุณพ่อของเปียทิ้งน้าเย็นเหรอจ้ะ” เปียเดินมากอดแขนอุทัยเข้าข้าง “จะโทษคุณพ่อไม่ได้หรอกจ้ะ น้าเย็นทำตัวเอง”
“ลูกเปีย” วณีปราม
เปียไม่ฟัง
“แค่นั้นยังไม่พอ น้าเย็นยังทำร้ายคุณแม่ ทำร้ายคุณพ่อ ทำร้ายเปีย สมควรแล้วที่คนอย่างน้าเย็นจะต้องทุกข์ตลอดชีวิต”
“แต่คนที่จะทุกข์ต่อไปคือเปีย...” น้อยสวน
เปียมองน้อยตาเขียวไม่พอใจ น้อยบอกเปียแข็งกร้าว
“คนที่ด่าคนเลี้ยงดู ด่าผู้มีพระคุณ ไม่มีทางเจริญหรอกเปีย”
ทุกคนสะอึกโดยเฉพาะเปีย เลอสรรเดินมาอีกมุมหนึ่ง หน้าเครียด ในมือมีมือถือ วณีหันไปถาม
“มีอะไรจ้ะเลอ”
เลอสรรเดินมาอยู่ข้างน้อย เงยหน้าจากมือถือ
“น้าชด พนักงานที่ฟิตเนตถูกยิงตายน่ะครับ”
โดยอัตโนมัติ น้อยเบนหน้าดูข่าวในมือถือเลอสรรไมได้สอดรู้ หรือ สงสัยอะไร เป็น
เพียงปฏิกิริยาแบบคนเล่าข่าวก็หันไปมอง น้อยเห็นภาพกรอบเล็ก เป็นมุกก็ตกใจ เปียดูมีพิรุธ เย็นเห็นท่าทีของเปียกับน้อยก็ใจคอไม่ดีบอก
“ขอน้าดูข่าวหน่อยได้มั้ยคะ”
เลอสรรยื่นมือถือให้ เย็นรับมาดู เห็นเป็นมุกเด่นชัด เย็นหน้าซีด วณีถามอย่างสงสัย
“เย็นรู้จักเหรอจ้ะ”
“ญาติ...ญาติดิฉันเองค่ะ”
เย็นไม่ได้ห่วงมุก แต่สังหรณ์ใจบางอย่าง น้อยโพล่งถามทันทีแบบลืมตัว
“ตกลงผู้ชายคนนี้เขาเป็นญาติเราเหรอน้าเย็น”
น้อยหน้าซีด ไม่อยากนับญาติกับมุก เพราะมุกทำร้ายเย็น ขณะที่เย็นแอบมองเปียที่ทำไม่รู้ไม่ชี้
ประวิทย์ ขับรถเข้มาจอดในบ้าน ก่อนที่ทุกคนจะทยอยเดินกันลงมา สีหน้าของ
แต่ละคนดูเครียด แต่ละคนทักทาย สวัสดีคุณหญิง และคุณหญิงก็ดึงเปีย น้อยไปกอดขณะที่ประวิทย์ ลูกเต่า แม่บ้าน ช่วยกันขนของเข้าบ้าน คุณหญิงบอกดีใจ
“หมดทุกข์หมดโศกหมดเคราะห์นะลูก มีเรื่องอะไรกันอีกหรือเปล่า ทำไมทำหน้ากันแบบนี้”
อุทัยพูดให้คิดอีก
“มีหลายเรื่องที่ผมต้องคิดต่อนะครับคุณแม่ อีกอย่าง...ญาติของเย็นถูกยิงตายด้วย”
คุณหญิงมองเย็น
“อย่าบอกนะ ว่าเป็นผู้ชายคนนั้น ที่ฉันเพิ่งเห็นมาหาเธอน่ะเย็น”
“ค่ะคุณหญิง...” เย็นหน้าหมอง
“เขาเป็นญาติฝ่ายไหนของเธอ” อุทัยถาม
เย็นมองเปีย
“น้องชายพี่เขยฉันน่ะค่ะ”
“น้องชายไอ้โมก พ่อยัยน้อยน่ะเหรอ” คุณหญิงพูดรัวเร็ว
เย็นนิ่งๆรู้สึกเจ็บ รู้เปียเกี่ยวแน่ๆ ได้แต่ตอบสั้นๆ
“ค่ะ”
น้อยได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจ สงสัยที่เย็นไม่บอก เปียบ่นออกมา
“มาคุยอะไรกันเรื่องคนตายคะ ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย” เปียทำกอดวณี “เข้า
บ้านกันเถอะค่ะคุณแม่”
เย็นเรียกไม่ดุ แต่เหนื่อย
“เปีย”
เปียหันมามองเย็นแบบไม่อยากพูดด้วย
“น้าไม่สบาย...ไปส่งน้าที่บ้านหน่อย”
“น้าเย็นก็มีน้อยอยู่แล้วไง น้าเย็นรักน้อย ก็ให้น้อยดูแลน้าเย็นเถอะค่ะ เปียมีคุณพ่อ คุณแม่ต้องดูแล ไปค่ะคุณแม่”
เลอสรรบอกกับเย็น
“เดี๋ยวผมไปส่งน้าเย็นกับน้อยเองครับ”
เปียได้ยินหันขวับมามองไม่พอใจ เย็นบอกเลอสรร
“ไม่เป็นไรค่ะ...ไปน้อย”
น้อยกับเย็น ยกมือไหว้คุณหญิงก่อนเดินออกไป
ทุกคนเดินเข้ามาในบ้าน อุทัยบอกเปีย
“พ่อว่า เปียไปดูเย็นเขาหน่อยดีมั้ยลูก ยังไงเย็นเขาก็เลี้ยงเปียมา”
“นั่นสิลูก ไปดูเย็นหน่อยนะ” วณีเห็นด้วย
คุณหญิงมอง ท่าทางสงสัย วณีกับอุทัยเหมือนมีอะไร
“ไปลูกไป...มีกำลังใจดีๆ เย็นเขาจะได้หายไวๆนะ”
เปียอิดออดไม่อยากไป อุทัยถาม
“หรือเปียไม่อยากให้เย็นหายป่วย”
เปียทำหน้าเบื่ออดไม่ไหว
“เปียไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ คุณพ่อไม่ต้องประชดเปีย”
เปียเดินแทบจะกระแทกเท้าออกไป ทุกคนมองกันระอา คุณหญิงถามเบาๆ
“มีอะไรกันรึเปล่า”
“พวกเราสงสัย ว่ายัยเปียจะเป็นคนทำให้หนูน้อยตกน้ำครับ”
คุณหญิงตาโตตกใจ หน้าซีดเผือด
ประวิทย์ถือกระเป๋ามาส่งเย็นกับน้อย
“ท่าทางน้าเย็นไม่ดีเลย เดี๋ยวผมไปหายามาให้นะครับ”
“น้อยไปเอาข้าวต้มมาให้นะคะน้าเย็น”
ประวิทย์กับน้อยเดินลงไป พอประวิทย์กับน้อยเดินไปทางบ้านอนุรักษ์ เปียก็เดินหน้าเครียดเข้ามา...เย็นนั่งดมยา ท่าทางตรอมใจหนัก แต่แล้วเย็นก็ได้ยินเสียงกระแทกเท้าขึ้นบันไดมา หันไปมองก็เห็นเปียหน้าตาบึ้งตึง
“จริงๆน้าเย็น น่าจะตายๆไปซะนะ จะได้ไม่อยู่ให้เป็นภาระของคนอื่น”
“ใกล้แล้วล่ะเปีย น้าใกล้ตรอมใจตายแล้ว เพราะนับวันน้าเห็นแต่ความเลวระยำของแก...แกคิดฆ่ายัยน้อยไม่พอ แกยังฆ่าคนอื่นอีก”
เปียมองเย็น ดวงตาไหวไปแบบมีพิรุธแต่กลับเข้มขึ้นมาใหม่ เปียสู้ตา เย็นมองตาถามเสียงแผ่ว
“แกฆ่าไอ้มุกใช่มั้ย”
เปียเงียบ หน้าตาไม่ยี่หระ เย็นระเบิดเสียงถาม
“น้าถามว่าใช่มั้ย”
เปียไม่ยี่หระ กวนๆ
“ใช่ แล้วจะทำไม”
เย็นใจหาย ถามแทบไม่มีเสียง
“ทำไม...ทำไมแกต้องทำถึงขนาดนั้นด้วยเปีย”
“เพราะคนเลวๆอย่างมันสมควรตาย มันข่มขู่เปีย มันจะแฉความลับเปีย”
“แปลว่า...แกพร้อมจะฆ่าทุกคน ที่รู้ความลับของแกอย่างนั้นเหรอเปีย”
“ใช่ รวมทั้งไอ้อุทัย นังวณี นังน้อยด้วย”
“เลวที่สุด”
เย็นตบหน้าเปียอย่างแรง แบบทนไม่ไหว เปียหน้าหัน ก่อนหันขวับมามองและโดยไม่มีใครคาดคิด เปียตบที่หน้าเย็นอย่างแรง เย็นตาค้างคาดไม่ถึง เปียเสียงกร้าว
“ก่อนที่จะว่าใครเลว...ดูตัวเองก่อนน้าเย็น”
เย็นเสียใจมาก เสียงสั่น ตะคอก
“ฉันเลว แกต้องเลวตามฉันด้วยเหรอนังเปีย”
เปียตะคอกคืน
“เออ ไม่งั้น มันจะมีคำพูดเชื้อไม่ทิ้งแถวเหรอ” เปียเสียงสั่นประชด “พ่อแม่เป็นโจร ลูกก็ต้องสันดานโจร ถึงไม่มีใครรัก ใครเอาอยู่นี่ไง”
“เพราะแกทำตัวเอง...เปลี่ยนตัวเองนะเปีย เหมือนที่น้าพยายามทำอยู่”
“เพราะน้าเย็นรู้ว่าน้าเย็นสู้ก็แพ้ไง แต่คนอย่างเปีย ถ้าสู้ เปียต้องชนะ เปียไม่ใช่กิ้งก่าหางกุดที่จะเปลี่ยนสีได้แบบน้าเย็น” เปียเย้ย
“สารเลว”
เย็นจะกระชากผม เปียหลบตวัดมือมาบิดมือของเย็นไพล่หลังแทน บิดอย่างแรง จนเย็นหน้าตาเหยเก
“อย่าน้าเย็น...ถึงวันนี้อีเปียไม่ยอมอีกแล้ว ถ้าไม่อยากตาย อย่าขวาง”
“ฉันไม่เคยกลัวตาย...แต่ฉันไม่อยากเห็นแกเป็นคนเลว คนชั่ว แกก็รู้ฉันทุกข์ตลอดชีวิตกับการขโมยลูกเขามา แต่สิ่งที่แกทำ มันเลวระยำกว่าฉัน ฉันไม่อยากเห็นแก ตกนรกทั้งเป็นอย่างฉัน เข้าใจมั้ยเปีย เข้าใจมั้ย”
เปียยั่วเย้ย
“อ้อ...อยากเป็นนางเอกตอนอวสาน” เปียหัวเราะเสียงดัง “อยากเห็นเปียเป็นคนดีเหรอคะ งั้น...น้าเย็นก็กราบเปียสิ กราบเท้าเปียเลย แล้วเปียจะเป็นคนดี กราบ”
พูดจบเปียก็ข่มเย็นลงกับพื้น ขยุ้มผมของเย็นจับกด เข้าที่เท้า เสียงแข็ง
“กราบสิ...กราบ กราบกูสิอีเย็น กราบ”
น้อยถือข้าวต้มหม้อเล็กๆเดินมาได้ยิน น้อยรีบเดินขึ้นมาบนบ้านหน้าตาตื่น เห็นเปียจับหัวเย็นกดให้ก้มลงกราบที่เท้า น้อยตวาด
“หยุดนะเปีย”
เปียหันมา น้อยสาดหม้อโจ๊กเข้าที่หน้าอย่างแรง เปียร้องกรี๊ดสุดเสียงไม่ทันตั้งตัว น้อยเอาหม้อโจ๊กฟาดเข้าที่หน้าของเปียอย่างแรง จนเปียร้องลั่นล้มลง น้อยกระโจนเข้าไปขย้ำหัวเปียโกรธจัด
“ทำน้าเย็นอย่างนี้ได้ยังไง”
เปียตบน้อยคืนผลักออก
“มากกว่านี้ฉันก็ทำได้”
พูดจบเปียก็ยกเท้าขึ้นถีบเย็นอย่างจัง มองน้อยท้าทาย น้อยตะโกนสุดเสียง
“เลวที่สุด”
น้อยกระโจนเข้าหาเปียอีกด้วยแรงโกรธอย่างมหันต์ จับผมเปียขยุ้มลากเข้ามาหาเย็นที่นั่งมองภาพตรงหน้าตกใจ
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 19 อวสาน (ต่อ)
น้อยกระโจนเข้าหาเปียอีกด้วยแรงโกรธอย่างมหันต์ จับผมเปียขยุ้มลากเข้ามาหาเย็นที่นั่งมองภาพตรงหน้าตกใจ เสียใจเจ็บปวดที่เปียกับน้อยห้ำหั่นกัน
และที่มากกว่านั้น เย็นรู้สึกผิด ที่เป็นสาเหตุทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ เย็นอึ้ง ขณะที่น้อยลากกระชากผมเปียเข้ามาด้วยพลังมหาศาลแบบโกรธจัด
“เปียทำน้อย น้อยยอมได้ แต่เปียทำน้าเย็น น้อยยอมไม่ได้ กราบขอโทษน้าเย็นเดี๋ยวนี้นะเปีย กราบ”
“ไม่”
เปียพยายามดึงดันขืนตัวออก น้อยคำรามแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่...ใช่มั้ย”
ไม่รอให้เปียตอบ น้อยกดหัวเปียลากไปกับพื้นที่เลอะไปด้วยข้าวต้ม หน้าตาของเปียครูดกับพื้น เลอะเทอะไปด้วยข้าวต้ม
“ปล่อยฉันนะนังน้อย ปล่อย” เปียตะโกน
“ไม่...จนกว่าเปียจะขอโทษน้าเย็น” น้อยดุ
น้อยกดหน้าเปียกับพื้นอย่างแรง เปียจะสู้แต่ สู้ไม่ได้
“ปล่อยนะ วันนี้แกเอาแรงมาจากไหน อีบ้าน้อย”
น้อยโกรธ
“แรงกตัญญูไงล่ะ น้อยยอมตาย...แต่น้อยไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้าเย็นเด็ดขาด โดยเฉพาะเปีย เพราะน้อยไม่อยากเห็นเปียตกนรก กราบขอโทษน้าเย็นเดี๋ยวนี้นะเปีย กราบ”
น้อยพยายามลากเปียมาให้ได้ เปียยืนกรานไม่ยอม
“ไม่”
น้อยกระชากเปียจนหน้าหงาย ดุมากกว่าเดิม
“ถามคำสุดท้าย จะกราบขอโทษ น้าเย็นมั้ย”
เปียไม่ยอมจ้องตาน้อย
“ไม่”
“ไม่...ใช่มั้ย” น้อยโกรธมาก
“เออ”
น้อยลากเปียมาที่บันได แล้วถีบเปียลงบันไดอย่างแรง ร่างของเปียร่วงลงบันไดแทรดๆเปียร้องลั่น ลงไปนอนจุ้มปุ้กอยู่ที่พื้น เย็นตะลึง เดินตามออกมาก็เห็น น้อยค่อยๆย่างเท้าลงไปช้าๆ แต่มาดของน้อยเหมือนนางพญา เปียมองน้อย เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัว
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
“กลัวน้อยจะเอาคืนใช่มั้ย เพราะที่ผ่านมา เปียคิดฆ่าน้อยมาตลอด” น้อยจ้องหน้าเปีย “เปียคิดไม่ผิดหรอก”
น้อยคว้าเอาเสียมที่ดายหญ้าอยู่ที่พื้นขึ้นมา ถือไว้ เปียมองกลัว ตาเหลือก
“น้อยอยากจะเอาเสียมนี่สับกบาลเปีย ให้มันสมองชั่วๆไหลออกมาล้างเท้าน้อยซะด้วยซ้ำ แต่...คนจะดีจะชั่ว มันอยู่ที่การข่มใจตัวเอง น้อยไม่ทำตัวเองให้กลายเป็นคนเลวหรอก” น้อยโยนเสียมทิ้ง “ไปซะ ไปจากที่นี่ แล้วอย่ากลับมาอีก เราสองคน จบกันแค่นี้”
“นังน้อย” เปียแค้น
“ไป๊” น้อยตวาด
เปียมองน้อยโกรธ มือควานจะคว้าไปหยิบเอาเสียม แต่น้อยเอาเท้าเหยียบเข้าที่มือของเปียอย่างแรง จนร้องสุดเสียง น้อยน้ำตาคลอบอกเสียงสั่น
“ที่ผ่านมา...น้อยไม่ได้โง่หรอกนะ แต่เป็นเพราะน้อยรักเปีย และถึงวันนี้น้อยก็รู้ ความรักใช้กับเปียไม่ได้ เพราะเปียไม่มีหัวใจ ไปจากน้อย จากน้าเย็นเถอะเปีย ไป๊...” น้อยร้องไห้โฮออกมา ตะโกนสุดเสียง “อย่าทำให้น้อยต้องกลายเป็นคนเลว” น้อยกระชากเสียมขึ้นมาใหม่ “ไป๊”
เปียมองภาพเสียมตรงหน้าที่น้อยชูขึ้นมา มือของน้อยสั่นระริก แต่เปียรู้ดี เกิดอะไรขึ้น น้อยเอาจริงแน่ เปียรีบผละไปจากน้อยอย่างเร็ว น้อยยืนร้องไห้โฮ ทิ้งเสียมลงสุดจะเจ็บปวด เย็นครูดตัวลงนั่งกับพื้น ร้องไห้ เจ็บปวด ทุกข์ทรมานใจแทบหมดแรง
เปียเดินผมเผ้ากระเซอะกระเซิงมาในสวน อย่างโกรธแค้นมาก เป็นครั้งแรกที่ถูกน้อยย่ำยีจนแพ้ราบคาบ เธอเตะต้นไม้ตะโกนลั่น
“คนอย่างอีซีเปียไม่ยอมแพ้ใครโว้ย”
เปียดวงตาเปล่งประกายแค้น
เย็นร้องไห้ น้อยเดินเข้าไปกอดเอาไว้
“อย่าร้องไห้ให้กับคนเลวๆเลยน้าเย็น”
“น้าไม่ได้ร้องไห้เพราะเปีย...แต่น้าร้องไห้ให้กับตัวเอง”
น้อยมองเย็นไม่เข้าใจ เย็นบอกทั้งน้ำตา
“เพราะคนที่เลวที่สุดคือน้า ได้ยินมั้ยน้อย คนที่เลวที่สุดคือน้า” เย็นร้องไห้โฮๆ “น้าพร้อมรับกรรมทุกอย่าง...แต่น้าไม่อยาก...น้าไม่อยากให้เปีย ต้องมารับกรรมเหมือนน้า แต่มันคงไม่ได้ เพราะเปีย เปียมันสันดานโจร”
วันใหม่...เปียเดินลงมาจากบันไดด้วยดวงหน้าเคร่งเครียดแบบคนไม่มีความสุข แต่ต้อง
ชะงักเมื่อเห็นเลอสรรนำตำรวจเข้ามา อุทัยกับวณีมองแปลกใจ ตกใจ
“มีอะไรตาเลอ” อุทัยถามอย่างสงสัย
เลอสรรหน้าเครียดตกใจ
“คุณตำรวจบอกว่า หัวกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ และในศพของน้าชดเป็นหัวกระสุนที่มาจากปืนของคุณน้าครับ”
อุทัยกับวณีตกใจมาก
“อะไรนะ”
“นี่ครับหมายค้น”
ตำรวจยื่นหมายค้นให้ อุทัยรับมาอ่าน เปียสุดจะตกใจ แต่จำต้องยืนนิ่ง พยายามทำตัวปกติ อุทัยบอก
“ผมยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนรู้เห็น หรือเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้ทั้งนั้น แต่ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างครับ”
เลอสรรงงหน้าซีด
“ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับคุณน้า”
“น้าเชื่อ รีบไปเอาปืนให้คุณตำรวจดูเร็ว”
“ครับ”
เลอสรรรีบขึ้นบ้านไปอย่างเร็ว เปียมองตามเลอสรร ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เลอสรรเดินพรวดเข้าไปในห้อง ตรงไปที่ลิ้นชักเก็บปืนแต่ปืนไม่อยู่แล้ว เลอสรรหน้าซีด ค้นหาในลิ้นชักข้าวของกระจุยกระจายด้วยแรงร้อนใจ แต่ก็ไม่มี
เลอสรรเดินลงมาหน้าซีด อุทัยถาม
“ไหนปืน”
“ปืนหายครับคุณน้า”
“หา...ปืนหาย” วณีหน้าตื่น
จวนที่มารับใช้แถวนั้นมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ เปียเองก็หน้าซีดกลัวถูกค้น อุทัยถามเลอสรร
“หายได้ยังไง”
เลอสรรร้อนรนไม่สบายใจ
“ผมไม่ทราบจริงๆครับ”
อุทัยกลุ้มใจ ปนงง แต่พยายามตั้งสติบอกตำรวจ
“คุณตำรวจทำตามหน้าที่ได้เลยนะครับ แต่ผมจะขอสู้คดี เพราะผมมั่นใจ ครอบครัวของผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แน่นอน”
อุทัยยืนยันด้วยมั่นใจ เปียซีดเจื่อน คาดไม่ถึง เรื่องจะลงเอยรูปนี้
บ้านอนุรักษ์...คุณหญิงแทบเป็นลมล้มทรุด ได้แต่พึมพำออกมา
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”
“จวนก็งงเหมือนกันค่ะคุณหญิง...ปืนของคุณอุทัย ไปยิงคนตายได้ยังไง”
คุณหญิงนึกถึงเย็น แต่ไม่ได้สงสัย
“แต่นายคนนั้น เป็นญาติของเย็นนะจวน”
“คุณหญิงแปลว่า...เย็นจะเป็นคนฆ่าเหรอคะ” จวนหน้าเสีย
ฟังคำพูดของจวน คุณหญิงเป็นฝ่ายอึ้งแทน ดวงตาเหมือนเพิ่งจะนึกออกเชื่อมโยง
เย็นบอกจวนน้ำเสียงตื่นเต้นแต่เสียงโหยเหมือนคนป่วย ทุกข์ใจ ตรอมใจ
“เปล่านะพี่ ฉันไม่ได้ฆ่าพี่มุกนะ”
“พี่ไม่ได้ว่าเย็น...แต่พี่สงสัยปืนคุณอุทัยไปเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนตายได้ยังไง”
น้อยมองเย็น พอประมวลเรื่องราวเหตุการณ์ออก ได้แต่จ้องหน้าเย็น เย็นในใจรู้ว่าเป็นเปียแต่ปฏิเสธ
“ฉันไม่รู้...ฉันไม่รู้จริงๆนะพี่ ฉันไม่ได้ทำ”
“แต่พี่มั่นใจ ยังไงตำรวจต้องสืบรู้แน่ๆใครเป็นคนทำ แต่พี่สงสาร อยู่ดีๆคุณอุทัยต้องไปมีชื่อพัวพันกับการฆ่าคนตาย”
เย็นนั่งน้ำตาคลอไม่ได้จะร้องไห้แต่เหมือนคนอมทุกข์ จวนมองถามแปลกใจ
“สะใจ สมน้ำหน้าเขาอยู่รึเปล่า”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงจะนั่งหัวเราะเป็นคนบ้าเลยล่ะพี่ ที่เห็นอนุรักษ์ธานินย่อยยับ แต่ตอนนี้...” เย็นหน้าสลด น้ำตาเอ่อ
จวนสวนทันที
“แกน่ะแหละเป็นบ้าแทน รู้มั้ยเย็น ท่าทางของแกตอนนี้ มันไม่ต่างอะไรจากคนบ้าเลย”
“นี่แหละที่เขาเรียก กรรมทันตา สวรรค์ไม่มีในอก มีแต่นรกที่มันสุมอยู่ในใจของฉัน พี่จวน”
จวนมองเย็นเห็นใจ น้อยมองเย็น สงสัย
เลอสรรหน้ายุ่งบอกอุทัย
“ผมไม่รู้ไม่เห็น เกี่ยวกับการตายของน้าชดจริงๆนะครับคุณน้า”
“น้าเชื่อ”
อุทัยดวงตาครุ่นคิด ก่อนถาม
“เอ๊ะ ตกลงคนที่ตายเขาชื่ออะไรกันแน่ ชด หรือมุก”
“ที่ฟิตเนตเรียกเค้าว่าชด แต่ผมไม่ทราบว่าเขาเปลี่ยนชื่อมารึเปล่า”
“พี่อุทัยหมายถึง ที่เย็นบอก เป็นญาติเย็นชื่อมุก” วณีนึกได้
อุทัยพยักหน้า คิด
“ใช่...มุก น้องไอ้โมก...โมก พ่อหนูน้อย...”
ทุกคนมองหน้าอุทัย
“มันประจวบเหมาะเกินไปรึเปล่า นายมุกต้องมาตายเพราะปืนของพี่”
“พี่อุทัยคิดว่า...เย็นอาจเข้ามาขโมย...” วณีคิดตาม
“พี่ไม่รู้จริงๆ...แต่ในเมื่อเราสามคน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
เลอสรรคิดๆ
“แต่คนที่รู้ว่าเรามีปืน คือน้องเปียอีกคนนะครับคุณน้า”
เปียกำลังจะเดินเข้ามาหน้าซีดเผือด รีบผละออกไปรวดเร็วด้วยตกใจกลัว
เปียวิ่งหนีเข้ามาในสวน วิ่งซุกเข้าไปใต้กอไม้เหมือนเดิม กอไม้ที่เสมือนเป็นกำแพง เป็นปราการปกป้อง เปียกอดตัวเอง...เปียนึกถึงตอนที่เธอยิงมุกตายอนาถ
เปียเนื้อตัวสั่น ยิ่งสั่นไปใหญ่ เมื่อเห็นมุกนั่งอยู่ตรงหน้าในสภาพเลือดโชก มุกยิ้ม เปียร้องกรี๊ดสุดเสียงก่อนลืมตาขึ้นมามอง มุกหายไปแล้ว เปียผ่อนหายใจบอกตัวเอง
“ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ”
วณีเดินขึ้นมาบนบ้าน หน้าตาเคร่งเครียดกลุ้มจัด เสียงเลอสรรที่บอกว่า เปียรู้ว่าเก็บปืนไว้ที่ไหนดังก้อง วณีได้แต่พึมพำ
“อย่าเป็นลูกนะเปีย...ต้องไม่ใช่ลูก” วณีทำทีเป็นเคาะประตู “เปีย...ลูกเปีย”
เงียบไม่มีเสียงตอบ วณีรีบเปิดประตูเข้าไปและล็อกทันที ตรงไปรื้อค้นบริเวณลิ้นชักเครื่องแป้ง แต่ไม่เจอ วณีเดินมาหยิบ ค้นดูใต้หมอน ลิ้นชักหัวนอน แต่ไม่มี วณีเหมือนจะโล่งใจ อย่างน้อยก็หลอกตัวเองได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเปีย แต่ต้องชะงักเมื่อมองเห็นใต้ฟูกมุมหนึ่ง ผ้าปูขึงเอาไว้ไม่เรียบร้อย วณียกฟูกขึ้น แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อมองเห็นสร้อยทอง แหวนทองอยู่ตรงนั้น วณีครุ่นคิด
ในอดีต...นมแสนั่งอยู่ วณียื่นกล่องทองให้ นมแสมองงงๆ วณียิ้มบอก
“ฉันให้เป็นของขวัญวันเกิดจ้ะ”
นมแสยิ้มปลื้มค่อยๆเปิดกล่องทอง หยิบสร้อยและแหวนทองออกมา มองตื่นเต้น
“ทั้งสร้อย ทั้งแหวน ขอบคุณมากๆค่ะคุณวณี”
วณียิ้ม นมแสชูสร้อยและแหวนทองขึ้นมอง
วณีมองสร้อย แหวนทองในมือหน้าซีดเผือด เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น
“แปลว่า...” วณีพึมพำแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง
วณีร้องไห้ มือกำสร้อย และแหวนทอง ตรงเข้าไปที่ห้องของนมแส เห็นนมแสนอนมองเธอด้วยความเศร้าใจ วณีโผเข้าไปหาชูสร้อยทองขึ้นถามแทบไม่เป็นภาษา
“ลูกเปีย เป็นคนทำนมแสใช่มั้ย” วณีเหมือนใจจะขาด “ลูกเปียเป็นคนทำนมแสใช่มั้ย”
นมแสน้ำตาไหลพราก สงสารวณีแทบขาดใจ สำนึกของนมแสตีกัน วณีร้องไห้อ้อนวอน
“บอกฉันมาเถอะนมแส ไม่ต้องกลัวฉันเสียใจ ลูกเปียทำร้ายนมแสใช่มั้ย”
นมแสมองด้วยดวงตาเจ็บปวด วณีแทบจะขาดใจ สองคนมองหน้ากัน ที่สุดนมแสก็พยักหน้าและทันทีที่นมแสพยักหน้าวณีก็ปล่อยโฮออกมาแบบสุดกลั้นร้องไห้เหมือนคนบ้า
“ทำไมๆ”
วณีซบหน้าลงกับไหล่นมแส
ค่ำนั้น เย็นหน้าตาตรอมใจกลุ้มใจ ท่าทางทรุดโทรมลงทุกวันนั่งมองสัญญานิ่ง สายตาเห็นข้อความระบุ ขอตรวจอีเอ็นเอน้อย เย็นนั่งชั่งใจ มือกำปากกาแน่น น้อยมองถามไม่สบายใจ
“น้าเย็นจะให้คุณอุทัยพาน้อยไปตรวจดีเอ็นเอเหรอคะ”
เย็นหันมามอง ดวงตาสงสารคิดหนัก ขณะที่น้อยถาม
“ทำไมต้องไปตรวจด้วยคะ ในเมื่อน้อยไม่ได้เป็นอะไรกับเขา...น้อยเป็นหลานน้าเย็น ลูกพ่อโมก แม่ลำยอง”
“ก็...เผื่อเขาจะสบายใจ” เย็นอ้อมแอ้ม
“เขาสบายใจ แต่เปียจะทุกข์ใจ น้อยไม่อยากไปและน้อยก็จะขออนุญาตน้าเย็น ว่าน้อยไม่ไปค่ะ”
เย็นกับน้อยมองหน้ากัน ต่างคนต่างรู้สึกไม่สบายใจ เปียกลัดกลุ้มใจหาทางออกไม่ได้เดินขึ้นมา พอน้อยเห็นเปีย น้อยก็เดินเลี่ยงลงบ้านไปแบบไม่อยากเจอหน้า เปียมองตามสุดจะหมั่นไส้
“ไม่ต้องมาทำเป็นรังเกียจฉัน ไม่มีธุระฉันไม่มาหรอก”
น้อยไม่สนใจเปีย เดินลงบันไดไป ขณะที่เย็นถาม
“มีเรื่องอะไร”
เปียไม่ทันได้ตอบ เพราะสายตามองไปเห็นสัญญาที่กางบนโต๊ะอยู่ ในมือเย็นถือปากกา เปียขนลุกซู่ ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ถามเย็นด้วยเสียงสั่นเครือ
“น้าเย็นจะพานังน้อยไปตรวจดีเอ็นเอ”
เย็นวางปากกาลงและเก็บสัญญา พลางถาม
“ที่ว่ามีธุระ มีอะไร”
“ตอบมาก่อน น้าเย็นจะพานังน้อยไปตรวจดีเอ็นเอ” เปียเสียงดัง
“น้าบอกแกได้คำเดียวว่า น้าไม่มีวันทำร้ายแก”
“เปียไม่เชื่อ...ทุกคนที่พูดอย่างนี้ ทำร้ายเปียทั้งนั้น ไม่มีใครรักเปียจริงสักคน มีแต่คนเกลียดเปีย หักหลังเปีย เปียเกลียดทุกคน”
เปียวิ่งร้องไห้กลับไป เย็นลุกขึ้นตามร้องเรียกเป็นห่วง
“เปีย...เดี๋ยวก่อนเปีย”
เย็นมองตาม ทั้งรักและห่วงเปียมาก
เปียวิ่งร้องไห้ขึ้นบันได เปิดประตูเข้าห้อง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นวณีนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง วณีหันมามองเปียที่ร้องไห้ แต่ไม่สนใจ นอกจากชูสร้อยและแหวนทองขึ้นมา ทันทีที่เห็นเปียเบิกตากว้าง วณีมองจ้องอาการของเปียถามเสียงสั่น
“ลูกเป็นคนทำร้ายนมแสใช่มั้ย”
เปียใจหาย กลัว ปากคอสั่น
“เปล่า...เปียเปล่า”
วณีลุกเดินไปเผชิญหน้า ถามแบบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“งั้นตอบแม่มา สร้อยกับแหวนของนมแส มาอยู่กับลูกได้ยังไง”
เปียเจอท่าทางเอาจริงของวณี กลัวสั่นเข้าไปใหญ่
“เปียไม่รู้ เปียไม่รู้”
“ไม่รู้...แล้วมันอยู่ใต้ที่นอนลูกได้ยังไง”
วณีกรีดเสียงดังทนไม่ไหว ดุจริงจังแบบไม่เคยมาก่อน พร้อมจับไหล่เปียลากเข้ามา
“บอกแม่มาเดี๋ยวนี่นะเปีย สร้อย แหวนของนมแส อยู่กับลูกได้ยังไง”
วณีจะลากมาตรงมุมที่เจอ เปียเถียงกร้าว ปกป้องตัวเอง
“ก็บอกแล้วไง เปียไม่รู้ เปียไม่รู้”
เปียผลักวณีสุดแรง แล้ววิ่งออกไปนอกห้อง วณีร้องเสียงดังโกรธจัด
“หยุดเดี๋ยวนี้เปีย” วณีตามไปทันที
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 19 อวสาน (ต่อ)
เปียกำลังจะวิ่งลงบันได วณีวิ่งตามไปคว้าตัวได้ทัน ตะคอก
“อย่าหนี...บอกแม่มา ทำนมแสทำไม”
“ก็บอกแล้วไง เปียไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ” เปียดิ้นรนให้ปล่อย
“ไม่ต้องมาโกหก แม่ไม่เชื่อเปียอีกแล้ว” วณีชูทองขึ้น “เปียทำนมแสทำไม”
“บอกว่าไม่ได้ทำ ปล่อยนะ ปล่อย” เปียเสียงกร้าว
สองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา ร่างของวณีหันให้กับบันได ขณะที่ยื้อถามเปีย
“ไม่ปล่อย ถ้าลูกไม่ยอมรับ แม่จะแจ้งตำรวจ”
เปียได้ยินคำว่าตำรวจตาเป็นประกายโกรธ ผลักวณีออกอย่างแรง วณีร้องสุดเสียง ขณะที่ร่างร่วงหล่นลงมานอนกองที่พื้น ดวงตาของวณีเหลือกลาน เจ็บปวด เลือดไหลรินออกมา เปียมองสภาพของวณีที่นอนพะงาบๆ หัวใจของเปียแทบหยุดเต้น ความกลัว ความเสียใจ ตกใจพุ่งเข้ามาผสมปนเปกันเต็มไปหมด เปียร้องไห้โฮๆแบบคนสติแตก
“เปียไม่ได้ทำ เปียไม่ได้ทำ”
เปียวิ่งลงมากระโดดข้ามร่างของวณีออกไป วณีมองเปีย ได้แต่นอนร้องไห้ หมดแล้วหมดสิ้น หมดทุกอย่าง การกระทำของเปีย เชื่อเป็นอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ
เย็นหน้าเครียดจัด มองเห็นสัญญา ตัดสินใจคว้ามาฉีกทิ้ง น้อยเดินขึ้นมาบนบ้าน เห็นเย็นฉีกสัญญาก็ยิ้ม เย็นหันมามอง
“น้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่น้าทำอย่างนี้ มันผิดหรือถูก”
เย็นยิ่งมองน้อยยิ่งเสียใจ น้อยยิ้มอ่อนโยน
“อะไรที่ปัญหา ตัดทิ้งไป เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะน้าเย็น”
เย็นลุกเดินมากอดน้อย กอดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา โดยที่เย็นไม่ตั้งใจ
“แต่น้ารู้...สิ่งที่น้าทำมาทั้งหมด มันคือความเห็นแก่ตัว”
“เห็นแก่ตัว” น้องถามอย่างไม่เข้าใจ
เย็นดันตัวน้อยออกมามอง พยักหน้าบอก
“น้าอยากให้น้อยอยู่กับน้า”
น้อยน้ำตาคลอ ยิ้มตื้นตัน
“แปลว่า...น้าเย็นรักน้อยใช่มั้ยคะ น้าเย็น...รักน้อย”
เย็นยิ่งมองยิ่งเวทนาน้ำตายิ่งไหล
“น้อยเลี้ยงแมวแค่ไม่กี่วัน น้อยยังทั้งรักทั้งหวง แล้วน้าเลี้ยงน้อยมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกน้อยคิดว่าน้าจะรักน้อยมั้ยล่ะ”
“น้าเย็น” น้อยร้องไห้โฮออกมา
เย็นกอดน้อยแน่นร้องไห้
“น้ารักน้อยมากนะลูก....ทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วง น้าคงทนไม่ได้ถ้าน้อยต้องจากไป”
“แปลว่าอะไรคะ” น้อยมองสงสัย “เกี่ยวอะไรกับการตรวจดีเอ็นเอ น้าเย็นกำลังจะบอกอะไรน้อยคะ”
เย็นอึกอัก หลบตาน้อยเป็นพัลวันสีหน้ามีพิรุธ
เลอสรรขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน เห็นบ้านเงียบ มืด ไม่มีแสงไฟ เขามองอย่างแปลกใจ ก่อนเดินเข้าไปในบ้าน แล้วเปิดไฟ ทันทีที่ไฟสว่าง เลอสรรก็หัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นร่างวณีนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ตรงบันได
“คุณน้า”
เลอสรรรีบเข้าไปแล้วอุ้มวณีขึ้นมารวดเร็ว
เลอสรรอุ้มวณีออกไปที่หน้าบ้านตรงไปที่รถ อุทัยขับรถเข้ามาพอดี ต่างก็ตกใจ
“น้าวณีเป็นอะไรเลอ”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“รีบพาขึ้นรถเร็ว”
“ครับๆ”
เลอสรรรีบพาขึ้นรถรวดเร็วแล้วออกไปพร้อมอุทัย เปียแอบมองมาจากพุ่มไม้อย่างหวาดหวั่น กังวลตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้ นับวันเปียยิ่งจนหนทาง
เปียวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เห็นคราบเลือดของวณีที่พื้นบันไดก็มองหวาดกลัว ได้แต่วิ่งข้ามคราบเลือดขึ้นไปชั้นบน ตรงไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างลนลานมือไม้สั่น เข้ามาหายากล่อมประสาทกิน เมื่อคว้ายามาได้ก็กรอกเข้าปาก คว้าน้ำมากรอกใส่ปาก น้ำหกเลอะเทอะอย่างแบบคุมสติไม่อยู่ กลัวความผิดที่ตัวเองทำมาก
คุณหญิงก้าวฉับๆมายังบ้านของอุทัย มีประวิทย์กับจวนตามมา คุณหญิงเดิน
เข้ามาเห็นคราบเลือดของวณีใจไม่ดี
“รีบเช็ดเร็วๆ รีบเช็ด”
หวาน ช้อย จวนกุลีกุจอ เอาไม้ถูพื้นมาเช็ดคราบเลือด
“โอ๊ย!ทำไมบ้านเราถึงได้มีแต่เรื่อง” คุณหญิงบ่นอย่างเหนื่อยใจ
“ทำบุญหน่อยดีมั้ยคะคุณหญิง” หวานโพล่งขึ้นมา
“นังหวาน” จวนถลึงตาใส่
“ไม่ต้องไปเอ็ดมัน ฉันก็คิดว่าฉันจะทำบุญใหญ่เหมือนกัน ตั้งแต่ตอนไปเที่ยว ฉันก็นึกว่าจะสบายใจ ที่ไหน เปลี่ยนที่กลุ้มใจเท่านั้นเอง พอกลับมาปุ๊บ ทั้งเรื่องปืน เรื่องแม่วณี วันๆมีแต่เรื่อง โอ๊ย!ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรกับบ้านฉัน”
คุณหญิงมองบ้านอุทัย แล้วก็ได้แต่ทำหน้าเหนื่อยหน่าย บ้านหลังใหญ่โต หาความสุขไม่ได้เลย
ค่ำคืนนั้น เย็นถามเลอสรรด้วยสีหน้าตกใจ
“คุณวณีตกบันได เป็นอะไรมากมั้ย”
“หัวแตกครับ แล้วก็เพิ่งได้สติ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก น้าอุทัยให้มาบอก”
เย็นมอง สายตาเต็มไปด้วยคำถามว่าบอกทำไม เลอสรรมองหน้าเย็นท่าทางอึดอัดเลอสรรลำบากใจ
“และน้าอุทัยก็ฝากผม มาขอความกรุณากับน้าเย็น”
“อะไรคะ” เย็นแทบไม่มีเสียง
“ช่วยพาน้อยไปที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจดีเอ็นเอได้มั้ยครับ”
น้อยมองหน้าเย็น สายตาเต็มไปด้วยคำถาม ในที่สุดเย็นตัดสินใจ
“คุณเลอสรรกลับไปก่อนเถอะค่ะ ไว้ฉันคุยกับยัยน้อยก่อน ฝากเรียนคุณอุทัย ขอให้คุณวณีหายไวๆนะคะ”
“ครับน้าเย็น”
เลอสรรเดินออกไป เย็นมองหน้าน้อย จริงจังก่อนถาม
“น้าให้โอกาสน้อยตัดสินใจอีกครั้ง...จะไปตรวจดีเอ็นเอมั้ย”
“ไม่ค่ะน้าเย็น” น้องยืนกรานเสียงหนักแน่นที่สุด
เย็นตัดสินใจเขียนจดหมายถึงเปีย
“เปีย หลานรักของน้า นี่จะเป็นจดหมายฉบับแรกและฉบับเดียวที่น้าจะเขียนถึงเปีย ....”
เย็นร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดบีบคั้นหัวใจอย่างเหลือเกิน ทางด้านน้อยจัดเก็บกองหนังสือลงกล่อง พร้อมกับเสื้อผ้าลงกระเป๋า เอกสารของน้อยวางอยู่ หัวเอกสารระบุ...
“ใบสมัครขอย้ายโอนจากสถาบันอุดมศึกษาอื่น”
ในห้องท่ามกลางความมืด เปียนั่งซุกตัวอยู่มุมห้อง ความรู้สึกหวานหวั่น คิดหา
หนทางไม่ออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปียหวาดหวั่นกังวลฟุ้งซ่าน เปียหันหน้ามาก็เจอภาพวณีที่ตาลุกโพลงเลือดท่วมมองหน้า
“ฉันจะพาหนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ”
เปียกรีดร้องหันไปอีกทางก็เจออุทัยบอก
“ฉันจะพาหนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ”
เปียกลัว หันมาอีกทางก็เจอเย็นยิ้มเย้ย
“ฉันจะพายัยน้อยตรวจดีเอ็นเอ”
เปียหันหน้าหนี ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอคนสามคนหัวเราะเยาะใส่ เปียได้แต่เอามือปิดหูปิดหน้าตัวเองไม่อยากได้ยิน แต่เสียงทั้งสามคนที่บอกจะพาน้อยตรวจดีเอ็นเอดังก้องจนเปียฮึดสู้ เอามือออกจากหน้าตัวเอง หันขวับไปมองหน้าวณี
“ฉันไม่ยอม!” เปียหันไปอีกทางหน้าอุทัย “ฉันไม่ยอม” แล้วหันขวับมามองหน้าเย็นพูดชัดเจน “ฉันไม่ยอมให้ใครพานังน้อยไปตรวจดีเอ็นเอทั้งนั้น”
วันใหม่...วณีนอนนิ่งน้ำตาไหล ที่ศีรษะมีผ้าพันแผล อุทัยเปิดประตูเข้ามา
“พี่อุทัย”
“มีอะไรวณี” อุทัยรีบเดินมาหา
“ลูก...ลูก...”
อุทัยไม่ได้ตกใจ ดวงตาบอกความสลด
“เปีย..เปียเป็นคนผลักวณีตกบันได แล้วก็ทำร้ายนมแส คนร้ายที่เราตามหาคือ...เปีย”
วณีร้องไห้โฮออกมา อุทัยบีบมือวณีให้กำลังใจ
“เข้มแข็งนะวณี”
วณีมองงุนงงสงสัย
“พี่อุทัยไม่ตกใจ ไม่เสียใจอะไรเลยเหรอคะ”
“มันเป็นสิ่งที่พี่สงสัยมาตลอดอยู่แล้ว ที่สำคัญ ตะกี้พี่เพิ่งไปคุยกับตำรวจ เขาบอกว่า...ก่อนที่มุกจะตาย พนักงานฟิตเนตเห็นมุกอยู่กับเปีย และจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ศพของมุกมีคราบเลือดของคนอื่นแฝงอยู่ ไม่ว่าเปียจะยอมหรือไม่ยอม ตำรวจก็ต้องตรวจเลือดของเปีย เพราะมันคือคดีอาญา”
วณีมองตกใจมากได้แต่พึมพำเสียงแผ่วแบบแทบจะขาดใจ
“พี่อุทัย”
“ถ้ายัยเปียคือฆาตกร ยัยเปียต้องได้รับกรรม และถ้าผลตรวจดีเอ็นเอออกมา ยัยเปียไม่ใช่ลูกเรา ยัยเปียก็ต้องไปจากชีวิตของเราเหมือนกัน”
“พี่อุทัย”
วณีร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวด ทำใจไม่ได้
เปียยืนทำข้าวต้มอยู่ ดวงหน้าของเปียไม่ได้สะใจสาแก่ใจ แต่ดวงตาของเปียอม
ทุกข์ ดวงหน้าหมองมือไม้สั่น ดวงตาบ่งบอกถึงความเจ็บปวด อัดอั้นสับสน ก่อนตัดสินใจหยิบยาเบื่อขึ้นมา เทใส่ชามข้าวต้มตรงขอบฝั่งหนึ่งของชาม ขณะที่เท มือของเปียสั่น น้ำตาไหล อีกใจยังสำนึกอยู่ แต่ความเห็นแก่ตัวมีมากกว่า
เปียปาดน้ำตาทิ้ง เอาช้อนคนยาเบื่อแค่ครึ่งชามข้าวต้ม ก่อนเปลี่ยนช้อนที่เปื้อนยาเบื่อหนูออก เอาช้อนสะอาด วางลงในส่วนของข้าวต้มที่ไม่ได้ใส่ยา น้ำตาของเปียจะไหลออกมาแต่เธอเชิดหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้ ยกชามข้าวต้มออกไป
น้อยในชุดนักศึกษาเดินออกมา เห็นเย็นจัดของอยู่ เย็นอยู่ในชุดที่สวยเป็นพิเศษ
พร้อมจะออกเดินทาง น้อยทักเย็นด้วยดวงหน้าสดใส
“วันนี้น้าเย็นสวยจังเลยค่ะ”
เย็นอมยิ้มน้อยๆ
“เป็นเพราะน้าปล่อยวางจากทุกอย่างได้มั้ง พอน้าหลุดพ้นใจของน้าก็เป็นสุข”
“น้อยดีใจจังค่ะที่ได้ยินน้าเย็นพูดแบบนี้...”
“แล้วน้อยจัดการเรื่องเรียนเรียบร้อยหรือยังลูก”
น้อยชูซองจดหมายขึ้น
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เหลือแค่ไปยื่นให้ทางมหาวิทยาลัยรอผล น้อยก็จะย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่นได้”
“รีบไปเถอะลูก..น้าจะรอ กลับมา..เราจะได้ไปจากที่นี่ซะที”
“ค่ะน้าเย็น” น้อยเดินมาสวมกอดเย็น “เข้มแข็งนะคะ...น้อยเชื่อ ถ้าเราคิดดีทำดี เราก็ต้องได้ดี ยังไง ...เปียจะต้องรู้ว่าน้าเย็นรักและทำเพื่อเปียได้ทุกอย่าง น้อยไปก่อนนะคะ...แล้วจะรีบมาค่ะ”
น้อยเดินออกไป เย็นยิ้ม จัดของต่อ
เมื่อน้องไปแล้ว เปียค่อยๆ ก้าวขึ้นบันได ค่อยๆก้าวทีละขั้น ทีละขั้น อย่างช้าๆอย่างไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง
เย็นหันมาทันทีที่รู้สึก เหมือนมีคนยืนอยู่ข้างหลัง พอหันมาก็เห็นเปียถือชามข้ามต้มอยู่ ดวงหน้าของเปียเศร้า หม่นหมอง ดวงตาเหมือนมีน้ำตาคลออยู่ เปียบอกเหมือนเจ็บปวดหัวใจ ลึกๆไม่ได้อยากทำ เสียงสั่น
“เปียทำข้าวต้มมาให้น้าเย็น”
เย็นมองเปีย ความรู้สึกแรกคือการอาลัยอาวรณ์ รู้ดี กำลังจะไปจากเปีย แต่เปีย
สังเกตสีหน้าของเย็น แบบคนมีแผล กลัวเย็นจะรู้ความเลวร้ายของตัวเอง เปียอ้อมแอ้ม
“ก็เปียเห็นน้าเย็นยังไม่หายป่วยสักที เปียเป็นห่วง น้าเย็น..ยังโกรธเปียอยู่เหรอ...เปีย...เปียขอโทษ เปียไม่ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนั้นจริงๆ” เปียน้ำตาไหลออกมาอย่างอั้นไม่อยู่ บอกกับเย็นเหมือนเป็นการระบายกลายๆ “แต่...เปีย เปียเห็นแก่ตัว เปียทนไม่ได้ที่จะต้องเป็นคนสูญเสียน้าเย็นเข้าใจ น้าเย็นให้อภัยเปียนะ”
“นั่งลงเถอะเปีย”
เย็นบอกอย่างมีเมตตา เปียมองเย็นไม่เข้าใจ ไม่รู้เย็นจะมาไม้ไหน แต่ก็นั่ง เย็นมองข้าวต้ม เปียเหมือนวัวสันหลังหวะระแวง รีบบอก
“น้าเย็นไม่เชื่อเปียอีกใช่มั้ย ว่าเปียเสียใจแล้วก็อยากขอโทษน้าเย็นจริงๆ หรือน้าเย็นกลัวว่า เปียจะผสมยาเบื่อในข้าวต้ม ถ้าน้าเย็นกลัวน้าเย็นไม่เชื่อ เปียกินข้าวต้มให้น้าเย็นดูก็ได้”
เปียตักข้าวต้มในฝั่งที่ไม่ปนยาเบื่อและเอาช้อนวางไว้เป็นสัญลักษณ์อยู่แล้ว ก่อนที่เปียจะตักข้าวต้มเข้าปากรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าข้าวต้มไม่ได้ใส่ยาเบื่อ เย็นร้องบอก
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกเปีย”
เปียที่ช้อนยังคาปากอยู่ชะงัก เย็นยื่นมือมารับชามข้าวต้มจากเปีย
“น้าเชื่อเปีย”
เย็นดึงช้อนออกมาจากมือของเปียอย่างไม่รังเกียจขณะคนข้าวต้มในชามตักใส่
ปากบอกอ่อนโยน
“น้ากำลังหิวอยู่พอดีเพิ่งจัดของเสร็จ”
เย็นกวาดสายตามองไปทั่วบ้าน เปียไม่ได้สนใจว่าบ้านโล่ง เรียบร้อยผิดปกติ มุมหนึ่งมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ แต่นาทีนั้นเปียสนใจแต่เย็นกับข้าวต้ม และเปียก็เห็นเย็นตักข้าวต้มใส่ปากคำแล้วคำเล่า เย็นนิ่วหน้า เปียถามเร็วปรื๋อ
“ทำไมเหรอน้าเย็น”
“น้ารู้สึกว่ารสชาติมันแปลกๆ...สงสัยน้าไม่สบายมั้ง ปากเลยขมเลยเฝื่อน”
เปียถอนหายใจแบบโล่งใจ เย็นตักข้าวต้มกินอีกคำแล้วควานมือไปหยิบจดหมา
ที่วางอยู่ข้างๆส่งให้เปีย เปียมองงง
“น้าเขียนจดหมายถึง ตั้งใจจะฝากไว้ให้ เพราะคิดว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก แต่เปียมาพอดี...เอาไปอ่านไป”
เปียรับจดหมายมาถือเอาไว้ เปียถามแบบคนมีพิรุธ
“เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก น้าเย็นแปลว่าอะไร”
เย็นยังไม่ทันตอบ ก็เกิดอาการปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรง เย็นหน้าซีดเผือดมือไม้
หดเกร็งแบบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ชามข้าวต้มหลุดจากมือของเย็นตกลงสู่พื้น แตกกระจาย ข้าวต้มเกลื่อนเต็มพื้นพร้อมๆกับร่างของเย็นที่ทิ้งตัวลงมาที่พื้น นอนบิดเบี้ยวตัวงอเจ็บปวด
เย็นมองเปียตกใจ เจ็บปวดคาดไม่ถึง เปียมองสภาพทุรนทุรายของเย็นด้วยสายตาเจ็บปวดไม่แพ้กัน น้ำตาเปียไหลออกมาขณะบอก
“น้าเย็นพูดถูกแล้ว...เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก”
เย็นมองเปียเจ็บปวด พูดเป็นห้วงๆเจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ
“เปีย...วางยาน้า”
เปียน้ำตาไหล ร้องไห้ออกมา ขณะบอก น้ำเสียงปนสะอื้น
“น้าเย็นเป็นคนบอกเปียเอง ให้ฆ่าน้าเย็นซะ...เพราะน้าเย็นทนเห็นความเลวของเปียไม่ได้ เปียรู้ว่าเปียเลว เปียระยำ แต่เปียทนไม่ได้ เปียทนสูญเสียทุกอย่างไม่ได้...ให้อภัยเปีย อโหสิกรรมให้เปียนะน้าเย็น สันดานเปียมันเป็นสันดารโจร สันดานเลวที่เห็นแก่ตัว”
เปียลุกขึ้น วิ่งอย่างรวดเร็วออกไป ไม่ยอมมองสภาพทุรนทุรายของเย็น ที่อาเจียนน้ำลายฟูมปาก อวัยวะภายในเริ่มถูกทำลาย หดเกร็ง เย็นยื่นมืออันสั่นระริกออกไป
“เปีย...เปีย...”
เปียวิ่งกำจดหมายร้องไห้เข้าไปในห้อง ก่อนปิดประตูเอาไว้ เนื้อตัวสั่นเทิ้มเริ่มคุมสติไม่อยู่ เธอเสียใจเจ็บปวด มือไม้สั่นระริกขณะปล่อยจดหมายให้ร่วงหล่น จดหมาย หลุดออกมาจากซองอยู่ที่พื้น เปียเอามือไปกำขยุ้มผมร้องไห้แบบคนเสียสติ
“น้าเย็นเปียขอโทษ...เปียขอโทษ...แต่เปียจำเป็นต้องทำ เปียจำเป็นต้องทำ”
เปียร้องไห้ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นข้อความในจดหมายจ่าหน้าเอาไว้
“เปียหลานรัก”
เปียคว้าจดหมายมาคลี่อ่าน
“กว่าเปียจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ น้ากับน้อยอาจจะไปไกลแล้ว ไป...ณ ที่น้าเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน”
ดวงตาของเปียเคลื่อนตัวไปมาอย่างรวดเร็วพอๆกับความตื่นเต้นสูบฉีดของหัวใจ ขณะเคลื่อนสายตาอ่านต่อ
“น้าฉีกสัญญาทิ้งไปแล้ว น้อยเต็มใจที่จะไม่ไปตรวจดีเอ็นเอ การจากไปของน้ากับน้อย จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และจะมีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้ว่า...ว่าน้อยคือทายาทที่แท้จริงของอนุรักษ์ธานิน”
เปียหน้าซีดเผือด นึกถึงตอนที่เธอไปหาเย็นเห็นบ้านโล่ง มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่
“ไม่ต้องห่วงนะเปีย น้าจะพาน้อยไปอยู่ในที่ที่พวกเขาไม่มีทางหาเจอ...”
ภาพเย็น นอนกลิ้งเกลือกกับพื้น ดิ้นรนทุรนทุรายแว่บเข้ามา เปียอ่านจดหมายทั้งน้ำตา
“ทำตัวเป็นเด็กดีนะลูก...ขอให้เชื่อน้าสักครั้ง ความดีจะปกป้องคุ้มครองเปียทุกอย่าง อย่าเสียใจกับการจากลาพลัดพรากของเรา...อนาคตข้างหน้า สักวันหนึ่ง เราอาจจะได้กลับมาเจอกันอีก ขอให้รู้...ที่น้าทำทุกอย่าง เพราะน้ารักเปีย รักสุดหัวใจ น้าเย็น”
เปียกรีดร้องออกมาเหมือนคนบ้าคลั่ง
“น้าเย็น”
เปียทิ้งจดหมายทันที พร้อมเสียงตะโกนก้อง
“น้าเย็นต้องไม่เป็นอะไร เปียจะไปช่วยน้าเย็น เปียวิ่งพรวดออกมานอกห้องอย่างเร็ว
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 19 อวสาน (ต่อ)
เลอสรร ขับรถเข้ามาในบ้าน อุทัยลงจากรถพร้อมประคองวณีที่มีผ้าพันแผลที่บริเวณศีรษะลงมา
น้อยกับประวิทย์ในชุดนักศึกษาเดินออกมาอีกฝั่ง กำลังจะออกไปเรียน รถของตำรวจวิ่งตามมา นายตำรวจ สองสามคนลงมาจากรถ อุทัยเลอสรร หน้าเครียด วณีหน้าเศร้าน้ำตาคลอหน่วยตลอดเวลา ประวิทย์กับน้อยงง อุทัยบอกน้อย
“ไปตามเย็นมาให้ฉันทีน้อย”
“ค่ะ”
เลอสรรจริงจัง กังวลหน้าเครียด
“พี่ไปด้วย”
เลอสรรเดินออกไปพร้อมกับน้อย ประวิทย์มองภาพตรงหน้างุนงงไม่เข้าใจ อุทัยหันไปสั่งประวิทย์
“ตามคุณแม่ให้ฉันด้วย”
“ครับ”
ประวิทย์รีบออกไป เปียจะวิ่งออกมาหน้าบ้านเห็นตำรวจ พร้อมกับอุทัย เปียชะงักหน้าซีด อุทัยเห็นเปียพอดี
“เปีย...มานี่”
เปียมอง เห็นวณีร้องไห้ เห็นตำรวจก็รู้ทันที เธอส่ายหน้ารัวเร็วตะโกน
“ไม่...เปียไม่ได้ทำ เปียไม่ได้ทำ”
เปียวิ่งผลุนผลันกลับไปยังห้องของตัวเองทันที อุทัยร้องเรียก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเปีย หยุด”
อุทัยตามเปียขึ้นไป
เปียวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง ล็อกประตูเอาไว้ เหงื่อแตกพลั่ก หน้าตาท่าทางร้อนรนคุมตัวเองไม่อยู่ สติแตก ไม่รู้จะทำยังไง อุทัยตามมาเคาะประตู
“ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้เปีย...เปีย”
เปียร้องไห้ตะโกนออกมา
“ไม่...เปียไม่ได้ทำๆ...”
“พ่อบอกให้เปิดประตู”
เปียกรีดร้อง
“ไม่...บอกแล้วไง เปียไมได้ทำๆ” เปียเริ่มคลั่งเนื้อตัวสั่น ลนลาน
“ไม่ได้ทำก็ออกมาคุยกันดีๆ...แต่ถ้าเปียไม่ออก พ่อจะให้ตำรวจขึ้นมา”
เปียหน้าตาซีดเผือด หาทางออกไม่ได้ ขณะที่อุทัยเดินพรวดๆลงไป
อุทัยเดินหน้าเคร่งลงมาบอกตำรวจ
“เชิญขึ้นข้างบนเลยครับ”
ตำรวจรับคำก่อนเดินขึ้นไปด้านบน วณีโผกอดอุทัยร้องไห้โฮๆ
เลอสรรเดินไปกับน้อยมาถึงบ้านเย็น น้อยร้องเรียก
“น้าเย็นคะ...น้าเย็น คุณอุทัยให้หาค่ะ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ น้อยกับเลอสรรรีบเดินขึ้นไปด้านบน เห็นเย็นหน้าตาซีดเผือด อาเจียนดิ้นรนทุรนทุราย น้อยกรีดร้องแทบเสียสติ
“น้าเย็น” น้อยวิ่งเข้าไปหา พูดแทบไม่เป็นภาษา “ทำไมน้าเย็นถึงเป็นแบบนี้”
น้อยหันไปมองเลอสรรที่ยืนตะลึง
“พี่เลอสรรช่วยน้าเย็นด้วยค่ะ”
ไม่รอให้บอกซ้ำสอง เลอสรรตรงเข้าไปอุ้มเย็นทันที
เปียยืนเนื้อตัวสั่นอยู่ในห้องเสียงตำรวจเคาะประตู
“คุณจรรยาเปิดประตูด้วยครับ...คุณจรรยา”
เปียไม่ตอบ ยืนเนื้อตัวสั่น เสียงเคาะประตูของตำรวจยิ่งบีบคั้น ไม่มีทางออก เธอเปิดตูเสื้อผ้า คว้าปืนที่ซ่อนไว้ออกมาตะโกน
“อย่าเข้ามานะ ฉันมีปืน”
เปียกำปืนแน่น มือสั่น
เลอสรรอุ้มเย็นลัดสนามมาจากบ้านของเย็น มีน้อยวิ่งร้องไห้ตามมาเหมือนใจจะขาด น้อยพร่ำบอก
“น้าเย็นอย่าไม่เป็นอะไรนะ น้าเย็นต้องไม่เป็นอะไร”
คุณหญิงเดินมากับประวิทย์เห็น หน้าซีดตกใจ
“เย็นเป็นอะไร”
“เรียกรถพยาบาลเร็วประวิทย์” เลอสรรร้อนใจ
“ครับๆ”
ประวิทย์รีบผละไปท่าทางตกใจ เย็นหายใจแผ่วๆ
“มะ...ไม่ต้อง...น้า...น้าไม่ไหวแล้ว”
“น้าเย็นต้องไหว น้าเย็นต้องอยู่กับน้อย ได้ยินมั้ยคะ น้าเย็นต้องอยู่กับน้อย”
น้อยร้องไห้โฮๆ คุณหญิงคว้าน้อยมากอดเอาไว้ ตกใจ
ตำรวจเคาะประตูอ้อนวอนเปีย
“คุณจรรยาครับ กรุณาเปิดประตูด้วยครับ”
“ไม่เปิด” เปียตะโกนก้อง
“ถ้าไม่เปิด ขอพังประตูเข้าไปนะครับ”
เปียตกใจเนื้อตัวสั่นกลัวเข้าไปใหญ่
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้น ฉันจะยิงตัวตาย”
เปียกำปืนแน่น สายตาบอกเอาจริง
ประวิทย์วิ่งหน้าตั้งมา
“ขอใช้โทรศัพท์นะครับ”
“มีอะไร” อุทัยหันไปถาม
“เหมือนน้าเย็นจะกินยาเบื่อครับ”
วณีกับอุทัยหน้าซีดเผือดตกใจ
เลอสรรอุ้มเย็นมา เย็นบอกเสียงโหย
“ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันอยากพัก ปล่อย”
เย็นมองเลอสรรเป็นเชิงขอร้อง เลอสรรวางลงกับพื้น น้อยกรีดร้องไม่เป็นภาษา
“ไม่นะน้าเย็น ไม่...น้อยไม่ให้น้าเย็นเป็นอะไร”
คุณหญิงน้ำตาคลอสงสาร
“เย็นต้องเข้มแข็งสิ แกต้องเข้มแข็งนะเย็น”
อุทัยวิ่งมาพร้อมวณี เห็นเย็นหน้าซีดเผือด คอพับคออ่อน สภาพไม่ดี อุทัยอึ้งไปทันทีที่เห็น วณีร้องไห้จับมือเย็น พร่ำถาม
“เย็นกินยาเบื่อทำไม เย็นกินยาเบื่อทำไม”
“มันเรื่องอะไรของเธอ ถึงได้คิดสั้นแบบนี้เย็น”
เย็นกระท่อนกระแท่น
“ฉันทำผิดมามาก...ชีวิตฉันสมควรแล้ว ที่จะต้องจบลงแบบนี้”
เย็นน้ำตาไหล ไม่บอกใครสักคำว่าเป็นฝีมือของเปีย คุณหญิงร้อง
“แกจะคิดสั้นๆอย่างนี้ไม่ได้...ทำใจดีๆเอาไว้ ประวิทย์เรียกรถโรงพยาบาลแล้วแกต้องแข็งใจรู้มั้ยเย็น ท่องเอาไว้ แกต้องไม่เป็นอะไร...”
“แต่ฉัน...” เย็นเสียงแผ่วเต็มที
คุณหญิงกรีดเสียงดังร่ำไห้แบบกลัวเย็นจะตาย สั่งเด็ดขาด
“ฉันสั่งไม่ให้แกตาย แกก็ต้องไม่ตาย คิดบ้างสิ คิดบ้าง ถ้าแกตาย หนูน้อยจะอยู่กับใคร”
“อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงของยัยน้อยไงคะ”
“แปลว่าอะไร” อุทัยชะงัก
“ยัยน้อยคือลูกของคุณสองคนค่ะ”
อุทัยกับวณีมองหน้าเย็นตะลึง น้อยเองก็อึ้งมองเย็นคาดไม่ถึง อุทัยตกใจมาก
“เย็น...เธอรู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา”
“ฉันรู้ตัวทุกอย่างค่ะ คุณอุทัย ฉันขอโทษ...แต่ขอให้รู้เอาไว้ ตั้งแต่ฉันขโมยลูกของคุณมา...ฉันไม่เคยมีความสุขแม้แต่วินาที ฉันอยากเห็นพวกคุณเจ็บปวด...แต่กลับกลายเป็นฉัน ที่เจ็บกว่าพวกคุณ...ยิ่งมองเห็นหน้ายัยน้อย ยัยเปีย นึกถึงสิ่งที่ทำกับพวกแก ฉันก็ยิ่งเจ็บ...เด็กทั้งสอง ต้องกลายเป็นเหยื่อความพยาบาทของฉัน ฉันมันเลว...เลวเหลือเกิน”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรนะเย็น ทำใจดีๆไว้ รถพยาบาลกำลังมา เย็นแข็งใจไว้นะ” วณีปลอบ
“ฉันรู้...เวลาของฉันใกล้จะหมดแล้ว ฝากยัยเปียด้วยนะคะ...ฝากยัยเปียด้วย รักยัยเปียด้วย ส่วน...น้อย...”
เย็นมองน้อย น้ำตาของเย็นไหลออกมาด้วยความเสียใจสุดขีดขณะก้มลงกราบน้อย พูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“คุณน้อย...ฉันขอโทษ อโหสิกรรมในสิ่งที่ฉันทำด้วย”
พูดได้แค่นั้นเย็นก็จะขาดใจตายโดยที่ที่มือยังแตะอยู่กับตัวน้อย น้อยร้องไห้เหมือน ใจจะขาด กรีดร้องออกมาสุดเสียง
“ไม่...น้าเย็น ไม่อย่าทิ้งน้อยไปน้าเย็น น้อยอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีน้าเย็น”
เปียได้ยินเสียงน้องกรีดร้องเหมือนคนเป็นบ้า รีบวิ่งมาที่หน้าต่างชะโงกหน้าลงไปมอง เห็นน้อยกอดร่างของเย็นแนบอก ร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ
“น้าเย็น อย่าทิ้งน้อยกับเปียไป...น้าเย็นต้องลุกขึ้นมาอยู่กับน้อยกับเปีย ถ้าเปียรู้ เปียต้องรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าน้าเย็นทิ้งเปียไปเป็นแบบนี้ น้าเย็นลุกขึ้นมานะ ลุกขึ้นมา”
เปียมองภาพน้อยกอดเย็นด้วยหัวใจแตกสลายได้ยินเสียงก้องเต็มสองหู เปียมองมือตัวเอง มือของเปียที่เทยาเบื่อให้เย็นกิน เปียมองภาพน้อยกับเย็นนึกถึงคำพูดของเย็นที่บอกเธอว่าต่อให้คนทั้งโลกไม่รัก...เย็นก็รักเปีย
ด้านนอก ตำรวจกำลังพังประตูเข้ามา เปียยกปืนเข้าที่ขมับตัวเอง ตำรวจร้องลั่น
“อย่า”
เสียงปืนดังก้อง ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้นมามองโดยอัตโนมัติ...ร่างของเปียลอยละลิ่วตกลงมาจากหน้าต่าง ร่างกระแทกที่พื้นด้านล่างไม่ห่างจากเย็น
คุณหญิง วณี น้อย กรี๊ดไม่เป็นเสียงด้วยความตกใจ ก่อนที่สภาวะตรงนั้นจะอยู่ในความเงียบ แต่ละคนกำลังช็อก เลือดเปียค่อยๆไหลออกมาจากขมับและตามศีรษะ เจิ่งนองที่พื้น
“เปีย”
วณีโผเข้ากอดเปียแน่น ร้องไห้แทบบ้า ประวิทย์วิ่งเข้ามาเห็น
“คุณหนู”
ประวิทย์วิ่งเข้ามาหาทรุดลงที่ปลายเท้าของเปีย
“เปีย...ทำไมทำแบบนี้เปีย”
น้อยจะพุ่งเข้าไปหาเปีย เลอสรรกอดน้อยเอาไว้ ไม่อยากให้น้อยเห็นภาพน่ากลัว เปียร้องไห้ออกมา แต่ดวงตาเหม่อลอย
“เปีย ขอโทษ...”
น้อยกับคุณหญิงร้องไห้
“เปีย...”
“ยัยเปีย...ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไม”
“ทำไมคิดสั้นแบบนี้เปีย...” อุทัยระเบิดอารมณ์ร้องไห้ออกมา “ทำไมคิดสั้นแบบนี้” อุทัยกอดเปียแนบอก น้ำตาไหลออกมา สงสาร “ทำไม”
“เปียขอโทษ...กับสิ่งที่เปียทำมาทั้งหมด เปียเลวเอง เปียผิดเอง”
“โธ่เอ๊ย เปีย” อุทัยสลด
เปียมองอุทัยร้องไห้ ค่อยๆเอามือแตะน้ำตาอุทัย
“คุณพ่อรักเปีย” เปียถามเสียงแผ่ว “คุณพ่อรักเปียด้วยเหรอคะ”
อุทัยจับมือเปียไว้ ก่อนกอดแน่น
“รักสิลูก พ่อรักเปีย”
“เปียดีใจที่คุณพ่อรักเปีย”
เปียน้ำตาไหลออกมาจับมืออุทัยกับวณีกุมไว้แนบอก มองทุกคน ท่ามกลางสายตาที่
เริ่มพร่าเลือน เห็นแต่ละคนร้องไห้ เปียยิ้มทั้งน้ำตา บอกเสียงแผ่ว
“ทุกคนรักเปีย”
วณีกรีดเสียงจะขาดใจ
“รักสิลูก...ทุกคนรักเปีย”
ประวิทย์คร่ำครวญ
“ผมรักคุณหนู ได้ยินมั้ยครับ ผมรักคุณหนู”
เปียยิ้มทั้งน้ำตาบอกเสียงแผ่ว
“รักเปียนะคะ รักเปีย...อย่าเกลียดเปียนะคะ...ถึงแม้เปียจะไม่ใช่ลูกหลานของพวกคุณ อย่าเกลียดเปีย”
“หนูเป็นลูกแม่เปีย หนูเป็นลูกแม่”
“หนูเป็นหลานย่า” คุณหญิงมองอย่างสงสาร
อุทัยพยายามปลอบ
“แข็งใจไว้นะลูกพ่อ เปียต้องเข็มแข็ง ได้ยินมั้ย เปียต้องเข้มแข็ง”
เลอสรรเข้ามาบอก
“รถพยาบาลกำลังมาแล้วน้องเปีย ทำใจดีๆไว้นะ”
“เปียไม่ไหว...น้อย...เปียขอโทษ” เปียเสียงแผ่วลงทุกที
“ไม่นะเปีย ไม่ อย่าทิ้งน้อยไป” น้อยสะอื้น
เปียมองทุกคนยิ้มอ่อน เห็นเย็นในสภาพลางๆยืนยิ้มรอรับอยู่
“น้าเย็น” เปียยิ้ม
ทุกคนมองเปียงุนงง
“น้าเย็นมารับเปียแล้ว...น้าเย็นมารับเปียแล้ว น้าเย็นรักเปียที่สุด เปียจะไปอยู่กับน้าเย็น”
เปียยื่นมือออกไปในอากาศที่ว่างเปล่า สายตาเปียเห็นเย็นยื่นมือออกมาจับมือเธอบีบแน่น ส่งยิ้มอันอบอุ่นอ่อนโยน เปียจับมือเย็นแน่น ก่อนจะลุกขึ้น ก้มลงกราบแทบเท้า แล้วเดินไปกับเย็น
มือของเปียร่วงผล็อยลงกับพื้น พร้อมๆกับลมหายใจสุดท้ายของเธอได้หมดไป คุณหญิง วณี น้อยกรีดร้องออกมาแทบเป็นเสียงเดียวกัน
“เปีย”
วณีกับ อุทัยกอดเปียร้องไห้ ประวิทย์จับเท้าของเปียร้องไห้ออกมาสุดกลั้น ปลายนิ้วของเย็นและเปีย อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว น้อยร้องไห้แทบบ้า ขณะจับมือของเย็นและเปียมาสัมผัสกัน และน้อยกุมมือเย็นกับเปียเอาไว้ เสมือนเป็นตัวเชื่อมความรักของเย็นและเปีย เลอสรรกอดน้อยเอาไว้ ปลอบโยน
ในวัดวันใหม่...โลงศพของเย็นและเปียตั้งอยู่ในศาลาเดียวกัน ที่โลงของเย็นเขียนว่า...
นางสาวเย็น บัวแย้ม ชาตะ 13 มิถุนายน 2515 มรณะ 12 มิถุนายน 2557
โลงของเปียเขียนว่า...
นางสาวจรรยา อนุรักษ์ธานิน ชาตะ 1 ธันวาคม 2538 มรณะ 12 มิถุนายน 2557
โลงทั้งสองวางคู่กัน ทุกคนสวมชุดดำ มีสีหน้าเศร้าโศก ไหว้ศพเย็นและเปีย น้อยเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลา ปิ่มว่าใจจะขาด คุณหญิงมองเวทนาถาม
“น้อยไม่โกรธเย็นเลยเหรอลูก ที่พรากหนูไปจากพ่อจากแม่น่ะ”
“ไม่ค่ะคุณย่า...น้อยคิดว่าเป็นกรรมเก่า แล้วน้าเย็นก็เลี้ยงเปียมาด้วยความรัก น้อยไม่เคยคิดว่าน้าเย็นทำผิด น้อยเข้าใจน้าเย็น”
วณีมองน้อย น้ำตาไหล อุทัยอึ้ง น้อยยกมือไหว้ก้มลงกราบอุทัยกับวณี
“น้อยกราบขอโทษ...คุณพ่อ คุณแม่อย่าโกรธน้อยนะคะ”
“ไม่เลยลูก...แม่เข้าใจ น้าเย็นเลี้ยงหนูมา หนูย่อมรักและผูกพันกับเย็นมากกว่าพ่อกว่าแม่ แม่เข้าใจลูก...แม่เข้าใจไม่ต้องห่วง...แม่รอหนูได้ทั้งชีวิตจ้ะ” วณีส่ายหน้า
วณีดึงน้อยมากอดปลอบน้ำตาไหล อุทัยเดินเลี่ยงออกมาคุยกับคุณหญิงน้ำเสียงสั่นเครือ
“ผมไม่คิดเลยจริงๆ ว่าความมักง่ายของผม จะทำลายชีวิตของเย็นถึงขนาดนี้ เป็นความผิดของผมเองครับคุณแม่...เป็นความผิดของผมเอง”
คุณหญิงจับมืออุทัยกุมแน่นเป็นเชิงปลอบใจ อุทัยบอกต่อ
“และไม่ใช่แค่เย็น...แต่ผมยังทำลายชีวิตของเปีย ของน้อย ของวณีของทุกๆคน ผมอยากจะบวชเพื่อไถ่โทษในความผิดที่ผมได้ทำมาทั้งหมด”
“ดีแล้วอุทัย เพราะเราสองคนก็ทำผิดกับเย็นไว้เยอะ แม่จะเป็นแม่งานเอง”
ประวิทย์เดินเข้ามาบอกด้วยท่าทางเสียใจ
“ผมขอบวชด้วยคนนะครับ ผมอยากอุทิศส่วนกุศลให้คุณหนู หวังว่าผลบุญจะพาดวงวิญาณของคุณหนูไปสู่สุขคติได้”
อุทัยกับประวิทย์ที่บวชหน้าไฟเดินนำพิธีศพ ควันไฟค่อยๆลอยขึ้นจากเมรุสู่ฟ้า น้อยน้ำตาคลอตลอดเวลา ขณะที่เดินเคียงคู่กับเลอสรรวางหยิบดอกไม้จันทน์เคารพศพ
“สู่สุขคตินะเปีย เกิดชาติหน้าชาติไหน แม่ขอให้หนูไปสู่ภพภูมิที่ดี...สู่สุขคตินะเย็น ฉันอโหสิกรรมให้เธอ”
วณีวางดอกไม้จันทน์ น้อยกับเลอสรรหยิบดอกไม้จันทน์ น้อยมองรูปของเย็นและเปีย
“น้อยเสียใจ ที่น้อยไม่ใช่ผู้ชาย น้อยเลยบวชให้น้าเย็นกับเปียไม่ได้ แต่น้อยจะหมั่นทำบุญ ทำความดีทุกประการเพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญให้ดวงจิตของน้าเย็น และเปียไปสู่ภพภูมิที่ดี มีความสุข เป็นดวงจิตที่บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว งดงาม”
น้อยวางดอกไม้จันทน์ลงไป พร้อมกับเลอสรร ตามด้วย คุณหญิง วณีและคนอื่นๆ ควันไฟจากเมรุค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
วันใหม่...แม่น้ำใหญ่ สวยงาม สงบ เลอสรรกับน้อยเดินมาด้วยกัน ในมือของทั้งสองคนถือพานมีกลีบดอกไม้สวยงาม ทั้งน้อยและเลอสรรเศร้าหมอง แต่ดูสงบเยือกเย็น ขณะลอยอังคาร สองคนช่วยกันโปรยดอกไม้ ดอกไม้สีสวยค่อยๆลอยไปตามท้องน้ำ สะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายวาววับ งดงาม น้อยเดินร้องไห้ตามดอกไม้ไปเรื่อยๆ เลอสรรเดินตาม จับมือน้อยเอาไว้ บอกอ่อนโยนจริงจัง
“พี่ว่าน้าเย็นกับเปียคงไม่มีความสุขแน่ๆถ้าเห็นน้อยเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ เลิกร้องไห้ได้แล้วจ้ะ” เขาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน “ที่สำคัญ...ดวงจิตที่เป็นอิสระปราศจากความอาฆาตแค้นพยาบาท รวมทั้งความเศร้าหมอง พร้อมจะทำสิ่งดีๆสิ่งที่เป็นกุศลให้กับตัวเอง เป็นดวงจิตที่เป็นสุข...พี่อยากเห็นดวงจิตของน้อยมีความสุขนะ”
“แต่น้อยคิดถึงน้าเย็น น้อยคิดถึงเปีย” น้อยร้องไห้ออกมาอีก
“เวลาเท่านั้นจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทุกอย่างได้ แต่น้อยไม่ต้องกลัวนะ พี่จะอยู่ตรงนี้...รอวันที่น้อยกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสเหมือนเดิม พี่รักน้อยจ้ะ”
เลอสรรหอมที่หน้าผากน้อยแผ่วเบา ปลอบประโลม ก่อนกอดเอาไว้ น้อยซุกลงกับอกของเลอสรร ร้องไห้ออกมา รู้...นับจากวันนี้อ้อมอกของผู้ชายคนนี้ จะเป็นที่พักพิง ดูแลและคอยคุ้มครองน้อยแทนเย็นตลอดไป
จบบริบูรณ์...