คมพยาบาท ตอนที่ 18
เปียเดินไปที่ห้องนมแส ก่อนเปิดเข้าไป ท่ามกลางความมืด เห็นนมแสนอนอยู่ เปียปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปหามองจ้อง นมแสลืมตามอง
“ฉันก็นึกว่าแกตายแล้วนะเนี่ย ถึงได้เป็นสัมภเวสีคอยหลอกหลอนฉันอยู่ตลอด” เปียลูบผมหยาบคาย “คนอย่างแก ทำไมมันตายยากตายเย็นนักฮึ”
เปียกวาดตามองนมแส ด้วยแววตาที่แสดงถึงความสมเพช
“พิกลพิการ อย่างนี้ อยู่ไปก็ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น...ฉันช่วยดีกว่า”
นมแสเบิกตากว้างจ้องมองเปีย ขยับไม่ได้ แต่เข้าใจทุกอย่าง เปียหัวเราะออกมา ดันร่างของนมแสจะดันให้ตกเตียงนมแสมองเปียหวาดกลัว เปียยิ่งคลั่ง
“แกไม่มีความรู้สึก ไม่ต้องกลัวเจ็บหรอก อย่างดี ก็อาจจะรู้ตัวตอนหัวกระแทกพื้นแล้วสมองไหลออกมาอย่าอยู่เลยนะนังแส่”
เปียผลักนมแสเต็มแรง แต่ร่างของนมแสไม่ขยับ กลับมองหน้าเปียนิ่ง เปียผงะ เห็นนมแสหลายหน้าแต่ละหน้าของนมแสมองเปียเกลียดชัง เปียออกแรงดัน แต่มือของนมแสกลับจับที่มือของเปียแน่น เปียร้องกรี๊ดๆ
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ผ้าห่มของนมแสพาดที่ข้อมือเปีย แต่เปียกลับร้องกรี๊ดๆตกใจกลัว
“ปล่อยฉัน ปล่อย”
วณีกับเลอสรร ที่อยู่กันคนละมุมบ้าน ได้ยินเสียงของเปียรีบวิ่งมา
นมแสจับมือเปียแน่น ดวงหน้าน่ากลัว นมแสไม่พูดอะไรแต่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เปียร้องกรี๊ด ล้มลงแทบหมดสติ เลอสรรกับวณีวิ่งเข้ามาเห็นเปียนอนหายใจแผ่วๆอยู่ที่พื้น ดวงตาเบิกกว้าง ขณะที่นมแสนอนอยู่บนเตียง ผ้าห่มหลุดลุ่ย วณีบอกเลอสรร
“ตาเลอ รีบพาน้องออกไป”
“ครับคุณน้า” เลอสรรอุ้มเปียออกไป
วณีมองนมแส
“เกิดอะไรขึ้นอีกนมแส ฉันอยากรู้...เกิดอะไร”
วณีร้องไห้มองนมแสอัดอั้น นมแสมองวณีน้ำตาไหล ด้วยความสงสาร ไม่มีคำตอบใดๆ
เลอสรรพาเปียเข้ามาในห้อง อุ้มไปวางบนเตียง ปืนที่อยู่ใต้เตียง อยู่แทบเท้าเลอสรร แต่เขาไม่ได้มองมัวแต่ห่วงเปียกุมมือเรียกสติ
“น้องเปีย...น้องเปีย”
เปียค่อยๆลืมตาขึ้นมามองเลอสรร
“พี่เลอ”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปียกลัว...เปียกลัว”
เปียโผกอด เลอสรรดันตัวเปียออก มองจ้องถาม
“กลัวอะไร” เลอสรรสงสัยอยากรู้
เปียหน้าตาเลิ่กลั่กมีพิรุธ วณีเปิดประตูเข้ามา ขณะที่เลอสรรถามต่อ
“น้องเปียไปทำอะไรในห้องนมแส”
เปียแก้ตัว
“เปีย...เห็นคน เดินไปที่ห้องนมแส แต่พอเปียตามเข้าไป คนก็หายไปไหนก็ไม่รู้ต้องเป็นผี...ผีแน่ๆ” เปียกอดเลอใหม่ “เปียกลัว กลัว”
วณีนั่งลงลูบผมปลอบ
“ผีไม่มีนะลูก ไม่ต้องกลัว” อีกมือของวณีจ่อยาดมให้
“มี...เปียเห็นผี ผีแน่ๆ”
เปียปัดมือวณีออก ยาดมที่อยู่ในมือวณีหล่นพื้นกลิ้งไปอยู่ใกล้กับปืน วณีหยิบยาดม โดยไม่ได้มองต่ำลงมัวแต่มองหน้าเปีย ปลอบ
“ไม่มีลูก ผีไม่มีจริงๆ หนูไม่ต้องกลัวนะ”
“งั้น...เป็นยมบาลได้มั้ยคะ ยมบาลมารับนมแส” เปียเพ้อ
เลอสรรกับวณีมองด้วยความหนักใจ
บ้านอนุรักษ์วันใหม่...อุทัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด รำคาญใจ
“เพ้อเจ้อ ยมบาลมีที่ไหนกัน”
“แล้วยัยเปียจะโกหกทำไม” คุณหญิงสงสัย
“ผมก็ไม่รู้...แต่ผมคิดว่าต้องเป็นอุบายอะไรสักอย่างของยัยเปียแน่ๆ”
“วณีรู้ว่าพี่อุทัยไม่สบายใจ...แต่พี่อุทัย ลืมไปแล้วเหรอคะว่าลูกป่วย...แล้วอาการของโรคนี้ มันก็เกิดภาพหลอนขึ้นมาได้”
คุณหญิงถอนใจ
“ถึงจะกลุ้มใจแต่แม่ว่าอุทัยอย่ามองยัยเปียในแง่ร้ายนักเลยนะ สงสาร...ยัยเปียไม่ยอมกินยา อาการของแกอาจจะกำเริบขึ้นมาก็ได้”
“วณีก็ว่าอาการของลูกต้องกำเริบขึ้นมาแน่ๆ”
อุทัยถอนหายใจยาวคุณหญิงมองเห็นใจ
“พายัยเปียไปพักผ่อนหน่อยดีมั้ย เผื่อจะดีขึ้น...”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะพี่อุทัย” วณีเห็นด้วย
“พี่ไม่อยากไป”
“แต่แม่อยากให้ไป...รู้มั้ย...อุทัยเองก็เครียด เครียดจนอาละวาด ฟาดงวงฟาดงาใส่คนทั้งบ้านไปหมดแล้ว”
“ไปพักผ่อนเถอะนะคะ” วณีอ้อนวอน
คุณหญิงช่วยเกลี้ยกล่อม
“ถือโอกาส พาเย็น พาน้อย ไปด้วย เย็นก็ป่วย ท่าทางเหมือนคนตรอมใจกลุ้มเรื่องอะไรก็ไม่รู้”
อุทัย ดวงตาเป็นประกาย คิดอะไรออก
เลอสรรบอกวณีด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“งั้นผมไปชวนน้อยกับน้าเย็นเลยนะครับ”
เปียจะเดินเข้ามาชะงักได้ยินพอดี เปียหน้าเจื่อนไปด้วยความเสียใจ วณีไม่เห็นเปียพูดเย้าแหย่เลอสรร
“อยากให้น้อยไปด้วยล่ะสิ”
“ครับ” เลอสรรยิ้ม
“งั้นรีบไปเถอะจ้ะ...อย่าให้น้อยปฏิเสธได้เลยนะ”
“ครับคุณน้า”
เปียรีบบอกหน้าตาย้มแย้ม
“เปียไปด้วยค่ะ”
เลอสรรกับวณี มองเปียไม่สบายใจ รู้ดีเปียไม่ชอบน้อย
น้อยหน้าตาเรียบเฉยบอกทันที เมื่อเปียชวน
“ไม่ค่ะ น้อยไม่ไป”
“อ้าว ทำไมล่ะน้อย คุณย่าอยากให้น้อยกับน้าเย็นไปด้วยมากเลยนะ” เปียจับมือน้อยอ้อน “ไปด้วยกันเถอะ นะ...นะคะน้าเย็น” เปียหันไปชวนเย็น ทำทีเป็นจริงใจ
“น้าตามใจน้อย” เย็นหันไปบอกน้อย
เปียชักสีหน้า เจ็บกับคำว่าตามใจน้อยของเย็น
“น้อยไปด้วยกันนะจ้ะ...” เลอสรรหันไปบอกน้อย
“ขอบคุณค่ะ แต่น้อยไม่อยากไปจริงๆ”
เลอสรรหน้าเสีย เย็นมองท่าทีที่เฉยชาของน้อยอย่างจับสังเกต
“ถ้าน้อยเป็นห่วงน้าเย็น...ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะช่วยน้อยดูแลน้าเย็นเอง แล้วก็ดูแลน้อยด้วย”
เปียหน้าเจื่อนลงไปอีก เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไง แต่น้อยยืนกรานคำเดิม
“ขอบคุณค่ะ แต่น้อยไม่อยากไปจริงๆ ฝากขอโทษคุณหญิงด้วยนะคะ”
เลอสรรหน้าเสีย เสียใจมาก เปียมองเลอสรร เห็นท่าทีของเขาก็เสียใจไม่แพ้กัน
น้อยจัดอุปกรณ์ในครัว เปียเดินเข้ามาถาม
“ที่ไม่ไปเนี่ย เรียกร้องความสนใจใช่มั้ย อยากให้พี่เลอสรรตามมาขอร้องอ้อนวอน”
“เปล่า” น้อยมองหน้าตึง
“ฉันไม่เชื่อ”
“งั้นฟังเหตุผลของน้อยก่อนมั้ย เผื่อเปียจะเชื่อ”
เปียกอดอกลอยหน้าลอยตา ขณะที่น้อยมองจ้องหน้าเปียบอก
“ที่น้อยไม่ไป เพราะเปีย”
เปียทำหน้าเย้ยหยัน
“จะบอกว่า หลีกทางให้ฉันกับพี่เลอสรรงั้นเหรอ”
“เปล่า...ที่น้อยไม่ไป เพราะน้อยกลัวเปียจะฆ่าน้อยต่างหาก”
เปียมองจ้องหน้าน้อยคาดไม่ถึง น้อยมองเปียด้วยสายตาเฉยชา
“ถึงน้อยไม่พูด แต่น้อยไม่ได้โง่นะเปีย...น้อยรู้หมด ตั้งแต่เปียหลอกน้อยไปฆ่าที่ป่าช้า เปียกินยาเบื่อเพื่อโยนความผิดให้น้อย แต่ที่น้อยไม่รู้”
น้อยน้ำตาคลอบอกความสะเทือนใจ “เปียเกลียดน้อยทำไม...ทั้งๆที่เราเป็นพี่น้องกัน เปียฆ่าน้อยได้ยังไง”
เปียมองน้อยที่ร้องไห้ สายตาที่มองน้อยมีความสับสน ผิด เคียดแค้นชิงชัง อิจฉาริษยาปนเปกันไปหมดน้อยมองเปียเสียใจถาม
“บอกน้อยได้มั้ยเปีย...เปียทำน้อยทำไม”
เปียสั่น สำนึกส่วนดีกระตุ้น
“เปีย...เปียไม่ได้ทำ...”
“น้อยไม่เชื่อ...ต่อให้เปียไม่ยอมรับ น้อยก็ไม่เชื่อ น้อยไม่มีความไว้ใจให้กับเปียอีกแล้ว”
น้อยร้องไห้วิ่งหนีไป เปียยืนอึ้ง ดวงตาอ้างว้างแห้งแล้ง ไม่มีน้อยคนเก่า คนที่ยอมเปียทุกอย่าง ไม่มีอีกแล้ว เปียกัดริมฝีปากแน่น กลั้นสะอื้น รำพึงในใจ
“ทำไม...ทำไมแกต้องเป็นลูกของพวกเขาด้วยน้อย ทำไม”
เปียปล่อยโฮออกมา กลั้นน้ำตาไม่อยู่เหมือนกัน
เปียหน้าหมอง ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนว้าวุ่นใจเดินกลับเข้ามาในบ้าน วณีถามทันที
“หนูน้อยว่ายังไงบ้างลูก”
“น้อยไม่ไปค่ะ”
เปียซึม เครียด เดินขึ้นบ้านไปรวดเร็ว วณีเพิ่งเห็นหน้าเปียชัดๆ ตกใจ
“เปีย เป็นอะไรไปลูก”
เลอสรรหน้าตาเซ็งๆเดินตามมาบอก
“น้องเปียเสียใจที่น้อยไม่ไปเที่ยวด้วยน่ะครับ”
เปียเข้าห้องมาพิงร่างกับประตู รู้สึกสมเพชตัวเองอย่างสุดทน ได้แต่ถามตัวเอง
“นี่ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ”
วณีเดินมาเคาะประตู
“เปีย...ลูกเปีย”
เปียเซ็งไม่อยากคุยกับใคร ได้แต่ส่ายหน้าฮึดฮัด แต่แล้วต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นปืนที่เหวี่ยงทิ้งเมื่อวานอยู่ใต้เตียง เธอตกใจ ขณะที่วณีบอก
“แม่เข้าไปนะลูก”
วณีเปิดประตูเข้ามา เปียที่ยืนพิงประตูอยู่ รีบโผล่หน้าออกมา เอามือดันประตูไว้
“คุณแม่มีอะไรคะ”
“ไปคุยกันข้างในดีกว่าจ้ะ”
วณีจะเข้า เปียรีบเอาตัวขวาง มีพิรุธบอก
“เปียกำลังจะอาบน้ำน่ะค่ะ คุยตรงนี้ก็ได้”
“พี่เลอสรรบอกว่าลูกเสียใจที่น้อยไม่ไปเที่ยวด้วย”
เปียหน้าหมองลง ลึกๆไม่พอใจก่อนตอบ
“ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวแม่จะไปชวนน้อยเอง” วณียิ้ม
เปียหน้าเจื่อน เจ็บที่หัวใจ วณีดูแคร์น้อย
“อย่าไปบังคับน้อยเลยค่ะ”
“ก็แม่เห็นเปียอยากให้น้อยไปนี่จ้ะ หรือถ้าถ้าน้อยไม่ไป เราไม่ไปก็ได้จ้ะ”
เปียเหวอไปอีก ความน้อยใจพุ่งขึ้น ขณะที่วณีบอกอาทร
“ลูกจะได้สบายใจไงจ้ะ”
“งั้น...คุณแม่ไปชวนน้อยเถอะค่ะ” เปียยิ้มขื่น
“จ้ะ” วณียิ้มเอาใจ
เปียปิดล็อกประตู หันมามองปืนที่ยังวางอยู่ที่เดิม เปียก้าวฉับๆมาหยิบปืนขึ้นถือ กำแน่น อย่างคิดอะไรบางอย่าง ก่อนตัดสินใจเดินไปตู้เสื้อผ้า เอาปืนซุกอยู่ในมุมที่มิดชิดที่สุด ความรู้สึกยังไม่พอใจในตัวน้อย
ค่ำนั้น น้อยนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ แต่หน้าตาไม่สบายใจ เย็นที่ท่าทางยังตรอมใจถาม
“ทำไมถึงไม่อยากไปเที่ยวล่ะ”
“น้อย...รู้สึกแปลกๆ สังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ค่ะน้าเย็น”
“กลัวเปียเหรอ”
น้อยมองเย็นเกรงใจ ตอบเลี่ยง
“น้อยไม่รู้อารมณ์เปียน่ะค่ะ เลยไม่อยากไป กลัวทำอะไรไม่ถูกใจ แล้วเปียจะโกรธขึ้นมาอีก”
“แต่คุณวณี อยากให้น้อยไป...ตะกี้ เขามาชวน”
“น้าเย็นอยากให้น้อยไปเหรอคะ”
เย็นยิ่งมองยิ่งสงสารน้อยกับวณี
“ก็...เขาอุตส่าห์มาชวน ถ้าน้อยไป น้าก็จะไปด้วย น้าอยู่ด้วย เปียคงไม่กล้าทำอะไรน้อยหรอก”
น้อยมองยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“สงสารคุณวณี ไปเถอะนะ”
“ค่ะน้าเย็น”
น้อยยิ้ม รับปากเพราะตามใจเย็น เย็นมองน้อยยิ่งรู้สึกผิดขึ้นทุกวัน
อ่านต่อหน้า 2
คมพยาบาท ตอนที่ 18 (ต่อ)
ทุกคนนั่งที่โต๊ะอาหาร วณีเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส
“หนูน้อยจะไปเที่ยวกับเราแล้วนะ”
เปียหน้าเจื่อน ลึกๆไม่อยากให้ไป แต่เลอสรรยิ้มกว้างท่าทางดีใจมาก
“จริงเหรอครับคุณน้า”
“จริงสิ เย็นเพิ่งมาบอกน้าเดี๋ยวนี้เอง...” วณีเย้าแหย่เลอสรร “ดีใจขนาดนี้ จะกินข้าวลงมั้ยเนี่ย”
“ยิ่งกินได้เยอะครับคุณน้า” เลอสรรตักอาหารให้เปียอารมณ์ดี “น้องเปียกินเยอะๆจ้ะ”
อุทัยถามเล่นๆไม่ได้จับผิด
“ตกลง คนที่อยากให้น้อยไป คือเปียหรือตาเลอ”
เปียมองอุทัย อคติทำให้รู้สึกอุทัยจับผิดตลอด เปียหน้าเจื่อนลงถาม
“คุณพ่อพูดแบบนี้จะจับผิดอะไรเปียอีกคะ”
อุทัยมองงงๆปนตำหนิ เลอสรรหน้าเจื่อน เปียทำวงแตก ขณะที่วณีรีบปราม
“เปีย...ทำไมพูดกับคุณพ่อแบบนี้ล่ะ”
“ก็คุณพ่อพูดเหมือนจับผิดเปีย เปียอยากให้น้อยไปด้วยจริงๆนะคะ”
“แล้วทำไมเปียว่าพ่อจับผิด หรือจริงๆแล้ว เปียไม่อยากให้หนูน้อยไป”
วณีปวดหัว เหนื่อยใจมาก
“พี่อุทัย”
“พี่ไม่ได้อะไรเลยนะ...เปียต่างหาก ที่จับผิดคำพูดของพ่อทุกอย่าง...เปียระแวงอะไรพ่อหรือลูก”
“เปียอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ”
เปียเดินออกไป วณีเหนื่อยใจ
“จะไปเที่ยวกันอยู่แล้ว พี่อุทัยยังทำให้บรรยากาศเสียอีก”
อุทัยมองตำหนิ อ่อนใจ
“พี่ว่า คนที่ทำให้เสียบรรยากาศไม่ใช่พี่นะวณี”
เปียเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่พอใจรู้สึกเหมือนถูกขัดใจ เธอนิ่วหน้า
“อยากให้นังน้อยมันไปด้วยนักใช่มั้ย ด้าย”
เปียเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบขวดน้ำใสที่เหลือขึ้นมา
บ้านอนุรักษ์...คนงานกำลังจัดเตรียมอาหารข้าวของสำหรับไปเที่ยว
“คุณหญิงไม่ไปพักผ่อนกับคุณๆหรือคะ” จวนถามคุณหญิง
“ให้เด็กๆเขาไปกันดีกว่า”
ลูกเต่าที่อยู่แถวนั้นยิ้มเจี้ยมเจี๋ยม
“ลูกเต๋าก็ยังเด็กนะคะ”
“อยากไปล่ะสิ” คุณหญิงยิ้มเอ็นดู
ลูกเต่ายิ้มแฉ่ง รีบบอก
“ค่ะคุณหญิง”
“อ่ะ ฉันอนุญาตให้ไป”
ลูกเต่าร้องเย้ดีใจ คุณหญิงมองขำๆ
“ไปแล้วก็เป็นเด็กดีด้วยล่ะ อย่าซนเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจค่ะ ลูกเต่าขอบพระคุณมากค่ะคุณหญิง” ลูกเต่ายกมือไหว้ดีใจ
คุณหญิงยิ้มเอ็นดูลูกเต่า แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อประวิทย์พูดขึ้นด้วยท่าทางเกรงใจ
“ผมขออนุญาตไปด้วยได้มั้ยครับ”
คุณหญิงยืนหน้าเข้ม ท่าทางเหมือนไม่พอใจ ประวิทย์ยืนด้านหลังบอกนอบน้อม
“ขอโทษนะครับคุณหญิง ถ้าผมทำตัวเหมือนคนไม่มีมารยาท ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่ผมอยากไปรับใช้คุณๆ จริงๆ”
คุณหญิงมองหน้า
“โดยเฉพาะรับใช้ยัยเปียใช่มั้ย”
ประวิทย์ยิ่งกลัวไปใหญ่
“เปล่านะครับ ไม่ใช่อย่างนั้น...ผม แค่เป็นห่วง...” ประวิทย์ลำบากใจ
“ห่วงยัยเปีย ห่วงทำไม” คุณหญิงมองหน้าเคร่ง
ประวิทย์สุดลำบากใจที่จะบอกคุณหญิง แต่สายตาบ่งบอกว่ากังวล คุณหญิงมองสงสัย
“ว่าไงล่ะ ทำไมไม่ตอบ ห่วงยัยเปียทำไม”
“คุณหนูไม่สบาย”
ประวิทย์ไม่กล้าบอก ถึงความร้ายกาจของเปียที่เขารู้
“จะตอบยังไงก็ไม่พ้น เธอห่วงยัยเปียอยู่ดี” คุณหญิงถอนหายใจลำบากใจ “ฝากยัยเปียด้วยแล้วกัน”
ประวิทย์ยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากครับคุณหญิงที่กรุณา”
ประวิทย์เดินยิ้มดีใจออกไป คุณหญิงหันมา จะเดินเข้าบ้าน จวนถามเกรงใจ
“คุณหญิงให้ประวิทย์ไปทำไมคะ คุณหญิงก็ทราบ...ประวิทย์กับคุณหนูเปีย...”
คุณหญิงหนักใจ
“ฉันมีบทเรียนเรื่องอุทัยกับเย็นแล้วจวน ความหวังดีของเรา อาจเป็นความหวังร้ายสำหรับคนอื่น แล้วมันก็มีแต่คนเจ็บปวด เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ ประวิทย์ต้องพิสูจน์ตัวเองและคนที่จะตัดสินใจก็ต้องเป็นยัยเปีย”
บ้านอุทัยวันใหม่...เปียเดินลงมาจากตึกด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ แล้วก็ยิ่งหน้าหงิกเมื่อเห็นประวิทย์ยืนยิ้มอยู่ข้างรถตู้พร้อมขัดรถตู้เงาวับ
“มาทำไม” เปียกวาดตามอง “แล้วตาเอิบล่ะ”
“คุณหญิงให้ผมขับรถแทนตาเอิบครับ”
เปียมองประวิทย์ไม่พอใจ
วณีจับมือนมแสที่นอนอยู่บนเตียง เธอบอกด้วยท่าทางกลุ้มใจ
“นมแสเข้าใจฉันใช่มั้ย”
นมแสมองวณีน้ำตาคลอเบ้า วณีเองก็หน้าหมอง น้ำตาคลอ
“อย่าโกรธ อย่าน้อยใจฉันเลยนะ ทุกวันนี้ฉันก็เจ็บฉันก็ปวดจนไม่รู้จะทำยังไง สิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้...คือใช้ความรักเยียวยาลูกเปีย...วันไหนที่ลูกเปียหายดี ฉันจะให้ลูกเปียมากราบขอโทษนมแสแน่นอน”
นมแสมองวณีสุดจะสงสาร รู้ดี ไม่มีทางเป็นไปได้
“ฉันไปก่อนนะ”
นมแสส่งสายตาแทนคำตอบ วณีเช็ดน้ำตาแล้วเดินออกไป
เปียยืนหน้าบึ้งอยู่กับประวิทย์ วณี อุทัย เลอสรรเดินออกมา วณีฝืนยิ้มทั้งๆที่ในใจอมทุกข์ ประวิทย์รีบวิ่งไปรับกระเป๋ากับอุทัย จัดใส่รถ...อีกมุม น้อยเดินมากับเย็นที่ท่าทางอิดโรย พอเลอสรรเห็นก็รีบเดินไปหา บอกเย็นพร้อมยิ้ม
“ผมช่วยถือกระเป๋าให้ครับ”
เลอสรรรีบช่วยเย็นกับน้อยถือกระเป๋า มาใส่ที่รถ น้อยมองเปีย ก็เห็นเปียหน้านิ่งๆ เย็นมอง รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นท่าทางของเปีย น้อยเองก็มีท่าทีไม่สบายใจ วณีเดินมาหาน้อยกับเย็นยิ้มแต่เศร้า
“ฉันดีใจมากๆเลยที่เย็นกับหนูน้อยไปเที่ยวด้วย”
วณีจับมือน้อย เย็นมองภาพนั้นสายตาบอกถึงความรู้สึกผิด อุทัยมองน้อยเอ็นดู มองอ่อนโยน
“ฉันก็ดีใจมากจ้ะ”
เปียมองอุทัย วณี เลอสรรที่แต่ละคนมะรุมมะตุ้มน้อยกับเย็น ริมฝีปากของเปียสั่นระริก ดวงตาบ่งบอกถึงความเจ็บช้ำ ประวิทย์มองเปียด้วยความเห็นใจ คุณหญิงเดินมาพร้อมกับกลุ่มแม่บ้าน และลูกเต๋า บอกเย็นจริงจัง
“มีทุกข์อะไร ก็ทิ้งไปกับสายน้ำเลยนะ กลับมาจะได้เป็นคนเก่า เป็นเย็นที่เข้มแข็งเหมือนเดิม”
“แต่อย่าก้าวร้าวเหมือนเดิม” จวนยิ้มๆ
เย็นยิ้มน้อยๆเป็นเชิงรับคำ แต่ตาเศร้ารู้สึกละอายใจ เปียมองเย็น มองคุณหญิงสายตาหวาดหวั่นเต็มไปด้วยคำถาม เหมือนทุกคนจะดีกันหมดแล้ว เปียหันหน้าไปทางอื่นซ่อนน้ำตาไม่ให้ใครเห็น คุณหญิงยิ้มอ่อนโยน
“เดินทางปลอดภัย เที่ยวให้สนุกนะ พักผ่อนกันให้เต็มที่เลยนะ”
“ขอบคุณครับคุณแม่ แล้วจะเที่ยวเผื่อนะครับ” อุทัยหันไปบอกทุกคน “ขึ้นรถกันเถอะ”
ประวิทย์เปิดประตูรถ อุทัย ดูแลวณี พาขึ้นรถ เลอสรรดูแลน้อยอย่างเห็นได้ชัด เหลือเปีย ไม่มีคนสนใจ เย็นมองเปีย
“ขึ้นรถสิ”
เปียค้อนเย็นดวงตาไม่พอใจอย่างมาก เย็นมองได้แต่ถอนหายใจ สายตาของเปียมีแต่ความระแวง ก่อนที่เย็นจะก้าวขึ้นไปนั่งกับน้อย และเลอสรรนั่งกับเปีย แม่บ้านทุกคนโบกมือ
“เที่ยวให้สนุกนะคะ”
ช้อยกำชับลูกเต่า
“อย่าซนนะลูกเต่า”
ลูกเต่ารับคำ ขณะที่เดินไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ ประวิทย์เลื่อนปิดประตูรถก่อนเดินไปยังที่นั่งคนขับ ขับออกไป
ประวิทย์ขับรถมาจอดหน้ารีสอร์ท และก็เหมือนเดิม ไม่มีใครดูแลสนใจเปีย ประวิทย์ก็ง่วนกับการขนของลง โดยมีลูกเต่า ช่วย น้อยรีบเข้าไปช่วย
“น้อยช่วย”
น้อยจะคว้ากระเป๋า เลอสรรคว้ากระเป๋าใบเดียวกับน้อย บอกยิ้มๆ
“ให้พี่ช่วยดีกว่านะ”
เปียยืนมอง มือของเลอสรรแทบจะกุมมือน้อย วณีกับอุทัยมองภาพเลอสรรกับน้อยแล้วอมยิ้ม เย็นมองเปียสงสาร เห็นใจ เปียหันมาเห็นพอดี
“สะใจแล้วใช่มั้ย”
วณีได้ยิน หันมามองไม่รู้เรื่อง
“มันเรื่องอะไร ทำไมพูดกับน้าเย็นอย่างนี้ล่ะลูก”
“นี่เรามาเที่ยวกันนะเปีย” อุทัยตำหนิ
เปียมองทุกคน ขัดใจ ก่อนเดินกระแทกเท้าเข้าไปด้านในรีสอร์ท
“อย่าว่าคุณหนูเลยค่ะ ฉันผิดเอง”
เย็นเดินตามเปียไป น้อยมองตามเป็นห่วง รู้สองคนต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ประวิทย์มอง
น้อยเป็นเชิงถาม เย็นกับเปียมีอะไรกัน
เปียเดินไปหยุดยืนคนเดียวหน้าตาบึ้งตึง เย็นตามไป บอกอ่อนโยน
“มาพักผ่อน อย่าอารมณ์ไม่ดีสิ ไป...เข้าไปข้างใน เดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วง”
เปียหันขวับมาไม่พอใจ
“ห่วง...แน่ใจเหรอมีคนห่วงเปีย” เปียเสียงสั่นเครือเสียใจ “แต่ละคนมีความสุขกันทั้งนั้น โดยที่ไม่ต้องมีเปีย”
“ทำไมชอบคิดอะไรที่มันทำลายตัวเอง”
เปียสวนทันที
“น้าเย็นต่างหากที่ทำลายเปีย...น้าเย็นรวมหัวกับพวกมัน ถีบหัวส่งเปีย ใช่ซี้ อีกหน่อยพอนังน้อยมันตรวจดีเอ็นเอ มันก็ได้ดิบได้ดี ได้เป็นลูกคนรวย แถมยังได้แต่งงานกับคุณเลอสรร น้าเย็นก็สบาย ไม่เหมือนเปีย ไม่มีใครเอาเปียสักคน น้าเย็นทำให้เปียต้องเป็นอย่างนี้”
“แล้วใคร...ใครที่มันดิ้นรนข่มขู่ให้น้าพามาที่นี่ ไม่ใช่แกหรอกเหรอ” เย็นอ่อนใจ
เปียมองเย็นตาเป็นประกายวาววับ โกรธ เย็นบอกแบบเหนื่อยใจ
“อย่าโทษคนอื่นเปีย หัดมองตัวเองซะบ้าง แล้วที่มันเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เพราะสันดานของแก น้าสั่นน้าสอน บอกให้แกกลับตัวเท่าไร แกก็ไม่ฟัง ถึงตอนนี้แกจะมาโทษน้าได้ยังไง”
เปียดิ้นเร่าๆชี้มือชี้ไม้ห้ามเย็น
“เพราะน้าเย็นนั่นแหละ จริงๆแล้วน้าเย็นวางแผนมาตั้งแต่ต้นแล้ว ที่จะสลับสับเปลี่ยนเปียกับนังน้อย น้าเย็นถึงได้ขโมยเอานังน้อย น้าเย็นเห็นเปียเป็นเหยื่อ จนถึงขณะนี้น้าเย็นก็มองเห็นเปียเป็นเหยื่อ พอตัวเองแก้แค้นได้สมใจแล้วก็โยนความผิดทุกอย่างให้กับเปีย น้าเย็นทุเรศ น้าเย็นหน้าด้าน น้าเย็นเลวที่สุด เปียเกลียดน้าเย็น” เปียมองจ้องบอกเน้นๆ “เกลียดๆ”
เปียกระทืบเท้าวิ่งหนีไป เย็นสุดแสนจะเสียใจ
“เปีย...เปีย”
เย็นน้ำตาคลออกมา เจ็บปวดชอกช้ำที่สุด น้อยเดินเข้ามา เห็นเย็นน้ำตาคลอ น้อยได้แต่มองเย็นเป็นห่วง
เปียปวดหัวอย่างมากเพราะเครียดจัด วิ่งมาตามทางจะเข้าที่พัก เจอประวิทย์เดินขนของมากับลูกเต่า ประวิทย์ตกใจที่เห็นท่าทางของเปีย
“คุณหนู”
“หลีกไป๊”
เปียผลักอย่างแรงแล้ววิ่งไป
“คุณหนูๆ”
ประวิทย์ได้แต่มองห่วง ท่าทางของเปียดูแย่จริงๆ ลูกเต่ามองตามกลัวๆ
“ทำไมคุณหนูเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกวันเลยพี่ประวิทย์”
ประวิทย์ได้แต่อึ้ง เป็นห่วงเปีย
เปียดวงหน้าซีดเผือด เหงื่อแตกพลั่ก หายใจสั่น เริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้วิ่งมาบริเวณที่พัก เจอเลอสรร เปียถามทันที
“กระเป๋าเปียล่ะ กระเป๋าเปียอยู่ไหน”
“อยู่ในห้อง ห้องน้องเปียอยู่นั่น” เลอสรรชี้ไปที่ห้องเปีย
เปียไม่ได้สนใจเลอสรร รีบวิ่งไปที่ห้องของตัวเองทันที เลอสรรมองตามสงสัยห่วง
“น้องเปีย เป็นอะไรน้องเปีย”
อ่านต่อหน้า 3
คมพยาบาท ตอนที่ 18 (ต่อ)
เปียเปิดประตูเข้าไปในห้อง เหวี่ยงกระเป๋าถือ ลงบนเตียง ขวดยาสีใสเล็กๆกลิ้งออกมาจากกระเป๋า ขณะที่เปียรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าเป็นการใหญ่ ก่อนคว้าเอายาที่ซื้อเองมากิน เลอสรรตามเข้ามา เห็นเปียกินยาพอดีก็ถามทันที
“ยาอะไรน่ะน้องเปีย”
“ยาแก้ปวดหัวค่ะ” เปียหอบๆ
เลอสรรตรงเข้ามาคว้าขวดยาจากมือของเปียไปดู แล้วทำหน้านิ่ว
“นี่น้องเปียซื้อยามากินเองเหรอ”
“แล้วมันจะทำไมคะ เปียก็แค่ปวดหัว ซื้อยามากินมันจะทำไม”
“แต่ยานี่เขาก็เขียน การใช้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์”
“ถ้าขายในร้านขายยาได้ ก็แปลว่าไม่มีอะไรค่ะ” เปียหยัน
เปียมองเห็นขวดยามอมบนเตียงที่ไหลออกมาจากกระเป๋าถือ รีบดึงยาในมือเลอสรรคืนมา
“พี่เลอสรรออกไปเถอะค่ะ เปียปวดหัว เปียจะนอน”
เปียรีบดันตัวเลอสรรออก
“แต่พี่เป็นห่วง...”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เปียไม่เป็นอะไร แค่นอนก็หาย พี่เลอสรรไปเถอะค่ะ”
เปียก็ดันเลอสรรออกแล้วปิดประตูทันที เลอสรรยืนเหวอ วณีเดินมาเห็นเปียปิดประตูใส่หน้าเลอสรรพอดี
อุทัย วณี คุยกับเลอสรร วณีถามไม่สบายใจ
“อะไรนะ ลูกเปียซื้อยามากินเอง”
“เท่าที่ผมอ่าน เป็นยาอันตรายด้วยนะครับ”
“อันตรายยังไงก็ไม่เท่ายัยเปีย” อุทัยระอามาก
“พี่อุทัย” วณีปราม
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ ขนาดมาเที่ยว ยังสร้างเรื่องอะไรก็ไม่รู้...พี่เบื่อ เบื่อจริงๆนะวณี ไม่รู้เวรกรรมอะไร พี่ถึงต้องมาเจอลูกบ้าๆแบบนี้”
วณีนิ่งๆเตือนสติ
“อย่าถามอีกนะคะ ไม่อย่างนั้น...มันจะเป็นคำตอบเดิมๆ ที่ว่าพี่อุทัยทำร้ายเย็น...เขาเลยเอาคืน จนลูกเปียต้องเป็นอย่างนี้”
อุทัยอึ้ง หน้าเสียไป เลอสรรมองเห็นใจ
“ทุกอย่างมันมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไปทั้งนั้น ก่อนจะโทษคนอื่น เราต้องดูตัวเองก่อนค่ะ”
วณีเดินไป อุทัยกลุ้ม เลอสรรมองเห็นใจ อุทัยบุ้ยใบ้เป็นเชิงให้ตามวณีไป
วณีเดินเลี่ยงมาคนเดียว เลอสรรตาม
“น้าอุทัยให้ตามมาเหรอ”
“ครับ”
“น้าไม่เป็นไร เพียงแค่อยากเตือนสติน้าอุทัย เด็กยังไงก็เป็นผลพวงจากการกระทำของผู้ใหญ่ทั้งนั้น ถึงลูกเปียจะร้ายกาจแค่ไหน น้าก็รัก...ลูกเปียเป็นเด็กที่น่าสงสาร เพราะลูกเปียเป็นเหยื่อความแค้น ความพยาบาทของผู้ใหญ่นะเลอ”
เลอสรรพยักหน้ามองเห็นใจ เข้าใจ
เปียอยู่ในห้องชูขวดยาสีใสขึ้นจ้องมองนิ่ง ดวงตาเปล่งประกายแห่งความเคียดแค้นชิงชังน่ากลัว
บริเวณรีสอร์ท...เย็นบอกน้อยน้ำตาคลอ ท่าทางที่ป่วย ยิ่งทุกข์ใจตรอมใจไปใหญ่
“เปียเกลียดน้ามากเลยน้อย”
“น้าเย็นอย่าคิดมากนะคะ...เปียคงพูดไปอย่างนั้น น้าเย็นก็รู้เปียไม่สบาย”
“งั้น...น้อยให้อภัยเปียได้มั้ย กลับมาเป็นพี่น้อง รักกันกับเปียเหมือนเดิม”
น้อยมองนิ่ง
“น้าเย็นขา...ถึงน้อยจะกลัวเปียขนาดไหน น้อยก็ตัดเปียไม่ขาดหรอกค่ะ น้อยรักเปีย แล้วน้อยก็รู้...เปียรักน้อย ที่ผ่านมา เปียก็คอยปกป้องน้อยตลอด”
เย็นมองน้อยซึ้งใจ แต่ดวงตาของเย็นก็หมองลง
“แต่อย่างที่น้อยเคยบอกน้าเย็นนั่นล่ะค่ะ น้อยไม่เข้าใจ ตั้งแต่มาอยู่บ้านคุณอุทัยเปียก็เกลียดน้อยมาก เกลียดจนน้อยหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม”
เย็นหลบตาน้อย
“แต่น้าเชื่อ...เชื่อว่าความดีของน้อย จะเอาชนะใจของเปียได้...เหมือนที่น้อยเอาชนะใจน้าได้ ...น้าขอนะน้อย...ดูแลเปีย รักเปียเหมือนเดิม”
น้อยนิ่งคิดไปครู่ มองเห็นดวงตาเย็นอ้อนวอนจึงตอบ
“ค่ะน้าเย็น”
เย็นยิ้มโล่งใจก่อนหน้าหมองเหมือนเดิม โล่งใจเรื่องน้อยแต่ยังกังวลเรื่องเปีย
เลอสรรเดินตรงมายังห้องของเปียเคาะประตู
“น้องเปีย...น้องเปีย”
เปียที่ยืนเหม่ออยู่คนเดียวในห้องขานรับ ก่อนเดินออกมาเปิดประตู
“มีอะไรคะ”
“คุณน้าให้มาตาม ไปล่องแพกัน”
“ทำไมคุณพ่อคุณแม่ไม่มาตามเปียเอง”
“คุณน้ากำลังช่วยน้อยกับน้าเย็นทำอาหาร ไปกินบนแพ”
เปียได้ยินยิ่งไม่พอใจเหมือนเป็นส่วนเกิน
“ไป...”
เปียดวงตาหลุกหลิก
“ขอเปียหวีผม แป๊บนึงค่ะ”
เปียปิดประตูเดินกลับเข้ามา หยิบขวดยาสีใสใส่ในกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
เลอสรรกับเปียเดินมาเห็นน้อยเดินถือตะกร้าอาหารมากับเย็น พอน้อยเห็นเปียก็
มองหน้าเย็น ก่อนยิ้มอ่อนให้ เปียมองน้อยงุนงง ระแวงไปหมด ด้านหลัง อุทัยเดินมากับวณี ตามด้วยประวิทย์และลูกเต่าที่ถือตะกร้าอาหารตามมา วณีเดินมากอดเปีย
“ไปนั่งเล่น รับลมเย็นๆกันนะลูก จะได้หายปวดหัว”
เปียมองทุกคน ดวงสายตาระแวงสงสัยไปหมด ก่อนเดินไปที่แพ
แพค่อยๆล่องไปตามแม่น้ำ บรรยากาศสวยงาม ด้านในอุทัยกับวณีช่วยกันจัดอาหารใส่จาน มีน้อย เลอสรรช่วย เป็นครอบครับอบอุ่น เฉกเช่นควรจะเป็นตั้งแต่แรก เย็นอยู่อีกมุมหนึ่งมอง ยิ่งเห็นยิ่งสะท้อนใจ เย็นน้ำตาซึม เปียเดินมาใกล้ๆกระซิบ
“ทนเห็นภาพที่เขารักกันไม่ไหวเหรอน้าเย็น”
“น้าไม่ควรเอาความแค้นมาทำลายชีวิตคนอื่นถึงขนาดนี้” เย็นถอนหายใจ
“มาปลงอะไรตอนนี้...สายไปแล้วมั้ง” เปียมองหมั่นไส้
“ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นทุกอย่าง...แล้วทั้งแกด้วยนะเปีย”
เปียหน้าเข้ม
“เป้าหมายของเปียไม่ใช่การเริ่มต้น แต่หมายถึงการต้องได้ทุกอย่าง อย่างที่เปียต้องการ”
“เปีย” เย็นใจเสีย หน้าเสีย
“ไม่ต้องพูด ยิ่งพูด ก็ยิ่งเห็นแต่ความเห็นแก่ตัว คนอย่างน้าเย็น เกิดมาเพื่อทำลายคนอื่นจริงๆ”
วณีหันมามอง เห็นเปียกับเย็นยืนด้วยกัน วณีโบกมือร้องเรียก
“เย็น ลูกเปีย มากินข้าวกันจ้ะ”
เปียรีบทำหน้าปกติเดินมารวมกลุ่ม เย็นเดินตามมา
มุมรับประทานอาหาร เลอสรรนั่งชิดติดกับน้อย เอาอกเอาใจบอก
“น้าเย็นกับน้องเปีย ไม่สบาย กินเยอะๆเลยนะครับ”
เลอสรรเลื่อนให้เอาใจ ประวิทย์มองเปีย เป็นห่วงไม่สบาย วณีบอก
“กินเยอะๆ จะได้แข็งแรงไวๆจ้ะ”
“หายเมื่อไหร่...จะได้คุยธุระที่เรายังติดค้างกันอยู่นะเย็น” อุทัยไม่ได้สนใจเปีย
เย็นมองอุทัย ดวงตาเจ็บปวด กลุ้ม หาทางแก้ไม่ได้ เปียมองอุทัย โกรธ น้อยมองเย็นเห็นใจ
เปียเดินหลบมุมมานั่งเล่นคนเดียวเอาเท้าหย่อนลงในน้ำ ดวงหน้าเครียดซึม เธอหันกลับไปมอง ทุกคนนั่งเล่นกันดูมีความสุข เลอสรรกับน้อย วณีกับอุทัยนั่งอยู่กับเย็น ลูกเต่าเล่นบนแพตามประสาเด็ก มีเปียโดดเดี่ยวคนเดียว เธอน้ำตาซึม ดวงหน้าจ๋อย เศร้าซึม แต่พอก้มหน้ามองลงไปในน้ำ ก็สะดุ้งเฮือก เห็นน้ำเป็นคลื่นวนๆก่อนปรากฏใบหน้าของเปียขึ้นมา หน้าตาน่ากลัวบอก
“เธอจะยอมแพ้ไม่ได้ ได้ยินมั้ย เธอจะยอมแพ้ไม่ได้”
เปียเบิกตากว้างมองดู ภาพนั้นเหมือนเป็นจิตใต้สำนึก เปียมองจ้องภาพในน้ำ เหงื่อแตกพลั่ก ประวิทย์เดินมาหาเห็นท่าทางของเปีย
“คุณหนู”
เปียได้ยินเสียงประวิทย์สะดุ้ง มองภาพในน้ำ ภาพหายไปแล้ว เปียหันมาตะคอก
“มีอะไร”
“คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“เป็นแค่คนขับรถ มาแส่อะไร หา”
“ผมไม่ได้แส่ แค่เป็นห่วง อีกอย่าง ผมก็รับปากคุณหญิงว่าจะดูแลคุณหนู”
“ว่าอะไรนะ คุณย่านะเหรอ ให้แกมาดูแลฉัน”
“ครับ”
“ฉันไม่เชื่อ ไม่มีวันที่คุณย่าจะยอมให้ฉัน ลดตัวลงไปยุ่งกับขี้ข้าอย่างเด็ดขาด”
เปียสะบัดหน้าจากประวิทย์ เดินหนี พร้อมควักมือถือออกมา
เสียงโทรศัพท์ดัง คุณหญิงรับสายหน้าตายิ้มแย้ม
“ถึงแล้วเหรอลูก เป็นไง สนุกมั้ย”
“คุณย่านึกยังไง ถึงให้ไอ้ประวิทย์มาดูแลเปีย” เปียแว้ดทันที
“ก็ย่าเป็นห่วง”
“แต่คุณย่ากำลังเปิดโอกาสให้ขี้ข้าเข้ามาใกล้เปียนะคะ อ้อ หรือว่าคุณย่าไม่ได้เห็นว่าเปียเป็นหลาน เลยให้ขี้ข้ามายุ่งกับเปีย”
“อะไรกันเปีย อะไร ย่างงไปหมดแล้ว” คุณหญิงงงตกใจ
เปียสูดลมหายใจบอก
“แต่เปียเข้าใจค่ะ แล้วก็รู้แล้วว่า เปียไม่มีค่าอะไรเลย คุณย่าถึงได้จับคู่ให้เปียกับคนใช้ แค่นี้นะคะ” เปียวางสาย
“เปียๆ”
คุณหญิงหันมามองจวนงงๆ จวนได้แต่มองคุณหญิงเห็นใจ
เปียเดินกลับมา เห็นน้อยนั่งเล่นน้ำอยู่กับลูกเต่า และเลอสรรเดินมาหาพร้อมน้ำ
“นี่จ้า...น้ำมะนาวน้ำผึ้งของน้อย แล้วก็น้ำตะไคร้ของลูกเต่า”
“ขอบคุณค่า แต่คุณเลอสรรดื่มกับพี่น้อยเถอะค่ะ”
ลูกเต่าเดินเลี่ยงไปแบบรู้ความ เลอสรรงงๆ
“อ้าว ไปซะแล้ว” เลอสรรมองน้อย “งั้นพี่นั่งด้วยนะ นี่จ้ะน้ำ”
เขายื่นแก้วให้ น้อยรับมา
“ขอบคุณค่ะ”
น้อยดื่มน้ำ เลอสรรดื่มน้ำแล้วยิ้ม สองคนมองหน้ากัน ท่าทางเก้อเขินกันอยู่ เลอสรรเงียบไปนิดก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ดีใจจริงๆเลย ที่ได้นั่งกับน้อยแบบนี้ น้อยล่ะดีใจมั้ย”
“พี่เลอสรรชอบหาเรื่องให้น้อยถูกดุจริงๆ”
“พี่เชื่อว่าตั้งแต่วันนี้ไป น้าเย็นจะไม่ดุ ไม่อย่างนั้น น้าเย็นคงไม่พาน้อยมาเที่ยวด้วย อีกอย่าง น้อยก็เห็น น้าเย็น น้าวณี น้าอุทัย ดีกันแล้ว” เลอสรรจับมือน้อย “เหลือแต่น้อยเท่านั้นล่ะ จะให้โอกาสพี่หรือเปล่า”
น้อยมองเลอสรร ต่อสู้กับหัวใจตัวเองขนาดหนัก เปียมองภาพตรงหน้าใจร้าวรานเดินเข้าไปหา
“เปียนั่งด้วยได้มั้ย”
“น้อยกำลังจะไปหาน้าเย็นพอดี เปียนั่งกับพี่เลอสรรเลยจ้ะ” น้อยรีบบอก
เลอสรรมองน้อย สายตาไม่อยากให้ไป
“น้อย”
เปียหัวเราะรีบห้าม
“นั่งคุยกันเถอะจ้ะ อุ้ย!น้ำหมดแล้ว มะเดี๋ยวเปียไปเติมให้”
ไม่รอช้าเปียถือแก้วน้ำของสองคนออกมา
มุมเครื่องดื่ม เปียมองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใคร เปียก็ตักน้ำหวานใส่แก้ว ก่อน
เอายามอมใส่ลงไปในแก้วน้ำของน้อย เดินกลับไป
เปียเดินเอาแก้วน้ำไปให้เลอสรรกับน้อย
“มาแล้วค่ะ นี่มะนาวน้ำผึ้งของน้อย แล้วก็น้ำตะไคร้พี่เลอสรร”
สองคนรับน้ำไป เปียทำทีเป็นชวนคุย
“น้ำน่าเล่นจังเลยนะคะ...เล่นน้ำด้วยกันมั้ย”
น้อยแอบมองกลัว
“ไม่เป็นไร เปียเล่นเถอะจ้ะ”
“งั้น...เปียเล่นน้ำ ดีกว่านะ”
พูดจบเปียก็หย่อนตัวลงไปในน้ำ แหวกว่ายท่าทีร่าเริง พร้อมวักน้ำใส่น้อยและเลอสรรตะโกนมีความสุข
“มาเล่นน้ำกันมั้ย สนุกน้า...”
เลอสรรกับน้อยมองหน้ากัน อมยิ้ม
“พี่ดีใจมากเลยที่เห็นน้องเปียมีความสุข”
“น้อยก็เหมือนกันค่ะ”
เปียแอบทำหน้าเบ้ ขณะมองสองคนนั่งมองหน้ากันหวานฉ่ำ ดื่มน้ำกันไป พอเห็นน้อยดื่มน้ำ เปียก็ดำน้ำไปอีกทาง น้อยมองไม่เห็นเปียตกใจ
“พี่เลอสรร เปีย...เปียหายไปไหน”
เลอสรรมองตามไม่เห็นเปีย
“น้องเปีย...น้องเปีย”
น้อยกับเลอสรรมองหน้ากันก่อนที่น้อยจะบอก
“พี่เลอสรรตามหาเปียก่อนเถอะค่ะ”
เลอสรรพยักหน้าเดินตรงไปที่แพยังมุมอื่น น้อยจะลุกขึ้น ท่าทางโอน
เอนโงนเงน สายตาของเธอเหมือนโลกจะหมุน น้อยพยายามฝืน เกาะเสาแพเอาไว้ประคองตัวเอง แต่ภาพเริ่มพร่ามัวลงทุกที เปียโผล่ขึ้นมาทางด้านหลังน้อย ยิ้ม มองสภาพโอนเอนโงนเงนของน้อยอย่างสมใจ ก่อนที่จะเอื้อมมือกระชากข้อเท้าน้อยสุดแรง เพียงเท่านั้นร่างของน้อยก็หล่นโครมไปน้ำดังตูม
เปียมองสะใจ รีบดำน้ำหนีอย่างเร็ว
อ่านต่อหน้า 4
คมพยาบาท ตอนที่ 18 (ต่อ)
เย็น วณี อุทัย นั่งอยู่ที่แพอีกมุมหนึ่ง ได้ยินเสียงตูม เหมือนคนตกน้ำ หันมามอง เห็นเลอสรรเดินมา
“มีอะไรเลอ” วณ๊ถามอย่างสงสัย
“น้องเปียเล่นน้ำแล้วหายไปไหนก็ไม่รู้ครับ ผมเลยเดินมาดู เผื่อน้องเปียจะว่ายมาแถวนี้”
เย็นใจคอไม่ดี
“ไม่เห็นนะ...น้าไม่เห็นเปีย”
ทุกคนมองหน้ากัน ประวิทย์กับลูกเต่า ที่อยู่อีกมุม ไม่มีใครเห็นสักคน อุทัยนิ่วหน้า
“สร้างเรื่องอะไรอีก”
เปียโผล่น้ำขึ้นมา ยกมือหัวเราะลั่นโหวกเหวก
“เปียอยู่นี่ค่ะ...”
“เล่นอะไรน่ะลูก ทุกคนตกใจหมด”
“เปียก็ว่ายน้ำเล่นธรรมดานี่แหละค่ะ พี่เลอสรรน่ะแหละ คิดมาก...มาค่ะ มา...มาเล่นน้ำกันดีกว่าค่ะ”
พูดจบเปียก็ดึงขาอย่างแรง เลอสรรร้อง วณีบอกอยากเอาใจเปีย
“เล่นน้ำกับน้องหน่อยนะเลอ”
ยังไม่ทันที่เลอสรรจะพูด เปียก็ลากมือเลอสรรอย่างแรง จนหล่นลงไปในน้ำ เปียวักน้ำเล่นกับเลอสรรอย่างสนุกสนาน
น้อย...ที่ท้ายแพ ท่าทางเหมือนจะหมดสติ ตาของน้อยสะลึมสะลือ และร่างของน้อย ค่อยๆจมลงไปในน้ำทุกทีๆ เย็นถามสงสัย
“ยัยเปียดำน้ำมา แล้วทำไมตะกี้ ได้ยินเสียงเหมือนคนกระโดดน้ำ”
ทุกคนหันมามองหน้าเย็น คล้อยตาม เปียหน้าตาเลิ่กลั่กกลัวคนไปช่วยน้อยรีบบอก
“เปียตีน้ำเล่นอย่างนี้ไงคะ” เปียเอาสองมือตีน้ำเล่น
“ไม่ใช่...เหมือนเสียงคนตกน้ำ” เย็นนึกได้ “ยัยน้อย”
สิ้นเสียงเย็น ทุกคนหันไปมองเย็น รวมทั้งเลอสรร เย็นเดินลิ่วไปท้ายแพทันทีร้องเรียกอย่างเป็นห่วง
“น้อย...ยัยน้อย”
น้อย ท่ามกลางสติที่กำลังจะหลุดลอย ได้ยินเสียงเย็น เธอพยายามจะฝืนตัวเอง แหวกว่าย แต่ไม่ไหว ร่างของเธอค่อยๆจมลงไป อุทัยกับวณี รีบเดินตามเย็นไป รวมทั้งเลอสรรที่จะว่ายน้ำหนีเปีย
“พี่เลอคะ พี่เลอ” เปียพยายามเรียก
เลอสรรไม่สนใจกระโจนขึ้นมาบนแพ เปียยอมไม่ได้ ทำท่าตะคริวกิน
“ช่วยเปียด้วย...ช่วยเปียด้วย”
เลอสรรหันมามองเปีย รวมทั้งประวิทย์
เย็นเดินมายังท้ายแพ กวาดตามองหาน้อย
“ยัยน้อยๆ...น้อย...ยัยน้อย”
เย็นมองกวาดสายตาไม่เห็น วณี อุทัย ลูกเต่า ตามมาร้อนรน วณีร้องเรียก
“หนูน้อย...หนูน้อย”
อุทัยตะโกนดังลั่น
“หนูน้อย”
เปียได้ยินแต่คนร้องเรียกหาน้อยก็ยิ่งโกรธแค้น ชิงชังริษยา เปียยิ่งทำท่าจะผลุบลงในน้ำ พร้อมตะโกน
“ช่วยเปียด้วย”
ประวิทย์มองเปีย แต่สายตาเปียมองแต่เลอสรร...เลอสรรพะว้าพะวงเห็นร่างของเปียผลุบๆโผล่ๆ อีกฝั่งก็เสียงเรียกหาน้อยกันระงม เปียเห็นอาการลังเลของเลอสรรก็ยิ่งแกล้งจะหมดแรงจมน้ำ
“ช่วยเปียด้วยค่ะ”
เปียปล่อยร่างของตัวเองลงท้องน้ำ น้อยค่อยๆจมลง เย็นเห็นแต่เรือนผมช่วงบนสุดของน้อยโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา เย็นตะโกนสุดเสียง
“ยัยน้อย”
เสียงของเย็นกึกก้องไปทั่วบริเวณ เหมือนคนหัวใจแตกสลาย วณีกรี๊ด
“หนูน้อย”
เย็นโดดน้ำตูม เลอสรรหันไปมอง รู้ดีเกิดเรื่องไม่ดีกับน้อย ประวิทย์เห็นก็บอก
“คุณเลอสรรไปเถอะครับ ผมจะช่วยคุณหนูเอง”
ประวิทย์ไม่รอคำตอบกระโดดลงไปในน้ำแหวกว่ายหาเปีย ขณะที่เลอสรรวิ่งไป
เย็นดำน้ำลงไปคว้าตัวน้อยที่กำลังดิ่งลงไปใต้ท้องน้ำ เย็นอ้าแขนโอบทางด้านหลังน้อย เหมือนแม่ที่พร้อมปกป้องลูกด้วยชีวิต เลอสรรวิ่งมาถึงเห็นท่าทางสายตาของวณีที่เนื้อตัวสั่น เลอสรรก็กระโจนลงน้ำทันที
ประวิทย์ โผเข้ามาหา เปียน้ำตานอง รู้สึกถึงหัวใจที่แตกสลายไม่มีใครสนเธอเลย ทุกคนพุ่งไปหาน้อยหมด เปียผลักประวิทย์ออก
“ปล่อยฉัน ไม่ต้องมาช่วยฉัน ฉันอยากตาย”
“ผมให้คุณหนูตายไม่ได้ครับ ได้ยินมั้ย ผมรักคุณหนู...ผมรักคุณหนู”
ประวิทย์พยายามช่วย แต่เปียไม่ยอมพยายามผลักประวิทย์ นาทีนั้นเปียอยากตายจริงๆ
เย็นลากน้อยขึ้นมา เลอสรรรีบพุ่งเข้าไปหา เย็นร้องไห้พร่ำบอกเหมือนจะขาดใจ
“น้อยอย่าเป็นอะไรนะ น้อยต้องไม่เป็นอะไร”
“ผมช่วยครับน้าเย็น”
เลอสรรรตรงเข้าไปโอบร่างน้อยพาขึ้นมาบนแพด้วยความรักและห่วงเป็นยิ่ง มีเย็นตามมา
เปียผลักประวิทย์ออก ขณะกระโจนขึ้นมาบนแพ ประวิทย์ร้องห่วง
“ระวังครับคุณหนู”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
เปียรีบเดินไปมุมท้ายแพเร่งรีบ ประวิทย์มองตาม ท่าทางของเปียปกติ รู้ดีว่าเมื่อสักครู่เปียโกหก
เลอสรรพาร่างที่หมดสติของน้อยขึ้นมาบนแพ เย็นร้องไห้เหมือนจะขาดใจพยายามปลุกน้อย
“ยัยน้อยๆ”
“ขอโทษนะครับน้าเย็น”
เลอสรรก้มลงผายปอดน้อยท่าทางเป็นห่วงมาก เปียเดินมาเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน ไม่ใช่แค่เลอสรร แต่เย็นทำท่าเหมือนคนจะขาดใจ วณีเองก็เหมือนกัน เอาแต่ร้องไห้ เปียมองอุทัย ถึงอุทัยจะไม่ฟูมฟายแบบผู้หญิง แต่ดวงตาของอุทัยบ่งบอกว่าเป็นห่วงน้อยมาก ลูกเต่าร้องไห้โฮๆ เมื่อเห็นร่างของน้อยยังนอนแน่นิ่งไร้สติ เปียมองสะใจ ดวงตามีความหวัง ครั้งนี้น้อยไม่รอดแน่ๆ ลูกเต่ายกมือไหว้
“พี่น้อย...พี่น้อยต้องไม่เป็นอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองพี่น้อยด้วย สาธุ”
เย็นใจจะขาด
“เพราะน้า...น้าคนเดียวที่พาน้อยเป็นแบบนี้ เพราะน้า”
อุทัยไม่รู้เรื่อง
“จะโทษตัวเองทำไมเย็น”
“ก็ตอนแรก น้อยไม่อยากมา แต่เป็นเพราะฉัน ฉันขอร้องให้น้อยมา”
“งั้นก็ต้องโทษฉันด้วย เพราะฉันขอร้องน้อยกับเย็นให้มา โธ่ น้อย” วณีพูดขึ้น
เปียมอง ทุกคนเครียด วณีกับเย็นร้องไห้ เหมือนจะตายตามน้อย เลอสรรน้ำตาซึมมองร่างที่แน่นิ่งของน้อย บอกเสียงสั่นเครือ
“พี่รักน้อย...น้อยได้ยินมั้ย พี่รักน้อย น้อยต้องฟื้นขึ้นมาอยู่กับพี่นะ”
เลอสรรอ้อนวอน ก่อนก้มลงไปผายปอดให้น้อยใหม่ เปียมอง ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกไม่มีใครสนใจเปียเลยสักคน ยกเว้นประวิทย์ที่มองเปียด้วยความรักอยู่คนเดียว อุทัยเรียก
“หนูน้อย...หนูต้องฟื้นขึ้นมานะลูก”
“ยัยน้อย...ฟื้นลูก ได้ยินมั้ย ฟื้น” เย็นเขย่าตัวน้อย
วณีพยายามเรียกอีกคน
“หนูน้อย...หนูน้อย ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมา”
เลอสรรเหมือนจะขาดใจ
“พี่รักน้อย ได้ยินมั้ยพี่รักน้อย”
เลอสรรรวบรวมกำลังผายปอดอีก เปียมองภาพตรงหน้า พร่ามัว หัวใจเหมือนจะสลาย ร่างของเปียค่อยๆโงนเงนล้มลง ขณะที่น้อยรู้สึกตัว พ่นน้ำออกมา ก่อนที่สติของเปียจะดับ เปียได้ยินเสียงทุกคนดีใจ
“น้อยฟื้นแล้ว”
ทุกคนยกเว้นประวิทย์ ดีอกดีใจกับน้อย เย็นโผเข้าไปกอดน้อยแน่นร้องไห้ขณะที่เปียทรุดลงกับพื้นหมดสติ
คุณหญิงคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าตกอกตกใจ
“ยัยน้อยกับยัยเปียจมน้ำ แล้ว...แล้วเป็นยังไงกันบ้าง”
อุทัยหนักใจ
“ปลอดภัยทั้งคู่กับคุณแม่ ไม่ต้องห่วง”
“งั้นอุทัย ดูแลลูกให้ดีๆนะ บอกหลานด้วย แม่เป็นห่วง”
“ครับ”
คุณหญิงวางสาย หันมาพูดเบาๆกับจวน หวาน ช้อย ที่คอยดูแลรับใช้อยู่แถวนั้น คุณหญิงท่าทางใจคอไม่ดี
“ฉันก็แค่อยากโทรไปถาม ยัยเปียหายงอนฉันหรือยัง ไม่คิดจริงๆจะได้ฟังข่าวแบบนี้”
“แต่ตอนนี้ทั้งคุณหนูเปียแล้วหนูน้อยก็ปลอดภัยแล้วคุณหญิงอย่ากังวลนะคะ” จวนปลอบ
“ยังไง ฉันก็อดกังวลไม่ได้”
หวานโพล่งตามนิสัย หน้าแหยๆ
“เหมือนบ้านเรามีเรื่องความเป็นความตายตลอดเลยนะคะ...หรือจะต้องมีคนตายจริงๆก็ไม่รู้”
“นังหวาน” ช้อยดุ
คุณหญิง หน้าตาไม่ดีเลย
ค่ำนั้น น้อยค่อยๆลืมตาขึ้นมา เห็นเย็นนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่วง พร้อมเลอสรร ทันทีที่เห็นเย็นก็ร้องไห้โฮออกมาอีก ผวากอดน้อย
“น้าดีใจ ดีใจที่สุดเลย”
“น้อยก็ดีใจค่ะ ที่ได้กลับมาหาน้าเย็น”
“รู้มั้ย พี่ทั้งกลัวทั้งตกใจ มันเกิดอะไรขึ้นน้อย”
น้อย นิ่งคิดทบทวนเหตุการณ์แล้วหน้าก็ค่อยๆเจื่อนลง ปนสะเทือนใจ เย็นใจหายวาบถามรัวเร็ว
“มันเกิดอะไรขึ้นน้อย บอกน้ามา มันเกิดอะไร”
น้อยมองเลอสรร ก่อนมองเย็นอ้อมแอ้ม
“น้อย...รู้สึกหน้ามืด เลยเป็นลมน่ะค่ะ”
“ทำไมมันกะทันหันนักล่ะ ตอนที่เรานั่งคุยกัน น้อยยังดีๆอยู่เลย” เลอสรรแปลกใจ
“น้อย...น้อยคงเมาน้ำน่ะค่ะ”
เลอสรรมองหน้าน้อย งุนงง น้อยบอก
“น้อยปวดหัวจังเลย ขอยากินหน่อยได้มั้ยคะ”
“จ้ะๆ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”
เลอสรรเดินออกไปปิดประตู เย็นมองน้อย
“มีอะไรจะบอกน้าใช่มั้ย...ใช่มั้ยยัยน้อย”
เลอสรรกำลังจะเดินไปได้ยิน หยุดฟัง...น้อยมองเย็นชั่งใจ เย็นยิ่งร้อนใจจ้องมองน้อย
“ว่าไง...มีอะไร”
น้อยน้ำตาคลอ
“น้อย...รู้สึกเหมือนวันที่โดนมอมยาที่ห้างเลยค่ะน้าเย็น มึนหัวเหมือนจะหลับ แล้ว...แล้ว...”
“แล้วอะไรยัยน้อย” เย็นใจเต้นรัว
“แล้วน้อยก็รู้สึกเหมือน...เหมือนมีคนกระชากขาน้อยดึงลงไปในน้ำค่ะ”
เย็นหน้าตาตื่นตะลึงตกใจ ขณะที่เลอสรรก็ยืนอึ้ง คาดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยิน
เปียลืมตาตื่นในห้อง ไม่เห็นใครอยู่เคียงข้างสักคน เธอกวาดตามองรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว ลุกเดินออกนอกห้องไปด้วยสงสัย หายไปไหนหมด...เปียเดินออกมาเห็น อุทัยยืนหน้าเครียด ขณะที่วณีถาม
“ทำไมพี่อุทัย ไม่อยู่ดูแลลูกบ้างคะ”
เปียแอบฟังด้วยท่าทีตกใจ อุทัยว่าท่าทางหนักใจ
“พี่รู้สึกแปลกๆ เหมือนเรื่องนี้จะมีเงื่อนงำ”
“พี่อุทัยแปลว่า...” วณีหน้าเจื่อน
“สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน”
เลอสรรเดินเข้ามาอีกมุม
“ใช่ครับ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน”
อุทัยกับวณีหันขวับมามองเลอสรรด้วยอยากรู้ เปียมองตกใจ ขณะที่อุทัยถาม
“เลอรู้อะไรมา”
“ผมแอบได้ยิน...น้อยบอกน้าเย็นครับ น้อยรู้สึกเหมือนจะถูกมอมยาแล้วก็ถูกดึงขาตกน้ำ”
อุทัยกับวณี ตกใจหน้าซีด คาดไม่ถึง เรื่องจะเป็นอย่างนี้
“นี่แหละที่น้าจำเป็นจะต้องตรวจดีเอ็นเอหนูน้อยให้เร็วที่สุด” อุทัยบอกเครียดๆ
เปียเบิกตากว้าง หัวใจแตกสลาย ทุกสิ่งที่ฝันพังทลาย
เย็นนั่งอึ้ง น้ำตาคลอ เจ็บหนึบที่หัวใจ พูดด้วยน้ำเสียงพร่าสั่น
“น้าเกือบพาน้อยมาตาย”
“ไม่นะคะ ไม่เกี่ยวกับน้าเย็น...”
เย็นเสียงยิ่งสั่น รู้ดีฝีมือเปีย น้ำตายิ่งจะไหล
“เกี่ยว...เพราะถ้าน้าไม่คะยั้นคะยอให้น้อยมา เปียก็ทำอะไรน้อยไม่ได้”
“เปีย...น้าเย็นแปลว่า...” น้อยเสียงสั่น
เย็นร้องไห้โฮออกมาแบบยั้งไม่อยู่ ดึงน้อยมากอดแน่น พูดไม่ออก หัวใจยิ่งแตก
สลาย ขณะที่น้อยถามเย็นด้วยเสียงสั่นเครือ
“เปียใช่มั้ยคะ เปียทำน้อยอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
เย็นไม่ตอบ มีเพียงเสียงสะอื้นปิ่มว่าจะขาดใจเท่านั้นที่น้อยรับรู้ ฝีมือเปีย
เปียเดินแกมวิ่งแบบคนเสียขวัญไปที่ริมน้ำ ดวงตาของเธอหวาดหวั่นแบบคนเสีย
ขวัญสุดขีด เสียงของเลอสรรดังก้องในหัว
“ผมแอบได้ยิน...น้อยบอกน้าเย็นครับ น้อยรู้สึกเหมือนจะถูกมอมยาแล้วก็ดึงขาตกน้ำ”
ดวงตาของเปียประหวั่นพรั่นพรึงก่อนฉายแววเป็นเดือดดาลโกรธแค้น เสียงอุทัยดังก้องในหัว
“นี่แหละที่น้าจำเป็นจะต้องตรวจดีเอ็นเอหนูน้อยให้เร็วที่สุด”
เปียเนื้อตัวสั่น กลัวความลับทุกอย่างจะเปิดเผย มองที่แม่น้ำตรงหน้า เห็น ร่างของตัวเอง หน้าตาประหวั่นพรั่นพรึงจะร้องไห้
“เปีย...เธอต้องถูกพวกมันจับได้แน่ๆ...มีแต่คนเกลียดเธอ มันต้องจับเธอส่งตำรวจ”
เปียกลัว ยอมรับความจริงไม่ได้ หันมาอีกทาง แต่ต้องผงะเมื่อมองเห็นหน้าตัวเองที่หน้าตาบึ้งตึงเป็นใบหน้าของคนไม่ยอมแพ้ ยืนเบิกตากว้างอยู่
“เธอจะยอมแพ้ไม่ได้ ทำมาขนาดนี้แล้ว เธอต้องได้ทุกอย่างของพวกมัน ได้ยินมั้ย เธอต้องได้ทุกอย่างของพวกมัน”
เปียผงะ จิตสำนึกตีกันให้วุ่นไปหมด หันไปอีกทาง เจอเปียอ่อนแอ
“อย่าทำอะไรอีกเปีย ไม่งั้นเธอจะถูกจับส่งตำรวจ”
เปียหันมาอีกทางเจอเปียแข็งกร้าว
“เธอจะยอมแพ้ไม่ได้”
เปียที่เป็นคนจริงๆ ความรู้สึกสับสนจนอาการกำเริบ ได้แต่เอามือปิดหูตัวเองไม่อยากได้ยินเสียงจากใครทั้งนั้น ได้แต่ร้องครวญครางออกมาแบบคนสับสนสุดขีด ประวิทย์เดินมาอีกทาง ได้ยินเสียงเปียร้องไห้
“คุณหนู”
ประวิทย์รีบมาตามเสียงร้องไห้ของเปียทันที
อ่านต่อตอนที่ 19