เรือนริษยา ตอนที่ 18
ประตูห้องนันทนัชค่อยๆเปิดออก นันทนัชค่อยๆ แง้มประตูห้องออกมาอย่างระแวดระวัง นับตั้งแต่ประกาศว่ามีพินัยกรรมจริงอยู่ในมือ นันทนัชก็ไม่ประมาทแต่ระมัดระวังตัวมาก เมื่อเห็นไม่มีอะไรผิดปกติ นันทนัชเดินออกมาจากห้องในชุดที่จะไปทำงานที่โรงสี พอปิดล็อคประตูห้องแล้วหันมาก็ต้องตกใจจนแทบช็อค
เมื่อเห็นซากแมวตายวางอยู่หน้าห้อง เดือนโผล่ทันทีแล้วเดินปรี่เข้ามาหา
“ขึ้นมาตายอยู่นี่เอง นึกว่าหายไปไหน?” เดือนว่า
“นะ...นี่...แมวที่ไหน?” นันทนัช
“พวกแมวจรจัดน่ะ สะเออะเข้ามาหากินในบ้านหลังนี้ ก็เลยวางยาเบื่อมันซะเลย ฮิๆๆ”
เดือนพูดพลางหยิบซากแมวขึ้นหัวเราะ
“อีแมวตะกละ อีแมวอวดเก่ง ฉันไล่แกดีๆ บอกให้ไปพ้นๆจากบ้านนี้ แกก็ด้าน...ไม่ยอมฟัง แกถึงต้องโดนแบบนี้”
เดือนพูดพลางเหล่มองมาที่นันทนัช นันทนัชรู้ว่ากำลังเจอแผนข่มขู่เข้าอีกแล้ว
“หึ ก็เก่งแต่กับสัตว์ที่ไม่มีทางสู้ ไปวางยาเบื่อมัน สักวันกรรมจะตามสนอง *เธออาจจะตายเพราะโดนยาเบื่อบ้างก็ได้ ระวังให้ดีเหอะ”
นันทนัชหันเดินลงบันไดไปทำเอาเดือนแทบกรี๊ด
“อีปากปีจอ! มาแช่งฉัน” เดือนหันมาเจอซากแมวอยู่ตรงหน้าก็ตกใจแล้วก็โยนทิ้ง “อ๊าย”
นันทนัชเดินลงมาถึงห้องรับแขกแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเจอรณฤทธิ์ยืนขวางอยู่
“ขอคุยด้วยหน่อย!”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุย!”
นันทนัชเดินเบียดผ่านรณฤทธิ์ไปแต่รณฤทธิ์คว้าแขนเธอแล้วดึงไว้
“เล่นตัวนักหรือห่ะ”
“ปล่อยนะ”
นันทนัชสะบัดมือหลุดออกมาได้ แต่รณฤทธิ์ก็เดินปรี่เข้าไปหา
“ฉันจะตกลงกับเธอดีๆ เรื่องพินัยกรรม มานี่!”
รณฤทธิ์จะคว้าแขนนันทนัชอีก แต่นันทนัชปัดมือพร้อมกับเดินถอยหนี
“หึ ยอมรับแล้วล่ะซิว่าพินัยกรรมของพวกนายมันของปลอมถึงได้จนตรอกมาขอตกลงกับฉัน”
“ปากดีนักนะมึง แบบนี้มีคุยกันยาว ฉันบอกให้มานี่”
รณฤทธิ์พยายามคว้าแขนคว้าตัวนันทนัช แต่นันทนัชถอยใช้ทั้งมือทั้งกระเป๋าตีปัดป้องตัวเต็มที่
“ไปให้พ้นนะ! อย่ามาจับฉัน ฉันไม่คุยด้วย อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วว่านายต้องการอะไร”
ศรีออกมาก็ห่วงนันทนัชแต่ไม่กล้าเข้าไปช่วย
“ว้าย แย่แล้วคุณนัน ทำไงดี คุณพระคุณเจ้าช่วยคุณนันด้วย”
ศรียกมือไหว้งันงก ในขณะที่นันทนัชกำลังหลังชนฝาแล้วก็ถูกรณฤทธิ์คว้าแขนจนได้
“อย่ามาจับฉันนะ ปล่อย!”
“ฮ่ะๆๆ วันนี้เราตกลงกันได้แน่”
เสียงกฤตพนธ์ดังขึ้น “ปล่อยแฟนผมเดี๋ยวนี้!”
รณฤทธิ์ชะงักแล้วหันไปมอง นันทนัชที่กำลังตกที่นั่งลำบากก็หันไปมอง กฤตพนธ์ยืนหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่อยู่ นันทนัชได้โอกาสก็กระชากแขนตัวเองหลุดเดินผละเข้ามาหากฤตพนธ์ราวกับเห็นพระมาโปรด ศรีก็ดีใจจึงยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์งันงก
“มีอะไรรึปล่าวครับคุณนัน?”
นันทนัชไม่ทันตอบ รณฤทธิ์พูดโวยสวนขึ้นมาก่อน
“นายน่ะมีอะไร หิ้วกระเป๋าเข้ามาในบ้านฉันทำไมห่ะ”
“บ้านของคุณเหรอ? แต่ผมรู้ว่าเป็นบ้านของคุณนันแน่ๆ” กฤตพนธ์หันไปจับมือทำหวานกับนันทนัช “ที่รักครับ ผมพร้อมจะมาอยู่เป็นบอดี้การ์ดคุณในบ้านหลังนี้แล้วครับ”
นันทนัชเลิกคิ้วมองอย่างงงแต่ก็ไม่พูดอะไร ศรีอ้าปากหวอ
“ว่าอะไรนะ! นายจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้เหรอห่ะ” รณฤทธิ์ถาม
กฤตพนธ์เดินไปฟังแล้วทำเป็นเดินโอบเอวพานันทนัชเดินไป
“ไหนครับ ห้องพักผมอยู่ไหน พาผมขึ้นไปดูหน่อย อยู่ใกล้ห้องคุณรึปล่าว”
“เฮ้ย มาอยู่ไม่ได้นะ แม่ฉันไม่อนุญาต เฮ้ย! เฮ้ย! หูหนวกหรือไงวะ” รณฤทธิ์ว่า
“เอ่อ...แล้วกระเป๋านี่จะให้ศรียกขึ้นไปไหมคะ” ศรีบอก
“หยุดนะ! แกอย่าแส่นะนังศรี”
ศรีตกใจ “ค่ะๆๆ”
“แม่...แม่...อยู่ไหนวะนี่...มันพาผู้ชายเข้าบ้านแล้ว แม่”
รณฤทธิ์โวยเรียกหาฤทัยลั่นบ้าน
เมื่อพาเดินขึ้นบันไดจนพ้นสายตาของใครแล้ว นันทนัชก็ผละออกจากมือกฤตพนธ์ที่ทั้งจับมือโอบเอวตัวเองอยู่แล้วชวนคุยกันด้วยเสียงเบาๆ
“นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ คุณเมารึปล่าวเนี่ยะ?”
“เมาเหรอ คุณก็ดมเอาเองซิ ว่าผมกินเหล้ามารึปล่าว”
กฤตพนธ์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ นันทนัชเขินจึงดันอกกฤตพนธ์เอาไว้
“อย่าเป็นเล่นได้ไหม ฉันซีเรียสนะ อยู่ๆก็หอบเสื้อผ้าหนีตามฉันมาอยู่แบบนี้ มันอาไรกัน?”
“หึๆใช้คำ... หอบเสื้อผ้าหนีตามคุณมาเหรอ ผมคงเป็นผู้ชายสมัยใหม่มั้งแล้วก็คงรักและห่วงคุณมาก เลยต้องตามมาดูแลอยู่ใกล้ๆ”
กฤตพนธ์พูดพลางทำหวานซึ้งใส่จนนันทนัชต้องทำเสียงเข้มใส่
“คุณกฤต! เราแค่โกหกพวกน้าฤทัยว่าเป็นแฟนกันนะ”
“แล้วคิดว่าเค้าจะเชื่อเราเหรอ รักจะโกหกมันก็ต้องแต่งเรื่องให้สมจริงหน่อยซีคุณ การโกหกน่ะ มันสำคัญที่ข้อมูลแวดล้อมว่าน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เท่าที่ผมมาคิดๆดู แผนเล่นเป็นแฟนกันมันยังมีช่องโหว่ ผมเลยต้องมาเล่นให้สมบทบาท”
“อ้อ...งั้นก็เป็นหน้าที่ของคุณงั้นซิ ที่ต้องเดือดร้อนมาแต่งเรื่องให้แนบเนียนสมจริง โดยที่ฉันไม่เคยขอร้องมาก่อน”
“หึๆ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณเป็นฝ่ายขอให้ผมช่วยคุณเองนะ นันทนัช”
กฤตพนธ์พูดพลางดึงเอวนันทนัชมาโอบไว้
นันทนัชตกใจ “อุ้ย!”
นันทนัชมองหน้ากฤตพนธ์อึ้งๆ
“อ้าย....ยัยนัน! หล่อนหลอกล่อคุณกฤตมาทำอะไรที่บ้านห่ะ”
นันทนัชกับกฤตพนธ์หันไปเห็น ฤทัย กนกกร และรณฤทธิ์เดินขึ้นมา
“ป่าวนี่ครับ คุณนันไม่ได้หลอกไม่ได้ล่ออะไรผมเลย ผมเต็มใจมาอยู่ที่นี่กับคุณนันเองครับ”
นันทนัชอดไม่ได้ที่จะทำหน้าเชิดใส่กนกกร กนกกรจับแขนฤทัยแล้วกระตุกเพื่อให้ทำอะไรสักอย่าง
“ไม่ได้! น้าไม่อนุญาตให้อยู่” ฤทัยบอก
“ไง ได้ยินชัดไหม นายออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
กฤตพนธ์กลับคว้ามือนันทนัชมากำแน่นและตอบหนักแน่น
“ในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครไล่ผมไปได้ นอกจากคุณนันซึ่งเป็นทายาทสืบสายเลือดแท้ๆของเจ้าของบ้านคนเดียวเท่านั้น”
“คุณกฤต!”
“แก!”
ฤทัยต้องยกสองแขนขึ้นห้ามลูกทั้งสองคนให้หยุดด้วยเสียงจิ๊จ๊ะเพราะหงุดหงิด
“จิ๊!” ทั้ง2หยุด ฤทัยพยายามทำใจเย็น “แต่ในฐานะที่น้าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเจ้าของบ้านหลังนี้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องใครจะเข้ามาอยู่โดยพละการไม่ได้”
นันทนัชจะเถียงแต่กฤตพนธ์ดึงมือไว้ให้หยุด
“ตกลงครับ!”
ฤทัยนั่งมองกฤตพนธ์ที่นั่งคู่กับนันทนัชอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่จับผิด กฤตพนธ์เลยต้องทำเป็นหวานนั่งกุมมือนันทนัชตลอดเวลา พลางหันไปยิ้มหวานให้กันเป็นระยะ นันทนัชต้องทำเป็นยิ้มหวานตอบอย่างตกกระไดพลอยโจร กนกกรนั่งจิกมือมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด รณฤทธิ์ยืนกอดอกมองด้วยความรำคาญลูกตาเต็มแก่ ไม้ เดือน และศรีแอบดูอยู่ที่นอกประตู
“ทำไม? มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าหนูนัน ถึงต้องพาคุณกฤตเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนถึงในบ้าน” ฤทัยถาม
“แล้วคุณน้าเป็นอะไรมากรึปล่าวล่ะค่ะ ถ้านันจะให้คุณกฤตอยู่” นันทนัชถามกลับ
“เป็นซิ!” ฤทัยตอบทันที
ฤทัยเผลอตัวตบพนักเก้าอี้เพราะยัวะก่อนจะเปลี่ยนท่าทีหวังดีใส่
“เอ่อ...ในฐานะที่น้าเป็นแม่เลี้ยงหนู อยู่ๆปล่อยให้ลูกเลี้ยงพาผู้ชายเข้ามาอยู่ในบ้านมันไม่งาม คนอื่นจะนินทาหนูเอาได้”
“อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องขี้ปากชาวบ้านล่ะก็ ฉันไม่สน เพราะเรา2คนบริสุทธิ์ใจไปเถอะค่ะคุณกฤต”
นันทนัชชวนกฤตพนธ์ลุกขึ้น ฤทัยจะพูดท้วงแต่กนกกรเดือดจึงแย่งพูดเสียก่อน
“กล้าพูดนะว่าบริสุทธิ์ใจ ผู้หญิงดีๆที่ไหน อยู่ๆชวนผู้ชายมาอยู่ในบ้านทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน”
นันทนัชกับกฤตพนธ์ชะงักก่อนจะหยุดเดินแล้วหันมา
“เรื่องแต่งงานไม่ต้องเป็นห่วงครับ เรา2คนวางแผนจะแต่งกันเร็วๆนี้ จริงไหมจ๊ะนัน?”
พูดจบกฤตพนธ์ก็ยกมือนันทนัชขึ้นจูบพร้อมเปลี่ยนสรรพนามเรียกสนิทสนมเสร็จสรรพทำเอานันทนัชอึ้ง แต่ก็พยายามยิ้มพยักหน้าเออออ
“แต่งงานเหรอ! จะแต่งได้ยังไง คุณลุงคุณไม่อนุญาต” กนกกรว่า
กฤตพนธ์หันมามองหน้ากนกกร
“ถ้าผมรักใคร คุณลุงผมต้องอนุญาตครับ!”
“คุณ...”
“หยุดพูดแซงแม่ได้ไหมยัยกิ๊บ เสียเรื่องหมดเลย”
ขณะที่กฤตพนธ์พานันทนัชเดินไปคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าจะลากขึ้นชั้นบน
รณฤทธิ์ร้องห้าม “เฮ้ยหยุดนะ! แม่ฉันบอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้นายอยู่ กล้าขัดคำสั่งแม่ฉันเหรอห่ะ”
รณฤทธิ์ปรี่เข้ามา กฤตพนธ์ดึงนันทนัชหลบไว้ข้างหลังส่วนตัวเองยืนพร้อมรับมือกับรณฤทธิ์ ฤทัยรีบมาคว้าตัวรณฤทธิ์ดึงไว้แล้วรีบอ้าง
“อีกอย่างนึง ห้องนอนในบ้านก็เต็มหมดแล้ว ห้องว่างที่มีอยู่ตอนนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บสมบัติเก่าๆของคุณเรไรไปหมด ไม่มีห้องให้คุณพักหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกับคุณนันเป็นแฟนกัน เราอยู่ห้องเดียวกันได้ ไปครับ”
กฤตพนธ์คว้ากระเป๋าแล้วพานันทนัชเดินจากไปทันที
“คุณกฤตจะนอนห้องเดียวกับยัยนั่น! แม่...ทำอะไรสักอย่างซี ห้ามมันซี” กนกกรสั่ง
“ฉันจะไปลากคอมันลงมาเอง”
ฤทัยผลักรณฤทธิ์ไว้
“หยุดนะตารณ!” ฤทัยโวย “แกก็ด้วย...หยุด! นี่มันอะไรนักหนาเนี่ยะฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”
ฤทัยปรี๊ด ทำเอาลูกทั้งสองไม่กล้าหือ
กฤตพนธ์หิ้วกระเป๋าเข้ามาในห้อง เขาวางกระเป๋าแล้วยืนมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้ายิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่นันทนัชปิดประตูตามหลังแล้วยืนมองไปที่กฤตพนธ์อย่างหวั่นไหวกับการอยู่กัน2ต่อ2ในห้อง
กฤตพนธ์เหลียวมามองหน้านันทนัชแล้วยิ้ม
“อย่าทำหน้าอย่างงั้นซีคุณ เราอยู่ร่วมห้องเดียวกันแค่สักพักใหญ่ๆ เท่านั้นเองครับ”
“ห่ะ! เว่อร์แล้ว สักพักใหญ่ๆ ฟังแล้วรู้สึกมันนานจัง” นันทนัชว่า
“อ้าว ถ้าผมจำไม่ผิด สิ่งที่คุณต้องการตอนนี้คือเวลาถูกไหมครับ?”
“ใช่ แล้วไง?”
“ผมก็พยายามซื้อเวลาให้คุณอยู่นี่ไง ตามที่คุณต้องการ อย่างมากคือ3เดือน”
“เอ่อ...แล้วคุณจะมาอยู่กับฉันในบ้านนี้ได้ถึง3เดือนเลยเหรอ?”
กฤตพนธ์ก้าวเข้ามาพูดใกล้ๆนันทนัช
“ตลอดชีวิตผมก็อยู่กับคุณได้ ถ้าคุณต้องการ”
นันทนัชยืนมองกฤตพนธ์อึ้งๆ ใจคอของเธอหวั่นไหวไปหมดจนนันทนัชเดินเลี่ยงเขาไปเปิดตู้หยิบหมอนผ้าห่มเครื่องนอนออกมา
“เอ่อ...ฉันหมายถึง คุณคงไม่ได้เดือดร้อนอะไรใช่ไหม ถ้ามาอยู่ที่นี่?” นันทนัชว่า
“ผมเป็นผู้ชายนะคุณ ผมไม่มีอะไรเสียหาย แต่คุณเป็นผู้หญิง...เอ่อ..”
นันทนัชหันมาดักคอเสียก่อน
“ไม่ต้องค่ะ! ไม่ต้องมาแสดงความรับผิดชอบฉัน ด้วยการแต่งงานกับฉันเหมือนกับที่พูดโกหกกับยัยกิ๊บไว้ เสร็จจากงานนี้ คุณค่อยกลับไปง้อคืนดีกับยัยกิ๊บใหม่ได้ ฉันว่าอย่างยัยกิ๊บต้องยกโทษให้คุณแน่
อ่ะนี่ คืนนี้จะนอนตรงไหนก็เลือกเอาเองนะคะนันทนัชส่งหอบหมอนเครื่องนอนส่งให้กฤตพนธ์แล้วเดินจากไป กฤตพนธ์ยิ้มเพราะแค่นี้เขาก็เป็นสุขแล้ว
กนกกรกำลังร้องไห้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย
“ไม่จริง กิ๊บไม่เชื่อ อยู่ๆคุณกฤตจะมารักนังนนันจนจะแต่งงานกับมันได้เค้าหวงความโสดจะตาย เค้าไม่ยอมให้นังคนไหนมาจับเค้าได้ง่ายๆหรอก”
“นังคนไหน...คนนั้นคงหมายถึงพี่คนเดียวมั้ง ที่เค้าไม่ยอมให้จับ”
“ไอ้รณ! ไอ้น้องนรก เมื่อไหร่แกจะเลิกทับถมฉันซะที”
กนกกรปาข้าวของใกล้มือใส่รณฤทธิ์ รณฤทธิ์ปาคืน ฤทัยต้องเป็นกรรมการเข้าห้ามอีกเช่นเคย
“โฮ่ย...นี่...หยุดกัดกันเสียทีได้ไหม ยัยกิ๊บแกสงบสติหยุดคลั่งเดี๋ยวนี้ตารณแกก็หยุดปากมากซะด้วย หยุด”
รณฤทธิ์หยุด กนกกรหันไปฟุบหน้ากับพนักโซฟาแล้วร้องไห้ฟูมฟาย
“ฮือๆๆๆ เค้าปกป้องมัน เค้าออกรับแทนมันทุกอย่าง ถึงขนาดลดตัวยอมเสียศักดิ์ศรีเข้ามาขลุกอยู่กับมันถึงในบ้าน กิ๊บแค้น เจ็บในอกเหลือเกิน” กนกกรกำหมัดทุบไปที่อกตัวเอง “นังนันมันแค้น มันกำลังเอาคืนกิ๊บที่เข้ามาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากมัน”
ลิตรกำลังนับเงินที่ได้จากการทวงหนี้เก็บดอกเบี้ยจำนองที่ดินจำนวนมากลงกระเป๋าเพื่อจะนำไปฝากธนาคารในวันรุ่งขึ้น ลิตรกรีดเงินเป็นฟ่อนอย่างมีความสุขด้วยสีหน้าหลงตัวเองและย่ามใจ
“เงินเท่านั้นที่จะซื้อความสุขให้ฉันได้ เงินเท่านั้นที่จะบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้กับชีวิตนายลิตร หึๆๆ”
ลิตรจูบเงินโดยลืมคนที่รักเขาอย่างจริงใจไปจนหมดสิ้นหัวใจ
ทิพย์เฝ้าแต่คิดถึงลิตร ลิตรห่างจากเธอมากขึ้นหลังเอาฤทัยเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน
ทิพย์ทำได้แต่เฝ้ามองอยู่นอกประตู จะเข้าไปหาโดยที่ลิตรยังไม่ได้เรียกก็ไม่กล้า
“คุณลิตร...รู้ไหมว่าทิพย์คิดถึง อยู่ร่วมบ้านแต่เหมือนอยู่ห่างกันอยู่ใกล้...แต่เหมือนอยู่ไกลกันเพราะนังฤทัยคนเดียว”
ทิพย์คิดแล้วก็แค้น เธอกลับมาเดินคิดงุ่นง่านว่าจะเข้าไปหาลิตรยังไงดี แล้วเธอก็คิดได้
ทิพย์เดินเข้ามาในครัว เธอคว้ามีดทำครัวขึ้นมามองก่อนจะทำหน้าเอาจริงเอาจัง ชิดเดินเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“ห่ะ! ทิพย์จะทำอะไรน่ะ?”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เสียงทิพย์เรียก “คุณลิตรคะ...คุณลิตร!”
ลิตรที่กำลังรูดซิปปิดกระเป๋าใส่เงินหันไปดู เขาเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ดึกดื่นแล้วมีอะไร” ลิตรถาม
แต่แล้วลิตรก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทิพย์ยืนจับมือที่เต็มไปด้วยเลือด
“ห่ะ! เป็นอะไรทิพย์ ทำไมเลือดออกอย่างงั้น?”
“มีดบาดน่ะค่ะ ทิพย์หายาทำแผลไม่เจอเลย” ทิพย์บอก
“มา...เข้ามาก่อน!” ลิตรเชื้อเชิญ
ลิตรพาทิพย์เข้าห้องแล้วปิดประตู ชิดที่ยืนมองอยู่ในมุมมืดได้แต่สังเวชที่ทิพย์ลงทุนทำร้ายตัวเองเพื่อเอาชนะใจลิตร
ลิตรใส่ยาให้ทิพย์เสร็จก็พันแผลที่นิ้วชี้ให้ทิพย์
“ดีนะที่แผลไม่ลึก ทีหลังทำครัวก็ระวังๆหน่อย ดึกๆดื่นๆจะทำอะไรอีกไม่ไปหลับไปนอน”
“ทิพย์จะตุ๋นไก่ไว้ให้คุณกินพรุ่งนี้เช้าน่ะค่ะ เห็นพักนี้คุณมุงานหนักเป็นห่วงสุขภาพ”
ทิพย์พูดพลางถือโอกาสกอดซบลิตรอย่างคิดถึง
“เป็นห่วงตัวเองเถอะ ไปนอนไป” ลิตรว่า
ลิตรจะผละออก แต่ทิพย์กอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“คืนนี้ทิพย์จะนอนกับคุณ!”
ลิตรชะงักเพราะรู้ว่าทิพย์รักเขามากแค่ไหน แต่คนอย่างลิตร ถ้าเขาต้องการใคร เขาจะเป็นคนเลือกเอง
“อย่ามาอ้อนน่า ไว้คืนพรุ่งนี้”
“ทำไมต้องไปพรุ่งนี้ คืนนี้ไม่ได้เหรอคะ ตั้งแต่พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน คุณทำเหมือนลืมทิพย์ ไม่มีเวลาให้ทิพย์เลย ทิพย์คิดถึงคุณจะตายอยู่แล้ว”
ลิตรจับไหล่ทั้งสองข้างของทิพย์แล้วดึงออกจากตัว
“ก็บอกว่าพรุ่งนี้ไง ไม่เข้าใจหรือไง ฉันไม่ชอบให้ใครมาบังคับ”
ลิตรผลักไหล่ทิพย์ออกเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตู เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับฤทัยที่เปิดประตูเข้ามาในชุดนอนเซ็กซี่กรุยกราย
“คุณลิตรขา ฤทัยรอนานแล้วนะ”
ฤทัยชะงักไปเมื่อเห็นทิพย์อยู่ในห้องด้วย แต่ทิพย์ก็ฉลาดทำซื่อบื้อ
“เอ่อ...คุยธุระอยู่กับคุณแม่บ้านเหรอคะ งั้นฤทัยขึ้นไปนอนรอก่อนเสร็จธุระแล้วคุณค่อยตามไป ฤทัยไม่รีบ...ไม่เร่ง...แต่จะรอทั้งคืนนะคะดาร์ลิ้งค์”
ฤทัยพูดพลางกรีดมือที่นิ้วทาเล็บแดงลูบไปที่อกของลิตร ลิตรมองฤทัยด้วยความหลงใหล
“ไม่ต้องรอหรอก ผมเสร็จงานแล้ว”
ลิตรเดินโอบเอวพาฤทัยออกไป ฤทัยแอบยิ้มเยาะทิพย์ก่อนที่ประตูจะปิดลง ทิพย์กำมือและบีบนิ้วตัวเองแน่นอย่างแค้นเคืองจนน้ำตาไหล เลือดที่แผลปริไหลซึมผ้าพันแผลออกมาอีก
ทิพย์ที่นั่งอยู่ที่สวนแหงนหน้ามองไปที่ห้องนอนของลิตรด้วยน้ำตาด้วยความรู้สึกทั้งเจ็บปวด ทั้งแค้น เธอก้มลงมองดูนิ้วตัวเองที่พันแผลไว้
“แค่มีดบาด...ถ้าทำให้คุณนึกถึงฉันไม่ได้ ฉันจะยอมเฉือนนิ้วตัวเองทิ้ง ถ้ามันทำให้คุณนึกถึงหัวอกฉัน”
ชิดเดินออกมาจากมุมมืด
“พูดอะไรอย่างงั้นทิพย์! โดนถึงขนาดนี้แล้ว ทิพย์ยังไม่ตาสว่างอีกเหรอนายลิตรมันหลอกใช้ทิพย์ มันไม่ได้รักทิพย์หรอก มันแค่มีทิพย์ไว้รับใช้ไว้สนองอารมณ์ตัวเอง เหมือนกับที่เคยทำกับคุณนายเรไรคุณรำเพยนั่นแหละ”
“ก็ฉันรักเค้ามาก จะให้ฉันทำยังไง ฉันอยู่ไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีเค้า..ฮือๆๆ”
“เสียงผีตายอดตายอยากที่ไหนมาสะอึกสะอื้นขอส่วนบุญอยู่ตรงนี้เนี่ยะ”
ฤทัยเดินกรีดกรายออกมาจากบ้าน ทิพย์ลุกขึ้นแต่ชิดคว้าแขนแล้วดึงไว้
“อย่ามีเรื่องทิพย์”
“แหม แม่บ้านกับคนขับรถเก่าแก่ช่างเป็นห่วงเป็นใยกันดีเหลือเกินฉันว่าไอ้ชิดนี่แหละเหมาะกับแกที่สุดแล้วนังทิพย์”
“ในสมองเธอคงมีแต่เรื่องเลวๆแบบนี้ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงทำตัวไม่ต่างกับผู้หญิงขายตัว!” ทิพย์ว่า
“อุ้ยตาย! ยังกับแกต่างกับฉันกันมากนักนี่ อย่ามาตอแหลนะว่าที่แกยอมเลี้ยงลูกให้คุณลิตร ทำตัวเป็นเมียไพร่ เพราะอยากเป็นอีกะลาก้นครัวไปตลอดปีตลอดชาติ แกมันก็อยากจะเป็นคุณนายเหมือนกัน
นั่นแหละ แต่ขอโทษ แกหมดหวังแล้วย่ะ ฉันนี่แหละจะต้องได้เป็นคุณนายบ้านหลังนี้ ราตรีสวรรค์ เดี๋ยวคุณลิตรตื่นมาไม่เจอฉัน เค้าจะเรียกหา...เมียจ๊ะ...เมียจ๋า...ฮิๆๆ”
ฤทัยเดินกลับเข้าบ้าน ทิพย์ยืนแค้นแบบได้แต่เก็บกดแต่ทำอะไรไม่ได้ ชิดมองแล้วถอนใจ
เรือนริษยา ตอนที่ 18 (ต่อ)
ฤทัยขยับชุดที่เพิ่งถอยมาใหม่ เว้าคอลึกเดินนวยนาดออกมาที่ห้องรับแขก
“เห็นชุดนี้แล้ว...ไม่รักกูหลงกูก็ให้รู้ไปซี ฮิๆ” ฤทัยว่า
ฤทัยต้องชะงักค้างเมื่อมองไปที่ประตู เธอเห็นลิตรเดินโอบหญิงสาววัยเอ๊าะๆ ที่มีอกอึ๋มอายุราว25เดินเข้ามา
“คุณลิตร!”
ฤทัยลืมตัวเรียกเขาด้วยเสียงที่แหลมออกไป ลิตรกับคู่ขาหยุดกึกแล้วมองมาที่ฤทัย
“เป็นอะไรฤทัย?” ลิตรถาม
“ก็คุณเอ่อ...”
ฤทัยชี้มาที่หญิงสาวแล้วก็อยากกรี๊ดด้วยอารมณ์หึงหวงที่พุ่งปรี๊ด
“มีปัญหาอะไร”
ลิตรมองจ้องมา ฤทัยหยุดเพราะนึกขึ้นได้ว่าลิตรเคยสั่งไว้ว่ายังไงเลยเปลี่ยนเป็นยิ้ม
“คุณกลับบ้านเร็วนะคะวันนี้”
ทิพย์เดินออกมามองอยู่ที่มุมไกลๆ ด้านหลังฤทัย ลิตรมองจากฤทัยเลยมาที่ทิพย์ด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยและร้ายกาจ
“ฉันจะขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง ห้ามใครขึ้นไปรบกวนเด็ดขาดไปจ้ะ”
ลิตรโอบเอวพาคู่ขาเดินคลอเคลียขึ้นบันไดไป ทิพย์ที่มองจากมุมหนึ่งรู้สึกเจ็บปวด ฤทัยรีบเดินแจ้นแบบเก็บอาการแม้จะอยากกรี๊ดอยากอาละวาด นันทนัชสะเทือนใจกับภาพที่เห็นลิตรเดินโอบเอวคลอเคลียกับเด็กสาว นันทนัชมองตามด้วยความรู้สึกรับไม่ได้ เธอเห็นลิตรเปิดประตูพาเด็กสาวเข้าห้องนอนแล้วปิดประตู นันทนัชถึงกับหันหนีจากภาพนั้นเพราะไม่อยากเห็น
ฤทัยมาอาละวาดปาหมอนข้าวของระบายอารมณ์อยู่อีกห้องหนึ่งโดยไม่กล้าให้ลิตรได้ยิน
“อี้ยๆๆๆ...อยากจะตบล้างน้ำนังนั่นจริงๆ มีฉันอยู่ในบ้านทั้งคนไม่พออีกหรือไง ยังพานังไก่อ่อนนั่นมากกอีก”
“ผิดหวังล่ะซี ที่เธอมัดใจเค้าไว้ไม่อยู่” ทิพย์ว่า
ฤทัยหันขวับไปเห็นทิพย์เดินตามมาเยาะเย้ย
“ก็ยังดีกว่าแกแหละนังคนใช้ เค้าอาจจะแวะชิมของนอกบ้านบ้างเป็นครั้งเป็นคราว แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมากินของในบ้านอย่างฉัน แต่กับของเก่าค้างถ้วยในครัวอย่างแก มันเหม็นบูดจนเค้าไม่อยากจะกระเดือกอีกแล้ว”
ทิพย์สวน “หึ แต่ยังไงคุณลิตรก็ไม่มีวันจะทิ้งฉัน เค้าอยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้หรอกถ้าขาดนังทิพย์คนนี้ แต่กับหล่อน...เหอะๆๆมาง่าย ก็ไปง่าย มีผู้หญิงอีกเป็นร้อยข้างนอกโน่น ที่คุณลิตรพร้อมจะพามาอยู่บำเรอเค้าแทนหล่อนในบ้านหลังนี้ เตรียมกะลาหัวไว้ให้ดี ฮ่ะๆๆ”
“ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้นะ...ไป”
ฤทัยปาหมอนใส่ ทิพย์เดินยิ้มอย่างสะใจออกไป ฤทัยยืนเจ็บใจและมีสีหน้าไม่ยอมแพ้
“ฉันเข้ามาแล้ว ฉันไม่มีวันออกไปจากที่นี่มือเปล่าเด็ดขาดฉันต้องได้ ฉันต้องรวย ฉันต้องเป็นคุณนายฤทัย! เอาเลย...อยากจะมั่วผู้หญิงก็มั่วไปให้พอ ฉันจะยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพราะเป้าหมายของฤทัยไม่ใช่รักแท้หรอก หึๆๆ” ฤทัยยิ้มหยัน
นันทนัชกำลังนั่งเหงาอยู่คนเดียวโดยมีหนังสือเรียนวางอยู่บนตักแต่เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจอ่าน นันทนัชหันมองไปที่หน้าบ้านก็เห็นฤทัยเดินอย่างหงุดหงิดและงุ่นง่านพร้อมกับหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านตรงไปหาชิดที่กำลังเปิดฝากระโปรงหน้ารถของลิตรเพื่อเติมน้ำกลั่นอยู่ ฤทัยเดินเข้ามาหาชิด
“ไอ้ชิด!”
ชิดผงกหัวจากกระโปรงหน้ารถขึ้นมอง
ฤทัยถาม “อีนังเด็กใจแตกที่คุณลิตรหิ้วมา มันกลับไปแล้วใช่ไหม”
ชิดพยักหน้าด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ
“แกยิ้มอะไรห่ะ! คุณลิตรไปหิ้วมันมาจากที่ไหน พาฉันไปเดี๋ยวนี้”
ชิดทำเฉยแล้วก็หันไปเติมน้ำกลั่นต่อ ฤทัยเท้าเอวอย่างสุดฉุน
“หูแกหนวกหรือไงไอ้ขี้ข้า! ฉันบอกให้ไปส่งฉัน”
ชิดหันมาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นายหญิงผมมี2คนเท่านั้น คือคุณเรไรกับคุณรำเพย คนอื่นผมไม่รับใช้”
ชิดปิดฝากระโปรงรถแล้วจะเดินหนี ฤทัยโกรธจึงเดินตามแล้วใช้กระเป๋าฟาดชิด
“นี่แน่ะไอ้ขี้ข้า! ไอ้โอหัง! แกมันน่าจะตายตามนายหญิงของแกไปให้พ้น”
ชิดได้แต่ยกแขนกันเพราะไม่อยากทำร้ายผู้หญิง ทันใดนั้นนันทนัชก็วิ่งเข้ามาโวย
“หยุดตีนายชิดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุด”
นันทนัชเข้าไปผลักฤทัยแต่ฤทัยก็ไม่ยอมหยุดตี ฤทัยผงะออก หยุดตีแล้วหันมาทำตาขวางใส่นันทนัช
“อีเด็กเวร! มาผลักฉันเหรอ”
ฤทัยเงื้อมือจะตบนันทนัช ชิดเห็นเข้าก็ตกใจ
“อย่านะ!”
ชิดผลักฤทัยออกไม่ให้ทำนันทนัช ฤทัยเซและล้มลง จังหวะนั้นลิตรก็เดินออกมาเห็นพอดี
“ว้าย!” ฤทัยร้อง
ลิตรเห็นพอดี “ฤทัย!”
ฤทัยเงยหย้าเห็นลิตรก็อ้อนทันที
“คุณลิตร...ช่วยฤทัยด้วย...” ฤทัยอ้อน
“ไอ้ชิด! มึงกล้าทำเมียกูเหรอ” ลิตรว่า
ลิตรปรี่เข้าไปหาชิด นันทนัชร้องห้าม “พ่อ!”
ลิตรต่อยชิดจนลงไปนอนหงายเลือดกลบปาก ทิพย์เดินออกมาเห็นก็ตกใจแต่แอบยืนมองไม่กล้าออกมาช่วย ปล่อยให้นันทนัชต่อว่าลิตรต่อไป
“พ่อทำนายชิดทำไม นายชิดไม่ผิดนะ นังเมียของพ่อมันมาหาเรื่อง” นันทนัชบอก
“ฤทัยไม่ได้หาเรื่องมันนะ แค่บอกให้ช่วยขับรถออกไปส่งทำผมหน่อย มันก็ด่าก็ว่านายหญิงมันมีแค่คุณเรไรกับคุณรำเพย ฤทัยเป็นแค่นางบำเรอ มันดูถูกฤทัยแล้วก็ผลักหัวทิ่มเลย ฮือๆๆ” ฤทัยเล่นละคร
ทิพย์มองอย่างแค้นๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ไอ้นรก!มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร วิเศษวิโสมาจากไหนห่ะ มาด่าเมียกู” ลิตรว่า
“ถึงผมจะเป็นคนขับรถ ผมก็มีศักดิ์ศรี ผมจะไม่ขับรถให้คนที่ไม่มีศักดิ์ศรีนั่งเด็ดขาด”
ชิดพูดเสียงดังใส่แล้วลุกเดินหนีไป ลิตรโวยตามชิดอย่างเคียดแค้น
“คนอย่ามึงมันมีศักดิ์ศรีตรงไหนวะ ก็แค่คนขับรถ ไม่มีที่ไป มาพึ่งใบบุญกูอยู่ เสือกจองหอง ไม่เจียมกะลาหัว ไอ้สวะ!” ลิตรด่า
“ช่างเถอะค่ะคุณลิตร ฤทัยไม่อยากเอาเรื่อง ถือว่าทำบุญทำทานมันไป” ฤทัยบอก
ฤทัยกอดลิตรพลางแอบยิ้มเยาะนันทนัช นันทนัชไม่อยากทนดูจึงสะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไป ทิพย์รู้สึกขัดใจ
“อ้าว เดินหนีอีกแล้ว ทำไมไม่สู้ค่ะคุณนัน”
ชิดกำลังเช็ดรถ ลิตรเดินออกมาเพื่อจะไปโรงสี
“พอเลยไอ้ชิด มึงไม่ต้องมาเช็ดรถกูอีก” ลิตรไล่
ชิดหยุดเช็ดแล้วยืนตอบโดยไม่มองหน้าลิตร
“ผมเป็นคนขับรถ ผมก็แค่ทำหน้าที่ที่ผมต้องทำ”
“กูก็ต้องมีหน้าที่ที่ต้องทำคือเลี้ยงมึงไว้ไง เลี้ยงไว้จนกว่ามึงจะละอายใจ ยอมไสหัวออกไปจากบ้านนี้เอง จำใส่กะลาหัวของมึงไว้นะ นับแต่นี้เป็นต้นไป มึงไม่ต้องมาขับรถให้กูอีก ไป”
ลิตรผลักอกชิดแล้วผงะออกจากรถก่อนจะขึ้นรถขับออกไป ชิดหันมองตามแล้วก็น้ำตาไหลอย่างเจ็บแค้น
“กูจะไม่ยอมไปไหน กูจะรอดูหายนะของมึงไอ้ลิตร ไอ้ฆาตกร”
ฤทัยเดินเกาะแขนลิตรที่มาดูงานในโรงสี ฤทัยปิดปากไอ
“บอกแล้วไง ว่าฝุ่นมันเยอะ ไม่รู้จะตามมาทำไม”
“ก็ฤทัยอยากอยู่กับคุณนี่คะ คุณทำงานเหนื่อย ดูแลโรงสีตั้งใหญ่โต” ฤทัยพูดไปก็ตาลุกวาวไป “ฤทัยอยากจะมาอยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจให้”
ฤทัยพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ามาซับเหงื่อให้ ฤทัยชะงักเมื่อมองไปเห็นสมุทรชัยเดินนำไม้เข้ามา
“คุณลิตรครับ”
ลิตรหันไปมอง
“ผมพาคนที่คุณนัดไว้มาพบครับ” สมุทรชัยบอก
“เอ่อ...ใครกันพี่ลิตร” ขณะที่พูดฤทัยก็ตะลึงในความหล่อของไม้
“นี่นายไม้ คนขับรถคนใหม่ของฉัน” ลิตรแนะนำ
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย”
ไม้ยกมือไหว้ลิตรแล้วก็เลยมาไหว้ฤทัย
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง”
ฤทัยยิ้มชอบอกชอบใจ
“หวัดดีจ้ะนายไม้”
ไม้เงยหน้าขึ้นมองโดยแอบสบตากับฤทัย
ลิตรสั่งงานสมุทรชัย
“เดี๋ยวคุณไปจัดการโอนเงินให้คุณฤทัยให้เรียบร้อยด้วยนะ” ลิตรสั่ง
“ได้ครับ ระบุในบัญชีค่าใช้จ่ายว่าเป็นค่าอะไรครับ” สมุทรชัยถาม
“ก็ค่าใช้จ่ายรายเดือนของฉันนะสิ ทำไมจะต้องถามจู้จี้ด้วย” ลิตรพูดกับสมุทรชัยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหวานชื่นเมื่อพูดกับลิตร “ขอบคุณพี่ลิตรมากนะคะที่เมตตาฤทัย ฤทัยรักพี่ที่สุดเลย”
“ถ้าอย่างงั้นคุณก็กลับไปรอรับเงินได้แล้ว ไม่ต้องอยู่รอกลับพร้อมผม”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ?”
“เย็นนี้ผมมีนัด กลับดึก คุณไม่ต้องรอ”
“เอ่อ...”
ฤทัยจะค้านแต่ลิตรตัดบทก่อนจะหันเดินผละไปกับสมุทรชัยเสียก่อน ฤทัยได้แต่ยืนด้วยความรู้สึกขัดใจ ไม้ยืนมองอาการฤทัยอย่างเงียบๆ ฤทัยหันมาเห็นสายตาไม้มองอยู่ก็คิดอะไรบางอย่างออกทันที
“ฉันมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย ตามฉันมา”
ฤทัยหันเดินออกไป ไม้หันมองไปหาลิตรโดยกลัวลิตรจะเห็น เขารีบเดินตามฤทัยไป
ไม้เดินเข้ามาโดยที่ฤทัยยืนรออยู่
“คุณผู้หญิงมีอะไรเหรอครับ?” ไม้ถาม
ฤทัยหันมาพร้อมยื่นเงินให้ปึกนึงทำเอาไม้อึ้งเมื่อเห็นเงินมากขนาดนี้
“โฮ้ว...เงินเยอะแยะ คุณผู้หญิงจะให้ผมไปฝากบัญชีให้เหรอครับ” ไม้ถาม
“ใช่ แต่ไม่ใช่ฝากบัญชีของฉันนะ เอาไปฝากไว้บัญชีของไม้”
“ห่ะ! อะ...อะไรนะครับ?”
ฤทัยคว้ามือไม้มายัดเงินใส่มือให้ไม้
“รับไปซีจ๊ะ ฉันให้ไม้”
“เงินมากขนาดนี้ คุณฤทัยให้ผมทำไมครับ” ไม้ถาม
“ฉันถูกชะตากับไม้จ้ะ ฉันรู้ว่าฉันสามารถไว้ใจไม้ให้ดูแลคุณลิตรได้รับไว้เถอะนะ ถือว่าเป็นน้ำจิตน้ำใจจากฉัน”
ไม้ฉลาดพอจะรู้ว่าฤทัยกำลังเอาเงินมาซื้อจึงเดินตามน้ำ
“ขอบพระคุณมากครับคุณผู้หญิง ผมทำงานมา ไม่เคยเจอเจ้านายใจดีเหมือนคุณผู้หญิงมาก่อนเลย ถ้าคุณผู้หญิงจะใช้งานอะไรผม ก็บอกมาได้เลยนะครับ ผมยินดีรับใช้เต็มที่”
ฤทัยหัวเราะชอบใจ
“ฮิๆๆ มันต้องอย่างงี้ซี ฉันก็ไม่ใช้อะไรไม้มากมายหรอก แค่รายงานฉันทุกวัน ว่าขับรถพาคุณลิตรไปไหนมาบ้าง ฉันรับรองว่า เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเรา2คนเท่านั้น”
“ได้ครับ คุณผู้หญิง” ไม้รับคำ
ไม้ทำหน้าที่ขับรถไปแล้วก็แอบมองกระจกมองหลังก็เห็นลิตรกำลังคลอเคลียกับหญิงสาวคนใหม่ ลิตรสำราญ ส่วนหญิงสาวก็หัวเราะคิกคัก ลิตรเดินโอบเอวหญิงสาวไปเพื่อหาร้านนั่งดื่มกัน ไม้ก้าวเข้ามายืนมองทั้งคู่อยู่ด้านหลัง
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง ลิตรเดินโอบหญิงสาวที่มีท่าทางเมามายด้วยกันทั้งคู่มาตามทางเดินหน้าห้อง ไม้แอบเดินตามมายืนมอง เขาเห็นลิตรเปิดประตูแล้วช้อนตัวอุ้มหญิงสาวเข้าห้องไป หญิงสาวหัวเราะกรี๊ดกร๊าดก่อนจะปิดประตู ไม้ยืนมองแล้วก็ยิ้มร้ายพลางคิดว่ามีข้อมูลไปบอกฤทัยแล้ว
ไม้ขับรถเข้ามาจอดก่อนจะรีบลงจากรถเปิดประตูให้ลิตรที่มีท่าทางเมาค้างลงจากรถ ลิตรเซ ไม้จับแขนประคองเขาไว้
“ระวังครับ!” ไม้เตือน
“ขอบใจเว้ยไอ้ไม้ พรุ่งนี้7โมงเช้า แกต้องมารอฉันที่รถนะเว้ยฉันไม่ชอบมารอ”
“ครับ คุณลิตร”
ลิตรเดินเข้าบ้าน ฤทัยที่อยู่ในชุดนอนเดินออกมา
“นี่มันตี3แล้วนะคะ ทำไมกลับซะดึกเลย” ฤทัยถาม
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ” ลิตรว่า
“ก็ฤทัยเป็นห่วงคุณนี่คะ” ฤทัยบอก
“ฮึ่ย!” ลิตรทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ เขาเดินผ่านฤทัยเข้าบ้านไป ฤทัยรีบเดินเข้าไปหาไม้ แล้วกันเบาๆ
“นี่...คุณลิตรไปไหนมาห่ะไม้?” ฤทัยถาม
“ก็หลายที่ครับ ทั้งไนต์คลับ ทั้งโรงแรม” ไม้ตอบ
“คุณลิตรหิ้วผู้หญิงไปใช่ไหม?” ฤทัยถามต่อ
ไม้พยักหน้า ฤทัยกำมือแล้วก็แทบกรี๊ด
“คุณผู้หญิงไม่เป็นอะไรนะครับ” ไม้ถาม
“ฉันไม่เป็นไร ฉันเริ่มชินซะแล้ว ขอบใจนะจ๊ะไม้ที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฉัน”
ฤทัยยื่นมือมาลูบไหล่ไม้ ไม้หันมองมือของฤทัยแล้วหันมาส่งสายตาวิบวับให้เธอเพื่อจุดไฟปรารถนาขึ้นในใจของทั้ง2 ฤทัยยิ้มอ่อยให้แล้วหันเดินกลับเข้าบ้านไป ไม้ยืนมองตามสีหน้ายิ้มๆ
เช้าวันใหม่ ทิพย์กำลังทำอาหารอยู่ ไม้เดินมานั่งลงที่โต๊ะแล้วทำตัวเป็นเจ้านายสั่ง
“กาแฟแก้วซิ”
ทิพย์ชะงักแล้วหันมามองด้วยสีหน้าที่ไว้ตัว
“แกใช้ใคร?” ทิพย์ถาม
“ก็ใครเป็นคนใช้ก็ใช้คนนั้นแหละ” ไม้บอก
“ในนี้ไม่มีคนใช้ นอกจากแก”
“ปากดีนักอีนี่!”
ไม้ลุกพรวดจะเข้าเอาเรื่องทิพย์ แต่ชิดก้าวเข้าประตูหลังครัวเข้ามาชี้หน้า
“แกอย่าทำอะไรทิพย์นะ!”
ไม้หันมามองหน้าชิดอย่างดูถูก
“หึ กูว่ามึงอยู่เฉยๆเงียบๆจะดีกว่า ให้สมกับตำแหน่งคนขับรถที่ใช้การไม่ได้แล้ว มีประโยชน์ก็แค่ไว้กวาดขยะ” ไม้ว่า
ชิดโมโห “มึง!”
ชิดโกรธจึงจะเข้าไปเอาเรื่อง ทิพย์รีบมาขวางชิดไว้เพราะรู้ดีว่าถ้ามีเรื่อง ชิดจะเป็นฝ่ายที่เดือดร้อน
“อย่าชิด! อย่ามีเรื่องเลย” ทิพย์เตือน
“ฮ่ะๆๆ แน่จริงเข้ามาต่อยปากกูเลย อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าระหว่างมึงกับกู คุณลิตรจะเฉดหัวใครออก”
ไม้จำต้องขบกราม อดกลั้นไว้
“เสียงเอะอะอะไรกัน!” ฤทัยถาม
ฤทัยเดินเข้ามา ไม้ได้โอกาสจึงฟ้องทันที
“ผมกำลังถูกข่มขู่ครับคุณผู้หญิง ไม่คิดว่าเจ้าที่ที่นี่จะแรง”
“ใครข่มขู่แกห่ะ มีแต่แกมาทำอวดดียะโสใส่ ที่แท้ก็มีคนคอยถือหางนี่เอง”
“แล้วจะทำไมห่ะ ไม้เป็นคนขับรถของคุณลิตร ถือเป็นคนสนิทที่คุณลิตรไว้ใจ ถ้าฉันไม่ถือหางไม้ แล้วจะให้ฉันมาถือหางพวกตกกระป๋องอย่างแก2คนหรือไงยะ”
ทิพย์กำมีดแน่น
“ไปเถอะไม้ คุณลิตรจะออกไปทำงานแล้ว”
“ครับ คุณผู้หญิง”
ไม้เน้นคำว่าคุณผู้หญิงก่อนจะพามองไปที่ทิพย์กับชิดอย่างประกาศความเป็นศัตรู แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไป
“นังฤทัยมันเริ่มหาพรรคหาพวกไว้ในบ้านแล้ว มันไม่หยุดแค่นี้แน่ทิพย์”
ชิดรู้สึกกังวลใจ ทิพย์แค้น
“ฉันไม่ถอยให้มันหรอก”
ลิตรที่เพิ่งกลับจากทำงานเดินเข้าบ้านมา ไม้เดินหิ้วกระเป๋าตามเข้ามาด้วย ทิพย์รีบออกมารับ
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
“ฉันจะรีบมาสะสางบัญชี” ลิตรบอก
ทิพย์ยื่นมือขอไม้ด้วยสีหน้าแววตาใช้อำนาจ
“ส่งกระเป๋ามาให้ฉัน”
ต่อหน้าลิตรไม้ไม่กล้าตอบโต้ แต่ก็ทำตาแข็งใส่ เขายื่นกระเป๋าให้ทิพย์โดยไม่ปริปาก ทิพย์หิ้วกระเป๋าเดินตามลิตรที่กำลังเดินตรงเข้าห้องทำงาน
“หิวไหมคะ ทิพย์จะได้...”
“ฉันกินมาจากข้างนอกแล้ว” ลิตรบอก
“งั้นเดี๋ยวทิพย์ไปชงกาแฟมาให้นะคะ”
ไม้ยืนมองลิตรที่เดินเข้าห้องไป โดยมีทิพย์หิ้วกระเป๋าเดินตามด้วยสีหน้าแววตามาดร้าย
ไม้เปิดประตูเข้าห้องที่ปิดไฟมืดแล้วบิดคอไหล่อย่างเมื่อยขบกับการขับรถพาลิตรตระเวนทั้งวัน แต่พอเปิดไฟสว่างขึ้นต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นฤทัยรออยู่ในห้อง
“คุณผู้หญิง!”
ไม้รีบปิดประตู
“ช่วงนี้คุณลิตรงานยุ่งเหลือเกิน ไม่มีเวลาให้ฉันเลย เค้างานยุ่งจริงๆ หรือว่าไปติดผู้หญิงคนไหนกันแน่ห่ะไม้ บอกฉันทีซิ”
ฤทัยทำหน้าทำตาออดอ้อน
“ก็ทั้ง2อย่างครับ งานก็ยุ่ง ผู้หญิงก็หลง” ไม้บอก
“นังคนนั้นเป็นใคร?”
“เด็กใหม่ที่คุณลิตรเจอตอนไปโยนโบว์ลิ่งค์กับพวกสมาคมพ่อค้าน่ะครับ”
“คนใหม่อีกแล้วเหรอ! คิดแล้วมันช้ำใจจริงๆเลย เมื่อไหร่เค้าจะหยุด”
“ผมว่า คุณผู้หญิงคิดว่าเมื่อไหร่คุณลิตรจะเบื่อคนนี้จะง่ายกว่านะครับ”
“ขอบใจนะไม้ที่เตือนฉัน นี่จ้ะ...สำหรับน้ำใจของเธอ”
ฤทัยยื่นเงินให้ก้อนนึง ไม้รับมาแล้วพูด
“ขอบคุณครับ”
“ฉันไปล่ะ”
ฤทัยบอกลาด้วยสายตาเชิญชวน พอเดินผ่านไม้ ไม้ก็กอดเอวฤทัยจากทางด้านหลังทันที
“จะรีบไปทำไมครับคุณผู้หญิง ไปตอนนี้คุณลิตรก็ไม่มีเวลาให้หรอกครับคุณลิตรกำลังทำงานอยู่ในห้อง อยู่กับผมก่อน ผมจะช่วยทำให้คุณ-ผู้หญิงหายเหงาเอง”
แทนที่จะขัดขืนแต่ฤทัยกลับยิ้มไม้กดปิดปิดสวิตช์ไฟ ไฟในห้องดับลง
ฤทัยค่อยๆเปิดประตูออกมาจากห้องไม้ แต่ก็ไม่เห็นใคร เธอรีบหิ้วกระเป๋าเดินไปที่เรือนใหญ่
ชิดเดินมาเห็นเข้าก็แอบหลบมุมมองด้วยสีหน้าตกใจเพราะไม่คิดว่าฤทัยจะทำแบบนี้ได้
ทิพย์กำลังล้างแก้วกาแฟอยู่ในครัว ชิดรีบร้อนเข้ามาในครัว
“ทิพย์! ทิพย์!”
“มีอะไรชิด ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น” ทิพย์ถาม
ชิดรีบโผล่หน้าไปมองรอบๆว่ามีใครอยู่แถวนั้นไหม ทิพย์แปลกใจ
“มีเรื่องอะไร ทำไมต้องลับๆล่อๆ” ทิพย์ถาม
ชิดรีบเข้าไปบอกทิพย์เบาๆ
“ก็นังฤทัยน่ะซิ ตะกี้ฉันเห็นออกมาจากห้องไอ้ไม้”
ทิพย์ตะลึงแล้วมีแววตาดีใจ
“แน่ใจนะชิด ว่าเห็นอย่างงั้นจริงๆ” ทิพย์ถาม
ชิดพยักหน้า “ถึงตรงนั้นจะมืดๆ แต่ฉันก็เห็นชัดเต็ม2ตาเลย ทำไมนังฤทัยต้องเข้าไปหาไอ้ไม้ถึงในเรือนคนใช้ เข้าไปคุยอะไรกันในห้อง”
“มันคงไม่ได้คุยกันธรรมดา คงจะนอนคุยกัน” ทิพย์บอก
“ห่ะ! มะ...หมายความว่า นังฤทัยเล่นชู้กับคนขับรถงั้นเหรอ?”
“มันได้ถูกเฉดหัวออกจากบ้านแน่ ฉันจะไปฟ้องคุณลิตร”
ทิพย์จะเดินออกไปแต่ชิดคว้าแขนไว้
“อย่าใจร้อนนะทิพย์ แค่ตาฉันเห็น คุณลิตรไม่มีวันเชื่อหรอกทิพย์ต้องมีหลักฐาน”
ทิพย์คิดได้ก็เห็นด้วยแต่ก็จำต้องอดใจไว้ก่อน
เรือนริษยา ตอนที่ 18 (ต่อ)
ฤทัยเดินหิ้วกระเป๋าเข้าห้องมาโดยยังไม่ทันปิดประตูดีก็มีเสียงถามขึ้น
“ไปไหนมา! ตอนฉันกลับบ้านมา ฉันไม่เห็นเธอ” ลิตรถาม
ฤทัยยืนตัวเย็นเฉียบ ก่อนจะหันไปยิ้มหวานใส่ลิตร
“เอ่อ...ฤทัยก็อยู่ในบ้านนี่แหละคะ หึงฤทัยเหรอคะ” ฤทัยย้อนถาม
“ผู้ชายก็หึงทุกคนนั่นแหละ ถ้าผู้หญิงของตัวเองไปยุ่งกับคนอื่น”
ทำเอาฤทัยแทบเข่าอ่อนแล้วก็อึ้งไปอึดใจ
“เอ่อ...ยุ่งกับคนอื่น? ฤทัยเนี่ยะนะ บ้าแล้ว จะมีเศรษฐีที่ไหนหล่อรวยเท่าคุณอีกแล้ว ฤทัยไม่ทำอะไรโง่ๆนอกใจคุณหรอกค่า”
ฤทัยพูดพลางเข้าไปทำเนียนโอบกอดลิตร ลิตรยิ้มอย่างทะนงตัว
“หึ ผมก็แค่พูเตือนไว้เท่านั้น” ลิตรจับคางฤทัยขึ้นแล้วพูด “จำเอาไว้นะว่าผมไม่ชอบให้ใครมาสวมเขาให้ ถ้าไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้วก็บอกมาตรงๆ ผมไม่ฝืนใจ”
“ฤทัยกลัวแต่ว่าคุณลิตรจะเบื่อฤทัยน่ะซีคะ” ฤทัยบอก
“ฉันไม่เบื่อหรอก ถ้าเธอยังตามใจฉัน เอาใจฉันแบบนี้”
“ค่ะ คุณทำอะไรฤทัยจะไม่ว่า คุณจะมีผู้หญิงนอกบ้านกี่คนฤทัยก็ไม่สน ขอให้ได้อยู่กับคุณ ฤทัยยอมทุกอย่าง”
ลิตรยิ้ม ก่อนจะจูบแก้มฤทัยแล้วกอดเธอไว้ ฤทัยแอบโล่งอก
ไม้นอนไม่สวมเสื้ออยู่บนเตียง เขามองเงินปีกใหญ่ในมือที่ฤทัยให้ไว้ ไม้โยนเงินขึ้นปลิวว่อน เงินร่วงใส่ตัวและบนเตียง ไม้หัวเราะร่วน
“ฮ่ะๆๆ แกสบายแล้วไอ้ไม้...หึๆๆ”
ลิตรกำลังนั่งกินอาหารเช้า โดยมีทิพย์คอยเสิร์ฟคอยเอาอกเอาใจทำหน้าที่เป็นเมียที่ดี
“ซุปไก่ตุ๋นยาจีนค่ะ ทิพย์ตุ๋นทั้งคืนเลยนะคะ คุณทำงานหนัก ทานเยอะๆ จะได้บำรุงร่างกาย”
“ฉันรู้สึกเพลียๆเหมือนกัน ขอบใจนะทิพย์ เรื่องอาหารการกินเธอรู้ใจฉันที่สุด” ลิตรว่า
ลิตรจับมือทิพย์ เขามองไปเห็นนันทนัชเดินเข้ามา ลิตรรีบปล่อยมือทิพย์แล้วกลับมาตีหน้าขรึมมองนันทนัชที่แต่งตัวไปรเวท
“อ้าว วันนี้ไม่ไปโรงเรียนหรือไง?” ลิตรถาม
นันทนัชถามแบบไม่ได้คิดอะไร “หนูปิดเทอมแล้วค่ะ พ่อไม่รู้เหรอคะ”
ลิตรฉุน “เวลาพ่อถาม ตอบดีๆไม่ได้หรือไง ทำไมต้องยอกย้อน!”
นันทนัชตกใจก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเสียใจที่ถูกดุ ทิพย์รีบขัด
“เอ่อ...รีบทานซุปค่ะคุณนัน กำลังอุ่นๆ เดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อยนะคะ”
นันทนัชตักกินอย่างฝืดคอเต็มที ลิตรเหลือบมองลูกอย่างอารมณ์เสีย บรรยากาศที่โต๊ะระหว่างพ่อกับลูกเต็มไปด้วยความอึดอัด ฤทัยเดินแต่งตัวสวยและอารมณ์ดีมาที่โต๊ะ เธอโอบไหล่หอมแก้มลิตร
“อรุณสวัสดิ์ค่าที่รัก”
การกระทำของฤทัยขยี้หัวใจทั้งนันทนัชและทิพย์ ลิตรมองฤทัยด้วยความรู้สึกแปลกตา
“เดี๋ยวนี้แต่งเนื้อแต่งตัวดูสาวขึ้นนะคุณ มีอะไรรึปล่าว?”
ทิพย์แอบสะใจ เธออยากให้ลิตรจับได้ว่าฤทัยเป็นชู้กับไม้เลยต้องทำตัวสาว แต่ฤทัยก็เอาตัวรอดได้ด้วยการพูด
“แหม ก็มีคุณไงคะ ฤทัยถึงต้องปรับปรุงตัว ดูแลตัวเองให้สาวขึ้นกว่าเดิมคุณจะได้ไม่เบื่อ”
นันทนัชสุดจะทนฟัง เธอวางช้อนเคร้งเสียงดังแล้วลุกขึ้นทันที ฤทัยทำเป็นสะดุ้ง
“อุ้ย ตาเถร!”
“จะไปไหนยัยนัน! นั่งลง กินต่อให้หมด”
“ไม่...หนูกินไม่ลง” นันทนัชว่า
ลิตรสั่งเสียงเข้ม “พ่อบอกให้นั่งลง นั่ง!”
“เอ่อ...นั่งลงเถอะค่ะคุณนัน อย่าดื้อกับพ่อลิตรซีคะ” ทิพย์บอก
ทิพย์ลูบหลังปลอบให้นันทนัชใจเย็นๆ
“นั่นซิ เดี๋ยวพ่อลิตรไม่รักนะค๊า จะหาว่าน้าไม่เตือนนะจ๊ะ”
นันทนัชจะตอบโต้แต่ทิพย์ส่ายหน้าห้ามพร้อมกับกดไหล่ไว้ นันทนัชจำใจต้องนั่งลง ฤทัยแอบยิ้มสะใจ
ทิพย์จับสองไหล่แล้วตักเตือนนันทนัช
“ทีหลังอย่าเถียงพ่อลิตรอย่างงั้นอีกนะคะ”
“ก็นันไม่อยากฟังน้าฤทัยออดอ้อนพ่อแบบนั้น” นันทนัชว่า
“ที่แม่นั่นออดอ้อนก็เพราะอยากให้พ่อรัก อยากแย่งความรักจากพ่อไปจากคุณ คุณนันจะยอมให้มันแย่งเหรอคะ?” ทิพย์ถาม
นันทนัชส่ายหน้าแล้วกลั้นน้ำตา
“ถ้าอย่างงั้น เวลาที่แม่ฤทัยอยู่กับพ่อ สู้มันซีคะ อย่าหนีเป็นอันขาดคุณนันต้องอ่อนหวาน เอาอกเอาใจพ่อลิตรนะคะ คุณนันต้องทำน้าจะช่วยหาทางให้คุณลิตรหมดรักนังฤทัย แล้วเฉดหัวมันออกจากบ้านอีกทางนึง”
ไม้กำลังเช็ดรถอยู่ ฤทัยทำเป็นเดินออกมาจากบ้าน ไม้หันไปมองฤทัย ฤทัยแอบชำเลืองสายตาส่งสัญญาณให้ไม้ตามไป แต่ไม้ยังไม่กล้าตาม เขาหันไปมองที่ต้นไม้ต้นหนึ่งก็เห็นชิดทำเป็นพรวนดินต้นไม้แต่ก็แอบชายตามองไม้อยู่ เมื่อรู้ว่าไม้มองมา ชิดก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม้แอบเจ็บใจเพราะรู้ว่าชิดกำลังจับตามองตัวเองอยู่
“ไอ้ชิด...มึง!”
ฤทัยเดินมารอไม้ที่มุมสวนลับตากัน แต่ก็ชะเง้อแล้วหันไป ไม้ก็ยังไม่ตามมาเสียที
“โธ่เอ้ย...ทำไม่รีบตามมานะ มั่วชักช้าไรอยู่ เดี๋ยวคุณลิตรก็ออกมาจากห้องทำงานซะก่อนหรอก”
ฤทัยเหลือบไปเห็นทิพย์แอบมองอยู่ที่มุมหลังบ้าน ฤทัยรีบหันหน้าหลบ
“อีทิพย์! มึงแอบตามดูกูเหรอ อี่นี่”
แล้วฤทัยก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นไม้เดินตามมาโอบเอว
ไม้พูดเบาๆ “รอนานไหมครับคุณผู้หญิง?”
“อุ้ย!”
“ขอโทษครับที่ตามมาช้า ไอ้ชิดมันคอยตามดูผมอยู่”
ทิพย์เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มออกทันทีเพราะโอกาสทองมาถึงแล้ว
“หึ วันนี้แหละคุณลิตรจะได้เห็นธาตุแท้แก นังกากี”
ทิพย์รีบผลุบกลับเข้าไปในบ้านทันที
ลิตรกำลังนั่งบีบหว่างคิ้วพักสายตาจากกองเอกสารบนโต๊ะมากมายอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา!” ลิตรบอก
ทิพย์รีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“คุณลิตรคะ ออกไปดูอะไรโน่นเร็ว”
ลิตรเงยหน้าขึ้นมองอย่างเคร่งเครียด
“ออกไปดูอะไร๊?” ลิตรถาม
ทิพย์สวน “คุณฤทัยกับนายไม้ค่ะ”
ลิตรชะงัก “2คนนั่นทำไม?”
“คุณตามทิพย์ออกไปดูเองดีกว่าค่ะ”
ทิพย์พูดพลางหันเดินออกไปเพื่อไม่ให้โอกาสลิตรได้ถามต่อ ลิตรรีบเดินตามออกไปด้วยความสงสัยอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไร
ลิตรเดินตามฤทัยออกมาที่สวน ทิพย์ชี้ไปยังจุดที่เห็นฤทัยกับไม้กอดกันอยู่เมื่อครู่
“นั่นไงคะคุณลิตร คุณดูเอาเอง!”
ลิตรมองไปแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นสองคนประคองกอดจากด้านหลังเหมือนว่ากำลังจูบกันอยู่
“ฤทัย!”
ฤทัยเหมือนจะเป็นลม ไม้จึงประคองอยู่
“คุณลิตรครับ คุณฤทัยเป็นอะไรก็ไม่รู้ครับ อยู่ๆก็เป็นลม” ไม้บอกลิตรที่เดินมาหา
ทิพย์ตกใจ “ห่ะ!”
ลิตรรีบปรี่เข้าไปประคองฤทัย ทิพย์ยืนตะลึงค้างไม่คิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผัน
“ฤทัย...ฤทัย...ได้ยินผมไหม?”
ฤทัยทำเป็นปรือตาเหลือกขึ้นมองลิตรโดยแสดงละครได้เหมือนคนเป็นลมมาก ทิพย์ได้แต่ยืนตะลึง ชิดที่แอบตามมาดูไม่เชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน
“คุณ...ลิตร...เหรอ?” ฤทัยถาม
“คุณเป็นอะไรไปเนี่ยะ อยู่ๆมาเป็นลมเป็นแล้งตรงนี้”
“โรคเก่าของฤทัยกำเริบน่ะค่ะ” ฤทัยบอก
“โรคเก่า? คุณเป็นอะไรเหรอ?” ลิตรถาม
“โรคเม็ดเลือดขาวต่ำน่ะค่ะ” ฤทัยบอก
ทิพย์แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าฤทัยจะตอแหลได้ขนาดนี้ เธอเจ็บใจที่เสียรู้
ฤทัยพูดต่อ “อยู่ๆวันนี้มันก็กำเริบขึ้นมา ฤทัยไม่มีแรงเลย แล้วก็มึนหัว หน้ามืด”
“แล้วคุณไหวรึปล่าว ให้ผมพาไปหาหมอไหม?” ลิตรถาม
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่คุณลิตรพาฤทัยขึ้นไปพัก เดี๋ยวฤทัยก็หายแล้วนี่ดีนะ ตะกี้นายไม้เข้ามาเห็น ประคองไว้ทัน ไม่งั้นฤทัยล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว”
“แกทำดีมากไม้ ขอบใจมากนะ” ลิตรบอก
“อย่าขอบใจผมเลยครับ คุณลิตรกับคุณฤทัยดีกับผม อย่าว่าแต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เลยครับ ให้ทำมากกว่านี้ ผมก็ยินดีรับใช้ไปจนวันตายเลยครับ คุณลิตรรีบพาคุณฤทัยไปพักเถอะครับ ถ้ามีอะไร เรียกผมได้ทันทีเลยนะครับ”
“ขอบใจมากนะนายไม้”
ลิตรช้อนตัวฤทัยแล้วพาอุ้มเข้าบ้าน ฤทัยซบลิตรออเซาะ ทิพย์ยืนมองด้วยความเจ็บใจที่เพลี่ยงพล้ำฤทัยจนได้ ไม้หันมามองทิพย์แล้วก็ยิ้มเยาะเย้ยใส่ก่อนจะเดินผิวปากจากไป
ทิพย์เดินมาที่หน้าห้องด้วยความรู้สึกหมดหนทางที่จะไล่ฤทัยออกจากบ้านได้ทั้งๆ ที่โอกาสมีแล้ว
ลิตรเดินออกมาจากห้องนอนด้วยท่าทางเหมือนจะออกไปข้างนอก
“ทิพย์!” ลิตรเรียก
“เอ่อ...ค่ะ?”
“ฉันจะออกไปดูงานที่โรงสี ฤทัยนอนซมอยู่บนเตียง ฝากทิพย์ดูแลด้วย” ลิตรบอก
“ทำไมทิพย์...”
ทิพย์มีสีหน้าน้อยใจแต่ลิตรขัดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ แต่ทรงอำนาจ
“อย่ามามีข้อแม้กับฉัน! ฤทัยเป็นเมียฉัน หรือว่าเธอไม่เป็นห่ะ?”
ทิพย์รู้สึกเจ็บ “ใช่ ทิพย์เป็นเมียคุณ”
“งั้นก็ชื่อฟังฉัน! อยู่ร่วมบ้านกันให้สงบสุข อย่าให้ฉันต้องเลือกว่าใครควรอยู่ ใครควรจะไป! แล้วก็อย่าพยายามใส่ร้ายฤทัยเขา ฉันอยากให้บ้านสงบสุข ไม่มีเรื่องราววุ่นวายกวนใจ”
ลิตรพูดขู่ ทิพย์ได้แต่หน้าซีด แล้วลิตรก็เดินผละไป
ฤทัยเปิดประตูห้องเดินออกมาอย่างสบายดีด้วยสีหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะ เธอตรงเข้ามาหาทิพย์ด้วยรอยยิ้มเชือดเฉือน
“แกคิดจะกำจัดฉันด้วยเรื่องไอ้ไม้เหรอนังทิพย์ หึๆๆ อยากจะบอกว่าความสามารถเรื่องมัด-จับ-เป่าหูผู้ชาย แกยังด้อยกว่าฉันหลายขุมแกไม่มีทางกำจัดฉันไปจากบ้านนี้ได้หรอก นังกะลาก้นครัว
ฉันจะทำให้แกกับนังนันคุณหนูของแก..ทรมานอยู่กับฉันในบ้านนี้ไปอีกเป็นสิบๆปี คอยดู ฮ่ะๆๆ”
ฤทัยเดินหัวเราะร่าเข้าห้องไปทิ้งให้ทิพย์ยืนแค้นจนน้ำตาไหล ทิพย์เซทรุดแล้วก็นั่งแผละอยู่ตรงนั้น
ดอกรำเพยแสนสวยอยู่ที่ต้น มือบอบบางยื่นมาตะกรองดอกรำเพยไว้ในมือ นันทนัชในวัยสาว15ปีที่สวย น่ารัก กำลังยิ้มน้อยๆเศร้าๆ ขณะมองดอกรำเพย
“ดอกรำเพย...แม่รำเพย...ดอกก็สวย...ชื่อก็เพราะเหมือนแม่รำเพย”
อยู่ๆก็มีมือถือกรรไกรมาดักดอกรำเพยที่กิ่งรวยลงต่อหน้านันทนัช
“อีกดอกไม้บ้านี่ไม่รู้จะปลุกไว้ทำไมให้รกบ้านทำไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย นี่ๆ” ฤทัยว่า
ตัดทิ้งไม่พอฤทัยยังเหยียบซ้ำ นันทนัชตะลึงมองราวกับถูกเหยียบย่ำหัวใจ
“ห่ะ!” นันทนัชมองฤทัยอย่างโกรธมาก “น้านั่นแหละ เป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้พ่อหน้ามืดตามัวเลี้ยงไว้ทำไมให้รกบ้าน วันๆไม่เห็นทำอะไร นอกจากใช้เงิน แต่งตัวอ่อยพ่อแล้วก็หาเรื่องกลั่นแกล้งคนอื่น ระรานได้แม้กระทั่งดอกไม้ ไม่เคยเห็นใครหยาบคาย เกิดมารกโลกเหมือนน้ามาก่อนเลย”
“ฮ่ะๆ แกด่าว่าฉันรกโลกงั้นเหรอ รกโลกอย่างฉันแต่ก็ยังมีคนเอาย่ะ แกซะอีกที่เกิดมารกโลกของแท้ แม่ก็ตายโหง พ่อก็ไม่เคยรัก ชีวิตแกมันโตมากับมือคนใช้ สมองน่ะ” ฤทัยใช้นิ้วจิ้มหัวนันทนัช “คิดซี...คิดๆๆคิดเข้าไป ว่าตัวเองน่ะน่าสมเพชมากแค่ไหน”
นันทนัชจับนิ้วฤทัยไว้
“น้านี่มันเลวจริงๆ”
ฤทัยตกใจจะโวยวายแต่ตาเหลือบมองไปเห็นลิตรแต่เดินมาแต่ไกลเสียก่อน เลยยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“ปล่อยฉันนะ ถ้าคิดจะสู้ฉันล่ะก็ เตือนไว้ก่อนว่าแกไม่มีวันชนะ”
แต่นันทนัชไม่เห็นเพราะมัวแต่มองไปที่กรรไกรในมือฤทัยอย่างไม่รู้เท่าทันในแผนการ
“ทำไม น้าจะแทงหนูเหรอ เอาซี แทงเลย พ่อจะได้รู้ซะทีว่าธาตุแท้ ของน้านน่ะเป็นยังไง”
“แทงเหรอ โฮะ! นังเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเอ้ย ฉันไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงทำอะไรแกหรอก แกไม่ปล่อยใช่ไหม...ได้” ฤทัยโยนกรรไกรทิ้งแล้วแสร้งทำบีบน้ำตาก่อนจะร้องตะโกน “อ๊าย คุณลิตรขา ช่วยด้วยค่ะ หนูนันจะทำร้ายฤทัยค่ะ”
“ปล่อยฤทัยเดี๋ยวนี้นะนัน”
“ห่ะ!”
นันทนัชอ้าปากค้างที่เสียท่าฤทัยจนได้ เธอพยายามจะปล่อยมือฤทัย แต่ฤทัยกลับเป็นคนจับมือของเธอไว้แล้วทำเป็นดิ้นเหมือนถูกบิด
“อ๊าย!ปล่อยมือน้าเถอะหนูฤทัย น้าเจ็บนะ โอ๊ย” ฤทัยโวยวาย
“ยัยนัน....พ่อบอกให้ปล่อย! แกบ้าไปแล้วหรือไง ปล่อย” ลิตรว่า
ลิตรวิ่งเข้ามากระชากมือนันทนัชออกจากมือฤทัย โดยไม่ได้ดูตาม้าตาเรือว่าใครกันแน่ที่เป็นคนจับ
“เป็นยังไงบ้างฤทัย” ลิตรถาม
“เจ็บแขนค่า ไม่รู้ข้อมือซ้นรึปล่าว” ฤทัยตอบ
นันทนัชมองพ่อที่ออดอ้อนเป็นห่วงฤทัยด้วยความรู้สึกเจ็บปวดมาก
“ทำไมพ่อไม่ห่วงลูกถามลูกบ้างว่าเจ็บรึปล่าว” นันทนัชว่า
“ถามทำไม ก็ฉันเห็นอยู่ว่าแกกำลังทำร้ายน้าฤทัย”
“หนูไม่ได้ทำ!”
“หุบปาก! ยังมีหน้ามาโกหกต่อหน้าต่อตาฉันอีก แกไปให้พ้นหน้าฉันเลยไป! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก”
น้ำตานันทนัชไหลเผาะ ก่อนที่เธอจะหันหลังวิ่งจากไป ฤทัยแอบยิ้มสะใจ
ภาพในอดีตย้อนกลับมา เป็นตอนที่ลิตรทะเลาะกับนันทนัชและไล่นันทนัชไปเรียนเมืองนอก
นันทนัชวิ่งร้องไห้มา ทิพย์วิ่งตามมา
“คุณนันคะ...คุณนันเดี๋ยว” ทิพย์คว้าแขนแล้วดึงไว้ “พ่อลิตรแค่กำลังโกรธ...ก็พูดไปอย่างงั้น ไม่ได้ไล่คุณนันไปจริงๆหรอกค่ะ”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อไล่นัน พ่ออยากให้นันไปให้พ้นอกพ่อจริงๆ”
ทิพย์ส่ายหน้า “ไม่...ไม่จริงหรอก”
นันทนัชหันมามองหน้าทิพย์
“ทำไมจะไม่จริง น้าก็รู้จักพ่อดีว่าคนอย่างพ่อไม่เคยพูดเล่น พ่อพูดจริง ทำจริงเสมอ”
“ต่อให้พูดจริงก็เถอะ คุณนันไม่อยากจะไปเรียนต่อเมืองนอกนี่คะ ก็ไม่ต้องไป ใครก็บังคับคุณนันไม่ได้”
“แต่นันจะค่ะ!”
ทิพย์อ้าปากค้าง “วะ...ว่าไงนะ!”
ทิพย์มองนันทนัชตาค้างเพราะคนๆเดียวที่จะช่วยทำให้ฝันตัวเองกลายเป็นจริงได้กำลังจะทิ้งเธอไป
“เพื่อนซี้นันเรียนอยู่ที่อังกฤษ นันจะตามไปเรียนกับเพื่อน” นันทนัชบอก
“คุณนันจะไปอยู่กับเพื่อน แล้วน้าล่ะคะ!”
“น้าทิพย์ไปอยู่กับนันซี”
“แล้วทิ้งที่นี่ไว้งั้นเหรอคะ”
“หึ ทิ้งที่นี่งั้นเหรอ นันว่าเรา2คนถูกทิ้งไว้ที่บ้านหลังนี้นานแล้วนะคะเราถูกลืม เราจะอยู่เฝ้าอะไรอีก เราควรเป็นฝ่ายทิ้งมันซะที”
นันทนัชหันจะเดินออกไป
“แต่น้าไม่ไป ไม่ไปเด็ดขาด แล้วคุณนันก็ไม่ควรจะไป”
“หึ พ่อทำเหมือนไม่มีนันอยู่ในความคิดพ่อเลยแล้วนันจะอยู่เพื่ออะไรอีก นันหมดใจที่จะอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าน้าจะอยู่ก็ตามใจ แต่นันไม่”
นันทนัชเดินร้องไห้จากไป ทิพย์ยืนเจ็บแค้นและน้ำตาไหลพรู
“นังเด็กโง่! แกจะอยู่เพื่อช่วยฉันไม่ได้หรือไง”
ลิตรก็หันมาเห็นทิพย์จูงนันทนัชเดินเข้ามาหา รอยยิ้มนั้นหุบแล้วเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
“คุณผู้ชายคะ คุณหนูมาลาขึ้นเครื่องค่ะ” ทิพย์บอก
“จะมาลาทำไม ในเมื่ออยากไปให้พ้นๆหน้าฉันใจจะขาด
“ฉันจัดการให้ตามที่แกต้องการแล้ว ก็รีบๆไปซะ”
“ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะคะคุณผู้ชาย อวยพรให้คุณหนูซีคะ”
“จะให้ฉันอวยพรอะไรห่ะ! เค้าว่าคนบางคนเลี้ยงไปเปลืองข้าวสุกแต่สำหรับฉัน อยู่กับข้าวเปลือกยังดีกว่าอยู่กับคนบางคน”
นันทนัชเสียใจมากจนน้ำตาคลอปากคอสั่น
“งั้นพ่อก็อยู่กับโรงสี อยู่กับข้าวเปลือกของพ่อต่อไปเถอะ เพราะมันทำให้พ่อมีเงินมีทองร่ำรวยขึ้นได้ แต่อยู่กับนันมันก็เหมือนอยู่กับส่วนเกินของชีวิตพ่อ”
นันทนัชหันเดินจะออกจากโรงสีแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นฤทัยในชุดสวยสวมหมวกปีกทาปากแดงถือกระเป๋าเดินราวกับนางพญาเดินเข้ามาในโรงสี
“คุณลิตรคะ คิดถึงจังเลย”
ฤทัยถลาเข้าไปกอดลิตรด้วยเสน่ห์เย้ายวน ทิพย์มองอย่างเจ็บใจ
“นี่2พ่อลูกทะเลาะกันอีกแล้วเหรอคะ ไม่เอาซีคะคนดีของฤทัย” ฤทัยที่ทาเล็บแดงแจ๋จับหน้าลิตร “อย่าทำหน้าอย่างงี้ มามะ ฤทัยช่วยนะคะ” ฤทัยยื่นหน้าไปจุ๊บที่แก้มลิตร “เป็นไงคะ อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง ฮิๆๆ”
เสียงหัวเราะนั้นช่างบาดหูเหลือเกิน นันทนัชสุดทนจึงหันหลังเดินกลับออกไปจากโรงสี ทิพย์เดินตาม
เรือนริษยา ตอนที่ 18 (ต่อ)
นันทนัชเดินน้ำตาไหลเผาะออกจากโรงสีมายังรถที่คนขับรถจอดรออยู่ด้านนอก แล้วนันทนัชก็ยืนเกาะรถร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างสุดแสนเสียใจ ทิพย์เดินตามมาพูดรั้งไว้
“เห็นอย่างงี้แล้ว คุณหนูยังจะไปเรียนต่อลงอีกเหรอคะ”
“ในเมื่อพ่อไม่รักนันแล้ว ไม่ต้องการนัน นันจะอยู่ทำไมคะน้าทิพย์”
“ที่คุณลิตรเป็นอย่างงี้ก็เพราะถูกยัยฤทัยใช้มารยายั่วยวนจนหลงมันไม่ลืมหูลืมตา อย่าไปเลยค่ะคุณหนู อยู่สู้กับมัน คุณลิตรไม่ได้ตั้งใจจะไล่คุณหนูไปหรอก แต่เพราะนังฤทัย เพราะมันคนเดียว”
“นี่ อย่ามาโทษฉันนะ”
นันทนัชกับทิพย์หันไปเห็นฤทัยเดินตามเข้ามา
“อยากทำตัวเอง ไม่รักดี ก็ต้องถูกเฉดหัวออกจากบ้านแบบนี้แหละ”
“อย่ามาว่าคุณหนูนะ”
“ทำไม! ฉันพูดความจริง รับไม่ได้เหรอ หึ! รีบไปเถอะ เธออยู่ไปก็มีแต่ทำให้พ่อเธอรำคาญใจ อย่างน้อยก็ไปเรียนให้จบอะไรมาสักอย่าง เผื่อพ่อเธอจะภูมิใจขึ้นมามั่งที่ลูกอย่างเธอ”
“แก...นึกว่าเก่งนักหรือไง ถึงได้มาด่าว่าข่มเหงรังแกเด็กอยู่แบบนี้”
“ปล่อยให้เค้าทำไปค่ะน้า เค้าอยากจะด่าว่ายังไงก็ปล่อยให้เค้าพูดไป นันจะจำใส่สมองไว้ทุกคำพูด จะไม่มีวันลืมเลย แล้วเราต้องได้เจอกันอีกแน่คุณฤทัย”
นันทนัชดึงทิพย์ขึ้นรถไป
“แต่ฉันไม่อยากเจอหล่อนอีกแล้ว ไปเลย ไปแล้วไปลับ ไม่ต้องกลับมาอีกนะยะ ฮ่ะๆๆ”
รถแล่นออกไปช้าๆ นันทนัชหันไปมองฤทัยเป็นครั้งสุดท้าย ฤทัยกวักมือไล่แล้วหัวเราะเริงร่าหันเดินกลับไปทางโรงสี
ลิตรกำลังไอด้วยหน้าตาอิดโรยอยู่ที่กองเอกสารบนโต๊ะ เขาแอบมองไปที่รูปถ่ายของนันทนัชที่เก็บไว้ในลิ้นชักด้วยความคิดถึงแต่เต็มไปด้วยทิฐิ
ลิตรคิดในใจ “นังลูกอวดดี ฉันส่งแกไปเรียนเมืองนอก เพื่อหวังให้แกได้ดี แต่ในหัวสมองเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างแก คงคิดอยู่อย่างเดียวว่าฉันทอดทิ้งแกซินะ ถึงไม่เคยติดต่อกลับมาพ่อเลย ในเมื่อแกใจดำกับฉัน ฉันก็จำใจดำกับแกเหมือนกัน”
ลิตรขบกรามด้วยความเสียใจเพราะการที่นันทนัชไม่ติดต่อกลับมาเลยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตรอมใจลึกๆ จนร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยได้ง่าย ลิตรยกมือขึ้นจับหน้าผากแล้วก็รู้สึกปวดหัวตึ้บก่อนจะไอออกมา เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลิตรรีบเก็บรูปแล้วปิดลิ้นชัก
“ฤทัยเหรอ?”
ลิตรเงยหน้ามองไปที่ประตูแล้วทิพย์ก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดใส่อาหารและยา
“ทิพย์เองค่ะ ได้ยินเสียงคุณไอตลอดเลย เป็นไงคะ ไม่สบายใช่ไหมทิพย์ทำข้าวต้มปลามาให้ค่ะ กินหน่อยนะคะ จะได้กินยาแก้ไข้นี่”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“ไหนคะไม่เป็นไร?”
ทิพย์จับที่แขนของลิตรแล้วก็เลยไปที่หน้าผาก ลิตรมองทิพย์อึ้งๆ
“ตัวร้อนรุมไข้ขนาดนี้ ยังบอกไม่เป็นไรอีก กินข้าวต้มซะหน่อยนะคะไม่ต้องกินหมดก็ได้ แต่ขอให้กินรองท้องก่อนทานยา”
“ขอบใจมากนะทิพย์ ถ้าฤทัยเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างเธอบ้างก็คงจะดี”
ลิตรพูดเสร็จก็ตักข้าวต้มเข้าปากด้วยสีหน้าถูกอกถูกใจก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากิน ทิพย์แอบยิ้ม และมีสีหน้าเห็นแววเอาชนะฤทัย
ฤทัยเดินมาเปิดจะเข้าห้องแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นทิพย์กำลังดูแลลิตรอยู่
“อีทิพย์! เผลอเป็นไม่ได้ แอบมาเอาอกเอาใจมัดใจผัวอีกแล้ว นังนี่”
ไม้กำลังยืนดูจดหมายทวงหนี้ก่อนขยำจดหมายอย่างเครียดและหงุดหงิด ฤทัยเดินมองหาไม้มา เห็นเขายืนอยู่ก็โผล่เข้ามากอดจากทางด้านหลัง
“อยู่นี่เอง จับตัวได้แล้ว”
ไม้แอบทำหน้ารำคาญประมาณว่าไม่มีอารมณ์เล่นด้วยในตอนนี้
“ยื่นอ่านจดหมายรักของสาวคนไหนอยู่เหรอจ๊ะ”
“จดหมายรักที่ไหน จดหมายทวงหนี้”
“หา...ไม้ไปติดใครเข้าล่ะ?”
“ก็...ไอ้พวกในบ่อนน่ะครับ เอ่อ” ไม้โกหก “ตอนนั้น แม่ผมตาย ผมไม่มีเงินทำศพก็เลยจำเป็นต้องไปยืม มันรู้ว่าผมมาทำงานที่นี่ มันก็เลยให้ลูกน้องมันเอาจดหมายทวงหนี้มาให้ ถ้าผมไม่จ่ายมันภายใน3วัน มันจะฆ่า”
ทิพย์จะเดินเข้าครัวทางประตูหลัง ในมือของเธอถือตะกร้าผ้าแต่ไม้กับฤทัยแอบดูอยู่นอกประตู
“ไหน เอามาดูซิ ติดมันอยู่เท่าไหร่” ฤทัยดึงจดหมายไปดูก่อนยิ้มออกมา “แหม แค่เนี่ยะ ฉันช่วยไม้ได้”
ไม้ดีใจ “คุณผู้หญิงจะใช้หนี้ให้ผมเหรอครับ!”
“อื้อ...แต่คนนี้ ไม้ต้องเป็นหนี้ฉันซะก่อน”
“ได้ครับ ผมยอมเป็นหนี้ทั้งตัวและหัวใจเลย”
ไม้ดึงฤทัยมากอด
“ฤทัย...ฤทัยอยู่ไหน?”
เสียงลิตรดังขึ้นนอกครัว ฤทัยกับไม้ตกใจ ฤทัยรีบหลบเข้าใต้โต๊ะโบกมือส่ายหน้าให้ไม้รับหน้าโกหกลิตร ลิตรเดินหน้าตาเหมือนคนป่วยเข้ามาเจอไม้ยืนบังโต๊ะและปั้นหน้าเฉยอยู่
“อ้าว ไอ้ไม้ เห็นคุณผู้หญิงไหม?”
“เห็นครับ ตะกี้อยู่ที่สวน”
ลิตรพยักหน้าแล้วไอ
“คุณลิตรไม่สบาย ยังไม่หายอีกเหรอครับ งั้นผมช่วยไปตามคุณผู้หญิงให้”
“เออ ขอบใจ”
ลิตรเดินไป ไม้เดินตาม ฤทัยโผล่จากใต้โต๊ะออกมามองอย่างโล่งใจ แต่ต้องชะงักเมื่อเห้นทิพย์เดินมาหยุดมอง สีหน้าเหยียดๆ
“น่าสมเพชรจริงๆ แอบเล่นชู้ ต้องคอยๆหลบๆซ่อนๆ ไร้อย่างอาย”
ฤทัยโผล่จากใต้โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
“ทำยังแกไม่เคยงั้นแหละ แกแอบเป็นเมียคุณลิตรทั้งๆที่แกยังเลี้ยงลูกให้คุณรำเพยอยู่เลย แกไม่น่าไร้ยางอายมากกว่าฉันเหรอห่ะนังทิพย์”
“แต่ฉันก็ยังรู้จักเลือก เลือกที่จะมีอะไรกับเจ้านาย มากกว่าเกลือกกลั้วกับระดับคนขับรถอย่างแก หึๆๆ”
ทิพย์หัวเราะเยาะในลำคอแล้วเดินผละไป ทิ้งความรู้สึกเจ็บแสบไว้ให้ฤทัย ฤทัยปัดของบนโต๊ะร่วง เพื่อระบายอารมณ์
ลิตรเซ็นเอกสารเสร็จส่งให้สมุทรชัย
“พรุ่งนี้ไม่ต้องเอาเอกสารมาให้ฉันเซ็นที่บ้านแล้ว ฉันจะกลับไปทำงานที่โรงสี”
“คุณลิตรไม่พักให้หายไข้ดีซะก่อนล่ะครับ ไม่ต้องรีบกลับไปก็ได้”
“ฉันไม่ชอบอยู่เฉยๆที่บ้าน มันเบื่อ” ลิตรบอก
สมุทรชัยจำต้องพยักหน้าฝืนยิ้มแล้วก็นึกได้จึงหยิบแบบสร้อยออกมาให้ดู
“นี่ครับ แบบสร้อยที่คุณลิตรสั่งให้หาคนออกแบบให้” สมุทรชัยบอก
ลิตรรับไปดู “อืม...สวยดี เค้าน่าจะชอบ”
“คุณลิตรจะทำสร้อยเป็นของขวัญให้คุณฤทัยเหรอครับ”
ฤทัยเดินมาได้ยินก็แอบยิ้มดีใจ
“ไม่ใช่! ฉันจะทำให้ทิพย์”
ฤทัยเปลี่ยนเป็นตกใจจนแทบกรี๊ด สมุทรชัยเองก็แปลกใจ
“ที่ฉันไม่สบายมาหลายวันนี่ ฉันไม่ต้องไปหาหมอเลย เพราะมีทิพย์คอยดูแลฉัน ฉันก็เลยอยากทำสร้อย ตอบแทนทิพย์บ้าง ตกลงว่า...คุณให้ช่างทำสร้อยตามแบบนี้เลยก้แล้วกัน บอกช่าง ว่าฉันต้องการเร็วที่สุด”
“ได้ครับคุณลิตร”
ฤทัยแอบดูอย่างแค้นมาก สองมือของเขากำแน่น
ฤทัยคิดในใจ “อีทิพย์! กู...สาบาน...กูต้องหาทางกำจัดมึงไปให้พ้นทางกูให้ได้”
สร้อยคอที่สั่งทำอยู่ในมือลิตร ลิตรยืนมองอยู่ในห้องด้วยความพอใจก่อนจะเก็บใส่กล่องกำมะหยี่แล้วจะเดินออกจากห้องไปให้ทิพย์ แต่ฤทัยเปิดประตูหน้าตาตื่นเข้ามาเสียก่อน
“คุณลิตร! ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในบ้านนี้เลยค่ะ” ฤทัยว่า
“ทำไม? เกิดเรื่องอะไร?” ลิตรถาม
“ก็ทิพย์กับนายไม้น่ะซิคะ กลางวันแสกๆ แอบเล่นชู้กัน”
“ว่าไงนะ!”
ลิตรรีบเดินออกจากห้องไปทันที ฤทัยเปลี่ยนมายิ้มร้ายก่อนเดินตามออกไป
ทิพย์กำลังโมโหขณะที่มองสภาพเตียงนอนของตัวเองถูกรื้อกระจุยกระจาย โดยมีชิดยืนอยู่ในห้องด้วย
“มันเข้ามารื้อค้นอะไรในห้องทิพย์?” ชิดสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันกลับมาจากตลาด ก็เห็นเตียงเละแบบนี้” ทิพย์บอก
“แล้วทิพย์แน่ใจเหรอว่าเป็นฝีมือของนังฤทัย” ชิดถาม
“ก็มีมันอยู่คนเดียว ที่จ้องจะกำจัดฉัน จะมีใครอีก ฉันจะเหลืออดแล้วฉันไม่รอแล้ว วันนี้ฉันจะบอกคุณลิตรว่ามันเป็นชู้กับไอ้ไม้มานานแค่ไหนแล้ว”
ทิพย์จะเดินออกไปแต่ไม้คว้าแขนเอาไว้
“อย่าทิพย์ ทิพย์ไม่มีหลักฐาน ทิพย์ไปฟ้องคุณลิตร ทิพย์เสร็จมันเลยนะ” ไม้บอก
“ถ้าฉันไม่ทำอะไร ฉันก็ต้องแพ้มัน รอวันถูกทิ้งอยู่ในห้องคนใช้แบบนี้ปล่อยฉันนะชิด วันนี้คุณลิตรต้องรู้ความจริง”
ประตูห้องถูกถีบจนเปิดปังเข้ามา ไม้กับทิพย์ตกใจหันไปมองก็เห็นลิตรยืนโกรธอยู่ โดยมีฤทัยกับไม้ยืน
อยู่ข้างหลัง
“คุณลิตร!”
ภาพที่ลิตรเห็นคือไม้กำลังจับทั้งสองแขนของทิพย์ในลักษณะที่คล้ายโอบกอด
“แกเข้ามาทำอะไรในห้องทิพย์ห่ะไอ้ชิด?” ลิตรถาม
ฤทัยปราดเข้ามายุส่งทันที
“นี่ไงคะ งานอดิเรกยามว่างของแม่บ้านเก่าแก่ของคุณเวลาเหงาๆ ก็มีไอ้ชิดเป็นคู่มั่วกัน ไม่เว้นกลางวันกลางคืน”
นายชิดผงะตกใจจนหน้าซีด
“ไม่จริง แกมีหลักฐานแค่นี้ มาใส่ร้ายฉันเหรอ” ทิพย์ว่า
“ผมแอบดูหลายคืนแล้วครับคุณลิตร ดึกๆเห็นนายชิดแอบเข้ามาในห้องนี้ ผมเลยสงสัย เช้านี้เข้ามาค้น ก็เจอเสื้อผ้าพวกนี้กองอยู่ข้างเตียง”
ไม้ปรี่เข้ามาเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะดึงกองเสื้อผ้ากับกางเกงชิดออกมาให้ดู
“ผะๆๆ ผมปล่าว” ชิดปฏิเสธ
ลิตรหายใจแรงด้วยท่าทีเดือดดาลแล้วหยิบกางเกงตัวหนึ่งขึ้นมา
“ถ้าไม่ใช่แก ไหนบอกฉันซิ ว่านี่ใช่กางเกงของแกรึปล่าว?”
ชิดมองไปที่กางเกงที่ลิตรเดินถือเข้ามาหา
“ฉันถามว่านี่กางเกงแกรึปล่าวไอ้ชิด ตอบมา!”
ด้วยความที่เป็นคนซื่อๆตรงๆ โกหกไม่เป็น ชิดจึงได้แต่ขาอ่อนทรุดลงนั่งอย่างหวาดกลัว
“ไอ้ชั่วเอ้ย สารเลว” ลิตรด่า
ลิตรเงื้อขาถีบชิดลงไปนอนมึน ทิพย์ต้องกับร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ชิด! ฮือๆๆๆ”
“แก 2 คน รีบออกจากบ้านฉันไปเดี๋ยวนี้ ไป”
ลิตรขว้างสร้อยลงกับพื้นแล้วเหยียบ
ทิพย์หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินร้องไห้ออกมา โดยมีชิดช่วยหิ้วกระเป๋าข้าวของตาม ทิพย์หยุดยืนร้องไห้แล้วเหลียวไปมองที่เรือนรัตนะเป็นครั้งสุดท้าย เธอเห็นลิตรยืนมองขบกรามอย่างโกรธจัด โดยมีฤทัยยืนเกาะแขนมองแล้วแอบยิ้มอย่างสะใจ ลิตรสะบัดหน้าเดินเข้าเรือนไปก่อน ฤทัยเลยเดินหัวเราะเยาะเข้ามาหาทิพย์
“หึๆแกคงคิดล่ะซีนังทิพย์ ว่าจะมีโอกาสอยู่ในบ้านหลังนี้รอวันที่นังนัน กลับมา จะบอกให้นะ ว่านังคุณหนูของแก มันจะมีสิทธิ์กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้ก็ต่อเมื่อคุณลิตรตายไปแล้วเท่านั้น”
“แกจะทำอะไรคุณลิตร อย่านะ” ทิพย์ว่า
“พอมันกลับมาตอนนั้น ก็สายไปซะแล้ว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็ตกมาอยู่ในมือของฉันหมดแล้ว” ฤทัยบอก
“อีสารเลว แกมันชั่วช้าที่สุด” ทิพย์ด่า
ฤทัยตบทิพย์เต็มแรง
ทิพย์ร้อง “อ๊าย!”
ทิพย์เซจนล้มลง ฤทัยตามมาจิกผม
“มึงไปเลยนะ ไปให้พ้น ถ้าโผล่มาให้กูเห็นหน้ามึงอีกแม้แต่นิดเดียวมึงจะไม่มีชีวิตได้อยู่เห็นหน้าคุณหนูนันของมึงอีกต่อไป” ฤทัยบอก
ฤทัยผลักหัวทิพย์จนล้มหงายไป
ทิพย์ร้องไห้ “ฮือๆๆ”
ชิดรีบเข้ามาประคองทิพย์ แล้วร้องห่มร้องไห้ไปด้วย
“ไปเถอะทิพย์ เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ” ชิดว่า
ชิดประคองทิพย์เดินร้องไห้ไปที่ประตูรั้วก่อนจะหันมามองเรือนรัตนะอีกครั้งด้วยน้ำตานองหน้าที่ต้องจากเรือนรัตนะที่เคยอยู่มานาน ทั้งสองเดินออกจากประตูรั้วไป
ทิพย์เดินหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาที่หน้าบ้านไม้กลางสวนที่ดูรกร้างเพราะถูกทิ้งไว้นาน แต่ไม้ก็จำได้ เพราะเคยมาตามรำเพยกับเรไร
“นี่มันบ้านที่คุณลิตรเคยพาคุณรำเพยหนีคุณเรไรมาอยู่กินด้วยกันนี่” ชิดว่า
“ใช่ เราจะอยู่กันที่นี่แหละ” ทิพย์บอก
“ทำไมต้องที่นี่ล่ะทิพย์ ทำไมเราไม่ไปให้ใกล้ๆจากคุณลิตร”
“เราจะไปได้ยังไงชิด ชิดไม่ห่วงคุณนันเหรอ ถึงคุณนันจะอยู่ที่เมืองนอกแต่สักวันก็ต้องกลับมา แล้วฉันก็เชื่อว่านังฤทัย มันต้องหาทางกำจัดคุณนันให้พ้นทางมันอีกคน”
“จริงด้วย นังนี่มันเลวผิดมนุษย์จริงๆ มันทำได้ทุกอย่าง ไม่กลัวบาปกลัวกรรมเลย”
“เราต้องรอคุณหนูอยู่ที่นี่ไง”
ทิพย์ถลาออกมาด้วยอาการคลื่นไส้ที่หน้าบ้านแล้วก็อาเจียนด้วยอาการคนแพ้ท้อง ชิดเดินหิ้วถุงข้าวของที่เพิ่งออกไปซื้อกลับมาเข้ามาเห็น
“ทิพย์! ทิพย์เป็นอะไร ...ไม่สบายเหรอ?” ชิดถาม
ชิดรีบวางข้าวของแล้วลูบหลังให้ทิพย์ แต่ทิพย์ยังคลื่นไส้ไม่หยุด
“เดี๋ยวฉันไปเอายาให้นะ” ชิดบอก
“ไม่ต้องชิด” ทิพย์พูดพลางนั่งหัวพิงราวบันไดหน้าบ้าน ชิดชะงักหันมามองอย่างแปลกใจ
“ฉันแพ้ท้อง...” ทิพย์พูดต่อ
“หา?” ชิดแทบช็อค
“ฉันท้องกับคุณลิตร ฮือๆๆ”
ทิพย์สะอื้นมือจับไปที่ท้องน้อยของตัวเอง
“ฉันอยากเจอคุณลิตร อยากบอกข่าวดีกับเค้า ช่วยฉันหน่อยนะชิดหาทางไปนัดคุณลิตรให้ออกมาพบฉัน อย่าให้นังฤทัยรู้เป็นอันขาดชิดต้องช่วยฉันนะ
ชิดได้แต่พยักหน้า
ชิดหลีกเลี่ยงที่จะไปลิตรที่เรือนรัตนะแต่มาหาที่โรงสีแทนพร้อมจดหมายของทิพย์ ลิตรอ่านจดหมายทิพย์ในมือ ขบกราม ขยำทิ้ง ชิดที่ยืนรออยู่ตกใจ
“แกกลับไปบอกนังทิพย์นะ ว่าฉันไม่มีอะไรจะพูดกับมันอีกแล้ว”
“ไปพบทิพย์สักครั้งเถอะคุณลิตร ทิพย์มีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ” ชิดบอก
ฤทัยกับไม้แอบฟังอยู่ที่ด้านนอกโรงสี
“กูไม่อยากฟัง”
“แต่ตอนนี้ทิพย์กำลังรอคุณอยู่ที่สวนหลังอำเภอนะครับ”
“กูบอกว่ากูไม่ไป มึงหูหนวกหรือไงวะ”
ลิตรถีบชิดจนล้มลง
“มึงก็ไสหัวไปให้พ้น อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่อย่างงั้นกูจะฆ่ามึง”
ลิตรกระทืบชิด แล้วหันหลังเดินผละไป ทิ้งให้ชิดนอนจุกคลุกฝุ่นอยู่ตรงนั้น
บริเวณที่ฤทัยกับไม้ยืนอยู่เมื่อครู่บัดนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว
ทิพย์รีบเดินมาตามทางเดินในสวน เธอมองไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่แต่ไกล
“คุณลิตร!”
ทิพย์หยุดยืนด้วยความดีใจ เธอก้มลงมองมือที่ลูบไปที่ท้องซึ่งกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆได้3เดือน ทิพย์รีบเดินไป เธอก้มหลบกิ่งมะม่วงแล้วรีบพูดไปด้วยความดีใจ
“คุณลิตรรอทิพย์นานมั้ยคะ”
พอชายคนนั้นหันมา ทิพย์ก็ต้องตกใจ เมื่อกลายเป็นไม้ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของลิตรยืนอยู่แทน
“ห่ะ! แก...ไอ้ไม้ แกเอาเสื้อผ้าของคุณลิตรมาใส่ แกทำอะไรของแกห่ะ”
เสียงฤทัยดังขึ้น “แล้วแกแอบนัดผัวฉันออกมาเจอทำไมห่ะนังขี้ข้า! กินบนเรือนขี้รถบนหลังคา”
ทิพย์หันไปมองก็เห็นว่าเป็นฤทัยโผล่ออกจากหลังต้นไม้แล้วมายืนอยู่ข้างหลัง เธอยิ่งตกใจจนแทบช็อค
“คุณลิตรเค้าไม่อยากเห็นหน้าแกอีกแล้ว รู้ไหม๊ เค้าก็เลยให้ฉันส่งไอ้ไม้มาสนองความร่านของแกแทน”
“ไม่จริง คุณลิตรเค้าสัญญาว่าจะออกมาเจอฉัน เค้าอยากรู้เรื่องลูกของเรา” ทิพย์บอก
“นี่แน่ะ! ลูกของเราเหรอ” ฤทัยว่า
ฤทัยเงื้อมือตบหน้าทิพย์จนล้มลงกับพื้น
“ลูกของแกกับไอ้ชิดคนขับรถของนังเรไรต่างหาก! ไม่ใช่ลูกของผัวฉัน”
ทิพย์ส่ายหน้า “เอาอะไรมาพูด ฉันกับนายชิดไม่ได้มีอะไรกัน ฉันท้องกับคุณลิตร เด็กในท้องนี่เป็นลูกของเค้า”
ฤทัยถึงกับลั่งกรี๊ดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“หยุดนะอีไพร่! ขี้ข้าอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาท้องกับผัวฉัน จัดการมันไอ้ไม้! สั่งสอนมันให้หลาบจำ จะได้ไม่ต้องเสนอหน้ามายุ่งกับผัวฉันอีก”
ไม้ย่างสามขุมเข้ามา ทิพย์เถือกตัวหนี
“อย่าเข้ามานะ แกจะทำอะไรฉัน อ๊าย!”
ทิพย์ร้องลั่น เมื่อไม้ใช้มือจิกหัวกระชากแล้วตบก่อนจะเริ่มลงมือกระทืบไปที่ท้องของทิพย์ ฤทัยยืนมองอย่างสุดแค้น
“โอ๊ย...อย่า...อย่าทำลูกฉัน...ฉันไหว้ล่ะ...อย่าทำ...กรี๊ดด” ทิพย์คร่ำครวญ
ร่างสะบักสะบอมของทิพย์เดินโซซัดโซเซออกมาจากความมืดของสวน สองมือของเธอโอบอุ้มประคองบางอย่างเอาไว้ในมือ ทิพย์เดินมาถึงถนนก็หมดแรงทรุดนั่งกองอยู่ริมทาง เธอพยายามมองหาคนช่วย
“ช่วย...ด้วย...”
เสียงมอเตอร์ไซด์แล่นมาแต่ไกล ทิพย์ค่อยๆหันไปมองตามเสียง
แสงไฟจากหน้ารถมอเตอร์ไซด์ขับใกล้เข้ามาๆ เมื่อแสงไฟใกล้เข้ามาจนส่องสว่างที่หน้าทิพย์ก็เห็นว่าหน้าทิพย์ฟกช้ำ บวม และมีเลือดที่ปาก แต่ใบหน้าของเธอขาวซีดไร้สีเลือดเพราะเสียเลือดมาก ทิพย์ยื่นมือที่เปื้อนเลือดข้างหนึ่งออกไป
“ช่วย...ด้วย...”
ทิพย์ล้มฟุบลงแล้วสติก็เริ่มจะดับ คนขี่มอเตอร์ไซด์จอดรถก่อนจะวิ่งเข้ามาประคองซึ่งก็คือชิดนั่นเอง
“ทิพย์...ทิพย์เป็นอะไร...ใครทำอะไรทิพย์ ห่ะ! เลือด” ชิดตกใจ
ชิดแทบช็อคเมื่อพบว่าในมือทิพย์อุ้มเลือดก้อนหนึ่งอยู่
“เลือดอะไรเนี่ยะ!”
“ช่วยลูกฉันด้วย...ฮือๆๆ”
ทิพย์ร้องไห้ออกมาแทบขาดใจแล้วก็หมดสติไป
“ทิพย์!” ชิดร้องลั่น
จบตอนที่ 18