ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 15
วีด้าเดินเข้ามาในร้านกาแฟ หยุดตรงโต๊ะที่ดนัยกับเกรซนั่งรออยู่ ทั้งสองมองหน้ากัน
วีด้านั่งลง ดนัยยื่นเอกสารใบเสร็จคืนให้วีด้า
“ใบโอนเงินฉบับที่ให้ผมตรวจสอบ เป็นของบริษัททางยุโรปที่ไม่มีตัวตน”ดนัยบอก
“ดนัยหมายความบริษัทพวกนี้ ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นที่จะหมุนเงินใช่ไหม” เกรซถาม
“อาจจะไม่ได้ตั้งด้วยซ้ำ”
เด็กเสริฟเอาน้ำมาเสริฟให้วีด้าที่ยังสนใจฟังดนัยอยู่
“ข้อมูลตรงกับที่ฝ่ายกฏหมายของวีด้าเช็คมา และถ้าเป็นแบบนั้นบริษัทผู้รับโอนทางนี้ก็ต้องผิดด้วยรึเปล่าคะ” วีด้าถาม
“แต่เค้าอาจจะรู้ หรือไม่รู้ก็ได้ ถ้ามีส่วนรู้เห็น ถึงจะมีความผิด” ดนัยตอบ
วีด้าใช้ความคิด
ยศสรัลนั่งอยู่ในห้องทำงาน เขากำลังนึกถึงภาพในวัยเด็กระหว่างตน คัชพล และวีด้า
“พี่บอกว่าไม่เล่นก็ไม่เล่นสิ มาตื้ออยู่ได้” คัชพลว่า
“ก็วันนี้วันเกิดน้องแพร พี่ใหญ่เล่นกับพวกเราไม่ได้เหรอคะ นะๆๆๆ” วีด้า หรือน้องแพรในวัยเด็กยังตื๊อคัชพล
คัชพลรำคาญผลักน้องแพรออกแล้วลุกพรวดขึ้น
“ไม่เอาอ่ะ พี่ไม่เล่นกับเด็กๆหรอก ไปไกล”
“พี่ใหญ่ ผลักน้องแพรทำไม” ยศสรัลเอ่ย
“ก็บอกแล้ว ว่าเราไม่เล่นกับเด็กผู้หญิง น่ารำคาญจริงๆ”
น้องแพรร้องไห้เสียใจ
“น้องแพรไม่ต้องร้องนะ เดี๋ยวพี่เล่นเป็นเพื่อนน้องแพรก็ได้” ยศสรัลปลอบ และเช็ดน้ำตาให้
“ไหนลองยิ้มซิ”
น้องแพรยิ้มให้ ยศสรัลยิ้มตอบ
คัชพลเบ้ปากแล้วเดินออกไปนั่งกินขนม มีธัญกรผู้เป็นน้องเล็กนั่งวาดรูปอยู่ตรงนั้นด้วย พร้อมพี่เลี้ยง
ยศสรัลยื่นมือให้น้องแพรเกาะลุกขึ้น แล้วเด็กทั้งสองก็วิ่งไปที่ลูกฟุตบอลที่กลางสนาม
กลับมาที่ปัจจุบัน ยศสรัลนั่งเหม่ออยู่ในห้องทำงาน ยังคงคิดถึงอดีตต่อไป ภาพตนกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องสมุดมหาวิทยาลัยรามคำแหงผุดขึ้นมา
“นางกานดา ภรรยานายชาติชาย เครียดจนคลุ้มคลั่ง เสียสติส่วนลูกสาวคนเดียว ถูกส่งตัวไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
ยศสรัลสงสัยขึ้นมา “วีด้ามีคุณอาเลี้ยงมานี่มันยังไงกัน”
ดนัยกับวีด้าเดินเข้าไปในตัวอาคารสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แล้วเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่แผนกร้องเรียน
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ให้กับเรา ทางแผนกจะปิดเป็นความลับถึงแหล่งที่มาครับ” เจ้าหน้าที่พูด
“แล้ว ปปง.จะจัดการยังไงต่อคะ”วีด้าถามอย่างอยากรู้
“เราจะขอหมายศาลอายัดเงินก้อนนี้เป็นอันดับแรก และสืบหาต้นตอต่างชาติ ว่าดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติรึเปล่า และถ้าใช่ ผู้ที่เกี่ยวข้องทางนี้ ก็จะถูกดำเนินคดีต่อไปครับ” เจ้าหน้าที่กล่าว
วีด้าดีใจ มีความหวัง ส่วนดนัยสังเกตวีด้าอยู่
ยศสรัลขับรถผ่านป้ายทางเข้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่วีด้าเคยอยู่ เขาเข้าไปบริเวณด้านใน
ลงจากรถแล้วมองตัวอาคารก่อนเดินเข้าไป มีเจ้าหน้าที่เข้ามาทักยศสรัล
“มีอะไรให้ช่วยรึป่าวคะ”
ยศสรัลได้สติ หันมองเจ้าหน้าที่
“อ่อ.. ผมอยากจะมาขอดูประวัติเด็กที่เคยอยู่ที่นี่ครับ”
“เด็กชื่ออะไรคะ”
“เด็กหญิงแพรไหมครับ เด็กหญิงแพรไหม วาณิชโยธิน”
ยศสรัลเข้ามานั่งคุยกบผอ.สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในห้องของ ผอ. ซึ่งเป็น ผ.อ. คนเดิมที่เคยดูแลวีด้าตอนเด็ก
“คุณเป็นอะไรกับเด็กคนนั้นเหรอคะ” ผ.อ. ถาม
“ผมเป็นเพื่อนสมัยเด็กของแพรไหมครับ เจอกันครั้งสุดท้ายตอนนั้นเธอน่าจะอายุประมาณ 7 ขวบ”
“อืม..” ผ.อ. ตอบรับ
เจ้าหน้าที่เคาะประตูแล้วเปิดเดินเข้ามา เอาแฟ้มประวัติแพรไหมมาให้ผอ. เมื่อ ผอ.เปิดดูรูปก็จำได้ทันที
“แพรไหมดิชั้นจำได้แล้วค่ะ ตอนแรกที่ไปเจอ เด็กน่าสงสารมาก อยู่กันสองคนกับแม่ ที่มีอาการทางจิตและคุ้มคลั่ง”
“หลังจากถูกส่งตัวมาที่เรา น้องแพรก็ไม่พูดไม่จากับใคร หวาดระแวงผู้คน เราพยายามติดต่อให้ญาติมารับ จนสุดท้าย ก็มีญาติมาขอรับตัวไปค่ะ” ผ.อ. เล่าต่อ
“แล้วพอจะทราบมั้ยครับว่าญาติคนนั้นเป็นใคร” ยศสรัลถาม
“ป้าเหรอครับ”
“ค่ะ มีเอกสารถูกต้องทุกอย่าง ดิฉันตรวจสอบแล้วเป็นป้าแน่นอน ทำไมเหรอคะ”
“เอ่อ…ผมคิดว่าเธอไปอยู่กับคุณอาซะอีก” ยศสรัลว่า
“เป็นไปไม่ได้” ผ.อ. กล่าวพร้อมกับเปิดดูแฟ้ม “เพราะคุณพ่อของน้องแพรตามประวัติที่เราได้ ไม่มีน้องชายค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับงั้นผมขอที่อยู่ที่จะติดต่อกับคุณป้าของแพรได้ไหมครับ”
ผอ. มองยศสรัลลังเลไม่แน่ใจ ยศสรัลจึงหยิบนามบัตรให้
“คุณยศสรัล โชตินุพงษ์”
ยศสรัลยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ถ้าผอ. ต้องการหลักฐานอะไรเพิ่มผมยินดีนำมาให้ครับ ถ้าจะทำให้ ผอ.เชื่อว่าผมบริสุทธิ์ใจที่จะตามหาเพื่อนเก่าจริงๆ”
“ที่จริงมันก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว ดิฉันก็ไม่แน่ใจนะคะว่าคุณจะได้เจอคุณป้าของเธออีกหรือเปล่า”
“มันก็เป็นทางเดียวล่ะครับ”
ผอ.นึกอะไรบางอย่างได้ “เพราะวันนั้นมีผู้ชายอีกคนมากับคุณป้าของน้องแพร แกยังให้หลักฐานเป็นพยานเรื่องการรับตัว”
ผ.อ. พลิกแฟ้มดู “นี่ไงคะ ชื่อกำธร”
“กำธรเหรอครับ” ยศสรัลกล่าวอย่างตื่นเต้น
ดนัยนั่งทานข้าวกลางวันอยู่กับวีด้า ในร้านอาหารหรูร้านหนึ่งดนัยไม่ค่อยทานข้าวสักเท่าไหร่ ยังมองวีด้าอยู่อย่างสงสัย
“วันนี้ผมสังเกตเห็นคุณจริงจังกับเรื่องที่ไปยื่นเอกสารให้ปปง.มาก บริษัทที่คุณตามหาความจริงสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็แค่เป็นหุ้นที่ลงทุนธุรกิจด้วยกันน่ะ แต่ถ้ารู้ว่าเค้าทำผิด เราก็มีหน้าที่ต้องแจ้งความเท่านั้นเอง” วีด้าเลี่ยงที่จะพูดความจริง
ดนัยไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
“คุณแค่ รู้ว่าเค้าทำผิด หรือว่าคุณพยายามจะขุดคุ้ยความผิดของเค้า มีอะไรคุณคุยกับผมได้นะวีด้า”
วีด้าไม่รู้จะตอบยังไงอีก “มันก็มีเท่าที่วีด้าเล่าให้ดนัยฟังนั่นแหล่ะ ขอบคุณนะที่ช่วยเป็นธุระให้ทุกเรื่อง”วีด้ายิ้มให้แวีด้าอย่างเป็นห่วง
ยศสรัลยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า นึกถึงบทสนทนาระหว่างตนกับ ผ.อ.
“ตอนแรกที่ไปเจอเด็กน่าสงสารมาก อยู่กันสองคนกับแม่ที่มีอาการทางจิตและคุ้มคลั่ง”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผอ.เล่าให้ฟังยศสรัลรู้สึกหดหู่ ภาพแพรตอนเด็กลอยกลับมาสู่ความทรงจำ
แพรส่งตุ๊กตาผู้ชายตัวหนึ่งให้ยศสรัล ตัวเองถือตัวผู้หญิง
“เล่นครูนักเรียนกันนะคะ ของน้องแพรเป็นครู”
น้องแพรจับตุ๊กตาหันไปหายศสรัล “สวัสดีค่ะเด็กๆ ครูชื่อแพรไหม โชตินุพงษ์นะคะ”
“ได้ไงอ่ะ นั่นนามสกุลของพี่นะ น้องแพรอย่าขี้ตู่”
“ก็น้องแพรชอบนี่”
“แต่น้องแพรเอาไปใช้ไม่ได้ ต้องแต่งงานกับพี่ถึงจะใช้นามสกุลพี่ได้”
“งั้นน้องแพรแต่งงานกับพี่ชายก็ได้”
ภาพน้องแพรที่แสนน่ารักส่งยิ้มไร้เดียงสาให้กับยศสรัล
วีด้าและดนัยยืนอยู่หน้าคอนโดวีด้า วีด้ายิ้มให้ดนัย
“ขอบคุณนะดนัย สำหรับวันนี้”
“ยินดีเสมอครับ”ดนัยพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ วีด้าละอายใจยิ้มให้ แล้วเดินเข้าคอนโดไป
ดนัยมองตามแล้วถอนหายใจก่อนจะเดินออกไป
เช้าวันใหม่ ที่บริษัทวีด้า มีการประชุมเรื่องการเพิ่มทุน เจ้าหน้าที่แจกเอกสารให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ส่วนวีด้าตรวจความเรียบร้อยของเอกสาร คัชพลกับยศสรัลพลิกตรวจดูอย่างละเอียดผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนตรวจดูเอกสารจนเสร็จ ทุกคนมีความพอใจ
“เอกสารถูกต้องเรียบร้อยหมดแล้ว เราจะชำระเงินเพิ่มทุนกันภายในอาทิตย์หน้า”
“คงไม่เร็วไปนะคะ” วีด้าหันไปพูดกับชัชพล
“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี งานเราจะได้ไม่สะดุด ผมเห็นด้วย” คัชพลกล่าว
“พวกเราที่นี่ก็เห็นด้วยครับ” กรรมการว่า
“เป็นอันว่าทุกฝ่ายไม่มีใครมีปัญหานะคะ” วีด้าพูด
ไม่มีใครค้าน คัชพลยิ้ม
“งั้นเราสรุปตามนี้ละกันค่ะ” วีด้าเอ่ย
ยศสรัลมองคัชพล เขารู้สึกกังวลเรื่องการเพิ่มทุน คัชพลหันมาเห็นสายตาน้องก็ไม่ได้ใส่ใจ
ยศสรัลสังเกตเห็นวีด้ายิ้มพอใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 15 (ต่อ)
วีด้าจะกลับห้องทำงาน เธอเดินผ่านยศสรัลไป เห็นยศสรัลที่ยืนดักรออยู่
“คุณมาทำอะไรตรงนี้ คิดว่ากลับไปกับพี่ชายคุณแล้วซะอีก” วีด้าถาม
“ผมยังไม่เห็นว่าเราจะต้องรีบเร่งเพิ่มทุนในโครงการใหม่เลย”
“ไม่ได้อ่านรายงานการประชุมเหรอคะ”
“เพราะอ่านน่ะสิ ผมถึงมั่นใจว่าใครบางคนต้องการขยายโครงการเพื่อจุดประสงค์อื่น ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับธุรกิจ”พูดจบยศสรัลก็จ้องหน้าวีด้า แต่วีด้าก็จ้องกลับไม่มีเกรงกลัว
“คุณไม่เห็นด้วย แต่พี่ชายคุณกับคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นตรงกับฉัน เพราะฉะนั้น ความเห็นของคุณไม่มีประโยชน์ค่ะ” วีด้ายิ้ม
ยศสรัลเถียงไม่ออก เดินเข้าหาวีด้าแล้วบีบข้อมือเธอ
“ถ้าผมรู้ว่าคุณกำลังคิดไม่ดีกับครอบครัวของผม ผมจะต้องเปิดเผยคุณให้ได้ วีด้า”
วีด้าใจแป้ว กลัวยศสรัลรู้เป้าหมายที่แท้จริงแต่พยายามเชิดหน้ารักษาฟอร์มไว้
“กรุณาให้เกียรติดิฉันด้วย”
ยศสรัลปล่อยมือจากวีด้า วีด้าจะเดินหนีแต่ยศสรัลยังขวางไว้
“รู้ไหมว่าผมดีใจมากที่งานหมั้นของคุณล้มไปได้”
วีด้าไม่อยากฟัง เธอเดินหนียศสรัลเลยพูดไล่หลัง
“เพราะผมไม่อยากให้คุณมาเกี่ยวดองอะไรกับครอบครัวผม”
ยศสรัลเดินออกไป วีด้าสงสัยว่ายศสรัลรู้อะไรมา
คัชพลเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของตน ยังไม่ทันที่จะได้นั่งลงที่โต๊ะทำงาน ภาสุรีก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณคัชพลคะ!”
“มีอะไร ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
“ฝ่ายการเงินแจ้งว่า ไม่สามารถ เบิกถอนเงินได้ค่ะ”
“เงินส่วนไหน” คัชพลงง
“ก็เงินที่คุณคัชพล จะนำไปเพิ่มทุนกับบริษัทใหม่น่ะสิคะ”
คัชพลตกใจ “เป็นไปได้ไง คุณรีบติดต่อผู้จัดการธนาคารให้ผมด่วน! แล้วโอนสายเข้ามาเลย เร็วๆ”
“ค่ะๆ!”ภาสุรีตอบรับ แล้วรีบวิ่งออกไป
คัชพลผลักประตูเข้าห้องทำงานของบัญชา
“คุณพ่อครับ ผมถอนเงินที่จะไปลงหุ้นเพิ่มกับวีด้าไม่ได้”
บัญชาเงยหน้า มองลูกชาย
“ทางแบงค์แจ้งว่า ศาลสั่งอายัดเงินก้อนนั้นครับ” คัชพลพูด
“แกว่าอะไรนะมันจะเป็นไปได้ยังไง” บัญชาอึ้ง แปลกใจ
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“เดี๋ยวชั้นจะติดต่อไปถาม ไอ้แฟรงค์เอง เผื่อมันมีเรื่องอะไร แกออกไปก่อน”
บัญชาเริ่มคิดหาทางแก้ปัญหาอย่างหนักคัชพลเดินออกจากห้องไป
ภายในร้านอาหารบรรยากาศกลางคืนสวยงามยศสรัลกับธัญกรนั่งดื่มเครื่องดื่มกันอยู่ที่โต๊ะ บริเวณระเบียงภายนอก
“เป็นยังไงบ้าง ชีวิตนายตอนนี้” ยศสรัลถามน้องชาย
“ก็ หลังจากวันนั้นแล้วผมก็เป๋ไปพักนึงน่ะครับ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นหน่อย กำลังหางานใหม่อยู่”
“นี่นายไม่คิดจะกลับบ้านจริงเหรอ”
ธัญกรนิ่งคิดพักหนึ่ง แล้วกล่าวว่า
“พ่อกับพี่ใหญ่คงยังไม่อยากต้อนรับผมหรอก อีกอย่างถ้าผมกลับไปตอนนี้ผมก็คงกลายเป็นแค่ไอ้ลูกแหง่ในสายตาเค้า”
ยศสรัลยิ้มภูมิใจในตัวน้องชาย
“พี่ดีใจนะที่นายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ยังไงพี่ก็อยากให้นายกลับไปเยี่ยมพ่อบ้าง” ยศสรัลว่า
ธัญกรแปลกใจคำพูดยศสรัล“ทำไมต้องเยี่ยม พี่สรัลพูดแปลกๆ”
“คุณพ่อกำลังป่วย และผลตรวจออกมาไม่ค่อยดี” ยศสรัลบอก
“คุณพ่อป่วยเป็นอะไรครับ” ธัญกรสงสัย
ขณะเดียวกันจิมกำลังคุยโทรศัพท์ที่ลานจอดรถหน้าร้านอาหารที่ยศสรัลกับดนัยนั่งอยู่
“ได้ครับปูเป้ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะให้คนของผมส่งของที่คุณอยากได้ไปให้คุณ ครับ วันพรุ่งนี้เลย ..หวัดดีคร๊าบ”
มณฑิตาเดินเข้ามาหาจิมพร้อมกับคล้องแขน
“คุยกับใครเหรอคะ” มณฑิตาถาม
“ลูกค้าน่ะ เห็นคุณยังไม่มาก็เลยคุยงานฆ่าเวลา”
“ไม่ใช่แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกันไปนะ” มณฑิตาไม่ค่อยเชื่อ
“โธ่...ก็เลิกกันแล้ว ผมจะไปคุยกับเขาทำไม”
“ทำไมน่ะเหรอคะ...ก็เพราะคุณยังไม่ได้เลิกกันจริงๆน่ะสิ” มณฑิตายิ้ม
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ”
“ผู้ชายเวลาจะนอกใจ ก็จะพูดเหมือนกันหมด ว่ากำลังมีปัญหากับแฟนกำลังจะเลิกกัน เพิ่งเลิกกัน เหมือนกันหมดจริงมั้ยคะ”
จิมรู้สึกหงุดหงิด
“มณจริงใจกับคุณนะ เพราะฉะนั้น มณก็หวังความจริงใจกลับคืนเหมือนกันนะคะ”
จิมเริ่มออกอาการหงุดหงิด
จิมเดินเข้ามาภายในร้าน มณฑิตาตามมาเกาะแขน ทั้งสองมองหาที่นั่ง มีพนักงานเข้ามาต้อนรับ
มณฑิตาเหลือบไปเห็นยศสรัลนั่งคุยอยู่กับธัญกรที่ระเบียงด้านนอก มณฑิตาจ้องดู
“นั่งที่ระเบียงดีมั้ยครับ บรรยากาศดี”จิมมองถามความเห็นมณฑิตา
มณฑิตายังมองอยู่ที่ยศสรัล
“คุณมองอะไรอยู่” จิมถาม
“อ๋อ เปล่าค่ะ ข้างนอกคนมันเยอะ ไปนั่งในห้องส่วนตัวดีกว่าค่ะ” มณฑิตาได้สติ รีบตอบ
“อืม ก็ดี”
พนักงานเดินนำไปที่ห้องส่วนตัว มณฑิตามองยศสรัลอีกครั้ง แล้วไม่สนใจอีก มณฑิตาเดินเข้าไปกับจิม
ธัญกรเหมือนจะเห็นมณฑิตาเลยลุกขึ้นดู
“มีอะไร” ยศสรัลถาม
“ผมว่าผมเห็นพี่มณนะ”
“มณเหรอ...”ยศสรัลถอนใจ
“แต่คงไม่ใช่ เพราะผู้หญิงคนนั้นเขาเดินควงมากับผู้ชาย ผมคงดูผิด” ธัญกรว่า
ยศสรัลพยักหน้ารับไม่ค่อยอยากจะสนใจ ส่วนธัญกรยังชะเง้อมองต่อ
ขณะเดียวกัน ภายในห้องทำงาน บัญชาวางหูโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์
“นายแฟร้งค์ว่าไงครับ” คัชพลถาม
“มันไม่รู้เรื่อง แล้วมันก็โกรธมากด้วย ว่าทำไม เงินของมันถึงถูกระงับ” บัญชาบอก
“หรือตำรวจรู้เรื่องของเราครับคุณพ่อ” คัชพลสงสัย
บัญชามองหน้าคัชพลอย่างไม่พอใจ
“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้มีแต่แกกับชั้นที่รู้ แล้วเส้นทางเงินมันก็แค่ผ่านแล้วไปบ่อนชายแดน ตำรวจมันจะมาสืบเจอได้ยังไง”
คัชพลตอบไม่ถูก บัญชาปวดหัวกุมขมับ
วันต่อมา คัชพลนั่งปวดหัวอยู่ในห้องทำงาน คิดหาทางออกอยู่พักใหญ่แต่ก็คิดไม่ตก คัชพลไม่รู้ว่าจะทำไงเลยตัดสินใจโทรหาวีด้า
ที่ห้องทำงานวีด้า วีด้าเซ็นเอกสารเสร็จแล้วยื่นให้เลขา แล้วเลขาก็ออกไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น วีด้าดูหน้าจอแล้วกดรับ
“สวัสดีค่ะคุณใหญ่”
“วีด้า”
คัชพลไม่รู้จะพูดต่อยังไง
“มีอะไรเหรอคะ”
“คือผมมีปัญหาน่ะ เรื่องเงินลงทุนเพิ่มอาจจะล่าช้านิดหน่อย”
“คุณใหญ่ไม่สะดวกอะไรหรือเปล่าคะ” วีด้าคิดในใจว่า สำเร็จแล้ว
“เปล่าครับ ยังไงผมหาเงินมาได้แน่ แต่ขอเวลาสักหน่อย”
วีด้ายิ้มพอใจ “งั้นวีด้าจะเข้าที่ประชุมให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วคุณใหญ่คิดว่าต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่คะ”
“ผมจะรีบหามาให้เร็วที่สุด แค่นี้ก่อนนะครับ”
“บายค่ะ”คัชพลตอบด้วยน้ำเสียงเครียดแล้ววางสายไป ตรงกันข้ามกับวีด้าที่สบายใจมากเพราะทุกอย่างเริ่มเข้าแผนแล้วอย่างสิ้นเชิง
วีด้าสบายใจมาก ทุกอย่างเริ่มเข้าแผนแล้ว
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 15 (ต่อ)
เกรซเดินนำเจ้าหน้าที่ชายที่ขนหนังสือบริจาคเข้ามาด้วยรถเข็นเล็ก มาตรงจุดรับบริจาคหนังสือ ที่ศูนย์บริจาคหนังสือเพื่อน้อง
“อ้าวสวัสดีคะคุณเกรซ มาบริจาคหนังสืออีกแล้วเหรอคะ” เจ้าหน้าที่ทักทาย
“ค่ะ พอดีเพื่อนๆที่บริษัทฝากมาด้วยก็เลยได้มาเยอะหน่อย”
“เด็กๆที่ได้รับหนังสือต้องดีใจแน่เลย” เจ้าหน้าที่หญิงกล่าว
เกรซยิ้มอิ่มบุญ หันมองหน้าดนัย ดนัยยิ้มให้
เกรซกับดนัยมานั่งคุยกันในสวนหย่อมของศูนย์รับบริจากหนังสือ
“หนังสือมือสองนี่ เราไม่ได้ใช้แล้วเอามาบริจาค ทำประโยชน์ได้อีกเยอะเลยนะคะ” เกรซเอ่ย
“พูดไปก็น่าอาย ผมเพิ่งซื้อมาใหม่แล้วเอามาให้ มันเหมือนไม่ได้ตั้งใจมาแต่แรกเลยนะครับ”
“อยู่ที่ความตั้งใจที่จะให้ต่างหากค่ะ”
ดนัยยิ้มออก
“ได้เจอวีด้าอีกรึปล่าวคะ”
แล้วเธอก็นึกได้ “เอ่อ..ขอโทษค่ะ เกรซไม่น่าถามเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ วันก่อนผมก็เพิ่งเจอกับเขามา แต่แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีก”
“วีด้านี่จริงๆเล้ย” เกรซพูด เธอสงสารดนัยที่เป็นได้แค่ตัวช่วยของวีด้า
ดนัยมองออกจึงบอกว่า “ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ตอนนี้ผมมีกิจกรรมทำฆ่าเวลาแล้ว รับหนังสือเก่ามาให้เด็กๆเหมือนเกรซไง”
“ดนัย…โอเคแน่เหรอ” เกรซจ้องหน้าคาดคั้น
ดนัยพยักหน้า “มีอยู่วันนึงตอนที่ผมขับรถแล้วผมก็มองไปนอกหน้าต่าง ผมเห็นอะไรรู้ไหม ผมเห็นคนถีบซาเล้งจอดคุ้ยถังขยะอยู่ข้างทาง ผมเลยได้คิดว่า คนที่มีศักยภาพด้อยกว่าผมในทุกด้าน เขายังไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคในชีวิต แล้วของผมแค่ไปรักคนที่เขาไม่ได้รักเราแล้ว ผมถึงกับจะตายเลยเหรอ ในเมื่อผมยังสามารถทำความดี เพื่อให้คนอีกหลายร้อยคนมารักผมได้”
“ว๊าววววว….ดนัยนี่มีความคิดที่ดีมากเลยนะ” เกรซพูด
ดนัยหัวเราะ “คงเพราะผมไม่อยากล้มลงกับพื้นนานมั้ง พื้นมันแข็งเจ็บตัวเปล่าๆ”
เกรซกับดนัยนั่งหัวเราะคุยกันในบรรยากาศสดใส
ตกเย็น ธัญกรนั่งคิดเรื่องที่บัญชาป่วยอยู่ตรงส่วนของห้องรับแขก รู้สึกไม่สบายใจรัชนาที่เพิ่งกลับจากทำงานเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว วันนี้กลับมาเร็วแฮะ” เธอว่า
รัชนาถอดรองเท้าวางแล้วเดินผ่านธัญกร สังเกตเห็นธัญกรสีหน้าเครียดก็ไม่กล้าทัก แต่ก็อดใจไม่ได้ จึงถอยกลับมาถาม
“นี่นายเครียดอีกแล้วเหรอ เรื่องอะไร”
ธัญกรเงียบ
“อย่าคิดมากน่ะ เดี๋ยวก็ได้งานเองแหละ นี่ก็เพิ่งสมัครไปแค่สิบที่เอง”รัชนาเดาเอาเองแล้วพูดขำๆ
ธัญกรยังเครียดเหมือนเดิม
“คุณพ่อผมไม่สบาย ท่านป่วยเป็นมะเร็ง”
รัชนาอึ้ง พูดไม่ออก เธอนั่งลงใกล้กับธัญกร รู้สึกเห็นใจ
“ผมอยากไปเยี่ยมเค้า”
“ให้ชั้นไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“ตอนนี้ยังไปไม่ได้ คุณพ่อยังไม่หายโกรธ”
รัชนาคิด
“ก็อย่าให้คุณพ่อรู้สิ” เธอว่า
“นี่…มันไม่ใช่เวลามากวนประสาทนะ"
“ฉันไม่ได้กวน ก็คุณไปหาพ่อคุณไม่ได้ ก็ไปทางคุณแม่คุณสิ เอาของกินที่คุณพ่อคุณชอบไปฝาก”
ธัญกรเริ่มคิดตาม
“ทำบ่อยๆ เข้า เดี๋ยววันนึงเขารู้เค้าก็ใจอ่อน หายโกรธเองแหละ” รัชนาพูดต่อ
ธัญกรมองหน้ารัชนานิ่ง
“เธอนี่ซ่อนความฉลาดไว้เนียนมากเลยนะ ดูแทบไม่รู้ว่ามี” ธัญกรว่า
“แหม….ชมซะฉันเจ็บจี๊ดเลย"รัชนาค้อน หันหน้าหนีธัญกรมองแล้วอมยิ้มขำ
มณฑิตากำลังเป่าผม ส่วนจิมอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ทั้งสองอยู่ในโรงแรมหรูซึ่งเป็นโรงแรมประจำของจิมเสียงโทรศัพท์ของจิมที่วางอยู่หัวเตียงดังขึ้น จิมออกมาจากห้องน้ำพอดี มณฑิตาถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์มาดูชื่อที่ขึ้นหน้าเจอ จิมเห็นเข้าก็ไม่พอใจ
“ปูเป้!”มณฑิตาพูดพร้อมกับมองหน้าจิม
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมเลิกกับแฟนเก่าแล้วจริงๆ”
“ก็เลยมีใหม่” มณฑิตาชูโทรศัพท์
จิมยิ้ม ส่ายหัว
“ตกลงคุณเห็นฉันเป็นของเล่นรึไง” มณฑิตาว่า
“ถามตัวคุณดีกว่าว่าเห็นผมเป็นอะไร” จิมพูด
มณฑิตานิ่งเงียบ
“คุณเองยังไม่กล้าถอนหมั้นกับคนของคุณเลย” จิมนั่งลง แล้วพูดต่อ
“ถ้าเราไม่ล้ำเส้นกันผมว่าเราสองคนน่าจะไปกันได้ดี”
จิมยิ้ม เขาหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์แล้วลุกเดินออกไปคุยกับปูเป้
มณฑิตาโกรธและเจ็บใจมาก
เช้าวันใหม่ คัชพลกำลังนั่งคิดหนักเรื่องหาเงินมาลงทุนเพิ่มอยู่ในห้องทำงาน เขานึกถึงตอนที่คุยโทรศัพท์กับวีด้า
“คุณใหญ่คิดว่าต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่คะ”
“ผมจะรีบหามาให้เร็วที่สุด”
คัชพลคิดแล้วตัดสินใจยกโทรศัพท์
“ทยอยปล่อยหุ้นของไพรม์ เอนเทอไพรส์ ออกมาเรื่อยๆใช่ ....ตอนนี้ เอาน่า แล้วเดี๋ยวผมจะสั่งหยุดเอง”
คัชพลวางสาย รู้สึกปวดหัว
วีด้าที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง แล้วเหลือบตามองคอมฯ เห็นว่าหุ้นเริ่มตก วีด้าสะดุดมองจริงจัง แล้วคิด “เป็นอย่างที่ชั้นคิดจริงๆ”วีด้าเอนตัวพิงเก้าอี้ จ้องมองจอคอมเรื่อยๆอย่างพอใจ
หุ้นของไพรม์ ฯ ตกลงมาเรื่อยๆยศสรัลที่นั่งอยู่ในห้อง มองจอคอมแล้วสงสัย ก่อนจะกังวลมากขึ้น รีบกดอินเตอร์คอมเรียกเลขา
“เข้ามาในนี้หน่อยครับ”
ยศสรัลจ้องจอคอมเครียดๆ เลขาเข้าห้องมา
“มีอะไรรึป่าวคะ”
“เดี๋ยวคุณให้คนเช็คให้หน่อย ว่าทำไมวันนี้ หุ้นยอร์ชคลับของเรา ร่วงลงผิดปรกติ(เลขางง) ด่วนเลยนะครับ”
“อ๋อ ค่ะๆ”เลขารับคำแล้วเดินออกไป
ยศสรัลนั่งมองจอคอมฯ อย่างตกใจมากขึ้น
คัชพลมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเคร่งเครียด ยศสรัลเปิดประตูพรวดเข้ามา
“พี่ใหญ่ทำอะไร ทำไมถึงสั่งขายหุ้นขนาดนี้”
“ชั้นต้องเอาเงินไปลงทุนกับคุณวีด้า”
ยศสรัลเดินมาดูคอมพิวเตอร์พี่ชาย
“แต่สั่งขายแบบนี้ คนอื่นตกใจเทขายตามจนหุ้นมันล่วงหนักแล้วนะครับ” ยศสรัลว่า
“แกไม่ต้องกลัว มันลงไป ชั้นก็จะทำให้มันขึ้นมาเอง”
ทั้งสองมองหุ้นที่ยังลงต่อเนื่อง ยศสรัลกลุ้มใจ คัชพลเองก็ปวดหัว
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราคาหุ้นตกจากราคา 75 เหลือเพียง 60 บาท
ตกกลางคืน คัชพลปิดหน้าจอคอมฯ เขาเดินวนอยู่ในห้องนอน คิดหนักเรื่องเทขายหุ้น ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือผิด แต่ก็ทำไปแล้ว
เช้าวันใหม่ วีด้านั่งมองหุ้นในจอคอมที่ยังลงต่อเนื่อง หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงราคาหุ้นที่ตกลงเรื่อยๆ จาก 58เหลือ 48 บาท
วีด้ายิ้ม ตัดสินใจยกโทรศัพท์
“พรุ่งนี้ให้บริษัทเราเตรียมตัว เก็บหุ้น ไพร์ม เอนเทอไพร์ส ดิชั้นจะสั่งซื้อล็อตใหญ่ ถ้าได้ราคาที่ต้องการ ชั้นจะโทรมาบอก ขอบคุณค่ะ”วีด้าวางสาย ยิ้มพอใจ มีความสุข
วันต่อมา วีด้ากำลังนั่งมองกระดานหุ้นในหน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในห้องทำงานของเธอ หุ้นไพร์ม เอนเทอไพร์ส ยังตกต่อเนื่อง วีด้าลุ้น ขณะนี้ที่หน้าจอคอมฯหุ้นลงจาก 46 เหลือ 38 บาท วีด้ากดเปิดรายงานหุ้น ภาคกลางวัน เสียงโทรทัศน์ดังขึ้น
“หุ้นของ บริษัท Prime Enterprise ยังลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แล้ว ข่าวลือต่างๆ มีมามากมาย จนฉุดหุ้นให้มีราคาต่ำลงเรื่อยๆ เราคงต้องรอฟังสัมภาษณ์จากทางผู้บริหารบริษัทอีกครั้ง ในภาคบ่ายนี้ สำหรับหุ้นธนาคาร...”
วีด้าหันหลับมามองคอมฯต่อกระดานหุ้นที่ลงไปเหลือราคา 35 บาท วีด้ายิ้มออก ยกหูโทรศัพท์ วีด้าสั่งเสียงชัดเจน
“ลงมือซื้อได้เลยได้เลยค่ะ เก็บทุกราคา จนกว่าชั้นจะสั่งหยุด”วีด้าวางสาย มองหุ้นในคอมฯ ที่เริ่มขยับขึ้น วีด้ายิ้ม
อ่านต่อหน้าที่ 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 15 (ต่อ)
บัญชากำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ตรวจดูเอกสารต่างๆและเซ็นจนครบ แล้วเอนหลังพักสายตาสักพักบัญชาเปิดเช็คหน้ากระดานหุ้นของบริษัทดูอย่างใจเย็น แต่แล้วก็ไปสะดุดกับหุ้นของ PP
“นี่มันอะไรกัน!” บัญชาตกใจ รีบต่ออินเตอร์คอมหาเลขา
“ตามคัชพล กับยศสรัล มาเจอผมด่วน!”
บัญชาจ้องหน้าจอคอมอย่างรู้สึกเครียด
บัญชานั่งหัวเสีย กุมขมับอยู่ที่โต๊ะทำงาน คัชพลกับยศสรัลยืนเครียดอยู่ในห้องด้วย
“สั่งขายหุ้นจนร่วงไม่เป็นท่า ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษา!” บัญชาพูด
“มันถึงดิวที่จะต้องจ่ายเงินลงทุนกับทางบริษัทโน้นแล้วครับ”คัชพลพยายามอธิบาย
“แล้วทำไมไม่ดึงเวลาไปก่อน! แกทำแบบนี้บริษัทก็เจ๊งพังกํนพอดี !! ฮึ!ปล่อยหมูออกมาให้ใครมันเก็บไปบ้างก็ไม่รู้ ขาดทุนป่นปี้กันหมด”
คัชพลหน้าเสีย บัญชามองหน้าดุ
“ต่อไปถ้าทำอะไรไม่ปรึกษาชั้น ชั้นจะถอดแกออกจากต่ำแหน่ง ออกไป๊!!”
คัชพลเครียดเดินออก ยศสรัลที่ยืนฟังอยู่ด้วยรู้สึกสลดตาม
คัชพลยืนเครียดอยู่มุมหนึ่งของออฟฟิศ ปวดหัวเรื่องที่ถูกบัญชาด่ายศสรัลเดินผ่านมา หยุดมองและจะเข้าไปหา มีพนักงานสาวเอาเอกสารมาให้คัชพลเซ็น
“คุณคัชพลคะ ช่วยเซ็น..”
คัชพลมองหน้า คว้าแฟ้ม แล้วปาลงพื้น
“ะมาเซ็นอะไรตอนนี้! เอาออกไป๊!”
พนักงานคนอื่นๆหันมองอย่างตกใจส่วนพนักงานสาวก้มเก็บแฟ้มแล้วรีบไป
คัชพลหันมาเจอยศสรัลที่ยังไม่ไปไหน เขามองน้องชายตาขวางด้วยความโมโหแล้วเดินออกไปยศสรัลรู้สึกหนักใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ธัญกรวางของฝากบัญชาลงบนโต๊ะภายในห้องนั่งเล่นแล้วกอดสินี สินีตื้นตั้นคิดถึงลูก
“เป็นยังไงบ้างเล็ก ลำบากมากมั้ยลูก”
“ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่หรอกครับคุณแม่ ตอนนี้ผมกำลังหางานใหม่อยู่”
“โถ..ลูก ถ้าลำบากมากก็กลับมาอยู่บ้านเราเถอะนะ” สินีกล่าว
ธัญกรนิ่งคิด แล้วกล่าวว่า
“ผมอยากจะพิสูจน์ให้คุณพ่อได้เห็นก่อนว่าผมก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่ลูกแหง่อย่างที่คุณพ่อคิด คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ผมพักอยู่คอนโดเพื่อน เพื่อนผมคนนี้เป็นคนดี และใจดีด้วยครับ”
ธัญกรพูดถึงรัชนาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกดี สินีสังเกตุเห็นอาการลูก จึงถามว่า
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายเหรอลูก”
ธัญกรอึ้ง ไม่คิดว่าจะถูกถาม ตอบอึกๆอักๆ ไม่กล้าสบตาสินี
“เอ่อ.. เพื่อน เพื่อนผู้ชายครับ”
“เหรอ..” สินียังสงสัย
ธัญกรเปลี่ยนเรื่อง “ผมต้องกลับแล้ว คุณแม่อย่าลืมให้คุณพ่อทานของที่ผมซื้อมาฝากท่านนะครับ”
“เพิ่งมาเดี๋ยวเดียวเอง จะไปแล้วเหรอ” สินีเอ่ย
“แล้วผมจะแวะมาใหม่ครับ”
สินียิ้มจะร้องไห้ พูดอะไรไม่ออก
“แม่เดินไปส่งนะ” แล้วทั้งสองก็เดินออกไป
ช่วงค่ำๆบัญชาเปิดประตูเข้าห้องนอนแล้วปิดอย่างแรง ไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วปวดท้อง เขาลงนั่งที่เตียง พยายามจะเดิน ทว่ากลับทรุดลงกับพื้น
“โอย……” บัญชาร้อง
สินีในชุดนอนนั่งเศร้าคิดถึงธัญกร เดินขึ้นบันไดบ้านไปห้องนอน พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นบัญชานอนโอดโอยอยู่ที่พื้น
“กรี๊ด!!….คุณบัญชา!"
สินีตกใจมากเมื่อเห็นบัญชานอนร้องกองบิดตัวอยู่กับพื้น
หมอและพยาบาลพยุงบัญชาขึ้นบนเตียงผู้ป่วย
สินี คัชพล ยศสรัล ยืนรอดูอย่างเป็นห่วง ส่วนบัญชารำคาญหมอกับพยาบาล พยายามช่วยตัวเองหมอกับพยาบาลออกไปแล้วบัญชายังหงุดหงิด
“นี่ชั้นเป็นอะไร! ทำไมมันไม่หายซักที”
“คุณคะ พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ” สินีบอก
บัญชาไม่สน หันไปพูดกับคัชพล
“ไอ้ใหญ่ แกไปบอกหมอเลยนะ ถ้ารักษาชั้นไม่หาย ชั้นจะเปลี่ยนโรงพยาบาล”บัญชาพูดอย่างอารมณ์เสีย ทุกคนเงียบกริบ
ยศสรัลกับสินีเข้ามาคุยกับหมอที่ห้องหมอ
“ไม่ทราบว่าจะปิดบังคุณพ่อได้นานแค่ไหน ตอนนี้คุณพ่อเริ่มสงสัยอาการของตัวเองแล้ว”
“ญาติคงต้องตัดสินใจเอง ว่าจะบอกคนไข้รึเปล่า ตอนนี้หมอก็เริ่มให้คีโมกับคนไข้แล้ว” หมอตอบ
“ถ้างั้นคุณพ่อจะเกิดผลข้างเคียงจากยาใช่ไหมครับ” ยศสรัลถาม
“มันอาจจะมีบ้างแต่ไม่มากเท่าสมัยก่อน และพอจะมียาที่จะป้องกันหรือลดอาการข้างเคียงลงได้ครับ”
ยศสรัลคิดหนัก ไม่รู้จะบอกพ่อดีหรือเปล่า สินีจับมือยศสรัล
“ถ้ายังไม่เห็นผลข้างเคียง แม่ว่าอย่าพึ่งบอกเลย พ่อเราต้องหมดกำลังใจแน่ๆ” สินีว่า
ยศสรัลกับสินีกลุ้มใจ
บัญชานอนหน้าเคร่งอยู่ในห้องผู้ป่วย
“แกรู้ใช่มั้ยว่าชั้นเป็นอะไร ใหญ่” บัญชาถามจ้องเอาคำตอบจากคัชพล คัชพลไม่รู้จะตอบยังไง
“ผมว่าตอนนี้คุณพ่อพักผ่อนให้มากๆดีกว่าครับ คุณพ่อยังไม่สบายอยู่ ผมอยากให้พ่อแข็งแรงก่อน” คัชพลบอก
บัญชาสวน “แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะแข็งแรง โรงพยาบาลนี้มันไม่มีปัญญารักษาฉันรึไง เสียเวลาจริงๆ”
คัชพลไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวจะกระทบอาการของบัญชา บัญชารู้สึกเซ็งคัชพลมองผู้เป็นพ่อด้วยความเป็นห่วง
คัชพลทานข้าวกลางวันอยู่กับวีด้าในร้านอาหาร คัชพลดูเครียดๆจนวีด้าสังเกต
“วันนี้เป็นอะไรไปคะ”
“ผมเป็นห่วงคุณพ่อน่ะ อาการท่านไม่ค่อยดี”
“ไม่สบายอีกแล้วเหรอคะ วีด้าไปเยี่ยมวันก่อน ก็ดูท่านแข็งแรงดี”
คัชพลถอนหายใจ
“ตกลงมันมีอะไรมากกว่าที่วีด้าเห็นหรือเปล่าคะ”
“จริงๆแล้วท่านป่วยเป็นมะเร็งตับครับ”
“มะเร็ง!” วีด้าอุทานอย่างตกใจ
“เราเพิ่งรู้กันไม่นานนี่เอง มีคุณพ่อคนเดียวที่ยังไม่ทราบอาการป่วยของตัวเอง”
คัชพลพูดด้วยอาการเครียด วีด้ารู้สึกอึ้ง
ตกกลางคืน วีด้านั่งอึ้งอยู่บนโซฟาเจ็บใจน้ำตาซึม ไม่คิดว่าบัญชาจะป่วยเป็นมะเร็ง
“นายบัญชา ทำไมแกถึงจะมาตายง่ายๆแบบนี้ล่ะ แกยังไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด ที่แกทำเคยกับครอบครัวชั้นเลย”
วีด้านึกถึงอดีตอันเลวร้ายอีกครั้ง
“ไอ้สารเลว ฉันจะไม่ยอมให้แกมาปล้นเงินฉัน เอาเงินฉันคืนมา” ชาติชายพูด
“ฉันไม่มีอะไรจะคืนแก นอกจาก..”
บัญชาหันไปสั่งลูกน้อง “ช่วยสั่งสอนให้ไอ้นี่มันรู้หน่อยว่ามันจะเจออะไรถ้าคิดจะเล่นกับฉัน”
ลูกน้องสองคนช่วยกันรุมเตะต่อยชาติชาย บัญชาเดินกลับไปนั่งรอบนรถแล้วยิ้มพอใจน้องแพรเห็นพ่อโดนซ้อมก็ร้องไห้ตัวสั่นด้วยความกลัว
น้องแพรร้องไห้ “คุณพ่อ พอแล้ว อย่าทำพ่อหนู”
วีด้ายังนึกถึงวันที่ถูกพรากจากแม่
“จะพาแม่น้องแพรไปไหน”
“หมอจะไปทำให้คุณแม่กลับมาคุยรู้เรื่องกับน้องแพรอีกครั้งนะครับ แต่น้องแพรอาจจะไปกับคุณแม่ไม่ได้”
“ไม่...น้องแพรจะตามแม่ไป ปล่อยน้องแพร” เธอร้องไห้
“คุณแม่ อย่าทิ้งน้องแพร...คุณแม่รอน้องแพรด้วย”
กลับมาที่ปัจจุบัน วีด้าปาดน้ำตาด้วยความแค้น
“ชั้นเหลือเวลาไม่มากแล้วสินะ”
วีด้าคิดถึงครอบครัวนอนร้องไห้คนเดียว
อ่านต่อตอนที่ 16