ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 1
กรุงเทพฯ ยามราตรี ท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัว ผู้หญิงและเด็กหญิง ที่ดูออกว่าเป็นแม่ลูกกัน กำลังวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว เป้าหมายคือดาดฟ้าของอาคาร ยินเสียงหอบจากลมหายใจดังรัวเร็วและรุนแรง ขณะที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังค่อยๆ ปีนขึ้นไปยืนบนขอบระเบียงดาดฟ้าอย่างช้าๆ
ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่บนขอบระเบียงสูงลิบๆ จากท้องถนนด้านล่างอย่างสุดระทึก ชายคนนั้นส่งเสียงสะอื้นจากลำคอ ผู้หญิงและเด็กยังวิ่งขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วเด็กหญิงก็สะดุดขั้นบันไดล้มลง หญิงสาวประคองแล้วรีบฉุดให้เด็กหญิงลุกขึ้นพากันวิ่งต่อ
ผู้ชายบนขอบระเบียงดาดฟ้ากอดกรอบรูปบานหนึ่งไว้แนบอก เขาตัดสินใจมองไปข้างหน้า พร้อมจะทิ้งตัว! ทันใดนั้น ประตูบนดาดฟ้าก็เปิดออก ผู้หญิงและเด็กสาวตัวน้อยพุ่งเข้ามาหา
ผู้หญิงคนนั้นชื่อ กานดา ร้องห้าม “คุณชาติ อย่านะ!”
“...ผมขอโทษ” ชายคนนั้นบอก
เขาคือ ชาติชาย หันไปสบตา กานดา และ แพร เด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งก่อนกระชับกรอบรูปในมือแน่น แล้วตัดสินใจทิ้งตัวลงทันที
กานดากรีดร้อง “ไม่!”
กรอบรูปถ่ายครอบครัวของชาติชาย กานดา และแพรตกลงพื้นแตกดังเพล้ง!
วันเวลาผ่านไป
แพร เกรซ และเมย์ชูถ้วยไอศกรีมขึ้นมาชนกัน พร้อมส่งเสียงร้อง “เย้” จากนั้นก็มีช้อนของทั้งสามเคาะถ้วยไอติมด้วยความดีใจ
เด็กสาวทั้งสามอยู่ในชุดนักเรียน ม.6 วางถ้วยไอติมแล้วเริ่มตักกิน มีการแย่งกันกินบ้าง และมีปัดมือเพื่อน กิริยาน่ารักสดใส
“อร๊ายย...ในที่สุดก็จบซะที....ม.6” เกรซดีใจ
เกรซหยิบใบเกรดมาดูด้วยสีหน้ามีความสุขล้นจนเมย์แอบหมั่นไส้แย่งตักไอติมของเกรซ
“นี่...มาแย่ง เดี๋ยวก็ไม่ให้ไปเที่ยวทะเลด้วยหรอก” เกรซว่า
เมย์นึกได้ “เออ..ใช่ ตกลงคุณอาของแกว่าไงอ่ะแพร”
แพรหน้าสลดลงไปทันที เกรซกับเมย์ใจไม่ดี
“บอกคุณอาหรือเปล่าว่าทุกอย่างปลอดภัย คุณพ่อฉันจะดูแลให้ทั้งหมด” เมย์ว่า
เกรซเศร้า “ไม่ต้องแล้วล่ะเมย์ ถ้าแพรมันเงียบแบบนี้แสดงว่า....”
“ว้า...แย่จัง กะจะไปส่งท้ายกับเพื่อนซี้ก่อนแยกย้ายซะหน่อย” เมย์บอก
“สรุปคือล้ม” เกรซว่า
“ล้มทำไม?” แพรถาม
“ยังจะพูดอีก ก็แกไปไม่ได้” เกรซบอก
“ฉันบอกแล้วเหรอ” แพรย้อน
เมย์กับเกรซทั้งหัวเราะทั้งหยิกแพร
เกรซโวยวาย “นี่แกกล้าหลอกเราเหรอ” ทั้งสองคนรุมจี้เอวแพร
“โอ๊ย...เบาๆสิ เจ็บนะ” แพรว่า
“ว่าแล้วล่ะ... มีเหรอคุณอาแพรจะห้าม ใจดีจะตาย”
“ไชโย” เกรซดีใจ “จะได้ฉลองครบแก๊งค์ก่อนจากกันแล้ว มาพวกเรา....”
สามสาวเอาช้อนไอติมประสานกันเหมือนทหารประสานดาบแล้วชูสูง
ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน “ลุย!”
แพร เกรซ และเมย์เดินหัวเราะออกมา โดยที่เกรซกับเมย์ ถือไอศครีมโคนกินกันต่อ
“นี่แกสองคน ยังกินกันไม่พออีกเหรอ” แพรถาม
“ก็มันอร่อยนี่” เกรซตอบ
ทั้งสามคนหัวเราะเดินต่อ แพรทำกระเป๋าตังค์หล่น ธัญกรกับกลุ่มนักเรียนชายสี่คน เดินผ่านมาก้มลงเก็บ แพรหันไปมองก่อนจะเดินกลับไปแบมือขอคืน
ธัญกรถามกวนๆ “ของเธอเหรอ?”
“อืม...”
ธัญกรโยนให้เพื่อน แพรตามไปเอา เพื่อนโยนกลับให้ธัญกร แพรโมโหจึงเดินกลับมา นักเรียนชาย ทำหน้ากวนใส่ แล้วโยนกลับให้ธัญกรอีกรอบ แพรมองหน้าด้วยความโมโหก่อนจะเงื้อหมัดชกใส่ธัญกรจนล้มลงไปนั่ง เพื่อนสามคนเหวอ แพรเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าจากมือธัญกร แพรยิ้มมองหน้าก่อนเชิดเดินออก
เกรซ เมย์ อ้าปากค้าง ก่อนรีบตามออกไป เพื่อนๆรีบกรูเข้ามาหาธัญกร
“ไอ้เล็กเป็นบ้างวะ?” เพื่อนถาม
“รีบหาน้ำแข็งประคบเร็ว ตาปูดกลับบ้านโดนพ่อมึงแน่” เพื่อนอีกคนบอ
“ไม่ต้องมายุ่ง! พวกมึงมันไม่ได้เรื่อง”
ธัญกรมองตามหลังแพรไปแค้นๆ
วันต่อมา กำธรนั่งดูคอมพิวเตอร์แล้วดูรายงานในแฟ้มไปด้วย แพรเปิดประตูเข้ามาเห็นกำธรทำงานหน้าเครียด เธอยกนมอุ่นๆมาวางให้ที่โต๊ะ กำธรเงยหน้ามาแล้วยิ้ม
“พรุ่งนี้แพรจะไปเที่ยวกับเกรซแล้วใช่ไม๊” กำธรถาม
“ใช่ค่ะคุณอา” แพรตอบ
“ตื่นเต้นล่ะสิ”
แพรยิ้มรับ แล้วเดินมาคุกเข่าข้างๆกำธร
แพรกราบที่ตัก “แพรขอบคุณคุณอามากนะคะ”
“เรื่องให้ไปเที่ยวน่ะเหรอ” กำธรถาม
“ทุกเรื่องค่ะ ตั้งแต่คุณอารับแพรมาเลี้ยง แพรรู้ว่าคุณอาทำเพื่อแพร ถ้าแพรไม่ได้คุณอา คงไม่ได้มีโอกาสเรียนได้เรียนดีๆแบบนี้...แพรคงต้องโตใน...”สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ......”
พูดจบแพรก็นิ่ง กำธรลูบหัวแพร
“แพร อย่าคิดมากสิ สิ่งที่อาทำไปอาเต็มใจและมีความสุข อาไม่มีลูก แพรจึงเหมือนลูกของอา แล้วการที่แพรของอาเรียนดี ก็ถือว่าแพรได้ตอบแทนอา ให้อาได้ชื่นใจในสิ่งที่อาตั้งใจมอบให้แพร”
แพรยิ้มตื้นตัน
“ขอบพระคุณนะคะคุณอา”
แพรกอดกำธรแน่นและน้ำตาไหล
“โตเป็นสาวแล้ว ยังขี้แงอยู่ไม่ได้รู้มั้ย? แพรต้องเข้มแข็ง เป็นเสาหลักให้ครอบครัว เป็นเสาหลักให้กับ แม่...จริงมั้ย?”
แพรปาดน้ำตาทิ้ง “ค่ะคุณอา”
กำธรยิ้มภูมิใจในตัวแพร
ณ โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง แพรย่อตัวลงนั่งผ่านหลังแม่ แพรจับมือแม่ที่อยู่ในอาการเหม่อลอย กำธรยืนอยู่ด้านหลัง
“แม่คะ...แพรเรียนจบม.ปลายแล้วนะคะ อีกไม่ถึงเดือนแพรก็จะบินไปเรียนต่อที่อังกฤษ...อาจจะไม่ได้มาเยี่ยมแม่บ่อยๆ แม่ต้องเข้มแข็งนะคะ รักษาตัวให้หายไวไว แพรเรียนจบจะรีบกลับมาดูแลแม่ ถ้าแม่หาย แพรจะรับแม่กลับไปอยู่บ้าน เราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอีกครั้ง...นะคะแม่”
กานดาไม่รับรู้เรื่องใดๆ แพรเอามือกานดามาแนบแก้มตัวเอง กำธรมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มสะเทือนใจ ผู้ชายคนหนึ่งแอบมองกลุ่มของกำธรอยู่หลังต้นไม้
แพร เกรซ และเมย์เดินเข้ารีสอร์ทด้วยความตื่นเต้น พนักงานยกกระเป๋าเดินเข้ามาโค้งต้อนรับ ทั้งสามสาวนั่งบนโซฟาล็อบบี้ เมย์หยิบซองขาวใหญ่ๆออกมาเปิดหยิบ Voucher มาส่งให้พนักงานๆรับไปดูแล้วยิ้ม
“รอสักครู่นะคะ ดิฉันขอแจ้งคุณยศสรัลก่อน”
เกรซงง “ใครคะคุณยศสรัล”
“ผู้บริหารที่นี่ค่ะ สั่งว่าคุณจิระเป็นแขกสำคัญคุณยศสรัลจะมาต้อนรับค่ะ”
พนักงานเดินไปที่เคาน์เตอร์ เกรซหน้าเสีย
“ตายแล้ว พ่อก็ไม่บอกด้วย ว่าจะมีใครมาต้อนรับอะไรแบบนี้”
เกรซนึกได้ “แพร...เดี๋ยวแกคุยกับคุณลุงยศสรัลนี่นะ แกดูโตสุดในกลุ่มแล้วคุยกับคนแก่รู้เรื่องแน่ๆ”
“ไม่เอาอ่ะ ฉันจะมีอะไรไปคุยกับเขา”
“งั้นจะเอาไงดีล่ะ”
ทั้งสามมองไปที่เคาน์เตอร์เห็นพนักงานวางสายโทรศัพท์แล้วเดินยิ้มกลับมาหา
“คุณยศสรัลกำลังมาแล้วค่ะ”
เกรซกับเมย์พยามสะกิดแพรให้ช่วยพูด พนักงานเห็นกิริยาสามสาวแล้วยิ้มรับแบบงงๆว่ามีอะไรหรือเปล่า
“เอ่อ....พี่คะ ไหนๆคุณอาจิระก็ไม่ได้มา มีแต่พวกเราเด็กๆเราขอไม่พบคุณลุงยศสรัลได้ไหมคะ คือพวกเราไม่รู้จะคุยอะไรกับคนแก่น่ะค่ะ” แพรว่า
พอได้ยินแบบนั้นพนักงานก็พยายามกลั้นหัวเราะ
“น้องคะ...คุณยศสรัลยังไม่...” พนักงานจะพูดว่าแก่
แต่เกรซสวนขึ้นก่อน “นะคะพี่”
“เดี๋ยวเมย์จะโทรบอกคุณพ่อ ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” เมย์ว่า
“แต่ขอไม่คุยนะคะ”
พนักงานต้อนรับยิ้ม “งั้นเชิญที่บ้านพักวีไอพีเลยคะ”
ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความดีใจจนโล่งอก
ทั้งสามเดินออก ยศสรัลเดินเข้ามาพอดี ทั้งสามหัวเราะร่าเริง ยศสรัลมองแพรที่ยิ้มหัวเราะกับเพื่อนเขาก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปในล็อบบี้
ยศสรัลที่ยืนที่เคาน์เตอร์มีสีหน้าแปลกใจ
ยศสรัลงง “ไปบ้านพักแล้ว แล้วบอกหรือเปล่าว่าผมอยากต้อนรับ”
“แจ้งแล้วค่ะ แต่ว่าคุณจิระท่านไม่ได้มา ท่านมอบ voucher ให้ลูกสาวมากับเพื่อนๆค่ะ สามสาวที่สวนกับคุณสรัลเมื่อสักครู่นี่แหล่ะค่ะ”
“ถึงยังไงผมก็อยากต้อนรับอยู่ดี เพราะคุณพ่อกำชับมาแล้ว แล้วแขกบอกหรือเปล่าว่าทำไมไม่อยากพบผม”
“บอกค่ะ....เอ่อ...คือ” ยศสรัลจ้องหน้าคาดคั้น พนักงานเล่าต่อ “แขกบอกว่าไม่อยากคุยกับคนแก่ค่ะ”
ยศสรัลอึ้ง “คนแก่เหรอ?”
พนักงานเผลอยิ้ม ยศสรัลหันไปทางที่สามสาวแล้วก็ยิ้ม
“ขอโปรแกรมแขก ให้ผมดูหน่อย” ยศสรัลบอก
พนักงานส่งตารางกิจกรรมให้แล้วแอบมองยศสรัลขำๆ ยศสรัลมองตารางแล้วยิ้มมุมปาก
ณ ท่าเรือที่เรือยอร์ชจอดเรียงราย สามสาวนั่งรอด้วยความเบื่ออยู่ที่เรือยอร์ชลำหนึ่ง แล้วพนักงานก็ถือถาดเครื่องดื่มมาเดินบริการ
“พี่คะ ทำไมเรือยังไม่ออกอีก” เกรซถาม
“ยังขาดอีกท่านหนึ่งครับ”
“แขกก็มากันครบ แสดงว่าขาดพนักงานสิคะ” เมย์ว่า
พนักงานยิ้มรับเจื่อนๆ
เกรซบ่น “ทำไมไม่รับผิดชอบเลย แย่จริงๆ”
“ขอโทษครับที่ผมมาช้า” ยศสรัลพูด
สามสาวหันไปตามเสียงก็เห็นยศสรัลเดินเข้ามาในชุดสบายๆ ที่หล่อและดูดี เกรซกับเมย์ถึงกับอ้าปากค้าง แต่แพรเฉยๆ พอยศสรัลยิ้มให้เมย์กับเกรซก็รีบหลบตาเพราะเขินคนหล่อ
“เมื่อเช้ามีแขกไม่สบาย ผมเลยต้องพาไปโรงพยาบาลต้องขอโทษอีกครั้งนะครับที่ทำให้เสียเวลา” ยศสรัลบอก
ยศสรัลยิ้มให้แล้วมองสามสาวแต่ไปสะดุดตาที่แพรเป็นพิเศษ พอเห็นยศสรัลมองแพรก็มองไปทางอื่น
“เกรซก็ขอโทษพี่ด้วยนะคะ ไม่รู้ว่ามีเรื่องสำคัญ”
ยศสรัลชะงักไปนิดแล้วก็ขำเกรซก่อนจะหันไปที่ห้องควบคุมส่งสัญญาณให้กัปตันทำนองว่าออกเรือได้ แล้วก็หันกลับมายิ้มให้สามสาว
“เอ่อ...น้องคนไหนเป็นลูกสาวคุณจิระครับ” ยศสรัลถาม
“เมย์ ค่ะ”
“โอ้โห พี่รู้จักแขกหมดทุกคนเลยเหรอคะ”
ยศสรัลยิ้ม “ที่จริงต้องรู้มากกว่านี้อีก แต่พอดีมีคนบอกว่าไม่อยากคุยกับคนแก่”
แพร เกรซ และเมย์ตกใจจึงแอบมองตากันเลิ่กลั่ก แต่ยศสรัลยิ้มอย่างเป็นมิตรให้
“นี่พี่คือ คุณยศสรัล เหรอคะ” เกรซถาม
“เรียกพี่สรัลก็ได้ รู้จักพี่แล้ว พี่ขอทำความรู้จักทุกคนบ้างนะ”
ยศสรัลยิ้มให้ เกรซกับเมย์เขิน แต่พอยศสรัลมองมาแพรก็หันมองไปทางอื่นทำไม่สนใจจน
ยศสรัลแอบแปลกใจกับท่าทีนิ่งเฉยของแพร เรือออกจากฝั่งแล้วแล่นไป
อ่านต่อหน้า 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 1 (ต่อ)
แพรยืนมองวิวถือขวดน้ำอยู่คนเดียวมีความสุข ยสสรัลยืนมอง แพรก้มเปิดจุกขวดน้ำดื่ม แต่เปิดไม่ออก สรัลเลยเดินเข้าไปหา
“พี่เปิดให้มั้ยครับ?”
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร ไม่อยากดื่มแล้ว...”
แพรจะเดินผ่านหน้ายศสรัล แต่ขาไปเกี่ยวเชือกเรือทำให้เซไปข้างหน้า ยศสรัลรีบรับไว้ สองคนเซไปปะทะขอบเรือ
“ระวังครับ”
น้ำกระจายเปียกทั้งสองคน ทั้งสองมองหน้ากัน
“เอ่อ.. แพรไปก่อนนะคะ”
แพรเดินออกไปด้วยความอาย ยศสรัลมองตามด้วยรอยยิ้ม
เรือแล่นไปเรื่อยๆ ทั้งสามสาวร่าเริง สรัลยืนมองยิ้มๆ อย่างมีความสุขตาม สรัลยกกล้องถ่ายรูปขึ้น แพรหันมามอง สรัลถ่าย แพรค้อนใส่ สรัลหัวเราะ เมย์กับเกรซเห็นก็เรียกเอาไว้
“พี่สรัล ถ่ายรูปให้พวกเราหน่อยนะคะ”
ยศสรัลยกกล้องถ่ายรูปให้สาวๆ ทั้งสองสาวจี้เอวแพรให้หัวเราะ
สามสาวนั่งที่เก้าอี้ชายหาดหน้าบ้านพัก
“พี่สรัลนี่เขาน่ารักจริงๆเลยเนอะ” เกรซชม
“ตอนอยู่บนเรือ เค้าแอบมองใครบ่อยๆน๊า” เมย์ว่า
“พูดอะไร ไม่จริงซะหน่อย” แพรเมินหน้าหนี
เกรซจ้องเพื่อน “แกเป็นเบี้ยนใช่ไหม”
“บ้าเหรอ คิดได้ไง”
“เอ้า...ก็คิดได้จากที่เห็นนี่ล่ะ พี่เค้าทั้งหล่อ รวยและแสนดีดันไม่ชอบแล้วแกจะไปชอบคนไม่ดีหรือไง”
“นี่....ชั้นว่าแกสองคนหมกมุ่นแต่เรื่องพี่สรัล เปลี่ยนเรื่องดีกว่าไม๊” แพรว่า
“ทำไมล่ะ คุยเรื่องพี่สรัลนี่แหล่ะ ไหนบอกซิ ชอบพี่เค้าไม๊”
แพรขำ “ไม่เอาแล้ว เพิ่งจะจบม.6 เอง ดันพูดกันแต่เรื่องผู้ชาย ฉันไปเดินเล่นดีกว่า”
แพรลุกแล้วเดินไปตามชายหาด
“ลุกหนีแบบนี้เบี้ยนชัวร์” เกรซว่า
สองสาวหัวเราะใส่กัน
เวลาผ่านไป แพรนั่งอยู่บนหาดทราย มองทะเล ก่อนถอนหายใจแล้วเอนนอนหงายลงไปบนหาดทรายมองท้องฟ้า ท้องฟ้าสวยงาม เธอเห็นภาพพ่อ แม่ ตัวเองตอนเด็กกลมเกรียวรักไคร่ซ้อนทับกับก้อนเมฆ แพรหลับตาลง
เกรซกับเมย์ยังนั่งคุยกันอยู่ที่ชายหาด ยศสรัลเดินเข้ามา
“ทำอะไรกันอยู่ครับ” ยศสรัลถาม
“นั่งเล่นค่ะ” เกรซตอบ
ยศสรัลยิ้มแล้วมองหาแพร
“ออกไปเดินเล่นค่ะ” เมย์ตอบ
“แพรเค้าเป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ โลกส่วนตัวสูง ตามอารมณ์เค้ายาก”
“ทำไมเหรอครับ”
“เค้าขี้ระแวงคนแปลกหน้าค่ะ นี่เค้าคุยกับพี่สรัลเยอะแล้วนะคะเนี่ย”
ถามคำตอบคำนี่เยอะแล้วเหรอ” ยศสรัลขำ
“ถ้าเป็นคนอื่น เมินเป็นธาตุอากาศเลยค่ะ” เกรซบอก
“จริงๆ...พี่ก็รู้สึก นึกว่าเขาไม่ค่อยชอบหน้าพี่”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่มันเป็นปัญหามาตั้งแต่เด็กน่ะค่ะ”
ยศสรัลได้ยินก็สนใจและจะตั้งใจฟัง เกรซได้ยินเมย์ชักพูดเยอะก็รีบสะกิดแล้วขยิบตาให้หยุดพูด เมย์หน้าเจื่อน
“เออ แล้วแพรมันเดินหายไปไหนแล้วเนี่ย” เกรซสงสัย
ยศสรัลมองตามไปด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวพี่ไปดูให้นะ” ยศสรัลบอก
เมย์พูดอำๆ “ฝากด้วยนะคะ พี่สรัล”
สรัลหันมายิ้มให้แล้วเดินไป
กานดาชโงกหน้ามาที่ดาดฟ้าตึกด้วยความตกใจสุดขีด กานดาหันกลับไปแล้วก็ซ็อกก่อนจะร่วงลงกับพื้นพร้อมกับกรี๊ดเสียงดัง
แพรวัยเด็กยืนมอง ชาติชายนอนตายท่ามกลางคนมุงดูมากมาย
แพรนอนกระสับกระส่ายเหงื่อผุดเต็มหน้าเพราะฝันร้าย เธอลืมตาลุกขึ้นมานั่งพรวดด้วยความตกใจ
แพรร้องเสียงดัง “พ่อ!”
ยศสรัลที่นั่งมองแพรนอนอยู่รีบเข้าไปประคองด้วยความห่วงใย
“แพร! เป็นอะไร? ฝันร้ายเหรอ?”
แพรได้สติก็หันมองยศสรัลที่โอบประคองเธออยู่ แล้วก็รีบขยับตัวออกจากอ้อมแขนของยศสรัลทันที
“ค่ะ...ฝันร้าย” แพรตอบ
“แค่ฝัน ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่นั่งเป็นเพื่อน”
“เอ่อ.....แพรว่าจะกลับพอดีค่ะ”
แพรลุกขึ้นจะเดินออกไป
ยศสรัลแอบกังวล “มาเที่ยวทะเล ต้องดูพระอาทิตย์ตก สวยมากเลยนะ แต่ถ้าแพรจะกลัวคนแปลกหน้าอย่างพี่จนถึงขนาดยอมพลาดชมความงามของธรรมชาติที่หาดูได้ยากในเมืองกรุง ก็ตามใจ”
แพรชะงักและลังเล
“แพรไม่ได้กลัวคนแปลกหน้า”
“งั้นแพรก็กลัวพี่?”
“แพรไม่กลัวอะไรทั้งนั้นค่ะ!”
แพรเดินกลับมานั่งอย่างต้องการเอาชนะยศสรัล
ยศสรัลแอบยิ้มเพราะเข้าแผน
“แพรชอบทะเลมั้ย?”
“ชอบค่ะ.....”
ยศสรัลยิ้มที่หลอกล่อให้แพรคุยได้
“เหมือนพี่เลย พี่ชอบทะเลมาก ว่างเมื่อไหร่ พี่ต้องมาที่ทะเล เวลานั่งมองท้องฟ้า แล้วหลับตาฟังเสียงคลื่น มันทำให้พี่รู้สึกสบายใจเสมอ”
ยศสรัลพูดจบก็มองดูพระอาทิตย์ตกพร้อมกับยิ้มอย่างสบายใจ แพรเลยหันมองหน้าสรัลแบบทั้งหมั่นไส้และรู้สึกดี
ยศสรัลเดินมาส่งแพรหน้าห้องพัก ทั้งสองยิ้มแย้ม สาวทั้งสองแอบดูอยู่
“โอ๊ย ดูมันสิ น่าอิจฉาจังเลย” เกรซว่า
“อ๊าย เขินแทนว่ะ” เมย์บอก
เกรซกับเมย์รีบไปนั่งรอที่โซฟาแล้วทำเป็นหยิบหนังสือมาอ่านทำเป็นวุ่นวาย แพรเดินเข้ามาหยุดมองเพื่อน
“อ้าว...กลับมาแล้วเหรอ ได้เจอพี่สรัลหรือเปล่า” เกรซทำเป็นถาม
“แอบดูอยู่ แล้วไม่เห็นกันเหรอ” แพรว่า
เกรซกับเมย์จ๋อยแล้วรีบเดินเข้ามาหาแพร
“เฮ้ย มันรู้ได้ไงวะเกรซ”
“เห็นแค่ตอนเดินกลับ ไหนเล่ามาสิ ว่าเป็นยังไง เล่ามาให้หมดเลย”
“ก็ไม่มีอะไร” แพรว่า
“มันจะไม่มีอะไรได้ยังไง” เกรซรุก
แพรอมยิ้มแต่ไม่พูดจะเดินเข้าห้องน้ำ เกรซกับเมย์รีบดึงไว้
“ห้ามไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะเล่าจบ” เมย์ว่า
“เฮ่ย อ่ะ....งั้นเริ่มเล่าล่ะนะ” แพรพูด
เกรซกับเมย์เผลอปล่อยมือที่จับแล้วตั้งหน้ารอฟัง แพรวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป
“ไอ้แพร แกอย่างมาโกงสิ” เกรซตะโกนไล่หลัง
เกรซกับเมย์รีบวิ่งตามเข้าไป สองสาวทุบประตูหัวเราะ
“แพร...เปิดเดี๋ยวนี้ แล้วออกมาเล่าด่วนเลย”
“อย่าทำแบบนี้นะ ฉันอยากรู้เรื่องของแกจนคันคะเยอไปทั้งตัวแล้ว เปิดๆๆ”
แพรยืนยิ้มขำเพื่อนๆ แล้วเปลี่ยนเป็นนึกถึงสรัลแล้วก็เขิน
แพรยืนรอ ยศสรัลเดินเข้ามาส่งขนมให้ แพรยังไม่กิน ยศสรัลกินให้ดู แพรลองกินแล้วชอบ ทั้งสองคนเดินกินขนมไปด้วยกัน
เกรซกับเมย์อมยิ้มแล้วกรี๊ดกร๊าด
“แกเห็นอย่างฉันไหม” เกรซถาม
“เห็นสิ แพรเปลี่ยนไปแล้ว” เมย์บอก
สรัลกับแพรเดินตักอาหารกินด้วยกัน
“ใช่...เมื่อก่อนไม่เคยยอมคุยกับผู้ชายคนไหนเลย” เกรซว่า
“แล้วแกดูพี่สรัลเค้าคอยเทคแคร์ไอ้แพรสิ” เมย์บอก
“ถ้าเดาไม่ผิด ฉันว่าพี่สรัลกับไอ้แพร”
เกรซกับเมย์พูดพร้อมกัน “ปิ๊งกัน!”
ยศสรัลกับแพรตักอาหาร ยศสรัลแกล้งแพรเล็กๆ
สรัลเอาผ้าห่มคลุมให้แพรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ชายหาด แพรกับยศสรัลคุยกันสั้นๆ
แพรหลับอยู่ที่ชายหาด สรัลปลุก แพรตกใจตื่นแล้วเด้งตัวขึ้นนั่งชนหน้ายศสรัลที่มองขำอยู่ แพรกับสรัลเขินๆ
ยศสรัลหยิบนามบัตรส่งให้เมย์ เมย์รับไปแล้วพูด
“ขอเบอร์พี่สรัลไว้ค่ะ เผื่อกลับไปกรุงเทพ จะได้ติดต่อกัน”
เมย์มองแพร สรัลมองแพร แพรเขินแต่ทำไม่สนใจ
“แล้วแพรจะไปเรียนต่อ ที่ไหนเหรอ” ยศสรัลถาม
“อังกฤษค่ะ ไม่รู้จะมีใครเลี้ยงส่งรึเปล่า” เมย์ตอบแทน
ยศสรัลยิ้มแล้วหันไปมองแพร “เมื่อไหร่ครับ”
“อีกสองอาทิตย์ค่ะ”
“เดือนหน้าพี่ก็ต้องไปเรียนปริญญาโทต่อเหมือนกัน”
“อังกฤษรึเปล่าคะ” เมย์ถาม
แพรสนใจฟัง
“อเมริกาครับ” ยศสรัลตอบ
“ว๊า .. แยกทวีปกันเลย” เกรซเสียดาย
“งั้นพี่จะเลี้ยงให้ ก่อนเดินทางดีไม๊”
เกรซกับเมย์มองหน้าแพรอย่างลุ้นรอคำตอบ
“ขอบคุณค่ะ” แพรตอบ
เกรซกับเมย์กรี๊ดเพราะดีใจ แพรอายยศสรัล ยศสรัลยิ้มให้
“งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้เจอกัน”
“มาเร็วๆนะค๊า” เมย์ว่า
ยศสรัลหันมายิ้ม แพรโวยวาย “ไอ้เมย์”
เกรซกับเมย์พูดพร้อมกัน “สำเร็จ”
แพรงง “อะไรของพวกแก”
เกรซยิ้มเจ้าเล่ห์ “เมื่อเช้าชั้นสองคนนั่งคิดกันว่า แกไปเรียนตั้งหลายปีทำยังไงจะไม่ให้ขาดการติดต่อกับพี่สรัล และแล้ว” เกรซชูนามบัตร
“นี่ เราเป็นผู้หญิงนะ พวกแกไม่อาย ชั้นอาย ไปขอเบอร์ผู้ชาย”
“แกไม่ต้องทำ เดี๋ยวชั้นจัดการให้ รับรอง คืนนี้แกได้มีเพื่อนในเฟซบุ๊คชื่อ..” เมย์มองนามบัตร “ ยศสรัล โชตนุพงษ์แน่นอน”
แพรอึ้งและตกใจ เสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้นในหัวของเธอว่า “แพรไพริน โชตนุพงษ์ แพรตกใจแล้วหยิบนามบัตรจากมือเพื่อนมาดู
“ยศสรัล โชตินุพงษ์”
ภาพในอดีตย้อนกลับมาปรากฏขึ้นเด่นชัดในห้วงคิด
อ่านต่อหน้า 3
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 1 (ต่อ)
วันนั้นที่สนามบ้าน เด็กหญิงแพรกำลังเล่นตุ๊กตาผู้หญิงกับเด็กผู้ชายอีกคน
“สวัสดีค่ะเด็กๆ ครูชื่อแพรไพรริน โชตินุพงษ์นะคะ” แพรพูด
“ได้ไงอ่ะ นั่นนามสกุลของพี่นะ น้องแพรอย่าขี้ตู่” ยศสรัลวัยเด็กค้าน
“ก็น้องแพรชอบนี่”
“แต่น้องแพรเอาไปใช้ไม่ได้ ต้องแต่งงานกับพี่ถึงจะใช้นามสกุลพี่ได้”
“งั้นน้องแพรแต่งงานกับพี่ชายก็ได้”
แพรซ็อคและตกใจจนหายใจหอบก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เกรซกับเมย์งงมากว่าแพรเป็นอะไร
“ไอ้แพรมันเป็นอะไรของมันอ่ะ”
เกรซมองตามเพื่อนออกไป
“แกเฝ้าของอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวชั้นไปดูมันเอง”
แพรวิ่งไปน้ำตาไหลไปจนมาหยุดที่โขดหินริมหาด ภาพด้านหน้าบ้านหลังใหญ่ของชาติชายแวบขึ้นมาในหัวของแพร
ภาพในอดีตย้อนกลับมา คัชพลในวัยเด็กผลักแพรล้มลง ยศสรัลวัยเด็กเดินเข้ามาช่วย
“พี่ใหญ่ ผลักน้องแพรทำไม” ยศสรัลถาม
“ก็บอกแล้ว ว่าเราไม่เล่นกับเด็กผู้หญิง น่ารำคาญจริงๆ” คัชพลว่า
แพรร้องไห้เสียใจ
“น้องแพรไม่ต้องร้องนะ เดี๋ยวพี่เล่นเป็นเพื่อนน้องแพรก็ได้”
ยศสรัลเช็ดน้ำตาให้ “ไหนลองยิ้มซิ”
แพรยิ้มให้ ยศสรัลยิ้มตอบ
คัชพลเบ้ปากแล้วเดินออกไปนั่งกินขนม ธัญกรนั่งวาดรูปอยู่ตรงนั้นพร้อมพี่เลี้ยง
เค็กล้มวันเกิด ชาติชายบัญชาต่อยกัน เด็กๆและแม่ถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง
ภาพชาติชายโดนบัญชากระทืบอยู่ที่หน้าบ้านบัญชา
ภาพชาติชายนอนตายอยู่บนถนน
ภาพกานดาร้องกรี๊ดที่ดาดฟ้าคอนโดมีเนียม
เมื่อภาพในอดีตย้อนกลับมา แพรก็มือไม้สั่นกำมือทุบหินด้วยการอยากระบายความเจ็บปวด
แพรนั่งร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เกรซวิ่งเข้ามาหยุดมองแล้วเดินช้ามาหาเพื่อน
“แพร...แกเป็นอะไรอ่ะ”
“ตอนแรก ฉันก็คิดแค่คนเราชื่อซ้ำกันได้ มันไม่น่าจะใช่คนๆเดียวกัน”
“แกพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ”
แพรหยิบนามบัตรขึ้นจากทรายแล้วมองก่อนจะขยำนามบัตรในมือ
“แพร...ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่”
แพรหันมากอดเพื่อน
“เกรซ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันจะกลับบ้าน แกพาฉันกลับบ้านตอนนี้เลยได้ไหม....ฉันอยากกลับบ้าน”
แพรร้องไห้โฮ เกรซกอดแพรแน่นด้วยความห่วงเพื่อน
แพรเก็บของแล้วเช็ดน้ำตา เมย์งง เกรซเก็บของอย่างค่อนข้างรีบ
“เฮ้ย...นี่ มีใครช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราต้องรีบกลับกันขนาดนี้อ่ะ แล้วแพรมันเป็นอะไร” เมย์ถาม
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยเมย์ เดี๋ยวแพรพร้อมมันก็เล่าให้ฟังเอง” เกรซบอก
เมย์จำใจหุบปากด้วยสีหน้างงๆแต่ก็ไม่ได้โกรธเพื่อน
ยศสรัลที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหการเริ่มดูนาฬิกา ยศสรัลเดินมาเคาท์เตอร์ห้องอาหาร แล้วกดเบอร์ภายใน
ห้องว่างเปล่าไม่มีคนเลย ยศสรัลแปลกใจมากแล้วก็เดินออกไป
พนักงานพยักหน้ารับ
“ค่ะ แขกเช็คเอ้าท์ไปตั้งแต่บ่าย 3 โมงแล้วค่ะ”
“เช็คเอ้าท์” ยศสรัลงงมาก “.แล้วทำไมไม่มีใครบอกผม”
“เอ่อ...คือแขกสั่งไม่ให้บอกค่ะ”
ยศศรัลอึ้งงงไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น
กำธรเดินออกจากบ้านในมือถือซองเอกสารสีน้ำตาลมาด้วย เขามายืนดูแพรที่นั่งเหม่อครุ่นคิดเคร่งเครียด กำธรเห็นแล้วหนักใจจึงเดินเข้ามานั่งกับแพร
“อาให้เลขาเปลี่ยนตั๋วให้แพรบินไปเร็วขึ้นแล้วนะ”
แพรหันมามองกำธรแล้วน้ำตาก็เริ่มไหล กำธรจับมือเพื่อปลอบใจ
“แพรพยามแล้วนะคะคุณอา แพรพยามจะลืมแล้ว แต่...”
“แพร...ฟังอานะ อดีตมันผ่านไปแล้ว สิ่งที่อยู่กับเราคือปัจจุบันและอนาคต แพรต้องทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ แล้วเดินไปข้างหน้า แพรจะต้องเป็นคนใหม่...มีชีวิตใหม่”
“เป็นคนใหม่...มีชีวิตใหม่?” แพรทวนคำ
กำธรยื่นซองเอกสารนั้นให้แพร แพรรับมาแล้วเปิดออกดู แพรเห็นเอกสารรับรองการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลจากทะเบียนราฏษร์
แพรอ่าน “วีรดา วาณิชโยธิน”
กำธรพยักหน้ารับ “กลับมาเป็นคนใหม่นะลูก”
กำธรดึงแพรมากอดลูบหัวด้วยความสงสาร แพรมีนัยน์ตาสับสน
แพรหยิบรูปครอบครัวขึ้นมาดูซึ่งเป็นรูปเดียวกับที่ชาติชายกอดไว้ตอนกระโดดตึก กรอบรูปมีคราบเลือดเปื้อนอยู่ดูน่าสะเทือนใจ
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ชาติชาย พ่อของแพรเดินเมาทรุดลงนั่งร้องไห้อยู่ข้างรถ แพรวัยเด็กยืนมองพ่อ โดยมีกานดายืนอยู่ด้วย
“เราไม่เหลืออะไรแล้ว ทุกอย่างที่ผมสร้างมา มันพังหมดแล้ว”
“คุณพูดอะไร ดาไม่เข้าใจ” กานดาว่า
“ไอ้บัญชา ไอ้เพื่อนทรยศ มันหักหลังผม .. ผมเกลียดมัน.. ไอ้สารเลว ไอ้บัญชา”
ลูกน้องบัญชาล็อคตัวชาติชายไว้ บัญชาเดินมาจ้องหน้าเหี้ยม
บัญชายิ้ม “อยากได้สมบัติคืนใช่ไม๊... เอาไป!”
บัญชาชกชาติชายเต็มแรง แล้วชกอีกจนชาติชายทรุด แพรที่อยู่ในรถร้องไห้ที่เห็นพ่อโดนซ้อ บัญชามองชาติชาย
“กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะแจ้งความข้อหาบุกรุก... ไอ้เพื่อนรัก” บัญชาว่า
บัญชาเดินหันหลังออก ชาติชายเงยหน้ามองแล้ววิ่งไปเกาะบัญชาจากด้านหลัง
“เอาสมบัติฉันคืนมา เอาส่วนของฉันคืนมา” ชาติชายกอดรัดไว้
ลูกน้องของบัญชาทั้งสองคนกระชากชาติชายล้มลง แล้วช่วยกันรุมเตะและกระทืบ บัญชาหันกลับมามองแล้วยิ้มสะใจ แพรที่อยู่ในรถมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่
แพรดึงตัวเองกลับมา แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
ฝันร้ายผุดขึ้นมาหลอกหลอนราวกับสายน้ำไหล ตั้งแต่ตอนที่กานดาชะโงกออกจากดาดฟ้าตึกด้วยความตกใจสุดขีด กานดาหันกลับไปก็ช็อกร่วงลงกับพื้นพร้อมกับกรี๊ดเสียงดัง แพรยืนมองชาติชายนอนตาย ศพภชาติชายนอนตายมีคนมุงดู
หลายวันผ่านไป แพรนั่งเหม่อคนเดียวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า มีเด็กวิ่งมาชวนแพรเล่นแต่แพรไม่คุย เด็กวิ่งออก แพรนั่งคนเดียวอยู่ในลานกว้าง
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมา แพรกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น และเสียใจ
“ใช่...แพรจะเป็นคนใหม่!”
ยศสรัลนั่งอยู่คนเดียวที่ชายทะเล เขาคิดแล้วก็แปลกใจมาก ยศสรัลถอนหายใจแล้วเดินมองทะเล
6 ปีผ่านไป ณ ท่าเรือสุดหรูของจังหวัดภูเก็ต เรือสำราญที่จอดอยู่ด้านหลังเวที บัญชาเดินขึ้นเวที นักข่าวกรูกันไปหน้าเวที บรรดาแขกไฮโซที่มาร่วมงานต่างปรบมือกันลั่น
“สวัสดีครับทุกๆท่าน ผมขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดตัวท่าเรือ Prime Cruise ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด บวกกับการบริการเหนือระดับภายใต้คอนเซปท์ Best of the Best ซึ่งหมายถึงการรวมสิ่งที่ดีที่สุดเอาไว้ที่นี่”
แขกทุกคนปรบมือ
“บัญชายิ้ม “ซึ่งทั้งหมดเป็นความคิดของ คุณคัชพล กรรมการบริหารของ Prime Enterprise และเป็นบุตรชายคนโตของผมครับ”
บัญชาผายมือไปคัชพลเดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อไหว้ขอบคุณ เสียงปรบมือดังลั่น บัญชาโอบไหล่ลูกชายคนโต
คัชพลยืนอธิบายภาพแผนการตลาด
“จากการคาดการณ์ในปีหน้าฐานลูกค้าของเราจะขยายขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% ตามเป้าที่เราตั้งไว้แน่นอนครับ เพราะฉะนั้น ท่าเรื่อแห่งใหม่ของเราแห่งนี้ จะสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่ขาดตกบกพร่องครับ”
ทุกคนปรบมือให้คัชพล
คัชพลพูดต่อ “ที่จริงความสำเร็จทั้งหมดของฝ่ายการตลาดก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ามีผมเพียงคนเดียว ผมต้องขอบคุณยศสรัลผู้ช่วยที่ดี และน้องชายคนเก่งของผมครับ”
คัชพลผายมือไปทางยสสรัลที่อยู่ที่มุมหนึ่งของเวที ยศสรัลพยักหน้ารับแล้วยิ้มน้อยๆ นักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพับ
บัญชาพูดต่อ “ทุกคนคงเห็นแล้วนะครับว่า คัชพลและฝ่ายการตลาดของ Prime Enterprise ทำงานได้ดีมากขนาดไหน...แต่ผมกับคุณปีเตอร์หุ้นส่วนคนสำคัญของผม เราคุยกันแล้วว่าไม่อยากให้คัชพลทำหน้าที่นี้ต่อไป”
ทุกคนในงานอึ้งงงกับคำพูดของบัญชา แม้แต่คัชพลกับยศสรัลก็มองหน้ากันแบบงงๆ
“คุณพ่อครับ ทำไมล่ะครับ?” คัชพลถาม
ปีเตอร์ยิ้ม “เพราะผมกับคุณบัญชา เห็นพ้องต้องกันที่จะเลื่อนตำแหน่งคุณคัชพลเป็นรองประธานฝ่ายบริหาร และให้ยศสรัลขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดครับ”
คัชพลดีใจมาก ยศสรัลยิ้มๆ ทุกคนในห้องปรบมือแสดงความยินดี
บัญชาให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ที่มุมหนึ่ง คัชพลยืนให้นักข่าวถ่ายรูปอยู่อีกมุม เจนเดินแหวกนักข่าวเข้ามายืนยิ้มให้คัชพล คัชพลมองไปก็ยิ้มตอบ นักข่าวหันมองตาม
“เอ...น้องเจนนางแบบดัง กับคุณคัชพละกำลังคบกันอยู่นี่จริงไหมครับ” นักข่าวถาม
เจนเดินมาดสวยมาควงแขนคัชพลให้นักข่าวถ่ายรูป
“เรานับถือกันเป็นพี่น้องมากกว่าครับ”
พูดจบคัชพลก็ส่งสายตาเจ้าชู้แล้วเอามือโอบเอว นักข่าวยิงภาพถ่ายรูปสนั่น
สินียืนอยู่กับธัญกรดูการสัมภาษณ์อยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกมา
“นี่ตาเล็ก ดูสิ เราต้องเก่งให้เหมือนพี่ใหญ่เขานะ เห็นไหมวันนี้คุณพ่อมีความสุขมาก” สินีว่า
ธัญกรถามต่อ “แล้วผมต้องเจ้าชู้ให้เหมือนพี่ใหญ่หรือเปล่าครับ”
สินีตีแขนลูก “แม่พูดเรื่องงาน ไม่ได้พูดเรื่องผู้หญิงรายวันพวกนั้น”
ธัญกรมองบัญชาที่ตอนนี้เดินไปสมทบกับคัชพลและเจนถ่ายรูปด้วยกันแล้วพูด
“ฮึ...ทำไง คุณพ่อก็ไม่มีวันมองว่าผมเก่งหรอกครับ ถ้าคุณแม่เล่นคุมผมทุกฝีก้าวแบบนี้ ผมก็เป็นได้แค่ลูกแหง่ในสายตาคุณพ่อ”
สินีค้อน “แม่ไม่คุยด้วยแล้ว นี่สรัลพี่ชายเราหายไปไหน ทำไมไม่อยู่ในงาน?”
“ถามผม...แล้วผมถามใครละครับแม่?”
สินีมองลูกชายคนเล็กอย่างหัวเสีย
ยศสรัลเดินคุยงานกับผู้ช่วยเข้ามาอย่างเท่ๆ สาวๆต่างชี้ชวนกันดู ยศสรัลมาหยุดที่หนึ่งแล้วคุยชี้โน่นนี่นั่นกับผู้ช่วย ผู้ช่วยรับคำสั่งแล้วเดินออกไป สินีเดินเข้ามาหายศสรัล
“นี่มาทำอะไรตรงนี้น่ะสรัล? เราควรไปนั่งอยู่ในงานซิ!”
“ผมมาดูความเรียบร้อย สำหรับงานกาล่าดินเนอร์คืนนี้น่ะครับ”
“มาดูเวลาอื่นได้มั้ย? ตอนนี้นักข่าวมากันเต็ม แทนที่จะให้พวกเขาได้ถ่ายรูปได้สัมภาษณ์ทำสกู๊ปโน่นนี่...”
ยศสรัลตัดบท “งานเซเลบแบบนั้นผมขอให้เป็นหน้าที่พี่ใหญ่เถอะครับ ผมไม่ถนัด”
“ไม่ถนัดก็ต้องไป แกไม่อยากได้หน้า แต่แม่อยากได้” สินีว่า
“เอ่อ...คุณแม่ครับ”
สินีเสียงเข้ม “ตาสรัล!”
ยศสรัลถอนใจแต่สินีไม่แคร์รีบลากยศสรัลออกไป
คัชพลให้สัมภาษณ์เสร็จ
“ขอบคุณน้องๆ สื่อมวลชนทุกคนนะครับ อย่าเพิ่งรีบกลับกันนะครับ เดี๋ยวเรายังมีการจับรางวัลสำหรับนักข่าวโดยเฉพาะด้วย”
พวกนักข่าวยิ้มดีใจ
“ต๊าย...คุณคัชพลทุ่มทุนทุกครั้งเลยนะคะ ครั้งนี้ก็คงแจกไม่ธรรมดาแน่”
“ใช่ครับ โดยเฉพาะของวันนี้ ผมเชื่อว่าน้องๆสื่อมวลชนทุกคน ต้องพอใจแน่ๆ” คัชพลบอก
นักข่าวต่างก็ปรบมือให้ คัชพลยิ้มแล้วมองไปเห็น บิ๋ม นางแบบอีกคนเดินเข้างานมา
คัชพลกระซิบกับเจน “ขอตัวสักครู่นะ”
เจนอึ้ง “เอ่อ...คุณใหญ่”
เจนเรียกไม่ทัน คัชพลเดินไปรับบิ๋ม เหล่านักข่าวมองตามแล้วเม้าท์
“ทั้งหล่อทั้งทุ่มทั้งเจ้าชู้ สาวคนไหน จะโชคดีจับอยู่นะ”
เจนได้ยินก็ไม่พอใจก่อนจะเดินเชิดออกไป สักพักนักข่าวก็สะกิดเรียกกันอีก
“อุ๊ย...คุณยศสรัลผู้หาตัวยากมาแล้ว”
เหล่านักข่าวกรูไปหายศสรัลที่ถูกสินีพยามจะลากมา แต่แขกในงานเยอะมาก
“มาแล้วค่ะ ยศสรัลพร้อมให้สัมภาษณ์แล้วค่ะ” สีนีบอก
นักข่าวเดินผ่านแขกกลุ่มใหญ่ที่แน่นขนัดไปถึงสินีแล้วมองหน้ากันเหวอ สินีหันมองรอบตัวไม่เห็นยศสรัล
สินีงง “เอ้า...ตาสรัลไปไหนอีกแล้ว”
ธัญกรที่ยืนอยู่ห่างๆเห็นแม่วุ่นวายมองหายศสรัล ในขณะที่บัญชาก็คุยกับนักธุรกิจ คัชพลก็ดูแลนางแบบมีนักข่าวคอยตามถ่ายรูป
ธัญกรเซ็งๆ เลยเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 1 (ต่อ)
ธัญกร เดินมาที่รถสปอร์ตสุดหรูแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเพื่อน
“เฮ้ย...เสร็จงานแล้ว พวกแกรีบออกมาเลยกำลังเซ็ง.....เออได้ เจอกันที่นั่นแล้วกัน”
ธัญกรจะขึ้นรถแต่ยศสรัลเดินเข้ามา
ยศสรัลเรียกไว้ “เล็ก จะไปไหน”
“ผมนัดเพื่อนไว้”
“แล้วไม่อยู่ดินเนอร์เหรอ”
“ผมอยู่หรือไม่อยู่มันก็ไม่ต่างกันหรอกครับพี่สรัล”
“เล็ก ทำแบบนี้....คุณพ่อกับคุณแม่จะ....”
ธัญกรสวนขึ้น “จะไม่พอใจ พี่สรัล ฮีโร่คนโปรดงานนี้คือพี่ใหญ่ เบ้รับใช้คือพี่สรัล ส่วนผม...อากาศธาตุของบ้าน ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีหน้าที่ ผมเบื่อที่จะต้องคอยออกงาน เพราะต้องสร้างภาพครอบครัวอบอุ่น....ไปนะครับ”
พูดจบธัญกรก็เดินขึ้นรถแล้วขับออกไป ยศสรัลมองตามแล้วส่ายหน้าระอาใจ
นักเที่ยวเต้นกันอย่างเมามันอยู่ในผับ ธัญกรกับเพื่อนๆยืนกินเหล้ากันอยู่ สาวเหล่มองธัญกร เพื่อนธัญกรยิ้มให้สาว
“เป็นไงไอ้คุณชายเล็ก หายเซ็งหรือยัง” เพื่อนถาม
ธัญกรยิ้มเซ็งๆ
“ ไม่เป็นไรเดี๋ยวจัดให้” เพื่อนมองสาวแล้วหันมาสะกิดธัญกร
ธัญกรหัวเราะ “เดี๋ยวก็เจอตอหรอก”
เพื่อนธัญกรมองสาวน้ำลายหก ธัญกรมองตามก็เห็นสาวสวยคนหนึ่งยิ้มให้ แต่ธัญกรเห็นบางอย่างผิดปกติ
“เหมือนจะมีแฟนแล้วนะเว้ย ไอ้ที่ยืนใกล้ๆน่ะ นั่นไง จับมือกันด้วย” ธัญกรบอก
“อันนั้นเป็นปัญหาที่เขาต้องไปเคลียร์กันเอง พวกเรามันแค่ทางผ่าน แวะมาดูสินค้าท้องถิ่น”
เพื่อนทั้งหมดหัวเราะสนุกสนาน แล้วเพื่อนคนหนึ่งก็เดินไปเฉียดพร้อมส่งซิกให้สาวสวย แล้วออกไปนอกร้าน สาวสวยมองตาม
“ไอ้ธาริตเอาแล้วอีกแล้ว เรื่องเลวๆชอบนัก”
ธัญกรมองไปที่กลุ่มนั้นก็เห็นสาวสวยเดินออกไป ธัญกรหันมาดื่มกับเพื่อนๆต่อแล้วก็หันกลับไปมองที่กลุ่มนั้นอีก ผู้ชายกลุ่มนั้นรวมตัวกันเดินตามออกไป ธัญกรรู้ว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ
“เฮ้ย...ไปเร็ว” ธัญกรบอกเพื่อน
ธัญกรและเพื่อนรีบเดินออกไป
เพื่อนธัญกร ยืนคุยกับหญิงสาวและแลกเบอร์กันอยู่ กลุ่มเพื่อนผู้ชายของสาวสวยเดินตามมายืนจ้อง
“นั่นเด็กกู”
เพื่อนธัญกรหันไปมองสีหน้านิ่ง “เขาบอกกูโสด”
“กวนใช่ไม๊มึง”
ชายคนนั้นเดินไปดึงคอเสื้อเพื่อนธัญกร พวกธัญกรที่วิ่งมารีบเข้ามาล้อมทำให้ทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากัน
“เฮ้ย .. ปล่อยเพื่อนกู”
“เพื่อนมึงหาเรื่องกูก่อน กูต้องสั่งสอน”
ชายหนุ่มชกเพื่อนธัญกรจนล้ม เพื่อนธัญกรโมโหถีบคืนจนกลายเป็นสองฝ่ายตะลุมบอนชุลมุนกันพร้อมเสียงกรี๊ดตกใจของเหล่านักเที่ยวที่ออกมามุงดู myh’สองฝั่งอัดกันนัวเนียจนมีเสียงตะโกนดังขึ้น
“เฮ้ย ตำรวจ!!”
ธัญกรหันไปมอง บางคนยังชกกันอยู่ บางคนวิ่งหนี ธัญกรชกคนหนึ่งล้มไป แล้วหันไปมองตำรวจ เสียงนกหวีด ตำรวจสองนาย และการ์ดของผับ วิ่งมาจับตัวกันให้วุ่นวาย
ตำรวจล็อคตัวธัญกรที่กำลังวิ่งหนี
ยศสรัล ธัญกร เพื่อนๆ ทนายเดินออกมาด้านหน้าโรงพัก
“คุณสรัลพาคุณเล็กกลับได้เลยนะครับ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ทนายบอก
“ขอบคุณมากครับคุณกวี”
ทนายแยกเดินจากไป ยศสรัลหันมองธัญกรกับเพื่อนๆ 3 คน ที่ตอนนี้จ๋อยเป็นลูกแมว
ยศสรัลส่ายหน้าอย่างระอาใจ “พวกนายนี่มันจริงๆเลย คงไม่มีใครห้ามใครล่ะสิ”
“โธ่พี่สรัล พี่ต้องเห็น พวกมันลงก่อนเลย”
“ไม่ต้องพูดอะไรกับพี่หรอก ไว้ไปอธิบายกับคุณพ่อแล้วกัน”
-พอได้ยินคำขู่ของยศสรัล ธัญกรก็ถึงกับเซ็งเพราะ รู้ว่าอะไรรออยู่
เสียงบัญชาดังลั่น “ทำไมทำอะไรไม่คิด!!”
บัญชายืนจ้องด้วยสีหน้าโกรธจัด ธัญกรนั่งจ๋อย โดยมีสินีนั่งอยู่ข้าง ยศสรัลนั่งห่างออกมา
“ดีนะ ที่เส้นสายฉันมันช่วยให้เรื่องเงียบได้ ไม่งั้นได้เป็นข่าวให้อายทั้งตระกูล”
“คุณพ่อครับ ผมก็ไม่ได้อยากมีเรื่องนะครับ” ธัญกรว่า
“ไม่ต้องเถียง คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าแกกับไอ้พวกเพื่อนกะเลวกะลาดเป็นยังไง”
“ผมเป็นยังไงเหรอครับ”
สินีปราม “ตาเล็ก...คุณพ่อกำลังโมโหนะ”
“ผมไม่สน ผมอยากรู้ว่าตกลงคุณพ่อคิดยังไงกับผมกันแน่”
“ตาเล็ก...ลูก..หยุดเถอะ”
“ไม่ต้องไปห้ามมัน...ได้ ถ้าแกอยากรู้..ฉันจะบอกให้ ว่าฉันเห็นแกเป็นเด็กที่ไม่โต ถ้าแกเป็นอย่างนี้ ฉันจะไว้ใจให้แกดูแลงานการเหมือนพี่ๆแกได้หรอก”
“คุณพ่อไม่ต้องมาอ้างว่าผมนิสัยเป็นเด็กหรอกครับ เพราะไงคุณพ่อก็ไม่เคยไว้ใจผมอยู่แล้ว ปัญหามันอยู่ที่คุณพ่อไม่ใช่ผม”
“ไอ้เล็ก...ถ้าแกเถียงฉันอีกคำเดียว ฉันตบแกลงไปกองตรงนี้แน่”
ธัญกรโกรธและอัดอั้นที่พูดไม่ได้เลยกำหมัด
“สรัล ให้คนจองตั๋วเครื่องบินให้เล็กมันกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องให้มันไปออกเรือ”
บัญชาเดินออกไป สินีจำใจเดินตามไป
“ฮึ...ทำยังกับผมอยากไปนักนี่” ธัญกรว่า
“เล็ก พอเถอะน่า” ยศสรัลปราม
“พี่สรัลไม่เห็นเหรอว่าคุณพ่อมองผมเป็นอะไร ? ผมเป็นลูกพ่อนะกาฝากไม่ใช่กาฝากมาเกาะกิน”
“เล็ก ถ้านายอยากให้คุณพ่อเปลี่ยนความคิด นายต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ ไม่ใช่การเถียงด้วยอารมณ์”
“แล้วพี่จะให้ผมทำอะไร งานก็ไม่ให้ทำ เป็นลูกชาย Prime Enterprise แต่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย ถ้าพี่เป็นผมจะทำไง?”
ยศสรัลเองก็อึ้งจนตอบไม่ถูก ธัญกรหงุดหงิดจึงรีบลุกเดินออกไปทันที
บัญชาเดินหัวเสียเรื่องธัญกรเข้ามาในห้องทำงาน สินีรีบตามเข้ามาแก้ตัวให้ลูก
“ใจเย็นๆนะคะคุณ ให้โอกาสตาเล็กหน่อยนะคะ ตาเล็กยังเด็ก” สินีบอก
“เด็กเหรอ! โตจนใช้เงินวันละเป็นหมื่นได้นี่เรียกว่าเด็กเหรอสินี? ก็เพราะคุณเลี้ยงลูกอย่างนี้ไง ไอ้เล็กมันถึงไม่ได้เรื่อง”
สินีอึ้งและน้อยใจที่สุด
“แล้วทีตาใหญ่ ตาสรัล ที่ได้เรื่องละคะ ฉันไม่ได้เลี้ยงหรือไง”
“คุณเลี้ยง...แต่ตาใหญ่มันได้เลือดผม ส่วนตาสรัลผมก็ส่งมันไปอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เด็ก มันถึงมีวินัย แล้วก็รับผิดชอบ ขืนให้อยู่กับคุณก็คงพังเหมือนไอ้เล็กนั่นแหละ”
“คุณบัญชา!”
บัญชาสวนทันที “ออกไปได้แล้วสินี ผมจะทำงาน”
บัญชาหันกลับไปนั่งเปิดเอกสารบนโต๊ะดู ไม่สนใจสินี สินีคับแค้นใจแทบจะระเบิดแต่ก็จำใจต้องเดินออกจากห้องไป
บัญชาเปิดหนังสือหยิบรูปเก่าๆใบหนึ่งออกมามองด้วยแววตาที่ทั้งรักทั้งแค้น เขาเห็นรูปของกานดาสมัยยังสาว ที่ยิ้มอย่างสดชื่น
อ่านต่อตอนที่ 2