สาปสาง ตอนที่ 14
บริเวณที่ดินรกร้างมีหญ้าขึ้นเต็ม มีเศษซากไม้ไหม้ไฟดำเป็นตอตะโก ลมพัดแรงเถ้าปลิวว่อน บนฟ้ามีกลุ่มเมฆดำม้วนตัวเป็นก้อน
เฟยก้าวเท้าเข้ามาแล้วหยุด เฟยกวาดตามอง ลมแรงปะทะเข้าหน้าของเขา
“พลังมนต์ดำ.....มันต้องเคยมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นที่นี่แน่”
เฟยหรี่ตาเหมือนใช้พลังทางในเพ่งพินิจมองไปที่เสาตอตะโกซากโรงละคร
อีกาหลายตัวบินว่อน ส่งเสียงลั่น เสียงฟ้าคำรามลั่นอยู่บริเวณด้านนอกตำหนักพ่อปู่ พ่อปู่ที่หลับตาอยู่ลืมตาโพลง
“ไอ้จัญไร”
ขันน้ำทองแดงที่วางตรงหน้าพ่อปู่สั่นกระเพื่อม น้ำในอ่างทองแดงหมุนวนจนเห็นภาพเฟยในน้ำว่อบแว่บแต่พร่าเลือน
“มึงคิดว่าพลังของมึงจะสู้มนต์มารของกูได้เหรอ ไอ้ชาติชั่ว”
พ่อปู่ถ่มน้ำลายใส่อ่างทองแดงจนภาพซินแสเฟยหายไป
“อยากจะลองดีกับกูก็เอา”
พ่อปู่เริ่มบริกรรมมนต์ดำ น้ำในอ่างทองแดงหมุนวนมีควันดำลอยขึ้นจากน้ำ
บริเวณด้านหน้าโรงละคร ลมพัดกรู เถ้าถ่านม้วนตัวลอยขึ้น กลุ่มควันดำจากท้องฟ้าพวยพุ่งตรงลงมากลายเป็นงวงดำครึ้มก่อตัวขึ้น
“อุโมงค์ดำ....นี่มันศาสตร์ชั้นต่ำ”
งวงควันดำเริ่มหมุนตัวเคลื่อนมาหาเฟยราวกับจะเป็นพายุเฮอริเคน ใบไม้ เศษหิน เศษดิน ซากปรักหักพังปลิวขึ้นฟ้าม้วนตัวขึ้นตามงวงควันดำ
พ่อปู่ตัวสั่นเร่งเร้าคาถาบริกรรมด้วยริมฝีปากขมุบขิบ
“อันใดจงพินาศ ให้คน...วิปลาส
ให้มันหมกไหม้ ให้มันแพ้พ่าย”
เสียงคาถาพ่อปูตวาดดังขึ้น
เฟยยันเท้าแทบไม่อยู่จึงเซไป
“ขอให้พลังมารจงพ่ายแพ้แก่ความดี ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอองค์เจ้าที่ปกป้องบริบาร”
ลมแรง งวงแห่งพลังมารสีดำกลุ้มรุมมากขึ้น
พ่อปู่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ให้มันตายโหง ให้มันตายห่า”
พ่อปู่กระแทกเสียง ควันม้วนเข้มจนกลายเป็นสีดำมืดแล้วรวมกันเป็นก้อน ด้านปลายเป็นหอกพุ่งขึ้นฟ้า
ซินแสเฟยก้าวขายืนหยัดอย่างยากเย็น ลมแรงปะทะใบหน้า ควันใกล้ล้อมตัวมากขึ้น
“ไม่มีทาง ข้าจะไม่พ่ายแพ้แก่มนต์มารร้าย ไม่....ไม่”
หมอกดำเป็นงวงก่อตัวเป็นหอกพุ่งเข้าหาซินแส ซินแสผงะแล้วเบิ่งตาโพลงมองหอกควัน
กรณ์ขับรถมาบริเวณที่ดิน พริ้วสังเกตเห็นกลุ่มหมอกควันลอยเหนือที่ดิน
“นั่นกลุ่มเมฆดำอะไรคะ”
“แปลกจัง ดูไม่เหมือนเมฆฝน”
พริ้วรู้สึกอะไรบางอย่าง เธอก้มลงมองหยกที่ห้อยคอแล้วใช้มือจับหยก
“หยกร้อน ! เกิดอะไรขึ้นกับป๊าหรือเปล่า”
“คุณพริ้วว่าอะไรนะครับ”
“เอ่อ พริ้วเป็นห่วงป๊า ป๊าอยู่ตรงนั้นคนเดียว คุณกรณ์รีบขับไปเร็วๆได้ไหมคะ”
กรณ์เร่งเครื่องขึ้น เปิดไฟหน้ารถเพราะเห็นว่ามืดครึ้มขึ้นทุกที
เฟยยันตัวไม่อยู่เหมือนมีพลังแรงบางอย่างผลักให้เขาถอยหลัง เท้าของเฟยครูดไปตามพื้น
“ข้าต้องปกป้องพลังแห่งความดี”
พ่อปู่ร่ายคาถาพลางแสยะยิ้ม
“มนต์ดำ จัณฑาล อันธพาล ชาติชั่ว !”
ดินหอกดำพุ่งใส่เฟย ทันใดนั้นแสงไฟหน้ารถของกรณ์สาดส่องจับร่างซินแส หยกที่คอพริ้วมีแสงวาบ พริ้วจับหยก
“ป๊า !”
อ่านต่อหน้า 2
สาปสาง ตอนที่ 14 (ต่อ)
งวงควันที่เป็นรูปหอกสลายพรึ่บ ลมที่พัดแรงนิ่งไปบัดดล เฟยหอบหายใจเหนื่อย พริ้วรีบลงจากรถกรณ์เข้ามาหาเฟย
“ป๊าเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“อาพริ้ว ป๊าบอกแล้วว่าไม่ให้ลื้อมาที่นี่” เฟยบอก
“ก็พริ้วเป็นห่วงป๊า”
กรณ์เดินตามมาสมทบ
“ซินแสเฟย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เมื่อกี๊เหมือนมีลมอะไรบางอย่าง”
เฟยมองหน้ากรณ์ ลมเบาๆปะทะหน้าซินแส ซินแสมีญาณรู้ได้ว่ากรณ์ต้องผูกพันกับที่แห่งนี้
“คุณเคยเป็นคนของที่นี่ คนของที่นี่ผูกพันกับคุณ”
“ซินแสหมายความว่ายังไงครับ”
“ที่แห่งนี้มีพลังอะไรบางอย่าง มันไม่ใช่ที่ธรรมดา”
กรณ์งุนงง พริ้วรู้สึกแปลกๆ
ที่มุมลับตาคน รถของไทจอดเสียบเข้าป่ารกร้าง แพรวและไทแอบมองไปทางกลุ่มพริ้ว
“นั่นไง พวกมันมาดูที่ดินโรงละครจริงๆด้วย งั้นรีบเข้าไปขวางพวกมันสิ” ไทบอก
“แกจะบ้าเหรอ เข้าไปตอนนี้คุณกรณ์ก็จะระแวงฉันน่ะสิ” แพรวว่า
“นี่แกยังห่วงความรักตัวเองอยู่หรือไง ไม่ห่วงความลับเปิดเผยเหรอ”
“เพราะฉันห่วงไงเล่า ฉันถึงต้องวางแผนขนาดนี้”
“แล้วตอนนี้จะเอายังไง”
“เราต้องหาทางแยกอีพริ้วออกจากซินแสบ้านั่นกับคุณกรณ์ให้ได้”
แพรวครุ่นคิดหาทาง ขณะที่ไทก็หนักใจเพราะไม่อยากทำชั่วแต่ก็ต้องทำ
พริ้วจะเดินนำเข้าไปในที่ดินโรงละคร
“มันจะมีอะไรนักหนา ก็แค่ที่ดินธรรมดา มาเร็วป๊า คุณกรณ์ ไหนๆก็มาแล้ว รีบเข้าไปดูกัน”
“อย่านะอาพริ้ว”
เฟยกางแขนขวางพริ้ว พริ้วงง
“อะไรล่ะป๊า ก็เห็นอยู่ว่าเป็นที่ดินรกๆ มีแต่หญ้ากับซาก ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ป๊าไม่อยากให้ลื้อเข้าไปในนั้น” เฟยบอก
“ป๊าจ๋า....อย่าลืมสิจ๊ะ พริ้วเองก็มีหยกคุ้มครอง แถมยังมีคุณกรณ์อีกทั้งคน ไม่มีอะไรหรอกน่า เข้าไปดูกันเถอะ”
พริ้วมุ่งมั่นแล้วจะประคองเฟย
แพรวคิดหนัก เธอเหลียวมองไปเห็นรถกรณ์
“คุณกรณ์คะ....แพรวขอโทษ”
แพรวมองหาก้อนหิน
“แพรว เธอมองหาอะไร” ไทถาม
“ก้อนหิน....แกช่วยฉันหาหน่อย เอาก้อนใหญ่ๆนะ”
“จะเอาไปทำอะไร”
“บอกให้หาก็หาเถอะน่า เร็วเข้า อีพริ้วมันจะเข้าไปแล้ว”
ไทเหลียวไปมอง พริ้วพยุงเฟยและกำลังจะก้าวขา แต่แพรวหาก้อนหินได้พอดี
“ได้แล้ว”
“แกจะทำอะไร”
แพรวรำคาญที่ไทถาม เธอเขวี้ยงก้อนหินใส่รถของกรณ์ที่จอดอยู่ ก้อนหินเหวี่ยงโดนกระจกข้างทำให้สัญญาณกันขโมยของรถดังลั่น
พริ้วที่กำลังประคองเฟยเข้าไปในเขตที่ดินชะงักเท้า
“เสียงสัญญาณกันขโมย” พริ้วบอก
“เกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวผมไปดูเอง” กรณ์บอก
“ไม่เป็นไรค่ะคุณกรณ์ เดี๋ยวจะเสียงาน คุณกับป๊ารีบไปดูที่ดินดีกว่า เรื่องรถ พริ้วไปดูให้เองค่ะ”
“ระวังตัวนะอาพริ้ว ดูแล้วรอที่รถก็ได้ ไม่ต้องตามเข้าไป”
กรณ์ประคองเฟยเดินเข้าไป พริ้วหมุนตัวกลับจะเดินไปที่ที่รถจอดอยู่
พริ้วเดินมาบริเวณที่จอดรถก็เห็นกระจกแตกข้างหนึ่ง พริ้วโมโห
“ตายแล้ว กระจกโดนทุบ...มันขโมยของในรถหรือเปล่าเนี่ย”
เท้าคู่หนึ่งค่อยๆก้าวเข้าไปจากทางด้านหลังของพริ้ว พริ้ววุ่นวายกับการดูกระจกจึงก้มลงมองพื้นก็เห็นหิน
“ต้องเป็นหินก้อนนี้แหงๆ”
พริ้วก้มลงหยิบหิน
เท้าคู่หนึ่งก้าวเข้ามา พริ้วเงยหน้าขึ้นมอง
“เอ๊ะ !”
ยังไม่ทันจะเงยหน้าดี ไทก็ต่อยท้องพริ้วก่อนที่พริ้วจะเงยหน้าขึ้นทำให้พริ้วเห็นหน้าเขาไม่ชัด
“แรงๆ ต่อยมันอีก ให้มันสลบ” แพรวสั่ง
“แกเป็น.....”
พลั่ก ! ไทต่อยท้องพลิ้วอีกครั้ง พลิ้วตัวงอยิ่งกว่าเดิมจึงนิ่งและสลบไป แพรวเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าสะใจ
อ่านต่อหน้า 3
สาปสาง ตอนที่ 14 (ต่อ)
อีกาทั้งฝูงที่อยู่เหนือตำหนักพ่อปู่ส่งเสียงดังลั่น ผสานเสียงหัวเราะแผดต่ำของพ่อปู่
“ฮ่าๆๆๆ”
พ่อปู่ยิ้มเหี้ยมด้วยความสะใจ
“อีแพรว อีเลือดชั่ว สันดานดิบของมึงทำให้มึงคิดแผนการชั่วๆกำจัดอีพริ้วได้สำเร็จ ฮ่ะๆๆ”
พ่อปู่ยิ้มอย่างสาแก่ใจ
พริ้วซึ่งหมดสติถูกไทพาดบ่าแบกเดินมา
“ได้ตัวพริ้วแล้ว ยังไงต่อล่ะแพรว” ไทถาม
“จัดการตรงนี้คงไม่ได้ เดี๋ยวพวกมันออกมาเห็น” แพรวบอก
“งั้นตรงไหนดี”
“เอาอีพริ้วไปให้พ้นจากที่นี่ก่อนดีกว่า”
แพรวเดินนำไปที่รถแล้วเปิดประตูให้ไท ไทวางร่างพริ้วในเบาะหลัง ก่อนอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ รถแล่นออกไปบนฟ้ามีฝูงอีกาบินตามพรึ่บพรั่บแล้วฝูงกาก็สลายตัวเป็นควันจางๆสีดำ
ไม้เท้าของซินแสกดลงไปบนขี้เถ้าดังแกร่บ เสียงเศษไม้ไหม้ไฟปริออกและหล่นลงพื้น ขี้เถ้าปลิวคลุ้ง
“ผ่านมาตั้งปี แต่เถ้าไม่สลายไป ?”
เฟยก้าวเข้ามาในพื้นที่ร้าง ทุกก้าวที่ย่ำมีกลุ่มควันสีดำลอยอ้อยอิ่ง
เฟยพูดเบา กับตัวเอง “ที่นี่มีพลังมืด”
กรณ์เหลียวไปมองทางด้านที่พริ้ววิ่งออกไป
“ป่านนี้ทำไมคุณพริ้วยังไม่ตามเข้ามา”
“อาพริ้วไม่เข้ามาตรงนี้น่ะดีแล้ว”
“ผมว่าคุณพริ้วออกไปนานเกินไปแล้วนะครับ”
“อืม....ก็จริงนะ ที่รถมีอะไรก็ไม่มาบอก”
“ผมว่าผมไปตามคุณพริ้วดีกว่าครับ ซินแสเดินสำรวจรอบๆไปก่อนได้ไหมครับ”
“ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอั๊วหรอก ฝากดูอาพริ้วด้วยนะ”
กรณ์เดินออกไป เฟยเดินสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะยื่นมือไปใกล้เสาที่ไหม้ไฟต้นหนึ่ง มือของเฟยสั่นพั่บๆ
เฟยกวาดตามองไปตามจุดต่างๆ เพราะสัมผัสพลังมืดได้
รถจอดอยู่ที่ริมถนน กรณ์ก้าวออกมาแต่ไม่เห็นพริ้ว
“คุณพริ้ว....คุณพริ้ว....เอ หายไปไหน”
กรณ์เดินวนรอบรถแล้วก็ตกใจที่เห็นกระจกข้างหนึ่งแตก
“รถโดนทุบกระจก....มิน่า...เอ๊ะ แล้วคุณพริ้ว.....จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณพริ้วหรือเปล่า”
กรณ์มองหารอบๆ วิ่งไปดูที่สุดทางก็ไม่มี วิ่งออกไปที่ปากซอยก็ไม่มีคนผ่านมา กรณ์กดโทรศัพท์โทรหาพริ้ว
“คุณพริ้ว....รับสายสิ คุณพริ้ว”
แพรวมองเข็มฉีดยาเปล่าในมือ แพรวดันสลิงเข้าจนสุด
“อยากรู้จริงๆ นังพริ้ว เลือดของแกมันจะสะอาดผุดผ่องแค่ไหนกัน”
ไทเลิกแขนเสื้อพริ้วขึ้นแล้วกดแขนพริ้วไว้ แพรวจะแทงเข็มเข้าเส้นเลือดของพริ้ว
“ฉันจะเอาเลือดแกไปให้พ่อปู่ลงอาคม”
พริ้วเหมือนจะได้สติ หนังตาของเธอเริ่มปรือขึ้น แพรวจรดปลายเข็มจ่อที่เส้นเลือดแดงที่ข้อพับศอก แขนพริ้วขยับ
แพรวว่าไท “จับดีๆสิ ไอ้บื้อ”
“แพรว !”
แพรวรำคาญ “อะไร จับแน่นๆ ไม่เข้าใจหรือไง”
“มันฟื้นแล้ว....ทำไงดี มันฟื้นแล้ว”
แพรวหันขวับไปมองหน้าพริ้วก็เห็นว่าพริ้วปรือตาแต่ยังไม่ได้สติดี ไทตระหนกมากขึ้น
“มันฟื้นแล้ว มันจะเห็นหน้าเรา มันจะต้องไปแจ้งตำรวจ”
แพรวตบหน้าไท ไทหน้าหันและตกตะลึง
“แกต้องมีสติ ! ส่วนอีพริ้ว ก็ทำให้มันไม่มีสติ เข้าใจไหม”
“โอเค เข้าใจแล้ว”
ไทอุดปากพริ้ว พริ้วกระสับกระส่ายเล็กน้อยก่อนจะสลบนิ่งหมดสติไปในที่สุด
“ก็แค่นี้ !”
“ทีนี้ก็รีบๆเข้าเถอะแพรว จะดูดเลือดเท่าไหร่ก็รีบเข้า”
แพรวกดเข็มลง พริ้วไม่รู้เรื่องเพราะสลบไปแล้ว แพรวชูเข็มที่มีเลือดเต็มสลิงค์
“เลือดล้างด้วยเลือด ฉันจะให้พ่อปู่เอาเลือดแกมาฆ่าแก”
แพรวสะใจ ส่วนไทหนักอกมีแต่เรื่องเมื่อไหร่จะจบ
อ่านต่อหน้า 4
สาปสาง ตอนที่ 14 (ต่อ)
กรณ์รอสายพริ้ว แต่พริ้วไม่รับสาย
“ทำไมคุณพริ้วไม่รับสาย”
เสียงโทรศัพท์ของพริ้วดังแว่วๆ กรณ์ได้ยิน
“เสียงโทรศัพท์”
กรณ์เดินตามหา พลันเจอโทรศัพท์พริ้วอยู่ในพงหญ้า
“โทรศัพท์”
กรณ์หยิบขึ้นมามองหน้าจอก็เห็นที่หน้าจอโทรศัพท์มีชื่อกรณ์
“หน้าจอมีชื่อเรา...นี่โทรศัพท์ของคุณพริ้ว....แล้วคุณพริ้วล่ะ”
กรณ์เหลียวซ้ายแลขวาด้วยความตกใจ
บริเวณน้ำพุเทวีซึ่งเป็นเศษซากน้ำพุเก่า มีคราบน้ำหินปูนเกาะ เหมือนคราบน้ำตา
“ที่นี่ !”
เฟยเดินเข้ามาหยุดที่หน้าน้ำพุเทวี
“มีอะไรบางอย่างอยู่ใต้ดินผืนนี้”
เฟยกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นหน้าน้ำพุเทวี
พ่อปู่ลืมตาผ่าง !
“ไอ้แก่ริยำมึงกล้ากับกูรึ !”
พ่อปู่กำมือเสกมนต์ดำแล้วสะบัดแขนออกไป มนต์ดำกลายเป็นควันดำพวยพุ่ง นกกาทั้งฝูงกรูออกมาจากประตูตำหนักพร้อมกับควันแห่งมนตราที่พวยพุ่งออกมาแล้วกระจายตัวออกรอบทิศทาง
เฟยถูกพลังมืดกระแทกใส่ร่างอย่างแรง
“ตรงนี้...มีพลังมืด”
เฟยพูดเสียงขาดๆหายๆ แล้วร่างเอนหงายลงมาตากระตุก กรณ์เดินเข้ามาเห็นเฟยกำลังจะล้มเลยรีบวิ่ง
“ซินแสเฟย”
กรณ์รับร่างเฟยไว้ได้ทัน
รถของไทขับเข้ามาจอดข้างทางที่ไม่มีคนผ่านไปมา แพรวและไทลงจากรถ
“ตรงนี้แน่เหรอ”
“หรือแกจะเอามันกลับบ้านด้วย” แพรวถาม
“ไม่ จบแล้วจบเลย”
“งั้นก็รีบลากนังพริ้วลงมา”
ไทเปิดประตูลากร่างพริ้วลงมา
“โยนมันทิ้งลงคูข้างทางนั่นแหละ” แพรวบอก
ไทกำลังจะแบกร่างพริ้วไปวางที่คู
แพรวเรียกไว้ “เดี๋ยว !”
“อะไรอีกล่ะ ก็ไหนบอกว่าให้รีบ”
“ฉันว่าเราควรจัดฉากให้มันสมจริงหน่อย....ผู้หญิงหน้าโง่ ถูกโจรล่อลวงมาชิงทรัพย์ ทีนี้อีผู้หญิงขัดขืนก็เลยโดนซ้อมจนน่วม”
แพรวจิกผมพริ้วให้เงยหน้าแล้วตบซ้ายขวา
“พอเถอะ ตบมากๆพอดีฟื้น”
ไทวางร่างพริ้วที่ริมทางแล้วมองซ้ายมองขวากลัวว่าจะมีคนเห็น
“ไป รีบไปได้แล้ว”
“บทเรียนของคนสะเออะยุ่งเรื่องชาวบ้าน สมน้ำหน้านังพริ้ว”
แพรวมองร่างพริ้วแล้วยิ้มเหยียดอย่างสะใจก่อนจะขึ้นรถไท แล้วรถก็แล่นออกไป พริ้วนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ข้างทางซึ่งนานๆจะมีรถผ่านมา แต่ก็ไม่มีใครเห็น
กรณ์ประคองร่างเฟยแล้วพยายามเขย่าตัวซินแสให้ฟื้น
“ซินแสเฟย ฟื้นสิครับ ซินแส....ซินแส !”
ช่อเอื้องที่นั่งกอดเข่าในความมืดเงยหน้าขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงกรณ์
“เสียงคุณกรณ์.....คุณกรณ์ คุณมาหาช่อหรือคะ”
ช่อเอื้องพยายามลุกขึ้นแต่ก็อ่อนแรงจึงยันตัวได้ลำบาก ได้แต่เหลียวมองเบื้องบนหาทางออก
“คุณกรณ์ ได้ยินช่อไหมคะ ช่ออยู่ตรงนี้....คุณกรณ์ช่วยช่อออกไปที”
ช่อเอื้องเดินไปก็เจอแต่ความมืดมีพลังบางอย่างปะทะร่างให้กระเด็นกลับมาอยู่ที่เดิม
“คุณกรณ์ ช่ออยากออกไปจากที่นี่ ปล่อยช่อที ช่วยช่อด้วย”
ช่อเอื้องหาทางออกไม่ได้
อ่านต่อตอนที่ 15