สาปสาง ตอนที่ 3
แพรวกำลังจะออกจากบ้านแต่อนงค์เข้ามาเรียกไว้
“แพรว เดี๋ยวก่อนลูก”
“อะไรอีกล่ะแม่ คนกำลังรีบ”
“ก็เรื่องเมื่อวานที่แกพูดกับพ่อปู่น่ะ พูดอะไรกัน แม่ไม่เข้าใจ ไหนเล่ามาซิ มันยังไงกัน”
“มันเรื่องของฉัน แม่ไม่ต้องรู้หรอก”
“ไม่ได้นะ แกต้องบอกแม่มา พ่อปู่บอกว่าไฟกำลังเผาไหม้แก มันไฟอะไรกัน แกกำลังทำอะไรอยู่ บอกมาสิ”
“ฮึ่ย บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง”
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง แกเป็นลูกแม่นะ แม่ก็ต้องห่วง ต้องกังวลสิ บอกแม่มาเร็วๆ ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่”
“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง คนอย่างฉัน ไม่ต้องมาห่วง ฉันเอาตัวรอด ไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”
แพรวพูดจบสะบัดออกไปทันที
“เดี๋ยวสิแพรว แพรว”
อนงค์ถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม
บรรยากาศภายในตำหนักวังเวงด้วยแสงสลัวและอีกาที่บินเกาะอยู่ตามที่ต่างๆ อนงค์เข้ามาถึง ก็มองไปรอบๆ ด้วยท่าทางหวาดๆ พ่อปู่ที่กำลังนั่งหลับตาบริกรรมคาถาอยู่ลืมตาขึ้น แม่ของแพรวที่มาถึงตรงหน้าพอดีถึงกับสะดุ้ง เธอรีบนั่งลงตรงหน้ายังไม่ทันเอ่ยปาก พ่อปู่ก็พูดขึ้น
“มึงมันร้อน! ไฟแห่งความสู่รู้กำลังแผดเผามึง! ร้อนจนต้องรี่มาหากู”
“เอ่อ...พ่อปู่รู้เหรอจ้ะ”
“ทำไมกูจะไม่รู้ กูรู้ไปถึงไส้มึง อีขี้ขลาด!”
“เอ่อ....ถ้าพ่อปู่รู้ก็ช่วยให้ฉันคลายกังวลที บอกฉันทีว่าลูกสาวฉันมันคิดอะไรอยู่ ถามก็ไม่ยอมบอกยอมเล่า ฉันถึงต้องมาถามพ่อปู่ ได้โปรดเถอะนะพ่อปู่ บอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“มึงไม่ต้องรู้!!”
“ถึงรู้ไปมึงก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกมึงถือดวงแรงกว่ามึงนัก มึงมันเกิดมาเป็นแม่แต่กาย วิญญาณมึงเป็นขี้ข้า!”
อนงค์ตกใจจนหน้าซีด
“ฟังคำกูไว้ ลูกมึงคนนี้จิตมืดมันแรงนัก มันคิดจะทำอะไร อย่าได้เข้าไปขวาง ไม่อย่างนั้นมันจะซวยตัวมึงเอง เข้าใจที่กูพูดไหม!”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่! ถ้ามึงไม่เชื่อคำกู ก็ไสหัวออกไป แล้วอย่ากลับมาเหยียบตำหนักกูอีก อีจัญไร!”
อนงค์อึ้ง
บรรยากาศเตรียมงานเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เหล่าคอรัสแต่งองค์ทรงเครื่อง แพรวหลบมาคุยกับไท ทั้งสองยังไม่ได้แต่งตัวเตรียมที่จะแสดง
“อะไรนะ แกนี่มันทุเรศที่สุดเลย! ผู้ชายอะไร ของอยู่ในมือแล้วแท้ๆ ยังปล่อยให้หลุดไปได้ แค่นี้ก็ไม่มีปัญญา” แพรวว่า
“หยุดซ้ำเติมซะทีได้ไหม จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา” ไทบอก
“ก็ให้แกฉลาดขึ้นมาน่ะสิ ขืนโง่อยู่อย่างนี้ เดี๋ยวคุณกรณ์เขาก็ได้นังช่อไปก่อนหรอก”
“ที่แท้ก็ห่วงตัวเอง” ไทว่า
“มันก็พอกันนั่นแหละ ถ้าแกพลาด ฉันก็พลาด รู้อย่างนี้ฉันลงมือเองดีกว่า ไม่น่าเชื่อน้ำหน้าคนอย่างแกเลย ไอ้หน้าโง่!”
แพรวสะบัดหน้าเดินออกไป
ไทมองตามไปด้วยความโกรธ
ช่อเอื้องแต่งตัวเตรียมแสดงอยู่ กรณ์รีบเดินไปหา
“ขอให้การแสดงเป็นไปอย่างราบรื่นนะครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณมากค่ะ” ช่อเอื้องกล่าว
“ช่อครับ แสดงเสร็จแล้วอย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ”
“ทำไมเหรอคะ”
“เรื่องสำคัญที่ผมอยากจะบอกกับช่อ แล้วยังไม่ได้บอก”
“เรื่องสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอคะ?”
“ครับ สำคัญมากด้วย วันนี้ถ้าผมไม่ได้บอกช่อต้องอกแตกตายแน่”
“งี้ปล่อยให้อกแตกตายดีไหมเนี่ย อยากจะเห็นจริง”
“ถ้าช่อปล่อยให้ผมอกแตกตาย ผมก็จะเป็นผีมาบอกกะช่อให้ได้”
“งั้นอย่าดีกว่าค่ะ ช่อกลัวคุณกรณ์เป็นผีอกแตกมาหลอกช่อ เป็นแบบนี้ ดูดีกว่าเยอะนะคะ”
แพรวปึงปังเข้ามาได้ยินที่กรณ์กับช่อเอื้องคุยกันพอดี
“งั้นเสร็จแล้วผมจะรอที่ศาลาด้านหลังโรงละครนะครับ”
“ค่ะ”
“ต้องมาให้ได้นะครับ สัญญาสิครับว่าคุณจะมา”
“สำคัญถึงขนาดต้องสัญญาเลยเหรอคะ”
“ครับ”
ช่อเอื้องยิ้มให้กรณ์
“ค่ะ ช่อสัญญา”
กรณ์เอื้อมตัวเข้าไปจะหอมแก้มช่อเอื้อง
คุณกรณ์เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าหรอก”
แพรวเดินพรวดเข้าไปด้วยความไม่พอใจ
กรณ์ยิ้มให้แพรวก่อนเดินออกไป
“แพรว ไปไหนมา ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ”
แพรวจ้องหน้าช่อเอื้องด้วยความชิงชัง
ช่อเอื้องสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของแพรวก็ถามขื้นด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่า”
แพรวไม่ตอบแต่สะบัดมือตบหน้าช่อเอื้องอย่างแรงด้วยความโกรธ
ช่อเอื้องหันกลับมามองมาแพรวด้วยความตกใจ
“แกอย่าได้บังอาจคิดจะแย่งของๆชั้น จำไว้”
แพรวเดินออกไป
คนดูเริ่มเข้างาน กรณ์เข้ามาหน้าเวทีไม่เห็นอาภาภิรมย์ กรณ์ถามทีมงาน
“คุณแม่ล่ะ”
“ยังอยู่ในห้องครับ ยังไม่เห็นออกมา”
กรณ์แปลกใจเห็นแขกเดินเข้ามาก็ช่วยรับแขก
“เชิญนั่งก่อนครับ อีกไม่นาน ก็จะเริ่มการแสดงแล้วครับ”
“รอดูเรื่องนี้มาตั่งนานแล้วนะ งานฉลอง 50 ปี นี่ ครูอาภาต้องจัดมาเต็มที่แน่ๆ”
“แน่นอนครับ”
ทีมงานวิ่งเข้ามาหากรณ์ ขณะที่ต้อนรับแขกอยู่
“ขออนุญาติค่ะคุณกรณ์”
“มีอะไร”
“เออ!” แหวนตอบห้วนๆ
กรณ์บอกกับแขกก่อนแยกตัวออกมา
“เชิญตามสบายนะครับ”
กรณ์เดินเลี่ยงออกมา
“มีอะไรเหรอ”
“คุณครู เป็นลมอยู่ในห้องค่ะ”
“คุณแม่”
อ่านต่อหน้า 2
สาปสาง ตอนที่ 3 (ต่อ)
กรณ์วิ่งเข้ามาพร้อมทีมงาน อาภาภิรมย์นั่งดมยาดม โดยมีทีมงานคอยปรนนิบัติ
“เป็นไงบ้างครับ ไหวรึเปล่าครับ”
“ไหว แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นครับทำไมถึง”
“เมื่อสักครู่ มีคนเอาจดหมายมาส่งบอกให้ครูอาภา หนูก็รีบเอามาให้ครูอ่าน พอครูอ่านจบก็ทรุดลงไปเลย หนูเลยวิ่งไปตามคุณการณ์นะค่ะ”
“ไหนจดหมายอะไร” กรณ์ถาม
กรณ์หันไปเห็นจดหมายที่วางอยู่ก็หยิบขึ้นมาอ่าน พบว่าเป็นจดหมายที่เขียนมาขู่
“นี่พวกมันกล้าขู่ถึงขนาดจะเผาที่นี่เลยเหรอครับ”
“คงเป็นพวกเงินหนา มีอิทธิพล ไม่กลัวกฏหมาย” อาภาภิรมย์บอก
“เรื่องนี้เกิดขึ้น นานรึยังครับ”
“ก็สักพักนึงแล้ว แม่ก็พยายามต่อสู้อยู่ แต่เหมือนคราวนี้ เค้าจะเอาจริงแน่”
“แล้วทำไมคุณแม่ไม่บอกผมล่ะครับ”
“แม่ไม่อยากให้ลูกเป็นกังวลน่ะ”
“แล้วจะปล่อยให้พวกมันข่มขู่ไปเรื่อยๆ จนเราต้องยอมขายที่ให้มัน อย่างนั้นเหรอครับ”
กรณ์หยุดคิดหน้าเครียดมองอาภาภิรมย์ก็เห็นว่านิ่งเงียบ กรณ์หมดความอดทน
“ผมจะไปแจ้งความ ให้ตำรวจช่วยดูแล”
“อย่าเพิ่งตากรณ์ อีกไม่กี่นาทีละครก็จะเริ่มแสดงแล้ว คนดูก็เข้ามากันเยอะแยะ แม่กลัวว่าจะตกอกตกใจกัน รอให้ละครแสดงจบก่อน แล้วค่อยว่ากันนะลูกนะ”
กรณ์เห็นสีหน้าแม่แล้วก็ต้องถอนใจเพราะทำอะไรไม่ได้ อาภาภิรมย์ขยับลุกขึ้น
“คุณแม่จะออกไปเลยหรือครับ ไม่พักอีกสักหน่อยก่อน” กรณ์ถาม
“แม่ต้องออกไปทำสมาธิ พร้อมกับนักแสดง”
กรณ์ขยับเข้าไปปะคองแม่เดินออกไป
ทุกคนแต่งตัวพร้อมแสดง นักแสดงและทีมงานยืนจับมือเป็นวงกลม ทุกคนหลับตาเงียบเพื่อทำสมาธิ
“ครูขอให้นักแสดงและทีมงานทุกคน ช่วยกัน เล่น ช่วยกันทำ“การแสดงครั้งนี้ให้จบลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆเกิดขึ้น จงมีสมาธิ และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทุกฝ่าย ไม่พูดคุยเล่นกัน จนกว่าการแสดงนี้จะจบลง และขอให้ นักแสดงทุกคนจงสวมวิญญาณเป็นตัวละครในแต่ละบทบาท ณ บัดนี้”
แพรวแอบลืมตาขึ้นมามองช่อเอื้องอย่างอิจฉา
ดนตรีบรรเลง การแสดงเริ่ม คนดูปรบมือ ช่อเอื้อง ไท แพรว และคอรัสออกมาร่ายรำอยู่บนเวที คนดูชอบใจ ช่อเอื้องกำลังแสดงอยู่กับแพรวบนเวที
“โลกนี้มีสิ่งใดไว้ใจได้หรือ” ช่อเอื้องถาม
“ข้านี่ไงคือสิ่งเดียวที่เจ้าจะไว้ใจได้ ข้าไม่มีทางทรยศต่อเจ้า” แพรว
“เจ้ากล้าสาบานไหมเล่า”
“กล้าสิ เหตุใดข้าจักต้องกลัว”
“งั้นก็เอ่ยสาบานของเจ้าออกมาเสีย ข้าจะได้วางใจ”
“ฟ้าดินเป็นพยาน หากวันใดข้าคิดคดทรยศต่อเจ้า ขอให้ฟ้าพรากร่าง ดินพรากวิญญาณ ตราปชั่วกาลชั่วภพชั่วชาติเถิด”
แพรวฮึดฮัดออกมาด้วยความไม่พอใจ เธอมองช่อเอื้องที่ยังแสดงอยู่บนเวที
“ฝันไปเถอะนังช่อ ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่ทรยศแก!”
แพรวใจเต้นแรงด้วยความริษยาช่อ
ทุกคนนั่งดูการแสดงของช่อเอื้องด้วยความชื่นชม
“เหตุใดเจ้าจึงทรยศต่อข้า เหตุใดเจ้าจึงผิดคำสาบาน”
“สาบานอะไร ข้าไม่เคยกล่าว!” แพรวว่า
“ใจเจ้ามัวเมากับความรัก จนหลงลืมทุกสิ่งสิ้นเสียแล้ว”
“อย่าปากกล้ามากล่าวหาข้า สาบานเดียวที่ข้าเคยกล่าวคือชิงรักของเจ้ามาสู่ข้ามิมีสิ่งอื่น!”
ช่อและคอรัสร่ายรำ ดนตรีเร่งจังหวะขึ้น แพรวมองช่อเอื้องอย่างแค้นๆ จากหลังเวที แพรวเหลือบตามองกรณ์สลับกับช่อเอื้องโดยภายในใจและสีหน้าเต็มไปด้วยความริษยา ไทจ้องนิ่งไปที่ช่อด้วยสีหน้าแววตาทั้งรักทั้งโกรธ กรณ์มองช่อเอื้องอย่างหลงไหล ช่อเอื้องก็มองมาที่กรณ์
“สวยงามจริงๆ”
“ความงามจะนำความตายมาสู่เธอ”
“!..คุณแม่ว่าอะไรนะครับ”
“ก็ตัวละครตัวนี้น่ะสิ งามแสนงาม แต่สุดท้ายก็ต้องตาย”
ช่อเอื้องและคอรัสร่ายรำอย่างเร่งเร้า
ช่อเอื้อง แพรว และไทแสดงฉากจบอยู่บนเวที
ช่อเอื้องพูดบท “หากกูไม่สมในรัก ด้วยเลือดทุกหยด!
ด้วยกายทั้งกาย! ด้วยใจทั้งใจ! กูจะขอสาปขอแช่ง”
ช่อเอื้องมีสีหน้าเจ็บแค้นจนกระอักออกมาเป็นเลือด
“อย่าให้พวกมึงได้สมรัก! อย่าให้มึงได้สมสู่! อย่าให้มึงได้ครองคู่! ขอฟ้าขอดินพรากมึงจากกัน”
การแสดงจบลงแล้ว คนดูลุกขึ้นปรบมือ คนดูที่อยู่ใกล้อาภาภิรมย์เข้ามาแสดงความยินดี
“ละครดีจริงๆครับครู สวยงามประทับใจมากเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ” อาภาภิรมย์บอก
คนดูยิ่งช่อเอื้องแสดงเรื่องนี้ได้สุดยอดมากเลย
“ขอบคุณแทนช่อเอื้องด้วยนะค่ะ”
นักแสดงทั้งหมดออกมาโค้งขอบคุณคนดูและผายมือให้เกียรติอาภาภิรมย์ กรณ์ยิ้มแล้วเดินไปให้ดอกไม้กับแม่
“สุดยอดครับคุณแม่”
กรณ์เดินถือดอกไม้อีกช่อไปให้ช่อเอื้อง ช่อเอื้องออกมารับ คนดูปรบมือ
“ช่อแสดงดีจนผมอึ้งไปเลย เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเจอกันนะ” กรณ์บอก
คนดูเข้ามาขอถ่ายรูปกับช่อเอื้อง
“คุณช่อแสดงได้เยี่ยมจริงๆ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยครับ”
คนดูเข้ามารุมถ่ายรูปกับช่อเอื้อง คอรัสเดินเข้าไปที่หลังเวที ไทกับแพรวมองอย่างไม่พอใจ
แพรวโพล่งออกมา “ชั้นเกลียดมันที่สุด มันแย่งทุกสิ่ง ทุกอย่างไปจากชั้น”
“แต่ชั้นรักช่อนะ รักมาก ที่สุด ช่ออยากได้อะไรชั้นจะให้หมดทุกอย่าง”
“อย่ามาฟูมฟาย ถ้าคุณกรณ์ขอนังช่อแต่งงานแล้วนังช่อตามคุณกรณ์ไปเมืองนอก แกอย่าหวังว่าจะได้เจอนังช่อมันอีก ถ้าแกอยากให้มันรักแก ก็รีบจัดการซะคืนนี้ ทำให้มันรักคนอื่นไม่ได้ แล้วอย่าโง่ทำพลาดอีกล่ะ ทำทุกอย่างตามแผน แล้วนังช่อจะเป็นของแก ไม่ใช่ของคุณกรณ์”
“ส่วนคุณกรณ์ก็จะเป็นของเธอสินะ” ไทบอก
“ถูกต้อง”
แพรวส่งขวดเหล้าให้ไท
“อ้าวนี่ แล้ว ถ้าแกปอดแหก ก็กินไอ้นี่เข้าไปซะจะได้หาย”
เหล่าคอรัสเปลี่ยนชุดเสร็จก็ทยอยออกไปจากห้อง ช่อเอื้องเพิ่งกลับเข้ามา
“ไปก่อนนะช่อ พรุ่งนี้เจอกัน” คอรัสลา
ช่อเอื้องกำลังจะเปลี่ยนชุด แพรวที่อยู่หน้ากระจกเหลือบมองเธอ
“เป็นดาวเด่นเลยนะคืนนี้” แพรวว่า
“หลายคนก็ชอบที่เธอแสดงวันนี้นะ ยังฝากชมมาเลย”
“อ่อ เหรอ ขอบใจนะ เอ่อ เมื่อกี้คุณกรณ์เข้ามา บอกว่า จะไปรอเธอในบ้านพัก คงเห็นเธอยังยุ่งๆถ่ายรูปอยู่มั้ง เลยฝากชั้นบอกอีกที”
ช่อเอื้องแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เธอจะเดินไปเปลี่ยนชุด
“อ่อเค้าบอกให้รีบไปเลยนะ เหมือนเค้าจะมีธุระด่วนเหมือนกัน”
“เหรอ ? ขอบใจนะ”
ช่อเอื้องไม่ทันเปลี่ยนชุด เธอเดินออกจากห้องแต่งตัวไป แพรวมองตามอย่างไม่หวังดี
อ่านต่อหน้า 3
สาปสาง ตอนที่ 3 (ต่อ)
กรณ์นั่งรอช่อเอื้องที่ลานศาลาไทย เขาเปิดกล่องแหวนออกดูอย่างมีความสุข
ไทรี่เข้ามาหากรณ์ แล้วหลอกกรณ์เพื่อพาเดินเลี่ยงออกไปจากศาลาไทย
“คุณกรณ์ ครับคุณกรณ์ ผมกวนนิดนึง”
“ยังไม่กลับเหรอไท”
“กำลังจะกลับแล้วครับ บังเอิญผมทำสร้อยคอตกไว้ สงสัยว่าผมจะทำหล่นไว้ตรงโน้น คุณกรณ์ช่วยผมหาดูหน่อย ได้ไหมครับ”
ไทลากกรณ์ออกไปหลังพุ่มไม้
“ได้สิ”
“พอดีเป็นสร้อยของครูที่ให้ผมใส่แสดงด้วยสิ ถ้าหายไปครูเอาผมตายแน่”
ทั้งสองช่วยกันก้มลงมองหาสร้อยคอ
“น่าจะหล่นอยู่แถวๆนี้ นะ”
ช่อเอื้องมาที่ศาลาไทยแต่ไม่เห็นกรณ์
ไทมองเห็นช่อเอื้องเดินออกจากศาลาไทย ไทหยิบสร้อยโยนไปในพุ่มไม้แล้วทำเป็นพูด
“นี่ไง เจอแล้ว เกือบไปแล้ว ขอบคุณนะครับคุณกรณ์ ผมกลับก่อนนะครับ”
กรณ์รีบเดินกลับไปที่ศาลาไท
ช่อเอื้องเดินเข้ามาในบ้านพักแต่ไม่เห็นใคร
“คุณกรณ์”
ไม่มีเสียงตอบ
“คุณกรณ์อย่าแกล้งช่อนะ ช่อโกรธจริงๆด้วย”
เสียงเปิดประตูออก ช่อเอื้องหันหลังขวับเพราะนึกว่าเป็นกรณ์ แต่แพรวเดินเข้ามา
“แพรว นี่มันยังไง?”
“เธอรู้ไหม ว่าทำไมวันนี้ชั้นถึงแสดงได้ดีเป็นพิเศษ เธอยังบอกเลยว่าหลายๆคนชมชั้น”
ช่อเอื้องเริ่มกลัวแพรว
“เธอพูดอะไรน่ะ”
“เพราะ ชั้นอินกับบทนี้จริงๆนะสิ บทที่ชั้นต้องเกลียดแก เพราะชั้นเกลียดแกจริงๆ เกลียดแกที่สุด รู้ไหมนังช่อ”
“นี่เธอพูดอะไร ชั้นทำอะไรผิด”
“ผิด ที่ใครๆก็หลงรักแกกันหมดไง และแกก็แย่งทุกสิ่งไปจากชั้น”
“นี่เธอหรอกชั้น คุณกรณ์ไม่ได้มารอชั้นที่นี่ใช่ไหม”
ช่อเอื้องจะเดินหนีออกไปแต่ไทเข้ามาขวางไว้
“ยังไงคืนนี้ ชั้นก็ขออวยพรให้แกสองคนมีความสุขและกัน”
แพรวเดินเข้าไปพูดกับไทเบาๆ
“ว่าที่เมียของแก รออยู่ จัดการมันซะ อย่าให้พลาด ขอแสดงความยินดีล่วงนะ”
แพรวพูดจบก็เดินออกไปจากห้อง ไทเดินตามไปล็อคประตูด้วยความรู้สึกระทึกใจ เขายืนกะดกเหล้าย้อมใจขณะมองช่อเอื้อง ช่อเอื้องกลัว
กรณ์นั่งรอช่อเอื้อง เสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา กรณ์ยิ้มอย่างดีใจแล้วรีบหันกลับไปมองปรากฏว่าเป็นแพรว
“แพรว....”
“ผิดหวังเหรอคะที่เป็นแพรว ไม่ใช่ช่อ”
“ไม่ได้ผิดหวังหรอกครับ แค่ประหลาดใจมากกว่า”
“ช่อเค้าไม่มาหาคุณที่นี่แล้วล่ะ”
“!!...หมายความว่ายังไงครับ”
“คุณคงไม่ได้สวมแหวนให้ช่อแล้วล่ะค่ะ”
“ทำไม”
“ช่อกลับไปแล้วค่ะ”
“ก็เค้าสัญญากับผมว่าจะมาเจอกันตรงนี้”
“เค้าคงไม่รู้จะตอบคุณยังไงมากกว่ามั้งค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น ผมไม่เข้าใจ”
“ช่อคงไม่เคยบอกคุณเรื่องแฟนเก่าสิน่ะคะ”
“ทำไมเหรอ แฟนเก่าช่อเกี่ยวอะไรด้วย”
“ช่อไม่เคยลืมแฟนเก่าเค้าเลย และตอนนี้แฟนเก่าช่อกลับมาหากลับมาคบกันใหม่ได้สักระยะนึงแล้ว”
“เธอพูดจริงเหรอ”
“ชั้นรู้ว่าช่อก็ชอบคุณมากนะ แต่เค้าก็ทำใจลืมแฟนเก่าไม่ได้ช่อเค้าคงไม่รู้จะบอกคุณยังไง”
“ไม่จริง...ผมไม่เชื่อ”
“ฉันเข้าใจค่ะ ถ้าฉันเป็นคุณก็คงไม่อยากเชื่อเหมือนกันฉันเห็นใจคุณนะคะ เอาเป็นว่าฉันจะทรยศช่อเพื่อคุณสักครั้งก็แล้วกัน”
“ทรยศ?”
“ช่อท้อง”
“ท้องเหรอ”
“ช่อท้องกับแฟนเก่าค่ะ เค้าขอไม่ให้ชั้นบอกคุณน่ะค่ะว่าเขาตั้งใจจะกลับเชียงใหม่คืนนี้หลังจากที่แสดงละครเสร็จ ชั้นก็เข้าใจช่อดีว่าเค้าก็ไม่รู้จะเจอหน้าคุณได้ยังไง”
“ไม่จริง ผมไม่เชื่อคุณ”
กรณ์รีบเดินออกไปทันที แพรวมองตามไปด้วยรอยยิ้มร้าย
กรณ์รีบเดินมาที่รถ เขากดมือถือหาช่อเอื้องไปด้วย
“ทำไมไม่รับสาย”
ไทจิบเหล้าพลางดูมือถือของช่อเอื้องก็เห็นว่าเป็นชื่อกรณ์โทรเข้ามา ไทกดทิ้ง
“นั่นมือถือชั้นนี่” ช่อเอื้องบอก
“ทีหลังก็อย่าลืมทิ้งๆขว้างๆสิ” ไทว่า
ช่อเอื้องจะแย่งมือถือคืน ไทยื้อกับช่อเอื้องแล้วผลักเธอล้มลง ไทกดส่ง line ในมือถือช่อเอื้อง
“จะทำอะไรน่ะ เอาคืนมานะ”
ช่อเอื้องเข้ามาแย่งไม่ให้ไทส่งข้อความ ไทจับช่อเอื้องล็อคไว้ แล้วพิมพ์ข้อความส่งไป
กรณ์มองมือถือแล้วอ่านข้อความ
“ช่อขอโทษ ลาก่อนค่ะคุณกรณ์”
กรณ์พิมพ์ส่ง line กลับไป
“ช่อ อยู่ไหน ผมจะไปหา”
กรณ์รอสักพักจนเห็นว่าช่อเอื้องอ่านข้อความ แต่ไม่มีคำตอบอะไร
“ช่อตอบผมด้วย”
กรณ์รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างร้อนใจ แพรวที่วิ่งตามมา เห็นท้ายรถแล่นจากไปแล้วก็ยิ้มอย่างสาสมใจ
“ฉันไม่มีวันเสียคุณให้ใครเป็นอันขาด คุณต้องเป็นของฉันคนเดียว”
อ่านต่อหน้า 4
สาปสาง ตอนที่ 3 (ต่อ)
ไทอ่าน line ที่กรณ์ส่งมาแต่ไม่ตอบกลับ
“ช่ออยู่ไหน ผมจะไปหา ตอบผมด้วย”
ช่อเอื้องไม่พอใจ “ไท ทำไมเธอทำแบบนี้”
“ก็เพราะเรารักช่อ เราไม่อยากให้ช่อเป็นของคนอื่น”
“ไท… ปล่อยเราไปเถอะ”
“เรารักช่อ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา ใจเราไม่เคยหยุดรักช่อเลย”
“ไท เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“แต่เราไม่อยากเป็นแค่เพื่อน”
“ไท คือเรา…”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เรารู้ว่าใจช่อรักใคร ช่อไม่เคยมองเห็นความรักของเราเลย ใจช่อทั้งใจกลับไปยกให้มัน ทำไมล่ะช่อ เราไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงรักเราไม่ได้!”
“ไท เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะ เรามีธุระ ต้องรีบไป”
“จะไปหามันใช่ไหม รักมันมากนักใช่ไหม”
ไทเข้ามาจับตัวช่อเอื้อง
“จะทำอะไรน่ะ”
“ทำให้ช่อเป็นของเรายังไงล่ะ แล้วพรุ่งนี้เราสองคนจะไปอยู่ด้วยกันแต่งงานกัน”
ไทลงมือปลุกปล้ำช่อเอื้อง ช่อเอื้องพยายามต่อสู้ขัดขืน
“ไท อย่านะ อย่าทำกับเราแบบนี้ หยุดนะ”
ช่อเอื้องพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงของไทไม่ได้
“ช่อต้องเป็นของเรา ของเราคนเดียว”
“หยุดนะไท ปล่อยเรานะ”
ไทไม่ฟัง เขาพยายามปลุกปล้ำช่อเอื้องหนักมือขึ้น
“คุณกรณ์ คุณกรณ์ช่วยช่อด้วย”
เสียงร้องนั้นยิ่งทำให้ไทโมโหหนักเข้าไปอีก
“คุณกรณ์ ช่วยช่อด้วย”
“รักมันมากนักเหรอช่อ รักมันมากนักเหรอ”
กรณ์รีบร้อนเข้ามาหาช่อที่คอนโดมีเนียม กรณ์มาที่หน้าห้องช่อเอื้องแต่ประตูล็อค
กรณ์ลงมาถามพนักงาน
“ห้อง 707 ยังไม่กลับเหรอครับ”
“อ๋อ ห้องนั้นย้ายไปแล้วครับ ไปเมื่อสักพักแล้ว”
“ไปไหนครับ ไปกับใคร”
“มีผู้ชายมารับ ไปไหนผมไม่ทราบครับ”
กรณ์แทบทรุดในขณะที่เดินออกไป “ช่อ”
พนักงานยกหูโทรศัพท์
แพรวรับโทรศัพท์
“ผมบอกผู้ชายคนนั้น อย่างที่คุณพูดแล้วนะครับ”
“แล้วเค้าอยู่ไหน”
“ก็เดินเศร้าๆออกไปแล้วครับ”
“ดีมาก เดี๋ยวชั้นจะโอนเงินที่เหลืออีกครึ่งนึงให้เลยนะ”
ไทยังคงพยายามขืนใจช่อเอื้อง
“คุณกรณ์ช่วยช่อด้วย คุณกรณ์”
“เรียกหามันอยู่ได้ รักมันมากนักใช่ไหม!!”
ด้วยความโกรธถึงสุดขีด ไทคว้าผ้าสไบที่คล้องคอช่อเอื้องอยู่รัดคอช่อเอื้อง
“ทำไมไม่รักฉัน ทำไมถึงไม่รักฉัน!!”
กรณ์นั่งร้องไห้อยู่ในรถ
ไทยิ่งรัดคอช่อเอื้องแน่นขึ้นไปอีกด้วยความเจ็บใจ
“ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงรักไม่ได้ ฮะ ทำไม!!”
ไทดึงผ้ารัดคอให้แน่นขึ้นด้วยความเจ็บใจ
“ทำไมไม่รักฉัน ทำไม!”
ช่อเอื้องหายใจไม่ออก เธอพยายามดึงมือไทออกจากคอแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ทำไม!!”
มือของช่อเอื้องที่ป่ายไปป่ายมาตกลงกับพื้น ช่อเอื้องหยุดดิ้น หยุดร้องรอให้ช่วย ไทชะงักเมื่อเห็นว่าช่อเอื้องตาค้างและหมดลมหายใจไปแล้ว
“!!....ไม่ ไม่จริง ไม่จริง ช่อ ช่อฟื้นสิ ช่อ”
ไทเขย่าร่างช่อเอื้อวแต่เธอก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
“ช่อ ช่อเราขอโทษ ช่อ” ไทร้องไห้โฮ
กรณ์ขับรถไปร้องไห้ไปอย่างคนสิ้นหวัง
อ่านต่อตอนที่ 4