xs
xsm
sm
md
lg

ลูกทาส ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลูกทาส ตอนที่ 4

เวลาเช้า น้ำทิพย์กำลังตักบาตรอยู่ที่ท่าน้ำ บ่าวคอยช่วยหยิบจับของถวายพระส่งให้ ใส่บาตรเสร็จก็ไหว้พระรับพร
 
ศิษย์วัดพายเรือพาพระออกไปจากท่าน้ำของบ้านเจ้าคุณ น้ำทิพย์ค่อยลุกขึ้นเดินกลับออกไป
บ่าวก็เก็บข้าวของไป เธอเดินมาได้เพียงนิดก็หยุดชะงักเพราะเห็นแก้วนั่งคุกเข่าดักรออยู่
“เมื่อคืนคุณน้ำทิพย์ไม่ได้ไปงานวัดหรือขอรับ” แก้วถาม
น้ำทิพย์หน้านิ่
“ไม่ต้องแปลกใจดอก ฉันเพียงแต่ไม่อยากมีบาปติดตัว ด้วยการหลอกลวงคุณพระนิติธรรมท่านเท่านั้นเอง”
แก้วไม่สบายใจ เป็นห่วงน้ำทิพย์
“จะเรียกว่าหลอกได้ยังไงกันขอรับ หากภายหน้า แต่งงานไปแล้ว คุณน้ำทิพย์รักชอบคุณพระขึ้นมาจริงๆล่ะขอรับ”
น้ำทิพย์ยิ้มบางๆ
“พูดเหมือนนมอ้อนไม่มีผิด ฉันจะบอกให้นะแก้ว ความรักของฉันเกิดขึ้นจากใจ หาใช่เกิดขึ้นจากเวลาไม่”
ทั้งคู่แอบสบตากันเล็กน้อย น้ำทิพย์หลบสายตา พูดต่อ
“หากฉันไม่ได้รักคุณพระนิติธรรมอยู่ก่อนแล้ว ต่อให้แต่งงานกันไปนานเท่าใด ฉันก็ไม่อาจรักได้ดอก ฉะนั้น มันจึงเป็นการผิดต่อคุณพระ แลตัวฉันเองด้วยเข้าใจหรือไม่ล่ะ”
“แล้วเรื่องคุณมาโนชล่ะขอรับ อย่างไรเสีย ถ้าคุณมาโนชได้เป็นหลวง ท่านเจ้าคุณก็ต้องบังคับให้คุณน้ำทิพย์แต่งงานกับคุณมาโนชอยู่ดี”
น้ำทิพย์หน้าขรึมลงบอก
“ข้อนั้น ฉันจะค่อยๆใช้ปัญญาหาทางออกเอง แต่ฉันจะไม่หลอกคุณพระแลหลอกตัวเองเป็นอันขาด”
“แต่...”
น้ำทิพย์ตัดบททั้งหมั่นไส้ปนน้อยใจ
“เลิกพูดเถอะแก้ว ฉันรู้ว่าแก้วคงผิดหวัง ที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณคุณพระ ด้วยการชักนำให้ฉันแต่งงานกับท่าน แต่เมื่อฉันตัดสินใจแล้ว ก็คงต้องขอโทษแก้วด้วย ที่ทำให้เสียใจ”
น้ำทิพย์เดินเชิ่ด เลี่ยงไป แก้วมองตามด้วยความอึดอัดใจ ตนเองเพียงแค่อยากช่วยน้ำทิพย์ และอยากให้น้ำทิพย์ได้คนที่ดีเป็นคู่ครองเท่านั้นเอง แต่น้ำทิพย์กลับเข้าใจผิดไปใหญ่

เวลาสาย ภายในเรือนทาสใบ ขณะที่ใบกำลังอุ้มลูกที่ร้องไห้จ้า ไม่ยอมเงียบ เขาพยายามโอ๋ปลอบลูก แต่ลูกยังร้องไห้เสียงดัง อ่อน ผู้เป็นแม่ของลูกไม่ได้สนใจแต่อย่างไร ยังคงนั่งดูเครื่องทองหยองที่เธอได้มาจากมาโนช ด้วยความสบายอกสบายใจ ใบมองอ่อน ที่บ้าสมบัติจากชู้รักด้วยความแค้น และเต็มไปด้วยความเกลียดชังเต็มเปี่ยม
อ่อนอารมณ์ดี แต่เมื่อเหลือบไปเห็นใบก็ชักสีหน้าไม่พอใจทันที
“ทำไมมองฉันอย่างนี้ล่ะ บอกไว้ก่อนนะพี่ใบ ฉันรำคาญเต็มทนแล้วที่ต้องมานั่งทะเลาะกับพี่”
ใบข่มอารมณ์ ถอนใจหนัก
“อีกเดี๋ยวข้าต้องออกไปเกี่ยวข้าวแลเก็บผลหมากรากไม้ให้ท่านเจ้าคุณ กว่าจะกลับก็คงมืดค่ำ วันนี้เอ็งอยู่ดูแลลูก หยุดไปรับใช้คุณมาโนชสักวันเถอะนะนังอ่อน”
“พี่ก็เอาลูกไปให้ป้ากิ่ง หรือไม่ ใครว่างก็ดูๆไปสิ ฉันจะไปกล้าขัดคุณมาโนชได้ยังไง ถ้าเธอเรียกหา ฉันก็ต้องไป” อ่อนพูดอย่างรำคาญ
“เอ็งไปเกือบทุกวันอยู่แล้ว เว้นสักวัน คุณมาโนชคงไม่ว่าดอก ถือว่าข้าขอร้องเถอะวะนังอ่อน ลูกมันติดเอ็งนัก พอเอ็งไม่อยู่ มันก็เอาแต่ร้องไห้ จนข้าสงสารมันเหลือเกิน”
“เออๆๆ อยู่ก็ได้”
ใบดีใจ อุ้มลูกไปเดินเล่น หยอกล้อกับลูกอย่างมีความสุข อ่อนมองตามด้วยความหงุดหงิด
“กวนใจทั้งลูกทั้งผัว รอให้คุณมาโนชปลูกเรือนให้ข้าก่อนเถอะวะ จะทิ้งมันทั้งคู่เลย”
อ่อนสีหน้าทะเยอทะยาน

มาโนชเดินดอดมาหาอ่อนที่เรือนทาสยามดึก ขณะนั้นอ่อนกำลังอุ้มลูกนั่งอยู่บนแคร่ เห็นมาโนชมาหา ยิ้มดีใจ
“คุณมาโนช”
“ไปกับข้าเถอะนังอ่อน คืนนี้ข้าเหงาเปล่าเปลี่ยวนัก”
อ่อนสีหน้าลำบากใจ
“ไอ้ใบ มันขอให้บ่าวเลี้ยงลูกจนกว่ามันจะกลับจากสวนน่ะเจ้าค่ะ”
มาโนชหงุดหงิด
“นี่เอ็งกล้าขัดใจข้ารึนังอ่อน ถ้าเอ็งไม่ไปรับใช้ข้าเดี๋ยวนี้ ก็อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
มาโนชจะเดินเลี่ยงไป อ่อนกลัวอดได้เงินทองเลยรีบวางลูกไว้บนแคร่ แล้วไปคว้าแขนมาโนชไว้แล้วออดอ้อน
“รอก่อนสิเจ้าคะ บ่าวไปก็ได้เจ้าค่ะ แหม ใจจริงบ่าวก็อยากอยู่กับคุณมาโนชอยู่แล้ว คุณมาโนชอย่าโกรธเคืองบ่าวเลยนะเจ้าคะ บ่าวจะรับใช้คุณมาโนช อย่างดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
มาโนชยิ้มพอใจ ก่อนจะโอบบ่าอ่อนเดินเลี่ยงไป เด็กถูกทิ้งให้นอนร้องไห้อยู่บนแคร่อย่างไม่ดูดำดูดี ไม่คาดคิดด้วยความเป็นเด็ก ก็เลยจะคลานเล่นอยู่บนแคร่ คลานจะพลัดตกจากแคร่ ใบทิ้งจอบโผเข้ามาอุ้มลูกไว้ได้ทันเวลา
“ อีอ่อน”

ใบสีหน้าเจ็บแค้นใจมาก

ผ่านเวลาเล็กน้อย มาโนชนอนสบายอยู่บนเตียง อ่อนคอยนวดขาให้อย่างเอาอกเอาใจ
 
เขาเอื้อมมือไปหยิบจอกเหล้ามาดื่ม แต่ปรากฏว่าเหล้าหมด
“เหล้าหมดแล้วหรือเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวไปบอกนังพวกนั้นให้เอามาให้นะเจ้าคะ”
อ่อนจะลุกขึ้น แต่มาโนชยิ้มกรุ้มกริ่มดึงอ่อนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ข้าไม่อยากกินเหล้าแล้ว อยากกลืนกินเอ็งมากกว่า”
อ่อนทำจริตอายแต่ก็ยิ้มให้ท่า
“คุณมาโนช”
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงพวกทาสหญิงโวยวายดังขึ้น
ทาส 1ร้องตกใจ
“ว๊าย ไอ้ใบ เอ็งขึ้นมาได้ยังไง ลงไปเดี๋ยวนี้นะ”
ทาส 2บอก
“อยากหลังขาดรึไอ้ใบ ลงไป”
มาโนชลุกขึ้นนั่ง ด้วยความหงุดหงิด โมโหที่โดนขัดจังหวะ
“ผัวเอ็งมาตามแล้วนังอ่อน”
“ไอ้ใบ”
อ่อนรีบลุกไปเปิดประตู เพื่อเอาเรื่องใบทันที
พอประตูถูกเปิดออก ก็เห็นทาสหญิง 2 คนกำลังพยายามห้ามใบ แต่ก็ไม่สำเร็จ ใบยืนอยู่ห่างประตูห้องนิดเดียว อ่อนเข้าไปฉะใบทันที
“ไอ้ใบ ไอ้หน้าโง่ เอ็งกล้ามากวนใจคุณมาโนชเชียวรึ”
ใบหน้านิ่ง เสียงเรียบ
“เอ็งรับปากข้า ว่าวันนี้จะอยู่เลี้ยงลูก แล้วเหตุใดเอ็งไม่รักษาคำพูด”
“โอ๊ย เลี้ยงลูกๆ ข้าเบื่อเต็มทนแล้วโว้ย ถ้ารู้ว่ามีลูกแล้วกวนใจอย่างงี้ ข้าเอาขี้เถ้ายัดปากมันไปนานแล้ว”
“เอ็งไม่ห่วงลูกเลยรึนังอ่อน รู้หรือไม่ ถ้าข้ามาช้าเพียงนิด ลูกตกแคร่คอหักตายไปแล้ว”
อ่อนโมโหปนรำคาญ
“ตายซะก็ดี ข้าไม่เคยอยากมีมันอยู่แล้ว แต่มันดันเกิดมา ข้าก็เลยต้องจำใจเลี้ยงเอาบุญ”
“ข้าคิดไม่ผิดเลย ถ้าเอ็งยังรักลูกบ้าง ข้าก็จะเปลี่ยนใจ แต่เมื่อเอ็งมันเลวยิ่งกว่าสัตว์ ข้าก็คงไม่ต้องเปลี่ยนใจ”
“นี่มึงกล้าด่ากูรึไอ้ใบ มึงรู้หรือไม่ ว่ากู...”
อ่อนพูดไม่ทันจบก็สะดุ้งเฮือก ตาเหลือกค้าง ก่อนจะค่อยๆก้มลงดูที่ท้องตัวเอง ใบดึงมีดออก ร่างของอ่อนก็ทรุดฮวบ ขาดใจตายไปทันที ทาสหญิง 2 คนเห็นมีดในมือใบก็ตกใจสุดขีด กรี๊ดลั่น ก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยความกลัว มาโนชทั้งตกใจ ทั้งกลัวสุดๆ รีบไปปิดประตูห้องทันที แต่ก็ยังช้ากว่าใบ ที่เอามือมาดันประตูไว้ได้
มาโนชพยายามดันเต็มที่ แต่สู้แรงใบไม่ได้ ในที่สุดใบก็ผลักประตูเข้ามาจนได้
มาโนชกลัวสุดๆ แต่พยายามข่ม)
“มึง มึงกล้ากับกูรึไอ้ใบ ถ้ามึงทำอะไรกู มึงตายแน่”
ใบแค้นสุดขีด ตะคอกใส่
“แต่มึงต้องตายก่อนไอ้มาโนช นายสารเลวเป็นชู้กับเมียทาสอย่างมึง ตายแค่ครั้งเดียว ยังไม่สาสมกับความชั่วของมึงด้วยซ้ำ”
ใบโผเข้าแทงมาโนช แต่มาโนชจับข้อมือใบไว้
“ช่วยด้วยๆ มีใครอยู่บ้าง ช่วยกูด้วยโว้ย ช่วยกูด้วย”
ใบได้โอกาส ชกหน้ามาโนชเข้าไปเต็มๆหมัด ก่อนจะเข้าไปแทงซ้ำ มาโนชหลบได้หวุดหวิด แต่มีดก็บาดเข้าที่ท้อง เลือดออกเล็กน้อย ใบจะเข้าไปแทงอีก
มาโนชตกใจรีบหยิบผ้าห่มที่อยู่ใกล้มือขว้างใส่ใบ จนผ้าห่มคลุมหน้าใบไปหมด มาโนชฉวยโอกาสปีนหน้าต่าง แล้วกระโดดลงไปเพื่อหนีตาย เขากระโดดลงสู่พื้น ขากระแทกกับพื้นจนบาดเจ็บ ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ใบแค้นสุดขีด ปีนหน้าต่างตาม จะกระโดดลงไปฆ่าให้ได้ มาโนชเห็นใบปีนหน้าต่าง ก็ลืมความเจ็บปวด รีบกะเผลกหนีไปทันที

มาโนชเดินกะเผลกหนีตายมา พร้อมกับตะโกนลั่นขอความช่วยเหลือไปด้วย
“ช่วยด้วยๆ ไอ้ใบมันจะฆ่ากู ช่วยกูด้วย โว้ย ไอ้คนเรือนนี้มันตายกันหมดรึไงวะ ช่วยกูด้วย”
ทันใดนั้น มาโนชก็โดนถีบจากจากทางด้านหลังจนหน้าคะมำ ล้มลงกับพื้น ใบถือมีดยืนจังก้า จะเข้ามาเล่นงานตนต่อ มาโนชเหลือบไปเห็นท่อนไม้ ก็รีบคว้าเข้าไปตีใบทันที แต่ใบหลบได้อย่างง่ายดาย มาโนชหวดสะเปะสะปะ จนในที่สุด ใบก็ฟันมีดเข้าที่หลังมือมาโนช จนไม้หลุดมือ ร้องลั่น
ใบชกมาโนชเข้าเต็มๆหมัดจนเลือดกบปากล้มลงกับพื้น ก่อนจะตามเข้าไปเหยียบอกซ้ำ
“อย่า อย่าทำกูไอ้ใบ กูกลัวแล้ว กูกราบตีนมึงก็ได้ อย่าฆ่ากูเลย กูยอมแล้ว” มาโนชพูดพลางยกมือไหว้
ใบแค้นสุดๆ
“มึงร้องขอชีวิตตอนนี้ ก็สายไปแล้วไอ้มาโนช”
ใบเงื้อมีดขึ้นจะแทงใส่มาโนช แต่ทันใดนั้นเอง บุญมีก็เข้ามาจับแขนใบไว้ ใบตกใจ จะหันกลับไปเล่นงานบุญมี แต่พลอย เข้มรุมกันเข้ามา ทั้งเตะทั้งต่อย จนแย่งมีดใบมาได้ แถมจับตัวใบเอาไว้ได้สำเร็จ
มาโนชลุกขึ้นได้ก็ตรงเข้าอัดใบคืนอย่างสาสมกับความเจ็บแค้น

ศพอ่อนตายตาเหลือกค้าง ก่อนจะถูกคลุมผ้าปิดไว้ เจ้าคุณยืนหน้าเครียด ในขณะที่น้ำทิพย์
มาโนช นั่งอยู่ใกล้ๆ โดยใบถูกบุญมี พลอย และเข้ม จับตัวเอาไว้ใกล้ๆศพอ่อน
พลอยหยิบเอามีดของใบที่ใช้ฆ่าอ่อนออกมา
“นี่คือมีดของไอ้ใบที่ใช้ฆ่านังอ่อนขอรับท่านเจ้าคุณ”
เจ้าคุณโมโหมาก ชี้หน้าใบ
“ไอ้ใบ มึงนี่มันจัญไรจริงๆ มึงจะฆ่าเมียมึงก็ไปฆ่าที่อื่นสิโว้ย ดันมาทำระยำอัปรีย์บนเรือนกู ก่อนจะพาตัวมึงส่งนครบาล กูจะเฆี่ยนมึงเสียให้ยับเชียว”
มาโนชได้ที แค้นมาก
“ยังน้อยไปขอรับคุณอา ไอ้ใบมันยังคิดจะฆ่ากระผมด้วย ถ้าพวกไอ้มีไม่มาช่วยไว้ ป่านนี้กระผมตายไปแล้ว ก่อนจะส่งตัวมัน ต้องทรมานให้ปางตาย ถึงจะสาสม”
ใบตะคอกมาโนช
“มึงอยากทำก็ทำเลย กูเสียดายอย่างเดียวที่ฆ่ามึงไม่ได้เท่านั้นเอง”
เข้มชกหน้าใบทันที
“มึงยังกล้าปากดีอีกรึ”
เข้มจะชกซ้ำอีก แต่น้ำทิพย์รีบห้ามขึ้นก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้ แค่มีคนตายบนเรือนก็พอแล้ว อย่ามาชกต่อยกันให้ฉันเห็นอีก”
เข้มหน้าจ๋อยลง ไม่กล้ากับน้ำทิพย์ เธอหันไปพูดกับพ่อ
“เจ้าใบฆ่านังอ่อน แลยังตามไล่ฆ่าพี่มาโนชอีก มีพยานเห็นกันทั่ว แต่หากไม่สอบถามให้แน่ชัดก่อนว่าเหตุใดเป็นเช่นนี้ คุณพ่อจะถูกครหาได้นะคะ ว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับบ่าวไพร่ในเรือน”
มาโนชมองน้ำทิพย์ตาเขียวปั้ด ไม่พอใจที่น้ำทิพย์ขุดคุ้ยเรื่องของตน แต่ยังไม่กล้าพูด เจ้าคุณพยักหน้ารับ
“ลูกพูดถูกแล้ว ถ้าพ่อส่งตัวไอ้ใบให้นครบาล เค้าก็ต้องสอบถามอยู่ดี ... ว่ายังไงไอ้ใบ มึงฆ่าเมียมึงทำไม”
บุญมีรีบพูดแซงขึ้น
“ไอ้ใบมันเลอะเลือน หาว่าคุณมาโนชเล่นชู้กับเมียมันขอรับ แต่คุณมาโนชกับนังอ่อนไม่ได้ทำ แลนังอ่อนมันถือว่าไม่ได้ทำผิด จึงโต้เถียงกับไอ้ใบจนมันโกรธ ถึงกับ แทงนังอ่อนตายขอรับ”

น้ำทิพย์ไม่พอใจที่บุญมีบิดเบือนใส่ร้าย

น้ำทิพย์ไม่พอใจที่บุญมีบิดเบือนใส่ร้าย
“ไม่ได้ทำรึ คนรู้กันทั้งเรือน ยังมีหน้ามาปดอีก”
เข้มรีบเถียงแทน
“นังอ่อนไม่ได้ทำจริงๆขอรับ คนผิดที่ไหนจะมีปัญญาเที่ยวเถียง จนไอ้ใบโกรธได้เล่าขอรับ”
พลอยได้ทีบอก
“ถ้าคุณน้ำทิพย์ไม่เชื่อ เรียกบ่าวทั้งเรือนมาสอบถามดูก็ได้ขอรับ”
มาโนชยิ้มพอใจ พวกลูกน้องของตนออกรับแทนได้ดีมาก น้ำทิพย์อึ้ง ถึงจะเป็นคนฉลาด แต่ก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนพวกนี้ เจ้าคุณตัดบท ชี้หน้าใบ
“เมื่อยืนยันแข็งขันเช่นนั้น ก็ไม่ต้องเรียกมาสอบดอก เอาไอ้ใบไปเฆี่ยนห้าสิบทีตามอาญาบ้านให้มันหลาบจำ แล้วค่อยส่งตัวมันไปนครบาล”
ทันใดนั้น แก้ว บุญเจิม และคอกก็รีบขึ้นมาบนเรือน แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าคุณ
“ช้าก่อนขอรับ กระผมมีพยานแลหลักฐานยืนยัน ว่าคุณมาโนชเป็นชู้กับนังอ่อนจริงขอรับ” แก้วบอก
มาโนชและลูกสมุนหันมองแก้วและพรรคพวกตาขวาง
มาโนชโมโหมาก
“ไอ้แก้ว ไอ้คอก มึงสองคนเป็นชาย ไม่มีคำสั่ง กล้าดียังไงขึ้นเรือนมา เฮ้ย ไอ้มี เอาไอ้สองคนนี่ไปเฆี่ยนยี่สิบที”
น้ำทิพย์รีบออกรับแทน
“ฉันเป็นคนสั่งให้ทั้งสามคนนี่ขึ้นมาเอง”
มาโนชกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ แต่ก็ยังไม่กล้ากับน้ำทิพย์
“เอ็งว่าเอ็งมีพยานแลหลักฐานรึไอ้แก้ว ถ้าเช่นนั้น เอ็งก็เอาพยานแลหลักฐานของเอ็งออกมาหน่อยปะไร”
“ขอรับ”
แก้วหันไปพูดกับคอก
“ไอ้คอก เอ็งเล่าไป”
คอกยกมือไหว้เจ้าคุณ
“คืนที่คุณมาโนชเรียกนังบุญเจิมไปบำเรอ แล้วนังบุญเจิมหนีไปขอพึ่งใบบุญคุณน้ำทิพย์นั้น คุณมาโนชได้เรียกนังอ่อนไปแทนขอรับ เช้าขึ้นมา พี่ใบโกรธแค้นเรื่องนี้มาก จึงกินเหล้าเมาแลเล่าเรื่องนี้ให้กระผมกับพี่แก้วฟัง บ่าวไพร่คนอื่น ก็รู้สิ้นกันทั้งเรือนขอรับ”
เข้มรีบสวนขึ้น
“รู้สิ้นอะไรวะ ข้าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน คุณมาโนชไปทำอะไรให้เอ็งเจ็บแค้นวะไอ้คอก เอ็งถึงได้ใส่ความคุณมาโนชถึงเพียงนี้”
“พี่เข้มต่างหากที่ใส่ความฉัน ตัวพี่รู้ดีกว่าใคร ยามเมา ยังเอาเรื่องคุณมาโนชกับนังอ่อนไปนินทาให้พวกทาสเรือนอื่นฟังกันสนุกปากเลย”
มาโนชหันไปมองเข้มตาเขียวปั้ด เข้มหน้าเสีย รีบหลบหน้าไม่กล้าสบตา
“นังอ่อนมันมีผัวมีลูกแล้ว คุณมาโนชจะไปยุ่งกับมันทำไม ถ้าจะเรียกมาบำเรอ เรียกพวกทาสสาวๆไม่ดีกว่ารึ” พลอยบอก
บุญเจิมยิ้มเยาะ
“ถ้ากระนั้นก็เรียกทาสคนอื่นมาสิ จะได้รู้ว่าทาสที่เคยบำเรอคุณมาโนชแล้ว มีกี่คนกันแน่”
พลอยชะงักไป ขืนเรียกมาจริงๆก็กลัวจะเข้าตัวมาโนชซะเอง
บุญมีตะคอกใส่น้องสาว
“เอ็งอย่าชักใบให้เรือเสียนังบุญเจิม ท่านเจ้าคุณกำลังตัดสินเรื่องไอ้ใบฆ่านังอ่อน หากจะเรียกทาสอื่นมายืนยัน ก็เพียงแต่ถามเรื่องที่ว่า คุณมาโนชเป็นชู้กับนังอ่อนจริงหรือไม่เท่านั้น”
“ที่พี่จะให้เรียกคนอื่น ก็เพราะรู้ว่าทั้งเรือนกลัวคุณมาโนชกันทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าเป็นพยานเอาผิดใช่หรือไม่ล่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น เรียกนมอ้อนก็ได้ค่ะคุณพ่อ นมอ้อนรู้เรื่องทุกอย่างในเรือนดี แลไม่ใช่พวกทาส จึงไม่ต้องเกรงกลัวใคร” น้ำทิพย์บอก
มาโนชหน้าเสีย ถ้านมอ้อนยืนยัน ตนก็รอดยาก เจ้าคุณมองหน้ามาโนช ชักกลัวว่าจะจริง เลยหาทางช่วย
“อย่าเลยลูก ฟังกันคนละที ไม่รู้ใครพูดจริงกันแน่ เอาเป็นว่าเรื่องพยาน ไม่ฟังทั้งสองฝ่ายก็แล้วกัน
จะได้เป็นธรรม”
เจ้าคุณตัดบท รีบหันไปพูดกับแก้ว
“เฮ้ย ไอ้แก้ว เอ็งบอกว่ามีหลักฐานด้วยไม่ใช่รึ ไหนล่ะ หลักฐานของเอ็ง”
“หลักฐานของกระผม คือศพนังอ่อนขอรับ”
ทุกคนพากันแปลกใจ ว่าศพอ่อนจะเป็นหลักฐานได้ยังไง
แก้วคลานไปเปิดผ้าคลุมศพอ่อนออก
“ท่านเจ้าคุณเห็นหรือไม่ขอรับ ว่านังอ่อนใส่เครื่องประดับมีค่าอยู่เต็มตัว ธรรมดาทาสนั้น แม้ผ้าพันกายสักชิ้นก็หาแทบประดาตายอยู่แล้ว ทาสคนไหน บ้านช่องไหนเล่า จะมีสร้อยทองคำสวมคอ หากผู้เป็นนายไม่ได้หยิบยื่นให้” แก้วพูดพลาง จับไปที่สร้อยทองที่คออ่อน
เจ้าคุณอึ้งไป เจอแบบนี้เข้าก็เถียงไม่ออก ก่อนจะหันไปจ้องมาโนชด้วยสายตาตำหนิ
มาโนชหลบตา ก่อนจะหันไปจ้องแก้วด้วยสายตาเกลียดชัง แทบอยากจะฉีกเนื้อแก้วเป็นชิ้นๆด้วยความแค้น เจ้าคุณข่มอารมณ์ พูดกับใบ
“ไอ้ใบ ในเมื่อเอ็งสามารถหักล้างข้อผิดนี้ได้ โดยยกเหตุที่เมียเอ็งเป็นชู้กับมาโนช ด้วยพยาน
หลักฐานมั่นคง เรื่องที่ต้องเฆี่ยนเอ็งตามอาญาบ้าน ก็ให้หักกลบลบเรื่องกันไป แต่เรื่องที่เอ็งฆ่านังอ่อน ข้าก็ต้องส่งตัวเอ็งให้นครบาลเค้าจัดการไป … ไอ้เข้ม ไอ้พลอย เอาตัวมันลงไปจากเรือนข้า”
พลอย และเข้มลากตัวใบออกไป มาโนชจ้องแก้วเขม็งขบฟันแทบหักคาปากสยบความโกรธเกลียดเอาไว้แทบไม่อยู่
แก้วมองตามใบไปด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงแม้จะช่วยไม่ให้ถูกเฆี่ยน แต่ก็ต้องโดนโทษตามกฎหมายหนักแน่นอน แก้วมีสีหน้าใช้ความคิดหาทางช่วยคนดีอย่างใบให้ได้

เวลาเช้าตรู่ คุณกัลยาเดินยิ้มเข้ามาหาพระนิติธรรมลือชาที่กำลังจิบชาฝรั่งตอนเช้าอยู่

"เดี๋ยวคุณพี่รอซักครู่นะคะ เจ้าอ้นกำลังยกสำรับเช้ามาให้ น้องเพิ่งสอนเจ้าอ้นทำอาหารเช้าแบบฝรั่ง คุณพี่ลองชิมซักนิดนะคะ"
พระนิติธรรมหัวเราะ
"เจ้าอ้นน่ะรึ ทำอาหารแบบฝรั่ง แล้วจะกินได้หรือน้องแดง ขนาดกับข้าวฝีมือมัน พี่ยังต้องฝืนใจกินเลย"
คุณกัลยาได้แต่ขำๆ ออกมา ทันใดนั้นเอง แก้วก็รีบร้อนเข้ามาหาด้วยสีหน้าร้อนลนลาน
"คุณพระขอรับ ช่วยด้วยขอรับ"
คุณกัลยาตกใจ
"แก้ว ทำไมมาแต่เช้าอย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวก็โดนพวกเรือนโน้นจับเอาดอก"
"จะโดนจับ โดนทรมานยังไง กระผมก็ยอมแล้วขอรับ ขอเพียงคุณพระเมตตาช่วยด้วยเถิดขอรับ"
"มีเรื่องอะไรรึเจ้าแก้ว ค่อยๆเล่าให้ฉันฟังซิ"

ใบถูกขังอยู่ในคุกในบรรยากาศดูมืดทะมึนน่ากลัว แก้ว และพระนิติธรรมลือชามาเยี่ยม
"ฉันฟังที่เจ้าแก้วมันเล่าหมดแล้ว อย่างไรเสียแกก็ฆ่าคนตาย ต้องมีโทษเป็นแน่ แต่ถ้าหากแกเล่าไปตามจริง ว่าแกโกรธที่เมียคบชู้เลยฆ่าเมียตาย แกก็จะได้ลดหย่อนผ่อนโทษ"
แก้วยิ้มดีใจ
"ส่วนลูกพี่ ฉันกับแม่จะช่วยดูแลให้ พี่อย่ากังวลไปเลยนะพี่ใบ พอพี่พ้นโทษ ก็จะได้กลับไปอยู่กับลูกเหมือนเดิม"
ใบนิ่งคิดอยู่ครู่นึง ก่อนจะตัดใจพูด
"ข้าพูดเรื่องที่นังอ่อนมันคบชู้ไม่ได้ดอก ที่ข้าฆ่ามัน เป็นเพราะข้าโกรธที่มันทิ้งลูกไปเท่านั้น"
แก้ว และพระนิติธรรมตกใจมากที่ใบยืนยันแบบนั้น
"เหตุใดพี่พูดอย่างนี้เล่า พูดเช่นนี้ก็เท่ากับยอมรับโทษหนักไว้คนเดียว ไม่เห็นจะมีคุณอันใดขึ้นมาเลย"
"เจ้าแก้วพูดถูกแล้ว ฉันเป็นตุลาการนะเจ้าใบ ถ้าเหตุเพียงแค่ทิ้งลูกจนถึงกับต้องฆ่าแกงกันนั้น มันไม่ได้ลดหย่อนผ่อนโทษดอก แกต้องรับโทษหนักถึงประหารเชียวนะ"
ใบเริ่มสับสน กลัวตาย แต่พอนึกถึงเรื่องที่พระยาไชยากรพูดก็ยิ่งลังเลหนัก

เมื่อไม่ถึงชั่วโมง ก่อนที่แก้วกับพระนิติธรรมจะมา เจ้าคุณมาคุยกับใบแล้วบอกว่า
"เอ็งอย่าพูดเรื่องที่มาโนชเป็นชู้กับเมียเอ็งเด็ดขาดนะไอ้ใบ เพราะยังไง มาโนชก็เป็นหลานข้า มันทำให้ข้าเสียเกียรติไปด้วย"
ใบไม่พอใจ
"ท่านเจ้าคุณจะให้กระผมโกหก เพื่อช่วยชายชู้อย่างหลานชายท่านน่ะหรือขอรับ กระผมทำไม่ได้ดอกขอรับ"
เจ้าคุณตะคอก ชี้หน้า
"บังอาจนักไอ้ใบ เอ็งกล้าย้อนข้ารึ อย่างน้อย เอ็งต้องรำลึกถึงข้าวแดงแกงร้อนที่ข้าชุบเลี้ยงเอ็งมาบ้าง ไหนๆทำผิดฆ่าคนตายไปแล้ว เอ็งจะให้ข้าผู้เป็นนายพลอยได้ทุกข์เสียชื่อไปด้วยอีกรึ"
ใบโดนทวงบุญคุณก็ชักใจเสีย
"กระผมไม่เคยคิดให้ท่านเจ้าคุณต้องเดือดร้อนเลยขอรับ แต่ที่นังอ่อนกับไอ้... เอ่อ คุณมาโนชกระทำลงไป มันเกินจะอดทนได้จริงๆขอรับ"
เจ้าคุณเริ่มเปลี่ยนมาปลอบ
"เรื่องนั้นข้ารู้ หากข้าไม่เห็นใจเอ็ง ก็คงไม่มาคุยกับเอ็งอีกดอก ตรองดูให้ดีนะไอ้ใบ เอ็งฆ่าคนตาย อย่างไรก็ต้องโดนโทษประหารเป็นแน่ แล้วลูกเอ็งจะอยู่อย่างไร"
ใบอึ้ง พอคิดถึงลูกขึ้นมา ก็อดห่วงไม่ได้
"แต่หากเอ็งรับปากข้า ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่มาโนชเป็นชู้กับเมียเอ็งออกไป ข้าสัญญา ว่าข้าจะจัดคนเลี้ยงดูลูกเอ็งให้ เอ็งจะได้ตายตาหลับอย่างไรเล่า"
ใบอึกๆอักๆ ในชีวิตเขารักลูก ห่วงลูกมากที่สุด หากต้องตายจริงๆ ก็ยอมตายได้เพื่อลูก

ภายในคุก ใบกำลังคุยกับแก้ว และ พระนิติธรรมลือชาอยู่
"เชื่อคุณพระเถอะพี่ใบ เรื่องกฎบัตรกฎหมาย คุณพระท่านไม่พลาดดอก ถ้าพี่ทำตามที่คุณพระบอก พี่ไม่โดนประหารเป็นแน่ แลพี่ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น"
ใบขบกรามแน่น ก่อนจะตัดใจพูด
"ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อคุณพระท่าน แต่ข้าเป็นทาส ต่อให้รอดจากการประหารไปได้ ก็ต้องกลับไปเป็นทาสบ้านท่านเจ้าคุณอยู่ดี ถึงคราวนั้น ก็คงไม่แคล้วโดนไอ้มาโนชมันหาเรื่องฆ่าเอาจนได้ ถ้าต้องเป็นเช่นนั้น ข้าสู้ตายตอนนี้เสียดีกว่า อย่างน้อยมันอาจจะเป็นคุณกับไอ้หนูลูกของข้าขึ้นมาบ้าง"
"พี่ใบ"
พระนิติธรรมจับบ่าแก้วไว้ แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงว่าใบคงไม่รับฟัง พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ใบไม่พูดอะไรอีก เดินไปนั่งอยู่ที่มุมห้องขังคนเดียวเงียบๆ แก้วได้แต่มองตาม ด้วยความสงสัยและสงสารใบสุดๆ

เวลากลางวัน วันเดียวกัน เจ้าคุณโยนถุงใส่เงินถุงหนึ่งลงบนพื้น ให้กิ่งที่นั่งพับเพียบอยู่ โดยมีมาโนช และน้ำทิพย์อยู่ใกล้ๆ
"เอ็งเอาเงินนี่ไป แล้วก็ใช้เลี้ยงดูลูกไอ้ใบให้ดี ทุกวันนี้ เอ็งก็ดูแลลูกมันอยู่แล้วไม่ใช่รึนังกิ่ง ถ้ากระนั้น ข้าก็มอบหมายให้เอ็งเลี้ยงดูลูกมันไปตลอดเลยก็แล้วกัน"
กิ่งหยิบถุงเงินขึ้นมา หน้าเสีย
"ท่านเจ้าคุณให้บ่าวเลี้ยงดูลูกไอ้ใบ ก็หมายความว่าไอ้ใบ..."
เจ้าคุณตะคอกตัดบท
"เอ็งอย่าพูดมากนังกิ่ง ข้าสั่งเอ็ง เอ็งก็ทำไป สู่รู้นัก"
"เจ้าค่ะ"
กิ่งรีบลงจากเรือนไป น้ำทิพย์ทนไม่ไหว
"ทำไมคุณพ่อทำอย่างนี้คะ หากว่าใบให้เหตุผลไปตามจริงว่า ฆ่าอ่อนเพราะอะไร ใบอาจได้รับโทษเบาลงบ้าง แต่ถ้าทำเช่นนี้ ใบมิต้องโทษถึงประหารหรือคะ"
เจ้าคุณหงุดหงิด
"แล้วลูกอยากให้พ่อชื่อเหม็นไปทั้งเมือง ที่มีข่าวหลานชายเล่นชู้กับเมียทาส จนถึงต้องฆ่าฟันกันในบ้านรึ เรื่องมันคงโจษจันกันไม่สิ้นสุด แล้วพ่อจะเอาหน้าไปไว้ไหน"
มาโนชยิ้มเยาะ
"ดูน้องน้ำทิพย์จะมีเมตตากับทาสทุกคนเสียเหลือเกินนะ จนพี่นึกเสียดายนักที่ไม่ได้เป็นทาส จะได้รับเมตตาจากน้องบ้าง"
"นี่พี่มาโนชยังกล้าประชดประชันอีกหรือคะ ที่ฆ่ากันตายบนเรือน ไม่ได้มีเหตุมาจากความมักมากของพี่รึ"
เจ้าคุณรีบห้ามศึก
"พอๆ อย่าทะเลาะกันเองเลย เพียงแค่ชีวิตทาสอย่างไอ้ใบ ควรรึ ที่เราจะทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะมัน ลูกเองก็อย่าไปใส่ใจเรื่องนี้นัก ที่พ่อเลี้ยงดูลูกของไอ้ใบ ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ไอ้ใบมันก็ควรตอบแทน ด้วยการรักษาเกียรติของตระกูลเราไว้ไม่ใช่รึ"
น้ำทิพย์พูดไม่ออก รับไม่ได้กับความเห็นแก่ตัวของพ่อ ในขณะที่มาโนชยิ้มพอใจที่ล้างแค้นใบได้ และจบปัญหาทุกอย่าง

แก้วยืนแอบฟังอยู่ที่ใต้ถุนเรือนจนรู้เรื่องทั้งหมด ว่าทำไมใบยอมตายก็ไม่ยอมพูดเรื่องมาโนช ก็เพราะท่านเจ้าคุณเอาลูกใบมาต่อรองอย่างโหดร้ายนั่นเอง

แก้วกำหมัดจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ขบกรามจนขึ้นสัน ด้วยความแค้นใจสุดๆกับความโหดร้ายของนายทาสของตน ที่ใช้ความรักของพ่อลูก มาต่อรองหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง
 
อ่านต่อหน้า 2

ลูกทาส ตอนที่ 4 (ต่อ)

แก้วกำลังใช้มีดดายหญ้า ด้วยสีหน้าเคียดแค้นเกลียดชัง
 
เขาดายหญ้าพลางระบายอารมณ์ไป เริ่มฟันหญ้าแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะระเบิดอารมณ์ร้องลั่น ด้วยความคับแค้นใจ คอก และบุญเจิมยืนมองแก้วด้วยความเห็นใจ
คอกเดินไปดึงมีดออกมาจากมือแก้ว
"พอเถอะพี่แก้ว ถึงพี่ดายหญ้าจนหมดสวน หรือฟันต้นไม้จนเหี้ยน ก็ช่วยอะไรพี่ใบไม่ได้ดอก"
แก้วคับแค้นใจสุดๆ
"ใช่สิวะ ช่วยไม่ได้เพราะเราเป็นทาส ไม่มีปัญญา ไม่มีอำนาจบารมีแลเงินทองไปต่อสู้ จึงต้องก้มหน้ายอมให้กระทำเยี่ยงสัตว์อยู่ฝ่ายเดียว"
คอกถอนใจ สงสารแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
"ฉันก็สงสารพี่ใบนะพี่ แต่ก็อย่างที่พี่ใบบอก ถึงออกมาจากคุกได้ก็ต้องตายอยู่ดี สู้ยอมตายตอนนี้
แล้วให้ลูกรอดดีกว่า"
บุญเจิมบอก
"นานๆฉันจะเห็นด้วยกับไอ้คอกมันนะ เป็นทาสเค้าก็อย่างนี้ล่ะพี่แก้ว จะหาความเป็นธรรมได้ที่ไหน ถือซะว่าเป็นเวรกรรมของพี่ใบก็แล้วกัน"
"ข้าเชื่อในเวรกรรม แต่ไม่มีวันก้มหน้ารับกรรมโดยไม่ต่อสู้เป็นอันขาด พวกเอ็งคอยดู สักวัน ชีวิตของไอ้แก้ว ไอ้ลูกทาสคนนี้ จะหาความเป็นธรรมให้ตัวเอง แลให้ความเป็นธรรมกับผู้อื่นให้จงได้" แก้วแววตามุ่งมั่น แข็งกร้าว จริงจัง เต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน

ตอนหัวค่ำ แก้วกำลังคุยกับพระนิติธรรมลือชาอยู่ ที่หน้าเรือนแพมีตะเกียงเจ้าพายุแขวนอยู่

"แกต้องขยันเล่าเรียน หมั่นศึกษาหาความรู้ไว้นะเจ้าแก้ว คนมีความรู้มีปัญญาเท่านั้น จึงจะไม่ถูกกดขี่เหมือนอย่างที่เจ้าใบมันโดน"
แก้วยกมือไหว้
“กระผมจะจำไว้ขอรับ ชั่วชีวิตของไอ้แก้ว อยากศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้พ้นจากความโง่เป็นข้อใหญ่ นับแต่นี้ กระผมจะใช้ความรู้แลปัญญาที่กระผมมี ไว้ช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสำคัญขอรับ”
พระนิติธรรมยิ้มบางๆ พยักหน้าพอใจ
“ลำพังความรู้แลปัญญา ก็ยังช่วยคนอื่นได้ไม่มากดอก แกต้องมีหน้าที่การงานสำคัญด้วย จึงจะช่วยคนได้มาก”
แก้วสงสัย
“แล้วกระผมต้องทำหน้าที่การงานใดหรือขอรับ”
“แกคับแค้นเรื่องเจ้าใบไม่ได้รับความเป็นธรรมใช่หรือไม่ แล้วเหตุใดแก ไม่แสวงหาความเป็นธรรม ด้วยการเป็นตุลาการเสียเองเล่า”
แก้วตกใจมาก
“ตุลาการ แค่คุณพระบอกว่ากระผมจะรับราชการได้ ก็เกินวาสนาไอ้แก้วแล้ว จะให้เป็นถึงตุลาการเลยหรือขอรับ”
“เชื่อฉันเถอะเจ้าแก้ว สักวันบ้านเมืองเราต้องมีโรงเรียนกฎหมาย เหมือนเช่นบ้านเมืองที่เจริญแล้ว ถึงตอนนั้น จะไพร่หรือผู้ดีก็มีโอกาสรู้กฎหมายเท่ากัน หากแกตั้งใจจริง ทำไมจะเป็นตุลาการไม่ได้”
แก้วนิ่งคิดตามที่พระนิติธรรมลือชาพูด เริ่มมีความหวัง
“แต่รู้กฎหมายอย่างเดียว ก็ยังเป็นตุลาการแต่เพียงได้ชื่อ แกต้องมีความยุติธรรมในใจด้วย จึงจะเป็นตุลาการโดยสมบูรณ์”
แก้วคิดตาม
“ความยุติธรรมในใจ”
พระนิติธรรมพยักหน้ารับ
“ยุติธรรม แปลว่า มีธรรมจึงจะยุติ หากใจของแกไม่มีธรรมแล้ว ก็ไม่อาจตัดสินคดีความใดให้เป็นข้อยุติลงได้ แต่หากใจแกมีความยุติธรรม แกก็จะให้ความเป็นธรรมแก่คนอื่น ดังที่แกหวังไว้ได้” พระนิติธรรมพูดพลางตบบ่าแก้ว
แก้วมีท่าทางมุ่งมั่นเอาจริง ยิ่งฟังพระนิติธรรมพูด ก็ยิ่งรู้ว่าตุลาการ คือเป้าหมายในชีวิตของตนนั่นเอง

3-4 เดือนผ่านไป ในเวลาเย็น ที่บ้านเช่า อบเชยรีบตามเข้ามาลูบหลังให้นิ่มที่อ้วกอยู่
“ไม่สบายเหรอพี่นิ่ม เดี๋ยวฉันละลายยาหอมให้นะ”
นิ่มอ้วกจนเหนื่อย
“ไม่ต้องหรอก ไปหาอะไรเปรี้ยวๆให้พี่กินหน่อยก็พอ”
“อะไรเปรี้ยวๆเหรอ พี่นิ่ม นี่พี่...” อบเชยฉุกคิด
นิ่มยิ้มอายๆ ผิดกับอบเชยที่ไม่รู้สึกยินดีอะไรด้วย

เวลาหัวค่ำ พระยาไชยากรดีใจสุดๆ
“จริงรึแม่นิ่ม แม่นิ่มตั้งท้องจริงๆรึ”
นิ่มยิ้มอายๆ พยักหน้ารับ เจ้าคุณดึงนิ่มเข้ามากอดด้วยความรักและดีใจ
“ฉันดีใจเหลือเกินแม่นิ่ม ดีใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว”
นิ่มยิ้มแย้ม มีความสุข
“ฉันก็ดีใจเหมือนกันค่ะ อยากจะเห็นหน้าลูกเร็วๆ เหลือเกิน”
ไชยากรยิ้มขำๆ
“ขอลูกชายนะแม่นิ่ม ฉันอยากได้ลูกชายมานานเหลือเกินแล้ว ตระกูลฉันจะได้มีผู้สืบทอดต่อไปเสียที”
นิ่มยิ้มแย้ม
“ฉันก็หวังจะมีวาสนาได้มีลูกชายให้เจ้าคุณค่ะ”
เจ้าคุณปลาบปลื้มสวมกอด นิ่มผละตัวออกมา สีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย
“เอ่อ ท่านเจ้าคุณคะ ตอนนี้ฉันอยากเจอแม่เหลือเกิน ยิ่งใกล้จะได้เป็นแม่คน ฉันก็ยิ่งคิดถึงแม่ ขอให้ฉันกลับไปเยี่ยมแม่บ้างได้หรือไม่คะ”
เจ้าคุณชักสีหน้าไม่พอใจทันที
“จะไปทำไม หล่อนก็รู้ไม่ใช่รึ ว่าแม่หล่อนทำอะไรกับฉันไว้บ้าง กลับไป ก็คงไม่แคล้วโดนเป่าหูกลับมา หรือเผลอๆ แม่หล่อนจะกักตัวหล่อนไว้ไม่ให้กลับมาด้วยซ้ำ”
นิ่มหน้าเสีย
“ไม่ดอกค่ะท่านเจ้าคุณ แม่...”
เจ้าคุณตัดบท เสียงดุ
“ฉันบอกไม่ให้ไปไงล่ะ พูดไม่รู้เรื่องรึ”
นิ่มหน้าเศร้า เสียงอ่อย)
“ค่ะ ท่านเจ้าคุณ”

นิ่มเสียใจ เดินซึมๆที่ไม่ได้กลับไปหาแม่ เธอลงจากเรือนมา ยามนี้ เธออยากเจอแม่ที่สุด แต่สามีกลับบังคับขู่เข็ญ ไม่เข้าใจ นิ่มลงมาถึงใต้ถุน ก่อนจะกลั้นความเสียใจไว้ไม่อยู่จนร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
ขณะนั้นเอง แก้วเดินผ่านมา พอได้ยินเสียงร้องไห้ก็หันไปดู จึงเห็นนิ่มกำลังร้องไห้อยู่ แก้วเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
“คุณนายร้องไห้ทำไมหรือขอรับ”
นิ่มกลัวแก้วเอาไปฟ้องท่านเจ้าคุณ รีบเช็ดน้ำตา ก่อนปั้นยิ้ม เปลี่ยนเรื่อง
“ไม่มีอะไรดอกจ้ะ คืนนี้นายแก้วมาขับรถม้าให้ท่านเจ้าคุณรึ เห็นหายหน้าไปเสียหลายเดือนเชียว”
“กระผมมาแทนพี่บุญมีน่ะขอรับ คราวก่อน พี่บุญมีเจ็บหนัก พอหายก็กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม ส่วนคราวนี้พี่บุญมีตามคุณมาโนชไปราชการ กระผมเลยกลับมารับใช้อีกน่ะขอรับ”
นิ่มพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนจะหน้าเศร้าลงไปอีก
แก้วสังเกตสีหน้านิ่ม
“คุณนายคิดถึงแม่ของคุณนายหรือขอรับ”
นิ่มตกใจ หน้าเสีย
“นายแก้วรู้ได้ยังไง”
“กระผมได้ยินแม่อบเชยพูดกับคนข้างเรือนว่าคุณนายตั้งท้อง กระผมเลยเดาเอาว่าธรรมดาคนมีลูกน่าจะมีความสุข แลท่านเจ้าคุณก็คงอยากได้ลูกเล็กๆอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีอะไรรบกวนใจคุณนาย นอกจากเรื่องที่ท่านเจ้าคุณวิวาทกับแม่ของคุณนายเท่านั้น”
นิ่มอึ้งไปครู่ ก่อนจะหายใจหนักๆ
“นายแก้วพูดราวกับตาเห็น ใช่ ฉันต้องการให้แม่มาอยู่ใกล้ มาให้ความอบอุ่น ปลอบโยน แลกำลังใจเท่านั้นเอง แต่ท่านเจ้าคุณก็ไม่เข้าใจ แลแม่ฉันก็คงไม่ยอมมาด้วย เพราะแม่ฉันแค้นเคืองท่านเจ้าคุณนัก”
แก้วคิดอยู่ครู่นึง
“คุณนายลองเขียนจดหมายถึงแม่คุณนายซักฉบับเถอะขอรับ บางที กระผมอาจจะทำให้แม่ของคุณนายเปลี่ยนใจได้”

นิ่มมองแก้วด้วยความแปลกใจสุดๆ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ว่าทาสอย่างแก้วจะทำได้

บนเรือนพระยาไชยากรตอนเช้าวันใหม่ น้ำทิพย์มองแก้วด้วยสายตาเหลือเชื่อ นึกไม่ถึง

“นี่ฉันกำลังจะมีน้องแล้วหรือแก้ว”
น้ำทิพย์กำลังมาคุมทำอาหารอยู่ โดยมีทาสหญิงเป็นลูกมือ แก้วเข้ามารายงานเรื่องราวของนิ่ม
“ขอรับ ท่านเจ้าคุณเองก็ดีใจมากด้วย เมื่อคืนตอนขากลับยังคุยเรื่องนี้ให้กระผมฟังตั้งหลายเที่ยว ทั้งๆที่ทุกที แทบจะพูดกระผมนับคำได้เลยขอรับ”
น้ำทิพย์ยิ้มขำๆ
“ก็น่าอยู่หรอกที่คุณพ่อจะดีใจ ฉันเป็นลูกคนเดียวมานานแล้ว กลายเป็นลูกคนโตก็ดีเหมือนกัน”
“เอ่อ แล้วที่กระผมขอให้คุณน้ำทิพย์ช่วย ไม่ทราบว่า...” แก้วพูดอย่างเกรงใจ
น้ำทิพย์ยิ้มแย้ม
“ก็ฉันเป็นคนบอกเอง ว่าถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยแม่นิ่มได้ ฉันก็อยากช่วย เดี๋ยวฉันจะไปทำบุญที่วัดนามบัญญัติ แก้วก็ตามไปช่วยฉันก็แล้วกัน จะได้ไม่มีใครตำหนิแก้วได้ว่าหนีงาน จากนั้น แก้วค่อยไปช่วยเจรจากับแม่ของแม่นิ่มก็แล้วกันนะจ๊ะ”
“ขอรับ คุณน้ำทิพย์”
น้ำทิพย์หันไปจัดแจงคุมงานครัวต่อ แก้วอมยิ้มอย่างมีแผนการในใจ

ผ่านเวลาซักครู่ น้ำทิพย์เดินถือถาดใส่สำรับกับข้าวที่ตนเพิ่งทำเสร็จ ขึ้นมาบนเรือน มาโนชเดินผ่านมา พอเห็นน้ำทิพย์ ก็รีบเข้าไปหาทันที และยิ้มทักทาย
“ทำไมยกสำรับกับข้าวมาเองล่ะจ๊ะน้องน้ำทิพย์ บ่าวไพร่ มันไปไหนหมดรึ”
น้ำทิพย์ยิ้มมารยาท
“ไม่ได้ไปไหนดอกค่ะ แต่กับข้าวพวกนี้ฉันทำมาให้คุณพ่อท่าน เห็นท่านบ่นอยากทานมาหลายวันแล้ว พอทำเสร็จก็เลยยกขึ้นมาให้ด้วยตัวเอง”
มาโนชเข้าไปดูกับข้าว ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“แล้วเมื่อไหร่ พี่ถึงจะมีวาสนาได้กินรสมือของน้องบ้างล่ะจ๊ะ”
น้ำทิพย์ตีหน้าตาย
“ฉันไม่ทราบว่าพี่มาโนชชอบทานรสไหน ให้พวกทาสสาวๆ ปรุงให้ทาน น่าจะถูกปากกว่ากระมังคะ”
มาโนชหน้าเจื่อน ไม่ค่อยพอใจ
“เรื่องก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว น้องยังไม่เลิกแขวะพี่อีกรึ อีกไม่นาน เราก็จะหมั้นหมายกัน หากน้องเจอหน้าพี่ แล้วประชดประชันกันเช่นนี้อยู่ร่ำไป เราจะมีความสุขกันได้อย่างไร”
“ฉันจำได้ว่า พี่มาโนชต้องเป็นขุนก่อนไม่ใช่หรือคะ คุณพ่อท่านถึงจะยอมให้เราหมั้นหมายกัน”
“อีกไม่นานพี่ก็...”
น้ำทิพย์พูดสวนขึ้น
“ก็อย่างที่พี่มาโนชบอกล่ะค่ะ ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งเลย พี่มาโนชยังแน่ใจอีกหรือคะว่าจะได้บรรดาศักดิ์ชั้นขุน”
น้ำทิพย์ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอย่างไม่แยแส มาโนชหน้าเครียด เรื่องนี้ก็คาใจอยู่เช่นกัน

ณ ที่ทำงานพระยาไชยากร มาโนชกำลังเดินคุยมากับเจ้าคุณด้วยสีหน้าเคร่งเคียด
“พ่อมาโนชก็รู้ ว่าเสด็จท่านประชวร แล้วใครจะกล้าไปพูดเรื่องเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งกัน อย่างไรเสีย รายชื่อพ่อมาโนชก็ถูกส่งขึ้นไปแล้ว ต้องได้เป็นขุนแน่ๆ อย่ากังวลเลย”
“กระผมทราบขอรับ แต่ก็อดห่วงไม่ได้จริงๆ ชื่อก็ถูกส่งขึ้นไปตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่ได้พระราชทานเสียที จนกระผมกลัวว่าจะมีเหตุเปลี่ยนแปลงน่ะขอรับ”
“ไม่มีดอกน่า อารับราชการมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว เชื่ออาเถอะ แต่ถ้าพ่อมาโนชอยู่ว่างๆ ไม่มีงานการอะไร ก็ไปราชการหัวเมืองเสียหน่อยมั้ยล่ะ จะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องนี้”
“ราชการอะไรขอรับ”
“ไอ้พวกฝรั่ง มันมีข้อพิพาทกับพวกพ่อค้าที่หัวเมือง เลยยึดสินค้าไว้เป็นประกัน ก็เลยต้องเดือดร้อนมาถึงพวกเรา พ่อมาโนชก็เป็นตัวแทนไปเจรจากับพวกมันก็แล้วกัน หากทำสำเร็จ อาจจะได้ของติดไม้ติดมือมามากโขก็เป็นได้”
มาโนชคิดตามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ มีช่องทางหารายได้อีกแล้ว

ภายในเรือนทาสกิ่ง บุญเจิมยื่นชุดราชปะแตนที่แก้วต้องใส่เวลาขับรถม้าให้แก้วรับไป โดยมีคอก และกิ่ง กำลังเล่นกับลูกของอ่อนอยู่ใกล้ๆ
“ขอบใจมากนะนังเจิม”
บุญเจิมหน้าบึ้งๆ
“ไม่ต้องขอบอกขอบใจฉันดอกพี่ ฉันเต็มใจซักเสื้อผ้าให้พี่แก้วอยู่แล้ว แต่ที่ไม่เต็มใจ ก็คือที่พี่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องท่านเจ้าคุณต่างหาก พี่ก็รู้ว่าท่านเจ้าคุณกับแม่ยายเคียดแค้นกันอยู่ แล้วพี่ยังจะไปหาเหาใส่หัวอีก”
“ก็ข้าสงสารคุณนายเธอ เอ็งไม่ได้เห็นกับตา เอ็งไม่เข้าใจดอก ท่านเจ้าคุณทำกับเธอไว้หนักนัก ข้าช่วยเพียงเท่านี้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักดอก”
แก้วถือชุดเดินกลับเข้าเรือนไป บุญเจิมออกอาการหึงหวง
“สงสาร เพราะนังน้องสาวคุณนาย มันหน้าตาดีต่างหากกระมัง”
กิ่งรำคาญ
“นังเจิมเอ๊ย เอ็งจะหึงหวงอะไร ก็อย่าให้มันเกินงามนักเลยโว้ย ผู้หญิงคนไหนเฉียดเข้าใกล้ไอ้แก้ว เอ็งเป็นต้องตั้งแง่เสียทุกคน ต่อไป ถ้าหมาแมวตัวเมียเข้าใกล้ไอ้แก้ว เอ็งก็คงไล่ตีมันล่ะสิ”
บุญเจิมหงุดหงิด
“ก็ไม่แน่หรอกป้า ถ้าป้าอยากเห็น ฉันจะไล่ตีให้ดูก็ได้ เอาหรือไม่ล่ะ”
กิ่งไม่พอใจ อุ้มลูกอ่อนขึ้น
“นังบ้า ข้าไม่คุยกับเอ็งแล้ว ไป ไอ้กริชหลานย่าไปเดินเล่นกับย่าดีกว่าเร้ว”
กิ่งอุ้มลูกของอ่อนเดินเลี่ยงไป
บุญเจิมไม่พอใจ โวยวายตามหลังกิ่ง
“จะเรียกตัวเองเป็นย่าไม่ได้นะป้า อย่างงี้พี่แก้วก็เป็นพ่อมันน่ะสิ”
คอกถอนใจส่ายหน้า
“พอทีเถอะวะนังเจิม ใครๆก็รู้ว่าเอ็งรักพี่แก้ว แต่เอ็งเจ้ากี้เจ้าการหึงหวงหนักข้ออย่างนี้ ก็ไม่ไหวนะโว้ย ขนาดข้าไม่ใช่พี่แก้ว ข้ายังรำคาญเลย”
บุญเจิมตวาดแว๊ด
“ข้าถามเอ็งรึก็เปล่าไอ้คอก เอ็งไม่ต้องสอดเลย”
“ที่ข้าพูด ก็เพราะข้าสงสารเอ็งดอกวะ ดูซิ มีใครอยู่คุยกับเอ็งบ้าง รำคาญเอ็งกันทั้งนั้นล่ะโว้ย พูดแล้ว ข้าก็ไปทำงานดีกว่า”
คอกเดินเลี่ยงไป
บุญเจิมหันไปมองรอบๆ ไม่มีใครอยู่กับตนจริงๆ
“เดี๋ยวสิไอ้คอก รอข้าด้วย”

บุญเจิมรีบตามคอกไปทันที

คอกเดินมาถึงท้ายบ้านเจ้าคุณซึ่งติดกับลำคลอง ก่อนจะไปหยิบจอบขึ้นมาขุดดิน ทำงานตามปกติ บุญเจิมเดินตามคอกมา

“ไอ้คอก ข้าบอกให้รอก่อน หูตึงรึ”
คอกอ่อนใจ
“ข้ามีงานการต้องทำนะนังเจิม ไม่ได้คอยรับใช้คุณน้ำทิพย์คนเดียวอย่างเอ็งนี่ แล้วพอข้าพูด ข้าเตือนเอ็ง เอ็งก็ด่าข้า แล้วยังจะมาคุยกับข้าอีกทำไม”
บุญเจิมทิ้งค้อน
“ก็มันไม่มีใครคุยกับข้านี่ ถ้าพี่แก้วไม่ออกไปกับคุณน้ำทิพย์ ข้าไม่ง้อเอ็งดอกวะ”
ขณะนั้นเอง คุณกัลยานั่งเรือที่มีทาสชายพายให้ผ่านมาเหลือบเห็นคอก รู้สึกคุ้นๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้
“นั่นนายคอกใช่หรือไม่จ๊ะ”
คอกหันไปมองตามเสียง พอเห็นเป็นคุณกัลยาก็รีบคุกเข่า ยกมือไหว้ทันที
“ใช่ขอรับคุณแดง”
บุญเจิมได้ยินคอกเรียกคุณแดงก็พูดเบาๆกับตัวเองด้วยความหึงหวงริษยา
“นี่รึน้องสาวคุณพระ สวยน่ารัก อย่างนี้นี่เอง”
ทาสภายเรือเข้ามาใกล้ตามคำสั่งเพื่อให้คุณกัลยาได้คุยสะดวกๆ
“แก้วล่ะจ๊ะ”
บุญเจิมได้ยินคุณกัลยาถามหาแก้ว ก็ยิ่งหึงหวง ริษยาหนัก บุญเจิมมองไปรอบๆ จนเหลือบไปเห็น
รังมดแดงบนต้นไม้ ที่อยู่เหนือเรือของคุณแดง บุญเจิมยิ้มร้ายๆก่อนจะเดินเลี่ยงไป
“พี่แก้วไปรับใช้คุณน้ำทิพย์ขอรับ คุณน้ำทิพย์เธอไปทำบุญที่วัดนามบัญญัติ ก็เลยให้พี่แก้วขับรถม้าไปส่ง”
“แหม คุณน้ำทิพย์น่าจะบอกกันบ้าง ฉันจะได้ขอตามไปทำบุญด้วย”
ขาดคำ ก็มีหินก้อนหนึ่งปาถูกรังมดแดง ก่อนที่รังมดแดงจะหล่นใส่ตัวคุณกัลยาอย่างเหมาะเหม็ง
รังแตกมดแดงแตกรังฮือออกมา เธอร้อง ว๊าย...โอ๊ย โอ๊ย ทาสก็ไม่กล้าไปช่วยปัดเดี๋ยวจะโดนเนื้อตัวนายหญิง
คอกตกใจมาก
“โดดลงน้ำก่อนดีมั้ยขอรับ”
ยามฉุกละหุกปัดมดไม่ไหวแล้ว ทั้งเจ็บทั้งคัน คุณกัลยาต้องเสียกริยาโดดลงคลองไปแล้วดำน้ำหนีมดแดงแตกรัง
ขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของบุญเจิมดังแว่วมา คอกหันไปมองตามเสียง เห็นบุญเจิมยืนหัวเราะเยาะสะใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือบุญเจิมแน่ๆ คอกจ้องขม็ง โมโหมากที่บุญเจิมแกล้งคุณกัลยาแบบนี้
บุญเจิมสะบัดหน้าเดินสะใจจากไป คอกรีบโดดลงน้ำไปช่วยคุณกัลยาทันที

ผ่านเวลามา บุญเจิมเดินอารมณ์ดี ชมนกชมไม้ หอมดอกไม้อย่างสบายใจอยู่ในสวน คอกในสภาพตัวเปียกปอนตามมากระชากแขนบุญเจิมไว้ด้วยความโมโห
บุญเจิมตวาดแว๊ด
“โอ๊ย ข้าเจ็บนะ เอ็งมาดึงแขนข้าทำไมไอ้คอก”
“ข้าควรจะถามเอ็งมากกว่า ผีห่าอะไรสิงเอ็ง เอ็งถึงได้ไปแกล้งคุณแดงเธอแบบนั้น”
บุญเจิมลอยหน้าลอยตา
“ก็ข้าหมั่นไส้ ทำเป็นมาถามถึงพี่แก้วของข้าดีนัก โดนแค่นี้ มันยังน้อยไป”
“นังเจิม”
“ทำไม ก็ข้ารักพี่แก้ว รักมานานแล้วด้วย ใครที่คิดจะแย่งพี่แก้วไปจากข้า ข้าไม่เว้นมันทั้งนั้น เชอะ ถือตัวว่าเป็นลูกพระยา ทำเป็นถามถึงพี่แก้ว นึกว่า ข้าดูไม่ออกรึ ถ้าบุญหนักศักดิ์ใหญ่จริง แล้วมายุ่งกับทาสทำไมให้เสียราศีวะ”
“พอซะทีนังเจิม เพราะเอ็งเป็นอย่างนี้นี่เอง ข้าถึงไม่แปลกใจ ว่าเหตุใดพี่แก้วถึงไม่เคยรักเอ็งเลย”
คอกพูดแทงใจดำ บุญเจิมโมโหมาก
“ไอ้คอก ไอ้ปากสกปรก เอ็งขอโทษข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ พี่แก้วเค้ารักข้าโว้ย เราเป็นทาสเหมือนกัน ถ้าเค้าไม่รักข้าแล้วเค้าจะรักใคร นังผู้หญิงที่ให้ท่าพี่แก้วต่างหากที่ผิด ไม่ใช่ข้า”
“เลิกหลอกตัวเองเสียทีเถอะโว้ยนังเจิม ถ้าพี่แก้วรักเอ็งจริง ป่านนี้เอ็งกับพี่แก้วเป็นผัวเมียกันไปนานแล้ว แลยิ่งเอ็งคลุ้มคลั่งหึงหวงพี่แก้วมากเท่าใด พี่แก้วก็ยิ่งระอาเอ็งมากขึ้นเท่านั้น”
บุญเจิมกรี๊ดลั่น เข้าไปทุบตีคอกไม่ยั้ง
“ไอ้คอก ไอ้บ้า กล้าดียังไงมาด่าข้า กล้าดียังไง”
บุญเจิมทุบตีคอกไม่ยั้ง คอกก็ได้แต่ปัดป้องจนทนไม่ไหว เลยรวบตัวบุญเจิมไว้ไม่ให้ทุบตีตน บุญเจิมพยายามดิ้นพร้อมกับร้องกรี๊ดๆ คอกก็ยิ่งรวบตัวแน่นขึ้น คอกหักห้ามใจไม่ไหว กอดบุญเจิมไว้แนบชิด แก้มแทบแนบแก้ม สายตาของทั้งคู่ก็หันมาสบกัน
บุญเจิมสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างได้ รีบผละตัวออกแล้วตบหน้าคอกสุดแรง
“นี่เป็นค่าที่เอ็งปากพล่อยกับข้า ไอ้คอกไอ้โสโครก”
บุญเจิมสะบัดหน้าเดินหนีไป คอกได้แต่ยืนจ๋อยแล้วชะเง้อมองตามบุญเจิมไปด้วยความว้าวุ่นใจ

น้ำทิพย์ในชดสวยขึ้นไปบนรถม้า โดยมีแก้วในชุดราชปะแตนยืนเตรียมพร้อม พอเธอขึ้นไปนั่งเสร็จ พวกทาสก็ส่งถาดใส่ดอกไม้ธูปเทียนสำหรับถวายพระให้น้ำทิพย์รับไป แก้วขึ้นไปนั่งที่สารถี ก่อนจะหันไปคุยกับน้ำทิพย์ แก้วยิ้มแย้ม
"คุณน้ำทิพย์ไปทำบุญเสร็จแล้ว รอกระผมสักครู่นะขอรับ กระผมจะรีบจัดการเรื่องแม่ของคุณนายให้เร็วที่สุด แล้วรีบไปรับคุณน้ำทิพย์ขอรับ"
"ไม่ต้องดอกจ้ะ ขอฉันตามไปที่ร้านธูปด้วยดีกว่า"
แก้วเป็นห่วง
"แต่ว่าท่านเจ้าคุณกับ..."
น้ำทิพย์ตัดบท
"ฉันรู้จ้ะว่าไม่ถูกกัน แต่แก้วก็ไม่ต้องบอกสิจ๊ะว่าฉันเป็นใคร ฉันแกล้งทำทีไปซื้อธูปเหมือนลูกค้าคนหนึ่งก็สิ้นเรื่อง"
แก้วมองน้ำทิพย์ด้วยความแปลกใจ
"ฉันอยากรู้ ว่าแก้วจะทำยังไงให้แม่ลูกคืนดีกันได้ แก้วคงไม่ขัดขวางความอยากรู้ของฉันดอกนะ"
แก้วยิ้มขำๆ ก่อนจะขับรถม้าพาน้ำทิพย์ออกไป

แก้วบังคับรถม้าพาน้ำทิพย์ออกไป เห็นบรรยากาศถนนหนทาง บ้านเมือง ย่านตลาด ทั้งคู่แอบชมเมืองกันตามลำพังเล็กน้อยด้วยสีหน้าชื่นมื่นมีความสุข ต่างอมยิ้มกันไปมาที่ได้ใกล้ชิดกัน ความรักที่ซ่อนเอาไว้ในใจของทั้งสองหอมตลบอบอวลไปทั่วรถม้า
 
แม้ไม่ต้องพูดอะไรกันก็สัมผัสและเข้าใจได้ถึงความสุขในใจของทั้งคู่ในตอนนี้

ผ่านเวลาซักพัก ภายใน ร้านธูปน้อม แก้วยื่นจดหมายให้น้อม โดยมีน้ำทิพย์ทำทีเป็นเลือกซื้อของในร้าน

แต่สายตาคอยเหล่มาทางแก้วตลอด น้อมมองจดหมายแบบงงๆ
"จดหมายของฉันหรือจ๊ะ"
แก้วยิ้มแย้ม
"คุณนายคือคุณนายน้อมใช่หรือไม่ล่ะขอรับ ถ้าใช่ นี่ก็เป็นจดหมายของคุณนายน้อมขอรับ"
"ฉันนี่ล่ะจ้ะคุณนายน้อม แล้วใครกัน ที่ฝากจดหมายนี่มาให้ฉัน"
"คุณนายมีบุตรสาวอยู่คนหนึ่ง ตอนนี้อยู่ที่บางลำพู ใกล้ตรอกวัดสังเวช ใช่หรือไม่ขอรับ"
น้อมยิ่งแปลกใจหนักขึ้น
"ใช่ แล้วพ่อคุณรู้ได้ยังไงกัน"
แก้วปั้นหน้าเครียด
"กระผมก็ไม่อยากเอ่ยคำให้เป็นที่ผิดอารมณ์คุณนายดอกนะขอรับ แต่คนแถวตรอกสังเวช เค้าโจษกันนักหนาว่าคุณนายน้อมไม่ได้รักใคร่ไยดีลูก"
น้ำทิพย์แปลกใจ ที่จู่ๆแก้วก็ยั่วโมโหน้อม
น้อมของขึ้น โมโหทันที
"ใครมันว่าฉันไม่รักลูก ปากอย่างนี้ อย่าให้ฉันเจอเชียว"

แก้วได้ที ปั้นหน้าเครียด
"กระผมก็ไม่อยากเชื่อดอกขอรับ แต่กระผมผ่านไปละแวกนั้น แลได้เจอลูกสาวคุณนายเข้า ก็เป็นที่เวทนาอย่างที่คนเค้าลือกันจริงๆ ยิ่งตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ก็ยิ่งลำบากนัก เห็นแล้วก็พาลน้ำตาจะไหลเสียให้ได้ ไม่คิดเลย ว่าคนหน้าตาบอบบางหมดจดเช่นนี้ จะถูกทอดทิ้งราวกับคนไร้ญาติขาดมิตรได้"
น้อมตกใจมาก
"นี่แม่นิ่มท้องรึ"
"คุณนายลองอ่านจดหมายดูเถิดขอรับ แล้วจะเข้าใจเอง"
น้อมรีบเปิดจดหมายออกอ่านทันที

ย้อนกลับไปเมื่อวานในกลางคืน เจ้าคุณกำลังนอนหลับสนิทอยู่ขณะที่นิ่มกำลังเขียนจดหมายหาแม่อยู่
"แม่จ๋า ฉันคิดถึงแม่เหลือเกิน ที่แล้วมา เป็นความผิดของฉันเองต่อให้ฉันตายสักร้อยครั้ง ก็ไม่สาสมกับที่ทำให้แม่ต้องเสียใจ แม่รู้หรือไม่จ๊ะ ว่าตอนนี้ฉันตั้งท้องแล้ว ใจนึงฉันก็ดีใจที่จะได้เป็นแม่คน แต่อีกใจ ฉันก็ทุกข์หนักนักหนา เพราะเหลียวหน้าไปทางไหนก็ไม่มีที่พึ่ง อบเชยก็ยังเด็ก ไม่รู้ความ" นิ่มน้ำตาคลอ หันไปมองเจ้าคุณที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง
"ท่านเจ้าคุณก็ไม่สนใจไยดี ฉันไม่สบาย ท่านเจ้าคุณก็บอกแต่ว่าเป็นธรรมดาของคนท้อง ทั้งๆที่ใจฉันหวาดว่าโรคอื่นจะแทรกนัก"

น้อมอ่านจดหมายลูกสาวอยู่ในร้าน น้ำตาท่วมตา
"ตอนนี้ฉันก็ไม่หวังอะไรอีกแล้ว ขอเพียงได้พบหน้าแม่ซักครั้งก็พอ ฉันคิดถึงแม่ ว้าเหว่จริงๆ"
น้อมน้ำตาไหลซึมออกมา สงสารลูกจับใจ แก้วยืนอยู่ใกล้ๆ น้ำทิพย์คอยมองห่างๆด้วยความสนใจ
น้อมสะอึกสะอื้น
"โธ่ แม่นิ่ม นี่ถ้าเชื่อคำแม่ ก็ไม่ต้องตกระกำลำบากถึงเพียงนี้ดอก นังอบเชยนะ นังอบเชย อุตส่าห์แกล้ง
ทำไม่รู้ไม่ชี้ หวังให้มันอยู่ดูแลแม่นิ่ม แม่นิ่มท้องไส้กลับไม่ยอมมาบอก นังหลานเวร"
แก้วยิ้มกริ่ม เห็นท่าทีน้อม แสดงว่ารักลูกมากแต่ถือทิฐิเลยไม่ง้อเท่านั้นเอง
"อย่าโกรธเคืองแม่อบเชยเลยขอรับคุณนาย แม่อบเชยถูกคุณนายตะเพิดส่งมาหลายที ก็เลยยังไม่กล้ามาบอกน่ะขอรับ"
น้อมฉุกคิดขึ้น
"เอ๊ะ ดูพ่อจะรู้เรื่องราวละเอียดดีเหลือเกินนะ"
แก้วหน้าเสียที่พลั้งปาก ก่อนจะรีบกลบเกลื่อน
"เอ่อ คุณนายนิ่มเล่าให้กระผมฟังน่ะขอรับ กระผมเดินผ่านบ้านเธอแทบทุกวัน ก็เลยรู้จักกัน วันที่กระผมได้จดหมาย ก็เป็นเธอแอบโยนลงมาจากหน้าต่าง เพื่อไม่ให้คนของพระยาไชยากรรู้เรื่อง พอโยนจดหมายลงมาเสร็จเธอก็ร้องไห้แล้วชี้ไปที่หัวใจตัวเองอย่างนี้ น่าสงสารเหลือเกินขอรับ" แก้วพูดพลางทำท่าประกอบ
น้อมสงสารลูกจับใจ
"โถ แม่นิ่มของแม่"
น้ำทิพย์ที่ทำเลือกของอยู่ใกล้ๆ แอบอมยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของแก้ว
"ไอ้กระผมก็เวทนาเห็นว่าท้องไส้ หากเป็นอะไรไปก็ตายทั้งกลมเท่านั้น ชาวบ้านร้านถิ่นยิ่งจะร่ำลือด่าว่าทั้งแม่ทั้งผัว ที่ปล่อยให้คุณนายนิ่มตายเร็วกว่ากำหนดที่ควร"
น้อมของขึ้น
"ผัวมันเท่านั้นดอกที่ไม่สนใจ ฉันเป็นแม่ จะไม่รักลูกได้ยังไง ที่แล้วมา เพราะฉันโกรธที่แม่นิ่มไม่เชื่อฉันต่างหาก แต่เมื่อแม่นิ่มสำนึกผิด มีรึฉันจะไม่ให้อภัย คนอย่างฉัน ไม่ใจดำเหมือนไอ้พระยาไชยากรดอก"
"ถูกแล้วขอรับ กระผมดูก็รู้แล้วว่าคุณนายน้อมเป็นคนจิตใจดี ไม่มีทางใจจืดใจดำเหมือนพระยาไชยากรดอกขอรับ"
น้อมยืด ยิ้มปลาบปลื้มใจกับคำยอ ขณะนั้นเอง แก้วก็เหลือบไปเห็นน้ำทิพย์จ้องมาตาเขียวปั้ดที่เขาว่าพ่อเธอ แก้วหน้าเจื่อน รีบหลบตาน้ำทิพย์ทันที

ผ่านเวลาสักพัก น้ำทิพย์เดินหน้างอนๆมาตามย่านร้านค้า แก้วรีบตามมาง้อ
แก้วหน้าเสีย
"ยังไม่หายโกรธกระผมอีกหรือขอรับคุณน้ำทิพย์ กระผมพลั้งปากไปจริงๆ ไม่ได้คิดจะนินทาว่าร้ายท่านเจ้าคุณเลยขอรับ"
น้ำทิพย์หน้าบึ้งตึง
"พลั้งปาก หรือในใจคิดอยู่นานแล้วจนเผลอพูดออกมากันแน่"
แก้วหน้าเสีย อึกๆอักๆ เจอย้อนเข้าก็ไปไม่เป็น
"เอ่อ ..."
น้ำทิพย์หลุดขำก่อนจะปั้นหน้าบึ้ง
"เอาเถิด ฉันรู้ว่าคุณพ่อเป็นคนยังไง จะห้ามใจไม่ให้คิดก็คงไม่ได้ แต่อย่าให้ฉันได้ยินอีกก็แล้วกัน"
แก้วยิ้มแหยๆ
"ขอรับ จะไม่ทำอีกแล้วขอรับ"
"ฉันจะพยายามเชื่อนะ เมื่อก่อน ฉันนึกว่าแก้วเจ้าคารีสีคารมเท่านั้น เพิ่งประจักษ์กับตาวันนี้เอง ว่ายังเจ้าเล่ห์เพทุบายอีกด้วย จึงยังไม่อยากเชื่อใจนัก"
แก้วหน้าเสีย
"โธ่ อย่าตั้งข้อหาไอ้แก้วหนักถึงเพียงนั้นเลยขอรับ แม้ไอ้แก้วจะใช้วิธีไม่ซื่อ แต่ก็ทำไปโดยเห็นแก่ประโยชน์ของคุณนายนิ่มเป็นสำคัญนะขอรับ กระผมเคยเห็นแม่อบเชยเพียรชี้แจงแล้ว แต่คุณนายน้อมก็
ไม่ฟัง จึงต้องใช้วิธีขอความสงสาร แลปดว่าท่านเจ้าคุณไม่ใส่ใจเพื่อที่คุณนายน้อมจะได้ทำตรงข้าม แลให้อภัยคุณนายนิ่มขอรับ"
"แล้วจดหมายเล่า แม่นิ่มเขียนเองหรือแก้วเป็นคนบอกให้เขียน"
"คุณนายนิ่มเขียนเองขอรับ"
น้ำทิพย์จ้องหน้า แววตาคาดคั้น ไม่เชื่อ
แก้วยอมรับ เสียงอ่อย ยิ้มแหยๆ
"เพียงแต่กระผมช่วยเกลาสำนวนให้เท่านั้นขอรับ"
น้ำทิพย์จ้องแก้วตาเขียว ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป แก้วรีบตามง้อทันที
"อย่าโกรธเคืองกระผมเลยขอรับ กระผมไม่ได้ใช้อุบายกับทุกคนนะขอรับ คุณน้ำทิพย์ขอรับ คุณน้ำทิพย์"

แก้วว่ายน้ำข้ามคลองมาที่เรือนแพพระนิติธรรมตอนหัวค่ำเหมือนเคย อ้นเดินออกมารับ
"วันนี้เอ็งมาเสียเที่ยวเปล่าแล้วล่ะเจ้าแก้ว คุณพระท่านไม่มีงานให้เอ็งทำดอก ถึงพรุ่งนี้ท่านก็ไม่มี เพราะท่านต้องไปราชการที่หัวเมือง"
แก้วแปลกใจ
"พรุ่งนี้ท่านถึงจะไปราชการ แล้วเหตุใดคืนนี้ถึงไม่ใช้สอยฉันล่ะ หรือคุณพระท่านต้องนอนแต่หัวค่ำ"
พระนิติธรรมลือชาเดินออกมาจากข้างใน
"ไม่ใช่ดอก แต่น้องแดงไม่สบาย ฉันต้องคอยดูแล"
แก้วเป็นห่วง
"คุณแดงไม่สบาย เป็นอะไรหรือขอรับ"
พระนิติธรรมมีท่าทางหนักใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงดี ก่อนหันไปสั่งอ้น
"เอาเสื้อมาให้เจ้าแก้วมันเปลี่ยนก่อนอ้น"
"ขอรับ ตามมาเจ้าแก้ว"

พระนิติธรรมเดินนำกลับเข้าไป แก้วตามอ้นไป แต่ก็ไม่วายหันมองตามพระนิติธรรมด้วยความสงสัย
 
อ่านต่อหน้า 3

ลูกทาส ตอนที่ 4 (ต่อ)

ภายในห้องนอน คุณกัลยานอนไข้ขึ้นซม เพราะพิษจากการโดนมดกัด โดยตามตัวเต็มไปด้วยตุ่มแดงๆเต็มไปหมด
 
แก้ว และอ้นนั่งคุกเข่ามองด้วยความห่วงใย...แก้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
พระนิติธรรมลือชาใช้ผ้าชุบน้ำ เช็ดตัวให้น้องสาว
"น้องแดงร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กแล้ว โดนอะไรนิดอะไรหน่อย ก็ล้มป่วยทุกที"
"โดนมดกัดถึงขนาดนี้ ต่อให้เป็นใคร ก็ล้มป่วยได้ทั้งนั้นล่ะขอรับ แต่คุณแดงก็โชคร้ายจริงๆ อยู่ดีๆก็โดนรังมดหล่นใส่เอาได้" แก้วว่า
"อยู่ดีๆที่ไหนกันเล่า โดนคนแกล้งต่างหาก" อ้นบอก
พระนิติธรรมลือชาปราม
"เจ้าอ้น"
" ให้กระผมพูดเถอะขอรับ กระผมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดเจ้าแก้ว แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้มันปรามคนของมันบ้าง"
แก้วงงไปหมด
"คนของฉันอะไรกันพี่อ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
"ก็คนที่แกล้งให้รังมดหล่นใส่คุณแดง ก็คือนังบุญเจิม คู่รักของเอ็งไงวะ ไอ้แก้ว หากไม่เชื่อ ก็ไปถามไอ้คอกเพื่อนเอ็งดูสิ"
แก้วตกใจที่รู้ว่าเป็นฝีมือบุญเจิม ก่อนจะโกรธจัด สายตาแข็งกร้าว ไม่ให้อภัยบุญเจิมเด็ดขาด

สวนบ้านพระยาไชยากร เวลากลางคืน บุญเจิมพูดด้วยความโมโห
"นี่นังน้องสาวคุณพระคงฟ้องพี่แก้วล่ะสิ พี่ถึงได้มาเล่นงานฉัน"
แก้วกำลังคุยกับบุญเจิมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีคอกอยู่ด้วย
"คุณแดงเธอฟ้องใครไม่ได้ดอก เพราะเธอนอนหลับด้วยพิษไข้ แต่ข้าอยากฟังจากปากเอ็ง ว่าเอ็งทำร้ายคุณแดงเธอจริงหรือไม่"
บุญเจิมอึกๆอักๆ เห็นแก้วเอาจริงก็กลัว แก้วหันไปพูดกับคอก
"ถ้านังเจิมไม่ตอบ เอ็งก็ตอบข้ามา ไอ้คอก"
คอกอึกๆอักๆ ห่วงบุญเจิมแต่ไม่กล้าพูด
"เอ่อ คือ..."
บุญเจิมมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด พูดสวนขึ้น
"พี่ไม่ต้องถามไอ้คอกมันดอก ฉันทำเองแหละ ก็ใครใช้ให้นังผู้ดีนั่นมันระริกระรี้มาหาพี่ล่ะ นังนี่ก็ผิวบางนัก โดนมดกัดไม่กี่ตัวก็ล้มป่วย สำออยหรือเปล่าก็ไม่รู้"
แก้วโมโหสุดขีด
"นังเจิม เอ็งมันสันดานหยาบช้านัก วันทั้งวันเอาแต่คิดหึงหวง ไม่เคยคิดจะทำตนให้สูงขึ้น แลยังเอาความคิดชั่วของเอ็งไปทำให้คุณแดงเธอมัวหมองอีก หากเอ็งยังไม่เลิกสันดานเช่นนี้ เอ็งกับข้าก็ขาดกัน
อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก"
คอกตกใจมาก
"ใจเย็นๆก่อนพี่แก้ว นังเจิมมันไม่..."
บุญเจิมพูดสวนขึ้น
"เออ ฉันมันต่ำช้า แต่ถึงจะต่ำช้ายังไง คนอย่างอีบุญเจิมก็รักเดียวใจเดียว ไม่เหมือนพี่ ที่พอเห็นนังน้องสาว คุณพระมันเป็นหลักให้เกาะได้ ก็คิดจะเฉดหัวฉันไปหามันดอก"
"ข้าไม่เคยคิดกับคุณแดงฉันชู้สาว แล้วก็ไม่เคยคิดกับเอ็งด้วย เอ็งมันทึกทักเอาเอง แล้วก็พาลพาโลไปทั่ว จำไว้นะนังเจิม ต่อให้ไม่มีคุณแดง ข้าก็ไม่เคยคิดกับเอ็งเป็นอื่นนอกจากน้อง เมื่อรู้แล้วก็เลิกทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของข้าเสียที"
บุญเจิมแผดเสียงลั่น
"ไม่จริง พี่เคยบอกว่าไม่รังเกียจฉัน แลบอกให้ฉันอดใจรอ หากพี่ได้เป็นไทเมื่อใด เราจึงจะเป็นผัวเมียกัน แล้วพี่จะมาบอกว่าคิดกับฉันแค่น้องอย่างนั้นรึ"
แก้วอึ้งไปครู่นึง
"ข้ายอมรับ ว่าข้าหลอกเอ็ง"
บุญเจิมเสียใจมาก น้ำตาท่วมตา
"แต่ที่ข้าทำไป ก็เพราะกลัวเอ็งเตลิดเปิดเปิงต่างหาก จึงต้องหลอกเอ็งไว้ก่อน แล้วค่อยช่วยเอ็งพ้นจากมือคุณมาโนช"
คอกชำเลืองมองหน้าบุญเจิม สงสารจับใจ
"แต่ใจจริง ข้าไม่เคยคิดกับเอ็งเป็นอื่นเลย ไม่เช่นนั้น ก็คงรับเอ็งเป็นเมียเสียแต่คืนนั้นแล้ว"
บุญเจิมน้ำตาร่วงผล๋อย กรี๊ดลั่น เข้าไปทุบตีแก้ว
"ไม่จริง พี่หลงนังนั่นแล้วมาหลอกฉัน ใช่หรือไม่"
คอกตกใจ รีบจับบุญเจิมไว้ แล้วหันไปพูดกับแก้ว
"อย่านังเจิม พอแล้ว กลับไปก่อนเถอะพี่แก้ว พูดอะไรกับมันตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องแล้ว"
แก้วถอนใจหนักๆ ส่ายหน้า ก่อนจะเดินเลี่ยงไป บุญเจิมดิ้นสุดฤทธิ์ แต่คอกจับไว้แน่นเลยทำอะไรไม่ได้
"ไอ้คอก ปล่อยข้า เอ็งปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยข้า ... คอยดูเถอะพี่แก้ว ถ้าฉันไม่ได้พี่ ก็อย่าหวังว่าอีหน้าไหนจะได้พี่ไปเลย"
แก้วเดินจากไปอย่างไม่เหลียวแล บุญเจิมยิ่งเจ็บแค้นหันมาทุบตีจิกทึ้งคอกระบายอารมณ์ คอกก็ยอมให้เค้าทุบตีไปอย่างไม่หืออือ

เวลาสาย ภายในหัวเมือง บริเวณท่าเรือเล็กๆ มาโนช และข้าราชการอื่นกำลังรอข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกท่าน มาเจรจากับฝรั่งอยู่ที่ท่าเรือ โดยมีบุญมีคอยตามรับใช้มาโนช ยิ่งรอ มาโนชก็ยิ่งหงุดหงิด มาโนชเดินไปหาข้าราชการที่เป็นหัวหน้า อย่างไม่พอใจ
"ป่านนี้แล้ว ยังไม่เห็นมีใครมาเลย กระผมว่าเราเลิกรอเถอะขอรับท่านขุน กะอีแค่ไอ้พวกฝรั่งมังค่ายึดสินค้าไว้เป็นประกัน จะต้องขนคนไปทำไมมากมาย ลำพังพวกเราก็เอาสินค้าออกมาได้แล้ว"
บุญมีรีบเสริม
"นั่นสิขอรับ คุณมาโนชเป็นถึงบุตรของพระยานคราเขตต์บุรี แลเป็นหลานของพระยาไชยากร ไอ้พวกฝรั่งมันรู้เข้าก็กลัวหัวหดแล้ว ไม่กล้ากักสินค้าไว้อีกดอกขอรับ"
ข้าราชการ 1 รำคาญพวกอวดเบ่ง แต่จะสวนก็กลัวมีปัญหา
"อย่างไรก็รอแล้ว ก็รออีกสักหน่อยเถิดคุณมาโนช ไม่ชักช้าเสียเวลาสักเท่าใดดอก"

มาโนชหน้าหงิกงอ ไม่พอใจ

ข้าราชการ 2 เหลือบไปเห็นเรือกำลังขับมา

"มาแล้วขอรับท่านขุน ใช่เรือลำนั้นแน่ขอรับ"
เรือยนต์ลำหนึ่งขับเข้ามาเทียบท่าช้าๆ บนเรือมีคนขับและพระนิติธรรมลือชานั่งอยู่ พอเรือจอดสนิท พระนิติธรรมก็ลงจากเรือ บุญมีตกใจ
"นั่นมันไอ้คุณพระเรือนแพนี่ขอรับคุณมาโนช"
มาโนชเองก็ตกใจ นึกไม่ถึงเช่นกัน
พระนิติธรรมไหว้ข้าราชการ 1
"ท่านขุนจงรักษาใช่หรือไม่ขอรับ กระผมพระนิติธรรมลือชาขอรับ"
ข้าราชการ 1 รับไหว้ ยิ้มดีใจ
"กระผมดีใจเหลือเกินขอรับที่คุณพระมา พวกกระผมร้อนใจเรื่องนี้เหลือเกินแล้ว"
"ไม่ต้องกังวลดอกขอรับท่านขุน ขอกระผมดูข้อพิพาทที่เกิดขึ้นก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปเจรจาให้ขอรับ"
พระนิติธรรมเหลือบไปเห็นมาโนช
"มาด้วยหรือนี่ คุณมาโนช"
มาโนชหน้าบึ้งตึง
"เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นงานโดยตรงของมหาดไทยอยู่แล้ว กระผมจะไม่มาได้ยังไง ว่าแต่ตุลาการอย่างคุณพระเถอะ มาเกี่ยวอะไรด้วย"
"ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ แลพอรู้ภาษาฝรั่งเศสกับสเปนอยู่บ้าง ก็เลยได้รับมอบหมาย ให้มาเป็นหัวหน้าในการเจรจาข้อพิพาทครั้งนี้ ตุลาการอย่างฉันก็เลยต้องมาถึงหัวเมืองนี่ยังไงเล่า"
ข้าราชการ 1บอก
"แดดเริ่มแรงแล้ว ขอเชิญคุณพระที่จวนของกระผมก่อนเถอะขอรับ"
พระนิติธรรมเดินตามเหล่าข้าราชการไป โดยไม่มีใครสนใจมาโนชแม้แต่น้อย
มาโนชมองตามด้วยความริษยา
"กะอีแค่พูดภาษาฝรั่งได้ นึกว่าเป็นเทวดารึยังไงวะ"
บุญมียุแยง
"อย่างนี้ต้องหาทางหักหน้ามันนะขอรับ จะให้คนอย่างไอ้คุณพระเรือนแพ มันมาได้หน้าเกินกว่าคุณมาโนชได้อย่างไรขอรับ"
มาโนชฟังบุญมีพูด แล้วก็เริ่มเห็นด้วย เลยคิดหาทางแย่งความดีความชอบมาให้ได้

ผ่านเวลาซักพัก มาโนช และบุญมี กำลังนำชาวบ้านกลุ่มหนึ่งประท้วงอยู่ที่หน้าร้านค้าฝรั่ง โดยร้านค้าฝรั่งปิดเงียบ ไม่มีใครออกมา
"ที่นี่เป็นแผ่นดินสยาม พวกเอ็งจะมาเที่ยวยึดของไว้ตามอำเภอใจไม่ได้ดอกโว้ย ถ้าพวกเอ็งไม่คืนของมา ก็ออกจากแผ่นดินของพวกข้าไป"
พวกชาวบ้านเฮลั่น สนับสนุนมาโนชกันเป็นทิวแถว บุญมีตะโกนลั่น
"ว่ายังไงล่ะโว้ยไอ้พวกตาน้ำข้าว ถ้าไม่กล้าออกมา พวกข้าจะบุกเข้าไปเตะพวกเอ็งแล้วนะโว้ย"
พวกชาวบ้านเฮลั่น กำลังฮึกเหิมเต็มที่ บุญมีเข้าไปพูดกับมาโนช
"ท่าทางพวกมัน จะกลัวคุณมาโนชจริงๆนะขอรับ เอายังไงดีขอรับ"
มาโนชยิ้มเยาะ
"ก็บุกเข้าไปเลยสิวะ ไม่เห็นจะมีอะไรยาก ไอ้คุณพระเรือนแพ มันวางท่าดีนัก คราวนี้ ข้าได้หยามมันจนสาแก่ใจแน่"
บุญมียิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปพูดกับชาวบ้าน
"คุณมาโนชบุตรชายพระยานคราเขตต์บุรี หลานชายพระยาไชยากร ขุนนางใหญ่ฝ่ายมหาดไทยอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราไม่ต้องกลัว บุกเข้าไปเลย"
พวกชาวบ้านเฮลั่น กำลังจะบุกเข้าไป
ทันใดนั้น มิสเตอร์บราวน์และลูกน้องกลุ่มหนึ่ง ก็ออกมาจากร้านค้า มาโนชยิ้มมุมปาก วางมาดข่ม"ออกมาได้แล้วรึ ถ้าเช่นนั้น ก็เอาของที่พวกเอ็งยึดไว้มาคืนเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้ว จะต้องได้เห็นดีกัน"
ขาดคำ ลูกน้องมิสเตอร์บราวน์ก็ชักปืนออกมา เล็งไปทางพวกมาโนชทันที
มาโนชตกใจ รีบถอยกรูด ในขณะที่บุญมี กับพวกชาวบ้านเห็นปืนเข้าก็กลัว ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปตามที่ขู่แม้แต่น้อย

พระนิติธรรมลือชากำลังอ่านทบทวนจดหมายภาษาอังกฤษที่เขียนขึ้น ก่อนจะยื่นให้ข้าราชการ 1 รับไป
โดยมีมาโนช และบุญมี ยืนอยู่ใกล้ๆ
"ท่านขุนเอาจดหมายของกระผมไปให้มิสเตอร์บราวน์ แล้วรอสักครู่ มิสเตอร์บราวน์จะเขียนจดหมายตอบกลับมาให้กระผมเอง"
ข้าราชการ 1
"ขอรับคุณพระ"
ข้าราชการ 1 เดินออกจากห้องทำงานไป มาโนชยังหงุดหงิดอยู่
"แค่นี้เองรึคุณพระ ไอ้พวกฝรั่งมันเอาปืนขู่กระผมเชียวนะ ทำไมเราไม่ยกพวกไปเล่นงานมัน"
"แล้วต้องให้มีคนตาย เพื่อรักษาเกียรติของคุณมาโนชด้วยหรือไม่เล่า"
มาโนชอึ้งไป เถียงไม่ออกได้แต่เจ็บใจ
"ฉันได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าในการเจรจาครั้งนี้ คุณมาโนชต้องรับฟังคำสั่งฉัน แต่นี่กลับยุยงพวกชาวบ้านไปก่อเรื่องก่อราวโดยพลการ อย่าว่าแต่ถูกขู่เลย ต่อให้โดนยิงกลับมา ฉันก็ไม่เข้าข้างดอก"
บุญมีเถียงแทนนาย
"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะขอรับคุณพระ คุณมาโนชทำไป ก็เพราะต้องการปกป้องคนของเรานะขอรับ"
"ปกป้องด้วยวิธีอันธพาลน่ะรึ เก็บวิธีเช่นนั้น ไปใช้ที่เรือนทาสของท่านเจ้าคุณไชยากรเถอะ"
มาโนชขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจมาก
"ที่นี่ เราพูดกันด้วยเหตุด้วยผล เยี่ยงคนเจริญแล้ว หากทำตามไม่ได้ ก็ขอให้อยู่เฉยๆ อย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกเลย"
พระนิติธรรมมองสองนายบ่าวด้วยสายตาระอา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป บุญมีโกรธแค้นแทนเจ้านาย
"มันกล้าพูดจาโอหังใส่คุณขนาดนี้ คุณมาโนชต้องสั่งสอนมันนะขอรับ"

มาโนชมองตามด้วยความเกลียดชัง แต่ก็ยังไม่กล้าผลีผลามทำอะไร

เวลาบ่าย หน้าร้านค้าฝรั่ง มิสเตอร์บราวน์กับพระนิติธรรมจับมือกัน แล้วพูดคุยทักทายกันด้วยภาษาอังกฤษ
 
ก่อนที่มิสเตอร์บราวน์จะนำข้าราชการกลุ่มหนึ่งเข้าร้านค้าไป โดยมีมาโนช และบุญมี มองตาม ด้วยความริษยาเกลียดชัง
"หากมันเจรจาสำเร็จ ไอ้คุณพระต้องได้ความดีความชอบไปคนเดียว คุณมาโนชอย่ายอมนะขอรับ" บุญมียุแยง
มาโนชตะคอก
"รู้แล้วโว้ย แต่ข้าไม่มียศศักดิ์ แลต้องอยู่ใต้อำนาจมัน จะให้ทำยังไงล่ะวะ วันพระไม่ได้มีหนเดียวดอก อย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็แล้วกัน"

เวลาเย็น พระนิติธรรมลือชากำลังเดินคุยกับข้าราชการ 1 อยู่ มาโนช บุญมี เดินตามหลังด้วยใบหน้าหงิกงอ
นิติธรรมยิ้มแย้มบอก
" เรื่องเข้าใจผิดกันนิดเดียวเท่านั้นเอง มิสเตอร์บราวน์สั่งของอย่างหนึ่ง แต่กลับได้อีกอย่าง เพราะแปลข้อความผิด ก็เลยต้องยึดของไว้เป็นประกัน หากเอาของที่สั่งไว้มาส่งให้ถูกต้อง ก็จะคืนของทั้งหมดให้"
ข้าราชการ 1ถอนใจ โล่งอก
"เรื่องเพียงนี้เอง ทำเอาวุ่นวายเสียหลายวัน โชคดีเหลือเกินขอรับ ที่ได้คุณพระมาช่วย หาไม่แล้ว คงลุกลามบานปลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเป็นแน่"
ทั้งคู่เดินคุยกันไป มาโนชริษยาจนทนไม่ไหว
"ไอ้บุญมี กลับ"
บุญมีงงๆ
"กลับที่พัก หรือกลับพระนครขอรับ"
มาโนชตะคอก
"กลับพระนครสิวะ เอ็งจะให้ข้าทนดูไอ้พระนิติธรรมโอ้อวดตัวเองอยู่อีกรึ"
"ขอรับ กระผมจะรีบไปเก็บของเดี๋ยวนี้ขอรับ"
บุญมีกำลังจะไป แต่ขณะนั้นเอง ก็เห็นพ่อค้ากลุ่มหนึ่ง ถือข้าวของมีค่า มายืนเมียงๆมองๆ
บุญมีวางมาดข่ม
"ทำลับๆล่อๆ มาหาใครรึ"
พ่อค้า 1บอก
"กระผมเป็นพ่อค้าที่โดนพวกฝรั่งยึดของไว้ขอรับ ทราบว่าพระเดชพระคุณช่วยเจรจาจนฝรั่งยอมคืนของแล้ว ก็เลยรวมตัวกัน จะเอาข้าวของมากราบขอบพระคุณขอรับ" พ่อค้าพูดพลางแสดงของมีค่าให้ดู
ทั้งคู่หันมาสบตากัน มาโนชวางมาดรับสมอ้างทันที
"ฉันนี่แหละเป็นคนช่วยเจรจา มีอะไร ก็มาคุยกับฉันได้เลย"
พ่อค้า1ดีใจ
"ขอบพระคุณท่านเหลือเกินขอรับ พวกกระผมมีของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ช่วยรับไว้ด้วยนะขอรับ"
"ฉันทำไปตามหน้าที่ แต่เมื่อพวกเจ้ามีความประสงค์เช่นนี้ ฉันก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจหรอก เอ้า บุญมี รับเอาไว้"
บุญมีหันมายิ้มละโมบแบบรู้กัน
"ขอรับ"
พวกพ่อค้าดีใจ รีบเอาของมีค่ามาให้และพูดจาขอบคุณกันยกใหญ่ บุญมีเป็นคนรับของเอาไว้
มาโนชกระหยิ่มยิ้มย่อง แม้จะไม่ได้หน้า แต่ก็ได้ผลประโยชน์ติดมือกลับไป ในขณะที่บุญมีรีบรับของไว้เต็มไปหมด

เวลาเย็น ภายในโถงบ้านเช่า นิ่มก้มลงกราบที่เท้าของน้อม โดยมีอบเชยอยู่ใกล้ๆ น้อมใจอ่อนแต่ก็ยังงอนๆ
"ลุกขึ้นได้แล้ว เห็นว่าท้องดอกนะ ฉันถึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก"
นิ่มลุกขึ้น แล้วเข้าไปกอดแม่ ร้องไห้ดีใจ
"ฉันดีใจเหลือเกินจ้ะ ที่แม่ยอมให้อภัยฉันแล้ว"
น้อมวางท่าปั้นปึ่ง แต่จริงๆก็ให้อภัยแล้ว
"จริงๆ ฉันก็ยังไม่หายโกรธหล่อนดอกนะ แต่ฉันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอย่างผัวหล่อน จะได้ทิ้งขว้างหล่อนกับลูกอย่างไม่ดูดำดูดีได้ลงคอ" น้อมทิ้งค้อนให้อีกขวับ
อบเชยแอบเหยียดปากหมั่นไส้ป้า ขนาดนี้แล้วยังท่ามากอยู่ได้ นิ่มยิ้มทั้งน้ำตา
"ไม่เป็นไรจ้ะ แม่ไม่หายโกรธก็ไม่เป็นไร ขอให้ฉันได้เจอหน้าแม่บ้าง ฉันก็ดีใจแล้ว"
นิ่มรู้สึกคลื่นไส้จะอ้วกขึ้นมา รีบปิดปาก น้อมตกใจปนห่วงลูกสาว
"ท่าจะแพ้ท้องมากล่ะสิ"
น้อมหันไปพูดกับอบเชยพร้อมกับหยิบห่อยาให้
"อบเชย แกรีบเอายานี่ไปต้มให้แม่นิ่มกินแก้แพ้ท้อง เร็วๆเลยนะ"
น้อมรีบประคองนิ่มไป ประคบประหงมเต็มที่ อบเชยบ่นแต่ก็ทำ ไปหยิบห่อยามา
"มาถึงก็สั่งๆๆ เลยนะป้า"
อบเชยฉุกคิดยิ่งแปลกใจ เหล่มองน้อม พึมพำ
"ทำไมถึงยอมมาได้ล่ะเนี่ย"

ผ่านเวลาซักพัก อบเชยกำลังประคองนิ่มนั่งลงบนเตียง
"นายแก้ว ทาสของอีตาเจ้าคุณน่ะรึ ไม่น่าเชื่อ ว่าทาสอย่างนั้นจะมีปัญญากล่อมป้าน้อมได้"
นิ่มยิ้มแย้มดีใจ
"ตอนที่พี่ฟังนายแก้วพูดครั้งแรก ก็ไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่ดอก แต่เห็นว่านายแก้วพูดจาหลักแหลม แลถึงนายแก้วเอาเรื่องนี้ไปฟ้อง ท่านเจ้าคุณ อย่างมากพี่ก็โดนตำหนิเท่านั้น พี่เลยลองเขียนจดหมายตามที่นายแก้วบอกดู ไม่คิดเลย ว่านายแก้วจะทำได้จริงๆ"
อบเชยพยักหน้าช้าๆ
"เช่นนี้ก็คงต้องหาทางขอบใจเจ้าทาสคนนี้เสียหน่อยแล้ว จะว่าไป เจ้าทาสคนนี้ก็ผิดแผกจากทาสคนอื่นๆของอีตาเจ้าคุณโขอยู่ ท่าทางมันเงียบๆเจียมตัวดี ลับหลังอีตาเจ้าคุณ ก็ไม่มีกิริยาหยาบช้าให้เห็น ไม่เหมือนพวกไอ้บุญมี"
"แถมยังมีน้ำใจดีด้วยนะ นายแก้วคงเวทนาที่พี่ต้องทุกข์ใจเรื่องแม่ ก็เลยหาทางช่วย ทั้งๆที่หากถูกจับได้ นายแก้วต้องถูกท่านเจ้าคุณลงโทษหนักเป็นแน่"

อบเชยคิดตาม แล้วก็เริ่มมองแก้วในแง่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

คุณกัลยาเพิ่งฟื้นไข้ ออกมาเดินเล่นที่ชานเรือนแพตอนหัวค่ำ
 
เธอกำลังเหม่อมองดวงดาว พระจันทร์บนท้องฟ้าอยู่ ขณะนั้นเอง แก้วก็เดินเข้ามา
"อ้าว แก้ว"
แก้วคุกเข่าอย่างเจียมตัวอยู่ห่างๆก่อนกล่าวถาม
"คุณแดงฟื้นไข้แล้วหรือขอรับ"
"ดีขึ้นมากแล้วจ้ะ คุณพี่ไปราชการยังไม่กลับเลย"
"กระผมทราบขอรับว่าคุณพระท่านยังไม่กลับ แต่กระผมตั้งใจมาเยี่ยมคุณแดงต่างหากขอรับ"
เธอยิ้มบางๆดีใจที่แก้วเป็นห่วง
"ขอบใจนะ"
"กระผมละอายใจเหลือเกิน ที่เป็นต้นเหตุให้คุณแดงต้องเจ็บตัวแลล้มป่วย ขอคุณแดงได้โปรดให้อภัยกระผมด้วยเถิดขอรับ"
แก้วจะกราบ เธอตกใจ รีบประคองไว้ไม่ให้กราบ
"อุ๊ย อย่าจ้ะ อย่าทำแบบนี้เลย"
แก้วรู้สึกผิดมากที่สุด
"ให้กระผมได้กราบขอโทษคุณแดงเถอะขอรับ เพียงแค่กราบ ไม่อาจชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณได้เลย แต่อย่างน้อย บาปในใจของไอ้แก้วก็คงเบาบางลงบ้าง"
"แก้วไม่ใช่คนผิด จะขอโทษขอโพยฉันไปทำไม หรือว่าแก้วต้องการขอโทษแทนคนรักกันล่ะจ๊ะ"
แก้วตกใจ
"นังเจิมไม่ใช่คนรักของกระผมนะขอรับ กระผมเห็นมันเป็นแค่น้อง แต่มันไม่ยอมรับ แล้วยังพาลใส่ผู้หญิงแทบทุกคนที่อยู่ใกล้กระผมด้วย ผมระอาใจเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี"
เธอแอบยิ้มดีใจที่บุญเจิมไม่ใช่คนรักแก้ว แต่แกล้งทำเป็นงอนๆ
"คงเป็นเพราะแก้วเจ้าชู้มากกระมัง บุญเจิมถึงได้ตามหึงหวงเช่นนี้"
แก้วหน้าเสีย
"แล้วกันขอรับ กระผมหวังแค่ได้เล่าเรียน เพื่อวันใดที่ได้เป็นไทจะได้มีวิชาความรู้ไว้เลี้ยงตัวเองเท่านั้น เรื่องเจ้าชู้ประตูดิน กระผมไม่เคยเลยจริงๆ ขอรับ...โธ่ แค่ลำพังตัวยังเอาไม่รอด แล้วจะอุตริหาห่วงมาผูกคอได้อย่างไรขอรับ"
" ฉันเย้าเล่นหน่อยเดียว แก้ตัวจนลิ้นจะพันกันอยู่แล้ว อย่างนี้เค้าเรียกกินปูนร้อนท้องรึเปล่า"
แก้วอึ้ง เถียงไม่ออก ยอมรับว่าโดนคุณกัลยาแกล้งเอาจนได้ เลยได้แต่ยิ้มแหยๆหมดคำพูด
เธอหัวเราะคิกคักชอบใจที่แกล้งแก้วได้ แก้วขำๆ ก้มหน้าเขิน เธอลอบมองแก้วด้วยสายตาปลาบปลื้ม

แก้วพายเรือมาถึงท่าน้ำบ้านพระยาไชยากร ทันทีที่แก้วขึ้นจากเรือ พลอยและเข้มก็ถือดาบเข้ามาล้อมแก้วทันที
"เอ็งจะทำอะไรของเอ็งวะ ไอ้พลอย ไอ้เข้ม"
พลอยยิ้มเหี้ยม
"อย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลยไอ้แก้ว เอ็งคงจะย่ามใจจนกล้าใช้เรือไปเรือนแพไอ้คุณพระมาล่ะสิ คราวนี้จับได้คาหนังคาเขา เอ็งไม่รอดแน่"
เจ้าคุณเดินตามออกมา แก้วตกใจมาก รีบคุกเข่าลง เข้มหัวเราะเยาะ
"ถึงกับคุกเข่ารอรับโทษเลยรึไอ้แก้ว แต่อย่าหวังเลยโว้ย ว่าท่านเจ้าคุณจะเมตตาทาสใจคดอย่างเอ็ง"
ไชยากรชี้หน้าแก้ว
"ไอ้แก้ว มึงกล้าขัดคำสั่งกูรึ กูไม่เลี้ยงมึงไว้แน่ ทั้งมึงทั้งแม่มึง"
ทันใดนั้นเอง น้ำทิพย์ก็ตีหน้าตายเดินเข้ามาหา
"อ้าว คุณพ่อ มาทำอะไรคะ แก้ว... กบที่ฉันสั่ง หาได้หรือไม่"
แก้วนิ่งไปเล็กน้อย ฉุกคิดได้ว่าน้ำทิพย์ใช้ไหวพริบช่วยตนเอาไว้ พระไชยากรชะงักไป
"กบอะไรน้ำทิพย์"
"ลูกใช้ให้แก้วไปจับกบมาน่ะค่ะ ตั้งใจว่าจะเอามาทำให้คุณพ่อทาน ว่าไงล่ะแก้ว หาได้หรือไม่"
แก้วรีบรับลูก
"ไม่ได้เลยขอรับ กระผมคงไม่มีฝีมือทางนี้ แต่พอรุ่งสาง กระผมจะรีบไปซื้อจากชาวบ้านแถบนี้มาให้ขอรับ"
"หาให้ได้นะแก้ว"
"ขอรับ"
เจ้าคุณหน้าเสีย ตั้งใจจะจับผิดแก้วแต่กลับเสียหน้าซะเอง เจ้าคุณเลยหันไปจ้องหน้า
พลอย เข้ม เป็นการด่าแทน ทั้งคู่รีบหลบสายตา หน้าจ๋อยกันเป็นทิวแถว
น้ำทิพย์มาช่วยแก้วได้หวุดหวิด ทั้งคู่เดินคุยกันมาถึงหน้าเรือน
"กระผมต้องขอบพระคุณคุณน้ำทิพย์มากนะขอรับ ถ้าคราวนี้ไม่ได้คุณน้ำทิพย์ช่วย กระผมคงจนแต้มแน่"
น้ำทิพย์ยิ้มขำๆ
"สมน้ำหน้า อยากประมาทดีนัก แต่ก็ต้องถือว่าเทวดาคุ้มครองแก้วเหมือนกันนะ ฉันถึงบังเอิญมาได้ยินเจ้าพลอย กับเจ้าเข้ม มาฟ้องคุณพ่อเข้าพอดี"
แก้วยกมือท่วมหัว เหล่มองน้ำทิพย์ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
"คงเป็นเพราะไอ้แก้วก่อแต่กรรมดีน่ะขอรับ นางฟ้านางสวรรค์ ท่านจึงเมตตา"
น้ำทิพย์ทิ้งค้อน หมั่นไส้
"ยังจะเล่นลิ้นอีกนะ คราวหน้าฉันไม่ช่วยแล้ว"
แก้วหน้าจ๋อยไปเล็กน้อย
น้ำทิพย์ฉุกคิดขึ้น
"แต่จะว่าไปก็แปลกนะ แก้วไปที่เรือนแพเกือบทุกคืน ไม่เห็นมีใครใส่ใจมาตั้งนานแล้ว แล้วทำไมคืนนี้ ถึงได้หันมาจ้องจับผิดแก้วอีก"
แก้วคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเศร้าลง
"จะมีใครลอบทำร้ายกันได้ง่ายดาย เท่ากับคนกันเองล่ะขอรับ"
น้ำทิพย์มีสีหน้างงๆ แก้วแอบถอดถอนใจยาวออกมา

เวลาต่อเนื่องมา ภายในสวน บุญเจิมหงุดหงิดกำลังโวยใส่พลอยและเข้ม
"แค่นี้ก็ยอมถอยเสียแล้ว กบเขียดหาซื้อตลาดเอาก็ได้ ทำไมต้องใช้พี่แก้วไปจับกลางดึกด้วย คาดคั้นต่ออีกไม่เท่าไหร่ พี่แก้วก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว ไม่ได้เรื่องได้ราวเล๊ย"
พลอยไม่พอใจ
"เอ็งจะให้ข้าคาดคั้นอะไร คุณน้ำทิพย์กางปีกปกป้องไอ้แก้วเสียขนาดนั้น ถ้าพวกข้าคาดคั้น ก็เท่ากับหาว่าคุณน้ำทิพย์โกหกน่ะสิ ไม่ต้องโดนหวายกันหลังลายเลยรึนังเจิม"
เข้มรีบไกล่เกลี่ย
"อย่าทะเลาะกันเองเลยวะ โอกาสหน้ายังมี ถ้าไอ้แก้วยังไม่เลิกไปที่เรือนแพ เราต้องจับมันได้ซักวันเป็นแน่"
"จับได้รึ พี่เข้มนึกว่าพี่แก้วโง่เง่าเหมือนพี่รึไง พลาดไปคราวนี้ก็อย่าหวังเลย ว่าจะมีโอกาสอีกง่ายๆ"
"ไอ้แก้วมันจะวิเศษซักเท่าใดเชียววะ เอ็งอย่ายกหางมันให้มากนักเลยนังเจิม ถ้าพวกข้าตั้งใจจะจับมันจริงๆ มัน ไม่พ้นมือไปได้ดอกวะ"
"จริงของไอ้เข้ม พวกเรามีกันตั้งหลายคน ไอ้แก้วคนเดียว จะเหนือไปกว่าพวกเราได้ยังไง"
บุญเจิมหัวเราะเยาะ
"ถ้าเช่นนั้น ฉันจะไม่บอกก็แล้วกัน ว่าพวกพี่โดนพี่แก้วหลอกมากี่ครั้งแล้ว จะได้ไม่ช้ำใจ ว่าหลายหัวรวมกัน ยังโง่กว่าพี่แก้วหัวเดียว"
บุญเจิมสะบัดหน้าเดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคอกจ้องตนด้วยสายตาโกรธจัด

" ไอ้คอก"
 
อ่านต่อหน้า 4

ลูกทาส ตอนที่ 4 (ต่อ)

บุญเจิมกำลังจะเดินเข้าเรือน โดยมีคอกเดินตามหลัง

"เอ็งมันบ้าไปแล้วนังเจิม รักพี่แก้วจนเป็นบ้า ถึงขนาดหักหลังพี่แก้ว ให้พี่แก้วโดนจับ จะได้ไม่ต้องไปที่เรือนแพคุณพระอีก คนบ้าเท่านั้นถึงจะคิดได้"
บุญเจิมโมโห หันกลับมาด่าคอกทันที
"เอ็งรู้ก็ดีแล้ว เพื่อให้พี่แก้วพ้นจากนังน้องสาวคุณพระ ข้าทำได้ทุกอย่างล่ะโว้ย"
"แม้แต่ทำร้ายพี่แก้วน่ะรึ เอ็งรู้บ้างหรือไม่ ว่าพี่แก้วต้องโดนโทษหนักขนาดไหนที่ขัดคำสั่งท่านเจ้าคุณ"
"หนักขนาดไหนก็ไม่ถึงตายดอกวะ ข้าเพียงแต่ต้องการทำให้พี่แก้วรู้ ว่าหากข้าเจ็บ พี่แก้วก็ต้องเจ็บด้วย แลพี่แก้วต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่มีวันยอมยกพี่แก้วให้ใครเด็ดขาด"
" ข้าถึงได้บอกว่าเอ็งมันบ้ายังไงเล่า เอ็งทำเช่นนี้ เอ็งไม่ได้รักพี่แก้วดอกโว้ย แต่เอ็งอยากเอาชนะต่างหาก ข้าขอบอกไว้เลย ว่าเอ็งไม่มีทางเอาชนะใจพี่แก้ว แลพี่แก้วก็ไม่มีวันรักเอ็งเป็นอันขาด"
คอกเดินเลี่ยงไปทางอื่นด้วยความโกรธจัด บุญเจิมโมโหมาก พูดตามหลัง
"แล้วเอ็งจะได้เห็นกันไอ้คอก พี่แก้วจะต้องรักข้า ต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น"
บุญเจิมสีหน้าหึงหวง เอาแต่ใจ อยากเอาชนะ

ภายในห้องทำงานชั่วคราวของมาโนชที่ทำงานหัวเมืองตอนสาย มีของกำนัลมากมายเรียงรายอยู่เต็มห้อง มาโนชกำลังดูเครื่องลายครามด้วยความพอใจ ในขณะที่บุญมีกำลังนับข้าวของต่างๆที่พวกพ่อค้าเอามาให้อย่างเพลิดเพลิน
"โชคดีนะขอรับ ที่คุณมาโนชอยู่ต่ออีกคืน เลยได้ข้าวของมาอีกโขเลย"
มาโนชยิ้มพอใจ
"ถึงจะไม่มีราคาค่างวดอะไรมากนัก แต่ก็ต้องถือว่าคุ้มที่อุตส่าห์ลำบากมาถึงหัวเมือง ไอ้บุญมี เอ็งขนไปใส่เรือ เตรียมกลับพระนครกันได้แล้ว"
"ขอรับ"
ทันใดนั้นเอง พระนิติธรรมลือชาก็เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา แล้วกวาดตามองไปที่ข้าวของของพวกพ่อค้า ด้วยสายตาเย็นชา บึ้งตึง
"นี่มันอะไรกัน"
มาโนชปั้นยิ้ม ใจดีสู้เสือ
"ข้าวของพวกนี้ เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆน่ะขอรับ คุณพระสนใจ..."
พระนิติธรรมตัดบท
"เอาไปคืนซะ"
บุญมีตกใจ
"คุณพระว่าอะไรนะขอรับ จะให้เอาของพวกนี้ไปคืนหรือขอรับ"
"กระผมไม่ได้ขู่เข็ญเอามา เต็มใจให้กันเองทั้งนั้น ถ้าไม่รับก็จะเสียน้ำใจ แล้วทำไมคุณพระต้องให้เอาไปคืนด้วย" มาโนชบอก
"ฉันรู้หมดแล้ว ว่าคุณมาโนชได้มาด้วยวิธีใด แต่เราเป็นข้าราชการมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ชาวบ้าน มิใช่ทำงานเพื่อหวังลาภสักการะ หากเรารับของพวกนี้ไว้ ยังจะเรียกตัวเองว่าข้าราชการได้อีกรึ"
"คุณพระจะหน้าบางก็เรื่องของคุณพระ แต่กระผมไม่คืน"
พระนิติธรรมโมโห
"ฉันเป็นหัวหน้าในงานครั้งนี้ ถ้าคุณมาโนชกล้าขัดคำสั่ง ฉันจะรายงานเรื่องที่คุณมาโนชยุแยงชาวบ้านจนเกือบมีเรื่องกับพวกฝรั่ง แล้วเรามาคอยดูกัน ว่าท่านเจ้าคุณไชยากรจะปกป้องคุณมาโนชได้หรือไม่"
มาโนชจ้องหน้าพระนิติธรรม ต่างคนต่างจ้องไม่มีใครยอมใคร มาโนชกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ด้วยความแค้น
"ไอ้มี เอาไปคืนให้หมด"
บุญมีหน้าเสีย แต่ไม่มีทางเลือก
"ขอรับ"
พระนิติธรรมเห็นมาโนชยอมถอย เลยเดินเลี่ยงออกไปไม่พูดอะไรอีก มาโนชมองตามด้วยความแค้น
"นับแต่นี้ มึงกับกู ต้องจองเวรกันจนตายไปข้าง"

เวลาบ่าย ภายในบ้านเช่า นิ่มลงบันไดมารับเจ้าคุณด้วยความดีใจ โดยแก้วเป็นคนขับรถม้าพาเจ้าคุณมาส่ง
"ลงมาทำไมแม่นิ่ม กำลังท้องกำลังไส้ ขึ้นๆลงๆอย่างนี้ ฉันกลัวกระเทือนถึงลูกในท้อง"
นิ่มยิ้มแย้ม
"ลงมาแค่นี้ไม่เป็นไรดอกค่ะท่านเจ้าคุณ ฉันอยากมารับท่านเจ้าคุณน่ะค่ะ"
เจ้าคุณยิ้มแย้ม ก่อนจะโอบไหล่นิ่มพาขึ้นข้างบนไปอย่างมีความสุข คล้อยหลัง อบเชย ถือถาดใส่อาหาร ทั้งของคาวของหวานมากมาย เข้ามาหาแก้ว
แก้วงงๆถาม
"จะให้ฉันช่วยยกหรือจ๊ะ"
อบเชยหน้าหงิก
"ไม่ใช่ ฉันเอามาให้กินต่างหาก"
"ให้ฉัน"
อบเชยรำคาญ
"แล้วแถวนี้มีหมาซักตัวหรือไม่ล่ะ"
แก้วสะดุ้งโหยงเพราะอบเชยปากจัดมาก
"ฉันให้ เพราะจะขอบใจที่ช่วยพี่นิ่มกับป้าน้อมคืนดีกันต่างหาก พี่นิ่มมีความสุขขึ้นมาก ฉันเองก็พลอยดีใจไปด้วย"
อบเชยเดินเอาอาหารมาวางที่โต๊ะ
"มาทานซะสิ ฉันทำเอาไว้เยอะ เดี๋ยวจะตักกลับไปให้ด้วย"
แก้วยิ้มให้
"ขอบใจนะ"
อบเชยไม่รับคำขอบใจ สะบัดหน้าพรืดกลับออกไปทำท่าเหมือนไม่ชอบขี้หน้าแก้วตรงกันข้ามกับน้ำใจ
ที่มีให้ แก้วมองตาม รู้สึกว่าอบเชยปากร้ายแต่ใจดีมาก

คอกกำลังกินอาหารที่แก้วเอามาฝากอย่างเอร็ดอร่อย กิ่งกินข้าวพร้อมกับคอก โดยแก้วอุ้มลูกอ่อน หยอกล้อกับเด็กอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่บุญเจิมนั่งหน้าหงิกงอ ไม่พอใจ
" ของดีๆทั้งนั้นเลย ไม่กินหรือพี่แก้ว" คอกว่า
แก้วยิ้มแย้ม
"ข้ากินจนอิ่มแล้ว เอ็งกินเถอะ"
แก้วหันไปหยอกล้อกับเด็กต่อ
คอกหันไปพูดกับบุญเจิม
"แล้วเอ็งล่ะนังเจิม มากินด้วยสิ อร่อยกว่าของในครัวอีกนะ"
บุญเจิมตวาดแว๊ด เชิ่ดใส่
"ข้าไม่กิน ทำทีเป็นฝากของมาให้ ในใจจะหมายอะไรไว้ก็ไม่รู้ "
แก้วรำคาญ ไม่อยากพูดด้วย
"แม่ ดูไอ้กริชที ฉันจะไปทำงานแล้ว"
"มาอยู่กับย่านะลูก"
แก้วส่งลูกอ่อนให้กิ่งรับไปอุ้มต่อ บุญเจิมเข้าไปดึงแขนแก้ว
"พี่แก้วจะไปทำอะไร ไปช่วยฉันเลือกซื้อของที่ตลาดก่อนสิ"
แก้วดึงมือบุญเจิมออก แล้วเดินเลี่ยงไป ไม่ยอมพูดด้วย
"พี่แก้ว"
กิ่งรำคาญ แกล้งพูดลอยๆ
"เห็นเป็นน้องเป็นนุ่งถึงได้ไว้ไจ ที่ไหนได้ พอขัดใจก็หักหลังทำร้ายกัน ทำกันได้ลงคอเช่นนี้ แล้ว ใครจะอยากคบหาด้วยอีก"
บุญเจิมสะบัดหน้าเดินหนีไปด้วยความไม่พอใจ ที่ถูกกิ่งว่าประชด คอกเป็นห่วง รีบวางจานข้าวคืนกิ่ง
"นังเจิมรอข้าด้วย ขอโทษทีนะป้า ฉันฝากด้วย"

คอกรีบตามบุญเจิมไป กิ่งได้แต่มองตามด้วยความอ่อนใจ

บรรยากาศตลาดในเวลาเย็น มีการซื้อขายของกันคึกคัก
 
บุญเจิมกำลังรอของพวกเนื้อสัตว์ ผลไม้ จากแม่ค้าด้วยหน้าตาหงิกงอ หงุดหงิดจากเรื่องแก้ว
"ชักช้าอยู่นั่นล่ะป้า เร็วๆหน่อยไม่ได้รึ"
แม่ค้า 1รำคาญ
"ข้าก็เร็วได้แค่นี้แหละนังเจิม แก่แล้วโว้ย ไม่ใช่สาวๆอย่างเอ็ง"
แม่ค้า 1 ยื่นของให้บุญเจิม พร้อมกับรับเงินมา บุญเจิมเดินผ่านร้านยาดองที่เข้มกำลังกินอยู่
เข้มพูดตามหลัง
"ไอ้แก้วยังไม่หายโกรธเอ็งล่ะสิ ถึงได้หน้างอเป็นตวักหักอย่างนี้"
บุญเจิมหันกลับไปฉะเข้มทันที
"เก็บปากไว้กินเหล้ากินยาเถอะพี่เข้ม เป็นทาสเค้า แต่มีเบี้ยมีอัฐเหลือมาผลาญแทบทุกวัน
คุณมาโนชรู้บ้างหรือไม่ล่ะ ว่าทาสคนโปรดยักยอกกันวันล่ะเท่าใด"
เข้มยิ้มกรุ้มกริ่ม เดินเข้ามาหาบุญเจิม
"ปากคอเอ็งนี่มันร้ายนักนะนังเจิม ข้าถึงตัดใจจากเอ็งไม่ได้ซักที"
บุญเจิมค้อนใส่ก่อนตั้งท่าจะเดินเลี่ยงไป
"ข้ามีวิธี ให้เอ็งคืนดีกับไอ้แก้ว สนใจหรือไม่ล่ะ"
บุญเจิมหันกลับไปมองเข้ม แล้วยิ้มเยาะ
"อย่างพี่น่ะรึ จะมีปัญญาช่วยฉัน ไม่คุยโวมากไปหน่อยรึ"
"เอ็งอย่าคิดว่าไอ้แก้วจะวิเศษอยู่คนเดียว ข้าเองก็มีดีไม่แพ้มันดอก"
เข้มยิ้มเจ้าเล่ห์ จับชายผ้าของบุญเจิม
"เพียงแต่หากข้าช่วยเอ็งได้ เอ็งก็อย่าลืมความดีของข้าก็แล้วกัน"
บุญเจิมเบี่ยงตัวออก ปั้นยิ้ม
"ฉันไม่ลืมแน่ งานทำบุญใหญ่ของท่านเจ้าคุณปีนี้ ฉันสัญญาว่าจะตามใจพี่ทุกอย่าง หากพี่จะชวนฉันไปดูมโหรสพอะไร ฉันก็จะไปกับพี่ แต่พี่ต้องแสดงปัญญาให้ฉันเห็นก่อน"
เข้มยิ้มพอใจ ก่อนจะอธิบายแผนให้บุญเจิมฟัง คอกเดินตามหาก็ชะงัก เมื่อเห็นทั้งคู่คุยกันอยู่ แต่ไม่ได้ยินว่าคุยอะไร แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจกับท่าทางของทั้งคู่

เวลาเย็น บริเวณศาลาท่าน้ำ กิ่งกำลังป้อนกล้วยบดให้ลูกอ่อนอยู่ ป้อนไปก็หยอกล้อเด็กด้วยความรักเอ็นดู บุญเจิมเดินเข้ามาหากิ่ง
"ป้า...ป้าทองให้มาตามไปทำขนมให้ท่านเจ้าคุณ"
กิ่งแปลกใจ
"เย็นป่านนี้แล้วน่ะรึ"
"ป้าก็รู้ ว่าถ้าท่านเจ้าคุณหรือคุณมาโนชอยากทาน จะตอนไหนก็ต้องมีให้ รีบไปเถอะป้า"
กิ่งละล้าละลัง
"แล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย ไอ้กริชยังกินไม่อิ่มเลย"
"งั้นฉันป้อนมันต่อเอง ป้ารีบไปเถอะ ขืนช้า ท่านเจ้าคุณโกรธเอาจะลำบากกันหมดนะป้า"
กิ่งส่งลูกอ่อนให้บุญเจิมอุ้ม
"ขอบใจมากนะนังเจิม ไอ้กริชมันเลี้ยงง่าย อิ่มแล้วก็นอน ข้าจะรีบไป รีบมานะ"
"จ้ะป้า"
กิ่งรีบเดินเลี่ยงไป
บุญเจิมมองตามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพูดกับเด็ก
"อย่าโกรธข้าเลยนะ เอ็งไม่เป็นอะไรมากดอก ไม่นานก็หาย"
บุญเจิมหยิบขวดยาเล็กๆออกมา แล้วใส่ลงในชามกล้วยบดของเด็กอ่อน

แก้วเดินคุยกับคอก กลับมาที่เรือนหลังจากทำงานเสร็จตอนหัวค่ำ กิ่งรีบอุ้มลูกอ่อน หน้าตาตื่นออกมาจากเรือนด้วยความตกใจ
"ไอ้แก้ว เอ็งมาก็ดีแล้ว อยู่ดีๆไอ้กริชตัวร้อนเป็นไฟเลย เป็นอะไรก็ไม่รู้"
แก้วตกใจ รีบจับตัวจับหน้าผากเด็ก
"ร้อนยังกะไฟจริงๆด้วย เอาไงดีแม่ ฉันไปตามหมอมาก่อนก็แล้วกันนะ"
ขณะนั้นเอง บุญเจิมที่ดักรออยู่แล้ว ก็เดินเข้ามาหาแก้วและกิ่ง
"เกิดอะไรขึ้นรึป้า"
"นังเจิม ตอนที่เอ็งดูไอ้กริช เห็นมันเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมตัวมันถึงได้ร้อนอย่างนี้"
บุญเจิมตีหน้าตาย
"ก็ไม่มีอะไรนี่ป้า มันกินเสร็จก็นอนอย่างที่ป้าบอก ป้ากลับมาก็เห็นไม่ใช่รึ"
บุญเจิมทำเป็นจับตัวเด็ก ปั้นหน้าตกใจมาก
"ตัวร้อนอย่างนี้ไม่เข้าท่าแล้วป้า ฉันเคยได้ยินพวกพ่อค้าแม่ขายที่เรือนแพ มันบอกว่ามีหมอขายยารักษาเด็กได้ผลชะงัดนัก เดี๋ยวฉันไปตามมาให้นะป้า ถ้าพาหมอมาไม่ได้ เอายามาก็ยังดี"
คอกแปลกใจ
"หมอที่ไหนวะนังเจิม ข้าไม่เห็นเคยได้ยินพวกเรือนแพพูดถึงซักที ทางที่ดี ไปตามหมอปรุงมาเหมือนเดิมไม่ดีกว่ารึ"
บุญเจิมตวาดแว๊ด ทำโกรธกลบเกลื่อน
"น้ำหน้าอย่างเอ็งจะไปรู้อะไรเล่า หมอปรุงแกแก่มากแล้ว เรือนก็อยู่ไกล เกิดไอ้เด็กนี่เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง"
"ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะนังเจิม รีบไปรีบมาล่ะ" กิ่งว่า
แก้วรีบเสนอตัว
"ข้าไปด้วย"
บุญเจิมชะงักไปเล็กน้อยอย่างมีพิรุธ แล้วรีบปั้นยิ้มกลบเกลื่อน
"อย่าเลยพี่แก้ว ฉันไปคนเดียวดีกว่า เผื่อไอ้หนูเป็นอะไรหนักขึ้นมาก่อนฉันกลับ จะได้มีคนอยู่ช่วยป้า ฉันไปล่ะ"

บุญเจิมรีบเดินเลี่ยงไปแล้วแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ คอกมองตามด้วยความสงสัย รู้สึกแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วแอบเดินตามไป

บุญเจิมเดินเข้ามาคนเดียวในทางเปลี่ยว มองซ้ายมองขวาไปเรื่อยๆ

"พี่เข้มๆ ฉันมาแล้ว พี่เข้ม"
เข้มออกมาจากที่ซ่อน เข้ามาหาบุญเจิมทันที
"เป็นยังไง นังเจิม ได้ผลหรือไม่"
"ได้สิพี่ ฉันเอายาของพี่ให้ไอ้เด็กนั่นกิน ไม่ทันไร ตัวมันร้อนจี๋เลย เอ่อ แล้วมันไม่เป็นอะไรแน่นะ"
"ไม่เป็นดอก ตัวมันร้อนแต่ไม่ได้เป็นไข้จริง ยาตัวนี้ คุณมาโนชใช้บ่อยเวลาขี้เกียจไปราชการ พอคนเห็นตัวร้อนก็นึกว่า ป่วย ไม่มีใครกล้าว่าอะไร เดี๋ยวกินยาแก้ก็หาย หรือไม่กิน แต่ปล่อยไว้ซักครึ่งวันก็หายเองอยู่ดีล่ะวะ"
บุญเจิมยิ้มพอใจ
เข้มยิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบขวดยาแก้ออกมา "อ้ะ"
บุญเจิมยื่นมือไปหยิบขวดยาแก้ มาเก็บไว้ที่ชายพก
"ขอบใจนะพี่เข้มฉันช่วยเด็กนั่นได้ พี่แก้วคงหายโกรธแล้วยอมมาพูดกับฉันเหมือนเดิม"
ทันใดนั้น เข้มก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสจับข้อมือบุญเจิมไว้
"เดี๋ยวสินังเจิม ได้ยาแล้วก็อย่าเพิ่งรีบไป อยู่คุยกับข้าก่อน"
บุญเจิมตกใจ พยายามดึงมือออก แต่ไม่สำเร็จ
"ปล่อยฉันนะพี่เข้ม"
"จับนิดจับหน่อยจะเป็นอะไรไปวะ ไหนเอ็งสัญญาว่าจะตามใจข้า
ทุกอย่างไง
"ฉันบอกว่ารอวันทำบุญใหญ่ของท่านเจ้าคุณก่อน ไม่ใช่เดี๋ยวนี้"
เข้มหัวเราะ
"เอ็งคิดว่าข้าเป็นเด็กอมมือรึไงนังเจิม เอ็งมันก็ผัดผ่อนไปเรื่อย ถึงเวลา ข้าก็ไม่แคล้วอดอีก เพราะใจเอ็งมันรักแต่ไอ้แก้วเท่านั้น คนอย่างข้า ไม่โง่ให้เอ็งหลอกเล่นดอกโว้ย"
เข้มดึงบุญเจิมเข้ามากอดจูบทันที เธอร้องลั่น พยายามดิ้น แต่เข้มก็ไม่สนใจ ทันใดนั้น เธอก็กัดเข้มเข้าที่หัวไหล่เต็มๆเขี้ยว เข้มร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บ
บุญเจิมแทงเข่าเข้าเป้าเข้มอีกที จนเข้มตัวงอ จุก ทรุดลงไป เธอรีบหนี แต่ทันใดนั้น พลอยก็โผล่เข้ามา ชกเข้าเต็มๆท้องของบุญเจิม จนเธอจุก ทรุดร่วงลงกับพื้น
เข้มจุกเสียด
"ไอ้พลอย เอ็งมาทำไมวะ"
พลอยยิ้มร้ายๆ
"ข้าเห็นเอ็งลับๆล่อๆตั้งแต่เย็นแล้ว ชวนไปกินเหล้าก็ไม่ไป ข้าก็เลยแอบตามมา ที่แท้ ก็จะมาเสวยสุขกับนังเจิมนี่เอง"
เข้มพยายามลุกขึ้นยืน
"เอ็งรู้ก็ดีแล้ว ขอบใจมากนะโว้ย ที่ช่วยจับนังเจิมให้ เอ็งกลับไปได้แล้ว"
พลอยมองไปที่บุญเจิมซึ่งยังนอนจุกอยู่กับพื้น
"ไม่ใจร้ายใจดำไปหน่อยรึ สวยๆอย่างนังเจิม ข้ายังไม่มีโอกาสได้ลองซักที แบ่งให้ข้าบ้างสิวะไอ้เข้ม"
เข้มโมโห
"ไอ้พลอย เอ็งก็รู้ว่าข้ารักนังเจิมมานานแล้ว เอ็งยังกล้าพูดยังงี้อีกรึ"
พลอยยิ้มร้าย ขำเยาะ
"ถ้าเอ็งไม่ให้ งั้นข้าจะบอกพี่มี ว่าเอ็งทำอะไรกับน้องสาวพี่มีบ้าง พี่มีหวังจะเอานังเจิมประเคนให้คุณมาโนช ถ้ารู้ว่าเอ็งชิงตัดหน้า พี่มีไม่เอาเอ็งไว้แน่"
เข้มเจ็บใจ แต่อยากได้บุญเจิมมากกว่า
"ก็ได้ แต่ต้องให้ข้าก่อนนะโว้ย"
ขณะทั้งคู่กำลังต่อรอง บุญเจิมค่อนหายจุก รวมแรงเฮือกสุดท้าย ลุกหนี เข้มรีบตามไปคว้าตัวบุญเจิมแล้วเหวี่ยงจนล้มไปนอนกับพื้น เข้มสายตาหื่นตรงเข้าหา
แต่ทันใดนั้น คอกก็พุ่งเข้ามาถีบเข้มจนกระเด็นไป ท่ามกลางความตกใจของพลอยและเข้ม คอกหันไปชกหน้าพลอยจนผงะออกไป
"หนีเร็วนังเจิม"
คอกตามเข้าไปเล่นงานพลอยต่อ แต่พลอยตั้งหลักได้ ก็เป็นมวยมากกว่าคอกเยอะ เลยเตะต่อยคอกจนสะบักสะบอม บุญเจิมรวบรวมแรง ลุกขึ้น แล้วหนีไปทันที เข้มรีบลุกและตามไป
พลอยจะตามไปด้วย แต่คอกเสี่ยงตายเข้าจับตัวพลอยไว้ไม่ให้ตาม พลอยโมโห หันมาซ้อมคอกต่อ
แต่คอกก็กอดพลอยไว้แน่น ตายเป็นตาย ไม่ยอมปล่อยให้พลอยไปทำร้ายบุญเจิมเด็ดขาด

บุญเจิมรวบรวมแรงหนีมา โดนชกท้องจนเจ็บ จุก ไม่ค่อยมีแรง แต่ความกลัวมีมากกว่า เลยฝืนใจกระย่องกระแย่งหนีมาจนถึงคลอง เธอจะว่ายน้ำข้ามคลองหนี แต่เข้มตามมาจับตัวเธอเอาไว้ได้
บุญเจิมพยายามดิ้น
"ปล่อยกู ไอ้เข้ม ไอ้สารเลว มึงปล่อยกู"
"ปล่อยให้โง่สิวะ ถ้ามึงหนีไปได้ พี่มีเอากูตายแน่"
เข้มจะลากตัวบุญเจิมกลับ ขณะกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ อ้นก็พายเรือพาคุณกัลยาผ่านมาพอดี
คุณแดงส่องตะเกียงไปเห็นบุญเจิม เข้ม ที่กำลังยื้อยุดกันอยู่ก็ตกใจ
"เจ้าอ้น มีผู้หญิงกำลังถูกทำร้ายใช่หรือไม่"
อ้นเพ่งมองแล้วบอก
"น่าจะใช่นะขอรับ"
"รีบไปช่วยเร็วเข้า"

เข้มตกใจที่มีคนเห็น เลยยอมปล่อยบุญเจิมแล้วหนีไปทันที ปล่อยให้บุญเจิมทรุดนั่งลงอยู่ที่ชายคลอง อย่างคนหมดแรง

อ้นเดินหน้าหงิก พร้อมกับถือตลับใส่ยาสำหรับนวดมาให้บุญเจิม ซึ่งกำลังนั่งพับเพียบคุยกับคุณกัลยาอยู่

"เอ้า เอาไป" อ้นยื่นตลับยาให้บุญเจิม
บุญเจิมรับตลับยามา
"ขอบใจนะ"
อ้นหน้าบึ้งตึง โกรธแทนเจ้านาย
"ถ้ารู้ก่อนว่าเอ็งเป็นใคร ข้าไม่ช่วยดอกโว้ย"
บุญเจิมกระแทกตลับยาลงกับพื้น หน้าตาหงิกงอ
"คุณแดงดูสิขอรับ ช่วยไว้แท้ๆยังไม่สำนึกบุญคุณอีก"
คุณกัลยาถอนใจ
"อ้น เตรียมเรือไปส่งบุญเจิมไป"
อ้นฮึดฮัด แต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง เลยเดินเลี่ยงไป
"เอายาไปทาเถอะ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ระบมแน่"
บุญเจิมระแวง
"ตอนแรกก็ว่าจะเอาไป แต่ตอนนี้ ไม่แน่ใจแล้วว่ายาจริงหรือไม่"
"ถ้าฉันจะทำร้ายหล่อน เมื่อครู่ก็คงไม่ช่วยเอาไว้ดอก บางครั้ง การระแวงอะไรมากไป ก็เป็นการแสดงความตื้นเขินของสติปัญญาออกมาเหมือนกันนะ"
บุญเจิมโดนด่าแบบนุ่มนวลก็ไม่พอใจ เลยหยิบตลับยาแล้วยกมือไหว้แบบส่งๆ
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"
"แล้วเรากลับไปที่เรือนแบบนี้ ไม่กลัวถูกทำร้ายเอาอีกรึ"
บุญเจิมหน้าบึ้งตึง
"ไอ้เข้ม ไอ้พลอย มันกลัวพี่บุญมี ถ้าขู่พวกมันว่าจะฟ้อง พวกมันคงไม่กล้ามายุ่งอีกดอกเจ้าค่ะ"
คุณกัลยาพยักหน้ารับ
"แต่ยังไงก็ระวังไว้บ้างนะ หากมีอะไรให้ช่วย ก็บอกมาแล้วกัน"
บุญเจิมยกมือไหว้
"เป็นพระคุณเจ้าค่ะ แล้วอีชั้นก็ต้องขอประทานโทษ ที่เคยล่วงเกินคุณไว้ด้วย แต่บุญคุณคราวนี้ หาได้เกี่ยวกับเรื่องพี่แก้วไม่นะเจ้าคะ เพราะอีชั้น ไม่ยอมเสียพี่แก้วให้ใครเป็นอันขาด"
บุญเจิมลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงไปขึ้นเรือที่อ้นเตรียมไว้ คุณกัลยามีสีหน้าแอบไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน

เวลากลางคืน กิ่งกำลังกล่อมลูกของอ่อนที่นอนหลับสนิทอยู่ โดยมีแก้ว และบุญเจิมคอยดูอยู่ใกล้ๆ
"ยาเอ็งชะงัดจริงๆนังเจิม กินไปไม่ทันไร ตัวไอ้กริชก็เย็นลงแล้ว"
แก้วลูบหัวลูกอ่อน ด้วยความดีใจ
"งั้นแม่พามันเข้าไปนอนเถอะจ้ะ เดี๋ยวมันโดนน้ำค้าง แล้วไข้จะกลับขึ้นมาอีก"
กิ่งอุ้มลูกอ่อน เข้าเรือนทาสไป
แก้วหันไปพูดกับบุญเจิม
"ขอบใจเอ็งมากนะนังเจิม เพราะยาเอ็งแท้ๆ ไอ้กริช มันถึงได้ดีขึ้นเร็วอย่างนี้"
บุญเจิมยิ้มดีใจก่อนจะหน้าขรึมลง
"แล้วพี่แก้วไม่โกรธฉันแล้วรึ ที่ฉันบอกพวกไอ้เข้มมาดักจับพี่"
แก้วถอนใจ
"ถึงยังไง ข้ากับเอ็งก็โตมาด้วยกัน จะโกรธจะเคืองกันแค่ไหน ก็ไม่นานดอกวะ แต่เอ็งก็ต้องฟังเหตุฟังผลบ้าง เพราะต่อให้ข้าถูกจับถูกเฆี่ยนจนตายคาหวาย ข้าก็ไม่มีวันเลิกไปเรียนกับคุณพระ ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแดงเธอเลย"
บุญเจิมทิ้งค้อน ไม่เชื่อใจแก้ว แต่ก็ไม่อยากทะเลาะกันอีก ซักพักก็เริ่มนึกขึ้นได้
"เอ้อ แล้วไอ้คอกล่ะ มันกลับมารึยัง"
"ยัง ข้าเห็นมันตามเอ็งไป ไม่ได้กลับมาด้วยกันรึ"
บุญเจิมหน้าเสียทันทีที่รู้ว่าคอกยังไม่กลับ เพราะรู้ว่าคอกคงเจ็บหนักจากการช่วยตนแน่นอน

คอกในสภาพฟกช้ำดำเขียว เจ็บระบมไปทั้งตัว เดินกระย่องกระแย่งออกมาจากเรือนทาส เมื่อตอนเช้าวันใหม่ บุญเจิมกำลังต้มข้าวต้มให้เขาอยู่ คอกนึกไม่ถึง
"นังเจิม"
"เอ็งเป็นยังไงบ้างไอ้คอก"
คอกระบมไปทั้งตัว
"ก็อย่างที่เอ็งเห็นน่ะแหละ แล้วเอ็งล่ะ บอกพี่มีเรื่องไอ้เข้ม ไอ้พลอยไปหรือยัง"
บุญเจิมสีหน้าบึ้งตึง
"ข้าจะบอกได้ยังไง ที่ข้าหลงกลไอ้เข้ม ก็เพราะเชื่อแผนการมัน ถ้าบอกพี่มี เรื่องก็ต้องแดงแลพี่แก้วก็ต้องกลับมาโกรธข้าอีก"
" แล้วเอ็งจะปล่อยให้พวกมันได้ใจรึ เกิดมันคิดบัดสีกับเอ็งขึ้นมาอีกเล่า"
"มันไม่กล้าดอก ข้าขู่พวกมันไปแล้ว ต่างคนต่างกุมความลับกันไว้ ก็ทำเงียบๆเสียก็แล้วกัน แลข้าก็ไม่เป็นอะไร จะพูดทำไมให้เข้าตัววะ เอ็งก็อย่าเที่ยวพูดมากไปล่ะ อ้ะ กินข้าวต้มก่อนเถอะ"
บุญเจิมตักข้าวต้มให้คอก คอกรับชามข้าวต้มมา แต่พอจะตักกินก็เจ็บปาก กินไม่ไหว เธอสงสาร เลยป้อนให้
"มา ข้าป้อนให้"
คอกกินข้าวต้มที่บุญเจิมป้อน แล้วก็แอบมองเธออย่างมีความสุข ดีใจที่บุญเจิมก็ห่วงใยเขาเหมือนกัน

เวลาสาย บนเรือนพระยาไชยากร มาโนชกำลังฟ้องไม่หยุดปาก ด้วยความเจ็บใจ
"ไอ้พระนิติธรรมมันโอหังเหลือเกินขอรับ ชาวบ้านเต็มใจให้ของกระผมเองแท้ๆ แต่เพราะมันอยากได้ชื่อว่าเป็นคนซื่อ ถึงกับบังคับให้กระผมคืนของไป"
เจ้าคุณเบะปากดูถูก
"ก็เพราะมันโง่เง่าเช่นนี้อย่างไรเล่า ถึงไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่นเสียที พ่อมาโนชไม่ต้องแค้นใจไปดอก คนอย่างมันเที่ยวขวางไปทั่ว จะเจริญก้าวหน้าได้ยังไง ถึงพ่อมาโนชจะเป็นขุนเป็นหลวงช้ากว่ามัน แต่บั้นปลายแล้วต้องดีกว่ามันเป็นแน่"
มาโนชยิ้มเหี้ยม
"สมพรปากเถอะขอรับคุณอา ถ้ากระผมอยู่เหนือมันวันไหนจะให้มันคลานเข่ามากราบตีนกระผมให้จงได้"
ขณะนั้นเอง น้ำทิพย์ก็เดินกลับขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เจ้าคุณยิ้มแย้ม
"อ้าว ลูกน้ำทิพย์ วันนี้เข้าวังไม่ใช่รึ ทำไมกลับเร็วนักล่ะ"
"ก็เพราะเข้าวังมานี่ล่ะค่ะ ลูกถึงต้องรีบกลับมาบอกคุณพ่อเรื่องเสด็จท่าน"
เจ้าคุณแปลกใจ
"เสด็จพระองค์ไหนล่ะ"
"ก็เสด็จในกรม ผู้สำเร็จราชการมหาดไทย เจ้านายโดยตรงของคุณพ่อน่ะสิคะ เสด็จท่าน...สิ้นพระชนม์แล้วค่ะ"

เจ้าคุณ และมาโนช ตกใจสุดขีด ไม่คิดว่าเสด็จกรมพระบำราบปรปักษ์จะสิ้นพระชนม์เร็วขนาดนี้
 
อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น