xs
xsm
sm
md
lg

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 9

หาญเดินคุยมากับน้ำผึ้ง

“ชั้นไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจมาก”
“แล้วก็ตัดใจเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นเถอะค่ะ ถ้าลุงไม่อยากถูกหลอกจนหมดตัว”
“อย่าเรียกลุงได้มั้ย มันเจ็บยิ่งกว่าโดนซ้อมอีก เรียกพี่ก็พอ แล้วหนูรู้เรื่องของชั้นกับน้องนกด้วยเหรอ”
“ผึ้งทำงานร้านอาหารแถวนี้ เห็นหมดว่าผู้หญิงคนนั้นมีใครมาส่งบ้าง รถหรูๆ แพงๆ มาส่งไม่ซ้ำคันเลยล่ะ แล้วพี่ไม่ขับรถ นั่งแต่แท็กซี่ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะเจอยังงี้ คนแถวนี้ใครๆ ก็รู้กันว่าสองคนนั้นหากินยังไง แต่ไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะกลัวจะซวยไปด้วย”
“แล้วทำไมหนูถึงกล้ามาช่วยชั้น”
“ก็ สงสาร เห็นคนถูกซ้อมอยู่ตรงหน้า ผึ้งทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอกค่ะ”
“หนูเป็นคนดีจริงๆ”
น้ำผึ้งยิ้ม
“เดี๋ยวผึ้งเรียกแท็กซี่ให้นะคะ”
หาญปลื้ม แล้วอยู่ๆ ต่อ น้องชายของน้ำผึ้งก็วิ่งเข้ามา
“พี่ผึ้ง พ่อ พ่อแย่แล้ว”
น้ำผึ้งตกใจ รีบวิ่งตามไป
หาญงง ตามไปด้วย

น้ำผึ้งรีบวิ่งกลับเข้ามาที่บ้านพบว่าพ่อของเธอนอนสลบคาบันได ในสภาพมีอาการชัก หายใจไม่ทัน ดิ้นๆ
“พ่อ”
น้ำผึ้งกับน้องรีบช่วยกันดูแลพ่อ หาญตามมามองดู

พ่อของน้ำผึ้งสงบแล้ว นอนพักอยู่ โดยมีต่อคอยดูแล น้ำผึ้งกำลังคุยอยู่กับหาญ
“คุณพ่อเป็นความดันมานานแล้วค่ะ ถ้าช่วงไหนเครียดมากๆ ก็จะมีอาการอย่างที่เห็น อุ้ย ผึ้งขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเสียเวลา เดี๋ยวผึ้งไปส่งคุณ”
“ไม่เป็นไรๆ แล้วทำไมหนูไม่พาพ่อไปโรงพยาบาล”
“เอ่อ”
“อาการพ่อหนู ไม่ปกติแล้วนะ ปล่อยไว้มันอันตราย ส่งไปให้หมอดูแลเถอะ”
น้ำผึ้งก้มหน้า ลำบากใจ
“หนู หนูเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟร้านอาหาร น้องชายก็ยังเรียน ค่าเช่าบ้านก็ต้องจ่าย หนูไม่มีปัญญา”
น้ำผึ้งร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นที่ไม่สามารถส่งพ่อไปรักษาได้ หาญอึ้งๆ

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น รถของอาทิตย์แล่นเข้ามาในไร่ส่วนตัวของลิ้นจี่ อาทิตย์ขับรถไป ขณะที่มันทีหลับตัวเอียง เอนไปทางนั้นที ตรงนี้ที อาทิตย์จับหัวมัทนี ให้พิงมาที่ไหล่ตน มัทนีหลับปุ๋ย พิงไหล่อาทิตย์สบายไป อาทิตย์ขับไป ยิ้มไป
รถอาทิตย์แล่นมาจอดบริเวณจุดชมวิวเชิงเขา อาทิตย์เดินออกมาสูดอากาศที่บริเวณจุดชมวิว มัทนีเพิ่งตื่น นั่งมึนขี้ตาในรถ มองรอบๆ งงๆ แล้วหันไปเห็นอาทิตย์ยืนบิดตัว แกว่งแขนไปมา มัทนีรีบเปิดรถ ลงจากรถตามมา
“นายพาชั้นมาที่นี่ทำไม แล้วนี่มันตำบลอะไรยะ”
“พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว คุณดูสิ”
“แล้วไหนพ่อชั้น”
“เลิกสนใจพ่อคุณซะทีเถอะ คุณไม่อยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเหรอ”
“นี่คุณ”
“ชู่ว์”
“ชั้นไม่ได้มา...” มัทนียังโวย
“ชู่ว์ คุณรู้มั้ย ถ้าคุณพูด คุณจะได้ยินแต่เสียงของตัวเอง แต่ถ้าคุณหุบปากบ้าง คุณจะได้ยินเสียงอะไรๆ อีกเป็นร้อย”
อาทิตย์บอกเสร็จ ค่อยๆ หลับตาฟัง แต่มัทนีไม่ฟัง
“นี่ ชั้นไม่ฟัง ชั้นจะไปหาพ่อ”
อาทิตย์ไม่ตอบอะไรอีก มัทนีฉุนๆ เซ็งๆ บ่นกระปอดกระแปด แต่พอเห็นว่าอาทิตย์นิ่งไปจริงๆ เลยลองนิ่งดูบ้าง หลับตา ฟัง ทันใดมัทนีก็ได้ยินเสียงจากธรรมชาติต่างๆ ลม ใบไม้ แมลง นก สัตว์ น้ำ สีหน้ามัทนีทึ่งๆ ตื่นเต้นๆ
อาทิตย์ลืมตา แอบมองหน้ามัทนีเวลานั้น งดงาม บริสุทธิ์ จนกระทั่งมีแสงอาทิตย์ส่องมา อาทิตย์จึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ กระซิบข้างหู
“ลืมตาสิครับ”
มัทนีลืมตา พบว่าพระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว สวยงาม แสงทองระยิบระยับ อาทิตย์ยิ้มๆ

อีกด้านหนึ่งที่บ้านมัทนี จำเนียรเดินคุยโทรศัพท์ออกมาที่นอกบ้าน ที่มีโต๊ะสำหรับใส่บาตรวางรออยู่แล้ว มีหมาท่วมทุ่งนั่งสงบรออยู่ใกล้ๆ เหน่งโหน่งกำลังจัดเตรียมของให้อยู่
“ลูกออกไปกับนายอาทิตย์ตั้งแต่เมื่อคืน ไปไหนกัน?”
มัทนีกำลังพูดสาย อยู่บริเวณจุดชมวิว
“เมื่อคืน หนูเห็นคุณพ่อออกไปข้างนอก นายอาทิตย์อาสาว่าจะพาไปตามดูพ่อ แต่เขาพาหนูมาที่ไหนก็ไม่รู้”
อาทิตย์ดึงโทรศัพท์มาพูดเอง
“คุณแม่ครับ จริงๆ แล้วคือ ผมพามัทมาฮันนีมูนน่ะครับ เมื่อคืนเราสองคน แบบว่า สุดๆ อ่ะครับ เราก็เลยชวนกันออกมาอันลิมิตเต็ด คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
“เหมือนสมัยแม่สาวๆ เลย งั้นก็ค้างซักสองสามคืนก็ได้นะ แม่อนุญาตสุดๆ”
จำเนียรคิกคัก เหน่งกับโหน่งที่ได้ยินเรื่องพรรค์นี้ก็พลอยเขินไปด้วย คิกคักไปด้วย ท่วมทุ่งก็เขิน ยกเท้าปิดหน้าตัวเอง นอนดิ้นไปมา
“นายพูดบ้าอะไรอย่างนั้น เอาโทรศัพท์มา” มัทนีจะแย่งมือถือแต่อาทิตย์ไม่ให้
“ใจเย็นๆ สิครับ อย่าเพิ่งกวนตอนนี้ คุณแม่ครับ คุณมัทกวนใหญ่เลย ขอตัวไปสุดๆ กันก่อนนะครับ”
อาทิตย์วางสาย มัทนีโวยวายๆ
“พูดจาอะไรทุเรศที่สุด”
“ทุเรศ? เราแต่งงานกันแล้ว คุณเป็นเมียผมแล้วนะจ๊ะ”
“ก็แค่ทางทฤษฎี ไม่ใช่ทางปฏิบัติ อย่าหวัง”

มัทนีทำหน้าอวดดี ไม่ยอมแพ้ อาทิตย์ยิ้มกริ่ม

จำเนียรวางสาย ตื่นเต้นแทนมัทนี
 
ขณะที่หาญเดินตุปัดตุเป๋มาจากด้านนอกบ้าน เปลี่ยนชุดเป็นชุดเดิมแล้ว หน้าเป็นรอยช้ำ ท่วมทุ่งเห็นก่อนใครเพื่อน เห่าเสียงดัง
“คุณนายขา คุณหาญกลับมาแล้วค่ะ” โหน่งบอก
“คุณหาญ ยัยมัทบอกว่าคุณออกไปกลางดึก ไปไหน ไปทำอะไรมา” จำเนียรสังเกตเห็นรอยช้ำที่หน้าหาญก็
ตกใจ “ตายแล้ว ทำหน้าคุณเป็นยังงั้น” จำเนียรจับหน้ามามอง “ไปมีเรื่องกับใครมา”
“เอ่อ คือ ผม ผมไปหาหลวงพ่อ เมื่อคืนท่านโทรมา บอกช่วยด้วย ผมเลยไปช่วยท่าน”
“ช่วยอะไรคะ ท่านมีเรื่องอะไร”
“เรื่อง มี คนมาทำร้าย”
จำเนียรตกใจ ตื่นเต้น
“ทำร้ายพระ”
“ใช่ มันมาขโมยของๆ หลวงพ่อ ตอนที่ผมไปถึงมันไม่อยู่แล้ว ผมก็พาหลวงพ่อกลับห้อง เอ่อ ส่งที่กุฏิ แต่มันดันมาดักรออยู่ที่กุฏิอีก”
“คุณผู้ชายก็เลยถูกมันชกหน้าแหกกลับมายังงี้ใช่มั้ยคะ” เหน่งบอก
“เราสู้กันอย่างสูสี” หาญแย้ง
“แต่สุดท้ายคุณผู้ชายก็แพ้”
“เสมอ”

จำเนียรตัดบท ชื่นชมหาญมาก
“แพ้ชนะไม่สำคัญ อย่างน้อยคุณก็ได้ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา ชั้นเลื่อมใสในตัวคุณมากๆ”
“เอ่อ คุณจำเนียร คุณพอจะช่วยหลวงพ่อนกได้มั้ย คือท่านไม่ยอมไปโรงพยาบาล เพราะท่านไม่มีเงิน เราพอจะช่วยออกเงินให้กับท่านได้มั้ย”
“ได้สิคะ พรุ่งนี้ชั้นจะไปพูดในรายการ เตือนให้คนระวังพวกมารศาสนา แล้วก็จะบอกบุญให้คุณผู้ฟังบริจาคเงินช่วยเหลือพระบาดเจ็บด้วย”
“ไม่ๆๆ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เราเจียดเงินของเรามาสักนิดไม่ได้เหรอ”
“คุณหาญ เรื่องยังงี้ถือเป็นการบอกบุญนะคะ เราจะมาแบกอุ้มบุญเอาไว้คนเดียว มันไม่ควร ต้องแจกจ่ายให้ทั่วถึง”
“ถ้าไม่อธิบายต้องคิดว่าคุณผู้หญิงงกแน่ๆ” เหน่งบอก
“แต่พออธิบายปุ๊บ ก็ยังคิดอยู่ดี” โหน่งบอก
“ว่าไงนะ” จำเนียรหันมาถาม
“แล้วนี่ นายอาทิตย์อยู่ไหน ผมมีเรื่องอยากขอคำปรึกษาจากลูกเขยผมหน่อย”
จำเนียรคิกคักเมื่อคิดถึงคู่ข้าวใหม่ปลามัน เหน่งกับโหน่งพลอยคิกคักไปด้วย หาญงง

รถของอาทิตย์แล่นมาตามทางที่ตัดเข้าไปในไร่ รถมาจอดที่ถนนที่ผ่ากลางไร่ สวยๆ อาทิตย์เปิดประตูลงมา มองบรรยากาศอย่างสดชื่น อารมณ์ดีในขณะที่มัทนีตามลงมาอย่างหงุดหงิด
“ายไม่ได้คิดพาชั้นมาหาพ่อแต่แรกใช่มั้ย”
“วันๆ เอาแต่ถามหาพ่อ ผมรู้แล้วคุณลูกใคร แล้วคุณรู้ว่าผมลูกใคร เนี่ย ผมพาคุณมาหาพ่อแล้ว แต่เป็นพ่อผม...”
“นาย”
“แต่งงานกับผมแล้ว ไม่คิดจะมาหาพ่อผมบ้างเหรอ”
“แล้วไหนล่ะพ่อนาย”
“อยู่ที่ที่ดินผืนนี้แหละ พ่อผมหลับอยู่ที่นี่ตั้งแต่ผมยังเด็ก พ่อเป็นคนมาบุกเบิกที่ดินตรงนี้ จากที่ไม่มีอะไร จนกลายเป็นไร่ เป็นที่ทำมาหากินให้ชาวบ้านแถวนี้”
“ที่นี่ ที่ดินของพ่อนายเหรอ”
“ไร่คุณนายลิ้นจี่ คุณไม่ได้สังเกตป้ายเหรอ”
“ชั้น...”
“ไม่ได้สังเกต” อาทิตย์พูดดัก “เพราะเอาแต่โวยวายจะหาพ่อๆๆ เห็นมั้ยบอกแล้วว่าถ้าคุณหุบปากซะบ้าง คุณจะรับรู้อะไรดีๆ อีกเยอะ”
“ไม่ต้องมาด่าชั้นเลย”
“พ่อ ผมพาเมียมาหา คนนี้เมียโผม” อาทิตย์ตะโกน
“นี่”
อาทิตย์คว้ามือมัทนี
“ไป ไหนๆ มาถึงแล้ว เดี๋ยวผมพาคุณทัวร์ดูไร่ นั่น ไร่ว่านชักมดลูก โน่น ไร่กวาวเครือ โน้น ไร่ตังถั่งเช่า คุณอยากไปไร่ไหนก่อนดี”
“อี๋ ทุเรศ นายมันความคิดไม่ออกห่างจากเรื่องนี้เลย”
“คุณแต่งงานกับลูกชายคนเดียวของคุณนายลิ้นจี่เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำยาว่านสมุนไพรที่ขายทั่วไทยและส่งออกทั่วโลก คุณจะให้แม่ผมทำไร่มะเขือเทศหรือไง”
อาทิตย์คว้าแขนมัทนีไป

มัทนีดึงแขนออก ไม่ยอมให้ลาก
“ชั้นจะกลับบ้าน”
“คิดซะว่ามาแวะดูกิจการของครอบครัวได้มั้ย เพราะอีกหน่อย คุณก็จะต้องมาช่วยผมดูแลที่นี่ ในฐานะเถ้าแก่เนี้ยไร่ว่านชักมดลูก”
“ชั้นควรจะดีใจใช่มั้ย”
“งั้นก็คิดว่า คุณมารับทราบว่าผมมีต้นทุนชีวิตมากน้อยแค่ไหน เวลาหย่ากันขึ้นมา คุณจะได้ประเมินถูกว่าควรฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูผมเท่าไหร่ถึงจะหมดตัว”
“เป็นความคิดที่ดี แต่ชั้นไม่อยากอยู่ในป่าในเขากับคนอย่างนายสองคน”
“แต่คุณแม่คุณบอกให้เราค้างที่นี่ซักสองสามคืน ผมไม่อยากขัดคำสั่งท่าน”
มัทนีฮึดฮัด คิดจะกลับเอง
“คิดว่าจะห้ามชั้นได้เหรอ”
“ถ้าถูกปล้นฆ่าข่มขืนข้างทาง ผมไม่รับผิดชอบนะ”

มัทนีชะงัก ลังเล แต่พอมัทนีหันหลังจะกลับไปก็มีคนงาน 2 คนซึ่งเป็นพ่อลูกกัน โผล่พรวดเข้ามาดักหน้า ทั้งคู่ท่าทางแข็งแรงแข็งขันกระฉับกระเฉง ตื่นตัวมาก
“ว้ายๆๆ”
มัทนีตกใจ กระเด้งถอย
“คุณอาทิตย์ ไม่ได้เจอตั้งนาน ผมคิดถึงคุณอาทิตย์มาก” คนเป็นพ่อดีใจมากจนทนไม่ไหว ต้องโผกอดอาทิตย์ “ขอโทษทีนะครับ อดใจไม่อยู่จริงๆ”
“ผมก็คิดถึงพี่สุดๆ เลย” ลูกชายโผกอดด้วยอีกคน
“พอแล้วครับๆ อาทิตย์บอก สองพ่อลูกผละออก “คุณมัท นี่ลุงสม กับเจ้าดิน ลูกชาย เป็นคนงานดูแลไร่ที่นี่ นี่ คุณมัท ภรรยาของผมเองครับ”
“ภรรยาคุณอาทิตย์”
สองพ่อลูกตื่นเต้นตาโตมากๆ จ้องมัทนีแล้วหู้ววววฮ้า ส่งเสียงครางในลำคอไม่หยุดไม่หย่อน
“คุณมัทจะมาชมไร่ของเรา”
“จะมาชมไร่ งั้นเชิญตามมาเลยครับ มาๆๆ”
สองพ่อลูกรีบนำทางไป
“ไปเถอะคุณ แล้วผมสัญญาว่าจะพากลับไปส่งให้ถึงบ้าน” อาทิตย์บอก มัทนีจำใจต้องอยู่ต่อ
“ก็ได้” อาทิตย์จะนำไป มัทนีเรียกไว้ก่อน “นี่ ทำไมคนงานของนายถึงดู คึกเกิน เมายาบ้าหรือเปล่า”
“จะไม่ให้คึกได้ไงล่ะครับ ที่นี่ไร่กวาวเครือนะครับ”

อาทิตย์ยิ้มๆ ทำหน้าทะลึ่งเดินนำไป มัทนีทำหน้าอึ๋ยยย

ที่บ้านมัทนี จำเนียรกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องนอนด้านใน
 
หาญแอบย่องลับๆ ล่อๆ มาที่บริเวณโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดลิ้นชักที่เป็นที่เก็บเครื่องประดับของจำเนียร หมาท่วมทุ่งวิ่งตามหาญมา จ้องดูว่าจะทำอะไร หาญเลือกๆ ดูเครื่องประดับ จนกระทั่งเจอต่างหูเพชรคู่นึง ท่าทางมีมูลค่า ท่วมทุ่งรู้ทัน รีบเห่า หาญตกใจ
“ชู่ว์ๆ”
ท่วมทุ่งเห่าไม่หยุด จำเนียรเดินออกมา
“ท่วมทุ่ง เห่าอะไร”
หาญรีบเก็บต่างหูเข้ากระเป๋า
“นั่นน่ะสิ ผมก็แค่เข้ามาส่องกระจก ไม่รู้เห่าอะไร”
“เห่ายังกับเจอขโมย เงียบ ทำไมชอบเห่าคุณหาญก็ไม่รู้ เกลียดคนดีหรือไง ถ้าไม่เงียบจะโดนตีแล้วจะไม่ให้เข้ามาเพ่นพ่านในห้องนี้อีก” ท่วมทุ่งจ๋อย หยุดเห่า เดินออกไปจากห้อง “สงสัยจะเป็นพญามารกลับชาติมาเกิด”
“ไม่เป็นไรคุณ มารไม่มี บารมีไม่เกิด ผมว่าผมไปนั่งสมาธิสร้างบารมีก่อนดีกว่า”
“อนุโมทนาค่ะทูนหัวของเมีย”
หาญเดินออกไป ท่วมทุ่งนั่งรออยู่หน้าห้อง หาญเดินออกมา พอเจอะท่วมทุ่งนั่งเฝ้า หาญมองซ้ายมองขวา ทางสะดวก เลยหยิบต่างหูเพชรออกมาแกว่งๆ เยาะเย้ยท่วมทุ่งอย่างสะใจ ท่วมทุ่งโกรธๆ หายเดินหัวเราะเยาะหมาออกไป

ที่บ้านน้ำผึ้ง หาญยื่นเงินจำนวนหนึ่งมาให้ น้ำผึ้งแปลกใจ
“เงินค่าอะไรคะ” น้ำผึ้งถามอย่างแปลกใจ
“ถือว่าชั้นตอบแทนที่หนูช่วยชั้นให้ตาสว่างจากการถูกหลอกแล้วกัน อ่ะ เอาไว้เป็นค่าพาพ่อไปหาหมอ”
“ไม่ได้ค่ะ ที่ผึ้งช่วยคุณ ผึ้งไม่ได้หวังอะไรตอบแทน”
“ชั้นรู้ๆ แต่ชีวิตคนสำคัญกว่า หนูพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเห็นคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า จะทนอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรได้ยังไง ชั้นก็เป็นคนที่คิดเหมือนหนูนั่นแหละ”
“เอ่อ หนูขอถามตรงๆ นะคะ คุณคิดอะไรกับผึ้งหรือเปล่าคะ”
“เฮ้ย ไม่ได้คิดเลย ไม่ๆๆ ชั้นเห็นหนูเป็นเด็กดี เลยอยากช่วยจริงๆ”
หาญยื่นเงินให้ น้ำผึ้งซาบซึ้ง น้ำตารื้น
“ขอบคุณมากนะคะ ผึ้ง ผึ้งเป็นหนี้บุญคุณคุณมาก” น้ำผึ้งกราบขอบคุณและรับเงินมา ท่าทางดีใจ สดใสมากๆ
“ถ้ามีอะไรที่ผึ้งช่วยคุณได้ บอกผึ้งนะคะ ผึ้งจะทำให้ทุกอย่างเลย งั้นผึ้งพาพ่อไปหาหมอเลยนะคะ”
น้ำผึ้งดีใจวิ่งเข้าบ้านไป หาญมองตาม รู้สึกเอ็นดูเด็กนี้ ยิ้มตาม มีความสุข เผลอใจให้เด็กคนนี้อีกแล้ว
“เราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ไม่คิดเลยสักนิดว่าเด็กคนนี้น่ารัก ผิวเนียน ขาววิ้ง ผิวสะท้อนแสง ไม่ได้คิดเลยจริงๆ”

อาทิตย์เดินนำมัทนีชมบริเวณไร่
“สมุนไพรที่นี่ เราปลูกเอง เป็นเกษตรอินทรีย์ที่ไม่พึ่งสารเคมี เพราะสารเคมีอาจจะตกค้าง และส่งผลต่อประสิทธิภาพทางยาของสมุนไพรได้ สมุนไพรที่โตได้ที่แล้วเขาก็จะตัดแล้วส่งไปที่โรงงานที่กรุงเทพ”
อาทิตย์บอก พวกคนงานสาวๆ ที่กำลังทำงานกันอยู่ พอเห็นอาทิตย์ก็หันมายิ้มหวาน ยกมือไหว้ทักทายอาทิตย์ตลอดทาง ทุกคนดูสวย หน้าตาเปล่งปลั่ง ผิวพรรณดี หุ่นดี ใส่ผ้าถุง แต่เสื้อถลกเหนือพุง ผูกไว้ใต้อก นมเด้ง ตูดกลม เอวเล็ก หน้าตาคาวาอี้ดูเหมือนพริ้ตตี้มอเตอร์โชว์มากๆ
อาทิตย์ยิ้มแย้มรับไหว้ ทักทายคนงาน
“เห็นที่ดินท้ายไร่โน่นมั้ย นั่นก็ของเรานะครับ เดี๋ยวผมพาไปดูเผื่อคุณอยากจะสร้างเรือนหอ”
“นี่ คนงานที่นี่ นายเป็นคนเลือกใช่มั้ยถึงได้มีแต่คนหุ่นเช้งวับ หน้าตาผิวพรรณก็ดี ไม่เหมือนคนทำงานสวนงานไร่เลย”
“เอะอะก็ยัดข้อหาบ้ากามให้ผมตลอด ไม่คิดบ้างเหรอว่าน้ำยาว่านสมุนไพรสูตรคุณนายลิ้นจี่ไม่ใช่ราคาคุย เรามีคุณภาพที่เห็นผลได้จริง”
“จะบอกว่าคนงานทุกคนที่นี่ สวยเพราะน้ำยาว่าน...”
มีเด็กลูกคนงานวิ่งเข้ามาเรียกอาทิตย์
“พ่ออาทิตย์ พ่อๆ”

มัทนีมองเด็ก แล้วมองแม่เด็กที่ตามเข้ามา
“กู๊ดอาฟเตอร์นูน นี่มายสกอร์เทสครับ” เด็กส่งสมุดพกให้ดู อาทิตย์ดูผลสอบ
“วันเดอร์ฟูล ยัวร์เบ็ทเทอร์แดนแด๊ดดี้ ยูโน้ว? เก่งกว่าพ่ออย่างนี้โตขึ้นต้องได้เป็นหมอสมใจแน่ๆ”
“พ่อ ลูก” มัทนีหันมองคนงานสาว “แล้วนั่นก็คง...”
แม่เด็กรีบห้าม
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดค่ะ คุณอาทิตย์แค่ช่วยส่งเสียค่าเล่าเรียนของลูกหนูให้ แกส่งลูกคนงานที่นี่เรียนหนังสือทุกคน เด็กๆ ก็เลยเรียกแกว่าพ่ออีกคนด้วย”
“สอนอิงลิชให้พวกเราด้วย”
“คิดว่าลูกไฮโซเพลย์บอยอย่างผม จะแจกเงินเลี้ยงเป็นแต่สาวๆ เหรอครับ”
มัทนีอึ้ง ไม่อยากเชื่อว่าอาทิตย์จะเป็นคนดี
“ยัวร์ไว้ฟ์เหรอครับ”
“เยส บัท ชีส์แฮสอะลิตเติ้ลเบรนพร็อพแพล่ม มีปัญหาทางสมองนิดหน่อย”
เด็กเชื่ออาทิตย์สนิท เข้าไปจับมือมัทนี ปลอบโยนและแสดงความสงสารมากๆ
“โถ ไม่เป็นไรนะครับ คนที่นี่ใจดี เราจะช่วยกันดูแลพี่เองครับ”
อาทิตย์ขำๆ มัทนีจ้องหน้าอาทิตย์ตาแทบหลุด

มัทนีเดินแยกออกมาอีกมุมหนึ่ง
“ทำเป็นรักเด็ก ทำเป็นเมตตา สร้างภาพ”
มัทนีบ่น อยู่ๆ อาทิตย์เดินเข้ามาหา ถือดอกหญ้าเล็กๆ สีเหลือง และขาว4-5ดอกที่จับรวบเป็นช่อแบบง่ายๆ ยื่นมาให้มัทนีตรงหน้า
“ผมให้”
“เวลาให้ดอกไม้สาวๆ นายให้กุหลาบเป็นช่อๆ ลิลลี่เป็นคันรถ แต่กับภรรยาให้ดอกหญ้า”
“กะเม็ง”
“หือ?”
“ดอกหญ้าที่คุณว่าชื่อกะเม็ง”
“ชื่อประหลาด สมกับเป็นดอกไม้ริมทาง ถูกเชยชม แล้วก็จากไป”
“คุณเห็นกะเม็งเป็นดอกหญ้า แต่ผมเห็นเป็นสมุนไพร ต้นกะเม็ง เอามาล้างและโขลกใช้พอกแผลเน่า รักษากลากเกลื้อน ถ้าเอามาคั้นน้ำ ใช้ดื่มรักษาดีซ่าน แก้อาเจียนเป็นเลือด หรือจะเอาไปปรุงเป็นยาแก้อาการหลอดลมอักเสบ อาการจุกเสียดก็ได้ ลำต้นและราก ใช้แก้ตกขาวบำรุงเลือด บำรุงตับไต ม้าม และอวัยวะเพศ”
“พืชพรรณที่เติบโตในผืนแผ่นดินของนาย จะไม่มีดอกไม้ปกติๆ ความหมายดีๆ แบบคนทั่วไปบ้างเลยหรือไง”
“ดอกหญ้าเป็นดอกไม้ที่พอเพียง ไม่ต้องมีคนเอาใจใส่ ขอแค่ปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ดินน้ำแสงแดด ก็เติบโตสวยงามได้ และต่อให้เจอแดดฝนลมแรงอุปสรรคหนักหนาแค่ไหน ดอกหญ้าก็ยังคงเบ่งบานทำหน้าที่ของมัน ความสวยไม่นานก็โรยรา แต่คุณค่าต่างหากที่คงทน ผมเลยเอามาให้คุณ ความหมายดีพอมั้ยครับ”
มัทนีใจอ่อน ยอมต่อเหตุผล
“ถึงแพ็คเกจจะไม่สวย แต่พรีเซ็นต์ดี ชั้นให้ผ่าน”

มัทนีรับมา ยิ้มให้กัน หวานๆ

ที่บ้านมัทนี เหน่งกำลังนั่งคุมโหน่งรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สนาม จำเนียรเดินตามหาหาญ

“เหน่ง โหน่ง เห็นคุณหาญมั้ย”
“ไม่เห็นเลยค่ะ โหน่งทำงานเหนื้อยเหนื่อยไม่ได้พักเลย ไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณผู้ชายไปไหน”
“เหน่งเห็นครั้งสุดท้าย รู้สึกคุณผู้ชายจะไปที่ห้องพระนะคะ”
“อ้อ สงสัยจะนั่งสมาธิอยู่”

จำเนียรเข้ามาที่ห้องพระ แต่ไม่พบหาญ
“อ้าว ไปไหนของเขา”
จำเนียรกำลังจะออกไป แต่แล้วชะงัก หันกลับเข้ามามองภายในห้องพระพบว่าพระเครื่องต่างๆ หายไปเกลี้ยงหิ้ง เหลือแค่เพียงพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานองค์เดียวเท่านั้น
“พระหายไปไหนหมด”

ช่วงค่ำที่ไร่คุณนายลิ้นจี่ ลุงสมเดินนำอาทิตย์กับมัทนีเข้ามาที่บริเวณระเบียงชมวิวของบ้านพัก ดินกำลังยืนต้อนรับอยู่ มีโต๊ะอาหารที่จัดอย่างสวยโรแมนติกเอาไว้
“อะไรครับลุง”
“พวกคุณๆ ตั้งใจจะมาพักผ่อนหลังแต่งงานไม่ใช่หรือครับ พวกลุงก็เลยช่วยกันเตรียมอาหารพิเศษให้ นั่งก่อนครับ และรอสักครู่นะครับ”
ลุงสมกับลูกชายจัดแจงให้อาทิตย์กับมัทนีนั่งลง แล้วทั้งคู่ก็แยกออกไปตระเตรียม
“ชั้นอยากกลับบ้านแล้ว ไม่ได้อยากดินเนอร์”
“ลุงแกอุตส่าห์หวังดี อย่าให้แกเสียน้ำใจเลย ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก ถือว่าผมขอร้องก็ได้ ผมขอมีเวลาดีๆ ที่น่าจดจำกับภรรยาของผมบ้าง”
มัทนีเคลิ้มไปกับคำหวาน ยอมสงบลง
ไฟบริเวณนั้นดับลง ลุงสมเดินเข้ามาพร้อมเชิงเทียน แสงสลัว สร้างบรรยากาศ เอาเทียนมาวางตั้งกลางโต๊ะ แล้วก็หันไปปรบมือ ทันใดเพลงรักหวานซึ้งแบบบิ้วท์โรแมนติกสุดๆ ดังมา มัทนีตะลึงกับบรรยากาศตรงหน้า
“แสงเทียน เพลงรัก นายเป็นคนบอกให้ลุงเขาเตรียมเหรอ” ดินในชุดบริกรถือไวน์เข้ามาเสิร์ฟ แล้วทั้งคู่ก็หลบออกไป “นายเตรียมทุกอย่างเอาไว้”
“ผม ผมก็เตรียมให้คุณนั่นแหละครับ” อาทิตย์กุมมือมัทนีที่วางบนโต๊ะ “คุณมัท นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ผมก็อยากให้มันเป็นความทรงจำที่ดีของเราสองคน”
“แต่” อาทิตย์จริงใจ มัทนีอึกอัก ตอบไม่ถูก “ชั้น เอ่อ ชั้นขอไปห้องน้ำก่อน”
มัทนีลุก แยกเดินเข้าไปในตัวบ้านพัก อาทิตย์ยิ้ม

มัทนีเดินแยกออกมา
“ชั้นเป็นอะไร จะไปเขินทำไม”
มัทนีหยิบมือถือมากดโทรออก รอสาย
ที่มูลนิธิ ชฎากำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน มือถือดัง หยิบมากดรับสาย
“ว่าไงคะคุณน้อง เช้าแรกหลังงานแต่งงาน เพลียมั้ยคะ”
มัทนีร้อนใจ รีบปรึกษา
“พี่ชฎา ถามหน่อยสิ ถ้าอยู่ๆ นายอาทิตย์พามัทมาไร่ส่วนตัวของเค้าที่ต่างจังหวัด ให้คนงานเตรียมดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ แล้วที่ห้องนอนก็ยังมีเทียนจุดเต็มห้อง มันแปลว่าอะไร”
“ว้าว โรแมนติกอ่ะ คืนนี้น้องถูกรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวแน่ๆ”
“หา” มัทนีอึ้ง
“สามีภรรยากันก็ต้องทำอะไรอย่างนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปคิดมาก ปล่อยใจไปตามสถานการณ์ แล้วทุกอย่างจะลงตัวเอง”
“แต่ มัทยังไม่...”
อยู่ๆ อาทิตย์เข้ามา
“คุณมัท”

มัทนีสะดุ้ง หันกลับมาจ้องหน้าอาทิตย์แบบช็อกๆ อาทิตย์คว้ามือมัทนี แล้วกระชากลากเข้าไปในห้องนอน เหวี่ยงให้มัทนีล้มไปนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ
“หึๆๆ คุณติดกับผมแล้ว ยอมเป็นของผมซะดีๆ”
อาทิตย์กระโจนเข้าใส่
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่มัทนีคิดไปเอง เพราะในความเป็นจริงอาทิตย์ยืนจ้องหน้ามัทนีอยู่อย่างงงๆ
“คุณมัทนี ผมถามว่า คุณหาห้องน้ำไม่เจอใช่มั้ยครับ” อาทิตย์ถาม มัทนีจึงรู้สึกตัว
“คะ ค่ะๆ”
“ผมคิดไว้แล้วถึงได้ตามเข้ามา มา ผมพาไป” อาทิตย์คว้ามือ ทันทีที่ถูกคว้ามือ มัทนีก็รีบกระชากมือคืน
“อย่า” อาทิตย์ชะงัก งง “เอ่อ ชั้นไปเองได้” มัทนีจ้องหน้าอาทิตย์ เดินถอยหลัง ระแวง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูแปลกๆ”
“ชั้นปกติดี”
มัทนีชิ่งเดินแยกออกไป

มัทนีวิ่งออกมานอกบ้านพัก
“คุณไม่สบายหรือเปล่า”
อาทิตย์ถามอย่างเป็นห่วงและจะเข้าไปแตะตัว แต่มัทนีผวาออก
“ชั้นไม่เป็นอะไร ชั้นอยากกลับบ้านแล้ว”
“ถ้าคุณไม่สบาย เข้าไปนอนพักในห้องก่อนสักงีบก็ได้นะ”
“ไม่ ชั้นไม่เข้าห้อง”
“โอเคๆ เดี๋ยวผมไปบอกลุงสม แล้วจะเอารถมารับคุณ คุณรอผมตรงนี้นะ อย่าหนีไปไหน”
“ไม่ๆๆ ชั้นกลับเองดีกว่า”
“เฮ้ย คุณจะกลับได้ไง มืดยังงี้ แล้วแถวนี้เปลี่ยวมาก เกิดอะไรขึ้นมา ไม่มีใครรู้เห็นแน่นอน คุณต้องให้ผมไปส่ง”
“ถ้าชั้นไปกับนายสองคน เกิดอะไรขึ้นมา ก็ไม่มีใครมาช่วยได้น่ะสิ”
“ใช่ แต่อย่างน้อยคุณก็ยังมีผมอยู่ข้างๆ”
มัทนีเปลี่ยนใจ
“ไม่ งั้นชั้นไม่กลับแล้ว”
“อะไรของคุณ”
“เพื่อความปลอดภัย ชั้นจะอยู่นี่จนเช้าแล้วค่อยกลับ แต่ชั้นจะไม่เข้าห้องกับนาย ไม่นั่งรถไปกับนายสองต่อสอง ชั้นจะปูเสื่อนอนตรงนี้ ส่วนนายก็ไปนอนในห้อง ไปๆๆ” มัทนีโบกมือไล่แล้วหาที่นั่ง
“อะไรของคุณ ผมไม่เข้าใจเลย”

มัทนีพยายามจะคุมสติ กลัวโดนจับได้
 
อ่านต่อหน้า 2

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 9 (ต่อ)

คืนเดียวกันนั้นที่บ้านมัทนี หาญกลับเข้ามาในบ้าน จำเนียรนั่งรออยู่แล้ว

“ไปไหนมา” หาญสะดุ้ง
“อ้าว คุณ จำเนียร ไม่นอนอีกเหรอ”
“คุณหายไปไหนมา แล้วทำไมพระพุทธรูปในห้องพระถึงหายไปหมดเกลี้ยง คุณเอาไปไหน เอาไปทำอะไร”
“เอ่อ อ้อ ผมเอาพระไปเอง คือผมนั่งสมาธิอยู่ๆ ผมก็เกิดนิมิตเห็นดวงแก้ว เกิดพุทธิปัญญาว่าธรรมะที่แท้จริงคือหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่รูปเคารพแต่อย่างใด สิ่งที่เราควรสะสมคือธรรมะ คือความดี ไม่ใช่รูปเคารพผมก็เลยเอาพระไปถวายให้กับหลวงพ่อที่วัด”
“เอาไปถวายวัดได้ยังไง พระเครื่องพวกนั้นของเก่าของแก่มีมูลค่าตั้งเท่าไหร่”
“ผมรู้ แต่มันของนอกกาย ตายไปก็เอาติดตัวไปไม่ได้นอกจากความดี ยิ่งเราสละวัตถุในชีวิตให้เหลือน้อยลงเท่าไหร่ ชีวิตเราก็เป็นอิสระมากขึ้นเท่านั้น”
“ทำไมคุณทำอะไรไม่ปรึกษาชั้นก่อน”
“คุณอยากให้ผมไปขอคืนจากหลวงพ่อมั้ยล่ะ”
“ไม่ต้อง น่าเกลียด”
จำเนียรเซ็ง เสียดายพระ หาญแอบโล่งอกที่จำเนียรเชื่อสนิท

วันต่อมาที่มหาวิทยาลัย นรีนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับปุยฝ้ายและตู้ กำลังกินส้มตำกันอย่างเอร็ดอร่อย อยู่ๆ มือถือของนรีดัง หยิบมาดูเบอร์แล้วรับสาย
“ว่าไงมัท”
มัทนีที่เปลี่ยนชุดเป็นใส่เสื้อของอาทิตย์ กางเกงเล แอบพูดอยู่บริเวณบ้านพัก ท่าทางสลึมสลือ ไม่ค่อยได้หลับ เกาเนื้อตัวเพราะถูกยุงกัด
“พี่นรี วันนี้พี่ว่างหรือเปล่า มัทอยากชวนพี่มาพักผ่อน ไม่ไกลจากกรุงเทพ ขับรถสองชั่วโมงก็ถึง มานะคะ”
“จะชวนพี่ไปต่างจังหวัด? ตอนนี้เลยเนี่ยนะ”
“ไป วันนี้ว่าง” ปุยฝ้ายรีบบอก ตู้ดึงปุยฝ้ายไว้
“เขาชวนหล่อนเหรอ”
“พี่ท้องอยู่ คณะคงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะถ้าจะขอไปพักผ่อน เดี๋ยวมัทปักหมุดส่งแผนที่ไปให้ในมือถือนะคะแล้วพี่ก็รีบมา รับรองว่าพี่ต้องชอบ อากาศที่นี่ดีมากๆ เหมาะกับคนกำลังตั้งครรภ์ พี่จะได้สูดโอโซนบริสุทธิ์จะไปช่วยสร้างภูมิต้านทานให้เด็กในท้องแข็งแรงปัญญาดีมีจิตใจแจ่มใส ไม่เป็นเด็กเก็บกด”
“เธอไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้า อยากให้พี่ไปเพราะอะไร บอกมาตรงๆ”
มัทนีจ๋อยที่นรีรู้ทัน

อีกด้านที่มูลนิธิ ชฎาและเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังช่วยกันทำหุ่นกระบอกมืออยู่ ทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น หมี หมา แมว กบ สิงโต ฯลฯ เอากระดุมมาเย็บติดเพื่อเป็นลูกตา
“เอากระดุมสีๆ ทำเป็นลูกตาก็ได้นะ เด็กชอบ เอ้อ แล้วแมวสีรุ้งกับจิ้งจอกเจ็ดหางที่เป็นตัวเอกของเรื่องเสร็จยัง ไหนขอดูสิ”
ชฎาเดินไปดูตรงที่ๆ หุ่นกระบอกมือวางเรียงกัน กำลังจะหยิบหุ่นรูปจิ้งจอกขึ้นมาดู แต่อยู่ๆ มีคนมาหยิบไปตัดหน้าซะก่อน ชฎามองตามไป เป็นเอกชเยศร์ เอกชเยศร์เชิดหุ่นเล่น แบบคุยกับตัวเอง
“สวัสดี ว่าไงจ๊ะน้องสาว ไม่เจอกันนาน หัวจรดเท้าไม่เปลี่ยนเลยนะ...ไม่เปลี่ยนยังไง... ก็แก่ยังไงก็แก่ยังงั้น ฮี่ๆ” ชฎายืนเท้าเอวจ้องหน้า เอกชเยศร์รู้ตัว “โทษที เห็นแล้วคิดถึงสมัยเรียนมหาลัย ผมก็เคยเชิดหุ่นยังงี้มาก่อน”
“มาทำไม”
“ผมมาเก็บของๆ ผม ที่มัทเคยยืมไป แล้วไม่ยอมคืน”
“มีด้วยเหรอของที่นายว่า” เอกชเยศร์จะเดินไปที่โต๊ะของมัทนี ถือหุ่นกระบอกไปด้วย ชฎาตามขวาง “นี่ นายจะถือวิสาสะเดินเข้าออกตามใจชอบไม่ได้ ออกมาเลย” พอดีมือถือของชฎาดังขึ้นมาก่อน ชฎากดรับสาย
“มัท เธอโทรมาพอดี ทายสิว่าใครมาป่วนที่นี่”
เอกชเยศร์ได้ยินว่ามัทนีโทรมา เลยชะงัก แอบฟัง

มัทนีแอบๆ คุย ไม่สนใจเรื่องอื่น อยากจะให้ชฎามาช่วย
“เรื่องอื่นช่างมันเถอะพี่ชฎา แต่ตอนนี้พี่ต้องช่วยมัท มาเดี๋ยวนี้เลย มัทถูกเขาจับตัวมา” ชฎาชะงัก ฟัง
“ห๊า ใครจับตัวเธอ”
“นายอาทิตย์หลอกพามัทมาที่ไร่ของเขา แล้วพฤติกรรมเขาไม่น่าไว้ใจ มัทไม่อยากอยู่กับเขาสองคน”
“เดี๋ยวนะ สามีเธอ พาเธอไปเที่ยวไร่ส่วนตัว สองต่อสอง แล้วเธอจะให้พี่ไปช่วยพาเธอกลับมาเพื่อ? เขาก็โรแมนติกดีออก เมื่อวานพี่ก็บอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเครียด ทำตัวตามสบายๆ แล้วเธอจะแฮปปี้”
“ไม่ใช่ เขาคิดไม่ดีกับมัท เขาอาจจะจับมัทขัง แล้วก็ทรมาน ตบจูบแบบในละคร” ชฎาระอากับความคิดมัทนี
“พี่ยังต้องเตรียมละครหุ่นที่จะไปแสดงให้เด็กดูนะมัท แค่นี้ก่อนนะ” ชฎาวางสาย “เฮ้ออ จะชวนเราไปเป็นกอขอคอทำไม ถ้าเป็นเรานะ หลังวันแต่งงาน จะอยู่สองต่อสองเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่เจอหน้าผู้คนเลย”
“หึๆ คนอย่างนายอาทิตย์ ใครอยู่ด้วยก็ต้องทรมานใจอย่างนี้แหละ” เอกชเยศร์บอก
“ก็ยังดีที่แค่ทรมานใจ ไม่ใช่ตกนรกทั้งเป็นเหมือนอยู่กับคนบางคน”
“เชื่อมั้ยว่าคู่นี้ไม่รอด”
“นี่ เธออย่ามาพูดจาแมวๆ แช่งยัยมัทนะ”
“ใครๆ ก็รู้ว่านายอาทิตย์ประวัติเป็นมายังไง เขากับแก๊งเคยมีคดีอะไรบ้าง แล้วนี่มัทโทรมาขอความช่วยเหลือผู้หญิงเก่งที่พึ่งพาตัวเองทุกอย่างอย่างมัท เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ พี่ว่ามันธรรมดาเหรอ” ชฎาอึ้งไป เพิ่งฉุกคิด จริงด้วย เอกชเยศร์เชิดหุ่น ใช้หุ่นพูด ทำเสียงสยองๆ “มัทอยู่ในป่าเขากับผู้ชายวิตถาร หึๆๆ ใครจะไปรู้ นายอาทิตย์อาจจะมีมุมพิสดารในป่าเขาที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้”

“มุมพิสดารในป่าเขา โอ้ววว”

บริเวณบ้านพัก ไร่คุณนายลิ้นจี่ ลุงสมและดินเตรียมเตาสำหรับบาร์บีคิว ยกเตามาตั้ง
 
ลุงสมกำลังพยายามจะติดเตา อาทิตย์เดินออกมาหา
“ลุงบอกทุกคนแล้วใช่มั้ยครับว่าห้ามใครไปส่งคุณมัทเด็ดขาด ถ้าเขาอยากจะกลับกรุงเทพก็ให้เขาหาทางกลับไปเอง”
“บอกแล้วครับ คุณจะแกล้งเมียตัวเองทำไมครับ”
“อย่าเรียกแกล้งสิครับ เรียกว่าผมทำให้ชีวิตคู่ตื่นเต้นมีสีสัน ยิ่งเขาอยากกลับ ผมยิ่งไม่ให้กลับ ถ้าต้องอยู่กับสามีตัวเองแล้วมันจะตายให้ได้ก็ให้มันรู้ไป” อยู่ๆ มีรถแล่นเข้ามาภายในไร่ อาทิตย์แปลกใจ “ใครมา”
ประตูเปิดออก ตู้กับปุยฝ้ายโดดลงมาก่อน
“อ๊ายย ที่นี่สวย อากาศสดชื่นมากกกก” ปุยฝ้ายบอกอย่างตื่นเต้น
“กลิ่นก็ดี ทางนั้นเป็นบ้านพักคนงาน ชั้นรู้ ชั้นได้กลิ่นที่คุ้นเคย ไม่มีนักศึกษาให้ต้องสร้างภาพเพราะฉะนั้น หึๆๆ” ตู้บอก
นรีลงจากรถตามมาซึ่งเธอเป็นคนขับ
“นี่ อีตาเพศชาย ให้คนท้องขับรถ แล้วไม่คิดจะประคองเลย”
มัทนีรีบวิ่งออกมาต้อนรับเพื่อนๆ
“พี่นรี พี่มาจริงๆ ด้วย เรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
“มัท เดี๋ยวๆ”
อาทิตย์ตามเข้ามาต้อนรับ
“สวัสดีครับ คุณนรี และคุณผู้หญิงทั้งสองคน ทำไมถึงมาที่นี่ได้ครับ”
“ยัยมัทบอกว่าที่นี่อากาศดี เราน่าจะมาพักผ่อนกัน คุณอาทิตย์คงไม่ว่าอะไรที่พวกเราถือวิสาสะมานะคะ”
“ผมจะไปกล้าว่าอะไรภรรยาผมล่ะครับ”

อยู่ๆ อีกด้าน มีรถอีกคันแล่นมาจอด
“น้องมัท”
“พี่ชฎา”
ชฎาวิ่งเข้าโผกอดมัทนี แล้วสำรวจว่ามีร่องรอยบุบสลายหรือเปล่า
“นี่ คุณชวนทุกคนมางั้นเหรอ” อาทิตย์ถาม เอกชเยศร์ลงจากรถมาอีกคน
“คนบางคนมันไม่น่าไว้ใจ” เอกชเยศร์บอก
“นี่”
อาทิตย์อึ้ง มัทนีเองก็งง
“พี่ชฎา”
“ก็ เธอพูดซะเหมือนมีเรื่องใหญ่โต พี่เลยคิดว่าถ้ามีผู้ชายมาด้วย ก็น่าจะปลอดภัยดี”
อาทิตย์ฉุนๆ แต่ระงับอารมณ์ไว้
“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าภรรยาผมจะชอบความครึกครื้นขนาดนี้ ดีครับ ยินดีต้อนรับทุกคน ที่นี่ไร่ของผมเอง ตามสบาย” อาทิตย์ดึงมัทนีแยกออกมาคุยตามลำพัง “ชอบอยู่อย่างคนเยอะๆ ก็ไม่บอก”

เวลาผ่านไป ที่บ้านพักไร่คุณนายลิ้นจี่ แก๊งของอาทิตย์โดดลงจากรถเท่ๆ อาทิตย์เข้าไปต้อนรับ แปะมือกับเพื่อนๆ ทีละคน
“ขอบใจพวกนายมาก มาเร็วทันใจ อย่างนี้ เมียชั้นจะได้หายเหงาซะที”
“อย่าว่าแต่เมียแกหายเหงาเลย พวกเราทุกคนก็ไม่มีเหงาแน่”
รถอีกคันแล่นมาจอด เป็นรถขนสาวๆ พวกสาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปโดดลงจากรถมา ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ตื่นเต้นกับบรรยากาศ ดี๊ด๊ามากๆ
“สุดยอดดด” โทนี่กับโมกข์บอก
พวกมัทนีเข้ามามองอึ้งๆ
“นี่มันอะไร”
“อ้าว คุณชอบอยู่แบบเยอะๆ ไม่ใช่เหรอ เยอะพอยัง”
เอกชเยศร์กระซิบกับชฎา
“นี่เพิ่งแต่งงานนะ บอกแล้วว่ามันไม่ธรรมดา หึๆ”

ชฎาเป็นห่วงมัทนี ตู้เผลอสบตากับแท่น เขินๆ มัทนีกับอาทิตย์จ้องหน้าท้าทายกัน

มัทนีเดินจ้ำหนีออกมา เอกชเยศร์เดินตามใส่ไฟอาทิตย์ โดยที่มีหุ่นกระบอกติดมือมาด้วย

“ไงล่ะมัท คนรวยไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นคนดี เงินแค่ไหนก็ซื้อความสุขไม่ได้” เอกชเยศร์ใช้หุ่นพูด “นี่แค่วันแรกๆ เขายังกล้าทำตัวแบบนี้ แล้วต่อไปล่ะ มัทมิต้องเจอยิ่งกว่านี้อีกเหรอ แต่งงานกับคนผิดชีวิตเหมือนตกนรก”
มัทนีสุดทน หยุดเดิน หันกลับมา อย่างเซ็ง
“เอก”
เอกชเยศร์กระหยิ่ม
“ซึ้งแล้วสิ”
“พอได้แล้วเอก มัทจะเจออะไรมันก็เรื่องของมัท เอกไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่แฟน ไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ไม่ต้องยุ่งเรื่องครอบครัวของมัท”
เอกชเยศร์อึ้ง มัทนีเดินแยกออกไป
“เอกก็แค่เตือน ตามประสาคนเคยรู้จักกัน” เอกชเยศร์บ่นตามหลัง แล้วเชิดหุ่นพูด “ถูก”

มัทนีเดินหนีเอกชเยศร์ไป แต่แล้วต้องชะงัก เพราะตรงหน้า อาทิตย์กำลังสอนพวกเกิร์ลกรุ๊ปเต้นท่าใหม่ให้อาทิตย์และเพื่อนๆ ดู
“ก้มอีกนิด แล้วยกสะโพกขึ้นอีกหน่อย” สาวๆ ทำตาม “เอ้า พร้อมนะ หนึ่ง-สอง-สาม-สี่-ห้า-หก-เจ็ดและแปด”
สาวๆ ทำตาม อาทิตย์ตบมือเกรียว “ใช่เลย ยังงี้แหละ สุดยอด รับรองชายไทยทั้งประเทศต้อง เป็นอย่างไอ้พวกนี้”
โทนี่ โมกข์ แท่น อเนกเผลออ้าปากค้างเพราะความเซ็กซี่ของสาวๆ
“พี่อาทิตย์อ่ะๆ”
สาวๆ รุมคิกคักกับอาทิตย์ มัทนีอึ้งๆ หมั่นไส้ๆ อาทิตย์เหลือบมาเห็นมัทนี แต่ไม่ได้แคร์อะไร
“มาๆๆ พี่ขอถ่ายรูปหน่อยนะ พอพวกหนูได้ออกอัลบั้มแล้วท่านี้ฮิต พี่จะได้เคลมได้ว่าเป็นคนคิดท่าให้ ไอ้แท่น ถ่ายให้หน่อยเว้ย มาๆ”
พวกสาวๆ เต็มใจโพสต์ท่านั้นรอบๆ อาทิตย์ สนิทสนมใกล้ชิดกันมากๆ อเนกหันมาเห็นว่ามัทนีจ้องอยู่ รีบสะกิดอาทิตย์
“เฮ้ย อาทิตย์”
“อ้าว คุณมัท มาถ่ายด้วยกันมั้ยครับ” อาทิตย์เรียกสาวๆ ที่ถอยออก “มาๆๆ ไม่ต้องถอย คุณมัทไม่หึงหวงพี่ไร้สาระหรอก มา”
“ตามสบายค่ะ พอดีว่ามัทมีเรื่องต้องคุยกับเอกเรื่อง อุ๊บ เกือบหลุดปากแล้วสิ” มัทนีทำท่าว่ามีความลับมีเลศนัยกับเอกชเยศร์ “เอกอ่ะไม่เตือนเลย ไปๆๆ ตามสบายนะคะอาทิตย์”
มัทนีคว้ามือเอกชเยศร์มากุม แล้วดึงพาออกไป อาทิตย์เหวอๆ ไป แต่ก็ข่มใจเอาไว้
“เอ้า พร้อมนะ หนึ่ง ส่อง ซั่ม”
แท่นถ่ายภาพ ภาพที่ถ่ายออกมาอาทิตย์หน้าบูดสุดๆ

มัทนีจูงเอกชเยศร์มาอย่างร่าเริง คิกคัก จงใจหัวเราะให้สนุกสนานสุดๆ ให้เสียงดังจนอาทิตย์ได้ยิน เอกชเศร์งงๆ แต่ก็หัวเราะคิกคักตามไปด้วย พอแยกออกมาพ้นระยะสายตาของอาทิตย์ มัทนีก็ปล่อยมือ หน้าบึ้งทันที
“กลับกรุงเทพไปได้แล้ว”
“อ้าว”
“มัทไม่ได้มีอะไรพิเศษกับเอกหรอก”
เอกชเยศร์ตื่นเต้น
“มัทใช้ผมเพื่อประชดนายอาทิตย์ แปลว่าผมยังมีความหมายอยู่ มัท มัทยังรักเอกอยู่ใช่มั้ย”
“หา”
“ถ้ามัทไม่รักเอกแล้ว มัทคงไม่ใช้เอกเป็นอาวุธทิ่มแทงใจนายอาทิตย์หรอกแต่มัทใช้เอก ก็แปลว่ามัทยังมีเยื่อใยให้เอกอยู่”
“เอก”
“มัทคงจะตระหนักได้แล้วสิ ว่าไม่มีใครที่จะดีเท่ากับเอกอีกแล้ว ถึงเอกจะไม่รวยนามสกุลไม่ดัง แต่เอกก็ทำให้มัทมีความสุขแบบเรียบง่ายได้ ถูกมั้ย”
“เอก หยุดมะโน”
“เอกไม่ได้คิดไปเอง ยอมรับความจริงเถอะมัท” มัทนีเซ็ง
“เอก เอกมาทางไหน ช่วยกลับไปทางนั้นเลยนะ ขอร้อง”
มัทนีส่ายหน้าระอา เดินแยกหนีไป เอกชเยศร์ค่อยชูมือที่มีหุ่นขึ้นมา เชิดมันพูดข้างหู
“มัทหลอกตัวเอง ผู้หญิงก็ปากแข็งงี้ทุกคน ใช่ มัทกำลังหลอกตัวเอง”
เอกชเยศร์ยังคงไม่ยอมแพ้

อาทิตย์เดินแยกออกมาอีกด้านหนึ่ง อเนกตามมาคนแรก
“แกทำอย่างนี้ทำไม”
“ทำอะไร”
“ถ้าแกกับภรรยามีปัญหาอะไรกันก็คุยกันสิ อย่ามาประชดกันไปมาเป็นเด็กๆ มันไม่ช่วยอะไร”
“ชั้นเคยบอกพวกแกแล้วไง ว่าก่อนแต่งงานชั้นเป็นยังไง หลังแต่งก็จะเป็นยังงั้น ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเขาไม่เข้าใจยอมรับไม่ได้ ก็...” อาทิตย์จะพูดว่าก็เลิกไป แต่ใจไม่แน่พอ “ก็ต้องรับให้ได้ เพราะชั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง”
“เยี่ยมมาก ต้องอย่างนี้สิถึงจะสมกับเป็นนายอาทิตย์ ผู้นำแสงสว่างมาสู่แก๊งเรา” โทนี่บอก
“นายมันตัวจริง จริงยิ่งกว่าคนที่พวกเรามอบตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ให้ สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่วิทยาทาน” โมกข์บอก
“เฮ้ยๆๆ พวกแกอย่าอวยกันในเรื่องผิดๆ สิ ไอ้อาทิตย์ แกตกลงใจแต่งงานแล้วก็ต้องเลิกทิฐิ เลิกคิดว่าชั้นเป็นยังงี้ เธอจะยังไง มันต้องไม่มีชั้นไม่มีเธอ ต้องมีแค่เรา” อเนกบอก
“ถุย”
โทนี่ แท่น โมกข์บอกออกมาพร้อมกัน
“นี่แกพัฒนาไปถึงขั้นเทศนาหลักการครองเรือนแล้วเหรอวะ”
“ไว้อาลัยให้อาจารย์ใหญ่หนึ่งนาที”
แท่น โทนี่ โมกข์ยืนสงบนิ่ง

“อาทิตย์ แกไปคุยกับคุณมัทให้รู้เรื่องเถอะ” อเนกบอก
“เขาอยากคุยกับชั้นที่ไหน ชั้นพาเขามาฮันนีมูน แล้วเขาพาใครมา เพื่อนๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ชวนแฟนเก่ามาด้วย แกตอบดิว่ามันหมายความว่าอะไร” อาทิตย์ย้อนถาม
“ชั้น ชั้นจะไปรู้เหรอ แกก็ไปคุยกันสิวะ” อเนกบอก
“เพราะเขายังมีใจให้กันอยู่ มัทนีกับเอกชเยศร์คบกันมานาน ตั้งแต่สมัยเรียน เขาสองคนรักกันด้วยตัวเองไม่ได้ถูกบังคับให้มาแต่งงานเหมือนกับชั้น ชั้นเป็นแค่อะไรที่เขาเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น”
“แกพูดเหมือนแกน้อยใจ” โทนี่บอก
“น้อยทำไม คบกันอย่างนี้ก็ดี ชั้นจะได้เต็มที่” อาทิตย์กระโดดขึ้นไปขี่รถATVที่จอดอยู่แถวนั้น แล้วหันไปโบกมือเรียกสาวๆ “หนูๆ จ๋า ใครสนใจอยากให้พี่สอนขี่รถเอทีวีบ้าง”
พวกสาวๆ ดี๊ด๊า ชูมือวิ่งกรูกันมา สนใจมากๆ มารุมตื๊ออ้อนอาทิตย์
“ไม่ต้องแย่งกันๆ ใครเหลือๆ พวกพี่ว่าง” โมกข์บอก
ทุกคนไปสอนสาวๆ ขี่รถ เหลือสาวคนหนึ่ง ไม่มีใครสอน เลยหันมาหาอเนก ทำหน้าอ้อนๆ ขอร้อง อเนกอยากสอน แต่อดใจไว้ จำใจชูแหวนที่นิ้ว
“พี่แต่งงานแล้ว”

สาวทำปากยื่นแบบงอนๆ อ้อนๆ อเนกรีบหันหนี ก่อนจะอดใจไม่อยู่

บริเวณลานหน้าบ้านพัก ปุยฝ้ายกับตู้กำลังนั่งเอาวัตถุดิบในการทำบาร์บีคิวเสียบใส่ไม้

“นรี แกว่าควรเรียงลำดับการเสียบยังไงดี พริกหยวก-ไก่-มะเขือเทศ-ไก่-สับปะรด-ไก่” ปุยฝ้ายถาม
“ชั้นว่าต้อง สับปะรด ไก่ ไก่ ไก่ พริก มะเขือ” ตู้บอก
“ว้าย เอามะเขือไว้บนสุดเหรอ ก็ดีนะ มันดูแดงๆ ดี ชั้นชอบ”
นรีกำลังจุดเตาหน้ามอม ชฎากำลังทุบถ่านจากก้อนใหญ่ให้เล็กลงเพื่อติดไฟง่าย ทั้งคู่หันมาจ้องเพื่อนผู้ชายอย่างเซ็ง
“เพศชายนั่งมีปัญหากับการเสียบ ผู้หญิงท้องยืนจุดเตาหน้ามัน ยุติธรรมมาก” นรีประชด
อยู่ๆ เอกชเยศร์ก็เข้ามาแย่งหน้าที่จุดเตาไปทันที ดึงไฟแช็กที่ใช้จุดไฟมา
“พี่นรี ไปนั่งพักเถอะครับ ผมจุดเตาให้เอง” นรีและทุกคนงงๆ
“นายเอก ไม่ต้องเลย” ชฎาจะดึงไฟแช็กคืน แต่เอกชเยศร์ชักเอาไว้ก่อน ไม่ให้เอาไป “ความร้าวฉาน ไม่ใช่งานของเรา เธอควรท่องไว้นะ แล้วก็ไปจากเกมนี้ซะ”
“จะให้ผมกลับยังไง ผมไม่มีรถ สงสารผมเถอะนะครับ”
“สงสาร จะให้สงสารเธอเรื่องอะไร” ชฎาถาม เอกชเยศร์เชิดหุ่นตอบ
“บอกความจริงไปเลยว่ายังตัดใจจากมัทนีไม่ได้ เฮ้ย แกไปบอกเขาทำไม เอ่อ คือ ผมรู้ว่ามันสายไปแล้ว ผมก็แค่อยากเห็นกับตาว่ามัทมีความสุขดี จะได้สบายใจว่าคนที่มัทเลือก ดูแลมัทได้ดีกว่าผม”
“คนเราทำไมต้องเห็นค่าเมื่อตอนที่สูญเสียไปแล้วด้วยนะ” นรีถาม
“ไม่เป็นไรนะคะ คุณยังหนุ่ม ต้องได้เจอคนดีๆ ขาวๆ อวบๆ แน่นอน” ปุยฝ้ายส่งตาหวาน

ระหว่างนั้นอเนก แท่น โทนี่ โมกข์เดินเข้ามา
“มาๆ จะติดเตาปิ้งบาร์บีคิวใช่มั้ย พวกเราทำให้” อเนกบอก
“ไม่เห็นเหรอว่าชั้นทำอยู่” เอกชเยศร์บอก
“ใช้ไฟแช็กจุดเตา ชาตินี้จะได้กินมั้ย ถ่านไม้พวกนี้ติดไฟยาก” โทนี่บอก
“มันต้องมีตัวช่วย” โมกข์เอาน้ำมันก๊าดมา บีบใส่ไปในเต “ รับรองเครื่องฟิตสตาร์ทติดง่าย เอ้า สาวๆ ดูให้ดีนะคะวิธีการจุดไฟของแท้ พวกนายไปเตรียมไฟ” โมกข์แกล้งทำเป็นหันไปสั่งงานอื่น ทำให้ฉีดน้ำมันพลาดใส่เอกชเยศร์แบบเต็มๆ
“เฮ้ยๆ อะไรเนี่ย”
“โทษทีๆๆ”
โมกข์ตามขอโทษ แต่ยิ่งตามยิ่งเลอะ
“พอๆๆ ออกไป” โทนี่กับแท่นถือไฟแช็กเข้ามา ล้อมเอกชเยศร์ ยิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้ย พวกแก จะทำอะไร อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ. อย่านะเว้ย”
พวกนรีอึ้ง
“อเนก เพื่อนคุณเล่นอะไร”
อเนกดูแลนรีให้ออกห่าง
“ก็แค่จะสั่งสอนพวกชอบเป็นมือที่สามในครอบครัวคนอื่นหน่อย ที่รักถอยมาห่างๆ นะคะ”

พวกแท่นล้อมเอกชเยศร์หมด ถือไฟแช็กในมือ จุดให้เปลวไฟพรึ่บขึ้นมา
“เฮ้ย ออกไป”
เอกชเยศร์กลัวลนลาน เป่าไฟแช็กของโทนี่ดับ แล้วรีบวิ่งหนี พวกแท่นแกล้งวิ่งไล่ตาม ทั้งๆ ที่ดับไฟไปแล้ว แต่วิ่งไล่ข่มขู่ ส่งเสียงขู่ เอกชเยศร์สติแตก วิ่งแหกปากไปรอบๆ มัทนีได้ยินเสียงเอกชเยศร์แหกปาก รีบวิ่งออกมาดู
“นี่มันอะไร”
เอกชเยศร์วิ่งไปเห็นคูน้ำจึงรีบกระโดดลงไปในน้ำทันที ตูม! พวกแท่นยืนหัวเราะก๊าก สะใจ ตลกมาก มัทนีโกรธพวกแท่น
“พวกคุณแกล้งเอกทำไม”
มัทนีจ้องตาเขียวปั๊ด

ที่ลานหน้าบ้านพัก พวกเกิร์ลกรุ๊ปขี่รถATVเล่นกันวี้ดว้ายสนุกสนาน อาทิตย์กำลังยืนดูสาวๆ ขี่รถเล่นอยู่ด้านหนึ่ง หน้าตาหงอยๆเซ็งๆ แต่แล้วพอเหลือบเห็นมัทนีเดินพุ่งเข้ามา อาทิตย์ก็รีบหัวเราะสนุกสนานกับสาวๆ ทันที
“คุณอาทิตย์”
อาทิตย์แกล้งทำเป็นเพิ่งเห็นมัทนี
“อุ๊ต่ะ ยัยยักษ์ขมูขีมา” อาทิตย์ตะโกนบอกสาวๆ “ระวังเจ็บตัวนะคะ พี่เป็นห่วง มีอะไรหรือเปล่าคุณมัท ผมไม่ว่าง กำลังดูแลความปลอดภัยให้สาวๆ อยู่”
“เอกชเยศร์ไปทำอะไรให้นายถึงต้องเล่นกันแรงขนาดนี้”
“เล่นอะไร ผมทำอะไร”

อีกด้านหนึ่งนรี ปุยฝ้าย ตู้ ชฎากำลังรุมต่อว่าพวกอเนกทั้งหมด
“พวกเราก็แค่ขู่ ไม่ได้กะจะเผาจริงๆ” โมกข์บอก
“มันใช่เรื่องล้อเล่นมั้ย ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา จะทำยังไง” ชฎาบอก
“ใครสั่งใครสอนให้เล่นกับไฟ ถ้าเกิดลูกเห็นแล้วเอาไปทำตาม ใครจะรับผิดชอบ” นรีบอก
“ลูก จะเห็นได้ไง ยังอยู่ในท้องเลย” อเนกเถียง
“เค้ารับรู้และสัมผัสได้ผ่านแม่อะไรที่แม่รู้สึก ลูกก็รู้สึกด้วย คุณไม่เข้าใจ คุณไม่เซ้นซิทีฟว์” นรีสะบัดหน้างอน
“โอ๋ๆๆ ผมขอโทษ”
“ไม่ต้องมาขอโทษชั้น พวกคุณต้องไปขอโทษเอกชเยศร์”
“หา”
อเนกและเพื่อนร้องออกมาพร้อมกัน

อาทิตย์ทำหน้างงหลังจากรู้เรื่องจากมัทนี
“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่อง”
“นายไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้แก๊งไปรุมคนไม่มีทางสู้ แล้วยังไม่กล้ายืดอกรับผิดอีก”
“คุณดูจะแคร์แฟนเก่าคุณมาก มากกว่าสามีซะอีก”
“อย่างกับว่านายแคร์ชั้นตายล่ะ
เสียงพวกสาวๆ ที่เล่นATVดังวี้ดว้ายมา
“ผมพาคุณมาที่นี่ เพราะอยากให้คุณได้พักผ่อน เราจะได้เรียนรู้กันให้มากขึ้น แต่คุณพาใครมา ทำไม การต้องอยู่กับผมสองต่อสอง มันน่ากลัวมากงั้นเหรอ?”
“ก็สิ่งที่นายทำมันไม่น่าไว้ใจ”
“เหรอ ก็เลยต้องพามาทั้งเพื่อนทั้งแฟนเก่า สะใจคุณแล้วสิที่ทำลายเซลฟ์ผมได้ คุณกำลังรู้สึกเหมือนได้ยืนเหยียบอยู่บนหน้าผมใช่มั้ยล่ะ ต่อไปใครต่อใครๆ ก็จะต้องพูดเยาะเย้ยผม เป็นโจ๊กในวงเหล้าว่าผมพาภรรยามาฮันนีมูนพร้อมกิ๊กเก่าของภรรยา”
“เอกชเยศร์มาเอง ชั้นไม่ได้ชวน”

“เพื่อนผมก็ไปเล่นงานแฟนคุณเอง ผมไม่ได้สั่ง” มัทนีกับอาทิตย์จ้องกัน ต่างไม่ยอมกัน “พาแฟนคุณออกไปจากไร่ของผม ไม่งั้น อย่าหาว่าผมไม่ปรานี”
 
อ่านต่อหน้า 3

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 9 (ต่อ)

อีกด้านพวกนรีกำลังรุมด่าพวกหนุ่มๆ

“เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราแค่ปกป้องเพื่อนของเรา ไม่ให้ถูกหมาป่าลอบเข้ามาขโมยกินของในครัว” โทนี่บอก
“ตัวปัญหาที่แท้จริงคือนายเอกชเยศร์ ไม่ใช่พวกเรา เราไม่ขอโทษ” โมกข์บอก
“พวกคุณต้องขอโทษ ใครเห็นด้วยยกมือ” นรีบอก นรี ชฎา ปุยฝ้าย ตู้ยกมือ
“พวกเราไม่ขอโทษ ใครเห็นด้วยยกมือ” โมกข์บอก โมกข์ โทนี่ แท่น ยกมือ อเนกกำลังจะยกมือ แต่นรีร้องขู่ไว้ก่อน
“อเนก” อเนกชะงัก ไม่กล้ายก ลังเล “คุณจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้องให้กับลูกของเรา เค้าจะกลายเป็นคนยังไง มันก็อยู่ที่การกระทำของคุณ”
“ไม่นะ ป๋าเหนก อย่าหักหลังพวกเรา”

อเนกลังเล แต่แล้วอเนกก็ยกมือขึ้น พวกแท่นดีใจ แต่แล้วอเนกก็ขยับไปยืนข้างนรี แสดงให้เห็นว่าที่ยกมือ คือยกมือสนับสนุนนรี พวกแท่นเซ็ง
“ประชาธิปไตยเสียงข้างมาก พวกคุณแพ้ต้องทำตามกติกา” ปุยฝ้ายบอก
“เราไม่ทำ” โมกข์บอก
“ลึกๆ แล้วพวกคุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าสิ่งที่ทำไปไม่ถูกต้อง พวกคุณดูไม่น่าจะเป็นคนชั่วโดยสันดานอย่างนั้นเลย” ตู้บอก แท่นเผลอเอามือลง
“ไอ้แท่น เอามือลงทำไม” โทนี่ถาม
“เอ่อ คือ...”
“ยังไงเราก็ไม่ขอโทษ”
โมกข์กับโทนี่พากันออกไป แท่นยังยืนเก้ๆ กังๆ โมกข์มาลากคอออกไป

ขณะนั้นเอกชเยศร์เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว
“ใส่ได้พอดีเลย แหม่ เอ็งดูหล่อเฟี้ยวเหมือนสมัยลุงหนุ่มๆ เลย”
ลุงสมบอก เอกชเยศร์ดมชุด
“ชุดลุงซักหรือยัง”
ลุงสมยังไม่ทันได้ตอบเพราะมัทนีเดินพุ่งเข้ามา
“เอก กลับกรุงเทพไปได้แล้ว”
“มัท เอกเพิ่งจะถูกพวกไฮโซรุมแกล้ง กลิ่นน้ำมันยังไม่หาย มัทก็มาไล่เอกกลับ ทำเหมือนเอกผิด เอกเป็นเหยื่อนะมัท”
“ที่นี่บ้านของเขา เอกบุกรุกเข้ามาเอง”
“แต่เอกรู้จักมัท มัทจะปล่อยให้เอกถูกกลั่นแกล้งได้ลงคอเหรอ ทำยังงี้กับคนที่รักมัทได้ไง”
มัทนีฉุน โมโห
“เอกต้องการอะไร มัทเฟค มัทเป็นผู้หญิงหิวเงินไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาทำตัวเกรียนใส่มัทและสามีเพื่ออะไรอีกกลับไป แล้วก็ไม่ต้องเข้ามาวุ่นวายในชีวิตมัทอีก”
“เอกจะกลับ แต่มัทต้องกลับไปกับเอกด้วย”
“เอก”
“เอกมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงยังรู้เลยว่ามัทไม่ได้มีความสุข มัท เอกรู้ว่ามัทเป็นพวกไดด์ฮาร์ด ตายยากตายเย็น แต่กับคนที่ไม่แคร์ความรู้สึกของมัทเลย มัทจะหนังเหนียวไปทำไม ยอมแพ้แล้วกลับกรุงเทพกับเอกเถอะ เดี๋ยวเอกออกค่ารถทัวร์ให้ก็ได้” มัทนีไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว เดินหนี “มัท” เอกชเยศร์วางหุ่นกระบอกลงบนโต๊ะที่อยู่กลางแดด “แกนอนอาบแดดให้ตัวแห้งไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวชั้นมา”
เอกชเยศร์รีบวิ่งตามมัทนีไป อาทิตย์เพิ่งเดินมาถึง เห็นหุ่นตัวนั้น แค้นเอกชเยศร์ กระหยิ่มในใจ
“เดี๋ยวสวยแน่”

ที่ร้านอาหาร น้ำผึ้งถืออาหารออกมาเสิร์ฟ แต่แล้วก็พบว่าลูกค้าที่นั่งอยู่คือหาญ
“คุณพี่หาญ”
“อ๋อ คือ พอดีชั้นผ่านมา แล้วก็หิว ก็เลยแวะมาหาอะไรทาน นั่งคุยด้วยกันก่อนสิ”
“ผึ้งเป็นแค่พนักงานนะคะ ไม่มีสิทธิ์นั่งค่ะ”
“นี่ก็ไม่ได้มีลูกค้าสักหน่อย คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“พ่อ เอ่อ ก็ยังอาการเหมือนเดิมค่ะ”
“ไม่ดีขึ้นเลยเหรอ ไปหาหมอโรงพยาบาลอะไร”
“เอ่อ คือ ผึ้งยังไม่ได้พาพ่อไปหาหมอค่ะ”
“อ้าว ทำไม”
“เพราะ”

น้ำผึ้งเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง มีมอเตอร์ไซค์ 2 คันแล่นมาจอด น้ำผึ้งมีท่าทีตกใจ รีบขอตัวแยกออกไปด้านนอกร้าน ก่อนที่พวกมอเตอร์ไซค์จะบุกเข้ามา
หาญมองตามไปตลอด เห็นว่าพวกผู้ชายกลุ่มนั้นท่าทางข่มขู่น้ำผึ้ง แบบพวกเจ้าหนี้ที่มาตามทวงเงิน มีการกระชากแขน บีบ แบบข่มขู่เอาเรื่อง หาญทนไม่ได้ รีบตามออกไป
“มีเรื่องอะไร”
“แกอย่ายุ่ง มันเป็นหนี้พวกชั้น ถ้าพรุ่งนี้แกไม่เอาเงินมาจ่าย พวกชั้นจะไปถล่มบ้านแก แกจำไว้”
พวกเจ้าหนี้ไป หาญงง
“หนี้อะไร” หาญถามน้ำผึ้ง
“เงินที่คุณให้มาวันก่อน ผึ้งไม่ทันจะได้พาพ่อไปหาหมอ พวกมันก็มาเอาไปก่อน แล้วนี่ มันจะเอาอีก”
“เธอเป็นหนี้พวกมันเท่าไหร่”

ที่ลานหน้าบ้านพัก นรี ชฎา ปุยฝ้าย ตู้กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร เอกชเยศร์เดินตามหาหุ่นเชิดของตัวเอง ท่าทางร้อนใจ
“มีใครเห็นเพื่อนรักผมบ้าง”
“มีด้วยเหรอ อ๋อ อีหุ่นหมาที่ขโมยมาจากมูลนิธิน่ะเหรอ คนไม่คบกับเธอแล้วใช่มั้ยถึงต้องไปมีเพื่อนเป็นหุ่นหมา”
“ไม่ตลก”
“ถ้าหมามันไม่รักดี รับแมวน้อยไปเลี้ยงสักตัวมั้ยคะ เมี๊ยว”
ทันใด เสียงอาทิตย์และแก๊งกำลังเฮฮาดังเข้ามา
“สุกยัง / ยังไม่สุก / ตรงนี้ไม่โดนไฟเลย / เอาเกรียมๆ หน่อยดิ/ ท่าจะหนังเหนียว / มีใครเตรียมน้ำจิ้มยัง ฯลฯ”
เอกชเยศร์และพวกนรีมองไป เห็นว่าพวกอาทิตย์รุมทำอะไรบางอย่างอยู่ที่เตาปิ้ง
“คนพวกนั้นเขาปิ้งอะไร ก็บาร์บีคิวยังเสียบไม้วางอยู่ตรงนี้” ตู้บอก เอกชเยศร์หวั่นใจ
“ไม่ ไม่นะ”

เอกชเยศร์กำลังจะวิ่งเข้าไปดู แต่ไม่ทันก้าวเท้าก็ต้องช็อก เพราะอาทิตย์ชูไม้เสียบที่มีหุ่นกระบอกที่เป็นตัวจิ้งจอกเสียบอยู่ขึ้นมา ทุกคนเฮฮา สะใจ รอกินเนื้อหุ่น
“สุกแล้วๆๆ”
พวกอาทิตย์เฮ
“มีใครอยากลองชิมมั้ยครับ จิ้งจอกเจ็ดหางเสียบไม้ปิ้ง”
“น้องน้อยของชั้น” เอกชเยศร์จะเข้าไปแย่งหุ่นคืนมา แต่อาทิตย์ไม่ให้ “พวกแกทำกับ น้องน้อยของชั้นได้ยังไง”
“อะไรๆ ของนายที่ไหน ชั้นเห็นมันนอนตายตากแดดอยู่ มันมาตายในไร่ของชั้น มันก็ต้องเป็นของๆ ชั้น”
“พวกเราจะกินมัน ชั้นขอหาง” โมกข์เด็ดหางหุ่นออกมา
“ชั้นเอาขาหน้า” โทนี่เด็ดขาหุ่น
“ชั้นเอาหัวละกัน” แท่นเด็ดหัว แต่ละคนจงใจทำยั่วโมโหเอกชเยศร์ “รสชาติไม่ได้เรื่อง”
ทุกคนเขวี้ยงหุ่นทิ้งลงพื้น
“พวกแก ไอ้ฆาตกร แกฆ่าเพื่อนชั้น”

เอกกชเยศร์อาละวาด พังเตาปิ้ง พวกอาทิตย์ขำ สะใจ ล้อมเอกชเยศร์ไว้ หัวเราะเยาะ เอกชเยศร์กลายเป็นตัวตลก ถูกรุม มัทนีตามเข้ามา
“พอได้แล้ว”
เอกชเยศร์ทรุด โกยเศษซากหุ่น
“มัท พวกมัน ย่ำยีหัวใจเอก”
“ด่าเลย ครั้งนี้ผมจะไม่เถียง เพราะผมรู้เห็นเป็นใจทุกอย่าง ที่นี่ไร่ผมผมมีสิทธิจะจัดการแขกที่ไม่ได้รับเชิญตามสไตล์ของผม”
“อันธพาล ในที่นี้ก็ไม่มีใครได้รับเชิญทั้งนั้น ชั้นก็ถูกนายหลอกพามา คนอื่นๆ ก็ถูกชั้นหลอกให้มาอีกที ถ้าอยากให้เอกกลับ ชั้นก็จะกลับด้วย ไปเอก”

มัทนีคว้าแขนเอกชเยศร์ลากออกไป ทุกคนงงๆ

มัทนีลากเอกชเยศร์ออกมา

“มัทยอมกลับไปพร้อมกับเอกแล้วใช่มั้ย ดีแล้ว มัทจะทนอยู่กับลูกไฮโซนิสัยนักเลงไปทำไม มันไม่ทำให้มัทมีความสุขได้เลย กลับกรุงเทพกับเอก แล้วเรากลับมาดีกันเหมือนเดิมนะมัท”
“เอกพูดอะไร”
“เอกพูดจริงๆ เอกยังรักมัทอยู่ ตอนนั้นเอกทำตัวไม่ดี ไม่น่ารัก เอาแต่ใจ แต่ตอนนี้เอกสำนึกแล้ว เอกอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม นะมัทนะ”
อาทิตย์ตามเข้ามา
“ใครอยากกลับก็กลับไป แต่ภรรยาผมต้องอยู่ที่นี่”
“มัทนีไม่อยากอยู่กับแกอีกแล้ว เขาเกลียดแก เขาจะหย่ากับแกแล้วมาแต่งงานกับชั้น ใช่มั้ยมัท”
“แกกล้าพูดยังงี้เหรอ แกไม่ตายดีแน่”
อาทิตย์จะเข้ามีเรื่องกับเอกชเยศร์ ผลักอกกันไปมา สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปขับรถเอทีวีมาจอดพอดี พร้อมกับตะโกนเชียร์กันทั้งๆ ที่ตัวยังอยู่บนรถ
“ซูๆ ซ่าๆ ปาทังก้า ปาทังกี้ อาทิตย์เซ็กซี่ๆ ปาทังกี้ ปาทังก้า พี่อาทิตย์สู้ๆ พี่อาทิตย์สู้ตาย พี่อาทิตย์ไว้ลา สู้ตายสู้ๆ”

มัทนีตาลุก ของขึ้น โดดมาขวาง ผลักอาทิตย์
“ชั้นจะกลับกรุงเทพกับเอก”
“ผมไม่ให้คุณกลับ”
“นายห้ามชั้นไม่ได้ ไปค่ะเอก พามัทออกไปจากนรกนี้ซะที”
อาทิตย์มาคว้าแขนมัทนีไว้
“ปล่อยชั้น”
อาทิตย์ไม่ยอมปล่อย เอกชเยศร์ฉวยจังหวะที่อาทิตย์เผลอ กระชากอาทิตย์มา ชกอย่างจังๆ อาทิตย์คว่ำไป แล้วเอกชเยศร์ก็คว้ามือมัทนีพาหนี
“หนีเร็วมัท”

เอกชเยศร์ลากแขนมัทนีเดินลิ่วๆ มาที่พวกเกิร์ลกรุ๊ปที่นั่งดูเหตุการณ์บนรถATVกัน
“ทุกคนลงมาๆๆๆ นี่คือการปล้น” เอกชเยศร์ดึงพวกสาวๆ ให้ลงจากรถ แล้วเอกชเยศร์ก็โดดขึ้นไปก่อน ยื่นมือมาให้มัทนี “ขึ้นมาเร็วมัท”
มัทนีลังเล อาทิตย์ตามมา
“มัทนี หยุดนะ”
“พี่อาทิตย์ เอารถคืนมาให้พวกหนูเดี๋ยวนี้ค่ะ”

มัทนีเห็นแล้วแค้น คว้ามือเอกชเยศร์แล้วขึ้นรถไปอีกคน
“ไปพามัทหนีไปจากที่นี่”
เอกชเยศร์ออกรถไป อาทิตย์วิ่งตามมา แค้น
“จะให้เขาแย่งแฟนพี่ไปต่อหน้าต่อตาเหรอ ตามไปสิคะพี่” สาวๆ บอก
อาทิตย์โดดขึ้นรถATVอีกคัน แล้วรีบตามไป พวกอเนกวิ่งตามมา
“มันจะมาฉุดเมียเพื่อน มันต้องตาย”
แท่น โทนี่ โมกข์แยกย้ายไปขึ้นรถคนละคัน
“ชั้นไปด้วย”
ชฎาบอกแล้วขึ้นซ้อนโมกข์
“ชะตาชั้นผูกพันกับหญิงแก่จริงๆ”
ปุยฝ้ายซ้อนโทนี่
“เอาซีดีแขวนท้ายด้วย รถจะได้ไม่ชน” โทนี่บอก
ตู้ซ้อนแท่น แท่นเขินๆ
“เอ่อ เกาะดีๆ นะครับ”
“ครับ”
ตู้กอดเอวแท่น ทั้งหมดออกรถไป อเนกกับนรียืนส่ง
“ตามเมียเพื่อนกลับมาให้ได้นะเว้ย”

เอกชเยศร์ขี่รถมาอย่างเร็ว ทีแรกมาตามถนนหลัก แต่มีรถอีแต๋นแล่นช้าขวางอยู่ เอกชเยศร์เลยหักเลี้ยวตัดเข้าไปในข้างทาง
“เกาะแน่นๆ นะมัท เอกจะไปทางลัด”
อาทิตย์ไล่ตาม มัทนีคอยหันมองหลังเป็นระยะๆ
“ไปเร็วกว่านี้เอกไปๆ” แล้วมัทนีก็เห็นว่ามีATVที่พวกแท่นขี่ไล่ตามมาอีก 3 คัน “คิดรุมกันเหรอ”
“ไม่ต้องกลัวมัท เอกเคยแว้นมาก่อน”
เอกชเยศร์บึ่งรถไป อาทิตย์ที่ขี่นำมา ให้สัญญาณมือ โทนี่ โมกข์ แท่นเลี้ยวรถอ้อมไปคนละทาง ชฎาหลับตาปี๋ กอดโมกข์แน่น
ปุยฝ้ายหลับตา กอดโทนี่แน่นและร้องวี้ดว้ายตลอดทาง
“หายใจ ไม่ออก”
โทนี่บอกเพราะถูกปุยฝ้ายกอดจนแน่น
ส่วนตู้ไม่นึกกลัว กลับสนุกด้วยซ้ำ
“ไม่กลัวเหรอคุณ” แท่นถาม
“ไม่กลัว แค่เสียวๆ คุณแท่นขี่เก่ง มั่นใจว่าเอาอยู่” ตู้บอก

เอกชเยศร์เลี้ยวมาอีกด้าน แต่ก็เจอ แท่น โทนี่ โมกข์ที่ขี่รถอ้อมมาดัก ทั้ง 3 คันตีล้อมเอกชเยศร์ วิ่งขนาบไว้ โดยมีอาทิตย์ไล่ท้าย
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวจะเอาให้คางเหลืองเลย ไอ้อาทิตย์”
“เอกจะทำอะไร”
เอกชเยศร์ขี่รถตัดมาอีกด้าน ผ่านทุ่งหญ้ามาที่ลำธารที่มีน้ำ มีหินตะปุ่มตะป่ำ ขรุขระ ขี่รถแหวกลำธารไป
อาทิตย์ไล่ตาม
เอกชเยศร์มาจอดรถที่ด้านหนึ่ง เป็นทางดินลูกรัง เป็นเนินๆ ที่มีไหล่ทาง
“มัท ลงไปยืนรอเอก”
“อะไรนะ”
“เชื่อเอกเถอะ ลงไปยืนตรงนี้”
มัทนีลงไปยืนตามคำสั่ง งงๆ ไม่เข้าใจ เอกชเยศร์ขี่รถหนีไป

สักพัก อาทิตย์ขี่รถไล่ตามมาเจอมัทนียืนอยู่ อาทิตย์จอด
“ตกรถเหรอ หรือถูกมันถีบหัวส่งแล้ว”
“หุบปาก”
แต่แล้วอยู่ๆ เอกชเยศร์ขี่รถพุ่งมาจากอีกด้าน ดับเครื่องชนรถของอาทิตย์
“แกตาย”
เอกชเยศร์ขี่รถเข้าชนรถของอาทิตย์ ประมาณหน้ารถชนหน้ารถ ยื้อกำลังกันอยู่ เอกชเยศร์พยายามเร่งเครื่องเพื่อดันรถของอาทิตย์ให้ถอยหลังไป จนตกไหล่ทาง
มัทนีรู้เจตนาของเอกชเยศร์รีบร้องห้าม
“เอก พอ”

เอกชเยศร์เร่งเครื่องสุดๆ สะใจสุดๆ เต็มกำลัง

ในที่สุดรถอาทิตย์ก็ถอยหลัง รถตกไหล่ทาง อาทิตย์กับรถกลิ้งคว่ำไปตามความลาดชัน

“อาทิตย์” มัทนีตกใจ
“เรียบร้อย หนีเร็วมัท”
แต่มัทนีกลับจะวิ่งลงไปหาอาทิตย์ เอกชเยศร์คว้ามือ
“มัท ขึ้นรถ”
“ปล่อยมัท ปล่อย”
มัทนีผลักเอกชเยศร์เต็มแรง แล้วรีบวิ่งไปดูอาทิตย์ เอกชเยศร์จะตามแต่พวกแท่นขี่รถตามเข้ามาประกบ
“อาทิตย์”
เอกชเยศร์กลัวโดนรุมยำ ตัดสินใจขี่รถหนีไปก่อน พวกแท่นได้แต่ห่วงอาทิตย์ ไม่คิดตาม

มัทนีวิ่งลงมาตามทางที่ลาดชัน รีบร้อน ถึงกลับลื่นสไลด์ลงมา แต่ไม่ได้เจ็บอะไร ห่วงอาทิตย์มากกว่า รีบเข้าไปดูแลอาทิตย์
“นายอาทิตย์ นาย”
“ตามมาซ้ำผมเหรอ”
“ชั้น ชั้นไม่รู้ว่ามันจะเล่นขนาดนี้ อย่าเพิ่งพูดมาก ลุกไหวมั้ย ชั้นจะพาไปหาหมอ” มัทนีจับแขนอาทิตย์ จะช่วยประคอง
“โอ๊ย”
“แขนนายหัก” อาทิตย์พลิกตัวออกมาจากรถได้ นอนแผ่อยู่ข้างทางตรงนั้น พักเหนื่อย ไม่ได้มีท่าทีจะรีบไปหาหมอ “นี่ ลุกสิ ไปหาหมอ”
“ปล่อยผมไว้ตรงนี้เถอะ”
“เป็นบ้าหรือไง นายแขนหัก หัวแตกด้วย ไม่เจ็บหรือไง”
“เจ็บสิ แต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับที่คุณทำกับผมหรอก ภรรยาพาแฟนเก่ามาฮันนีมูน แล้วยังพยายามจะหนีไปกับแฟนเก่าอีก คุณโคตรโหด”
“ชั้น”
“ไปเถอะ ไม่ต้องมาห่วงผม”
อาทิตย์นอนแผ่อยู่อย่างนั้น
“นี่”
มัทนีอึกอัก ไม่รู้จะทำยังไง

อีกด้นหนึ่งที่บ้านมัทนี ในห้องนอนจำเนียร หาญปลดล็อกรหัสตู้เซฟได้ เปิดออกมา เลือกหยิบกล่องทองคำที่มีสร้อยทองหลายๆ เส้นอยู่ในนั้น หาญเลือกหยิบมาเส้นหนึ่งประมาณ 5 บาท หาญรีบเก็บสร้อยนั้น แล้วปิดตู้เซฟตามเดิม
หาญรีบเดินจ้ำออกมาที่ด้านนอกบ้าน พบว่าจำเนียรกำลังให้เหน่งกับโหน่งนั่งพนมมือจุดธูปสาบานอยู่ที่สนามบ้าน ท่วมทุ่งดูอยู่
“คุณจำเนียร ทำอะไรน่ะ” หาญถาม
“ต่างหูเพชรชั้นหายค่ะ ต้องมีคนขโมยไปแต่ไม่ยอมรับก็ต้องสาบานให้รู้แล้วรู้รอด ว่าตามชั้น ข้าพเจ้า ชื่อ”
“ข้าพเจ้า นางสาวเหน่ง”
“ข้าพเจ้า นางสาวโหน่ง”
“ขอสาบานต่อหน้าฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หากข้าพเจ้าเป็นคนขโมยต่างหูเพชรของคุณจำเนียรไปขอให้ข้าพเจ้าไม่ตายดี ถูกฟ้าดินลงโทษให้ตายอย่างทุกข์ทรมานในสามวันเจ็ดวัน ให้กลายเป็นสัมพะเวสีเร่ร่อน ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย”
หาญซีด สยอง ท่วมทุ่งเห่าหาญ
“เห่าอะไร ท่วมทุ่ง” จำเนียรหันมาเห็นหน้าหาญ “คุณหาญ เป็นอะไรคะ”
“สัมพะเวสี เอ๊ย เปล่าๆ ผม ผมจะไปวัด เย็นนี้หลวงพ่อนกจะมีเทศน์มหาชาติ ผมเลยจะไปช่วยงานหลวงพ่อ
หน่อย”
หาญรีบออกไป
“เทศน์มหาชาติเหรอ เดี๋ยวสิคุณหาญ ชั้นไปด้ว...ย...” แต่หาญออกไปเลย ไม่รอ “อ้าว จะรีบร้อนอะไร ชั้นอยากไปฟังเทศน์มหาชาติมาก ตามไปเองก็ได้”
จำเนียรคิดจะตามไปที่วัด

เวลาผ่านไปที่บ้านน้ำผึ้ง น้ำผึ้งกำลังเดินหนีหาญ
“ผึ้งรับไว้ไม่ได้ มันมากเกินไป”
“อย่าพูดเหมือนชั้นเป็นคนอื่นสิ”
“ก็คุณเป็นคนอื่นจริงๆ แค่ที่คุณช่วยก็เป็นบุญคุณมากเกินพอแล้ว ไม่มีใครที่เพิ่งรู้จักกันทำให้กันมากขนาดนี้ เว้นเสียแต่ว่าคุณต้องการอะไรจากผึ้ง”
“เด็กหนอเด็ก ชั้นบอกแล้วไงว่า หนูเป็นคนดี ชั้นก็แค่อยากสนับสนุนคนดี”
“แต่มันมากไป คุณเอาเงินเอาทองมาให้ผึ้งอย่างนี้ แล้วคนที่บ้านคุณ เขาไม่ว่าเหรอคะ”
“ภรรยาชั้นเขารู้ เขายังบอกให้ชั้นช่วยเหลือครอบครัวหนูให้เต็มที่”
“จริงเหรอค่ะ”
“อย่าคิดมาก ชั้นไม่มีภาระอะไรแล้ว ไม่ช่วยหนู ชั้นก็ทำบุญ ช่วยคนอื่นอยู่ดี มันไม่ได้แตกต่างกันหรอก รับไว้เถอะนะ” น้ำผึ้งยอมรับมา
“ผึ้ง เป็นหนี้บุญคุณคุณมาก ไม่รู้จะชดใช้ยังไงให้หมด”
“ไม่เป็นไรๆ ขอแค่หนูเป็นคนดี เป็นเด็กดีของชั้นก็พอ”
“หนูเรียกคุณว่าพ่อได้มั้ยคะ พ่อบุญธรรม”
“ได้สิ ได้เลย”
“คุณพ่อหาญ”
น้ำผึ้งกอดหาญ หาญเคลิ้ม

ส่วนที่ไร่คุณนายลิ้นจี่ มัทนีขับรถอาทิตย์เข้ามาจอดหน้าบ้านพัก แล้ววิ่งมาเปิดประตูที่นั่งข้างๆ ประคองอาทิตย์ที่เข้าเฝือกอ่อนที่แขนและพันหัวลงมา เพื่อนๆ รอ ลุกรับ
“ค่อยๆ นั่ง ค่อยยังชั่ว ดีนะที่ที่นี่มีสถานีอนามัยที่โอเคเลย”
อาทิตย์นั่งลง
“ไอ้เอกชเยศร์มันเล่นดับเครื่องชน แล้วไหล่ทางตรงนั้น ถ้าพลาดท่า ถึงตายได้เลยนะ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก” โทนี่บอก
“ไอ้ขี้ขลาด เผ่นไปไหนแล้วก็ไม่รู้” แท่นบอก
“คันเท้า อยากกระทืบคน” โมกข์บอก
“ไอ้นี่ ท่ามันจะไม่อยากตายดีแน่” อเนกบอก
“คุณอเนก ทำไมต้องเจ้าคิดเจ้าแค้นต่อหน้าลูกด้วย เกิดลูกซึมซับไปจะทำยังไง” นรีต่อว่า อเนกจ๋อยๆ
“แค้นครั้งนี้ชำระสิบปีก็ไม่สายแน่” โมกข์บอก

มัทนีเดินกลับเข้ามาถือน้ำดื่มมาด้วย
“เอ้า มียาก่อนอาหารต้องกินไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวชั้นจะไปบอกลุงสมให้หาอะไรมาให้นายทาน จะได้กินยาที่เหลือได้”
“คุณกลับกรุงเทพไปเถอะมัทนี”
“นายเจ็บเพราะชั้น ถ้าชั้นไป ชั้นก็เลวสิ”
“งั้นนายเอกชเยศร์ก็เลวมาก เพราะผมว่ามันหนีกลับกรุงเทพไปแล้วล่ะ” โทนี่บอก
“คุณไม่ต้องมาห่วงผมหรอก ผมมีเพื่อนๆ อยู่ดูแลอีกเยอะแยะ” อาทิตย์บอก
“อย่าพูดมาก” มัทนีต่อว่า อาทิตย์นิ่ง
มัทนีหยิบน้ำ หยิบยามาป้อน
“เฮ้ย อะไร ผมไม่กิน”
มัทนีป้อน นรีสังเกตเห็นว่ามัทนีห่วงใยอาทิตย์มาก

อีกด้านหนึ่ง นรีกำลังบอกให้ทุกคนกลับ
“อเนก เรากลับกันเถอะค่ะ ปล่อยให้สามีภรรยาเขาอยู่ดูแลกันเอง เผื่ออะไรๆ จะได้ดีขึ้น”
“แน่ใจเหรอครับว่าจะดีขึ้น”
“เมื่อกี้คุณไม่สังเกตเหรอ”
“สังเกตอะไร”
“ผู้ชายก็ยังงี้ อารมณ์ความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ไม่เคยมองเห็น ชฎาเห็นด้วยว่าพวกเราทุกคนควรกลับได้แล้ว คนรักกัน จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนซะที”
“แต่ชั้นยังสนุกอยู่เลย” ปุยฝ้ายบอก
“สนุกก็ต้องตัดใจ ใครที่ทำตัวเป็นมารผจญความรักของคนอื่น ชาตินี้ระวังจะไม่มีความรักนะ” ตู้บอก
“ชั้นว่าพวกเราก็น่าจะกลับเหมือนกันนะ” แท่นบอก
“หือ?” โมกข์ โทนี่ อเนกทำเสียงแปลกใจ
“อาทิตย์ไม่ได้อยากชวนเรามาด้วยตั้งแต่แรก มันแค่ให้มาช่วยจัดการนายเอกชเยศร์ ตอนนี้ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เราก็แยกย้าย”
“อเนกต้องกลับอยู่แล้ว จริงมั้ยคะ” นรีบอก
“กลับเถอะ”
โทนี่กับโมกข์เซ็งๆ แต่ก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม

“ถ้าพวกแกกลับหมด สาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปก็กลับ แล้วเราจะอยู่ทำไม”

ตู้เดินมาที่ห้องน้ำ กำลังจะเข้าไป แต่แล้วประตูเปิดออก แท่นเดินออกมา

“คุณตู้”
“เราเจอกันที่หน้าส้วมอีกแล้วนะครับ”
“ครับ สงสัยจะเป็นที่ของเรามั้งครับ ฮะๆ”
“ครับ”
“คุณอยากกลับกับผมมั้ยครับ เอ่อ คือ ที่ผมถามคือผมเอารถตู้ขนน้องๆ ศิลปินฝึกหัดมาด้วย เผื่อรถพวกคุณแน่น อยากจะนั่งสบายๆ ก็มานั่งกับผมได้”
“ขอบคุณครับ แต่รถที่มาก็นั่งได้สบายครับ”
ทั้งคู่อึกอักๆ กระอักกระอ่วน
“ครับ”
“ครับ”
“ครับ”
“งั้นก็ ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
“ครับ บายครับ”
ทั้งคู่ต่างจะเดินสวนกัน เงอะๆงะๆ แล้วจังหวะที่เดินสวนกันนั้น ปลายนิ้วก้อยของทั้งคู่ดันสะกิดกันนิดเดียว ทั้งคู่ผงะ เกิดอาการไฟช็อต สั่นสะท้านไปทั้งตัว แล้วหันกลับมามองกัน อย่างตกตะลึงงันในปฎิกิริยาสปาร์คที่เกิดขึ้น
ตู้รีบวิ่งหนีเข้าส้วมไป แท่นยืนหายใจรัวๆ แบบตื่นเต้นสุดๆ

อเนกมาส่งเพื่อนๆ ที่รถ
“พวกแกขับรถดีๆ นะ ชั้นโทษทีที่ไม่ได้กลับด้วย ต้องไปขับรถให้นรีน่ะ”
“ไปเถอะ พวกชั้นชินแล้ว”
แท่นเดินกลับมา ท่าทางช็อกๆ
“เป็นอะไรวะแท่น” โมกข์ถามเมื่อหันมาเห็นแท่นยืนทำหน้าเหวอ เลยเข้ากอดคอแท่น “ทำหน้ายังกับเห็นผีงั้นแหละ” แท่นหันมามองหน้าโมกข์นิ่งๆ แววตาของแท่นเปลี่ยนไป โมกข์ขนลุกไม่มีเหตุผล ผงะๆ งงๆ ผละออกจากแท่น
“ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวมืดก่อน”
ทั้งหมดขึ้นรถไป แท่นยังหันกลับไปมองทางที่เดินมา งงๆ เครียดๆ ไม่เข้าใจตัวเอง

วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ จำเนียร เหน่ง โหน่งมาที่วัด
“วัดนี้แหละค่ะ ที่คุณผู้ชายท่านชอบมาหาหลวงพ่อนก” เหน่งบอก พอดีมีหลวงพี่เดินผ่านมา
“นมัสการค่ะหลวงพ่อ ดิฉัน จำเนียร ภรรยาของคุณหาญ ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงพ่อนกค่ะ ไม่ทราบตอนนี้สามีดิฉันกับหลวงพ่อนกอยู่ที่ไหนเจ้าคะ ตรงไหนที่จะใช้จัดงานเทศน์มหาชาติ”
“โยมมาผิดวัดแล้ว วัดนี้ไม่มีชื่อหลวงพ่อนก”
จำเนียรงง

คืนนั้นที่บ้านพักไร่คุณนายลิ้นจี่ อาทิตย์นอนกึ่งนั่งพิงหมอนอิงอยู่ที่บริเวณระเบียงชมวิวไร่ของบ้าน มัทนียกจานข้าวเข้ามาวางไว้ให้
“เอ้า กินข้าวซะ คุณยังมียาหลังอาหารอีก”
“คุณจะอยู่ทำไม ทำไมไม่กลับกรุงเทพไปกับแฟนคุณ”
มัทนีไม่ตอบหยิบชามมา จะป้อน
“อ้าปาก”
“ผมอยู่คนเดียวได้”
“อ้าปาก”
“อยากกินเมื่อไหร่เดี๋ยวกินเอง”
“คุณจะเอาชนะชั้นใช่มั้ย”
“สำหรับคุณ ผมทำอะไรก็ผิด พามาฮันนีมูนก็หาว่าผมพามาหื่น ไม่กินข้าวก็หาว่าเอาชนะ ถ้าผมตายก็คงด่าว่าผมหนีปัญหา”
“ก็ช่วยทำตัวดีๆ เป็นคนธรรมดา ไม่กวนประสาท ไม่เจ้าเล่ห์”
“ว่าแต่ผม คุณทำได้ป่าวเหอะ”
“ชั้นขอโทษ”
“หือ?”

“เรื่องที่เอกชเยศร์ทำให้คุณเจ็บ ชั้นรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดชั้น แต่ชั้นก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขามาที่นี่ ชั้นไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเสียหน้า ชั้นขอโทษ พอใจยัง”
“ผมไม่รู้ว่าคุณแต่งงานกับผมเพราะอะไร เพราะคุณรักผมเพราะอกหักจากแฟนเก่า หรือเพราะปฏิเสธพ่อกับแม่ไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าคุณจริงจังกับเรื่องนี้ ผมก็พยายามจะทำทุกอย่างให้เหมือนคนทั่วไปเขาทำกัน พาคุณมารู้จักบ้านตากอากาศของครอบครัว รู้จักสังคมของผม มีการฮันนีมูน มีอะไรที่หวานๆ โรแมนติกๆ แต่ดูเหมือน เวลาคุณมองหน้าผม คุณจะเห็นโลโก้เพลย์บอยปักอยู่กลางหน้าผากของผมตลอดเวลา”
“ชั้นจะพยายามมองนายใหม่แล้วกัน”
“ต้องพยายามเลยเหรอ”
“มากๆ เลย”
“ก็ยังดี”
มัทนีกับอาทิตย์ยิ้มออกมา
“กินข้าวซะ จะได้กินยา”
อาทิตย์อ้าปากรอ มัทนีป้อน

หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จ มัทนีประคองอาทิตย์เข้ามาในห้องนอน
“แล้วคืนนี้คุณจะนอนที่ไหน ถ้าจะไปนอนระเบียงอีก ผมไม่ยอม คุณต้องนอนในห้อง ผมออกไปเอง”
“นายไม่สบาย จะไปนอนตากน้ำค้างทำไม”
“คุณนอนได้ ผมก็นอนได้”
“งั้นก็นอนในห้องด้วยกันนี่แหละ” อาทิตย์ชะงัก
“แน่ใจนะว่าอยากนอนร่วมห้องกับผม”
“อย่ามาทะลึ่ง”
“ทะลึ่งอะไร แต่งงานกันมาสองคืนแล้ว นี่จะเป็นคืนแรกที่เราได้นอนร่วมห้องกัน ผมก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”
“นายไปนอนบนเตียง เดี๋ยวชั้นปูเสื่อนอนแถวนี้เอง”
“ไม่ คุณนั่นแหละนอนเตียง”
“ไม่”
“งั้นก็นอนเตียงด้วยกัน”
“อะไรนะ”
“เราสองคน นอนเตียงเดียวกัน โอเค้?”

อาทิตย์ปูเสื่อนอนพื้นด้านหนึ่งของเตียง มัทนีปูเสื่อนอนพื้นอีกด้านของเตียง
“มีเตียงก็เหมือนไม่มี” อาทิตย์บ่น
“ยุติธรรมที่สุดแล้ว เอาล่ะ ทีนี้ก็นอนได้”
“อย่างน้อยก็ได้นอนร่วมห้องกัน”
“ขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าคิดจะฉวยโอกาสทำอะไรบ้าๆ กับชั้น ชั้นเตะนายแขนหลุดแน่”
“เป็นคำพูดกู๊ดไนท์ที่น่ารักมาก”
มัทนีจะนอน แต่เห็นว่าอาทิตย์นอนมองหน้าตัวเองอยู่ มัทนีพยายามจะไม่สนใจ หันไปทางอื่น แต่สักพักก็ต้องหันกลับมามองว่ายังมองอยู่หรือเปล่า อาทิตย์นอนมอง ยิ้ม
“มองอะไร”
“คุณจะนอนก็นอนไปสิ ผมยังไม่ง่วง”
“ชั้นชอบนอนตะแคงด้านนี้ นายหันหน้าไปทางนู้น”
“ผมก็ชอบนอนตะแคงด้านนี้”
“นาย” มัทนีเอาหมอนอีกใบมาปิด บังหน้าตัวเองไว้ “กวนประสาท”

มัทนีอยากรู้ ค่อยๆ เปิดหมอนออกดู ปรากฏว่าอาทิตย์หายไปแล้ว มัทนีตกใจ งง
“มองหาผมเหรอ”
ปรากฏว่าอาทิตย์ขึ้นไปบนเตียง มองหน้ามัทนีอยู่
“นายจะทำอะไร”
มัทนีกระเด้งขึ้นมา พร้อมป้องกันตัว เอาหมอนฟาดๆๆ
“เฮ้ยๆๆ ผมมาหยิบรีโมทแอร์ ตรงที่คุณนอนแอร์ตก เดี๋ยวไม่สบาย” อาทิตย์กดเบาแอร์ให้ “เมื่อไหร่จะไม่ไว้ใจผมสักที”
“กลับไปนอนที่ของนาย ไป”
อาทิตย์กลับไปนอนที่ ยิ้มๆ ยิ่งรู้ว่ามัทนีกลัว ยิ่งยั่วๆ
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก แต่อย่าเผลอ”
มัทนีเขวี้ยงหมอนใส่
“นาย”
อาทิตย์ล้มตัวนอน มัทนีพยายามข่มตานอน

คืนเดียวกันนั้นที่บ้านมัทนี หาญกลับเข้ามาในบ้าน ท่วมทุ่งลุกมาดู แล้วหันหลังให้ ล้มลงนอน จำเนียรนั่งรออยู่ โดยมีเหน่งกับโหน่งนั่งขนาบข้าง
“เป็นยังไงบ้างคะ เทศน์มหาชาติ” จำเนียรถาม หาญรีบทำสงบเสงี่ยม ทรงศีลทันที
“คนเยอะ แต่ทุกคนก็ได้บุญกลับบ้านกันไปถ้วนหน้า ผมได้ฟังเทศน์ครบ13กัณฑ์เลยนะ หลวงพ่อบอกว่า จะทำให้เกิดความสำเร็จทุกประการ มีอานิสงส์สูงสุด จะได้พบพระศรีอาริย์พุทธเจ้า ไม่ต้องตกนรก ได้พบนิพพาน”
“เหรอคะ”
“คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมอธิษฐานเผื่อคุณด้วย”
“ขอบคุณค่ะ พอดีวันนี้ชั้นตามคุณไปที่วัดมา หลวงพ่อที่วัดบอกว่าที่วัดไม่มีงานเทศน์มหาชาติ และไม่มีหลวงพ่อนกด้วย”
“หา”
“คุณไปมหาชาติไหนมา”
จำเนียรถามเสียงเข้ม หาญอึ้ง ซีด

ภายในห้องนอน บ้านพักที่ไร่ มัทนีนอนหลับ อาทิตย์ก้าวมายืนอยู่ข้างๆ มัทนีแล้วค่อยๆ ย่อลงมานั่งข้างๆ มองหน้ามัทนีที่กำลังหลับสนิท แล้วก็เอาผ้าห่มที่ร่นไปปลายเท้า หยิบมาห่มให้มัทนีใหม่ ให้เรียบร้อย อาทิตย์ห่มเสร็จก็นั่งมองอยู่อย่างนั้น ยิ้มๆ อ่อนโยน
“แค่จับมือคุณ ผมยังไม่เคยฉวยโอกาสเลย ไม่รู้จะกลัวอะไรผม”
อาทิตย์ยิ้มๆ แล้วลุกกลับไป
จริงๆ แล้วมัทนียังไม่หลับ เธอค่อยๆ แอบลืมตาขึ้นมา รับรู้ได้ แอบรู้สึกดี แต่อยู่ๆ อาทิตย์วกกลับมาซะงั้น
“นั่นแน่”
“เฮ้ย”
มัทนีเสียฟอร์ม หน้าแตก โดนจับได้ว่าแกล้งหลับ
“ว่าแล้วต้องไม่หลับ ฮ่าๆ”
“อีตาบ้า”
มัทนีเอาหมอนไล่ตีๆๆ อาทิตย์ใช้มือข้างเดียวปกป้องๆ
สุดท้ายอาทิตย์ก็คว้ามือมัทนีเอาไว้ ได้จับมือกันในที่สุด มัทนีเขิน

“มือคุณนิ่มกว่าที่คิดนะเนี่ย”
 
อ่านต่อหน้า 4

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ส่วนที่บ้านมัทนี หาญเดินแยกออกมา คิดหาทางเอาตัวรอด จำเนียรตามไล่จี้

“หลวงพ่อนกเป็นใคร อยู่ที่ไหน มีตัวตนจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าคุณปิดบังอะไรชั้นอยู่ บอกมาคุณหาญ”
หาญอึกอัก
“หรือจริงๆ คุณผู้ชายแต่งเรื่องหลวงพ่อนกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการออกจากบ้าน” เหน่งบอก
“ไม่ใช่” หาญบอกเสียงสูง
“เสียงดังและสูง แววตาสั่นระริก มีอาการเหมือนคำพูดจุกคอ ไม่กล้าสู้หน้า นี่มันอาการของคนโกหกชัดๆ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ หลวงพ่อนกมีจริงๆ แต่ท่านไปแล้ว ท่านคงเห็นว่าวัดนี้จนและไม่ตอบโจทย์ของท่านก็เลยย้ายไปเกาะ เอ๊ย ไปอยู่วัดใหม่ที่เจ๋งกว่า ทำให้ท่านบรรลุถึงธรรมได้มากกว่า”
“ถ้ามันเป็นความจริง ทำไมคุณไม่บอกชั้นตามตรงตั้งแต่แรก”
“ท่านขอร้องไม่ให้บอกใคร ท่านกลัวจะถูกรบกวน”
“ไม่จริงอ่ะ” เหน่งกับโหน่งบอกพร้อมกัน
“คุณไม่เชื่อผมใช่มั้ยคุณจำเนียร เหมือนที่หลวงพ่อเคยทำนายไว้ไม่มีผิด ไม่ว่าผมพูดอะไร จริงแค่ไหน คุณก็จะสงสัย ระแวง มีคำถาม ใช่มั้ย พรุ่งนี้ผมจะไปบวช”
“หา”
จำเนียรตกใจ

“หลวงพ่อนกเคยบอกผมว่าในอดีตชาติ คุณเคยเกิดเป็นเสือดาวราชินี แต่คุณทรยศความไว้ใจของสามี เสือไปสมคบคิดกับสิงโตป่า จึงเป็นเหตุให้ชาตินี้ ครอบครัวเราต้องเผชิญกับกรรมอันเกิดจากความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ จิตที่มโนคิดไปเองจะนำพามาซึ่งความเดือดร้อน เหมือนมีไฟกลางบ้าน ให้ร้อนรุ่มอยู่ไม่เป็นสุข ทางเดียวที่จะลดกรรมเก่านี้ได้ คือผมจะต้องบวช เพื่อให้ผลบุญไปเจือจางกรรมเก่าของคุณ”
“คุณอย่าล้อเล่น”
“นี่ไง คุณไม่เชื่อผม คุณระแวงผมแล้ว และมันจะไม่หยุดแค่นี้ มันจะมากขึ้นๆ ผมถึงต้องไปบวชเพื่อจบปัญหานี้ แต่ก่อนไปคุณควรจะรู้ว่าที่ผมสวดมนต์รักษาศีลอยู่ทุกวันนี้ คิดว่าเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่เพื่อให้ครอบครัวเราอยู่เย็นเป็นสุข แต่คุณ...” หาญซวนเซ ถอยไปซบกำแพง “คุณไม่เข้าใจ คุณไม่เข้าใจ”
หาญหันหลัง ทำเป็นสะอึกสะอื้น ทุบกำแพงระบายเครียด
“พอแล้วค่ะ อย่าค่ะๆ” จำเนียรรีบไปห้ามหาญไม่ให้ทุบกำแพง “ชั้นเชื่อคุณแล้ว ชั้นจะไม่ปล่อยให้จิตถูกความระแวงสงสัยเข้าครอบงำ ชั้นเชื่อใจคุณ อย่าไปบวชเลยนะคะคุณหาญ”
จำเนียรกอดปลอบหาญ เหน่งกับโหน่งงงที่เกมพลิก

เช้าวันใหม่ ที่ไร่คุณนายลิ้นจี่ มัทนีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา มองไปที่ที่นอนของอาทิตย์ก็พบเพียงที่นอนที่ถูกพับเก็บเรียบร้อยแล้ว ไม่มีตัวอาทิตย์ มัทนีลุกมานั่ง มองไปรอบๆ ห้อง มีชุดใหม่วางเอาไว้ให้บนเตียง มัทนีแปลกใจ
มัทนีเดินมองหาอาทิตย์เข้ามาที่บริเวณไร่ เห็นอาทิตย์กำลังใช้มือข้างเดียวช่วยลุงสมและคนงานยกกระบะสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวแล้วขึ้นใส่ท้ายรถบรรทุกแบบที่มีตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็น อาทิตย์ท่าทางไม่ถือตัว ทำงานกระฉับกระเฉงไม่ต่างจากคนงาน มัทนีมองอาทิตย์ แววตาชื่นชม
เมื่อยกกะบะสมุนไพรหมดแล้ว อาทิตย์แกล้งอุ้มเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกคนงานขึ้นไปใส่ท้ายรถด้วย เด็กร้องโยเย คนงานทั้งหมดหัวเราะกัน มัทนีเผลอยิ้มไปด้วย อาทิตย์หันมาเห็นมัทนีพอดี มัทนีรีบหุบยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก”
คนงานทุกคนหันมาทักทายมัทนีด้วยเสียงแจ่มใสคึกคัก
“อรุณสวัสดิ์ครับ(ค่ะ)คุณมัทนี”
มัทนีอึกอัก ยิ้มรับ
“ตื่นสายขนาดนี้ แสดงว่าเมื่อคืน คงจะเหนื่อยมากสินะครับ อิๆ”
พวกคนงานกริ๊วกร๊าว มัทนีอึ้ง อาทิตย์ยิ้ม

อาทิตย์ถือเสียมขุดเดินเข้ามาในไร่ มัทนีตามมาเพื่อต่อว่าอาทิตย์
“ทำไมนายไม่ปลุกชั้น ปล่อยให้ชั้นนอนหัวโด่อยู่ได้ พวกคนงานจะไม่หาว่าชั้นขี้เกียจสันหลังยาวเหรอ”
“นี่มันช่วงฮันนีมูนของเรา ตื่นสายหน่อย ผมคิดว่าพวกคนงานเข้าใจ หึๆ หุๆ” มัทนีตีแขนๆ
“ทุเรศ นายจงใจจะให้ชั้นขายขี้หน้าคนอื่น”
“ผมเห็นว่าตั้งแต่วันแต่งงาน คุณไม่ค่อยได้หลับเต็มอิ่ม ผมเลยปล่อยให้คุณพัก แล้วนี่ คุณจะตามผมมาทำไม เดี๋ยวเป็นลมแดดหรอก”
“ขอบใจที่หวังดี แต่ชั้นไม่ได้บอบบางขนาดนั้น”
“ไปๆๆ ไปนั่งรอในร่ม ถนอมคอลลาเจนไว้เดี๋ยวเย็นๆ ผมจะพาคุณกลับ”
“คนที่ควรจะไปนั่งพักคือไอ้แขนเดี้ยงอย่างนายมากกว่า ไป” มัทนีคว้าเสียมจากอาทิตย์มา “ชั้นจะทำงาน”
“เห็นแดดมั้ย ที่นี่ไร่กลางแจ้งนะครับ ไม่ใช่ตึกติดแอร์เย็นฉ่ำจนเป็นตู้แช่แข็งแบบที่สาวเมืองกรุงชอบอยู่นะครับ”
“ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น”
อาทิตย์จะดึงเสียมคืนมา
“อย่าอวดเก่ง”
มัทนียื้อไว้ ไม่ปล่อยให้อาทิตย์แย่งไป
“นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอีกหน่อยชั้นต้องมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่ เพราะฉะนั้น ชั้นต้องเรียนรู้งานเอาไว้”
มัทนีแน่วแน่ ท้าทาย

อาทิตย์กับมัทนีเดินมาหยุดบริเวณที่ติดป้าย “ไร่กวาวเครือ”
“อยากทำก็ทำ แล้วอย่าบ่นล่ะกัน” อาทิตย์บอก มัทนีปักเสียมลงไปในดินอย่างแรง “เฮ้ย ใครให้จิ้มลงไปอย่างนั้น”
“ก็จะขุดหัวมันขึ้นมาไม่ใช่เหรอ”
“แล้วคิดมั้ยว่าถ้าเสียมไปโดนหัวที่อยู่ใต้ดิน มันจะเสียหาย ทะนุถนอมหน่อยสิ ค่อยๆ ขุด ไอ้ที่อยู่ใต้ดินคือชะตากรรมมนุษยชาติเลยนะ”
“ชะตากรรมมนุษยชาติ เฮอะ มันน่าเสียบให้ตายๆ ให้หมด”
“ตอนนี้คุณพูดได้ แต่ใครจะไปรู้ ว่าในอนาคตคุณจะไม่พึ่งมัน”
มัทนีถลึงตาใส่ อาทิตย์ยิ้มๆ ยกมือชี้ กำราบปรามๆ สั่งให้ทำอย่างระมัดระวัง มัทนีค่อยๆ ขุด

มัทนีกำลังใช้กรรไกรช่วยลุงสมตัดเก็บยอดสมุนไพรฟ้าทะลายโจรใส่ตะกร้า ทำงานกลางแจ้ง มีผ้าคลุมศีรษะไม่ต่างจากคนงาน ไม่ได้มีท่าทีกลัวแดดเลย มัทนีกลับดูสดใส ยิ้มแย้มกับพวกคนงาน
มัทนีขุดหัวกวาวเครือขึ้นมา ตื่นเต้นกับความใหญ่ของมัน
มัทนีกำลังเรียนรู้จากลุงสมที่กำลังสอนให้ดูว่าว่านชักมดลูกตัวผู้กับตัวเมียต่างกันยังไง มัทนีฟังอย่างตั้งใจ พยายามจดจำ แยกแยะ สีและรูปร่างของว่าน
มัทนีกำลังเรียนรู้วิธีการคัดเกรดสมุนไพร แยกใส่ตะกร้าต่างๆ
มัทนีกำลังช่วยคนงานหญิงเก็บสมุนไพรที่ตากแดดจนแห้ง ทำงานกลางแดด ยิ้มแย้ม
อาทิตย์ที่คอยสังเกตมัทนีอยู่ตลอด ชื่นชมที่เห็นเธอเอาการเอางาน ไม่เหยาะแหยะ ไม่บอบบางเหมือนสาวกรุงเทพทั่วไป

มัทนีมานั่งพักในร่ม ถอดผ้าคลุมศีรษะออกมาซับเหงื่อ อาทิตย์ถือน้ำในขันเงินมายื่นให้มัทนี
“นึกว่าจะบอบบางเป็นปลาในตู้แช่แข็ง อึดเหมือนกัน ใช้ได้ๆ” อาทิตย์ยื่นขันน้ำให้ “อ่ะ”
“ใส่ยาฆ่าแมลงหรือเปล่า”
“ยาฆ่าแมลง เบาไป ผมใส่หนักกว่านั้นอีก”
“อะไร”
“ใจ” มัทนีทั้งเขินทั้งทึ่ง ตั้งตัวไม่ทัน งงๆ เหวอๆ คนงานแถวนั้นได้ยินด้วย มองอย่างแซวๆ อาทิตย์ทำเป็นออกตัวกับพวกคนงาน “ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ อย่าว่ากันเลยนะครับๆ”
พวกคนงานยิ้มๆ อย่างเข้าใจ มัทนียิ่งเขิน
“เอ้า เขินใหญ่แล้ว มาๆ ดื่มน้ำหน่อย ผมป้อน”
อาทิตย์นั่งป้อนน้ำให้มัทนีดื่ม พวกคนงานคอยแซวโห่ฮา

มัทนีเขิน เอาน้ำสาดใส่อาทิตย์ ในที่สุดทั้งคู่สาดน้ำกันสนุกสนานเป็นสงกรานต์

อีกด้านหนึ่งที่บ้านมัทนี หาญเดินออกมาจากในบ้าน ท่าทางรีบ จำเนียรนั่งรออยู่แล้วที่โซฟา

“จะไปไหนคะ”
“ผมจะไปหาหลวงพ่อนก ท่านโทรมาบอกว่าย้ายวัดใหม่ ทำอะไรก็ไม่สะดวก อยากให้ไปช่วยทำนั่นทำนี่หน่อย” หาญเห็นจำเนียรจ้องนิ่ง “ทำไมมองผมอย่างนั้น ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมพูดก็บอกมา ผมจะได้ปรึกษาเรื่องบวชกับหลวงพ่อด้วยทีเดียวให้จบๆ”
“ชั้นเชื่อคุณค่ะ”
เหน่ง โหน่งวิ่งกลับเข้ามา
“โหน่งเอาของขึ้นรถให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ถ้าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายพร้อมก็ออกรถได้เลยค่ะ”
“คุณจะไปไหน” หาญถามอย่างแปลกใจ
“เรา จะไปเยี่ยมหลวงพ่อนกไงคะ” จำเนียรบอก หาญตกใจ
“หะ”
“ชั้นได้ยินคุณพูดถึงท่านนานมากแล้ว ก็อยากจะไปกราบท่านบ้างเหมือนกัน รีบไปเถอะค่ะอย่าให้พระท่านรอนาน”
“เดี๋ยว คือ...”
“ไปค่ะ”
จำเนียรเดินนำไป หาญเครียด

จำเนียรเดินมาที่รถ เหน่ง โหน่งยืนรอส่งอยู่ที่รถ กำลังยกมือจรดหน้าผาก อธิษฐานขอพรมากมาย
“คุณผู้หญิงขา เราสองคนฝากทำบุญด้วยนะคะ”
“แล้วอย่าลืมขอเลขมาฝากเหน่งด้วยนะคะ”
หาญทำเป็นเดินช้า เพื่อถ่วงเวลาครุ่นคิดหาทางหนี
“คุณหาญ”
หาญสะดุ้ง
“ครับๆ”
“ทำอะไรอยู่ มาขึ้นรถเร็วๆ”

ท่วมทุ่งวิ่งมางับขากางเกงหาญ ดึงให้ไปขึ้นรถเร็วๆ หาญอึกอัก ไม่มีทางเลี่ยง เดินไปขึ้นรถ
“เดินทางดีๆ นะคะ”
เหน่งจะปิดประตูรถให้ แต่หาญร้องออกมาก่อน
“เดี๋ยวๆๆ”
“อะไรคะ”
“ผม ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ไว้วันหน้าค่อยไปดีกว่า”
“คุณก็ดูปกติดี ตัวก็ไม่ร้อน ไปวันนี้แหละค่ะ ปิดประตูเลยๆ”
เหน่งจะปิดประตู หาญร้องห้ามอีก
“อย่า ผมไม่สบายจริงนะคุณจำเนียร ผมปวดหัว ปวดท้อง ปวดหน้าอก หนาวด้วย สั่นไปหมดทั้งตัว ผมไม่ไหวแล้ว โอ๊ยๆๆ”
หาญแกล้งมีอาการปวดมากขึ้นๆ ถึงกับชักกะตุก ตาเหลือก น้ำลายไหล คอพับคออ่อน แกล้งไถลล้มคะมำออกมาจากรถ ดิ้นไปกับพื้น จำเนียรตกใจ
“คุณหาญ” จำเนียรรีบดูแล ประคองหาญ “ไปเรียกรถพยาบาลมาเร็วๆๆ”
ทุกคนแตกตื่น หาญตาเหลือก ชักๆ

อาทิตย์เดินมองหามัทนีมาแล้วก็พบมัทนีนั่งอยู่กับคนงานสาวๆ ทำอะไรบางอย่าง โดยมัทนีนั่งหันหลังให้อาทิตย์อยู่ อาทิตย์เข้าไปมองใกล้ๆ เห็นว่ามัทนีกำลังยกถ้วยยาขึ้นดื่ม อาทิตย์มองอย่างตะลึง
“ทำอะไรน่ะ” มัทนีตกใจ แทบพรวดยาออกมา รีบวางถ้วย อึกอัก อาทิตย์มองบริเวณนั้น มีหม้อต้มยาอยู่ มีว่านชักมดลูกอยู่ด้วย “คุณดื่มน้ำต้มว่านชักมดลูกเหรอ”
“เปล่า”
“หลักฐานคามืออย่างนี้ แหมๆ ทีตอนแรกล่ะด่าว่าผมทะลึ่งงี้ ตอนนี้ล่ะก็ซดโฮกๆ อยากกระชับเต่งตึงกะเค้าบ้างเหรอ”
“นี่ ชั้น ชั้นก็แค่ลองชิมให้รู้ว่ามันเป็นยังไง แค่นั้น”
“เหรอ” อาทิตย์หันไปถามพวกคนงานหญิง “ผมเข้าใจถูกต้องใช่มั้ยครับ”
พวกคนงานหญิงยิ้มคิกคักๆ แทนคำตอบ อาทิตย์หันมาจ้องมัทนียิ้มๆ จับผิดๆ
“แล้วไง ชั้นก็มีปัญหาของชั้นบ้าง ไม่ได้หรือไง”
มัทนีจะเดินหนี อาทิตย์รีบตามคว้ามือไว้
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ก็แค่จะบอกว่าถ้าคุณอยากลอง บอกผมก็ได้”
“ชั้นไม่อยากบอกนาย เคป่ะ”
“ผมเป็นสามีคุณนะ”
“แต่ชั้นก็ไม่ไว้ใจนาย เคป่ะ”
มัทนีผลักอาทิตย์ออก แล้วจะไป แต่ต้องชะงัก เพราะดินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาก่อน
“คุณอาทิตย์ครับ แย่แล้วครับ เจ๊ไฝ เจ๊ไฝ”

ที่เรือนพักคนงาน เจ๊ไฝกำลังยืนสะใจอยู่หน้ากองเสื้อผ้า ข้าวของ ที่นอนหมอนมุ้งจำนวนหนึ่ง ที่กองอยู่กลางลาน ไฟกำลังลุก มีไอ้แดง ลูกของเธอ ผูกข้างหลังไว้ในเป้ผ้าแบบชาวเขา มือถือเสียมเป็นอาวุธ คนงานหลายคน กำลังมุงดู แต่ไม่กล้ายุ่ง ดินวิ่งเข้ามา
“ดับไฟสิ ทุกคนช่วยกันดับไฟ ทำไมยืนดูกันสบายใจเลย”
“ลองสิ ใครกล้าดีก็เข้ามา กูจะฆ่ามันให้หมด” เจ๊ไฝบอก
“พี่ไฝ ดู นี่คุณอาทิตย์กับคุณมัทนีมาแล้ว พี่ทำลายทรัพย์สินของท่านนะ”
อาทิตย์รีบวิ่งเข้ามา มัทนีตามมา
“ไฝ ทำอะไร เผาข้าวของทำไม นั่นของใช้ของไฝเองไม่ใช่เหรอ”
“หนูจะเผามันให้หมด เผาแค่นี้ยังไม่พอ หนูจะเผาไร่นี้ทั้งไร่”
“อ้าว ไฝโกรธใคร โกรธชั้นเหรอ หรือโกรธไร่ โกรธชั้นก็มาพูดกะชั้นสิ ว่าชั้นทำอะไรให้ไม่ถูกใจ เพราะชั้นว่าไร่นี้ มีนไม่น่าจะมีความผิดนะ”
“ไร่ก็ผิด คุณอาทิตย์ก็ผิด ทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างผิดหมด”
เจ๊ไฝกวัดแกว่งเสียม แล้วเอาเสียมเขี่ยไฟให้ลุกทั่วๆ มัทนีมองลุ้นๆ เสียวลูกที่ผูกหลังจะหลุด
“เอ่อ พี่ไฝคะ จะทำอะไร ก็เอาลูกมาฝากชั้นก่อนดีไหม เดี๋ยวลูกเป็นอันตรายนะคะ”
ขณะนั้นลุงสมย่องๆ ไปข้างหลัง คิดจะรวบตัวเจ๊ไฝ ทุกคนมองลุ้น เจ๊ไฝเห็นสายตาทุกคนจึงหันขวับไปแล้วก็เห็นลุงสม เธอตกใจ เงื้อเสียมขึ้น
“อย่านะ ไฝ อย่า”

อาทิตย์รีบร้องห้าม แต่ไม่ทัน เจ๊ไฝฟาดเสียมลงที่หัวลุงสม
“อ๊าก”
ลุงสมล้มลงไปกอง เลือดไหลออกมา เจ๊ไฝตกใจ แต่แทนที่จะวิ่งหนี กลับเตลิดและวิ่งเข้าไล่ตีทุกคน
“เข้ามาสิ ใครเก่งก็เข้ามา กูจะฆ่าให้หมด กูก็สู้คนนะเว้ย”
คนงานแตกตื่น หนีเอาตัวรอด อาทิตย์วิ่งเข้าไปช่วยลุงสม ประคองขึ้น
“เจ้าดิน พาลุงสมไปสุขศาลาที เร็ว ไป”
ดินประคองลุงสมไป
“เจ๊ไฝ ถ้าเจ๊ดุแบบนี้ พวกผมไม่เกรงใจเจ๊ะล่ะนะ พวกเรา จัดการ”
คนงานชายบอกแล้วหันมา พยักหน้ากัน จะเข้ารวบตึงเจ๊ไฝแต่มัทนีเข้าขวาง
“อย่า อย่าใช้กำลังกับไฝเค้า อย่าใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง”
“อ้าว แล้วจะให้ผู้หญิงใช้ความรุนแรงกับผู้ชายข้างเดียวเหรอครับ” คนงานถาม
“ต้องไม่มีใครใช้ความรุนแรงกันทั้งนั้น ทุกเรื่อง เราต้องเจรจากันสิ พวกนายถอยไป” มัทนีเอาตัวเข้าขวาง เดินเข้าไปหาเจ๊ไฝ “พี่ไฝคะ พี่ไฝมีอะไรไม่พอใจ พูดกับชั้นได้นะคะ”
“แกเป็นใคร อย่ามาแส่ อยากเจ็บตัวรึไง”

อาทิตย์รีบวิ่งไปหามัทนี
“ผมคุยเองมัทนี พี่เขาไม่รู้จักคุณ แล้วตอนนี้ไม่รู้เขายังพูดรู้เรื่องหรือเปล่า”
“ผมว่าเจ๊เขาพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ ผัวมีเมียน้อยแค่นี้เอง เขาเลยเสพยา แล้วบ้าไปแล้ว” คนงานชายบอก
“เสพยาด้วยเหรอ ยาอะไร” อาทิตย์ถาม
“กูไม่ได้เสพยา อย่ามาใส่ร้ายกู จะมารุมกูเหรอ ไม่ต้องเลย ไม่ต้อง กูไปตายเองก็ได้ โฮๆ”
เจ๊ไฝวิ่งหนีไป มัทนีรีบตาม
“อย่านะ อย่า อย่าคิดสั้นนยะ”
อาทิตย์รีบตาม คนอื่นงงๆ ลังเล

เจ๊ไฝถือเสียมวิ่งมาในป่า เป้ลูกที่หลังเลื่อนลงมาจะตก มัทนีตกใจขณะวิ่งตามไป
“ระวัง พี่ไฝ ลูก ลูก จะหล่นแล้ว”
เจ๊ไฝหยุด หันมา เขวี้ยงเสียมใส่มัทนี
“อีคนกรุงเทพ แกเกี่ยวอะไรด้วย”
เจ๊ไฝดึงลูกมาอุ้มไว้ที่อกทั้งเป้แบบชาวเขาด้วย
“ชั้นจะไปตายด้วยกันทั้งแม่ทั้งลูก ในเมื่อพ่อของมันไม่รักครอบครัว ก็ไปตายกันให้หมด คนอื่นอย่ามาแส่”
เจ๊ไฝวิ่งไปถึงลำธาร แล้วอุ้มลูก ลุยลงไป
“หยุดนะ อย่าไป อย่าทำอะไรบ้าๆ”
มัทนีจะวิ่งตามลงไป อาทิตย์วิ่งมาถึงอีกคน

“มัทนี อย่าลงไป หยุด ผมเอง”

มัทนีชะงัก อาทิตย์เอาแขนกันมัทนีไว้ ส่วนตัวเองวิ่งลงไปในน้ำ ตามเจ๊ไฝ
 
พวกคนงานตามมาจำนวนหนึ่ง ยืนดูบนฝั่ง
“เจ๊ไฝ หันมาคุยกันก่อน เจ๊ต้องการอะไร ชั้นจะจัดการให้” อาทิตย์บอก เจ๊ไฝหันมา
“คุณอาทิตย์จัดการอะไรไม่ได้หรอก เดี๋ยวคุณก็กลับไป แล้วทุกอย่างมันก็จะเป็นเหมือนเดิม ไอ้ล้ำมันก็จะเอาคนงานสาวๆ ที่เข้ามาใหม่เป็นเมียน้อยอีกเหมือนเดิม”
“โอเค เข้าใจละ เรื่องพี่ล้ำนี่เอง ได้ ชั้นจะเรียกพี่ล้ำมาคุยให้รู้เรื่อง แต่ตอนนี้พี่ไฝขึ้นมาก่อน มา อยู่ในน้ำนี่มันอันตรายนะพี่”
“เห็นไหมคะ คุณอาทิตย์ยังรู้ว่าพี่กำลังตกอยู่ในอันตราย แล้วไอ้ล้ำล่ะ ตอนนี้มันอยู่ไหน มันรู้ไหมว่าเมียกะลูกมัน กำลังเสี่ยงตายอยู่”
“แล้วพี่ไฝจะมาเสี่ยงเพื่ออะไรล่ะ ในเมื่อทำไป พี่ล้ำเขาก็ไม่รู้”
“เห็นมั้ยๆ ชั้นตายไป ลูกมันตายไป มันก็ไม่รู้ มันไม่สนใจอยู่แล้ว แบบนี้ชั้นตายดีกว่า”
เจ๊ไฝหันหน้ากลับ เดินมุ่งไปสู่หน้าผา
“เฮ้ย พี่ไฝ ทำไมอย่างนี้ล่ะ”
มัทนีก้าวตามลงไปด้วย
“โธ่เอ้ย นายอาทิตย์ ไม่ได้เรื่องเลย”

มัทนีรีบลุยน้ำตามไป ป้องปาก ตะโกน
“พี่ไฝ พี่ไฝตายไป นึกเหรอว่าพี่ตายแล้ว พี่ล้ำกลับมารู้แล้วเค้าจะเสียใจ สำนึกได้ เปล่าเลย ถ้าพี่กะลูกตาย พี่ล้ำก็ยิ่งสบาย กลายเป็นหนุ่มโสด ฟันหญิงสนุกไปเลย”
“เย้ย ทำไมไปพูดแบบนั้นเล่า” อาทิตย์ตกใจ เจ๊ไฝหันกลับมา
“คุณว่าอะไรนะ พูดใหม่สิ”
อาทิตย์ปิดปากมัทนี
“คุณน่ะหยุดเลย แบบนี้พี่เค้าก็ยิ่งช้ำใจสิ”
มัทนีกระชากมืออาทิตย์ออก
“พี่ไฝ พี่คิดผิดนะ ถ้าคิดจะตาย เพื่อให้เขาสำนึกเสียใจ ไม่มีทางหรอก พี่ตายเขาก็เดินตัวปลิวไปหาสาวๆ พี่ต้องอยู่เพื่อขัดขวางมันสิ อย่ายอมหลีกทางให้มันง่ายๆ”
“ชั้นไม่ยอมตาย เพื่อให้มันสบายหรอก”
“ใช่ ถ้าจะต้องมีใครตาย ต้องไม่ใช่เราพี่ รวมกันเราอยู่ทิ้งกูมึงตาย”
“ถูกต้อง”
“สู้ๆ พี่ กลับมาๆ เราจะไปฆ่ามันกะอีนังเมียน้อยด้วยกัน ลุย”
“สู้ๆ ลุย”

เจ๊ไฝลุยกลับมา มัทนีก้าวเข้าไป ยื่นมือจะไปรับ ทันใดเท้าเจ๊ไฝเหยียบบนหินลื่นตะไคร่น้ำก้อนหนึ่ง แล้วเสียหลัก ล้มจ้ำบ้า ปล่อยลูกหล่น
ลูกที่ยังอยู่ในผ้าห่อพร้อมเป้แบบชาวเขา หล่นลงน้ำ แล้วไหล่ไปตามน้ำทุกคนร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ เจ๊ไฝช็อก ผวาตาม มัทนีก็ผวาตาม ลูกเจ๊ไฝไหลไปเร็วมาก อีกไม่ไกลจะถึงหน้าผาอยู่แล้ว อาทิตย์รีบว่ายน้ำตามไปทันที อาทิตย์ว่ายน้ำตามจนทันแล้วคว้าเด็กไว้ได้
อาทิตย์อุ้มเด็กมากอดไว้ พยายามจะเดินกลับมา มัทนีว่ายตามไป ฉุดแขนอาทิตย์ไว้ พยายามดึงกลับมา คนงานได้สติต่างกระโดดลงไปแล้วจับมือต่อๆ กันไป จนถึงตัวอาทิตย์และช่วยอาทิตย์กับเด็กขึ้นมาได้
เจ๊ไฝเข้าไปดูลูก ลูกปลอดภัยดี ยิ้มแฉ่งในอ้อมกอดอาทิตย์ อาทิตย์ส่งคืนให้
“ลูกแม่ แม่ขอโทษ”
ทุกคนโล่งใจ มัทนี อาทิตย์ ยิ้มกันอย่างดีใจ จับมือกันบีบแรงๆ

อีกด้านหนึ่งที่หน้าออฟฟิศเอกชเยศร์ เอกชเยศร์ยืนอยู่ตรงกลางคู่รักคู่หนึ่ง
“ขอทางหน่อยครับ”
เอกชเยศร์เดินแหวกคู่รักคู่นั้นที่ยืนคุยอี๋อ๋อกันขวางทางเดิน
“โลกนี้มีแค่แกสองคนรึไง”
เอกชเยศร์บ่น แต่แล้วเอกชเยศร์ก็ต้องชะงัก เพราะอเนกกับแท่นยืนขวางหน้าอยู่ เอกชเยศร์จะหันกลับ แต่ก็พบว่าโมกข์กับโทนี่มาล้อมเอาไว้หมดทุกด้าน
“พวกแก จะทำอะไรชั้น ที่นี่หน้าออฟฟิศชั้น นั่นๆ วงจรปิด เห็นใช่มั้ย ถ้าพวกแกทำอะไร แกหนีไม่รอดแน่”
“ใจเย็นๆ เรามาดีก็แค่อยากมาดูน้ำหน้าไอ้คนที่มันทำเพื่อนเราบาดเจ็บว่ามันอยู่สบายมีความสุขดีหรือเปล่า”
“เห็นแกมีความสุขดีก็ดีใจด้วย หวังว่าแกจะแฮปปี้ยังงี้ไปนานๆ”
“แต่ดูโหงวเฮ้งแล้ว โชคของแกหมดแล้วล่ะ ต่อไปจะมีแต่เคราะห์ หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าที่แกเคยทำกับเพื่อนของเราเอาไว้”
“อาทิตย์แขกหัก แต่แกจะเจอยิ่งกว่า”
“พวกเรามาเตือน ว่าอย่าเผลอ เพราะแกเจอหนักแน่”
“เดินไปไหนมาไหน ระวังหลังไว้ให้ดีๆ”
“รับรองได้ว่างานนี้มีไอซียูแน่”

พวกอเนกเดินรุมกดดันบีบเอกชเยศร์เข้ามา
“อย่านะเว้ย ไอ้พวกหมาหมู่”
เอกชเยศร์พยายามจะผลักออก แต่พวกเอนกก็เดินรุมบีบเข้ามา ผลักอกเอกชเยศร์ให้กลับมากลางวง ไม่ให้เอกชเยศร์หนีออกไปได้ พวกเอนกส่งเสียงโห่ฮาข่มขู่
เอกชเยศร์กลัวจะโดนรุม ยกมือปัดป้องและปิดใบหน้าตัวเอง กันเหนือศีรษะ แล้วถูกบีบจนกระทั่งทรุดลงไปนั่งยองๆ กลางวง ร้องโวยวาย
“ถ้าพวกแกจะทำอะไร อย่าทำหน้า ชั้นขอร้อ”ง
พวกอเนกเห็นเอกชเยศร์กลัวลนลาน ก็หัวเราะสะใจ แล้วแยกตัวออกไป แต่เอกชเยศร์ยังไม่รู้ตัว ยังคงร้องโวยวาย คนแถวนั้นมองเพียบ
สักพักเอกชเยศร์จึงรู้ตัวนั่งยองด้วยความแค้น

พวกอเนกเดินหัวเราะกันออกมาที่ลานจอดรถ
“พวกแกคิดว่าจากนี้ไปไอ้เอกชเยศร์มันจะอยู่ยังไง”
“คงจะระแวงความปลอดภัยจนไม่เป็นอันกินอันนอนแน่”
“เดี๋ยวชั้นจะเอาเบอร์มือถือมันไปให้ฟอลโล่วเวอร์ของชั้นช่วยกันโทรไปถล่มมือถือมัน เอาให้กระอักเลือดไปเลย”
“ดี เอาให้มันอยู่ไม่เป็นสุข ยังงี้สะใจกว่ารุมกระทืบมันเป็นไหนๆ”
ทุกคนหัวเราะสะใจ มือถืออเนกดัง แบบว่าตั้งเวลาเตือนเอาไว้
“เฮ้ย ชั้นต้องไปรับนรีแล้วว่ะ สอนเซ็คสุดท้ายใกล้เสร็จแล้ว ช่วงนี้ท้องแก่แล้วด้วย ต้องถนอมหน่อย ไปก่อนนะเว้ย”
“เออ รีบไปเช็กชื่อให้ทันนะเว้ย” โมกข์แซว

ขณะนั้นโทนี่กดมือถือคุยไลน์อยู่
“เฮ้ย ชั้นก็ต้องไปแล้ววะ พอดีปลาแถวนี้ดันมากินเบ็ดชั้นว่ะ” โทนี่บอก
“อ้าว แล้วชั้นล่ะ” โมกข์ถาม
“แกจะไปด้วยก็ได้นะเว้ย เพราะปลามากันเป็นหมู่ 3 ตัวเอ๊าะๆ” โทนี่บอก
“ปลาสามตัว เราสามคน ได้กินทั่วถึง ไม่ต้องแย่งกัน ไปๆๆ”
“ชั้นไปไม่ได้ว่ะ” แท่นบอก
“อ้าว” โมกข์ โทนี่ทำเสียงแปลกใจ
“มีคนจะเอาเด็กมาให้ช่วยปั้น ชั้นนัดไว้แถวนี้แหละ พวกแกตามสบาย” แท่นบอก
“งั้นชั้นขอสองแล้วกันนะเว้ย”
โมกข์กับโทนี่คึกคักๆ ออกไป แท่นมองเวลา
“ยังพอมีเวลา หาอะไรกินก่อนดีกว่า”
แท่นเดินแยกไปอีกด้าน
ที่มุมด้านหนึ่ง ไกลออกไป เอกชเยศร์ซุ่มดูอยู่ด้วยความแค้น อยากจะล้างแค้นให้จนได้ สีหน้าอาฆาตสุดๆ

ที่ไร่คุณนายลิ้นจี่ ล้ำจูงมือสาวจี๋เดินเข้ามา หัวเราะกันคิกคักๆ พอพ้นจากดงไม้ มาสู่ที่โล่งล้ำก็ต้องผงะเมื่อเห็น
อาทิตย์ มัทนี ลุงสมที่พันหัว ดิน คนงานอื่นๆ กำลังมุงกันเป็นวง หน้าขรึม เศร้าๆ ตรงกลางมีเสื่อห่ออะไรไว้สองม้วน ม้วนเล็กม้วน ม้วนใหญ่ม้วน ล่ำกับสาวจี๋ผละจากกัน เขินๆ เจื่อนๆ
“เอ็ง 2 คนไปไหนกันมา” ลุงสมถาม
“เอ้อ อ้า ไปตลาดนัดจ้ะ” จี๋บอก
“ไปตลาด แล้วไหนล่ะ กับข้าว” อาทิตย์ถามต่อ
“เอ่อ พอดีไม่ได้ซื้อมา ไปซื้อ แล้วก็กินที่นั่นเลย” ล้ำบอก
“แล้วเจ๊ไฝเมียพี่ล่ะ พี่ไม่ซื้ออะไรมาฝากเจ๊ไฝบ้างเหรอ” ดำถามต่อ
“เอ่อ ก็ ไฝมันไม่ชอบกินของที่ตลาดนัด มันชอบกินอาหารในโรงอาหารคนงาน เออ แล้วนี่ มีอะไรกันหรือครับ ประชุมอะไรกัน บรรยากาศเศร้าๆ” ล้ำเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่มีอะไร แค่คนงานตกน้ำ กำลังปรึกษากันว่าจะเอาไปไว้วัด หรือว่าจัดการที่นี่” ดินบอก
“เอาไว้วัดแหละ ทั้งแม่ ทั้งเด็ก ถ้าทำที่นี่ มันจะยุ่งยาก” อาทิตย์บอก

“แม่ กับเด็ก” ล้ำชะงัก มองที่สองห่อเสื่อนั้น มีรองเท้าแตะของเจ๊ไฝ และผ้าห่มลูก วางข้างๆ “เอ๊ะ นั่น รองเท้าไฝ”

“เจ๊ไฝแกคงไม่ต้องใช้แล้วล่ะ” ดำบอก

“เร็ว ดำ แบกขึ้นรถ เร็ว เดี๋ยวค่ำ ชั้นกลัวผี” อาทิตย์บอก
“เดี๋ยว แล้ว ไฝล่ะ ไฝอยู่ไหน” ล้ำรีบถาม
“ไฝเค้าไปสบายแล้ว” ดำบอก
“แล้วลูกผมล่ะ ไอ้แดง ไอ้แดง”
“ลูกกะแม่ เขาก็ไปอยู่ด้วยกันสิ” อาทิตย์บอก ล้ำถึงกับช็อก
“ไม่ ไม่จริง ม่าย ฮือๆ” ล้ำร้องไห้ออกมา
“อย่าเสียใจ นี่ไง กิ๊กใหม่เราก็มีแล้วไง น้องคนนี้” มัทนีจับจี๋มา “จะได้อยู่ด้วยกันออกหน้าออกตา แบบจริงๆ จังๆ ไม่ต้องเป็นสองรองใคร จริงไหม”
“โฮๆๆ ผมไม่ได้อยากมีเมียใหม่ ผมต้องการลูก ต้องการไฝเท่านั้น” ล้ำร้องไห้โฮ
“อ้าว แล้วเธอคบกับจี๋เพื่อ...” อาทิตย์แกล้งถาม
“ฮือๆ ในโลกนี้ ไม่มีใครดีเท่าไฝอีกแล้ว ผู้หญิงอื่นมันก็แค่ของเล่น ไฝ โธ่ ทำไม ทำไมไฝต้องทิ้งพี่ไปด้วย”
ล้ำคุกเข่า กอดเสื่อม้วนใหญ่
“ไอ้เฮวงซวย” จี๋เดินมาเตะล้ำ แล้ววิ่งหนีไป
“ไฝไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร เพราะพี่ล้ำนอกใจอยู่ตลอดเวลา” เสียงเจ๊ไฝดังขึ้น
“ไม่มีไฝ ไม่มีลูก พี่ก็ขอตายดีกว่า” ล้ำบอก

ขณะนั้นเจ๊ไฝอุ้มลูก ยืนขรึมอยู่ข้างหลัง
“แต่ไฝอยากตายเพราะพี่ ไฝสติหลุดเพราะพี แล้ววันนี้ ไฝก็เกือบทำลูกตายเพราะพี่”
ล้ำสะดุ้ง หันไป
“ไฝ ไฝยังไม่ตาย”
“ตอนแรก ไฝอยากตาย ตอนหลัง พอลูกตกน้ำ ไฝถึงนึกได้ วินาทีนั้น ไฝรู้เลยว่าพี่น่ะ ไม่มีความหมายอะไรเลย ไฝอยู่กับลูกสองคนก็ได้ ถ้ามีผัวผิด เราไม่ควรคิดฆ่าตัวตาย แต่เราต้องอยู่ต่อไป เพื่อลูก”
“ไฝ”
เจ๊ไฝเดินมาหามัทนี
“คุณอาทิตย์ คุณมัทนีคะ ไฝจะไม่สู้อะไรกับสองคนนี้แล้ว ไฝยอมแพ้ ไฝไปอยู่บ้านคุณที่กรุงเทพนะ”
“ได้จ้ะ”
“ทันทีเลย”
ล้ำช็อก

ที่เรือนพักอาทิตย์ มัทนีช่วยเจ๊ไฝเลี้ยงลูกอย่างสนุกสนานอยู่บนเรือน
“น้องเก่งเนาะ น้องเลี้ยงง้ายง่าย” มัทนีบอก
“เป็นโชคดีของหนูเลยค่ะ โชคดีอย่างเดียว คือมีลูกแข็งแรงดี” เจ๊ไฝบอก
“แล้วเค้ากินนมเสร็จ ก็จะหลับนานๆ แบบนี้เหรอ” มัทนีถามอย่างสนใจ
“สนใจ อยากมีเป็นของตัวเองมั่งมั้ย” อาทิตย์แกล้งถาม
“ทะลึ่งละๆ”

ทันใดนั้น ล้ำเดินร้องไห้ขึ้นมา แล้วนั่งแปะ พนมมือ
“คุณอาทิตย์กับคุณมัทนีจะพาไฝไปอยู่ด้วยจริงๆ หรือครับ ฮือๆๆ”
เจ๊ไฝรีบอุ้มลูก เดินหนีเข้าไปข้างใน
“จริง แยกกันแบบนี้ก็ดี นายก็อยู่ที่นี่ ทำตัวเป็นโสดสบายไปเลยไง ส่วนไฝ ฉันจะให้เขาไปทำงานสปากะแม่ฉัน เขาจะได้มีอนาคตที่ดี เผลอๆ เจอผู้ชายรักเดียวใจเดียว เขาก็อาจจะได้มีชีวิตใหม่ซะที” อาทิตย์บอก
“คุณจะมาพรากพ่อ พรากลูก พรากผัวพรากเมียไม่ได้นะครับ มันบาปนะครับ” ล้ำบอก
“แล้วเวลาเค้าอยู่ที่นี่ นายดูแลเขาดีนักเหรอ นายทำหน้าที่ของผัวและพ่อที่ดีหรือเปล่า” อาทิตย์ถาม
“เอ่อ”
“ถ้านายไม่เคยทำ มันก็เหมือนเขาไม่มีผัว ไม่มีพ่อมาแต่แรกอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ทำบาปอะไร”
“คุณอาทิตย์เป็นผู้ชายด้วยกัน คุณก็น่าจะรู้ว่าเรื่องมีกิ๊ก มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย”
“ชั้นว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ ถ้านายรักเมีย นายต้องสงสารสิ ที่เขาเหนื่อยยากเลี้ยงลูกของนายแท้ๆ แต่นายยังเห็นแก่ตัว หนีไปมีความสุขคนเดียวได้ แบบนี้ฉันว่านายใจดำว่ะ”
“คุณอาทิตย์ด่าแสบ”
“ก็มันจริงไหมล่ะ นายคงคิดสินะว่าเขาเป็นแม่ลูกอ่อนแบบนี้ คงไม่มีทางเลือกละ นายจะทำยังไง เขาก็ต้องก้มหน้ายอมรับ แล้วก็ทนไป แต่ขอโทษนะ ไฝเขามีทางเลือกว่ะ”
“แล้ว ผมควรจะทำยังไงดี เขาถึงจะไม่ไป”
“นายก็ต้องทำตัวใหม่ ให้เป็นผัว และเป็นพ่อที่ไม่เห็นแก่ตัว แค่นั้นเอง”
“ผมจะทำ ผมจะเลิกมีกิ๊ก ผมจะช่วยเขาเลี้ยงลูก แต่ไฝเขาจะ ให้อภัยผมไหม” เจ๊ไฝเดินออกมา น้ำตาไหล “ไฝ”
“ถ้าพี่ทำได้ เหมือนที่พูด ฉันก็จะอยู่”
“พี่ทำได้”
“ฉันจะให้พี่พิสูจน์” เจ๊ไฝหันกลับมา อุ้มลูกมา “ฉันจะไม่ไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ พี่ออกนอกลูกนอกทาง ก็ขอให้พี่รู้ไว้ว่าชั้นไม่ใช่คนไม่มีทางเลือก”
ล้ำร้องไห้ เข้ามากอดเจ๊ไฝ เอาลูกไปอุ้ม มัทนีมองดู อดตื้นตันไม่ได้ แล้วหันมามองดูอาทิตย์อย่างนึกไม่ถึง

ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แท่นกำลังเดินเลือกหาร้านทานข้าว ระหว่างเดินเลือกๆ มองหาร้านอยู่ แต่แล้วก็ต้องชะงักที่ร้านๆ หนึ่ง เพ่งมองผ่านกระจกร้าน เห็วตู้นั่งอยู่ในร้าน แท่นจำตู้ได้ แล้วพอดีตู้ก็หันหน้ามองมาสบตากับแท่นโดยบังเอิญ ตู้ตะลึง สะท้านราวเจอเนื้อคู่ แท่นเดินเข้าไปหาในร้าน ทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับคุณตู้”
“ดีครับ”
“คุณมาทำอะไรแถวนี้ครับ”
“พอดีตู้พานักศึกษามาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เกี่ยวกับละครเวทีน่ะครับ ก็เลยมาแวะทานข้าวที่นี่ แล้วคุณล่ะครับ”
แท่นนั่งร่วมโต๊ะด้วย พนักงานเอาเมนูมาให้

ด้านนอกเอกชเยศร์เดินมาหยุดยืนมองอีกด้าน มีพรรคพวกยืนประกบอีกสามคน เอกชเยศร์สีหน้าเบ้ๆ ที่เห็นว่าแท่นนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ชายที่ดูตุ้งติ้ง เบะปาก
“พวกแกเห็นเหมือนที่ชั้นเห็นมั้ยวะ”
พวกสมุนเอกชเยศร์ต่างก็เบะปากในมุมและองศาท่าทางเดียวกันเป๊ะๆ

ในร้าน แท่นคืนเมนูให้พนักงานไปหลังจากสั่งออเดอร์เสร็จแล้ว
“ผมมาธุระกับเพื่อนครับ แต่แยกย้ายไปหมดแล้ว ผมก็กำลังหาร้านทานข้าวพอดี บังเอิญจังเลยนะครับ ดีแล้ว ผมจะได้มีเพื่อนนั่งทานข้าว” แท่นบอก
“ครับ ดีมากเลยครับ”
“คุณไม่รังเกียจที่ผมนั่งร่วมโต๊ะกับคุณนะครับ”
“ไม่ครับ ร่วมมากกว่าโต๊ะก็ไม่รังเกียจครับ”
แท่นขำเพราะรู้ว่าตู้เล่นมุข แต่แล้วอยู่ๆ เอกชเยศร์กับพรรคพวกก็เข้ามายืนล้อมโต๊ะของแท่นกับตู้เอาไว้ แท่นอึ้ง
“คุณ”
“สวัสดีครับอาจารย์ตู้ มาทานอาหารกับเพื่อนสาวเหรอครับ อุ๊ย นี่มัน คุณแท่นนี่นา โทษทีนะครับ ไม่ทันมอง ฮะๆ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” แท่นพูดกับตู้แล้วจะลุกออกไป แต่เอกชเยศร์คว้าแขนไว้
“จะรีบไปไหนล่ะตัว อยู่ทานข้าวก่อนสิ”
เอกชเยศร์ทำตุ้งติ้งล้อเลียน แท่นสะบัดแขนออกจากเอกชเยศร์ แล้วเดินไปจากร้าน

แท่นเดินออกมาจากในร้าน พวกเอกชเยศร์เดินตามออกมา
“จะรีบไปไหนล่ะตัว ไม่ทานข้าวก่อนหรอ”
แท่นหันกลับมาเผชิญหน้า
“ต้องการอะไร ว่ามาเลย”
“อุ๊ย แมน”
พวกเอกชเยศร์หัวเราะเฮฮา ตู้รีบตามมา
“พวกคุณอย่าทำอะไรคุณแท่นนะ”
“ผู้ชายมีเรื่องจะเคลียร์กัน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หลบไปห่างๆ เลยอีตุ๊ด”
เอกชเยศร์ผลักตู้กระเด็นออกไป
“ว้าย”
พวกเอกชเยศร์ร้องว้ายล้อเลียนตู้ แล้วหัวเราะเฮฮา
“แกเรียกคุณตู้ว่าอะไรนะ” แท่นถามอย่างไม่พอใจ
“อีตุ๊ดตุ๊ดๆๆ”
แท่นโกรธปรี๊ดทันที
“ตุ๊ดแล้วไงวะ”

แท่นพุ่งเข้าชกหน้าเอกชเยศร์ทันที เอกชเยศร์กระเด็นคว่ำไป แท่นวิ่งตามเข้าไปจะซ้ำ พรรคพวกของเอกชเยศร์รีบเข้ามากระชากตัวออก ชกแท่นกลับไป
“บอกว่าอย่าทำอะไรคุณแท่น”
ตู้โกรธจัด กระโจนเข้าใส่พรรคพวกของเอกชเยศร์ราวกับเป็นนางเสือ กระชากคนที่ล็อกแท่นอยู่ออกมา แล้วตบและถีบ จนคนพวกนั้นกระเด็นไป เอกชเยศร์เข้ามาจะชกตู้ แต่แท่นเข้ามาขวาง
“อย่าแตะต้องคุณตู้
แท่นผลักเอกชเยศร์แยกออกไป นัวเนียกัน

เหตุการณ์กำลังชุลมุน พวกพนักงานในร้านอาหารวิ่งออกมาห้าม แยกทุกคนออกจากกัน พวกเอกชเยศร์แค้นๆ
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น