คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9
เหมือนฟ้าแกล้ง เพราะเวลาเดียวกันนั้น แพท และ 2 กะเทยช่างหน้าช่างผมขาเม้าท์ มีมี่ มูมู่ เดินมาเห็น 3 คน ชะงัก แพทปลื้มทำท่าเคลิ้ม
“ว้าย คว้าข้อมือ ลากเข้าห้อง”
มีมี่ว่า “นางเอกตบ”
มูมู่บอก “พระเอกกระชากมาจูบ ฮิ ฮิ ฮิ”
ตรีภพลากพิมพ์ดาวมากลางห้อง แล้วปล่อยมือหันมาหา
“นี่คุณ”
พอเป็นอิสระ พิมพ์ดาวก็ต่อยเข้าปลายคางเปรี้ยง ตรีภพเซถอยหลัง ล้มหงายลงบนเตียง พิมพ์ดาวสะใจ
“นี่แน่ะ สม”
ตรีภพแน่นิ่ง พิมพ์ดาวชะโงกดู
“นี่คุณ คุณ”
ตรีภพยังคงแน่นิ่ง พิมพ์ดาวเริ่มใจไม่ดี ก้าวมาใกล้ ทันใดตรีภพก็ตวัดขาขวาง พิมพ์ดาวสะดุด ล้มลงบนเตียงทับร่างตรีภพจังๆ ตรีภพพลิกตัวขึ้นบน เอาตัวทาบทับไว้
“ปล่อยฉันนะ”
“หยุดร้องแล้วฟังผม นี่คุณ ผมขอสาบานว่าผมไม่ได้มีอะไรกับคุณลินซี่ คุณลินซี่ไม่เคยย่างเท้าเข้ามาในห้องนี้ พอใจไหม”
พิมพ์ดาวเห็นท่าทีจริงจังของเขา จึงทำตาปริบๆ ยอมเชื่อ
สองคนอยู่ที่ระเบียงห้องตรีภพ มองเข้ามาที่ประตูกระจกที่มีม่านบัง
“ฉันก็สาบานได้เหมือนกันว่าฉันเห็นจริงๆ”
“มีม่านปิดอยู่ คุณจะมาเห็นได้ยังไง”
“ฉันก็เห็นพวกคุณเล่นหนังตะลุงกันอยู่น่ะซี”
ตรีภพคิดถึงยอดหล้าเมื่อคืนก็ยิ่งพิศวง พิมพ์ดาวมองแปลกใจกับท่าทีตรีภพที่มีแต่ความงุนงง สับสน และพูดไม่ออก
“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นคุณลินซี่”
พอถึงตอนนี้ พิมพ์ดาวก็ชักเริ่มไม่แน่ใจ “ก็เงานั่นตัวเท่าคุณลินซี่ แล้วก็แต่งตัวแบบคุณลินซี่”
ตรีภพฉงน “ชุดมาลารินน่ะหรือ”
ยิ่งคิดพิมพ์ดาวยิ่งรู้สึกว่าไม่เมกเซนส์ แต่ก็ยังต้องตะแบงเถียงไป
“ไม่ใช่ชุดเจ้านางแบบที่ฟิตติ้งกันนะ เกล้าผม ปักดอกไม้ไหว...ฉันก็เลยคิดว่าเขาแต่งมาให้คุณติชมถึงบนเตียง”
ตรีภพหน้าเผือดลง สั่นหน้าปฏิเสธ
“ทำไมหรือ”
ตรีภพนั่งลงบนเตียง มีอาการชั่งใจว่าจะเล่าดีไหม พิมพ์ดาวยืนอยู่กลางห้อง
“ที่คุณเห็น.. ไม่ใช่คุณลินซี่ แต่เป็นคนอื่น”
พิมพ์ดาวอึ้ง ความหวงแหนผุดขึ้นเป็นริ้วๆ จากไหนหล่อนเองก็ไม่รู้
“อ้อ ยอมรับออกมาแล้ว”
พิมพ์ดาวเม้มปาก ใคร่ครวญครุ่นคิดไป
“หรือว่าพวกยายเฟื่องฟ้า ระริน เอ๊ะ หรือน้าสายใจ” ตรีภพว่า
“อ้อ ไม่ต้องบอกฉันหรอกนะว่าใคร”
“แต่คุณน่าจะช่วยผมคิดว่าคืออะไรมากกว่า”
ตรีภพเริ่มเล่า พิมพ์ดาวนิ่งฟัง
ตรีภพลุกขึ้นจากเตียงเรียบเรียงคำพูด ก่อนจะเล่าไปเดินไป พิมพ์ดาวกลับเข่าอ่อน นั่งลงบนเตียงแทน
“เจ้ายอดหล้าอย่างงั้นหรือ”
“ผมคิดว่าเป็นความฝันเพ้อเจ้อ แต่ถ้าเมื่อคืนคุณเห็นเงาคนแต่งชุดเจ้านาง...ก็แปลว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น”
พิมพ์ดาวนึกได้ “คุณแก้วบอกว่า ตำนานคุ้มนางครวญเป็นเรื่องจริง”
“ก็แปลว่าเจ้ายอดหล้าเคยมีตัวตนจริง แต่เธอก็ต้องตายไปแล้วเกือบ 200 ปี”
ตรีภพมองหน้าพิมพ์ดาว เห็นพิมพ์ดาวหน้าซีด แต่ยังขืนทำตัวเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่เชื่อเรื่องผีสาง ยักไหล่
“แต่วิญญาณของเธอยังอยู่ รอคอยหลวงเทพของเธอไง”
“แต่ผมไม่ใช่อีตาหลวงเทพนั่นนี่ ถ้ามีผีเจ้ายอดหล้าจริง ก็ไม่น่าจะต้องมายุ่งกับผม”
“เธออาจอยากมาติวบทให้คุณก็ได้มั้ง” พิมพ์ดาวสัพยอก ทำท่าไม่แยแส ลุกขึ้น “หรือไม่ก็ คุณหิ้วใครมานอน กลัวฉันจะเอาไปกระจายข่าว ก็เลยมาแต่งเรื่องผีหลอกฉัน ฉันไปละ”
“เชิญ”
ตรีภพเดินไปเปิดประตูให้ พิมพ์ดาวค้อนแล้วเดินเชิดออกไป
“นี่ ผมไม่ไปส่งนะ เดินดีๆล่ะ เอ...ทำไมคืนนี้ทางเดินมืดจัง”
พิมพ์ดาวตาเขียว ตรีภพยักคิ้วล้อ ปิดประตูลง พิมพ์ดาวมองดูทางเดินที่ดูมืดมัวสลัวราง
“เมื่อคืนนี้...คือผีเหรอ อี๋ย์”
พิมพ์ดาวเอามือกุมเขี้ยวเสือไฟ รีบเดินจ้ำอ้าวไป
คุ้มร้างอันรกเรื้อ กลับงดงามมลังเมลืองใหม่ ยอดหล้าถือซึงนั่งบนตั่ง กรีดนิ้วบรรเลงเพลงดวงดาวเบาๆ นางผัน นางเผื่อน อยู่ที่พื้น แก้วหน้าเครียด ยืนอยู่ห่างออกมา
“ทำไมเจ้านางต้องทำอย่างนี้”
ยอดหล้าเลิกคิ้ว ยังคงเล่นซึงต่อไป แก้วขยับก้าวมาใกล้
“เจ้านางเคยรับปากแล้ว ว่าจะไม่ให้พวกทีมละครเป็นอันตราย”
“ข้าไปตกปากรับคำเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่” ยอดหล้าวางซึงลงข้างตัว แก้วถอนใจ
“มันไม่ใช่พวกละคร แต่มันคือพวกโจรหน้าโง่นั่น ที่เข้ามาหาความตายซ้ำแล้วซ้ำอีก”
“ทำไมเจ้านางถึงไม่ไล่มันไป ทำไมต้องฆ่ามันต่อหน้าผู้คนขนาดนั้น”
“จะเป็นไรไป ข้าฆ่ามัน เท่ากับยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว”
นางผัน นางเผื่อน หัวเราะคิกคัก
“ผมไม่เข้าใจ” แก้วงง
“ข้าฆ่ามันเพื่อสื่อความไปถึงนายของมัน ว่าอย่ากล้าดีส่งใครมาอีก”
“แล้วนกตัวที่สองล่ะครับ”
“ข้าสื่อความถึงครูอาจารย์ของมัน”
แก้วฉงน “อะไรนะครับ”
ยอดหล้าเบื่อหน่าย นางผัน นางเผื่อนรีบแทรก
“ไอ้ทองดีมันเป็นคนมีอาคม”
“มันเล่นงานข้าสองคนเกือบตาย”
“แต่โชคดีที่ข้าสองคนตายเรียบร้อยไปแล้ว ฮิ ฮิ ฮิ”
ยอดหล้ามองดุ 2 ข้าไท นางผัน นางเผื่อน หดหัวไปคล้ายเต่า
“อาจารย์ของมันสืบเชื้อสายมาจากครูบาสรี ฤๅษีโฉดชั่วทุศีลนั่น”
“มันพูดชื่อครูของมันด้วยเจ้า เจ้านาง” นางผันนึกได้
นางเผื่อนจำแม่น “มันพูดชื่อมหาจรวย”
“ใช่.. เจ้าจงไปสืบความเรื่อง มหาจรวยผู้นี้มาให้ข้า”
“เจ้านาง! ท่านจะทำอะไรอีก” แก้วสงสัย
ยอดหล้าลุกขึ้น ตาดุ “ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า อย่าโอหังบังอาจกับข้าอีก”
“ขออภัย เจ้านาง แต่ยังไงผมก็ต้องพูด”
“จงพูดมา”
“ถ้าเจ้านางยังฆ่าคนเป็นผักปลา ก็จะมีพวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาสืบสวน ยิ่งไปกว่านั้น พวกคณะละครก็อาจเปลี่ยนใจ เลิกถ่ายทำละครที่คุ้มนี้ เจ้าตรีก็จะต้องกลับไปด้วย”
ยอดหล้าใจเสียนิดหน่อย แต่ก็ยังแข็งขืนดื้อดึง
“สองผัวเมียละโมบโลภมากนั่นไม่ไปจากที่นี่ง่ายๆ หรอก”
แก้วท้วง “แต่ถ้ามีใครตายอีก ก็ไม่แน่นะครับ”
ยอดหล้าเชิดหน้า “ก็ได้ จะไม่มีใครตายอีก”
แก้วถอนใจ รู้สึกคลายใจลง ยอดหล้ายิ้มเยาะ บอกตัวเองในใจ
“จะไม่มีใครตายอีก ในวันสองวันนี้”
นางผัน นางเผื่อน เหมือนได้ยินความนัย หัวเราะคิกคัก ยอดหล้ายิ้มพราย
ที่เรือนมหาจรวย คืนเดียวกันนี้ มหาจรวยอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ตาทองนั่งอยู่ตรงหน้า
“ยิ่งมีคนตายคาคุ้มแบบนี้ อาถรรพ์ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นไหมครับท่านมหา”
“ไสยศาสตร์เป็นของแปลก ยิ่งมีการบูชายัญ ก็ยิ่งเพิ่มความเชื่อ เพิ่มความขลัง เพิ่มมนตราอาคม.. แต่ที่จริงกลับยิ่งเป็นการสร้างเวรสร้างกรรม”
ตาทองร้อนรนใจ “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะครับ ท่านมหา”
“ฉันก็พยายามหาทางอยู่ ลุงทอง”
คุ้มหลวงในเวลาเช้าวันต่อมา มีรถโอบีจอดอยู่ ยังมีรถตู้ที่ขนตัวประกอบมา รถไฟที่ใช้ในการถ่ายทำ รถของอาจารย์ที่ปรึกษากองถ่าย แต่บรรยากาศกลับไม่คึกคัก อาจเพราะเพิ่งผ่านพ้นเหตุร้ายมาวันเดียว
เรือนคำหลังหนึ่งถูกสมมติเป็นห้องนอนยอดหล้า มีการตกแต่งให้เป็นยุคโบราณ แต่ด้วยจริตของอาจารย์ที่ปรึกษากองถ่าย จึงมีการกระหน่ำหนักด้วยดอกไม้สด เครื่องแขวน ผ้าม่าน ผ้าปู ผ้าปัก รวมทั้งเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับที่ธรรมดามนุษย์จะไม่แต่งกัน
มาลารินรวบผมเกล้าเปิดหน้ากว้างใหญ่ ปักดอกไม้คำไหวระริกเต็มหัว มีผ้าคาดอกทะลักล้น นุ่งซิ่นมีเชิงวิจิตรบรรจงยาวกรอมพื้น มีผ้าห่มกึ่งสไบทับวูบวับเป็นทองคำ อยู่กับดาราสาวใหญ่ผู้รับบทเจ้านางหอมุก ที่พื้นมีนักศึกษาแนว ม.พายัพ ผู้อาจารย์พามารับจ๊อบเป็นนางผัน นางเผื่อน
ฐาปกรณ์และทีมงานแพลนไว้ว่า การถ่ายทำวีคแรก ได้จัดคิว ดาราอาวุโส ผู้เล่นเป็น เจ้าหลวง เจ้านางหอมุก เจ้านางสร้อยคำ ครูบาสรี เถรกระอ่ำ พระยาพิชิตชัย และถ่ายจนหมดบทในวีคนี้
มาลารินสวมบทยอดหล้า “เจ้าแม่ ผ้าสองผืนนี้ ข้าจะให้แม่น้ากับน้องดาราราย ดีไหมเจ้า”
ดาราอาวุโสที่เล่นบทหอมุกค้อน “ตามใจเจ้าซี ยอดหล้า”
“ข้าเจ้าอยากเห็นดารารายแต่งตัวงามๆบ้าง”
“ยอดหล้า เจ้าอย่าวางใจน้องคนนี้ของเจ้านัก”
การถ่ายทำดำเนินไป ฐาปกรณ์และบีบีอยู่ใกล้จอมอนิเตอร์ มาดามสุยืนดูอยู่มุมหนึ่ง ราเชนทร์คอยประจบ ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท ยืนดู ลูกกบ รัก เก้ง มีมี่ มูมู่ อยู่ครบ นอกจากนี้ก็มีช่างเสียง ผู้กำกับภาพ ช่างกล้อง ช่างไฟ อาจารย์ที่ปรึกษาดูความถูกต้องมาดเคร่ง
ฐาปกรณ์มองดู มีอาการพอใจพอสมควร แต่บีบีเม้มปาก ตรีภพ พิมพ์ดาว แต่งตัวตามบท รอเข้าฉาก
ภาพในจอมอนิเตอร์เป็นโคลสอัพมาลาริน บีบีเอามือตบอกผาง แล้ววี้ดลั่นกอง
“คัทๆๆๆ”
นักแสดงชะงัก ฐาปกรณ์อ้าปากค้าง หันมาดูบีบีซึ่งลุกพรวดขึ้น บรรดาทุกผู้คนงงกันไปหมด มาดามสุ รัก ลูกกบขยับมาดู
“อะไร! สั่งคัททำไม”
“อย่าลืมซีคะ ละครเรื่องนี้เป็นละครแจ้งเกิดลินซี่ ฉะนั้นต้องสวยทุกเม็ดค่ะ”
ฐาปกรณ์เอามือยีหัวตัวเอง มาดามสุเข้ามา
สุชาดาย้อน “อ้าว แต่เสื้อผ้าหน้าผมนี่ เราก็แอพพรูป เคาะกันแล้วนะคะ”
“ก็ตอนนั้นดูด้วยตามันก็ใช้ได้แหละค่ะ แต่พอออกกล้องแล้วเหมือนน้องหนักขึ้น 6 โล ไม่ได้ค่ะ” บีบีไม่ยอม
ฐาปกรณ์เซ็ง “แล้วจะยังไง”
“ก็ดึงผมมาปิดแก้มน้องไงคะ ทำปอยๆ อย่างนี้”
บีบีดึงลูกผมมาทำจอน ฐาปกรณ์ใกล้จะคุ้มคลั่งแล้ว
“นั่นมันผมเกาหลี เจ้านางเหนือนะ ไม่ใช่เกิร์ลเจนเนอเรชั่น”
“ไม่ทราบค่ะ ถ้าไม่ได้...ก็ต้องให้น้องหยุดถ่าย”
ฐาปกรณ์ระเบิดอารมณ์ “โว้ย”
สุชาดาเข้ากู้ระเบิด “โถ ได้ซีคะ ทำไมจะไม่ได้ มูมู่ มาเร็ว”
มูมู่ มีมี่ เก้ง เข้ามา รุมล้อมมาลาริน ตรีภพ พิมพ์ดาว และแพท พูดไม่ออก เจ้านางหอมุกในบทส่ายหัวดิก
“เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำก่อนนะคะ ท่าจะอีกนาน”
ดาราสาวใหญ่เดินไป นางผัน นางเผื่อน ออกจากเซ็ตไปหาอาจารย์ ฐาปกรณ์หน้าหงิกบีบี เก้ง มีมี่ มูมู่ ลองแก้ผมให้มาลาริน
อ่านต่อหน้า 2
คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9 (ต่อ)
สักครู่มูมู่ก็ประกาศก้อง
“เสร็จแล้วค่ะ”
ฐาปกรณ์ มาดามสุ ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท มองดูแล้วสะดุ้ง
มูมู่ยืนพราวลี่ พรีเซ้นต์อยู่ มีมี่ได้โอกาสเติมหน้าใหม่ให้ เก้งหน้างอหงิกเพราะเป็นคนมีรสนิยม บีบีพอใจยิ้มแก้มปริ มาลารินนั่งทำตาปริบๆอยู่ ผมยังคงเกล้า แต่ผมปลอมที่เคยทิ้งมาเคลียไหล่ได้ขยับมาบังหน้า ปิดแก้มได้เสี้ยวหนึ่ง ส่วนอีกด้านทำจอนผมก้นหอย 3 เส้นมาปิดแก้มอีกข้าง
“เป็นยังไงคะ” บีบีเสนอหน้า
ฐาปกรณ์ยิ่งเซ็ง “นี่มันทรงอะไร สมัยก่อนมันมีเหรอ”
“ไม่แคร์ยุคสมัยค่ะ แคร์เรื่องเดียวว่าน้องต้องสวย” ผู้จัดการดาราบอก
ฐาปกรณ์ย้อน “แล้วนี่แน่ใจหรือว่าสวย”
“สวยซีคะ เป๊ะออกอย่างนี้”
ตรีภพกระซิบกับพิมพ์ดาว
“ผมว่าคุ้นๆ นะ ทรงนี้”
แพทเห็นด้วย “แพทก็ว่าเคยเห็นมาก่อน”
พิมพ์ดาวบอก “ทรงเพชราค่ะ ตั้งแต่สมัยคุณย่ายังสาว”
“มิน่า ผมว่าคุ้นๆ”
ฐาปกรณ์อยากอาละวาด มาดามสุเอาศอกกระทุ้ง
“ช่างมันคุณ อะไรยอมได้ก็ยอม”
มาดามสุฉีกยิ้ม ถลาไปประคองมาลารินมาที่ตั่ง
“สวยมากค่ะ มาเข้าฉากเลยค่ะ”
มาลารินมาเข้าฉาก รักเรียก 2 สาวนักศึกษาที่เล่นบทนางผัน นางเผื่อน มาเข้าฉาก ดาราอาวุโสผู้เล่นบทหอมุก เดินกลับมาจากส้วม
“เสร็จแล้วหรือคะ ว้าย...หนู พี่คิดว่าเพชรา”
มาลารินทำตาแป๋ว
ตรีภพหัวเราะร่วน พิมพ์ดาวกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง แพทก้มหน้าทำเป็นไอ
การถ่ายทำดำเนินต่อไป มาลาริน หอมุก นางผัน นางเผื่อน นักศึกษา เข้าฉาก ฐาปกรณ์หน้าหงิก มาดามสุคอยคุมสถานการณ์ บีบีปลาบปลื้ม รักกับลูกกบมองดูอาการฐาปกรณ์
ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท ดูการถ่ายทำ เก้ง มีมี่ มูมู่ ชื่นชมผลงานตัวเอง
“ข้าเจ้าอยากเห็นดารารายแต่งตัวงามๆ บ้าง” มาลารินในบทยอดหล้ายกมือลูบปอยผมที่เคลียแก้ม
“ยอดหล้า เจ้าอย่าวางใจน้องคนนี้ของเจ้านัก”
“ทำไมหรือเจ้า”
เห็นมาลารินยกมือจับปอยผมอีกครั้ง ฐาปกรณ์ที่จ้องมอนิเตอร์อยู่ เริ่มขมวดคิ้ว
“จะทำไม นางสร้อยคำช่างอิจฉาริษยานัก วันๆ ก็เป่าหูลูกสาวให้ชังเจ้า”
“แม่น้าน่ะหรือเจ้า ไม่จริงหรอก”
นางผัน นางเผื่อน รีบเสนอหน้า
“อุ๊ย จริงนะเจ้า”
“เจ้านางสร้อยคำน่ะ ร้ายจะตายไปเจ้า”
“เจ้าสองคนพอเถอะ” มาลารินยกมือลูบผมอีก
ฐาปกรณ์ลุกพรวดขึ้น เอาโทรโข่งใกล้มือปาไป โทรโข่งลอยข้ามหัวบีบีไปปะทะข้างฝาโครม
หอมุกตกใจบ้าจี้อุทานลั่น “หอยคัน!”
มาลารินตกใจ นางผัน นางเผื่อนร้องวี้ด
รักกับลูกกบมองหน้า
“เอาแล้วมึง ของขึ้นแล้ว” รักว่า
ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท อึ้ง ตรีภพเคยร่วมงานมาก่อน รู้ฤทธิ์ฐาปกรณ์ดี
“เอาล่ะซี”
บีบีตกใจเลิกลัก มาดามสุเหนื่อยใจผัว
“อียอดหล้านี่มันยังไง มีเห็บมีเหามีโลนขึ้นหัวเหรอ ถึงได้ลูบอยู่นั่นแหละ ผมนั่นน่ะ”
มาลารินตกใจ บีบีถลามาขวาง “ว้าย พูดอย่างงี้ได้”
ฐาปกรณ์ตวาด “หุบปาก! พอๆๆ ไม่เอาแล้ว”
สุชาดากู้ระเบิดอีกรอบ “เอ้า จวนเที่ยงแล้ว...ดี พักกินข้าวก่อน”
ฐาปกรณ์เดินปึงๆ ออกไป มาลารินน้ำตาคลอ ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท ลุกขึ้นมองอย่างเห็นใจ ราเชนทร์มองอย่างรู้เช่นเห็นชาติ บีบีกางแขนออก
“โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะ ลูกขา”
มาลารินถลามา ผ่านอ้อมแขนบีบี ตรงเข้ากอดตรีภพ น้ำตาพร่างพรู
“ลิน...ลินซี่ เสียใจค่ะ”
บีบีอึ้ง ตรีภพอึ้งกว่า ตัวแข็ง พิมพ์ดาวกับแพททำตาปริบๆ
“แหม ปลอบคุณลินซี่หน่อยซีคะ” พิมพ์ดาวจงใจแกล้ง
“ลินซี่ครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ฐาแกก็อย่างนี้แหละ โกรธง่ายหายเร็ว”
มาลารินร้องโฮ น้ำตาเปียกเสื้อตรีภพ ตรีภพลูบผมเก้ๆกังๆ มาลารินปรือตามองเลยไป เห็นราเชนทร์มองมาอย่างรู้ทัน มาลารินปรายตาค้อน เอามือลูบอกตรีภพ ตรีภพขนลุกเกรียว พิมพ์ดาวเชิดใส่
“ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ น้องแพท”
พิมพ์ดาวกับแพทเดินไป ตรีภพมองตาม มือยังลูบผมปลอบมาลารินอยู่อย่างนั้น
คุ้มหลวงเวลากลางคืนบรรยากาศวังเวง
ส่วนในห้องพัก มาลารินแต่งชุดนอนเบบี้ดอลล์นั่งฮัมเพลง แปรงผมอยู่ที่กระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้ง บีบีนั่งขัดเครื่องเพชรอยู่ที่เตียง มองค้อนขวับๆ
“ต๊าย เพิ่งเกิดเรื่องเกิดราว ไม่เห็นมีสลด”
“เรื่องแค่นี้ ไม่เห็นมีอะไรซักหน่อย”
“เจ็บใจน่ะซียะ อีฐามันทุ่มโทรโข่งเฉียดหัวฉันไปนิดเดียว”
“ก็ทำไม ไม่เอาเรื่องเขาล่ะคะ”
“มันก็ชกฉันน่ะซียะ ต๊าย มันตาขวางเหมือนคนบ้า”
มาลารินหันมาแปรงผมต่อ ที่คอสวมสายสิญจน์ ดูแปลกแยกจากชุดที่ใส่
“เอายามาได้แล้วค่ะ ลินซี่จะนอนแล้ว”
“ย่ะ แหม คืนนี้ว่าง่าย”
บีบีเปิดกระเป๋ายา มีขวดไวตามิน ไฟเบอร์ดีท็อกซ์ ยาลดความอ้วน ยานอนหลับมา หยิบยานอนหลับมา 1 เม็ด กับยาเม็ดฟู่เม็ดใหญ่
“เอ้า นี่ของเธอ นี่ของฉัน”
“ยาลดความอ้วนหรือคะ”
“ไม่ใช่ย่ะ ยาควบคุมน้ำหนัก”
“ขอลินลองบ้างซีคะ”
บีบีมีอาการเสียดาย เพราะเม็ดละครึ่งร้อย แต่ก็พยักหน้า
คุ้มร้างตกอยู่ในความมืด ทุกอย่างดูทึบทะมึน ต้นไม้ เถาไม้เลื้อยรกยิ่งกว่าเดิม
ในคุ้มร้าง ทุกอย่างดูรกร้างทรุดโทรม แต่ที่เติ๋นกลับมีแสงสว่างเรืองรอง ทุกอย่างดูเป็นทองงดงาม ยอดหล้านั่งอยู่หน้าคันฉ่อง งดงามอลังการ นางผัน นางเผื่อน จัดชายผ้า ปักดอกไม้คำให้
“เจ้านางจะไปหาหลวงเทพ แต่ใยไม่บานใจเลยละเจ้า”
“เจ้านางคิดอันใดอยู่หรือเจ้า” นางเผื่อนถาม
“เมื่อข้าไปที่คุ้มหลวง ข้าสร้างกายหยาบได้เพียงไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นกายทิพย์”
ยอดหล้ากรายแขนเรียวงามไปเบื้องหน้า มันดูงดงามมีน้ำนวล
“ผิดกับตอนนี้ สำหรับพี่เทพ ข้าเป็นเพียงความฝัน ไม่มีเลือดเนื้อตัวตน”
นางผัน นางเผื่อน สบตากัน
“เจ้านางเสียสมาธิหรือเปล่าเจ้า”
“ยิ่งตอนอยู่ใกล้ชิดหลวงเทพ”
ยอดหล้าตาวาว
“ไม่ใช่ พลังสมาธิของข้ากล้าแข็งขนาดไหน เจ้าสองคนก็น่าจะรู้”
“เจ้า”
นางเผื่อนบอก “ขนาดเถรกระอ่ำ ยังเอ่ยปากว่าเจ้านางมีพลังกล้าแข็งกว่าท่าน”
“ข้าอยากให้ท่านอาจารย์กลับมาอยู่ข้างกายข้านัก แต่ข้ากลับมองไม่เห็นท่านเลย”
นางผัน นางเผื่อน อยากพูดว่า สงสัยไปผุดไปเกิดแล้ว แต่ก็ไม่กล้าพูด ยอดหล้าลุกขึ้น
“ข้าจะไปล่ะ”
นางผันนึกออก ทำตาโต
“เจ้านางเจ้า ข้าคิดออกแล้วเจ้า”
“คิดอันใด”
“คิดอันใด อีผัน”
“เมื่ออยู่ที่นี่ พลังของท่านกล้าแข็งกว่า ใยไม่ให้หลวงเทพมาที่นี่ละเจ้า” นางผันภูมิใจเสนอ
“ใยข้าไม่นึกมาก่อนนะ ผัน เจ้าฉลาดนัก”
นางผันเชิดหน้าภาคภูมิ นางเผื่อนค้อนตาคว่ำ ยอดหล้าดวงตาสดใส
ตรีภพใส่แว่น นั่งอ่านบทอยู่บนเตียง แล้วเหลือบดูนาฬิกา มันบอกเวลา 5 ทุ่ม ก็เอาบทเก็บไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง ล้มตัวลงนอน ปิดโคมไฟหัวเตียง
ส่วนพิมพ์ดาวนั่งบนโซฟา กำลังทาเล็บเท้าอยู่ใกล้หน้าต่าง เห็นไฟห้องตรีภพดับพรึบ
“ต๊าย เด็กอนามัย”
ฟากมาลารินถือแก้วสองใบ ใส่เม็ดยาเดือดเป็นฟองฟู่มานั่งลงบนเตียงข้างบีบี ส่งแก้วให้หนึ่ง
“นี่ค่ะ”
บีบีรับมาเม็ดยาฟู่ละลายหมดพอดี “ขอบใจย่ะ”
บีบีรับมาดื่มอึกๆๆๆ รวดเดียว มาลารินมองอย่างสมใจ แล้วจิบแก้วของตัวเองช้าๆ
“กินยานอนหลับแล้วหรือ”
“ค่ะ กินแล้ว น่าจะหลับในไม่กี่นาทีนี้แหละค่ะ”
บีบีพยักพเยิดหน้าแล้วหาวยืดยาว มาลารินยิ้มในสีหน้า จิบน้ำต่ออย่างอารมณ์ดี
อ่านต่อหน้า 3
คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เวลาเดียวกันยอดหล้าก้าวออกมายังชานเรือนกว้าง แหงนมองท้องฟ้ามืดมนเบื้องบน พลางยื่นมือไป
“นกน้อยๆ จงมา”
อีกาปิศาจตัวมหึมาบินร่อนลงเกาะที่ข้อมือ ยอดหล้าสั่ง
“ไปหาหลวงเทพ...พาเขามาที่นี่”
อีกาปิศาจส่งเสียงแก๊กยาว ขยับปีกบินขึ้นสูง ยอดหล้ามองตาม นางผัน นางเผื่อน คิกคักกันอยู่ข้างหลังตามประสาผีแรด
ตรีภพนอนหลับใหลอยู่บนเตียง มีเสียงซึงแผ่วเบาดังแว่วมา
ในคุ้มร้างอันงดงาม ยอดหล้าบรรเลงเพลงซึง
ตรีภพกระสับกระส่าย
ยอดหล้าบรรเลงเพลง พลางเหลือบตามองมา ทั้งยั่วยวน ทั้งทรงอำนาจ
ตรีภพผวาขึ้นนั่งบนเตียง
พิมพ์ดาวนอนตะแคง หลับยังไม่สนิทนัก เสียงเพลงดวงดาวแว่วมา พิมพ์ดาวลืมตาขึ้น
“เพลงดวงดาว”
มาลารินในชุดเบบี้ดอลล์ คว้าเสื้อคลุมบางสั้นฟูฟ่องเข้าชุดกันมาสวมทับ พลางโพสท่าหน้ากระจกเงาแล้วเดินมา บีบีล้มตะแคงหลับอยู่บนพื้น มาลารินยิ้มเยาะ ก้าวเดินข้ามไปอย่างไม่แยแส จู่ๆ บีบีพลิกตัวมาคว้าข้อเท้าหมับ
“จะไปไหน อีตัวดี”
มาลารินชะงักกึก ก้มดู เห็นบีบีหลับตาพึมพำทั้งที่หลับอยู่
“พอไม่มีเงินก็ซานมา...พอมีที่ไปก็หายหัว ฮึ”
มาลารินทำตาปริบๆ สลัดมือบีบีให้หลุดจากข้อเท้าโดยไม่แยแส
ตรีภพนั่งนิ่งบนเตียง มีลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ทันใดคล้ายมีลมกระโชก ประตูระเบียงเปิดอ้าออก หมอกประหลาดไหลเอื่อยเข้ามาตามพื้น แสงสีเขียวอาบไปทั่วห้อง
มีเสียงร้องแก๊กยาว ตรีภพมองไป อีกาปิศาจเกาะราวลูกกรงระเบียง ดวงตาลุกจ้าเป็นเปลวไฟ ตรีภพก้าวลงจากเตียง เสียงเพลงดวงดาวแว่วมาตามลม
พิมพ์ดาวเดินมาที่หน้าต่าง เสียงเพลงดวงดาวยังดังอยู่ พิมพ์ดาวเปิดม่านมองไปแล้วขมวดคิ้ว เห็นประตูระเบียงห้องตรีภพเปิดอ้าอยู่ ตรีภพยืนอยู่กลางแสงสีเขียว โดยที่ระเบียง อีกาขนาดมหึมาเกาะอยู่ พิมพ์ดาวพิศวงกับสิ่งที่ตัวเองเห็น
อีกาปิศาจเหลียวขวับมายังหล่อน เห็นดวงตาที่ลุกเป็นไฟ แล้วกางปีกมหึมาบินขึ้นไป พิมพ์ดาวผงะ
ตรีภพเดินมาตามทางเดินอันเชื่อมเรือนต่างๆ เข้าด้วยกัน สีหน้าเลื่อนลอย มีแสงสีเขียวทาบทาเฉพาะตัวเขาทุกย่างก้าว ตรีภพเดินผ่านช่องหน้าต่างหนึ่ง อีกาปิศาจเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่าง แล้วบินไป ตรีภพเดินต่อไป เสียงซึงที่ยอดหล้าบรรเลงแว่วมา
“จงมา...ยอดดวงใจของข้า”
ตรีภพเดินต่อไป ยอดหล้ามองมา รำพึงรำพัน
“ท่านคือดวงตะวัน ข้าคือจันทรา”
ตรีภพเดินต่อไป ทันใดมีเงาร่างหนึ่งก้าวมากอดแขนตรีภพไว้
“คุณตรีขา ออกมาทำอะไรดึกดื่นขนาดนี้คะ”
มาลารินขยับมามองดูตรีภพ เห็นสีหน้านิ่งสนิท ดวงตามองตรงไปเบื้องหน้า
“คุณตรี อะไรคะนี่ สลีปวอร์คหรือคะ”
ตรีภพออกเดินทางต่อ มาลารินยึดแขนไว้ ตรีภพดึงแขนออก เดินต่อ มาลารินเข้ากอดจากด้านหลัง สร้อยสายสิญจน์ที่คอมาลาริน แตะเข้ากับแผ่นหลังตรีภพ ตรีภพชะงัก ตื่นจากภวังค์
ตรีภพฉงน “อะไรกันนี่ นี่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
บนตั่งกลางศาลา ยอดหล้านั่งดีดซึงพลันชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมอง แล้วร้องกรี๊ดอย่างขัดใจนางผัน นางเผื่อนผงะ ด้วยจู่ๆ คุ้มอันมลังเมลืองงดงามก็เลือนหาย กลายเป็นผีนายบ่าวทั้ง 3 อยู่ท่ามกลางความสกปรกรกร้าง
มาลารินเกาะแขนประคองตรีภพเข้ามาในห้อง พาไปที่โซฟา ตรีภพมีอาการเข่าอ่อน นั่งลงบนโซฟา มาลารินเสียหลักล้มลงไปบนตัก
“ว้าย” มาลารินนั่งบนตัก ประคองตัวขึ้น เอามือคล้องคอตรีภพ สบตาวามวาว
ประตูหน้าห้องที่ยังแง้มอยู่ พิมพ์ดาวมองเข้าไปแล้วตาวาว
“นี่น่ะหรือ ไม่มีอะไรกัน”
ตรีภพเอามือจับไหล่ ประคองให้มาลารินนั่ง แล้วขยับถอยห่าง
“ขอบคุณนะครับ ถ้าคุณไม่มาเจอ ไม่รู้ว่าผมจะเดินไปถึงไหน”
“คุณตรีเคยสลีปวอร์คกิ้งมาก่อนหรือคะ”
“ไม่เคยเลยครับ”
มีลมกรูเกรียวมา ม่านสะบัดไหว เสียงซึงแว่วมาตรีภพหันไปมอง มีท่าทีอาลัยอาวรณ์
“เสียงเพลง เพลงดวงดาว ผมเดินตามเสียงเพลงนี้ไป”
“เพลงอะไรกันคะ ลินซี่ไม่เห็นได้ยินเลย”
มาลารินลุกขึ้นไปปิดประตูระเบียง แล้วหันมาทำกอดอกห่อตัว
“อู๊ย หนาวจัง”
ตรีภพมอง มาลารินเอาแขนกดหน้าอกให้ทะลักล้น เดินระทดระทวยมา
พิมพ์ดาวเดินหน้าเชิดมาตามระเบียงปากบ่นบ้าด่าตรีภพ “ทุเรศ!”
ลมพัดมาถึงตัว เสียงเพลงแว่วมา พิมพ์ดาวชะงัก
ฝ่ายมาลารินยืนกอดอกตาแป๋วอยู่หน้าตรีภพ “หนาวหรือครับ”
“ค่ะ”
ตรีภพคว้าเสื้อแจกเกตมาสวมให้ มาลารินเซ็ง แล้วกลับคว้ามือตรีภพให้โอบกอดตัวเองจากด้านหลัง
“อุ่นจังเลย”
ตรีภพอึ้ง มาลารินคลายมือ หมุนตัวมายืดอก แหงนมองตรีภพ ตรีภพมองดู มาลารินยวนยั่ว
ทันใดนั้น มีเสียงกระแทกประตูกระจกที่ระเบียง สองคน หันขวับไป เห็นวัตถุสีดำมากมายกระแทกประตู กระจกแตกเพล้ง อีกาใหญ่บินทะลุเข้ามาตัวแรก กระจกแตกอีก 2 ช่องติดๆ กัน ฝูงอีกาบินเข้ามา
ตรีภพ มาลาริน ตกใจผวา อีกาปิศาจโฉบดึงสายสิญจน์จากคอมาลารินจนขาด
กระจกทั้งบานก็แตกกระจายเป็นเศษแก้ว ฝูงกาปิศาจบินพรูเข้ามา เข้าโจมตีตรีภพ มาลาริน มาลารินร้องกรี๊ด เอามือปัดป้อง ตรีภพคว้าผ้าคลุมเตียงมา ตวัดคลุมตัวเองและมาลาริน
“ระวังครับ”
ฝูงกายังกลุ้มรุมเข้ามาจิกตีจนผ้าคลุมเตียงฉีกขาด ตรีภพ มาลาริน พยายามหนีไปทางประตู แล้วเสียหลักล้มลง ฝูงนกยังกลุ้มรุมจิกตี
ประตูเปิดออก พิมพ์ดาวก้าวมา มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ฝูงนกยังคงกลุ้มรุม ตรีภพ มาลาริน ตรีภพมองไป ร้องบอก
“คุณพิมพ์ หนีไป”
อีกาหัวหน้าฝูงหันขวับมามองพิมพ์ดาว มีอาการราวจำได้ ตามันลุกเป็นไฟ พุ่งใส่พิมพ์ดาวอย่างคุกคาม
พิมพ์ดาวก้าวมาคอเสื้อหล่อนแบะออก อีกาพุ่งมาใกล้ถึงหน้า พิมพ์ดาวเบือนหน้าหลบยกมือป้องปิด อีกาพุ่งมาถึงหน้าพิมพ์ดาวเห็นเขี้ยวเสือไฟปรากฏชัด เขี้ยวเสือไฟเปล่งแสงเจิดจ้า มีภาพพร่างพรายของใบหน้าเสือแยกเขี้ยวคำราม เสียงดังกึกก้อง อีกาปิศาจลนลานบินหนีไปทางประตูระเบียง ฝูงกาบินตามไป เพียงครู่เดียวห้องก็สงบ ราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ซากกระจก เศษกระจก ผ้าที่ขาดวิ่น ม่านขาด โคมไฟล้ม แสดงชัดว่าเกิดขึ้นจริง ตรีภพจับไหล่พิมพ์ดาว
“คุณไม่เป็นอะไรนะ”
พิมพ์ดาวกวาดร่างตรีภพเซไป เดินดิ่งไปที่ระเบียง ตรีภพเดินตามบนท้องฟ้า เห็นฝูงการาวหมอกควันสีดำ บินกลับไปยังคุ้มร้าง
ในห้อง แก้ว ฐาปกรณ์ มาดามสุ สายใจ เฟื่องฟ้า ระริน ตาทอง ราเชนทร์ แพท ดาราอาวุโส โผล่มา มาลารินโผไปกอดแก้ว ร้องไห้โฮ แก้วมองดูสภาพห้องแล้วเม้มปากแน่น รู้ว่าเป็นฝีมือใคร
ตรีภพกับพิมพ์ดาวสบตากัน พิมพ์ดาวมองอย่างหมางเมิน
ยอดหล้ายังยืนอยู่ที่ระเบียงเรือนร้าง ชายผ้าปลิวสะบัดไหวตามแรงลม นางผัน นางเผื่อน ยืนสอพลออยู่เบื้องหลัง ฝูงกาปิศาจบินวนรอบตัว
“นังนางเอกนั่น กล้าดีนัก” นางเผื่อนฮึดฮัด
“มันร่านนักเจ้า” นางผันเสริม
“ร่านกว่านังผันอีกเจ้า”
นางผันค้อนขวับ อีกาปิศาจบินมา ยอดหล้ายื่นมือไป มันเกาะข้อมือไว้ ปากร้องแก๊กๆ ยอดหล้านิ่งฟัง
“ดารารายอันใดของเจ้า” ยอดหล้าฉงน
อีกายังคงร้องไม่หยุด คล้ายต้องการบอกบางอย่าง แน่นอนเป็นเรื่องพิมพ์ดาวที่ยอดหล้ามองไม่เห็นด้วยพลานุภาพแห่งเขี้ยวเสือไฟ
ยอดหล้าเลยเข้าใจไปอีกอย่าง “ไม่ใช่ นังนั่นชื่อมาลาริน ข้าจะสั่งสอนมันเอง”
อีกาทำตาปริบๆ แล้วบินไป ยอดหล้าโกรธแค้น ดวงตาเจิดจ้าจนสว่างวาบน่ากลัวสุดขีด
คุ้มหลวงเช้าวันนี้คึกคักขวักไขว่ บรรดารถตู้ รถโอบี รถไฟมากันเหมือนเคย
ห้องพักตรีภพ ถูกเก็บกวาดเรียบร้อยประตูกระจกที่แตก มีช่าง 2 คนกำลังวัด ติดตั้งบานกระจกใหม่ ตาทองกับสายใจยืนคุมงานอยู่ พลางลดเสียงลง เหมือนไม่อยากให้ 2 ช่างได้ยิน
“อีกาอะไรรวมกลุ่มกันโจมตีคน ฉันเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น”
“เพราะนี่ไม่ใช่อีกาธรรมดาน่ะซี”
“อีกาผีหรือ พี่ทอง”
สายใจตาเบิกกว้างอย่างหวาดหวั่น เสียงดังขึ้น 2 ช่างมองมา
“เธอจะตะโกนทำไมนะ” ตาทองเอ็ด
แก้วเดินมาหยุดฟัง ตาทองและสายใจไม่เห็น
“นอกจากผีม้าบ้อง แล้วยังมีฝูงอีกาผีอีกหรือพี่”
“ฉันไปหามหาจรวยมา ท่านมหาบอกว่ากำลังหาวิธีป้องกันคุ้มหลวงไม่ให้ ‘อะไร’ เข้ามาได้”
แก้วรำพึงอยู่หลังประตู “มหาจรวยอย่างนั้นหรือ”
สายใจมีอาการหนักใจ “ให้มันจริงเถิ๊ด”
ขณะที่แก้วนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือใหญ่ในห้องสมุดคุ้มหลวง ตรงหน้ามีพวกจดหมายเก่า บันทึกของเจ้าเก็จถวา ตาทองเข้ามา แก้วเงยหน้าขึ้นมอง
“คุณแก้วให้หาผมหรือครับ”
“มหาจรวยเป็นใครกัน ตาทอง”
ตาทองอึ้งไป มองแก้วอย่างระแวงระวัง ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน
“คุณแก้ว ไปเอาชื่อนี้มาจากไหนครับ”
แก้วพลิกสมุดบันทึก
“จากไดอารี่ของเจ้าย่าน่ะซี เจ้าย่าดำริจะสร้างสถานปฏิบัติธรรมให้มหาจรวยดูแล แต่ยังไม่ทันเริ่ม เจ้าย่าก็มาสิ้นเสียก่อน ฉันอยากสานต่องานของเจ้าย่า”
ตาทองเชื่อในเรื่องที่แก้วอ้าง ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“หรือครับ ดีเหลือเกินที่คุณแก้วจะสานต่องานของแม่เจ้า จะได้เป็นบุญเป็นกุศลต่อไปครับ”
แก้วยิ้มขมขื่น “ใช่ ให้บุญกุศลช่วยล้างกรรมที่ฉันทำลงไปบ้าง”
ตาทองงง แต่ไม่กล้าถาม
“เล่าเรื่องมหาจรวยให้ฉันฟังหน่อย ว่าเป็นใคร...อยู่ที่ไหน”
ตาทองเยื้อนยิ้ม เริ่มเล่า แก้วนิ่งฟัง
ที่ฉากเรือนคำ ถูกใช้เป็นห้องของยอดหล้าในละคร มาลาริน พิมพ์ดาว ตรีภพ นั่งเรียงรายให้มีมี่แต่งหน้า มูมู่ทำผม บีบีมาดูความเรียบร้อยอีกด้านหนึ่ง บรรดาดาราอาวุโสที่เล่นเป็นเจ้าหลวงแสงอินทร์ เจ้าหอมุก เจ้าสร้อยคำ ก็แต่งตัวพรักพร้อม ตัวประกอบที่เล่นเป็นนางผัน นางเผื่อน ก็นั่งแต่งหน้าอยู่
หน้าเซ็ต ฐาปกรณ์ รัก กำลังดูช่างไฟจัดแสง ลูกกบซึ่งทำสารพัดหน้าที่ต้องช่วยทำคอนตินิวอีกด้วย โดยกางสมุดเล่มใหญ่ เช็คกับรัก และฐาปกรณ์
“ต๊าย เกิดเภทภัยขนาดนี้ แต่ฉันหลับเป็นตาย ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว” บีบีแจ๋ขึ้น
มาลารินทำตาแป๋ว ไม่รู้เรื่อง
“กินอิ่มเกินมั้งคะ” มือไม่ว่างแต่ปากมีมี่ว่าง
มูมู่เสริม “กินเด็ก”
บีบีค้อนขวับ
“มีให้กินจริงก็ดีซียะ ตั้งแต่มานี่ไม่มีตกถึงท้อง ว้าย ทำไมลงรองพื้นหนาอย่างนั้นล่ะ”
มาลารินนิ่วหน้า เอามือแตะแผลที่เป็นรอยข่วนจางๆ บนหน้า
“อ๋อ กลบรอยตีนกาค่ะ”
มาลารินกระเง้ากระงอด “พี่มีมี่น่ะ”
“ตีนกาอะไร เพิ่งไปจิ้มเพิ่มมาจะมีได้ไง” บีบีว่า
ตรีภพกลั้นยิ้ม มองมายังพิมพ์ดาว แต่พิมพ์ดาวหน้าเฉย
“อุ๊ย ไม่ใช่ตีนการิงเคิลค่ะ แต่เป็นรอยตีนกาเมื่อคืน”
“ฟังที่ลินซี่เล่า มูมู่ว่าต้องเป็นอีกาผีแน่เลยค่ะ”
ตรีภพสบตาพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวเมิน
“อย่าพูดซีคะ ลินซี่กลัว”
“จริงๆนะคะ มีมี่ กะอีมู่ มาวันแรกก็โดนซะแล้ว”
“จริงค่ะ”
ฐาปกรณ์มายืนค้ำหัวมีมี่ มูมู่ ทันควัน ปรามเสียงขุ่น
“พูดอะไร อีสองตัวนี่”
“เปล่านี่คะ มี่ร้องเพลง ยุ้ยค่ะ ที่แรกก็โดนซะแล้ว”
มีมี่ มูมู่ ประสานเสียงเป็นเพลงยุ้ย ญาติเยอะ “ตายแล้ว ตายแล้ว อะไรกันหว่า”
สองพธูแก้วไปได้น้ำขุ่นๆ ฐาปกรณ์ชี้หน้าคาดโทษแล้วเดินไป บีบีเชิดใส่ฐาปกรณ์ มูมู่ฉีดสเปรย์ผมมาลาริน ฉีดบนฉีดล่าง ฉีดเอียง ฉีดตะแคง เกิดละอองสเปรย์สร้างฉีดยุงกันโรคไข้เลือดออก ตรีภพกับพิมพ์ดาวเอียงหลบ โดยตรีภพเอียงมาใกล้เวอร์
พิมพ์ดาวตาเขียวใส่ “ไม่ต้องหลบขนาดนี้ก็ได้”
“ว่าได้หรือคุณ ผมไม่อยากตาบอด”
มูมู่ลดสเปรย์ลง พลางยิ้มพอใจ “เสร็จแล้วค่ะ ลินซี่”
มาลารินยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ พี่มูมู่”
บีบีก้าวมาเช็คดู เห็นแต่ผมที่ต่อจากมวยมาเคลียไหล่ แต่ที่อีกด้านไม่มีจอนก้นหอย 3 จอน
บีบีกรี๊ด “ว้าย ใช่หรือยะ แล้วจอนก้นหอยล่ะ”
มูมู่บอก “พี่ฐาไม่เอาค่ะ พี่ฐาไม่ชอบทั้งก้นทั้งหอย พี่ฐาบอกยอมให้เอาผมที่ทิ้งลงมาปิดแก้มข้างเดียว”
“แต่สามปอยหลวงตรงข้างแก้ม พี่ฐาไม่ยอม” มีมี่บอก
บีบีกระทืบเท้าอย่างขัดใจ ค้อนไปยังทิศที่ฐาปกรณ์อยู่ พิมพ์ดาวขำ แต่พอตรีภพมองมาพิมพ์ดาวรีบทำหน้าเฉยชา
อ่านต่อหน้า 4
คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9 (ต่อ)
การถ่ายทำดำเนินไปอย่างราบรื่น ดาราอาวุโสในบท เจ้าหลวงแสงอินทร์ เจ้านางหอมุก เจ้านางสร้อยคำ รวมทั้งมาลารินในบทเจ้ายอดหล้า และพิมพ์ดาวในบทดารารายเข้าฉากร่วมกัน
ตัวประกอบ เช่น นางทิพย์ นางทิม นางผัน นางเผื่อน ขุนหาญคนสนิท หมอบอยู่ห่างๆ
เจ้าหลวงหน้าเคร่ง ดวงตาดุดัน เจ้านางหอมุกยิ้มสมใจ มาลารินในบทยอดหล้าหน้าเผือดอยู่ใกล้ๆ
ส่วนที่พื้น ดารารายที่รับบทโดยพิมพ์ดาวในชุดผู้ชายขะมุกขะมอมคุกเข่าอยู่ สร้อยคำคุกเข่าอยู่ด้วย คล้ายเพิ่งจับลูกให้คุกเข่าขอโทษ นางทิพย์ นางทิม สงสารนาย แต่นางผัน นางเผื่อน สะใจ
“เจ้าจะก่อเรื่องไปถึงไหน ดาราราย”
“ข้าแค่ไล่อีกาที่มาขโมยจิ้นเนื้อเจ้า”
“ไล่อันใด เจ้ายิงอีกาจนมันตายเสียบกับเรือนยอดหอคำ รู้ไหมว่าเป็นขืด เป็นกาลกิณีนัก”
“นั่นก็ขืด นี่ก็กาลกิณี ข้อห้ามมากมายนัก ข้าเจ้าจำมิได้หรอกเจ้า”
เจ้านางหอมุกตบอกผาง มาลารินหน้าเสีย บุ้ยบ้ายให้พิมพ์ดาวอย่าเถียง
“นังลูกคนนี้ ดูๆ ปากคอเจ้า”
เจ้านางสร้อยคำมองลูกสาวอย่างอ่อนใจ
“ดาราราย เจ้าจะยั่วให้เจ้าพ่ออกแตกหรือ”
พิมพ์ดาวในบทดารารายโต้สวนออกไป ด้วยกิริยาและคำพูดก๋ากั่น
“เจ้าพ่อไม่อกแตกดอกเจ้า.. เพราะเดี๋ยวก็จะเป็นขืดอีก”
เจ้าหอมุกร้อง “ว้าย”
เจ้าหลวงแสงอินทร์กระทืบเท้าชี้นิ้วด่า
“เจ้ายังไม่หุบปากอีก ลูกอะไรอย่างนี้ ทำไมเจ้าไม่เอาอย่างพี่ยอดหล้า พี่สาวเจ้า วันๆ พี่เจ้าทำแต่เรื่องเจริญตาเจริญใจ”
“ใช่เจ้า”
“เจ้าแม่”
มาลารินในบทยอดหล้าปรามแม่ ดารารายจะเถียงอีก สร้อยคำหยิกลูก แล้วยิ้ม พูดกระทบหอมุก
“จริงด้วย ใยเจ้าไม่เอาอย่าง ‘เจ้านางยอดหล้า’ ข้าจะได้ลอยหน้าบานใจ ที่มีลูกเป็นเบญจกัลยาณีบ้าง”
“โธ่ แม่น้า อย่าพูดอย่างนี้เลยเจ้า”
หอมุกมองสร้อยคำตาวาว มาลารินก้าวมาหน้าแสงอินทร์ คุกเข่าลง
“เจ้าพ่อเจ้า อภัยให้ดารารายด้วยเถิดเจ้า น้องมิได้มีเจตนาร้าย มิได้จงใจให้เกิดอัปมงคล ตอนนี้ควรเอาซากกาลงมา แล้วทำพิธีแก้อัปมงคลมิดีกว่าหรือเจ้า”
“ยอดหล้า.. เจ้าสมแล้วที่เป็นลูกสาวข้า”
ทางด้านหลังกล้อง ฐาปกรณ์ รัก ลูกกบ ดูมอนิเตอร์อย่างพอใจ ตรีภพอยู่ใกล้ๆ ช่างเสียง
“คัท! ดีมาก ดีมาก”
พิมพ์ดาวมองไปแล้วตกตะลึง ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป แม้สถานที่ยังใกล้เคียงฉาก แต่เจ้าหลวงแสงอินทร์ หอมุก สร้อยคำข้างตัว นางผัน นางเผื่อน นางทิพย์ นางทิม กลับกลายเป็นคนอื่นไปหมดสิ้น
ตรีภพมองพิมพ์ดาวเขม็ง เห็นหล่อนอยู่ในอาการตกตะลึงจังงังก็ฉงนสนเท่ห์
พิมพ์ดาวมองไปยังมาลาริน ที่คุกเข่าหันหลังให้ แต่พอมาลารินหันมา กลับมิใช่มาลาริน แต่เป็นใบหน้างามสคราญของหญิงที่หล่อนพบเจอในความฝัน
พิมพ์ดาวครางเบาๆ “เจ้ายอดหล้า”
ยอดหล้ามองมายังน้องสาวอย่างอ่อนใจ
เหตุการณ์ยังคงผ่านไปอย่างเรียบร้อย วันต่อๆ มามีการถ่ายทำ เป็นฉากเรือนของยอดหล้า ฐาปกรณ์ บีบี รัก ลูกกบ ตรีภพ แพท มาดูมอนิเตอร์
มาลารินจับพิมพ์ดาวมานั่งหน้าคันฉ่อง พิมพ์ดาวถูกจับแต่งตัว แต่งหน้า แต่งผม ดูงดงามเป็นคนละคน นางผัน นางเผื่อน คอยส่งดอกไม้คำ ดอกไม้ไหว ให้มาลาริน มาลารินปักดอกไม้ไหวลงบนมวยผมพิมพ์ดาว
“เจ้าพี่นึกยังไงถึงมาจับข้าแต่งตัว ข้าไม่ใช่ตุ๊กตาของเจ้าพี่นะ”
“ตอนนี้เจ้าเป็นตุ๊กตาที่งามที่สุดของข้า”
พิมพ์ดาวในบทดารารายหันมา
“ท่านทาหน้าข้าซะขาวราววอก ปากก็แดงเป็นตัวตุ๊ดตู่”
“ยังไงก็ดีกว่าขะมุกขะมอม เป็นชาวป่าชาวดอย”
“แต่ข้าก็เป็นชาวดอยจริงนี่ แม่ข้ามาจากเชียงรุ่ง หอคำเวียงผาครางก็อยู่บนผาสูง”
“เจ้าเป็นเจ้านางน้อยแห่งเวียงแก้วต่างหาก”
มาลารินจับพิมพ์ดาวให้หันไปดูกระจกใหม่ พิมพ์ดาวมอง
“ดูซิว่าเจ้างามแค่ไหน”
พิมพ์ดาวยิ้มพราย สบตากับมาลารินในกระจกเงา แต่แล้วตัวชาวาบ เมื่อภาพมาลารินเลือนไปกลายเป็นยอดหล้า นางผัน นางเผื่อน ในกระจกเงาก็เป็นอีกคนมิใช่นักแสดงประกอบ
พิมพ์ดาวเบิกตากว้างตะลึงพรึงเพริดถึงขีดสุด ฐาปกรณ์ขมวดคิ้ว
ฐาปกรณ์ร้อง “คัท!”
พิมพ์ดาวตัวชา ภาพอดีตที่ซ้อนเข้ามาเลือนไป มาลารินมองพิมพ์ดาว
“คุณพิมพ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ฐาปกรณ์ลุกมา บีบี ตรีภพ ตามมาด้วย
“เป็นอะไรหนูพิมพ์.. จู่ๆก็หยุดเล่น”
พิมพ์ดาวพนมมือไหว้ขอโทษทุกคน
“ขอโทษค่ะ เมื่อคืนหนูนอนน้อยก็คงเบลอน่ะค่ะ”
บีบียิ้มแสยะ
“ต๊าย เลยมาทำให้คนอื่นเสียเวลาไปด้วย นี่ต้องเทคล่ะซีนี่”
ฐาปกรณ์บอก “ไม่ต้องเทก จบซีนพอดี แค่ทริมตอนท้ายออกก็พอ”
พิมพ์ดาวโล่งใจ บีบีค้อนขวับๆ ตรีภพมองพิมพ์ดาวอย่างเป็นห่วง พิมพ์ดาวเมินหนี
ทีมงานละครเลิกกองในตอนกลางคืน พวกนักแสดงและทีมงานมากินอาหารเย็นที่เตรียมไว้ในศาลา โดยมีสุชาดายืนเด่นอยู่
“มีเรื่องจะประกาศนะคะ คือพี่ฐากับมาดามดีใจมากที่การถ่ายทำ 4 วันแรกออกมาดีมาก ถึงจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่ก็ถือว่าเล็กน้อย”
หลายคนซุบซิบกัน
“ว้าย เล็กน้อยมาก” มีมี่ว่า
มูมู่บอก “แค่มีคนตาย คาโต๊ะบวงสรวง
สุชาดาบอกต่อ “แล้วก็ เราสามารถเก็บคิวนักแสดงอาวุโสได้หมด...พี่ฐากับมาดามก็จะขอเลี้ยงส่งคุณพี่คุณอากลับกรุงเทพ คืนนี้เราก็เลยจะมีซิงอะซอง และดริ๊งค์ แดร๊งค์ ดรั้งค์”
มีการฮือฮา เฮฮา ปรบมือ กระทืบเท้าดีใจกันใหญ่ แต่ทีมงานใกล้ชิดมองหน้ากัน ราวเกิดสิ่งอัศจรรย์
ลูกกบบอก “ว้าย อยู่มาห้าปีไม่เคยจัดงานปีใหม่ วันนี้เกิดอาเพศแน่”
รักกัด “เจ๊ให้จ่ายค่าเหล้าเองเปล่าวะ”
สุชาดาประกาศต่อ “เราจะไปกันที่โอเกะของพ่อเลี้ยงธาดากันนะคะ”
ทุกคนเปลี่ยนชุดใหม่เพื่อไปปาร์ตี้ หลังอิ่มอร่อยกันแล้ว มีรถตู้กอง 2 คันมารอรับนักแสดงตรงหน้าคุ้ม ส่วนรถทีมงานบางส่วนออกไปก่อนแล้ว บรรดานักแสดงอาวุโสขึ้นรถตู้แรก ตรีภพ พิมพ์ดาว แพท ราเชนทร์ มาดามสุ ฐาปกรณ์ แต่งตัวลำลอง มาลาริน แต่งชุดราตรีสั้นวูบวาบวิบวับ เดินมากับบีบีที่ถมเครื่องเพชรเต็มตัว มาลารินเกาะแขนตรีภพถาม
“คุณตรีขึ้นรถคันไหนคะ”
“ยังไม่รู้เลยครับ”
พิมพ์ดาวกับแพทมองดูสองคน ตรีภพสบตาพิมพ์ดาว แล้วมองแพท
รถตู้คันที่ 2 มาจอดเทียบ เก้ง มีมี่ มูมู่ ราเชนทร์ มาดามสุ ฐาปกรณ์ ขึ้นไป เหลือที่นั่งอีก 3 ที่ มาลารินดึงตรีภพไปเลย
“ไปคันนี้เถอะค่ะ”
มาลารินหันมายิ้มตาแป๋วกับพิมพ์ดาว “ไปก่อนนะคะ”
มาลารินดึงตรีภพขึ้นรถไปกับบีบี คนขับรถรอปิดประตู
รถตู้คันที่ 3 มาเทียบ รัก ลูกกบ เบิ้ม ขึ้นรถ พิมพ์ดาว แพท ขึ้นตาม ส่วนในรถตู้คันที่ 2 ตรีภพคลำอกเสื้อ
“อ้าว ผมลืมมือถือ รอก่อนนะครับ” ตรีภพลงไป
ราวกับนัดกัน เพราะในรถตู้คันที่ 3 แพทเปิดกระเป๋าถือ
“ว้าย ลืมแว่นตา รอเดี๋ยวนะคะ”
แพทลงรถสวนกับตรีภพ สองคนหลิ่วตาให้กัน แพทเดินไปขึ้นรถตู้คันที่ 2
บีบีวี้ด “ว้าย มาทำไมยะ รถเต็มแล้ว”
“คุณตรีบอกให้ไปได้เลยค่ะ” แพทไม่สนบอกกับคนขับรถ “ไปได้เลยค่ะ พี่”
รถตู้เคลื่อนออก มาลารินแทบกรี๊ด ราเชนทร์ยื่นหน้ามาจากเบาะหลัง
“หนีบไม่อยู่ หลุด”
มาลารินมองกินเลือดกินเนื้อ
สุชาดางง “อะไร ใครหนีบไม่อยู่”
ราเชนทร์เฉไฉ “อ๋อ อาเชาว์น่ะครับ แกเปิดตัวแล้ว”
สุชาดาร้อง “ว้าย”
ฐาปกรณ์งง “หา พี่เชาว์ก็เป็นเหรอ”
2 ช่างหน้าช่างผมขาเม้าท์ ประสานเสียง “ว้าย พี่ฐาไม่รู้หรือคะ” / “แกไปอ๊อฟเด็กที่บาร์เกย์ค่ะ”
ด้านรถตู้คันที่ 3 มีร่างใครคนหนึ่งขึ้นรถพรวดมานั่งข้างพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวซึ่งมองไปนอกหน้าต่างรถ หันมาคิดว่าเป็นแพท
“น้องแพท”
พิมพ์ดาวชะงัก เมื่อเห็นว่าตรีภพมานั่งข้าง
“น้องแพทไปคันนู้น ออกรถได้เลยครับ”
พิมพ์ดาวเชิดใส่
รถตู้แล่นออกไปนอกคุ้มตามๆ กัน แก้วก้าวออกมาที่ระเบียงคุ้มหลวง มองตามรถตู้ไปสีหน้าครุ่นคิด
รถตู้ 2 คัน แล่นมาตามถนนในตัวเมือง ส่วนในรถตู้คันที่ 3 ตรีภพมองดูพิมพ์ดาว
“นี่คุณ ทำไม 2-3 วันนี้คุณถึงคอยหลบหน้าผม”
“อย่าสำคัญตัวผิด ฉันจะไปหลบหน้าคุณทำไม”
“อย่ามาพูด...พอผมจะพูดด้วยก็เชิดใส่”
“ก็ฉันขี้เกียจพูดด้วย มีอะไรไหม”
“อ้าว นี่คุณ ใครๆ เค้าก็ว่าเราคบหาดูใจกันอยู่ จู่ๆคุณมาทำห่างๆกับผม...เดี๋ยวก็มีข่าวมือที่สามที่สี่อีกหรอก”
ตรีภพพูดอย่างหมั่นไส้ พิมพ์ดาวเชิดอีก
“จะให้ฉันตั้งโต๊ะแถลงข่าวก็ได้นะ ว่าเลิกคบกันแล้ว”
“เพราะอะไรดีล่ะ”
“อะไรก็ได้ ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ทางบ้านไม่ชอบ หรือไม่ก็จับได้ว่าคบคนอื่นด้วย”
ตรีภพรู้สึก ตงิดๆ ในใจ ย้อนถาม “ฝ่ายไหน”
“ก็ต้องฝ่ายคุณซี”
ตรีภพถึงบางอ้อ “ผมรู้แล้ว นี่คุณเข้าใจผิดเรื่องผมกับคุณลินซี่อีกแล้วซี”
“นี่ ฉันบอกคุณแล้วนะว่าอย่าสำคัญตัวผิด คุณจะไปต่อบทกับใครในห้องมันเรื่องของคุณ ฉันไม่สน”
“งั้นคุณไม่อยากรู้จริงๆหรือว่าคืนนั้น...มันเกิดอะไรขึ้น”
พิมพ์ดาวลังเล เหลียวมองหน้าเขานิ่งๆ เห็นตรีภพทำหน้าจริงจัง
รถตู้ยังคงแล่นต่อไป ขณะพิมพ์ดาวมีอาการอึ้ง อัดอั้น
“คุณได้ยินเสียงซึงเล่นเพลงดวงดาว”
“แล้วผมก็ไม่รู้สึกตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คุณลินซี่ดึงตัวผมไว้ไม่ให้ออกไปนอกตัวคุ้ม” ตรีภพบอก
“คุณเคยละเมอเดินมาก่อนไหม”
ตรีภพส่ายหน้า “แล้วก่อนที่ฝูงกาจะโจมตี...ผมก็ได้ยินเสียงซึงอีกครั้งนึง”
พิมพ์ดาวกัดริมฝีปาก
“แต่แปลก...ที่คุณลินซี่ไม่ได้ยินเสียงเพลงนั่นเลย เหมือนเสียงซึงนั่นสื่อกับผมแค่คนเดียว”
พิมพ์ดาวมองหน้าตรีภพพึมพำ “ไม่ใช่แค่กับนายคนเดียวหรอก”
ตรีภพมองดูหล่อน รู้ว่าพิมพ์ดาวเชื่อ แต่พิมพ์ดาวยักไหล่
“เรื่องที่คุณแก้ตัวมานี่ ฉันจะพยายามเชื่อ”
“ใครบอกว่าผมมาแก้ตัว คุณสำคัญตัวผิดไปแล้ว”
พิมพ์ดาวตาเขียว ตรีภพสะใจที่เป็นฝ่ายย้อนบ้าง พิมพ์ดาวสะบัดหน้า มองไปนอกหน้าต่าง แต่มีอาการพึงใจนิดๆ
เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ยามราตรี บรรยากาศคึกคัก โซนคาราโอเกะแนวนิยมของยุค ทำเป็นเรือนส่วนตัว ตั้งอยู่ห่างๆ กันหลายหลัง ข้างในตกแต่งทันสมัย แต่ไม่วายมีลวดลายศิลปะเมืองเหนือ ตกแต่งอยู่ตรงนั้นตรงนี้
ทีวีจอแบนกำลังมีมิวสิควิดีโอเพลงยอดนิยมพร้อมเนื้อเพลง มาดามสุยืนกรีดมือวางท่วงท่าร้องเพลงอยู่ ด้านหลัง โดยมีมี่ มูมู่ เต้นเป็นหางเครื่องให้
ส่วนที่โซฟา ฐาปกรณ์มองเมียอย่างเซ็งๆ บีบี มาลาริน ตรีภพ นั่งอยู่ด้วยกัน บนโซฟาอีกตัวห่างออกไป พิมพ์ดาว ราเชนทร์ แพท นั่งคุยกัน อีกมุม ดาราอาวุโสนั่งกันอยู่ ส่วนอีกโต๊ะคือบรรดาทีมงาน เช่น ลูกกบ เบิ้ม รัก เก้ง สวิชเชอร์ ทีมงานอื่นๆ ตรงหน้ามีอาหารและเครื่องดื่มชนิดไม่อั้น
ทุกคนต่างคุย กิน และดื่ม มากกว่าจะดูมาดามสุ
มาดามสุร้องมาถึงท่อนสุดท้าย ก็เลยโชว์แอดลิปอิมโพรไวส์จนเสียงปลิ้น ทุกคนฟังอย่างสยอง เพลงจบลง
ตรีภพรีบปรบมือนำ คนอื่นๆ ปรบมือตามเปาะแปะ บางคนโล่งใจ บ้างถอนใจ บ้างซุบซิบว่าโชคดีที่จบเสียได้
มาดามสุยิ้มแป้น ยกข้อมือดูนาฬิกา
“โอเค ขอพักเรื่องคาราโอเกะไว้แปบนึงนะคะ เดี๋ยวค่อยร้องต่อ”
คนอื่นๆ งง ซุบซิบกัน “เชิญพบไฮไลท์ของคืนนี้เลยค่ะ”
ภาพบนจอทีวี กลายเป็นภาพละครโทรทัศน์ ที่เพิ่งจบไตเติ้ลเข้าเรื่องพอดี ตรีภพอ้าปากค้าง มีอาการเขิน มาลารินทำตาโต
“ละครคุณตรี ออนแอร์วันนี้ตอนแรกใช่ไหมคะ”
“โธ่ ผมอุตส่าห์ลืมไปแล้วนะนี่”
พิมพ์ดาวเชิด แพทมองทีวีตาเป๋ง
ภาพในจอเห็นรถสปอร์ตแล่นมาด้วยความเร็ว โดยในรถตรีภพในมาดลูกเศรษฐีที่สปอยสุดๆ ท่าทางเป็นแบดบอยเต็มที่
คนดูมีการตบมือ เป่าปาก กระทืบเท้า การตะโกนแซว ตรีภพหน้าแดง แต่ก็ลุกขึ้นทำท่าโค้งรอบทิศ
ตรีภพสบตาพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวยักไหล่ ตรีภพนั่งลง มาลารินเกาะแขน
“คองเกรทจูเลชั่นค่ะ”
มาดามสุมานั่งเบียดตรีภพอีกข้าง มองดูทีวี “ต๊าย น้องตรี หล่อมากค่ะ”
พิมพ์ดาวมองดูภาพตรีภพถูกขนาบด้วย 2 สาว 2 วัย ทำทีเป็นไม่แยแส ตักอาหารกินไป ราเชนทร์คอยดูท่าทีพิมพ์ดาวและตรีภพ แล้วยิ้มนิดๆ บรรดาทีมงานมองตาเป๋ง
มีมี่ปลื้ม “หล่อมากก”
“เรื่องอะไรนะ” เบิ้มถาม
มูมู่ตอบ “เรื่องพิศวาสซาตาน หรือเสน่หาซาตานอะไรซักอย่างค่ะ”
“เสน่ห์ซาตานอาจารย์เรืองเรอะเปล่าวะ” รักว่า
“ไอ้บ้า นั่นมันหนังเอ็กซ์” ลูกกบด่า
ภาพในจอทีวี เป็นตรีภพในมาดพระเอกเพลย์บอยสุดๆ แบดบอยโครตๆ กำลังคุยกับเพื่อนที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกามของเขา
“พวกผู้หญิงพวกนี้มันก็อยากเหมือนกันละวะ เสนอมาก็สนองให้”
ประโยคนี้ทำเอาพิมพ์ดาวชะงัก ตามองทีวี ตรีภพหน้าแดง เอาสองมือปิดหน้า บรรดาคนอื่นๆเกี๊ยวก๊าว แซว
“ตาย แรงนะ” แพทว่า
มาลารินเผยอปาก ยิ่งฟังยิ่งรัญจวน บีบีตีให้ระงับกิริยา
ที่ภาพในจอทีวี ตรีภพกระดกเหล้าน้ำแดงเข้าปาก ยักไหล่
“ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบซักหน่อยนึง แล้วจะมาเรียกร้องให้รับผิดชอบอะไร”
“นายมันเลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” เพื่อนบอก
พอตรีภพพูดจบก็มีการเฮยิ่งกว่าเดิม มีเสียง แม่งเลว, โหดสัด, พระเอกอะไรวะ ฯลฯ ตรีภพเอามือปิดตา ถ่างนิ้วดูตัวเอง หน้าแดงเพราะอายจริงๆ
“โอโฮ มายไอดอล”
แพทตีราเชนทร์เผียะ ราเชนทร์หัวเราะ พิมพ์ดาวอึ้งหันมามองตรีภพ ดวงตาโล่งใจบางอย่าง พึมพำกับตัวเอง
“วันนั้น อีตาบ้านั่นท่องบทละครหรือ”
ตรีภพลดมือลง มองพิมพ์ดาว
มาลาริน มาดามสุ เกาะแขน 2 ข้างพร้อมกัน พิมพ์ดาวเมิน
ข้างในยังคงครึกครื้นร้องเพลงต่อ ฐาปกรณ์ดึงมาดามสุมาข้างนอก บริเวณปลอดเสียง
“ทำไมกินกันไม่อั้นแบบนั้น แบลกตั้ง 7 ขวด ไม่ฉิบหายเหรอคุณ”
“วุ้ย ถ้าฉิบหายฉันจะเลี้ยงทำไม”
“อย่าบอกนะว่า ให้ไอ้แก้วออกให้อีก”
“ไม่ใช่ค่ะ พ่อเลี้ยงธาดาต่างหากเป็นคนเลี้ยง”
“หือม์ ไอ้พ่อเลี้ยงนี่ ทำไมต้องมาแสนดีกับเราด้วยวะ” ฐาปกรณ์คาใจไม่หาย
“จะอะไร ก็เศรษฐีบ้านนอกเห่อดาราน่ะซี”
มาดามสุพูดแล้วก็รีบมองซ้ายมองขวา กลัวคนของพ่อเลี้ยงมาได้ยินเข้า
ฟากราเชนทร์หลบมาหา พ่อเลี้ยงธาดาหันมา มีมือปืนสองคนยืนอยู่ข้างหลัง
“ได้เรื่องอะไรบ้าง”
“ตอนนี้ผมตีซี้พวกเหมดกับพวกคนสวน ทุกคนบอกว่าคุณแก้วตอนแรกที่มาถึงก็ทำตัวเป็น...เรียกว่าอะไรดี”
พ่อเลี้ยงธาดายิ้มเหยียดหยาม “สามล้อถูกหวย”
“ใช่แล้วครับ จากนั้นจู่ๆก็เปลี่ยนไป เลิกเที่ยว เก็บเนื้อเก็บตัว มีท่าทางเหมือนถูกสะกด”
ธาดาเสริม “หรือไม่ก็เหมือนคนติดยา”
“ช่วงเวลาก็เป็นช่วงเดียวกับที่คนของพ่อเลี้ยงหายตัวไป”
พ่อเลี้ยงธาดาขบกราม “งั้นก็เป็นฝีมือของไอ้เจ้ากำมะลอนี่จริงๆ”
“แปลว่าไอ้ เอ๊ย พี่เอ็ดดี้ก็ฝีมือมันหรือครับ”
“มันทำเหมือนกับเป็นฝีมือผี ทำเหมือนกับว่าคุ้มร้างนั่นมีอาถรรพ์ แต่กูไม่มีวันเชื่อ”
“แล้วพ่อเลี้ยงคิดว่าเงินกับยาจะยังอยู่หรือครับ”
พ่อเลี้ยงธาดาตาวาว ยิ่งคิดยิ่งโกรธ
“ป่านนี้คงไม่เหลือซากแล้ว แต่ก็ไม่แน่ ไอ้แก้วอาจจะยังซ่อนเงินกับยาไว้ที่ห้องใต้ดินคุ้มร้างนั่นก็ได้”
“แล้วพ่อเลี้ยงอยากให้ผมทำอะไรต่อไป”
สีหน้าพ่อเลี้ยงธาดาครุ่นคิด แววตาเหี้ยมเกรียม
อ่านต่อตอนที่ 10