อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 18
ทางด้านวิทย์นั่งแต่งเพลงอยู่ที่เปียโนตรงมุมห้องในบ้าน มีปากกาและกระดาษเขียนโน้ต เขาพยายามจะแต่งเพลง แต่จิตใจว้าวุ่น แต่งไม่สำเร็จ วิทย์วางปากกา เหลียวมองนาฬิกา บอกเวลาทุ่มครึ่ง วิทย์ถอนใจ คิดถึงคำของวิภา และ สมร เมื่อกลางวัน
เวลานั้นสองคนอยู่ที่บ้านวิทย์ สมรยกมือท่วมหัวสาบาน
“จริงจริ๊งค่ะ คุณหนู ให้หมอนไปสาบานที่ไหนก็ได้ หมัยได้ยินมากับหูพวกปากซอยมันนินทากันให้แซ่ด ว่าคุณอุษามีผู้ชายญี่ปุ่นขับรถคันเท่าบ้านมาส่งที่ปากซอย”
“เขาขับรถชนคุณอุษา ก็เลยพามาส่งบ้าน” วิทย์หันมาทางวิภา “เธอเล่าให้ผมฟังแล้ว”
“แน่ใจเหรอ ว่าเมียเธอเขาเล่าให้ฟังหมดทุกอย่าง...”
คำทักของพี่สาว เล่นเอาวิทย์อึ้ง แต่ทำไม่สนใจ
“เศรษฐกิจไม่ดี คนตกงานกันทั้งเมือง แต่เมียเธอ แค่เดินออกไปวันเดียวก็หางานได้...ความรู้เท่าหางอึ่ง จะจ้างไปทำอะไร เธอไม่สงสัยบ้างหรือ”
วิทย์เริ่มไม่พอใจ “คุณอุษาต้องไปทำงาน เพราะผมหาเลี้ยงเธอไม่ได้ ผมควรจะยกย่องภรรยาของผมนะครับ ไม่ใช่ไปดูหมิ่นเธอแบบนี้”
“ยกย่องกันเข้าไปเถอะ สักวันเธอจะต้องเสียใจที่ไม่เชื่อพี่คอยดูไปเถอะ”
คืนเดียวกันนั้น หลังงานเลี้ยงเลิกรา เซกิในอาการเมานิดๆ กลับถึงบ้านพัก เปิดไฟห้องโถงสว่างขึ้น โทโมกิเมาแอ่นร้องเพลงญี่ปุ่นดังลั่น มีสาวญี่ปุ่นประคองมา สาเมาไม่รู้ตัว แก้มแดง ตาฉ่ำ เดินเข้ามากับเซกิ ทุกคนสนุกคุยกันเสียงดัง
“โทโมกิซังเป็นทหารที่แย่มาก อ่อนแอมากเมาง่ายมาก” เซกิแซว
โทโมกิหัวเราะ “ยัง ผมยังไม่เมา”
พลางโทโมกิทิ้งตัวลงบนเบาะ ดึงสาวญี่ปุ่นมานัวเนีย สาวญี่ปุ่นร้องวี้ด แต่หัวเราะคิกคัก สาดูแล้วขำ แต่ก็อดหวิวๆ ใจไม่ได้
เซกิเดินมาพร้อมกับถาดใส่ขวดสาเกกับจอกสี่ใบ
“งั้นเรามาดื่มกันต่อ”
“อุ๊ย ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องกลับบ้านแล้วค่ะ”
เซกินรินสาเกใส่จอกทั้งสี่ใบ
“แค่หมดแก้วนี้...นะครับ”
โทโมกิคว้าจอกมาชูก่อนใคร คนอื่นยกตาม สาจำเป็นต้องยกจอกมา
2 ลูกอาทิตย์อุทัยชวนดื่ม “คัมปาย”
ทุกคนดื่ม เซกิมองสา ตาเป็นประกายพราวระยิบระยับ
ด้านวิทย์หยิบไวโอลินขึ้นมา เตรียมเล่น ดวงตามีแววกังวลและหวั่นไหวชัดแจ้ง
ฟากสาวญี่ปุ่นประคองโทโมกิที่เมาเดินแทบไม่ไหว ร้องเพลงดังลั่นออกจากห้องไป สานั่งอยู่กับเซกิ แก้มแดง ตาเยิ้มฉ่ำ สายิ้มและหัวเราะร่วน แต่ไม่รู้ตัวว่าเมา
“คุณโทโมกิเมาแล้วตลกจัง”
“คนเมาแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเมาแล้วดุดัน บางคนเมาแล้วตลก บางคนเมาแล้วเศร้า” เซกิมองสา ตาเยิ้ม “แต่อุษาซัง เมาแล้ว...สวยมาก”
“ฉันน่ะหรือคะ เมา”
“ถึงไม่เมา คุณก็สวยมาก”
เซกิพูดเสียงอ่อนหวาน สาใจเต้น รู้สึกปั่นป่วน
“ฉันกลับดีกว่า”
สาขยับตัวลุก แต่แล้วกลับซวนเซจะล้ม
“อุ๊ย
เซกิเข้าประคอง สาเกาะตัวเซกิเอาไว้เป็นหลักยึด
“ฉัน...โอ้ย ทำไมบ้านมันหมุนไปหมดอย่างนี้”
“คุณเมาแล้ว”
เซกิโอบกอดสาหลวมๆ สาใจเต้นระรัว เซกิกระซิบข้างหู
“คุณเป็นคนเมาที่สวยมาก อุษาซัง...คิเรเนะ”
เซกิจูบสาอย่างละมุนละไม สาอ่อนระทวย
ที่บ้านวิทย์เวลานั้น วิทย์เล่นไวโอลินเพลง “น้ำใจรัก” ที่ริมหน้าต่าง
ส่วนที่บ้านเซกิ หากมองไปที่ประตูกระดาษในห้องนอน จะแลเห็นเงาของสากับเซกิกำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม
วิทย์เล่นไวโอลินเสียงหวานเศร้าจนจบท่อน พอวางไวโอลิน ก็ได้ยินเสียงรถดังแว่วมา
เป็นเซกิที่จอดรถตรงถนนหน้าบ้านนั่งนิ่งมองสาอยู่อย่างนั้น สามีทีท่าเก้อเขิน ทรงผมหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง แต่ยังแลดูสวย
เซกิเรียกเสียงหวาน “อุษาซัง”
“ขอบคุณค่ะ ที่มาส่ง”
สาจะลงจากรถ เซกิเอื้อมมือมากุมมือสา
“ผมรักคุณจริงๆ นะ อุษาซัง”
สาเขิน ไม่ตอบอะไร ก้มหน้าก้มตาลงจากรถไป
เซกิมองตามสาเดินเข้าประตูรั้วบ้านไปจนร่างงามลับตา
สาบรรจงปิดประตูบ้านอย่างเบามือ แล้วเดินเข้าเขตบ้านทำตัวลีบเล็ก พยายามเดินให้เงียบที่สุด
สาเดินผ่านไป เห็นวิทย์เดินออกมาจากเงามืดของสวน
วิทย์เห็นอาการย่องเข้าบ้านเหมือนแมวขโมยของสาชัดแจ้ง ดวงตาของเขาเศร้าลง ทั้งเคลือบแคลง และหวาดหวั่นโดยประหลาด
ที่โต๊ะอาหารตอนเช้า วิภาเยาะเย้ยวิทย์ เพราะสมรมารายงานเรื่องราวให้ฟังเรียบร้อยแล้ว
“เธอเห็นกับตาแล้วใช่ไหม”
วิทย์ยังดื้อกับพี่สาว “ผมถามคุณอุษาแล้ว เธอไปงานเลี้ยง เลิกดึก นายห้างก็เลยมาส่งมันก็เป็นเรื่องปกติ ที่สุภาพบุรุษควรทำ”
“ถ้าเธอเชื่อ เธอก็โง่เต็มที”
วิทย์ย้อน พร้อมกับทำท่าไม่แคร์ “ผมคิดว่าสามีภรรยาต้องเชื่อใจกัน” วิทย์ไม่พอใจลุกขึ้นยืน “ที่ผมมาบอกคุณพี่ ก็เพราะอยากให้คุณพี่เข้าใจ คุณอุษาเธอไปทำงาน ไม่ได้ไปทำอะไรเสื่อมเสียอย่างที่คุณพี่ว่า”
ช่วงพักเที่ยงในห้องทำงานเซกิ มีแฟ้มเอกสารตกจากโต๊ะลงมาที่พื้น พบว่าสากับเซกิกำลังกอดจูบกันอย่างเร่าร้อน นาฬิกาในห้องตีเสียงดัง บอกเวลาเที่ยงตรง สาได้สติ พยายามอย่างที่สุดที่จะตัดใจดิ้นออกจากอ้อมกอดของเซกิ
“ว้าย อย่าค่ะ อย่า คุณเซกิ ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ ผมรักคุณนะ อุษาซัง”
“ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ ฉันมี...ว้าย”
มือเซกิตบที่ก้นสา หมับ สาตาโต กระชากคอเซกิมาจูบ
เวลาเดียวกันวิทย์มายืนชั่งใจอยู่ที่หน้าบริษัทของเซกิ มีพนักงานมองออกมามอง วิทย์ยืนนิ่งอยู่ พนักงานชักจะแปลกใจเริ่มชี้ชวนกันดู วิทย์ชักอาย
พนักงานออกมา
“มาหาใครหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรครับ ขอโทษด้วย”
วิทย์หันหลัง เดินกลับไป แต่กลับเจอวิภายืนอยู่
“คุณพี่!”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่ไปแสดงตัวล่ะ จะกลัวอะไร”
วิภาเดินไปบอกพนักงาน
“ฉันมาหาแม่อุษา เขาทำงานอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
พนักงานพยักหน้างงๆ วิทย์หน้าเสีย มองดูวิภาที่หน้าตาเอาเรื่อง
สากับเซกินัวเนียกันบนโซฟาอีกมุมของห้องกลางห้อง เห็นสูทของเซกิกองอยู่กับพื้น ข้างรองเท้าส้นสูงของสา
“เราไปห้องนอนของผมดีกว่า”
สาได้สติ พยายามต่อสู้กับความรู้สึก สะบัดตัวหลุดออกมาจากเซกิจนได้
“ไม่ค่ะไม่ เราสองคนทำแบบนี้ไม่ได้ มันผิด ผิดมากด้วย”
“ผิด? ผิดยังไง”
“เพราะคุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วฉันก็...”สาจะบอกว่ามีผัวแล้ว
เซกิหัวเราะสวนขึ้นมา “โอ ผมเข้าใจแล้ว” เขายิ้มกว้าง “มันผิดเพราะเราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะใช่ แล้วที่สำคัญ ตัวฉันเองก็...”
“ไม่ใช่ปัญหา” แล้วเซกิพูดสวนอีก ประกาศเสียงดัง “เราจะแต่งงานกัน”
“หา” สายิ่งตกใจ
“เราจะแต่งงานกันให้ถูกต้อง อุษาซังจะเป็นภรรยาของผม”
“ว้าย ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้เด็ดขาด”
เซกิงงหนัก “ทำไม ผมไม่เข้าใจ”
สาอ้ำอึ้ง ลำบากใจ เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะพอดี
“ใคร” เซกิตะโกนถาม
“มีคนมาหาอุษาค่ะ นายห้าง”
เซกิมองหน้าสา สาตกใจ ทั้งสองรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วสาก็วิ่งไปเปิดประตู
“ใครคะ”
พนักงานมองสภาพของสากับเซกิ พอเดาออก “เขาบอกว่าเป็นญาติ”
สางง “ญาติ? เขาบอกไหมคะว่าชื่ออะไร”
“ชื่อวิภา มากับผู้ชาย ชื่อวิทย์” พนักงานอมยิ้ม “เขาบอกว่าเป็นสามีของอุษา”
สาหน้าซีดเผือด เซกิมองสา ตกใจ นึกไม่ถึง
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 18 (ต่อ)
ไม่นานต่อมาพนักงานสาวฝ่ายต้อนรับคนเดิม เดินกลับมาบอกวิทย์กับวิภา
“อุษาไม่อยู่ค่ะ ออกไปทำธุระกับนายห้าง”
“นี่มันเวลาพักเที่ยงไม่ใช่หรือ” วิภาจ้องหน้าไม่เชื่อนัก
“ก็...ไปทำธุระ แล้วก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วย”
“ที่ไหนคะ”
“ช่างเขาเถอะครับ คุณพี่” วิทย์บอกกับพนักงาน “ขอบคุณมากครับขอโทษนะครับที่มารบกวน”
พนักงานสาวมองวิทย์ด้วยความสงสาร
วิทย์หันไปหาวิภา “กลับกันได้หรือยังครับ”
“ก็ได้”
วิทย์พาวิภาเดินออกมา ระหว่างทาง ทั้งสองสวนกับจอมที่เดินเข้ามาพอดี ส่งเสียงดังมาเลย
“คุณอนงค์ นี่เที่ยงกว่าแล้ว นายห้างไม่ออกไปไหนเหรอ วันนี้”
วิภากับวิทย์ชะงักกึก หันมามองหน้าพนักงานคนเดิม พนักงานคนนั้นวิ่งหนีไปทันที
“นี่ เธอ เดี๋ยวก่อนสิ” วิภาหันไปถามจอม “ตกลงนายห้างญี่ปุ่นเขาไม่ได้ออกไปข้างนอกใช่ไหม”
จอมอึ้งๆ งงๆ “นี่มันเรื่องอะไรกันนี่แล้วคุณเป็นใคร”
“น้องชายฉันเป็นผัวของแม่อุษา ฉันอยากจะรู้ว่า ตอนนี้เมียของน้องชายฉันอยู่ที่ไหน”
วิภาพูดเสียงดังฟังชัด คนมองกันเต็ม วิทย์เริ่มอาย
“พอเถอะครับ คุณพี่”
“ไม่ พี่อยากจะรู้ ว่าแม่อุษาเมียเธอมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่กล้าออกมาสู้หน้าผัว”
จังหวะนี้สาเดินออกมา หน้าตาบึ้งตึง “ฉันอยู่นี่ค่ะ คุณพี่”
วิทย์เห็นสาเดินออกมาหน้าตาไม่หวั่นไหว มีเซกิเดินเยื้องมาข้างหลัง ยิ้มให้ทุกคนอย่างสุภาพ
“ผมชื่อเซกิ เป็นเจ้าของที่นี่ครับ”
วิทย์กับวิภานั่งอยู่ในห้องทำงานเซกิ สาอยู่อีกมุม เซกิพูดกับสองพี่น้องอย่างสุภาพ
“ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดเข้าใจผิดกัน”
วิทย์บอกกับสา “ผมแวะมาหา เห็นเขาบอกว่าคุณอุษาไม่อยู่ แล้วทำไม...”
สาเชิด ไม่ตอบ เซกิตอบแทน
“ผมให้อุษาซังไปตรวจดูสินค้าที่ห้องด้านหลัง คงไม่มีใครรู้” เซกิโค้ง “ต้องขอโทษที่คนของผมทำให้คุณเข้าใจผิด ต้องขอโทษมากๆ”
เซกิโค้งให้แล้วออกมาพูดอย่างสุภาพ เป็นมิตร
แต่วิภายังไม่ยอมจบ “ฉันไม่เชื่อ”
สาย้อนเสียงขุ่น “แล้วคุณพี่คิดว่าจริงๆ มันเป็นยังไงล่ะคะ”
วิทย์รีบลุกขึ้นยืน ตัดบท
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่มารบกวนคุณอุษา พี่วิภาครับ เรากลับกันได้แล้ว”
วิภาไม่พอใจ ขึ้นเสียง “วิทย์”
วิทย์ไม่สนใจวิภา เข้าไปกุมมือสา พูดอ่อนหวาน “ผมขอโทษ และสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก” จากนั้นจึงหันไปโค้งให้เซกิ “ผมขอโทษที่มารบกวนการทำงาน ผมอาจจะเป็นห่วงคุณอุษามากไปหน่อย ผมลืมไปว่า” วิทย์หันไปยิ้มให้สา “บ้านแห่งความรักต้องอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจ...ลาละครับ”
วิทย์ไหว้เซกิ แล้วลากวิภาออกไป
สาถอนหายใจโล่งอก แต่สีหน้ายังกังวล พอหันกลับมาทางเซกิ ใบหน้าที่ยิ้มสุภาพของเซกิ กลับกลายเป็นเคร่งขรึม
สาใจแป้ว “คุณเซกิคะ คือฉัน...”
เซกิพูดตัดบทด้วยเสียงขรึมๆ
“หลังเลิกงาน เชิญที่ห้องผม เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เซกิเดินออกไป สาอึ้ง เดาใจเขาไม่ออก
ขณะนั้นสมรชะเง้อชะแง้รออยู่หน้าบ้าน พอเห็นวิภาเดินหน้าบึ้งกลับมา โดยมีวิทย์เดินตาม สมรรีบถลาเข้าไปหา
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณขา” หน้าตาสมรสอดรู้สุดๆ “จับแมวขโมยได้ไหมคะ”
วิทย์ชักสีหน้า แต่สมรทำไม่รู้ไม่ชี้
“ยัง! ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา”
วิทย์พูดปรามพี่สาว “ความจริงที่คุณพี่กล่าวหาเขา ก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไร”
“ใครว่าไม่มี โน่น! ไปถามคนในซอยดูสิ เขานินทากันให้เซ็งแซ่ ว่าเมียเธอ มีไอ้ยุ่นขับรถมาส่งทุกคืน พร่ำพรอดกันราวกับคู่รักก็ไม่ปาน”
วิทย์รั้น “เชื่ออะไรกับปากชาวบ้าน”
“ถ้าไม่เชื่อ คุณหนูก็คอยดูเองด้วยตาซักวันสิคะ เรื่องแบบนี้ไม่มีมูลฝอย หมามันไม่ ขะ เอ๊ย ถ่าย หรอกค่ะ”
วิทย์นิ่งงันไป พยายามจะข่มห้ามตัวเองไม่ให้หวั่นไหว
ส่วนเซกิพูดอย่างไม่พอใจ “คุณหลอกผม”
สาแก้ตัวลนลาน “เปล่านะคะคุณเซกิ ฉันไม่ได้หลอกคุณนะคะ เรื่องคุณวิทย์น่ะฉันพยายามจะบอกคุณแล้ว แต่คุณไม่ยอมฟังเอง”
เซกิจับไหล่สา จ้องตาพูดจริงจัง “คุณรักสามีของคุณหรือเปล่าอุษาซัง”
สาเมินหนี “เอ่อ...คือฉัน”
เซกิจ้องตาสา แววตาเอาจริง “คุณไม่รักเขา...เพราะถ้าคุณรักเขา คุณคงไม่มีอะไรกับผม”
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่อย่างนั้น”
เซกิถามเสียงดุ “หรือคุณหลอกผม”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่”
เซกิตัดบท “งั้นเลิกกับเขาซะ ผมไม่ชอบเป็นชู้กับใคร”
สาขยับจะโต้แย้ง เซกิหันไปที่ลิ้นชัก หยิบธนบัตรปึกใหญ่ออกมาวางตรงหน้า ปัง! สาถึงกับอึ้ง
สาเครียกมากเอาเรื่องมาปรึกษาแป้นที่บ้านสวนตอนเย็น แป้นตกใจมาก
“ต๊ายตาย ไอ้ยุ่นนี่มันคิดว่ามีเงิน ก็จะมาซื้อลูกซื้อเมียคนอื่นได้หรือไง"
“แต่ถ้าไม่มีเขา ฉันก็คงไม่มีปัญญาเลี้ยงโสภิตหรอกนะ พี่แป้น” สาชี้ไปที่ข้าวของที่วางอยู่รอบตัว “ทั้งขนมนมเนย เสื้อผ้า ที่มีมาให้โสภิตทุกวันนี้ ก็เงินเขาทั้งนั้นคุณวิทย์เธอเคยมายื่นโยนอะไรที่ไหน”
สากระฟัดกระเฟียด แป้นเตือนสติ
“คุณจะไปโกรธคุณวิทย์แกก็ไม่ถูก แกไม่รู้นี่คะ ว่าแม่หนูโสภิตเป็นลูกคุณ แล้วไอ้เรื่องเงินเรื่องทอง ตอนนี้มันก็ฝืดเคืองกันทั้งนั้น พวกเราไม่ได้พิมพ์แบงค์ได้เองเหมือนพวกมันนี่คะ”
สายังฮึดฮัด ลึกๆ สารู้ดีว่าสิ่งที่วิทย์ให้เธอไม่ได้นั้น นอกจากเรื่องเงิน ยังมีเรื่องอื่น แต่บอกแป้นไม่ได้
“เลิกกับนายยุ่นนั่นเสียเถอะค่ะ คุณสาคุณก็มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วคุณวิทย์เธอก็ดีแสนดี”
“ค่าดีแสนดี” สากระแทกเสียง “ดีอย่างกับพรหมลูกฟักวันๆ เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่รู้สึกรู้สมอะไร”
สาประชดลมประชดแล้งไป แป้นมองหน้าสาอย่างไม่เข้าใจ
วิทย์นั่งแต่งเพลง แต่ก็เหม่อลอย ไม่มีสมาธิ คำพูดเย้ยหยันของวิภากับสมรก้องอยู่ในหัว
“เขานินทากันให้แซ่ ว่าเมียเธอ มีไอ้ยุ่นขับรถมาส่งทุกคืน พร่ำพรอดกันราวกับคู่รักก็ไม่ปาน”
“เรื่องแบบนี้ไม่มีมูลฝอย หมามันไม่ถ่ายหรอกค่ะ”
วิทย์ขยำกระดาษโน้ตปาทิ้ง เสียใจ เสียงประตูเปิด สาเดินกลับมาจากทำงานหน้านิ่งๆ วิทย์รีบลุกขึ้นรับ
“คุณอุษา”
สาเดินไปถอดเครื่องประดับ คว้าผ้านุ่งมาเปลี่ยน เตรียมอาบน้ำ ไม่พูดไม่จา
วิทย์เสียงอ่อนโยน “คุณอุษา เรื่องวันนี้...”
“ฉันเหนื่อย ขออาบน้ำก่อนนะคะ”
สาเดินออกไป วิทย์เศร้า
สาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เดินกลับเข้ามาในห้องเห็นวิทย์รออยู่ สาคิดในใจ
“ยังไงก็ไปกันไม่รอดอยู่แล้ว จบๆ กันไปเลยก็ดี”
สาเดินมานั่ง แล้วบอกวิทย์แบบคนใจเด็ด “ฉันพร้อมแล้วค่ะ”
วิทย์มองหน้าสา แววตาอ่อนโยน
“เรื่องวันนี้ ที่ผมไปที่ทำงานคุณ ผมยอมรับ ว่าผมระแวง...มีคนพูดกันมากเหลือเกิน เรื่องคุณกับนายเซกิ” สาเมินหน้าหนี “ผมก็อดสงสัยไม่ได้”
สาสะบัดเสียง “แล้วคุณจะเอายังไงล่ะคะ”
“คุณอุษา ผม...” สาลุ้นสุดขีด อยากให้เรื่องจบๆ “ผมขอโทษ”
สาผิดคาด “ห๊ะ! อะไรนะคะ”
“ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม”
สาอึ้ง ไปไม่เป็น วิทย์กุมมือสา
“ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่เชื่อใคร ผมจะเชื่อคุณคนเดียวเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ คุณอุษา ผมรักคุณ ผมไม่อยากเสียคุณไป ผมคงอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณ”
วิทย์พูดจริงจังมาก สาเจอไม้นี้ถึงกับอึ้ง ไปไม่เป็นพูดอะไรไม่ออก
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 18 (ต่อ)
สาบอกกับเซกิ ขณะมาทำงานในเช้าวันใหม่ เซกิไม่พอใจมาก ตบโต๊ะปัง
“ผมให้คุณไปเลิกกับเขา อุษาซัง คุณต้องไปเลิกกับเขา”
“คุณวิทย์ดีกับฉันมากเขารักฉันมาก ฉันทำร้ายเขาไม่ได้หรอกค่ะ”
“แล้วผมล่ะ”
สาอึกอัก พูดไม่เต็มปาก “เรา...เราคงต้องเลิกคบกัน”
“ถ้าเราเลิกคบกัน คุณก็ทำงานที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วคุณจะไปทำอะไร”
สาชะงัก เซกิพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพปกติแต่ความหมายข่มขวัญ
“สามีของคุณเลี้ยงคุณไม่ได้ ให้ความสุขกับคุณก็ไม่ได้...คุณจะทิ้งผมกลับไปหาเขา อย่างนั้นหรือ อุษาซัง”
สาอึ้งไม่มีคำตอบ
เซกิเดินมาเอามือจับไหล่ ดึงขึ้นมากอด สาโอนอ่อนโดยดี เซกิยิ้มอย่างผู้ชนะ
ที่แผงก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ สภาพเน่าๆ ในตลาดสดของย่านชุมชนคนยากจน บุญยงสวมเสื้อยืดคอกลมเก่าๆ กำลังลวกก๋วยเตี๋ยว มีลูกค้านั่งอยู่สองคนบุญยงตัวคนเดียว เดินเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวไปด้วย คุยไปด้วยวุ่นวายพอสมควร
“ทำใจเถอะวะ วิทย์ ถ้ามันยังรบกันอยู่อย่างนี้ ใครจะจ้างเราไปสีไวโอลิน”
มีลูกค้าเด็กๆ วิ่งเข้ามาอีกสองคน คนหนึ่งสั่งก๋วยเตี๋ยว
“ลุงครับ ก๋วยเตี๋ยวเด็ก 2 ชาม”
บุญยงบ่นเบาๆ “เรียกลุง ชะ ได้ๆ รอเดี๋ยว”
บุญยงหันไปทำก๋วยเตี๋ยววิทย์ช่วย ตามคุยไปด้วย
“แปลว่าพี่จะทิ้งอาชีพนักดนตรีแล้วหรือครับ”
“อั๊วไม่มีทางเลือกนี่หว่า ปากเดียวท้องเดียวยังพอว่า แต่นี่อั๊วมีแม่ต้องเลี้ยง อั๊วจะนั่งกินอุดมคติเหมือนลื้อไม่ได้”
“ผมก็ไม่ได้กินอุดมคติหรอกครับ พี่ แต่ผมทำอะไรไม่เป็นจริงๆ นอกจากเล่นดนตรี”
“ลูกเศรษฐีตกยากมันลำบากจริงเว้ย สู้เกิดมาจนเลยไม่ได้” ลูกค้าสองคนแรกลุก บุญยงพุ่งไปเก็บเงิน “ทั้งหมดสามบาทคร้าบ ขอบคุณคร้าบ วันหน้าเชิญใหม่” บุญนำร้องดังๆ เรียกลูกค้า “เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภ้ย กินก๋วยเตี๋ยวไทยสร้างชาติคร้าบ เชิญคร้าบ”
ลูกค้าใหม่เดินเข้ามาอีก วิทย์มองดูบุญยงที่ทำงานอย่างวุ่นวาย แล้วใคร่ครวญครุ่น
เวลาเดียวกันหม่อมพริ้มกำลังเรียงกล้วยตากสีสวยใส่โหลแก้วใบย่อมๆ มีหลายใบเรียงรายอยู่ตรงหน้า คุยกับคุณพริ้งพี่สาวที่เวลานี้สูงวัยขึ้น ถามต้องใส่แว่นด้วย
ถัดไปเห็นพุด หวน ช่วยกันยกกระจาดตากกล้วยตากเข้ามา จวนช่วยหม่อมพริ้มเก็บกล้วยตากใส่โถอยู่อีกด้าน ทั้งหมดคุยกันไปด้วย
“เมื่อก่อนเขาสอนว่าให้กินข้าว จะไม่เป็นตานขโมย สมัยนี้พิลึกนะคะหม่อม สอนให้คนกินก๋วยเตี๋ยว” จวนว่า
หม่อมพริ้มพูดขำๆ “ท่านผู้นำท่านว่าก๋วยเตี๋ยวใช้ผลผลิตจากชาวสวน ถ้าเราซื้อของมาทำก๋วยเตี๋ยวกิน จะช่วยให้ชาวสวนมีรายได้ เศรษฐกิจไทยจะดี”
“มันก็ดีอยู่หรอกค่ะหม่อม แต่มันไม่อยู่ท้องเหมือนข้าว...ชามละบาทแป๊บเดี๋ยวก็หิวอีกแล้ว ขืนกินบ่อยๆ เศรษฐกิจอีจวนนี่แหละจะแย่” จวนท้วง
“ข้าวของก็แพง ของกินของใช้ขัดสนไปหมดทุกอย่าง ต่อไปจะลำบากกว่านี้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ หม่อม” หวนถามขึ้น
“ยากลำบากก็จะไปกลัวอะไร นังหวนขอแค่ไม่งอมืองอเท้า” หม่อมหันมาทางพี่สาว “อิฉันให้บ่าวช่วยกันปลูกผักปลูกผลไม้เอาไว้กินเอง เหลือกินก็ตากแห้ง แช่อิ่มเก็บเอาไว้บ้าง เอาไปขายบ้าง”
คุณพริ้งมองขำๆ “เออ ดูทีรึ กลายเป็นแม่ค้าไปเสียแล้วน้องสาวฉัน”
หม่อมพริ้มเยื้อนยิ้ม “อิฉันได้กำไรเดือนละหลายบาทอยู่นะคะ คุณพี่ อย่าดูถูกไป”
“ความจริงแม่พริ้มก็ยังมีเงินอยู่อีกก้อนไม่ใช่หรือ ที่เสด็จพระองค์หญิงทรงประทานให้เธอ พี่จำได้ว่าก็มากโขอยู่”
“เงินก้อนนั้น เสด็จป้าประทานเป็นทุนการศึกษาของชายรวีค่ะ อิฉันตั้งใจเอาไว้ว่า จะเก็บไว้ส่งเสียให้ชายรวี ให้เรียนสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะลำบากยากเย็นยังไง อิฉันจะไม่ขอแตะต้องแม้แต่สตางค์แดงเดียว”
คุณพริ้งเหลือบตามองซ้ายมองขวาว่ามีแต่คนสนิท จึงเปรยขึ้นมาเบาๆ
“ท่านชายตัดสินพระทัยถูกต้องแล้ว ที่ให้เธอเป็นแม่ชายรวี ก็ถือว่าเป็นบุญของเด็ก...หาไม่ ชายรวีคงเอาดีไม่ได้ คงต้องเหลวไหลตามอีสาไปเป็นแน่”
สีหน้าหม่อมพริ้มมีแววชิงชังฉายโชนในดวงตา เมื่อนึกถึงอีสา
เย็นแล้วเซกิกับสาเดินควงกันมาที่รถ ที่จอมจอดรออยู่
“ไปไหนครับ นายห้าง”
“ไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยไปสโมสร” เซกิหันมาทางสาถามเอาใจ “วันนี้คุณอยากกินอาหารจีนหรืออาหารฝรั่ง”
สาไม่ตอบ เซกิเห็นสาทำหน้าเจื่อนๆ เลยหันมองไป เห็นวิทย์ยืนอยู่
“คุณอุษา” วิทย์ทัก
“คุณนี่เอง”
“ผมเพิ่งเสร็จธุระพอดี เลยแวะมารับ “ภรรยาของผม” กลับบ้าน”
วิทย์พูดนิ่มๆ กับเซกิ สาอึ้ง เดาใจวิทย์ไม่ออกว่าจะมาไม้ไหน เซกิยิ้มมองวิทย์อย่างรู้ทัน
สาเดินนำวิทย์มาตามถนน สาท่าทางฮึดฮัด ไม่พอใจ
“ไหนคุณวิทย์ว่าเชื่อใจฉัน แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง”
“ผมเชื่อใจคุณอุษา แต่ผมไม่เชื่อใจนายเซกิ”
สาหันขวับมามองหน้า ตาเขียว วิทย์อธิบาย
“ผมไม่ชอบที่เขาไปรับไปส่งคุณทุกวัน”
สาเสียงขุ่น “แล้วยังไงคะ คุณวิทย์เลยจะมารับมาส่งฉันแทนหรือยังไง คุณไม่มีงานมีการทำหรือคะ”
วิทย์อึ้ง หน้าชา
ทันใดนั้น รถหรูของเซกิขับมาจอดเทียบริมฟุตบาท เซกิหมุนกระจกลงมา
“อุษาซัง ผมลืมบอกไป คืนพรุ่งนี้คุณต้องไปงานเลี้ยงกับผม”
วิทย์ถามออกไป “จำเป็นต้องไปด้วยหรือครับ”
“มันเป็นงานเลี้ยงของลูกค้า “ภรรยาของคุณ” เป็น ลูกจ้างของผม”
วิทย์อึ้งไป
“อ้อ งานคงเลิกดึก แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมจะไปส่งคุณอุษาเอง ไปได้ จอม”
เซกิยิ้มนิดๆ อย่างผู้ชนะ แล้วรถก็เลื่อนออกไป วิทย์มองตาม ไม่พอใจ
“ไม่ไปไม่ได้หรือครับ คุณอุษา”
“ถ้าฉันไม่ไป แล้วโดนไล่ออกจากงาน คุณวิทย์จะมีปัญญาหาเลี้ยงฉันไหมล่ะคะ”
วิทย์อึ้ง สาเดินฉับๆ ไปเรียกสามล้อ วิทย์เดินตามไปขึ้นรถอย่างเศร้าๆ รู้ว่าเขากำลังเป็นรองเซกิ
วิภายืนอยู่หน้าบ้าน เห็นวิทย์เดินคอตกตามหลังสา ที่เดินหน้าบึ้งตึงกลับบ้านมา วิภาแกล้งหันไปพูดกับสมรเสียงดัง
“เฮ้อ น้องชายฉัน คิดว่าเมียเป็นหงส์ ถึงได้หลงด้วยลายย้อม...”
สากับวิทย์ชะงัก สามองหน้าวิภากับสมร กัดฟันกรอด วิภาลอยหน้าลอยตาด่าต่อ
“ที่ไหนได้ สมรเอ๊ยพอลับตา มันก็แอบลงไปคลุกขี้โคลน”
สมรเสริม “อุ๊ย อีแบบนี้มันไม่ใช่หงส์หรอกค่ะ คุณขามันคงจะเป็นห่า.....น”
สาทนไม่ไหว จะเข้ามามีเรื่อง วิทย์คว้ามือไว้
“คุณอุษา อย่า”
สาสะบัดหลุด โถมเข้าจิกตบสมร สมรสู้ไม่ได้ สายันสมรพุ่งไปใส่วิภาเต็มแรง ทั้งนายและบ่าวล้มลงไปกองกับพื้นด้วยกันร้องโอดโอย
สมรร้อง “ว้าย”
วิภาคำราม “นังอุษา แก...แกไปเลยนะ ไสหัวออกไปจากบ้านฉัน”
วิทย์ตกใจ “คุณพี่”
“มันนอกใจเธอ แถมยังกำเริบเสิบสานกับพี่ แล้วจะเลี้ยงมันไว้ทำไม”
“ใครเลี้ยงใครกันแน่” วิทย์สะอึก “หลายเดือนมานี่ ข้าวที่กินของที่ใช้ก็เงินฉันทั้งนั้น”
วิภาโกรธจัด “หนอย บังอาจ”
วิทย์จับมือไว้ขอร้อง “คุณอุษา ค่อยพูดค่อยจากันเถอะครับ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันก็เบื่อที่นี่เต็มทีแล้ว ไม่ต้องมาไล่พรุ่งนี้ฉันจะไปหาที่อยู่ใหม่”
สาสะบัดมือ เดินหนีไป วิทย์มองตามด้วยความเสียใจ
“คุณอุษา”
“อย่าไปง้อมันนะ วิทย์”
วิทย์ไม่สนใจ เดินตามสาไป วิภาขัดใจ
วิภาเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาในบ้าน สมรตามสอพลอ
“ดูสิคะ คุณขา มันกำเริบเสิบสานขนาดไหน”
“ฉันเห็นแล้ว”
“คุณหนูก็นิ่งดูดาย ปล่อยให้เมียมารังแกคนในบ้าน”
“วิทย์หลงมันจนตาบอดเขางอกบนหัวแล้วยังไม่รู้สึก”
“เชอะ แล้วทำเป็นอวดเก่ง จะไปอยู่ที่อื่น น้ำหน้าอย่างนั้นจะมีปัญญาไปไหน”
“คนเรา อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ทำเป็นคับอกคับใจอยู่บ้านผัวไม่ได้ คงอยากจะไปอยู่กับชู้ใจจะขาดแล้วน่ะซี”
สมรยกมือทาบอก ตกใจ
รุ่งเช้าสาแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ชุดสวย เตรียมไปงานคืนนี้ วิทย์ใส่เชิ้ตแขนยาวเรียบร้อยเดินเข้ามาในห้อง เสื้อผ้าวิทย์ดูซอมซ่อ เป็นเสื้อผ้าชุดเดิมๆ ต่างจากสาที่ใส่ชุดใหม่ๆ ไม่ซ้ำ สวยหรูขึ้นทุกวัน
“วันนี้ผมจะออกไปหาดูบ้านเช่า”
สาหันมามองแล้วอดสงสารไม่ได้ พูดเสียงอ่อนลง
“ฉันทำให้คุณลำบากหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไร” วิทย์นั่งลงใส่ถุงเท้า “มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
“แต่คุณไม่มีงานนี่คะ คุณจะไปเอาเงินที่ไหน”
วิทย์ยิ้มอีก “ผมจะไปทำงาน ผมจะหาเลี้ยงคุณให้ได้ คุณจะได้ไม่ต้องไปทำงานกับนายเซกิ”
วิทย์พูดพลาง ใส่ถุงเท้าอีกข้าง ปรากฏว่าถุงเท้าขาด นิ้วโป้งของวิทย์ทะลุออกมาชัดเจน
“อ้าว”
สาหันไปดู เห็นสภาพถุงเท้า สลดใจ “ถุงเท้าขาดนี่คะ”
วิทย์เงยหน้าขึ้นมายิ้มๆ ไม่ทุกข์ร้อน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนทำงานผมคงไม่ต้องถอดรองเท้า”
วิทย์ยิ้มๆ แล้วลุกเดินไปคว้าหมวกเก่าๆ กับไวโอลินคู่ใจ สามอง ทั้งสงสารและสมเพชแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้
“คุณวิทย์คะ คุณไปทำงานที่ไหน...”
วิทย์ไม่ตอบ เดินออกไปพร้อมไวโอลิน สามองตาม ทั้งสงสารและรู้สึกผิด
อ่านต่อหน้า 4
อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 18 (ต่อ)
บุญยงขายก๋วยเตี๋ยวอย่างคล่องแคล่ว เวลานี้ในร้านมีลูกค้ามากินมากพอสมควร
“อ้าว ชามหมดแล้ว ขอชามหน่อย”
เสียงวิทย์ดังมาก่อนตัว “ชามได้แล้วครับ”
วิทย์ใส่เสื้อกล้ามตัวเดียว กางเกงม้วนขา ยกชามที่เพิ่งล้างเสร็จมาให้ ท่าทางเหนื่อยแต่ใบหน้าสดชื่น
“วันนี้ขายดีเว้ย รีบเก็บชามที่โต๊ะไปล้างด้วยนะ”
“ครับพี่”
วิทย์หันไปเก็บชามที่โต๊ะ เช็ดโต๊ะอย่างแข็งขัน
ตกบ่าย ลูกค้าไม่มีแล้ว บุญยงนับเงินแบ่งให้วิทย์
“เอ้า ค่าแรงของลื้อ”
บุญยงส่งเงินมาให้ประมาณยี่สิบบาท วิทย์รับมา
“มีงานอื่นที่ผมจะทำได้อีกไหมพี่ ผมอยากหาเงินให้ได้มากๆ อีกหน่อยผมออกมาเช่าบ้านอยู่เองแล้ว คงต้องใช้เงินอีกมาก”
บุญยงมองอย่างเห็นใจ “คุณอุษาเขารู้ไหม ว่าลื้อต้องทำขนาดนี้”
“ผมทำได้ทุกอย่างครับพี่ ขอให้เขามีความสุขเท่านั้นก็พอ”
คืนนี้มีงานเลี้ยงที่สโมสรทหารญี่ปุ่นอีกแล้ว บนเวทีตกแต่งด้วยดอกซากุระกระดาษแลดูงดงาม สากับเซกิเดินมาด้วยกันสายังไม่สบายใจนัก
“ฉันอยากมาอยู่กับคุณนะคะ แต่ก็อดสงสารคุณวิทย์ไม่ได้”
“สงสารไปก็เท่านั้น จะช้าจะเร็วเขาก็ต้องเสียใจ”
“แต่ว่าฉัน...”
เซกิยกมือห้าม “เลิกพูดถึงคนอื่นเถอะ ดูนั่น”
บนเวที นางระบำญี่ปุ่นถือช่อดอกไม้ประดิษฐ์และพัดออกมา สาพึมพำตาวาว
“ระบำญี่ปุ่น”
“ผมจำได้ว่าคุณชอบใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันชอบชอบมาก” สาตาเป็นประกายฝันหวาน “ฉันชอบเสียงเพลง ชอบการร้องการรำ”
“งั้นก็มีความสุขกับมันให้เต็มที่” เซิกิกระซิบข้างหู “ลืมเขาไปซะ”
ไม่นานต่อมาเสียงบรรเลงเพลง ซากุระ ดังขึ้นพร้อมๆ กับที่บนเวที มีสาวญี่ปุ่นร่ายรำออกมา สักครู่ สาในชุดกิโมโนก็ก้าวออกมาตรงกลาง ร่ายรำตามสาวญี่ปุ่นทั้งสอง ท่าทางไม่คล่องนัก แต่น่ารัก มีเสน่ห์ เซกิมองสาอย่างชื่นชม จนเพลงจบ เซกิชูแก้วสาเกขึ้น ร้องเสียงดังร่าเริง
“เก่งมาก อุษาซัง เก่งมาก”
เซกิเดินขึ้นไปบนเวที โอบเอวสาแล้วนำดื่มฉลอง
“ผมขอให้ทุกท่านดื่มให้กับอุษาซัง...คัมปาย”
ทหารและคนอื่นๆ ร้องแล้วดื่มตาม
“วันนี้ผมมีความสุขมาก ผมขอฉลองด้วยการเลี้ยงเหล้าทุกคน…คัมปาย”
ทุกคนในงานร้องเฮ กระทืบเท้าเป่าปาก บรรยากาศรื่นเริง
เซกิส่งสาเกให้สาดื่มจากจอกเดียวกัน สาดื่ม หัวเราะสดใส
ทางด้านวิทย์ในเสื้อกล้ามกับกางเกงแพรนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ในบ้าน ตรงหน้ามีห่อก๋วยเตี๋ยวแห้งสองห่อ ผูกเชือกกล้วยไว้
วิทย์มองนาฬิกา เห็นบอกเวลาสองทุ่ม เขาถอนใจ หยิบขวดน้ำเปล่ามารินใส่แก้ว แล้วลงมือกินก๋วยเตี๋ยวในแสงเหงาๆ เพียงลำพัง
ฟากสุขกับแป้นเข้ามุ้ง เตรียมนอนแต่คุยเรื่องสาไปด้วย
“แกว่าคุณสาแกจะเลือกใคร”
“ก็คงจะไอ้ยุ่นนั่นล่ะมั้ง”
“ฉันก็ว่า...ไม่น่าเล้ย เลยกลายเป็นผู้หญิงสามผัว”
สุขหัวเราะ “สามอะไร ถ้านับคุณสมศักดิ์ด้วยก็เป็นสี่” แป้นทำหน้างอ สุขล้อ “เอาน่ะ หญิงสามผัวไม่ดี คุณสาแกก็มีคนที่สี่แก้เคล็ดแล้วไงล่ะ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยายแป้น”
กลางดึกคืนนั้น กิโมโนที่สาใส่กองอยู่ที่พื้นห้องนอนในบ้านเซกิ ส่วนบนเตียงสากับเซกินอนอยู่ มีผ้าห่มคลุมตัว เซกิคว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วลุกขึ้น สาขยับตัวตาม
“ดึกแล้ว ฉันต้องกลับแล้วค่ะ”
“ไม่กลับได้ไหม”
สาหนักใจ “ยังไงก็ต้องกลับค่ะ”
เซกิถอนใจ แล้วเดินไปที่เซฟ เปิดออก หยิบเอากล่องกำมะหยี่ออกมา
“อุษาซัง”
เซกิเปิดกล่อง หยิบแหวนเพชรออกมา
“ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย...บอกเลิกกับเขาซะจากนั้นเราจะแต่งงานกัน” เขาจับมือสามา สวมแหวนให้ “แต่ถ้าไม่...แหวนวงนี้จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะได้จากผม”
สาอึ้ง มองแหวนเพชรวงใหญ่บนนิ้ว
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้สวมแหวนหมั้น สาทั้งดีใจ แต่ก็ลำบากใจ ปนเปกัน
สาเดินมาถึงหน้าประตู มีสีหน้าครุ่นคิด พอจะเปิดประตูก็นึกได้ สาถอดแหวนออกจากนิ้ว เก็บใส่ในกระเป๋าถืออย่างลวกๆ แล้วเปิดเข้าบ้านไป
สาค่อยๆ ย่องเข้ามาในห้องปิดไฟมืด แต่ยังพอเห็นเงาร่างวิทย์ตะคุ่มๆ อยู่บนเตียง
สารำพึงเบาๆ “หลับแล้วมั้ง”
สากลัววิทย์ตื่น ค่อยๆ ย่องเอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะแต่งตัว ยังไม่ทันวางดี เสียงวิทย์ก็ดังขึ้น
“คุณอุษา”
สาสะดุ้งเฮือก วางกระเป๋าพลาดจนกระเป๋าหล่นลงพื้น ไฟห้องเปิดสว่างขึ้นมา
“ทำไมไม่เปิดไฟล่ะครับ”
“ฉันเห็นดึกแล้ว กลัวคุณวิทย์ตื่นน่ะค่ะ”
“กลายเป็นผมทำคุณตกใจ...ดูสิ ของตกหมดเลย”
สามองที่พื้น เห็นกระเป๋าถือที่ตกลงไปเปิดอ้า ของข้างในกระจายออกมา ทั้งตลับแป้ง ลิปสติก เศษเงิน พวงกุญแจ สาใจหายวาบ
“ตายแล้ว” แล้วรีบนั่งลงเก็บ
วิทย์ลงมาช่วยเก็บ สาลนลาน
“ผมช่วย”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันเก็บเองได้”
สาตะกุยตะกายเก็บของพัลวัน วิทย์แปลกใจ สาเก็บของที่ตกใส่กระเป๋าจนหมด แต่สีหน้ายังตื่นๆตามองลอกแลกไปมา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณสา”
“ไม่มีค่ะ ไม่มี” ตาสายังสอดส่าย มองหาแหวน
“คุณทำท่าเหมือนของหาย”
“ไม่มีค่ะ ครบแล้ว” สาลุกขึ้นยืน รีบพูด “ฉันจะไปอาบน้ำล่ะ คุณวิทย์นอนเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว”
วิทย์จะพูด “คุณอุษา วันนี้ผมแวะไปดูบ้านเช่า...”
สาคว้าผ้านุ่ง แล้วปิดไฟพรึบเดินออกไปทันที ทิ้งวิทย์ยืนอึ้งๆ ในความมืดด้วยสีหน้าแปลกใจ
วิทย์เปิดไฟฉาย แล้วก้มลงไปที่พื้นห้อง เอาไฟฉายส่องไปที่พื้นใต้เตียง
มีแสงประกายวาบสะท้อนมาจากมุมหนึ่ง มันคือแสงสะท้อนจากเพชรหัวแหวน วิทย์เอื้อมมือไปหยิบมา วิทย์เอาแหวนมาพิศดูใกล้ๆ ในแสงไฟฉาย เพชรน้ำงามเม็ดโตส่องประกายเจิดจ้าบาดตา
วิทย์มองแหวนในมือ แววตาร้าวรานเจ็บปวดสุดจะประมาณ
สาใส่ชุดนอนเดินกลับเข้ามา เห็นไฟเปิดสว่าง โดยวิทย์นั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียง
“อ้าว ทำไมยังไม่” สาชะงักกึก เมื่อเห็นแหวนในมือวิทย์
“ของคุณใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
สาลงนั่ง ใจเต้นโครมาคราม นึกหวั่นกลัว แต่อีกใจก็คิดว่า หมดเรื่องหมดราวไปก็ดีเหมือนกัน
“ผมเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะเชื่อใจคุณ จะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่วันนี้ มันอดไม่ได้จริงๆ ผมถามหน่อยได้ไหม...”
สาทำใจ เตรียมพร้อม
วิทย์มองใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของสา แล้วทำใจไม่ได้ เปลี่ยนใจ
“ช่างเถอะ” เขาเอาแหวนยัดคืนใส่มือสา “ผมไม่อยากถาม”
“ถามเถอะค่ะ”
“ไม่ล่ะ” วิทย์จะลุก สาดึงมือไว้
“งั้นฉันพูดเอง...คุณก็รู้จักฉันดี ฉันไม่ใช่คนดีอะไร ถึงจะพยายามจะดีเท่าไหร่มันก็ไม่สำเร็จซักที”
“หยุดพูดเถอะ คุณอุษาผมไม่อยากฟัง” วิทย์เปลี่ยนเรื่อง รีบพูดเร็วปรื๋อ “คุณไม่อยากรู้เหรอ วันนี้ผมไปทำอะไรมา ผมไปทำงาน แล้วก็แวะไปดูบ้านเช่า มันไม่ค่อยดีนัก แต่ผมว่าซ่อมอีกนิดหน่อยก็น่าจะพออยู่ได้...”
สาสวนคำเสียงดัง “คุณวิทย์คะ ฟังฉันก่อน”
วิทย์ลุกเดินออกไป สาตามไปขวางประตูไว้พูดจริงจัง “ฟังฉันนะคะ”
สักครู่ต่อมา วิทย์ยืนนิ่งที่ริมหน้าต่าง สาพยายามอธิบาย
“คุณวิทย์เป็นคนละเอียด ฉันมันคนหยาบ คุณวิทย์มีความสุขที่ได้รักฉัน ได้อยู่ใกล้ๆ ฉัน ได้นั่งมองฉัน เหมือนฉันเป็นรูปเขียน...แต่ฉันไม่ใช่รูปเขียนฉันไม่อยากให้คุณนั่งมอง ฉันต้องการมากกว่านั้น”
วิทย์ทนไม่ไหว คว้าไวโอลินเดินหนีไปที่ประตู
สาอัดอั้น ตะโกนตามหลัง “เรื่องที่ใครๆ เขาพูดกัน มันเป็นความจริงทุกอย่างค่ะ”
วิทย์ชะงัก หันกลับมามองหน้าสา เหมือนไม่อยากเชื่อ
สาพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ฉันกับคุณเซกิเป็นชู้กัน...ฉันเพิ่งไปนอนกับเขามา”
เหมือนโลกถล่มลงตรงหน้า วิทย์ยืนนิ่ง ตัวชา พูดอะไรไม่ออก แววตาผิดหวัง เจ็บปวด
“แหวนนั่นเป็นแหวนที่เขาขอฉันแต่งงานค่ะ”
วิทย์ยืนนิ่ง สาเดินเข้าไปหา พูดเสียงปลอบโยน
“คุณวิทย์คะ ฉัน...”
วิทย์ขยับถอยหนี ผลักสาออกไปเหมือนสาเป็นสิ่งสกปรก แล้วหันหลัง เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
สาทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ภายในใจสับสนเหลือกำลัง
อ่านต่อตอนที่ 19