xs
xsm
sm
md
lg

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 1

เช้านี้ บรรยากาศรอบบริเวณของบึงตะโก้ สนามกีฬาเอ็กซ์ตรีมทางน้ำยอดนิยมแลดูคึกคัก มีบรรดานักนิยมความท้าทาย ชาย หญิง รวมกลุ่มกันอยู่ตามมุมต่างๆ สักครู่ รถยนต์โฟร์วีลของ อเนก เจ้าของธุรกิจกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง แล่นมาจอดนิ่งตรงลานจอดหนุ่มไฮโซก้าวลงมา ก่อนจะมีสาวสวยเซ็กซี่สามคนลงตามมา อเนกหันไปเตรียมอุปกรณ์เวคบอร์ด

เสียงของ อาทิตย์ บวรกิจบรรหาร หนุ่มรูปหล่อขั้นเทพ ทายาทคนเดียวของ คุณนายลิ้นจี่ เศรษฐินีแม่หม้ายชื่อดัง ดังก้องขึ้น บรรยายสรรพคุณก๊วนเพื่อนเพลย์บอยของเขาแต่ละคน
“ท่านผู้ชมครับ ก่อนอื่น ผมขอแนะนำให้รู้จักกับพี่ใหญ่ของพวกเรา นายอเนก เลิศรุจิทรัพย์ ไฮโซเถ้าแก่โรงงานกระเป๋าเมดอินไทยแลนด์ยี่ห้อนึงที่ขายดี และเป็นที่นิยมสุดๆ เขาผู้นี้ มีฉายาว่าอาจารย์ใหญ่ แต่โทษทีนะครับ เขาไม่ใช่อาจารย์สอนวิชาอะไรจริงๆ หรอก แต่เขาชอบสั่งสอนอบรมเพื่อนๆ เรื่องการสับหลีกสาวๆ ไม่ให้รถไฟชนกัน เรื่องกะล่อน แหล แถเอาตัวรอดล่ะก็ อาจารย์ใหญ่ของเราไม่มีใครเกิน”
อเนกเริ่มเล่นเวคบอร์ด โดยเลือกยากต่างๆ มาโชว์ ทว่าอเนกเล่นแล้วตกน้ำ พลาดซะงั้น
ครู่ต่อมาอเนกเดินมาดเท่ๆ ทักทายหนุ่มๆ สาวๆ ที่ท่าน้ำ กินเครื่องดื่มบำรุงกำลังหันไปเจอสาว สาวสามคนนั้นมาโบกมือให้ อเนกและสาวร่วมเฟรม อเนกรีบเก๊กท่า ยิ้มหล่อ แล้วในที่สุดอเนกเงยมามองกล้อง หัวเราะ เขิน แล้วชี้มาที่กล้องแล้วชี้ไล่ให้ไปถ่ายคนอื่น
จังหวะนี้รถยนต์หรูแพงโครต รุ่นท็อปฮิตที่ระดับผู้บริหารใช้ แล่นเข้ามาจอด คนที่ก้าวลงมา คือ แท่น ชายหนุ่มที่แต่งตัวสไตล์นักดนตรีร็อค แต่ดูหรู เขากุลีกุจอวิ่งไปเปิดประตูข้างคนขับ มีสาวแต่งตัวแนวเกิร์ลแก๊งสไตล์เกาหลี กางเกงสั้นจู๊ดจู๋ สวมรองเท้าบูทประดับขนเฟอร์ปุกปุย ก้าวลงมา
“โอ้...ส่วนพ่อสุดหล่อสไตล์ป๊อบคนนี้ เขาชื่อนายแท่น กับ นักร้องน้องรัก ที่เขากำลังปลุกปั้นอยู่ แท่นเป็นโปรดิวเซอร์เพลงของค่ายใหญ่ ที่มีชื่อเสียงว่าทำเพลงป๊อปเพลงดังได้เพราะถูกใจวัยรุ่นคนหนึ่งในประเทศ แท่นมีฉายาว่า ป๋าล่าฝัน เพราะเขาจะฝันเฟื่องทุกครั้ง เวลาที่มีศิลปินสาวคนใหม่มาให้ดูแล แล้วสุดท้าย เขาก็พอใจเพียงแค่ได้ฝัน เท่านั้นเอง”
สิ้นเสียงอาทิตย์ที่แนะนำจบลงไม่นาน แท่นก็เริ่มเล่นเวคบอร์ด ลีลาไม่ใช่ย่อย สาวที่มาด้วยส่งกำลังใจเชียร์ แท่นโชว์ฟอร์ม ตีลังกา
แท่นเดินไปมาโชว์หุ่นบนบก เอาผ้าเช็ดผมที่ยาวสลวย เดินมารับเครื่องดื่มชูกำลัง จากสาวที่มาด้วย มีการหยอกเย้า จับหัวจับหูสาวเจ้าอย่างสนิทสนม
รถสปอร์ตราคาแพงของ โมกข์ อดีตนายแบบรูปหล่อแล่นเข้ามา มีสาวหุ่นดีสุดๆ สูงยาวมาดนางแบบ นั่งเคียงข้าง โมกข์แต่งชุดเล่นบอร์ดที่ดูสปอร์ตปนฮิปฮอป กำลังสะบัดเสื้อชูชีพ แล้วลงมือสวมใส่ ดูหล่อ เท่ หุ่นดีสุดๆ
โมกข์หยอกล้อพาสาวสวยคนนั้นขี่หลัง วิ่งไปตามริมน้ำ แล้วจับสาวโยนน้ำ
เสียงอาทิตย์ บรรยายสรรพคุณก๊วนเพื่อนดังขึ้นอีก
“ส่วนพ่อรูปหล่อ หุ่นเท่ไม่เบาคนนี้ คือโมกข์ครับ ท่านผู้ชม ในก๊วนของผมนี่ เรื่องความหล่อ คงๆ ไม่มีใครเกินพ่อคนนี้อีกแล้ว นายโมกข์เป็นนายแบบอาชีพครับ และคงเพราะเค้าหล่อกว่าเพื่อนๆ นี่แหละ โมกข์ก็เลยด่วนตัดช่องน้อยแต่พอตัว แต่งงานไปก่อนหน้าใคร กระซิบครับกระซิบ โมกข์มีเมียแก่แต่รวยมว้ากกก แต่เสียใจนะครับ การแต่งงาน ไม่ได้หยุดพฤติกรรมของมันเลย ใช่ครับ แม่สาวสูงยาวเข่าดีคนนั้น หาใช่ภรรยาตามกฎหมายของมันไม่”
โมกข์เล่นเวคบอร์ด อย่างคล่องแคล่ว ขนมาดเท่มาโชว์ สาวคนที่มาด้วยกรี๊ดกร๊าด กระโดดเหยงๆ ตบมือออกนอกหน้า
ระหว่างนี้มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แนวสปอร์ต แล่นลิ่วเข้ามา มีชายในชุดเซฟห่อหุ้มมิดชิดแบบมืออาชีพ ทุกอย่างบนตัวดูออกว่าแพงจัด ชายคนนั้นสวมกันน็อกราคาแพง มีกระเป๋าขนาดกลาง ด้านหลัง ใส่อุปกรณ์
ชายนั้นจอดรถ แล้วถอดหมวกกันน็อก ปรากฏว่าคือ อาทิตย์ นั่นเอง อาทิตย์ยิ้มกว้าง ชู 2 นิ้วให้ทุกคน แล้วรีบหันไปปลดกระเป๋าจากรถ รีบเดินไป
“ส่วนนี่ ตัวผมเองครับ อาทิตย์ บวรกิจบรรหาร ผมเป็นนักธุรกิจ ทายาทบริษัทเก่าแก่ ที่มีสินค้าบางอย่าง ที่โด่งดังขายดิบขายดี แต่ผมขอไม่บอกตอนนี้นะครับ ว่ามันคืออะไร”
อาทิตย์เปิดฉากเล่นเวคบอร์ด ด้วยท่าโลดโผน ปราดเปรียว หนักไปทางหวาดเสียว ไม่แพ้ใคร
“เรื่องความหล่อ ผมไม่ขอคุยดีกว่า ดูกันเอาเองละกันนะครับ เรื่องนิสัย ผมเป็นคนสงบเสงี่ยมเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ ส่วนเรื่องเสน่ห์...”
อาทิตย์โดดขึ้นมาบนฝั่ง แล้วทันใดนั้นเขาก็ยิ้มกว้างออกมา
เมื่อเห็น อายูมิ สาวสวยหมวยเอ็กซ์ ใส่กางเกงขาสั้นแค่คืบ สวมเสื้อกล้าม ผมซอยสั้นทรงเก๋มีสไตล์ ยืนยิ้มโพสรออยู่พลางถอดแว่นดำออก ทำตาหวานให้ อาทิตย์ตรงเข้าไปหา อ้าแขนออกจะกอด แล้วพอมองเลยไป กลับต้องชะงักเมื่อเห็นแพรวาเดินสอดส่ายสายตามองหาเข้ามาอีกด้าน
อาทิตย์หดอ้อมแขนทันที ทำเนียนเป็นบิดตัว กุมท้องไปมา แล้วถอยเอาๆ จนอายูมิงงๆ
“อาทิตย์เป็นอารัยก๊ะ”
“อายูมิ ผม ผม ต้องไปเข้าห้องน้ำด่วน แต่ผมไม่มีกระดาษทิชชู่ อายูมิไปหามาให้ผมด้วยนะ”
“ที่ไหนล่ะก๊ะ”
“ที่...ที่...ที่เคาน์เตอร์” อาทิตย์ชี้ไปทางขวา “ไปบอกพี่ที่เคาน์เตอร์ ผมไม่ไหวแร้วว โอ๊ยย”
อาทิตย์รีบวิ่งไปทางห้องน้ำทางซ้าย อายูมิงงๆ แล้วรีบไปทางขวา พอดีแพรวาเดินมาถึง มองหาไปมา อเนกเดินเลี้ยวมาจากอีกทาง เจอแพรวา สะดุ้งโหยง แล้วรีบยิ้ม
“อะจ๊าก คุณแพรวา วันนี้คุณบินไม่ใช่หรือครับ”
แพรวายกมือไหว้อเนก
“คุณอเนก ค่ะ ตามตารางสเก๊ทด้วลปกติ แพรต้องบินไปอิตาลีค่ะ แต่พอดีมีรุ่นพี่มาขอแลกไฟลท์ แพรก็เลยให้ เอ...เมื่อกี๊แพรเห็นอาทิตย์เดินๆ อยู่แถวนี้แว่บๆ หายไปไหนแล้ว”
“ไอ้อาทิตย์เหรอครับ มันจะหายไปไหน มันก็...มัน...มัน...เอ้อ” อายูมิวิ่งถือม้วนทิชชู่เดินกลับมา อเนกหันไปเห็นอายูมิ สะดุ้งแรงกว่าเดิม “แว้ก...” แล้วทำท่าสะอึก กุมคอ “ผม ผม อึ้กๆ”
“คุณอเนกเป็นอะไรไปคะ”
แพรวาหันหลังให้อายูมิ ต่างไม่เห็นกัน
“ผม ผมรู้สึกขาดเกลือแร่และวิตามัน น้ำตาลในเลือดก็ต่ำ คุณแพรว่าช่วยผมด้วย ผมควรจะดื่มอะไรซักอย่างใช่ไหมครับ เราควรไปที่ร้านอาหาร อั้กๆ”
แพรวารีบประคองพาไป
“หายใจลึกๆ ค่ะ น้ำผลไม้ช่วยได้ค่ะ ใจเย็นๆ นะคะ คุณอเนก มันเป็นผลมาจากการเสียเหงื่อมากเกินไปน่ะค่ะ”

อเนกแอบหันไปเหล่ เห็นอายูมิถือทิชชู่ตรงดิ่งไปทางห้องน้ำ ไม่เห็นตนกับแพรวา อเนกโล่งอก

ในเวลาเดียวกัน ที่ห้องประชุมสัมมนาขนาดเล็กแห่งหนึ่ง จำเนียรกำลังเล็คเช่อร์ปลุกระดม เห็นป้ายสัมมนาบนฉากหน้าห้องติดเด่นหราว่า ” เพศแม่ นั้นยิ่งใหญ่ ใช่เหยื่อกาม”

นรีช่วยแจกเอกสาร มัทนียืนฟังที่หลังห้อง หน้าตาปลื้มจัด
“ผู้ชายที่คบผู้หญิงทีละหลายๆ คนเอาไว้เผื่อเลือก เห็นผู้หญิงเป็นผักปลา เห็นผู้หญิง เป็นของเล่น เป็นตุ๊กตา วันนี้อยากเล่นตัวผมทอง พรุ่งนี้อยากเปลี่ยนไปเล่นตัวผมดำ แล้วพอเบื่อ ก็ทอดทิ้ง ผู้ชายพวกนั้นมันสมควรโดนตัดหัวเสียบประจาน เพราะมันทำผิดกฎ เอาล่ะ ทุกคน คงจำกฎของพวกเราได้ใช่ไหม”
“จำได้ค่ะ”
“ดีมาก กฎของเราข้อแรก ก็คือ...”
ทุกคนชูมือที่กำแน่น บอกพร้อมกัน
“ห้ามทิ้ง”
“ข้อที่สองก็คือ”
“ห้ามทิ้ง”
“ยันข้อ 9 ก็ยัง...”
“ห้ามทิ้ง”
มัทนีปลื้มมาก นรีเดินเข้ามาล้อๆ
“คุณแม่ใครน้อ เก่งจัง”
“คุณแม่ช้านๆ”
สองสาวหัวเราะกัน เอกชเยศเดินถ่ายรูปให้มุมนั้นมุมนี้ แต่เน้นเดินวนเวียนมาถ่ายแต่รูปมัทนี

อาทิตย์ที่ใส่ชุดพร้อมขี่มอเตอร์ไซค์ เดินนำอายูมิมาที่รถอย่างรีบเร่ง อายูมิกระเป๋าสะพายใบใหญ่ มือนึงถือหมวกกันน็อกของผู้หญิง อันกะทัดรัดมาด้วย
“อาทิตย์จะรีบพาอายูมิไปไหน เราไม่ปาร์ตี้กะเพื่อนๆ เหรอก๊ะ ไหนเรานัดกันว่า อาทิตย์กับเพื่อนๆ จะมีปาร์ตี้ปิ้งกุ้งกันไม่ใช่หรอ”
“ทีแรกอาทิตย์ก็วางแผนว่าจะทำอย่างนั้นล่ะจ้ะ แต่พอดีมันเกิดอุบัติเหตุบางอย่าง”
“อุบัติเหตุอารัยก๊ะ”
“อุบัติเหตุรถไฟชนกัน เอ๊ย ไม่ช่ายย อุบัติเหตุที่พออาทิตย์เห็นหน้าอายูมิ อาทิตย์ก็เกิดไม่อยากจะปาร์ตี้กะใครทั้งนั้น อาทิตย์ต้องการเพียงเรามีเรา เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันสองคน ไม่ต้องมีคนอื่นมากวนใจให้รำคาญ โอเค?”
“โอเคสิคะ สุโก้ยยย”
อาทิตย์ใส่ถุงมือ หมวกกันน็อก แล้วหันมาพูดกับกล้อง ยักไหล่เซ็งๆ
“เรื่องเสน่ห์ ผมต้องขอบอกว่า ผมเปล่านะ พวกเธอมาเอง ผมเปล่าชวนนะ พวกเธอมาเอง แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ผมไม่อยากทำร้ายใคร ผมไม่ต้องการรับรู้ว่าสาวๆ สวยๆ คนไหนต้องขมขื่นผิดหวังเพราะผมเด็ดขาด”
อาทิตย์ขึ้นคร่อมรถ อายูมิซ้อนท้าย อาทิตย์ขับมอเตอร์ไซค์ออกไป

ขณะนั้นแพรวาอยู่ที่โต๊ะอาหารที่บึงกับเพื่อนๆ ของอาทิตย์
“มาสิคะ อาทิตย์มาที่นี่ ตะกี๊ตอนจอดรถ แพรยังเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของอาทิตย์เลย”
แพรวายืนยันกับเพื่อนๆ อาทิตย์
“ไม่มี้ ไม่ใช่ รถคนอื่นที่ดูเหมือนๆ กันมั้งคะ น้องแพรวา” อเนกบอก
“พี่อเนกคะ รถรุ่นของอาทิตย์ มันมีหลายคันนักในเมืองไทยหรือคะ แพรไม่ได้ตาฝาดนะคะ แล้วแพรก็เห็นอาทิตย์เดินไปเดินมาอยู่แป๊บๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน อะไรกันคะ ทำไมพี่อเนกบอกว่าอาทิตย์ไม่มา พวกพี่ๆ ไม่เจอกันหรอกเหรอคะ”
อเนกหันไปขยิบตาให้เพื่อนๆ ที่รุมฟังกัน ซีดๆ พิรุธๆ
“ไม่เจอ ไม่มีใครเจอไอ้อาทิตย์เลย ใช่ไหม พวกเราๆ”
“นั่นสิครับ วันนี้อาทิตย์มันติดงาน” โมกข์บอก
“เออ จริงๆๆ พวกเรามากันแค่ 3 คนนี่เอง วันนี้ยังไม่เห็นอาทิตย์เลยเนอะๆๆ” แท่นบอก
“อะไรกันคะ ก็พี่อาทิตย์ ตะกี๊..” เพื่อนสาวของแท่นบอก แท่นแอบจิกก้นสาว
“ทำไมคะ ตะกี๊ อาทิตย์อะไร”
“ตะกี๊ พี่อาทิตย์ พี่อาทิตย์” เพื่อนสาวของแท่นแถไปจนได้ “โทรศัพท์มาค่ะ โทรมาบอกพี่แท่นนี่คะ ว่า ว่า...”
“ว่าประชุมไม่เสร็จ คุณแม่ของมันกำลังจะออกโปรดักตัวใหม่ อาทิตย์ต้องดูแลเรื่องการตลาด ใช่ไหมวะ”
แพรวาทำหน้าข้องใจ

“โกหก” จำเนียรบอกกลางห้องประชุม คนฟังตาโต “โกหก เมื่อคนเราผิดศีลเพียง 1 ข้อ มันจะชักพาให้ผิดจนครบ 5 ข้อ เรียกว่า ผิดทั้งแพคเกจเลย ทุกคนจำไว้ ดิฉันจะยกตัวอย่างให้ฟัง เมื่อมีการนอกใจกันเกิดขึ้น มันก็คือการผิดศีลข้อ3 คือกาเมสุมิจฉา การประพฤติผิดในกาม และการนอกใจ มันก็จะทำให้ทุกคนมีความทุกข์ ผู้ชายก็ทุกข์ ผู้หญิงคนแรกก็ทุกข์ ผู้หญิงที่มาแย่งของเค้า ก็ทุกข์ ทุกข์ไปหมด แล้วก็ทำร้ายกัน ทำร้ายไปทำร้ายมา ก็อาจมีการฆ่ากันได้ หรือไม่ ไม่ฆ่าทางกาย ก็ฆ่าทางใจ ฆ่าให้ตายทั้งเป็น นี่ก็คือการเบียดเบียนชีวิตกัน ปาณาติปาตาเวระมณี มันคือการผิดศีลข้อ...”
“หนึ่งค่ะ”
“ใช่แล้ว จากนั้นก็ต้องมีการพูดปด โกหก ไปก็บอกว่าไม่ไป ทำก็บอกว่าไม่ทำมันก็คือ การโกหก อย่างที่บอกไปแต่แรก นั่นคือการมุสา คือการผิดศีลข้อ...”
“ข้อ 4”
“เก่งมากค่ะ น้องๆ หลานๆ ทุกคน แล้วร้อยทั้งร้อย เวลาผู้ชายมันไประเริงกับกิ๊ก มันมักจะมีการกิน และดื่มและการดื่มอะไรล่ะ มันจะทำให้เรามัวเมา และเมามันยิ่งขึ้นไปอีก ก็ต้องเป็นเครื่องดองของเมา จริงไหม ซึ่งก็คือการผิดศีลข้อสุราเมระยะ นั่นคือศีลข้อ...”
“ข้อ 5”

ลานจอดรถของบึงตะโก้ มีแต่รถคนอื่น ไร้รถของอาทิตย์ ทุกคนสบตากัน แอบถอนใจโล่งอก แพรวามองรอบตัว
“ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ ของอาทิตย์”
“ก็ไม่มีน่ะสิ สงสัยแพรวาหลอนแล้วล่ะ บินมากเกินไป ทำให้สมองสร้างจินตนาการไปเองหรือเปล่า”
“เหรอคะ แพร แพรป่วยถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ แย่ล่ะ”
“อือ อาชีพแอร์โฮสเตสนี่ อันตรายเนอะ”

แพรวาทำหน้างงๆ เอาโทรศัพท์มากดๆ แล้วรอฟัง

ขณะนั้นอาทิตย์และอายูมิอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวชานเมือง ทั้งสองชนแก้วไอติมแนวสมูตี้โยเกิร์ตที่มีผลไม้แต่งหน้าสวยๆ กัน โทรศัพท์อาทิตย์สั่นไม่หยุด

“ทำไมอาทิตย์ไม่รับโทรศัพท์ล่ะคะ”
“อ๋อ โทรศัพท์จากแม่ โทรมาเรื่องธุรกิจ อาทิตย์บอกแม่แล้วว่าเรื่องงาน ห้ามโทรมาวันหยุด แม่ก็ไม่ฟังเพราะฉะนั้น อาทิตย์ก็เลยไม่รับ”
“แล้วแม่ไม่ว่าเหรอคะ”
“อายูมิไม่ต้องสนใจหรอกจ้ะ อายูมิชอบไอศกรีมที่อาทิตย์สั่งให้ไหมเอ่ย”
“อาทิตย์น่ารักจังเลย ทำไมอาทิตย์จำได้ ว่าอายูมิชอบกินมะม่วงและสตรอเบอรี่”
“อาทิตย์ก็จำทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับอายูมิได้หมดล่ะจ้ะ”
“อาทิตย์รักอายูมิ ไหมก๊ะ”
“แล้วอายูมิล่ะก๊ะ”
“อายูมิก็รักอาทิตย์สิก๊ะ”
“อาทิตย์ก็เหมือนกันก๊ะ อาทิตย์ก็รักอาทิตย์”
ทั้งสองหัวเราะกันคิกคักๆ ทันใดโทรศัพท์ของอาทิตย์สั่นๆ อีก อาทิตย์เอามาดูแล้วทำหน้างงๆ
“เอ๊ะ”
“ใครโทรมาคะ” อายุมิถามอย่างระแวง
“โทนี่” อาทิตย์รีบกดรับ “ว่าไงเพื่อน อะไรนะ” อาทิตย์ผงะ ตกใจ หน้าซีด “อะไร โทนี่ แกอยู่ที่ไหนนะ พูดใหม่ซิ โรงพักเหรอ ตำรวจจับ อะไรนะ พรากผู้เยาว์ หา!”

ที่ห้องประชุม นรีมอบของที่ระลึกให้จำเนียร
“ทางสมาคมของเรา ต้องขอขอบพระคุณคุณป้าจำเนียร หักฤทธิ์ศึกสงบ ในนามของชมรมครอบครัวอบอุ่น และน้องมัทนี หักฤทธิ์ศึกสงบ ในนามของมูลนิธิหญิงเพื่อหญิง ที่กรุณามาให้ทัศนะ มุมมอง และความรู้กับเด็กๆ น้องๆ นักเรียน และนักศึกษาหญิงทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และสนุกสนานมากค่า”
เอกชเยศถ่ายรูป ทุกคนในห้องนั้นตบมือกราว
“มัทจ๋า มัทกับคุณแม่ถ่ายคู่กันหน่อยครับ” เอกชเยศบอก จำเนียรกอดลูก ทำท่าสวยสุดๆ “แม่ลูกคู่นี้ทั้งสวยและเก่ง เป็นผู้หญิงที่งามอย่างมีคุณค่า และมีจิตสาธารณะเพื่อสังคม อย่างน่าชื่นชมที่สุดเลยครับ”
“พ่อเอกต้องเอาลงข่าวสังคมหน้าสีเลยนะจ๊ะ วันนี้ชุดป้าสีสวยด้วย”
“ลงภาพใหญ่ หน้ากลางคู่ สองหน้าเลยครับ ผมเขียนเป็นบทความใหญ่เลยล่ะครับ”
ทันใด เจ้าหน้าที่มูลนิธิเข้ามา มองๆ ที่มัทนี ท่าทางร้อนรน มัทนีหันไปเห็นรีบขอตัวจากทุกคนไปหา
“มีอะไรคะ คุณชะฎา” มัทนีกระซิบกันเจ้าหน้าที่
“เกิดกรณีพรากผู้เยาว์อีกแล้วค่ะ คราวนี้ผู้ต้องหาเป็นพวกไฮโซเพลย์บอย ท่าทางหัวหมอด้วย มันจะเอาเงินฟาดหัวเด็ก”
มัทนีเครียดทันที
“จริงเหรอ เลวมาก เกลียดนัก ไอ้พวกนี้ อยู่โรงพักไหน มัทจะไปเดี๋ยวนี้ บอกมา”
เอกชเยศและจำเนียรมองมาอย่างสนใจ

ที่โรงพัก โทนี่กำลังนั่งเศร้าคอตก ตำรวจพิมพ์ข้อหาง่วน
“ผมโดนหลอกๆ ท่านสารวัตรเชื่อผมบ้างสิครับ”
“คุณเนี่ยนะ โดนหลอก น้องเค้าต่างหากที่โดนจิ้งจอกออนไลน์ล่อลวงให้น้องออกมาหา เพื่อทำลาย”
“คนอย่างผมเนี่ยนะ ต้องหลอกใครมาทำลาย”
โทนี่เดินว้าวุ่นไปมา แล้วในที่สุดก็นั่งลง คอตก กุมขมับ
“และสมาชิกคนสุดท้ายในแก๊งค์ของเราที่ท่านผู้ชมจะได้รู้จักก็คือนายโทนี่คนนี้นี่เอง โทนี่เป็นวิศวกรโรงงานประกอบรถยนต์ยี่ห้อเกาหลียี่ห้อนึง เขามีความสุขสนุกสนานคึกคะนองกับโลกไซเบอร์ ชุมชนออนไลน์ของเขามากมาย สาวๆ ของเค้าล้วนมีที่มาจากการรู้จักกันในเน็ต ความสนุก จึงนำมาซึ่งทุกข์ถนัดแบบนี้ไงครับ”
อาทิตย์เดินหนีบหมวกกันน็อกเดินขึ้นโรงพักมา โทนี่เห็น ดีใจ รีบโดดมาหา
“อาทิตย์ ช่วยเพื่อนด้วย เพื่อนโดนหลอก”
“แกโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ไม่ใช่เหรอ แกแหละ ไปหลอกเด็ก ไอ้บ้า รู้จักกลัวบาปกลัวกรรมบ้างนะเว้ย”
“ชั้นตังหาก ที่ถูกเด็กหลอก เด็กบอกชั้นว่าอายุ 23 ชั้นดูรูปโปรไฟล์ในวอลเฟซบุ้ค ชั้นก็เชื่ออ่ะดิ”
“แล้วจริงๆ เค้าอายุเท่าไหร่”
แม่ของผู้เสียหายเดินจูงมือลูกสาวที่สวยอวบอึ๋มขาวเด้ง สูงยาวเข่าดี เดินออกมาจากห้องด้านใน พลางคุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิหญิง
“น้องต่ายเพิ่งอายุ16 คุณคิดดูสิคะ อายุ16 ยังเป็นเด็กอยู่แท้ๆ แต่ไอ้มารสังคมมันก็หลอกน้องต่ายได้ลงคอ”
“แบบนี้เราต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดค่ะ เราต้องประจานมัน ให้ทางสังคมรับรู้ จะได้เป็นเยี่ยงอย่างของสังคมต่อไป”
อาทิตย์มอง ตาแทบถลน
“ไอ้โทนี่ นั่นเหรอ อายุ16”
“ก็ใช่อะดิ”
อาทิตย์ถอนใจ เข้าไปตบหลังไหล่โทนี่ กระซิบ
“อืม เราเห็นใจเพื่อนจริงๆ ว่ะ”

อาทิตย์มองน้องกระต่ายเต็มๆ ตาแล้วกลืนน้ำลายฝืดๆ แม่เด็กมองมาที่อาทิตย์อย่างสงสัยว่าเป็นใคร อาทิตย์รีบยัดหมวกกันน็อกให้โทนี่ถือ แล้วผละจากเพื่อน รีบเดินเข้าไป ไหว้แม่เด็กอย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีครับ คุณพี่ครับ” แม่เด็กชะงัก รับไหว้งงๆ อาทิตย์ทำหน้าหล่อ ยิ้มอ้อน โปรยเสน่ห์สุดๆ “คือ ผมชื่ออาทิตย์ครับ อาทิตย์ บวรกิจบรรหาร นี่ครับ นามบัตรผม คุณพี่ติดต่อผมได้ตลอดเวลา”
แม่เด็กมองหน้าอาทิตย์ มองหน้าโทนี่ แล้วมองดูนามบัตร เอาแว่นขึ้นมาใส่อ่าน
“คุณเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัทคุณนายลิ้นจี่ จำกัด”
“ครับผม คุณนายลิ้นจี่คือคุณแม่ของผมเองครับ และผมเป็นผู้ปกครองของไอ้บ้ากามคนนั้นครับคุณพี่ คือคุณพี่ครับ เจ้าโทนี่ เพื่อนผมที่มันไปรับลูกสาวคุณพี่ น้องคนนี้ออกมาเที่ยว เพราะมันนึกว่าน้องเค้าอายุ 23 ครับ”
“23 อะไร ลูกชั้นอายุ16 ไม่เชื่อดูบัตรประชาชนสิ นี่ๆๆ”
“ก็ชั้นซื่ออ่ะ น้องเค้าบอกว่าเค้า 23 ชั้นก็เชื่ออ่ะ” โทนี่บอก
“น้องต่ายไปบอกมันเหรอ ว่าน้องต่าย 23” แม่หันไปถามลูกสาว
“เอ้อ อ้า ต่ายหมายถึง วัดรอบเอวอ่ะค่ะ แล้วพี่เค้าดันพูดไม่รู้เรื่องเอง”
“อ้อ ครับ น้องต่าย พี่เข้าใจครับ” อาทิตย์หันมาหาแม่ “คืองี้นะครับ คุณพี่ โทนี่เพื่อนผม มันเป็นคนที่เรียกได้ว่าเกือบจะปัญญาอ่อนนิดๆ ครับ หรือจะเรียกว่า โง่มากๆ ก็ว่าได้ เพราะมันแยกแยะไม่ออกจริงๆ ว่าผู้หญิงคนไหน อายุขนาดไหนกันแน่ ไหน โทนี่แกลองบอกซิ ว่าคุณพี่ท่านนี้ อายุประมาณเท่าไหร่”

อาทิตย์แอบขยิบตาให้โทนี่

โทนี่มองแม่เด็กไปมาๆ ขึ้นๆ ลงๆ สบตาอาทิตย์ แล้วตัดสินใจ

“28 ต้อง 28 แน่ๆ”
“บ้า ชั้น ชั้นอายุตั้ง 38 แล้วนะคะ”
แม่เด็กค้อนๆ สะบัดสะบิ้ง อาทิตย์ทำสัญญาณว่าดีมาก เอาอีกๆ โทนี่รับมุกทันที
“อะไรกัน 38 ผมไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ ทีแรก ที่บอกว่าคุณป้า เอ๊ย คุณพี่เป็นแม่ของน้องต่าย ผมยังไม่อยากจะเชื่อ นึกว่าเป็นพี่สาวกับน้องสาวเสียอีก”
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครับ พี่สาว คือเอาเป็นว่าเราอย่ามาถือโทษโกรธเคืองกันเลยนะครับ ที่จริงสองคนนี้ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ น้องต่ายก็ไปบอกพี่เค้าว่าอายุ 23 ไอ้พี่โทนี่นี่ก็โง่ ดูไม่ออกว่าน้องเค้ายังเป็นผู้เยาว์ แล้วเรื่องร้ายแรงอะไรก็ยังไม่ทันจะเกิดขึ้น เรามาประนีประนอมยอมความกัน ก่อนที่ท่านสารวัตรแกจะพิมพ์ไอ้เอกสารอะไรนี่เสร็จจะดีไหมครับ คุณพี่กะน้องต่ายจะเรียกค่าเสียหาย ค่าทำขวัญอะไรยังไง ทางผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างเลยครับ”
สองแม่ลูกมองหน้ากันไปมา บรรยากาศเปลี่ยนไป
“ไม่ได้นะคะ คุณแม่ ไหนคุณแม่ว่า จะทำเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์ของสังคมไงคะ”
เจ้าหน้าที่มูลนิธิรีบบอก ขณะนั้นมัทนีกับชะฎาเดินขึ้นมาพอดี
“เอ่อ คุณพี่ครับ” อาทิตย์พูดกับแม่เด็กต่อ “เราคือคู่กรณีกันนะครับ เราควรคุยกันเองสองฝ่าย ไม่ควรมีบุคคลที่3 ซึ่งไม่เกี่ยว” อาทิตย์หันไปเหล่เจ้าหน้าที่มูลนิธิ “มาคอยยุแยงตะแคงรั่ว จริงไหมครับ คุณตำรวจ ว่ายังไงครับพี่ พี่อยากจะได้ค่าทำขวัญน้องกระต่ายซักเท่าไหร่ดีครับ”
มัทนีสังเกตการณ์สักพัก เดินเข้ามา
“อะไรกันคะ พี่เอ๋” มัทนีถามเจ้าหน้าที่มูลนิธิ “พวกผู้ชายโรคจิตชอบเสพเด็กๆ คิดจะเอาเงินฟาดหัวเหยื่ออีกแล้วหรือคะ ไม่ได้นะคะ เราอย่ายอม” อาทิตย์หันมามองมัทนี แล้วอึ้ง มัทนีมองตอบ ท้าทาย “ไหนคะ น้องกระต่ายที่น่าสงสารคนนั้น เดี๋ยวมัทจะคุ้มครองแกเองค่ะ”
“นี่ค่ะ น้องกระต่าย วัย 16 เท่านั้นเอง น่าสงสารมากค่ะ”
มัทนีมองน้องกระต่ายที่อึ๋มกว่าตนมากมาย แล้วยิ้มอย่างเมตตา มัทนีโอบน้องกระต่าย
“น้องกระต่าย ไม่ต้องไปกลัวใครนะคะ เราต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด คนเลวมันต้องรับกรรมค่ะ”
มัทนีจ้องหน้าอาทิตย์ เหมือนอาทิตย์คือตัวการ อาทิตย์มองตอบ ประเมินๆ

ตำรวจเปิดประตูห้องๆ หนึ่ง เดินนำเข้ามา
“ผมว่า ถ้าพวกคุณตกลงกันได้ก็จะดีนะ จะได้ไม่มีคดีรกโรงพัก รกศาล”
อาทิตย์ตามเข้ามา แล้วหันไปโค้ง ผายมือให้อย่างประชดๆ
“เชิญ” มัทนีก้าวเข้ามา เริดๆ เชิดๆ มองอาทิตย์ด้วยหางตา “ผมเป็นเพื่อนของโทนี่ เพื่อนสนิทด้วย แล้วคุณล่ะ เป็นอะไรกับน้องกระต่าย มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเค้า ถึงต้องมาเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องนี้นัก”
“ชั้นมาจากมูลนิธิหญิงเพื่อหญิง”
“โอ๊ ว้าว ยินดีที่ได้รู้จัก ผมไม่เคยเห็น n.g.o.ที่รูปร่างหน้าตา แบบนี้มาก่อน”
“คุณมองผู้หญิงแค่รูปร่างหน้าตาภายนอกเท่านี้เหรอ”
“ก็คุณจะให้โอกาสผมได้มองเห็นภายใน ไหมล่ะครับ”
“คุณ”
“อะไร คุณคิดไปถึงไหนแล้ว ผมหมายถึงสมอง หรือจิตใจ อะไรแบบนั้นตะหาก”
“ไม่ต้องมาพยายามกวนโทสะเลย รับทราบเอาไว้ด้วย ว่าที่ฉันมาเป็นธุระให้น้องเค้าเนี่ย ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ส่วนตัวอะไรกันเลย ชั้นทำเพื่อศักดิ์ศรีของผู้หญิง เพราะผู้หญิงทุกคนในโลกคือพี่น้องกัน”
“ดี งั้นก็รู้ไว้ซะ ว่างานนี้ คนที่เป็นเหยื่อคือเพื่อนผม มันโดนน้องสาวร่วมโลกของคุณหลอก”
“พูดออกมาได้ ผู้ชายตัวโตๆ เสือสิงห์กระทิงแร่ดเขี้ยวลากดินอย่างพวกคุณเนี่ยนะ ถูกเด็กอายุ 16 หลอก”
“ก็หลอกว่าเธอไม่ได้อายุ 16 ไงล่ะ หลอกว่าบรรลุนิติภาวะไปนานแล้ว”
“เด็กจะไปหลอกแบบนั้นทำไม”
“เธออาจจะอยากฟันเพื่อนผม”
“บ้า”
“ไม่งั้น มันก็อาจจะเป็นแผนลวงให้เพื่อนผมมาถูกตำรวจจับ เพื่อที่จะได้กรรโชกเอาเงินไงล่ะ คุณทำงานมากี่ปีแล้ว รู้ใช่ไหม ว่าคนดีๆ อย่างเพื่อนผมเนี่ย ไม่มีใครหรอกที่อยากจะมีประวัติว่าเคยต้องคดีอาญา ถ้ามีปัญญาจ่ายเพื่อไม่ให้มีการแจ้งความได้ เขาก็ยินดีจะจ่าย”
“อะไรกัน พวกคุณทำกับเด็ก แล้วมาหาว่าเด็กเป็น 18 มงกุฎงั้นเหรอ เลวที่สุด คุณกำลังจะบอกว่าเพื่อนคุณซื่อใสบริสุทธิ์เป็นหนูน้อยหมวกแดง แล้วน้องกระต่ายคือหมาป่า ล่าพวกคุณ”
“แล้วคุณคิดว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในโลกเหรอ”
“น้องเค้าอาจจะหลอกจริง เพราะเค้ายังเป็นเด็ก ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ยังคิดเรื่องผิดชอบชั่วดีไม่ได้ เพราะอาจจะอยากเที่ยว อยากสนุก อยากลอง แต่พวกคุณทำไมถึงเชื่อง่ายนัก พวกคุณโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็น่าจะรู้สิ ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ไม่ใช่ทำหลับหูหลับตาเอาเปรียบเด็ก แล้วอ้างว่าดูไม่ออก เพราะตัวเองได้ประโยชน์”
“เพื่อนผมดูไม่ออกจริงๆ”
“กล้าพูดนะ”
“แล้วคุณดูออกเหรอ ฮะ ผมถามจริงๆ คุณดูออกเหรอ ว่าน้องกระต่ายอายุ16”
“ดูออกสิ มองตาก็รู้แล้ว ตาน้องเค้าซื่อใสไร้เดียงสาออกขนาดนั้น”
“โหย ขี้โม้จัง พูดก็พูดเหอะ น้องเค้าโต!” อาทิตย์มองเน้นๆ “กว่าคุณอีก บอกว่าคุณอายุ 16 ยังจะสมเหตุสมผลกว่า”
มัทนีโกรธตัวสั่น
“คุณ คุณมัน ดีแล้ว ชั้นจะให้น้องเค้าเอาเรื่องจนถึงที่สุด จะสู้จนถึงศาลเลย ไอ้พวกผู้ชายบ้า”

ตำรวจกุมหัว มึนตึ๊บ

อ่านต่อหน้า 2

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 1 (ต่อ)

อาทิตย์ประคองโทนี่ ที่เดินเข่าอ่อนหมดแรงมาที่รถ

“เอาน่า ชั้นก็จัดการประกันให้แกแล้ว จะเอาไงอีก”
“แต่พวกนั้นจะเอาเรื่องชั้นให้ถึงที่สุดในศาลนะ”
“เราก็ต้องสู้คดีไป ใครจะรู้ ว่าตอนจบ เราอาจจะชนะคดีก็ได้”
“ไม่น่าเลย ชั้นไม่น่าเลย ไอ้เราก็เห็นว่าหน้าใสๆ ไม่คิดว่าจะใจร้าย”
“สม”
“เฮ้ย! นี่แกสมน้ำหน้าชั้นเหรอ”
“ก็ใช่สิ แกก็ควรจะจำเอาไว้เป็นบทเรียนซะที ว่าอย่าไปไว้ใจผู้หญิงในเน็ต”
“ฮือ ก็หล่อนแปะรูปซะอึ๋มขนาดนั้น ใครจะไปคิดว่ายังเป็นผู้เยาว์วะ”
“ทีหน้าทีหลัง จะจีบใครจนถึงขั้นพาไปนี่นั่น ก็ควรจะรู้จักหน้าค่าตา ศึกษานิสัยใจคอกันก่อน ถ้าจะให้ดี ก็ควรตรวจบัตรประชาชนด้วย จำไว้”
โทนี่จ๋อย ขึ้นรถ สตาร์ท ขับออกไป อาทิตย์มองตาม เหนื่อยๆ

อีกมุมนึง มัทนีสตาร์ทรถ ชะฏานั่งข้าง เจ้าหน้าที่มูลนิธิอีกคนนั่งหลัง
“ต๊าย ขนลุกนะคะพี่ๆ มัทล่ะ ขยะแขยงผู้ชายพวกนี้จริงๆ เลย”
“ก็เพราะในโลกนี้มันมีผู้ชายแบบนี้ไงคะ พวกเราถึงต้องมีงานทำกันไม่ได้หยุด”
“ผู้ชายดีๆ ก็คงมีแต่ในนิยายจริงๆ นั่นแหละค่ะ”
มัทนีออกรถไป แล้วชะงักนิดนึง เมื่อเห็นริมทางข้างหน้าอาทิตย์กำลังยืนข้างมอเตอร์ไซค์ ใส่ถุงมือเสร็จ กำลังหยิบหมวกกันน็อกมา จะใส่
“ดูสิ คงนึกว่าเท่ตายล่ะ รถแบบนั้น ราคาแพงมากเลยนะคะ น้องมัท”
“พวกเพลย์บอยลูกอาเสี่ย มิน่าถึงเห็นผู้หญิงเป็นผักปลา จะหาจิตสำนึกต่อสังคมสักนิดก็คงไม่มี ชิ หมั่นไส้”
มัทนีเร่งความเร็วรถ รถบุกตะลุยลงไปในน้ำที่ขังเป็นแอ่ง พุ่งกระฉูดฉีดใส่ตัวอาทิตย์เลอะเทอะ อาทิตย์เงยมาเห็น โดดหลบ แต่ไม่ทัน
“เย้ย”
มัทนีหัวเราะ สะใจ แล้วรีบขับจากไป อาทิตย์มองตามไป แค้น
“ยัยโรคจิต ฮึ่ย อย่าให้เจออีกนะ น่าดู”

บ้านมัทนี มัทนีในชุดอยู่บ้าน เดินหน้าผ่องแบบคนที่เพิ่งอาบน้ำใหม่ ออกมาจากห้องนอน เดินผ่านห้องพระ ลดฝีเท้าลง แอบโผล่ดู ในห้องพระเห็นหาญนั่งสมาธิอยู่ ท่าทางน่าเลื่อมใสมากมาย มัทนียิ้ม เอ็นดูพ่อ แล้วย่องลงบันไดไป
จำเนียรกำลังอุ้มเจ้าท่วมทุ่ง สุนัขตัวโปรด ควบคุมเหน่ง โหน่ง จัดโต๊ะอาหาร
“สามที่สิ ชั้น ลูกมัท แล้วก็ลูกท่วมทุ่ง เอาจานคืนไปที่นึง วันนี้ท่านถือศีล8 ไม่รับข้าวเย็น เหน่ง แกไปต้มน้ำอัชบาลได้แล้ว เดี๋ยวท่านออกจากสมาธิมา จะได้ดื่ม”
“น้ำอัดกระบาลหรือคะ” เหน่งถามอย่างสงสัย
“น้ำอัชบาล น้ำสำหรับพระดื่มได้แก้หิวไงเล่า โง่จริง สอนเท่าไหร่ไม่รู้จักจำ วันนี้ชั้นทำเป็นน้ำเก๊กฮวยไว้ แกก็แค่เอามาอุ่นเท่านั้น แล้วรินใส่ถ้วยมา”
มัทนีเดินเข้ามา กอดแม่
“โอ๊ย แม่ขา มัทเพิ่งรู้ตัว ว่ามีมัทโชคดีจัง”
จำเนียรยิ้มหวาน
“โชคดีอะไรจ๊ะลูก”
“โชคดีที่มัทมีคุณแม่ ที่เป็นฮีโร่ของมัท คอยคุ้มครองดูแลมัทอย่างดี ไม่ให้พวกผู้ชายใจร้ายในสังคมนี้มารังแกมัทได้ แล้วก็มีคุณพ่อที่แสนประเสริฐ ฝักใฝ่แต่ในทางธรรม แสวงหาแต่หนทางสู่นิพพาน ไม่เป็นพวกรกโลก จ้องแต่จะเอาเปรียบผู้หญิง เหมือนผู้ชายทั่วไป”
“มัทลูกแม่ คงไปเจอเรื่องแย่ๆ ของเด็กผู้หญิงที่ลูกไปช่วยมาล่ะสิ ไม่เอาๆๆ จ้า อย่าไปเก็บเอาเรื่องงานมูลนิธิมาคิดที่บ้านสิลูก วางมันไปก่อน เนอะท่วมทุ่งเนอะ มาๆๆ ท่วมทุ่งบอกว่ามากินข้าวให้สบายใจกันดีกว่า”
สองแม่ลูกยิ้มกัน

ในจอทีวี ผู้ประกาศข่าวสาวกำลังอ่านข่าว
“นางสาวจันสารภาพ เป็นผู้สาดน้ำกรดใส่นางสาวมาลี เพราะความหึงหวง ที่นางสาวมาลี มาเป็นมือที่สาม ระหว่างเธอกับสามีค่ะ”
ในทีวีตัดไปเป็นภาพข่าว ตำรวจกำลังนำนางสาวจัน ที่ใส่หมวกแก๊ปและแว่นดำปิดหน้า เดินผ่านมาหน้ากล้องพอดี ทันทีที่เห็นกล้อง นางสาวจันก็เดินตรงเข้ามา ชี้ที่กล้อง
“อยากถ่ายนักใช่ไหมๆ ได้” นางสาวจันถอดแว่นฟึ่บ “เพื่อนๆ ผู้หญิงทุกคนคะ ดิฉันมีอะไรจะบอก อิฉันเพิ่งรู้ตัวค่ะ ว่าตัวเองทำผิดไปจริงๆ ไอ้ตัวต้นเหตุที่มันทำให้ผู้หญิง 2 คน ต้องมาเกลียดกันขนาดอยากฆ่ากันให้ตาย มันคือผู้ชายตังหากค่ะ คราวหน้าอิฉันจะไม่ทำผู้หญิงด้วยกันแล้ว แต่จะลงมือกะไอ้ตัวการคนเดียวค่ะ แกไอ้ตุ้มเม้ง อย่าให้ชั้นหลุดออกไปได้นะ ไม่งั้น แกตายยย”
ภาพเข้ามาจบที่หน้าใกล้ มัทนีและจำเนียร และท่วมทุ่งที่นั่งโซฟา ดูทีวีพลางกินผลไม้หลังอาหาร ทำหน้าสยอง จำเนียรกอดท่วมทุ่งเอาไว้ หาญยืนถือถ้วย ดื่มน้ำอัชบาลเข้ามา ถอนใจยาว
“กัมมุนาวัตตีโลโก”
มัทนีหันหน้าไปถาม
“แปลว่าอะไรคะ คุณพ่อ”
“สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม”
“บ๊อกๆ”
“ท่วมทุ่งบอกให้คุณเบาๆค่ะ ชู่ๆๆ เบาๆ ค่ะ”
พ่อลูกเงียบ หันไปดู ท่วมทุ่งนั่งตาแป๋วดูข่าวในทีวีต่อไป ภาพในข่าว เจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังแบกเปล มีชายคนนึงนอนบิดตัวไปมา ร้องไห้จ๊ากๆ เสียงดัง มีผ้าคลุมที่เอว รีบวิ่งไปขึ้นรถ
“เค้าเป็นอะไรอ่ะคะ”

“ฟังๆๆ”

ภาพตัดไปที่ผู้รายงานข่าวภาคสนาม ยืนถือไมค์ของช่อง

“ขณะนี้ ยังหาอวัยเพศของคุณสมชายไม่พบนะคะ คาดว่านางพิสมัย ผู้เป็นภรรยา คงนำติดตัวหนีไปด้วยค่ะ”
“อะไรนะ”
“อวัยวะเพศค่ะ คุณผู้ชาย”
“เมียเค้าค่ะ แอบตัดจู๋เค้าตอนนอนหลับ แล้วหนีไปค่ะ”
หาญถึงกับเข่าอ่อน
“โอ เหตุใดกันเล่า ทำไมหนอ ใจคอของผู้คนจึงใดโหดร้ายกันนัก”
“ก็ต้องโหดร้ายสิคะ ในเมื่อจับได้ว่าผัวมันนอกใจ พระท่านว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ ทุกสิ่งก็ดับด้วย ก็ในเมื่อไอ้จู๋มันเป็นต้นเหตุ ก็เลยต้องตัดจู๋เป็นการดับเหตุ ก็ถูกต้องตามคำพระแล้ว”
“โอยๆๆ แม่จำเนียร นี่เธอก็เห็นดีเห็นงามกับความรุนแรงชนิดนี้ด้วยเหรอ”
“ค่ะ คุณ รวมกันเราอยู่ ทิ้งกูมึงตายไงคะ คุณไม่เคยได้ยินหรือ เจ้าท่วมทุ่งยังรู้เลย ใช่มั้ยที่รัก”
ภาพที่จอทีวี ผู้ประกาศข่าวอ่านอีกข่าว
“ข่าวต่อไป มีเหตุด่วนเหตุร้าย เกิดขึ้นที่คอนโดมิเนี่ยมย่านรามคำแหง เมื่อเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองค่ะ นักศึกษาสาวรู้ความจริงว่าโดนคนรักหลอกลวง เพราะความจริง ฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว จึงตัดสินใจปลิดชีพ ด้วยการกระโดดลงมาจากระเบียงห้องพักบนชั้น 23”
“โอย ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว น่าเศร้าใจจริง เพราะมนุษย์เต็มไปด้วยอวิชชา ตัณหา อุปปาทาน ยึดมั่นถือมั่นกันอย่างรุนแรง มันช่างน่าอนาถใจเสียจริง ดูข่าวแบบนี้แล้วพ่อรู้สึกสลดเหลือเกิน อยากช่วยคนพวกนี้ให้พ้นทุกข์ได้เร็วๆจริงๆ ไม่ได้แล้วๆๆ” หาญรีบวางถ้วย เดินขึ้นบ้าน
“อ้าว แล้วจะไปไหนล่ะคะ คุณ”
“ไปสนทนาธรรมกับท่านเจ้าคุณ ท่านชอบสนทนาธรรมเวลาดึกๆ เงียบๆ สงบๆ เผื่อจะช่วยกัน คิดหาวิธีเผยแพร่หลักธรรมใน ที่จะช่วยให้หญิงชายทั้งหลาย ได้มีหนทางที่จะหนีพ้นไปจากวังวนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้เสียที”
“ดีจังค่ะพ่อ ท่านเจ้าคุณวัดไหนคะ เดี๋ยวมัทขับไปส่งคุณพ่อเอง”
“โอ๊ยๆๆ ยัยมัทนี ไม่ต้องๆๆ ลูกเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พ่อไปเองได้ คุยกันสักสองสามชั่วโมงก็กลับ พ่อจะค่อยๆขับไปขับกลับช้าๆ คลานๆ เอา ตอนนี้รถคงหายติดแล้ว พักผ่อนเถอะลูก”
“อย่ากลับดึกนะคุณ”
“จ้า คุณไม่ต้องห่วงผมหรอกนะ”
“ชั้นจะฝากซื้อสเต๊กหมูของโปรดลูกท่วมทุ่งมาด้วย ลูกท่วมทุ่งจะได้กินของดีๆ ชดเชยกับวันเวลาอันเลวร้ายตอนน้ำท่วม แวะซื้อก่อนเลยนะ เดี๋ยวร้านปิด แล้วจากนั้นคุณจะไปหาพระหาเจ้าที่ไหนก็ไป”
หาญทำหน้างอนนิดๆ ที่จำเนียรห่วงแต่หมา แล้วเดินขึ้นบ้านไปอย่างสำรวม จำเนียร มัทนีมองตาม แล้วหันมายิ้ม ชื่นชมกัน

ภายในเพลย์เกิร์ลผับ โคโยตี้สาวๆ แต่งตัวสไตล์คาวเกิร์ล กำลังเต้นบนบาร์ ในเพลง “I CAN’T TAKE MY EYES OFF YOU.” หาญที่แต่งตัวเป็นคาวบอย สวมหมวก กางเกงขาม้า รองเท้าบู๊ต เสื้อลายธงชาติอเมริกัน เดินอาดๆ เข้ามา ท่าเท่สุดๆ
“ว้ายๆ ฮ้านนี้ๆ มา พวกเรา พี่ฮ้านนี้มา”
“ไฮ เบเบ๊”
“พี่ฮ้านนี้ อ๊าย วิดวิ้ว”
สาวๆ มารุมเต้นหน้าหาญ ปล่อยลีลากันเต็มที่ หาญร่าเริงสุด ออกสเต็ปเทพ
อเนกขับรถเข้ามา มีโทนี่ นั่งซึมๆ มาข้างๆ มาจอดหน้าผับแห่งนั้น เสียงเพลงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เฮ่ย โทนี่ ไม่เอาน่า อย่าโศกเศร้าไปเลย นึกซะว่าเราฟาดเคราะห์ไป เดี๋ยวอาทิตย์มันก็หาทางกล่อมเจ้าทุกข์ให้ผ่อนหนักเป็นเบาเองน่า มาๆๆ ทำใจให้สบายด้วยการดูอะไรสวยๆ งามกันดีกว่า”
“โธ่ ไอ้ ’จารย์ใหญ่ ชั้นไม่มีอารมณ์จริงๆ นะ”
“เฮ่ย ลงมาไม่เกิน 10 นาที รับรอง แกจะมีอารมณ์มากกว่าที่เคยอีก”
“ไอ้บ้า”
ทันใดโทรศัพท์อเนกดัง อเนกหยิบโทรศัพท์มาดู แล้วทำหน้าสยองๆ รีบรับ
“ที่รักขา ว่าไงค้า”
ที่คอนโดนรี นรีเดินพูดที่ระเบียง มองเห็นโต๊ะอาหารที่จัดอย่างสวยงาม วางจานช้อน แก้วไว้ 2 ที่
“ป๊ะป๋า จะสามทุ่มแล้วน้า ป๊ะป๋าถึงไหนแล้วค้า”
อเนกสะดุ้งโหยง เอามือปิดโทรศัพท์ หันมาทำหน้าสยองให้โทนี่
“เย้ย ชิปโป๋ง ลืมไปสนิทเลยว่ะ ว่านัดกะยัยนรีไว้” โทนี่ส่ายหัว
“ชะตาขาดแล้ว’จารย์ใหญ่เอ๊ย”
อเนกรีบปั้นเสียง
“ที่รักขา ป๊ะป๋าแย่แล้ว แงวๆๆ งานเข้าอย่างแรงเลย ป๊ะป๋ายังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้เลยค่ะ ปัญหาด่วนฉุกเฉิน
มากเลย เนี่ย ยังงมอยู่ที่โรงงานเลย คงไปกินข้าวกะที่รักไม่ได้แน่ๆ เลยอ่ะจ้ะ ทำไงดีล่ะ ฮือๆๆ อยากจะร้องไห้มากเลย ที่รักสงสารป๊ะป๋ามั้ย”
นรีปิดโทรศัพท์ พูดกับตัวเอง
“ชั้นสงสารตัวเองมากกว่าย่ะ ตาบ้า” นรีถอนใจ “สงสารสิคะ ถ้าอย่างนั้น หาอะไรกินก่อนนะคะ อย่าเอาแต่ทำงานจนอดข้าวนะ นรีเป็นห่างป๊ะป๋ามากนะคะ”
“ที่รักน่ารักมากเลย ที่รักห่วงป๊ะป๋ามากชิมิคะ งั้นเอาเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมที่รัก ป๊ะป๋าจะรีบไปหาที่รักแต่วันเลยนะ”
โทนี่มอง ส่ายหัว “ค่า รักมากนะ ไอ้เริฟยู ไอนี้ดยู ไอว้อนท์ยู ไอมิสยูน้า” อเนกวางหู แล้วหันมายักคิ้ว “เรียบร้อย มา แกไปเที่ยวกะชั้น แต่ต้องจีบคนจริงๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้า ให้แกแน่ใจว่าเค้าไม่ได้อายุ 16 ไม่ใช่เอาแต่แคมฟร็อก สไก๊ป์ คุยไร้สาระกะคนในเน็ต โอเค๊?” โทนี่ถอนใจ แล้วหยิบโทรศัพท์มากดๆๆ “เอ้าๆ คุยไรกะใครทางโลกไซเบอร์อีกรึไง”
“ก็แค่ รายงานชีวิตตัวเองลงในทวิตเตอร์”
“รายงานอะไร”
“ก็บอกว่า มาเที่ยวโคโยตี้ที่นี่ ช่วยไม่ได้ ชั้นมีเพื่อนในทวิตก็เยอะ คนฟอลโล่ว์ชั้นเป็นร้อย ก็ต้องคุยกะเค้าหน่อย”

เอนกมองหน้าอย่างอนาถ

นรียืนคอตก มองโต๊ะอาหารที่เป็นหม้ายแล้วเดินถือโทรศัพท์เข้ามานั่งเศร้าในห้องนั่งเล่น เห็นรูปภาพน่ารักในห้อง มีนรีถ่ายกับมัทนีรวมอยู่ด้วย

“เฮ้อ อเนกนะอเนก แบบนี้เรื่อยเลย ใช่สิ ความรักของเรามันพ้นระยะโปรโมชั่นไปตั้งนานแล้วนี่นา เหงาจัง” นรีถอนใจ แล้วมองๆ โทรศัพท์ แล้วกดๆ เล่น “ไม่ได้ๆ เราต้องไม่ปล่อยตัวให้เหงา เล่นทวิตเตอร์คุยกับเพื่อนๆ ดีกว่า”
นรีก้มๆ กดๆ แล้วหัวเราะขำๆ
“ฮึๆ อีตาโทนี่ เพื่อนคุณอเนกนี่สงสัยจะบ้า วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่ทวีตเป็นสิบๆๆ เรื่อง จะกิน จะนอน จะเข้าส้วม ก็ต้องรายงานชาวบ้านด้วย บ๊องจริงๆ” นรีอ่านๆ แล้วชะงัก “เอ๊ะ! เพื่อนผู้หวังดีลากมาเที่ยวผับโคโยตี้ “เพลย์เกิร์ล” ที่อาร์ซีเอ ถ้ามีอะไรเด็ดๆ ดีๆ เดี๋ยวจะมารายงานให้ทราบต่อไปนะครับ” นรีอึ้ง ครุ่นคิด ขมวดคิ้ว รำพึง “เพื่อนผู้หวังดีเหรอ”

ที่เพลย์เกิร์ลผับ หาญเต้นอยู่หน้าสาวๆ แหงนเงยดูสาวๆ พลางดื่มอย่างแฮปปี้สุดๆ อเนกเดินกอดคอโทนี่เข้ามา มีสาวด้านหน้า แจกหมวกคาวบอยให้
“คืนนี้คาวบอยไนท์นะคะ พี่ๆ ขา ผู้โชคดี จะได้รับคาวเกิร์ลกลับบ้านไปด้วย 1 คนนะค้า”
สองคนรับมาสวม
“ขอบคุณนะครับ คนสวย”
“แม่เจ้าโว้ย ว้าวๆๆ โทนี่ ใครจะรู้ ว่าคืนนี้นายอาจจะเป็นผู้โชคดีก็ได้”
ทั้งสองมองรอบๆ แล้วชี้ชวนกันไปนั่งมุมนึง สาวในชุดอินเดียนแดงบิกินี่เต้นเด่นเด้งตรงมุมนั้น สองหนุ่มแหงนมองกันเพลิน
ทันใดสาวๆ บางคนหันไปมองที่ประตู แล้วตาวาว หันมาชี้ชวนบอกกัน พวกสาวๆ ผิวปากกันวี่วิด อาทิตย์กำลังก้าวเข้ามากับแท่นและโมกข์ อาทิตย์แต่งชุดยีนส์ มีหมวกมาอยู่แล้ว แท่นชุดดำ โมกข์ชุดขาว ดูหล่อเฟี้ยวสุดๆ สาวๆ แม้แต่กลุ่มที่ยั่วหาญอยู่ ต่างก็โบกมือ ทักทายกันระงม
“พี่อาทิตย์ พี่อาทิตย์ขา”
หาญมองเหล่
“ใครอ่ะ แหม ท่าทางเป็นขวัญใจของพวกหนูๆ จังเลยนะ ไอ้หมอนี่”
“เค้าชื่อคุณอาทิตย์ค่ะ ฮานนี้! หล่อก็หล่อ พูดก็เพราะ ใจก็ดี๊ดี”
“ช่าย คนอะไรไม่รู้ รูปหล่อ พ่อรวย แถมยังโสดอีกด้วย” หาญหมั่นไส้
“เชอะ”
อาทิตย์และพวกเดินไปนั่งรวมกัน สาวๆ ต่างพากันเยื้องย่างไปเต้นรอบๆ
“พี่อาทิตย์ขา”
“พี่อาทิตย์ แอมคิดถึงพี่อาทิตย์จังเลย”
“พี่อาทิตย์ก็คิดถึงแอมจ้า”
“โห ไอ้อาทิตย์นี่มันฮ๊อตมากเลยนี่หว่า” โทนี่กระซิบกับอเนก
“เฮ้ย อาทิตย์ นายต้องไถ่โทษที่เมื่อกลางวัน แอบหนีพวกเราไป นายต้องชดใช้” โมกข์บอก
“ชดใช้อะไรวะ”
“ชดใช้ ด้วยการใช้เสน่ห์ล่อสาวๆ มาหาแกที่โต๊ะนี้ ให้พวกเราได้จีบกันให้ถนัดๆ” อาทิตย์หัวเราะ
“ชั้นไม่ใช่ทุเรียนนะเว้ย จะได้ทำหน้าที่ล่อแมงวันมาตอม”
“เออ แกมันไม่ใช่ทุเรียนหรอก พ่อรูปหล่อ แต่เป็นขนมปังที่พวกเราโยนลงน้ำ ล่อปลาสวายมารุมฮุบเท่านั้นเอง”
“ไอ้บ้า”
สาวๆ เข้ามารุมคุย
“พี่อาทิตย์ หนูมีปัญหาจะมาทายพี่ล่ะ”
“ทายมาเลย ทายพวกเพื่อนๆ พี่ด้วย พวกเพื่อนๆ พี่ตอบปัญหาเก่งนะ”
“จริงเหรอค้า”
“อะไรเอ่ย ใหญ่ที่สุด”
ทุกคนหัวเราะกันกิ๊กกั๊ก

แท็กซี่แล่นเข้ามาจอดหน้าผับ นรีก้าวลงจากรถ นรีเงยมองป้ายชื่อผับ “เพลย์เกิร์ล” นรีทำหน้าหมายมั่น เป็นไงเป็นกัน
ในผับอเนกทายปัญหากับสาวๆ
“โลก โลกใหญ่ที่สุด”
“ผิด”
“พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ใหญ่ที่สุด”
“ผิด”
สาวๆ ตบมือ กรี๊ดกริ๊วกัน อีกด้าน หาญมองแบบหมั่นไส้
“ใหญ่ที่สุด มันต้องจักรวาลสิ จริงไหมหนู” หาญพูดกับสาวที่มานั่งดริ๊งค์ด้วย
“จริงค่ะพี่”
“หนูอย่าไปมองพวกมันเลย หนวกหู น่ารำคาญ จริงไหมจ๊ะ”
“จริงค่ะพี่”
หาญหัวเราะออกมาได้ สบายใจ ชวนสาวชนแก้วกัน
“ใหญ่ที่สุดก็ต้อง เมียพี่ เมียพี่ใหญ่ที่สุด ห้าๆๆๆ” ทุกคนฮา ทันใดโทรศัพท์โมกข์ดัง โมกข์สะดุ้ง “ว้าย อายุยืน เมียเรา แก่ง่ายตายยากจริง”

โมกข์รีบวิ่งออกไปข้างนอก ทุกคนมองตาม ขำมาก

โมกข์วิ่งออกมา แล้วกดรับ

“ฮาโหลๆ ภรรยาขา อยู่ไหนเนี่ย”
ปะการัง ภรรยาโมกข์ที่แต่งตัวแบบนักธุรกิจ ดูเฟี้ยวและรวย เดินในโรงแรมที่มีบรรยากาศคึกคัก
“ทำงานสิจ๊ะ สามีจ๋า ทานข้าวรึยังเอ่ย”
“แล้วค้าบ ภรรยาล่ะ”
“กำลังจะไปทานกับลูกค้าจ้ะ สามี ทำตัวเป็นเด็กดีรึเปล่าคะ”
“ดีมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ วันนี้สามีไม่ค่อยสบายด้วยนะคะ เลยมานอนที่คอนโดฯสาทร มันเงียบดี ปวดหัวมาก เดี๋ยวสามีกินยาแล้วจะหลับแล้วน้า”
โมกข์เห็นนรีกำลังเดินผ่านเข้าผับไป ดูหน้าดำหน้าแดง โมกข์ช็อก

นรีเดินเข้ามาในผับ ยังงงๆ มึนๆ มองหาไปมา โมกข์มุดดุ๊บๆ แซงนรี ผ่านผู้คนไปอย่างด่วนจี๋ แล้วโผล่ไปข้างอเนก แล้วล็อกคออเนกมากระซิบ ขณะนั้นพวกอาทิตย์กับสาวๆ ยังเล่นทายปัญหาไม่จบ
“พี่ทายไม่ถูกหรอกครับ ยอมๆๆ”
อเนกฟังๆ แล้วตาเหลือก มองไป นรีเดินดุ่มๆ ใกล้เข้ามา
“เวรแล้ว”
อเนกทิ้งตัวลง แล้วมุดไปอยู่ใต้โต๊ะทันที นรีมองมาเห็นอาทิตย์ที่กำลังอ้อล้อกะสาวๆ พอดี
“อารายกัน พี่ยอมแพ้แล้ว หนูก็เฉลยสิคะ” อาทิตย์หันมา สบตากับนรีปั๊บ รีบผละจากสาวๆ ลุกยืน แท่น โมกข์ โทนี่ รีบทำตาม ยืนกันเป็นแผง “คุณนรี ฮ้า นี่ผมตาฝาดรึเปล่าครับ ทำไมคุณนรีมาในที่แบบนี้ล่ะฮะ”
“อเนกล่ะคะ” นรีหน้าเครียด สี่หนุ่มพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“อเนก ไม่มี้ ไม่มาครับ มันงานยุ่งม้าก”
“จริงเหรอ”
“จริ๊งงง”
ใต้โต๊ะ อเนกค่อยๆ คลานออกไป
“พวกคุณ มากันโดยไม่มีอเนกงั้นเหรอคะ”
“ใช่ครับ ก็ชวนเท่าไหร่ๆ มันก็ไม่มา แย่มาก”
“พวกเรากะว่าจะเลิกคบมันแล้วด้วย หลายหนแล้วนะ หลายหนแล้ว ที่มันเห็นงานสำคัญกว่าเพื่อน”
“จริง! ตั้งแต่มันตกลงใจจะแต่งงานกะคุณนี่แหละ มันทิ้งพวกผมเลย ผมเคืองมาก เคืองมากๆ รู้ไว้ซะด้วย” โมกข์ทำเป็นโกรธมาก ชี้หน้านรี เข่นเขี้ยว เคี้ยวฟัน
“หา อเนกเค้า เค้าบอกพวกคุณว่าอย่างนั้นหรือคะ”
“ใช่ เพราะฉะนั้น คุณกลับไปซะดีกว่า ก่อนที่ผมจะเจ็บปวดใจไปกว่านี้” อาทิตย์ทำท่าจะร้องไห้ โทนี่รีบกอดอาทิตย์
“เฮ่ย ใจเย็น อาทิตย์ ไม่เอาน่า”
“เราเกลียดนัก เกลียดจริงๆ คนที่เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน”
“อาทิตย์ ทำใจซะเถอะ อเนกมันคงจากพวกเราไปแล้วล่ะ”
“เรารับไม่ได้ๆๆ ฮือๆๆ” อาทิตย์ซบหน้ากับอกโทนี่ เพื่อนๆรีบมารุมกอด ปลอบ
“เฮ้ย อาทิตย์ ไม่เอาน่า ไม่เอาๆ ตัดใจนะ ตัดใจซะ”
อาทิตย์ร้องไห้ดังขึ้นอีก นรีอึ้ง เอ๋อ พูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ถอยๆ ออกมา อเนกแอบดูมุมนึง ตื่นเต้น ตาโต นรีมองไปอีกทาง แล้วชะงักกึก ขยี้ตาๆ เมื่อเห็นหาญ กำลังเต้นโยกอยู่หน้าโคโยตี้ที่อีกบาร์นึง และมีสาวนั่งดริ๊งค์เคลียคลอ หาญถือหมวกไว้ในมือ โบกไปมา หยอกกับสาวที่กำลังเต้น
“เอ๊ะ นั่นมัน คุณลุงนี่นา ไม่ใช่หรอกมั้ง คงแค่คนหน้าคล้ายมากกว่า”
นรีทำหน้าว้าวุ่นใจ แล้วหันเดินออก

มัทนีทำงานอยู่หน้าคอมพ์ฯ ที่มุมหนึ่ง จำเนียรกับท่วมทุ่งนั่งดูทีวี กำลังมีละครหลังข่าวช่อง 3 ทันใดโทรศัพท์บ้านดังขึ้น จำเนียรรีบรับ
“ฮัลโหล”
นรีนั่งอยู่ในแท็กซี่
“คุณป้าคะ หนูเองค่ะ”
“นรี มีอะไร จะพูดกับยัยมัทหรือ เรื่องงานหรือเปล่า ยัยมัทกำลังรีบรวบรวมอยู่นะจ๊ะ ข้อมูลที่หนูจะเอาน่ะ”
“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ หนูไม่กวนยัยมัทหรอก แต่หนู หนู มีเรื่องอยากปรึกษาคุณป้า”
“เรื่องแฟนล่ะสิ ทำไม มันเจ้าชู้ เผลอเป็นไม่ได้ใช่ไหม”
นรีสะอื้น ตื้นตัน
“ไม่ใช่ค่ะ คุณป้า คือ คือหนูเข้าใจผิดมาตลอด ว่าเค้า เค้าไว้ใจไม่ได้ เค้า เค้า เค้า ไม่เคยบอกหนูเลยว่าเค้าจะเอายังไงกันแน่ แต่ แต่ เค้ากลับไปบอกเพื่อนๆ เค้าทุกคน ว่าเค้ารักหนูจริงๆ หวังจะแต่งงานกะหนู ทำไมเค้าไปบอกเพื่อนๆ แต่เค้าไม่บอกกับตัวหนูเองล่ะคะ”
“โอ ถ้าอย่างนั้นหมายความว่า เค้าต้องรักหนูมากๆ เลยล่ะ แต่เค้ายังไม่กล้าบอกหนู เพราะเค้าอาจจะยังไม่มั่นใจ หรือเค้ารอความพร้อมอะไรซักอย่างอยู่”
“ใช่ค่ะ เค้าทำงานหนักมาก หนักจริงๆ แทบจะหมกตัวอยู่ในโรงงานทั้งกลางวันกลางคืน ตัดขาดจากเพื่อนๆหมดเลย”
“โถ พ่อคุณ น่าสงสารจริง ถ้าอย่างนั้น นรีต้องใจเย็นๆ นะจ๊ะ อย่าไปกดกันเร่งรัดเค้ามาก ทำเป็นเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้เรื่องผู้ชายนี่ ป้าเข้าใจดี ผู้ชายไม่เหมือนผู้หญิงนะ เค้าไม่ชอบอะไรจุกจิกหรอกจ้ะ พูดคำเดียวแล้วต้องจบ อย่าไปร่ำไร”
“ค่ะ คุณป้า ขอบคุณๆ ป้ามาก ที่เตือนสติหนู เออ แล้วนี่คุณลุงอยู่ไหมคะ”
“คุณลุงไปหาท่านเจ้าคุณที่วัดจ้ะ ไปสนทนาธรรมตามเคย รายนั้น”
“นั่นสิคะ หนูก็ว่างั้น ตล๊ก ตลก”
“ตลกอะไรจ๊ะ”
“ตะกี๊ หนูตามไปแอบเช็คว่าอเนกเค้าไปเที่ยวโคโยตี้หรือเปล่า แต่อเนกเค้าไม่ได้ไปใช่ไหมคะ แต่หนูดันไปเจอคนหน้าคล้ายคุณลุงน่ะค่ะ ฮะๆๆ เหมือนม้าก ตลกนะคะ คุณลุงจะไปเที่ยวโคโยตี้ได้ไง คุณป้าว่าไหมคะ ฮะๆๆ”

นรีหัวเราะลั่น สีหน้าจำเนียรจากยิ้มๆ กลายเป็นหน้ายักษ์ทันที ท่วมทุ่งถึงกับสยอง มุดเข้าไปหลังหมอนอิง แอบดูอย่างระทึกขวัญ

อ่านต่อหน้า 3

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 1 (ต่อ)

จำเนียรเสียบกุญแจรถคันกลางเก่ากลางใหม่แต่มีสไตล์ แล้วสตาร์ท แชะๆๆ ไม่ติดทันที ท่วมทุ่งนั่งเห่าเรียกอยู่ใกล้ๆ รถนั้น มัทนีโผล่มาที่ประตูบ้านด้านข้างที่จอดรถ สีหน้าแปลกใจ จำเนียรพยายามสตาร์ทอีก มัทนีเดินมาถาม

“คุณแม่จะไปไหนคะ”
จำเนียรสะดุ้ง
“ไป ไป เอ่อ...”
เหน่ง โหน่งตามมา
“คุณผู้หญิงจะไปซื้ออะไรร้านสะดวกซื้อ ใช้หนูสิคะ”
“ใช่ค่ะ หนูชอบไปเดินเล่นกินลมปากซอย พบปะผู้คนค่ะ ฮิๆๆ”
“เอ้อ ชั้น ชั้นไม่ได้จะไปซื้อของ ชั้น มีธุระ”
“ธุระอะไรตอนนี้คะ คุณแม่ ให้ลูกขับให้ไหมคะ”
“เอ้อ อ้า อย่าเลยจ้ะ ธุระเรื่องส่วนตัว ของ ของเพื่อนแม่ คือ สามีเค้าหนีไปเที่ยวโคโยตี้ผับ เค้าจะไปตามจับ เลยจะให้แม่ไปช่วยเป็นเพื่อนหน่อย” มัทนีตาโต
“ตายจริง แล้วคุณแม่จะไปได้ยังไงคะคนเดียว ลูกไปด้วยๆ”
“ไม่ได้หรอกลูกมัท แม่ไม่ต้องการให้ลูกไปเห็นอะไรที่มันอุบาทว์อุจาดตา เด็กดีๆ อย่างลูกไม่ควรไปในที่อโคจรที่มีแต่พวกชั่วๆ นะลูก”
จำเนียรสตาร์ทติดพอดี จำเนียรโบกมือไล่ให้ลูกถอยไป จำเนียรรีบถอยรถออก มัทนีมองตาม ห่วงๆ

ที่ผับหาญเต้นๆ คลอเคลียร์โคโยตี้ ส่งโทรศัพท์มือถือ ผลัดกันกด คิกๆคักๆ แลกเบอร์กันระหว่างหาญกะสาวที่เต้นตรงหน้า ส่งจูบกัน จุ๊บุๆๆ พวกอาทิตย์ยกขวดเครื่องดื่มซด อาทิตย์ยกซดจนหมดขวด พวกสาวดริ๊ง ส่งขวดใหม่มาให้อีก พวกอาทิตย์ชนๆ แล้วก็ดื่มๆ
จำเนียรยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หน้าผับ
“ไอ้หาญ รวมกันเราอยู่ ทิ้งกู มึงตาย”
จำเนียรเดินอาดๆ จะเข้าด้านใน คนขายหมวกมาขวาง
“เดี๋ยวๆ คร้าบคุณพี่ เข้าไม่ได้คร้าบ”
“ทำไมจะเข้าไม่ได้”
“เพราะคืนนี้ เป็นคืนคาวบอยไน้ท์ คุณพี่ต้องรับหมวกคาวบอยไปใส่ก่อน ย้าฮู้วว”
“หมวกเหมิกอะไร ไม่เอาๆ”
“เอาเถอะครับ แหม คุณพี่คนงาม รับซักใบเถอะคร้าบ เที่ยวโคโยตี้หนุ่ม ประตูอยู่ทางด้านนั้นครับ รับรอง หล่อล่ำ ก้ามปู เต้นสะบัด หน้าฝรั่ง หน้าไทย หน้าเกาหลี ขาวๆ ตี๋ๆ ก็มีนะคร้าบ”
“อี๋ บ้า โคโยตี้ผู้ชายเหรอ ทุเรศ”
“อ้าว คุณพี่ชอบผู้หญิงหรอกเหรอครับ ว้าว เป็นทอมต้องใบนี้เลยครับ รับรองใส่แล้วหล่อ เท่ เฟี้ยวเลยฮะป๋า”
จำเนียรทำหน้าแขยงจะเดินหนี แต่คนแจกหมวกก็ต้อนหน้าต้อนหลังไม่เลิก

ขวดเครื่องดื่มเรียงกันสี่ขวดตรงหน้าอาทิตย์ โทนี่ชูขวดใหม่
“เอ้า ชนๆๆ”
“พอแล้วๆๆ ไม่ชนแล้ว ไม่ไหวแล้ว”
“อย่าๆๆ อย่ามาแอ๊บแบ๊วเลย ไอ้อาทิตย์ แค่นี้จะทำมายอมแพ้หรือไง”
“ชั้นปวดฉี่จะแย่อยู่แล้ว ขอไปปลดปล่อยก่อนล่ะ ซี๊ดๆ กระเพาะจะแตกแร้ว” อาทิตย์รีบวิ่ง
สาวหัวเราะคิกคัก เพื่อนๆ ส่ายหัว อาทิตย์หัวเราะ รีบหันวิ่งฝ่าคนไป พลางหันมาโบกมือให้สาวๆ พลาง เดินถอยไปพลาง ชนโต๊ะดริ๊งค์ของหาญเต็มๆ โต๊ะล้ม เกือบคว่ำลง พอดีอาทิตย์ไวหันไปคว้า และตะปบประคองขวดทุกอย่างไว้ได้ เว้นแก้วที่ล้มลง น้ำหก
“เฮ้ยๆ”
อาทิตย์พนมมือ
“ขอโทษครับ คุณลุง ขอโทษๆ จริงๆ ครับ” หาญชะงัก
“ฮะ ใคร ใครเป็นลุงคุณ”
“ขอโทษครับคุณพี่ เดี๋ยวผมมาเคลียร์ให้นะคร้าบ ไม่ไหวแล้วจริงๆ” อาทิตย์วิ่งหนีบขา รีบไปห้องน้ำ
“ไอ้ทะลึ่ง ชนแล้วหนีเรอะแก ฮึ่ย!” หาญหันมาหาสาวดริ๊งค์ “ดูสิจ๊ะ น้องแป๋ว ไอ้คนพรรค์นี้นี่มันไร้มารยาทจริงๆ แบบนี้มันปล่อยเอาไว้ไม่ได้ พี่ต้องเอาเรื่อง” หาญทำกร่างโชว์หญิง จะตามไป สาวรีบกอดไว้
“อย่าค่ะ พี่หาญ”
สาวโคโยตี้โดดลงมา
“อย่าค่ะ ฮานนี้ ใจเย็นๆ นะคะ คนอายุน้อย ต้องใจเย็นๆ ค่ะ”
“อะไรนะจ๊ะ น้องนก ใครต้องใจเย็นนะจ๊ะ”
“คนอายุน้อยค่ะ ฮานนี้ มีแต่พวกแก่ๆ ต่อมลูกหมากโตเท่านั้นที่จะใจร้อน อารมณ์เสีย เรามาแด๊นซ์กันดีกว่านะคะๆ เอ้า...เจ้าของฉันอยู่ไหน ไม่เห็นว่าจะสำคัญ โสดหรือว่าไม่โสด ไม่ต่างกัน”
หาญหันมาเต้นและร้องพร้อมกัน
“อยากจีบ จีบได้แฟนไม่รัก ตอนเนี้ยช่วงเหงาหนัก อยากได้คน Take care อยากจีบ จีบได้แฟนไม่หวง ขอแค่ใครเหลียวแล ถ้าเธอ ว่า Fair ว่าไง”
จำเนียรที่สวมหมวกคาวบอยเดินเข้ามา มองหา สอดส่ายสายตาทะลุทะลวงฝูงชน หาญเต้นแบบเคลียคลอ
“เยอะนะเนี่ย น่านะเนี่ย ต้องมี Clear คดีสักตั้ง โน่นก็ยี้ นี่ก็แย่ ช่วยดูแล Care มั่งไรมั่ง”
หาญหมุนตัวพันพัวสาวหันมา แล้วผงะ จำเนียรก็หันไป แล้วตาป๊ะกันพอดี
“คุณหาญ”
จำเนียรไม่เชื่อสายตา กระพริบตาถี่ๆ แล้วขยี้ๆ ตา หาญช็อก
“สะวง Sweet อ่ะไม่ค่อย เค้า Choice เยอะรู้ไหมเนี่ย หายตัวน่ะคือประเด็น เล่นกันซะเหงาเว่อร์ ไม่ใช่จะนู่นจะนี่นั่น เตือนกันแล้วนะเอ้อ”
หาญหันหลังขวับ แล้วเผ่นไม่คิดชีวิต ชนผู้คนกระเด็น

จำเนียรลืมตามาอีกที เพ่งมองพบว่าหาญหายไปแล้ว จำเนียรมองหา เห็นหมวกที่หาญใส่ผลุบๆ โผล่ๆ ไปทางหลังร้าน
“น้องใจดีถ้าพี่ไม่เจ้าชู้ พี่ดูดูแล้วท่าทางโอเค น้องยินดีถ้าพี่ไม่โลเล พี่เกเรน้องก็คงเซย์โน”

จำเนียรรีบคว้าขวดจากโต๊ะใกล้มือ แล้วพุ่งตามไปสุดชีวิต

ภายในครัวของผับ คนทำงานในครัวกำลังยกถาดจะไปเสิร์ฟ หาญผลุบประตูเข้ามา มองรอบๆ หาที่ซ่อน คนในครัวมอง งงๆ หาญเดินพล่านไปรอบครัว เห็นจำเนียรตามมา หาญนั่งลงหลังชั้นวางของ ตัวแอบมิด แต่หมวกคาวบอยโผล่พ้นออกมา

จำเนียรมองหา แล้วตกลงใจถามพ่อครัว
“คุณคะ คุณ เห็นผู้ชายแก่ๆ หน้าตาเหี่ยวๆ สารรูปทุเรศๆ แต่งชุดคาวบอยเข้ามาในนี้ไหม”
พ่อครัวหลิ่วตาให้จำเนียร แล้วชี้ๆ ไปที่หมวกที่โผล่มาพ้นชั้นนั้น แต่ปากพูดอีกอย่าง
“ไม่มีนี่ครับ คุณผู้หญิง ไม่เห็นเลย ในนี้ห้ามไม่ให้คนนอกเข้ามาเล่นซ่อนหานะครับ”
หาญได้ยินคำพูด ทำหน้าโล่งใจ จำเนียรกัดฟันพูด
“ว้า แย่จัง อิฉันว่าอิฉันเห็นหมวกคาวบอยสี...กับชุดคาวบอยลาย... ไวๆ เข้ามาในนี้นะคะ”
จำเนียรวางขวด คว้ามีดปังตอแทน ย่องๆๆ ไปที่ตรงที่หาญซ่อน ทุกคนในครัวมองตาม ลุ้นๆ หาญนั่งนิ่ง นึกว่าปลอดภัย จำเนียรใกล้หาญเข้าไปทุกทีๆ ทันใดเท้าจำเนียร โผล่ลงมาจากขอบชั้นวางของด้านล่าง ที่หาญซ่อนอยู่ หาญมองไปเห็นพอดี ตาเหลือก
“เย้ย”
หาญไม่พูดจา พุ่งตัว วิ่งหนีสวนไปที่ประตูอันเดินทันที จำเนียรผงะ ตะโกนตามหลังไป
“ไอ้คาวบอยหาญ อย่าหนีนะ บอกแล้วไงว่ารวมกันเราอยู่ ทิ้งกูมึงตายยย”
จำเนียรวิ่งตามสุดชีวิต พร้อมมีดปังตอในมือ พวกคนในครัวตามดูกัน ตื่นเต้น

หาญวิ่งมาทางห้องน้ำชาย พลางเหลียวหลังอย่างกลัวลนลาน
“ตายแน่ๆ ฮือๆๆ พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกช้างด้วย นังมาร้ายจะเอาชีวิตลูกแล้ว ช่วยส่งเทวดามาช่วยลูกช้างที”
หาญวิ่งไป ถอยไป ชนอาทิตย์ที่เปิดออกมาจากห้องน้ำเปรี้ยง
“เย้ย”
หาญหันมาเห็นหน้า
“โอ๊ะ อ๊ะ เอ้อ อ้า”
“คุณลุง เอ๊ย คุณพี่คร้าบ โห นี่คุณพี่ตามมาเอาเรื่องผมไม่เลิกไม่ราเลยเหรอเนี่ย กะแค่ผมเดินชนโต๊ะคุณพี่แค่นี้ผมไม่ตั้งใจจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้หาเรื่อง หรืออยากจะกวนใจคุณพี่เลยแม้แต่น้อย”
หาญพยายามจะโบกมือให้หยุดพูด พยายามจะหลีกทาง แต่อาทิตย์ก็ดักและขวางไปมา จำเนียรตามมาพอดี เห็นข้างหลังหาญ
“ไอ้คาวบอยหมวก(สี) หยุดเดี๋ยวนี้นะ มาพูดกันให้รู้เรื่อง”
“บรรลัยวายวอดแล้ว ไอ้หนุ่ม ช่วยด้วยๆๆ พาพี่หนีเมียที”
“หา อะไรนะ”
“หยุด หยุดอยู่ตรงนั้นเลย ไอ้หาญ”
จำเนียรเงื้อปังตอมาแต่ไกล อาทิตย์หันไปเห็นจำเนียร ตาเหลือก
“อ๋อ เข้าใจแล้ว”
อาทิตย์มองซ้าย-ขวา แล้วหันไปที่ประตูห้องน้ำ แล้วกระชากประตูเปิด ดึงหาญเข้าไปทันที จำเนียรวิ่งตามมาถึงฉิวเฉียด ทุบประตูปังๆๆ
“เปิดๆๆ เปิดเดี๋ยวนี้นะ เปิด”
หน้าห้องน้ำ มีคนเที่ยว2-3คน คนจากในครัวที่ตามมาดู และโทนี่ เริ่มมามุงๆ สนใจ ในห้องน้ำ หาญแทบจะเป็นลม เซไปพิงผนังห้อง
“ขอบใจ ขอบใจจริงๆ ไอ้น้องชาย” หาญตบบ่าอาทิตย์
ในห้องน้ำ พวกคนเที่ยว 2-3 คน และมีโมกข์ กับแท่น กำลังฉี่อยู่ พากันหันมามอง สนใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จำเนียรเคาะประตูห้องน้ำรัวๆ มือกระชับมีดแน่น โทนี่ปวดฉี่จะเข้าห้องน้ำ
“มันอะไรกันอ่ะครับ ป้า ผมปวดฉี่จะตายอยู่แล้ว” โทนี่เคาะประตูห้องน้ำ “เฮ้ย อาทิตย์ แกอยู่ในนั้นรึป่าว มีอะไรกันเหรอ เปิดให้เพื่อนเข้าไปก่อนสิวะ”
“นี่คุณหาญ ท่านหาญ ไอ้หาญ แกจะเปิดหรือไม่เปิด ได้ยินไหมว่าแกทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน เขาจะฉี่ราดกันหมดแล้ว เปิดเดี๋ยวนี้”
ในห้องน้ำ หาญเหงื่อแตก มองหน้าอาทิตย์ แล้วในที่สุดก็ทรุดลง
“น้องชายๆ ถ้าน้องชายช่วยพี่ได้ ทำให้พี่ได้รอดชีวิตไปในคราวนี้ พี่จะไม่ลืมพระคุณเลย น้องต้องการอะไร พี่จะทูนหัวทูนเกล้าให้ทุกอย่าง หากพี่ให้น้องได้” อาทิตย์ส่ายหัว
“ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณหรอก”
“หา หมายความว่า คุณจะไม่ช่วยผมเหรอ”
จำเนียรยังทุบอยู่หน้าห้องน้ำไม่เลิก
“นี่ๆ คนที่อยู่ในห้องน้ำน่ะ เปิดเดี๋ยวนี้ แล้วส่งตัวไอ้หาญมาให้ชั้น”
“หาญไหน ในนี้ไม่มีใครชื่อหาญทั้งนั้น”
อาทิตย์ตะโกนบอก หาญมองอาทิตย์ ดีใจ
“ทำไมจะไม่มี ไอ้คนหน้าตาหื่นๆ ชอบโกหกโป้ปดมดเท็จ แก่ๆ ใกล้จะตายอยู่แล้วไงล่ะ”
ในห้องน้ำพวกอาทิตย์ หาญ มองหน้ากัน แล้วโมกข์เข้ามาช่วย
“ใครแก่ ในนี้ไม่มีคนแก่ใกล้ตายที่ไหนมาเที่ยวหรอกเจ๊ มีแต่คนหนุ่มๆ หล่อๆ แน่นๆ ตึงๆกันทั้งนั้นที่จะมาล่าสวาทกัน”
“ใช่ๆๆ คนแก่ๆ เค้าก็ต้องเจียมตัว อยู่บ้านชงน้ำขิงกินไล่ลมไปวันๆ คับเจ๊”
หาญอดสะดุ้งไม่ได้
“ไม่จริง ก็ไอ้แก่คนที่ใส่หมวกคาวบอยสี...กับใส่เสื้อ... ไง ไม่เห็นรึไงว่ามันทุเรศ อุบาทว์ ไม่เจียมสังขารขนาดไหน เปิดประตู แล้วช่วยกันจับมันมาส่งให้ชั้นเดี๋ยวนี้เลย”

ทุกคนรุมมองดูการแต่งตัวของหาญ หาญแค้น เซ็ง อาทิตย์มองดูหาญ แล้วได้ไอเดียบางอย่าง

พวงกุญแจใหญ่อยู่ในมือกัปตันคุมผับ ซึ่งอยู่ในชุดสูทโก้ จำเนียรลากแขนกัปตันมาโดยอีกมือยังถือมีดปังตออยู่ โทนี่ที่รอหน้าห้องน้ำ มองอย่างลุ้นๆ แล้วรีบเคาะๆ ตะโกนเข้าไป

“ไอ้อาทิตย์ ไอ้โมกข์ ไอ้แท่น ไม่ว่าพวกแกจะทำอะไรอยู่ ชั้นจะขอบอกให้เอาบุญนะว่าป้าคนนั้นเค้าไปเอากุญแจมาแล้ว พวกแกระวังตัวให้ดีเหอะ”
“เปิดเลยค่ะ เปิดเลยๆ”
กัปตันไขกุญแจลูกบิด ประตูเปิดออก จำเนียรผวาจะเข้าไป
“ไอ้หาญ แก เสร็จชั้นแน่ๆ”
ทันทีที่ประตูเปิด โมกข์ แท่นกับนักเที่ยวอีก2-3คนก็กรูกันสวนออกมา รวมทั้งหาญที่ใส่ชุดของอาทิตย์ มั่วๆเนียนๆ ก้มหน้าก้มตาทำท่าเหมือนคนเมา โดยมีโมกข์กับแท่นช่วยกันประคองพาเดินงุดๆๆ รีบๆ ออกไป
โทนี่จะรีบเข้าไป แล้วเอาตัวบังๆ ไว้ เจตนาช่วยไม่ให้จำเนียรเห็นหาญ
“โธ่ คุณครับ ผมไม่ไหวแล้วนะ ให้ผมฉี่ก่อนได้ไหม” โทนี่พยายามดึงดูดความสนใจ
“ไม่ได้ หยุด คนอื่นอย่าเพิ่งเข้ามา อดกลั้นไว้ก่อน ไอ้หาญๆ แกมอบตัวมาเดี๋ยวนี้เลย ฮ่ะๆ”
จำเนียรเข้ามาในห้องน้ำ ยืนงง มองรอบตัว ไม่มีใครเหลือแล้ว บรรดาห้องส้วมปิดประตูไว้ทุกห้อง จำเนียรเข้าไปผลักประตูเปิดทีละบานๆๆ จนถึงห้องสุดท้าย เปิดไม่ออก
“ไอ้หาญ แก ในที่สุดก็หนีไม่พ้น ไม่ต้องมาทำกบดานเลย ออกมาๆ เดี๋ยวนี้” เงียบ “ไอ้หาญ แกอยากให้ชั้นเอาปังตอฟันประตูเข้าไปใช่ไหม จะออกรึไม่ออก หนึ่ง สอง...” ไทยมุงเข้ามาลุ้น “สะ...”
ทันใดประตูแง้มเบาๆ แอ๊ดดดออกมา ร่างในชุดคาวบอยของหาญและหมวกสีเด่น ก้มหน้างุดๆ ก้าวออกมา
จำเนียรกระชากคอ
“นี่ไง ไอ้คาวบอยหมวกสี...เสื้อลาย...จับได้คาหนังคาเขาเลย แก ไอ้หาญ ไอ้แก่ตัณหากลับ อย่าอยู่เลย”
จำเนียรเงื้อปังตอ พอดีกับอาทิตย์ถอดหมวกออก มองมา ตาปริบๆ
“อะไรอ่ะครับ คุณป้า ทำไมคุณป้าพูดจาโหดร้ายกะผมแบบนั้นล่ะครับ”
จำเนียรผงะ ช็อก
“เอ๊ะ แก นาย คุณ คุณเป็นใคร คุณไม่ใช่...”
กัปตันรีบมาปลดมีดจากมือจำเนียร
“คุณป้าครับ ขอมีดเถอะครับ อย่าทำอะไรสามีเลยนะครับ คนเรารักจะกินเด็ก ต้องอดทน มีสามีเป็นเด็กกว่าเราหลายปี มันก็ต้องเจอแบบนี้แหละครับ ผมเข้าใจดี”
“หา อะไรนะครับ นี่ คุณป้าคิดจะกินผมเหรอ”
“มะ ไม่ ไม่ใช่ ชั้น ชั้น คงเข้าใจผิด ในผับนี่มันมืดๆ ชั้นเลยตาลายไปหน่อย”
“ผมไม่เข้าใจ ใส่หมวกสีนี้ กับเสื้อลายนี้ มันผิดอะไรตรงไหนหรือครับ”
จำเนียรหน้าซีด จ๋อย
“ชั้น ชั้นขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
อาทิตย์แอบสบตาโทนี่ โทนี่มองเป็นเชิงถามว่าใคร อะไร ยังไงกัน อาทิตย์ยักไหล่ตอบ

โมกข์ แท่น พาหาญออกมาจากในผับแบบรีบเร่ง
“โอย หัวใจจะวายๆ ผมไปก่อนนะ อ้อๆๆ” หาญหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ขอเบอร์พ่อรูปหล่อใจพระคนนั้นหน่อยสิ ลุงจะได้โทไปขอบคุณเค้าได้”
แท่นรับโทรศัพท์หาญมา กดเบอร์อาทิตย์ให้
“อ่ะครับ ยอมเป็นลุงแล้วเหรอครับลุง ไม่ใช่คุณพี่แล้วเหรอครับ”
“คนเราก็ต้องยอมรับความจริงอ่ะนะ หลานๆ ขอบคุณๆ แล้วเจอกันนะทุกคน ลุงรับรองว่าจะตอบแทนบุญคุณพวกเราอย่างสาสม โย่ๆๆ”
หาญแปะมือกับแท่น แล้วแปะมือกับโมกข์
“แล้วรถลุงล่ะครับ” โมกข์ถาม
“หุๆๆ ลุงจอดไว้ที่วัดฝั่งขะโน้น เพื่อความปลอดภัยนะ ไปก่อนนะๆ บ๊ายบาย” หาญรีบวิ่งจะไปข้ามถนน
“โห ลุงนี่ ร้ายจริงๆ ว่ะ”
“ตอนเราอายุเท่าลุงแก เราจะยังเป็นแบบนี้กันอยู่ไหมวะ”

โมกข์ แท่น มองส่งหาญไป หาญในชุดอาทิตย์ วิ่งข้ามถนนไปอย่างร่าเริงคึกๆ

รถหาญจอดอยู่หน้าบ้าน จำเนียรเดินมา มองดูรถคันนั้น ลังเล เอื้อมมือ กำลังจะไปจับหน้าหม้อรถยนต์ มัทนีโผล่มา

“คุณแม่”
จำเนียรสะดุ้ง หดมือกลับ
“ลูกมัท เอ้อ อ้า”
“คุณแม่ไปช่วยเพื่อนจับสามีเที่ยวโคโยตี้สำเร็จไหมคะ”
“อ้อ เอ้อ จ้ะๆๆ สำเร็จจ้ะลูก แล้วลูกท่วมทุ่งล่ะ”
ท่วมทุ่งรีบวิ่งออกมาจากในบ้าน จำเนียรรีบก้มลงอุ้มขึ้นมากอดทันที
“ถามถึงท่วมทุ่งก่อนทุกอย่างเลยนะคะแม่ ดีค่ะคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณพ่อกลับมาได้สักพักแล้วล่ะค่ะ นั่งคุยกับลูก แล้วก็ดื่มน้ำอาร์ซี แล้วตอนนี้”
มัทนีชี้ไปที่ระเบียงบนบ้าน จำเนียรมองตามมือลูกไปเห็นหาญในชุดขาวเดินจงกรมอยู่
“ยกหนอ เหยียบหนอ ยกหนอ เหยียบหนอ”
จำเนียรมองอึ้ง แล้วน้ำตาคลอ ฝากท่วมทุ่งให้มัทนีอุ้ม แล้วรีบผละไปจากลูก
“คุณแม่คะ” มัทนีรีบตามไป

บนระเบียงบ้าน หาญเดินจงกรม
“ยกหนอ เหยียบหนอ” จำเนียรเดินพรวดพราดเข้ามา หาญยกขาค้าง “ได้ยินหนอ เห็นหนอ กลัวหนอ”
จำเนียรเดินมาถึง แล้วทรุดลงนั่ง กราบแทบเท้าหาญอย่างตั้งใจ หาญงง อึ้ง นิ่งงัน มัทนีอุ้มท่วมทุ่งตามมาเห็นภาพตรงหน้า จำเนียรพนมมือแต้ เงยมองหาญ
“ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม สามีขา อภัยให้ภรรยาด้วย”
หาญวางมาดสงบเย็น
“นี่มันอะไรกัน แม่จำเนียร”
“ไม่ ไม่มีอะไร ภรรยาตื้นตันที่สามีเป็นสามีที่ประเสริฐ ไม่ชั่วร้ายเลวทรามเหมือนสามีคนอื่น ช่างเป็นบุญกุศลของภรรยาเหลือเกิน ที่ได้สามีอย่างสามีมาเป็นฉัตรแก้วกั้นเกศ งามหน้างามเนตรทุกเวลา”
มัทนีมองภาพตรงหน้าอย่างตื้นตัน หาญกลืนน้ำลาย ทำหน้าอิ่มบุญ จมูกบาน
“กรรมุนาวัตตะตีโลโก กุ๊กๆ”
“อะไรนะคะ”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะ ปลงซะเถอะ แม่จำเนียร”
“ค่ะสามี ภรรยาปลงแล้วค่ะ ภรรยาจะเลิกหวาดระแวง เลิกหูเบา เลิกฟังเสียงนกเสียงกา เลิกสนใจพวกชาวบ้านแล้วล่ะค่ะ สามีขา”
หาญยกมือดุจปางห้ามญาติ
“อนุโมทนาๆ”
มัทนีมองพ่อ-แม่ ยิ้มสุขใจ

วันต่อมาที่บ้านอาทิตย์ซึ่งเป็น เรือนไทยใหญ่อลังการ อาทิตย์ในชุดนอนผ้าลายทางสีน้ำเงินหรือเทาขาว หล่อๆ เดินประคองถ้วยมักดินเผาขนาดใหญ่ ดื่มนมมาในห้องรับแขก ที่ตั่งกลางห้องรับแขกที่ตกแต่งดุจสปา คุณนายลิ้นจี่ ที่แต่งชุดแนวเอเชียๆ ประมาณสไตล์อิซเซกำลังยืนคุมเด็กสาว 2 คน ที่คนนึงนอนคว่ำให้นวด อีกคนทำหน้าที่หมอนวด
“เอานิ้วหัวแม่มือรีดๆๆ ไล่ไปเป็นแนวโค้ง รีดแรงๆ ใช้ส้นมือเป็นฐาน วางฐานให้มั่นคง ใช่ๆ อย่างนั้นแหละ เอ้าทั้งสองมือให้สมดุลกัน แล้วกดหัวแม่มือลงไป ไล่ลงไป แรงๆ แรงๆ ดุดันหน่อย”
อาทิตย์มายืนดูข้างๆ ช่วยแนะนำ
“กดแรงๆ หาแนวกล้ามเนื้อให้เจอ แล้วกด อย่ากลัวลูกค้าเจ็บ ต้องลงน้ำหนักให้เต็มที่ ไม่งั้นลูกค้าจะรู้สึกจั๊กจี้แล้วก็จะคิดว่าเราไม่เก่งจริง เราต้องมั่นใจ หนักแน่น กล้าๆ อย่างมืออาชีพ”
ลิ้นจี่หันมามอง
“เพิ่งตื่นหรือ นายอาทิตย์ เมื่อคืนคงหนักล่ะสิ นี่จะบ่ายแล้วเพิ่งกินอาหารเช้า”
“แม่ก็ทำงานไม่พักไม่ผ่อนบ้างล่ะครับ นี่วันหยุดนะแทนที่จะนั่งเล่นนอนเล่น นี่อะไร เอางานมาทำที่บ้านไม่ว่างไม่เว้น”
“จะว่างเว้นได้ยังไง สปาของเราจะเปิดเดือนหน้าแล้ว ยังไม่พร้อมซักกะอย่าง”
“ใจเย็นๆ สิครับคุณนายลิ้นจี่ ผมบอกแล้วไงว่ารับรอง ทัน! ทุกอย่างจะพร้อมเมื่อถึงเวลา แม่ควรจะปล่อยวางซะบ้าง มีลูกช่วยอยู่ทั้งคน แม่กลัวอะไรเหรอครับ”
“จ้า พ่อคุณ พ่อมหาจำเริญ พ่อเดอะสตาร์ของแม่ แล้ววันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่าล่ะ”
อาทิตย์ยักไหล่ ดื่มนมจนปากเลอะ แล้วเดินหนีไปห้องอาหาร
“ยังไม่ทราบเลยอ่ะครับ”
ลิ้นจี่มองตามค้อนๆ

อาทิตย์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร วางถ้วยนมลง หยิบปาท่องโก๋มาจิ้มนมข้นแล้วกำลังจะเอาใส่ปาก ลิ้นจี่เดินตามเข้ามา
“เดี๋ยวตอนบ่ายสาม จะมีผู้หญิงมาให้ลูกดูตัว”
อาทิตย์ชะงักกึก วางปาท่องโก๋ลง หยุดกิน เอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดๆๆ
“ไม่เอานะครับคุณแม่”
“ไม่เอาอะไร”
“ไม่เอาผู้หญิง”
“อะไรนะ”
อาทิตย์เช็ดมือวุ่นวาย อย่างหงุดหงิด
“ผมหมายความว่า ผมจะไม่ดูตัวใครทั้งนั้น ผมจะไม่แต่งงานๆๆๆ เราพูดกันมาพันหนแล้ว นี่คุณแม่ยังยอมไม่เข้าใจผมอีก”
“ชั้นแก่แล้ว ชั้นต้องการเห็นเธอเป็นฝั่งเป็นฝา มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองมารับมรดกของชั้น เราจะรวยไปทำไมหรืออาทิตย์ แม่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีมากมายไปทำไม ถ้าแม่ปราศจากทายาท มาสืบทอดกิจการและดูแลอาณาจักรคุณนายลิ้นจี่”
“ผมจะไม่มีวันแต่งงาน ตราบใดที่ผมยังไม่รู้สึกเพียงพอที่จะสนุกคึกคะนองกับการใช้ชีวิตวัยหนุ่มให้คุ้มค่า ผมยังไม่จบชีวิตเสเพล ผมยังไม่อิ่มกับการชิมและชมหญิงงามในแผ่นดินที่มีอยู่มากมาย รอให้ผมไปค้นหา”
“แล้วเมื่อไหร่แกจะพอ”
“อย่างน้อยก็อีก 20 ปี ตอนอายุ 40 กว่าๆ”
“จะบ้าเหรอ อีก 20 ปี ฉันก็ 60 กว่า อาจจะตายไปแล้วก็ได้ โดยไม่เคยได้เห็นหลานย่ากับเขาซักคน”
“โห คุณแม่คร้าบ คุณแม่ไม่แก่ไม่ตายง่ายๆ หรอก นี่อายุ 40 กว่า คุณแม่ก็ยังสวยยังกะอายุเพิ่ง 20 เศษๆ เองคุณแม่ไปไหนกะผม มีใครเขาคิดว่าเป็นแม่ลูกกันบ้าง คุณแม่สวยแบบนี้ ใครๆ เค้ายังคิดว่าเราเป็นพี่น้อง หรือเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ คุณแม่สาวกว่ามาดอนน่า สาวกว่าเดมี่ มัวร์ สวยกว่าแคธเธอรีน ซีต้า โจน”
“หยุดเลย นายอาทิตย์ ชั้นจะไม่ทน ดูแกเที่ยวทำตัวเป็นพ่อไก่แจ้ ควงแม่พวกชะนีแรดๆ อีกต่อไป”
“โห ปากร้ายอ่ะ ตกลงจะให้พวกน้องๆ เค้าเป็นชะนีหรือแรดกันแน่เนี่ย คุณแม่ คุณแม่จะให้ลูกรีบแต่งงานเพื่อที่จะเป็นผู้ชายที่นอกใจเมียตลอดเวลาหรือครับ ในเมื่อลูกยังไม่หยุด”
“ลูกจะหยุด ถ้าลูกได้เจอกะคนที่ใช่ และหนูยุพาพร ลูกสาวคุณหญิงยุพดีกับท่านสิโรจน์ เลขาธิการพรรคประชาภิบาลที่จะมาวันนี้แหละ ความสวย น่ารัก เรียบร้อย อ่อนหวานของเธอ จะทำให้ลูกได้รู้จักกับรักแท้”

ลิ้นจี่บอกอย่างมั่นใจมาก ส่วนอาทิตย์เซ็งสุดๆ

อ่านต่อหน้า 4

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 1 (ต่อ)

อาทิตย์ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหงายมองเพดาน

“คนที่ใช่เหรอ” อาทิตย์กลิ้งตัวไปมา “คนที่ใช่เหรอ” อาทิตย์นอนคว่ำ แล้วชะงักไปนิด นึกแผนได้ เงยหน้ามา
“คนที่ใช่” อาทิตย์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ใช่ไหม ได้ จัดไป”

ยุพาพรสาวสวย หวาน หุ่นดี ในชุดกระโปรงสีชมพูกำลังเดินชมดอกไม้งามในสวนบ้านอาทิตย์อย่างเพลินใจ
ที่โต๊ะนั่งเล่น ปูผ้าลินินไฮโซ ตั้งชุดน้ำชา ขนม ผลไม้ ลิ้นจี่ คุณหญิงยุพดีในชุดลูกไม้ ท่านเลขาธิการในชุดสูทโก้ นั่งดื่มชากันอยู่ มีพนักงานสาวสวยคนนึงทำหน้าที่เสิร์ฟ
“น้องยุพาภรณ์นี่ ท่าทางรักธรรมชาติ ชอบดอกไม้ ต้นไม้ ใบหญ้านะคะ”
คุณหญิงยุพดีหัวเราะคิกๆ
“ลูกสาวดิฉัน เป็นเด็กที่สง่างาม อ่อนไหวและสุนทรีย์ค่ะ ชอบวาดรูป เขียนบทกวี แล้วก็ทำกับข้าว”
“สเป็คอิฉันมากเลยค่า คุณหญิง”
ทุกคนหัวเราะกัน
“แล้วพ่ออาทิตย์ล่ะคะ ชอบทำอะไรบ้าง”
“อู๊ย ลูกอาทิตย์เหรอคะ” ลิ้นจี่หัวเราะ “จะชอบทำอะไรล่ะคะ นอกจากชอบทำงาน ลูกอาทิตย์นี่ล่ะค่ะ คือกำลังสำคัญของดิฉัน ทันทีที่แกจบมาจากอังกฤษ แกก็กลับมาดูแลการตลาดให้กับบริษัทคุณนายลิ้นจี่อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย ช่วยปรับปรุงด้านการโฆษณา พัฒนาแบรนด์และแพคเกจให้อินเทรนด์อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในทุกวันนี้ล่ะค่า
ท่าน เป็นคนหนุ่มที่น่ายกย่องมากเลยนะครับ ทุกวันนี้ คนที่ทำงานในกิจการของครอบครัวตัวเอง ผมเห็นแต่พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ อาศัยกินกงสีไปวันๆ เพราะขืนไปสมัครงานที่อื่นก็คงไม่มีใครรับ เพราะทำงานไม่เป็น”
ทุกคนหัวเราะ พนักงานสาวสวยอีกคน เข้ามานั่งคุกเข่า
“คุณอาทิตย์มาแล้วค่ะ”
“ดีมาก ขอบใจนะ ระเบียบ” พนักงานยิ้ม แล้วลุกไป ลิ้นจี่หันไปเรียก “หนูยุพาพรขา พี่อาทิตย์มาแล้วลูก”
“ค่ะ คุณน้าลิ้นจี่” ยุพาพรเดินกลับมา ในมือถือดอกไม้เล็กๆ มาด้วย “คุณน้าขา นี่หนูไม่ได้เก็บจากต้นนะคะ พอดีมันร่วงลงมา ฮ้อมหอมค่ะ”
“อุ๊ย ถ้าหนูชอบก็เด็ดจากต้นตามสบายเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ ดอกไม้งาม ย่อมคู่กับสาวสวยอยู่แล้วนี่จ๊ะ”
ยุพาพรกระพุ่มมือไหว้ชดช้อย
“ขอบพระคุณค่ะ”
“พ่ออาทิตย์โตแล้ว จะเป็นยังไงนะ เคยเห็นตอนเด็กๆ สมัยใส่เครื่องแบบเด็กสาธิตฯ วิ่งซนเป็นที่สุด โตแล้วจะยังซนอยู่หรือเปล่า”
“อู๊ย ลูกอาทิตย์ไม่ซนแล้วค่า โตแล้ว เรียบร้อยเป็นการเป็นงาน” ลิ้นจี่หันไป แล้วชะงัก ถ้วยชาแทบร่วง
ทุกคนหันไป แล้วอึ้งเมื่อเห็นอาทิตย์ ใส่เสื้อกล้ามคอวีสีดำรัดติ้ว กับกางเกงขาลีบ สี่ส่วน เนื้อผ้าแวววาว ทำผมเนี้ยบ เดินตูดบิดซ้ายขวา อกแอ่นมา ยกข้อมือกวัดไกว หักไปหักมา
“นายอาทิตย์”
อาทิตย์พนมมือ ไหว้ย่อขา ยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ คุณป้าหญิงยุพดี คุณลุงสิโรจน์ น้องยุพาพร แหม น้องยุพาพรสวยจัง ทำคางร้านไหนมาเหรอครับลงตั๊ว ลงตัว เข้ากะจมูกเป๊ะเลย ทำกับคุณหมอคิมที่เกาหลี ที่ร้านเดียวกะที่พี่ทำมาหรือเปล่าเอ่ย พี่เพิ่งไปทำตามา” อาทิตย์กระพริบถี่ๆ ให้ดู “มองไม่ออกเลย ใช่ไหมครับ แหมๆๆ ณิชคุณก็ทำกะคุณหมอเดียวกันกะเรานี่แหละ คิๆๆ” อาทิตย์เข้ามานั่งกระแซะข้างท่านเลขาฯ “โอโห คุณลุง ไม่เจอตั้งนานยังแน่นตึงเหมือนเดิมเลยนะครับ” อาทิตย์เอามือบีบกล้าม กดๆ ที่หน้าอก “หืม ไหล่เป็นไหล่ อกเป็นอก แขนเป็นแขน น่าอิจฉาคุณป้าจังเลยครับ” อาทิตย์กระพริบตาถี่ๆ
ทุกคนซีด ผงะ
ลิ้นจี่ตาถลน แทบลุกเป็นไฟ อาทิตย์โปรยยิ้มหวานไปทั่วๆ

ที่หนังสือพิมพ์รายวัน หน้ากลางที่เป็นข่าวสังคม มีภาพสี รูปจำเนียรตอนไปพูดในงานของมูลนิธิ
“เป็นไงจ๊ะ มัท เอกเขียนสกู๊ปหน้าสตรี ใช้ได้ไหม”
เอกชเยศร์ถามมัทนี
“เอกเก่งมากค่ะ ดูสิ ทั้งเขียนเรื่อง ทั้งถ่ายรูป รูปคุณแม่ก็สวยมากเลย”
“พ่อเอกนี่น่ารักจริงๆ เป็นผู้ชายที่ทำงานเพื่อผู้หญิง”
“สตรี เสมอภาค สร้างสรรค์ คือคำขวัญประจำใจของผมครับ คุณอา”
จำเนียรหยิบหนังสือพิมพ์มา
“เดี๋ยวอาเอาไปอวดคุณอาผู้ชายก่อนนะ พ่อเอกก็คุยกะยัยมัทตามสบาย หรือจะพากันไปเดินเล่นที่ห้าง ดูหนัง ช้อปปิ้งอะไรก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจนะจ๊ะ ฮิๆๆ” มุมนึงหาญกำลังนั่งส่องพระอยู่ “คุณคะๆ ดูนี่สิ รูปอิฉัน สวยไหม”
หาญชะโงกมาดู
“ฮื้อ ความสวยภายนอกมันก็ยังงั้นยังงั้นล่ะนะ แม่จำเนียร สังขารมันไม่เที่ยงหรอก สำคัญที่ความงามของจิตใจ ที่แม่จำเนียรมีแต่จะสวยขึ้นๆ ทุกๆ วันตะหาก”
“วุ้ย เจ้าคารมนักนะคะ ก็สวยขึ้นหล่อขึ้นด้วยกันทั้งสองคนนั่นแหละ”
“ผมดูดีขึ้นจริงๆ เหรอ” หาญปลื้ม
“เป็นอะไรคะ อิฉันหมายถึงเจ้าท่วมทุ่งนี่ค่ะ ที่ยิ่งนานวันยิ่งหล่อน่ารัก จนอิฉันแทบจำวันแรกที่มันหนีตายจากน้ำท่วมมาขออาศัยบ้านเราไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ”
“ตลอด หมามาก่อนสามีตลอด”
จำเนียรขยับใกล้ กระซิบ บุ้ยไปทางหนุ่มสาว
“เอ้อ คุณๆ คงอีกไม่นานแล้วนะคะ คู่นั้นน่ะ”
หาญมองลอดแว่นไป
“ใช่ๆๆ คนเรา ก็คงมีอายุขัยกันไม่ถึง 100 ปีหรอก เกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา”
“ว้าย ไม่ใช่ค่ะคุณ อิฉันหมายความว่า 2 คนนั้นเค้าน่าจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ เพราะดูๆ ไป ก็มองไม่เห็นใคร สมกะยัยมัทเท่ากับนายเอกอีกแล้ว”
“อือ ยัยมัทของเรา ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องแต่งงานกะใครเลยก็ดี ลูกคนเดียว พ่อเลี้ยงได้”
“อะไร้ คุณหวงลูกสาวหรือคะ”
“ก็ไม่ได้หวง แต่ชั้นไม่เห็นว่ายัยมัทจะเห็นนายเอกเป็นอะไรไปได้ นอกจากเพื่อน”
“อือ นายเอก ถ้าจะมีข้อเสียก็มีอยู่เรื่องเดียวแหละค่ะ คือจนไปหน่อย”
“ยากดีมีจน สำหรับชั้นมันไม่สำคัญหรอก ถ้าเขาเป็นคู่ตุนาหงันกันมา หากเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน รักกันจริง ชั้นก็ไม่หวงห้าม แต่นี่ลูกเรามันไม่รักใครหรอก คุณเชื่อสิซึ่งผมก็ว่าดี ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ยัยมัทไม่มีรักจะได้ไม่ต้องมีทุกข์ไง”
“แหมๆ แต่ฉันก็ยังอยากเห็นลูกแต่งชุดวิวาห์นะคะ ไม่ได้อยากเห็นลูกเป็นแม่ชี” จำเนียรค้อนขวับแล้วกุมคอตัวเอง “โอ๊ย อูยๆๆ แย่แล้วๆๆ โอ๊ยๆๆ”
หาญตกใจ มัทนีได้ยิน หันมาดู แล้วตกใจ รีบวิ่งมา
“คุณแม่ เส้นพลิกอีกแล้วหรือคะ”
“โอ๊ย สงสัยจะเป็นอีกแล้วลูก ทำไงดีๆ”
“ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหมครับ จะให้ผมโทรเรียกรถพยาบาลไหมมัท”
“ไม่เอา ไม่ไปโรงพยาบาล ไปหาหมอนวดร้านปากซอยดีกว่า แกเคยจับเส้นแม่หายมาหลายครั้งแล้ว โอยๆนามบัตร นามบัตรร้านนวดหมอณรงค์อยู่ในสมุดจดเบอร์ในลิ้นชักตรงโทรศัพท์น่ะลูก เร็วๆๆ รีบโทรจองคิวให้แม่เดี๋ยวนี้เลย โอยๆ”

มัทนีรีบไปเปิดลิ้นชักหา

มัทนีกดปุ่มโทรศัพท์บ้าน มีเอกชเยศร์คอยอ่านนามบัตร

“02-255-11...”
“เดี๋ยวๆ จ้ะเอก ช้าๆ 255...”
จำเนียรนั่งคอเบี้ยวเอียง ลุ้นอยู่ข้างๆ ทันใดโทรศัพท์มือถือของหาญสั่นๆๆ หาญสะดุ้ง หยิบมาดูแล้วหน้าพิรุธ มองไปทางเมียและลูก ไม่มีใครสนใจ
“ร้านนวดคุณหมอณรงค์ใช่ไหมคะ ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมอณรงค์อยู่ไหมคะ”
หาญค่อยๆทำเนียน เดินเลี่ยงๆ ออกมา ท่วมทุ่งนั่งมองตามหาญไป
“ฮัลโหล พี่หาญพูด น้องนก น้องนกจริงๆ หรือคะเนี่ย ว้าว พี่ฮ้านนี้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าน้องนกจะโทรมาหาพี่ฮ้านนี้จริงๆ” หาญกระซิบกระซาบ เนื้อเต้น

ลิ้นจี่ดึงหูอาทิตย์เข้ามา
“นังอาทิตย์ นังลูกชั่ว หนอย...เด็กบ้า แกคิดได้ไง แกทำแบบนี้ได้ไง ไม่รู้จักอับจักอาย ไม่รู้จักกลัวเสียลุ้ค เสียชื่อเสียเสียง”
“โอ๊ย คุณแม่ขา หนูกลัวแล้วหนูเจ็บแล้ว แอร๊ยยย”
“พอแล้ว”
ลิ้นจี่เหวี่ยงอาทิตย์ให้ล้มลงที่โซฟาห้องรับแขก
“โห่ว แม่ค้าบ แม่ไม่รู้จักมีอารมณ์ขันซะบ้างเลย ผมว่าตะกี๊ตลกดีออก ก๊าก ท่านเลขาธิการพรรคถึงกับช็อกไปเลย หรือท่านจะแอบปิ๊งผม ฮ่าๆๆ คุณหญิงยุพดีก็หน้าซีดยังกับไก่ต้ม แต่ขำน้องยุพาพรที่สุด ฮามาก รีบขอกลับบ้านอย่างเร็ว โห ไม่ได้เป็นแฟนกะเรา คบกะเราเป็นเพื่อนสาวก็ไม่ได้ ใจแคบว่ะ”
“อาทิตย์ ลูกไม่เสียดายเหรอ ลูกไม่เห็นเหรอ ว่าน้องเค้าสวยน่ารักขนาดไหน”
“โทษที แบบนี้ไม่เป๊กคับ”
“ใช่สิ เด็กดีๆ ทำตัวว่าง่ายอยู่ในโอวาทพ่อแม่ แกไม่ชอบ ชอบแต่พวกก๋ากั่น รักสนุก ถึงอกถึงใจ ไหนถึงกันล่ะสิ”
“ถูกกก เพราะฉะนั้น ผมขอความกรุณาคุณแม่สุดที่รักไว้ณ.ที่นี้เลย ว่าเลิกคิดจับคู่ผมกับบรรดาเด็กดีๆ น่ารักๆ เรียบร้อยๆ ที่คุณแม่ชอบ เลิกจัดพิธีการดูตัว หรือนัดบอดใดๆ รวมทั้งไม่ต้องทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ผมทั้งสิ้น เพราะมันไม่มีวันได้ผล”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์อาทิตย์ดัง อาทิตย์หยิบโทรศัพท์มาดู แล้วทำหน้างง
“เบอร์ใครหว่า”
อาทิตย์หันมา เห็นแม่มองมาขวางๆ ยกมือไหว้แม่ แล้วเดินลอยชาย หันมา หลิ่วตา แล้วทำเป็นเดินตูดบิดแกล้งแม่ ไปที่ห้องนอน
“ไอ้ลูกบ้า ชั้นขอแช่งแก ฉันจะสาปแก ให้แกไปเจอผู้หญิงดีๆ ที่เขาจะทำให้แกปีกหัก เขี้ยวบิ่น เล็บกุด ขอให้แกซมซาน ทรมาน อกหัก กราบกรานขอความรักเขาแทบเท้าปะหลกๆๆ เขาก็ไม่เอาแก” ลิ้นจี่ทำมือแบบแม่มดปล่อยคาถา

หาญเดินพูดกระซิบกระซาบที่สนาม
“คุณอาทิตย์ นี่ผมเองนะครับ หาญ คนที่สวมเสื้อผ้าสลับกะคุณที่ผับ”
อาทิตย์นอนลงบนเตียง
“อ๋อ คุณลุง เอ๊ย คุณพี่นั่นเอง เป็นไงครับ กลับบ้านไปแล้ว โดนเจ๊แกจับได้หรือเปล่า”
“เฮ่ย มือชั้นนี้มีรึที่ใครจะจับได้ไล่ทัน คืองี้ครับ คุณอาทิตย์ ผมอยากจะขอความกรุณา คุณช่วยเอาเสื้อผ้าของผมมาคืนหน่อยได้ไหมครับ จะได้เอามาแลกกันไง เสื้อผ้าคุณน่ะ ของแพงๆ แบรนด์เนมทั้งนั้น”
“อ๋อ ได้ครับ เมื่อไหร่ดีล่ะ”
“วันนี้เลยได้ไหม ผมจะเอาไปส่งซักแห้ง เพราะผมมีนัดกะเด็ก”
“ว้าว ชุดนี้ของคุณพี่ คือชุดหลอกเด็กหรือครับ”
“ใช่ กว่าผมจะหาชุดที่เหมาะกะบุคลิกตัวเองได้ขนาดนี้ มันไม่ง่ายนะครับ แล้วพอซื้อมาก็ต้องซุกต้องซ่อนจากสายตาครอบครัว ก็เลยมีหลายชุดไม่ได้ มันจำเป็นที่จะต้องมีแค่ชุดเดียว จะได้เก็บแอบได้ง่าย”
“ผมเข้าใจครับ จะให้เอาไปให้กี่โมงล่ะ”
หาญดูนาฬิกา แล้วลังเล
“เอ้อ อ้า” พอดีมัทนีเดินออกมากับเอกชเยศร์ “ลูกมัทๆ แม่เขานัดหมอนวดได้กี่โมงลูก”
“สามโมงค่ะ คุณพ่อขาเอกจะกลับแล้วค่ะ”
เอกชเยศร์ไหว้ลาหาญ
“ผมมีนัดสัมภาษณ์น่ะครับ คุณอา เดี๋ยวตอนเย็น ต้องไปพบกับภริยาท่านนายกฯ เกี่ยวกับเรื่องบทบาทของคู่ชีวิตผู้นำ”
“เออๆๆ จะไปไหนก็ไปเถอะพ่อคุณ” หาญโบกมือไล่ แล้วรีบหันหลังให้ กระซิบกระซาบกับอาทิตย์ทางโทรศัพท์ “นี่ๆๆ คุณอาทิตย์ สามโมงยามปลอด คุณมาได้ ไม่มีใครอยู่บ้าน” หาญหันกลับมาเจอท่วมทุ่งนั่งจ้องอยู่ หาญยักคิ้วกวนตีนใส่ “เจอกันนะ”
“สามโมง” อาทิตย์ดูนาฬิกา “ได้ครับ ไม่มีปัญหา เอ้อ บอกที่อยู่คุณพี่มาเลยครับ”
ระหว่างที่หาญกระซิบกับโทรศัพท์ในสนาม มัทนีเดินมาส่งเอกชเยศร์หน้าบ้าน เรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดี เอกชเยศร์ขึ้นแท็กซี่ มัทนีบ๊ายบายเอกชเยศร์ ต่างยิ้มหวานใส่กัน

เหน่ง โหน่งกุลีกุจอ ช่วยกันจัดของว่างคนละไม้ละมือ เหน่งเอาพวกถั่วต่างๆ ในซองเทลงจานแก้วเล็กๆ
โหน่งกำลังทำยำอะไรบางอย่าง หาญเดินเข้ามา เปิดตู้เย็น ก้มๆ เงยๆ เช็กที่ตู้เย็น
“เครื่องดื่มที่คุณผู้ชายสั่งให้แช่ หนูเอาแช่ในช่องฟรี๊ซแล้วค่ะ จะได้เย็นเร็วๆ”
“ดีมาก แล้วนั่นยำอะไร”
“ยำสามกรอบค่ะ คุณผู้ชาย ทำน้ำยำไว้ก่อน เดี๋ยวแขกมาถึง หนูค่อยเอาผสมกัน”
“แขกของคุณผู้ชายเป็นใครหรือคะ สงสัยจะเป็นคนสำคัญมาก เป็นนายทหารใหญ่หรือคะ”
“แกจะมาถามทำไม”
“เปล่าค่ะก็ร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็นคุณผู้ชายมีแขกมาหา”
“นั่นน่ะสิคะ หนูยังนึกว่าคุณผู้ชายไม่มีใครคบซะอีก”
หาญถลึงตาใส่ทั้งสอง ทั้งสองก้ม จ๋อย มัทนีเดินเข้ามา มองทุกคนงงๆ
“ทำอะไรกัน เหน่ง โหน่ง มีอะไรหรือคะคุณพ่อ”
“เปล่าๆๆ อ้าว ยัยมัท นี่ก็จะสามโมงแล้ว หนูยังไม่พาคุณแม่ไปร้านนวดหมอณรงค์อีกเหรอ ไปกันได้แล้ว พากันไปนวดให้สบายๆ เลย ทั้งหนู ทั้งคุณแม่เลยนะยัยมัท พ่อจะอยู่โยงเฝ้าบ้านให้เอง”
“อ๋อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณพ่อ หมอณรงค์เค้าจะส่งหมอนวดคนที่เก่งที่สุดมานวดคุณแม่ที่บ้านเลยค่ะ เป็นบริการสำหรับคนที่ไม่อยากไปใช้ที่นอนนวดปะปนกับคนอื่นๆ หรือคนป่วยคนชรา เราไม่ต้องออกไปที่ร้านกันหรอกค่ะ แต่ให้หมอมาหาเราเอง”
“อะไรนะ” หาญหน้าซีด

ท่วมทุ่งเดินเริดๆ มาตรงหน้าหาญ ส่ายหางดิ๊กๆๆ เหมือนจะเยาะเย้ยยิ้มกวนคืน หาญหมั่นเขี้ยว

อาทิตย์แต่งตัวลำลองขี่รถมอเซอร์ไซค์มาอย่างเท่ สวมหมวกกันน็อกเรียบร้อย มีเป้ใส่ของแบบหรูคาดสะพายหลังมา พอมาถึงหน้าบ้านหาญ อาทิตย์จอดรถ ถอดหมวกกันน็อกมาถือ มองบ้านเลขที่ให้แน่ใจ แล้วเข้ามากดกริ่ง

หาญสะดุ้งจากเสียงกริ่ง วิ่งมาดูนาฬิกา นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามตรง มัทนีประคองจำเนียรที่เดินคอเอียงมาที่ห้องรับแขก
“เหน่ง คุณหมอมาแล้ว ไปเปิดประตูรับคุณหมอซิ โหน่งจัดที่นวดมาปูตรงนี้หน่อยเร็ว ปูให้ลูกท่วมทุ่งด้วยตรงหน้าทีวีเนี่ย”
หาญละล้าละลัง
“อย่า ไม่ได้”
มัทนี จำเนียรหันมา มองหาญงงๆ
“ทำไมคะ คุณ”
“ไม่ได้ ไม่ดีหรอก การนวดที่ถูกต้อง ไม่ควรอยู่ในสถานที่ปิดแคบ แล้วเปิดแอร์หรือพัดลมให้โกรกใส่ร่างกาย แต่ควรไปนวดที่ ที่ ระเบียงหลังบ้าน เพราะตรงนั้นทิศทางลมดี เป็นที่เปิดโล่ง อากาศธรรมชาติ” เสียงกริ่งดังอีก หาญสะดุ้ง “เย้ย ไปๆ ไปเร็วๆ” โหน่งหอบที่นอนบางกับเสื่อและหมอนมา ทำท่าจะปูตรงนั้น “ไปๆ ไปปูที่ระเบียงหลังบ้านไป โห ขืนนวดตรงนี้ แทนที่จะเป็นผลดี กลับเป็นผลร้ายด้วยซ้ำ ดูซิ ตรงนี้เต็มไปด้วยทีวี เครื่องไฟฟ้าต่างๆ นานา ส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมารบกวนคลื่นสมองของเราอีก ยิ่งนวดก็จะยิ่งปวดนะ โดยเฉพาะสมองหมาที่เปราะบางกว่าเรามาก อาจจะกลายเป็นเอ๋อ ติงต๊องได้ จะบอกให้”
“จริงด้วย ต๊าย คุณนี่มีเหตุผลจริงๆ ไปลูกมัท ท่วมทุ่ง เราไปหลังบ้านกัน เร็วโหน่ง ไปปูให้ฉันเร้ว”
“ไปค่ะ คุณแม่ โชคดีจังนะคะ ที่คุณพ่อเก่ง ถ้าคุณพ่อไม่บอก หนูก็ไม่ทราบหรอกนะคะ”
เสียงกริ่งดังถี่ๆๆ เหน่งวิ่งจะออกไป
“เหน่งๆๆ แล้วแกรีบพาคุณหมอนวดเค้าเดินผ่านสนาม ไปที่ระเบียงหลังบ้านเลยนะ ไม่ต้องพามาผ่านในบ้าน เพราะเดี๋ยวชั้นจะใช้ห้องนี้รับแขกคนสำคัญ ที่ชั้นมีธุระสำคัญ ต้องคุยกันแบบเป็นความลับเข้าใจไหม”
“ค่ะๆๆ” เหน่งรีบไป

อาทิตย์ยืนชะเง้อ ชะแง้ รอๆ พลางปลดเป้จากหลังลงมาสะพายแขน เหน่งมาเปิดประตู เห็นอาทิตย์ มองๆ นึกว่าเป็นหมอนวด
“หมอเอารถเข้ามาข้างในเลยสิคะ จอดตรงนี้ก็ได้”
“อ๋อ ไม่ต้องครับ ผมแค่จะฝากของ” อาทิตย์ทำท่าจะเปิดเป้ เพื่อหยิบของ เหน่งรีบดึงเป้มาถือให้
“เร็วสิคะ ท่านรอคุณหมอตั้งนานแล้ว รีบเอารถเข้ามาจอดสิคะ”
“คุณหมอ คุณหมออะไร”
“อ้าว ก็คุณนั่นแหละ ทำงง จะเข้ามาหรือไม่เข้าคะเนี่ย”
“แต่ว่า เอ้อ โอเค ก็ได้ๆ” อาทิตย์เอารถเข้ามาจอดในบ้าน เหน่งรีบปิดประตูให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
“เชิญค่ะ ทางนี้เลย คุณนายท่านปวดเต็มทีแล้ว”
“อะไรนะ ใคร ปวดอะไร”
“คุณนายท่านปวดคอมากเลยค่ะ คุณหมอช่วยทีเถอะ ทางนี้ค่ะ ทางนี้ เดินมาด้านข้างตึกนี่เลยค่ะ คุณนายกะคุณหนูรอคุณหมออยู่ที่ระเบียงหลังบ้านค่ะ เชิญตามมาเลยค่ะ”

อาทิตย์งงๆ มึนๆ แต่ก็ตามไป

ที่ระเบียงหลังบ้าน โหน่งกับมัทนีช่วยกันปูที่นอนให้จำเนียรจนเสร็จ

“แม่นอนเลยค่ะ นอนคว่ำ ดีไหมคะ” มัทนีเข้าประคองแม่
“โอย โอย เจ็บๆ เบาๆ ลูก”
“อือ เดี๋ยวหนูไปเอาครีมของคุณแม่มาให้หมอเค้าด้วยดีกว่า มันเป็นครีมคลายกล้ามเนื้อ เผื่อจะช่วยอีกแรง”
มัทนีเดินเข้าบ้าน เหน่งพาอาทิตย์มาถึงพอดี จำเนียรนอนอยู่แล้ว ท่วมทุ่งนอนในท่ารอนวดอยู่ข้างๆ
“อ้าว แล้วไหน คุณ เอ้อ คุณหาญล่ะ ผมมาหาคุณหาญนะ ไม่ใช่ เอ้อ”
จำเนียรนอนคว่ำ หันหน้าเอียงไปอีกทาง ไม่ได้หันมาดู
“คุณผู้ชายท่านไม่ได้เจ็บ ชั้นสิที่เจ็บ หมอช่วยดูให้ทีเถอะ”
“เชิญค่ะ”
“คอชั้นมันแข็งค้างแบบนี้นี่ล่ะค่ะ หันไปหันมาก็ไม่ได้ มันเป็นที่เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ หรืออะไรกันแน่คะคุณหมอ”
อาทิตย์มองๆ แล้วเข้าไปดู เอามือจิ้มๆ
“ตรงนี้หรือครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ สูงขึ้นไปอีก ตรงต้นคอเลย”
อาทิตย์จับเต็มมือขึ้น
“ตรงนี้ ใช่ไหมครับ”
“ตรงนั้นเลยค่ะ ใช่ๆๆ เลย”
อาทิตย์จับเส้น
“โอ้โฮ เส้นตึงแข็งเลยครับ สู้มือด้วย”
“โอ๊ย เบาๆ ค่ะคุณหมอ เจ็บๆๆ”
“อ๋อ ผมรู้แล้ว คุณนายอย่าฝืนนะครับ เอ้า หายใจเข้าลึกๆ นะครับ แล้วหายใจออกครับ ทำตัวสบายๆ นะครับเอาล่ะ นึง ส่อง ซ่ำ” อาทิตย์กด ย้ำ นวด แล้วบิดกร๊อบ
“อ๊ากกก”
ท่วมทุ่งได้ยินเสียงร้องลั่น ตกใจ กระเด้งลุกมานั่งจ้องตาแป๋ว สยอง
“เอาล่ะ น่าจะหายแล้วนะครับ คุณนายลองขยับคอดูสิครับ”
จำเนียรนิ่งสักพัก หลับตา ลองหันไปหันมา
“เอ๊ะ อ๊ะ หายแล้วๆ คุณหมอทำได้ยังไงคะ ทำไมมันหายเป็นปลิดทิ้งแบบนี้ล่ะ” จำเนียรหันมาเห็นหน้าอาทิตย์ แล้วชะงัก “เอ๊ะ”
จำเนียรลุกขึ้นนั่ง เขม้นมองหน้าอาทิตย์ อาทิตย์ไหว้ แล้วยิ้มอย่างกันเอง
“สวัสดีครับ คุณนาย”
“เอ ชั้นทำไมคุ้นหน้าหมอจัง ยังกะเคยเห็นที่ไหน”
“เหรอครับ คุณนายลองนึกดูดีๆ สิครับ”
“นึกไม่ออก จำไม่ได้ สงสัยก็คงเคยเห็นที่ร้านนวดนั่นแหละ คุณหมอนี่เก่งกว่าหมอณรงค์อีกนะ ยังกะหมอนวดมือเทวดา” จำเนียรคลำๆ คอ “ดูสิ ตะกี๊เจ็บเหมือนจะเป็นจะตาย ตอนนี้สบายมากเลย คุณหมอนวดให้ทั้งตัวเลยได้ไหม ตรงสะบักฉันก็ปวดๆ ตรงกระเบนเหน็บก็หน่วงๆ คุณหมอช่วยดูหน่อยเถอะ อ่ะๆๆ”

จำเนียรนอนลงคว่ำใหม่ ท่าทางกระตือรือร้น อาทิตย์อึ้งๆ โหน่ง เหน่งรอดู ลุ้นๆ

อ่านต่อตอนที่ 2
ทางออกสำหรับความขัดแย้งในเมืองไทยเวลานี้
มีความเชื่อกันอย่างง่ายๆ และตื้นเขินว่า การชุมนุมเดินขบวนที่กำลังครอบคลุมเกาะกุมกรุงเทพฯก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งกำหนดเอาไว้ ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เป็นการปะทะกันระหว่างคนไทยชนบทผู้ยากไร้ กับชนชั้นกลางในเมือง แต่สาเหตุเบื้องลึกลงไปของความตึงเครียดคราวนี้ก็คือ การที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ล่วงละเมิดบรรทัดฐานทางสังคมของคนไทยอย่างโจ่งแจ้งอุกอาจ โดยที่เขาต้องการกินรวบเหมาขนมหวานหมดทั้งเข่ง ทั้งนี้เงื่อนไข 2 ประการที่จะทำให้ความปั่นป่วนวุ่นวายในปัจจุบันคลี่คลายไปได้ ได้แก่ ประการแรก การที่ทักษิณต้องลี้ภัยอยู่ในต่างแดนอย่างถาวร และตระกูลของเขาต้องสละตัดขาดจากอำนาจ ประการที่สอง ผู้ประกอบการทางการเมืองกลุ่มอื่นๆ ต้องนำเสนอนโยบายอันซื่อตรงไร้เล่ห์กล ในการยกระดับคนชนบท ขึ้นมาแข่งขันกับของทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น