xs
xsm
sm
md
lg

มาดามดัน ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาดามดัน ตอนที่ 9

เช้าวันใหม่ อาร์ทซ้อมฟิตกล้ามอยู่ที่ห้องออกกำลัง หนูดอกถือไอแพดเข้ามาถาม

“อาร์ท..เห็นข่าวนี่ยัง”
“ถ้าข่าวแก้วใสล่ะก็..อ่านเจอตั้งแต่เช้าแล้ว น่าสงสารแฟนคลับ แค่จะไปขอลายเซ็นต์ ดารา กลับถูกกระหน่ำซะต้องเข้าไอซียู” อาร์ทออกกำลังต่อ
“หึ..สมน้ำหน้ายัยแก้วใส.. แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าวัวสันหลังหวะ มีความผิดติดตัวเลยระแวงไปทั่ว คู่กรณีเขาก็ไม่ได้สนใจมันแล้ว แต่มันนั่นแหละที่จากนี้ไปจะใช้ชีวิตไม่มีความสุข”
พุชชี่เดินเข้ามา “อ้าว เน็กซ์ไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ”
“เมื่อกี้เห็นอยู่แถวสระว่ายน้ำค่ะมาดาม” หนูดอกบอก
พุชชี่พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป หนูดอกหันมามองอาร์ทที่กำลังฟิตกล้ามโชว์ซิกแพคก็เหล่มองสงสัย
“หมู่นี้ชั้นเห็นแกขยันฟิตจังเลยนะ”
“อ้าว....ถ้าไม่รักษาหุ่นแล้วงานจะเข้ามั้ย” อาร์ทสวน
“แต่ช่วงนี้ไม่มีงานที่ต้องโชว์ซิคแพคแกเลยนี่” หนูดอกหรี่ตามองอย่างสงสัย “ถามจริงๆเถอะ ไปแอบปิ๊งใครอยู่รึเปล่า”
อาร์ทชะงัก “สนใจเรื่องอื่นเถอะ..ไม่ต้องมาสนใจเรื่องชั้น”
อาร์ทปฏิเสธแล้วลุกเดินออกไป หนูดอกมองตามแล้วยิ้มขำที่ได้กวนอาร์ท
“แก่แล้วรีบหาเมียก็ดีนะอาร์ท จะได้มีลูกทันใช้” หนูดอกเปรย
หนูดอกเดินยิ้มๆ ตามออกไป

เน็กซ์เดินถือโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายพูดกับแม่แถวโต๊ะไม้กลมริมสระ
“ตอนนี้ผมหายดีแล้วครับแม่..ฝากบอกพ่อด้วยว่าผมสบายดี”
เสียงพุชชี่เรียก “เน็กซ์ เน็กซ์...”
เน็กซ์หันไปเพราะได้ยินเสียงเรียก “แค่นี้ก่อนนะครับแม่”
พุชชี่เดินออกมาทางห้องนั่งเล่นทันได้ยินเน็กซ์พูดจนถึงเน็กซ์วางสาย
“โทรคุยกับแม่เหรอ”
เน็กซ์พยักหน้ารับ “ป้ามีอะไรกับผมล่ะ วันนี้ว่างไม่ต้องออกไปไหนกับกัปตันเหรอ”
“อาทิตย์นี้พี่ติณเขามีบินย่ะ ส่วนเธอวันนี้ต้องออกไปกับชั้น”
“ไปไหนอีก.. ก็วันนี้พี่หนูดอกบอกว่ากองถ่ายละครขอคืนคิวผม”
“ไม่ต้องถามซอกแซกได้มั้ย ไปแต่งตัวดีๆ ผู้ใหญ่เขารอพบอยู่”
“ผู้ใหญ่ ?”
“ใช่...พี่อนุพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตสถานีโทรทัศน์ช่อง 2”
พุชชี่พูดไปก็ยิ้มไปเหมือนมีเรื่องที่น่าดีใจแต่ก็ยังไม่บอก
เน็กซ์สงสัย “มีอะไรที่ป้าควรจะบอกให้ผมรู้ก่อนจะไปเจอผู้ใหญ่มั้ย”
“ชั้นคิดว่าเป็นข่าวดี งานใหญ่กำลังจะชนโครมใส่เธอ แต่ยังไม่อยากพูดอะไรมาก รอให้เจอพี่อนุพงษ์แล้วยืนยันให้ชัวร์ดีกว่า”
“งานใหญ่...?”

อนุพงษ์พูดยืนยันกับเน็กซ์และพุชชี่
“ใช่..พี่อยากให้เน็กซ์มารับบทพระเอกละครเรื่องคุณหนูวุ่นวายกับคุณชายฉ่ำโบ๊ะ ละคร โปรเจคสำคัญฉลองครบรอบ 15 ปีของช่อง”
“จริงเหรอคะพี่อนุพงษ์” พัฒศรีรู้แว่วๆมาก่อนแล้วแต่ก็ถามให้ชัวร์
“พี่จะให้เธอพาเน็กซ์มาพบพี่ แล้วโกหกเรื่องสำคัญอย่างนี้เหรอพุชชี่”
“แหมพี่อนุพงษ์คะ..หนูตื่นเต้นดีใจแทนเน็กซ์ต่างหากค่ะ โปรเจคใหญ่บิ๊กบึ้มเป็นหน้าเป็นตาให้สถานีขนาดนี้ แต่พี่กลับเรียกใช้เน็กซ์ที่เพิ่งจะเข้าวงการมาไม่นาน”
“สำหรับพี่ใหม่เก่าไม่เกี่ยว..ถ้าเซ้นส์พี่บอกว่าเน็กซ์จะทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ พี่ก็ต้องเรียกมาคุย ว่าไงล่ะ..จะเซย์โนหรือเซย์เยส”
“ว๊าย...โอกาสดีๆอย่างนี้จะเซย์โนได้ยังไงคะพี่”
“เธอน่ะพี่รู้อยู่แล้วว่าจะตอบยังไง เน็กซ์ต่างหากที่พี่อยากฟังคำตอบจากปาก”
พุชชี่ชะงักหันไปมองเน็กซ์ที่ทำสีหน้าครุ่นคิด
“คงได้อ่านบทเรื่องนี้แล้วใช่มั้ยเน็กซ์”
“อ่านแล้วครับ สนุกมาก แต่ที่ผมอยากรู้ก็คือ ใครเล่นเป็นนางเอกครับ”
“เรื่องนางเอกน่ะเหรอ”
อนุพงษ์ยังไม่ทันจะตอบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
อนุพงษ์หันไปบอก “เข้ามา”
ประตูห้องเปิดเข้ามาโดยเลขา ตามด้วยเจ๊เมี่ยงที่พาแพตตี้เข้ามา
เจ๊เมี่ยงยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะพี่...” พุชชี่และเน็กซ์หันไปมองที่ประตู “แพตตี้..สวัสดีพี่อนุพงษ์สิจ๊ะ”
แพตตี้ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะพี่อนุพงษ์”
“สวัสดีจ้ะแพตตี้” อนุพงษ์พูดกับเน็กซ์ “นี่ไงนางเอกที่จะเล่นประกบคู่กับเน็กซ์.. รู้จักกันดีแล้วใช่มั้ย”
เน็กซ์ยิ้มๆ “ครับพี่”
พุชชี่ถึงกับตกใจจนหน้าเสียจึงลุกพรวดขึ้น
“แพตตี้ !! น่ะเหรอ นางเอก...”
เจ๊เมี่ยงโอบเอวแพตตี้แล้วยิ้มร้ายกวนๆใส่พุชชี่ประมาณว่าเซอร์ไพรซ์ใช่มั้ย
 
เน็กซ์หันมายิ้มให้แพตตี้เพราะลึกๆแล้วเขารู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับคนรู้จักทำให้ความเกร็งลดลง

เจ๊เมี่ยงส่องกระจกแล้วเอาแป้งในตลับมาตบๆ เช็คความสวยพร้อมรอยยิ้มชอบใจสุดฤทธิ์อยู่ในห้องน้ำ ประตูห้องน้ำเปิดผ่าง
 
เจ๊เมี่ยงใช้หางตามองแล้วยิ้มเยาะเพราะรู้อยู่แล้วว่าพุชชี่จะต้องโผล่มา พุชชี่จิกหน้าเอาเรื่องสุดฤทธิ์
พุชชี่พูดเสียงดัง “เจ๊.....”
“ใจเย็นๆจ้ะพุชชี่..ทำหน้าปวดเบ่งแบบนั้น..เชิญห้องสุขาปลดทุกข์ดีกว่านะจ๊ะ อย่ามา เรี่ยราดแถวนี้ เดี๋ยวจะเหม็นหึ่ง”
“พอเลยเจ๊..หยุดเล่นลิ้นสะตอเบอร์แหลได้แล้ว ชั้นไม่คิดเลยนะว่าเจ๊จะหมดมุขปั้นเด็ก จนต้องหันมาทำตัวเป็นกาฝาก”
เจ๊เมี่ยงตกใจ “อุ๊ตะ !! ชั้นเนี่ยนะหมดมุข เอาแพตตี้มาเกาะเด็กหล่อน..ให้มันน้อยๆหน่อยย่ะ เด็กเจ๊เมี่ยงทุกคนมีความเจิดเริ่ดอยู่ในตัว พี่อนุพงษ์ถึงเรียกมาเป็นนางเอกประกบเน็กซ์”
“เหรอ..สะตอบอกชั้นว่าเจ๊มีมดลูก ชั้นยังจะเชื่อมากกว่า ที่จริงเจ๊วางแผนไว้หมดแล้ว ตั้งแต่บอกให้แพตตี้ทำร้ายเน็กซ์จนเป็นข่าว แล้วแอ๊บว่าทำเพราะถูกเน็กซ์หักอก”
“เจ๊ไปสั่งเด็กมันได้ที่ไหน เด็กมันเฮิร์ตมันก็ทำไปตามอารมณ์ พอข่าวมันดังพี่อนุพงษ์ก็อยากเรียกใช้ เพราะบทมันเหมาะก็แค่นั้น...เลิกคิดมากเถอะพุชชี่เดี๋ยวฉี่เหลืองนะ”
เจ๊เมี่ยงยิ้มเยาะแอ๊บใสแล้วจะเดินออกไป แต่ถูกพุชชี่คว้าแขนเอาไว้โดยไม่ปล่อยให้ไปง่ายๆ
“ถ้าคิดว่าชั้นจะปล่อยเจ๊ผ่านไปง่ายๆล่ะก็..เจ๊คิดผิดแล้ว”
“รักชีวิตอย่าคิดสู้เจ๊ดีกว่านังพุชชี่ ยังไงพี่อนุพงษ์ก็อนุมัติให้คู่นั้นเขาเล่นละครด้วยกันแล้ว จากนี้ไปเราต้องทำงานด้วยกันอีกเยอะ ถ้าหล่อนอยากเริ่มก่อน.. หล่อนได้จบไม่สวยแน่”
“เจ๊นั่นแหละ จบไม่สวย”
พุชชี่เงื้อมือจะตบ เจ๊เมี่ยงยื่นหน้าท้าทาย
“เอาสิ..ตบชั้นในออฟฟิศของพี่อนุพงษ์เลย ถ้าอยากให้ทั้งหล่อนทั้งชั้น เน็กซ์และแพตตี้ ต้องแห้วงานนี้ก็จัดมาเลย”
พุชชี่นิ่งไปก่อนจะลดมือลง เจ๊เมี่ยงยิ้มชอบใจ
“ต่อไปนี้เวทีของชั้นกับหล่อนคือข้างนอก.. ถ้าแน่จริงก็โค่นชั้นให้ได้... เชอะ !”
เจ๊เมี่ยงกระแทกไหล่พุชชี่แล้วเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างเชิดๆ พุชชี่มองตามแล้วกัดฟันอย่างเจ็บใจและหัวเสีย

เน็กซ์ถูกพุชชี่ดึงติ่งหูลากเข้ามา
“มานี่เลย...มา...พอรู้ว่าแพตตี้จะมาเป็นนางเอกคู่กับเธอ หน้าตาระรื่นเชียวนะ”
“ระรื่นอะไรของป้า..เจอเพื่อนกัน ผมก็ยิ้มทักทายกัน ดีใจที่จะได้ทำงานด้วยกัน แล้วมันผิดตรงไหน”
“ผิด !! ผิดที่เธอหลงกลปล่อยให้เจ๊เมี่ยงใช้เธอเป็นสะพานช่วยดันแพตตี้”
“ผมไม่ได้หลงกลเจ๊เมี่ยง..แต่ผมอยากให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
พุชชี่ชะงัก “หมายความว่าไง”
“ละครเรื่องนี้ผมได้เป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก แถมยังเป็นโปรเจคใหญ่ที่มีแต่คนฝากความหวังไว้ที่ผมอีก ถ้าต้องทำงานกับคนอื่น ผมอาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากับคนที่คุ้นเคย” เน็กซ์ว่า
“ทั้งๆที่ยัยแพตตี้เพิ่งจะเล่นงานเธอจนเกือบตาบอดเนี่ยนะ”
“ผมไม่ใช่เด็กนะป้า..ผมทำงานต้องมีความรับผิดชอบ ต้องคิดถึงผลที่จะได้ ไม่ใช่มัวแต่ เจ้าคิดเจ้าแค้นเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียงาน...จบ”
เน็กซ์พูดห้วนๆใส่แล้วเดินผ่านพุชชี่เข้าไปข้างในห้องตัวเอง พุชชี่ยืนอึ้งเพราะโดนเน็กซ์ย้อน อาร์ทซึ่งยืนฟังอยู่ในห้องรับแขกนานแล้วเดินออกมา
อาร์ทเดินเข้ามา “ที่เน็กซ์พูดมาก็ถูกแล้วนะพุชชี่”
“อาร์ท”
“งานนี้จะเป็นงานสร้างชื่อให้เน็กซ์ หน้าที่ของมาดามดันควรดันเน็กซ์ให้เป็นซุปตาร์นะ”
“ชั้นรู้ย่ะ..โอกาสเป็นซุปตาร์สายฟ้าแลบมาถึงแล้ว ชั้นต้องจัดไปไม่ให้เสียแน่”
“แล้วที่หัวเสียอยู่นี่ล่ะ”
“ก็เพราะนังเจ๊เมี่ยงน่ะสิ มันทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นศึกใหญ่ของชั้นกับมัน คนที่เผลอพลาดล้มเมื่อไหร่ก็คือคนที่แพ้เมื่อนั้น !! และชั้นก็จะแพ้มันอีกไม่ได้เด็ดขาด”
พุชชี่จิกหน้าจริงจังสุดฤทธิ์เพราะนึกถึงคำขู่ของเจ๊เมี่ยงจากฉากที่แล้ว

เจ๊เมี่ยงหัวเราะชอบใจพาแพตตี้เดินเข้าประตูหน้าบ้านเข้ามาในห้องโถง โดยมีรถเจ๊เมี่ยงจอดหน้าตึก
“หนูต้องเห็นกับตาตอนที่นังพุชชี่มันทำหน้าเป็นหอยเชอรี่ อยากเล่นงานเจ๊แต่ทำไม่ได้ เพราะต้องรักษาหน้าให้เน็กซ์...อู้ยยย..บอกตรงๆ...สะใจมาก”
“เจ๊เมี่ยงซะอย่าง หนูเชื่ออยู่แล้ว มิน่าล่ะวงการนี้ถึงยกตำแหน่งให้เจ๊เป็นเบอร์หนึ่ง”
“อ๊ะแน่นอน...เจ๊เมี่ยงเจิด..ถ้าไม่เริ่ดก็เชิ่ดใส่”
เจ๊เมี่ยงโพสต์ท่าประจำตัวอย่างมีความสุขก่อนจะชะงักเมื่อเจอแก้วตากับแก้วใส สองแม่ลูกมานั่งตีหน้าเศร้ากระพริบตาปริบๆอยู่ที่โซฟาห้องโถงใหญ่ ลอร่ารีบเข้ามารายงาน
“เจ๊ขาเจ๊”
“อะไรกันเนี่ยนังลอร่า !! นี่หล่อนปล่อยให้แม่ลูกคู่นี้เข้ามาในบ้านชั้นได้ไงเนี่ย”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พอลอร่ากลับเข้ามาก็เจอสองแม่ลูกนี่แล้วค่ะเจ๊”
แก้วใสและแก้วตารีบเดินลุกมาหาเจ๊เมี่ยง สองแม่ลูกตีหน้าเศร้าแล้วยกมือไหว้เจ๊เมี่ยงอย่างอ่อนน้อม
แก้วตารีบแถเข้ามา “สวัสดีค่ะเจ๊เมี่ยงขา ใครๆก็รู้ว่าประตูบ้านเจ๊เมี่ยงเปิดเสมอสำหรับคนที่ อยากทำงานในวงการ คุณแม่ก็เลยพาน้องแก้วใสมาขอโอกาสจากเจ๊เมี่ยงค่ะ”
แก้วใสแอ๊บแบ๊วหน้าซื่อบีบน้ำตาคลอแล้วยกมือไหว้กราบงามๆ “ได้โปรดเมตตาแก้วใสด้วยนะคะเจ๊เมี่ยงขา”

เจ๊เมี่ยง แพตตี้และลอร่ามองสองแม่ลูกแล้วก็รู้ได้ถึงละครฉากใหญ่ที่สองแม่ลูกกำลังเล่นตรงหน้า

แก้วตากับแก้วใสร้องไห้กระซิกๆ นั่งอยู่ที่โซฟาแล้ว เจ๊เมี่ยงนั่งหน้าเชิดมองสองแม่ลูกที่ร้องไห้กระซิกๆ ชนิดที่บิ้วด์ให้ดูน่าสงสารสุดฤทธิ์

“จะพอได้รึยัง..เลิกเล่นละครบีบน้ำตาได้แล้ว ถ้าคนอย่างเจ๊เมี่ยงขี้สงสาร เห็นน้ำตาแล้วใจอ่อน ป่านนี้ดาราทั้งวงการคงเป็นเด็กเจ๊เมี่ยงหมด”
“ไม่ใช่นะคะเจ๊.. น้ำตาของแก้วใสเป็นน้ำตาของคนที่อยากได้โอกาสจากเจ๊จริงๆนะคะ”
“แหม..พอกันเลยนะแม่ลูก คงซ้อมทั้งบท ซ้อมทั้งแอคติ้งกันมาจนขึ้นใจ..กลับไปได้แล้ว บ้านนี้ให้โอกาสเฉพาะเด็กใหม่แกะกล่องโรงงาน ส่วนพวกของใกล้หมดอายุ..เชิญที่อื่น”
พูดจบเจ๊เมี่ยงก็ลุกจากโซฟาแล้วเดินออกไป แก้วใสรีบตามไปรั้งแขนเอาไว้
“ไม่นะคะเจ๊..แก้วใสจะไม่ไปไหน มีแต่เจ๊ที่เส้นใหญ่สุดในวงการแล้วที่จะช่วยแก้วใสได้ ช่วยแก้วใสด้วยนะคะ..ฮือๆๆ”
แก้วใสทรุดตัวนั่งลงกอดขาอ้อนวอนเจ๊เมี่ยงสุดฤทธิ์ เจ๊เมี่ยงร้องอี๋แล้วพยายามดันหัวออก
“ปล่อยชั้นนะนังชะนี ชั้นช่วยอะไรหล่อนไม่ได้หรอก ต่อให้จับใส่ตระกร้าล้างทั้งน้ำเปล่า ลวกทั้งน้ำร้อน ที่ยืนหล่อนในวงการก็ไม่มีอีกแล้ว”
แก้วตาเดินเข้าไปหา “ต้องมีสิคะเจ๊..ในวงการนี้ไม่มีอะไรที่เจ๊ทำไม่ได้ คุณแม่ขอร้องนะคะ..นึกว่าสงสารเด็กที่ฝีไม้ลายมือยังมี เจ๊จะให้ทำงานอะไร คุณแม่จะไม่ยุ่ง ไม่ขัด ไม่แบ่งค่าตัวเลยสักบาท”
“ชั้นรวยอยู่แล้วย่ะ..เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับชั้น..นังลอร่า..เอาพวกนี้ออกไป”
ลอร่ารีบเข้าไปกระชากแก้วใสออกจากเจ๊เมี่ยงแล้วจะพาเดินออกไป แต่แก้วตารีบเข้าไปยกมือไหว้ขอร้อง
“คุณแม่ไหว้ล่ะคะเจ๊.....ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่..ก็คิดซะว่าเลี้ยงศัตรูของศัตรูเอาไว้ สักวันเราสองคนแม่ ลูกจะต้องช่วยเจ๊จัดการนังพุชชี่ได้แน่..นะคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงมองแก้วตาแล้วนิ่งคิดอย่างสนใจ ลอร่าเสนอหน้าเข้าออกความเห็น
“ก็น่าสนใจนะคะเจ๊ ศัตรูของศัตรูเลี้ยงเอาไว้ก็ไม่เสียหาย อย่างน้อยสองแม่ลูกนี่ก็ใกล้ ชิดอยู่กับนังพุชชี่มานาน อาจจะรู้อะไรที่เราไม่รู้ก็ได้”
เจ๊เมี่ยงหรี่ตามองลอร่าแล้วคิดตัดสินใจเข้าไปจับคางแก้วใสเชิดขึ้นพิจารณา
“ถ้าอยากให้ชั้นช่วยเหลือหล่อน อย่างแรกที่หล่อนต้องทำก็คือ เล่ามาให้หมดว่าหล่อนเคยไปมั่วกับใครไว้บ้าง เพราะถ้าอยู่กับชั้นแล้วมีเรื่องฉาวโฉ่มาปูดทีหลัง เจ๊เมี่ยงไม่ เหมือนนังพุชชี่ ไม่มีคำว่าปราณี มีแต่เชือดอย่างเดียว”
“ทุกคนเลยเหรอคะเจ๊..ให้นึกตอนนี้แก้วใสจำไม่ได้หรอกค่ะ” แก้วใสเดินไปหยิบมือถือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะมายื่นให้เจ๊เมี่ยง “เจ๊เปิดดูรายชื่อผู้ชายในคอนแทคมือถือหนูดีกว่า ก็เกือบจะหมดนั่นแหละค่ะ”
เจ๊เมี่ยงตกใจร้องเสียงผู้ชายรีบชักมือกลับแขยงมือสุดฤทธิ์ “งั้นชั้นก็พอจะรู้แล้วว่าต่อไปนี้..ชั้นควร จะหางานแบบไหนให้หล่อน”
แก้วใสกับแก้วตายิ้มดีใจแล้วยกมือไหว้พร้อมกัน “ ขอบคุณค่ะเจ๊...”

ครูราศีนั่งเปิดนิตยสารบันเทิงชนิดรายปักษ์ “ทีวีฮ๊อตฮ๊อต” ที่หน้าปกเป็นรูปเน็กซ์ถ่ายแบบ ด้านในมีรูปเน็กซ์ถ่ายแบบอีก 2-3 หน้าเสื้อผ้าเปลี่ยนชุด หลังจากพลิกดูรูปลูกชายถ่ายแบบในเล่มอย่างเป็นปลื้มแล้ว ครูราศีพลิกไปเจอภาพโฆษณาที่เป็นแก้วใสนุ่งน้อยห่มน้อยเปิดร่องอก นุ่งขาสั้นโพสต์ท่ายืนคู่เครื่องกรองน้ำยี่ห้อหนึ่ง ในมือถือกล้วย ทำท่าปอกเปลือกกล้วย เลียริมฝีปากสื่อไปในทางอย่างว่าสุดฤทธิ์
ราศีตกใจ “ตายแล้ว..หัวใจจะวาย..นี่มันโฆษณาขายเครื่องกรองน้ำเหรอเนี่ย”
ระหว่างนั้นครูนิยมกลับเข้ามาหลังจากสอนเสร็จที่โรงเรียน
“บ่นอะไรน่ะแม่..”
“ก็ดูเด็กสาวสมัยนี้สิพ่อ..เคยสวยๆใสๆน่ารักอยู่ดีๆ กลายมาเป็นซะแบบนี้แล้ว..เฮ้อ” ราศียื่นหนังสือหน้าที่มีโฆษณาของแก้วใสให้นิยมดู
นิยมดูรูปแก้วใสแล้วส่ายหน้า “นึกอยู่แล้วเชียว พอเป็นข่าวว่าแย่งผัวชาวบ้านเข้าไปก็ถึงเวลาต้องเลิกแอ๊บแบ๊ว หันมาขายอึ๋มขายเซ็กซี่ ไม่งั้นก็ไม่มีที่ยืนในวงการ”
ราศีมองด้วยสีหน้าสงสัย
“นี่พ่อตามข่าวเม้าท์วงการบันเทิงกับเขาด้วยเหรอ ทุกทีเวลาเห็นแม่เอาหนังสือพวกนี้มาดูทีไร เป็นต้องด่าตลอด”
นิยมชะงักแล้วทำขึ้นเสียง “ข่าวไร้สาระพวกนี้เนี่ยนะ ชั้นไม่อยากรับรู้หรอก เสียเวลาทำมา หากิน ไอ้ที่รู้น่ะเพราะได้ยินพวกแม่ค้าที่ตลาดเขาคุยกัน”
ครูนิยมบ่ายเบี่ยงปฏิเสธไป
“แล้วนี่ก็เหมือนกัน พ่อบอกกี่ครั้งแล้ว..ว่าอย่าเอาหนังสือพวกนี้เข้ามาในบ้าน”
นิยมปาหนังสือลงถังขยะทันที ทำเอาราศีตกใจ
“พ่อ !! นี่มันผลงานของบักหมานะ ชั้นจะซื้อมาชื่นชมให้หายคิดถึงลูกบ้างไม่ได้เหรอไง”
“ถ้าทนคิดถึงมันมากไม่ได้ ก็หอบเสื้อผ้าไปอยู่กับมันสิ..ไม่ต้องมาอยู่กับชั้นก็ได้”
“เอ๊ะพ่อนี่..อย่ามาพาลไม่เข้าท่านะ ถ้าแม่ไปหาบักหมาแล้วใครจะอยู่ดูแลพ่อ”
“ชั้นดูแลตัวเองได้ !”
นิยมกระแทกเสียงแล้วเดินขึ้นบันไดบ้านไป จบที่ราศีมองตามแล้วส่ายหน้าในความดื้อเอาแต่รั้นของสามี

นิยมเดินเข้ามาแล้วมองย้อนกลับไปให้แน่ใจว่าเมียไม่ได้ตามมา เมื่ออยู่คนเดียวจึงปิดประตูล็อคกลอนแล้วไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดตู้เอากุญแจที่เก็บไว้กับตัวมาไขลิ้นชักเปิดไปในตู้เสื้อผ้า หยิบสมุดหนาๆ เล่มหนึ่งที่ซ่อนตัวปะปนอยู่กับซองเอกสารและแฟ้มอื่นๆออกมา นิยมนำสมุดเล่มนั้นมาเปิดกางออกดูบนเตียงจึงได้เห็นว่าภายในสมุดเล่มนั้นมีแต่ภาพข่าวและรูปถ่ายของเน็กซ์ที่ถูกตัดแปะเรียงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ มีผลงานถ่ายแบบชิ้นแรกจนชิ้นล่าสุด นิยมแอบตัดแปะภาพผลงานของลูกชายเอาไว้เพื่อเก็บไว้ดูยามคิดถึง นิยมใช้มือลูบที่บริเวณใบหน้าลูกชายแล้วก็น้ำตาคลอเบ้า
“บักหมา..พ่อคิดถึงเอ็งนะ พ่อติดตามผลงานของเอ็งทุกอย่าง เอ็งทำให้พ่อภูมิใจ แต่..แต่ เมื่อไหร่เอ็งจะกลับมาเยี่ยมพ่อซะที”

นิยมน้ำตาคลอด้วยความคิดถึงลูกได้ครู่นึง ราศีมาเคาะประตูเรียก

ราศรียืนอยู่ประตูหน้าห้องนอน
 
“พ่อ..ถึงพ่อจะแก่แต่ก็ยังไม่ได้เกษียณนะ หัวก็ไม่ได้ล้าน เลิกงอแงทำงอนทะเลาะกับชั้น แล้วปิดประตูห้องอยู่คนเดียวซะทีเถอะ”
นิยมกลัวเมียจะเข้ามาเห็นสมุดภาพเลยรีบเอาสมุดภาพเก็บเข้าที่เดิม ไขกุญแจล็อคลิ้นชักแล้วปิดประตูตู้เสื้อผ้าไว้ตามเดิม

ราศียังยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน
“ชั้นมาง้อพ่อแล้วนะ..ถ้าไม่เปิดประตูให้ล่ะก็ ชั้นจะไปอยู่กับบักหมามันจริงๆ”
นิยมกำลังจะเดินไปเปิดประตูให้เมียแต่ยังไปไม่ถึงประตูก็รู้สึกปวดท้องด้านขวาขึ้นมากระทันหัน
ราศีกอดอกรอให้สามีมาเปิดประตูให้
นิยมปวดท้องหน้านิ่วคิ้วขมวดเหงื่อแตกพลั่กจนตัวงอ แต่ก็ยังพยายามจะเดินไปเอื้อมมือเปิดประตู

ราศีรอจนเห็นว่าเงียบก็พูดออกมา
“ก็ได้..ถ้าพ่ออยากดื้อ อยากไล่ตะเพิดให้ทุกคนออกไปจากชีวิต ชั้นก็จะไป แต่รู้ไว้ด้วยนะ ว่าไอ้บักหมามันรักพ่อ ทุกครั้งที่มันโทรมา มันถามชั้นตลอดว่าพ่อเป็นยังไง หายโกรธมันรึยัง มีแต่พ่อนั่นแหละที่ดื้อ..ดื้อจนทำให้ลูกไม่กล้าเข้าหน้า”
ราศีบ่นใส่ประตูแล้วเดินหน้าปั้นปึ่งหัวเสียลงบันไดไป

นิยมเดินไปถึงประตูก่อนจะเซถลาล้มลงพร้อมกับมือที่เปิดประตูออกไป ราศีที่ลงบันไดไปหันขวับมาเห็นสามีตัวเองล้มลงนอนกุมท้องร้องครวญครางอยู่หน้าห้องนอน
ราศีตกใจ “พ่อ !!”
ราศรีวิ่งขึ้นมาดูนิยม

หมอชายเดินเข้ามาในห้องแล้วเดินไปเปิดม่านที่ปิดล้อมรอบเตียงอยู่ทำให้เห็นนิยมนอนอยู่บนเตียงหลังจากได้รับการฉีดยาแก้ปวดไปทำให้ดีขึ้นมาบ้าง
“เป็นยังไงบ้างครับครู” หมอชายถาม
“ฉีดยาแล้วก็พอจะดีขึ้นบ้างล่ะ ไอ้หมอ..เอ่อ..หมอ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับครู เรียกผมเหมือนตอนเป็นนักเรียนก็ได้ครับ”
“แล้วตกลงที่ครูปวดท้องจนน้ำตาเล็ดเนี่ย ครูเป็นอะไรเหรอ”
หมอชายมีสีหน้าหนักใจ “ครูครับ...นอกจากครูจะปวดท้องแล้ว ครูเคยสังเกตบ้างรึเปล่าว่ามี อาการตัวเหลืองด้วย”
นิยมชะงัก “เอ็งถามอย่างนี้..บอกครูมาเลยดีกว่า เอ็งสงสัยว่าครูเป็นอะไร”
“เท่าที่ดูตอนนี้..เบื้องต้นผมคิดว่าครูน่าจะเป็นตับอักเสบ แต่เพื่อความแน่ใจผมอยาก พาครูไปโรงพยาบาลจังหวัดจะได้ตรวจครูให้ละเอียดกว่านี้”
“ไม่ต้องหรอก..ถ้าเอ็งคิดว่าครูเป็นแค่ตับอักเสบ เอ็งก็จ่ายยารักษาตามอาการไป จะต้องวุ่นวายไปจังหวัดทำไม เสียเวลาสอนหนังสือครูหมด”
นิยมบอกแล้วรีบลุกจากเตียง แต่หมอชายรั้งไว้
“ครูครับ....อาการที่ครูเป็นตอนนี้ดูไม่ค่อยปกติ เสียเวลาไปตรวจสักวัน ถ้าไม่มีอะไรครอบครัวครูจะได้ไม่ต้องกังวลไงครับ”
นิยมนิ่งไปครู่ “เออ..ว่างแล้วครูจะไป แล้วนี่เมียครูอยู่ไหนล่ะ”

ราศียกหูโทรศัพท์สาธารณะชึ้นมาจะกดเบอร์แต่นึกเบอร์ไม่ออก
“เบอร์อะไรนะ..086 แล้วอะไร” ราศีหัวเสีย “ไม่น่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านเลย ฉุกเฉินขึ้นมา จำไม่ได้สักเบอร์”
นิยมเดินเลี้ยวมุมตึกเข้ามาถาม
“จะโทรหาใครเหรอแม่”
ราศีตกใจรีบวางโทรศัพท์แล้วหันมาถามด้วยความเป็นห่วง
“นี่พ่อไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ”
นิยมโกหก “ก็แค่ปวดท้องโรคกระเพาะ ได้ยาไปเข็มเดียวก็หายแล้ว ไป...กลับบ้าน”
“ปวดท้องโรคกระเพาะเนี่ยนะ แต่พ่อร้องโอดโอยจะตายให้ได้ จนแม่ตกใจทำอะไรไม่ ถูกเลย แม่ว่ากลับไปให้หมอตรวจดูให้ละเอียดดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก..พ่อบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ แม่นั่นแหละ..เมื่อกี้นี้จะโทรหาใคร”
ราศีอึ้งไปนิดนึงก่อนตัดสินใจพูด
“ก็จะโทรบอกบักหมามันน่ะสิ ว่าพ่อป่วยเข้าโรงพยาบาล”
“แต่ชั้นไม่อยากให้มันรู้”
“พ่อ..ไอ้บักหมามันห่วงพ่อมากนะ”
“แม่ไม่ต้องมาเถียง..ต่อไปนี้ไม่ว่าชั้นจะเป็นอะไร แม่ห้ามโทรไปบอกมันเด็ดขาด ปล่อยให้มันหลงระเริงหาเงินอยู่ในวงการมายาของมันนั่นแหละ อีกไม่นานพอมันเก็บเงินได้ มันก็จะไปอยู่กับพ่อแท้ๆของมัน..บึงโขงหลงก็จะไม่ใช่บ้านของมันอีกต่อไป”
นิยมตัดพ้อให้ราศีรับรู้แล้วเดินออกไป ราศีมองตามอย่างเซ็งๆ
“ตาแก่หัวดื้อ !”

ราศีเดินตามไป
 
อ่านต่อหน้า 2

มาดามดัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

พุชชี่ยืนมองรถหนูดอกวิ่งเข้ามาจอดข้างๆรถเจ้าม้าป่าซึ่งหันหัวไปทางประตูรั้ว หลังจากที่หนูดอกพาเน็กซ์ไปทำงาน
 
หนูดอกลงจากรถพร้อมกับเน็กซ์พอเห็นพุชชี่ก็สงสัย
“มาดามยังอยู่อีกเหรอคะ นึกว่าวันนี้จะมีดินเนอร์กับพี่ติณซะอีก”
“ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับเน็กซ์ก่อน” พุชชี่บอก
“มีอะไรเหรอป้า”
เน็กซ์มองพุชชี่อย่างสงสัย

ราศีใช้มือถือตัวเองโทรคุย ราศีแอบเอาโทรศัพท์มือถือมาคุยกับลูกชายโดยหลบๆคุยอยู่ที่หลังบ้าน
ราศีบ่น “แม่น่ะเหลืออดกับพ่อเอ็งแล้วจริงๆนะ..ยิ่งแก่ยิ่งดื้อ หาเรื่องชวนทะเลาะได้ทุกวัน”
เน็กซ์คุยโต้ตอบกับแม่โดยมีพุชชี่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“พ่อเขาก็เป็นอย่างนี้มาตลอดนั่นแหละแม่”
“เอ็งก็พูดได้นี่บักหมา..เอ็งไม่ได้อยู่ใกล้ๆเขา แค่หนังสือลงรูปเอ็ง แม่ยังเอาเข้าบ้านไม่ได้ แม่ล่ะเหนื่อยใจจริงๆ เมื่อไหร่จะเข้าใจว่าเอ็งไม่ได้คิดจะทิ้งเขาไปหาพ่อที่แท้จริงก็ไม่รู้”
เน็กซ์หน้าเครียด “มันก็เป็นความผิดผมนั่นแหละครับแม่ ที่ดื้ออยากจะตามหาพ่อ” เน็กซ์คิดอยู่ครู่นึง “เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะขอลางานกลับไปเยี่ยมพ่อ”
“ไม่ต้องมาหรอกบักหมา มาดามเขาเล่าให้แม่ฟังแล้วว่าเอ็งกำลังจะได้เป็นพระเอกละครฟอร์มใหญ่ โอกาสที่เอ็งจะดังเปรี้ยงปร้างอยู่แค่เอื้อมแล้ว”
“แต่ผมห่วงพ่อ..ถ้าแม่ทนพ่อไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ จะไม่มีใครดูแลพ่อนะครับ”
“โอ้ย..ไม่ต้องห่วงหรอก..ตั้งแต่พ่อเอ็งมาขอแม่แต่งงาน แม่ก็รู้แล้วว่าถ้าอยากเป็นเมีย เขาก็ต้องอดทน ในเมื่อรักเขาไปแล้วนี่”
เน็กซ์ฟังแม่ไปก็นิ่งคิดเอาไงดี พุชชี่เข้ามาจับบ่าบีบเบาๆ
“แม่เธอก็แค่ไม่รู้จะบ่นกับใคร เลยโทรมาบ่นกับชั้นกับเธอ ชั้นว่าเธอตั้งใจทำงานนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า เสร็จงานแล้วชั้นรับปากว่าจะพาเธอกลับไปเยี่ยมพ่อ”
เน็กซ์มองพุชชี่ในมือยังกำโทรศัพท์

ราศีพูดโทรศัพท์กับเน็กซ์โดยไม่รู้ตัวว่านิยมมายืนแอบฟังเมียคุยอยู่นานแล้ว
“มาดามเขาพูดถูกแล้วล่ะบักหมา เอ็งควรเอาเวลาไปทุ่มเทกับงาน ตั้งใจเก็บเงินไปตามหาพ่อแล้วกลับมาอยู่บึงโขงหลงให้เขาเห็นว่าเอ็งยังรักพ่อคนนี้ของเอ็งอยู่”
“ครับแม่” เน็กซ์รับคำ
“แค่นี้ก่อนนะบักหมา”
นิยมน้ำตาซึมแต่ก็กลั้นเอาไว้ เขารอจนเมียคุยโทรศัพท์กับลูกเสร็จแล้วเดินเข้ามา นิยมจึงเดินออกมา
“ตั้งใจทำงานของเอ็งไปนะไอ้บักหมา ไม่ต้องกลับมาหรอก..พ่อจะรอดูความสำเร็จของเอ็ง และรอวันที่เรา พ่อลูกจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง”
นิยมพูดไปด้วยความหวังแต่ได้ครู่ร่างกายก็เริ่มแสดงอาการผิดปกติปวดท้องจี๊ดด้านขวาขึ้นมาอีก แต่คราวนี้พยายามฝืนสีหน้านิ่วคิ้วขมวดสงสัยเพราะคิดถึงคำเตือนของหมอที่อยากให้ไปตรวจร่างกายเพิ่ม นิยมมีสีหน้าเครียด

พุชชี่เดินมาเพื่อจะขึ้นรถที่หน้าบ้าน เน็กซ์รีบเดินตามพุชชี่ออกมาขณะที่พุชชี่จะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนป้า..ผมอยากขอบคุณที่ช่วยเป็นเพื่อนคุยกับแม่ จนแม่ผมสบายใจ”
“ต้องขอบคุณทำไม ชั้นรับปากว่าจะดูแลลูกชายเขา มันก็หน้าที่ของชั้นอยู่แล้ว”
“แต่ปกติแม่ผมไม่เคยเอาเรื่องในบ้านไปคุยกับคนอื่น ถ้าแม่ไม่ไว้ใจและเห็นว่าคนนั้น เป็นคนดี”
“แหม..เพิ่งรู้เหรอจ๊ะเน็กซ์จ๋า..ชั้นน่ะทั้งดีและน่ารักมานานแล้ว ผู้ใหญ่เขาถึงรักชอบชั้นไง”
“งั้นน่ารักแบบนี้ ขอไปเป็นลูกสะใภ้แม่ได้ป่ะ”
พุชชี่ตกใจ “ห๊ะ ! ว่าไงนะ”
“เอ่อ..ผมพูดเล่น..ไม่มีอะไรหรอก”
พุชชี่หยิก “นี่แน๊ะ..ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอนะ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดทะลึ่งตึงตังกับผู้ใหญ่”
พุชชี่จัดการเน็กซ์แล้วจะไปที่รถแต่เน็กซ์เดินตามไปอีก
“เดี๋ยวก่อนป้า”
“อะไรอีก”
“ถ้าป้าจะไปหากัปตัน..ป้าควรจะพาผมไปด้วย”
“ทำไมชั้นต้องพาเธอไป”
“ก็เรื่องน้องสาวเขาไง..มีผมไปด้วยผมจะได้ช่วยกันน้องสาวเขาให้”
พุชชี่กอดอกแล้วมองคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ขอบใจย่ะ..แต่ไม่ต้อง พรุ่งนี้เธอมี Fitting แต่เช้า อยู่บ้านพักผ่อนไปน่ะดีแล้ว”

พุชชี่พูดแล้วเปิดประตูรถขับออกไป เน็กซ์ยืนมองส่งแบบเซ็งนิดๆที่ไม่ได้ตามไปเป็นกขค.

ติณณภพวางกล่องกระดาษใบใหญ่ผูกโบว์สวยงามลงบนโต๊ะ พัฒศรีมองกล่องกระดาษใบใหญ่ผูกโบว์สวยงามอย่างแปลกใจ

“อะไรคะเนี่ยพี่ติณ”
“ของขวัญสำหรับน้องไง”
“น้องเคยบอกพี่ติณแล้วว่าไม่ต้องซื้อของกลับมาฝากเวลาที่พี่กลับจากบินหรอก ของที่ให้มา น้องไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว”
“ชีวิตพี่ไม่มีใครให้ต้องคิดถึงแล้วนี่ นอกจากน้องตุลกับน้องพัฒ เวลาเจอของอะไรที่น่าซื้อ พี่ก็อดจะซื้อให้ไม่ได้จริงๆ”
“แต่..”
ตุลยาเดินเข้ามา “รับไว้เถอะค่ะพี่พัฒ..พี่ติณเขาอุตส่าห์ตั้งใจซื้อมาให้ คิดว่าพี่พัฒต้องชอบแน่ๆ แกะเลย..แกะเลยค่ะ”
ตุลยาเล่นละครตีสองหน้าเชียร์ให้พัฒศรีแกะกล่องของขวัญ พัฒศรีเจอแบบนี้ก็พยักหน้ารับยอมรับของขวัญแล้วเริ่มแกะโบว์เปิดดูของด้านในกล่อง ติณณภพยิ้มพอใจแล้วหันไปยิ้มกับน้องสาวพร้อมส่งสายตารู้กัน ตุลยาทำเป็นยิ้มรับแล้วเบือนหน้าคิดถึงอดีต

ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ตุลยากำลังนั่งดูข่าวในไอแพดซึ่งเป็นรูปพัฒศรีแต่งตัวสวยถือกระเป๋าแบรนด์เนมไปร่วมงานอีเว้นท์ มีข้อความข่าวพาดหัว “มาดามพุชชี่ดวงรุ่ง กลับมาพุ่งแรงอีกครั้ง” ตุลยาเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ระหว่างนั้นเสียงติณณภพดังเข้ามาจากทางบันได
“ตุล”
ตุลยาตกใจรีบกดปิดหน้าจอแล้วหันมายิ้มกับพี่ชาย
“ยังไม่ไปอีกเหรอคะพี่ติณ”
“พี่มีเรื่องอยากถามเราหน่อย บินเที่ยวนี้พี่ว่าจะซื้อของฝากกลับมาให้พี่พัฒเค้า แต่นึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้ดี”
ตุลยาประชด “แหม..ก็เล่นซื้อเกือบทุกครั้งที่กลับจากบิน แล้วจะเหลืออะไรให้ซื้ออีกล่ะคะ”
“ไม่ต้องประชดพี่เลย ทุกครั้งซื้อให้พี่พัฒเขาคนเดียวซะที่ไหน..มีของเราด้วยตลอด ช่วยพี่คิดหน่อยเร็ว เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน น่าจะรู้ว่าซื้ออะไรแล้วจะถูกใจ”
ตุลยาคิดอยู่ครู่แล้วยิ้มร้ายคิดอะไรได้ “มีกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่รุ่นนึงค่ะ..น้องเคยคุยกับพี่พัฒไว้ เขาอยากได้มาก”
“ก็น่าสนใจ..งั้นไลน์บอกเข้ามือถือให้พี่ด้วยนะ พี่จะได้แวะไปหาซื้อให้ แล้วก็ของที่เรา อยากได้ด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะพี่ติณ...จัดให้”
ตุลยายิ้มน่ารักให้ติณณภพ ติณณภพเดินออกไปหน้าบ้าน ตุลยาหันมายิ้มร้ายแล้วเปิดรูปในไอแพดเมื่อครู่ก่อนจะมองไปที่กระเป๋าถือแบรนด์เนมในมือพัฒศรี

พัฒศรีแกะกล่องของขวัญออกจนเจอกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงสีสันสวยงามแต่เป็นรุ่นและสีเดียวกับที่พัฒศรีมีเป๊ะ
ตุลยาทำตาโต “โอ้โฮ...สวยจังเลยค่ะพี่พัฒ”
“ถูกใจน้องพัฒเลยใช่มั้ย..พอดีพี่รู้มาว่าน้องพัฒกำลังอยากได้รุ่นนี้สีนี้อยู่พอดี”
“พี่รู้มาว่าน้องอยากได้ ?”
ตุลยาทำเป็นกระแอมขัดจังหวะ ติณณภพเลยยิ้มกลบเกลื่อน พัฒศรีเลยพอจะปะติปะต่อเรื่องได้ว่าเป็นฝีมือของตุลยา
“คือ...พี่เดาเอาน่ะ เห็นว่ากำลังฮิตแล้วสีนี้ก็เป็นสีที่น้องพัฒชอบด้วย”
“สวยมากเลยนะคะพี่พัฒ.. ตุลอิจฉาพี่เลย รู้มั้ยคะว่าพี่ติณซื้ออะไรมาให้ตุล รองเท้าค่ะ..สีเข้ากับกระเป๋าใบนี้เป๊ะเลย สัญญานะพี่ติณ..คราวหน้า ต้องซื้อกระเป๋าสีนี้แบบนี้มาให้น้อง”
“ถ้าน้องตุลอยากได้ไว้เข้าชุดกับรองเท้า..เอาใบนี้ของพี่ไปก็ได้”
ติณณภพชะงัก “ทำไมล่ะน้องพัฒ”
“คือ..น้องมีกระเป๋าแบบนี้สีนี้อยู่แล้วค่ะ พี่ติณคงไม่ว่านะคะถ้าน้องจะให้น้องตุลไปใช้”
“ตุลไม่กล้ารับหรอกค่ะพี่พัฒ..พี่ติณเขาอุตส่าห์ซื้อมาฝาก พี่พัฒเก็บไว้สำรองก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ..น้องตุลรับไว้เถอะ เวลาน้องตุลใช้คู่กับรองเท้า ต้องสวยแน่ๆ”
พัฒศรีจับมือตุลยามาแล้วยื่นกระเป๋าใส่มือพร้อมยิ้มให้
ตุลยายกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะพี่พัฒ”
“งั้นเที่ยวหน้าพี่ซื้อมาให้ใหม่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ.. สิ้นเปลืองเปล่าๆ เอ่อ พี่ติณคะ พรุ่งนี้น้องต้องพาเน็กซ์ไป Fitting ละครแต่เช้า น้องขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิน้องพัฒ.. อยู่ทานข้าวกับพี่ก่อน พี่เตรียมอาหารไว้แล้ว”

พัฒศรีมองติณณภพแล้วนิ่งไป

อินทัชเสร็จงานแล้วและกำลังเดินออกจากตึก ที่แขนของเขายังคล้องผ้าเข้าเฝือกอ่อนอยู่
 
ระหว่างนั้นมีตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นายเดินมาขวางทาง
“น้องชื่ออินทัชรึเปล่าครับ”
อินทัชงงๆ เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ “ใช่ครับ..พวกพี่เป็นใครเหรอครับ”
ตำรวจนิ่งมองหน้ากันอยู่ครู่ก่อนจะโชว์บัตรประจำตัวให้อินทัชดูว่าเป็น”ตำรวจ” แล้วเขาก็เอาภาพถ่ายที่พกติดในแฟ้มขึ้นมาชูให้อินทัชดูซึ่งเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของหมู่บ้าน ภาพอินทัชกุมแขนบาดเจ็บยืนอยู่มุมหนึ่งของถนนซอยของหมู่บ้าน อินทัชเพิ่งดึงหมวกไหมพรมออกจากศรีษะทำให้เห็นหน้าของเขาชัดเจน
“พวกพี่เป็นตำรวจ..มีภาพน้องอยู่ในกล้องวงจรปิดคดีบุกรุกยามวิกาล ขอเชิญไปสอบ ปากคำหน่อย”
อินทัชสะดุ้งเฮือกแล้วก็หน้าซีดเมื่อเห็นภาพตัวเอง

ตุลยาทำทีเป็นตักอาหารเอาใจพัฒศรี
“ทานเยอะๆนะคะพี่พัฒ ช่วงนี้ดูพี่พัฒซูบไปเยอะเลย”
“ขอบใจจ้ะน้องตุล”
“งานน้องพัฒคงยุ่งเพราะเน็กซ์กำลังจะได้เป็นพระเอกเต็มตัวแล้วใช่มั้ยคะ”
“ค่ะพี่ติณ”
ติณณภพยังไม่ทันจะถามต่อ ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของติณณภพก็ดัง เขาหยิบมาดูเบอร์ที่โชว์ก็พบว่าเป็นตำรวจที่โทรมา ติณณภพขอตัว
“พี่ขอคุยธุระแป๊บนึง...ทานเยอะๆนะน้องพัฒ”
ติณณภพถือโทรศัพท์เดินออกไปทางโถงหน้าบ้าน ตุลยายังเสแสร้งเอาใจพุชชี่
“ทานจานนี้รึยังคะพี่พัฒ..จานนี้ตุลช่วยพี่ติณทำเองกับมือเลยนะ”
พัฒศรียิ้มรับตุลยาแม้จะรู้ว่านี่คือการเสแสร้งก็ตาม

ติณณภพคุยมือถือด้วยหน้าตึงคิ้วขมวดเพราะเต็มไปด้วยคำถาม
“แน่ใจนะครับ ว่าใช่เขาจริงๆ”
อินทัชนั่งคอตกหน้าจ๋อย ตำรวจใช้โทรศัพท์ไร้สายของโรงพักคุยกับติณณภพ
“ผู้ต้องหารับสารภาพแล้วครับ ภาพจากวงจรปิดที่เราได้มาจากบ้านในละแวกนั้นเป็นหลักฐานมัดให้เขาปฏิเสธไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้น..ผมขอคุยกับเขาได้มั้ยครับ”
ตำรวจหันไปมองอินทัชก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ อินทัชหน้าจ๋อยๆรับโทรศัพท์มาแนบหู
“พี่..พี่ติณครับ..ผม..ผมขอโทษ”
“ไม่ต้องห่วงนะอินทัช..พี่เป็นคนขอให้เพื่อนพี่ตามสืบคดีนี้เอง ไว้พี่จะคุยกับเขาให้ แต่พี่อยากรู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้”
อินทัชหน้าเสียตัดสินใจเล่าความจริง “คือ....ผมทำตาม.....เอ้อ” อินทัชตัดไปทันที

ตุลยาชวนพัฒศรีคุยระหว่างรอพี่ชาย
“คุณหนูวุ่นวายกับคุณชายฉ่ำโบ๊ะ”..สาบานนะคะพี่พัฒว่านั่นชื่อละคร” ตุลยา
“ค่ะ..เดี๋ยวนี้ชื่อนิยายวัยรุ่นก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น หนังสือเรื่องนี้ก็ดังมาก”
“เหรอคะ..แต่ตุลไม่ค่อยชอบดูละครไทยเท่าไหร่หรอกค่ะ น้ำเน่า สู้เกาหลีก็ไม่ได้”
“แต่พี่ว่าในชีวิตคนเราเจออะไรที่น้ำเน่ามากกว่าในละครก็มีนะคะ”
“เช่นอะไรเหรอคะ”
พัฒศรีนิ่งไปแต่ยังไม่ทันจะตอบ ติณณภพก็กลับเข้ามาจากทางหน้าบ้านหน้าตึงเอาจริงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่ติณ..คุยกับใครน่ะ นานจัง อาหารเย็นชืดหมดแล้ว เดี๋ยวตุลไปอุ่นมาให้ใหม่ดีกว่า”
ตุลยาลุกขึ้นจะหยิบชามแกงไปอุ่น
ติณณภพเสียงดุ “ไม่ต้อง !! พี่ไม่กินแล้ว”
ตุลยาแปลกใจ “พี่ติณเป็นอะไร.. ทำไมต้องทำเสียงดุกับตุลด้วย”
“เพราะพี่รู้ความจริงแล้วไงว่าตุลกับเพื่อนร่วมมือกันทำอะไร”
ตุลยาชะงัก “พี่ติณ”
ติณณภพเข้าไปจับแขนน้องบีบคาดคั้นอย่างหัวเสีย
“ทำไม..ทำไมตุลต้องทำแบบนี้ รู้มั้ยว่าทำให้พี่ผิดหวังในตัวน้องมากขนาดไหน”
“ปล่อยตุลนะคะพี่ติณ…ตุลเจ็บ”
พัฒศรีรีบห้าม “พี่ติณคะ..ปล่อยน้องตุลเถอะ น้องเขาไม่ตั้งใจ มีอะไรค่อยๆคุยกันดีกว่า”
ติณณภพมองพัฒศรีอย่างสงสัย “นี่..นี่น้องพัฒรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
พัฒศรีชะงัก “เอ่อ..คือ..น้อง..น้องเพิ่งบังเอิญทราบมาไม่นานนี้เองค่ะ แต่น้องก็เข้าใจความ รู้สึกของน้องตุล พี่ติณอย่าไปโกรธน้องสาวเลยนะ..นะคะ”
ติณณภพนิ่งมองพัฒศรีที่ขอร้องแล้วมองน้องสาวแต่ตุลยากลับยังชิงชังพัฒศรีหันมาผลักไม่ให้ยุ่งกับเธอ
“พอซะทีเถอะพี่พัฒ.. เลิกเสแสร้งทำตัวเป็นพัฒศรี แล้วเผยธาตุแท้ตัวเองที่เป็นมาดาม พุชชี่มาให้พี่ติณเห็นได้แล้ว”
ติณณภพโกรธมาก “ตุล !! ยังไม่สำนึกผิดอีกเหรอ”
“ก็ตุลไม่ได้ทำอะไรผิด น้องสาวที่อยากให้พี่ชายเจอแต่สิ่งที่ดีๆ..มันผิดตรงไหน !!”
ตุลยาน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียใจแล้วรีบวิ่งออกไปกลับขึ้นห้องตัวเอง
“ตุล..ตุล !!”
“พี่ติณตามไปดูน้องสาวเถอะค่ะ..มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน ยังไงก็เหลือกันอยู่แค่ 2 คนพี่น้อง ไม่ต้องห่วงความรู้สึกน้องหรอกค่ะ”
“แต่...”
พัฒศรีแตะแขนติณณภพแล้วยิ้มเพื่อให้เขาสบายใจ “ดูแลน้องสาวของพี่ก่อนเถอะค่ะ..น้องไปนะ”

พัฒศรีคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปทางหน้าตึก ติณณภพมองตามเป็นห่วงทั้งพัฒศรีและน้องสาวตัวเอง

เน็กซ์ที่ยืนแถวโซฟามองไปทางน้ำพุด้วยแววตาสีหน้าครุ่นคิดเพราะนอนไม่หลับ
 
อาร์ทเดินมาจากทางห้องนั่งเล่นพอเห็นเน็กซ์พอดีก็เลยถาม
“อ้าว...เน็กซ์ ทำไมยังไม่นอนอีก ตื่นเต้นงาน Fitting ละครพรุ่งนี้เหรอ”
“ครับพี่”
“มันก็น่าตื่นเต้นอยู่หรอก..จะได้เป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกแถมโปรเจคใหญ่อีกต่างหาก”
“ผมกลัวจะทำได้ไม่ดี จะเสียชื่อมาดาม เสียหายไปถึงผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส”
อาร์ทตบบ่า “แต่พี่กลับไม่กลัวเลย..เพราะพี่รู้จักฝีมือแกดี และคนที่พุชชี่กล้าเอาอนาคตตัวเองไปฝากไว้แบบนี้.. พี่ว่าแกจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการซะมากกว่า”
เน็กซ์ยังนิ่งคิด อาร์ทให้กำลังใจทิ้งท้าย
“เลิกคิดมากได้แล้ว..ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงาน”
อาร์ทเดินออกไปทางห้องแต่งตัว เน็กซ์ยืนคิดอยู่อีกครู่เดียวแล้วจะตามไปแต่หันไปเห็นพุชชี่กลับเข้ามาพอดี
“กลับมาซะดึกเลยนะป้า..ขนาดรักมีอุปสรรค อะไรก็มาขวางไม่ได้เลยใช่มั้ย”
เน็กซ์ปากเสียประชดประชันโดยไม่รู้อะไร พุชชี่น้ำตาคลอเจ็บปวดเสียใจไม่อยากตอบโต้อะไรเลยเดินหนีเข้าไปทางห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดสระว่ายน้ำ เน็กซ์ถึงกับอึ้งไปด้วยความแปลกใจเลยรีบตามไปด้วยความเป็นห่วง

พุชชี่โยนกระเป๋าลงไว้ที่โซฟาแล้วเดินมายืนแถวประตูทางออกสระน้ำ พุชชี่ยืนร้องไห้ตัวสั่นอย่างน่าสงสาร เน็กซ์เดินตามเข้ามาเห็นก็ตกใจและเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นป้า”
“อย่าเข้ามาเน็กซ์...ไม่ใช่เรื่องของเธอ.. ขึ้นไปนอนซะ”
“แต่ป้าร้องไห้แบบนี้ จะให้ผมไม่สนใจเลยได้ยังไง เพราะน้องสาวกัปตัน ใช่มั้ย..ถ้าเขาทำให้ป้าต้องเป็นแบบนี้ ผมว่าป้าควรเลิกกับกัปตันซะ”
“หยุดเซ้าซี้เรื่องของชั้นซะที !!..เธอกำลังทำผิดกฏของมาดามพุชชี่”
“เอะอะอะไรก็กฏของมาดาม ห้ามทุกคนไม่ให้ยุ่ง แต่ตัวเองกลับยุ่งเรื่องคนอื่นทุกเรื่อง”
“เพราะชั้นเป็นคนตั้งกฏไง ทุกคนในบ้านนี้ถึงต้องทำตามกฏของชั้น แล้วก็ไม่ต้องมาขู่ชั้นด้วยว่าจะเลิกเป็นดารา ถ้าไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องเป็น เพราะชั้นก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน ไปซะ...ชั้นอยากอยู่คนเดียว”
เน็กซ์ยังไม่ยอมไป เขายังคงยืนมองพุชชี่
“ได้..เธอไม่ไปชั้นไปเอง”
พุชชี่จะเดินออกไปทางสระน้ำ แต่เน็กซ์คว้าข้อมือเอาไว้แล้วดึงเธอมากอดรวบไว้แนบอกทันที พุชชี่ตกใจ
“จะทำอะไรชั้น..ปล่อยนะ”
เน็กซ์กอดแน่นไม่ยอมปล่อย “อยากด่าก็ด่ามา อยากให้เงียบไม่พูดอะไรก็ได้ แต่ขออย่าง เดียว ขอให้ไหล่ผมเป็นที่ซับน้ำตาให้ป้าจนกว่าจะหยุดร้องไห้ได้มั้ย”
พุชชี่อึ้ง “เน็กซ์”
“หรือถ้าป้าหงุดหงิดอยากทุบอยากตีระบายอารมณ์ก็ทำได้เลย.. ผมสัญญาว่าจะไม่เซ้าซี้ ไม่อยากรู้อยากเห็น ไม่ถามอะไรทั้งนั้น..จะแอคติ้งเป็นเสาไฟยืนเฉยๆมันอย่างนี้แหละ”
แล้วเน็กซ์ก็เอาแต่ยืนนิ่งๆกอดพุชชี่เอาไว้ พุชชี่ยิ่งน้ำตาไหลจนปล่อยโฮและกอดเน็กซ์ไปโดยไม่พูดอะไรออกมา

ทีมงานจัดเตรียมเสื้อผ้าของทั้งเน็กซ์และแพตตี้กำลังเตรียมพร๊อพเพื่อทำการ Fitting ละคร ฝ่ายเสื้อผ้ากำลังรีดชุด โดยมีเลขาของจุ๋งยืนดูแลอยู่
จุ๋งเพิ่งเข้ามาดูความเรียบร้อยแล้วพูดโดยมีอาการหางตาข้างขวากระตุกตลอดขณะพูดกับเลขา “ถ้าทุกอย่างในนี้โอเคแล้ว อย่าลืมไปดูแลพี่ๆน้องๆสื่อที่จะมาทำข่าววันนี้ด้วยนะ”
“ค่ะพี่จุ๋ง” เลขาสงสัย “ว่าแต่ตาพี่เป็นอะไรเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ..มันกระตุกตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ข้างขวาด้วยนี่คะ..โบราณว่าจะมีลางร้าย”
“ไร้สาระน่า..เมื่อคืนชั้นคงนอนน้อยไปหน่อยมากกว่า”
ทีมงานผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา “พี่จุ๋งคะ..แย่แล้วค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เอ่อ..หนูว่าพี่จุ๋งไปดูเองดีกว่าค่ะ”

จุ๋งมองลูกน้องด้วยสีหน้าแปลกใจ ทีมงานเดินนำ จุ๋งและเลขารีบเดินตามออกไป
 
อ่านต่อหน้า 3

มาดามดัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

กลุ่มแฟนคลับเน็กซ์กับกลุ่มแฟนคลับของแพตตี้ที่มียุวดีซึ่งปลอมตัวมาเป็นหัวโจกกำลังเปิดฉากโห่ไล่และด่ากันที่บริเวณลานจอดรถ

แฟนคลับเน็กซ์ “นังพวกแอ๊บแบ๊ว..อย่างแพตตี้ไม่เหมาะจะเป็นนางเอกของเน็กซ์หรอก”
แฟนคลับเน็กซ์คนอื่นๆ สนับสนุน “ใช่ๆ”
“ทำอย่างกับพระเอกของพวกแกมันดีตาย ถ้าไม่บำเรอนังพุชชี่ จะมีวันนี้เหรอ”
แฟนคลับแพตตี้คนอื่นๆ เห็นด้วย “จริงด้วย”
แฟนคลับเน็กซ์สวน “แล้วแพตตี้ล่ะ..เตี้ยก็เตี้ย ถ้าไม่โมมาหน้าก็บ้านๆงั้นๆแหละ”
แฟนคลับเน็กซ์ทั้งหมดเห็นด้วย “ใช่ๆ”
“พูดงี้..ลุยกันเลยดีกว่ามั้ง... พวกเราลุย”
กลุ่มแฟนคลับทั้งสองฝั่งของขึ้นจึงพุ่งเข้าไปประทะจิกตบกันจนวุ่นวาย พวกนักข่าวที่มารอทำข่าวFittingได้ช็อตเด็ดจึงถ่ายรูปกันใหญ่ จุ๋ง เลขา กับทีมงานที่ไปตามเดินมาเห็นก็เกือบช็อค
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
ทีมงานอธิบาย “แฟนคลับเน็กซ์กับแฟนคลับแพตตี้เปิดศึกยำกันไงคะพี่จุ๋ง”
“ชั้นเห็นแล้วย่ะ ตาไม่ได้บอด มัวยืนดูกันอยู่ทำไม..รีบห้ามสิ เดี๋ยวก็หัวร้างข้างแตกกันหมดหรอก”
ทีมงานรีบเข้าไปช่วยห้ามศึกระหว่างกลุ่มแฟนคลับ จุ๋งเห็นแล้วก็แทบจะหน้ามืด เลขารีบยื่นยาดมให้ จุ๋งรับมาแล้วสูดยาว หนูดอกเดินเร็วๆเข้ามาหยุดมองเหตุการณ์ หนูดอกรู้สึกคุ้นๆหน้ายุวดีจึงพยายามเพ่งมองให้แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า

เน็กซ์กำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผม ในขณะที่พุชชี่กับหนูดอกกำลังยืนคุยกัน
“วุ่นวายเลยค่ะมาดาม ตีกันอย่างกับคอนเสิร์ตเพลงเพื่อชีวิต กว่าจะห้ามให้หยุดได้ โดนลูกหลงกันไปหลายคน”
“ไปว่าพวกแฟนคลับไม่ได้หรอก เวลาเขารักใครชอบใคร เขาก็คิดว่าเป็นลูกเป็นหลาน เป็นพี่เป็นน้อง ถึงพยายามช่วยปกป้องกันเต็มที่”
“แต่ปกติแฟนคลับเขาก็ไม่ทำกันถึงขนาดนี้หรอกค่ะ ถ้าไม่มีคนเสี้ยม ยุให้ตีกัน หวังให้ เป็นข่าวดัง”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็ตัวหัวโจกในกลุ่มแฟนคลับแพตตี้น่ะสิคะ หนูเห็นแล้วหน้าคุ้นมากๆ” หนูดอกนึก “หน้าเหมือนยัยยุวดีคนติดตามของแพตตี้เลย”
พุชชี่ทำสีหน้าครุ่นคิด ในขณะที่เน็กซ์ตั้งใจฟังอยู่ตลอด

แพตตี้กำลังนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ เจ๊เมี่ยงเดินเข้าไปหา
“เข้าใจคาแรคเตอร์ของตัวละครที่หนูต้องเล่นดีแล้วใช่มั้ยคะ”
“ค่ะเจ๊..ป้าแต๋วให้คำแนะนำหนูเยอะมาก พอหนูลองเล่นให้ดู ป้าแต๋วก็ชมใหญ่เลย” แพตตี้ว่า
“ดีมากค่ะ..ยิ่งวันนี้หนูจะได้ลอง Fitting ใส่เสื้อผ้าของตัวละครแล้วด้วย เด็กเจ๊จะต้องเริ่ด เชิ่ดสุดๆ”
“ค่ะเจ๊.. หนูจะไม่ทำให้เจ๊ผิดหวังแน่”
“ดีจ้ะ”
เสียงพุชชี่ดังขึ้น “ปล่อยชั้น....มาจับชั้นไว้ทำไม”
ทุกคนในห้องหันไปมองทางประตู เจ๊เมี่ยงรีบเดินไปเปิดประตูแง้มออกแล้วแอบดู เจ๊เมี่ยงเห็นพุชชี่พยายามจะเข้ามาในห้องแต่ถูกทีมงานผู้หญิงจับเอาไว้
“มีอะไรค่อยคุยกันทีหลังนะคะมาดาม กลับไปห้องตัวเองเถอะค่ะ” ทีมงานบอก
“ชั้นแค่จะเข้าไปคุยกับเจ๊เมี่ยง ไม่ได้คิดจะมีเรื่อง” พุชชี่ว่า
“แต่พี่จุ๋งสั่งเอาไว้ว่า วันนี้ต้องคอยกันไม่ให้มาดามกับเจ๊เมี่ยงอยู่ใกล้กัน” ทีมงานไหว้ “หนูขอนะคะพี่ ไม่งั้นหนูโดนพี่จุ๋งไล่ออกแน่”
พุชชี่มองทีมงานเด็กใหม่แล้วเดินหัวเสียออกไป ทีมงานหญิงเดินตามประกบ
 
เจ๊เมี่ยงที่เปิดประตูแอบดูเดินออกมาหน้าห้องมองตามพุชชี่แล้วยิ้มร้ายก่อนจะรีบเดินตามพุชชี่ไป

พุชชี่เดินสีหน้าหงุดหงิดโดยมีทีมงานหญิงเดินตามประกบ พุชชี่หยุดเดินแล้วหันมาว่าทีมงาน

“นี่...ไม่ต้องตามแจขนาดนี้ก็ได้....ชั้นจะไปเข้าห้องน้ำ.... จะไปไหนก็ไป”
ทีมงานเดินแยกไปอีกทาง พุชชี่ออกเดินต่อแล้วเจ๊เมี่ยงก็เดินตามมาเรียกไว้
“หยุดก่อนนังพุชชี่ พี่จุ๋งอุตส่าห์แยกห้องแต่งหน้า-ทำผมให้เด็กชั้นกับเด็กหล่อนแล้ว แต่หล่อนก็ยังสาระแนอยากมาหาเรื่องชั้นอีกเหรอ”
“คนที่สาระแนอยากหาเรื่องโดนด่าก่อนมันคือเจ๊ต่างหากไม่ใช่ชั้น”
“เจ๊ไปหาเรื่องอะไรหล่อนยะ”
“วิชามารเยอะนะเจ๊ กลัวเน็กซ์จะเป็นซุปตาร์แซงหน้าเด็กเจ๊เหรอไง ถึงส่งยุวดีปลอมตัว เป็นแฟนคลับแพตตี้ ไปยุให้พวกแฟนคลับเขาตีกัน”
เจ๊เมี่ยงป้องปากหัวเราะ “ชั้นเนี่ยนะจะกลัวเน็กซ์เป็นซุปตาร์เกินหน้าเด็กชั้น..กลัวตายแล้ว โอ๊ย..กลัว..กลัวจังเลย”
พุชชี่หมั่นไส้ “กระแดะ !”
เจ๊เมี่ยงเกือบหน้าทิ่ม “พุชชี่..นังหอยเชอรี่”
“เจ๊นั่นแหละ..นังปลวกแทะ..อุ๊ย..ฟังดูสิคะเจ๊ ได้ยินมั้ย เสียงแกร๊ก..แกร๊ก..แกร๊ก”
พุชชี่ทำเสียงลงคอแปลกๆประหนึ่งว่าเป็นเสียงปลวกกำลังแทะไม้ให้เจ๊เมี่ยงฟัง
เจ๊เมี่ยงสงสัย “ทำเสียงอะไรแปลกๆของหล่อนอีกยะ”
“ก็เสียงปลวกแทะไม้ไงคะเจ๊ เพราะมีนางพญาปลวกอยู่แถวนี้ ปลวกมันเลยเดินยั๊วเยี้ยะ เต็มไปหมด”
“อ๊าย...นังพุชชี่...ด่าชั้นเป็นปลวกแบบนี้ มาตบกันเลยดีกว่า”
เจ๊เมี่ยงเหวี่ยงฝ่ามือใส่ แต่พุชชี่ฉากหลบได้ทันทำให้เจ๊เมี่ยงหน้าคะมำตามแรงเหวี่ยงของตัวเอง พุชชี่ได้ทีเลยถีบตูดเจ๊เมี่ยงจนล้มแผ่
พุชชี่หัวเราะชอบใจ “ตายแล้วนางพญาปลวกกำลังจะหารูมุดลงดิน”
“นังพุชชี่ !!”
เจ๊เมี่ยงรีบลุกแล้วปรี่ไปจิกผมพุชชี่มาตบหน้าดังเพี๊ยะ พุชชี่หน้าหัน เธอเจ็บใจมากจึงใช้สองมือบีบคอเจ๊เมี่ยงทันที ทั้งสองคนบีบคอกันจนหน้าดำหน้าแดง ระหว่างนั้นจุ๋งกับเลขาก็เข้ามาเห็น
“หยุด..หยุด..ชั้นบอกให้หยุด”
เสียงแหวกอากาศของจุ๋งทำเอาพุชชี่กับเจ๊เมี่ยงหยุดทันทีและเปลี่ยนจากบีบคอพยายามจะฆ่ากันหันมากอดคอกันหวานแหว๋วแบบรักกันสุดฤทธิ์
“หยุดอะไรเหรอคะพี่จุ๋ง”
“ก็ที่พวกหล่อนกำลังจะฆ่ากันตายอยู่นี่ไง”
“ฆ่ากันตาย..เปล่านะคะพี่จุ๋ง เข้าใจผิดแล้วค่ะ”
“ใช่ๆๆ ใช่ค่ะ เรากำลังลองซ้อมบทละครกันอยู่ต่างหาก จะได้กลับไปต่อบทให้หนูแพตตี้ กับเน็กซ์ไงคะ ใช่มั้ยจ๊ะพุชชี่”
พุชชี่หันมายิ้มหวานกับเจ๊เมี่ยง “แกร๊ก..แกร๊ก..แกร๊ก...แกร๊ก”
เจ๊เมี่ยงจิกหน้าแล้วทำปากขมุบขมิบ “นังนี่..ยังไม่เลิกอีก” เจ๊เมี่ยงใช้มือที่อยู่ข้างหลังแอบหยิกเอวพุชชี่
“โอ๊ย !!”
ทั้งสองคนแอบลอบทำร้ายกันต่อหน้าต่อตาจนจุ๋งระอาใจและเหนื่อยหน่าย
“นี่...พอกันได้แล้ว..แยกย้ายไปดูแลเด็กตัวเองแล้ว อย่ามาเข้าใกล้กันอีก..ไป”
เจ๊เมี่ยงกับพุชชี่พูดพร้อมกัน “ค่ะพี่จุ๋ง”
เจ๊เมี่ยงกับพุชชี่ฉีกยิ้มกลบเกลื่อนแล้วปรายหางตาใส่กันก่อนจะแยกกันออกไปกลับไปทางห้องตัวเอง เลขาจุ๋งยื่นยาดมให้ จุ๋งรับไปแล้วยัดใส่จมูกก่อนจะสูดยาว

ณ บริเวณบริษัทที่จัดไว้ให้นักข่าวถ่ายรูปทำสัมภาษณ์ แพตตี้อยู่ในชุดคุณหนูมั่นๆ และสวยหวานปนเท่ตามบทในละคร เจ๊เมี่ยงยืนประกบให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอยู่
“หนักใจมั้ยคะน้องแพตตี้ เล่นละครเรื่องแรกก็ได้บทนางเอกแล้ว”
“ก็มีบ้างค่ะ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด จะไม่ให้ทุกคนต้องมาเสียเวลาเพราะแพตตี้”
“แล้วการทำงานกับเน็กซ์ล่ะจ๊ะ จะมีปัญหาเหมือนกับที่เคยเป็นข่าวรึเปล่า”
“แพตตี้เคยผิดพลาดเพราะอารมณ์ชั่ววูบไปแล้ว จะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก แต่ถ้าระหว่าง ถ่ายทำ ความใกล้ชิดจะทำให้ความรู้สึกเก่าๆของเรากลับมา ก็คงต้องดูกันอีกที แพตตี้เป็นคนโกรธง่ายหายเร็วค่ะ”
“แสดงว่าจะมีโอกาสจิ้นทั้งในจอนอกจอเลยใช่มั้ยจ๊ะ”
“แหม..เจ๊ว่าถามแต่เรื่องงานของน้องแพตตี้ก่อนดีกว่านะคะพี่ๆน้องๆขา น้องเขาตั้งใจ กับงานนี้มากนะคะ”
เจ๊เมี่ยงบอกนักข่าวแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นหนูดอกกับพุชชี่พาเน็กซ์ที่แต่งตัวหล่อมาดคุณชายมาให้สัมภาษณ์นักข่าวในมุมที่จัดไว้อีกด้าน นักข่าวส่วนใหญ่ที่สัมภาษณ์ถ่ายรูปแพตตี้อยู่ก็รีบแยกตัวตามไปสัมภาษณ์และถ่ายรูปเน็กซ์โดยเหลือนักข่าวอยู่กับแพตตี้แค่ไม่กี่คน เจ๊เมี่ยงจิกหน้าแล้วหันมามองชุดแพตตี้อย่างไม่พอใจ
“หนูให้สัมภาษณ์นักข่าวไปก่อนนะ..เดี๋ยวเจ๊มา”
“มีอะไรเหรอคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงกระซิบ “ไม่เห็นเหรอ..เน็กซ์มาแบรนเนมทั้งชุดแบบนั้น เชอะ..เจ๊ไม่ยอมให้นังพุชชี่จัดเต็มเด็กมันคนเดียวหรอก”

พูดจบเจ๊เมี่ยงก็เดินออกไปที่ห้องเสื้อผ้า แพตตี้ให้นักข่าวถ่ายรูปต่อแต่สายตามองไปทางเน็กซ์ซึ่งกำลังถูกนักข่าวรุมถ่ายรูปอยู่

ในห้องลองเสื้อผ้า ที่ราวแขวนเสื้อผ้าสำหรับ Fitting ของแพตตี้ เจ๊เมี่ยงคว้าชุดขึ้นมาต่อหน้าทีมเสื้อผ้า

“คุณน้องขา..ทำอย่างนี้กับน้องแพตตี้ได้ไงคะ ทีกับเน็กซ์จัดแบรนด์เนมให้ทั้งชุด แต่ของ แพตตี้หางตาดูก็รู้ว่าแพลตตินั่ม”
คอสตูมที่เป็นกระเทยพูด “แต่เสื้อผ้าทุกชุดที่ใส่ฟิตติ้งวันนี้ พี่จุ๋งกับป้าแต๋วเคาะเองนะคะเจ๊”
“แต่ป้าแต๋วกับพี่จุ๋งจะเคาะเสื้อผ้าพวกนี้ได้ พวกหล่อนก็ต้องขายงานให้เขาดูก่อน” เจ๊เมี่ยงใช้หางตามองอย่างหมั่นไส้และพูดแขวะ “ชิ..ลำเอียงเห็นๆ..ใช่สิ ทั้งหล่อทั้งขาวทั้งล่ำ เก้งกวางอย่างพวก หล่อนก็ต้องเอาใจสุดฤทธิ์ ชะนีเด็กเจ๊จะสู้ได้ไง”
“อ้าวเจ๊..พวกหนูมืออาชีพนะ”
“แต่ชั้นมืออาชีพกว่าพวกหล่อน คอยดูนะ..ชั้นจะบอกพี่จุ๋ง”
พุชชี่เดินเข้ามา “น่าเกลียดไปป่ะเจ๊..เที่ยวมาโทษมืออาชีพ ทั้งๆที่ตัวเองวันๆไม่ทำอะไร ดีแต่ ตั้งหน้าตั้งตาคิดแผนชั่วๆกลัวคนอื่นจะรุ่งกว่าตัวเอง”
“นังพุชชี่ !!”
พุชชี่จ้องเจ๊เมี่ยงเขม็งแต่ปากบอกพวกคอสตูม “น้องคะ..เห็นพี่จุ๋งถามหาคอสตูมอยู่ เดี๋ยว ทางนี้พี่เคลียร์ให้”
พวกคอสตูมพากันเดินออกไปเพราะรู้ดีว่ากำลังจะเกิดศึกใหญ่ระหว่างคนทั้งสองที่จ้องหน้ากันและฮึ่มๆ ใส่กันจนแทบจะได้ยินเสียงคำรามในลำคอเวลาที่เสือสองตัวกำลังป๊ะหน้ากัน

ป้าแต๋วกับจุ๋งกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว
“รับรองมันส์แน่ค่ะ..เพราะละครคุณหนูวุ่นวายกับคุณชายฉ่ำโบ๊ะ เป็นเรื่องราวของคุณชายมาดเนี๊ยบที่ไปตกหลุมรักคุณหนูสุดเฮี้ยว แต่คุณชายดันเคยไปหักอกพี่สาวคุณหนู ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลโรคจิต คุณชายเลยต้องพยายามสุดฤทธิ์ที่จะทำให้คุณหนูมารักตัวเองให้ได้” ป้าแต๋วบอก
“ความแซ่บของละครอยู่ที่คุณชายต้องปลอมตัวเป็นทอมฮ่ะ เข้าไปเป็นคนรับใช้ที่บ้านคุณหนู จากนั้นเรื่องราวก็จะแซ่บเว่อร์ สนุกทุกเบรค จิ้นทุกสามนาทีเลยค่ะ”
“ถูกต้องค่ะ..ป้าแต๋วคอนเฟิร์ม”
ระหว่างนั้นผู้ช่วยฯ ก็เข้ามาจากทางห้องลองเสื้อผ้าแล้วเข้ามาบอกบางอย่างกับจุ๋งจนจุ๋งหน้าเสียต้องรีบหันไปยิ้มกลบเกลื่อนกับนักข่าว
“พี่ๆน้องๆคะ..เดี๋ยวเราต้องเริ่ม Fitting กันแล้ว ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
จุ๋งรีบควงป้าแต๋วพาเข้าไปข้างในอย่างรีบร้อน พอพ้นกลุ่มนักข่าวมาได้ป้าแต๋วก็ถาม
“มีอะไรเหรอคะพี่จุ๋ง”
“นังเมี่ยงกับพุชชี่น่ะสิ..มันกำลังจะฮึ่มๆกันอีกแล้ว”
ป้าแต๋วตบอกด้วยความตกใจ แล้วทั้งหมดก็รีบเดินไปทางห้องลองเสื้อผ้า กลุ่มนักข่าวมองตามไปอย่างสงสัยในพฤติกรรม

พุชชี่และเจ๊เมี่ยงเดินมาคนละข้างก่อนจะมาประจันหน้ากัน พุชชี่กับเจ๊เมี่ยงจิกหน้ามองหน้าและฮึ่มใส่กัน
“จะเอายังไงห๊ะ !! นังหอยเชอรี่ ถ้าคิดจะมาเล่นสงครามประสาทกับชั้นล่ะก็ เสียใจ !! ชั้นไม่หลงกลหล่อนง่ายๆหรอก”
“อุตะ..ขนาดไม่หลงกล เจ๊ยังตะแล๊ดแต๊ดแต๋มาเหวี่ยงใส่คอสตูมเลย นี่ถ้ารู้ว่าโปรเจค หนังเมืองคานส์ของหม่อมจะเอาเน็กซ์ไปเสียบแทนหมอกี้ติสแตกล่ะก็ เจ๊คงอกแตก ตาย..อุ๊บส์ !! หลุดความลับจนได้”
เจ๊เมี่ยงอึ้ง “ไม่จริง..หล่อนอย่ามาสะตอ”
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะเจ๊” พุชชี่ทำสีหน้าจริงจัง “เหมือนอย่างเรื่องของแอนไง ถึงจะไม่มี ใครรู้ความจริง แต่ชั้นนี่แหละจะใช้ความจริงทำลายเจ๊ !”
พุชชี่จ้องหน้าอาฆาตแล้วสะบัดบ๊อบแล้วจะเดินออกไป เจ๊เมี่ยงเจ็บใจจึงหันไปทางราวแขวนชุดของแพตตี้แล้วคว้าไม้แขวนเสื้อปาใส่พุชชี่ทันที
“นี่แน๊ะนังพุชชี่ ชั้นเหลืออดกับหล่อนแล้ว”
เจ๊เมี่ยงปรี่เข้าไปผลักพุชชี่อย่างแรงจนเซล้มใส่ราวแขวนเสื้อผ้าของเน็กซ์จนล้มระเนระนาด แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากแลกตบกันสนั่นโดยอะไรอยู่ใกล้มือก็คว้ามาเป็นอาวุธขว้างปาใส่กัน โดนบ้าง หลบได้บ้าง
พุชชี่โดนของปาใส่ “อ๊าย....นังเจ๊ !”
พุชชี่เจ็บใจจึงหันไปคว้ากล้วยหอมจากถาดผลไม้ที่อยู่ใกล้มือปาใส่เจ๊เมี่ยง
“อ๊าย..นังพุชชี่..นี่หล่อนให้กล้วยชั้นเหรอ”
“ก็ของโปรดเจ๊ไม่ใช่เหรอ” พุชชี่เอากล้วยหอมปาใส่เจ๊เมี่ยงอีก
“อ๊าย..นังบ้า”
เจ๊เมี่ยงปาของใส่แบบสู้ตาย ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกอย่างแรง ป้าแต๋ว จุ๋ง เลขาของจุ๋ง และผู้ช่วยสาวรีบเข้ามาห้าม
ป้าแต๋วกับจุ๋งตะโกน “หยุด.....หยุดเดี๋ยวนี้”
ระหว่างนั้นพวกนักข่าวที่ได้ยินเสียงโครมครามก็ไม่รอช้ารีบเข้ามาในห้องลองเสื้อผ้าแล้วรุมถ่ายรูปกัน จุ๋งกับป๋าแต๋วเห็นนักข่าวก็ถึงกับตบอกด้วยความตกใจ
“ใครก็ได้ไปห้ามอีสองตัวนั่นที”
“ป้า..ป้าแต๋ว...จุ๋ง..จุ๋งจะเป็นลม”
“อย่าเพิ่งเป็นลมนะคะพี่จุ๋ง..เอ้า..ใครก็ได้ มาพาพี่จุ๋งออกไปเร็ว”
ผู้ช่วยและเลขาจุ๋งรีบเข้ามาช่วยพยุงจุ๋งที่กำลังหน้ามืดออกไปจนเหลือป้าแต๋วที่หน้าเครียดปรี่เข้าไปห้าม
“หยุด..ชั้นบอกให้หยุด..ถ้าไม่หยุด..ชั้นจะถอนตัว..ชั้นจะไม่ กำกับละครเรื่องนี้ !!!หยุด” ป้าแต๋วอ้าปากร้องลั่น “อ๊าย..”
ป้าแต๋วอ้าปากตะโกนเสียงดังลั่น ทันใดนั้นกล้วยหอมก็พุ่งเข้าปากป้าแต๋วเต็มๆ ทุกคนหันขวับไปมองเห็นกล้วยหอมเป็นดุ้นคาอยู่ในปากป้าแต๋วที่กำลังตกใจจนตาค้าง นักข่าวหันขวับยกกล้องถ่ายภาพกล้วยหอมคาปากป้าแต๋วกันใหญ่ พุชชี่กับเจ๊เมี่ยงเห็นแบบนั้นก็ตกใจจนหน้าเสีย

“กล้วยทั้งดุ้นเลย..ซวยแล้ว”

หนังสือพิมพ์บันเทิงรายวันฉบับหนึ่งลงรูปใหญ่ “ปาแต๋วอมกล้วย” ป้าแต๋วพูดกับอนุพงษ์
 
“ดูสิคะพี่อนุพงษ์.....เต็มๆเลย ต่อให้ขอโทษยังไง ป้าก็ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วค่ะ”
“ใจเย็นก่อนน่าป้าแต๋ว”
“เย็นไม่ไหวแล้วค่ะ หน้าแต๋วกลายเป็น พรีเซนเตอร์ขายกล้วยไปแล้ว”
“จุ๋งก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ..ถึงข่าวความวุ่นวายที่ออกไปจะทำให้มีกระแสผู้ชมรอดูละคร เรื่องนี้อย่างล้นหลามชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถ้าต้องทำงานไปแล้วต้องปวดหัว กับยัยสองตัวนี่อีก..จุ๋งจะเลิกเป็นผู้จัด ขอรับงานเล่นละครอย่างเดียว”
พุชชี่ยกมือไหว้จ๋อยสุดๆ “พุชชี่ขอโทษค่ะพี่จุ๋ง..ป้าแต๋ว”
เจ๊เมี่ยงไหว้ “เมี่ยงก็ขอโทษด้วยค่ะ”
ป้าแต๋วกับจุ๋งหางตามองดูอย่างไม่ค่อยอยากจะรับคำขอโทษ
“เอาล่ะๆ อย่าให้มันเลวร้ายไปกว่านี้เลย เห็นแก่พี่เถอะนะ ไม่ทันจะเปิดกล้องยังแสบ แซ่บได้ขนาดนี้ ยังไงละครเรื่องนี้ต้องโกยเรตติ้งถล่มทลายแน่ๆ อย่าถอนตัวเลยนะป้าแต๋ว...นะคุณจุ๋ง”
ป้าแต๋วกับจุ๋งนิ่งไปแล้วมองหน้ากันอย่างตัดสินใจ
“งั้นพี่อนุพงษ์ก็ต้องมีมาตรการเด็ดขาดกับสองคนนี้”
“ได้..พี่ขอสั่งพุชชี่กับเมี่ยงเลยนะ.. ต่อไปนี้ห้ามสองคนเข้าไปก่อเรื่องวุ่นวายที่กองถ่ายอีก ถ้ามีใครเห็นเข้าไปป้วนเปี้ยน จะให้ทีมงานไล่ออกไป”
“ไม่ได้นะคะพี่อนุพงษ์”
“นั่นสิคะ..เด็กของเมี่ยง เมี่ยงก็ต้องตามไปดูแล”
“อย่ามาอ้างว่าพวกหล่อนทำเพราะต้องการดูแลเด็ก เพราะถ้ารักเด็กในสังกัดตัวเอง จริงๆ พวกหล่อนจะไม่หาเรื่องทำลายอนาคตเด็กแบบนี้แน่”
เจ๊เมี่ยงกับพุชชี่หน้าจ๋อยเพราะไม่กล้าเถียง
“งั้นตกลงตามนี้..จนกว่าละครจะถ่ายทำเสร็จ พวกเธอห้ามเหยียบเข้ากองถ่ายเด็ดขาด เข้าใจมั้ย?” อนุพงษ์สั่ง
พุชชี่กับเจ๊เมี่ยงหน้าจ๋อยก่อนจะยอมรับพร้อมกัน ‘ค่ะ’ เสียงอ่อยๆ

รถเจ้าม้าป่าจอดหันหัวรถเข้าบ้านของพุชชี่ พุชชี่กลับเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด เธอจะเดินไปที่โซฟา แต่หนูดอกเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานพอดี
“เป็นไงบ้างคะมาดาม” หนูดอกถาม
“โดนพี่อนุพงษ์คาดโทษห้ามเข้าไปยุ่งในกองถ่ายจนกว่าละครจะถ่ายเสร็จ”
“แล้วเจ๊เมี่ยงล่ะคะ”
“โดนเหมือนกัน”
“งั้นมาดามไม่ต้องห่วง..หนูดอกจะตามไปดูแลที่กองถ่ายให้เอง”
“ขอบใจนะ..แล้วเน็กซ์ล่ะ”
“แต่งตัวอยู่ค่ะ เดี๋ยวหนูดอกจะพาออกไปทำงาน”
พุชชี่พยักหน้ารับแล้วจะเข้าไป แต่หนูดอกนึกขึ้นได้
“มาดามคะ....เมื่อกี้นี้กัปตันโทรมา เห็นข่าวที่มาดามมีเรื่องกับเจ๊เมี่ยงวันฟิตติ้งละคร เลยเป็นห่วงถามว่ามาดามจะกลับมาเมื่อไหร่ เขาจะแวะมาหาค่ะ”
พุชชี่ชะงัก “หนูดอก เดี๋ยวชั้นพาเน็กซ์ไปเอง....ถ้าพี่ติณมา เธอบอกเขาไปว่าชั้นพาเน็กซ์ไปทำงาน วันนี้คงยุ่งทั้งวัน”
“อ้าว..ทำไมล่ะคะ”
“ไม่ต้องถาม..ทำตามที่สั่ง”
พุชชี่สั่งหนูดอกแล้วรีบเดินเข้าด้านในไปทันที หนูดอกมองตามด้วยสีหน้าสงสัย

เจ๊เมี่ยงนั่งอยู่ที่ห้องโถง แพตตี้ยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองเข้ามา เจ๊เมี่ยงส่ายหน้ายืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับโทรศัพท์ในมือแพตตี้ซึ่งพ่อของแพตตี้เป็นคนโทรมา เจ๊เมี่ยงเอามือปิดโทรศัพท์ไว้ไม่ให้ธีระได้ยินแล้วก็พูด
“ไม่ค่ะ..หนูเป็นพ่อลูกกัน คุยกันเองน่าจะเคลียร์กว่าคนนอกอย่างเจ๊”
เจ๊เมี่ยงพริ้วเอาตัวรอดลุกหนีจะฉากหลบ แต่แพตตี้คว้าข้อมือไว้แล้วเอามือปิดโทรศัพท์ก่อนพูด
“เจ๊ !! ไม่ต้องพริ้วเลย จะช่วยหนูหลอกล่อป๋า หรือจะให้ป๋าตามมาเอาเรื่องเจ๊อีก”
เจ๊เมี่ยงชะงัก “ไม่เอาค่ะ...เห็นปืนโตของป๋าหนูแล้ว เจ๊ยังสยองขนลุกไม่หายเลย”
“งั้นเจ๊ก็ต้องช่วยหนูกล่อมให้ป๋าเชื่อว่า หนูกับเน็กซ์จำเป็นต้องเล่นละครด้วยกัน ไม่มี อะไรมากกว่านั้น”
เจ๊เมี่ยงมองโทรศัพท์ในมือแพตตี้แล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก แพตตี้ยื่นโทรศัพท์ให้
 
เจ๊เมี่ยงจำใจรับมาแล้วค่อยๆเอาโทรศัพท์แนบหูเตรียมคุยกับธีระ
 
อ่านต่อหน้า 4

มาดามดัน ตอนที่ 9 (ต่อ)

ธีระที่อ่านหนังสือพิมพ์บันเทิงอยู่หันกลับมาพูดด้วยความโกรธ มือหนึ่งกำหูโทรศัพท์มือถือ
 
ส่วนอีกมือถือหนังสือพิมพ์บันเทิงจ้องเขม็งที่ภาพข่าวเน็กซ์กับแพตตี้ซึ่งเล่นละครเรื่องคุณหนูวุ่นวายกับคุณชายฉ่ำโบ๊ะ “แค่เปิดกล้องก็แซ่บเว่อร์ ทั้งคู่จิ้นคู่ตบ”
“คู่จิ้นเหรอ” ธีระตะคอก “ชั้นสั่งแกไว้ว่าอะไร..หา !! นังเมี่ยง”
เจ๊เมี่ยงสะดุ้งโหยงแล้วพูดเสียงสั่น แพตตี้เอาหูแนบโทรศัพท์เพราะอยากฟังด้วย
“ก็..ก็สั่งไว้ว่าให้..ให้ดูแลหนูแพตตี้อย่างดี.. เมี่ยงก็ทำตามที่สั่งแล้วไงคะ”
“แต่ชั้นไม่อนุญาตให้แพตตี้เล่นละครคู่กับไอ้บักหมา”
“คุณป๋าขา...ก็แค่เล่นละครด้วยกันเองนะคะ มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย”
“แค่เล่นละครด้วยกันก็ไม่ได้.. แพตตี้กับมันจะใกล้ชิดกันไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไมคะคุณป๋า เมี่ยง..เมี่ยงไม่เข้าใจ”
“ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องเข้าใจ !!..แค่ไปถอนตัวแพตตี้จากละครเรื่องนี้ก็พอ”
แพตตี้เหลืออดดึงโทรศัพท์มาพูดเองเลย เจ๊เมี่ยงเอาหูแนบฟังด้วย “ป๋าคะ..โอกาสที่แพตตี้จะได้เป็นนางเอกเรื่องแรกมาถึงแล้ว แพตตี้จะไม่ถอนตัวเด็ดขาด”
“ป๋าไม่ได้ห้ามไม่ให้หนูเป็นนางเอกนะแพตตี้ เพียงแต่ว่า....”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นค่ะป๋า.. ป๋าสั่งไม่ให้แพตตี้ใจอ่อนกับเน็กซ์ แพตตี้ก็ทำตาม ไม่งั้นจะมีข่าวแพตตี้เอากุหลาบทิ่มหน้าเน็กซ์เหรอ”
“ข่าวนั่นป๋าเห็นแล้ว..สะใจป๋ามาก”
“นั่นไงคะป๋า..มันก็แค่ละครฉากหนึ่ง..ละครเรื่องหนึ่งเท่านั้น รับรองว่าไม่มีอะไรเกินเลย ไปกว่าที่ป๋าคิดแน่ๆ”
“แต่ถ้าเล่นละครด้วยกันแล้วต้องมีเลิฟซีน มีจูบจริงล่ะ ป๋ารับไม่ได้นะแพตตี้”
เจ๊เมี่ยงพยักหน้าบอกแพตตี้ว่าจะอธิบายเองแล้วเจ๊เมี่ยงก็เอาโทรศัพท์มาคุยกับเอง “เรื่องถึงเนื้อถึงตัว ป๋าไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เมี่ยงดูบทให้แล้ว มากสุดก็แค่จับมือมาดมๆหอมๆ ถ่ายเสร็จก็กลับต่างคนต่างแยกย้าย ถ้าคุณป๋าเห็นแล้วรับไม่ได้ก็นึกซะว่า.. แพตตี้กำลังจูบก้นหมาอยู่ก็ได้ค่ะ”
แพตตี้ชะงักมองหน้าเจ๊เมี่ยง“ก้นหมาเนี่ยนะเจ๊”
“เอาน่า…” เจ๊เมี่ยงพยักหน้าให้พูดต่อก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้
“นะคะป๋า...ไหนๆป๋าก็สนับสนุนให้แพตตี้เป็นซุปตาร์แล้ว มันก็แค่งานเท่านั้นเองจริงๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่นอนจริงๆค่ะป๋า.. นะคะป๋า.. เชื่อใจแพตตี้สิ” แพตตี้อ้อนสุดฤทธิ์
ธีระนิ่งไปเพราะแพ้ลูกอ้อน “ก็ได้…ถ้านังเมี่ยงมันกล้าสัญญากับป๋า และหนูก็สัญญากับป๋าด้วย ป๋าก็จะรอดูผลงานหนูนะ.. ลูกรักของป๋า ว่างก็มาเยี่ยมป๋าบ้างนะ..ป๋าคิดถึง”

แพตตี้คุยโทรศัพท์กับธีระต่อ
“ค่ะป๋า...หนูรักป๋านะคะ..จุ๊บๆ”
“เมี่ยงก็รักคุณป๋าเหมือนกันนะคะ..จุ๊บุ๊..จุ๊บุ๊” เจ๊เมี่ยงกดวางสาย
หลังวางสายไปทั้งคู่ก็หันมาเป่าปากโล่งอกแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ค่อยยังชั่ว..ในที่สุดด่านหินก็ผ่านไปได้..หายห่วง”
“แต่หนูว่าก็แค่ตอนนี้เท่านั้นเองค่ะเจ๊ ละครออนแอร์เมื่อไหร่แล้วป๋าเห็นว่ามีแต่ฉากเลิฟ ซีน คลุกวงในกอดรัดนัวเนียทุกตอนล่ะก็...”
“แหม..ละครแนวนี้ ก็ต้องมีฉากจิกหมอนนอนฟินพระนางเยอะๆสิคะ ไม่งั้นจะดังได้ไง”
แพตตี้ยังมีสีหน้าครุ่นคิด
“เอาน่า..ถึงตอนนั้นหนูก็ได้เป็นซุปตาร์สายฟ้าแล่บแล้ว จะมีคนทั้งประเทศคอยเชียร์อยู่ ข้างหลัง แค่ป๋าหนูเสียงเดียวจะสู้เสียงคนทั้งประเทศเรียกร้องได้ยังไง ใช่มั้ยคะหนู”

แพตตี้นิ่งคิดมองเจ๊เมี่ยงแล้วก็ยิ้มชอบใจเพราะก็จริงอย่างที่เขาว่า

ตุลยาในชุดแอร์โฮสเตสพร้อมกระเป๋าเดินทางก้าวลงบันไดมาเพราะจะออกจากบ้านแต่เจออินทัชพยายามขวางแล้วพูดขอโทษ

“ตุล..เราขอโทษ”
“ยังกล้ามาขอโทษชั้นอีกเหรอ..เพราะนายคนเดียวทำให้พี่ติณไม่มองหน้า ไม่คุยกับชั้น เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
“แล้วตุลจะให้เราทำยังไง เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นมานะ”
“จะโทษชั้นคนเดียวใช่มั้ย”
“เราไม่ได้จะโทษตุล แต่เราอยากให้เข้าใจสักที ถึงจะเหลือกันอยู่แค่ 2 คนพี่น้อง แต่ชีวิตของพี่ติณก็ไม่ใช่ของตุล สักวันเขาก็ต้องอยู่กับคนที่เขารัก แล้วตุลก็ต้องอยู่กับคนที่ตุลรักเหมือนกัน”
“คนที่ชั้นรักที่สุดมีแต่พี่ติณเท่านั้น”
“มีแค่พี่ติณคนเดียวจริงๆเหรอตุล”
“ใช่....”
“แล้วเราล่ะ.. เราจะเป็นคนที่ตุลรักบ้างไม่ได้เลยเหรอ”
ตุลยานิ่งแล้วมองหน้าอินทัชอย่างอึกอัก ระหว่างนั้นติณณภพก็กลับมาจากนอกบ้าน ตุลยาละความสนใจจากอินทัชไปทันที
“พี่ติณ..”
ติณณภพหยุดมองทั้งตุลยาและอินทัชที่ยกมือไหว้เขา ติณณภพรับไหว้อินทัชแล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่พูดอะไร เขาเดินขึ้นบันไดชั้น 2 ไปเลย
“พี่ติณ..พี่ติณ.. เห็นมั้ย..เพราะเจอนายอยู่ที่นี่ พี่ติณถึงยังไม่หายโกรธชั้น”
ตุลยาจะรีบเดินตามติณณภพ แต่อินทัชคว้าข้อมือของเธอไว้
“ตุล...”
“ปล่อยนะ..จะไปไหนก็ไป” ตุลยาพูดใส่หน้าอินทัชเสียงดัง
อินทัชน้อยใจสุดๆ “ได้...เราไปแน่...ต่อจากนี้ไป เราจะไม่มาให้ตุลเห็นหน้าเราอีกแล้ว ลาก่อน”
อินทัชปล่อยมือจากตุลยาแล้วเดินจากไปอย่างเศร้าๆ ตุลยาอึ้งไปแต่สองจิตสองใจไม่รู้จะตามอินทัชไปหรือจะตามติณณภพดี ในที่สุดเธอก็เลือกตามติณณภพไป

ติณณภพยืนสีหน้าเรียบเฉยขณะมองออกไปด้านนอกแถวประตูออกระเบียง ตุลยาขึ้นบันไดรีบตามติณณภพเข้ามาในห้อง
“พี่ติณ..ตุลเป็นน้องสาวพี่นะ เมื่อก่อนเวลาทำอะไรผิด พี่จะทั้งปลอบใจและให้กำลังใจ ตุลตลอด แต่กับเรื่องแค่นี้ พี่ถึงกับไม่สนใจตุล เอาแต่โทษว่าตุลผิด”
“พี่ไม่คิดโทษตุล แต่พี่โทษตัวเองต่างหาก เพราะพี่เลี้ยงน้องสาวอย่างผิดๆ คอยตามใจ มาตลอดไง ตุลถึงกลายเป็นเด็กนิสัยเสียแบบนี้”
“พี่ติณ !!”
“รู้มั้ยตุล..หลายวันมาเนี่ย พี่พยายามติดต่อน้องพัฒ ทั้งโทรไป ทั้งไปหาทุกที่ แต่พี่ก็ติด ต่อเขาไม่ได้ เพราะเขาพยายามหนีหน้าไม่อยากเป็นสาเหตุให้พี่กับตุลเข้าหน้ากันไม่ติด”
“ก็ดีแล้วนี่คะพี่ติณ.. ชีวิตพี่ควรจะเจอแต่ผู้หญิงดีๆ ไม่ใช่ผู้หญิงตีสองหน้าเก่งแบบนั้น”
“ไม่จริง !! พุชชี่ที่พี่รู้จักไม่ใช่คนแบบนั้น เขามีความจำเป็นที่ต้องมาเป็นมาดามพุชชี่”
“งั้นอะไรคือความจำเป็นของเขาคะพี่ติณ”
ติณณภพนิ่ง
“เห็นมั้ยคะ..พี่ใกล้ชิดเขาที่สุด พี่ก็ยังไม่รู้เลย แต่น้องรู้ ถ้าไม่ใช่เพราะชื่อเสียงเงินทอง แล้วจะมีใครทนฝืนสันดานตัวเองได้คะ วันๆมีแต่เรื่องตบตี มีแต่ข่าวฉาวๆ นั่นแหละค่ะ ตัวตนที่แท้จริงของพี่พัฒ” เข้าไปเกาะแขนขอร้องติณณภพ “เลิกยุ่งกับเขาเถอะค่ะ..นะคะพี่ติณ”
“ขอบใจมากนะตุลที่ห่วงพี่.. แต่คนที่ตุลควรจะเป็นห่วงคือคนที่พยายามทำดีกับตุลแล้ว ตุลไม่เคยมองเห็นความดีของเขามากกว่า”
ตุลยาอึ้ง “พี่ติณ”
“ต่อไปนี้..ไม่ต้องมาบงการชีวิตพี่อีก ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
ติณณภพพูดได้แค่นั้นก็เดินเข้าไปในบ้านแล้วก้าวขึ้นชั้น 3 ตุลยาหน้าชาเพราะเสียใจจนน้ำตาคลอเบ้า แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม

“น้องเหลือพี่ชายอยู่คนเดียว..น้องจะไม่หยุดแน่ !”

พุชชี่เดินด้วยร่างไร้สติและวิญญาณเข้ามาแล้วล้มตัวลงที่โซฟาด้วยอาการง่วงนอนและเหนื่อยเพลียมาก

“แอบเปิ้ล...เชอรี่..ใครก็ได้..เอากาแฟเข้มๆมาให้ชั้นแก้วนึง”
เน็กซ์เข้าประตูมา
“นี่มันตี 3 กว่าแล้วนะป้า ไม่มีใครเขามานั่งถ่างตารอรับใช้ป้าหรอก”
“แล้วเธอล่ะ.. ทำไมยังไม่นอน”
“จะให้นอนหลับได้ไง หลายวันมาเนี่ย กว่าป้าจะกลับมาก็เกือบเช้า หลับได้แค่ชั่วโมง สองชั่วโมงก็ออกไปอีก”
พุชชี่แก้ตัว “ก็ชั้นมีงานต้องทำนี่”
“งานอีเว้นท์ งานสังคม งานปาร์ตี้ ที่มันไม่ได้เกี่ยวกับป้าเลยเนี่ยนะ พอเถอะ..ผมรู้นะว่าป้าคิดจะทำอะไร ถ้าไม่อยากเจอหน้ากัปตัน ก็ไปบอกเขาเลยว่าไม่ต้องเจอหน้ากันอีก เราเลิกกัน..แค่นั้นเอง”
พุชชี่ชะงัก
“ว่าไง..ทีเรื่องอื่นไม่ชอบให้คาราคาซัง ทีกับเรื่องนี้ไม่กล้า เอางี้มั้ย..ผมช่วยไปบอกให้เอง”
“ไม่ต้องเลยเน็กซ์ อย่ามาทำจุ้นกับชั้นไปซะทุกเรื่อง ไปนอน !! เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงชั้นก็ ต้องออกไปแล้ว ขอชั้นงีบสักพักเถอะ”
พุชชี่พูดจบก็หลับตางีบนอนกับโซฟา แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆเน็กซ์ก็ปรี่เข้าไปช้อนตัวพุชชี่ขึ้นมาอุ้มจนตัวลอย
“จะทำอะไรชั้นน่ะ”
“หุบปาก !”
เน็กซ์อุ้มพุชชี่ออกไปจากห้อง

เน็กซ์อุ้มพุชชี่เข้ามาในห้องนอนแล้วโยนลงบนเตียงทันที
“โอ๊ย..เด็กบ้า เจ็บนะ”
เน็กซ์สั่ง “นอน !! หลับให้ได้ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย”
“จะบ้าเหรอ อยู่ๆมาบังคับให้ชั้นนอน ชั้นบอกแล้วไงว่าพรุ่งนี้มีงาน”
“ผมถามพี่หนูดอกแล้ว ไอ้งานอีเว้นท์วิ่งมาราธอนการกุศลเนี่ย ขาดป้าไปสักคนงานเขาก็ไม่ล้มหรอก มีแต่ป้านั่นแหละที่จะล้มทั้งยืน ถ้าไม่ยอมนอนพักผ่อน”
“อย่ามาดูถูกหญิงอึดอย่างชั้นนะ ไม่หลับไม่นอนเป็นอาทิตย์ชั้นก็เคยมาแล้ว”
“นั่นคงเป็นตอนสาวๆ แต่ตอนนี้สังขารมันไม่อำนวยให้หรอก ถ้าไม่เชื่อ ไปดูกระจก อดหลับอดนอนไม่กี่วัน หางตาตก ตีนกาขึ้น ขอบตาคลำ ไอ้ที่เคยสวยๆตอนนี้เหมือน หลินปิงเข้าไปทุกทีแล้ว”
พุชชี่ชะงักรีบไปหยิบกระจกส่องหน้าแบบถือที่วางอยู่แถวโต๊ะหัวเตียง เธอมองหน้าตัวเองที่กระจกแล้วตกใจ
“ขอกันดีๆนะป้า..ไม่ขออะไรมาก 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ..ผมจะเฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ”
“จะบ้าเหรอ..มายืนเป็นยักษ์เฝ้าประตูอยู่แบบนี้แล้วใครจะนอนหลับยะ”
“ไม่ให้ยืนเฝ้า งั้นไปนอนเฝ้าข้างๆก็ได้” เน็กซ์จะไปนอนที่เตียง
พุชชี่รีบห้าม “อย่านะ....ไอ้เด็กบ้า.. ทะลึ่ง ลามก !”
“งั้นจะนอนที่พื้นข้างเตียง เพราะป้าน่ะดื้อ..ผมถึงต้องเฝ้า” เน็กซ์สั่ง “นอนได้แล้ว !”
“แต่ชั้นยังไม่อาบน้ำ ล้างเครื่องสำอาง แปรงฟันเลย”
“ไม่เป็นไร เยินขนาดไหนผมก็รับได้” เน็กซ์พูดจริงจัง “นอน !!”
พุชชี่ทำหน้าเซ็งๆ ขณะมองเน็กซ์แล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมตัว
พุชชี่บ่น “เด็กบ้า !! มิน่าที่บ้านถึงเรียกบักหมา ดุอย่างกับหมานี่เอง”
พุชชี่บ่นเน็กซ์แล้วก็หาวคำโตเพราะที่จริงเธอก็ง่วงมากอยู่เหมือนกัน เธอค่อยๆหลับตาลง เน็กซ์ยิ้มพอใจ

พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่นาน พุชชี่หลับสนิทและกรน เธอนอนแข้งขาก่ายหมอนนอนสบายไม่รักษาภาพเลย เน็กซ์นั่งดูพุชชี่หลับแล้วลองทดสอบว่าหลับสนิทจริงรึเปล่าด้วยการเอามือปัดหน้าไปมา พุชชี่ยังหลับสนิทไม่รู้สึกตัว เน็กซ์ลองดึงเส้นผมตัวเองมาปั่นที่จมูกของเธอ พุชชี่ขยับตัวนิดหน่อยแล้วเอามือปัดแล้วก็หลับต่อ เน็กซ์เลยสบายใจว่าพุชชี่หลับลึกจริงๆ
“หลับสลบแบบนี้ ได้หลับทั้งวันแน่... ดีแล้ว ผมอยากให้ป้าพักผ่อนเยอะๆ เพราะถ้าป้าเป็นอะไรขึ้นมา.. ผมคงไม่มีสมาธิไปถ่ายละคร”
เน็กซ์มองพุชชี่ด้วยความเป็นห่วงก่อนจะใช้มือลูบผมเธออย่างทะนุถนอม แล้วลุกไปที่ประตูหันกลับมามองพุชชี่อีกครั้งก่อนจะเปิดประตูออกไป

เน็กซ์เปิดประตูออกมาจากห้องนอนพุชชี่แล้วค่อยๆปิดประตูเบาๆ เน็กซ์ยืนหาวพร้อมทั้งยืดแขนบิดตัว ระหว่างนั้นอาร์ทก็เข้ามาเห็น
อาร์ทสงสัย “เน็กซ์ !!”
เน็กซ์สะดุ้งโหยง “พี่อาร์ท”
“เข้าไปทำอะไรในห้องพุชชี่”
“เอ่อ...คือ...เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ ลงมาเจอป้าเค้ากลับมาดึกมาก กลัวว่าเขาจะน็อค ถ้าปล่อยให้โหมทำแต่งาน เลยต้องลากเข้าห้องบังคับให้เขานอนพักน่ะครับ”
“คนอย่างพุชชี่เนี่ยนะ ยอมให้คนอื่นบังคับ”
“ตอนแรกก็ไม่ยอมหรอกครับ..ผมต้องปล้ำอยู่นานถึงจะยอม”
“เฮ้ย !!!”
“เปล่าครับพี่..ไม่ได้ปล้ำแบบนั้น หมายถึงขู่อยู่นาน ต้องเฝ้าจนกว่าจะยอมนอน ถึงได้ หลับน็อคเป็นสลบไม่รู้สึกตัว”
“ท่าทางเราจะเป็นห่วงพุชชี่มากนะ”
“อยู่ด้วยกันก็ต้องดูแลกันสิครับ”
“จริงของนาย”
“ผมไปอาบน้ำแต่งตัวนะพี่ วันนี้มีถ่ายซีนยากๆทั้งนั้น” เน็กซ์รีบเดินไปที่ห้องตัวเองทันที

อาร์ทพยักหน้ารับแต่กอดอกมองตามเน็กซ์ด้วยความสงสัยเพราะเริ่มอยากรู้อยากเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูไม่ธรรมดาขึ้นมา

ครูนิยมเดินเข้ามาแวะซื้อโอเลี้ยงที่ร้านขายของชำ
 
“โอเลี้ยงถุงนึง...”
นิยมคุยกับชาวบ้านระหว่างที่รอ
“ครู....ไอ้บักหมามันจะกลับมาเยี่ยมบ้านเราเมื่อไหร่” ชาวบ้านถาม
“ถามทำไม”
“โธ่ครู..เดี๋ยวนี้มันเป็นดาราดัง พวกเราก็อยากถ่ายรูป อยากได้ลายเซ็นต์มันบ้าง”
“ชั้นอ่านข่าวเห็นละครที่มันกำลังถ่ายอยู่ได้เป็นพระเอกคู่กับลูกสาวเสี่ยธีระด้วย ละคร ฉายเมื่อไหร่ บ้านเราต้องดังระเบิดระเบ้อแน่”
“ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินไปเถอะ ดูละครก็แค่บันเทิงไปแล้วจบ ไม่ต้องไปจริงจังมาก” นิยมว่า
นิยมจ่ายเงินก่อนจะรับโอเลี้ยงแล้วเดินออกไป แต่ยังไปไม่พ้นร้านอาการปวดท้องบริเวณตับก็กำเริบ นิยมพยายามฝืนเจ็บแต่ทนไม่ไหวเซจะล้ม ระหว่างนั้นหมอก็เข้ามาในร้านพอดีจึงรีบเข้ามาประคองเขาไว้
“ครู...ครูเป็นอะไรครับ”
นิยมหน้าซีดเหงื่อซกเพราะเจ็บปวดมาก “หมอ..หมอ..ช่วย..ช่วยครูด้วย”
นิยมพูดได้แค่นั้นก็หน้ามืดจนหมดสติ ชาวบ้านตกใจเข้ามารุมดู หมอพยายามเรียกสติครูนิยม

อาร์ทนั่งจิบกาแฟอ่านนิตยสารอยู่ที่โต๊ะสนามข้างห้องทำงาน สักครู่พุชชี่ที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบร้อนเดินออกมาจะไปที่รถ เธอยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา
พุชชี่บ่น “ตายๆๆ สายขนาดนี้แล้ว ชั้นไปงานสายแน่ๆ”
อาร์ทเห็นร้องทักพร้อมเดินมาหาพุชชี่
“จะไปไหนพุชชี่”
“ไปทำงานน่ะสิ ถามได้”
“งานอะไร.... หนูดอกแคนเซิลงานของวันนี้ให้หมดแล้ว”
“หา..ว่าไงนะ หนูดอกทำแบบนั้นได้ไง ชั้นยังไม่ได้สั่งสักคำ”
“แต่เน็กซ์บอกว่าเมื่อคืนพอเธอได้นอนจริงๆก็น็อคสลบ เพราะเหนื่อยมาหลายวัน ชั้นกับหนูดอกก็เลยอยากให้เธอได้พักผ่อนอยู่กับบ้านบ้าง”
“เน็กซ์บอกเหรอ”
อาร์ทพยักหน้ารับ “เน็กซ์เขาเป็นห่วงเธอมากนะพุชชี่ ไอ้ที่เคยเห็นชอบบ่นว่าเธอจู้จี้จุกจิก พอเอาเข้าจริงก็ห่วงเธอยิ่งกว่าตัวเองซะอีก”
พุชชี่ฟังอาร์ทพูดถึงเน็กซ์แล้วก็รู้สึกถึงความห่วงใยของเน็กซ์จนอดบ่นไม่ได้
“เด็กบ้า..งานตัวเองก็เยอะจนไม่มีเวลาจะพักผ่อนอยู่แล้ว ยังมาทำห่วงชั้นอีก”
พุชชี่บ่นไปก็อมยิ้มไปเพราะลึกๆก็ปลื้มความน่ารักความเอาใจใส่ของเน็กซ์เหมือนกัน อาร์ทหรี่ตามองท่าทางสีหน้าดูมีความสุขของพุชชี่แล้วก็ยิ่งสงสัย พอพุชชี่หันมาเห็นหน้าอาร์ทที่กำลังจ้องจับผิดก็สะดุ้ง
“มองอะไรยะ..ให้อยู่บ้านเฉยๆไม่ทำอะไร ชั้นอยู่ไม่ได้หรอก ผื่นมันจะขึ้น ไปล่ะ”

พุชชี่จะเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมองไปหน้าบ้านเห็นรถของติณณภพกำลังเลี้ยวเข้ามาจอดข้างรถเจ้าม้าป่า
“รถกัปตันนี่..ราชรถมาเกยแล้ว วันนี้เธอจะได้ไม่ต้องขับรถตะลอนเองทั้งวัน”
พุชชี่หน้าเครียดหันมามองหน้าอาร์ทแล้วดึงมือพาเข้าไปหลบในบ้านทันที
“มานี่เลย !! ถ้ายังเห็นชั้นเป็นเพื่อนแกอยู่..แกต้องช่วยชั้น”
อาร์ทงง “ช่วยอะไร”

ติณณภพเดินมาจากที่รถตัวเองจอดด้วยสีหน้ามีความหวังว่าจะได้เจอพุชชี่ พอเขาเดินมาถึงบริเวณห้องรับแขก อาร์ทก็เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“อ้าว....สวัสดีครับกัปตัน....พุชชี่ไม่อยู่เนี่ยครับ”
“ไม่อยู่?”
“ครับ”
“แต่ผมเห็นเจ้าม้าป่ายังจอดอยู่”
“เอ่อ..พอดีมันเกเร รออู่มารับไป พุชชี่ก็เลยใช้บริการแท๊กซี่ครับ”
ติณณภพนิ่งไปครู่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรออกตั้งใจจะโทรหาพุชชี่พุชชี่ที่แอบหลบอยู่ในบ้านทางห้องรับแขกมองติณณภพโดยยังไม่ทันคิดว่าติณณภพกำลังจะโทรหาเธอ จนกระทั่งเสียงมือถือของเธอดังขึ้น พุชชี่ตกใจจนหน้าเสีย เสียงโทรศัพท์ของเธอดังลั่น ติณณภพได้ยิน อาร์ทก็ได้ยิน สองหนุ่มมองมาทางห้องรับแขก
พุชชี่ตกใจมองมือถือที่ส่งเสียงเรียกเข้าดังลั่นว่าจะเอายังไงดี ติณณภพถือโทรศัพท์ตัวเองโดยยังไม่กดวางสายในขณะที่เดินไปที่เสียงโทรศัพท์ซึ่งกำลังดังอยู่ทางห้องรับแขก อาร์ทอึ้งแล้วรีบเดินตามไป

ติณณภพเดินเข้าบ้านมาโดยมีอาร์ทตามติดหลัง เขาเดินตามเสียงโทรศัพท์ไปถึงที่พุชชี่หลบอยู่ในห้องรับแขกแต่ไม่เจอตัว เสียงโทรศัพท์ของพุชชี่หายไปโดยเจอแต่โทรศัพท์วางไว้ที่โต๊ะ ส่วนตัวพุชชี่ชิ่งไปหลบอยู่อีกมุมทางด้านนอกฝั่งห้องน้ำพุ
“สงสัยพุชชี่จะรีบไปทำงานจนลืมเอาโทรศัพท์ไปน่ะครับกัปตัน” อาร์ทบอก
อาร์ทเอาโทรศัพท์พุชชี่มากดปิดเครื่อง พุชชี่ที่แอบอยู่เป่าปากโล่งอก
“งั้นถ้าพุชชี่กลับมาเมื่อไหร่..ผมฝากบอกอะไรเธอได้มั้ยครับ”
“ได้สิครับกัปตัน”
ติณณภพนิ่งไปครู่แล้วมองไปรอบๆตัวพร้อมพูดเสียงดังเหมือนตั้งใจจะให้พุชชี่ที่หลบอยู่ได้ยิน
“บอกว่า...พี่ขอโทษแทนน้องสาวด้วย ถึงพี่กับตุลเราจะเหลือกันแค่ 2 คนพี่น้อง แต่เราทุกคนต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง พี่จะไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิตพี่เด็ดขาด และพี่ก็หวังว่า น้องพัฒจะคิดเหมือนกับพี่เหมือนกัน... “พี่จะรอน้องนะ...น้องพัฒ”
ติณณภพพูดเสร็จก็เดินออกไปกลับบ้าน อาร์ทเดินไปส่งแถวประตูทางเข้าตึก ครู่หนึ่งพุชชี่ก็เดินออกมามองตามติณณภพด้วยน้ำตาคลอเบ้าเพราะเสียใจ
“สมเป็นกัปตัน ฉลาดจริงๆ” อาร์ทห่วงพุชชี่ “ชั้นว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็น่าจะคุยกันตรงๆดีกว่า การหนีปัญหามันไม่ช่วยแก้ปัญหาหรอก”
“ชั้นไม่ได้หนีปัญหานะอาร์ท.. ชั้นแค่..” พุชชี่กลั้นน้ำตาด้วยความเสียใจ “แค่ต้องยอมเสียสละบ้างเพื่อ ภารกิจที่ชั้นยังทำไม่สำเร็จ”
“ภารกิจอะไร.. หมายความว่าไง”
พุชชี่มองอาร์ทแต่ไม่ยอมพูดอะไร เธอปาดน้ำตาแล้วคว้ามือถือตัวเองจากอาร์ทเดินเข้าไปในบ้านไม่พูดอะไรอีกเลย
 
อาร์ทมองตามด้วยความสงสัย
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น